คุณแม่จันดี

Page 1

ที่ระลึกในงานฉลองสมณศักดิ์ สัญญาบัตรพัดยศ และ ครบ ๑๐ ปี ศรีสุราษฎร์ พระครูบวรธรรมคุณ จต.ชท. (ฉัตรอุดม ฉินฺนาลโย) ณ วัดป่าศรีสุราษฎร์ (ธ)

ต.หนองบัวสันตุ อ.ยางสีสรุ าช จ.มหาสารคาม วันที่ ๙ - ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๖


อริยสาวิกา...คุณแม่จันดี โลหิตดี

(รวบรวมประวัตแิ ละคติธรรมคำ�สอนของคุณแม่จนั ดี โลหิตดี) (อริยะเจ้าขนิษฐาของพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

พิมพ์ครั้งที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ จำ�นวน ๑,๕๐๐ เล่ม แหล่งข้อมูล : - หนังสือขอกราบเทิดทูน ๑. ๒ - หนังสือเศรษฐีธรรม คติธรรมและชีวประวัติ หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี รวบรวมและเรียบเรียง : พระครูบวรธรรมคุณ จต.ชท. (ฉัตรอุดม ฉินฺนาลโย) วัดป่าศรีสุราษฎร์ (ธ) ต.หนองบัวสันตุ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม หน้าปก - รูปเล่ม : ชฎาบุญ บุญสิริวรรณ

พระครูวิเวกพุทธกิจ (หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล)


หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถระ

วัดป่าภูรทิ ตั ตถิราวาส (วัดป่าบ้านหนองผือ)

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง อุดรธานี


แม่ชีแก้ว

แม่ชีแก้ว เสียงล�้ำ

ส�ำนักแม่ชบี า้ นห้วย อ�ำเภอค�ำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

คุณแม่จันดี โลหิตดี

(อริยะเจ้าขนิษฐาของพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)


พระธาตุคุณแม่จันดี โลหิตดี วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

พระลสิกาธาตุ (น�ำ้ ไขข้อ) คุณแม่จนั ดี โลหิตดี ถ่ายจากองค์จริง

พระปุพโพธาตุ (น�ำ้ เหลือง) คุณแม่จนั ดี โลหิตดี ถ่ายจากองค์จริง พระโลหิตธาตุ (เลือด) คุณแม่จนั ดี โลหิตดี ถ่ายจากองค์จริง


คำ�นำ�

พระนขาธาตุ (เล็บ) คุณแม่จนั ดี โลหิตดี ถ่ายจากองค์จริง

พระเกสาธาตุ (ผม) คุณแม่จนั ดี โลหิตดี ถ่ายจากองค์จริง

ครัง้ หนึง่ องค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เคยให้เหตุผลเกี่ยวกับการประพฤติ ปฏิบัติธรรมว่า “การปฏิบตั ไิ ม่มเี พศ เรือ่ งมรรคผลนิพพานแล้วไม่มเี พศ เหมือนกับกิเลสก็ไม่มีเพศ มีได้ทั้งหญิงทั้งชาย มัชฌิมา ปฏิปทา จึงมีได้ ทั้งหญิงทั้งชาย” คณะผู้จัดทำ�จึงได้รวบรวมประวัติปฏิปทา ผู้ ประพฤติดี ปฏิบตั ชิ อบของอุบาสิกาคุณแม่จนั ดี โลหิตดี ซึ่งท่านเป็นน้องสาวคนที่ ๙ ขององค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณความ ดีงามของท่าน ให้สาธุชนรุ่นหลังได้ทราบ นับว่าท่าน เป็นอุบาสิกาที่มีความเพียรเป็นเลิศ มีขันติ ถือสันโดษ มักน้อย สมดังเป็นอริยสาวิกา และเป็นแบบอย่างให้


ญาติธรรมได้ก้าวเดินตาม และมีปณิธานแน่วแน่ที่ ตั้งใจปฏิบัติเพื่อการก้าวสู่ที่สุดแห่งธรรม สมดังที่องค์ พระหลวงตามหาบั ว ญาณสั ม ปั น โน เคยเอ่ ย ว่ า “อ้าย (พี่) หมดห่วงแล้ว” การจัดพิมพ์หนังสือ “อริยสาวิกา คุณแม่จันดี โลหิตดี” เพื่อแจกเป็นธรรมบรรณาการ ขอขอบคุณ และอนุโมทนาบุญกับผูท้ มี่ สี ว่ นเกีย่ วข้อง ในการทำ�หนังสือ เล่มนีส้ �ำ เร็จลุลว่ งด้วยดี หากการจัดพิมพ์หนังสือนี้ มีขอ้ ผิดพลาด หรือบกพร่องประการใด ขอได้โปรดอภัยด้วย อนึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือชีวประวัติและคติธรรม คุณแม่จันดีเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนาให้ เจริญรุ่งเรืองสืบไป

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย บารมีธรรม องค์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ตลอดจนสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โปรดเกื้อหนุนให้ทุกท่านมีจิตใจ มั่นคงอยู่ในธรรม มีสติปัญญาประจักษ์แจ้ง เข้าสู่ โลกุตตรธรรมจนถึงมรรคผลนิพพานด้วยเทอญ พระครูบวรธรรมคุณ (ฉัตรอุดม ฉินฺนาลโย) มกราคม ๒๕๕๖


องค์พ่อแม่ครูจารย์หลวงตามหาบัว กล่าวถึงคุณแม่จันดี โลหิตดี “ใครมีศรัทธาจะรวบรวมกันก็ให้ไปติดต่อกับ แม่จันดีนะ อันนั้นเป็นหัวหน้าศรัทธา ใครบริจาคมาก น้อยตามกำ�ลังศรัทธาของตน ก็ให้ไปรวมที่แม่จันดี น้องสาวเรา....เรามีโอกาสเดินฉากไป แต่เราไม่เคยถาม ไม่วา่ พีน่ อ้ งว่าใครนะ เราเหมือนกันหมดทัว่ โลก ไม่ใกล้ คนนั้น ไม่ไกลคนนี้อะไร เสมอกันหมดเลย อย่างบ้าน น้องๆ เราเคยไปเหยียบที่ไหน ลูกๆ หลานๆ ไม่รู้เขา เลยนะ อย่างนีล้ ะ เหมือนกันหมด ไปทีไ่ หนก็แบบเดียว กัน เราเดินเข้าไปตอนนั้นโยมแม่ป่วย เราเดินไปถาม โยมแม่ พวกนีเ้ ขาอยูข่ า้ งในกุฏโิ ยมแม่ เราไม่เคยเข้าไป นัง่ แหละกุฏโิ ยมแม่ ไปก็ไปยืนหน้ากุฏิ เป็นยังไงล่ะไข้

ถ้าธรรมดาเราไปก็ไปศาลา โยมแม่ก็มาฟังเทศน์ที่นี่ พอดีโยมแม่ป่วย เราก็เดินไปถามที่หน้ากุฏิเท่านั้นเอง ไปพบกับจันดีนี้ละเขามาดูแลแม่ แล้วมันไปสัมผัส ยังไงไม่รู้ แน่ะบทเวลาจะได้ถาม มันไปสัมผัสเข้าไป มึงเชื่อหรือว่าเป็นน้องกูน่ะ ถ้ามึงเชื่อว่าเป็นน้องกู กูบวชเมื่อไรมึงรู้ไหม ว่าไม่รู้ แล้วว่า มึงเป็นน้องกูได้ ยังไง ก็พอ่ กับแม่พดู อยูต่ ลอด เราเลยไม่ลมื นะ ถามว่า มึงเป็นน้องกู มึงรู้ได้ยังไงจากนั้นเวลากูบวชมึงรู้ไหม ไม่รู้ ดูอายุเขาจะ ๔ ขวบมั้งยังเป็นเด็ก เขาว่าไม่ ทราบก็ถูกต้อง ตอนนั้นเรากำ�ลังเที่ยวกรรมฐานอยู่นะ มา ทำ�บุญอุทิศให้โยมพ่อ แล้วนางจันดีนี้ แต่ก่อนตัวมัน เท่ากำ�ปั้น เราไม่รู้ เวลาไปสวนทางกันซี เรามาจาก อุดร แต่ก่อนรถไม่มีนะ ใช้เดิน เขาเดินผ่านทางไป เห็นปุบ๊ ปับ๊ เขานัง่ ไหว้นงั กราบ เอ๊...เด็กทีไ่ หนดูลกั ษณะ


เข้าที แสดงว่าจะเข้าใจในศีลในธรรมพอประมาณ ไปไหน ว่าจะไปอุดรหรือไง สวนทางกับเรา อยูบ่ า้ นไหน เราถามซ�้ำอีก อยู่บ้านตาด เขาเคอะๆ เขินๆ นะพอ ถูกถามว่าอยู่บ้านไหน ถามไปถามมา เราก็เลยถามว่า เขาเป็นใคร เขาเลยหัวเราะ เราไม่รู้ว่าเขาเป็นน้องเรา ก็เราเป็นมหา และไปเที่ยวกรรมฐาน แล้วมาท�ำบุญหา พ่อ เราถามอย่างนั้นเขายิ้มๆ แล้วก็หัวเราะ หือ...มึง หัวเราะหาอะไรบอกมาซิ อูย๊ ....ไม่ทราบจะบอกว่ายังไง ก็จุดไต้ต�ำตอ พี่กับน้องถามกันไม่รู้กัน เราไม่รู้เขา ตัวเขาเท่าก�ำปั้น เวลาเราบวช เวลาเจอเขา เขาเป็น สาวแล้ว อายุได้ ๑๖ - ๑๗ ละมั้ง ถามไปถามมา แล้ว เป็นใครล่ะ เขายิ่งหัวเราะเขาไม่กล้าตอบ เหอเราเลย เดาเอานะ อีจันดีหรือ ว่าใช่แล้ว โอ๊ย อีผีบ้ากูไม่รู้มึง เราก็ไปเลย อย่างนั้นละพี่กับน้องไม่รู้กัน ก็บวชแล้วไม่ เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับบ้าน พอบวช ก็บวชแล้วไม่เคย เข้าไปเกีย่ วข้องกับบ้าน พอบวชแล้วไปเลย พีๆ่ น้องๆ

อะไรไม่เคยสนใจนะ เหมือนทั่วไปในโลกนี้ ไม่มีใกล้ มีไกล บ้านน้องๆ แน้งๆ ไม่เคยเข้าไปเหยียบเลยนะ ไม่ไป อย่างนีเ้ หมือนกันหมด ไปทีไ่ หนเหมือนกันหมด” หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๗


พระคุณแม่จันดี โลหิตดี ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๓ คุณพ่อชือ่ นายทองดี คุณแม่แพงศรี โลหิตดี เกิดที่หมู่บ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ท่านเป็นน้องสาวพระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นน้องสาวคนที่ ๙ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้เข้ามา ศึกษาปฏิบัติธรรมที่วัดป่าบ้านตาด โดยมีพระหลวง ตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึง่ เป็นพระพีช่ ายและครูบา อาจารย์ของท่าน เป็นผู้อบรมสั่งสอนพระคุณแม่จันดี เป็นผู้ที่ออกมาปฏิบัติธรรมโดยไม่ได้บวช และเป็น ผู้ท่ีเคารพธรรมวินัย ถือแบบปฏิบัติเช่นเดียวกับพระ อย่างเคร่งครัด ท่านให้ความเมตตา และความอบอุน่

ต่ อ ลู ก ศิ ษ ย์ แ ละญาติ โ ยมทั้ ง หลายที่ ม ากราบท่ า น ท่านจะให้คำ�อบรมสั่งสอนทั้งที่เป็นการปฏิบัติแก่คน ที่มาขอรับฟังคำ�สอนของท่าน เพื่อนำ�ไปปฏิบัติหรือ คำ�แนะนำ�ในการใช้ชีวิตประจำ�วัน แม้ธาตุขันธ์ท่าน จะไม่แข็งแรง แต่ท่านก็รับแขก เพื่อจะให้ทุกคนได้ รับแต่ส่งิ ที่ดี และเป็นประโยชน์กลับไปภายใต้ท่าทาง ที่ดูสงบ เรียบง่ายและความอบอุ่นที่ได้รับ ท่านก็จะ มีความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาดจริงจังจนดูน่ากลัวสำ�หรับ เราผู้อ่อนแอ ดวงตาของท่านเวลาสอนลูกศิษย์ต่อสู้ กับศัตรู คือกิเลส ท่านจะดูอาจหาญ ขึงขัง เด็ด เดี่ยว จริงจังมาก ถ้าลูกศิษย์คนใดจิตใจไม่เข้มแข็ง พอ ท่านก็จะค่อยๆ ทะนุถนอม แต่ท่านจะเปรยลับ หลังลูกศิษย์ผู้นั้นว่า “กิเลสในใจของตัวเองก็ฆ่ามา แล้วนีต่ อ้ งได้มาเอาใจกิเลสของผูอ้ นื่ โอ๊ย...น่าอเนจอนาถ”


การเรียนรู้ศึกษาธรรมกับท่าน ยิ่งเรียนยิ่ง ซาบซึ้งในคุณของท่าน สำ�หรับผู้ที่ต้องการความ พ้นทุกข์ หรือผู้ท่ตี กอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ เมื่อได้ เข้ามาสนทนากับท่าน ก็จะได้รับข้อธรรม และสิ่งที่ดี มีประโยชน์ท่ีท่านหยิบยื่นให้เมื่อมาเรียนรู้ศึกษาธรรม กับท่าน จึงได้เห็นแง่มุมต่างๆ ของสติปัญญาพระ ผู้เหนือโลก ทั้งแปลกทั้งอัศจรรย์และไม่สามารถ คาดเดาได้ ท่านเป็นครูบาอาจารย์ ที่น่าศึกษาเรียนรู้ ทางที่ท่านให้เดินและให้กระทำ�เป็นสิ่งที่ทำ�ได้ยาก เพราะเป็นการทวนกระแสโลก และฝืนกิเลสในใจเรา ทั้งสิ้น จึงเป็นความทุกข์ที่สุดแต่เมื่อยอมฝืนใจและ ทำ�ตาม สิ่งที่ได้รับจะเกินความคาดหมาย และได้ รับประโยชน์สูงสุด พระคุณแม่จันดี เมตตาธรรม

สารบัญ


22

อ ริ ย ส า วิ ก า

ประวัติปฏิปทาคุณแม่จันดี โลหิตดี

คุ ณ แม่ จั น ดี โลหิ ต ดี ท่ า นเกิ ด ใน

ครอบครัวเดียวกัน พ่อแม่เดียวกัน พี่น้องเดียวกันกับ พระหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด (รายละเอียด อยู่ในหนังสือ “หยดน้ำ�บนใบบัว”) มีพี่น้องที่ยังมี ชีวติ อยูจ่ นโต มีพช่ี ายทัง้ หมด ๔ คน และพีส่ าว ๔ คน และน้องสาว ๑ คน ท่านเป็นน้องสาวคนที่ ๙ ท่าน เป็นน้องสาวคนเดียว ทีส่ ละบ้านเรือนออกปฏิบตั ถิ อื ศีล ภาวนา ปั จ จุ บั น ที่ อ ยู่ ข องท่ า นคื อ วั ด ป่ า บ้ า นตาด ท่านเล่าว่า “ในวัยเด็กของท่าน ทุกข์มากกว่าพี่ๆ น้องๆ ทุกคน เหตุที่ทุกข์ เพราะท่านทำ�ตาม คำ�สอน ของพ่ อ แม่ ทุ ก อย่ า งปฏิ บั ติ ต ามอย่ า งเคร่ ง ครั ด

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

23

เช่น พ่อบอกว่า “อย่ากินจุกจิก เวลากินให้กินเป็น เวลา” จะหิวขนาดไหน อยากหยิบอะไรกินเหมือนพี่ๆ ก็ไม่กล้า จึงเป็นความทุกข์อย่างยิ่งของท่าน ท่านบอกเวลาพ่อไปเอาผึ้งในป่า มักจะชวน ท่านไปด้วย ทั้งๆ ที่ยังเด็กอายุ ๖ – ๗ ขวบ (เหตุผลของพ่อคือลูกคนนี้สั่งยังไงได้ยังงั้น และมัน ไม่กลัว) ท่านบอกเวลาเข้าป่าพ่อจะบอกเส้นทางไว้ ว่าทางเส้นนี้ไปไหน เส้นนี้กลับบ้าน พ่อบอกไว้เผื่อ พ่อตกต้นไม้ตายเวลาปีนขึ้นไปเอาผึ้ง พ่อจะสอนให้ ระวังเสือ เวลากลางวันจะมีแต่เสือดาว เสือเหลือง ที่คอยจะจับกินหมามากับคนเสือพวกนี้เขาจะไม่ทำ� อันตรายคน พ่อพาไปเก็บหมากแน่ง (เป็นสมุนไพรชนิด หนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่นเขามารับซื้อไปทำ�ยา) พ่อจะสอน วิธีเก็บ ให้ระวังรังแตน ให้ค่อยๆ เก็บ ลูกสีแดงที่สุก


24

อ ริ ย ส า วิ ก า

ถึงมีรังแตนเขาก็ไม่แตกรังออกมาต่อยเรา เวลาเจอ ขอนไม้ก็ให้สังเกตงู จะชอบซ่อนตัวอยู่ข้างขอนไม้ ท่านจะสอน “ให้หัดดูกิ่งไม้ว่ ากิ่งนี้ชี้ไปทางไหน ทิศใต้ - ทิศเหนือให้จำ�ไว้ ออก - ตก จะได้ไม่ หลงทาง” พ่อเป็นนายพรานจึงละเอียดรอบคอบใน การเดินป่า ระมัดระวังภัย

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

25

เป็นเด็กฉลาด ครัน้ เมือ่ อายุ ๓ ขวบ มารดาท่านเล่าให้ฟัง เอาลูกนั่งในตะกร้า อีกข้างเป็นกล่องข้าวเหนียว หาบไปที่นา ที่ทุกคนในครอบครัวทำ�นาคอยอยู่ เวลา เจอดอกเห็ดข้างทางที่ผ่านลูกน้อยนั่งในตะกร้าจะร้อง บอกแม่ “นั่นเห็ดดอกหนึ่งๆ” เป็นระยะๆ กว่าจะถึง ที่นาก็ได้เห็ดทำ�อาหาร มารดาท่านเล่าว่า “เป็นลูก เล็ก แต่มีความรู้ ช่างคิด ช่างจดจำ� และมีนิสัยเหมือน ผู้ใหญ่”


26

อ ริ ย ส า วิ ก า

ไม่กลัวผี ครัน้ เมือ่ ยังเด็กๆ พวกพีๆ่ ไม่วา่ หญิงชายจะ กลัวผี มักจะชวนท่านไปเป็นเพือ่ นเวลาไปนา ไปป่า ให้ ท่าน ซึ่งเป็นน้องเดินตามหลัง พวกพี่ๆ จะถูกแม่ว่าเป็น ประจำ� “ทำ�ไมให้นอ้ งตัวเล็กๆ เดินตามหลัง เดีย๋ วเสือ จะตะครุบเอาน้องไปกิน” พวกพี่ๆ จะแก้ตัวตามแต่ ปัญญาของแต่ละคน ส่วนพี่ๆ ผู้หญิง เวลาดุว่าน้อง (ท่าน) ก็จะงัด ไม้เด็ดมาขู่ “ระวังนะกลางคืน กูจะไม่ไปไหนๆ เป็น เพื่อน” เพราะรู้จุดอ่อนพวกพี่ๆ กลัวผี ตอนกลางคืน ต้องอาศัยท่าน

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

27

เป็นเด็กเรียนเก่ง ครัน้ เมือ่ เป็นเด็กเรียนอยูช่ นั้ ประถม จะมีความ รูแ้ ปลกๆ อยูก่ ลางอก ก่อนจะบ่งบอกอะไร ตรงกลางอก จะมี เ หมื อ นพั ด ลมน้ อ ย (หมุ น ติ้ ว ๆ) แล้ ว ส่ ง ความรูอ้ อกมา เช่นมีอยูค่ รัง้ หนึง่ สมัยนัน้ เดือนมกราคม ครูจะพาอ่าน “มก-กะ-รา-คม” ขณะครูก�ำ ลังอ่าน พัดลม น้อยก็หมุนขึ้นในจิต แล้วมีเสียงดังขึ้นบอกว่า “จะอ่าน ให้ถูกต้อง ! ต้องอ่านว่า มะ-กะ-รา-คม” เป็นอะไรที่ แปลกสำ�หรับเด็ก เคยคิดว่าคนอื่นคงเป็นเหมือนกัน จึงค่อยเรียบเคียงถามมารดาว่า “เป็นเหมือนกันไหม” มารดาตอบ “ไม่เคยเป็น” แล้วถามต่อว่า “เป็นหมุน ตรงไหน” จึงชี้ที่กลางอก


28

อ ริ ย ส า วิ ก า

วันหนึ่งแม่ค้าหาบตะกร้าเครื่องประดับมีกำ�ไล สีสันสดใส มาขาย พวกพี่สาวรวมทั้งท่านอยากได้ ร้องขอให้มารดาช่วยซื้อให้ ในหาบมีเครื่องประดับของ เด็ก - ผู้ใหญ่ อยู่เต็ม เสียงลูกหญิงร้องอ้อนวอนมารดา ตกลงให้ซื้อได้คนละ ๑ ชิ้น พวกพี่ๆ หยิบไปหมดทุกคน ถึงคิวท่านเดินไปจะหยิบ พัดลมน้อยกลางอกหมุนติว้ ๆ อีก บอกขึ้นว่า “ของประดับโลก ! ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์” พอเสียงดังจบลง ท่านเดินหนีทนั ที เสียงมารดาร้องตาม “อ้าว...มึงอยากได้ท�ำ ไม ไม่เอา” ท่านบอก ถ้ามีอะไร บ่งบอกขึน้ ในจิตท่านเคยคิดจะฝืน แต่ฝนื ไม่ได้ มีอ�ำ นาจ มาก (สะเทือนในจิต) ฝืนไม่ได้สักครั้งเดียว เป็นเด็ก ตั้งใจเรียน ช่างจำ� เรียนเก่ง จนครูให้ช่วยสอนเพื่อนๆ ในห้องเป็นบางครั้ง หลายครั้ง ในห้องเรียนท่านขออนุญาตคุณครู กลับบ้านก่อนเวลา ครูถาม “เธอมีธุระอะไรที่บ้าน”

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

29

ตอบครูว่า “ดิฉันเข้าใจ จำ�ได้หมดแล้วไม่อยากเรียน บทเรียนเก่าอีก ครูเข้าใจ และอธิบายให้ฟัง “ไม่ได้เธอ จะกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้ ถึงเธอเข้าใจ แต่เพื่อนๆ ยัง ไม่เข้าใจ เธอต้องเห็นใจเขา เอายังงี้ครูจะให้เธอช่วย สอนเพือ่ นๆ” เพราะครูสมัยนัน้ น้อย ครู ๑ คนต้อง สอนหลายๆ ชั้น หลาย ๆ วิชาในแต่ละวัน พอจบชั้นประถม ๔ ครูมาขอให้เรียนต่อ จะ ส่งเรียน พ่อ แม่ พี่ชาย ดีใจสนับสนุนให้เรียน ท่าน ตอบปฏิเสธทุกๆ คนว่าไม่เรียน เพราะกลางอกหมุน และบอก “เรียนไปก็ไม่จบ เรือ่ งของโลก! เรียนเท่าไหร่ ไม่มีวันจบ” ท่านจะฝืนได้ยังไง เป็นอะไรที่ฝืนไม่ได้ จริง ๆ (ท่านบอกฝืนไม่ได้)


30

อ ริ ย ส า วิ ก า

ภาวนาครั้งแรก ในสมัย ท่านยังเป็นเด็ก อายุประมาณ ๑๐ กว่าขวบ ท่านได้ตามมารดาไปถวายจังหันพระหลวงตา (พระพี่ชาย) ช่วงนั้นเป็นเป็นช่วงที่พระหลวงตามาแวะ พักที่ทุ่งนาใกล้หมู่บ้าน (มาโปรดโยมมารดา) ในวันนั้น ท่านเป็นลูกคนเดียวที่แม่ให้ตามไป ถวายจังหันด้วย หลังฉันจังหัน พระหลวงตาสอนโยม มารดาถึงวิธปี ฏิบตั ภิ าวนา ถึงเป็นเด็กแต่กฟ็ งั รูเ้ รือ่ ง ใน ขณะที่ฟังจิตท่านจะสงบ แต่รั้งไว้เพราะอยากฟังคำ� แนะนำ�ให้จบ กลับมาบ้านในคืนนั้นท่านจำ�เอาวิธีการ ภาวนา และลองนัง่ ภาวนาท่านปฏิบตั ติ ามที่ พระหลวงตา บอกโยมมารดา ประมาณ ๓ นาที จิตสงบรวมลง

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

31

เห็นร่างกายเน่าเปื่อยสลายกลายเป็นดิน ท่านบอกคืน นั้นจิตสงบจนถึงสว่าง ตอนสงบอยู่จิตท่านคำ�นึงว่าทำ� ยังไง ถ้าจิตไม่ถอนจะทำ�ยังไง ถึงเวลาตำ�ข้าวจะทำ�ยังไง แต่ท่านบอกเหมือนจิตรู้ พอถึงเวลา จิตถอนได้เวลา ตำ�ข้าวพอดี พระหลวงตาได้ฟังโยมมารดาเล่าเรื่องที่ท่าน ภาวนากราบเรียน จบลง พระหลวงตาถามว่า “จันดี ตัวน้อยๆ นั่นหรือภาวนา” มารดาตอบว่า “ใช่ จันดีนี้ แหละ” พระหลวงตาบอกกับแม่ท่านว่า “เขามีของเก่า ของเขา เขามีของเก่ามา”


32

อ ริ ย ส า วิ ก า

ชีวิตครองเรือน

เป็นสาวรุ่น ขอมารดาออกบวชเป็นแม่ชี

มารดาตอบว่า “ลูกเป็นผู้หญิง จะบวชยังไง ไม่ใช่ ผู้ชาย ตามธรรมดาผู้หญิงเขาไม่บวชหรอก ไม่เคยเห็น ให้หยุดคิดนะ” (มารดาเป็นห่วงสมัยนัน้ ไม่คอ่ ยมีผหู้ ญิง บวช แม่ชีมีน้อยมาก แถวบ้านท่านไม่ค่อยมี) ตอนท่านเป็นสาว มีชายหนุ่มมาจีบเยอะมาก แต่ทา่ นไม่ได้สนใจใครเลย (เพราะจิตบ่งบอกแต่เรือ่ งหา ทางออกจากโลก หาทางพ้นทุกข์) แต่พชี่ ายแนะนำ�ผูช้ าย ที่พี่เลือกแล้วว่าดีที่สุด นิสัยดี มีศีลธรรม ใจไม่อยาก แต่งคิดแต่จะตั้งใจปฏิบัติ ถือศีล ภาวนาเพราะทุกครั้ง ที่จิตบ่งบอกความจริง จิตยิ่งกลัวเรื่องของโลก

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

33

แต่พอแม่พี่ชายถาม ปฏิเสธไปหลายครั้ง ทั้งๆ ที่จิต บ่งบอกเสียงดังขึ้น “จะเรียนรู้เรื่องของโลกให้หมด” ในระยะที่ครองเรือน ยังตั้งใจถือศีลในวันพระ ถือศีล ๘ ถ้าวันปกติถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ไม่เคย ฆ่าสัตว์ พีช่ ายเคยบอก “จันดีมนั ไม่เคยฆ่าสัตว์ ก็ไม่ตอ้ ง ให้มันกินเนื้อสัตว์ด้วย” จึงได้แต่กินหน่อไม้ ผักหญ้า ถ้าพี่ชายเคี่ยวเข็ญให้ฆ่าสัตว์ “จะร้องไห้ไม่ยอมกินข้าว ก็ได้ ขออย่าให้ฆ่าสัตว์เลย” เรื่องนี้ สามีญาติพี่น้องรู้ดี “ยอมอดแต่ไม่ยอมฆ่า ผู้อื่น ชีวิตอื่น” บอกกับตัวเองว่า “กินอะไรก็ได้ ใจสงสาร ไม่สามารถทำ�ลายชีวติ ผูอ้ นื่ ได้” มันเป็นอยู่ในใจ เป็นมาแต่เด็กจำ�ความได้ จะไม่ยอม ฆ่าสัตว์ ทำ�ลายชีวิตผู้อื่น ชีวิตครองเรือน มีบุตร ๔ คน ชาย ๑ หญิง ๓ ในใจยังคงมัน่ คงต่อการภาวนาไม่เคยทิง้ พระหลวงตามา ตัง้ วัดป่าบ้านตาด ยิง่ ได้ก�ำ ลังใจปฏิบตั ภิ าวนา ติดขัดอะไร ก็กราบเรียนท่านตอนท่านเข้ามารับบิณฑบาตในหมูบ่ า้ น


34

อ ริ ย ส า วิ ก า

แม่จิตรวม...ลูกน้อยขอนม

วันพระ ขอสามีให้ช่วยดูลูก คืนนั้นคุณแม่ก็

นั่งภาวนาจิตก็สงบ ขณะจิตรวม ลูกน้อยตื่นส่งเสียง ร้องจ้า แต่จิตยังไม่ถอน...จึงไม่สามารถดูลูกน้อยในอู่ (เปล) ได้ ลูกน้อยร้องอยูส่ กั พัก สามีทา่ นคงเห็นผิดสังเกต จึงเข้ามาดู และอุม้ ลูกน้อยออกไปจากห้อง เอาน�ำ้ เปล่า หยอดปากให้ลูกน้อยได้กินก่อน...เพื่อรอแม่ ชีวิตท่านลำ�บาก ทั้งอยากทำ�บุญถวายจังหัน พระตัวเองก็ไม่ฆ่าสัตว์ จึงต้องพยายามหาหน่อไม้ ผัก พืช ชนิดต่างๆ มาทำ�กับข้าวใส่บาตรพระให้ครบ หลาย ครั้งที่แม่ท่านเล่าให้ฟังว่า พระหลวงตา พูดกับแม่ท่าน ว่า “เมื่อเช้าได้ฉันหมกหน่อไม้ ของใครก็ไม่รู้ใส่บาตร

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

35

ห่อใหญ่มาก เหมือนอาหารทิพย์ และพระก็ได้ครบ ทุกองค์” สมัยนั้นมีพระมาอยู่วัดป่าบ้านตาดประมาณ ๑๔ - ๑๕ องค์) แม่ท่านถาม เมื่อเช้าพระหลวงตา พูดถึงหมกหน่อไม้ ไม่รู้ของใคร...? ท่านตอบแม่ว่า “ของท่านเอง”


36

อ ริ ย ส า วิ ก า

จิตรวม...ขณะเกี่ยวข้าว อาชีพชาวนาในอดีต...สมัยก่อนนั้นยังไม่มี เทคโนโลยี จึงเป็นงานที่หนัก ลำ�บากก็ต้องอดทน ส่วน ใหญก็ตอ้ งอยูท่ ที่ นี่ า จนท่านต้องสร้างทางจงกรมไว้ และ เวลาในการภาวนามีน้อย อาศัยทำ�นาไปด้วย ภาวนา ไปด้วย มีครั้งหนึ่งคุณแม่ชีแก้ว ไปเยี่ยมท่านที่นา เห็น ทางจงกรม มีรอยเดินจนทางเป็นร่องเป็นมัน จนท่าน ได้พูดว่า “จันดีเจ้าที่อยู่ไหน ก็มีเครื่องหมายของ พระพุทธเจ้าอยู่ทุกที่ มิน่าข้าวของเจ้าถึงได้มากกว่า ผู้อื่น” มีอยู่วันหนึ่งเวลาเที่ยง ขณะที่เกี่ยวข้าวท่าน พิจารณาธรรมไปด้วย จิตสงบ สว่างไสว ท่านก็ประคอง

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

37

จิต ค่อยๆ เกี่ยวข้าวไม่ยอมหยุด ไม่กินข้าว เกี่ยวข้าว ไป จนจิตถอน ท่านเคยตกลงขอร้องพูดให้สามีเข้าใจว่าเวลา ท่านจิตสงบ อย่าเรียก จะทำ�อะไรก็ทำ�ไปเลยปล่อยท่าน เลย โชคดีสามีเคยบวชจึงเข้าใจง่าย ท่านจะพูดกับสามี เสมอว่า ชาตินี้จะขอปฏิบัติภาวนา และบอกสามีว่า “อย่านอนใจในอัตภาพของภพชาติ” ความพากเพียร ตั้งใจของท่าน สามียอมใจอ่อน เพราะเห็นความตั้งใจ จริง ขึ้นจากทำ�นาจะดึกดื่น แค่ไหนก็ช่าง ท่านจะเดิน จงกรมจนดึก


38

อ ริ ย ส า วิ ก า

เจอ...ผี ใหญ่...จะให้สมบัติ

มีผีใหญ่ ตนหนึ่งมาเข้าสิงญาติท่าน...บอกว่า

“ชาติก่อนเคยเป็นคนรวย มีคอกช้าง ม้า ด้วยความ เป็นห่วงสมบัติ ตายแล้วจึงมาเฝ้ารักษา เป็นทุกข์มาก อยากไปเกิดมาขอร้องให้ท่านช่วย จะยกสมบัติท่ีเฝ้า อยูใ่ ห้ ขอให้น�ำ เงินของเขา มาทำ�บุญกับพระหลวงตาให้ เขาจะได้ไปผุดไปเกิด” ท่านและญาติๆ มากราบเรียน พระหลวงตาท่านบอก “ถ้าจะไป ไม่มจี นั ดีหา้ มไปนะ จะ ไปต้องมีจนั ดีไปด้วย” ญาติๆ ทุกคนทำ�ตามคำ�สั่งของ พระหลวงตา...ก็พากันไปขุด ตามผีใหญ่บอกตำ�แหน่ง ขุดลงไปก็เจอไหจริง และมีเงินอยู่เต็มไห หลายไห พอจะให้ ผีใหญ่กลับเปลี่ยนใจ บอกยังมีกรรมมากอยู่

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

39

รู้สึกเสียดายเงิน ไม่กล้าปล่อย ขอชดใช้กรรมต่ออยู่เฝ้า สมบัตติ อ่ ไป...ไหทีข่ ดุ เจอ พอผีไม่ยอมให้...ไหหมุนหาย ลงไปในดินเหมือนเดิม...ผีใหญ่สารภาพกับคุณแม่ว่า “จะให้ใจก็เกิดหวงแหนในเงิน ในทรัพย์ มันตัดไม่ได้ รู้อยู่ว่าทุกข์แสนทุกข์ แต่ก็ตัดใจไม่ได้ และขอให้ท่าน ช่วยแผ่เมตตา ส่งบุญกุศลมาถึงด้วย เพราะเวลาได้รับ มีความสุขมาก...”


40

อ ริ ย ส า วิ ก า

พระหลวงตามหาบัว...ให้อุบาย เช้าวันนั้น พระหลวงตาไปรับบิณฑบาตใน หมูบ่ า้ นท่านถาม “ภาวนาเป็นยังไง” คุณแม่กราบเรียนว่า “ฝันแปลกมาก ฝันว่าพระหลวงปู่มั่นชวนให้ไปกับท่าน แต่ในฝันเป็นห่วงลูกคนเล็ก จึงขอไปดูลูกก่อนจะตาม ไปทีหลัง” พระหลวงตาให้อบุ าย “เอ้า ให้มงึ คิดตัดสินใจ เอา ถ้าห่วงลูก ก็ตามพระหลวงปู่มั่นไปไม่ได้” คำ�พูด ของพระหลวงตา ทำ�ให้ท่านคิด และตัดสินใจได้เร็วขึ้น ถามตัวเองว่า พระหลวงปู่มั่นมาโปรดแท้ๆ คนแปล ความฝันก็เป็นพระหลวงตา เราติดคาอะไร (ห่วงอะไร อาลัยอะไร) ตอนแรกตั้งใจว่าลูกโตอีกหน่อย แต่ถึงตอนนี้

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

41

เหมือนพระหลวงตาช่วยเร่ง จึงตัดสินใจ ขออนุญาต สามี ลูกๆ ทุกคน ออกมาปฏิบัติถือศีลภาวนาอยู่วัดป่า บ้านตาด ก่อนหน้านี้ท่านขอให้มารดา ขออนุญาตพระ หลวงตามาพักปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด พระหลวงตาบอก อนุญาตมาอยูไ่ ด้ แต่ไม่ให้บวช เพราะแต่นไี้ ปท่านจะไม่ รับแม่ชี มีเฉพาะแม่ชีน้อมที่เคยปรนนิบัติดูแลมารดา ท่าน ท่านจะไม่รับแม่ชีอีก ด้วยเหตุนี้เอง คุณแม่จันดี จึงไม่ได้บวช เริ่มชีวิตในวัดป่าบ้านตาด พ.ศ. ๒๕๒๔ กระท่อมน้อย ที่อยู่ในป่าทึบท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ยืนต้น เป็นเงาร่มครึม้ พืน้ เบือ้ งล่างเต็มไปด้วยต้นข้าวสาร หนาแน่น ท่านถือศีล ๘ อย่างเคร่งครัด ท่านบอก “ท่าน บวชใจแทนศีล คือใจที่มีเจตนางดเว้นการทำ�ความผิด


42

อ ริ ย ส า วิ ก า

เมื่อใจมีเจตนางดเว้นการท�ำความผิด เมื่อใจมีเจตนา ท�ำความถูกต้อง ศีลเป็นอันเดียวกับใจ ใจรักษาศีล ดูศลี ดูใจตัวเอง ศีลเป็นใจที่มีเจตนางดเว้นการท�ำความชั่ว ทัง้ ปวง ดูศลี ดูใจส�ำรวจความผิดทีเ่ กิดจากใจของตัวเอง แล้วอบอุ่น หนักแน่น มั่นคง มั่นใจ ไม่มีที่ต้องติตัวเอง เรื่องศีล” ช่วงเข้ามาปฏิบัติภาวนา ท่านได้ดูแลคุณยาย ชีน้อม ตอบแทนคุณที่คุณยายเคยดูแลปรนนิบัติมารดา ท่าน คุณยายแก่ตามองไม่คอ่ ยเห็น ท่านจึงเหมือนเป็นตา ให้คณุ ยาย สมัยก่อนท่านปราดเปรียวว่องไวมากทัง้ ดูแล คุณยาย ทั้งท�ำกับข้าวที่ครัว ท�ำกิจวัตร ดูแลสถานที่ ปฏิบตั ฝิ า่ ยผูห้ ญิง น�้ำก็ใช้น�้ำบาดาล ดูแลต้นไม้ กุฎฝิ า่ ย หญิง เพราะปลวกเยอะมากต้องคอยดูแล ท่านบอก ท่านไม่เคยถูกพระหลวงตาต�ำหนิ ไม่ว่าเรื่องการงาน หรือภาวนา

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

43

ติดสมาธิ ท่าน บอกระมัดระวัง ใคร่ครวญ พิจารณา ไตร่ตรองทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก่อนจะกราบเรียนถามพระ หลวงตา ถ้าท่านตอบตรงกับที่ท่านพิจารณา ก็จะได้ กำ�ลังใจ มีครัง้ หนึง่ พระหลวงตาถาม กราบเรียนท่านว่า “ตอนนี้จิตสบาย เห็นตัวเองเหาะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มีรศั มีพงุ่ กระจาย เป็นดอกไม้โปรยปราย เต็มฟ้าไปหมด สวยงามมาก ตัวข้าน้อยเอง ก็สวยงามมากไม่เหมือน ตัวจริงตอนนัน้ เลย” พูดจบพระหลวงตา ร้องขึน้ เสียงดัง “นั้นแหละจิตติดสมาธิ ระวังรัศมีจะเป็นรัศหมา ท่าน สั่งห้ามเด็ดขาด ไม่ให้ส่งจิตออกไปอีก”


44

อ ริ ย ส า วิ ก า

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

45

ความขี้เกียจหมด...ไม่มีความขี้เกียจ

เร่งความเพียร

แต่ก่อน ภาวนาต้องต่อสู้ ต้องฝืนความ

ท่านบอก ความเพียรกล้า แต่ร่างกายไม่ไหว

ขี้เกียจ พอจิตรู้เห็นตามเป็นจริงของรูปกาย วางกาย ย่างเข้าจิต ความเกียจคร้านหายหน้าไป กลายเป็น ความขยัน หมั่นเพียร เข้ามาแทนที่ ท่านบอกภาวนาไปๆ นึกเอาเองว่าคงจะสบาย ไม่หนักเหมือนที่ผ่านมา แต่ที่ไหนได้ ยิ่งท�ำไปยิ่งทุกข์ เพราะเห็นภัย แต่ก่อนไม่รู้อะไรก็อยู่ไปอีกแบบหนึ่ง ที่ ผ่านมาว่าทุกข์ที่สุดแล้ว ขยันหมั่นเพียรอดทนที่สุด แต่ พอเห็นโทษ เห็นคุณชัดเจน ไม่สนใจเรื่องกิน เรื่องนอน มีแต่อยากเร่งหนีภยั อยากพ้นมหันตทุกข์ มหันตภัย แต่ ก่อนไม่เห็นไม่รู้ยังพอหัวเราะ เบิกบานได้บ้าง

บางครัง้ โรคหัวใจก�ำเริบ ครัง้ ยังครองเรือนเจอความทุกข์ บีบคัน้ การท�ำงานรีบเร่งขวนขวายหาสมบัตไิ ว้ให้ลกู เวลา ที่จะพักผ่อนก็น้อย ทั้งงานทางโลก แต่ไม่ทิ้งภาวนา จึง ทุกข์กว่าใครเพือ่ น พอเร่งความเพียร ท่านบอกพิจารณา ธรรมไม่ยอมหลับ นอน จนต้องกินยานอนหลับอ่อนๆ ช่วยให้หลับสัก ๒ - ๓ ชั่วโมง (จ�ำเป็นต้องนอนพักผ่อน บ้างเดี๋ยวจะล้มก่อนช่วงเร่งความเพียรเพราะมีโรคเก่า) ถ้างั้นมันไม่หลับนะ ท่านบอกพิจารณาอะไรค้างไว้ พอตื่น มันต่อทันที


46

อ ริ ย ส า วิ ก า

พระหลวงตาบอกล่วงหน้า พระหลวงตา เมตตาแนะน�ำจีส้ อนตลอดการแนะ

ของพระหลวงตา ท่านจะไม่เคยพูดบอกเป็นการชี้น�ำ คุณแม่บอกส่วนมากท่านแนะจะขังข้อไว้เสมอ (สอนบอก ไม่หมด) ให้ลูกศิษย์ได้ใช้ปัญญาพิจารณาเองถ้ามีแต่ คอยฟังจากท่านอย่างเดียวจะไม่เกิดปัญญา ครัง้ หนึง่ ท่านถามจิตเป็นไง ได้กราบเรียนท่านว่า “จิตตอนนี้ เกิด ดับ เร็วมากเหมือนฟ้าแลบ จิตกล้ามาก ไม่กลัวตาย” พระหลวงตาร้องขึน้ “โอ้! เร่งเลยๆ อีกไม่ นานๆ เดีย๋ วก็เจอ จิตว่าง” ท่านบอก ท่านงงมาก ได้ แต่คดิ ในใจเอ๊ะตอนนี้ จิตเราก็วา่ ง อยูแ่ ล้ว ยังจะมีวา่ ง อีกเหรอ ท�ำไมพระหลวงตาบอก เดี๋ยวจะเจอจิตว่างอีก

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

47

ตัง้ แต่ทา่ นสอนเรามา พระหลวงตาไม่เคยบอกว่าจะเจอ อะไรล่วงหน้า แต่คราวนี้ท�ำ ไม ท่านหลุดปากออกมา เอาละถ้าพระหลวงตาพูดแล้ว หนึ่งไม่มีสอง


48

อ ริ ย ส า วิ ก า

เจอจิตว่าง พระหลวงตา บอกเดี๋ยวเจอก็เจอจิตว่าง พิจารณาจ่อดูจิตที่ว่างคงจะมีว่างอีกเราต้องพิจารณา จึงพิจารณาจิตที่ว่างที่เป็นอยู่ในจิต แล้วก็เจอว่างที่ พระหลวงตาพูดถึง ในคืนวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๕ เวลา ๕ ทุ่ม บอกขึ้นในจิต (ข้อธรรมที่ผุดขึ้นในจิต) “ขณะนั้น อายะตะนะนั้นมีอยู่ แต่ไม่มีดิน-น�้ำ-ไฟ-ลม ไม่มีจุติเคลื่อน ไม่มีที่ไป ไม่มีที่มา ไม่มีอารมณ์ ไม่มี อารมณ์ นั้นแหละคือที่สุดแห่งทุกข์” ท่านบอกจิตตอน นั้นจ่อเฉยๆ เหมือนไม่พิจารณาอะไร เสียงต้นไม้ใหญ่ แห้งตายอยู่ข้างกุฏิท่านมานาน (ต้นขนุนใหญ่) เสียงดัง ลัน่ เพราะลมแรง ท่านคิดคงหักทับกุฏิ และท่านก็คงตาย

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

49

พร้อมๆ กัน อวิชชาขาดกระเด็นออกจากจิตขณะนั้น รูว้ า่ อวิชชาเหนียวแน่นมากพร้อมกับก้นของท่านลอยขึน้ จากพื้นที่นั่ง สูง ๑ ศอก โลกธาตุหวั่นไหว แผ่นดิน สะเทือน เสียงดังทึกๆ แผ่นฟ้าม้วนกลับลงมา พันกัน กั บ แผ่ น ดิ น ม้ ว นรวมกั น แล้ ว จึ ง แยกออกจากกั น โลกธาตุหวัน่ ไหว พร้อมกับเสียงอนุโมทนาสาธุการ จาก สวรรค์ทุกๆ ชั้น, ชั้นพรหมทุกๆ ชั้น ลงถึงพื้นบาดาล ขวาซ้าย สถานกลาง ร่วมอนุโมทนา สาธุการ เสียง ปีพ่ าทย์ บรรเลง ขับกล่อม กระหึม่ ก้อง เสียงประกาศก้อง ขึน้ ทีจ่ ติ “ว่าง วางเป็นจิตพุทธะ > จิตบริสทุ ธิ > จิตเป็น ธรรมชาติ” (ขณะทีอ่ วิชชาขาดออกจากจิต) พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวกทุกๆ พระองค์ โดยเฉพาะพระ หลวงตาได้ช่วยหนุนจิตท่านทุกๆ พระองค์ ทุกๆ อย่าง ที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่มีอะไรก่อน ไม่มีอะไร หลังแต่การเล่า จำ�เป็นต้องเรียงถ้อยคำ�เพื่อคนฟังจะได้


50

อ ริ ย ส า วิ ก า

รู้เรื่องเข้าใจ มีอะไรอีกมากที่ท่านบอกไม่สามารถ พูด ให้ฟงั ได้หมด เพราะของเหนือโลก เจอแล้วจะรูเ้ อง ท่าน บอกไม่เหลือวิสัยมีอยู่ในใจของทุกคน อย่ากลัวตาย กิเลสมันกลัวตาย รอดตายจึงได้ธรรม มันไม่ตายหรอก คนกล้าตาย ไม่กลัวตาย มีแต่กิเลสนั่นละจะตายจาก หัวใจ”

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

51


52

อ ริ ย ส า วิ ก า

ลูกศิษย์ส่งจิตออกนอก ท่านสอน ภาวนาไม่ให้สง่ จิตออกนอก ให้ตงั้ สติ

จ่อทีจ่ ติ ส่งความรูเ้ ข้ามาข้างใน ไม่ให้สง่ ออกไปข้างนอก ลูกศิษย์ดื้อ ไม่ฟัง ส่งจิตออกนอกกว่าจะรู้ตัว นั่งอยู่ บนหลังพญานาคแล้ว พญานาคพาแหวกชั้นดิน ผ่าน ชั้นหิน ทะลุชั้นน�้ำ พุ่งลงเร็วมาก เสียงลมหวีดหวิว น่ากลัวมาก พุ่งลงไปลึกมาก จนถึงเมืองบาดาล เป็น เมืองของพญานาค มีเสียงดังขึ้น “จะพาท่องชมเมือง บาดาล” เป็นเมืองของพญานาค อยู่กันตามผลาญหิน เป็นครอบครัว โดยมีกษัตริย์ คือพญานาคราชปกครอง เมือง พญานาคราชจะอยู่แท่นหินสูงขนด (ขด) ตัว ยกหัวชูสูงตามล�ำตัวมีปลอกทอง

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

53

ประดับตามลำ�ตัวเป็นระยะ ลำ�ตัวมีเกล็ดเป็นสีเขียว พญานาคทีพ่ าไป พาเหาะลอยวนรอบเมืองบาดาล ๓ รอบ จึงพากลับขึ้นมาส่งเมืองมนุษย์ ลูกศิษย์คนนัน้ เกือบช็อกตาย เพราะกลัวมาก ตัว สั่นเทา และเหนื่อยหอบ ได้รับบทเรียนที่ต้องจดจำ�ไป จนวันตาย ฐานอวดดีไม่เชื่อครูบาอาจารย์ สำ�คัญมาก ในการปฏิบัติภาวนาไม่มีครูบาอาจารย์คอยแนะสอน อย่างใกล้ชิดไม่ได้เลย


54

อ ริ ย ส า วิ ก า

พระพุทธเจ้าเสด็จประทับรอยพระบาท หน้ากุฎิ คุณแม่จันดี ก่อน พระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาท ท่าน

เปล่งวาจา “ด�ำเนินมาด้วยพระบาทเปล่า ประทับรอยเท้า ไว้ในโลกา” “บัญญัตขิ นึ้ ใหม่ ประทับรอยเท้าไว้ในพืน้ ไม้ ที่เราอยู่” ขณะพระองค์ทา่ นประทับรอยเท้า มีดอกบัวใหญ่ สีชมพูรองรับบนเศียรของพระองค์ทา่ นสว่างไสว เป็นรูป ใบโพธิ์ครอบไว้ ขณะพระองค์ท่านวางพระบาทลงไป บนพื้นไม้ พื้นไม้หน้ากุฏิยุบลึกลงไปประมาณศอกกว่า ในรอยพระบาทมีความสว่างไสวเกิดขึ้นทันที รอบๆ บริเวณก่อนท่านประทับรอย มีพระสงฆ์สาวก นั่งล้อม รอบเป็นระเบียบเรียบร้อยมากแสนมาก บนเศียรท่าน

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

55

ทุกๆ พระองค์ มีความสว่าง เป็นรูปใบโพธิ์เหมือน พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และมีเสียงบอกขึ้นมาอีกว่า “ก้าวตามรอยของเรามาจะถึง ทำ�ให้ถึงเถิด เกิดแน่ มรรคผล ไม่อับจนกับผู้พากเพียร” ขณะทีพ่ ระหลวงตาฟังคุณแม่จนั ดีกราบเรียนเสร็จ พระหลวงตาท่านถาม “องค์ทา่ นเสด็จประทับรอยทีไ่ หน” คุณแม่ลกุ ขึน้ ชีบ้ อกท่านว่า “ประทับตรงนี”้ ท่านถามต่อ “รูไ้ หมเป็นพระพุทธเจ้าองค์ไหน” คุณแม่ตอบ “พระพุทธเจ้า องค์ปจั จุบนั พระสมณะโคดม” ผูเ้ ล่าต้องขออภัย ด้วยวัย และเวลาผ่านมานานจ�ำได้เท่านี้ เป็นบุญเหลือเกินที่ ข้าพเจ้า บังเอิญได้ยนิ คุณแม่จนั ดีกราบเรียนพระหลวงตา ที่หน้ากุฏิท่าน ช่วงเวลาประมาณบ่าย ๓ โมงครึ่ง เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๓


56

อ ริ ย ส า วิ ก า

พระจิตที่บริสุทธิ์ ขัดธาตุขันธ์ ให้เป็นพระธาตุ ขอเล่าถึง สิ่งที่ทุกคนอาจจะอยากรู้ เหมือน ผู้เล่าเคยสงสัยมานาน และอยากรู้ว่า ทำ�ไมธาตุของ พระผู้บริสุทธิ์ จึงเป็นพระธาตุ วันหนึ่ง พ.ศ.๒๕๔๓ คุณแม่จันดี เมตตายื่นพระธาตุองค์เล็กมาวางลงบน ฝ่ามือหลังจากท่านยกมือขึ้นพนมเหนือหัว ท่านบอกว่า “เอ้า! นั่งจิตระลึก พุทโธ อย่าให้ขาด สติจ่อลงที่จิต เอา จิตย้อนรวมกับตาเนือ้ ดูเข้าไปในองค์พระธาตุ” ขณะนัน้ สิ่งที่เห็นเป็นเหมือนจอภาพใหญ่จากทีวี อยู่ในองค์ พระธาตุ ในภาพเห็นพระสงฆ์รปู หนึง่ ยืนอยูต่ รงกลางอก ของท่านสว่างไสว แสงสว่างขาวใส นวลงามมาก สักพัก ร่างของท่านโปร่งใสมองเห็นข้างใน ไม่มีหนัง-เนื้อ

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

57

ปิดบังเลย เห็นดวงสว่างอยู่ที่กลางอก วิ่งขึ้นลงรอบ กระดูกสันหลัง วิ่งขึ้น วิ่งลง ส่องแสงสว่างไสวรอบ กระดูกสันหลัง วิง่ ขึน้ -ลงอยูน่ าน ตอนนีก้ ระดูกสันหลัง ค่อยๆ สว่างขึ้นทีละน้อยๆ และมีเสียงบอกดังขึ้นว่า “พระจิตที่บริสุทธิ์ ทำ�การขัดธาตุขันธ์” ต่อมากระดูกสันหลังเหมือนไม่ใช่กระดูก กลาย เป็นแก้วใสๆ เห็นดวงสว่างวิ่งขึ้นไปบนเส้นผม ความ สว่างวิ่งตามเส้นผมทุกเส้นพร้อมๆ กัน ดวงสว่างวิ่ง ขึ้น-ลง และสว่างจ้าโดยรอบไป-มา แสงสว่างทำ�การ ขัดธาตุขันธ์ วิ่งขึ้น-ลงเร็วมาก เส้นผมเปลี่ยนจากเดิม เปล่งประกาย มีแสงสีต่างๆ สารพัดสี เป็นแสงสีเจิดจ้า มาก ถึงตอนนี้ เส้นผมทุกเส้นกลายเป็นพระธาตุ องค์ พระธาตุเกาะเรียงติดกัน ตามเส้นเกศามีแสงสีสารพัด สีสดใสเหมือนสายรุ้งพาดผ่านประสานกัน


58

อ ริ ย ส า วิ ก า

ต่อมาเห็นพระจิตทีบ่ ริสทุ ธิ์ เคลือ่ นทีล่ งมากระดูก ขาทั้ง 2 ข้าง ความสว่างวิ่งขึ้น-ลงตามกระดูกขา ขัด ธาตุขันธ์จนกระดูกขาทั้ง 2 ข้างเป็นมันวาวระยับ กลาย เป็นพระธาตุ โครงร่างของพระทีย่ นื อยูต่ อนนีส้ ว่างจ้าขึน้ ทัว่ ทัง้ เรือนร่าง ความสว่างวิง่ ขึน้ -ลง ประสานกันบน-ล่าง ขวา-ซ้าย และสถานกลาง ในทีส่ ดุ โครงร่างของธาตุขนั ธ์ ทั้งหมด ขณะนี้ดูโปร่งใสสว่างไสวดั่งไม่ใช่ธาตุขันธ์อีก ต่อไป ตอนนีค้ วามสว่างจากโครงร่างของท่านมีทกุ สีสนั วิ่งพุ่งขึ้นลง สลับสับเปลี่ยน สีต่าง ๆ อย่างน่าอัศจรรย์ และมีเสียงดังขึน้ “ธาตุไม่ใช่ธาตุ ประกาศความศักดิส์ ทิ ธิ์ วิเศษของธรรมบริสุทธิ์ หลุดจากสมมุติ” ภาพหายไป เหมือนเราปิดทีวที งิ้ ไว้ แต่ภาพทีเ่ ห็น ประทับไว้ในใจที่พอระลึกได้ มาเล่าเทิดทูนบูชาธรรม ของท่านผู้บริสุทธิ์

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

59

ลูกขอกราบแทบเท้าถึงคุณของพระคุณแม่จนั ดีที่ เมตตา ให้ปุถุชน คนหนามืดดำ�ได้เห็นความอัศจรรย์ ของพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า กราบขอขมาท่านผู้มีธรรมเหนือโลกทุกพระองค์ กราบขออภัยทุกท่าน ผู้เล่าอยู่ที่ต�่ำ แต่น�ำเรื่องท่านผู้อยู่ สูงสุด เหนือโลกมาเล่า


60

อ ริ ย ส า วิ ก า

ประสบการณ์ครูชิม

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้เข้ารับการฝึกปฏิบัติ ธรรม ที่ทางจังหวัดจัดขึ้นในงานเทินทูนบูชาคุณพระ หลวงปู่มั่น ที่วัดป่าโนนนิเวศ จังหวัดอุดรธานี วันนั้น ครูบาอาจารย์หลายๆ องค์ท่านเทศน์สอนการปฏิบัติ ภาวนา มีคุณแม่จันดีรวมอยู่ด้วย จำ�ได้ท่านขึ้นไป บนเวทีและสอนวิธีปฏิบัติ ท่านนั่งสมาธิ และสอนวิธี เดินจงกรม ครูบาอาจารย์หลายท่าน เปิดโอกาสให้ถามได้ ถ้าใครมีปัญหา หรือไม่เข้าใจได้เรียนถามท่านถึงการ นั่งสมาธิ ท่านก็ได้เมตตาตอบทุกคำ�ถามที่ทุกคนถาม ท่านไป ตอบไปยิ้มไป เสียงเรียบ ไม่มีใครถาม ท่าน

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

61

จึงแซวทุกคนทีน่ งั่ ในห้องโถงใหญ่วา่ “คงจะเอามะพร้าว มาขายสวนแล้วคราวนี้ เพราะไม่มีใครมีปัญหาอีก” ทำ�ให้เสียงหัวเราะดังกระหึ่มขึ้น เสียงดังเพราะเป็น คำ�พูดที่จี้ถูกจุดของใจทุกคน อีกวันหนึ่งไปทำ�บุญกับท่าน อธิฐานในใจ ท่านให้พร และพูดตรงกับที่ขอทุกอย่าง ข้าพเจ้ารู้สึก ซาบซึ้งยิ่งในความเมตตา ท่านล่วงรู้วาระจิต จงต้อง สำ�รวมระวังในความคิด ตอนเข้ามาปฏิบัติใหม่ๆ ไม่ ทราบว่าคุณแม่มีแคร่อยู่ในป่า ข้าพเจ้าได้เดินจงกรมไป มาอยู่นาน ความที่เป็นผู้ไม่สำ�รวมระวัง ทำ�ให้จิต ฟุ้งซ่านคิดอกุศลเข้าจนได้ เมื่อสายตามมองไปที่แคร่ ถัดออกไปเห็นผู้หญิงนอนตะแคงหันหลังให้ (เห็นหน้า ไม่ชัด) จิตที่ไม่มีสติ จึงทำ�ให้ข้าพเจ้ารู้ไม่เท่าทัน จึง คิดไปว่าเราอุตส่าห์ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมที่วัด ทั้งนี้เรา จะไม่มานอนให้เสียเวลา ใครหนอ นอนอยู่ที่ตรงนั่น


62

อ ริ ย ส า วิ ก า

เมือ่ ถึงเวลากวาดตาดและทำ�อาหารเพือ่ เตรียม ในวันถัดไป ข้าพเจ้าไปที่โรงครัว แวะเข้าไปกราบ พระคุณแม่จันดี วันนั้นเป็นวันโกน หลายคนขอเกศา ท่าน พอถึงคิวข้าพเจ้าท่านพูดขึ้นว่า “แม่มีแต่นอน จะเอาเกศาแม่อยูบ่ ”่ รูส้ กึ ละอายในความคิดของตัวเอง ได้แต่กล่าวขอขมาต่อท่านในใจ อย่าให้เป็นบาปเลย เพราะความขาดสติของตัวเองแท้เชียวที่ทำ�ให้เพ่งโทษ ท่าน ข้าพเจ้าจึงได้หลักธรรมที่สอนใจตนเองเรื่อยมา ว่าให้หัดเพ่งดูตนเถิด เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วคนเรา จะมองเห็นแต่ขอ้ บกพร่องคนอืน่ ไม่ได้พจิ ารณาทีต่ นเอง เลยว่าดีร้ายสักปานใด ท่านได้ใช้วิธีการสอนที่แยบยล มาก ทำ�ให้ข้าพเจ้ารู้จักสำ�รวมระวังความคิดมากขึ้น มีสติกำ�กับใจขึ้นมาบ้าง

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

63

ครูนำ�...คนซื่อ

ข้าพเจ้า เป็นคนชื่อ ชอบทำ�บุญ ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติพี่น้องเข้าวัดทำ�บุญถือศีลภาวนาเป็นพื้นฐาน จึงเสาะแสวงหาที่ภาวนาช่วงปิดเทอม พ.ศ. ๒๕๓๕ มี เวลาจะมาขอพักภาวนาที่วัดป่าบ้านตาดศึกษาธรรม กับคุณแม่จันดี วันหนึง่ กวาดตาดเสร็จ เก็บไม้ตาดพิงกับต้นไม้ พระคุณแม่ทัก “อย่าเก็บไม้ตาดไว้อย่านั้น” ถามท่าน “ทำ�ไมถึงพิงไม่ได้” ท่านบอกว่า “เดีย๋ วไม้จะแทงก้นเทพ ที่อยู่บนต้นไม้” วันต่อมาเหลือบไปเห็นคุณแม่เก็บ ไม้ตาดพิงต้นไม้ไว้ รีบเข้าไปทัก “คุณแม่เคยบอกไม้ตาด จะแทงก้นเทพที่อยู่ต้นไม้” ท่านบอก “ต้นไม้ต้นนี้


64

อ ริ ย ส า วิ ก า

ยังเป็นต้นเล็กอยู่ ไม่มีเทพอาศัยอยู่” เข้าใจที่ท่าน อธิบาย แล้วเดินกลับมากวาดตาดต่อ แต่ก็ยังไม่เข้าใจ ท่าน จึงถามพี่ที่อยู่กับคุณแม่ว่า ท่านให้อุบายสอนให้ เก็บไม้ตาดให้เป็นระเบียบ ปีต่อมา เริ่มเข้าใจอุบายธรรมต่างๆ ที่ท่าน สอน จึงกราบขอขมาท่านและกราบขอให้ได้ธรรม ให้ เห็นธรรมทุกๆ อย่างที่อยากเห็น ท่านสงสาร คนซื่อ จึงให้พร “เอ้า วันนี้ อยากเห็นอะไร ให้เห็นหมด” กราบท่านเสร็จเข้าป่ากลับไปที่แคร่ ไหว้พระสวดมนต์ เย็นเสร็จ เดินจงกรมต่อ รู้สึกกายเบา จิตเบา อย่าง ไม่เคยเป็นมาก่อน เดินไป เดินมา รู้ตัวว่าตอนนี้กาย เราหายไป มีแต่ลมเข้าออก จึงหยุดเดินยืนนิง่ ขณะนัน้ ฟ้าตลบกลับลงมาเป็นดิน แผ่นดินพลิกขึ้นไปข้างบน ตอนนี้เห็นตัวเองหัวทิ่มลงมาข้างล่างเท้าชี้ขึ้นข้างบน ตกใจร้องเรียกพีท่ อ่ี ยูใ่ กล้ๆ “ให้ชว่ ยจับชายผ้าถุงให้ดว้ ย

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

65

ตอนนี้ขาชี้ฟ้าหัวทิ่มลงดิน ช่วยหนูด้วยๆ ” พี่ๆ วิ่งมา ร้องบอก “ตัวจริงๆ ไม่เป็นอย่างทีเ่ ห็น ดูในจิตอย่ากลัว ทำ�เหมือนคุณแม่ท่านบอก ให้เอาสติเกาะกำ�จิตไว้ให้ ดี” จึงรวบรวมสติ เหมือนเอามือเข้ากำ�จิตไว้ให้แน่น แผ่นฟ้าพลิกกลับคืน แผ่นดินพลิกลงมา ทุกอย่างรอบๆ ตัว เป็นเหมือนเพลิงสีแดงโชน เต็มไปทั่วบริเวณ แต่ แปลกใจ ทำ�ไมเราจึงไม่รอ้ น เห็นคุณแม่ยนื กัน้ เพลิงให้ รู้แล้วเข้าใจแล้วจิตตอนนี้เกิดความเข้าใจทันทีที่ท่าน ให้พร ให้รู้ ให้เห็นทุกอย่างที่อยากรู้ ที่อยากเห็นตาม ธรรม โอ้...ธรรมพลิกแผ่นฟ้า ธรรมพลิกแผ่นดิน เป็น อย่างนี้เหรอ แล้วที่เรายืนอยู่บนแผ่นดินนี้รอบๆ ทั่ว ทั้งโลก คือทะเลเพลิง แห่งความทุกข์ แผดเผาร่าร้อน มีท่านที่มีธรรมคอยช่วยดับความร้อนให้ พอจิตเฉลย ธรรม เฉลยโลก ให้ฟัง ร้องไห้กราบไหว้ถึงคุณของ ท่านครูบาอาจารย์ ผู้สอนธรรมปิดกั้นเพลิงไฟให้


66

อ ริ ย ส า วิ ก า

ปัจจุบันไม่มีโอกาสมาวัดเหมือนเดิม เพราะ ดูแลพ่อ แม่ที่แก่เฒ่า เจ็บป่วย ทั้งต้องดูแลหลานๆ อีก อาศัยธรรมที่พระคุณแม่เมตตามาช่วยในการดำ�รง ชีวิต พยายามบอกหลานให้รู้จักพุทโธทุกๆ วัน กราบ ขอพึ่งพระหลวงตามหาบัว พระคุณแม่จันดีให้ท่าน ช่วยเมตตาทุกๆ คนในครอบครัวตลอด ขอพรท่าน ทั้งสองพระองค์ อาศัยท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

67

พญานาค ถวายไฟบูชาธรรม

ผูเ้ ขียน...มีโอกาสพบ พูดคุยกับพีท่ า่ นหนึง่ และ ขอให้เล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่เห็นพญานาคมากราบบูชา ท่านที่มีธรรม พี่เล่าว่า คืนนั้นเป็นคืนวันออกพรรษา ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๖ กำ�ลังนั่งภาวนาอยู่ในศาลา ครัวกลาง ใกล้กุฏิคุณแม่จันดี เวลาประมาณ ๔ ทุ่ม ขณะนั้นเห็นดวงตาใสแจ๋ว เหมือนแก้วใสๆ ดูอ่อนโยน น่ารักมาก สายตาที่ทอดมองมา ดูน่ารัก น่าสงสาร รู้สึกแปลกใจ เอ๊ะ! นี่เป็นตาของอะไร ทำ�ไมเราไม่คุ้น ดวงตาลักษณะนี้ เห็นพญานาคตนเล็ก ตนใหญ่ ทอด ลำ�ตัวยาวกับพื้นดินเรียงกันอยู่ ศีรษะอยู่ระดับเดียวกัน เห็นศีรษะพญานาคยกขึ้นพร้อมกัน ยกสูงพอประมาณ


68

อ ริ ย ส า วิ ก า

แล้วก้มศีรษะลง ผงกศีรษะขึ้นลง ทำ�ซ้ำ�กันถึง ๓ ครั้ง และมีเสียงดังขึ้นว่า “ขอถวายไฟบูชาธรรม” เห็น พญานาคผู้เป็นหัวหน้ามีแสงสว่างขึ้นทั้งลำ�ตัว สว่าง มากจนมองเห็นบริเวณนั้นสว่างเหมือนเวลากลางวัน ไฟในลำ�ตัวพญานาคพุ่งเป็นลำ�แสงออกไป และเห็น ลำ�แสงใหญ่พุ่งออกทางปาก พุ่งขึ้นกลางอากาศ จึงดู เป็นเพียงลูกไฟดวงหนึ่ง แปลกมากในตอนนั้น เหมือน จิตรู้ความคิดของพญานาค พวกเขาบอกว่า “พวกเขา ไม่มีมือเหมือนมนุษย์ ใช้ศีรษะผงกกราบแทนมือ และ ขอถวายไฟบูชาธรรม พระผู้มีธรรม อยู่ในฤทธิ์ที่เรา ทำ�ได้” ใจเราขณะนั้นเกิดคำ�ถาม “ไปกราบบูชาพระ หลวงตามหาบัวหรือยัง” เขาบอก “ไปแล้ว ก่อนมาทีน่ ่ี กราบท่านแล้วจึงมา” (พญานาคเขาก็มคี รอบครัว พวกเขา จะเข้ามากราบทีละครอบครัว) พอครอบครัวนี้ออกไป ครอบครัวใหม่ก็เข้ามา ทำ�แบบเดียวกัน น่ารักมาก

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

69

คงนัดแนะฝึกหัดกันมา จึงกราบได้พร้อมเพรียงกัน งดงามน่าดูมาก เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ผู้ที่ท่านเห็น หลายครูบาอาจารย์ ท่านรูเ้ ห็นอะไรๆ ทีไ่ ม่เกิดประโยชน์ กับผู้ฟัง แต่ละท่านจึงเงียบไม่พูด เห็นเหมือนไม่เห็น รูเ้ หมือนไม่รู้ ท่านจะพูดเฉพาะสิง่ ทีเ่ กิดประโยชน์เท่านัน้ แต่พเ่ี ขาบอกว่า “เขาไม่ใช่ครูบาอาจารย์ ขอนำ� เรื่องนี้มาเล่า เพราะเห็นพญานาคเคารพบูชาธรรม และชื่นชมมนุษย์ ที่เกิดมาในภพที่เพียบพร้อม จะทำ� ได้ทุกๆ อย่างที่ภพอย่างพวกเขาทำ�ไม่ได้ จะปฏิบัติ ภาวนา แสวงหาธรรมจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ก็ไม่ได้ พวก เขาเหงาหงอยในใจ น้อยใจในชาติภพของตัวเอง” ได้รับรู้ความรู้สึกของพญานาค จึงตัดสินใจ เปิดเผยเพื่อเป็นกำ�ลังใจกับเพื่อนมนุษย์ทุกๆ คน อย่า ท้อแท้ อ่อนแอ หวั่นไหว ขอให้เข้มแข็งและภาคภูมิใจ ในภพมนุษย์ของตัวเอง


70

อ ริ ย ส า วิ ก า

ต่อมามีชว่ งหนึง่ คุณแม่จนั ดีและคณะ มีโอกาส ไปอ�ำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ริมฝัง่ แม่นำ�้ โขง เจ้าของบ้านขอให้ท่าน ไปนั่งบ้านพักติดแม่น�้ำโขง อากาศเย็นสบาย มีลมโชย มีเมฆก้อนใหญ่ลอยมา บดบังแสงจากดวงอาทิตย์ ท่านบอกให้ทกุ คนนัง่ ภาวนา แผ่เมตตาให้พญานาคที่อยู่ในแม่น�้ำโขง มีคนหนึ่งที่ ร่วมเดินทางไปในครั้งนั้น กราบเรียนท่านว่า ขณะเธอ นัง่ ภาวนา มีเสียงดังอ่อนหวานเป็นภาษาลาวเวียงจันทร์ (เสียงผู้หญิง) ดังขึ้นว่า “พญานาค น้อยใหญ่ กวงไกล เป็นสายมา หลั่งพนมกรเก้า” (พญานาคทั้งน้อยและ ใหญ่ ใกล้และไกล หลังไหลมากราบไหว้) พร้อมทั้ง เห็นภาพพญานาคใหญ่น้อย หลั่งไหลมาเยอะมาก มากราบไหว้คุณแม่ เธอกราบเรียนจบ ท่านเมตตาพูด ขยายให้พวกเราที่ไม่เห็นฟังว่า “พญานาค มาหมด ตั้งแต่ต้นแม่น�้ำโขงประเทศจีน จนสุดปลายแม่นำ�้ โขง

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

71

ภพพญานาค เทพเทวดา ส่งข่าวถึงกันได้เร็ว มาก็เร็ว ไม่ เหมือนพวกเรา จะไปไหนต้องนั่งรถ” ท่านพูดจบ ก็หัวเราะ


72

อ ริ ย ส า วิ ก า

จิตยิ่งใหญ่ ธรรมชาติ ของจิตมีทั้งสงบและทุกข์ แต่สิ่งที่

ทำ�ลายจิต คือ ทุกข์ เมื่อจิตทุกข์ แล้วความเจ็บป่วยของจิตย่อมเกิด ตามมา ความเศร้า ความกังวล และความละอาย ความคิดอยากทำ�ลายตัวเอง คือ สัญญาณบอกว่าจิต กำ�ลังไม่สบาย หยุดคิด คือ หยุดทุกข์ เพราะทุกข์ คือ โรคร้ายของจิต หากไม่หยุดคิด วุ่นวาย ความทุกข์ก็ย่อมเกิดขึ้นอยู่ร�่ำ ไป เมื่อประสบ ปัญหาเราต้องหายารักษาจิต ซึ่งมีอยู่ชนิดเดียว ไม่เคย ล้าสมัย ได้ผลยอดเยี่ยม คือ พุทโธ

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

73

เมือ่ คิดพุทโธแทนความทุกข์ จิตทีว่ นุ่ วายก็เริม่ อยูน่ งิ่ และ สัมผัสกับความสงบได้ ความคิดต่างๆ ที่รุมเร้าก็ผ่อน คลายลงได้ รักษาทุกข์ด้วยยา คือ พุทโธ พุทโธ ไม่ใช่คำ�จำ�กัดความของศาสนาใดศาสนา หนึ่งคือ พุทโธ เป็นยารักษาจิต ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนี้คือ ยาที่ทุกคนสามารถพิสูจน์ และทดลองได้ด้วยตนเอง ผู้ที่ยอมกินยานี้ ย่อมประสบกับความสงบในจิต หยุดความทุกข์ จากความคิดทั้งปวงได้ และเห็นผล อย่างแน่นอน อยากให้ทุกคน พิสูจน์ทดลองเพราะโรค ทุกข์มีอยู่ในใจ ของทุกคน


74

อ ริ ย ส า วิ ก า

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

ซาบซึ้งในคุณครูบาอาจารย์

อ้ายหมดห่วงแล้ว

เมื่อหลวงตามหาบัวสอนน้องสาว (คุณแม่จันดี) ภาวนา เขียนโดย ขันติอุดมธรรมที่ ๒๓:๕๗ วันอาทิตย์ที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

75

ทราบว่าท่านให้ค�ำ แนะนำ� เรือ่ งการปฏิบตั ภิ าวนา ได้ถูกต้องแม่นยำ� ไม่ผิดเพี้ยน จากหลักความจริง ตาม ธรรมคำ�สอนของพระหลวงตามหาบัวทุกอย่าง ท่านจะ พูดเสมอว่า “พระหลวงตาสอนให้แม่ปฏิบัติมาอย่างนี้ ถ้าเป็นคำ�พูดของพระหลวงตาแล้ว ยิง่ การปฏิบตั ภิ าวนา จะคลาดเคลือ่ นไปไม่ได้เลย…” ท่านบอกสมัยก่อนปฏิบตั ิ อยู่ที่บ้าน เวลามีปัญหาติดขัดด้านการภาวนา ก็อาศัย กราบเรียนพระหลวงตาตอนไปรับบิณฑบาตในหมู่บ้าน ขณะคุณแม่ใส่บาตร พระหลวงตาจะเมตตาถาม “ภาวนาเป็นยังไง” คุณแม่จึงกราบเรียนพระหลวงตา ท่านก็จะแนะนำ�อย่างต่อเนือ่ ง ช่วยแก้ปญั หาการปฏิบตั ิ ภาวนาให้ท่านตลอด คุณแม่จนั ดีเล่าว่า “การปฏิบตั ภิ าวนาถ้าไม่มคี รูบา อาจารย์ช่วยแนะสอนจะช้าได้ เพราะช่วงปฏิบัติภาวนา


76

อ ริ ย ส า วิ ก า

เรารู้เห็นอะไร มันก็ชวนให้หลงให้ติดเพราะความ อัศจรรย์ ที่เราเกิดมาไม่เคยพบ - เห็นเลยในชีวิตและ ไม่มีแสดงอยู่ที่ไหนในโลก นอกจากผู้ภาวนาแต่ละราย จะรูเ้ องเห็นเองจากการปฏิบตั ขิ องตัวเอง รูข้ น้ึ ในใจของ ตัวเองเป็นสันทิฏฐิโกประกาศป้างขึ้นที่หัวใจ ไม่ต้อง ถามใครไม่ต้องให้ใครมาโกหกเราได้ พิสูจน์ได้ด้วย ตัวเอง ไม่ลล้ี บั ไม่ปดิ บัง เปิดเผยเสมอ มีอยูต่ ลอดกาล ธรรมความจริง ธรรมไม่ตาย เปิดเผยสง่างาม อยู่ ทุกกาลทุกสมัยตลอดมา และตลอดไป เป็นแต่ ผู้คน จะมีจิตยินดี และต้องการหรือไม่” ได้ยนิ คุณแม่ทา่ นเล่า จำ�ได้เป็นข้อความบางตอน ที่อยากสื่อธรรม เพื่อเป็นบารมีธรรมของผู้นำ�เสนอสื่อ ธรรมเข้าสู่ใจ ท่านบอกช่วงนั้นคุณยายแก้ว แห่งสำ�นัก ชีห้วยทรายได้มาพำ�นัก อยู่วัดป่าบ้านตาดท่านเมตตา ถามคุณแม่จนั ดี ถึงการปฏิบตั ภิ าวนาอยูเ่ สมอ มีอยูค่ รัง้

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

77

หนึ่งท่านถามว่า “จันดีจิตของลูกแยกส่วนแบ่งส่วนหรือยัง” คุณแม่จันดี ตอบ “แยกแล้วแบ่งแล้ว และกราบเรียนต่อว่า ขณะนี้ เป็นอย่างนี้” คุณยายฟัง และบอกท่านว่า “เออดีแล้ว จิตถ้าแยกส่วนแบ่งส่วนแล้ว จิตก็มีแต่จะเจริญ” ต่อมาอีกคุณยายแก้ว ถามท่านว่า “จันดี ลูก กราบเรียนการปฏิบตั กิ บั ญาท่าน (พระหลวงตามหาบัว) ว่าอย่างไรบ้าง เห็นพระในวัดท่านเข้ามาถามแม่ว่า (คือคุณยายแก้ว) ว่าคุณแม่รู้ไหมโยมใครกันที่อยู่ใน หมู่บ้าน มีเทวดา พระอินทร์ พระพรหม มาอนุโมทนา กับเขาพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตาพูดในทีป่ ระชุมสงฆ์ “ทำ�ไหมเขาภาวนา ทัง้ ทีม่ ลี กู น้อย ทัง้ ทำ�นา ครองเรือนอยู่ เห็นเทพ - เทวดา” คุณยายจึงเรียนพระไปว่า “จะเป็นใครนอกจากนางจันดี


78

อ ริ ย ส า วิ ก า

(น้องสาวของญาท่าน)” พอได้โอกาสคุณแม่จันดี มา วัด ท่านจึงเล่าให้ฟัง และถามว่า “เป็นความจริงไหม” เพราะแม่ (คุณยาย) ตอบพระไปก่อนจะถามเจ้าแล้ว ท่านจึงกราบเรียนคุณยายแก้วว่า “ลูกได้กราบเรียน การปฏิบัติของลูกให้พระหลวงตาทราบในทุกๆ เรื่อง เพราะไม่พง่ึ พระหลวงตาท่านช่วย ลูกคงติดในแต่ละจุด และช้าเวลาต้องให้ท่านช่วยตี ช่วยขนาบ เพราะท่าน จะบอกลูกว่าเวลานี้ท่านมีชีวิตอยู่ติดขัดอะไรให้ถาม ถ้าเราพิจารณาเองอาจช้า เสียเวลา มีครูบาอาจารย์ ช่วยแนะเรามีหน้าที่ทำ�ตาม - ปฏิบัติตาม ท่าน (ถ้าว่าอาหารท่านก็ปรุงไว้ให้เสร็จแล้ว เราลูกศิษย์ ตั้งใจกินอย่างเดียว อิ่มแล้วจะรู้เอง…) คุณแม่จันดี ท่านเมตตาเล่า การปฏิบัติของท่าน ที่ยากลำ�บาก แม้จะไม่ได้ขึ้นภูเขา เข้าป่า แต่ธรรมที่ ท่านได้มา ก็แลกด้วยชีวติ ความตอนหนึง่ ทีป่ ระกาศขึน้

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

79

ในจิตท่านว่า “ให้เอาชีวิตแลกธรรม” ตอนนั้นพระ หลวงตาก็บอกให้ท่านเร่ง “มึงอย่าเสียดายชีวิตนะ เร่ง เลยๆ ผ่านไปอีกระยะหนึง่ พระหลวงตาเข้ามาฝ่ายผูห้ ญิง ถามท่านว่า “เป็นยังไงจิต” คุณแม่บอกอยากกราบเรียน ท่านตามจิตเป็นอยู่ แต่รั้งไว้ไม่พูดหมด ตอบเพียงว่า “จิตช่วงนี้ไม่กลัวตายจิตกล้ามาก สภาวธรรมความเกิด - ดับเร็วมากเหมือนฟ้าแลบ” พระหลวงตาร้องขึ้น เสียงดัง “โอ้จิตถึงขนาดนี้แล้ว เร่งเลยๆ ๆ ๆ ไม่นาน อีกไม่นาน (ท่านย้ำ�) เร่งเลยๆ ๆ ๆ” ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๓๕ ในคืนนั้น ฟ้าครึม้ ลมแรง คุณแม่จนั ดีเป็นห่วงพีส่ าว (คุณยายตัน) ท่านเดินไปดูพี่สาวที่แคร่ และปิดผ้าม่านให้เพราะ ลมแรง กลัวว่าฝนตกจะเปียก (พี่สาวที่ภาวนาอยู่) จึง กลับมาทีก่ ฏุ ิ ท่านกราบพระนัง่ ภาวนา ท่านบอกจิตท่าน แปลกๆ นั่งถึงเวลา ๕ ทุ่ม (รู้ขึ้นในจิต)


80

อ ริ ย ส า วิ ก า

“เกิดสภาวะโลกธาตุหวั่นไหว ก้นท่านลอยขึ้นจากพื้น สูงประมาณ ๑ ศอก ทุกๆ อย่าง เกิดขึ้น พร้อมๆ กัน เสียงประกาศก้องขึ้นในจิต ขณะนั้นว่า อายะตะนะ นั้น มีอยู่ แต่ไม่มี ดิน น�้ำ ไฟ ลม ไม่มีจุติเคลื่อน ไม่มีที่ไป ไม่มีที่มา ไม่มีอารมณ์ ไม่มีอารมณ์นั้นแหละ คือที่สุด แห่งทุกข์ ขณะเดียวกัน อวิชชาได้กระเด็นขาดออกจาก จิต ทุกๆ อย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่มีก่อน ไม่มีหลัง ท่านบอก “แต่เวลาพูดจ�ำเป็นต้องเรียบเรียงเรื่องให้คน ฟังเข้าใจ ไม่ร้จู ะอธิบายยังไง เพราะไม่มอี ะไรจะเปรียบ เทียบกับสิ่งที่มีอยู่ในโลก เพราะเป็นของเหนือโลก”… คืนนั้น ท่านกราบนอบน้อมถึงคุณพระพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ ถึงคุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ท่านบอก ในขณะจิตนั้นพระอรหันต์ทุกๆ ๆ องค์ ได้มาช่วยหนุน จิตโดยเฉพาะพระหลวงตาทั้งเป็นครูอาจารย์ เป็นพ่อ เป็นพี่ชายในสายโลหิต (เลือด) เดียวกันในชาติปัจจุบัน

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

81

คืนนั้นท่านไม่นอนทั้งคืน… พบพระหลวงตาอีกครั้ง กราบเรียนท่านถึงสภาว ธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น…พอจบ” พระหลวงตาพูดขึ้น “อ้ายหมดห่วงแล้ว” (พี่หมดห่วงน้องแล้ว)…


82

ป รั ช ญ า ธ ร ร ม เทียบโลก เทียบธรรม

ป รั ช ญ า ธ ร ร ม คุณแม่จันดี โลหิตดี เทียบโลก เทียบธรรม

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

83

สมมุติบัญญัติตั้งค่า ๑ ๒ เรียก หนึ่ง - สอง หรือ สิบสอง ค่าถูกเปลี่ยนไปทันที ตามการตั้งค่า หรือ ๒ ๑ เรียก สอง-หนึ่ง หรือ ยี่สิบเอ็ด ค่าถูก เปลี่ยนไปตามสมมุติบัญญัติ การตั้งค่า หรือ ๐ ศูนย์ ถูกตั้งค่าว่า ไม่มีค่า แต่เมื่อ ๐ ศูนย์ มาอยู่ หรือ ถูก วางตามตำ�แหน่งอื่น ค่าของ ๐ ศูนย์ ก็เปลี่ยนไปทันที ตามการตั้งค่า หรือสมมุติบัญญัตินั้นๆ ทันที ของทุก อย่างในโลกนี้ ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎของสมมุติที่มนุษย์ เป็นผู้กำ�หนดและตั้งค่าทั้งสิ้น นอกจากกฎธรรมชาติที่ มนุษย์ไม่สามารถกำ�หนด และเปลี่ยนแปลงได้ตาม ต้องการ เช่น ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความเป็นจริง ที่อยู่เหนืออำ�นาจการกำ�หนดและบังคับ ของมนุษย์


84

ป รั ช ญ า ธ ร ร ม เทียบโลก เทียบธรรม

นักปฏิบตั หิ ลงติดอยูท่ คี่ วามพอใจ และไม่พอใจ เป็นเครื่องอยู่ เอาความพอใจ และไม่พอใจเป็นเครื่อง อยู่ เมื่อพอใจ ได้สมใจก็เป็นสุข เมื่อไม่พอใจก็เกิดทุกข์ แต่ทงั้ สุขและทุกข์ ก็ยงั เป็นเงื่อนของสมมุติ ไม่มีใครคิด ทีจ่ ะอยูต่ รงกลาง ระหว่างสุขกับทุกข์ เพราะตรงนัน้ ไม่มี ทั้งความพอใจ และไม่พอใจ แต่เป็นความพอ พอดี ผู้ที่หลงเพลิน เล่นอยู่กับความพอใจ และไม่พอใจ จึง ได้หนังสือเดินทางแห่งการท่องเที่ยวของภพชาติติดตัว ไปตลอด ผู้ใดหมั่นพิจารณาจิต ผู้นั้นจะพบธรรมแท้ สุขแท้... นั้นคือที่สุดของผู้หยุดวัฏฏะ

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

85

...ร่างของแม่ สลาย เมื่อถึงกาล ...คงได้รู้ ก็เมื่อสาย หายเห็นผิด ถึงจะคิด อยากให้ฟื้น ฝืนไม่ได้ โลกไม่เที่ยง ความพลัดพราก จากเจ้าไป ...ฝากธรรมไว้ ในใจ ให้พิจารณา ...อย่าได้ท้อ ไม่มีแม่ ชะแง้หา สุดอ้างว้าง ไม่ห่างทาง แม่นำ�พา คอยลูกมา ยื่นมือไว้ ให้เจ้าดึง อาภรณ์ของโลก วัตถุของโลก มีอยูป่ ระดับโลก ทัว่ ไป ทิ้ง ความโลภ ความโกรธ ความหลง สละ แล้วซึ่งตัวตน พ้นแล้วซึ่งโลก บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากทุกข์...นิพพาน


86

ป รั ช ญ า ธ ร ร ม เทียบโลก เทียบธรรม

สะพานโลก สะพานธรรม ขาดลง ตรงกลางจิต จึงประดิษฐ์พระขึ้นทั้งองค์ วิสุทธิจิต วิสุทธิธรรม เลิศล้ำ� เหนือโลก จิตเป็นธรรมชาติ สิ้นทุกข์ สิ้นโลก สิ้นธรรม เหนือบัลลังก์โลก เหนือบัลลังก์ธรรม ที่สุด ที่สุด ของที่สุด จึงเรียกว่าเหนือ จิตพุทธะ ธรรมเอกหนึ่ง ไม่มีสอง บรมสุขแท้ คือนิพพาน พระพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกจนถึงองค์สุดท้าย เป็นธรรมดวงเดียวกัน เสมอกัน

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

87

แดนแห่งธรรม ช่างงามล้ำ� สิ้นกิเลส กายทะลุ หัวใจพัง จึงถึงฝั่งพระนิพพาน วางความอาลัยใดๆ ในโลก ก้าวผ่านไป อย่างไม่ใยดี สะอาด หมดจด หลุดพ้น จากสิ่งเกาะเกี่ยวใดๆ ทั้งปวง วางโลก ~ วางธรรม ชำ�ระกิเลส ปราศจากทุกข์ เสวยสุข ครองธรรม บรมสุข ...วิมุตติ ธรรม คือ ธรรมชาติ ธรรมไม่มีที่หมาย กาย คือ ลายแทง จิต เป็นขุมทรัพย์


88

ป รั ช ญ า ธ ร ร ม เทียบโลก เทียบธรรม

...น�้ำตาแห่งทุกข์ ~ น�้ำตาแห่งสุข สละโลก คือ สละทุกข์ สละสุข คือ สละโลก สละโลก จึงได้ธรรม สละธรรม จึง เหนือโลก ธรรม เหนือ โลก เหนือ โลกวัฏฏะ สร้างพระทีใ่ จ ผูใ้ ด หมั่นพิจารณาจิต ผู้นั้นจะพบธรรมแท้ สุขแท้ บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากสิ่งเจือปน พ้นได้ที่ใจ มีพระนิพพาน เป็นที่ไป คือที่สุด ของผู้หยุดวัฏฏะ

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

89

คำ�ว่าใช่ หรือ ไม่ใช่ คือ การตั้งค่าของสมมุติ อยาก และไม่อยาก คือ ตัวขับเคลื่อน ของความหลง อยาก และ ไม่อยาก เรียกว่าตัณหา สมมุติบัญญัติ คือ การตั้งค่า สมมุติบัญญัติ เรียนไม่จบสิ้น เพราะมีการตั้งค่า เช่น ตัณหา

ความเมตตาและให้อภัยเป็นจิตที่ยิ่งใหญ่

ศีล คือ เจตนางดเว้นการทำ�ความชั่วทางกาย ทางวาจา ทางใจ

กลิ่นผู้ที่มีศีล มีธรรม จะหอมฟุ้งกระจาย ไปทั่ว ๓ โลกธาตุ

รู้ที่เกิดจากจิต คือ รู้จริง รู้ที่เกิดจากสมอง คือ รู้หลอก


90

ป รั ช ญ า ธ ร ร ม เทียบโลก เทียบธรรม

น้อมใจไปที่กาย ดูกาย ดูจิต คือ ที่เดียวกัน เพราะผู้ดู คือ ผู้รู้ ผู้เดียวกัน ผู้ฉลาดเรียนรู้จากกาย-จิต ผู้อยากรู้ผิด เรียนภายนอก

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

91

ความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องแผดเผากิเลสอย่างยิ่ง ความอืดอาด เชื่องช้า เหนื่อยหน่ายไม่เคยมีใครได้ดี ความพอใจ และไม่พอใจ เป็นอาหารชั้นยอดเยี่ยมของกิเลส

ธรรม คือ ประโยชน์ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ธรรม

อยาก เมื่อไม่ได้อย่างที่อยาก ก็เป็นทุกข์ ไม่อยากได้ แต่ได้ ก็เป็นทุกข์

อยาก ไม่อยาก หมาย ไม่หมาย คือ การตัง้ ค่า จิตที่ไม่หมายและไม่อยาก จึงเป็นจิตที่เป็นปกติสุข เกาะกระแสจิตไปกับพุทโธ

ผู้ที่ทิ้ง ท่านจึงเบา ผู้ไม่เอา ท่านจึงสบาย พุทโธ คือ ยาชะลอความหลง


92

ป รั ช ญ า ธ ร ร ม เทียบโลก เทียบธรรม

...ใครจะว่าอะไร ไม่ต้องไปสนใจ ...ใครเขาอยากได้อะไร เขาทำ�อะไร เขาก็ได้สิ่งนั้น ...ใครอยากได้อะไร ก็ทำ�เอา ใครทำ�อะไร ก็ได้สิ่งนั้น ไม่ต้องไปสนใจ ฝ่าโลกธรรม ๘ ออกไปให้ได้ เรื่องของโลกธรรม ๘ เรื่องมงคลตื่นข่าว แตกซ่านกัน ไปไม่รู้จักจบ ฝ่าให้ได้ ทิ้งให้เร็วที่สุด ตายก่อนห่อนรู้ธรรม ธรรมอยู่ฟากตาย สละตายจึงได้ธรรม ใจเฮ้ย ใจใคร กายเฮ้ย กายใคร ผู้ใด กล่าวตู่ ผู้นั้น ยังหลง หลงแผ่นดิน แผ่นฟ้า ยังไม่น่าห่วง เท่าหลงกายา

คุ ณ แ ม่ จั น ดี โ ล หิ ต ดี

93

ตะวัน บ่ายคล้อย คอยกาย สลาย จิตไม่มี ที่หมาย ตายจม กองทุกข์ เฮ้ย เฮ้ย เหวย เหวย คนอยากลาโลก ความทุกข์ ความโศก เอาออกไม่ได้ จวบจนวันตาย ที่ไม่หมายต้องเจอ ผู้ที่ภาวนาได้ยาก เพราะมองออกแต่ข้างนอก ไม่ดูใจตัวเอง จิตจึงไม่สงบ ผู้ที่มีสติ สังเกตจิตอยู่ตลอด ไม่เหลือวิสัย มีอยู่ในใจของทุกคน อย่ากลัวตาย กิเลสมันกลัวตาย รอดตายจึงได้ธรรม...ให้เอาชีวิตแลกธรรม


รายนามผู้ศรัทธาร่วมพิมพ์สื่อธรรมะบรรณาการ ๑. คุณอานุภาพ ทัดพิทักษ์กุล ๒. คุณชฎาบุญ บุญสิริวรรณ ๓. คุณพ่อสุชาติ คุณแม่ขวัญใจ คงชื่น ๔. ครอบครัวชัยพิพัฒน์ ๕. ครอบครัวภูลายดอก ๖. คุณกรรณิการ์ ทองนนท์ ๗. คุณโสภิศ ทองนนท์ ๘. คุณสมปอง ลาคำ�ภา ๙. คุณแม่ทองคำ� คุณอัญชลี พิริยโยธา ๑๐. พี่แจ๋ว(ชมรมกัลยาณธรรม) ๑๑. ดร.ธีระ อนุกูลประเสริฐ คุณอุทัยวรรณ ขุนเจริญ ๑๒. คุณพัทยา ๑๓. คุณหมวยและครอบครัว ๑๔. คุณศิริพร รัตนะและครอบครัว ๑๕. คุณกรองทอง ศรีพฤทธิ์เกียรติ ๑๖. คุณสราวุธ วังษ์พลับ ๑๗. คุณอาทิตย์ วัฒนาปฤดา

๕,๐๐๐ บาท ๓,๐๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ๑.๕๐๐ บาท ๑,๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๖๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๓๐๐ บาท ๒,๐๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.