OMD

Page 1

20


ล้องจาก Olympus ถือว่ามีความโดดเด่นในเรื่องของการ ดีไซน์เป็นอย่างมาก กล้องหลายต่อหลายรุ่นในอดีตจัดอยู่ใน การดีไซน์ระดับที่เป็นตำ�นาน และ Olympus เองก็ได้นำ�ความโดดเด่นนี้มา ประยุกต์กับกล้องยุคใหม่ได้อย่างเยี่ยมยอด โดยเฉพาะกล้องดิจิตอลแบบ Mirrorless ในระบบ Micro 4/3 ตั้งแต่รุ่นแรกคือ PEN E-P1 นั้นได้สร้าง กระแสย้อนยุคให้กับวงการกล้องดิจิตอล และมีแนวโน้มว่าหลายๆ ค่าย จะได้นำ�การดีไซน์แบบนี้มาประยุกต์ใช้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เริ่มทยอยออกมาให้ เห็นกันบ้างแล้ว สำ�หรับ Olympus นั้นนอกจากจะมีกล้องที่เป็นตำ�นานในซีรี่ส์ PEN แล้ว กล้อง SLR ในซีรี่ส์ OM ก็มีความโดดเด่นที่ช่างภาพในยุคนั้นกล่าว ถึงกันไม่น้อย แม้บางคนจะไม่ได้ใช้แต่ก็รู้จัก Olympus OM เป็นอย่างดี ไม่แพ้กล้องที่ตนเองใช้เพราะกล้องในซีรี่ส์ OM มีดีไซน์หลายอย่างที่เป็น เอกลักษณ์ บอดี้กะทัดรัดกว่าโดยเฉพาะเลนส์ที่มีขนาดเล็กแต่สว่างเท่ากับ เลนส์ที่มีขนาดใหญ่ การกรอฟิล์มกลับใช้ปุ่ม Rewind ด้านหน้า เป็นต้น ยังไม่นับรวมถึงเทคโนโลยีที่ล้ำ�หน้ามากในยุคนั้น อาทิ เป็นกล้องยี่ห้อแรก ที่วัดแสงแฟลชแบบ TTL, ระบบแฟลชสัมพันธ์ความเร็วชัตเตอร์ได้ทุก ความเร็ว, มีระบบวัดแสงแบบไฮไลท์ ชาโดว์ เป็นต้น ซึ่งจากความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์หลายอย่างของกล้องในซีรี่ส์ OM นี้ ได้กลายมาเป็นดีไซน์ แบบย้อนยุคที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี่อันทันสมัยอีกรุ่นของกล้องดิจิตอล แบบ Mirrorless ในระบบ Micro 4/3 ของ Olympus โดยใช้ชื่อรุ่นแบบ เต็มยศว่า OM-D E-M5 โดย : พิเชฎฐ์ จันทรถาวรพงศ์

21


การออกแบบภายนอก

ในยุคที่อยู่ในช่วงการเริ่มต้นของกล้องดิจิตอล เคยมีหลายผู้ ผลิตพยายามคิดค้นที่จะนำ�กล้องฟิล์มแบบ SLR ที่ใช้ฟิล์ม 35 มม. มา เปลี่ยนเฉพาะฝาหลังให้เป็นกล้องดิจิตอล (และดูเหมือนว่าจะมีการ ผลิตต้นแบบออกมาแล้วแต่ไม่มีการผลิตจริงเพื่อออกจำ�หน่าย) ซึ่ง หากนับจากยุคนั้นถึงปัจจุบันก็น่าจะเกือบ 20 ปีมาแล้ว ความฝันของ หลายๆ คนที่ยังหลงใหลในรูปทรงของกล้องแมนนวลโฟกัสมาเป็น จริงกับกล้อง Olympus OM-D E-M5 เพราะ Olympus ได้นำ�รูปทรง ของกล้องฟิล์ม SLR ซีรี่ส์ OM ที่เป็นกล้องแมนนวลโฟกัสเดิมๆ แท้ๆ มาเป็นต้นแบบของ E-M5 ทำ�ให้ E-M5 ตัวนี้เป็นกล้องดิจิตอลที่มีรูป ร่างคล้ายกล้อง SLR ระบบฟิล์มมากที่สุดตัวแรกและตัวเดียวในขณะ นี้

ทางฝั่งซ้ายมากเหมือนเดิมเพื่อใช้พื้นที่ทางด้านหลังเป็นจอมอนิเตอร์ ขนาดใหญ่ ตัวบอดี้โดยรวมมีขนาดเล็กลงกว่าในขนาดเต็มของกล้อง ฟิล์ม ส่วนของหัวกะโหลกก็ยังคงไว้แบบเดิมได้อย่างคลาสสิคและ ไม่ใส่แฟลชในตัวมาให้ด้วยเพื่อให้เหมือนกล้อง OM เดิมๆ จริงๆ แต่ มีแฟลชขนาดเล็กแถมมาในชุด โดยใต้ฐานฮอทชูทางด้านหลังจะมี ช่องเชื่อมต่อเพื่อใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่มาพร้อมชุดกล้องแต่ปิด ทับไว้ด้วยยางอย่างแนบเนียนจนครั้งแรกผมหาวิธีเปิดมันไม่ได้เลย จริงๆ ยอมรับว่าทำ�ส่วนนี้ได้เนียนมากๆ (แต่พอรู้แล้วก็เปิดง่ายมากๆ เช่นกันเพราะแค่ง้างและดึงออกมาเฉยๆ แค่นั้น) ด้านบนเป็นฮอทชู ใช้เสียบแฟลชภายนอกได้ และใช้ถ่ายภาพในสตูดิโอได้เหมือนกล้อง DSLR วัสดุบอดี้เป็นโลหะ แข็งแกร่งแน่นอน ไม่มีคำ�ว่า “ป๊อกแป๊ก” สำ�หรับ E-M5 ตัวนี้ กล้องฟิล์มแข็งแรงอย่างไร E-M5 ตัวนี้ถอดแบบ มาเลยก็ว่าได้ แถมยังมีซีลภายในตามรอยต่อต่างๆ กันน้ำ�และฝุ่น ละอองอีกด้วย กริปจับมีขนาดเล็กๆ บางๆ แต่ก็มากกว่าบอดี้ในยุค กล้องฟิล์มที่ไม่มีกริปเลย กริปขนาดนี้แน่นอนว่าย่อมจับไม่เต็มและ กระชับมือเหมือนกล้อง DSLR ยุคใหม่แต่ก็ช่วยได้ไม่น้อย หากอยาก จับให้กระชับถนัดมือขึ้นแนะนำ�ว่าให้ซื้อแบตเตอรี่ โฮลเดอร์ HLD-6 (เป็นออปชั่น) ซึ่งออกแบบมาได้เหมือนมอเตอร์ไดรฟ์ หรือมอเตอร์ วายเดอร์ ในยุคกล้องฟิล์มมากๆ มีกริปจับพร้อมปุ่มกดชัตเตอร์บน กริปแบบเดียวกันเลย แต่ที่เพิ่มมาคือมีปุ่มชัตเตอร์สำ�หรับถ่ายภาพ แนวตั้งด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ทันยุคทันสมัย (สำ�หรับความเห็นส่วนตัว ผมว่าไม่ต้องมีปุ่มชัตเตอร์แนวตั้งก็ได้ คลาสสิคดี) ยางที่ติดตัวบอดี้ สำ � หรั บ บอดี้ สี ดำ � เป็ น ยางลายแนวทะแยงทำ � ให้ มั น ดู แ ปลกตาไป หน่อยๆ ส่วนบอดี้สีโครมนั้นยางส่วนนี้เป็นลายหนังเหมือนยุคกล้อง ฟิล์มทุกประการ ดูแล้วผมว่าสวยกว่าและคลาสสิคกว่า อย่ า งไรก็ ต ามการออกแบบทางด้ า นหน้ า ก็ ไ ม่ ไ ด้ เ หมื อ น กล้องฟิล์มทั้งหมด จุดที่แตกต่างจากกล้องฟิล์มซีรี่ส์ OM ในส่วนของ ทางด้านหน้าที่เห็นได้ชัดเจนคือปุ่มปลดล็อคเลนส์ เพราะถ้าเป็นกล้อง ฟิล์มซีรี่ส์ OM จะไม่มีปุ่มนี้เพราะปุ่มปลดล็อคอยู่ที่ตัวเลนส์และอีกจุด หนึ่งคือไม่มีแกนหน่วงเวลาถ่ายภาพตัวเอง นอกนั้นถือว่าคล้ายคลึง มาก แม้แต่ชื่อยี่ห้อกล้องและชื่อรุ่น ทำ�ออกมาในสไตล์เดิมที่ดูแล้ว คลาสสิคมาก

ความคลาสสิคของการออกแบบ E-M5 นั้นเต็มร้อยแน่นอน เนื่องจากรูปทรงกล้องแบบนี้ห่างหายไปจากสายตาคนเล่นกล้องมา นานเกือบ 20 ปีแล้ว เมื่อได้กลับมาย้อนยุค ความรู้สึกดีๆ จึงเกิดขึ้น ได้อย่างไม่ยาก ครั้งแรกที่ผมเห็นกล้องรุ่นนี้จากสื่อทางอินเตอร์เน็ท บอกตามตรงว่าผมมองว่ามันไม่สวยเอาเสียเลย ดูขัดๆ ตาและน่าจะ ไม่บึกบึน แต่พอเห็นตัวจริงและได้สัมผัสมันแล้ว ผมอยากจะบอก ว่า...ถ้าจะออกแบบกล้องทั้งที ต้องทำ�ให้ได้อย่าง E-M5 ตัวนี้ครับ ตัว จริงสวยและดูดีกว่าในภาพมาก เมื่อจับถือกล้องเพียงครั้งแรก ความ รู้สึกเดิมๆ ที่เคยสัมผัสกล้องฟิล์มแมนนวลโฟกัสจะกลับมาทันทีแต่ การทำ�งานแฝงด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล ผมไม่ได้กล่าวชม Olympus (เพราะไม่ได้รับเงินมาชม) แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ยิ่งผมเป็นผู้หนึ่ง ที่ใช้กล้อง OM มาก่อน จึงรู้สึกคิดถึงมันอย่างบอกไม่ถูก สำ�หรับท่าน ที่ไม่เคยผ่านยุคกล้องฟิล์ม SLR แมนนวลโฟกัสแท้ๆ มาก็อยากให้ไป ลองจับ E-M5 ตัวนี้ดูสักครั้งแล้วความรู้สึกหลังจากนั้นคุณจะตัดสิน ใจได้เอง รูปทรงของตัวกล้องดูจากภาพประกอบจะเห็นได้ว่าด้าน หน้าของกล้องรุ่นนี้แทบจะนำ�กล้องฟิล์มซีรี่ส์ OM มาเกือบทั้งหมด ด้ า นบนตั ว กล้ อ งออกแบบในสไตล์ ก ล้ อ งยุ ค เดิ ม บวกกั บ ตัวกล้องไม่ได้เป็นแบบกล้องยุคใหม่ที่ด้านซ้ายของบอดี้จะมีพื้นที่ น้อยเพราะไม่ต้องใส่ฟิล์มแล้ว แต่ E-M5 ตัวนี้ยังคงทำ�กล้องให้มีพื้นที่ สไตล์กล้องยุคใหม่ ปุ่มชัตเตอร์คล้ายๆกับกล้องยุคเดิม มีแป้น

22


ปรับข้อมูลหลักและแป้นรองอยู่ด้านบนทั้งคู่ ส่วนฝั่งซ้ายเป็น แป้นโหมด ช่องมองภาพเป็นจออิเล็คทรอนิค ความละเอียดสูง ถึง1,440,000พิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์ตาและปรับแก้สายตาได้ มีช่วง อายพอยท์ 18 มม. (ที่ -1 ไดออปเตอร์) มีสวิทช์ปิดจอมอนิเตอร์อยู่ทาง ด้านข้างขวา มองเห็นภาพ 100 % เลือกการแสดงข้อมูลในช่องมอง ภาพได้หลายแบบ ยางรองตามีขนาดค่อนข้างใหญ่ ใช้ยางที่ค่อนข้าง แข็งจึงไม่ต้องกังวลเรื่องยางรองตาฉีกขาด จอมอนิเตอร์เป็น OLED มี ขนาดใหญ่3 นิ้วแบบทัช สกรีน ความละเอียด 610,000 จุด อัตราส่วน ของจอเป็นขนาด 3 : 2 ปรับมุมได้ 45 องศาในมุมก้ม และ 90 องศา ในมุมนอน ช่วยการถ่ายภาพทั้งในมุมสูงและมุมต่ำ�ได้เป็นอย่างดี ปุ่ม ต่างๆ ของการปรับเลือกฟังก์ชั่นอยู่ทางขวาเกือบทั้งหมดรวมทั้งสวิทช์ เปิดปิดตัวกล้อง ตัวปุ่มมีขนาดเล็กและนุ่มมือมาก การตอบสนองเร็ว จุดเด่นคือมีปุ่มฟังก์ชั่น 1 และ 2 ใช้ปรับเลือกฟังก์ชั่นได้มากมายโดย ไปเลือกเซ็ทจากเมนู ช่องใส่การ์ด SD อยู่ทางขวามีฝาปิดที่แน่นหนา มาก ส่วนช่องเชื่อมต่อหรืออินเตอร์เฟสต่างๆ อยู่ทางซ้ายปิดด้วยยาง ที่แน่นหนา การจะเปิดยางที่ปิดไว้ต้องดึงโยกจอมอนิเตอร์ออกมา ก่อน นับว่าเป็นการออกแบบช่องเชื่อมต่อที่แนบเนียนกับบอดี้มากๆ... สุดยอดจริงๆ

คุณสมบัติเด่นหลักที่น่าสนใจของ

Olympus OM-D E-M5

- เซ็นเซอร์ภาพ MOS 16 ล้านพิกเซล - ตัวบอดี้ซีลกันฝุ่นและละอองน้ำ� - ความไวแสง ISO 200-25600 - แป้นปรับข้อมูลแบบคู่ - ระบบลดการสั่นไหวใหม่แบบ 5 แกน - กรอบหา AF 35 จุดพื้นที่กว้าง - ช่องมองภาพ EVF ความละเอียด 1.44 ล้านจุด เห็นภาพ สมจริง 100 % - จอมอนิเตอร์ OLED 3 นิ้ว ปรับขึ้นได้ 80 องศาและ ปรับก้มลงได้ 50 องศา - ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 9 เฟรมต่อวินาที - ระบบประมวลผลล่าสุด TruePic VI - ระบบโฟกัสต่อเนื่องแบบใหม่พร้อมการติดตามแบบ 3D Tracking - แฟลชสัมพันธ์ความเร็วชัตเตอร์ 1/250 วินาที - บันทึกภาพเคลื่อนไหว(Movie) ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD

ระบบการทำ�งาน

ด้านล่างเป็นช่องใส่แบตเตอรี่มีฝาปิดที่แข็งแรงพร้อมระบบ ล็อคแบบบิดล็อค มีช่องเชื่องต่อกับแบตเตอรี่ โฮลเดอร์ น้ำ�หนักตัว กล้องเมื่อรวมแบตเตอรี่และการ์ดประมาณ 425 กรัม ถือว่าเป็นน้ำ� หนักกำ�ลังดี ไม่เบาหรือหนักมาก ให้ความรู้สึกแข็งแรงและการจับถือ ที่ดี การออกแบบภายนอกโดยรวมในสายตาผมถือว่าดีมากๆ ใครเห็นก็ต้องชอบเพราะความคลาสสิคของการออกแบบ ผลิตออก มา 2 สีคือบอดี้สีดำ�ล้วนหรือสมัยยุคฟิล์มเรียกว่า Black body และ สีโครมสลับสีดำ�แบบกล้องฟิล์มในยุคก่อน (เรียกว่าบอดี้โครม) สวย ทั้ง 2 สี เป็นกล้องที่คนยุคฟิล์มเห็นแล้วต้องอยากได้ ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในจำ�นวนนั้น

1. เซ็นเซอร์ภาพ ขนาดไฟล์ภาพ ไฟล์ฟอร์แมท E-M5 ตัวนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ MOS ความละเอียดรวม 16.9 ล้านพิกเซล Effective 16.1 ล้านพิกเซล ในฟอร์แมทของ Micro 4/3 เลือกอัตราส่วนภาพหรือ Aspect Ratio ได้หลายขนาดทั้ง 4 :3, 3:2 และอื่นๆ ครบเครื่องเหมือนกล้อง DSLR รุ่นใหม่ๆ ให้ขนาดไฟล์ ภาพตั้งแต่ขนาดใหญ่สุด L และขนาดรองอีก 2 ขนาดคือ M, S โดย ขนาด M และ S สามารถเลือกขนาดในออปชั่นได้อีกจากเมนู Pixel Count ตามสไตล์ของโอลิมปัสที่มีความยืดหยุ่นในส่วนนี้มากกว่า บันทึกภาพในฟอร์แมทได้ทั้ง RAW, JPEG 4 ระดับคุณภาพ (ตั้งแต่ Super Fine, Fine, Normal, Basic แต่ระดับ Super Fine ต้องเข้าไป เลือกจากเมนูก่อน หากเป็นค่าเริ่มต้นของกล้องที่แกะกล่องออกมา แล้วเลือกจากเมนู Shooting 1 จะไม่แสดง Super Fine ให้เลือก โดย จะมีแค่ Fine, Normal, Basic) และ RAW+JPEG ความไวแสงเริ่ม ต้นที่ ISO 200 และปรับสูงสุดได้ถึง ISO 25600 และ Auto ที่สามารถ เลือกเซ็ทระดับความไวแสงต่ำ � สุดและสูงสุดในค่าออโต้ได้และให้ ทำ�งานกับทุกโหมดหรือเฉพาะโหมด P,A,S ก็ได้ ระบบประมวลผล ไฟล์ภาพเป็นรุ่นใหม่ TruePic VI ประมวลผลได้เร็วขึ้นและให้โทน ของภาพที่ดียิ่งขึ้นไปอีก รวมไปถึงความเร็วเพื่อรองรับการถ่ายภาพ วิดีโอในระดับ Full HD 2. ระบบลดการสั่นไหวแบบ 5 แกน E-M5 เป็นกล้องรุ่นแรกของโลกที่ทำ�ระบบลดการสั่นไหว แบบ 5 แกน เพื่อลดการสั่นไหวในทุกแนวที่อาจเกิดขึ้นได้ในขณะถ่าย ภาพซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ทลี่ ้ำ�ยุคมาก โดยระบบลดการสั่นไหว

23


เป็นกล้องที่ใช้งานสนุก โดยเฉพาะโหมด ART ที่มีให้เลือกหลายแบบ ภาพนี้ใช้ Key Line Olympus OM-D E-M5, เลนส์ 12-50 มม., ART, 1/8 วินาที, F/4.5, ISO 800, WB Auto, Large JPEG/Super Fine หรือ IS นี้จะลดการสั่นไหวจากเดิมที่มีอยู่แล้วทั้งในแนวนอนและแนว ตั้ง โดยเพิ่มลดการสั่นไหวในแบบก้มหรือเงยกล้อง (Pitch), หันกล้อง ซ้ายขวา (Yaw) และการสั่นเป็นวง (Rolling) ซึ่งในการถ่ายภาพจริง การสั่นเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้บ่อย ระบบ IS ใน E-M5 จึงช่วยลดการ สั่นไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการใช้งานจริง แม้ถ่ายภาพ ขณะเดินอยู่ โดยมีระบบ IS ให้เลือกใช้งาน 4 โหมดสามารถเลือกลด การสั่นไหวเฉพาะในแนวนอนหรือแนวตั้งได้ และปิดหรือเปิดระบบ IS ก็ได้ ระบบลดการสั่นไหวใหม่นี้สามารถลดการวั่นไหวได้มากถึง 5 สตอปจึงช่วยให้ภาพที่บันทึกแบบ Movie นิ่งขึ้นซึ่งสามารถเห็นผล ได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะการสั่นไหวแบบวนเป็นวง 3. ระบบโฟกัสและการวัดแสง ระบบ AF ของ E-M5 เป็นระบบการหาโฟกัสแบบออโต้ที่ เร็วที่สุดในโลกในขณะนี้ การทำ�งานของชัตเตอร์จะตอบสนองทันที แทบจะพร้อมกับที่กล้องจับโฟกัสได้ซึ่งเมื่อใช้งานจะรู้สึกถึงความเร็ว นี้ได้อย่างชนิดที่ว่ารับรู้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองใช้งานเลยทีเดียว ซึ่ง โอลิมปัสได้ระบุว่าเป็นการหา AF ที่เร็วกว่าระบบเฟส ดีเทคชั่นที่ ใช้ในกล้อง DSLR เสียอีก การหาโฟกัสแบบ Tracking ก็ได้รับการ พัฒนามากขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยี 3D ที่จะโฟกัสติดตามวัตถุหรือ ซัปเจคท์ที่เคลื่อนที่โดยการตรวจจับใบหน้า, สีและรูปทรงของวัตถุ รวมทั้งการประเมินการเคลื่อนที่เพื่อการจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและ ต่อเนื่อง สามารถโฟกัสตามวัตถุได้ทั้วทั้งเฟรมภาพจนกว่าวัตถุนั้น จะหลุดออกนอกเฟรมไป การใช้เทคโนโลยีใหม่แบบ 3D นี้ช่วยให้ สามารถ Tracking ติดตามวัตถุได้ทุกชนิดได้อย่างแม่นยำ� ไม่ว่าจะ

24

เป็นคน, สัตว์หรือยานพาหนะต่างๆ ที่มีความเร็วสูง โดยมีกรอบโฟกัส มีให้เลือกถึง 35 กรอบเกือบทั่วทั้งเฟรมภาพ และสามารถเลือกกรอบ โฟกัสแบบ 3 X 3 กรอบเป็นกลุ่มได้ การเลือกกรอบโฟกัสใช้งานได้ง่าย ด้วยปุ่มบน Arrow Pad 3 ปุ่มที่จะเข้าสู่การเลือกกรอบโฟกัสทันทีเมื่อ กดปุ่ม แต่หากเปลี่ยนไปใช้เป็นฟังก์ชั่นอื่น การเลือกกรอบโฟกัสต้อง ใช้การเลือกจาก Live Control หรือเลือกผ่านเมนู การหาโฟกัสในที่ แสงน้อยหรือในที่มืดได้รับการปรับปรุงให้โฟกัสได้เร็วขึ้น แม่นยำ�ขึ้น ด้วยเซ็นเซอร์ที่ไวแสงขึ้น ยิ่งเมื่อใช้งานกับเลนส์รุ่นใหม่จะยิ่งเห็นผล จากการโฟกัสที่เร็วขึ้นอย่างสังเกตุได้ การวัดแสงของ E-M5 ให้ความแม่นยำ�สูง มีโหมดการวัด แสงให้เลือกใช้งานครบตั้งแต่ดิจิตอล ESP, เฉลี่ยหนักกลาง, เฉพาะ จุด, เฉพาะจุดไฮไลท์ และ เฉพาะจุดชาโดว์ 4. Highlight and Shadow Control เป็ น ฟั ง ก์ ชั่ น ที่ ช่ ว ยควบคุ ม ส่ ว นไฮไลท์ ห รื อ ส่ ว นสว่ า งและ ส่วนมืดหรือชาโดว์ให้เห็นได้ก่อนถ่ายภาพ โดยใช้การปรับ Curve ที่ ปรับได้ถึงด้านละ 7 ขั้นและการปรับนั้นจะถูกใช้งานทันทีเมื่อถ่าย ภาพ จึงง่ายต่อการปรับ ซึ่งการปรับในส่วนนี้ไม่ใช่การชดเชยแสง และสามารถปรับได้พร้อมกันทั้งในส่วนไฮไลท์และชาโดว์จึงสามารถ ควบคุมโทนภาพได้ง่ายและสะดวกขึ้นแม้เป็นการถ่ายภาพย้อนแสง แรงๆ 5. ถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 9 เฟรมต่อวินาที E-M5 สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วมากถึง 9 เฟรม ต่อวินาทีโดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่กริปเพิ่มเติมเนื่องจากเป็นกล้องที่


ไม่ มี ก ระจกสะท้ อ นภาพและการพั ฒ นาเทคโนโลยี ก ารอ่ า นข้ อ มู ล จากเซ็นเซอร์ภาพที่มีความเร็วสูงร่วมกับระบบประมวลผล TruePic VI ที่ประมวลผลได้เร็วยิ่งขึ้น ประกอบกับชุดชัตเตอร์ขนาดเล็กที่มี ประสิทธิภาพสูง ส่วนการใช้การหาโฟกัสแบบ Tracking AF สามารถ ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ด้วยความเร็ว 4.2 เฟรมต่อวินาทีซึ่งถือว่าเป็น ความเร็วที่สูงมากเนื่องจากกล้องจะจับโฟกัสตามวัตถุทุกภาพให้ทุก ภาพคมชัดโฟกัสถูกต้อง 6. ปุ่มฟังก์ชั่นใช้งานได้อย่างหลากหลาย เนื่องจากระบบและฟังก์ชั่นที่มากมายใน E-M5 และการ ออกแบบตัวกล้องที่มีปุ่มไม่มากแต่ใช้การทำ�งานของปุ่มที่สามารถ ปรับเปลี่ยนได้ตามความถนัดของผู้ใช้เพื่อให้ป่มุ เหล่านั้นเข้าฟังก์ช่นั ที่ ต้องการได้โดยตรงอย่างรวดเร็ว E-M5 จึงออกแบบให้มีปุ่มฟังก์ชั่น หรือ Fn ถึง 2 ปุ่มบนตัวกล้องและอีก 1 ปุ่มบนตัวเลนส์ รวมทั้งปุ่ม บันทึก Movie สามารถเลือก Assign หน้าที่การทำ�งานของปุ่มได้ อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ปุ่ม Arrow Pad ยังสามารถสั่งงานแบบ โดยตรงหรือจะเปลี่ยนฟังก์ชั่นก็ทำ�ได้จากคำ�สั่งในเมนู ซึ่งถือว่าเป็น กล้องที่ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงมาก ผู้ใช้แต่ละคนสามารถ เลือกปุ่มต่างๆ เหล่านี้ให้ทำ�งานในฟังก์ชั่นที่แตกต่างตามที่ตนถนัด หรือใช้งานบ่อยได้อย่างอิสระ 7. จอมอนิเตอร์แบบสัมผัส จอมอนิเตอร์แบบ OLED ใน E-M5 เป็นจอระบบสัมผัส สามารถเลือกใช้ระบบสัมผัสหรือไม่ก็ได้ และสามารถเลือกให้กล้อง โฟกัสอย่างเดียวเมื่อสัมผัสจอหรือโฟกัสพร้อมชัตเตอร์ทำ�งานเลยก็ได้

และเมื่อใช้ในการ Playback จะให้ความสะดวกในการดูภาพมาก สามารถใช้การเลื่อนภาพ ซูมขยายภาพ และอื่นๆ ได้เหมือนใช้จอของ Tablet PC ทันสมัยมากๆ 8. Art Filter 11 ชนิด Art Filter เป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างหนึ่งของกล้องจาก โอลิมปัส ผูใ้ ช้จะรูส้ กึ สนุกไปกับการถ่ายภาพเมือ่ ใช้ Art Filter เพราะได้ ภาพที่แปลกและสวยงามสำ�เร็จจากขั้นตอนการถ่ายภาพโดยไม่ต้อง ไปทำ�การตกแต่งภาพในภายหลัง ซึ่งใน E-M5 มี Art Filter มาให้ถึง 11 แบบ และในหลายๆ ฟิลเตอร์มีออปชั่นให้เลือกปรับเปลี่ยนได้อีก ซึ่งรวมแล้วมีเอฟเฟ็กท์ให้ใช้งานมากถึง 78 แบบ Art Filter นี้สามารถใช้ได้กับทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ โดย Art Filter และสามารถเห็นผลได้ก่อนการถ่ายภาพ เป็นฟังก์ชั่นที่ถ่ายภาพ ได้สนุกและได้คุณภาพที่ดีมากโดยไม่ต้องไปทำ�การปรับแต่งด้วย โปรแกรมตกแต่งภาพแต่อย่างใด Art Filter หลายๆ ตัวได้เพิม่ ออปชัน่ ขึ้นมาจากกล้องรุ่นก่อน ช่วยในการสร้างสรรค์เอฟเฟ็คท์ได้อย่าง หลากหลายมากขึ้น 9. ถ่ายภาพวิดีโอและภาพนิ่ง E-M5 สามารถถ่ายภาพวิดีโอได้ในความละเอียดระดับ Full HD ได้อย่างนุ่มนวลด้วยระบบลดการสั่นไหวในตัวกล้องแบบ 5 แกน มากถึง 5 สตอป ระบบไมโครโฟนบันทึกเสียงแบบสเตอริโอ จอ มอนิเตอร์ปรับพลิกมุมได้ ช่วยให้การถ่ายวิดีโอได้ง่ายขึ้นและใช้งาน ในมุมต่ำ�หรือมุมสูงได้อย่างสะดวกกว่า และยังสามารถบันทึกภาพ นิ่งเมื่อจบการบันทึกวิดีโอได้ด้วย นอกจากนี้ชุดเลนส์ตัวใหม่ที่ออกมา

25


การถ่ายภาพบุคคลสวยๆ เป็นเรื่องง่ายและให้ภาพที่สวยมากแม้จะใช้ ISO สูง การไล่โทน การวัดแสงและการถ่ายทอดสีผิวทำ�ได้อย่าง เยี่ยมยอด เมื่อใช้โหมด ART Soft Focus (นางแบบ: น้องฝัน และขอขอบคุณ World Camera สำ�หรับนางแบบสวยๆ) Olympus OM-D E-M5, เลนส์ 12-50 มม., ART, 1/90 วินาที, F/5.6, ISO 1250, WB Auto, Large JPEG/Super Fine

26


เป็น Movie Kit นั้นยังสามารถเลือกใช้การซูมแบบ Power Zoom ได้ ช่วยให้การปรับซูมมีความนุ่มนวลกว่า สามารถเลือกความเร็วในการ ปรับซูมด้วยน้ำ�หนักมือในการบิดวงแหวน ซึ่งนับว่าเป็นเลนส์ที่เหมาะ กับการใช้บันทึกภาพวิดีโออย่างยิ่ง ฟังก์ชั่นต่างๆ สามารถใช้กับภาพไฟล์ Movie ได้ไม่ว่าจะ เป็น Art Filter, i-Enhance, One shot Echo หรือ Multi-Echo และ เลือกการเปิดรับสงแบบแมนนวลได้ 10. โหมดและฟังก์ชั่นการทำ�งานอื่นๆ ที่น่าสนใจ นอกจากระบบเด่นๆ แล้ว E-M5 ยังมีระบบที่น่าสนใจอีก หลายฟังก์ชั่นหลายระบบอย่างที่กล้องรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกันมีไม่ มากเท่า โหมดถ่ายภาพแบบผู้ใช้ต้องการควบคุมกล้องด้วยตนเอง มีมาให้ครบทั้ง P, S, A, M ระบบ AF นอกจากจะโฟกัสได้เร็วแล้ว การโฟกัสแบบตรวจจับใบหน้าจะทำ�งานพร้อมกับจับม่านตา ดังนั้น ภาพจึงโฟกัสที่ดวงตาได้อย่างถูกต้องเมื่อใช้ถ่ายภาพบุคคล และยัง สามารถเลือกได้ว่าจะให้จับโฟกัสที่ตาซ้ายหรือตาขวาก็ได้ Live Bulb / Live Time เป็นอีกฟังก์ชั่นหนึ่งที่ช่างภาพส่วน มากต้องการ ซึ่งใน E-M5 มีทั้ง 2 โหมด ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ทั้ง แบบ Live Bulb หรือ Live Time ก็ได้และภาพที่แสดงบนจอมอนิเตอร์ จะแสดงผลแบบอัพเดทตามเวลาที่เปิดชัตเตอร์จึงสามารถเลือกหรือ ดูความสว่างของภาพได้ตามความต้องการ นับเป็นความสะดวกที่ไม่ ต้องคาดเดาเวลาในการเปิดชัตเตอร์ได้ดีมากๆ WB มีให้ครบตั้งแต่ออโต้และตามชนิดแสงที่ตั้งมาจากค่า ของโรงงานไปจนถึง One Touch หรือปรับตั้งเอง สามารถปรับชดเชย

และถ่ายภาพคร่อม WB ได้ และเมื่อใช้ Art Filter สามารถเลือกการ ถ่ายภาพคร่อม Art Filter ได้ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Art Filter ใดบ้าง ตรงจุดนี้ถือว่ายอดเยี่ยมจริงๆ ดิจิตอล เทเลคอนเวอเตอร์ เป็นอีกฟังก์ชั่นที่น่าสใจ เหมาะ สำ�หรับการซูมภาพที่อยู่ไกลมากและไม่มีเวลาเปลี่ยนเลนส์หรือไม่มี เลนส์ทางยาวโฟกัสสูงกว่าติดตัวไป เพียงแค่เลือกดิจิตอล เทเลคอน เวอเตอร์ (Assign ที่ปุ่ม Fn1) เท่านั้นกล้องก็จะขยายภาพขึ้นมา 2 เท่า จากตรงกลาง ช่วยให้สามารถถ่ายภาพระยะไกลได้ทันที และด้วย ระบบที่ยอดเยี่ยมในตัวกล้องยังช่วยให้ภาพที่แม้จะใช้ดิจิตอล คอน เวอเตอร์ ก็ยังให้ภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดที่ครบถ้วน การถ่ายภาพซ้อนก็มีมาให้ใน E-M5 เช่นกัน สามารถถ่าย ภาพซ้อนได้ 2 ภาพ และดูผลการซ้อนภาพได้จาก Live view โดยภาพ แรกจะปรากฏให้เห็นจางๆ นอกจากนี้ยังทำ� Image Overlay ได้ เมื่อ ถ่ายเป็นไฟล์ RAW ดังนั้นจึงสามารถซ้อนภาพได้อย่างไม่จำ�กัด การถ่ายภาพ 3D ในโหมด Scene ใช้งานได้ง่ายโดยทำ�ตาม คำ�แนะนำ�บนหน้าจอ และถ่ายภาพ 2 ภาพ โดยใช้ Live view กล้อง จะบันทึกเป็นไฟล์ 3D และ Save เป็นฟอร์แมท MPO สำ�หรับการ แสดงภาพ 3D จะต้องดูบนจอทีวีหรือจอ PC ที่มีฟังก์ชั่น 3D เท่านั้น และกล้อง E-M5 รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ 3 มิติด้วย นอกจากนี้ในระบบถ่ายภาพทั่วไปถือว่า E-M5 มีระบบที่ทัน สมัยทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นระบบแฟลช TTL โดยใช้ร่วมกับแฟลชขนาด เล็กที่มากับชุดกล้องและสามารถติดตั้งแฟลชภายนอก ใช้แฟลช แบบไร้สายได้ครบถ้วนรวมทั้งการใช้แฟลชแบบเป็นกลุ่มแบบหลาย

เลนส์ KIT รุ่นใหม่สามารถถ่ายภาพมาโครได้ใกล้มาก ให้ความคมชัดดีและสีสันสดเข้ม จุดเด่นคือโทนภาพแม้จะใช้งานในแบบ Auto โหมด ART (Pop Art) Olympus OM-D E-M5, เลนส์ 12-50 มม., ART, 1/30 วินาที, F/6, ISO 1250, WB Auto, Large JPEG/Super Fine

27


ตัว มีระบบ Level Gauge ในตัว วัดระดับน้ำ�แบบอิเล็กทรอนิคทั้งใน แนวนอนและแนวตั้ง การโฟกัสแมนวลสามารถเลือกสั่งให้ซูมขยาย ภาพขึ้นมาเพื่อช่วยให้โฟกัสได้ง่ายขึ้น เลือกอัตราส่วนภาพได้อย่าง หลากหลาย และเลือกโหมดสีภาพได้ทั้งแบบอัตโนมัติและปรับเลือก ค่าพารามิเตอร์เอง เรียกว่ามีฟังก์ชั่นมาให้มากไม่น้อยไปกว่ากล้อง DSLR ชั้นดีเลยทีเดียว 11. เมนู Playback เมนู Playback ของ E-M5 เป็นสไตล์ของโอลิมปัส มีลูก เล่นและการปรับแต่งภาพให้ค่อนข้างหลากหลาย สามารถแปลงไฟล์ RAW ได้ในตัว ปรับแต่งภาพได้อย่างง่ายๆ แต่ได้ภาพที่สวยงามโดย เฉพาะ e-Portrait นั้นน่าสนใจและใช้งานได้ดีมาก สามารถทำ� Image overlay ได้ และเล่นไฟล์ภาพแบบสไลด์โชว์พร้อมเสียงดนตรี (BGM) 4 แบบส่วนเมนูพื้นฐานทั่วไป เช่น การ Resize, Protect, DPOF, การ เลือกลบไฟล์ RAW อย่างเดียวหรือ JPEG อย่างเดียวหรือทั้งสองไฟล์ ฟอร์แมท เป็นต้น

ผลการทดลองใช้งาน

ชุดกล้องที่ผมได้รับมานั้นเป็น Movie Kit เลนส์12-50 มม. มีระบบเพาเวอร์ ซูม และมาโครในตัว มีปุ่มฟังก์ชั่นที่เลนส์ ตอนแรก เมื่อยังไม่แกะกล่องนำ�เลนส์มาประกอบเข้ากับกล้อง ผมยังรู้สึกเฉยๆ เพราะคิดว่าก็น่าจะเหมือนกล้องทั่วไป แต่เมื่อประกอบเลนส์เสร็จ แล้ว ลองเปิดสวิทช์เล่นฟังก์ชั่นต่างๆ ความทึ่งในการออกแบบและ การดีไซน์ค่อยๆ ทำ�ให้ผมชอบและประทับใจมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยาก จะได้มาไว้ใช้สักตัวจริงๆ ครับ และบอกตรงๆ ว่าไม่อยากจะส่งกล้อง คืนเลยเพราะยิ่งใช้ก็ยิ่งชอบ

28

การจับถือเป็นไปอย่างที่เขียนถึงในตอนต้นคืออาจจะจับได้ ไม่กระชับนักเพราะเป็นกล้องที่มีขนาดเล็กและไม่ได้ทำ�กริปหนามา เพราะกล้องรูปแบบนี้ต้องเน้นความบางของตัวกล้องเพื่อการพกพา ด้วย ยิ่งมาอิงกับการดีไซน์แบบกล้องซีรี่ส์ OM ก็เลยทำ�กริปหนาไม่ได้ แต่ก็ถือว่าจับได้ถนัดมือกว่ากล้อง Mirrorless หลายๆ รุ่น หลายๆ ตัว การวางปุ่มควบคุมต่างๆ ดีมาก ยิ่งความนุ่มนวลของปุ่มยิ่งดีเข้าไป ใหญ่ เพราะนุ่มมือและตอบสนองเร็ว ที่ผมชอบคือแป้นปรับแบบคู่ เช่นนี้ใช้งานได้สะดวกมากและดีกว่ากล้อง DSLR รุ่นเล็กหลายๆ รุ่นที่ มักจะทำ�มาแป้นเดียวซ่ะอีก แป้นโหมดปรับใช้งานได้สะดวกฟังก์ชน่ั ของ ปุ่มในค่าเริ่มต้นจากโรงงานนั้นถือว่าเซ็ทมาได้ดีแล้ว แม้จะสามารถ Assign ปุ่มเองได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำ�มากนักเพราะพอใจการเซ็ทที่มา จากโรงงานแล้วนั่นเอง การโฟกัสทำ�ได้เร็วจริง โอลิมปัสไม่ได้เคลมเกินจริงแต่อย่าง ใดเรียกว่าสมราคาคุยจริงๆ ผมลองโฟกัสทั้งระยะใกล้และไกล ทั้งใน ที่แสงน้อยและตอนกลางคืน เร็วอย่างเห็นได้ชัด การโฟกัสแมนนวล ทำ�ได้ง่ายเมื่อใช้ช่องมองภาพ ไม่ยากเหมือนการใช้จอ EVF ทั่วไปที่ ความละเอียดน้อยกว่านี้ การวัดแสงและ WB เป็นสิ่งที่ไม่ต้องกังวล อีกแล้วกับกล้องระดับนี้เพราะทำ�ได้ดีอย่างเที่ยงตรง แม่นยำ� ออโต้ WB ให้สีตรงดีกว่ากล้องในอดีตอย่างเทียบกันไม่ได้ แม้แต่แสงผสมก็ ยังให้สีที่ดีโดยเฉพาะสีผิวของภาพบุคคลนั้นยอดเยี่ยมมาก อาจมีบ้าง ในบางสถานการณ์ที่เป็นแสงผสมมากหลายชนิดอาจให้สีไม่ตรงกับ ทุกชนิดแสงแต่ก็น้อยมาก ความคมชัดและคุณภาพของไฟล์ภาพเป็นสิ่งที่ไม่อาจมอง ข้ามได้เลย โอลิมปัสนั้นมีจุดเด่นเรื่องคุณภาพไฟล์อยู่แล้ว ภาพที่ได้ คมชัดและใสมากไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในที่แสงสว่างมากๆ หรือ แสงน้อยก็ตาม ขอเพียงให้เปิดรับแสงถูกต้องจะได้ภาพที่สีสันสดเข้ม


แต่เป็นธรรมชาติ โทนภาพดีมาก ตรงจุดนี้คือสิ่งที่ผมชอบครับเพราะ โทนแบบนี้ใกล้เคียงฟิล์มทีเดียวครับ ไฟล์ภาพที่ได้มาโดยยังไม่ต้อง ปรับแต่งถือว่าใสเนียนอย่างน่าพอใจมากๆ โดยไม่ต้องไปปรับแต่งอีก เลยก็ยังได้ ทั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากระบบประมวลผลตัวใหม่ที่อยู่ใน E-M5 การเกิด Noise ในภาพมีน้อยมากเมื่อใช้ ISO 200-1600 ที่ ISO 1600 มี Noise เพียงนิดเดียว หรืออาจมองไม่เห็นเลยหากใช้ โหมดถ่ายภาพ ART แม้แต่ที่ ISO 3200 การเกิด Noise ก็ยังไม่มาก แต่ไม่ปฎิเสธว่าไม่มี เพียงแต่ว่า Noise ที่มีออกไปทางแนวเกรนภาพ มากกว่าจะเป็นจุดสีอย่างในอดีต ความคมชัดและสีสันของภาพก็ ยังดีอยู่ ส่วนที่ ISO สูงกว่านี้ ก็แน่นอนว่าย่อมมี Noise มากขึ้นเป็น ธรรมดาแต่ไม่มากมายจนยอมรับไม่ได้ ถ้าต้องการได้ภาพจริงๆ ที่ ISO 25600 ผมว่ายังใช้ได้เลยครับ การแสดงผลบนจอมอนิเตอร์ให้ภาพที่ชัด สีสวยมากๆ แต่ ในช่องมองภาพสีจะไม่ค่อยตรงกับสีของจอมอนิเตอร์เท่าไหร่ แต่ สามารถปรับสีจอได้ และภาพจริงจะตรงกับสีจอมอนิเตอร์มากกว่าสี ของภาพในช่องมองภาพ การแสดงข้อมูลในช่องมองภาพปรับเปลี่ยน ได้ ผู้ที่คุ้นเคยกับกล้อง DSLR ก็สามารถปรับมาให้แสดงผลแบบ กล้อง DSLR ได้ ใช้แล้วบางทียังเผลอคิดไปว่ากำ�ลังใช้กล้อง DSLR อยู่เลยทีเดียว ไฟล์วิดีโอ ผมลองไม่มากนัก แต่เท่าที่ลองก็ประทับใจครับ ให้ภาพที่ดี การเคลื่อนไหวนุ่มนวล และที่ชอบมากๆ คือภาพสั่นไหว น้อยเพราะระบบลดการสั่นไหว 5 แกนของโอลิมปัส แถมยังลดการ สั่นไหวได้มากถึง 5 สตอป ตรงนี้ช่วยให้ได้ภาพที่นิ่งขึ้นอย่างชัดเจน การโฟกัสรวดเร็ว และสามารถปรับแมนนวลโฟกัสไปพร้อมกับ AF ได้ เหมาะมากกับงาน Movie ที่ต้องใช้ทั้ง AF และ MF อัตราการสิ้นเปลืองพลังงานถือว่าทำ�ได้ดีคือไม่ถือว่าสิ้น เปลืองมากเหมือนกล้องในอดีต ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ใช้งานได้เต็มวัน อย่างสบายๆ (ใช้แฟลชประมาณหนึ่งในสี่ของจำ�นวนภาพที่ถ่ายมา และใช้ช่องมองภาพแทนจอมอนิเตอร์) และที่ดีมากๆ อีกจุดหนึ่งคือ กล้องไม่ร้อนแม้จะใช้งานนานติดต่อกัน เป็นกล้องที่มีระบบระบาย ความร้อนที่ดีมาก เมื่อใช้กับอะแดปเตอร์ สามารถใช้ร่วมกับเลนส์ OM และ 4/3 ได้จึงเท่ากับมีเลนส์ให้ใช้อย่างเหลือเฟือ จากการลองใช้งานอยู่ระยะสั้นๆ (สั้นมากๆ หากเทียบกับ ความประทับใจในตัวกล้อง) ลองถ่ายรูปหลายๆ สถานการณ์ ถ้าถาม ว่าผมชอบอะไรใน E-M5 ตัวนี้ ตอบแบบตรงๆ ก็คือชอบการดีไซน์เป็น อย่างแรก และชอบคุณภาพของไฟล์ภาพกับระบบของกล้องที่โดด เด่น มากๆ ทีเดียว ลูกเล่นของกล้องมีมาก เล่นแล้วสนุก ถ่ายภาพแล้ว ไม่เบื่อ การทำ�งานเร็ว ตอบสนองการสั่งการทันทีเมื่อกดปุ่ม ใช้แล้ว ไม่รู้สึกว่าคือกล้อง Mirrorless แต่จะรู้สึกว่าเป็นกล้อง DSLR มากกว่า ช่องมองภาพแบบ EVF ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากช่องมอง ภาพออปติคอลแต่อย่างใด นี่คือสิ่งที่ทำ�ให้กล้องตัวนี้โดดเด่น เลนส์ Kit ในชุดนี้ถือว่าใช้ได้ในเรื่องคุณภาพ แต่ความสว่างที่ช่วงซูม 50 มม. น้อยไปหน่อย (F/6.3) และนี่ก็คือจุดเดียวที่ผมคิดว่าน่าจะทำ�ได้ดีกว่า นี้

ไม่ ต้ อ งบอกว่ า ถ้ า ชอบความคลาสสิ ค ก็ ใ ห้ ล องพิ จ ารณา E-M5 แต่ผมอยากจะบอกว่าอยากให้หาโอกาสไปลองเล่นดูสักครั้ง ผมเชื่อว่าต้องประทับใจแน่ๆ ระบบกล้องไม่ได้มีมาแค่ผู้ใช้กล้องที่ ต้องการความสะดวกในการใช้งาน แต่มีมาให้เทียบเท่ากล้อง DSLR ชั้นดีเลยทีเดียว บอดี้ก็ออกแบบมาสวยทั้ง 2 สี แต่ส่วนตัวแล้วผม ชอบบอดี้สีโครมครับด้วยเหตุผลเดียวคือได้ยางลายหนังที่ตัวบอดี้... คลาสสิคที่สุดแล้วครับสำ�หรับ OM-D E-M5 สุดยอดกล้อง Mirrerless ใน พ.ศ. นี้

คะแนนการออกแบบภายนอก คะแนนระบบการทำ�งาน คะแนนคุณภาพไฟล์ คะแนนโดยรวม

: 9.75/10 : 9.50/10 : 9.00/10 : 9.42/10

ข้อมูลจำ�เพาะ : Olympus OM-D E-M5

เซ็นเซอร์ : MOS ขนาด 4:3 นิ้ว 17.2 ล้านพิกเซล Effective 16.1 ล้านพิกเซล เมาท์เลนส์ : Micro 4/3 ทางยาวโฟกัสเพิ่มขึ้น 2X การ์ดบันทึกข้อมูล : SD, SDHC, SDXC และ Eye-Fi ไฟล์ ฟอร์แมท : RAW, JPEG, RAW+JPEG, MPEG-4 ช่องมองภาพ : Electronic Viewfinder พร้อมเซ็นเซอร์ตา 1,440,000 พิกเซล เห็นภาพ 100 % ปรับแก้สายตาได้ จอมอนิเตอร์ : ขนาด 3 นิ้ว OLED แบบจอสัมผัส ปรับมุมได้ ความละเอียด 610,000 จุด อัตราส่วน 3:2 ชัตเตอร์ : ที่ระนาบโฟกัส 1/4000-60 วินาที, Bulb และ Time ออโตโฟกัส : ผ่านเลนส์แบบ Contrast detection 35 จุด เลือก จุดโฟกัสได้ทั้งแบบออโต้และเลือกเอง ระบบวัดแสง : วัดแสงผ่านเลนส์ แบบ Imager มี 5 โหมดคือ ดิจิตอล ESP, เฉลี่ยหนักกลาง และเฉพาะจุด ช่วงการวัด แสง 0-20 EV โหมดถ่ายภาพ : iAuto, P, A, S, M, ART, SCN, Movie ความไวแสง : ISO 200-25600 และ Auto ชดเชยแสง : +/- 3.0 สตอป WB : ออโต้, ตามชนิดแสง 7 ชนิด คัสตอม WB พร้อมปรับ ละเอียดหรือชดเชยสี WB และแมนนวล (One-touch) ถ่ายภาพต่อเนื่อง : 9 เฟรม / วินาที แฟลช : GN 10 (ISO 200) ระบบ TTL-Auto (TTL pre-flash) และ เมนนวล สัมพันธ์แฟลช 1/250 วินาทีฟรือต่ำ�กว่า อินเทอร์เฟส : USB, HDMI, Accessory port พลังงาน : แบตเตอรี่ Li-ion BLN-1 ขนาดตัวกล้อง : 121 x 89.6 x 41.9 มม. (W x H xD) น้ำ�หนัก : 425 กรัม (รวมแบตเตอรี่และการ์ด)

29


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.