ก่อนเริ่มเดินทาง บิสมิลลาฮฺ . . ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตา มวลการสรรเสริญ เป็นสิทธิของพระองค์ และพระองค์นั้นเป็นผู้มอบหมายที่ดีที่สุด อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ก่อนอื่นต้องขอชุกูรต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หากไม่ใช่เพราะพระประสงค์ และ ความช่วยเหลือของพระองค์ รวมไปถึงความร่วม มือ ร่วมใจของพี่น้องมุสลิมในชมรม วารสารมดคันไฟ เล่มที่ 7 ในตอน . . ระหว่างทาง . . เล่มนี้คงไม่ได้ออกมาสู่สายตาผู้อ่านอย่างแน่นอน วารสาร มดคันไฟ จะว่าไปแล้ว หากเปรียบเป็นช่วงชีวิตของหนังสือ มีเล่มที่ 1 2 3 . . แล้ว ไม่มีใครสามารถรู้ถึงอนาคตได้เลย ว่าจะมีอยู่ให้เราได้ติดตามถึงเล่มที่ เท่าไหร่กัน ชีวิตของมนุษย์ก็เช่นกัน อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงให้ชีวิต ให้เรา ลืมตาออกมาดูโลกใบนี้ ให้อิสระในการด�ำเนินชีวิตอยู่บนโลกดุนยานี้ จะมีใครเหล่าที่ จะปฏิเสธได้ว่า ชีวิตของเขาตอนนี้ก็เปรียบเสมือนการเดินทางอยู่เช่นเดียวกัน แน่นอน ว่ามันต้องมีจุดเริ่มต้น และ จุดหมายปลายทาง แต่ที่ส�ำคัญคือ ระหว่างทาง ระหว่างทางจะเป็นเช่นไร จะพบเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน จะส�ำเร็จตามที่ วาดฝันไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการที่เราให้ความส�ำคัญกับสิ่งที่เราพบเจอมากน้อยแค่ไหน ผู้ศรัทธาทุกคนอย่าลืมสิ ว่าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก�ำลังทดสอบเราอยู่ หาก เราวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ด้วยกับหัวใจที่แน่วแน่ แน่แท้พระองค์จะไม่ ทอดทิ้งบ่าวของพระองค์อย่างแน่นอน สุดท้ายนี้อยากให้วารสารเล่มนี้ เป็นของขวัญชิ้นหนึ่ง ส�ำหรับการเดินทางของ ชีวิต เป็นก�ำลังใจ เป็นสิ่งที่สร้างรอยยิ้ม และเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางต่อไปให้ถึง จุดหมายปลายทางได้ส�ำเร็จ อินชาอัลลอฮฺ . . บก.วารสารมดคันไฟ 7
สารบัญ 001 การเดินทางของมด 002 อ่อนแอ | เข้มแข็ง 003 ชีวิตคือการเดินทาง 004 จดหมายถึงหัวใจ 005 ดูแลตัวเองดีดีนะ 006 จริยวัตรของท่านศาสดามูฮัมหมัด ซ.ล. 007 ดุอา 3 ประการ 008 ได้ดิบได้ดี แต่ก็ต้องลืมอัลลอฮฺ ! 009 ก็เพราะว่า อัลลอฮฺเลือกคุณ 010 การหลงระเริง 011 ก�ำลังใจระหว่างทาง 012 คุตบะห์วันศุกร์ เรื่องมุสลิมกับการศึกษา 013 บะหมี่สองชาม
014 มันใกล้กว่าที่เราคิดนัก 015 Allah’s door is open 016 มีสักครั้งไหมที่เธอรู้สึก ท้อแท้ 017 ระหว่างทาง ของการเรียน 018 ระหว่างทางที่ฉันเจอเพื่อนเก่า 019 ได้คิดจากเด็ก 020 ความอุ่นใจขั้นสุด 021 ท่าน อบูฮุรอยเราะฮฺ 022 ท่านมุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล 023 นบี(ซ.ล.)ที่ฉันคิดถึง 024 หลง ลืม 025 อุปสรรค์ ระหว่างทาง
" เจ้าจงอยู่ในโลกดุนยา เสมือนหนึ่งว่า เจ้าเป็นคนต่างถิ่น หรือผู้เดินทาง " (บันทึกโดย บุคอรีย์)
001 การเดินทางของมด บนพื้นซีเมนต์ฉาบเรียบ....ในท้องร่องอวลกลิ่นดิน...บนก�ำแพงปูนตาม อาคารห้างร้าน เราล้วนเคยพบเห็นทิวแถวของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เคลื่อนไปข้างหน้า อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ชวนร�ำคาญใจส�ำหรับหลายคน ถูกเหยียบย�่ำทั้งที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจจากใครอีกหลายคน แต่หากได้ทบทวนชีวิตและการเดินทางของพวก มันอย่างจริงจังแล้ว ก็คงเป็นเช่นเดียวกับการสร้างสรรค์อีกหมื่นอีกพันอย่างขอ งอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ให้บทเรียนแก่หัวใจได้มากมายเกินคาด วีรกรรมของมดที่น่าจะให้ข้อคิดเตือนใจได้นั้น หากหยิบเอามาบอกเล่า ก็คงจะได้หลายเรื่องหลายหน้ากระดาษ 1 ในนั้นคือ วีรกรรมแห่งการเตือนภัยใน สมัยยุคของท่านนบีสุลัยมาน เมื่อมดน้อยได้บอกให้พรรคพวกของมันหลบให้พ้น กองทัพอันเกรียงไกรที่ก�ำลังจะยาตราผ่าน ค�ำเตือนภัยนี้นอกจากจะเรียกรอยยิ้ม จากแม่ทัพผู้ทรงยิ่งใหญ่อย่างนบีสุลัยมานซึ่งฟังภาษาสัตว์เข้าใจแล้ว ยังถูกบันทึก ไว้ในคัมภีร์อันบริบูรณ์ที่ถูกอ่านถูกศึกษาตลอดพันกว่าปีที่ผ่านมา หน�ำซ�้ำชื่อ สัตว์กระจิริดชนิดนี้ยังถูกน�ำมาเป็นชื่อหนึ่งของซูเราะฮฺในอัล-กุรอาน...คัมภีร์อัน บริบูรณ์ที่ว่านั้นอีกด้วย เห็นไหมว่าวีรกรรมของมดน้อย ๆ ก็ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่น
1
หากมนุษย์ตัวโต ๆ ทั้งหลายได้มีเวลาพิจารณาสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ทั้งหลาย ดูบ้าง เราอาจพบถึงความกระจ้อยร่อยของตัวเองอย่างน่าอาย หลายครั้ง...เรายัง ได้เห็นญะมาอะฮฺมดสี่ห้าตัวรุมกันแบกอาหารชิ้นยักษ์ล�ำเลียงเคลื่อนกลับรังอย่าง สามัคคี ความขยัน สู้และรู้งาน ที่ส�ำคัญคือความสามัคคีของสัตว์สามัญชนิดนี้คงจะ ให้บทเรียนแก่หัวใจของสัตว์ประเสริฐทั้งหลายไม่มากก็น้อย ใครสักคนที่เคยตั้งข้อสังเกตว่ามดไม่เคยเดินถอยหลังเมื่อมันพบอุปสรรค กีดขวางจนไม่อาจข้ามไปได้โดยตรง มันก็จะหักเลี้ยวจนกระทั่งได้มุมได้องศาที่จะ เดินหน้าต่อไปได้ เย็นย�่ำค�่ำนี้ หรือเช้าวันที่อากาศแจ่มใส ลองหาจังหวะดี ๆ เงียบ ๆ ผ่อนวางภารกิจยิ่งใหญ่สารพัดของชีวิต แล้วให้เวลาตัวเองได้นั่งยองๆข้างๆทิวแถว มดที่เคลื่อนตัวไป พิจารณาภารกิจอันเล็กน้อยของชีวิตขนาดจิ๋วอีกชนิดที่อัลลอฮฺซุบ ฮานะฮูวะตะอาลา ได้สรรค์สร้างไว้อย่างน่าทึ่ง แล้วเราอาจพบว่า ....การเดินทางของชีวิตเล็ก ๆ ก็สามารถให้อะไรดีๆกับการเดินทางอันยิ่งใหญ่ของ ชีวิตเราได้ไม่น้อย บนพื้นซีเมนต์ฉาบเรียบ ........ ในท้องร่องอวลกลิ่นดิน ...... บนก�ำแพง ปูนตามอาคารห้างร้าน........ ณ มุมใดใดบนโลกอันกว้างใหญ่ การเดินทางของมดก็ ยังคงด�ำเนินไป ถูกบ่นบ้ากล่าวหาจากใครๆก็หลายครั้ง ถูกเหยียบย�่ำตาบไปทั้งโดย ตั้งใจและไม่ตั้งใจก็หลายครา ( บางสถานการณ์ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า จริงๆ แล้วมด รุกรานบ้านเรา หรือเรารุกรานบ้านมด ) แต่พวกมันที่เหลือก็ยังคงท�ำหน้าที่ของตน ต่อไป ........ เดินหน้าต่อไป.........แล้วก็ต่อไป
ไม่มีสเตปถอยหลังในการเดินทางของมด !
- จากหนังสือ..... ให้หัวใจได้พักผ่อน -
2
3
ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลฯ กล่าวว่า... “ความละอายเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา” (บันทึกโดย บุคอรีย์ , มุสลิม)
4
002 อ่อนแอ | เข้มแข็ง เราถูกสร้างมาในสภาพที่อ่อนแอ เดี๋ยวเอียงไปทางนั้น เดี๋ยวเอนมาทางนี้ พลาดไปในบ้างครั้ง พลั้งในบางที เฮ้อ..ช่างอ่อนแอเหลือเกิน แล้ววันหนึ่ง ฉุกคิดขึ้นมาได้.. เมื่อผู้สร้างสร้างเราให้อ่อนแอได้ ผู้สร้างก็ต้องแก้ปัญหาให้เราได้สิ เอาล่ะ..ลองเข้าหาพระองค์ ในหลายๆช่องทางอิบาดะฮฺ ละหมาด บริจาค ถือศีลอด อ่านกุรอานบ่อย ๆ ซิกรุลลอฮฺเยอะ ๆ ที่ส�ำคัญ.. ดุอาอฺ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ได้ผลดีจริง ๆ หลาย ๆ ครั้ง เราวอนขอความเข้มแข็ง เรากลับได้บททดสอบ เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป สิ่งที่วอนขอถึงจะได้รับตามมา บางอย่างมีราคาที่ต้องแลก ความเข้มแข็งก็เช่นกัน …..
- مسافر-
5
" พึงทราบเถิดว่า ในร่างกายนั้นมีเนื้อก้อนหนึ่ง เมื่อมันดีร่างกายนั้นก็ดีด้วย แต่เมื่อมันเสีย ร่างกายก็เสียด้วย เนื้อก้อนนั้นคือ หัวใจ " (รายงานโดย บุคอรีย์-มุสลิม)
6
003 ชีวิตคือการเดินทาง เปรียบชีวิตคนเรา คือการเดินทาง คนเดินทางนั้นต้องศึกษาและวางแผนก่อนการเดินทาง ต้องจัดเตรียมสัมภาระส�ำคัญที่ต้องใช้ในการเดินทาง ต้องเตรียมความพร้อมอย่างดีทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ก็แน่นอน ไม่ว่าจะเตรียมตัวดีขนาดไหน เมื่อออกเดินทางจริง ย่อมพบปัญหาอยู่เสมอ การหลงทางเป็นของคู่กันการเดินทาง เมื่อรู้แล้วว่ามาผิดทาง เปิดแผนที่แล้วหาจุดกลับไปบนทางที่ถูก แต่ที่น่ากลัวของคนเดินทางคือ ไม่รู้ตัวว่าหลงทาง มั่นใจในทางที่เดินไปโดยไม่เอะใจ ไม่สนใจจะเปิดแผนที่ กว่าจะรู้ตัว อาจจะไม่มีแรงพอที่จะเดินกลับ รีบหาจุดกลับก่อนลมหายใจจะหมดไป ก่อนที่หัวใจจะหยุดเดิน...
- จากวารสารจุดกลับ -
7
" จงย�ำเกรงอัลลอฮฺไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด และจงตามหลังค วามชั่วด้วยความดี มันย่อมลบล้างได้ และจงคบเพื่อนมนุษย์ด้วยมารยาทที่ดีงาม " (รายงานโดย ติรฺมีซีย์)
8
ถึง..หัวใจดวงน้อยๆ
004 จดหมายถึงหัวใจ -
หัวใจจ๋า.. เธอเป็นอย่างไรบ้าง? ฉันไม่ได้ถามไถ่ทุกข์สุขเธอเสียนาน เธอยัง สบายดีอยู่ใช่ไหม? เธอรู้ไหม ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ กล่าวถึงเธอด้วยนะ ท่านได้กล่าวไว้ว่า... “ พึงรู้เถิดว่า ในร่างกายนั้นมีก้อนเนื้ออยู่ก้อนหนึ่ง ซึ่งถ้ามันดีแล้ว อวัยวะส่วนอื่นในร่างกายก็จะดีตามไปด้วยทั้งหมด แต่หากมันเลวแล้ว อวัยวะอื่นทั้งหมดในร่างกายก็จะเลวตามไปด้วย พึงรู้เถิดว่ามันคือ’หัวใจ’ ” (บันทึกโดยบุคอรีย์และมุสลิม) เพราะเหตุนี้ฉันถึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้มาหาเธอด้วยความเป็นห่วง ถ้า เธอรักฉัน เธอต้องดูแลตัวเองดีๆนะ…หัวใจ เธอ..อย่ายอมให้สิ่งถูกสร้างอื่นใดมามีอิทธิพลต่อเธอมากไปกว่าอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ผู้ทรงสร้างเรานะ ถ้าเธอฝากชีวิตของเธอไว้กับพระองค์เธอ จะไม่มีวันเสียใจเลย เพราะพระองค์ได้จัดวางสิ่งที่เหมาะสมไว้ส�ำหรับเธออยู่แล้ว เชื่อมั่นในการก�ำหนดของพระองค์นะ
9
เธอ..อย่ายอมแพ้ชัยฏอนและอารมณ์ใฝ่ต�่ำนะ ฉันสัมผัสได้เมื่อสิ่งเหล่านี้มา รวมพลังกันทีไร เธอและฉันอ่อนแอทุกทีเลย อย่ายอมแพ้นะ เธอ..เข้มแข็งและอดทนให้มาก ๆ นะ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแต่ ฉันอยาก ให้เธอระลึกไว้เสมอ ที่นี่ดุนยา โลกที่ไม่แน่นอน ไม่มีอะไรที่เป็นของเราสักอย่าง เรา ถูกสร้างให้เป็นคนของอาคิเราะฮฺเพราะฉะนั้น เธออย่ายึดติดกับความไม่จีรังของ โลกนี้เลยนะ หลาย ๆ เรื่องบั่นทอนเธอมาก มากเสียจนฉันกลัวเธอจะพลั้งเผลอ ลืม ตระหนักถึงความไม่จีรัง สุขได้ก็ทุกข์ได้ ทุกข์ได้ก็สุขได้ ปล่อยวางแล้วมอบหมายต่อ พระองค์นะ สิ่งที่ฉันได้เขียนไปข้างต้น คือสิ่งที่ฉันอยากมอบให้เธอด้วยความรัก ฝากอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ดูแลเธอ ฝากเธอดูแลตัวเอง ฉันจะคอยดุอาอฺให้ เธอเสมอ “โอ้อัลลอฮฺผู้ทรงพลิกผันหัวใจ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของข้าพระองค์มั่นคง อยู่ในศาสนาของพระองค์ด้วยเถิด” ด้วยรัก - จาก จิตใต้ส�ำนึก -
10
11
" แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงพิจารณาที่รูปร่างหน้าตาของ พวกท่าน แต่อัลลอฮฺทรงพิจารณาที่หัวใจของพวกท่าน " (รายงานโดย มุสลิม)
12
005 ดูแลตัวเองดีดีนะ -
ทุกคนต้องได้เจอช่วงที่ยากล�ำบากของชีวิตเสมอ ช่วงเวลานั้นเราทั้ง เหนื่อย ทั้งท้อ คิดว่าจะผ่านมันไปได้ยังไง แต่ในใจลึก ๆ ก็รู้แหละว่ามันต้องผ่านไป ได้อย่างทุกครั้ง.. ครั้งนี้ก็เช่นกัน เราจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน อินชาอัลลอฮฺ ถ้าคิดว่า ผ่านช่วงนี้ไปได้แล้วก็จะสบาย มันไม่จริงหรอก เราอาจจะรู้สึกโล่งใจ สบายใจ แค่ เพียงแปปเดียว และหลังจากนั้นเราก็จะพบกับช่วงเวลาที่ยากล�ำบากกว่าที่เราเคย เจอมาอีกครั้ง.. ชีวิตก็แบบนี้แหละ ความยากล�ำบากตามมาด้วยความง่ายดายและความ ยากล�ำบากอีกครั้ง เหมือนที่อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้กล่าวไว้ว่า..
ُسا ِ ْ فَ� َّن َم َع الْ ُع ً ْ سي ้ إนมีความง่ายดาย” “ดังนั้นแท้จริงหลังจากความยากล�ำบากนั (อัลอินซิรอฮ์ 94 : 5)
อย่าเสียเวลารอเวลาแห่งความสบายเลย เพราะมันแค่แปปเดียว แปป เดียวจริงๆ เอาเวลานี้ มาท�ำให้หัวใจเข้มแข็งดีกว่า ถ้าเราแข็งแรง หัวใจเข้มแข็ง รับรองว่าเราจะเป็นคนที่ยิ้มสดใสให้กับทุกๆอย่างที่ผ่านเข้ามา และผ่านออกไป อย่างแน่นอน อินชาอัลลอฮฺ.. - เครื่องเขียน -
13
" ใครที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันอาคิเราะฮฺ ก็จงพูดแต่สิ่งที่ดีงาม หรือไม่ก็เงียบเสีย " ( บันทึกโดย บุคอรีย์ )
14
006 จริยวัตรของท่าน ศาสดามูฮัมหมัด ซ.ล. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ท่านนบีเป็นคนที่ใจดีที่สุด ความใจดีและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นนิสัย ที่แท้จริงของท่าน ท่านไม่เคยปฏิเสธต่อคนยากจนที่มาขอจากท่านเลย ท่านเคยพูดว่า ฉันเป็นแต่เพียงผู้หยิบยื่นให้ และเป็นผู้รักษาทรัพย์เท่านั้น เอง อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาเป็นผู้อนุมัติการจ่าย เมื่อมีคนยากจนมาขอ ท่านให้เสมอ ถ้าท่านพอมีจะให้ได้ แต่ถ้าท่านไม่มี ท่านจะปลอบใจเขา หรือ มิฉะนั้นท่านก็จะบอกให้เขามาใหม่ในโอกาสหน้า ท่านไม่เคยกินดื่มอาหารอยู่เพียงคนเดียว ท่านจะเรียกผู้อื่นให้ร่วมกินกับ ท่านด้วยเสมอ เมื่อมีผู้ใดน�ำอาหารมาให้ท่าน ท่านจะแจกจ่ายอาหารนั้นให้ได้กินกันทั่ว ถึงเสียก่อน ท่านจึงจะเต็มใจกินอาหารนั้น ท่านเคยพูดว่า ‘หากว่าภูเขาอุฮุดจะกลายเป็นทอง เพื่อให้ฉันเอาไปใช้ จ่ายได้แล้ว ภายในเวลา 3 วัน ฉันจะแจกจ่ายเงินทองเหล่านั้นจนไม่เหลือแม้แต่ เหรียญเงินสักเหรียญเดียว’ ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม มักจะแจกจ่ายเงินทอง ที่มีอยู่ในบ้านไปจนหมดเกลี้ยงเสมอ
15
ท�ำงานด้วยตัวเอง ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ท�ำงานในบ้านทุกอย่างด้วยตนเอง เช่น ท่านรีดนมแพะเอง ซักเสื้อผ้าเอง ช่วยภรรยาท�ำงานบ้าน ท่านปะเสื้อผ้าด้วยตนเอง ซื้อข้าว ของเอง เมื่อรองเท้าขาด ท่านซ่อมเอง ท�ำถังตักน�้ำเอง ท่านเคยผูกอูฐและให้หญ้าอูฐด้วยตนเอง ท่านเคยนวดและทาน�้ำมันให้อูฐ และเมื่อจ�ำเป็นท่านก็ตีตราอูฐด้วยตัวเอง ท่านเคยช่วยคนใช้นวด แป้ง ครั้งหนึ่ง มีคนสั่งน�้ำมูกลงในมัสยิด ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เอาหิน เช็ดสิ่งที่น่ารังเกียจนั้นทิ้งไปด้วยตัวเอง นอกจากนั้นท่านยังเคยซ่อมแซมบ้านเองด้วย ช่วยเหลือผู้อื่น ค็อบบ๊าบ เป็นเพื่อนคนหนึ่งของท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ที่บ้าน ของเขาไม่มีผู้ชายเลย พวกผู้หญิง รีดนมวัวไม่เป็น คราวหนึ่งเขาต้องไปท�ำสงครามหลายวัน ท่าน นบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม จึงได้ไปรีดนมวัวแทนเขาทุกวันในระหว่างที่เขาไม่อยู่ บ้าน ท่านช่วยเหลือหญิงหม้ายและคนอนาถาท�ำงานโดยไม่ถือตัวหรือเสียดายแรงเลย พวกทาสหญิงในมะดีนะฮฺ มักจะมาหาท่านและพูดท�ำนองว่า “โอ้ท่านศาสนทูตแห่ งอัลลอฮฺ พวกเราอยากจะขอร้องให้ท่านช่วยท�ำ (งาน) นี้ให้หน่อย” เมื่อถูกขอร้องเช่นนั้น ท่านนบี ก็จะกระวีกระวาดท�ำงานนั้นให้ด้วยความเต็มใจเสมอ วันหนึ่งมีทาสหญิงที่สติไม่ดีคนหนึ่งมาหาท่านและฉวยมือท่านไว้ (เพื่อขอความเห็นใจ) ท่านพูดกับนางว่า “เธอจะไปนั่งพักผ่อนตรงไหนก็ได้ในเมืองมะดีนะฮฺนี้ ตามแต่เธอจะต้องการ ฉัน จะท�ำงานแทนเธอเอง” แล้วท่านก็ท�ำงานให้เธอจนแล้วเสร็จ วันหนึ่ง ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ก�ำลังยืนอยู่เพื่อจะท�ำละหมาด มีคนเบดูอิน (คนอาหรับที่กางกระโจมอยู่ตามทะเลทราย) คนหนึ่งมาจับชายเสื้อของท่านไว้ แล้วกล่าวว่า “งานของฉันยังมีค้างอยู่อีกเล็กน้อย อยากจะให้ท่านช่วยท�ำ” ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม จึงออกจากมัสยิดไปกับเบดูอินผู้นั้น เมื่อท�ำงานเสร็จแล้ว ท่านจึง กลับมา
16
ถ่อมตนเสมอ ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม มักก้มหน้า ถ้าเดินเป็นกลุ่ม ท่านก็มักจะเดินข้างหลัง และปล่อยให้คนอื่น ๆ เดินข้างหน้า เมื่อพบ ใคร ท่านทักเขาก่อนเสมอ ท่านนั่งในลักษณะที่ถ่อมตน ไม่เคยนั่งวางผึ่งอย่างคนใหญ่คนโตเลย ท่านนั่งกินอาหารเหมือนอย่างคนจน ๆ คนหนึ่ง ไม่มีลักษณะหยิ่งผยองเลย ท่านกินพอสมควร ไม่กินมากจนอิ่มแปล้ ท่านไม่กินขนมปังชนิดที่ดีเป็นพิเศษ ไม่ใช้ถ้วยจานที่งดงามเป็นพิเศษ ท่านเอาใจใส่ต่ออาหารที่มีผู้เอามาให้เสมอ ไม่ว่าจะมากน้อยหรือเลวอย่างไร ไม่เคยพูด ว่าไม่ชอบ ไม่น่ากิน หรือมีกลิ่นไม่ดีแต่อย่างใดทั้งสิ้น หากว่าท่านไม่ชอบอาหารนั้น ท่านก็เพียงแต่ ไม่กินมัน ท่านเคยพูดว่า “ฉันเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ ฉันจึงกินและนั่งตามสภาพของบ่าว” ท่านกินขนมปังจากแป้งที่ไม่ได้ร่อนกากออก ท่านไม่เคยถือตัวว่าอยู่ในฐานะอันมีเกียรติเหนือผู้อื่น ท่านปะปนกับคนทั้งหลายได้อย่าง สนิทสนม ท่านเคยก�ำชับสาวกของท่าน มิให้ยกย่องท่านเป็นพิเศษเหนือจากคนสามัญ เมื่อเข้าไป ในสถานที่ที่มีคนมาก ๆ ท่านไม่เดินข้ามคนที่นั่งอยู่ แต่จะหาที่นั่งใกล้ที่สุดโดยไม่ต้องเดินเข้าไป ท่านนบีมักจะนั่งร่วมกับทาสและคนยากจน และท่านไม่เคยรังเกียจที่จะกินอาหารร่วม กับพวกเขา ถ้าประชาชนลุกขึ้นยืนให้เกียรติเมื่อท่านปรากฏตัว ท่านจะพูดว่า “ อย่าท�ำตัวอย่างชาว ต่างชาติโดยลุกขึ้นยืนให้เกียรติแก่ฉันเลย ” ท่านไม่ชอบให้ผู้ใดเรียกขานท่านด้วยถ้อยค�ำอันแสดงความยกย่องมากเกินไป ถึงแม้ว่า อันที่จริงแล้ว ท่านก็สมควรที่จะได้รับการยกย่องเช่นนั้น เมื่อปราบมักกะฮ์ลงได้ แทนที่จะเข้าเมืองอย่างวางอ�ำนาจ ท่านขี่อูฐเข้าไปในเมืองโดย ก้มหัวลงต�่ำจนหัวเกือบจะติดหลังอูฐ มิได้มีท่าทางของผู้ชนะเลย ท่านไม่ชอบการพิถีพิถันในการแต่งกายเพื่อโอ้อวดกัน ท่านมีนิสัยไม่ชอบเครื่องประดับประดา
17
ให้เกียรติแก่แขกผู้มาเยือน ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เอาใจใส่ต่อการต้อนรับแขกเป็นอย่าง ยิ่ง ท่านถึงกับมอบให้ท่านบิล้าลคอยท�ำหน้าที่ต้อนรับแขก แขกที่มาหาท่านจึงได้รับการต้อนรับ อย่างดีเสมอ เมื่อคนมุสลิมผู้ใด ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องการครองชีพมาหาท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ท่านจะสั่งให้บิล้าลป่าวประกาศว่า มีใครจะให้ผู้นั้นยืมเงินและช่วย เหลือในการจัดหาอะไรและเครื่องนุ่งห่มให้ชายผู้นั้นบ้าง คราใดที่มีผู้แทนจากศาสนาอื่นมาหา ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม จะเอาใจใส่ดูแลพวกเขาแต่ละคนเป็นอย่างดี ยิ่งกว่านั้น ท่านยังอาจช่วยเหลือในเรื่องการเงิน และ ให้ความสะดวกในการเดินทางผ่านดินแดนด้วย ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โดยไม่เลือกว่าเป็น มุสลิมหรือ ศาสนิกอื่น ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมก็จะได้รับการต้อนรับในฐานะแขกผู้มีเกียรติจากท่านเช่น เดียวกับมุสลิมเหมือนกัน มีอยู่บ่อย ๆ ที่ท่านจัดอาหารรับรองแขกโดยที่คนในบ้านต้องอดอาหาร เพราะไม่มี อาหารเพียงพอ ท่านเคยตื่นขึ้นมาตอนดึกเพื่อดูแลความสุขสบายของแขกผู้มาเยือน อารมณ์ดี ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ไม่เคยแสดงความประพฤติที่หยาบ กระด้าง ท่านไม่เคยดูหมิ่น หรือแสดงกิริยาหยาบคายต่อผู้ที่มาหาท่านเลย ท่านไม่เคยแสดงความขัดเคืองต่อเรื่องหยุมหยิมทางโลก แต่ส�ำหรับเรื่องที่ขัดกับศาสนา แล้ว ท่านจะแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงเลยทีเดียว ท่านนบีไม่เคยหัวเสียเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว หากท่านไม่พอใจผู้ใด ท่านก็เพียงเบือนหน้าหนีจากผู้นั้น แต่ท่านไม่เคยกล่าวถ้อยค�ำ แสดงความไม่พอใจออกมา หากจะมีหญิงจน ๆ คนหนึ่ง มาหาท่าน แล้วพูดเป็นท�ำนองว่า “ฉัน อยากจะพูดกับท่านเพื่อขอค�ำแนะน�ำบางอย่าง” ท่านมักจะตอบว่า “เอาซิ เล่าเรื่องให้ฉันฟังเถิด ฉันจะตั้งใจฟัง” แล้วท่านก็นั่งลงฟัง
18
ท่านชอบไปเยี่ยมคนเจ็บ ไม่ว่าคนนั้นจะจนหรือรวยก็ตาม ท่านไปร่วมด้วยเสมอ เมื่อมีพิธีฝังศพ ท่านรับค�ำเชื้อเชิญเสมอ แม้ว่า จะเป็นการเชื้อเชิญจากคนที่ไม่มีความส�ำคัญ เช่น เคยมี คนเชิญท่านไปกินขนมปังด�ำ ท่านก็ไม่ได้บอกปัดค�ำเชื้อเชิญ ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม มีไมตรีจิตต่อทุกคน ท่านมักจะหลีกเลี่ยงจากการที่จะมีเรื่องวิวาทกับศัตรู ท่านจะเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วย อารมณ์เย็นและท่าทีร่าเริง ถ้าหากจะมีใครมาหาท่าน และพูดคุยกับท่าน ท่านก็จะนั่งฟังเขา และท่านจะลุกขึ้น ก็ ต่อเมื่อผู้นั้นลุกขึ้นก่อน แม้ว่าคนที่มาหาท่านนั้น จะเป็นคนเลวร้ายอย่างไรก็ตาม ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัมก็จะปฏิบัติต่อเขาด้วยความเมตตา และจะไม่ท�ำให้เขารู้สึกสะเทือนใจ หากท่านไม่ชอบความประพฤติของใครท่านจะไม่ต�ำหนิตรง ๆ ท่านไม่เคยแสดงความหยาบกระด้างหรือความรุนแรงเลย ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัมไม่ชอบเสแสร้ง วางท่าขึงขัง เพื่อขู่หรือ ท�ำให้ผู้อื่นกลัว ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ให้อภัยเสมอแก่ทุกคนที่ท�ำสิ่งไม่ สมควรต่อท่าน การให้อภัยเป็นนิสัยประจ�ำตัวของท่าน ท่านไม่เคย ตบ ตี บ่าวทาส คนใช้ ผู้หญิง หรือ สัตว์เลี้ยงเลย นอกจากว่า ผู้นั้นสมควร จะถูกลงโทษตามบัญญัติศาสนา ชอบเยี่ยมคนป่วย ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม มักจะไปเยี่ยมผู้เจ็บป่วย ทั้งนี้โดยไม่ เลือกว่าผู้นั้นเป็นมิตรหรือศัตรู เป็นมุสลิม หรือ ไม่ใช่มุสลิม เมื่อญาติพี่น้องของผู้ป่วยซึ่งมีอาการทรุดหนัก มาตามท่านไปดูคนป่วยเป็นครั้งสุดท้าย ท่านมักจะไปด้วยทันทีและขอดุอาต่ออัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้ยกโทษให้แก่บุคคลผู้ก�ำลัง สิ้นใจอยู่นั้น
19
ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ไปร่วมพิธีศพเสมอ ครั้งหนึ่งสาวกของท่าน ชื่อ สะอีด บินอุบาดะฮฺ ล้มเจ็บลง ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ไปเยี่ยมเขา ท่านบังเกิดความสงสารเขาเป็นอย่างมาก จนท�ำให้ผู้ อื่นที่อยู่ในที่นั้นพลอยน�้ำตาไหลไปด้วย เมื่อมีขบวนศพผ่านมา ท่านมักจะยืนให้เกียรติแก่ศพนั้น ท่านเคยกล่าวไว้ว่า “หากมีขบวนศพผ่านมา ท่านควรจะร่วมกับเขา หรือ อย่างน้อย ท่านก็ควรจะลุกขึ้นยืนให้เกียรติแก่เขา และยืนนิ่งอยู่จนกว่าขบวนแห่ศพนั้นจะผ่านไป” ถึงแม้ว่า ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม จะเป็นคนขี้สงสารและ ใจอ่อน แต่ท่านก็เกลียดชังการร�่ำไห้คร�่ำครวญ - http://www.sunnahstudent.com/forum/archive.php?topic=7415.0 -
20
21
"การศรัทธาของคนๆหนึ่งจะยังไม่สมบูรณ์จนกว่าเขาจะรัก พี่น้อง(มุสลิม)ของเขา เช่นเดียวกับที่เขารักตัวของเขาเอง" (รายงานโดย บุคอรีย์-มุสลิม)
22
007 ดุอา 3 ประการ -
จากท่านอะนัส ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลฯ กล่าวว่า “มีการขอดุอาอยู่ 3 ประการ ที่จะ ไม่ถูกปฏิเสธ” คือ 1. พ่อแม่ขอให้แก่ลูกของตนเอง 2. การขอของผู้ถูกอธรรม 3. การขอของผู้เดินทาง จากอะบูฮุรอยเราะฮฺ กล่าวว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า “ไม่มีทารกใดเลย ที่พูดในขณะที่อยู่ในเปล ยกเว้นอีซา บุตรของ มัรยัม และเพื่อนของยุเรค” มีผู้ถามว่า “โอ้ท่านนะบีของอัลลอฮ์ และอะไรเล่าที่เรียกว่า เพื่อนของยุเรด” ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ตอบว่า “ยุเรด คือ ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นนักบวช เขาอยู่ประจ�ำใน อาศรมของเขาโดยตลอด และมีคนเลี้ยงวัวอยู่ตรงด้านล่างของอาศรมของนักบวชผู้นั้น และมีหญิง ชาวบ้านได้ลักลอบสมสู่กับคนเลี้ยงวัวเป็นประจ�ำ อยู่มาวันหนึ่งแม่ของนักบวชผู้นั้น ได้มาหาเขา นางกล่าวว่า “ยุเรดเอ๋ย” ในขณะนั้น ยุเรดก�ำลังท�ำละหมาดอยู่ เขาจึงร�ำพึงในใจขณะท�ำละหมาดว่า “นั่นแม่ของฉัน และนี่คือ การละหมาดของฉัน” เขามีความคิดว่า เขาจะท�ำละหมาดให้เสร็จ หลังจากนั้น แม่ได้ตะโกนเรียก เขาอีกเป็นครั้งที่สอง เขาร�ำพึงในใจอีกว่า “นี่แม่ของฉัน และนี่คือ การละหมาดของฉัน” เขาจึง ตัดสินใจว่าจะท�ำละหมาดให้เสร็จ หลังจากนั้น แม่ได้ตะโกนเรียกเขาเป็นครั้งที่สาม เขาร�ำพึงในใจ เช่นเดียวกันว่า “นี่แม่ และนี่คือ ละหมาด” และเขาก็ตัดสินใจว่า เขาจะต้องท�ำละหมาดให้เสร็จ ครั้นเมื่อยุเรดไม่ได้ขานรับนาง นางกล่าวว่า “ขอให้อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาอย่าให้เจ้าตาย จนกว่า เจ้าจะถูกมองอย่างเหยียดหยามจากหญิงชั่ว”
23
หลังจากนั้น มารดาของยุเรดได้กลับไป ต่อมาปรากฏว่า หญิงชาวบ้านคนนั้นได้คลอด ลูก และเจ้าเมืองให้น�ำตัวหญิงผู้นั้นมาสอบสวนโดยกล่าวว่า “เธอท้องกับใคร” หญิงผู้นั้นตอบว่า “ท้องกับยุเรด” เจ้าเมืองกล่าวว่า “นักบวชที่อยู่ในอาศรมนั้นหรือ” หญิงผู้นั้นตอบว่า “ถูกต้อง” เจ้าเมืองจึงสั่งแก่ทหารว่า “ท่านจงไปพังอาศรมของยุเรด และน�ำตัวเขามา“ พวกทหารได้จัดการ ท�ำลายอาศรมของยุเรด ด้วยขวานจนพังทลาย พร้อมกันนั้น ทหารได้จับตัวยุเรด โดยจับเขามัด และน�ำตัวมาให้เจ้าเมือง ในการเดินทางนั้น ปรากฏว่า ยุเรดได้เดินผ่านหญิงงามเมือง (หญิงชั่ว) เป็นจ�ำนวนมาก เมื่อเขาเห็นหญิงเหล่านั้น เขาก็หัวเราะ ซึ่งหญิงเหล่านั้น ได้มองไปยังเขา เมื่อ เดินทางมาถึง เจ้าเมืองถามว่า “ท่านคิดยังไงกับหญิงผู้นี้“ ยุเรดกล่าวว่า “และหญิงผู้นั้นเขาคิด อย่างไง” เจ้าเมืองตอบว่า “หญิงผู้นี้คิดว่าลูกของนางนั้นมาจากท่าน” ยุเรดถามหญิงผู้นั้นว่า “เธอ คิดอย่างนั้นจริงหรือ?” หญิงผู้นั้นตอบว่า “ถูกต้อง”ยุเรดถามว่า “เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน” บรรดา ประชาชนกล่าวว่า “เด็กผู้นั้นอยู่บนตักของนาง” เขาจึงหันไปยังเด็กคนนั้น แล้วกล่าวกับเด็กผู้นั้น ว่า “ใครคือบิดาของเจ้า” เด็กผู้นั้นตอบว่า “คนเลี้ยงวัว” เจ้าเมืองจึงกล่าว “เอาไหม เราจะสร้างอาศรมให้ท่านด้วยทองค�ำ” ยุเรดตอบว่า “ไม่” เจ้าเมืองกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นด้วยเงิน” ยุเรดตอบว่า “ไม่”เจ้าเมืองกล่าวว่า “ท่านจะท�ำอย่างไรกับ อาศรมของท่าน” “ขอให้ท่านสร้างมันให้เหมือนเดิม” เจ้าเมืองกล่าวว่า “และเพราะอะไรท่านจึง ยิ้มในขณะเดินผ่านหญิงงามเมืองเหล่านั้น” ยุเรดตอบว่า “มันเป็นสิ่งที่ฉันรู้แจ้งขึ้นมาว่า” การขอ ของแม่ฉันได้มาประสบแก่ฉันแล้ว” หลังจากนั้น ยุเรดได้เล่าเหตุการณ์ของเขากับแม่ของเขาให้เจ้า เมืองฟัง การขอพรของผู้เป็นพ่อเป็นแม่นั้นอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงรับ ดังนั้น จึงขอฝาก ไปยังพี่น้องมุสลิมทั้งหลาย อนาคตหากท่านได้เป็นพ่อ แม่ ใครสักคนแล้ว ก่อนที่ท่านจะพูด จะดุว่า หรือคิดอย่างไรกับลูก ท่านจงคิดทบทวนให้ดีเสียก่อน ถ้ามันเป็นสิ่งไม่ดีแล้ว ดังนั้น ท่านก็จะได้รับ ตามสิ่งที่ท่านได้ขอ อินชาอัลลอฮ์..... - http://www.muslimchonburi.com -
24
25
“ และจงถือศีลอดสามวันในทุกๆเดือน ซึ่งที่แท้จริงแล้ว หนึ่งความดีนั้นเทียบเท่ากับสิบความดี และ หากปฏิบัติเช่นนั้นก็เท่ากับว่าได้ถือศีลอดหนึ่งปี ” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)
26
008 ได้ดิบได้ดี แต่ก็ต้องลืมอัลลอฮฺ ! โดยอบูนะบีล ِ ب ِْس ِم هللا َّالر ْح َِن َّالر ِح ْي السالم عليمك ورمحة هللا وبراكته
บ่อยครั้ง ที่สิบนิ้วมักจะถูกยกเมื่อหวังในสิ่งที่อยากได้ แต่เมื่อได้ในสิ่งที่เขาหวัง คงเหลือ เพียงไม่กี่นิ้วจริงๆที่จะถูกยกเพื่อขอชูโกรและขอความคุ้มครองต่อเอกอัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอา ลา เนื่องจากห้านิ้วก็ต้องจับปากกา และอีกห้านิ้วก็ต้องยกหูโทรศัพท์ จะด้วยเหตุผลที่เขามีงาน ยุ่งหรือที่มีเพศตรงข้ามเข้ามายุ่งกับเค้าก็ตาม มีส่วนเหลือเกินที่นิ้วทั้งสิบของเขาหมดไปโดยเปล่า ประโยชน์ ดีใจ!! ที่เราในวันนี้สอบเข้าในมหาลัยตามคณะที่ใฝ่ฝัน ดีใจ!! ที่เราในวันนี้จบแล้วก็ได้ มีงานท�ำ แต่การท�ำงานและการเรียนของเราในวันนี้ มันบั่นทอนซึ่งเวลาเพื่ออาคีเราะห์ หรือมัน ท�ำให้เราทิ้งซึ่งหลักการที่เราเคยปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดกันอยู่ไหม?? หลายคนได้ต�ำแหน่งที่สูงสูงและอีกหลายคนได้เรียนที่ดีดี แต่ชีวิตของเขา ในแต่ละวัน หมดไปกับงาน งานและงาน ก็เนื่องจากเขาจัดสรรเวลาให้กับงานมากเกินไป ข้ออ้าง เมื่อเพื่อนชวนไปฟังบรรยายศาสนา นั่นก็คือฉันไม่ค่อยว่างเลย งานมันยุ่ง!!ลาไม่ได้เลย ข้ออ้าง เมื่อเพื่อนชวนไปทบทวนหลักการอิสลามที่ยึดถืออยู่ นั่นก็คือ จะมีเวลาที่ไหนเล่า!! แปลกใจ!!ที่เมื่อก่อนนี้ มุสลีมะห์หลายๆคนก็ใส่ผ้าคลุม เสื้อผ้าที่ปกปิดเอาเราะฮฺด้วยกับ ผ้าที่ผืนใหญ่ มุสลีมีนก็ไว้เคราดิบดี หรือหลายๆคนก็พอมีเวลาอ่าน หรือฟังบรรยายศาสนา หรือไม่ ก็ละหมาดได้ตรงทุกเวลากันหรอก แต่เมื่อเราได้เรียนมหาลัยหรือได้ท�ำงานที่นี้แล้ว จากที่เราเคย ละหมาดได้ตรงเวลา ก็ต้องไปละหมาดท้ายเวลา จากผ้าหรือเสื้อที่คลุมใส่มิดชิดกลับกลาย เป็นผ้า หรือเสื้อที่มีขนาดเล็กลง แถมมีสีสันสวย สบายตาสดใสไปด้วย วันจันทร์ก็ต้องใส่สีนึง อีกวันก็ต้อง อีกสีนึง เป็นอย่างนี้ไปทุกวัน ตามล�ำดับสีวันที่องค์กรนั้น ๆ บ่งไว้ให้ใส่กัน
27
จะด้วยเหตุผลเพราะความอ่อนแอหรือเพราะไม่รู้หรือรู้ แต่ไม่ยอมตระหนักหรือมีการ ทักท้วงว่าสิ่งเหล่านี้ มันท�ำไม่ได้ เพราะท�ำให้เสียไปซึ่งจุดยืน มันคือการกระท�ำที่ฝ่าฝืนพระผู้สร้าง ของเราอยู่ แต่ก็ต้องยอมท�ำเพราะกลัวตกงาน หรือกลัวเค้าหาว่าเป็นคนเคร่ง!แล้วจะถูกมองใน ทางลบ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่พี่น้องเราหลายคนในวันนี้หลงไปกับสิ่งที่เขาสมหวัง หลงไปกับยศถา บรรดาศักดิ์และหลงไปกับนิฮฺมัต หรือริสกีที่อัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลาทรงประทานให้กับเขา มากมายจริง ๆ เพียงแค่เขาคิดไปเองว่าสิ่งที่เขาได้รับนั้น นั่นเพราะน�้ำพักน�้ำแรงของพวกเค้าเอง นั่นเพราะเค้าตั้งใจเอาเอง และนั่นก็เพราะใบปริญญาเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น โดยเขาลืมคิดไปว่า ทุก การงานที่เขาได้ท�ำหรือคณะดีดีที่เขาได้เรียนนั้น นั่นเป็นความโปรดปรานที่อัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลาทรงจัดสรรค์ให้เพื่อทดสอบตัว เขาเองว่า หากเขาได้งาน ได้เรียน เค้าจักขอบคุณอัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลาอีกไหม หรือเค้าจะ จัดการชีวิตให้อยู่กับหลักการเรื่อยไปหรือเปล่าเท่านั้น!! เขาคิดไปเองว่า สิ่งที่เขาได้รับนั้น มันคงจะเป็นอย่างนั้นอยู่เรื่อยไปกระมัง เขาคิดไปเองว่า สิ่งที่เขาเป็นอยู่นั้น มันคงจะเป็นอย่างนี้อยู่จนกระทั่งเกษียณหรือครบ วาระไปหรอกกระมัง แต่ใครจะไปรู้ว่า (เฉกเช่น)เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับ พี่น้องเราทั่วโลกในขณะนี้นั้น เค้าจะต้องตกงาน สูญเสียไปซึ่งทรัพย์สินหรือยศถาบรรดาศักดิ์ไป ในพริบตาเดียว กันเมื่อไหร่ อย่างไร ใครจะไปรู้หรือครับว่าสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราได้รับมาทุกวันนี้นั้น อัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลาทรงจะเอากลับไปเมื่อไหร่ ตอนไหน ด้วยกับเหตุการณ์อะไรอีก ก็ไม่รู้ กันหรอกใช่ไหม เช่นนี้แล้ว เพียงพอไหมที่เราในวันนี้ จะหันมาขอบคุณและขอความคุ้มครองจา กอัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลาอยู่เสมอๆ เพื่อหวังมิให้อัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลานั้น ทรงเอา กลับไปซึ่งสิ่งที่เรามี สิ่งที่เราได้มาและสิ่งที่เราเป็นอยู่ด้วยกับต�ำแหน่งใดๆในส�ำนักงานหรือองค์กร ต่างๆก็ตามแต่ครับ เราคิดแต่เพียงว่า วันนี้อามานะที่ฉันได้รับ กับงานและการเรียนที่เป็นอยู่ ฉันก็ต้องท�ำให้ ได้ เสร็จโดยเร็ว แต่เราลืมนึกไปไหมว่า เราในวันนี้ ซิกรุลลอฮ ชูโกร และขอดุอาอฺแล้วหรือยัง หรือ งาน เรียน มันท�ำให้เรานั้น ลืมตัวเองไปว่า ตัวเองเป็นมุสลิมอยู่นะ มุสลิมจะต้องใช้ชีวิตกันอย่างไร เพื่อให้พ้นซึ่งไฟนรกอันลุกโชนจากพระองค์ครับ
28
งาน งาน งาน คือข้ออ้าง เพื่อบอกปัดการแสวงหาซึ่งน�้ำหนักบนตราชั่งของเราในวัน อาคิเราะฮฺได้อีกไหม พี่น้อง ระวังการงานและการเรียน มันจะท�ำให้คุณนั้นลืมตัวเอง แล้วลืมอัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะ อาลากันนะ พี่น้องที่ศรัทธาเอ๋ย อัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลาทรงตรัสไว้ในซูเราะห์อัลหัซรฺ อายะฮ ที่ 19 ซึ่งมีใจความว่า “ และพวกเจ้าอย่าได้เป็น เช่น บรรดาผู้ที่ลืมอัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลา มิฉะนั้นอัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลาจะทรงท�ำให้พวกเขาลืมตัวของพวกเขาเอง ชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน " บรรดามุอมินเอ๋ยอย่าได้เป็นเช่นบรรดาผู้ที่ลืมอัลลอฮซุบฮานาฮุวาตะอาลา คือไม่ยอม เชื่อฟังจงรักภักดีต่อพระองค์แล้วพระองค์จะลงโทษพวกเจ้าด้วยการให้ลืมตัวเองโดยไม่กระท�ำ ความดีเลย เช้า-บ่าย ท�ำงานไป เรียนไป ซิกรุลลอฮฺ ไป อิสติฆฟารไป มันยากนักหรือ พอตกเย็น-ค�่ำ แบ่งเวลา เพื่อศึกษาอิสลามอย่างจริงจัง แล้วท�ำอิบาดะห์บ้าง ก็คงไม่สายกันนะครับ หากเราจะเริ่มต้นกัน วันนี้เป็นต้นไป อินชาอัลลอฮฺ والسالم عليمك ورمحة هللا وبراكته - https://shabab00.wordpress.com -
29
“ และพวกเขาจงอภัย และยกโทษ (ให้แก่พวกเขาเถิด) พวกเจ้าจะไม่ชอบหรือที่อัลลอฮฺจะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ ” (อัน-นูร 24: 22)
30
009 ก็เพราะว่า...อัลลอฮฺเลือกคุณ "หลายครั้ง...เราเผลอคิดว่าเราท�ำไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ทางของเราเลย ในขณะที่เราก็ก�ำลังท�ำการงานนั้นอยู่ หลายครั้ง...เราก็เผลอคิดท�ำไมต้องเป็นเรา ท�ำไมเราต้องท�ำด้วย หลายครั้ง...เราก็เผลอคิดท�ำไมมันถึงยากเย็นและเหนื่อยจัง นั่นก็เพราะ พระองค์ทรงรู้ดีกว่าใคร ว่าสิ่งใดเหมาะสมกับบ่าวของพระองค์ จงดีใจเถิด ที่พระองค์ทรงเลือกเรา พระองค์คือผู้ทรงจัดระเบียบทุกสิ่งมวลอย่างสมบูรณ์แม้แต่สิ่งเล็กน้อยเกินตาเห็น วางใจในพระองค์ หนักแน่นและอดทน อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ายังคงอยู่ในสายตาแห่งพระผู้อภิบาลและชัดเจนว่า... ท�ำไม ต้องเป็น เรา !! "
ِ َ َال وس َعهَا لَهَا َما َك َسبَ ْت َوعَلَيْ َا َما ا ْكت َ َسبَ ْت َربَّنَا َال ت َؤا ِخ ْذنَ �ن ن َّ ِسينَا أ� ْو ْ َّيكّف ّالل ن َ ْفس ًا �ال إ إ أ�خ َْط�أنَ َربَّنَا َو َال َ ْت ِم ْل عَلَ ْينَا � ْص ًا َ َك َ َحلْ َته عَ َل َّ ِال َين ِمن قَ ْب ِلنَا َربَّنَا َو َال َحت ِّملْنَا َما َال َطاقَ َة لَنَا إ نرصنَ عَ َل الْ َق ْو ِم ا ْل َك ِف ِر َين ْ ِب ِه َواعْف َعنَّا َوا ْغ ِف ْر لَنَا َو ْار َ ْحنَا أ� َنت َم ْو َالنَ فَا [อัลลอฮฺไม่ทรงวางภาระให้แก่มนุษย์ด้วยความรับผิดชอบที่หนักเกินกว่าที่เขาจะแบกรับได้ ทุกคนจะได้รับผลแห่งความดีที่เขาได้ขวนขวายไว้ และจะได้รับผลตอบแทน แห่งความชั่วที่ที่เขาได้กระท�ำไว้ ] (อัลบากอเราะฮ์ 2:286)
31
.. อัลลอฮฺเท่านั้น...ผู้ทรงชี้ทางที่ถูกต้องส�ำหรับเรา
الل يَ ْ ِدي َمن يَشَ ا ُء َوه َُو أ� ْع َ ُل ِبلْ ُمهْ َت ِد َين َ َّ �ن ََّك َل تَ ْ ِدي َم ْن � ْأح َب ْب َت َول َ ٰ� ِك َّن إ แท้จริง เจ้าไม่สามารถที่จะชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่เจ้ารักได้ แต่อัลลอฮฺทรงชี้แนะทางที่ถูกต้อง แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง" (อัล-เกาะศ็อศ 28:56) .. ผู้ทรงพลิกผันหัวใจ
َّاب ُ َربَّنَا َال تُ ِز ْغ ُقلُوبَنَا ب َ ْعدَ � ْذ هَدَ يْتَنَا َوه َْب لَنَا ِمن َّ ُل َنك َر ْ َح ًة �ن ََّك أ� َنت الْ َوه إ إ โอ้พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา ! โปรดอย่าให้หัวใจของพวกเราเอนเอียงออกจากความจริงเลย หลัง จากที่พระองค์ได้ทรงแนะน�ำแก่พวกเราแล้ว และโปรดได้ประทานความเอ็นดูเมตตา จากที่ที่ พระองค์ให้แก่พวกเราด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย (อาละอิมรอน 3:8) - ใครคนหนึ่ง -
32
33
“และการเอ็นดูเมตตาของข้านั้น กว้างขวางทั่วทุกสิ่งซึ่งข้าจะ ก�ำหนดมันให้แก่บรรดาผู้ที่ย�ำเกรง และช�ำระซะกาต และแก่ บรรดาผู้ที่พวกเขาศรัทธาต่อบรรดาโองการของเรา” (อัล-อะอฺรอฟ 7: 156)
34
010 การหลงระเริง -
มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจ�ำเริญและศานติจงประสบแด่ ท่านร่อซูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใด ๆ ส�ำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามูฮัมหมัด เป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์ ลักษณะที่น่ารังเกียจประการหนึ่ง ซึ่งอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาและร่อซูลของ พระองค์ได้ห้ามไว้ก็คือ การล�ำพองตนและหลงระเริงกับชีวิตในดุนยา อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอา ลา ตรัสว่า "แต่ละชีวิตนั้นจะได้ลิ้มรสความตาย และแท้จริงที่พวกเจ้าจะได้รับรางวัลของพวก เจ้าโดยครบถ้วนนั้นคือวันกิยามะฮฺ แล้วผู้ใดที่ถูกให้ห่างไกลจากไฟนรก และถูกให้เข้าสวรรค์ แล้วไซร้ แน่นอน เขาก็ชนะแล้ว และชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้นั้น มิใช่อะไรอื่นนอกจากสิ่ง อ�ำนวยประโยชน์แห่งการหลอกลวงเท่านั้น" (อาลอิมรอน 3 : 185) และพระองค์ทรงก�ำชับเตือนมิให้หลงล�ำพองตนว่า "โอ้มนุษย์เอ๋ย แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริงเสมอ ดังนั้น อย่าให้การด�ำรงชีวิต อยู่ในโลกนี้ล่อลวงพวกเจ้า และอย่าให้ชัยฏอนมาล่อลองพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮฺเป็นอันขาด" (ฟาฏิรฺ 35 : 5)
35
คือ อย่าปล่อยให้ชัยฏอนลวงล่อพวกเจ้าด้วยการกระซิบกระซาบในท�ำนองว่า “อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาจะไม่ทรงเอาผิดพวกเจ้า และจะทรงอภัยให้แก่พวกเจ้า เนื่องจากความดีความชอบอันมากมายของพวกเจ้า รวมถึงต�ำแหน่งแห่งหน เกียรติยศศักดิ์ศรี และ ความร�่ำรวยของพวกเจ้า นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา ฉะนั้น พวก เจ้าอย่าได้กังวล และจงฝ่าฝืนท�ำสิ่งที่เป็นบาปความผิดต่อไปเถิด” อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ยังทรงบอกว่าการใช้ชีวิตอย่างหลงระเริงล�ำพองตนนั้น เป็นผลงานการล่อลวงของชัยฏอนมารร้าย "และเจ้าจงยั่วยวนผู้ที่เจ้าสามารถท�ำให้เขาหลงในหมู่พวกเขาด้วยเสียงของเจ้า และ ชักชวนพวกเขาให้เห็นพ้อง ด้วยพลพรรคของเจ้าที่ขี่ม้าหรือที่เดินเท้า และจงร่วมกับพวกเขา ในทรัพย์สินและลูกหลาน และจงสัญญากับพวกเขา และชัยฏอนมิได้ให้สัญญาใด ๆ แก่พวก เขาเว้นแต่เป็นการหลอกลวงเท่านั้น" (อัลอิสรออ์ 17: 64) อิบนุลก็อยยิม เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า “แท้จริงชัยฏอนได้สัญญากับมนุษย์ว่าเขาจะได้รับสิ่งที่หัวใจถวิลหา ไม่ว่าจะเป็นการ มีชีวิตที่ยืนยาว ได้รับความสะดวกสบายในโลกดุนยา โดดเด่นเหนือเพื่อนฝูงคนรอบข้าง หรือมี ชัยชนะเหนือศัตรู มันหลอกล่อเขาว่า ชีวิตในโลกดุนยานั้นมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ สิ่งที่ผู้อื่นมี สัก วันหนึ่งก็อาจจะเป็นของเรา ท�ำให้มนุษย์มีความหวังที่ยาวไกล มันยังสัญญาว่ามนุษย์จะได้รับสรวง สวรรค์เป็นการตอบแทน ทั้งที่อยู่ในสภาพที่ตั้งภาคีและกระท�ำการฝ่าฝืน และมันท�ำให้มนุษย์มี ความหวังต่าง ๆ นานา ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งข้อแตกต่างระหว่างค�ำสัญญากับการให้ความหวัง ของชัยฏอนนั้น คือมันจะให้ค�ำสัญญาในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง และให้ความหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจิตใจที่อ่อนแอ ย่อมพร้อมที่จะหลงระเริงไปกับค�ำสัญญาและการให้ความหวังของชัย ฏอน "
36
ดังที่กวีคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
َو إ�ال فَ َقدْ ِع� ْشنا هبا َزمنًا رغدً ا ความหวังนั้นถ้าเป็นจริงก็คงจะดีที่สุด
حسن امل ُ َن َ �ُم ًن � ْن تَكن َحقا تَ ُكن أ إ แต่ถ้าไม่เป็นจริงอย่างน้อยเราก็เคยสุขกับการที่ได้หวัง
(อิฆอษะฮฺ อัลละฮฺฟาน เล่ม 1 หน้า 107) อ้างอิง:แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ - http://www.islammore.com -
37
“และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์โปรดประทานแก่เรา ซึ่งคู่ครองของเราและลูก หลานของเรา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของเรา และทรง ท�ำให้เราเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้ย�ำเกรง” (อัล-ฟุรกอน 25: 74)
38
011 ก�ำลังใจระหว่างทาง ไม่สิ ไม่เอานะ ห้ามใจตัวเองไว้นะ… อดทนนะ… มาเป็นบ่าวที่น่ารักของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลากันนะ มาท�ำตัวให้อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลารักนะ มาเปลี่ยนแปลงตัวเองกันใหม่นะ อย่ากลัว/ระแวงกับสายตาของมนุษย์ธรรมดาๆ แคร์สายตาของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้มากที่สุด… แล้วจะพบว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร อินชาอัลลอฮฺ - จากพี่น้องคนนึง -
39
" บุคคลที่อัลลอฮฺบันทึกเขาทั้งสองเป็นผู้ที่ขอบคุณและ อดทน คือคนที่มองเรื่องศาสนาของเขาแล้วเปรียบเทียบ กับคนที่ดีกว่าแล้วเขาปฏิบัติตามบุคคลนั้น และคนที่มองโลกดุนยาของเขาแล้วเปรียบเทียบกับ คนที่ด้อยกว่าแล้วเขาก็ขอบคุณอัลลอฮฺที่ทรงประทาน ปัจจัยยังชีพให้เขาดีกว่าบุคคลนั้น " (บันทึกโดย ติรมีซีย์)
40
012 คุตบะห์วันศุกร์ เรื่องมุสลิมกับการศึกษา -
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่รักทั้งหลาย ในทุก ๆ วันศุกร์นั้นเราจะมาฝังคุตบะห์ฝังการกล่าว ตักเตือนกันชักชวนให้ท�ำในเรื่องของสิ่งที่ดีงามและห้ามปรามกันในเรื่องของสิ่งที่เป็นความชั่วทั้ง หลาย เพราะในยุคสมัยของเราปัจจุบันนี้ผู้คนส่วนมากก�ำลังหันหลังให้กับศาสนาแต่ให้ความส�ำคัญ กับเรื่องของดุนยา เรื่องราวของนรกและสวรรค์ก�ำลังจะกลายเป็นเพียงนิทานปรัมปราที่เล่าสู่กัน ฟัง เราก�ำลังใช้ชีวิตสวนทางกับค�ำสอนของศาสนาอิสลามใช่หรือไม่? เราได้เตรียมอะไรเอาไว้บ้าง ที่จะพบกับชีวิตในโลกหน้า เราจะรู้จักได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราก�ำลังท�ำอยู่ถูกต้องแล้วหรือว่าผิดหลัก การศาสนา ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่รักทั้งหลาย ด้วยกับการศึกษาเท่านั้นที่จะท�ำให้เราได้รู้ว่าอะไร ถูกอะไรผิด โดยเฉพาะในยุคสมัยที่เราก�ำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ เป็นยุคที่เต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอม เต็มได้ ภัยอันตรายมากมาย และเป็นยุคแห่งความชั่วร้าย พวกเราทั้งหลายก�ำลังตกอยู่ท่ามกลางกระแส ของการรุกรานทางวัฒนธรรม ความย�่ำแย่ทางสังคม และความตกต�่ำทางศีลธรรม ที่นับวันยิ่งเพิ่ม ทวีคูณและโหมกระหน�่ำมาจากทุกทิศทุกทางเพื่อเผาผลาญท�ำลายการอีหม่าน และความเป็นอยู่ ตามวิถีชีวิตแบบอิสลาม ซึ่งพวกเราจะเห็นได้จากปัญหาต่าง ๆ ที่มันประดัง เข้ามาอยากมากมาย ในสังคมโลก หรือแม้แต่สังคมรอบ ๆ กายของเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการก่ออาชญากรรม ปัญหา การผิดประเวณี ปัญหาการพนัน ปัญหายาเสพติด สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ท�ำไมจึงได้เกิดขึ้น ? ถ้าไม่ไช่ เพราะสาเหตุเกิดมาจากความอ่อนแอของอุมมะฮฺประชาชาติอิสลาม การถดถอยของอีหม่านและ เพราะสภาพจิตใจของมุสลิมเราที่ถูกกัดกร่อนจนป่วยเรื้อรังเป็นโรคร้ายนั่นเอง พี่น้องมุสลิมที่รัก ไม่มีใครที่จะปลอดภัยจากอันตรายของฟิตนะห์ต่าง ๆ นอกจากผู้ที่ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาเท่านั้น หนทางเดียวที่มนุษย์จะปลอดภัยจากภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้งในโลกนี้และ โลกอาคีเราะฮฺ คือ แนวทางของการศรัทธา และวิชาความรู้
41
ด้วยการยึดมั่นและปฏิบัติตามหลักค�ำสอนของอัลกุรอาน และหะดีษของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม พี่น้องมุสลิมที่รัก สิ่งแรกที่มุสลิมเราทั้งหลายจะต้องเรียนรู้ คือการ เรียนรู้การศึกษาเพื่อให้เกิดศรัทธา เพื่อรู้จักอัลลอฮ์พระเจ้าของเราผู้ทรงสร้างมนุษย์ทั้งหลาย และ เรียนรู้ในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงใช้ละทิ้งในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้าม การเรียนรู้เพื่อให้เกิดศรัทธาเป็นอันดับ แรก ท�ำให้มนุษย์ไม่ลุ่มหลงอยู่กับวัตถุ การสะสมทรัพย์ ไม่ยึดติดอยู่กับโลกดุนยามากจนเกินไป ดังที่คัมภีร์อัลกุรอานโองการแรกที่ถูกประทานลงมาให้กับท่านศาสดามูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะ ลัยฮิ วะซัลลัม คือค�ำสั่งใช้ให้ท่านนั้นอ่าน 1.จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงสร้าง (อัลอะลัก 96 : 1) 2. ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด (อัลอะลัก 96 : 2) 3. จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง (อัลอะลัก 96 : 3) 4. ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา (อัลอะลัก 96 : 4) 5. ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้ (อัลอะลัก 96 : 5) ดังนั้นการเรียนรู้ทางด้านศาสนานั้น จึงถือว่ามีความจ�ำเป็นมากในยุคปัจจุบันที่ก�ำลังถูก ครอบง�ำ โดยวัฒนธรรมตะวันตก แต่ไม่ไช่ว่าไม่สนับสนุนให้เรียนรู้ทางด้านสามัญ เพราะอิสลาม นั้นไม่ได้แยกอาคีเราะฮฺออกจากดุนยา แต่อิสลามเป็นศาสนาที่รวมไว้ซึ่งทั้งทางโลกและทางธรรม เพราะฉะนั้น นักการศาสนาที่ปลีกตัวออกห่างจากดุนยา หรือนักธุรกิจที่ละทิ้งการท�ำอิบาดะฮฺ นั่นคือความเข้าใจผิดอย่างแรงเพราะมุสลิมที่มีแนวความคิดที่ถูกต้องนั้น คือ ผู้ที่หัวใจของเขานั้น มีอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาในขณะที่สองมือของเขาโอบอุ้มงานของดุนยาที่อยู่ในความรับผิด ชอบของตน ดังนั้น มันไม่ได้เป็นความผิด กับการที่คนคนหนึ่งนั้นเขาได้แสวงหาดุนยาเพื่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และโปรดอย่าท�ำให้ดุนยานั้นครอบง�ำหัวใจของพวกเรา พี่น้องมุสลิมที่รัก เพราะฉะนั้น ส�ำหรับแนวทางการศึกษาที่ดีที่สุดส�ำหรับมุสลิมในยุค ปัจจุบัน คือ การศึกษาควบคู่กันไป ทั้งทางด้านศาสนาและด้านสามัญเพราะการศึกษาควบคู่กัน ไป จะท�ำให้เรามีความรู้กว้างขึ้น มีวิสัยทัศน์ในการมองปัญหา และแก้ไขปัญหา ไม่ยึดติดอยู่ใน แนวคิดเดียว และที่ส�ำคัญมันจะเป็นการช่วยเพิ่มพูนให้เรามีอีหม่านเพิ่มมากขึ้น พี่น้องมุสลิมที่รัก เป็นการเพียงพอแล้วส�ำหรับพวกเรา ในการที่พวกเรานั้นควร สนับสนุน การเรียนทั้งภาคศาสนาและสามัญควบคู่กันไป ซึ่งวิชาความรู้ตามทัศนะของท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม คือ วิชาความรู้ที่มาช่วยสนับสนุนและช่วยอุปถัมภ์ทั้งทางโลกและ ทางศาสนา
42
ท่านอิหม่ามชาฟีอีได้กล่าวว่า
َم ْن َا َرا َد ادلُ نْ َيا فَ َعلَ ْي ِه ِبلْ ِع ْ ِل َو َم ْن َا َرا َد ا ْلآ ِخ َر َة فَ َعلَ ْيه ِ ِبلْ ِع ْ ِل َو َم ْن َا َراد ُ ََها َم ًعا فَ َعلَ ْي ِه ِبلْ ِع ْ ِل ความว่า บุคคลใดที่ต้องการดุนยา ก็จะต้องด้วยวิชาความรู้ และบุคคลใดที่ต้องการอาคีเราะฮฺ ก็จะต้องด้วยวิชาความรู้ และบุคคลใดที่ต้องการทั้งดุนยาและอาคีเราะฮฺก็จะต้องด้วยวิชาความรู้ พี่น้องมุสลิมที่รัก หลักการส�ำคัญของการเรียนนั้น คือ เราต้องตั้งใจเรียนเพื่อให้เกิด ความรู้ที่จะน�ำมาสู่การมีศรัทธาเพิ่มขึ้น ไม่ไช่ตั้งใจเรียนเพื่อให้มีงานท�ำ เพื่อผลประโยชน์ของ ตนเอง หรือเพื่อให้มีฐานะ มีหน้ามีตาในสังคม และที่ส�ำคัญเราจะต้องตระหนักว่า เป้าหมายของ การมีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน ก็เพียงเพื่อไปสู่อีกโลกหนึ่งอันมั่นคงและถาวร ดังนั้น อัลลอฮฺซุบฮา นะฮูวะตะอาลา ทรงเน้นความตายอยู่ก่อนความมีชีวิตก็ด้วยสาเหตุนี้ ทั้งที่เราทั้งเราทราบดีว่าเวลา ที่จะตายนั้นต้องอยู่ล�ำดับหลังจากการมีชีวิตเสียก่อน อ้างอิง : คุตบะห์วันศุกร์ - http://al-khutbah.blogspot.com/2012/06/blog-post_05.html?m=1 -
43
" โอ้พระเจ้าของเราโปรดเทความอดทน ลงมาบนพวกเราด้วยเถิด และโปรดทรงให้ พวกเราตายในฐานะผู้สวามิภักดิ์ด้วย " (อัลอะอฺรอฟ:126)
44
013 บะหมี่สองชาม บะหมี่ชามที่ 1 เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ก�ำลังอยู่ในช่วงต่อต้านพ่อแม่ ทนไม่ได้เวลาที่แม่บ่น...รู้สึกว่าแม่ไม่ เข้าใจตัวเองสักนิดเดียว จนวันหนึ่ง เขาทะเลาะกับแม่ด้วยเรื่อง เล็กๆ น้อยๆ...โกรธแม่มาก จน หนีออกจากบ้าน ไม่ว่าแม่จะเรียกไล่ตามมาอย่างไร เขาก็ไม่สนใจหันกลับไปมอง เด็กหนุ่มหลับหู หลับตาเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนเริ่มหิวและรู้ตัวว่าไม่ได้น�ำเงินติดตัวมาด้วยเลย... เดินจนมาถึงหน้าร้านบะหมี่ร้านหนึ่ง ได้แต่มองอาหาร แล้วกลืนน�้ำลาย เจ้าของร้าน : เห็นท่าทางของเด็กหนุ่ม ก็สงสาร เรียกเข้ามากินบะหมี่ในร้าน เด็กหนุ่ม : " แต่ผมไม่มีเงิน นะครับ " เจ้าของร้าน : " ฉันคิดว่า เธอต้องเจอเรื่องที่ไม่พอใจมาแน่เลย บะหมี่ชามนี้ ถือว่าฉัน เลี้ยงแล้วกัน " ถึงแม้เด็กหนุ่มจะรู้สึกไม่ดี แต่ก็หิว จึงรับน�้ำใจเจ้าของร้าน กินบะหมี่อย่างมูมมาม และ พอกินไปได้สักพัก น�้ำตาก็ร่วงลงมาอย่างกลั้นไม่ไหว เจ้าของร้าน : ตกใจ ถามว่า " เป็นอะไร ร้องไห้ท�ำไมหรือ ??? " เด็กหนุ่ม : เช็ดน�้ำตา...แล้วตอบว่า " คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้ ยังมีคนใจดีอย่างคุณอีก ยอม ให้ผมกินบะหมี่โดยไม่คิดเงิน "
45
จากนั้น...เด็กหนุ่มก็เล่าเรื่องราวที่ทะเลาะกับแม่ แล้วหนีออกมาจากบ้าน ให้เจ้าของร้าน ฟัง และเสียใจที่แม่ไม่เข้าใจตัวเอง เมื่อเจ้าของร้านฟังจบ...ก็หัวเราะจนท้องแข็ง เด็กหนุ่มถาม : " มีอะไรน่าหัวเราะหรือ " เจ้าของร้าน : " ฉันเพิ่งรู้จักกับเธอเมื่อสักครู่นี้เอง แล้วก็แค่เลี้ยงบะหมี่ 1 ชาม เธอยัง ซาบซึ้งถึงขนาดนี้ ... !!! ตั้งแต่เล็กจนโต แม่เธอต้มบะหมี่ให้เธอกินมากี่ชาม แต่เธอกลับไม่พอใจแม่ ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ... นี่ยังไม่น่าหัวเราะอีกหรือ ??? " ค�ำพูดของเจ้าของร้านเตือนใจเด็กหนุ่ม เขารีบกลับบ้าน และพบว่าแม่ยังรอเขากลับ มา... เขาละอาย ที่จะเดินเข้าไปหาแม่ และยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากขอโทษแม่ แม่...ก็ชิงพูดขึ้นมา ก่อนว่า... " ลู ก ต้ อ ง หิ ว แ น่ เ ล ย !!! เดี๋ยว...แม่ไปต้มบะหมี่ให้ลูกกินสักชามนะ " บะหมี่ชามที่ 2 ตอนยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ผมเป็นเด็กที่เห็นแก่ตัว มีอะไรที่เป็นของดีๆ ผมก็คิดถึงแต่ตัวผม เพียงผู้เดียว ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น ผลปรากฏว่าเพื่อนฝูงห่างหายไปจากผม ทีละคน ทีละคน กับเรื่องนี้แล้ว ผมกลุ้มใจมาก บ่อยครั้งที่ต�ำหนิผู้อื่นลับหลัง คืนวันหนึ่ง คุณพ่อท�ำบะหมี่มาสองชาม ชามหนึ่งบนบะหมี่มีไข่อยู่ใบหนึ่ง ส่วนอีกชาม หนึ่ง เมื่อมองดูแล้วไม่มีอะไรเลย คุณพ่อถามผมว่า “ลูกจะกินชามไหน ?” เวลานั้น ไข่ไก่เป็นสิ่งที่ ล�้ำค่ามาก หากไม่ตรงกับวันตรุษหรือวันเทศกาลแล้ว ยากนักที่จะได้กิน ผมย่อมไม่ละทิ้งโอกาสอัน ดีนี้ไป ฉะนั้นผมไม่ลังเลเลย ที่จะเลือกชามที่เห็นมีไข่อยู่ด้านบนบะหมี่ แท้จริงแล้ว สิ่งที่ผมได้เลือก มันคือความผิดพลาด ในยามที่ผมก�ำลังหลงดีใจกินไข่ใบนั้นอยู่ ผมประหลาดใจที่เห็นว่า ในก้นชาม บะหมี่ของคุณพ่อนั้น ซ่อนไข่ไว้สองใบ ผมเสียใจมาก และโกรธตัวเองที่ใจร้อนเกินไป รีบเลือกโดย ไม่ทันได้คิด คืนวันที่สองคุณพ่อท�ำบะหมี่มาสองชามอีก ยังคงเหมือนเดิม ชามหนึ่งด้านบนเห็นมีไข่ ใบหนึ่งวางอยู่ส่วนอีกชามดูไปแล้วไม่มีอะไร คุณพ่อให้ผมเลือกก่อน ครั้งนี้ผมฉลาดขึ้นแล้ว เลือก ชามที่ด้านบนไม่มีไข่ คุณพ่อได้แต่จ้องมองฉัน ไม่พูดไม่จาสักค�ำ ผมรีบหยิบตะเกียบขึ้นมา เขี่ย บะหมี่ให้แยกออก ผมคิดแต่เพียงว่า ข้างใต้บะหมี่ต้องซ่อนไว้ด้วยไข่ไก่สองใบ แต่แล้วผมก็ต้องผิด หวังอย่างรุนแรง ก้นชามนอกจากน�้ำซุปแล้ว อะไรก็ไม่มี
46
ยามนี้ คุณพ่อได้บอกผมว่า " ลูกเอ๋ย…ลูกต้องจ�ำไว้ว่า อย่าเชื่อมั่นในประสบการณ์ที่ ผ่านมาให้มากนัก เพราะว่า ชีวิตบางครั้งก็หลอกลวงเรา ทว่า ลูกอย่าพึ่งโมโห และไม่ต้องเศร้าใจ ทั้งหมดนี้ ให้ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งลูกไม่สามารถเรียนรู้จากหนังสือได้ " คืนวันที่สาม คุณพ่อท�ำบะหมี่เช่นเดิมอีกสองชาม ยังคงเป็นชามหนึ่งด้าน บนมีไข่หนึ่ง ใบ ส่วนอีกชามมองดูแล้วไม่มีอะไรเลย คุณพ่อให้ผมเลือกก่อน เช่นเดิม ครั้งนี้ผมจะไม่เลือกอย่าง ผลีพลามอีกแล้ว แต่บอกกับคุณพ่อจากใจจริงว่า “คุณพ่อ ท่านเป็นผู้อาวุโส อีกทั้งได้เสียสละให้แก่ ผมและครอบครัวมากมาย ให้คุณพ่อเลือกก่อนเถอะ” คุณพ่อไม่ได้ปฏิเสธ เลือกชามที่มีไข่อยู่ด้านบนโดยไม่ลังเล ผมเดาว่า อีกชามที่เหลือต้อง ไม่มีไข่แน่ๆ แต่นอกเหนือการคาดเดา ผมโชคดีมาก ที่ก้นชามมีไข่อยู่ตั้งสองใบ คุณพ่อเงยหน้าขึ้น ในนัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู ท่านบอกผมอย่างราบเรียบว่า .. “ลูกเอ๋ย ! ลูกต้องจ�ำให้มั่น ยามที่ลูกคิดเพื่อคนอื่นแล้ว ความโชคดีก็จะเข้ามาหาตัวลูกเอง”
- facebook : นิทานการเดินทางของมด -
47
“ โลกดุนยาคือความเพลิดเพลิน และสิ่งที่มีค่าที่สุดคือสตรีที่ซอและฮ ” (รายงานโดยมุสลิม)
48
014 มันใกล้กว่าที่เราคิดนัก อัสสลามุอะลัยกุมครับ... อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ขอชูกูร (ขอบคุณ) ต่อพระองค์อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ผู้เป็น พระเจ้าแห่งสากลโลก ผู้เป็นราชาแห่งมนุษยชาติ ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ที่พระองค์ทรง เมตตาให้พวกเรามีลมหายใจอยู่ ณ ตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญเลยนะครับที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ณ ตอนนี้ ขณะที่เรา ก�ำลังอ่านบทความนี้อยู่ อาจจะมีผู้คนมากมายก่ายกองบนโลกใบนี้ที่กลับไปสู่ความเมตตาขอ งอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาหรือก็คือไม่มีโอกาสได้หายใจแล้วนั่นเอง แต่เรา...กลับยังหายใจอยู่ และใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องขอบคุณในความเมตตาของพระองค์ให้มาก ๆ โอ้บรรดามนุษยชาติเอ๋ย! จะมีสักกี่คนกันนะที่จะตระหนักได้ว่าตอนนี้เราก�ำลังเดินทาง อยู่ เดินทางไปไหนหล่ะ? เราก็นั่งอ่านบทความอยู่นี้ไง ไม่ได้เดินทางอะไรสักหน่อย ป่าวเลยครับ พี่น้องที่รักทุกท่าน ตอนนี้ท่านก�ำลังเดินทางอยู่ เดินทางไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะ ตะอาลา เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ผู้ศรัทธาทุกคนต่างใฝ่ฝัน นั่นก็คือ “สวนสวรรค์อันนิรัน ดร์” การเดินทางของผู้ศรัทธาย่อมมีอุปสรรคหรือก็คือบททดสอบนั่นเอง และแน่นอนเป็นไป ได้ยากมากที่เราจะฝ่าอุปสรรคนั้นได้ด้วยตัวของตัวเอง โดยที่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากใคร ๆ ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ฟังนะครับ วันหนึ่งคุณก�ำลังเดินทางจาก กทม. ไป เชียงใหม่ แต่ระหว่าง ทางนั้นคุณดันหลงทาง คุณจะท�ำอย่างไรหล่ะ เดินทางต่อไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้ากระนั้นหรือ ป่าวเลย ไม่มีใครท�ำอย่างนั้นแน่นอน ผมเชื่อว่า ณ ขณะนั้นมีเพียงอย่างเดียวที่คุณก�ำลังคิด นั่นคือ จะต้อง ท�ำอย่างไรดีนะ? หลังจากนั้นก็จะมีความต้องการหนึ่งผุดขึ้นมา มันคือความต้องการอะไรกันนะ ใช่ แล้วครับมันก็คือ ต้องการความช่วยเหลือนั่นเอง ถูกต้องไหมครับ ตอนนี้คุณอาจจะคิดอยู่ก็ได้ว่าก็ เปิด GPS เอาสิ ไม่เห็นจ�ำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากใครเลย ถ้าคุณลองมองกลับกันคุณก็จะ เห็นได้เลยว่า คุณก�ำลังพึ่งบางสิ่งบางอย่างอยู่ หรือก็คือให้ GPS คอยช่วยเหลืออยู่นั้นเอง
49
ตอนนี้คงจะพอเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่ามนุษย์ทุกคนต้องการความช่วยเหลือ แล้ว ความช่วยเหลือของใครหล่ะที่สุดยอดที่สุด แน่นอนผู้ศรัทธาทุกคนต้องรู้ค�ำตอบนี้และตอนนี้เอง คุณอาจจะตอบอยู่ในใจของคุณอยู่ก็ได้ ถูกต้องครับ!! ความช่วยเหลือที่สุดยอดที่สุด คือ ความช่วย เหลือจากอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนักที่มีเพียงส่วนน้อยของผู้ศรัทธาเพียงเท่านั้น ที่จะรู้ซึ้งถึง ความหมายของการช่วยเหลือจากอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา คุณเคยได้ยินประโยคนี้หรือป่าว ครับ “เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่ข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ” ผมเชื่อว่าผู้ศรัทธาทุกคนต้องได้ยิน ประโยคนี้แน่นอน เพราะประโยคนี้อยู่ในซูเราะฮฺ อัลฟาติฮะห์ อายะฮฺที่ 5 ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเรา จะต้องอ่านซูเราะฮฺอัลฟาติฮะห์ 17 ครั้ง/วัน แสดงว่าเราต้องอ่านอายะห์นี้ถึง 17 ครั้ง/วัน เยอะใช่ ไหมหล่ะครับ แต่ท�ำไมหล่ะ ท�ำไมเราถึงไม่ตระหนักถึงอายะฮฺนี้หล่ะ ท�ำไมเมื่อเจอปัญหาถึงยอมแพ้ หล่ะ ท�ำไม? ท�ำไม? และ ท�ำไม? โอ้ผู้ศรัทธาเอ๋ย! จงเชื่อมั่นกับสิ่งที่ท่านขอไปจากอายะฮฺข้างต้นเถิด และจงอย่าคิดเลย ว่าท�ำไมพระองค์ถึงไม่ช่วยเหลือท่านหากว่าท่านก�ำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลืออย่าง มาก บางทีพระผู้อภิบาลของเราอาจจะก�ำลังทดสอบท่านอยู่ และแน่นอนว่าพระองค์คือผู้ที่รอบรู้ โอ้ผู้ศรัทธาเอ๋ย! เมื่อพวกท่านก�ำลังเจออุปสรรคหรือบททดสอบต่าง ๆ ที่หนักหนาสาหัส ก็จงขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาเถิด เพื่อที่พระองค์จะได้ทรงช่วยเหลือ พวกท่าน เพราะแท้จริงความช่วยเหลือของพระองค์นั้นอยู่ใกล้กว่าที่เราคิดนัก “หรือพวกเจ้าคิดว่า พวกเจ้าจะได้เข้าสวรรค์ โดยเยี่ยงอย่างของผู้ล่วงลับไปก่อนพวกเจ้ายัง มิได้มายังพวกเจ้าเลย ซึ่งบรรดาความล�ำบากและความเดือดร้อนได้ประสบแก่พวกเขาและ พวกเขาได้รับความหวั่นไหว จนกระทั่งร่อซูลและบรรดาผู้ศรัทธาซึ่งอยู่กับเขา กล่าวขึ้นว่า เมื่อไรเล่าการช่วยเหลือของอัลลอฮฺ? พึงรู้เถิดว่าแท้จริงการช่วยเหลือของอัลลอฮฺใกล้อยู่แล้ว” ( ซูเราะฮฺอัลบากอเราะฮ 2 : 214 )
50
51
“ และสูเจ้าทั้งหลายอย่าได้เข้าใกล้การกระท�ำซินา เพราะแท้จริงมันเป็นการกระท�ำที่โสมมและเลวร้ายยิ่ง " (อัล-อิสรออฺ: 32)
52
015 Allah’s door is open -
พึงทราบเถิดอะไรก็ตามที่คุณท�ำผิดบาป… นี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาสิ้นหวังในความเมตตา ของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาเลย พึงทราบเถิดผู้ท�ำผิดบาปเอ๋ย… แม้คุณผิดสัญญาต่อพระองค์ถึงหนึ่งพันครั้งก็ตาม ว่าจะ ไม่กลับมาท�ำบาปนั้นอีก จงหันกลับสู่อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาเถิด แล้วเตาบัตอีก! ประตูแห่ง การเตาบัตนั้นยังเปิดอยู่… ผู้ที่ปิดบังประตูไม่ให้คุณเตาบัตนั้น คือ ชัยฏอน เพราะดุนยานี้…บางครั้งมันก็ท�ำให้คุณหลงผิด แต่ถึงแม้ว่าคุณจะท�ำผิดมามากมายขนาด ไหนก็ตาม ประตูของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้นยังเปิดอยู่ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณก็ตาม ประตูของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้นยังเปิดอยู่ เราเคยได้ยินไหม หะดีษกล่าวถึงชายคนหนึ่งเขาท�ำความผิดโดยการฆ่าคน พระองค์ทรง รับการเตาบัตของเขา เขาฆ่าคนถึงหนึ่งร้อยคน แต่พระองค์ก็ยังทรงรับการเตาบัตของเขา ประตู นั้นยังเปิดอยู่! ฉันอยากให้พี่น้องได้เข้าไปในประตูบานนั้น ส�ำนึกผิดกับความผิดพลาด…ความพลั้ง เผลอ…ความบกพร่อง…และปัญหาต่างๆเหล่านั้น พระองค์เท่านั้นทรงเปิดประตูและทรงให้มวล มนุษย์ทั้งหลายได้เข้าไปในนั้น - AtTawbah1 on YOUTUBE -
53
" แท้จริงอัลลอฮฺทรงอ่อนโยน ทรงรักความอ่อนโยน และทรงประทานให้แก่ความอ่อนโยน ในสิ่งที่มิได้ให้แก่ความหยาบกระด้าง " (บันทึกโดย มุสลิม)
54
016 มีสักครั้งไหมที่เธอรู้สึก ท้อแท้… รู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไร้หนทางออก -
ปัญหามากมาย...เข้ามาในชีวิต...จนเธอตั้งรับไม่ทัน... หันไปทางไหน..ก็รู้สึกหดหู่... ไร้หนทางออก... หรือบางครั้งที่....พยายาม ฮึดต่อสู้ขึ้นมา... บอกตัวเองให้เข้มแข็ง อีกครั้ง แต่สิ่งที่ ได้รับ...มันกลับล้มเหลวไม่เป็นท่า....ความท้อที่มีอยู่แล้ว...กลับยิ่งทวีมากขึ้นไปอีก... ฉันหวังว่า...เธอคงไม่รู้สึกท้อ...จนเลิกที่จะต่อสู้หรอกนะ.... เพราะฉันรู้...ว่าเธอก็เป็นคน หนึ่ง...ที่ศรัทธา...ที่อาจจะเผลอหลงลืมไปบ้าง...กับค�ำกล่าวที่ว่า...
ِ َ َال وس َعهَا لَهَا َما َك َسبَ ْت َوعَلَيْ َا َما ا ْكت َ َسبَ ْت َربَّنَا َال ت َؤا ِخ ْذنَ �ن ن َّ ِسينَا أ� ْو أ�خ َْط�أنَ َربَّنَا ْ َّيكّف ّالل ن َ ْفس ًا �ال إ إ َو َال َ ْت ِم ْل عَلَ ْينَا � ْص ًا َ َك َ َحلْ َته عَ َل َّ ِال َين ِمن قَ ْب ِلنَا َربَّنَا َو َال َحت ِّملْنَا َما َال َطاقَ َة لَنَا ِب ِه َواعْف َعنَّا َوا ْغ ِف ْر لَنَا إ نرصنَ عَ َل الْ َق ْو ِم ا ْل َك ِف ِر َين ْ َو ْار َ ْحنَا أ� َنت َم ْو َالنَ فَا
“อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใด นอกจากตามความ สามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น ชีวิตนั้นจะได้รับการตอบแทนดีในสิ่งที่เขาได้แสวงหาไว้ และชีวิตนั้น จะได้รับการลงโทษในสิ่งชั่วที่เขาได้แสวงหาไว้ โอ้พระเจ้าของพวกเรา! โปรดอย่าเอาโทษแก่เรา เลย หากพวกเราลืม หรือผิดพลาดไป โอ้พระเจ้าของพวกเรา! โปรดอย่าได้บรรทุกภาระหนักใด ๆ แก่พวกเรา เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบรรทุกมัน แก่บรรดาผู้ที่อยู่ก่อนหน้าพวกเรามาแล้ว โอ้พระเจ้าของพวกเรา! โปรดอย่าให้พวกเราแบกสิ่งที่ไม่มีก�ำลังใดๆแก่พวกเราจะแบกมันได้และ โปรดได้ทรงอภัยแก่พวกเราและยกโทษให้แก่พวกเรา และเมตตาแก่พวกเราด้วยเถิด พระองค์ นั้นคือผู้ปกครองของพวกเรา ดังนั้นโปรดได้ทรงช่วยเหลือพวกเราให้ได้รับชัยชนะเหนือกลุ่มชนที่ ปฏิเสธศรัทธาด้วยเถิด” (อัลบะกอเราะฮฺ 2 :286)
55
กับปัญหาที่เราเจอ...กับความเลวร้ายของชีวิตที่เธอรู้สึก...ขอให้พึงตระหนักไว้เถิดว่า... ทุกสิ่งที่เธอประสบนั้น..มันคือบททดสอบความอดทนบ่าวของพระองค์ก็เท่านั้น...และทุกปัญหา... ทุกความเลวร้ายที่เธอรู้สึก...ที่ผู้ทรงรอบรู้ได้มอบให้แก่ชีวิตของเธอนั้น...เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงรู้... ว่าเธอจะผ่านพ้นมันไปได้...เพราะพระองค์จะไม่วางภาระใดเกินที่บ่าวของพระองค์จะรับไว้ได้ นั่นเอง ถึงแม้ว่า...มันช่างยากเย็น...กับการที่จะผ่านพ้นไป... ถึงแม้ว่า...ไม่มีเพื่อนคนไหน...ที่จะช่วยเธอได้เลย ถึงแม้ว่า...ไม่มีคนในครอบครัวคนใด...จะแก้ไขปัญหาให้เธอได้ แต่พึงระลึกไว้เถิดว่า...........
الل َ ْي َعل َّل َمخ َْرج ًا َ َّ … َو َمن يَتَّ ِق
“ …และผู้ใดย�ำเกรงอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา ” (อัฏเฏาะลาก 65:2) หากเธอไม่เหลือใครในโลกนี้ที่เธอ...ปรึกษาได้... หากเธอไม่เหลือใครในโลกนี่ทีเธอ...ขอความช่วยเหลือได้... หากเธอไม่เหลือใครในโลกนี้ที่เธอ...บอกเล่าความทุกข์ยากได้... หากเธอละอายที่จะร้องไห้...ต่อหน้ามนุษย์... หากเธอไม่กล้าที่จะแสดงความอ่อนแอ...ต่อหน้าใคร หากเธอลืมไปแล้ว...ว่าจะเริ่มต้นขอความช่วยเหลือ...จากมนุษย์ควรท�ำยังไง ฉันหวังว่า....เธอคงระลึกได้.... และ...เธอ...คงรู้ใช่ไหม... ? ว่า....เรามีผู้ทรงเมตตาที่ทรงช่วยเหลือเราซึ่งเป็นบ่าวของพระองค์เสมอ ใช้สองมือ...หนึ่งหัวใจ....บอกเล่ากับพระองค์... ก้มหน้าลง...แล้วขอความช่วยเหลือ.... ผู้ที่เมตตาเราเสมอ...ตั้งแต่ที่เราก่อก�ำเนิดขึ้นมา... แล้วเธอจะรับรู้ได้ว่า... เราโชคดี....ที่มีอิสลาม...ให้เราได้รู้จัก - บทความจาก : fityaulhaq.net -
56
57
" และอัลลอฮฺจะไม่เป็นผู้ทรงลงโทษพวกเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาขออภัยโทษกัน " (อัลอันฟาล : 33)
58
017 ระหว่างทาง…ของการเรียน -
เราได้เรียนรู้ในบางสิ่งที่ไม่เคยรู้ และค่อยๆเข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจ จุด ๆ นี้ เราโอเคมากเลยนะ ดีใจที่ได้เจอ ดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี้ ชอบที่นี่นะ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ @ModMuslim ------------------------ เราไม่ใช่เด็ก กทม.เราไม่รู้จัก มจธ.ด้วยว่าอยู่ไหน เรารู้จักตอนวันที่เราจะสอบ ความคิด เราตอนนั้นคือเราไม่รู้ว่าเราจะได้เรียนที่นี่ด้วยไหมเราติดที่นี่ตั้งแต่ก่อนแอดมิดชัน ท�ำไมเลือกที่นี่ เลยละ? เพราะว่าเราลองหาข้อมูลอ่านก่อนหน้า เราอยากอยู่ในที่ที่มีอิสลามเยอะ หาของกินง่ายๆ จุดเริ่มต้นของเฟรชชี ที่ มจธ.เป็นใหม่ๆส�ำหรับเรา เพราะ อย่างที่บอกเราไม่ใช่เด็ก กทม. และ เราไม่เคยอยู่ไกลบ้าน เป็นเด็กเรียนใกล้บ้านตลอด ด้วยความไม่มีเพื่อน รร.เดียวกันมา ต้อง เหงาแน่ ๆเลยอะ ไปชวนเพื่อนมาสอบที่นี่ดีกว่า เพื่อนก็สมัครสมัครวนไปค่ะวนอีก สมัครยังไงก็ ไม่มีสิทธิสอบ จนแอดมิดชันความหวังในการมีเพื่อน รร.เดียวกันมา แทบจะไม่มีเลย เพื่อนติดที่อื่น แล้ว อัลล๋อ! เราคงไม่มีเพื่อนโรงเรียนมาด้วยจริง ๆ แล้วแหละ พอก่อนเปิดเทอม มีพี่ๆดูแลเราดีมากเลย คอยถามนุ่นถามนี่ตลอด ตั้งแต่เรื่องหาหอให้ ตลอดจนเรื่องเรียน อยู่ไปเรื่อยๆก็ไม่เหงานะ มีทั้งเพื่อนทั้งพี่ในชมรม ชวนไปนู้นมานี่ไปนี่มานั่น เป็นการเรียนรู้ในที่ใหม่ ๆกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน :) พอรู้จักกันก็ถามถึงความเป็นมาของกันและกัน ท�ำให้รู้ว่า..... คนบางคนเคยเจอข้างนอก ตามงานต่างๆ บางคนอยู่จังหวัดเดียวกัน แถมยังใกล้กันด้วย บางคนก็เรียนอยู่ในโรงเรียน เดียวกันสมัยประถม ซึ่งเกือบทุกคนตอนนั้นยังไม่รู้จัก แล้วได้มารู้จักกันตอนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้
59
ทุก ๆอย่างอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ก�ำหนดไว้แล้ว การที่เราได้มาอยู่ที่นี่ก็เหมือน กัน เรามีความสุข ทุกครั้งที่ได้มาอยู่ ชมรมไม่ได้เป็นแค่ชมรมน่ะ ชมรมเป็นบ้านที่นี่ ที่มีพี่ คอยดูแล น้อง ๆเป็นอย่างดี ให้ค�ำชี้แนะต่าง ๆคอยสอนงานนุ่นนี่นั่น ช่วยปรับนิสัยไม่ดีบางอย่างของเราออก ไป พอเรียนแล้วไม่เข้าใจ พี่ก็มาสอน อัลฮัมดุลิลลาฮฺค่ะ ^^ พอเรียนไปได้สักพัก แล้วเครียดจนอยากซิ่ว แต่ก็ไม่ได้ซิ่ว ทุกครั้งที่มีความคิดว่าซิ่วขึ้น มา ก็มีความคิดอีกความคิดที่ว่าเรียนไปก็ไม่ชอบ เริ่มไม่อยากเรียนแหละ หือออออออ แต่เดี๋ยวก่อน จ�ำไรได้ไหม ตอนม.4 เทอม2 ครู รร.เราในช่วงมอปลายพวกวิชาคณิต ฟิสิกส์ นี้ ขาดแคลนมาก เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกเปลี่ยนทุกเทอม ในช่วงที่เปลี่ยนก็ไม่มีครูสอนด้วยซ�้ำ โรงเรียนเรามีแค่สองห้อง ห้องนึงสายวิทย์ ห้องนึงสายศิลป์ ต้องรอครูเรื่อย ๆ ท�ำให้ห้องเราและ เพื่อนอีกห้องมีคาบว่างเนื่องจากสองวิชานี้ เราตั้งใจจะเรียนทางด้านนี้ละนะ เพื่อจะได้ไปเป็นส่วน เติมเต็มให้กับ รร.ของเราในอนาคต อินชาอัลลอฮฺ สู้ต่อไปค่ะ จะรออะไร :) สู้ไปเรื่อย ๆ เริ่มท้อ. ท้ออีกละ มีค�ำพูดจากพี่คนหนึ่งบอกกับเราว่า "น้อง คือพี่จะบอกนะ เราเป็นนักศึกษา เราต่างจาก นักเรียนตรงที่เราต้องศึกษา การศึกษาไม่ใช่แค่การเรียนรู้ในห้องเรียนอย่างเดียว เราต้องศึกษา วิธีที่ท�ำให้เราเรียนและเข้าใจ ศึกษาการท�ำงานกับคนอื่นด้วย และรวมไปถึงการศึกษาการใช้ชีวิต เพื่อที่จะเป็นผู้ใหญ่" อัลฮัมดุลิลลาฮฺค่ะ ค�ำพูดของพี่คนนี้กับความตั้งใจของเราที่เรียนแบบนี้ผสม ผสานกัน ท�ำให้เรารู้สึกดีมีก�ำลังใจในการสู้ต่อไป ฝากถึงทุกคนนะ การเรียนจบ บางคนใช้เวลาเรียน 4 ปี ก็จบ บางคนก็ 5 ปี(ครุศาสตร์ฯ) บางคนก็อาจจะใช้เวลามากกว่านั้น แต่การจะเรียนจบกี่ปี ก็ไม่ส�ำคัญเท่าระหว่างทางที่เราก�ำลัง เรียนอยู่เลยนะ ในช่วงระหว่างเรียนเป็นระหว่างทางของเราในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เก็บ เกี่ยวระหว่างทางให้ดี เพราะระหว่างทางส�ำคัญกว่าปลายทางนะ มีบางครั้งระหว่างทางที่ท้อบ้าง แต่อย่าถอยนะ
- Rueangsaeng -
60
61
" ข้าแต่พระเจ้าของฉัน ขอพระองค์ทรงประทานความรู้ และทรงให้ฉันอยู่รวมกับหมู่คนดีทั้งหลาย " (อัชชุอะรออฺ:83)
62
018 ระหว่างทางที่ฉันเจอเพื่อนเก่า -
ฉันเป็นผู้เดินทางคนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องศาสนามากนัก ตอนมอปลายฉันเรียนอยู่ โรงเรียนที่ขึ้นชื่อด้วยอิสลาม แต่ฉันกลับมีกลุ่มเพื่อนสนิทเป็นคนต่างศาสนิก มีเพียงฉันและเพื่อน ผู้ชายอีกคนเท่านั้นที่เป็นมุสลิม ฉันเพิ่งรู้จักค�ำว่าญะมาอะฮฺอย่างแท้จริงก็ในตอนเข้ามหาวิทยาลัย ฉันมีโอกาสได้ร่วมท�ำงานศาสนากับชมรมมุสลิมของมหาวิทยาลัย ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในแบบ อิสลามจากพี่น้องที่น่ารักที่นี่ พวกเขาท�ำให้ฉันเข้าใจศาสนาของฉันมากขึ้น อัลฮัมดุลิลลาฮฺฉัน ว่าฉันรักญะมาอะฮฺของฉันนะ และแล้ววันหนึ่งฉันได้รับข้อความนัดทานข้าวจากเพื่อนๆสมัยมอ ปลาย และในการกลับมาเจอกันครั้งนี้ สิ่งที่ฉันค้นพบ คือ ฉันไม่มีเพื่อนสนิทตอนมอปลายอีกแล้ว ทุกคนถอยห่างจากฉัน ฉันรู้สึกเหมือนฉันนั่งทานข้าวอยู่คนเดียวท่ามกลางกลุ่มเพื่อนที่สนิทกัน หรืออาจเป็น… เพราะฉันไม่แต่งตัวตามแฟชั่นอีกแล้วใช่ไหม เพราะฉันเริ่มแต่งตัวเชยไปแล้วใช่ไหม เพราะฉันใส่ผ้าคลุมยาวขึ้นใช่ไหม เพราะฉันเตือนเธอบ่อยไปใช่ไหม เพราะฉันไม่ตามใจเธออีก แล้วใช่ไหม เพราะฉันออกห่างจากความผิดที่เราเคยท�ำเกินไปแล้วใช่ไหม เพราะเราไม่ชอบอะไร เหมือนกันแล้วใช่ไหม เพราะเราต่างกันเกินไปแล้วใช่ไหมเธอจึงไม่ค่อยชอบในตัวฉันเหมือนเดิม แล้ว เพราะฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองใช่ไหม เธอจึงเปลี่ยนไป เราไม่ใช่เพื่อนสนิทกันอีกแล้วใช่ไหม ไม่เป็นไรนี่คงเป็นบททดสอบของฉัน ฉันเชื่อมั่น เสมอว่า " บททดสอบนั้น คือการที่พระองค์ทรงก�ำลังมองดูบ่าวของพระองค์อยู่ " ดีแค่ไหนกันนะ ที่เราได้อยู่ในสายตาของคนที่เรารัก และรักเรามากที่สุดเช่นกัน ไม่เป็นไร แค่มันเป็นสิ่งที่พระองค์ พอพระทัยก็พอ อัสตัฆฟิรุลลอฮฺขอพระองค์ทรงโปรดอภัยให้กับบ่าวคนนี้ด้วยเถิด และขอพระองค์ทรงเปิดหัวใจให้ แก่เพื่อนของฉันให้เป็นบ่าวผู้ยอมจ�ำนนด้วยเถิด อามีน ปล.ฉันอยากให้ระหว่างทางเราเดินไปด้วยกัน อินชาอัลลอฮฺ เพราะฉันรักเธอเพื่ออัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา - myballoonandme -
63
" จะไม่ประสบแก่เราเป็นอันขาด นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺได้ก�ำหนดไว้แก่เราเท่านั้น " (อัตเตาบะฮฺ:51)
64
019 ได้คิดจากเด็ก... -
ชายชราคนหนึ่ง เดินอยู่ชายหาด ในขณะนั้น ได้เห็นเด็กคนหนึ่งก�ำลังเอาน�้ำละหมาด แล้วก็ร้องไห้ด้วย ชายชราคนนั้น จึงพูดขึ้นว่า “โอ้เจ้าเด็กน้อย อะไรท�ำให้เธอร้องไห้” เด็กน้อย นั้นตอบว่า… “ฉันได้อ่านกุรอ่าน พออ่านถึงโองการที่ว่า
ْ ُ َي أ�يُّ َا َّ ِال َين � آ َمنُوا ُقوا أ�ن ُف َس ُ ْك َو أ� ْه ِل … يك نَ ر ًا َو ُقو ُدهَا النَّ ُاس َوالْ ِح َج َار ُة ความว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกท่านจงปกป้องตัวของพวกท่านและ ครอบครัวของพวกท่าน ให้พ้นขุมนรก ซึ่งมนุษย์ และหินเป็นเชื้อเพลิง…” ( อัตตะห์รีม 66:6 ) “ฉันกลัวว่า อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะโยนฉันลงไปในนรก” ชายชราคนนั้นพูด ว่า “โอ้เจ้าเด็กน้อย เธอยังไม่มีความผิด เธอไม่ต้องกลัวเธอจะไม่ตกนรก” เด็กน้อยจึงพูดขึ้นว่า… “โอ้ผู้เฒ่า ท่านเป็นคนมีปัญญามิใช่หรือ ? ท่านไม่เคยเห็นหรือว่า เวลาคนเขาสุมไฟฟืน เพื่อที่จะ ประกอบอาหารนั้น เขาจะเริ่มสุมไฟด้วยการเอาไม้ชิ้นเล็ก ๆ สุมก่อน แล้วจึงใส่ไม้ท่อนใหญ่” ชายชราผู้นั้นถึงกับร้องไห้ พลางร�ำพึงว่า แท้จริงเด็กคนนี้ เขากลัวนรกมากกว่าเราเสียอีก เราจะ มีสภาพเป็นอย่างไร? จงพิจารณาดูเถิด โอ้ บรรดาผู้ที่มีปัญญาทั้งหลาย ท�ำไม จึงยังไม่ร้องไห้ ให้กับตัวของท่าน ที่ท่านได้จ�ำน�ำมันไว้กับนรกอเวจี ทั้ง ๆ ที่ความตายก็ก�ำลังขี่คอ ท่านอยู่แล้ว ตลอดจนกุโบร ก็คือ สถานที่พ�ำนักของท่าน "ให้น�้ำใจ ไร้น�้ำตา ให้เวลา ปัญหาคลี่คลาย" - http://www.kurusampan.com -
65
" และข้ามิได้สร้างญินและมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า " (ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะฮฺ 56)
66
020 ความอุ่นใจขั้นสุด -
ความอุ่นใจขั้นสุด กับก�ำลังใจในกุรอาน "…แท้จริง ข้านั้นอยู่ใกล้ ข้าจะตอบรับค�ำวิงวอนของผู้ที่วิงวอน…" (อัลบะกอเราะฮฺ 2 :186) ใกล้.. ใกล้มาก ต่อให้เราไม่มีคนที่สนิทใจอยู่ด้วยเลย ต่อให้หนทางจะมืดแปดด้าน ต่อให้ดุนยาจะคับแคบสักเพียงใด แต่เพียงพอแล้ว เพียงพอแล้วจริงๆ กับการที่เรามีอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาอยู่กับเรา ที่สุดของผู้ช่วยเหลือ ที่สุดของหัวใจ
َو ِب ُم َح َّم ٍد ن َ ِبيّ ًا، َو ِب ْل ْس َل ِم ِديْن ًا، َر ِضيْ ُت ِب ِهلل َر ّ ًب ِإ ฉันพอใจแล้วที่อัลลอฮฺเป็นพระผู้อภิบาลของฉัน และฉันพอใจแล้วที่อิสลามเป็นศาสนาของฉัน และฉันพอใจแล้วที่ท่านนบีมูฮัมหมัดเป็นนบีของฉัน
- مسافر67
" ท่านจะไม่ได้สิ่งใดที่ท่านใช้เพื่ออัลลอฮฺ เว้นแต่ท่านจะได้รับผลตอบแทน แม้จะเป็นเพียงอาหาร สักชิ้นที่ท่านป้อนให้ภรรยาท่าน ” (รายงานโดยบุคอรี)
68
021 ท่าน อบูฮุรอยเราะฮฺ ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ท่านคือซอฮาบะฮฺที่ปรนนิบัติดีต่อแม่ของท่านเสมอมา ท่านรักษามารยาทอันงดงามต่อแม่ของท่านเสมอ ครั้งหนึ่ง แม่ของท่านเรียกหาท่านว่า "โอ้ อบูฮุรอยเราะฮฺ" ท่านเผลอขานรับแม่ด้วยเสียงดังว่า " ขอรับ คุณแม่ " พลันนั้นเอง ท่านถึงกับทรุดกายลงนั่งด้วยความเสียใจ พร�่ำขออภัยโทษจาก อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา อย่างมากมาย ไม่เพียงเท่านั้นนะ ท่านรีบรุดไปที่ตลาด ซื้อทาส 2 คนเพื่อปลดปล่อยเป็นอิสระชน เพื่อส�ำนึกผิดต่ออัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ท่านเพียงเผลอใช้เสียงดังกับแม่ของท่าน ... ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺกับเรา ดูห่างไกลกันยิ่งนัก ในเรื่องการปรนนิบัติต่อพ่อแม่ *...
- Abdulloh Nhoorag -
69
" ดุอาอ์คืออิบาดะฮฺ ” (บันทึกโดยอบูดาวูด)
70
022 ท่านมุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล ผู้ที่เป็นมิตรกับฉัน(นบี) “ ข้าแต่อัลลอฮฺแท้จริงพระองค์ทรงรู้ดีว่า ข้าพระองค์มิได้เป็นผู้ที่รักและหลงในดุนยา หรืออยากจะมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน เพื่อสนุกสนานเพลิดเพลินกับการปลูกต้นไม้หรือท�ำสวน หากแต่ข้าพระองค์อยุ่เพื่ออดทนต่อความหิวกระหาย ในขณะที่ข้าพระองค์ถือศีลอด ยอมอดนอนเพื่อลุกขึ้นกระท�ำละหมาดในตอนกลางดึก และอยู่เพื่อแข่งขันกับผู้รู้ในการแสวงหาวิชาความรู้? ข้าแต่อัลลอฮฺข้าพระองค์ขอให้พระองค์รับเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปด้วยดี ดังที่พระองค์รับเอาชีวิตของบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายด้วยเถิด “ ค�ำกล่าวก่อนสิ้นใจของท่านมุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล ณ นครมะดีนะฮฺก่อนการอพยพ ท่านมุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล เด็กหนุ่มผู้เข้ารับนับถือ อิสลามจากการเผยแพร่ของท่านมุศอับ อิบนิอุมัยรฺ ตลอดชีวิตของท่าน ตั้งแต่เยาว์วัยท่านได้ กระท�ำประโยชน์แก่อิสลามมากมาย ประวัติการท�ำงานเพื่ออิสลามของท่านยาวนานเหลือเกิน ทั้ง ที่ท่านมีชีวิตอยู่แค่เพียง 30 กว่าปีเท่านั้น ท่านและเพื่อนพ้องในวัยเดียวกันได้รวมตัวกันเผยแพร่ อิสลามแก่ชาวมะดีนะฮฺ โดยกลุ่มนักท�ำงานของท่านมุอ๊าซประสบความส�ำเร็จเป็นอย่างมาก
71
ในการเชิญชวนท่าน อัมรฺ บิน อัลญะมั๊วะฮฺ ให้เข้ารับอิสลาม ซึ่งท่านได้ยึดมั่นรูปปั้น รูปหนึ่งเป็นเจ้าและดูแลเอาใจใส่อย่างดีเยี่ยงสมบัติอันล�้ำค่า ท่านมุอ๊าซและพรรคพวก ได้แอบ เข้าไปน�ำรูปปั้นของท่านอัมรฺไปทิ้งที่กองขยะ เมื่อท่านอัมรฺตื่นขึ้นมาในตอนเช้าไม่พบรูปปั้นของ ตนจึงออกตามหาและพบว่าอยู่ในกองขยะ หลังจากนั้นท่านมุอ๊าซได้กระท�ำเช่นนี้อีกหลายครั้ง ท่านอัมรฺโกรธมาก จนสุดท้ายได้น�ำดาบมาแขวนไว้ที่รูปปั้นโดยหวังให้รูปปั้นนั้นใช้ในการป้องกัน ตัว ท่านมุอ๊าซและพรรคพวกก็ได้กระท�ำการเช่นเดิมโดย น�ำดาบออกและน�ำสุนัขเน่ามาแทนที่ และลากไปไว้ที่กองขยะเช่นเดิม เมื่อท่านอัมรฺตื่นมาพบ จึงส�ำนึกได้ว่าหากสิ่งนี้เป็นพระเจ้าจริง มันคงไม่ปล่อยให้ตนเองถูกกระท�ำเช่นนี้ หลังจากนั้นไม่นานท่านอัมรฺก็เข้ารับนับถืออิสลาม หลังการอพยพของท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ท่านมุอ๊าซได้ มาศึกษาเล่าเรียน ทั้งด้านอัลกุรอานและบทบัญญัติทางศาสนา จนเกิดความเชี่ยวชาญจนได้ชื่อว่า เป็นบุคคลที่ท่องจ�ำอัลกุรอานได้เป็นอย่างดี ครั้งเมื่อชาวยะมันเข้ารับนับถืออิสลาม และต้องการ ผู้มีความรู้ไปอบรมสั่งสอน ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้จัดคณะหนึ่งไป โดยแต่งตั้งให้ท่านมุอ๊าซเป็นหัวหน้าคณะ นอกจากนี้ท่านยังเป็น 1 ใน 4 ของผู้รวบรวมอัลกุรอาน เป็น 1 ใน 3 ของผู้ท�ำหน้าที่ชี้ขาดปัญหาศาสนา ในสมัยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ท่านเป็นบุคคลที่ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม รับรองว่าเป็นผู้ที่มีความรู้มาก ที่สุดในเรื่องของหะล้าลและหะรอม และท่านอุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ เคยประกาศไว้ว่า ผู้ใดต้องการ รู้รายละเอียดและเข้าใจศาสนาอย่างถูกต้อง ก็จงมาหามุอ๊าซ อิบนิ ญะบัล? ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม รักท่านมุอ๊าซ อย่างเหลือเกิน ในการ เดินทางก่อนไปเมืองยะมัน ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้บอกกับท่านมุอ๊าซ ว่าอาจจะไม่ได้พบกันอีกและได้ปลอบใจว่า ? โอ้ มุอ๊าซ ที่จริง ผู้ที่เป็นมิตรกับฉัน หรือผู้ที่ใกล้ชิด กับฉันนั้น คือบรรดาผู้ศรัทธา ไม่ว่าเขาจะอยู่ ณ ที่แห่งใด หรือจะมีสภาพเช่นไรก็ตาม
72
ท่านมุอ๊าซ ได้ประสบกับโรคระบาดและสิ้นชีวิตที่ประเทศปาเลสไตน์ ในฮิจญเราะฮฺ ศักราชที่ 18 ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีวิตท่านได้กล่าวว่า “ยินดีต้อนรับความตายที่มาเยือน ซึ่งได้หาย หน้าไปเสียนานและขณะนี้ฉันยังฉันก�ำลังคิดอยู่” และท่านมองไปที่ท้องฟ้าและกล่าวว่า “ข้าแต่ อัลลอฮฺแท้จริงพระองค์ทรงรู้ดีว่า ข้าพระองค์มิได้เป็นผู้ที่รักและหลงในดุนยา หรืออยากจะมีชีวิต อยู่อย่างยาวนาน เพื่อสนุกสนานเพลิดเพลินกับการปลูกต้นไม้หรือท�ำสวน หากแต่ข้าพระองค์อ ยุ่เพื่ออดทนต่อความหิวกระหาย ในขณะที่ข้าพระองค์ถือศีลอด ยอมอดนอนเพื่อลุกขึ้นกระท�ำ ละหมาดในตอนกลางดึก และอยู่เพื่อแข่งขันกับผู้รู้ในการแสวงหาวิชาความรู้ ข้าแต่อัลลอฮฺข้า พระองค์ขอให้พระองค์รับเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปด้วยดี ดังที่พระองค์รับเอาชีวิตของบรรดาผู้ ศรัทธาทั้งหลายด้วยเถิด”
- เรียบเรียงจาก ประวัติซอฮาบะฮฺ เล่มที่ 1 หน้า 42 -57 -
73
“ และผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันกียามัต เขาควรเชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติของเขา ” (รายงานโดยอัลบุคอรี)
74
023 นบี(ซ.ล.)ที่ฉันคิดถึง... อบูคอลิด อับดุลกอเดร บิน ตะมาม " สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ " ไม่แน่ใจว่าใครคือเจ้าของวาทะดังกล่าว !!! แต่นี่คือวาทะ ของ มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม " บ่าวคนหนึ่งจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าฉันจะกลาย เป็นคนที่เขารักมากกว่าครอบครัวของเขา มากกว่าทรัพย์สินของเขา และมากกว่ามนุษย์ทุก ๆคน" (บันทึกโดย...มุสลิม :69 และ อบู ยะอฺลา :3895) ผู้ซึ่งสมควรได้รับการเรียกขานว่าวีรบุรุษ ผู้เติบโตมาจากเด็กเลี้ยงแพะเลี้ยงแกะตามเชิง เขา สู่มหาศาสดาของโลก ผู้ผ่านการทดสอบจากสถานการณ์ทุกรูปแบบมาอย่างโชกโชน ผู้น�ำ สาส์นจากพระผู้เป็นเจ้า มาเผยแผ่แด่มวลมนุษยชาติ ผู้น�ำแสงสว่างมาขับไล่ความมืดมน น�ำความ สุขสงบ และความยุติธรรม มาขจัดความทุกข์โศกและความอธรรมไปเสียสิ้น มหาบุรุษผู้ซึ่งศรัทธาที่เรามีจะยังไม่สมบูรณ์ จนกว่าเราจะมอบความรักให้แก่ท่านมากกว่า ตัวเราเอง และยอมปฏิบัติตามแบบฉบับของท่านโดยดุษฎี คือนบีผู้เป็นที่รักและคิดถึงของฉัน และ ของประชาชาติผู้ศรัทธาทั่วโลก คือ บุคคลที่ จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ กล่าวถึงว่า “ถ้าหากคนอย่างมูฮัมหมัด ได้เป็นผู้มีอ�ำนาจเบ็ดเสร็จในโลกสมัยใหม่แล้ว เขาจะประสบความ ส�ำเร็จในการแก้ปัญหา ที่จะน�ำมาซึ่งสันติภาพและความสุข "
75
นบี(ซล.)ที่ฉันคิดถึง... โอ้ท่านนบี ...ยามใดที่ฉันหิวโหยหรือพบพี่น้องของฉันก�ำลังหิวโหย ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด จะไม่ให้คิดถึงได้อย่างไรเล่าเพราะท่านคือแบบอย่างให้แก่มวลมนุษยชาติ ในการอดทนต่อความ หิวได้ดีที่สุด ครอบครัวของท่านคือครอบครัวที่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ รอฎิยัลลอฮุ อันฮา กล่าวว่า “ ครอบครัวของนบีมูฮัมหมัด ไม่เคยกินอิ่มจากอาหารแป้งสามคืนติดต่อกันเลย นับตั้งแต่ระยะ เวลาที่ท่านมาอยู่มะดีนะฮฺจนกระทั่งท่านเสียชีวิต ” (บันทึกโดย...อัล-บุคอรีย์ : 5416 และ มุสลิมตามส�ำนวนนี้ : 2970) มิใช่ท่านและเหล่าสหายของท่านดอกหรือที่เอาก้อนหินมาผูกที่ท้องไว้เพื่อประทังความ หิวโหยในวันแห่งการถูกทดสอบ แล้วในสถานการณ์เช่นนั้น ความเป็นวีรบุรุษก็ฉายชัดขึ้นมาอย่าง มิต้องสงสัยใด ๆ โอ้ท่านนบี ...ยามใดที่ฉันหวาดกลัวและกังวลใจต่อเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้น ฉันคิดถึงท่าน เป็นที่สุด เพราะ ท่านมิใช่หรือ ? ในวันที่อยู่กับสหายผู้ยิ่งใหญ่นาม อบูบักร อัศศิดดี๊ก ในถ�้ำเล็กๆที่ ชื่อว่า ถ�้ำษูร ขณะที่ก�ำลังหลบหนีการไล่ล่า หมายเอาชีวิตของเหล่าศัตรู ท่านมิใช่หรือ ? ที่ผินหน้า สู่สหายรักของท่าน ด้วยรอยยิ้มเปล่งประกายพลางกล่าวว่า "โอ้สหายแห่งข้า ท่านอย่าได้หวาด วิตกและอย่าได้เศร้าโศกไปเลย เพราะแท้จริง อัลลอฮฺ ทรงอยู่กับเราเสมอ" โอ้ท่านนบี ...ในยามที่ฉันรักใครคนใดคนหนึ่งเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ฉัน คิดถึงท่านเป็นที่สุด ฉันมิได้รักพวกเขามากกว่าท่าน ฉันตระหนักดีในเรื่องนี้ดี เพราะท่านได้บอก พวกเราว่า “บ่าวคนหนึ่งจะยังไม่ศรัทธา จนกว่าฉันจะกลายเป็นคนที่เขารักมากกว่าครอบครัว ของเขา มากกว่าทรัพย์สินของเขา และมากกว่ามนุษย์ทุกคน ” (บันทึกโดย...มุสลิม :69 และ อบู ยะอฺลา :3895) ฉันจึงมอบความรักและความคิดถึงแด่ท่านมากกว่าผู้ใด รวมถึงตัวของฉันเอง โอ้ท่านนบี ...เมื่อฉันได้รู้จักกับมิตรสหายคนหนึ่ง ฉันรักและคิดถึงเขาในยามที่เราอยู่ไกลกัน แต่ฉันกลับคิดถึงท่านยิ่งกว่า เพราะท่านอีกเช่นกันที่บอกว่า “ ผู้ศรัทธาที่รักกันเพื่ออัลลอฮฺ จะ ได้อยู่ภายใต้ร่มเงาแห่งบัลลังก์ของพระองค์ ในวันซึ่งไม่มีร่มเงาใดๆ นอกจากร่มเงาของพระองค์ “ (บันทึกโดย...อัล-บุคอรียฺ และ มุสลิม) และท่านก็คือแบบฉบับที่เยี่ยมยอดที่สุด ในการปฏิสัมพันธ์กับเหล่าสหายรักของท่าน
76
โอ้ท่านนบี ... เมื่อฉันผินหน้ามองไปยังเพื่อนบ้านเหล่านั้น ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด และ เด็ก ๆ พวกนั้นเล่า.... ฉันปรารถนาให้พวกเขาได้รับในสิทธิแห่งความเป็นเพื่อนบ้าน เฉกเช่นกับที่ เพื่อนบ้านของท่านได้รับจากท่าน ตลอดระยะเวลาที่ท่านอยู่กับพวกเขา ก็ท่านได้ กล่าวถึงเพื่อน บ้านว่า “ ญิบรีลยังคงสั่งเสียแก่ฉัน เกี่ยวกับเพื่อนบ้านจนกระทั่งฉันคิดว่า เพื่อนบ้านจะสามารถรับมรดก ของเพื่อนบ้านได้ ” (บันทึกโดย บุคอรี และ มุสลิม) โอ้ท่านนบี ...เมื่อฉันต้องเดินทางไกล ระเหเร่ร่อน ตามหาเป้าหมายของชีวิต และเสาะ แสวงหาความจริงใจจากผู้คนทั้งหลาย บนหน้าแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ ท่านคือคนที่ฉันคิดถึงเป็น ที่สุด เพราะท่านเคยสอนว่า ชีวิตคือการเดินทาง โลกดุนยาคือทางผ่าน เปรียบเสมือนร่มไม้ให้ ที่พักพิงเพียงชั่วครู่เท่านั้น แล้วการเดินทางสู่เส้นทางอันไกล้โพ้น ก็จะยังคงต้องด�ำเนินต่อไป และท่านคือแบบอย่างแห่งความเด็ดเดี่ยวที่ฉันมิอาจหาผู้ใดมาเปรียบปานได้ ท่านคือที่สุดของนัก เดินทางผู้เดินทางไปสู่ฟากฝั่งของพระองค์ ท่านคือครูของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส คือครูของอิบนุ บัตฏูเฏาะฮฺ และนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่อีกหลายชีวิต โดยที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้พบเจอท่าน ท่าน ได้เป็นต้นแบบให้พวกเขาในการเดินทางเพื่อพิจารณาถึงการสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ชี้ ทางให้พวกเขาว่าข่าวดีจะเป็นของผู้ที่เชื่อฟังและปฏิบัติตามท่าน แต่ก็น่าเสียดายส�ำหรับบางคนที่ แสดงความดื้อรั้นออกมา หลังจากสัจธรรมได้เป็นที่ประจักษ์แล้ว โอ้ท่านนบี ... บางครั้งเมื่อฉันเผชิญหน้ากับปัญหาใด ๆ ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด เพราะท่าน คือผู้ที่ให้ความเชื่อมั่นแก่ฉันว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอส�ำหรับผู้ย�ำเกรง ขอแค่มีสติและแก้ปัญหา อย่างชาญฉลาด แน่นอนที่สุดว่าท่านเองก็ผ่านสถานการณ์อันเลวร้ายมาอย่างมากมาย ท่านผ่าน พ้นมาได้พร้อมกับชัยชนะเสมอ ภายใต้การช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ แล้วฉันจะท้อแท้และหมดหวัง ไปเพื่ออะไรเล่า ? โอ้ท่านนบี ...ยามที่ฉันอยู่คนเดียวในห้องเล็ก ๆ เมื่อฉันคิดถึงพ่อและแม่ ฉันกลับคิดถึง ท่านมากว่า ท่านคือคนที่ ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า มีอาชีพเสี้ยงแพะแกะ และออกเดินทาง ค้าขาย ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้พบหน้าพ่อผู้บังเกิดเกล้า ไม่มีโอกาสที่จะปรนนิบัติผู้เป็นแม่ ชีวิต ของท่านมีแต่การเดินทาง เหยียบย�่ำไปทั่วทุกที่ของเมืองมะดีนะฮฺและยังดินแดนห่างไกล เพื่อประ กาศสาน์สแห่งพระเจ้า
77
ท่านคือผู้ที่ต้องยอมละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนอันเป็นที่รัก เพื่ออพยพไปบนหน้าแผ่นดินของอัลลอฮฺ น�ำแสงสว่างไปมอบให้แก่มวลมนุษยชาติ สนองตอบตามพระบัญชาของพระองค์ ถึงแม้ว่าท่าน ไม่มีโอกาสพบหน้าบิดาของท่าน ไม่มีโอกาสปรนนิบัติต่อมารดาของท่าน ในขณะที่ฉันเองมีโอกาส นั้น แต่ฉันก็ยกให้ท่านเป็นลูกผู้กตัญญูที่สุดต่อบุพการี เพราะท่านคือผู้น�ำศาสนามาสั่งสอนแก่ มนุษยโลกที่สอนให้ รักเคารพ เชื่อฟังและกตัญญูต่อท่านทั้งสองภายใต้การเชื่อฟังพระเจ้าแห่งชั้น ฟ้าและแผ่นดิน โอ้ท่านนบี ...ในสนามละหมาดอีดอันกว้างใหญ่ อันเป็นการเฉลิมฉลอง หลังสิ้นสุดเดือน รอมดอน เสียงตักบีรดังกระหึ่ม เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ผู้ทรงส่งท่านมา เป็นความ เมตตาแห่งมนุษย์ชาติ ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศค่อยๆทยอย หลั่งไหลกันมาที่นี่ มารวมตัวกันเพื่อ ขอบคุณต่ออัลลอฮฺ เราทั้งหลายได้พบปะ สวมกอดและอวยพรวันอีดให้แก่กัน ท่านสอนพวกเรา ให้มีความรักสามัคคีต่อกัน รักและปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก ไม่ว่าจะพูดจาภาษาใด เชื้อชาติใด สีผิวจะเหมือนหรือต่างกัน ฉันคิดถึงท่านเป็นที่สุด ฉันคิดถึงท่านในวันแห่งฮัจญ์อ�ำลา วันที่ท่าน กล่าวบรรดาอัครสาวกของท่านว่า "โอ้... ผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากเมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องจากพวกท่านไปแล้ว พวกท่านจงอย่าได้หัน กลับไปต่อสู้เป็นศัตรูหลั่งเลือดกันเหมือนอย่างเช่นสมัยแห่งความโง่เขลาดังที่ได้ผ่านมา แท้จริงฉัน ได้มอบสิ่งหนึ่งแก่พวกท่านทั้งหลาย ซึ่งหากพวกท่านยึดเอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว ท่านทั้งหลายจะไม่ หลงออกไปสู่แนวทางที่เหลวไหลเป็นอันขาด สิ่งนั้นคือ อัลกุรอาน และซุนนะห์ของฉัน โอ้มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านมีหนึ่งเดียว และแท้จริงบิดาของพวกเจ้าก็มี หนึ่งเดียว ชาวอาหรับไม่ได้สูงส่งกว่าคนที่ไม่ใช่อาหรับ คนที่ไม่ใช่อาหรับไม่ได้สูงส่งกว่าชาวอาหรับ คนผิวขาวไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือคนผิวด�ำ และคนผิวด�ำไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือคนผิวขาว นอกจาก ด้วยความย�ำเกรง(ตักวา)เท่านั้น” สัจธรรมข้อนี้ได้เป็นที่ประจักษ์แล้ว โอ้ท่านนบี ...เมื่อฉันได้เรียนรู้ชีวประวัติของท่าน มันยิ่งท�ำให้ฉันคิดถึงท่านมากที่สุด ท่านถูกระบุอยู่ในชีวประวัติของ มหาตะมะ คานธี กล่าวถึงท่านว่า "ข้าพเจ้าต้องการที่จะรู้จักคน ที่ดีที่สุดที่ก�ำหัวใจของมนุษย์นับล้านๆคนในปัจจุบันโดยไม่อาจมีใครโต้แย้งได้ ข้าพเจ้ายิ่งกว่าเชื่อ มั่นว่า มิใช่ดาบแต่ประการใดที่ท�ำให้อิสลามได้ชัยชนะ ในอดีต หากแต่เป็นความเรียบง่าย การ ไม่ยึดติดอยู่กับตัวตนของนบี การรักษาสัญญาของท่านอย่างเคร่งครัด การอุทิศตนให้แก่เพื่อนและ บรรดาสาวก ความกล้าหาญทรหด ความไม่เกรงกลัวใคร-
78
ความไว้วางใจในพระเจ้าอย่างหมดใจ และในการปฏิบัติภารกิจของท่านเอง สิ่งเหล่านี้ต่างหาก มิใช่ดาบที่น�ำทุกสิ่งมาวางไว้ต่อหน้าพวกเขาและท�ำลายอุปสรรคทุกอย่าง เมื่อข้าพเจ้าปิดหนังสือ (ชีวประวัติของนบีมูฮัมหมัด)เล่มที่ 2 ข้าพเจ้าเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้อ่านชีวิตอันยิ่งใหญ่อีก" นี่คือชีวประวัติที่เปี่ยมล้นไปด้วยบทเรียนให้แก่ทุกแง่ทุกมุมแห่งการด�ำเนินชีวิต ท่านคือ...แบบอย่างแห่งมนุษยชาติ ท่านคือ...บ่าวผู้เคารพภักดีต่อพระเจ้า อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ท่านคือ...แบบอย่างของลูกผู้ประสบความส�ำเร็จ ที่หากใครก็ตามได้ยึดท่านเป็นแบบ อย่างแล้วไซร้ แน่นอนว่าบิดามารดาของเขาคงมีความสุขเป็นที่สุด ท่านคือ...มหาศาสดาผู้ชี้น�ำโลก คือแบบแผนของภาวะความเป็นผู้น�ำ ซึ่งหากผู้น�ำในยุค ปัจจุบัน ด�ำเนินการปกครองอย่างที่ท่านได้ท�ำเป็นแบบอย่างไว้แล้วไซร้ ฉันเชื่อมั่นว่าความสันติสุข และความยุติธรรมจะแผ่ขยายไปบนหน้าแผ่นดินของโลกใบนี้ ท่านคือ...ตัวอย่างของสามีผู้รับผิดชอบครอบครัว รักและเอาใจใส่ต่อภรรยาอย่างดียิ่ง ท่านคือ...พ่อต้นแบบ ผู้ประคับประคองและน�ำพาลูกๆ ไปสู่ความส�ำเร็จอันนิจนิรันดร สู่ ฟากฝั่งของพระเจ้าด้วยความปลอดภัย ท่านคือ...เพื่อนผู้มอบความจริงใจแก่มิตรสหาย ผู้ซึ่งพวกเขายอมสละทุกสิ่งทุกอย่างได้ เพื่อตัวท่าน รวมทั้งชีวิตของพวกเขาเอง และท่านคือ...ตัวอย่างผู้เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ข้าแด่อัลลอฮฺ ...... โอ้อัลลอฮฺ ในทุก ๆ สภาวะการณ์ นบีผู้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์ นาม มูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ก็จะยังเป็นคนที่ฉันรักและคิดถึงที่สุด .. ขอพระองค์ทรงโปรด ประทานพรและความศานติแด่นบีผู้เป็นที่รัก โปรดประทานให้ฉันมีความรักและความคิดถึงต่อ นบีของพระองค์อย่างมั่นคงตลอดไป และโปรดประทานให้ฉันและประชาชาติผู้ศรัทธาได้อยู่ร่วม กับท่านนบีในสวนสวรรค์อันนิรันดรของพระองค์ ด้วยเถิด ... อามีน ญาร็อบบัล อาละมีน
وصىل هللا عىل نبينا محمد وعىل �آهل وحصبه أ�مجعني อีดิ้ล ฟิตรี่ / ๑๔๓๒
- http://www.islammore.com/view/2324 -
79
" ผู้ใดเดินทางไปเยี่ยมคนไข้เขาจะคงอยู่ในสภาพของ ผู้ที่เก็บเกี่ยวผลพวงแห่งสรวงสวรรค์ จนกว่าเขาจะเดินทางกลับ ” (รายงานโดยมุสลิม)
80
024 หลง…ลืม -
"ญะซากัลลอฮฺคอยรอนนะหนู น้าจะเอาไปให้ลูกน้าไปเรียน" ผู้หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งกล่าวด้วยน�้ำเสียงดีใจ แววตาเป็นประกาย ท�ำเอาเราอดจะตื้นตันและรู้สึกละอายใจไม่ได้ .................................................................. เธอ…หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เธอมีลูกหลายคน สามีมีความผิดปกติทางร่างกาย ช่วง ใกล้ๆเปิดเทอม เธอจะเดินไปบ้านนู้นที บ้านนี้ที เพื่อขอเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ หรือใส่ไม่ได้ เพื่อเอาไปให้ ลูก สามี และญาติพี่น้อง ของเธอ ชุดนักเรียนของเด็กๆที่ไม่ได้ใช้แล้ว กลายเป็นชุดใหม่ของลูกๆวัย เรียน เสื้อผ้าผู้ชายที่ใส่ไม่ได้แล้ว ก็กลายเป็นเสื้อผ้าตัวใหม่ของสามี เสื้อผ้าผู้หญิงทั้งเก่าใหม่ ตั้งแต่ ชุดอยู่บ้านจนถึงชุดไปงาน กลายเป็นชุดใหม่ของเธอและญาติๆ เธอเล่าว่า .. เธอน�ำชุดเหล่านี้ไปแจกจ่ายที่บ้านญาติ ทุกคนต่างมารุมเลือกชุดกันอย่าง ชุลมุน บางชุดที่มีราคาแพง หรือชุดไปงานสวยๆ ทุกคนตื่นเต้นกันยกใหญ่ เพราะไม่มีโอกาสได้ใส่ ชุดดีๆนัก ครั้งหนึ่ง ในช่วงใกล้เปิดเทอม เราได้พบกับเธออีกครั้ง เธอเล่าว่าลูกชายวัยมัธยมก�ำลัง จะได้ทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตลอดเวลาที่เธอเล่า ไม่ว่าสายตาหรือน�้ำเสียง เราสัมผัสได้ถึง ความดีใจและภูมิใจของผู้เป็นแม่อย่างเห็นได้ชัด.. เราลองไปค้นตู้ เจอกระเป๋าใบหนึ่งของเราตั้งแต่สมัยประถมที่ยังมีสภาพดีอยู่ ลืม..เราลืม ไปแล้ว ว่ามีกระเป๋าใบนี้อยู่ กระเป๋าใบนั้น..ถูกลืมเพียงเพราะเจ้าของได้กระเป๋าใบใหม่ เราตัดสิน ใจน�ำกระเป๋าใบนี้ยื่นให้เธอ เธอจ้องกระเป๋าใบนั้นแล้วยิ้มให้เรา "ญะซากัลลอฮฺคอยรอนนะหนู น้า จะเอาไปให้ลูกน้าไปเรียน" แววตา น�้ำเสียง ความดีใจและค�ำพูดเพียงไม่กี่ค�ำของเธอ ท�ำให้เราพูด ไม่ออก
81
อัสตัฆฟิรุลลอฮฺ น่าละอายเหลือเกิน.. กับการที่เรามีของที่ยังมีสภาพดี แต่เราอยากได้ ของใหม่ เพียงเพื่อมาตอบสนองนัฟซูของเรา...เพียงเท่านั้น ของที่เราปล่อยทิ้งมาเป็นสิบปี กลับมี คุณค่ากับใครบางคนมากมาย อัลฮัมดุลิลลาฮฺ .. ทุกครั้งที่หลงลืม อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา มักส่งอะไรมาคอยเตือนใจเราเสมอ แล้วเธอล่ะ ได้อะไรจากการอ่านเรื่องราวนี้ ?
- مفكر-
82
83
“ โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงร�ำลึกถึงอัลลอฮฺด้วยการร�ำลึกที่มากมายเถิด " (อัลอะฮฺซาบ : 41)
84
025 อุปสรรค์ ระหว่างทาง ในทุกๆการเดินทาง ไม่มีหนทางใดที่ราบรื่นโดยปราศจาก อุปสรรคระหว่างทาง การเดินทางของ ชีวิตก็เช่นเดียวกัน พระผู้เป็นเจ้าของปลายทาง ได้ชี้แนะว่าสิ่งใดบ้างที่จะเป็นอุปสรรค
ِ َّ ََي أ�يُّ َا النَّ ُاس � َّن َو ْعد الل َح ٌّق فَ َل تَغ َُّرنَّ ُ ُك الْ َح َيا ُة ادلُّ نْ َيا َو َل يَغ َُّرنَّ ُك ِب َّ ِلل الْغ َُر ُور إ “โอ้มนุษย์เอ๋ย ! แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลานั้นเป็นจริงเสมอ ดังนั้น อย่า ให้การด�ำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ล่อลวงพวกเจ้า และอย่าให้การหลอกล่อ (ชัยฏอน) มาล่อลวงพวกเจ้า เกี่ยวกับอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาเป็นอันขาด” ซูเราะฮฺฟาฏิร อายะฮฺ 5
� َّن ال�شَّ ْي َط َان لَ ُ ْك عَدُ ٌّو فَ َّ ِات ُذو ُه عَدُ ًّوا �ن َّ َما يَدْ عُو إ إ الس ِع ِري ِ ِح ْزب َ ُه ِل َي ُكون ُوا ِم ْن أ� ْص َّ َاب “แท้จริง มารชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงถือว่ามันเป็นศัตรู แท้จริง มันเรียก ร้องพลพรรคของมัน เพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง” ซูเราะฮฺฟาฏิร อายะฮฺ 6 อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาเรียก โอ้มนุษย์เอ๋ย.... ค�ำเรียกร้องนี้ ไม่ใช่เรียกเพียงผู้ศรัทธา ไม่ว่า จะเป็นใคร เป็นผู้กระท�ำดี กระท�ำชั่ว เป็นผู้มีความรู้หรือคนไม่มีความรู้ เป็นผู้ศรัทธา หรือปฏิเสธ ศรัทธา พระองค์ทรงเรียกทั้งหมด เรียกเพื่อที่จะบอกว่า 2 สิ่งที่จะคอยขัดขวาง คอยล่อลวงมนุษย์ นั้นคือ ดุนยา(โลกนี้) และชัยฏอน
85
ดุนยา : ทุกสิ่งที่อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงสร้างขึ้น มาเพื่อเป็นประโยชน์ ขณะ เดียวกันมันก็จะเป็นบททดสอบ ที่จะมาล่อลวง เรายังจ�ำเหตุการณ์หนึ่งสมัยท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ไหม ขณะที่ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ ท�ำการดะอฺวะฮฺอิสลามในมักกะฮฺ อบูละหับได้ยื่นข้อเสนอ ว่า หากท่านต้องการความเป็นผู้น�ำ ให้ คนเคารพเชื่อฟัง หากท่านต้องการเงิน และสตรี เขาก็จะสรรหามาให้ โดยให้ท่านหยุดเรียกร้อง ผู้คนสู่อิสลาม นี่คือดุนยาที่ถูกเสนอมาแก่ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ ส�ำหรับมนุษย์แล้วดุนยาถูกเสนอมาให้แก่เขาทุกช่วงเวลา ดุนยาท�ำให้รู้สึกสุขสบาย สนุกสนาน และเพลิดเพลิน แต่ลึกๆลงไปมนุษย์ย่อมรู้ว่ามันไม่ใช่ที่สุดของความสุข ไม่เคยพบถึงความจีรังและ ความยั่งยืน ดังนั้น โอ้มนุษย์เอ๋ย จงระวังเถิด ระวังการล่อลวงของดุนยา เพราะบางทีท่านอาจจะลุ่มหลงจนลืมว่าดุน ยานั้นคือสถานีระหว่างทาง อาคีเราะฮฺต่างหากคือสถานีที่เป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทาง ชัยฏอน : อีกหนึ่งอุปสรรคส�ำคัญของการเดินทาง ซึ่งสถานะของมัน มีเพียงสถานะ เดียวคือ ศัตรู! นี่คือสิ่งชัดเจนที่อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาทรงบอกไว้ เมื่อใดที่พระองค์บอกว่า เป็นศัตรู นั่นคือ การประกาศศึกสงคราม จ�ำเป็นต้องต่อสู้กับมัน การงานของมันไม่มีอื่นใดแล้ว นอกจากการล่อลวงมนุษย์ไปสู่ความชั่ว และสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าการล่อลวงคือ การที่มันท�ำให้สิ่ง เลวร้าย สิ่งน่าอับอายต่างๆ กลายเป็นสิ่งที่ดี น่าชื่นชม น่าภาคภูมิใจ จนหัวใจมนุษย์ไม่รู้สึกละลาย ต่อสิ่งเลวร้ายเหล่านั้น ไม่มีหัวใจของการเตาบะฮฺ การส�ำนึกผิดอีกต่อไป วัลอิยาซุบิลลาฮฺ (ขอความ คุ้มครองจากอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ให้ห่างไกลจากสิ่งนี้)) “แท้จริง มันเรียกร้องพลพรรคของมัน เพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง” ชัย ฎอนผู้โง่เขลาที่ยอมแลกสวนสวรรค์ ขอเพียงไม่ต้อง(ก้มหัว)ต่อท่านนบีอาดัม อะลัยฮิสสลาม ตาม ค�ำสั่งของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นโอ้มนุษย์เอ่ย สหายเช่นนี้หรือที่ท่านต้องการ สหายเช่นนี้หรือที่บาง คนในหมู่พวกท่านยอมก้มหัวให้มัน จ�ำไว้เถิดว่าไม่มีมิตรที่แท้จริงคนไหนที่เรียกเพื่อนของเขาไปสู่ นรก และมีคนที่มีสติปัญญาอีกกี่คนที่ยังตอบรับค�ำเรียกร้องของมัน?
86
ดุอาอฺขอให้พ้นจากชัยฏอนและสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลาย
« ِم َن ال�شَّ ْي َط ِان َّالر ِج ْي، َو ُسلْ َطا ِن ِه الْ َق ِد ْ ِي، َوب َِو ْ ِج ِه ْال َك ِر ْ ِي،» أ�ع ُْو ُذ ِب ِهلل الْ َع ِظ ْ ِي (466 )حصحه أ�يب داود برمق “ข้าขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ และด้วยพระพักตร์อันทรงเกียรติของพระองค์ และด้วยอ�ำนาจอันดั้งเดิมแห่งพระองค์ จากชัยฏอนผู้ถูกสาปแช่ง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอบู ดาวูด)
- A-HAD -
87
“เมื่อบ่าวของข้าถามเจ้าถึงข้าแล้ว (ก็จงตอบเถิดว่า) แท้จริงข้านั้นอยู่ใกล้ ข้าจะตอบรับค�ำวิงวอนของผู้ที่ วิงวอน เมื่อเขาวิงวอนต่อข้า " (อัลบะกอเราะฮฺ : 186)
88
มดคันไฟ เล่มที่ 7 ตอน ระหว่างทาง
_ วารสารชมรมนักศึกษามุสลิม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ปีการศึกษา 2559 _ บรรณาธิการ มูร๊อด , อารียา ฝ่ายรวบรวม นัสรุน , บัยฮากี เบนนาซี , อัสมา , ฮายาต ฝ่ายคัดกรอง อามาน , อลิฟ , ฟารุค อัลมาร์ซ , รอดียะห์ ฝ่ายพิสูจน์อักษร เจ๊ะอุสมาน , มุสตอฟา , อับดุลฮาลีม ฮายาตี , ตัสมา , มารียะห์ , โซเฟีย ฝ่ายศิลปกรรม มูฮ�ำหมัด , ฟูอ๊าด , ฟุรซาน อติยาฮ์ , รอยญา , ซาฟีนา ฝ่ายติดต่อโรงพิมพ์ มูนีร , นัสรุน ฝ่ายประสานงาน อับดุลสลาม , มูร๊อด ลียานา , ซาช่า , อัสมะ _ ติดต่อ ชมรมนักศึกษามุสลิม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อาคารพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ 190 ปี มจธ. 126 ถ.ประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 _ https://www.facebook.com/ชมรมมุสลิมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
89