magazine
ISSUE 13 1 NOV - 8 DEC 2014
keep going
Editor’s Note
ถนนสายความฝัน
ว่ากันด้วยเรื่องของการใช้ชีวิต คงจะไม่มีใครหรอกที่จะมีชีวิตราบ เรียบ ไม่เคยล้ม และท้อแท้บนเส้นทางที่เดินไป ชีวิตประกอบด้วยเรื่อง ราวมากมายที่มีจุดเริ่มต้นเหมือนกั นคือการเกิดแล้วลืมตามาดูโลก จาก นั้นทุกคนต้องเดินไปตามทางที่ตนเองวาดฝันเอาไว้ เมื่อมีทางที่ฝัน เราก็มักจะมีจุดหมายสูงสุดในใจกันแล้วทุกคน บางคนมีทางฝันที่ยาวไกลมาก กว่าจะถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งเมื่อเดินทางไป ตามทางแล้วอาจจะเจอทั้งทางตัน ทางแยก อุปสรรคหลายๆ อย่าง เมื่อ เกิดขึ้นบ่อยๆ ซ�้ำๆ ก็สามารถท�ำให้ท้อแท้ได้ ซึ่งชีวิตคนเราจริงๆ แล้วก็เหมือนถนน (street) ที่มีทั้งทางตัน ทางแยก อุปสรรค มีหลุม มีบ่อ ทางขาด ทางเชื่อมอีกมากมาย ทางฝัน ที่ว่านี้คือเส้นทางที่มุ่งไป ไม่เพียงแต่มุ่งไป ไม่เพียงแต่มุ่งไปข้างหน้า อย่างเดียว เราสามารถกลับรถไปเริ่มต้นใหม่ได้ เราสามารถหลบหลุม บ่อได้เมื่อเจอกับอุปสรรค มีหลายครั้งที่เราอาจจะมองพลาดไปท�ำให้ ก้าวพลาดตกหลุมไป ต่เราก็สามารถลุกขึ้นได้ “ป้ายรถเมล์” ฉบับนี้ จะน�ำเรื่องราวการใช้ชีวิตบนเส้นทางของ ความฝัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนที่ชีวิตไม่ราบรื่น ล้มลุกคลุกคลาน และก�ำลังท้อแท้บนเส้นทางความฝันของตัวเอง ให้ได้ มองชีวิตในแง่บวกมากขึ้นกว่าเดิม แล้วเราจะมั่นใจที่จะก้าวไปในเส้น ทางที่ตนเองเลือกและฝันไว้ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ขนิษฐา สุวรรณธรรมา
Content Interview
04
15
Book review
10 Success
On Street Interview Ranway Success on Street Route Film Book review
4 12 10 14 15
เส้นทางของ
street
ป้ายบอกทาง
ป้ายรถเมล์
ชี วิตที่เริ่มเดินโดยไม่มีความฝั น การเดินทางที่ค่อนข้างสบายของ โม กอบกิจ พรมชาติ คุณครู โรงเรียนบ้านโคกก่องดอนนกชุ ม (อ่างประ ชานุกูล) ครู ผู้ไม่เคยคิดฝั นว่าอยากจะเป็นครู หากวันนี้เขากลับหลงรักความ เป็นครู รักเด็กๆ จนบอกออกมาว่า เด็กเหล่านัน้ เป็นรักแรกพบของเขา ทางเดิน อันแสนสบายที่ผู้เป็นมารดาปู ไว้ให้ก็ไม่ต่างจากถนนใหญ่ท่ีเป็นเส้นทางหลักที่ไม่มี อุ ปสรรคมากมายนักหากแต่มีเพียงทางโค้ง คดเคี้ยว เป็นทางลาดชั นที่เดินไปถึง จุ ดหมายได้ยากเพราะ ครู คือสิ่งที่โมไม่เคยอยากจะเป็น เรื่องราวและแนวคิดต่อ ความเป็นครู ของ โม อาจจะเปลี่ยนใจใครหลายๆ คนให้มองความเป็นครู ได้ หลายมุ มมากขึ้น
street
ป้ายรถเมล์
โอกาสที่คว้าเอาไว้ กับเส้นทางการเป็นครู ผมเรียนจบทางด้านรัฐศาสตร์มา แน่นอน ว่าผมต้องอยากท�ำงานเป็นข้าราชการเป็น ธรรมดา แต่ช่วงผมจบต�ำแหน่งงานด้านนี่ไม่ ว่างเลยด้วยซ�้ำ เรียกได้ว่าไม่มีที่ว่างให้คนอย่าง ผมเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังไม่มืดมนจนเกินไป ทาง โรงเรียนแถวบ้านผมได้เปิดรับข้าราชการครู ผมจึงลองไปสมัครในฐานะที่เรียนรัฐศาสตร์มา ผมจึงเลือกสอนด้านวิชาสังคมศึกษา ช่วงแรกผมค่อนข้างมีปัญหาอยู่บ้าง ทั้ง การเข้าสอนเด็กๆ การอยู่ร่วมกับครูคนอื่นๆ แต่พอผมเริ่มปรับตัวผมก็พบตัวเองในแบบฉบับ นักเรียน ผมเจอเด็กหลังห้องเหมือนผม เจอ เด็กที่ครูหลายๆคนไม่อยากสนใจ เพราะเด็ก เหล่านั้นดื้อ พูดไม่รู้เรื่อง บางคนชอบใช้ความ รุนแรง แสดงออกก้าวร้าว ความคิดของการ เป็นครูของผมเริ่มเปลี่ยนไป ผมอยากที่จะช่วย เป็นแรงผลักให้เด็กเหล่านั้นสามารถเดินไปข้าง หน้าได้เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เมื่อผมคลุกคลีกับความเป็นครูท�ำให้ผม รู้สึกว่า ครูเป็นเหมือนรักแรกพบส�ำหรับผม เพราะครูไม่ใช่อาชีพที่ผมฝัน หรืออยากจะเป็น ก็เหมือนการแอบรักที่เป็นความฝัน หรือรักครั้ง ครั้งแรกที่เราเห็นแวบแรกแล้วเราอยากจะท�ำ แต่ครูคือรักแรกพบ สิ่งสิ่งท�ำให้ผมรักอาชีพครู เด็ก ลูกศิษย์ของผม ลูกศิษย์ที่ผมอยากจะคอย ขัดเกลา ใส่ใจ และหล่อหลอมให้เป็นคนที่ดี เลย จนผ้านั้นกลายเป็นผ้าสีหม่นที่แข็ง หยาบ ไม่น่าจับอีกต่อไป
เด็กหลังห้องผู ้ไม่เคยมีความฝั น ถ้าจะให้พูดถึงว่าท�ำไมถึงมาเป็นครู ก็ต้อง บอกเลยว่าเพราะแม่เป็นครู แม่ก็เลยอยากให้ ผมเป็นครูด้วย ผมไม่เคยคิดเลยด้วยซ�้ำว่าจะมา เป็นครูอย่างทุกวันนี้เพราะตอนเด็กๆ ผมไม่เคย มีความคิดที่จะเป็นครู แล้วก็ด้วยมองตัวเองว่า คนอย่างผมคงจะสอนใครไม่ได้ ผมเลยใช้ชีวิต เรื่อยเปื่อยไปวันๆ เป็นเด็กที่นั่งด้านหลังห้อง ตลอด ครูก็ไม่ค่อยสนใจผมหรอกเพราะว่าผม เรียนไม่เก่งแถมยังท�ำตัวสกปรกอีก พอโตขึ้นก็อยากจะมีจุดยืนอยากจะให้คน มองว่ามีตัวตนบ้างเลยเริ่มหัดเล่นดนตรี เข้า ประกวดตามเวทีต่างๆ จนผมคิดว่านี่แระคือสิ่ง ที่ใช่เลย ผมคิดจะเรียนทางด้านดนตรีแต่ก็ไม่ได้ เรียนเพราะแม่ค่อนข้างไม่เห็นด้วย ในช่วงหัว เลี้ยวหัวต่อที่จะต้องเลือกซักทางว่าจะเรียนต่อ ด้านไหน ผมจึงตัวสินใจเลือกเรียนรัฐศาสตร์ เอาง่ายๆ คือเรียนกับเพื่อน ตามเพื่อนไป เวลา ไปเรียนผมก็ไม่ตั้งใจหรอก เข้าไปหลับตลอดจน อาจารย์ที่สอนคิดว่าผมจะเรียนไม่จบด้วยซ�้ำ ตลอดระยะเวลาที่เรียน ที่เกิดมาจนอายุ 22 ผมไม่เคยมีความฝัน ไม่รู้ว่าตัวเองฝันจะเป็น อะไร แต่ผมมีความอยาก อยากที่จะเป็น เพราะผมคิดว่าความฝัน เพียงแค่คุณหลับแล้ว ฝันใครๆ ก็สามรถท�ำได้ ผมเลยคิดว่าความฝัน มันเป็นอะไรที่จับต้องไม่ได้ แต่กับความอยาก ของคนมันสามรถกระเสือกกระสนอยากจะท�ำ อยากจะเป็นได้มากกว่า
street
6
ป้ายรถเมล์
เด็กนักเรียนที่สมัยก่อนมักมีคนนิยามว่า เป็น “ผ้าขาว” ปัจจุบันนี้ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว เด็กบางคนนั้นเปื้อนมามากกว่าที่คุณคิด ผมจึง ใช้ความเป็นครูของผมคอยลบรอยเปื้อนเหล่า นั้นออกจากตัวเด็ก แม้ว่าจะลบได้ไม่สะอาดนัก แต่ก็สามารถท�ำให้เด็กเหล่านั้นน่ามองยิ่งขึ้น กับเด็กบางคนที่เป็นผ้าที่ไม่มีสีเลย ผมเรียกว่า ผ้าใส โปร่งแสง ผมก็จะคอยเติมสีสันลงไปใน ผ้าผืนนั้น ให้เด็กมีสีสัน มีประสบการณ์เพิ่มขึ้น ว่ากันว่า “สี” ที่เติมหรือลบออกนั้นก็ เปรียบเสมือนสิ่งที่ครูคอยบอกคอยสั่งสอนลูก ศิษย์ หากผู้เป็นครูสั่งสอนในทางที่ดี คอยผลัก คอยดัน คอยสั่งสอนแต่สิ่งดีๆ คอยชี้แนะในวัน ที่ลูกศิษย์ท�ำผิด คอยเอาใจใส่ สีผ้าที่จะ แสดงออกมาก็มักจะสดใส แต่หากสีเหล่านั้น หม่นหมองก็มาจากการสั่งสอนของผู้เป็นครู เช่นกัน หากแต่เป็นการที่ไม่ดี ไม่เอาใจใส่เท่าที่ ควร ปล่อยปละเลย จนผ้านั้นกลายเป็นผ้าสีห ม่นที่แข็ง หยาบไม่น่าจับอีกต่อไป
เวลาที่ผมไปทานข้าวกับเด็ก ผมมักจะใช้ ช่วงเวลานั้นสอนพวกเขา ตามค�ำโบราณที่รุ่น พ่อ รุ่นแม่เคยกล่าวไว้ว่าเวลาจะสอนอะไรใคร ให้สอนตอนกินข้าว เพราะว่าสอนตอนกินข้าว จะท�ำให้เดินหนีไปไหนไม่ได้ เพราะความหิวก็ ต้องนั่งฟัง บางครั้งถึงจะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่ ก็ได้รับฟังไว้บางส่วนก็ยังท�ำให้เด็กคิดได้ การสอนเด็ก สอนลูกศิษย์ส�ำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้หวังว่าเขาจะเป็นคนดีได้ทุกคน เพราะ ผมเชื่อว่าการเป็นคนดีนั้นต้องมาจากตัวเด็กเอง ที่เขาจะเลือกเอง อย่างบางครอบครัวพ่อแม่ก็ ไม่ถึงกับดี บ้างพ่อติดเหล้า บุหรี่ แม่ติดการ พนัน ผมในฐานะครูก็ต้องคอยแนะน�ำ ว่าสิ่ง เหล่านั้นไม่ดี และคอยชี้บอกว่าทางไหนคือทาง ที่ดี เด็กบางคนแค่ชี้บอก เขาก็สามารถเดินเอง ได้ บางคนต้องคอยผลัก บางคนนั้นเราต้องฉุด เขาขึ้นมาก่อนแล้วค่อยๆ ผลักเข้าให้เดินไป การสอส�ำหรับผมไม่ถึงขั้นที่ว่าต้องเดินเป็นแต่ ขอให้เขาสามารถตั้งไข่ได้ก็พอ
ลูกศิษย์ก็เหมือนน้อง ส�ำหรับตัวผมเอง ผมว่าค�ำว่า “ลูกศิษย์ กับครู” มันก็แค่ในนาม เป็นค�ำเรียกทางสังคม แต่ส�ำหรับผมกับลูกศิษย์นั้นเป็นเหมือนพี่น้อง กันมากว่า ผมมักจะบอกเด็กเสมอว่าไม่ต้องมา อะไรกับผมมาก คิดว่าผมเป็นพี่ชาย เป็นเพื่อน มีอะไรก็พูดกับผม ทุกวันผมก็ไปนั่งทานข้าว กลางวันกับเด็ก เตะบอลเล่นด้วยกัน เล่นกัน เหมือนคนในครอบครัว street street
7
ป้ป้าายรถเมล์ ยรถเมล์
ทัศนะคติเป็นอุ ปสรรคชิ้ นใหญ่ในการท�ำงาน ถ้าให้ผมพูดถึงอุปสรรค คงจะเยอะมากส�ำหรับการเป็นครูของผม เพราะด้วยความที่ผมไม่ได้ ตั้งใจจะมาเป็นครูแต่แรก ท�ำให้อุปสรรคของผมมีทั้งเด็ก ทั้งผู้ปกครอง ทั้งอาจารย์ในโรงเรียน กับกับ ทางส่วนกลางเองก็เป็นอุปสรรค กับเด็กนี่ผมต้องคอยสอน คอยขัดเกลาเขาในเป็นคนที่ออกมาดีได้ ระดับหนึ่ง ลูกศิษย์ผมส่วนใหญ่เมื่อใกล้จบการศึกษาก็มักจะพากันได้ใจ รู้สึกว่าตัวเองเก่ง ทะนงตัว บางคน อยากจะท�ำตัวนอกกรอบ ผมก็ได้คอยเตือนอยู่บ่อยครั้งว่า การจะออกไปใช้ชีวิตนอกกรอบนั้นเราต้อง ใช้ชีวิตในกรอบให้ดีซะก่อน ถึงคิดจะออกไปใช้ชีวิตนอกกรอบ เพราะเมื่อเราใช้ชีวิตในกรอบออกมาได้ ดี การออกไปใช้ชีวิตนอกกรอบให้ดีก็ไม่ใช่เรื่องยาก เด็กบางคนมองว่าเมืองไทยของเรานั้นเป็นสยามเมืองยิ้ม แต่ในความเป็นจริงแล้วค�ำนิยามนั้นก็ จริงกับคนบางกลุ่มเท่านั้น ผมมีหน้าที่ต้องคอยปรับทัศนคติของเด็กให้มองสิ่งรอบตัวอย่างเป็นจริงมาก ที่สุด สอนให้เขารับมีกับสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาท�ำร้าย หรือเข้ามาเพื่อเป็นประสบการณ์ให้กับเขา ผมเป็น ครูสอนสังคมศึกษา ผมอยากให้นักเรียนของผมได้เข้าใจกับสังคมมากขึ้น เพื่อนให้เข้าสามารถอยู่รอด ในสังคมได้ดีในระดับหนึ่ง street street
8
ป้ป้าายรถเมล์ ยรถเมล์
อาชี พครู เปรียบเสมือน “รถเมล์” เมื่อก่อนผมเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ครู ก็เปรียบเสมือนเรือจ้าง” ส�ำหรับผมคิดว่า ครู ในแบบฉบับของผมคือ รถเมล์มากกว่า ที่ผม เปรียบตัวเองเป็นรถเมล์ จริงๆ แล้วรถเมล์เป็น ยานพาหนะที่ผมชอบ อาจเพราะพนักงานบน รถเมล์ไม่เลือกปฏิบัติ ว่าง่ายๆ ก็รับทุกคน จอดทุกป้าย รถเมล์ส�ำหรับผมคือรถที่แล่นไป ตามถนนเรื่อยๆ เมื่อรับผู้โดยสารมาต้องไปส่ง ให้ถึงที่ ถึงจะมีลูกค้าแค่คนเดียวรถเมล์ก็ต้องไป ส่ง และในขณะเดียวกันหากมีผู้โดยสารที่ขึ้นผิด สาย พนักงานก็จะแนะน�ำ บอกกล่าวให้ไปขึ้น สายที่ถูกต้อง
street
9
ป้ายรถเมล์
Success on Street เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ดิฉันมีโอกาสได้เข้าไปร่วมงานรับปริญญาของ บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งก็คือรุ่นพี่ในสาขาของดิฉันเอง การ มองดูความสำ�เร็จก้าวแรกของคนเหล่านั้นทำ�ให้ตัวเราเองนั้นรู้สึกว่าวันของ ดิฉันเองนั้นก็คงจะมาถึงอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ฝันที่ไม่ไกลเกินรอ ทั้งวันนั้นอากาศเป็นใจอาจจะเป็นช่วงที่มีพายุเข้าพอดี ท้องฟ้าเลยครึ้ม ครึ้มไปหน่อย แต่ก็ทำ�ให้ผู้ที่มาร่วมงานไม่ร้อนจนเกินไป ญาติของบัณฑิต ต่างพากันเดินทางร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ ผู้ที่ดีใจที่สุดกับการ เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนนี้คงจะหนีไม่พ้นพ่อแม่ อาจจะเพราะสีหน้าที่อิ่ม เอม เมื่อถึงวันที่ลูกต้องรับปริญญาแล้วนั้นในมุมมองของคนนอกอย่างดิฉันก็ พลอยรู้สึกตื่นเต้นและชื่นใจไปด้วย บรรยากาศคึกคักที่เต็มไปด้วยเสียงกลอง เสียงเพลง เสียงโห่ร้อง ของ นิสิตรุ่นน้องที่มาบูมพี่บัณฑิตดังก้องไปทั่วบริเวณอาคารรับปริญญา เสียง เหล่านั้นต่างแสดงถึงความยินดีต่อบัณฑิตที่จบการศึกษา ทำ�ให้ผู้ที่มองนั้น ต่างรู้สึกคึกคักไปกับจังหวะเพลง การเต้น ของน้องๆ นิสิต ทำ�ให้หลายคนแก้ เบื่อได้บ้างขณะรอนิสิตที่รับปริญญาบัตรอยู่ภายในอาคาร การเดินตามฝันของคนหลายคนที่แตกต่างกันมักจะมีจุดหมายที่แตก ต่างกัน พ่อ แม่ของบัณฑิตแต่ละคนก็ฝันอยากจะมางานรับปริญญาวันที่เป็น ก้าวแรกของคนที่เขารักเท่านั้น ส่วนบัณฑิตเองก็ความฝันก็คงไม่ใช่แค่รับ ปริญญาแต่หากเป็นการประสบความสําเร็จในการทำ�งานในอนาคตมากกว่า นิสิตที่กำ�ลังศึกษาอยู่ก็เช่นกันหลายคนหวังว่าจะเรียนให้จบภายในเวลาที่ กำ�หนด บางคนกลับคิดว่าเรียนไปเรื่อยๆ หาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แต่ กับบางคนนั้นความฝันอาจจะเป็นการทำ�งานไปด้วยเรียนไปด้วยเพื่อนหา ประสบการณ์ ความฝันของคนเรามักไม่เท่ากัน บางคนชอบฝันน้อยๆ และมีความสุข ไปกับมัน บางคนเลือกที่จะฝันไกลๆ แล้วเลือกทะเยอทะยานไปให้ถึง ความ ฝันเป็นเหมือนจุดหมายที่หลายคนตั้งไว้ว่าจะไปให้ถึง แล้วคุณล่ะ ความฝัน คุณคืออะไร? หาตัวเองให้เจอ street
10
ป้ายรถเมล์
ความฝัน.. กับเส้นทางฝันที่แตกต่าง
Everyone Every dreams
street
11
ป้ายรถเมล์
Runway
ฟ้า กรกนก เกียรติสมวงศ์ ค�ำว่า ถนน ส�ำหรับเราคงจะเป็นเส้นทางชีวิต ละมั่ง เป็นเส้นทางมุ่งไปสู่เป้าหมาย เพราะ เวลาเราจะไปไหนมาไหนซักที่ เราก็ต้องเดิน ทางไปตามเส้นทางบนถนน
ปุ ้ย จุ ฑามาศ โพธิ์บอน เวลามองเห็นถนนพี่มักจะมองเห็นพ่อ แม่นะ เห็นเงินของพ่อแม่ที่ปู ให้เรา เดินไป เพราะทางที่พี่เดินอยู่ทุกวันนี้ก็ รู้สึกว่าเดินเหยียบอยู่บนเงินของพ่อแม่
street
12
ป้ายรถเมล์
เต้ ธันวา ศรีสุภาพ ถนนของผมเป็นถนนเส้นใหญ่ ถ้าเปรียบคง เป็นเส้นทางหลัก เป็นถนนของกรทางหลวง ก็ เพราะมีคนปูทางไว้แล้วเราก็แค่ท�ำหน้าที่เดิน ไปตามทาง อุปสรรคคงจะมีแค่ช่วงรถติด
เฟลม รชนีกร ใหม่คามิ ถนนก็คงจะเป็นเขาวงกตนะส�ำหรับเรา เป็น เส้นทางที่สามารถเดินไปได้เรื่อยๆ มีทางเลี้ยง คดเคี้ยวมากมาย บางครั้งถนนก็ท�ำให้เราเดิน วนกลับไปที่จุดเริ่มต้นโดยไม่รู้ตัว
street street
13
ป้ป้าายรถเมล์ ยรถเมล์
Route film
“เธอคือสัญลักษณ์ของกลุ่มกบฏ” ค�ำกล่าวของ พลูทาร์ช เฮฟเว่นส์บี เป็นประโยค ที่พูดถึงแคทนิส เอเวอร์ดีน สาวน้อยที่เขาต้องการให้เธอมาเป็น ผู ้น�ำของกลุ่มกบฏในฐานะม็อคกิ้งเจย์ – เดอะ ฮังเกอร์เกมส์ ภาพยนตร์ โดย ฟรานซิ ส ลอว์เรนซ์ เป็นภาพยนตร์ท่ีเล่าถึงความโหดร้ายในยุ คดิสโทเปี ย และการต่อสู้เพื่อปลดแอกจากการใช้อ�ำนาจอันป่ าเถื่อนจากเผด็จการ พล็อตเรื่องแนวการ “ต่อต้าน” ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ภาพยนตร์ย้อนยุคจ�ำนวนมากมัก กล่าวถึงการต่อต้าน การยึดอ�ำนาจ ในยุคก่อนอาจจะเป็นประชาชนต่อต้านกษัตริย์ที่ไม่เที่ยง ธรรม แต่ปัจจุบันก็อาจมีการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยเพื่อให้มีความเป็นปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ เดอะ ฮังเกอร์เกมส์ ม๊อคกิ้งเจย์ พาร์ท วัน ก็ได้ท�ำให้เรา รู้ว่าอิทธิพลผู้น�ำ ผู้ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง เมื่อถูกสื่อถ่ายทอดออกไปเพียง แค่คลิปวีดีโอก็สามารถปลุกระดม ท�ำให้ผู้ที่คิดต่อต้านลุกขึ้นมาต่อสู้ ตามค�ำ นิยามที่ว่าแม้ว่าจะต้องสูญเสียแต่ก็ยังดีกว่าถูกกดขี่ เป็นเหมือน แค่ประกายความฝันที่จะพาตนเองออกจากระบอบ ของความไม่ยุติธรรม เรื่อง : The Hunger Games Mockingjay Part 1 ผู้ก�ำกับ : ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ เรื่องโดย : ซูซาน คอลลินส์ ประเภท : Action, Adventure, Sci-Fi street street
14
ป้ป้าายรถเมล์ ยรถเมล์
Book review
บางครัง้ ชี วิตก็ลากจู งเราเข้าไปสู่เวลาที่ชวนคอแห้ง แห้งมากเข้าก็ลามมาถึงใจ อยากได้ครีมบ�ำรุ งซั กหลอด มาทาถูนมข้างซ้ายให้ความชุ่ มชื้ นของหัวใจกลับคืนมาอีกครัง้ บางครัง้ เรา ก็ผ่านเข้าไปยังทะเลทรายของชี วิต ร้อน แล้ง แห้ง ทรมาน มองไป ข้างหน้าก็เจอแต่ความเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาไม่เห็นว่า สุดอาณาเขตของมันอยู ่ท่ีไหน ห้า หกบรรทัดบนคือบทบรรยายเปิดเรื่องของนิ้วกลมที่อยู่ในหนังสือแอ่งน�้ำกลางทะเล ทราย หนังสือเล่มนี้รวบรวมเรื่องราวจากหนังสือต่างๆ ที่ให้ข้อคิดมารวบรวม ทั้งการเดิน ทางตามหาความสุข การพบเจอกับเพื่อนร่วมทางที่วิเศษ การพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคน แปลกหน้าที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน และเรื่องราวของการสูญเสียเมื่อคุณจะรู้สึกอย่าง แอ่งน�้ำในหนังสือเล่มนี้จะบอกกล่าวเรื่องราวของมิตรภาพ ท�ำให้คุณยังคิดได้ว่า รอบตัวเรา โลกของเรายังน่าอยู่ เพื่อนร่วมโลกยังน่ารัก และคอยเป็น แอ่งน�้ำส�ำหรับผู้ที่หยิบหนังสือเล่มเล็กนี้ขึ้นมาอ่าน
เรื่อง : แอ่งน�้ำกลางทะเลทราย ผู้แต่ง : นิ้วกลม ประเภท : ความเรียง ส�ำนักพิมพ์ : ส�ำนักพิมพ์มติชน street
15
ป้ายรถเมล์
L i f o St n e re et
STREET
Dream Succeed Life
นิตยสารฝึ กปฏิบัติ สาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม