Piyada's Portfolio

Page 1

PORTFOLIO Piyada Sakarin





WRITING



ARS Magazine











Looksilp Newspaper


ประถมวัย : ปฐมบทแห่งการแข่งขัน

“รั บสอนพิเศษตัวต่ อตัว ชัน้ อนุบาล – ประถม ต้ น” ป้ายโฆษณาข้ างรัว้ โรงเรี ยนแห่งหนึง่ ก�ำลังท�ำหน้ าที่ สื่อสารอะไรบางอย่างแก่เรา เมื่อนึกย้ อนกลับไปสมัยเรา เป็ นเด็กชันอนุ ้ บาล คงจ�ำอะไรไม่ได้ มากกว่าการวิ่งไล่จบั กับ เพื่อนที่โรงเรี ยน หรื อการได้ นอนพักกลางวัน แต่ปัจจุบนั ดู เหมือนว่าเป็ นเรื่ องปกติไปเสียแล้ ว กับการที่ผ้ ปู กครองยุค ใหม่เห็นว่า เด็กเล็กจ�ำเป็ นต้ องเรี ยนหนัก เพื่อเตรี ยมความ พร้ อมส�ำหรับการแข่งขันในอนาคตของพวกเขาที่ก�ำลังจะ เกิดขึ ้น จากผลงานวิจยั ของบริ ษัทฮอริ ซอนคีย์ (Horizonkey) ในประเทศจีน พบว่ามีเด็กจ�ำนวนมากเหน็ดเหนื่อย จากการเรี ยนหนักตลอดวัน ทังยั ้ งต้ องกลับมาเผชิญกับ การบ้ านกองโต การที่เด็กเล็กต้ องเรี ยนหนักขนาดนี ้ ไม่เพียง ฉกฉวยเวลาเล่นสนุกของเขาไป แต่ยงั น�ำเอาเวลาพักที่เด็ก สมควรได้ รับไปด้ วย เด็กในสังคมทุกวันนี ้นอกจากเรี ยนในชันเรี ้ ยนปกติ แล้ ว 62% มีเรี ยนเสริ มในวิชาต่างๆ ทังในช่ ้ วงวันหยุด และ หลังเลิกเรี ยน โดยวิชาที่ผ้ ปู กครองนิยมส่งลูกให้ เเรี ยน คือ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี และนาฏศิลป์ มี เพียง10% ในจากทังหมด ้ บอกว่าสนุกที่ได้ เรี ยนพิเศษ ส่วน ที่เหลือกลับอยากมีเวลาพักผ่อน และเล่นมากกว่า ที่นา่ สนใจคือ ในแต่ละวันเด็กๆ ส่วนใหญ่ ใช้ เวลาอยูท่ ี่โรงเรี ยน ถึง 9 ชัว่ โมง ซึง่ มากกว่าชัว่ โมงทํางานของผู้ใหญ่เสียด้ วยซ� ้ำ บ่ายวันเสาร์ ข้ าวปั น้ เด็กชายวัย 8 ขวบก�ำลังนัง่ เรี ยนพิเศษ ตัวต่อตัว วิชาภาษาอังกฤษ กับครูพิเศษที่ ศศิญา ดาวลอย

แม่ของข้ าวปั น้ จ้ างมาสอนเป็ นพิเศษถึงบ้ าน เธอบอกถึง สาเหตุหลักที่ให้ ลกู เรี ยนพิเศษ นัน่ เป็ นเพราะ เธอไม่สามารถ สอนการบ้ านลูกได้ ทังเธอยั ้ งเชื่อว่า ลูกเลือกที่จะเชื่อฟั งครู มากกว่า มันเป็ นผลจากการที่เธอส่งข้ าวปั น้ เข้ าเรี ยน โรงเรี ยนสองภาษา ท�ำให้ วิชาต่างๆ มีการเรี ยนการสอนเป็ น ภาษาอังกฤษ เธอจึงไม่มีความรู้มากพอ ที่จะสอนลูกด้ วย ตัวเอง เพื่อให้ ลกู ชินกับการเรี ยน ศศิญาเลือกส่งลูกเรี ยน พิเศษตังแต่ ้ ชนั ้ เตรี ยมอนุบาล เธอมองว่าการเริ่ มต้ นก่อน ถือเป็ นความได้ เปรี ยบ หากเรี ยนรู้ได้ มาก ก็ยอ่ มไปได้ ไกล กว่าเด็กคนอื่น โอกาสที่จะประสบความส�ำเร็ จในอนาคตก็ ย่อมมีมากขึ ้น ส่วนการเลือกโรงเรี ยน ก็เหมือนการเลือกสังคมให้ ลูก เมื่อได้ เข้ าเรี ยนในโรงเรี ยนชื่อดัง ไม่แปลกที่โรงเรี ยน เหล่านันก็ ้ ยอ่ มมีการแข่งขันที่สงู ตามไปด้ วย หากเด็กคน ไหนตามเพื่อนไม่ทนั การเรี ยนพิเศษก็เหมือนลูกโซ่ ที่ผ้ ู ปกครองจะต้ องแก้ ปัญหาด้ วยการให้ ลูกด้ วยการให้ เรี ยน เสริ มด้ านวิชาการ เด็กก็เหมือนผ้ าขาว เมื่อปลูกฝั งให้ รักเรี ยนตังแต่ ้ เด็ก เขาก็จะซึมซับ และคิดว่าเป็ นหน้ าที่ของตัวเองที่ต้องท�ำ “ให้ เขาเรี ยน ให้ เขาอ่านออกเขียนได้ เมื่อถึงเวลาอยากเรี ยน รู้อะไร เขาก็สามารถไปหาอ่าน ไปเรี ยนรู้ของเขาได้ เอง เพราะพ่อแม่ไม่ได้ อยูเ่ ลี ้ยงลูกจนตายนะ” ศศิญาบอกด้ วย สีหน้ าจริ งจัง ด้ านครูผ้ สู อนอย่าง นางสาว ดวงพร (ขอสงวน นามสกุล)คุณครูโรงเรี ยนเอกชนแห่งหนึง่ เห็นว่า เหตุผลหนึง่ ที่พอ่ แม่เลือกส่งลูกให้ เรี ยนพิเศษ คือผู้ปกครองต้ องท�ำงาน จนไม่มีเวลาดูแลลูก จ�ำเป็ นต้ องปล่อยเด็กให้ อยูต่ ามล�ำพัง อาจท�ำให้ เด็กติดเทคโนโลยี เช่นการติดเกมที่ไม่เหมาะสม แต่การมาเรี ยนพิเศษ นอกจากจะได้ ความรู้แล้ ว ยังมีครูที่ ช่วยดูแล


นอกจากนัน้ หลักสูตรการเรี ยนการสอน ที่ปรับ เนื ้อหาใหม่ ส่งผลให้ เนื ้อหาเพิ่มมากขึ ้น จนเด็กใช้ เวลากับ บทเรี ยนในแต่ละบทน้ อยลง จนเด็กมีพื ้นฐานความรู้ไม่มาก พอ ดังนันการเรี ้ ยนพิเศษจึงเป็ นการเพิ่มพื ้นฐาน และเพิ่ม คุณภาพทางวิชาการให้ แก่เด็กมากขึ ้น “ผมไม่เห็นด้ วยกับการเรี ยนเสริ มด้ านวิชาการใน เด็กวัยประถมเลย เพราะการเรี ยนมากขนาดนี ้จะท�ำให้ เด็ก ไม่มีพื ้นที่ความเป็ นเด็ก ไม่ได้ ใช้ เวลาเพื่อเป็ นเด็ก เป็ นชีวิต สังเคราะห์ที่คล้ ายหุน่ ยนต์ คือเขาจะไม่คอ่ ยมีเพื่อน ขาด ทักษะทางสังคม มีความสามารถจ�ำกัดแค่วิชาการ พอเจอ ปั ญหาชีวิตก็ไม่สามารถแก้ ได้ ” รองศาสตราจารย์ ลิขิต กาญจนาภรณ์ ภาควิชา จิตวิทยาและการแนะแนว คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ ให้ ความเห็นเกี่ยว กับการเรี ยนเสริ มของเด็กเล็ก แต่จะมีใครรู้หรื อไม่ การเรี ยนที่มากเกินไปอาจ กลายเป็ นอุปสรรคทางพัฒนาการการเรี ยนรู้ เพราะการมี เพื่อนท�ำให้ เด็กมีความฉลาดทางอารมณ์ และการเล่นกับ เพื่อนๆ จะท�ำให้ เขาได้ เรี ยนรู้ทกั ษะการแก้ ปัญหาเบื ้องต้ น ในการใช้ ชีวิต อาจารย์ลขิ ิต เสนอแนวทางการแก้ ปัญหาเกี่ยวกับ เรื่ อง เด็กเรี ยนในห้ องเรี ยนไม่ทนั หรื อท�ำการบ้ านไม่ได้ ว่าไม่ ควรแก้ ด้วยการเรี ยนเสริ ม แต่ควรแก้ จากในห้ องเรี ยน เป็ นการวางแผนระบบการศึกษา โดยลดจ�ำนวนนักเรี ยนใน ห้ องเรี ยนหนึง่ ๆ ลงเหลือ 15 คนต่อครู 2 คน เพื่อให้ ครู สามารถเอาใจใส่ ดูแลเด็กได้ อย่างเต็มที่ “ความสุขของเด็กคือการได้ ใช้ ชีวิตแบบเด็ก เหมือน กับความสุขของเราที่ใช้ ชีวิตตามวัยของเรา ก็ควรให้ เขาได้ วิ่งเล่นเพราะนัน่ คือความสุขของเขา อย่างในวันหยุดหรื อ เวลาหลังเลิกเรี ยนของเขา พวกเขาควรได้ ใช้ เวลากับสังคม ของเขา และในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ อาจใช้ เวลาท�ำกิจกรรม กับครอบครัว บางทีพอ่ แม่อาจไม่เข้ าใจว่าลูกต้ องการพ่อแม่ ซึง่ อาจท�ำให้ ความผูกพันธ์ในครอบครัวลดน้ อยลง การให้

เด็กรู้จกั ความรัก หรื อการมีความสัมพันธ์ต้องหัดสร้ างตังแต่ ้ เด็ก ” อาจารย์ลขิ ิตกล่าวย� ้ำ อาจารย์ลขิ ิตย้ อนถามกลับว่า หากนึกถึงความสุข ที่สดุ ในวัยเด็กของเราคืออะไร ภาพความทรงจ�ำแรกที่เข้ า มาในความคิดของเรา คือการเปิ ดประตูออกไปวิ่งเล่น ได้ ปี นต้ นไม้ กบั พี่สาว แค่กิ่งต�่ำสุด เพราะเกิดจากการล�ำดับ ศักดิ์ของเด็กๆที่พี่สาวตังขึ ้ ้น โดยที่ตอนนันเราก็ ้ ไม่เข้ าใจถึง เหตุผล จนวันที่พี่สาวตกจากต้ นไม้ กิ่งสูงสุด จึงได้ ร้ ูวา่ นัน่ เป็ นความห่วงใยที่พี่สาวไม่ได้ แสดงออกมาตรงๆ ธนรัช สุขกาย นักจิตวิทยาโครงการจัดบริ การแก่ เด็กบกพร่องทางพัฒนาการวัยแรกเกิด – 5ปี ใน กทม. บอก เล่าถึงสาเหตุของการเรี ยนเสริ มของเด็กวัยนี ้ อาจเป็ นเพราะ ค่านิยมของสังคม ความคาดหวังที่มีตอ่ เด็ก และความเชื่อที่ ว่าการเรี ยนเสริ มนันสามารถท� ้ ำให้ เด็ก มีความพร้ อมที่จะ แข่งขัน และมีที่ยืนในสังคม ซึง่ หากกล่าวตามจริ งแล้ ว ความ เข้ าใจตรงนี ้ ดูจะไม่ถกู ต้ องนัก การเตรี ยมเด็ก ส�ำหรับการแข่งขันของสังคมการ ศึกษาในอนาคตนัน้ ไม่สามารถปฏิเสธได้ วา่ เป็ นเรื่ องที่ดี แต่ พ่อแม่ ก็ต้องยังคงต้ องตระหนักว่าเด็ก ก็ยงั คงเป็ นเด็ก ที่ยงั ต้ องการเวลาเล่นสนุกบ้ าง ชีวิตคนเราไม่ได้ ขึ ้นกับวิชาการ เพียงอย่างเดียว แต่สงั คมคือปั จจัยหนึง่ ที่ส�ำคัญของการใช้ ชีวิต รวมถึงการจัดการแก้ ไขปั ญหา หาทางออกในชีวิตของ ตัวเองก็ยงั คงเป็ นที่วิชาการไม่สามารถสอนได้ ป้ายโฆษณารับสอนพิเศษข้ างรัว้ โรงเรี ยน ได้ สะท้ อนค�ำตอบให้ แก่เรา ว่าค่านิยมของสังคมที่เร่งรัดให้ เด็ก เล็กเรี ยนหนัก เกิดจากการผลักภาระของผู้ปกครอง โดยใช้ ค�ำว่า “เป็ นการเตรี ยมตัว ให้ ลกู พร้ อมเผชิญกับการแข่งขัน ในสังคม”


ปั่นไปบ้านกรูด

ที่มาภาพ : www.chillpainai.com

เมืองไทยก�ำลังจะเข้ าหน้ าร้ อน หลายๆคนคงคิดถึง ทะเล ร้ อนๆแบบนี ้ถ้ าได้ เล่นน� ้ำทะเล ลมเย็นๆ หาดทราย ขาวๆ คงมีความสุชไม่น้อย ... วันนีเ้ ราจะพาทุกคนไปเที่ยว ”บ้ านกรู ด” บ้ านกรูดไม่ใช่เกาะกรูด ชื่อบ้ านกรูด อาจไม่เป็ นที่ค้ นุ หูนกั เพราะบ้ านกรูด เป็ นหาดเล็ก ๆ ที่เงียบสงบในจังหวัดประจวบคีรีขนั ธ์ ล้ อม รอบด้ วยทิวมะพร้ าว ที่เรี ยงรายให้ ความร่มรื่ น น� ้ำทะเลใน สะอาด น่ากระโดดลงไปเล่นน� ้ำดับร้ อนมากๆ นอกจากนี ้ ส�ำหรับคอจักรยานอย่างเรา บ้ านกรูดมีทางเรี ยบขนานกับ ริ มชายหาด ยาว 12 กิโลเมตร ให้ เราได้ ปั่นชมวิวกันชิวๆ นอกจากนี ้บ้ านกรูดยังมีรีสอร์ ทสวยๆ ริ มหาด ไว้ คอยบริ การ นักท่องเที่ยวได้ เลือกพักผ่อนอยูห่ ลายแห่ง ไปบ้ านกรูดครัง้ นี ้ เราเลือกเดินทางด้ วยรถทัวร์ ที่ สายใต้ ใหม่เพื่อไปบ้ านกรูด เราสามารถน�ำจักรยานใส่ไว้ ใต้


ท้ องรถ นับเป็ นสัมภาระหนึง่ ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าระวางเพิ่ม ถึงที่หมายเราลงกันที่สี่แยกบ้ านกรู ดตามที่เราได้ สอบถาม กับทางรี สอร์ ที่จองไว้ เราต้ องปั่ นจักรยานต่ออีก 13 กิโลเมตร ถือว่าเป็ นระยะทางที่ไม่ไกล น่าจะปั่ นได้ สบาย แต่ความจริ ง เรากลับปั่ นกันนานกว่าที่คดิ อาจเพราะด้ วยอากาศหนาวๆ กับสัมภาระหนักๆด้ านหลัง บรรยากาศรอบตัวจากต้ นไม้ ใบ หญ้ าสะท้ อนแสงยายเย็น จนฟ้ามืดมองข้ างทางไม่เห็น ตอนนี ้ไฟรถจักรยานของเรา และแจนเริ่ มท�ำงานแล้ ว เรายัง คงปั่ นกันไปตามป้ายบอกทาง ผ่านตลาดบ้ านกรูด จนได้ ยิน เสียงคลื่นซัดฝั่ ง เป็ นเหมือนสัญญาณของจุดหมาย ก�ำลัง เรี ยกร้ องเรา เช้ าวันใหม่ หลังจากชาจแบทร่างกายจนเต็มแล้ ว ก่อนเดินทางไปยังจุดหมายใหม่ที่อยูไ่ กลกันกว่า 50 กิโลเมตร เราพากันคว้ าจักรยานออกมาปั่ นเที่ยวใกล้ ๆ ก่อน เช็กเอ้ าท์ จากค�ำแนะน�ำของเจ้ าของรี สอร์ ท เราปั่ นไปเขา ธงชัย ซึง่ ห่างจากบ้ านกรูดเพียง 700 เมตร แต่จกั รยานของ เราเป็ นแบบไม่มีเกียร์ ทดไว้ ขึ ้นเขา ท�ำให้ ต้องลงมาเข็น จักรยานอยูเ่ ป็ นระยะ ความสนุกเราเลยแอบหดหายไปช่วง หนึง่ ด้ านบนของเขาธงชัย เป็ นที่ประดิษฐานของ พระ มหาธาตุเจดีย์ภกั ดีประกาศ และ พระพุทธกิตสิ ริ ิ ชยั ระหว่าง ปั่ นมองไปเห็น ความสวยงามตังตระหง่ ้ าบนยอดเขา เมื่อถึง ด้ านบนนอกจากพระมหาธาตุเจดีย์ภกั ดีประกาศที่งดงาม แล้ ว ยังมีระเบียงให้ เดินชมวิวโดยรอบ ลมพัดเย็นสบาย มองไปเห็นวิวหาดทรายยาวเป็ นแหลมยื่นไปในทะเล มีต้น มะพร้ าวเรี ยงราวอยู่ สวยจนแทบไม่อยากลงจากที่นี่ แต่เดิม เขาธงชัย เป็ นเพียงป่ ารกชัฏ เป็ นที่อยูอ่ าศัย ของสัตว์ป่า แต่เนื่องจากยอดเขาธงชัยมีลกั ษณะทาง ภูมิศาสตร์ ที่ดี (ในศาสตร์ แห่งฮวงจุ้ย) นัน่ ก็คือมีลกั ษณะ เป็ นหัวมังกร โดยมีล�ำตัว (ชายหาดบ้ านกรูด) ทอดยาวจน ไปสุดที่ปลายหาง (หาดแม่ร�ำพึง) ทังยอดเขาธงชั ้ ย ยังมี ลักษณะคล้ ายกับหลังเต่าที่ยื่นออกมาในทะเล ซึง่ มังกรและ เต่าตามต�ำราจีนถือว่าเป็ นสัตว์ประเสริ ฐเป็ นมงคล ดังนัน้

ท่านผู้ร้ ูหลายท่านจึงลงความเห็นว่า เขาธงชัย เป็ นสถานที่ อั น เหมาะสมที่ จ ะสร้ างปู ช นี ย สถานถวายแด่ ส มเด็ จ พระเจ้ าอยูห่ วั และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ซึง่ ก็คือ พระ มหาธาตุเจดีย์ภกั ดีประกาศ และ พระพุทธกิตสิ ริ ิ ชยั นัน่ เอง จากนัน้ เราปั่ นต่อกันไปที่ถ� ้ำคีรีวงศ์ เมื่อไปถึง กลับพบว่าที่นี่ เงียบมาก ไม่มีนกั ท่องเที่ยวมาเที่ยวเลย เมื่อเข้ าไปด้ านใน มี พระพุทธรูปประดิษฐานไว้ หลายองค์ แต่ที่จะสะดุดตาเรา ที่สดุ คงเป็ น เครื่ องหมายจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. ของรัชกาลที่ 5 บ่ายแล้ ว เรายังอยูท่ ี่บ้านกรูด แต่ด้วยประสบการณ์ ปั่ นทางไกล ท�ำให้ เราคิดว่าต้ องทันแน่ เลยแวะเติมพลังที่ ผัดไทยลุงก�ำนัน ก่อนออกเดินทางต่อ เราปั่ นกันอย่างช้ าๆ เนิบๆ ผ่านหาด ชมวิวทะเลระหว่างทาง เราปั่ นกันไป แวะถ่ายรูปกันไปอย่างเพลิดเพลิน บนเส้ นทาง ที่เหมือนสร้ างมาเพื่อเป็ นเส้ นทางจักรยานส่วนตัวของเรา ปั่ นผ่านหาดหลายหาดในบรรยากาศเงียบๆ ลมพัดเอื่อยๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวข้ างทางเป็ นบรรยากาศวิถีชีวิตของชาว บ้ าน ชาวประมง รวมทังชาวสวนที ้ ่ปลูกผัก และสวนมะพร้ าว สลับกันไป อาจเพราะประจวบฯ มักถูกมองว่าเป็ นแค่เมืองทาง ผ่าน ไม่คอ่ ยมีใครตังใจมาเที ้ ่ยวเมืองนี ้กัน แต่หลังจากเราได้ มาที่นี่มนั ท�ำให้ เราอยากแนะน�ำให้ ทุกคนลองแวะมาเที่ยว เมืองแห่งนี ้ มาสัมผัสบรรยากาศ ความสวยงาม ที่สงบเงียบ แห่งนี ้ ด้ วยสองล้ อของคุณกันนะคะ



DESIGN





















ILLUSTRATION







TV PROGRAM


NEW) Young Reporter




PHOTO





























SENIOR PROJECT


Bicycle Guide Book (SPIN IN SONGKHLA)








Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.