!
ผมกำลังนั่งรถไฟลงใต้ครับ...
จากสถานีหัวลำโพงสู่สุไหง-โกลกกินระยะทางไปกว่าพันกิโลเมตร คงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ กว่าผมจะ เดินทางถึงปลายทางที่วางไว้ รถไฟสายใต้ยังคงเป็นสิ่งที่ผมไม่คุ้นเคย ผิดกับสายเหนือที่ผมมักเลือกใช้เป็นเส้น ทางกลับบ้านที่เชียงใหม่เป็นประจำ กล่ินที่คุ้ยเคยของดินและหญ้าเย็นๆ จึงถูกแทนที่ด้วยเป็นกลิ่นน้ำทะเลอุ่น กึกกึก กึกกึก กึกกึก กึกกึก … งูเหล็กตัวใหญ่เลื้อยไปอย่างช้าๆ ตามรางไม้ที่ผุพัง แรงสั่นสะเทือน ของมันคอยย้ำให้ผมรู้ว่าผมกำลังมุ่งหน้าไกลออกไป ห่างออกไปจากเรื่องราวที่ผมทิ้งไว้ข้างหลัง
!
มันเป็นห้วงเวลาที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตผมเลยก็ว่าได้ เสียงเบสหนักๆ ปลุกเอาสัญชาตญานนัก ท่องราตรีให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง ในคืนที่พระจันทร์ใกล้จะเต็มดวง ผมกำลังสบตากับเธอ ผู้หญิงที่ผมหลงรักซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ แม้ทุกครั้งจะมีคำว่า ‘เพื่อน’ เป็นเหมือนแผงกั้นรถไฟที่ปิดลงตรงหน้าไม่สามารถ ข้ามไปได้ แต่สำหรับในคืนนี้มีบางอย่างที่ต่างออกไป
!
ผมชอบเลือกที่นั่งที่หันหลังให้กับจุดหมาย เพื่อให้ลมไม่ตีหน้ามากเกินไปเวลารถแล่น ผมจึงมองเห็นวิว ทิวทัศน์ที่ค่อยๆ ไกลออกไป ผมเลือกจะมองมันห่างออกไปเรื่อยๆ พลางสงสัยว่าต้องใช้เวลาเท่าไหนกันนะ กว่าที่มันจะลับสายตาเราไป
!
แรงดึงดูดบางอย่างสะกดผมให้ไม่สามารถละสายตาจากเธอได้ เมื่ออยู่ในระยะที่ลมหายใจของเธอ สัมผัสกับใบหน้าของผม ร่างกายสั่งให้ผมก้มตัวเข้าใกล้เธอเรื่อยๆ พลางสงสัยว่าวินาทีที่เท่าไหร่ที่เราจะได้ สัมผัสกัน
!
คุณเคยเจอทางแยกที่ถอยหลังกลับไม่ได้ไหม? การเดินทางด้วยรถไฟนั้นไม่เหมือนกับการโดยสาร รถยนต์ รถประจำทาง เรือหรือเครื่องบิน เพราะรถไฟถูกบังคับโดยราง ที่บีบให้เราเดินหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่ สามารถย้อนกลับได้ ตอนนี้ผมอยู่ที่ชุมทางหาดใหญ่ เส้นทางที่ถูกแบ่งออกเป็นสองสาย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทางสาย ไหนมันดีกว่ากัน
!
ผมไม่มีทางให้ถอยกลับ ผมรู้ดีทันทีที่เราเหลือกันอยู่แค่เพียงสองคนในห้องน้ำบาร์ ท่ามกลางรสขม ของแอลกอฮอล์และกลิ่นหอมควันบุหรี่ เราสองคนปล่อยร่างกายไปตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นตรงหน้า เราสอด ประสานราวกับล้อและรางเหล็ก มันข้ามผ่านทุกหมอนไม้ที่รองรางอย่างดุดัน บนทางแยกนี้ผมรู้ดีว่ามันจะสุด สายที่ทางตัน ไม่ก็ตกเหวไปเสียเลย “สุดทางแล้ว” ผมรำพึงกับตัวเอง เราต่างรู้ดีว่าเมื่อค่ำคืนนี้สิ้นสุดลง ราง รถไฟนั้นจะขาดสะบั้นลงทันที
!
รถไฟสายใต้กระชากตัวหยุดเมื่อถึงที่หมาย เสียงระฆังดังระงมไปทั่วสถานีสุไหง-โกลก เป็นครั้งแรกที่ ผมดีใจที่รถไฟไม่สามารถแล่นถอยหลังได้ เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมาถึงที่นี่ได้โดยไม่เปลี่ยนใจกลางคัน “สุดทางแล้ว” รอบนี้ไม่ใช่ผมที่เอ่ยปาก แต่เป็นนายสถานีที่ขึ้นมาตรวจความเรียบร้อย ผมหยิบสัมภาระที่ ติดตัวมาน้อยนิดก่อนก้าวลงไปยังชานชาลา ผมไม่รู้หรอกว่าเส้นทางที่ผมเลือกมาวันนี้จะพาผมไปสุดที่ตรงไหน แต่ชีวิตคนก็ควรเป็นเหมือนรถไฟที่ แล่นไปข้างหน้าตามรางโดยไม่สนใจสิ่งที่อยู่ข้างหลัง รางรถไฟที่มีชื่อว่า ‘โชคชะตา’
!
สุดรางเหล็ก ษฎาวุฒิ อุปลกะลิน 5445135328