แนวทางการศึกษา Elliot
Wave ---Intensive Course
ผมตั้งใจจะพยายาม อธิบายเรื่องทฤษฎีคลืน ่ Elliot wave ซึ่งยากมากๆ ใหมัน เขาใจไดงายขึน ้ แตจนแลวจนรอด ก็ไมสามารถทําใหมันสัน ้ และเขาใจงายๆ ได เพราะ ขอปลีกยอยมันมีมากมาย เลยเปลี่ยนเปนอธิบายใหมันละเอียดไปเสียเลย ผูที่สนใจ ศึกษาจะไดนาํ ไปใชและตอยอดได ขอมูลทั้งหมด ผมยึดตามหนังสือ Mastering Elliott wave by Glenn Neely with Eric Hall พิมพครั้งที่ 2 ป 1990 ผมไมเห็นหนังสือนีใ้ นรานหนังสืออีกแลว แต หาไดฟรีตาม internet ทั่วไป ผมเห็นวาหนังสือเลมนี้มีรายละเอียดมากที่สุดเทาที่อา น มา และผมใชเวลากวา 2 ป ในการยอยหนังสือเลมนี้เพือ ่ ทําความเขาใจ แตคงไม สามารถเขาใจไดทงั้ หมด เพราะความซับซอนในรูปแบบ และในกราฟจริงๆ ที่มอง เปรียบเทียบกันยาก แตก็ยงั ดีกวาไมรูอะไรเลย
จากคุณ เขียนเมื่อ
: kitty63 : 15 ก.ย. 52 14:57:10
รูปแบบราคาที่เกิดติดตอกันมา แสดงเปนรูปแบบคลื่นขึ้นลงตอเนื่องกันไปไมจบสิ้น
Topics ที่จะพูดถึง ในครั้งนี้เยอะแยะจริงๆ แตเราควรรูตามลําดับเพื่อความเขาใจในพื้นฐานทั้งหมด และการนําไปประยุกตใช
กอนอื่น เราตองเขาใจกอน วาทฤษฎีคลื่นนี่มันคืออะไร มาจากไหน และควรนําไปใชกับการลงทุน ประเภทไหน
Wave คืออะไร ?
รูจักกับ Monowave วามันเปนอยางไร
รูจัก Monowave แลว ก็มารูจัก Polywave
ลักษณะ ของ Impulsion wave & Correction wave จะเห็นวา จะประกอบดวยคลื่นยอยๆ แตยังคง รูปแบบ Impulse wave และ correction wave สลับกันไป เหมือนคลื่นใหญ ทุกประการ
ขยายคลื่นใหญ เปนคลื่นยอยๆ ใหเห็นภายใน
ทฤษฎีคลื่นของ Elloitt จะพูดถึง คลื่นใน 2 ลักษณะเทานั้นคือ 1. Impulsion คลื่นกระตุน มี 5 คลื่นหลักเสมอ 2. Correction คลื่นปรับตัว มี 3 คลื่นหลัก ยกเวน Triangle จะมี 5 คลื่น เราจะเริ่มกันดวย Impulsion กอน
รูปแบบ Impulsion มีทั้งขาขึ้น และขาลง
เราจะรูไดอยางไรวา ที่มี 5 คลื่นนั้น มันเปน Impulsion wave มันมีกฎมีเกณฑ ที่จะจําแนกวา จะเปน Impulsion wave ตองมีรูปแบบพื้นฐานหลักๆ ดังนี้ (ยังมีกฎอื่นๆ อีก ทีจ ่ ะตองใชยืนยัน และตองผาน ทั้งหมด ไมใชมีแคนี้นะ ตรงนี้มันแคพื้นๆ )
Rule Of alternation กฎ นี้ Impulsion wave ก็ตอ งมีดวย หากไมผานกฎนี้ แสดงวา ไมใช Impulsion นะครับ
เมื่อผานกฎ เรื่องการสลับ Rule of Alternation แลว Impulsion ยังตองผานเรื่อง กฎคลื่นยืดตัว หรือ Extension Rules อีกดวย หากไมเจอคลื่นยืดตัวใน Impulsion นั้น แสดงวา ไมใช Impulsion แลว ละ
ยังไมหมดนะ รูปแบบ Impulsion ยังตองมีเรื่อง Rule of Equality อีก คือจะบอกวา เมื่อเทียบ ระหวางคลื่น 1,3,5 คลื่นที่ไมใชคลื่นยืดตัว ทั้งสอง มักจะตองมีสัดสวนเทากันในแงของราคาหรือเวลา หรือเปนสัดสวนกันในอัตราสวน 61.8%
สุดทายก็ตองมีกฎที่สําคัญอีกอยางคือ Overlap Rule ซึ่งจะเปนตัวแยกแยะรูปแบบของ Impulsion ดวยรูปแบบ Terminal Impulse นี้เปนรูปแบบสําคัญ เพราะหากเกิดขึ้นเมื่อใดเมื่อจบแลว ราคาจะตอง ลงไปต่ํากวาจุดเริ่มตนของ wave1 เสมอ ดังนั้นสังเกตดีๆ ไดตังแนๆ
จบพื้นฐานและกฎตางๆ ของ Impulsion Pattern ที่เราควรรูจักกอน วาตองผานกฎอะไรบาง ไมใช เอะอะเห็น 5 คลื่นจะเปน Impulsion ไปหมด เขาวารูปแบบอะไรก็ตาม หากไมเขากฎที่วามาทั้งหมด ใหสันนิษฐานวาเปน Correction ทั้งหมดไวกอน
รูปแบบ Standard Correction Pattern จะมี 3 รูปแบบ คือ 1. FLAT (แยกออกเปน normal -b flat / weak -b Flat / strong -b Flat / Irregular Flat / Irregular Failure / Elongated Flat) 2. Zigzag (normal ZZ / Elongated ZZ / Truncated ZZ) 3. Triangle { Contracting ( Limiting /Non-Limit ) // Expanding ( Limiting / Nonlimiting ) } จะเห็นวาแค Standard Correction Pattern ก็แยกออกมามากมายแลว ผมใหสังเกต คําวา " Standard " หนาคําวา Correction ดวยเพราะทั้ง 3 ขอนั้น เปนรูปแบบพื้นฐานเทานั้น ตอไปจะมี คําวา Non standard Correction Pattern ซึ่ง ก็คือ รูปแบบ Complex Correction Pattern ที่จะมี Xwave เปนตัวเชื่อมอีก แตจะพูดถึงใน slide หลังๆ ตอนนี้ดูพื้นๆ Standard ไปกอน และควรตองจํา กฎ ของแตละรูปแบบใหไดดวย จะไดแยกออกวา ตางกันตรงไหน
ดูรูป Standard Correction pattern ตางๆไปกอน เดี๋ยวคอยเขารายละเอียดแตละตัวกันตอไป
Standard Correction Pattern รูปแบบแรก คือ Flat ซึ่งรูปแบบนี้มีกฎพื้นฐานของรูปแบบนี้ดังนี้ 1. Wave-b ตอง Retrace Wave -a อยางนอย 61.8% ขึ้นไป (ดูรูปดวยนะ ) 2. Wave-c ตองยาวอยางนอย 38.2% ของ wave -a กฎทั้งสองขอนี้เปนกฎพื้นฐานของรูปแบบ Flat ที่ Flat ทุกๆ แบบตองมี ขาดไมได หากไมเขา กฎนี้ ก็ ไมใช Flat
ตอมาก็มารูจก ั Flat ที่เปนประเภท Normal Flat / Weak -b / Strong -b กัน พวกนี่เขาแยกแยะกัน ดวย ความยาวของ wave-b เทียบกับ wave -a วายาวแคไหน ดังนี้ 1. Normal Flat ความยาว wave-b จะยาว 81% -100 % ของ wave-a 2. Weak -b Flat จะยาว 61.8%-80% 3. Strong -b Flat จะยาวมากกวา Wave-a ขอนี้ยังแบงยอยออกเปนรูปแบบอื่นๆ อีก คือ Irregular Flat - wave-b จะยาวกวา wave-a และ wave-c จะยาวกวา wave-b แตหาก wave-b ยาวกวา Wave-a แต wave-c สั้นกวา wave-b จะเรียกวา Irregular Failure ความสําคัญของรูปแบบ หรือความยาวของ Wave-b จะมีนัยยะสําคัญทีจ ่ ะบอกเราวา ความ แข็งแรงของตลาดเปนอยางไรในแนวโนมหลัก อยาลืมวา correction นี้เปนการปรับตัวเพื่อลดความ รอนแรงของ Impulsion กอนหนาที่ผานมา ดังนั้น wave-b ของ Flat มันจะมีทิศทางไปทางเดียวกับ แนวโนมหลัก ดังนั้นหากความยาวของ wave-b มากก็แสดงวาตลาดยังมีแรงสงไปในแนวโนมหลักสูง อยูดวย แตเราตองดูความยาวของ wave-c อีกทีทต ี่ ามมาวายาวแคไหน หาก wave-c สั้น แสดงวา หลังจบ wave-c แลว ตลาดจะวิ่งไปแรงในแนวโนมหลักเดิมดวย
Strong B-wave ลองอานในรูปนะครับ
รูปนี้เปน Irregular Flat
แตหาก wave-c สั้นกวา wave-b จะเรียกวา Irregular Failure
รูปแบบ Running Flat เปนรูปแบบสําคัญ ที่บอกเราวา หลังจาก จบ รูปแบบนี้แลว คลื่น Impulsion ตอไป ตองวิ่งไปไกลแนๆ และจะยาวกวาคลื่น Impulsion กอนหนา อยางนอย 161.8% แนๆ ขอสังเกต ใหลากเสนขนานที่เปน Horizontal line ผานจุดเริ่มตนของ wave-a แลว wave-c ไม ควรตัดผานเสน horizontal line นั้น มากนัก ยิ่งหางยิ่งวิ่งแรง
รูปแบบสุดทายของ Flat คือ Elongated FLat ความยาว wave-c จะยาวกวา wave-a* หรือ waveb* > 138.2% อาจยาวกวา 161.8% ที่ทําดอกจัน * ไว วา wave-a หรือ b นั้น เพรารูปแบบ Elongated Flat นี้ มักจะไมเกิดในภาวะ ปกติธรรมดา แตมักจะเกิดในชวงแรกที่จะสรางรูปแบบเปน Triangle โดย Elongated Flat นี้จะเปน segment หนึ่งใน Triangle นอกจากนี้ wave-a และ wave-b ความยาวมักจะเทากัน และเวลาที่ใช ก็จะพอๆกันดวย
Elongated Flat อีกรูป
จบรูปแบบ Flat แลวมาตอดวยรูปแบบ Zigzag กัน *** ชวงแรกนี้เราเรียนรูรูปแบบพื้นฐานกันกอน นะ เรื่องวิธีการนําไปใชอยูหลังๆ อยาเพิ่งรีบรอน นะ ไปทีละ step กันกอน *** Zigzag ( 5-3-5 ) : จะมีหลักการพื้นฐานสําหรับรูปแบบ Zigzag คือ 1. wave-a จะมี retracement มากกวา 61.8% ของ Impulse wave of one larger degree กอน หนาไมได ( ดูรูปแรกประกอบ ) 2. wave-b ตองมี Retracement อยางนอย 1 % ของ wave-a 3. wave-c ตองยาวกวา wave-b เสมอ หรือ wave-c ตอง Retrace all wave-b เสมอ
ZigZag
ในกรณี ที่เปน Normal Zigzag : wave-c จะยาวตั้งแต 61.8% - 161.8% ของ wave-a โดยความ ยาวที่มากที่สุด ที่ยังอยูในกรณีนี้คือความยาว 161.8% ของ wave-a บวกตอจากจุด wave-a (ดูรูป ซายมือ ) : สวนกรณีที่ wave-c ที่สั้นที่สด ุ ในกรณี normal Zigzag คือ ความยาว 61.8% ของ wave-a บวก ที่จุดยอดของ wave-b ( รูปขวามือ )
Elongated Zigzag
รูปแบบ Truncated Zigzag จะหมายถึง ZZ ที่มี wave-c สั้นกวาปกติ คือความยาวระหวาง 38.2%61.8% ของ Wave-a เทานั้น ในรูปแบบนี้ จะบอกเราวาหลังจากจบ wave-c นั้นแลวตลาดจะตองเกิด Retracement กลับไปอยางนอย 81% ของ รูปแบบ Truncated ZZ ทั้งหมด อานตัวอยางในรูปนะ ผมเขียนอธิบายไวแลว
จบ รูปแบบ Flat และ Zigzag ไปแลว ตอไปก็เปนรูปแบบสุดทายของ Standard Correction Pattern คือ Triangle Triangle จะประกอบดวย 5 คลื่นหลัก แตละคลื่นจะมี 3 คลื่นยอยภายใน รูปแบบ Triangle เปน รูปแบบ Correction ซึ่งหลังจากจบแลว ตลาดจะวิ่งไปตามแนวโนมหลัก ( Impulsion กอนหนา ) ตอไป ดังนั้นอยาไปจําสับสนกับเรื่องรูปแบบเทคนิค Chart pattern ตางๆ เพราะมันคนละเรื่องกัน เดี๋ยวจะสับสน
หลังจบ Triangle แลว ตลาดจะวิ่งไปตามแนวโนมหลักตอไป เราแบง Triangle เปน 2 รูปแบบคือ 1. Contracting Triangle แบงออกเปน Limiting กับ Non limiting Contracting Triangle 2. Expanding Triangle แบงออกเปน Limiting กับ Non limiting Expanding Triangle ขอไมลงในรายละเอียดยอยๆนะครับเรื่อง Limiting กับ non limiting นะครับ ความแตกตางกัน คือ จุดจบของ Triangle ตอน Break out มันหางจุดสุดสิน ้ ของปลายสามเหลี่ยมแคไหน หากจุด break out อยูหางกวาจุดสิ้นสุดมากกวา 40% ของเวลาที่เกิด Triangle นั้น จะเรียกวา Limiting แตหาก มันเกิด ใกลจด ุ สิ้นสุดสามเหลี่ยมก็เรียกวา Non- limiting Triangle ----วาจะไมตองอธิบายแลวนะ มันละเอียด ไปนะ
จบรูปแบบ Standard Correction Patterns ทั้ง 3 แบบแลว คราวนี้ ก็มารูจักกับ รูปแบบ Non Standard Elliott Pattern ซึ่งมันก็คือ Standard Correction Pattern ที่มาตอกันนั่นเอง แตอยูๆ มันจะ ตอกันเฉยๆ ไมได ตองมี ตัวกลางในการเชื่อมตอ เราเรียกมันวา X-wave ซึ่ง X-wave นี้ จะมี 3 คลื่น หลัก ซึ่งเปนรูปแบบ standard correction รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง อาจเปน Flat / Zigzag หรือ Triangle ก็ได งงไหม ? การที่ตลาดเกิดรูปแบบ non standard Elliott pattern ซึ่งเปนรูปแบบ Complex Correction pattern นั้น เนื่องจากการปรับตัวที่จบไปครั้งแรกนั้น จากรูปแบบ Standard Correction เดี่ยวๆ นั้น มันยังไมจบจริง อาจเพราะสภาวะเหตุการณหรือขาวตางๆ มันยังมีผลตอเนื่อง ตลาดจะวิ่งไปตอในแนวโนมเดิม เลยถูก ยืดออกไปอีก จึงปรับตัวตออีกรอบ การคาดการณรป ู แบบในการเกิด Standard Correction ครั้งหลังนี้ บางครั้งก็คาดการได บางรูปแบบก็คาดไมไดวามันจะจบ หรือเกิด ปรับตัวตออีกรอบหรือไม แต อยางไรก็ตาม การปรับตัวจะไมเกิน 3 รอบ หรือรูปแบบ Triple correction จะตองสิ้นสุดแนๆ ( อานไป เฉยกอน หากไมเขาใจ ดูไป slide หลังๆ จะเขาใจมากขึ้น )
ตารางสรุป รูปแบบ Standard Patterns และ Non Standard Pattern ดูคราวๆ พวก ตัวเลข :3 :5 :F3 :L3 อะไรพวกนี้ ยังไมตองสนใจ เอาไววางๆ คอยแยกออกมาคุยอีกที รูยอๆ มัน เรียกวา Position Indication ที่เปนตัวกํากับแตละ คลื่นวา ตัวมันนั้นอยูตรงไหนของรูปแบบคลื่น นั้น ( ยังไมตองสนใจก็ได )
X-wave นั้น จะมี 2 ลักษณะ ที่ใชเปนตัวเชื่อมตอระหวาง Standard Correction กลายเปน Complex Correction pattern ที่ใหญขึ้น บางที อาจตอเปน Triple Correction คือใช x-wave 2 ตัวเปนตัวเชื่อม X-wave ลักษณะแรก จะเปน X-wave ที่มีขนาดเล็ก เปนตัวเชื่อม Standard Correction เขา ดวยกัน ลักษณะ ของ X-wave จะมีขนาดที่เล็กกวา 61.8% ของ standard correction อันกอนหนา ซึ่ง รูปแบบ นี้จะสามารถเกิด Complex Correction with small X-wave ไดหลายรูปแบบ ( เชน Double Zigzag ........Triple Combination เปนตน )
ลองดูตัวอยาง Double Zigzag และ triple Zigzag
อีกตัวอยางเปน Double Flat และ Triple Flat
รูปนี้ใหดูเปรียบเทียบ การนับที่ถูกตอง
สวนรูปแบบ Complex Correction combination นั้น คําวา " Combination " หมายถึง รูปแบบ correction ตัวสุดทายจะตองเปน Triangle
X-wave อีกลักษณะ จะเปน X-wave ที่มีขนาดใหญกวา Standard Correction pattern ที่เกิดกอนหนา xwave นั้น
ตัวอยาง Double Three สังเกต X-wave ที่เปนตัวเชื่อม จะมี 3 คลื่นยอย และ x-wave จะมีขนาดใหญ กวา Flat ตัวหนา
เพื่อใหมันแตกตางกัน เมือ ่ เชื่อมดวย X-wave ขนาดใหญ และ ขนาดเล็ก จึงเรียกชื่อใหมันตางกัน เชน หาก Flat 2 อัน เชื่อมกันดวย X-wave อันเล็ก จะเรียกวา Double Flat แตหาก มันเชื่อมกัน ดวย X-wave ขนาดใหญ จะเรียกรูปแบบนั้นวา Double Three แทน จะไดไมเหมือนกัน แลวรูวา แต ละชื่อนั้นเชือ ่ มดวย X-wave ขนาดเล็กหรือขนาดใหญ
อีกตัวอยาง Double Three Combination รูปแบบนี้นับผิดกันบอย วาเปน Impulsion
Complexity ระดับความซับซอนในโครงสรางของรูปแบบ Impulsion และ Correction
เรื่อง Complexity มาดูตัวอยางกัน นะครับ Monowave ถือวามี Complexity Level -0 Polywaves ถือวามี Complexity level-1 รูปแบบ polywave คือ รูปแบบ Impulsive และ corrective ที่ พื้นฐานที่สุด มี 5 คลื่น และ 3 คลื่น monowaves เทานั้น ยกเวน triangle มี 5 monowaves เหมือนกัน Multiwaves จะถือวามี Complexity level-2 Macrowaves จะถือวามี Complexity level-3 เรื่อง Multiwaves & Macrowaves จะคุยในตอนหลังอีกที
Multiwaves จะแบงเปน 1. Impulsive ที่จะเปน Multiwaves จะตองมีคุณสมบัติดังนี้ 1.1 ในคลื่นที่ 1,3,5 ตองมีคลื่นใดคลื่นหนึ่ง ที่แบงยอยเปน 5 คลื่นยอยไดอีก ( subdivide ) 1.2 ในคลื่น 2 หรือ 4 ในโครงสราง impulsive นั้น จะตองสามารถแบงยอยเปน a-b-c ได ใน wave ใด wave หนึ่งหรืออาจทั้งสอง wave ก็ได 1.3 คลื่น 2 หรือ 4 ที่ใชระยะเวลานานที่สุด ควรจะเปนคลื่นที่เกิดกอน หรือ คลื่นยืดตัวทันที เชน หากคลื่น 1 เปนคลื่นยืดตัวแลว คลื่น 2 ควรเปนคลื่นที่ใชเวลามากที่สุด แตหากคลื่น 5 เปนคลื่นยืด ตัวแลวคลื่น 4 ควรใชเวลานานกวาคลื่น 2 และหากเปนคลื่น 3 ยืดตัว คลืน ่ 2 และ 4 มักใชเวลา พอๆกัน แตรูปแบบตองแตกตางกันตามกฎ Rule of Alternation
ตัวอยาง Impulsive pattern แบบ Multiwaves ซึ่ง มี Complexity level-2 โดยมี wave ใด wave หนึ่ง ของ wave 1,3,5 เกิด subdivided แบงเปน 5 คลื่นยอย ลองสังเกต ตรงคลืน ่ 2 และ 4 ดวยวา เปน อยางไร กอนหรือหลัง เกิดคลื่นยืดตัว
สวน Multiwaves ใน Corrective นั้น จะมีลก ั ษณะ ดังนี้ 1. จะตองมีอยางนอย ใน wave-a หรือ wave-c จะตองแบงยอยออกเปน 5 คลื่นยอยได ( subdivided ) 2. wave-b ควรที่จะแบงเปน คลื่นยอย a-b-c ไดอก ี ( Wave-b เปน polywave ) ดูตัวอยาง
อีกตัวอยาง
Macrowaves
จะเปนรูปแบบ โครงสรางเดี่ยว ที่ซับซอนที่สด ุ ( ในกรณีที่ไมไดมี X-wave เขามาเกี่ยวของดวย ) Macrowaves จะประกอบดวย อยางนอย 1 multiwave และ 1 Polywave ในโครงสรางรูปแบบ Macrowaves จะมีระดับ Complexity level-3
ตัวอยาง Macrowaves ----Complexity level-3
จบโครงสรางพื้นฐานของ คลื่น แบบ Impulsive และ Corrective Patterns แคโครงสรางพื้นฐานก็ ละเอียดยิบยอยมาก แตทส ี่ ําคัญคือ เราตองมองและแยกใหออก เพื่อที่จะใชรูปแบบเหลานี้ ไปตั้งเปน สมมติฐานเพื่อหารูปแบบที่จะเกิดขึ้นตอไปใน Pattern ที่จะเกิดตามมา ตอไปจะเขาสู การนําทฤษฎีคลื่นไปประยุกตใชเสียที Pattern Implications
เปนการบอกนัยยะ ของรูปแบบที่เกิดขึ้นไปแลว ซึ่งรูปแบบที่เกิดขึ้นไปแลวนั้น สามารถนําไปทํานายหา โอกาสที่จะเกิดรูปแบบ หรือเปาหมายราคาได POWER RATINGS เปนการแบงกลุมรูปแบบ ราคาที่เกิดขึ้นมาแลว ออกเปนแตละกลุมตามรูปแบบที่ เกิดขึ้น สวนคะแนนที่ไดนั้นจะเปนตัวบอกวา มีโอกาสที่จะเกิด Retracement รูปแบบที่เกิดขึ้นไปแลว นั้นไดมากนอยแคไหน เชน หากเราพบวา รูปแบบราคาที่ผานมาเปน Double Zigzag เมื่อจบแลว มี โอกาส ที่ราคาจะเกิด Retracement ไดไมเกิน 80% ของทั้งรูปแบบ Double Zigzag ที่เกิดมา ( Rating +2 , -2 ) เปนตน
ตั้งแต slide นี้ตอไป จะแสดงคําอธิบาย ในแตละรูปแบบ ทั้ง 19 รูปแบบ ในตาราง power ratings วา แตละรูปแบบ มีนัยยะ อยางไรบาง *** ผมเขียนคําอธิบายโดยพยายามแปลตามความเขาใจ เทาที่ความสามารถของผมจะทําได อาจ พบขอผิดพลาด ดังนั้นควรอานหรือตรวจสอบกับ คําอธิบายขางตนดวย *** เริ่มจาก 1 รูปแบบ Triple Zigzag
รูปตัวอยาง ของ Triple Zigzag
2. Triple Combination
ตัวอยาง รูปแบบ Triple Combination
รูปแบบ 3 รูปแบบ 4
Triple Flat Double Zigzag
รูปแบบตัวอยาง Double Zigzag
บทตอไป เปนเรื่อง Advanced Pogress Label เอาไวสําหรับหาวา หลังจากจบคลื่นแลว คลื่นตอไปจะ เปนคลื่นอะไรไดบาง และควรมีลักษณะอยางไร
Advanced Progress Label
Advanced Fibonacci Relationships เปนการหาความสัมพันธ ของความยาวของแตละคลื่น ในรูปแบบตางๆ
รูปแบบ c-Failure นี้ เมื่อจบ wave-c แลว ราคาตองวิ่งขึ้นแรงเทานั้น
External Fibonacci Relationships เปนการวัดความยาวคลื่น โดยนับจากจุดสิ้นสุด ของแตละคลื่น จะมีความยาวแตกตางกับแบบ Internal เทากับ ความยาวของ wave ที่ overlap กัน
Channeling
\
Missing Wave ------ Glenn Neely มีความเชื่อวา คลื่นบางคลื่นอาจมีขนาดเล็กมากทําใหอาจถูก ละเลยไป แลวทําใหการนับคลื่นผิดพลาดไปได
สําหรับ เรื่องการหาจุดเริ่มตนที่เหมาะสม ในการนับคลื่น เนื่องจากคลื่นมันเกิดตอเนื่องกันมา ดังนั้น การที่จะเลือกบริเวณที่เหมาะสมนั้น ก็มีวิธีอยูเหมือนกัน ดังนี้คือ เขาแนะนําใหพยายามหาจุดที่เปน Important Low หรือ Important High ซึ่งก็คอ ื จุดต่ําสุด ที่ต่ํามากที่ผานมาแลวเกิดการวิ่งกลับขึ้นมาไประยะหนึ่งแลว โดยใหใชจุดที่ต่ําสุดนั้นเปนจุดเริ่มตน ของขาขึ้นใหม และคอยๆ พิจารณาวา ที่ขึ้นมาจากจุดต่ําสุดนั้น มันมีลักษณะเปนไปตามกฎของการ เปน Impulsion หรือไม ดูตัวอยางนะครับ
วิธีหนึ่งที่เขาแนะนําคือให mark จุดดําไว สําหรับใชสังเกตแตละ segment ของ Monowaves ที่เกิดขึ้น ไปเรื่อยๆ แลวดูวารูปแบบมันเปน Impulsion หรือ Correction พยายามใชความรูจากพื้นฐานรูปแบบ ของแตละแบบมาสนับสนุน จนกวาจะหารูปแบบไดแลว ก็ใชรูปแบบนั้นเปนหลักในการหารูปแบบที่จะ อาจจะเกิดตอไป โดยใชความรูเรื่อง Advanced Progress Label ใน #93 เพื่อหารูปแบบตอไป การใช Advanced Progress Label นั้น เราตองสามารถกําหนดคลื่นปจจุบันไดแลววาขณะนี้เรา อยูที่คลื่นไหน เมื่อเรา กําหนดแลว จึงดูวาจะเกิดรูปแบบคลื่นใดตอไปไดอก ี บางและมีลักษณะ อยางไร จะไดวางแผนถูกตองและเหมาะสม
เครดิตของ คุณคิตตี้ แหงหองสินธร พันธุทิพยดอทคอม เรียงเรียง เขาเลม โดย MisterEveryThing