คู่มือ จัดกระบวนการและกิจกรรมเพื่อพัฒนาเยาวชนรู้เท่าทันสื่อ Learning towa s s e c rd M Pro ed
ia L
คิรู้เท่ดาอ่รูา้ทนัน
itera
งขล
า
cy
กลุ่ม
มา นมี
สื่อ
ส ่ ื อ ส านะ ัน และเครอื ข่ายครูเท่าท
“Successful media education results not so much from what is taught as how it is taught”
Chris Worsnop Screening Image : Ideas for Media Education
คิดอ่าน
รู้เท่า รู้ทัน
สื่อ
คู่มือจัดกระบวนการ และกิจกรรมเพื่อพัฒนาเยาวชนรู้เท่าทันสื่อ เรียบเรียงและเขียนโดย โตมร อภิวันทนากร ISBN: 978-616-7309-07-1 พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2550 พิมพ์ครั้งที่ 2 ตุลาคม 2552 จำนวน 1,000 เล่ม ออกแบบปก/รูปเล่ม สำนักพิมพ์ ปินโต พับลิชชิ่ง โทรศัพท์ 0–2884-5174 พัฒนาโดย กลุ่มมานีมานะ และ เครือข่ายครูแกนนำเท่าทันสื่อสงขลา ผลิตภายใต้การดำเนินงานโครงการเยาวชนเท่าทันสื่อ (ปีที่ 2) สนับสนุนการพิมพ์โดย แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ใน ยุคสมัยที่โลกถูกเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยเทคโนโลยี
และระบบทุนนิยมมีผลกระทบกับทุกพื้นที่ สื่อเป็นเครื่องมือหลักและถูกใช้ อย่างทรงพลัง ด้วยเหตุผลที่เราถูกทำให้เข้าใจว่า “ก้าวหน้าทันสมัย” และคน ส่วนใหญ่ยอมรับและคล้อยตามด้วยความ “อยากมีชีวิตที่สะดวกสบาย” โดยไม่ตั้งคำถามใดๆ เด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มหลักที่ถูกเชื้อเชิญให้ได้สัมผัสความก้าวหน้า ทันสมัยเพือ่ มีชวี ติ ทีส่ ะดวกสบายดังกล่าว เนือ่ งด้วยมีอำนาจในการใช้จา่ ยสูง หากครอบครัวใดบ่มเพาะความคิดวิจารณญาณ นิสัยประหยัดใช้จ่ายตาม ความจำเป็น ก็ถือเป็นความโชคดีของตัวเด็กและเยาวชนคนนั้น แต่หากถาม ถึงในระดับสังคมของเด็กและเยาวชนว่า “เกิดการรู้เท่าทันสื่อ และไม่ตกเป็น เหยื่อของบริโภคนิยมหรือไม่” ยังเป็นคำถามตัวใหญ่ที่ยังต้องช่วยกันทำงาน กันต่อไป คู่มือ “คิดอ่าน รู้เท่า รู้ทัน สื่อ” เล่มนี้เขียนและรวบรวมจากบทเรียน ประสบการณ์ภายใต้การทำงานของโครงการเยาวชนเท่าทันสือ่ ช่วงปี พ.ศ. 25502551 มีความคาดหวังที่จะช่วยสร้างคำตอบที่พึงประสงค์ต่อคำถามตัวใหญ่นี้
และเพือ่ นำเสนอวิธกี ารพัฒนาให้เด็กและเยาวชนของเรามีวจิ ารณญาณ ทัง้ วิธกี ารเล็กๆ ในลักษณะกิจกรรมฝึกคิดอ่าน และกิจกรรมปฏิบัติการ (อย่างเป็นกระบวนการ) ในการกระตุ้นสังคมของเด็กและเยาวชนเองให้รู้เท่าทันสื่อ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้จัด กิจกรรมฝึกอบรม ครู นักกิจกรรม แม้กระทั่งเยาวชนตัวโตที่จะจัดกิจกรรมค่าย ให้กับเด็กในโรงเรียนหรือชุมชนของตนเอง
แต่ทง้ั นีท้ ง้ั นัน้ คูม่ อื เล่มนีก้ ไ็ ม่ใช่ยาวิเศษทีจ่ ะให้ผลเห็นทันตาหลังนำไปใช้ แต่เป็นวัคซีนที่พอจะคาดหวังได้ จะเห็นผลชัดเจนเมื่อทำปฏิกิริยากับสื่อที่ กระตุน้ ให้เกิดความอยาก วัคซีนเข็มนีย้ งั มีคณ ุ ส่งผลต่อความคิดความอ่านให้ เติบโตสอดรับกับวัย ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีปัจจัยสนับสนุนอย่างผู้ ใหญ่ ขอขอบพระคุณในนามผู้เขียนและนามเครือข่ายครูรู้เท่าทันสื่อสงขลา ไปยังบุคคลทีม่ สี ว่ นในการผลักดัน สนับสนุน ให้กำลังใจในการดำเนินการจัดทำ คู่มือเล่มนี้ได้โดยสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปรึกษาทั้ง 3 ท่าน คุณพฤหัส พหลกุลบุตร จากมูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม) คุณพรรณิภา โสตถิพันธุ์ จากสงขลาฟอรั่ม และคุณบัญชร วิเชียรศรี จากสถานีวิทยุกระจายเสียง ม. สงขลานครินทร์ FM 88.0 Mhz ขอบคุณหน่วยงาน องค์กรที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ อันได้แก่ สำนักงาน เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาสงขลาเขต 1 เขต 2 และเขต 3 เครือข่ายครอบครัวเข้มแข็ง จังหวัดสงขลา สถานีวิทยุกระจายเสียง ม.สงขลานครินทร์ FM 88.0 Mhz และที่สำคัญขอบคุณเครือข่ายเยาวชนเพื่อการพัฒนาที่ให้กำลังใจกัน ตลอดเวลา และทำให้รู้ว่า กลุ่มเล็กๆ คือพลังและความงามในการสร้างการ เปลี่ยนแปลง ผูเ้ ขียนหวังว่า นอกเหนือจากเยาวชนและครูแกนนำทีไ่ ด้เข้าร่วมฝึกอบรม กับโครงการเยาวชนเท่าทันสื่อแล้ว คู่มือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ ศึกษาและทดลองประยุกต์ ใช้กระบวนการและกิจกรรมการรู้เท่าทันสื่อนี้กับ กลุ่มต่างๆ ต่อไป
คูม่ อื
เล่มนีเ้ ขียนและรวบรวมจากข้อค้นพบจากการจัดกระบวนการกับ เยาวชนให้รู้เท่าทันสื่อ ซึ่งได้สกัดเรียบเรียงเป็นแนวทางและขั้นตอนของการ ปฏิบัติที่นำไปสู่เป้าหมายเพื่อพัฒนาวิจารณญาณของเยาวชน ทั้งกระบวน การเรียนรู้และกิจกรรมที่ปรากฏในคู่มือเล่มนี้ มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ศักยภาพทางความคิดและทักษะปฏิบัติการโดยที่เยาวชนไม่ได้เป็นผู้เรียนรู้ และปฏิบตั กิ ารแต่เพียงลำพัง แต่เป็นการร่วมมือกันระหว่างผู้ ใหญ่และเยาวชน ที่มีเงื่อนไขและปัจจัยของผู้จัดการเรียนรู้ดังนี้ • เป็นผู้ที่ตระหนักว่าความคิดและประสบการณ์ของเยาวชนเป็นพื้นฐาน สำคัญ ทีจ่ ะพัฒนาระบบความคิดและวิจารณญาณ ฉะนัน้ ในการเรียนรูเ้ ท่าทัน สือ่ เราควร “ฟังอย่างจริงจัง” ในความคิดและประสบการณ์ของเยาวชนเสมือน เป็นการเรียนรู้จากเยาวชน • สิ่งที่ควรพึงระวังอย่างที่สุดคือการตัดสินความคิดของเยาวชนว่า ถูกผิด ใช่-ไม่ใช่ ดี-แย่ ฯลฯ เพราะนัน่ คือการนำกรอบประสบการณ์และโลกทัศน์ ของตนเองไปประเมินคุณค่าของเยาวชน ซึ่งไม่เป็นการช่วยให้เยาวชน
มีความมั่นใจและเห็นคุณค่าในความคิดของตนเอง สิ่งที่ควรสนใจจริงๆ คือการใช้เหตุผลประกอบความคิด มากกว่าการประเมินตัดสินความคิด นัน้ ฉะนัน้ หากเยาวชนมีความคิดเห็นทีแ่ ตกต่างจากเราอย่างมีเหตุผลนัน่ เป็น สิ่งที่น่าชื่นชมกว่าการพยายามตอบเพื่อเอาใจ • หากนำสื่อที่อยู่ในวิถีชีวิตของเยาวชนมาเป็นกรณีเรียนรู้เพื่อเท่าทัน จะเป็นการช่วยเสริมให้เป้าหมายของกระบวนการและกิจกรรมบรรลุได้ดยี ง่ิ ขึน้ เพราะการเรี ย นรู้ เ ท่ า ทั น สื่ อ นี้ เ ป็ น การเรี ย นรู้ ที่ มี ค วามหมายกั บ ชี วิ ต ของ เยาวชนเอง • การนำกิจกรรมในคู่มือนี้มาใช้เป็นครั้งๆ อาจไม่เพียงพอต่อการให้ เยาวชนรูเ้ ท่าทัน ขอเสนอให้มีการจัดการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง เนื่องจากสิ่งที่ควร ฝึกฝนจนเกิดวิจารณญาณของผู้เรียนคือ การคิดวิเคราะห์ การประเมินค่า การใช้เหตุผล การเคารพความคิดทีแ่ ตกต่าง และตระหนักในอัตลักษณ์ตนเอง ซึ่งไม่สามารถฝึกกันได้เพียงครั้งสองครั้ง • การนำกระบวนการและกิจกรรมไปใช้นั้นควรกำหนดวัตถุประสงค์ ปลายทางอย่างชัดเจน เพื่อการออกแบบและนำกิจกรรมมาประยุกต์ ให้ เหมาะสม
คำนำ คำอธิบายการใช้คู่มือ สารบัญ
3 5 7
ภาคที่หนึ่ง แนวคิดสำคัญของการสร้างการรู้เท่าทันสื่อ
9
ทำไมต้อง “สอน” ให้ “เท่าทันสื่อ” อะไรคือการรู้เท่าทันสื่อ ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อเพื่อการรู้เท่าทัน สอนอย่างไรให้เท่าทันสื่อ แกนความคิดหลักของการเรียนรู้เท่าทันสื่อ ระดับความสามารถในการคิดอ่านสื่อ ความสำเร็จของการจัดการเรียนรู้ ให้เยาวชนเท่าทันสื่อ
11 13 16 18 24 25
ภาคที่สอง กระบวนการและชุดกิจกรรมการรู้เท่าทันสื่อ แนวคิดของกระบวนการและชุดกิจกรรมสร้างการรู้เท่าทันสื่อ กระบวนการเรียนรู้สร้างการเรียนรู้เท่าทันสื่อ ชุดกิจกรรมเรียนรู้สร้างการเรียนรู้เท่าทันสื่อ กิจกรรมที่ 1– กิจกรรมที่ 14
29 31 38 40
เอกสารอ้างอิง รายชื่อผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาคู่มือฉบับนี้ แนะนำโครงการเยาวชนเท่าทันสื่อ ข้อมูลองค์กร กลุ่มมานีมานะ
82 83 86 88
ภาคที่หนึ่ง แนวคิดสำคัญ
ของการสรางการร�เทาทันสื่อ
·ÓäมµŒÍง “Ê͹” ãËŒ “෋ҷѹÊ×èÍ” เด็ ก และเยาวชนของเราอยู่ ท่ า มกลางกระแสโลกาภิ วั ต น์ ที่ เ ต็ ม ไป
ด้ ว ยข่ า วสารที่ เ สรี โดยปราศจากการขวางกั้ น ก็ จ ริ ง แต่ ป ระเด็ น ที่ น่ า คิ ด คื อ “เสรีภาพของสื่อและข้อมูลข่าวสาร” ชนิดไร้พรมแดนนี้ เอื้อประโยชน์ต่อใครกันแน่ เพราะในกระแสโลกาภิวัตน์ที่เชี่ยวกรากนี้ ปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็ก ผู้รับสารที่ไม่รู้ เท่าทันสือ่ ไม่รจู้ กั พิจารณาแยกแยะเลือกรับข่าวสารด้วยสติปญ ั ญา ย่อมตกเป็นทาส ของความคิด ความรู้ที่พรั่งพรูมาจากผู้ผลิตสื่อและเป็นผู้พร้อมรับวัฒนธรรมการใช้ ชีวิตที่จมอยู่ในกระแสทุนนิยม เช่น การนิยมบริโภคอาหารจานด่วน (Fast Food) การนิยมแฟชัน่ โปเปลือย การนิยมความหรูหราฟุง้ เฟ้อ การใช้สนิ ค้าและบริการต่างๆ อย่างฟุม่ เฟอย การนิยมเสพสิง่ เสพติดให้โทษ การนิยมเลียนแบบดาราหรือบุคคลที่ มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย ฯลฯ เสรีภาพไร้พรมแดนของสื่อกำลังจะกลืนกินความ ดีงามของเราและบ่อนทำลายปัญญาของเยาวชนโดยอ้างเหตุแห่งความถูกต้องตาม สมัยนิยม สถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เทคโนโลยีการสื่อสารถูกพัฒนาก้าวหน้าไปอย่าง รวดเร็วและขยายวงกว้างอย่างมีอัตราเร่ง (Hyperconnected) เช่น เมื่อ 10 ปีก่อน ประชากรครึ่งโลกยังไม่มีโทรศัพท์พื้นฐาน แต่ปัจจุบันคาดการณ์ว่าในปี 2010 ประชากรโลกจำนวน 80% จะมี โ ทรศั พ ท์ มื อ ถื อ ซึ่ ง ปรากฏการณ์ นี้ ท ำให้ ประชากรโลกถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันโดยปริยาย เมื่อโลกทั้งใบถูกเชื่อมต่อกันด้วย เทคโนโลยีการสื่อสารเช่นนี้ การทำสำเนาหรือการเลียนแบบกันเพิ่มขึ้นรวดเร็วและ ขยายวงกว้างอย่างมีอัตราเร่งเช่นกัน (Hypermimesis) สุดท้ายเรากลายเป็น 9 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ผู้บริโภคสื่อและผู้ส่งสารในเวลาเดียวกันอย่างไร้การควบคุมทั้งอาณาบริเวณและ ประเภทเนื้อหา คำถามคือ “เมื่อเราเป็นผู้หนึ่งในการรับและส่งข้อมูลในเวลาเดียว กันนี้ และสื่อเป็นปัจจัยหนึ่งของการใช้ชีวิต เราจะรู้เท่าทันความคิด เจตนา นัยยะ และผลที่เกิดขึ้นตามมาจากการเสพใช้สื่อนั้นได้อย่างไร” เวลาไม่น้อยในชีวิตประจำวันของเด็กและเยาวชนหมดไปกับสื่อ การรู้เรื่อง
สื่อนอกจากจะทำให้เราทันสมัย รู้จักวิเคราะห์แยกแยะประเด็นข้อเท็จจริงออกจาก ความคิดเห็นหรือสีสันที่ปรุงแต่งลงในสื่อแล้ว ยังช่วยให้เข้าใจสื่ออย่างที่สื่อเป็น โดยไม่ตกอยู่ในฐานะผู้ถูกกระทำจากสื่อโดยไม่รู้ตัวทั้งยังรู้เท่าทันเกม รู้เล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิงและเจตนาของกลุ่มอำนาจหรือกลุ่มผลประโยชน์ ในสังคม การเรียนรู้เพื่อการรู้เท่าทันสื่อ นอกจากจะสร้างความตระหนักและทักษะ ที่เป็นภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ ใช้การแสดง ออกทางความคิดอย่างมีเหตุมีผลต่อเรื่องราวต่างๆ ที่สื่อส่งมายังสาธารณะ ซึ่งการ แสดงออกทางความคิดอย่างมีเหตุมีผลนี้ เป็นคุณลักษณะที่สำคัญของพลเมือง ในสังคมประชาธิปไตยที่มีวิจารณญาณ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องสร้างให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันสื่อ เกิดทักษะที่จำเป็น สำหรับการใช้ชีวิตอย่างรู้เท่าทันสิ่งต่างๆ ในโลกที่ซับซ้อนและไร้ระเบียบมากขึ้น ทุกวัน เพื่อให้เด็กและเยาวชนของเราเติบโตอย่างมีความสุข โดย “รู้เท่าทัน” มิใช่ สุขอย่างไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็น “เหยื่อ” ซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่ปรารถนาที่จะตกอยู่ ในภาวะเช่นนั้น
ÍÐää×Í¡ÒÃÃٌ෋ҷѹÊ×èÍ การ
รู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) คือ สภาวะที่เกิดจากความสามารถของ บุคคลในการวิเคราะห์ความหมายของเนือ้ ความ และประเมินคุณค่าและเจตนาทีส่ อื่ นำเสนอ ผ่านเทคนิควิธีการต่างๆ การรูเ้ ท่าทันสือ่ (Media Literacy) จึงเป็นการพัฒนาความคิดอ่านและปัญญา ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือ การสร้างการรับรู้สื่ออย่างมีวิจารณญาณ สามารถแยกแยะ ความคิดเห็นออกจากความจริง สามารถตัดสินใจในสิ่งที่สื่อนำเสนอได้อย่าง เทีย่ งตรง เป็นผูร้ บั สือ่ ทีม่ พี ลังอำนาจและกระตือรือร้น คือไม่ยอมรับอิทธิพลสือ่ โดยดุษณี และไม่ตัดสินว่าสื่อเป็นสิ่งอันตราย แต่เป็นผู้รับสื่อและใช้สื่อที่มีจุดยืนทางสังคม เข้าใจตนเอง เข้าใจสังคม เข้าใจสิ่งที่สื่อนำเสนอ สามารถมีส่วนร่วมตอบโต้หรือ แสดงความคิดเห็นต่อสื่อด้วยวิธีการต่างๆ ที่เหมาะสมได้ ทั้งนี้ภาวะของการรู้เท่าทันสื่อ ก็เป็นผลจากกระบวนการเรียนรู้และฝึกฝนจน เกิดเป็นทักษะความสามารถในการคิดอ่านนัยยะความหมายทีอ่ ยูใ่ นสือ่ รวมไปถึงมี สายตาที่เห็นเจตนาที่อยูเ่ บือ้ งหลังของการสือ่ สารนัน้ ๆ ซึ่งการเรียนรู้และฝึกฝนให้รู้ เท่าทันสื่อนี้ ...ไม่ใช่เพื่อมุ่งทำลายสื่อ ถึงแม้ว่าการรู้เท่าทันสื่อจะมีการคิดเชิงวิจารณ์เป็น ทักษะที่เกี่ยวข้องอยู่บ่อยๆ ก็ตาม ...ไม่ใช่เพื่อผลิตสื่อ แต่การผลิตสื่อเป็นทักษะหนึ่งที่จะฝึกฝนให้รู้เท่าทัน
11 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
...ไม่ใช่เพียงนำสือ่ วิดโี อ อินเทอร์เน็ต หรือเนือ้ หาสาระของสือ่ เข้าสูห่ อ้ งเรียน แต่ต้องเป็นไปเพื่อค้นหาธรรมชาติและอิทธิพลของสื่อต่อวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ของเรา ...ไม่ใช่เป็นเพียงการค้นหาวาระทางการเมือง ทัศนคติเหมารวมตายตัว หรือ สิง่ ทีส่ อ่ื ไม่ได้นำเสนอ แต่ควรจะรวมไปถึงการสำรวจระบบทีส่ อ่ื ถูกผลิตและนำเสนอ ออกมา ...ไม่ใช่เป็นการวิเคราะห์เนือ้ หาทีเ่ กิดจากเพียงมุมมองเดียว เพราะสือ่ ควรถูก ตรวจสอบโดยสมาชิกจากหลากหลายกลุ่มที่อยู่ร่วมกันในสังคม และไม่ ใช่การ “ปฏิเสธปิดรับสื่อ” แต่เป็นการ “เสพสื่ออย่างระมัดระวัง เสพสื่ออย่างมีวิจารณญาณ เสพสื่อในฐานะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคม”
12 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ความเข้าใจเบื้องต้น
เกี่ยวกับสื่อเพื่อการรู้เท่าทัน ลักษณะ
สำคัญของสื่อ อันเป็นหลักเบื้องต้นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ในกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้เกิดภาวะเท่าทันสื่อ มีดังนี้
ธรรมชาติของสื่อ
สื่อทั้งหลายล้วนแต่เป็นการประกอบสร้าง (All media are constructions.) ข้อนี้ถือว่าเป็นแนวคิดที่มีความสำคัญมากที่สุด ตามแนวคิดนี้สื่อไม่ได้สะท้อน เรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา แต่ทว่าสื่อถูกมนุษย์สร้างขึ้นอย่างประณีตด้วยเทคนิค ทางการผลิตสื่อ ฉะนั้นวิธีการทำให้รู้เท่าทันสื่อก็คือการรื้อถอน (Deconstructing) องค์ประกอบของสือ่ นัน้ ออกมาดูวา่ แต่ละส่วนประกอบนัน้ ส่งผลอย่างไรต่อผูช้ มบ้าง เพื่อให้เห็นเป้าหมายและเจตนาที่แท้จริงของสื่อ สื่อสร้างภาพความจริง (The media construct reality.) การที่พวกเรามี ภาพต่างๆ หรือเข้าใจสิง่ ต่างๆ ในโลกนัน้ เป็นเพราะเราได้เห็นสิง่ เหล่านัน้ จากสือ่ ซึง่ ถูกสร้างขึน้ โดยมีการตีความและสรุปเอาไว้แล้ว ดังนัน้ สือ่ จึงมีอทิ ธิพลอย่างกว้างขวาง ต่อการกล่อมเกลาความรู้สึกและค่านิยมทางสังคมของเรา แต่ทว่าภาพความจริง (Reality) ที่สื่อนำเสนอนั้น อาจจะเป็นคนละอย่างกับข้อเท็จจริง (Fact) ก็ได้
13 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ตัวผู้รับสาร
สือ่ แต่ละชนิดจะกำหนดผูร้ บั สารอย่างชัดเจน (Target Audience) ในขัน้ ตอน กระบวนการผลิตสื่อได้มีการเลือกสรรแล้วว่า จะสื่อสารกับคนกลุ่มใด ดังนั้นกลุ่ม เป้าหมายของสื่อจะถูกวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง จนได้ภาพที่ชัดเจนที่สุดก่อนจะผลิต และนำเสนอ เพื่อให้ผลจากการเสพสื่อเป็นไปตามที่คาดหวัง ผูร้ บั สารสามารถต่อรองความหมายของสือ่ (Audiences negotiate meaning in media.) ไม่ว่าสื่อจะถ่ายทอดภาพใดออกมาก็ตาม ผู้รับสารจะมีภาพในใจของ ตนเองอยู่แล้วก่อนที่จะรับภาพหรือความหมายต่างๆ จากสื่อซึ่งเป็นกระบวนการ “ต่อรอง” ความหมาย ทั้งนี้กระบวนการดังกล่าวขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัว ความพึงพอใจ ปัญหาทีเ่ ผชิญในแต่ละวัน เชือ้ ชาติ เพศ วัฒนธรรม จุดยืนทางศีลธรรม และปัจจัยอื่นๆ สารมีนัยของธุรกิจแอบแฝงอยู่ (Media messages have commercial implications) การผลิตสื่อส่วนใหญ่คือธุรกิจการค้า และเนื่องจากเงื่อนไขทางธุรกิจ คือตัวกำหนดเนื้อหา กระบวนการเรียนรู้เท่าทันสื่อจึงมุ่งสนับสนุนให้ผู้รับสาร พิจารณาถึงอิทธิพลทางการค้าที่มีอยู่ในสื่อ และพิจารณาว่ามันถูกนำเสนอเผยแพร่ ออกไปโดยใคร อย่างไร จุดประสงค์หลักคืออะไร และมีความต้องการอื่นใดอีก ที่แฝงเร้นอยู่ สารในสื่อเต็มไปด้วยอุดมการณ์และค่านิยม (Media messages contain ideological and value messages.) สื่อทุกสื่อล้วนนำเสนอวิถีการดำเนินชีวิตและ คุณค่า เช่น สื่อกระแสหลักมักจะถ่ายทอดค่านิยม ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เกี่ยวกับชีวิตที่ดีและบริโภคนิยม บทบาทสตรี (เช่น การเป็นกุลสตรี การยอมรับใน อำนาจต่างๆ และค่านิยมชายเป็นใหญ่ โดยอาจไม่ตั้งคำถามใดๆ ต่อกับค่านิยม เหล่านี้เลย มีนัยทางการเมืองและสังคมในสื่อ (Media messages contain social and political implications.) สือ่ มีอทิ ธิพลสูงมากในทางการเมือง และสามารถทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น โทรทัศน์อาจมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อการ 14 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
เลือกตัง้ และภาพพจน์ของผูส้ มัครรับเลือกตัง้ สือ่ ยังได้ดงึ เราเข้ามาเกีย่ วข้องกับการ ตระหนักถึงสิทธิของพลเมือง การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ทำให้เราตระหนักถึง ประเด็นระดับชาติและเหตุการณ์ต่างๆ ในโลก จนกลายเป็นโลกที่เรียกว่า “Global villages” รูปแบบและเนือ้ หาของสือ่ มีความเกีย่ วข้องสัมพันธ์กบั ความหมายทีถ่ า่ ยทอด (Form and content are closely related in media messages.) สื่อแต่ละประเภท จะมีไวยากรณ์และรหัสการสื่อสารในแบบฉบับของตนเอง สื่อแต่ละชนิดมีวิธีการ เฉพาะตัวในการสร้างความจริงให้ผู้รับสื่อเข้าใจ เช่น หนังสือพิมพ์ก็ใช้ภาษาเขียน ภาพนิง่ ช่องว่าง และสี โทรทัศน์ ใช้ภาพเคลือ่ นไหว มุมกล้อง สี แสง ฉาก การแสดง แม้วา่ เราจะใช้สอื่ ต่างชนิดเพือ่ สือ่ สารเรือ่ งเดียวกัน แต่ความหมายทีอ่ อกมานัน้ ย่อม แตกต่างกันในแต่ละสื่อ สื่อแต่ละชนิดมีรูปแบบทางสุนทรียศาสตร์ที่ต่างกันไป (Each media has a unique aesthetic form.) การรูเ้ ท่าทันสือ่ มิได้หมายความแต่เพียงการดูความหมาย ของสารและนัยยะต่างๆ ทีอ่ ยูใ่ นสังคมและวัฒนธรรมของเรา แต่ยงั หมายถึงการรูจ้ กั ชื่นชมกับสุนทรียศาสตร์ต่างๆ ที่ปรากฏในสื่อได้อีกด้วย
15 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
Ê͹Íย‹ÒงäÃãˌ෋ҷѹÊ×èÍ ฝึกนิสัยการสังเกตและตั้งคำถามกับสื่อ การสร้างนิสยั ช่างสังเกตและตัง้ คำถาม เป็นสิง่ ทีค่ วรฝึกฝน ให้เกิดขึ้นกับเยาวชน เพื่อพัฒนาเป็นนักสงสัยที่จะนำไปสู่การค้นหาคำตอบ การตั้ ง คำถามกับสื่อจะเป็นบันไดขั้ น แรกของการพิ จ ารณาถึ ง สิ่ ง ที่ สื่ อ นำเสนอ เราควรสนับสนุนให้เด็ก “เอะ!… ก่อนแล้วค่อย ออ…” ให้เกิดความรู้สึกสงสัย ในสือ่ แล้ววิเคราะห์ ประเมินหาคำตอบก่อนทีจ่ ะเชือ่ และคล้อยตาม นอกจากนีก้ ารฝึก ให้เกิดนิสัยตั้งคำถามยังช่วยให้คุ้นกับการใช้สติเผชิญหน้ากับสื่อที่จู่โจมตลอดเวลา อันเป็นการฝึกนิสยั พืน้ ฐานให้รจู้ กั ระมัดระวังและเท่าทันสิง่ ต่างๆ ทีผ่ า่ นเข้ามาในชีวติ
วิเคราะห์สื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ในการตีความสื่อ เด็กแต่ละคนจะใช้ประสบการณ์ที่ได้สั่งสมและเรียนรู้มา เป็นสำคัญ มุมมองและความเข้าใจทีแ่ ตกต่างหลากหลายตามประสบการณ์ทสี่ งั่ สม ของเด็กนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในกระบวนการสำหรับ การเรียนรู้วิเคราะห์สื่อ ควรสนับสนุนให้เด็กแต่ละคนได้ ใช้ประสบการณ์ที่แตกต่าง กันในการแลกเปลี่ยน เพื่อให้ผลการวิเคราะห์สื่อมีความหลากหลายรอบด้าน และ เราในบทบาทผูจ้ ดั กระบวนการหรือผูส้ อนก็สามารถแลกเปลีย่ นประสบการณ์ ในมุม ที่แตกต่างกับเด็กได้เช่นกัน นอกจากนี้ กระบวนการวิเคราะห์แลกเปลี่ยนยังเป็นโอกาสส่งเสริมให้เด็ก ฝึกฝนเรื่องการ “ฟัง” อันเป็นหัวใจของการเรียนรู้ ยิ่งผู้สอนสามารถแนะนำวิธีการ 16 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ฟังอย่างลึกซึ้งแก่เด็กได้ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งส่งเสริมให้เด็กพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ ได้ดียิ่งขึ้น “เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย” ใช้เหตุใช้ผล ในทุกขัน้ ตอนของการอธิบาย แลกเปลีย่ น นำเสนอ หรือแสดงความเห็นต่างๆ การแลกเปลี่ยนและนำเสนอนั้นควรจะเป็นไปด้วยเหตุด้วยผล บรรยากาศของการ เรียนรู้ที่ใช้เหตุใช้ผลนี้จะส่งเสริมให้เกิดวุฒิภาวะขึ้นในตัวเด็ก ซึ่งกระบวนการ เหล่านีจ้ ะสามารถนำไปใช้เมือ่ ต้องเลือกบริโภคสินค้าและบริการในชีวติ ประจำวันได้ และที่ ส ำคั ญ คื อ การแสดงความเห็ น ต่ อ สื่ อ อย่ า งชั ด เจนว่ า “เห็ น ด้ ว ย” หรื อ “ไม่เห็นด้วย” พร้อมเหตุผล (ที่ไม่ใช่ความรู้สึก) ประกอบ ยังบ่งชี้ถึงความมี วิจารณญาณของเด็กอีกด้วย ประเมินเจตนาและคุณค่าสื่อ เป็นอีกหนึง่ ทักษะทีค่ วรฝึกฝนให้เกิดขึน้ เนือ่ งจากเด็กควรจะมองเห็น ประเมิน เจตนาและคุณค่าของสื่อได้ว่า “ที่สุดแล้วสื่อนี้มีเจตนาอะไร ต้องการและคาดหวัง ให้เราเกิดพฤติกรรมเช่นไร” (โดยใช้เหตุใช้ผลเช่นกัน อีกทั้งให้คุณค่าของสื่อนี้ว่า “มีคุณค่าในระดับใด” เพียงแค่ตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึก หรือให้ข้อมูลความรู้ ใหม่ๆ หรือสร้างความคิดให้แก่เราหรือทำให้จิตใจของเราสูงขึ้น เมื่อใดที่เด็กอ่าน เจตนาและประเมินค่าสื่อได้ นั่นก็คือสัญญาณบอกว่าเด็กของเรามีแนวโน้มที่จะ เท่าทัน
17 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แกน¤วาม¤ิดหลัก
ขÍงกาÃเÃียนÃู้เท่าทันส×่Í 5 แกนความคิดหลักในการเรียนรู้เท่าทันสื่อที่ควรยึดเป็นหลักในการจัดการเรียนรู้มีดังนี้ äม่มคี วามบังเอิญãนสือ่ มีแµ่ความจงãจของ¼ู¼้ ลิµ (All media messages are constructed.) สื่อãช้กลวิ¸ีµ่าง æ ทำãห้จดจำและเข้าãจµามที่สื่อµ้องการ (Media messages are constructed using a creative language with its own rules.) การแลกเ»ลี่Âนความคิดเหçนที่µ่างกัน ทำãห้เราอ่านสื่อขาด และรู้ทันมากÂิ่งขึéน (Different people experience the same media message differently.) มีค่านิÂมและทัÈนคµิแ½งมากับสื่อด้วÂ (Media have embedded values and points of view.)
เจµนาของสื่อคือ ¼ล»ระâÂชน และอำนาจ (Most media messages are organized to gain profit and/or power.)
แกนความคิด 1 ไม่มคี วามบังเอิญในสือ่ มีแต่ความจงใจของผูผ้ ลิต (All media messages are constructed.)
ความคิดรวบยอด
สื่อแต่ละประเภทที่เผยแพร่มายังเราให้ ได้เสพกันนั้น ล้วนผ่านกระบวน การผลิตที่มีการวางแผน คิดออกแบบ และเลือกสรร โดยใช้หลักจิตวิเคราะห์ หลักการตลาด การประเมินทัศนคติของสังคม และการทดสอบความแม่นยำใน การสื่อสาร เพื่อให้แน่ใจว่าสารที่อยู่ในสื่อนั้นสามารถตอบสนอง สร้างความสนใจ ประทับอยู่ในใจ และกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคสื่อได้ ฉะนั้นทุกสิ่งที่เรารับรู้ จากสื่ อ จึ ง เป็ น ความจงใจของผู้ ผ ลิ ต ที่ ต้ อ งการให้ สื่ อ นั้ น สร้ า งความรู้ สึ ก และ พฤติกรรมตามที่เจ้าของสื่อคาดหวัง นอกจากผู้ผลิตจะจงใจให้เราเข้าใจตามสารหรือเนื้อหาที่สื่อได้นำเสนอแล้ว ผู้ผลิตสื่อยังตั้งใจที่จะนำเสนอความจริงเพียงบางส่วน โดยสร้างความจริงเสมือน ให้ผู้บริโภคสื่อเกิดความเชื่อและคล้อยตาม แม้ความสำเร็จของสื่อนั้นต้องอาศัยสิ่ง ที่ดูเหมือนความจริง แต่ในความเป็นจริงไม่มีรายการไหนนำเสนอร้อยเปอร์เซ็นต์ ของความจริง แม้แต่รายการข่าวก็ตาม สิง่ ทีถ่ กู ประกอบสร้างขึน้ มาโดยคนกลุม่ เล็กๆ ทีเ่ รียกว่า “สือ่ ” นี้ จะกลายเป็น สิ่งที่คนส่วนใหญ่ที่เหลืออย่างพวกเรา (ผู้รับสื่อ) รู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ เหมือนๆ กับอากาศทีเ่ ราหายใจ เป็นสิง่ ยอมรับได้ และจะดำเนินไปโดยไม่มคี ำถามใดๆ ทั้งสิ้น แต่ในฐานะผู้รับสื่อ พวกเราไม่ต้องการเห็นหรือได้ยินถ้อยคำ ภาพ หรือการ จัดฉากทีไ่ ม่สามารถยอมรับได้ พวกเราต้องการดู ฟัง หรืออ่านสือ่ ทีส่ ามารถยอมรับ ได้เท่านั้น “ไม่มคี วามบังเอิญ มีแต่ความจงใจของผูผ้ ลิต” หัวข้อแกนความคิด 1 นี้ ไม่ได้มี เป้าหมายที่จะเยาะเย้ยหรือถากถาง แต่เป็นการเผยให้เห็นความซับซ้อนของสิ่ง ทีถ่ ูกประกอบสร้างขึน้ ทีเ่ รียกว่า “สื่อ” เพื่อนำไปสู่ความตระหนักและมีวิจารณญาณ เสมอเมื่อเสพสื่อ
19 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แกนความคิด 2 สื่อใช้กลวิธีต่าง ๆ ทำให้
จดจำและเข้าใจตามทีส่ อื่ ต้องการ (Media messages are constructed using a creative language with its own rules.)
ความคิดรวบยอด
สื่อแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็นรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ มีการใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไปตามกลวิธีและลีลาการนำเสนอ ของสื่อผ่านภาพ สี เสียง จังหวะ ซึ่งเป็นภาษาที่สื่อใช้ ในการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวให้ เราเกิดความรู้สึกคล้อยตามและจดจำ ภาษาและลีลาของสื่อจะทำให้ผู้รับสื่อเกิด อารมณ์และความรู้สึก ด้วยการเจาะเข้าไปถึงแก่นความรู้สึกที่ลึกที่สุดในใจซึ่งอยู่ เหนือความคิดแบบมีเหตุผล จนกระทั่งเราเกิดความเข้าใจและเชื่อตามที่สื่อนั้น ต้องการ สำหรับผู้รับสื่อแล้ว การเข้าใจกลวิธีและอ่านออกถึงลีลาการนำเสนอที่สื่อใช้ นัน้ เปรียบเสมือนเรารูจ้ กั กระบวนท่าทีใ่ ช้ ในการสือ่ สารมายังเรา ซึง่ มีนยั ยะทีส่ มั พันธ์ กับเจตนาและเป้าหมายที่สื่อนั้นต้องการ และการพิจารณาในรายละเอียดเทคนิค ของการผลิต ก็ทำให้เห็นภาษาและใจความที่สื่อนั้นต้องการบอกกับเราได้อย่าง ชัดเจนยิ่งขึ้น ฉะนั้นความเข้าใจถึงเทคนิควิธีต่างๆ ในการสื่อสารจะช่วยให้เรามี กรอบเพือ่ วิเคราะห์และอ่านความหมายของสือ่ นัน้ ๆ ได้ และจำเป็นต้องฝึกฝนให้การ มองอย่างวิเคราะห์ ในรายละเอียดของสื่อนี้เกิดเป็นนิสัยประจำตัว เพื่อพัฒนาเป็น ความสามารถในการค้นหาความหมาย และทำความเข้าใจต่อสิ่งที่สื่อกำลังกระทำ มายังเรา
20 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แกนความคิด 3 การแลกเปลีย่ นความคิดเห็นทีต่ า่ งกัน ทำให้เรา อ่านสือ่ ขาดและรูท้ นั มากยิง่ ขึน้ (Different people experience the same media message differently.)
ความคิดรวบยอด
ผู้บริโภคสื่อแต่ละคนมีรูปแบบการดำเนินชีวิต ประสบการณ์ อายุ เพศ การศึกษา วัฒนธรรมทีแ่ ตกต่างกัน เหล่านีจ้ งึ ทำให้การตีความเนือ้ หาของสือ่ ตัวเดียว กันแตกต่างกันได้ เช่น ผูท้ เ่ี คยใช้ชวี ติ อยูใ่ นพืน้ ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะมีความ รูส้ กึ ร่วมกับการนำเสนอข่าวสารหรือภาพยนตร์ทม่ี เี รือ่ งราวดังกล่าวมากกว่าผูช้ มคน อื่นๆ หรือผู้ปกครองกับบุตรหลานที่ชมรายการโทรทัศน์รายการเดียวกันก็จะมี ความคิด ความรู้สึกต่อรายการดังกล่าวต่างกัน การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนพื้นฐานประสบการณ์หลากหลาย ทำให้เห็น มุมมองทีก่ ว้างขวางรอบด้านขึน้ อันเป็นจุดแข็งของการคิดวิเคราะห์รว่ มกัน การแลก เปลี่ยนความคิดเห็นเปรียบเสมือนการช่วยกันมองวัตถุชิ้นหนึ่งที่ผู้สังเกตแยกกัน อยูค่ นละด้าน คนละมุม เมือ่ ต่างคนต่างมอง และนำสิง่ ทีเ่ ห็นมาบอกเล่าแลกเปลีย่ น กัน ก็จะทำให้ได้ขอ้ สรุปทีม่ มี ติ หิ ลากหลายยิง่ ขึน้ ทำให้เห็นเจตนาและเข้าใจมากขึน้ และเป็นวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ความคิดที่หลากหลายจากประสบการณ์ที่หลากหลายย่อมให้มุมมองที่กว้าง ขึ้นเสมอ และยิ่งถ้าเราใช้แนวการปฏิบัตินี้เมื่อพิจารณาสื่อ ก็จะยิ่งทำให้เราอ่านสื่อ ขาดและรู้ทันมากขึ้น จนกระทั่งมีความพร้อมที่จะยอมรับหรือปฏิเสธเนื้อหาสื่อ ต่างๆ ได้ ซึง่ อำนาจในการยอมรับหรือปฏิเสธเนื้อหาทีส่ ื่อนำเสนอนั้นถือเป็นอำนาจ พื้นฐานระดับบุคคล และเป็นสิทธิที่มีอยู่กับตัวเอง
21 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แกนความคิด 4 มีค่านิยมและทัศนคติแฝงมากับสื่อด้วย (Media have embedded values and points of view.)
ความคิดรวบยอด เพราะสือ่ เป็นสิง่ ทีถ่ กู ประกอบสร้าง มันจึงถูกออกแบบและผลิตมาเป็นอย่างดี เพื่อทำหน้าที่ส่งสารอย่างมีเป้าหมายชัดเจน นอกจากนั้นแล้ว สื่อยังมีบทบาทเป็น นักเล่าเรื่องอีกด้วย เรื่องราวต่างๆ ที่สื่อเล่านั้นมีตัวละคร ฉาก และพล็อตเรื่องที่มี การเริม่ ต้นเรือ่ ง มีเนือ้ เรือ่ ง มีตอนจบ สำหรับตัวละครก็ตอ้ งมีการเลือกสรรวัย เพศ และเชื้อชาติ แล้วเอามาผนวกกับวิถีชีวิต ทัศนคติ และพฤติกรรมจนกลายเป็น คนหนึง่ คน ทัง้ ยังเลือกสรรฉากว่าจะเป็นในเมืองหรือชนบท ฐานะร่ำรวยหรือยากจน รวมถึงการแสดงออกและปฏิกิริยาโต้ตอบของตัวละครในสื่อ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็คือวิธีการที่สื่อแต่ละประเภทใช้ ในการปลูกฝังค่านิยมและโน้มน้าวให้เราเกิด ความเชื่อใหม่ สือ่ ทุกสือ่ จะใช้ความเชือ่ ความคิดของคนส่วนใหญ่มาโน้มน้าวและเข้าถึงผูร้ บั เช่น การแต่งกายแบบแฟชั่นที่กำลังนิยมของพรีเซนเตอร์ ในสื่อ สิ่งที่สื่อนำเสนอแก่ ผู้บริโภคนั้นไม่ใช่เพียงแค่ตัวสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มีค่านิยมแฝงมาพร้อมกับ ตัวสินค้านัน้ ด้วย เช่น การดืม่ น้ำผลไม้ยหี่ อ้ นี้ แสดงให้เห็นว่าเป็นคนทันสมัย เป็นต้น ทุกสือ่ ทีเ่ ราบริโภคมีเป้าหมายอยูท่ กี่ ารเปลีย่ นทัศนคติและค่านิยมของคนให้เป็นไป ตามทีส่ อื่ ต้องการ เช่น สร้างความนิยมและความเชือ่ ว่า ความเย็นสบายเป็นคุณภาพ ชีวิตที่ดี เครื่องปรับอากาศก็จะขายได้ หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็สร้างค่านิยมว่า เป็นอาหารในชีวิตประจำวันของเรา หากเราจะเปลี่ยนค่านิยมก็ควรจะมีเหตุผลที่ เพียงพอ ไม่ใช่เพียงแค่สื่อโฆษณา ฉะนั้นการวิเคราะห์ค่านิยมและทัศนคติแฝง และฝึกหัดประเมินสิ่งที่สื่อบอก (แทนที่จะยอมรับง่ายๆ ว่า สิ่งที่เราเห็นในสื่อนั้น เป็นเรือ่ งจริงทัง้ หมด) เป็นหัวใจของการเรียนรูเ้ รือ่ งสือ่ ทีต่ อ้ งฝึกฝนให้เกิดเป็นความ สามารถประจำตัว เพื่อที่จะกำหนดการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสมกับตัวเองมากกว่า ยอมตามแบบที่สื่อบอกให้เป็น
22 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แกนความคิด 5
เจตนาของสื่อคือ ผลประโยชน์และอำนาจ (Most media messages are organized to gain proffifiit and/ or power.)
ความคิดรวบยอด เจตนาจริงๆ ของรายการทีวี วิทยุ อินเทอร์เน็ต หรือบทความในนิตยสาร คือ การทำให้มจี ำนวนผูอ้ า่ น ผูช้ ม ผูฟ้ งั ในปริมาณทีม่ าก เพือ่ ว่าเจ้าของสือ่ จะได้ขายเวลา หรือพืน้ ทีใ่ ห้แก่ผสู้ นับสนุนทีต่ อ้ งการโฆษณาสินค้า ซึง่ ก็มกั จะเป็นโฆษณาทีโ่ น้มน้าว ให้เราเกิดความรูส้ กึ ต้องการในสิง่ ทีไ่ ม่ได้จำเป็นต่อเราจริงๆ ฝ่ายผูส้ นับสนุนรายการ หรือเจ้าของสินค้าจะตัดสินใจซื้อเวลาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณผู้ชมที่ผู้ผลิต คาดการณ์ไว้ หรือจำนวนของผู้ชมผู้อ่านที่เพิ่มขึ้นขณะที่สื่อนั้นกำลังเผยแพร่ จะเห็นได้วา่ สือ่ ก็ทำหน้าทีใ่ นเชิงพาณิชย์ โดยพยายามขายสินค้าของผูส้ นับสนุน รายการให้ผู้ดูผู้ชม และในขณะเดียวกันนั้นก็ขายความนิยมของผู้ดูผู้ชมรายการ ให้แก่เจ้าของสินค้าหรือผู้ที่คาดว่าจะสนับสนุนรายการ นี่คือสิ่งที่ต้องยอมรับว่า สื่อคือธุรกิจ และธุรกิจคือสื่อ ซึ่งมีเป้าหมายคือการสร้างผลกำไรอันเป็นประโยชน์ ทางธุรกิจ นอกจากผลประโยชน์ของสือ่ ในลักษณะดังกล่าวแล้ว สือ่ ยังมีศกั ยภาพในการ สร้างกระแสดึงดูดความสนใจของผู้คนกับบางเหตุการณ์ที่สื่อเป็นผู้กำหนดวาระนั้น ขึ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจในเชิงควบคุมพฤติกรรมของคนในสังคม ทั้งโดยความตั้งใจและไม่ตั้งใจ นอกจากเหตุผลทางธุรกิจและเหตุผลทางการเมือง ทีเ่ กีย่ วข้องด้วยแล้ว สือ่ และเทคโนโลยีการสือ่ สารยังมุง่ ให้เกิดประโยชน์และอำนาจ ของผู้ ใช้สื่อนั้น แม้กระทั่งในระดับปัจเจกบุคคล เช่น การใช้สื่อใหม่ (New Media) อย่ า งโทรศั พ ท์ มื อ ถื อ หรื อ อิ น เทอร์ เ น็ ต ผู้ ใ ช้ สื่ อ นั้ น สามารถใช้ อ ำนาจในทางที่ สร้างสรรค์และทำลายได้ เมื่อสื่อมีอำนาจและมีผลกระทบต่อผู้คน อีกด้านหนึ่งสื่อก็ได้ทำหน้าที่ให้ ความรู้ พัฒนาความคิดของผู้คน และหากเป็นสื่อที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม
23 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ของประชาชนในเรือ่ งการเมืองหรือเรือ่ งสาธารณะ ต่างก็ยง่ิ เห็นชัดว่าสือ่ ได้ทำหน้าที่ มุ่งที่จะเสริมอำนาจประชาชนและส่งเสริมประชาธิปไตย ซึ่งมีเจตนาในการสร้าง ประโยชน์ ให้แก่ผู้รับสื่อเช่นกัน สุดท้ายแล้วเราควรจะตัง้ คำถามว่า “สือ่ นีร้ บั ใช้ ใคร อย่างไร บนความสัมพันธ์เชิงอำนาจ และผลประโยชน์แบบไหน เกื้อกูล หนุนเสริมพลัง หรือควบคุม มุ่งผลประโยชน์”
ระดับความสามารถในการคิดอ่านสื่อ ด้วยการ จับประเด็น ด้วยการ วิเคราะห์
ด้วยการ ประเมิน
ด้วยการ ถอดรหัส
24 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
¤วามสำเÃçจขÍงกาÃจัดกาÃเÃียนÃู้ ให้เยาวชน෋ҷѹÊ×èÍ การทีจ่ ะบอกได้วา่ ผูเ้ รียนของเรามีภาวะรูเ้ ท่าทันหรือไม่นนั้ จะต้องใช้ความ
ละเอียดในการสังเกตถึงความคิดและการกระทำของเด็กและเยาวชนว่ามีความ สามารถในการวิเคราะห์อ่านสื่อออก เห็นเจตนาของสื่อ ใช้สื่ออย่างมีวัตถุประสงค์ และเลือกกินเลือกใช้อย่างมีเหตุผล พอประมาณและสอดคล้องกับพื้นฐานของ ครอบครัวหรือไม่เพียงใด เหล่านีค้ อื สิง่ ทีค่ าดหวังทีจ่ ะให้เกิดขึน้ ภายหลังจากทีผ่ เู้ รียน ได้ผา่ นการเรียนรู้ ซึง่ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดขึน้ อย่างฉับพลันทันที ดังนัน้ ผูส้ อนควร สร้างตัววัดเชิงพฤติกรรมทีบ่ ง่ ชีถ้ งึ ระดับของแนวโน้มหรือสัญญาณทีส่ ะท้อนถึงภาวะ รู้เท่าทันสื่อของผู้เรียน ทั้งนี้มีปัจจัยและคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จของ การสอนให้ผู้เรียนเกิดการรู้เท่าทัน ต่อไปนี้เป็นแนวทาง 1. การเรียนรูส้ อื่ เป็นสิง่ สำคัญและต้องทำอย่างจริงจัง เพือ่ ให้ความรูแ้ ละสร้าง พลังแก่เด็กและเยาวชนให้มีอำนาจต่อรองในกระแสบริโภคนิยม 2. การมีอสิ ระของผูเ้ รียนในการประเมินสือ่ ตามความคิดของตนเอง จะก่อให้ เกิดความรูส้ กึ ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น อันจะสร้างประสบการณ์ความคิด ให้หลากหลายยิ่งขึ้น 3. การเรียนรูส้ อื่ เป็นการเรียนการสอนทีผ่ เู้ รียน ผูส้ อนต้องแลกเปลีย่ นข้อมูล และถกเถียงกัน เนื่องจากการค้นหาความจริงในสื่อประสบผลสำเร็จมากกว่าหากมี การถามตอบและโต้แย้งอย่างมีข้อมูล มีเหตุผลและมีสติ 4. การเรียนรูส้ อื่ เน้นให้ผเู้ รียนมีสว่ นร่วมและลงมือปฏิบตั ไิ ด้โดยตรง มีการเปิด โอกาสให้ซักถามเท่าเทียมกัน ผู้สอนและผู้เรียนร่วมมือกันและช่วยเหลือซึ่งกันและ 25 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กันในแต่ละกิจกรรม จะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อตนเองมากขึ้น และยังทำให้ผู้เรียนมีความสนใจอย่างต่อเนื่องอีกด้วย 5. การสอนอย่างเป็นกระบวนการ มีลำดับขั้นตอนการเรียนรู้เชื่อมโยงกันใน แต่ละแกนความคิดของการเรียนรู้เท่าทันสื่อ ทำให้ผู้เรียนเกิดระบบความคิดอย่าง ต่อเนื่อง และฝึกฝนเป็นทักษะการวิเคราะห์ที่ชำนาญยิ่งขึ้น 6. สิ่งสำคัญในการพัฒนาให้เกิดภาวะเท่าทันสื่อคือ ไม่ใช่เพียงความสามารถ ที่รู้ถึงสื่อที่กำลังกระทำ แต่คือการฝึกฝนให้เกิดนิสัยที่ใช้สติในการพิจารณา 7. การเรียนรู้มิได้มุ่งเน้นให้นักเรียนได้วิจารณ์สื่อได้อย่างผู้เชี่ยวชาญ แต่ให้ ผูเ้ รียนสามารถวิเคราะห์ถงึ กลวิธี เจตนา นัยความคิด ความเชือ่ และค่านิยมทีแ่ ฝงมา กับการประกอบสร้างเป็นสือ่ ดังนัน้ การเรียนรูส้ อ่ื จึงเป็นการใช้ทฤษฎีในการวิเคราะห์ วิจารณ์ และการฝึกฝนทักษะการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์เพือ่ หาเหตุผลในประเด็นต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อวิถีชีวิต 8. การเรียนรูส้ อื่ เป็นการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ดังนัน้ เด็กควรเริม่ โดยการพยายาม เข้าใจแนวคิดนี้ และเพิ่มความสนใจและเรียนรู้ไปอย่างต่อเนื่อง
การจัดการเรียนรู้เท่าทันสื่อ ผู้นำกิจกรรมหรือครูผู้สอนให้เยาวชนรู้เท่าทันสื่อนี้ จำเป็นต้องมีทักษะในการจัดการ และอำนวยการให้เกิดการเรียนรู้ที่ยึด ผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยที่ไม่จำเป็นต้องรู้ทฤษฎีทางด้านสื่อมวลชนอย่าง ครอบคลุมหรือมีความสามารถทัดเทียมผู้ผลิตสื่อต่างๆ มากกว่าสิ่งอื่นใด สื่อศึกษา คือ “การสำรวจความหมาย” ที่มันเป็น ซึ่งเป็น การสำรวจร่วมกันระหว่างผู้นำกิจกรรมหรือครูกับผู้เรียนรู้ ฉะนั้นการเตรียมตัวที่ดี ที่สุดคือ การเตรียมความคิดและความเต็มใจที่จะตอบกับผู้เรียนว่า “ครูไม่แน่ใจเหมือนกัน เราจะช่วยกันค้นหาคำตอบกันยังไงดี”
27 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ภาคที ส ่ อง กระบวนการ
และชุดกิจกรรมการร�เทาทันสื่อ
แนว¤ิดขÍงกÃÐบวนกาà แลÐ ชุดกิจกÃÃมÊÃŒÒง¡ÒÃÃٌ෋ҷѹÊ×èÍ แนวคิดของกระบวนการและชุดกิจกรรม
กระบวนการเรียนรูเ้ ท่าทันสือ่ นี้ เป็นเครือ่ งมือสร้างการเรียนรูอ้ ย่างเป็น
กระบวนการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนรู้ตระหนักถึงความสัมพันธ์เชิง อำนาจระหว่างผู้รับสื่อและผู้ผลิตสื่อ และปลดปล่อยให้ผู้เรียนรู้เป็นอิสระจากการ ครอบงำโดยสื่อ เท่าทันกระบวนการหล่อหลอมผ่านสื่อซึ่งเป็นสถาบันหนึ่งของ สังคม กระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมในชุดนี้ ผู้จัดกระบวนการหรือผู้สอนควร นำแนวคิด 4 ขั้นต่อไปนี้ ไปประกอบการออกแบบและพัฒนาเป็นแผนกิจกรรมหรือ แผนการเรียนรู้ ในห้องเรียนที่จะนำไปใช้พัฒนาเยาวชนต่อไป ซึ่งได้แก่
ตระหนักถึงผลกระทบ (Awareness)
เป็นการกระตุ้นหรือเปิดประเด็นให้ผู้เรียนเกิดแง่คิด เกิดมุมมองในการอ่าน สือ่ ทีพ่ วกเขาไม่เคยคำนึงถึงมาก่อนว่า การนำเสนอของสือ่ แต่ละครัง้ อาจส่งผลกระทบ ต่อผูร้ บั สือ่ อย่างไรบ้าง บางครัง้ ผลกระทบทีเ่ กิดขึน้ อาจรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึน้ อย่างทีเ่ รานึกไม่ถงึ เช่น การเลียนแบบสือ่ ของอเมริกนั ทำให้เกิดวัฒนธรรมบริโภคนิยม หรือส่งผลให้เยาวชนไทยมีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนเวลาอันควร การโฆษณาทีม่ งุ่ โฆษณาสินค้าโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของผูบ้ ริโภค หรือการนำเสนอภาพ ที่สื่อถึงการใช้ความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางจิตใจ เป็นต้น 29 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
วิเคราะห์การกระทำ (Analysis)
เป็นการอ่านภาษาของสือ่ ซึง่ การอ่านสือ่ ในทีน่ เ้ี ป็นการอ่านสือ่ เชิงลึกกว่าการ เข้าใจความหมายหรือการตีความ โดยอาศัยแนวทางของ 5 แกนความคิดหลัก ต่อไปนี้มาวิเคราะห์ 1. ไม่มีความบังเอิญ มีแต่ความจงใจของผู้ผลิตสื่อ 2. สื่อใช้กลวิธีต่างๆ ทำให้จดจำและเข้าใจตามที่สื่อต้องการ 3. การแลกเปลีย่ นความคิดเห็นทีต่ า่ งกัน ทำให้เราอ่านสือ่ ขาดและรูท้ นั มากขึน้ 4. มีค่านิยมและทัศนคติแฝงมากับสื่อด้วย 5. เจตนาของสื่อคือผลประโยชน์และอำนาจ ไตร่ตรองสะท้อนกลับ (Reflaction) เป็ น การแสดงความคิ ด ต่ อ สื่ อ หรื อ ตั้ ง คำถามกลับต่อสื่อ ซึ่งสะท้อนความคิดที่ผ่าน การไตร่ตรองและพิจารณาสื่อนั้นแล้วว่าอะไร คือสิ่งที่เรา “ควรจะคิด” และ “ควรจะทำ” เมื่อการ สื่อสารของสื่อส่งผลกระทบต่อศาสนา ประเพณี ศีลธรรม คุณธรรมต่อสังคม กระแสสังคม หรือ หลักพืน้ ฐานประชาธิปไตย ตลอดจนแนวทางการดำเนิน ชีวิตของผู้รับสาร ปฏิบัติการโต้ตอบหรือสนับสนุนยอมรับ (Action) สนับสนุนให้ผเู้ รียนยืนยันความคิดด้วยการแสดงออกและผลักดันให้เกิดความ เคลือ่ นไหวระดับสังคม ไม่วา่ จะเป็นการปฏิเสธต่อต้านหรือยอมรับในหลักการ หรือ ผลกระทบที่มาจากการนำเสนอของสื่อ อันเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนไม่ละเลยกับ สิ่งที่มีผลกระทบกับสังคม และสนับสนุนให้เป็นพลเมืองที่ตื่นตัวต่อเรื่องสาธารณะ ปฏิบตั กิ ารนีค้ วรเชือ่ มโยงผูเ้ รียนกับบุคคลอืน่ นอกห้องเรียน (ทีเ่ ห็นว่าสามารถร่วมมือ 30 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
และช่วยกันให้ปฏิบตั กิ ารบรรลุผลตามทีค่ าดหวังได้) เพือ่ ค้นหาวิธกี ารหรือความร่วม มือการจัดการแก้ปญ ั หา หรือผลิตและเผยแพร่สอื่ เพือ่ กระตุน้ ให้เกิดภาวะเท่าทันสือ่ ขึ้นในสังคม
กระบวนการเรียนรู้
สร้างการเรียนรู้เท่าทันสื่อ กระบวน
การเรียนรูน้ มี้ แี นวทางมุง่ หมายทีจ่ ะพัฒนาเยาวชนให้เกิดความ สามารถในการรู้เท่าทันสื่อที่กำลังบริโภคในชีวิต อีกทั้งเสริมพลังให้เยาวชนได้ร่วม กันสร้างความตระหนักถึงผลกระทบต่างๆ จากสื่อ แก่สมาชิกในสังคมโรงเรียน และสามารถประมวลความคิดที่เป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาระดับสังคมร่วมกัน กระบวนการนีอ้ าศัยการลงมือปฏิบตั ขิ องผูเ้ รียนในการสร้างการเรียนรู้ (learning by doing) ทีจ่ ะค้นหาคำตอบในแต่ละขัน้ ตอนของกระบวนการ จะนำไปสูก่ ารสังเคราะห์ ข้อค้นพบจากการเรียนรูแ้ ละข้อเสนอ สำหรับสร้างการรูเ้ ท่าทันสือ่ ร่วมกันในระดับสั งคมของเยาวชน การเรียนรู้เพื่อเท่าทันสื่อนั้น เป็นสิ่งที่จะต้องสร้างการเรียนรู้ร่วมกันและส่ง เสริมให้เกิดการรวมพลังของเยาวชน (ในฐานะสมาชิกของสังคม) ได้มีส่วนร่วม เพื่อสร้างสังคมย่อยให้เกิดภาวะรู้เท่าทัน ซึ่งมีแนวทางของกระบวนการเรียนรู้ 4 ขั้นตอนได้แก่
ฝึกคิดอ่าน ขั้นสร้างความตระหนักรู้และเห็นปัญหา ควานปัญหา ขั้นสำรวจประเด็นปัญหาที่มีสื่อเป็นสาเหตุหลัก วางแผนพัฒนา ขั้นพัฒนาแผนสร้างการรู้เท่าทัน
31 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
และปฏิบัติการรู้เท่าทัน ขั้นปฏิบัติการสร้างการรู้เท่าทันสื่อและสรุปผลสร้าง ข้อเสนอสาธารณะ ซึ่งในแต่ละลำดับของการเรียนรู้ จะมีขั้นตอนย่อยประกอบกระบวนการ
เป้าหมายกระบวนการเรียนรู้ • พัฒนาความสามารถในการรู้เท่าทันสื่อให้แก่ผู้เรียนรู้ • สร้างความตระหนักแก่เยาวชนในสังคมโรงเรียนต่อปัญหาต่างๆ ที่มีสื่อ เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้เกิดปัญหา • สังเคราะห์และสื่อสารแก่สาธารณะ ถึงข้อเสนอแนวทางสร้างเยาวชนให้ รู้เท่าทันสื่อ
ขั้นตอนในกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ประกอบด้วย 4 ขั้นหลัก 6 ขั้นย่อย ได้แก่ ฝึกคิดอ่าน (ขั้นสร้างความตระหนักรู้และเห็นปัญหา) 1. สร้างความตระหนักและทักษะรู้เท่าทันสื่อ ควานปัญหา (ขั้นสำรวจประเด็นปัญหาที่มีสื่อเป็นสาเหตุหลัก) 2. สำรวจประเด็นปัญหาที่มีสื่อเป็นสาเหตุหลัก 3. สรุปผลวิเคราะห์ปัญหา วางแผนพัฒนา (ขั้นพัฒนาแผนสร้างการเรียนรู้เท่าทัน) 4. พัฒนาแผนสร้างการรู้เท่าทันสื่อ ปฏิบตั กิ ารรูเ้ ท่าทัน (ขัน้ ปฏิบตั กิ ารรูเ้ ท่าทันและสรุปผลสร้างข้อเสนอสาธารณะ) 5. ปฏิบัติการรู้เท่าทันสื่อ 6. สรุปผลสร้างข้อเสนอสาธารณะ
32 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ขั้นฝึกคิดอ่าน
1. การสร้างความตระหนักรู้และเห็นปัญหา (ดูชุดกิจกรรมการเรียนรู้เท่าทันสื่อ หน้า 39)
ขั้นควานปัญหา
2. การสำรวจประเด็นปัญหาที่มีสื่อเป็นสาเหตุหลัก เป็นกลวิธที จี่ ะนำพาให้ผเู้ รียนรูเ้ ข้าสูก่ ารศึกษาปัญหา โดยอาศัยการเก็บข้อมูล รวบรวมวิเคราะห์ นำมาประมวลผล และพิจารณาตีความในข้อมูลทำความเข้าใจปั ญหา เมื่ อ ผู้ เ รี ย นมี ข้ อ มู ล ที่ เ พี ย งพอก็ ส ามารถทำความเข้ า ใจเหตุ แ ละผลของ ปัญหาได้ ซึ่งมีลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. ระดมความคิดประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับเยาวชนว่ามีปัญหาอะไรบ้างแล้ว เลือก 1 ประเด็นปัญหาที่มีสื่อเป็นสาเหตุหลัก โดยอภิปรายกันในกลุ่ม พร้อมอธิบายเหตุผลของการเลือก 2. วิเคราะห์ประเด็นปัญหานั้นด้วยเครื่องมือต้นไม้ปัญหา เพื่อวิเคราะห์การ กระทำของสื่อที่เป็นสาเหตุหลักและผลกระทบที่เกิดขึ้น 3. วางเป้าหมายของการสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการเสพสือ่ ประเภทนัน้ ที่เป็นสาเหตุหลักของปัญหา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริงนำมาแก้ปัญหา 4. คิดวิธีการเก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ และออกแบบหรือเลือก สรรเครื่องมือการเก็บข้อมูลมาใช้ 5. นำเสนอและอภิปรายร่วมกันของเยาวชนทุกคน เพื่อพัฒนาวิธีการและ เครื่องมือสำหรับการเก็บข้อมูล พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนเติมแต่งเครื่องมือ ให้สมบูรณ์ 6. วางแผนการสำรวจเก็บข้อมูลโดยการกำหนดขอบเขต กลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลา และวิธีการ 7. ดำเนินการสำรวจ เก็บข้อมูล แล้วนำข้อมูลมาประมวลผลเพื่อสรุป โดย ใช้หลักคณิตศาสตร์อย่างง่ายและอภิปรายผล
33 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
8. อภิปรายสรุปถึงบรรยากาศ ปัญหาอุปสรรค วิธีการแก้ไข และสิ่งที่ค้นพบ ในขั้นตอนที่ผ่านมา
3. สรุปผลการวิเคราะห์ปัญหา หลังจากทีไ่ ด้สรุปประมวลผลข้อมูลทีไ่ ด้จากการสำรวจแล้ว กิจกรรมขัน้ นีเ้ ป็น การช่วยกันสรุปเชิงสังเคราะห์ เพื่อให้เห็นภาพของสถานการณ์หรือพฤติกรรมการ เสพสื่อของเยาวชนที่ได้ไปสำรวจ ให้เห็นอย่างชัดเจนเพื่อทำความเข้าใจกับปัญหา และนำไปสู่การเผยแพร่สื่อสาร ให้สังคมของเยาวชนรับรู้ถึงสถานการณ์จนกระทั่ง เกิดความรู้สึกว่า “ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันเป็นอย่างนี้” ซึ่งมีลำดับการดำเนิน กิจกรรมดังนี้ 1. นำเสนอทบทวนผลที่ได้จากการสำรวจเพื่อให้เห็นข้อมูลร่วมกัน 2. จากผลการสำรวจนี้ ร่วมกันสรุปในเชิงสังเคราะห์ โดยการอภิปรายแลกเปลีย่ น ร่วมกัน ให้ออกมาเป็นภาพทีช่ ดั เจนทีเ่ ห็นถึงการกระทำของสือ่ และข้อมูล ที่เกี่ยวโยงกันต่างๆ และผลกระทบที่สืบเนื่องของประเด็นปัญหานั้น 3. เผยแพร่ข้อสรุปเชิงสังเคราะห์นี้ให้สังคมได้รับทราบร่วมกัน เพื่อได้มีส่วน ช่วยกันแก้ไขพฤติกรรม โดยใช้สอื่ อย่างง่ายในการเผยแพร่ เช่น โปสเตอร์ เสียงตามสาย การจัดบอร์ด นิทรรศการ การพูดหน้าเสาธง เป็นต้น
ขั้นวางแผนพัฒนา
4. การพัฒนาแผนสร้างการเรียนรู้เท่าทันสื่อ เป็นขัน้ ตอนทีก่ า้ วไปสูก่ ารค้นหาทางแก้ไข หัวใจสำคัญของแผนการสร้างการ รู้เท่าทันสื่อ คือการกระตุ้นให้กำหนดท่าทีใหม่ต่อสื่อ ฝึกฝนให้เกิดความสามารถใน การอ่านสื่อ สร้างวิธีคิดในเชิงพฤติกรรมบริโภคให้เหมาะสม โดยนำข้อมูลที่ได้จาก การสำรวจและสรุปสังเคราะห์มาเป็นข้อมูลในการคิดค้นออกแบบแผนการสร้างการ รู้เท่าทันสื่อ ที่มีช่วงระยะเวลาปฏิบัติการ 2-3 เดือน มีลำดับดังนี้ 1. เริ่มต้นโดยการค้นหาคำตอบร่วมกันว่า “ผลลัพธ์ที่เราอยากเห็นที่แสดง ถึงการรูเ้ ท่าทันสือ่ ของปัญหาดังกล่าว” คืออะไร แล้วกำหนดเป็นเป้าหมาย 34 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
หรือวัตถุประสงค์ 2. มองหาตัวบุคคลหรือกลุม่ ทีจ่ ะสามารถร่วมมือกับเรา และช่วยกันทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงตามที่เราคาดหวัง และชักชวนบุคคลหรือกลุ่มนั้นมา ออกแบบพัฒนาแผนสร้างการรู้เท่าทันสื่อร่วมกัน โดยคิดหาวิธีการที่ เหมาะสมสอดคล้องที่จะบรรลุตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ได้ 3. วางแผนการดำเนินงานในเชิงรายละเอียดของปฏิบัติการ 4. เขียนเป็นแผนโครงการที่จะดำเนินการ
ขั้นปฏิบัติการรู้เท่าทัน
5. ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ มีความมุ่งหมายเพื่อผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์ที่กลุ่มเยาวชนแสดงตน เคลื่อนไหว กระตุ้นสังคมให้ตระหนักถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ หลอกลวงจากสื่อที่เอาเปรียบ การให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนของสื่อ สื่อทำร้าย ทำลายเด็กหรือหาประโยชน์จากเด็ก หรือปฏิบัติการที่สร้างความคิดและชี้นำ พฤติกรรมการใช้สื่อที่เหมาะสม โดยมีกลุ่มเยาวชนที่ได้ผ่าน 4 กิจกรรมก่อนหน้านี้ เป็นผูป้ ฏิบตั กิ ารหลัก ด้วยการนำทักษะทีไ่ ด้รบั การพัฒนาและความเข้าใจต่อประเด็น ปัญหามาเป็นทุนพื้นฐาน ในการดำเนินการตามแผนการที่ได้กำหนดไว้ ตัวอย่างการปฏิบัติการ - เมื่อเยาวชนพบเห็นความรุนแรงในสื่อทีวี พวกเขาอาจเขียนคำแถลงการณ์ ที่ไม่ยอมรับความรุนแรงที่พบในสื่อทีวี ประกาศติดไว้ที่กระดานข่าวของ โรงเรียนเพื่อให้นักเรียนทุกคนได้อ่านและเขียนจดหมายหรืออีเมลไปยัง สส. ของเขา - เยาวชนกลุม่ หนึง่ รวมตัวกันทำเว็บไซต์ เพือ่ ทีจ่ ะเป็นช่องทางในการแลกเปลีย่ น ความเห็น ข้อค้นพบ แสดงความเห็นต่อเพลงหรือภาพยนตร์ที่สร้างความ เข้าใจผิดในค่านิยมทางเพศของวัยรุ่น - การแสดงละครหรือทำหนังสั้น ที่มีเรื่องราวแสดงให้เห็นถึงการล่วงละเมิด ผู้อื่นโดยใช้มือถือแอบถ่ายในห้องน้ำ เป็นต้น 35 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
6. การสรุปผลสร้างข้อเสนอสาธารณะ มีเป้าหมายเพื่อสรุปผลปฏิบัติการเท่าทันสื่อของเยาวชนที่ได้ปฏิบัติการ เรียบร้อยแล้ว และจัดทำข้อเสนอสาธารณะสำหรับสือ่ สารกับสังคมวงกว้าง เพือ่ ร่วม กันสร้างการรู้เท่าทันสื่อ แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ การทบทวนหลังปฏิบัติการ และการสร้างข้อเสนอสาธารณะ การทบทวนหลังปฏิบัติการ (After Action Review-AAR) เป็นการประเมินผลหลังปฏิบัติการ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกคนที่เกี่ยว ข้องกับกิจกรรมที่ได้ทำไป เพื่อได้ทบทวนสรุปผลร่วมกัน ด้วยการร่วมกันค้นหาคำ ตอบของคำถามหลัก 4 คำถาม ดังต่อไปนี้ 1. เป้าหมายหรือสิ่งที่คาดหวังที่ได้กำหนดไว้คืออะไร 2. ผลที่เกิดขึ้นเมื่อได้ปฏิบัติจริงเป็นอย่างไร 3. อะไรคือผลทีเ่ ป็นและไม่เป็นไปตามเป้าหมายทีก่ ำหนดไว้ และอะไรคือสิง่ ที่ แตกต่างจากที่กำหนดไว้ 4. สิง่ ทีจ่ ะต้องทำอย่างเฉพาะเจาะจงในโอกาสหรือคราวต่อไปเพือ่ พัฒนาให้ดี ขึ้นคืออะไร ทำอย่างไร
การสร้างข้อเสนอสาธารณะ
เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการสังเคราะห์ความคิดจากประสบการณ์ เรียนรู้ ซึ่งบอกถึงผลการเรียนรู้ที่เกิดจากกระบวนการ และเป็นส่วนที่สะท้อนถึง เจตจำนงในการพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น โดยนำเอาวัตถุดิบที่มีคุณค่า คือประสบการณ์ ที่เกิดจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรมตลอดกระบวนการเรียนรู้ที่ผ่านมา นำไปสร้าง และจัดทำเป็นข้อเสนอสาธารณะเพือ่ ทีจ่ ะสือ่ สารให้สงั คมรับรูแ้ ละเรียนรู้ ทีจ่ ะช่วยกัน สร้างการเท่าทันสื่อในระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคล กลุ่ม หน่วยงานจนถึง ระดับโครงสร้างของสังคม ลำดับขั้นตอนอย่างง่ายในการจัดทำข้อเสนอสาธารณะ โดยเยาวชน มีดังนี้
36 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
1. เปิดการอภิปรายแลกเปลี่ยนร่วมกันถึงภาพรวมของสถานการณ์ปัญหา และผลกระทบ จากสื่อต่อเยาวชน 2. ค้นหาตัวละครทางสังคม (Social Actor) ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลง แก่เยาวชนให้เท่าทันสื่อได้ โดยช่วยกันมองหาว่า “ใครที่สามารถมีส่วน ช่วยให้เยาวชนเกิดการเท่าทันสื่อได้บ้าง” 3. ให้ทุกคนระดมความคิดในหัวข้อ “วิธีการที่ตัวละครทางสังคมแต่ละตัวนั้น ควรทำเพือ่ การสร้างการรูเ้ ท่าทันสือ่ สำหรับเยาวชน” โดยทีแ่ ต่ละคนเขียน ลงบัตรคำ (Metaplan) 4. แบ่งกลุม่ ย่อยตามจำนวนตัวละครทางสังคม และสรุปประมวลทุกความคิด ที่ได้จากการระดมต่อตัวละครแต่ละตัว (Grouping) 5. ทุกคนช่วยกันจัดลำดับความสำคัญถึง “วิธีการที่สำคัญที่สุด 3 ประการ ในการสร้ า งการรู้ เ ท่ า ทั น สื่ อ สำหรั บ เยาวชนของตั ว ละครแต่ ล ะตั ว ” (Screening) โดยการอภิปรายในเชิงหาเหตุผลของแต่ละวิธีการ 6. สรุปเบื้องต้นและเปิดวงอภิปรายอีกครั้งต่อผลที่ได้ 7. สรุปผลลัพธ์ที่ได้เป็นข้อเสนอสาธารณะ เพื่อสร้างการรู้เท่าทันสื่อสำหรับ เยาวชน 8. วางแผนจัดทำเป็นเอกสารหรือสื่อต่างๆ เพื่อสื่อสารไปยังตัวละครทาง สังคมที่ปรากฏในข้อเสนอ และสื่อสารให้สังคมวงกว้างได้รับรู้ 37 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ สร้างการเรียนรู้เท่าทันสื่อ ชุด
กิจกรรมเรียนรู้เท่าทันสื่อมีแนวทางมุ่งหมายที่จะพัฒนาเชิงทักษะ วิจารณญาณของเยาวชนในการบริโภคสื่อ กิจกรรมการเรียนรู้ ในชุดนี้จึงเน้นให้ เยาวชนเกิดความสามารถในการคิดวิเคราะห์และอ่านสื่อให้ออก เห็นถึงสิ่งที่สื่อ พยายามกระทำ ซึง่ จะช่วยพัฒนาผูเ้ รียนให้เป็นคนทีใ่ ช้สอื่ อย่างรูเ้ ท่าทัน กิจกรรมชุด นี้มีอยู่ด้วยกัน 14 กิจกรรม ตาม 5 แกนความคิดหลัก ซึ่งแต่ละกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย • พฤติกรรมบ่งชี้การเรียนรู้ เป็นความสามารถที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้เรียนรู้ จากกิจกรรมนั้นๆ • ขั้นตอนของกิจกรรม ซึ่งแยกเป็นลำดับที่ชัดเจนสำหรับการปฏิบัติ • คำถามท้ายกิจกรรม เพื่อสร้างและจัดความคิดใหม่ • แนวการอธิบายเนือ้ หาการเรียนรูข้ องกิจกรรม ใช้ ในการสร้างความเข้าใจ การ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อธิบายแนวคิดให้แก่ผู้เรียนรู้ ซึ่งจะนำไปสู่ พฤติกรรมบ่งชี้จากการเรียนรู้ของกิจกรรมนั้นๆ • แนะนำสือ่ ทีน่ ำไปใช้ ในแต่ละกิจกรรมการเรียนรู้ แต่ละกิจกรรมจะมีเวลาทีใ่ ช้ ระหว่าง 40-60 นาที เน้นรูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ผ่านการลงมือ ปฏิบัติในกิจกรรมที่ต่อยอดความคิดและประสบการณ์เดิมในการเสพสื่อ เพื่อนำไปสู่การสร้างความคิดใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังกิจกรรม
38 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ตาÃางจำแนกจุดเน้นตามแกน¤วาม¤ิดหลักขÍงแต่ลÐกิจกÃÃม
1. ใครสรางสื่อ 2. ลวงพรางดวยรูปแบบ 3. บอกเพียงครึ่ง 4. แฟนพันธุแทโฆษณา 5. ลวงใหเชื่อ 6. 5W.1H. 7. เห็นรูป เขียนความหมาย 8. ขางหลังภาพ 9. CRASH 10. เห็นดวยหรือไม 11. 5 แบบที่สื่อบอกใหเปน 12. คุณคา 4 ระดับ 13. เจตนานี้เพื่อ… 14. ยืนขางไหน
39 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
เจตนาของสื่อคือผลประโยชน์ และอำนาจ
มีค่านิยมและทัศนคติแฝงมาด้วย กับสื่อ
การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ต่างกัน ทำให้เราอ่านสื่อขาดและรู้ทันมากยิ่งขึ้น
สื่อใช้กลวิธีต่างๆ ทำให้จดจำและเข้าใจ ตามที่สื่อต้องการ
กิจกรรม
ไม่มีความบังเอิญในสื่อมีมีแแต่ต่คความจงใจ วาม ของผู จงใจของผู ้ผลิต ้ผลิต
แกนความคิดหลัก
กิจกรรมที่ 1
ใครสร้างสื่อ
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างบทบาทผู้เป็นเจ้าของเนื้อหาสื่อ กับวัตถุประสงค์ของสื่อได้
ขั้นตอนกิจกรรม
1. เกริ่นนำให้เห็นว่าสื่อทั้งหลายที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันนั้นถูกสร้างขึ้น อย่างมีเป้าหมาย โดยเนือ้ หาของสือ่ นัน้ จะขึน้ อยูก่ บั วัตถุประสงค์ของเจ้าของสือ่ นัน้ ๆ ฉะนั้นบทบาทของเจ้าของสื่อจึงเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดว่า สื่อนั้นถูกผลิต และนำเสนอเพื่ออะไร 2. แจกกระดาษ A4 และปากกาคนละ 1 ชุด 3. ให้ผเู้ รียนได้ลองคิดและประเมินตามโจทย์ทวี่ า่ “หากเจ้าของสือ่ เป็นผูท้ อี่ ยู่ ในบทบาทต่างๆ ต่อไปนี้ แต่ละบทบาทมีวตั ถุประสงค์ของการผลิตสือ่ เพือ่ อะไรได้บ้ าง” โดยเริ่มอ่านให้ผู้เรียนได้ฟังทีละบทบาทดังนี้ - หมอ - ดารา - คนกวาดถนน - นักเรียนชั้นม. ปลาย - บริษัทขายมือถือ - ชมรมครู ผู้ปกครอง - นักวิชาการสายการเมือง - กลุ่มออมทรัพย์ชุมชน - นักธุรกิจที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นต้น 4. เมื่อนักเรียนได้ยินบทบาทที่อ่านให้ฟัง ให้เขียนวัตถุประสงค์ของการผลิต สื่อที่เป็นไปได้ของแต่ละบทบาทให้ได้มากที่สุด โดยแต่ละบทบาทมีเวลา 1 นาที 5. หลังจากเสร็จครบทุกบทบาทแล้ว ให้สุ่มคำตอบของผู้เรียนจำนวนหนึ่ง ขึน้ มานำเสนอ เพือ่ ยกให้ทกุ คนเห็นในภาพรวมของความเป็นไปได้ ในแต่ละบทบาท ที่กำหนดให้คิด 40 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
6. ครูถามและพูดคุยถึงความสัมพันธ์ของบทบาทเจ้าของสือ่ และวัตถุประสงค์ ของการสื่อสาร
¤ำถามหลังกิจกÃÃม
1. ทำไมแต่ละบทบาทจึงมีวัตถุประสงค์ของการใช้สื่อที่แตกต่างกัน 2. กรณีทเี่ จ้าของสือ่ มีหลายบทบาททีซ่ อ้ นกัน เราจะพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ ของสื่อจากอะไร 3. สรุปแล้วบทบาทของเจ้าของสื่อและวัตถุประสงค์ของการสื่อสารนั้น สัมพันธ์กันอย่างไร
แนวกาÃ͸ิบาย 1. เจ้าของสือ่ อาจปรากฏได้ ในหลายลักษณะ เช่น ตัวบุคล องค์กร กลุ่มหน่วยงาน เครือข่าย หรืออาจจะมีหลายประเภทรวมกัน 2. เจ้าของสื่อแต่ละรายนั้น ล้วนมีวัตถุประสงค์และภารกิจตาม บทบาทที่เขาเป็นอยู่แล้ว การวิเคราะห์ถึงบทบาทของเจ้าของสื่อจึงช่วย ให้เข้าใจเจตนาและวัตถุประสงค์การสื่อสารได้ชัดเจนยิ่งขึ้น 3. บางบทบาทมีความซับซ้อน เนื่องจากเจ้าของสื่อสวมหมวก หลายใบ มีหลายบทบาท เช่น นักธุรกิจที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ฉะนัน้ การประเมินวัตถุประสงค์ ควรจะนำบทบาทต่างๆ ทีเ่ ขาเป็นอยูม่ าร่วม ประเมินด้วย เพื่อให้เกิดมุมมองที่ครอบคลุม กว้างขวางและใกล้เคียง ความเป็นจริงที่สุด
41 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 2
ลวงพรางด้วยรูปแบบ
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
สามารถวิเคราะห์จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของสื่อจากรูปแบบสื่อที่ผู้ผลิตนำเสนอได้
ขั้นตอนกิจกรรม
คำถามหลังกิจกรรม
1. ผู้นำกิจกรรมหรือครูชวนคุยถึงสื่อที่เราพบเห็นในทีวี วิทยุ อินเทอร์เน็ต มือถือและหนังสือต่างๆ ในชีวติ ประจำวันทีเ่ ราบริโภคกันว่า แต่ละสือ่ นัน้ มีจดุ มุง่ หมาย อะไรบ้าง (อาจจะใช้ตัวอย่างสื่อนำเสนอให้ผู้เรียนได้เห็นแต่ละชิ้น) 2. แล้วอธิบายหมวดหมู่ของสื่อตามจุดมุ่งหมายให้ ได้ 4 ประเภท ได้แก่ สื่อประชาสัมพันธ์ สื่อโฆษณา สื่อความรู้หรือข่าวสาร และสื่อรณรงค์ 3. แบ่งผู้เรียนและให้ทุกกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์หาจุดมุ่งหมายที่อาจเหมือน หรือต่างกัน ของสื่อทั้ง 4 ประเภทดังกล่าว 4. แต่ละสื่อนำเสนอแล้วอภิปรายร่วมกัน โดยมีครูอธิบายเสริมเพื่อสรุปให้ เห็นถึงจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ตามแนวการอธิบายข้อที่ 1 5. ครูนำสื่อที่เตรียมไว้มาให้ผู้เรียนดูว่า แต่ละสื่อนั้นจัดอยู่ในประเภทใด 6. สรุปให้เห็นว่ามีบางสื่อใช้รูปแบบการนำเสนอที่ซับซ้อน ดังนั้นเราควร พิจารณาให้ถี่ถ้วนเพื่ออ่านให้ขาดก่อนว่า จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของสื่อนี้คืออะไร ตามแนวการอธิบายข้อที่ 2 เราจะแนะนำให้ผู้อื่นพิจารณาจนกระทั่งเห็นจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของสื่อนั้น ได้อย่างไร
42 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แนวกาÃ͸ิบาย 1. หากเราแบ่ ง สื่ อ ตามจุ ด มุ่ ง หมายของการสื่ อ สารที่ แ ตกต่ า งกั น จะแบ่งได้ 4 ประเภทคือ 1) สื่อประชาสัมพันธ์ คือ สื่อที่ต้องการให้ผู้รับสารเกิดการรับรู้ ในเนื้อหาของข่าวสารที่ต้องการประชาสัมพันธ์ 2) สือ่ โฆษณา คือ สือ่ ทีก่ ระทำการโน้มน้าวให้ผรู้ บั สารเกิดความ รูส้ กึ ทีด่ หี รือมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าทีจ่ ะบริโภคสินค้า และบริการที่สื่อนั้นนำเสนอ 3) สือ่ ให้ขา่ วสารหรือหรือความรู้ คือ สือ่ ทีม่ งุ่ ต้องการให้ผรู้ บั สาร รูค้ วามเคลือ่ นไหวหรือสถานการณ์ หรือ มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องที่สื่อนำเสนอ 4) สื่อรณรงค์ คือ สื่อทีม่ ุ่งเปลี่ยนแปลงความคิด ทัศนคติและ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้รับสารให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ต่อเรื่องที่สื่อรณรงค์ 2. ในการพิจารณารูปแบบของสื่อว่ามีจุดประสงค์อย่างไรนั้น เรา ต้องวิเคราะห์ถึงจุดมุ่งหมายลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ในสารที่สื่อนั้นนำเสนอ เพราะปัจจุบนั มีสอื่ จำนวนมากทีใ่ ช้รปู แบบการลวงพรางในการนำเสนอ เพื่อชักจูงให้เราปักใจเชื่อ เช่น การนำเสนอด้วยข้อมูลความรู้ทาง สุขภาพ แล้วให้เห็นว่าสินค้าดังกล่าวสามารถทำให้สุขภาพดีได้ตามที่ ข้อมูลความรู้นั้นบอกไว้ หรือการนำเสนอข่าวเหตุการณ์จริงที่เจือปน ด้วยทัศนคติของผู้เล่าข่าว เพื่อหวังให้ผู้รับข่าวสารคล้อยตามทัศนะ ของตน เป็นต้น
43 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 3
บอกเพียงครึ่ง
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
สามารถวิจารณ์สื่อถึงการนำเสนอเนื้อหาเพียงครึ่งเดียวหรือมุมเดียวได้ และบอกถึงสิ่งที่สื่อเจตนาไม่นำเสนอ
ขั้นตอนกิจกรรม
1. แบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 6-7 คน (หรือน้อยกว่า) โดยให้ผู้นำกิจกรรม หรือครูสมมติบทบาท ให้ตัวเองเป็นเจ้าของบริษัทเครื่องสำอางสำหรับวัยรุ่น และให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่ม สมมติบทบาทเป็นบริษัทผลิตสินค้าและโฆษณา พร้อมทั้ง กำหนดสถานการณ์วา่ เจ้าของบริษทั เครือ่ งสำอางต้องการผลิตสินค้าและโฆษณาขาย วัยรุ่น จึงติดต่อบริษัทโฆษณาให้ช่วยพัฒนาสินค้าและโฆษณาเพื่อขายสินค้านั้น 2. แจกกระดาษปรูฟ๊ และปากกาเคมีกลุม่ ละ 1 ชุด ขีดเส้นแบ่งกระดาษออกเป็น 2 ส่วน ให้ผเู้ รียนวาดรูปเค้าโครงร่างมนุษย์ลงในกระดาษซีกซ้าย แล้วระดมความคิดว่า “วัยรุ่นยอดแย่” น่าจะมีร่างกายส่วนใดบกพร่องบ้าง จากนั้นให้เขียนลงบนเค้าโครง ร่างมนุษย์ที่วาดไว้ ให้ได้มากที่สุดภายใน 1 นาที 3. ให้ผู้เรียนช่วยกันเลือกส่วนที่บกพร่องของร่างกายเพียง 1 ส่วน เพื่อจะนำ มาคิดค้นเป็นสินค้าตัวใหม่ในการแก้ปัญหาดังกล่าวของวัยรุ่น 4. ให้ผู้เรียนช่วยกันคิด “สินค้ายอดเยี่ยม” ขึ้นมากลุ่มละ 1 ชิ้น ที่สามารถ ทำให้จุดบกพร่องที่เลือกนั้นดูดีขึ้นมาได้ โดยวาดรูปสินค้าและตั้งชื่อให้ดึงดูดใจใน กระดาษซีกขวา 5. ให้แต่ละกลุ่มระดมกันว่า ข้อดี-ข้อด้อยของสินค้าที่ตนคิดนั้นมีอะไรบ้าง
44 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
โดยเขียนข้อดีลงในพื้นที่ว่างของกระดาษซีกขวา และเขียนข้อด้อยบริเวณด้านหลัง ของกระดาษ 6. เมื่อแต่ละกลุ่มได้คิดสินค้า ชื่อสินค้า ข้อดี-ข้อด้อยของสินค้าแล้ว ให้คิด โฆษณาทางโทรทัศน์ 1 ชิน้ ของสินค้านี้ โดยมีความยาวไม่เกิน 30 วินาที พร้อมทัง้ ซ้อม การแสดงโฆษณา 7. แต่ละกลุม่ (บริษทั ผลิตโฆษณา) นำเสนอโฆษณาสินค้าของตนเอง โดยสลับ กันเป็นผู้นำเสนอสื่อโฆษณาและผู้บริโภคสื่อ หลังจากที่ชมโฆษณาแล้ว ให้มีการ ซักถามผู้บริโภคสื่อถึงรายละเอียดสินค้าและข้อดีของสินค้า 8. เมื่อนำเสนอครบทุกกลุ่มแล้ว ให้ผู้บริโภคทุกคนเลือกซื้อสินค้า 1 ชิ้น จากโฆษณาทีไ่ ด้รบั ชมไป โดยทีห่ า้ มซือ้ สินค้าของกลุม่ ตัวเอง เพือ่ เป็นการลงคะแนน ให้กับสินค้าและโฆษณาที่น่าสนใจ หลังจากเลือกแล้วให้สุ่มถามผู้เรียนว่า “เลือก เพราะอะไร” 9. ครูเผยความจริงอีกครึง่ หนึง่ ทีอ่ ยูด่ า้ นหลังของสินค้า ให้ผบู้ ริโภคได้เห็นว่า สินค้าที่ตนเลือกนั้นมีข้อด้อยอะไรบ้างที่ไม่ได้บอก 10. ถามคำถามเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนและร่วมกันสรุปการเรียนรู้
คำถามหลังกิจกรรม
1. โฆษณาชิ้นไหนทำให้เราจดจำสินค้าได้ดีที่สุด เพราะอะไร 2. เพราะอะไร โฆษณาจึงบอกข้อมูลของสินค้าให้ผู้บริโภคไม่หมด หรือ บอกความจริงเพียงบางส่วน (โดยให้ย้อนนึกถึงความคิด ความรู้สึกขณะผลิต โฆษณา)
45 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แนวกาÃ͸ิบาย เหตุที่โฆษณาบอกข้อมูลของสินค้าไม่หมดหรือบอกความจริง เพียงครึ่งหนึ่งนั้น เพราะความเป็นไปได้ดังต่อไปนี้ - เป้าหมายของโฆษณาตัวนั้น คือ เพื่อความดึงดูดความสนใจ สร้างการจดจำและกระตุ้นให้ขายสินค้าได้เพียงเท่านั้น - เมือ่ เป้าหมายของการโฆษณาอยูท่ กี่ ารทำให้จดจำและคาดหวัง ที่จะขายสินค้าได้ โฆษณาจึงไม่ได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลของสินค้าอย่าง ครบถ้วน - โฆษณามีเวลาจำกัดในการนำเสนอ ฉะนัน้ ต้องเลือกสาร (Message) ในการนำเสนอให้ชดั เจนและตรงประเด็นทีส่ ดุ ในเวลาทีจ่ ำกัดนัน้ - เจ้าของสินค้ามีเจตนาไม่ต้องการให้นำเสนอ ฯลฯ ฉะนัน้ เราควรพิจารณาถึงข้อมูลทีน่ ำเสนอให้ชดั เจนว่า มีสงิ่ ใดบ้าง ที่สื่อไม่ได้นำเสนอหรือนำเสนอไม่ครบถ้วน และไม่ควรรีบปักใจเชื่อใน สิ่งที่สื่อบอก ไม่ว่าสิ่งที่สื่อนำเสนอนั้นจะดูน่าเชื่อถือเพียงใดก็ตาม
กิจกรรมที่ 4
แฟนพันธุ์แท้โฆษณา
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
สามารถวิเคราะห์วิธีต่างๆ ที่สื่อทำให้เราจดจำได้ และบอกหลักคิดที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อโฆษณา
ขั้นตอนกิจกรรม
1. ผู้นำกิจกรรมหรือครูเริ่มต้นกิจกรรมโดยการชวนพูดคุยในประเด็นที่ว่า “จากประสบการณ์ สื่อมีวิธีการใดบ้างที่ทำให้เราจดจำในสินค้าได้” จากนั้นครู นำเข้าสู่การแข่งขัน “เกมแฟนพันธุ์แท้โฆษณา” เพื่อยืนยันว่าสื่อสามารถสร้างการ จดจำและประทับอยู่ในใจเราได้ โดยแบ่ ง ผู้ เ รี ย นเป็ น กลุ่ ม กลุ่ ม ละ 4-5 คน แจกกระดาษ A4 และปากกากลุ่มละ 1 ชุด 2. เริ่มการแข่งขันโดยอธิบายกติกาว่า แต่ละรอบมีเวลา 30 วินาที มีทั้งหมด 10 รอบ (หรือมากกว่าแล้วแต่ความพร้อมของผูน้ ำกิจกรรม) โดยให้แต่ละกลุม่ เขียน ประเภทสินค้าและยี่ห้อที่จดจำได้ลงในกระดาษ A4 ให้ได้มากที่สุดในแต่ละครั้งที่ ผู้นำกิจกรรมหรือครูเปิดหรืออ่าน รอบที่ 1-3 เปิดภาพดาราที่พบเห็นในโฆษณา 3 คน (เปิดทีละคน) รอบที่ 4-6 เปิดสโลแกนหรือคำย้ำที่ได้ยินจากโฆษณาต่างๆ รอบที่ 7-10 เปิดรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ ที่มีโฆษณาแฝง เช่น ละครตลก สถานการณ์ (Sit-Com) ที่ฉายเป็นตอนๆ รายการเล่าข่าว หรือเกมโชว์ต่างๆ เป็นต้น 3. จบการแข่งขัน เฉลยคำตอบพร้อมทั้งให้คะแนน ผู้ชนะรับตำแหน่ง “แฟนพันธุ์แท้เหยื่อโฆษณา” 47 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
4. ชวนพูดคุยและระดมความคิดว่า สื่อต่างๆ ที่เรารับรู้ ในชีวิตประจำวันนั้น มีกลวิธีอย่างไรที่ให้เราจดจำได้ 5. ครูช่วยสรุปความคิดที่ระดมได้และเสริมเพิ่มเติมกลวิธีที่อื่นๆ ที่ยังไม่ได้มี การนำเสนอ 6. คุยแลกเปลี่ยนความคิดผ่านคำถามหลังกิจกรรม
¤ำถามหลังกิจกÃÃม
1. โฆษณามีผลต่อการตัดสินใจการซื้อใช้สินค้าอย่างไร และเราตัดสินใจซื้อ สินค้านั้นด้วยเหตุผลอะไร 2. ช่วยบอกหลักหรือวิธีการที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อของโฆษณา
48 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แนวกาÃ͸ิบาย สื่อและโฆษณาทำให้เราจดจำและจูงใจให้ต้องการบริโภคด้วย 6 กลวิธีหลักๆ ดังนี้ 1. ใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นตัวแทนสินค้า (Presenter) 2. ใช้ข้อความย้ำที่ติดหู จดจำง่าย (Slogan) 3. บอกคุณสมบัติที่โดดเด่นตรงๆ 4. เล่นกับความรู้สึกของผู้รับสื่อ เช่น สนุก ตลก ทะลึ่ง เศร้า หรือ ความรู้สึกที่เกี่ยวเรื่องเพศ ความงาม ความน่าเกลียด 5. ใช้กิจกรรมในชีวิตของกลุ่มเป้าหมายสินค้า เช่น ละคร กีฬา ดนตรี สถานที่ท่องเที่ยว ภาพยนตร์ เป็นต้น 6. ใช้วธิ ีสง่ เสริมการตลาด เช่น ลด แลก แจก แถม ชิงโชค เหล่านี้ เป็นเพียงกลวิธีที่พบเห็นโดยทั่วไป ในความเป็นจริงนั้น นักโฆษณา ต่างพัฒนาเทคนิควิธีการโฆษณาใหม่ๆ ขึ้นมาตลอดเวลา ซึ่งเมื่อตระหนักถึงความจริงดังกล่าว หนทางที่ดีที่สุดคือ ไม่ควร ตัดสินใจซือ้ สินค้าหรือบริการนัน้ ด้วยอารมณ์หรือข้อมูลทีไ่ ด้รบั จากโฆษณา นั้น แต่หากควรหาข้อมูลเพื่อไตร่ตรองศึกษาถึงตัวสินค้านั้นๆ ให้แน่ชัด ก่อนตัดสินใจซือ้ อาจจะใช้เรือ่ งความจำเป็น ความคุม้ ค่า ความปลอดภัย การคุม้ ครอง เป็นหลักในการพิจารณาเลือก เพือ่ ทีจ่ ะไม่ตกเป็นเหยือ่ ของ โฆษณาอย่างง่ายดายจนเกินไป
49 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 5
ลวงให้เชื่อ
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
สามารถบอกถึงลีลาการนำเสนอของสื่อ ที่สะท้อนถึงเจตนา สร้างความเข้าใจในสารของสื่อนั้นได้
ขั้นตอนกิจกรรม
1. ผูน้ ำกิจกรรมหรือครูอธิบายทบทวนถึงลักษณะกลวิธตี า่ งๆ ทีส่ อื่ ใช้ ว่าล้วน แล้วเป็นความจงใจของผู้ผลิต เพื่อให้ผู้บริโภคสื่อเข้าใจตามที่ต้องการ 2. เปิดโฆษณาแชมพูยห่ี อ้ หนึง่ (ทีส่ อ่ื ชวนเชือ่ ด้วยข้อมูลความยาวของเส้นผม หลังใช้ยี่ห้อนี้) และให้ผู้เรียนลองพิจารณาค้นหา 3 สิ่งต่อไปนี้ 1) มีสิ่งที่สื่อต้องบอกกับผู้ดู 2) ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากบอก 3) แต่เขาได้บอกไปแล้ว ถามผู้เรียนว่า เห็น 3 สิ่งดังกล่าวไหม อยู่ตรงไหนของโฆษณา 3. เล่นโฆษณาตัวเดิมซ้ำอีกครัง้ เพือ่ ให้เห็น 3 สิง่ ดังกล่าว แล้วอธิบายถึงวิธกี าร ทีส่ อ่ื ลวงให้เข้าใจ โดยชีใ้ ห้เห็นว่าโฆษณามีความตัง้ ใจทีจ่ ะดึงสายตาเราให้ดขู อ้ ความ ที่โฆษณาอยากให้ดู (มักใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่) แต่ไม่อยากให้สนใจสิ่งที่เขา ไม่อยากบอก (มักเป็นตัวอักษรขนาดเล็ก) 4. ชวนผู้เรียนตีความข้อความที่เขาไม่อยากบอก (ข้อความขนาดเล็กว่ามี ความหมายอย่างไร และคุยแลกเปลี่ยนทำความเข้าใจร่วมกันถึงสารในโฆษณานี้)
50 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
5. เปิดโฆษณาโรลออนระงับกลิ่นกายที่ช่วยให้วงแขนของผู้ชายขาวขึ้น ให้ผู้เรียนดูแล้วชวนค้นหา 3 สิ่งดังกล่าว และตีความข้อความที่โฆษณาไม่อยาก ให้สนใจ (ข้อความขนาดเล็ก) เพื่อเป็นการฝึกซ้ำอีกครั้ง
¤ำถามหลังกิจกÃÃม
1. เรารู้สึกอย่างไรบ้างจากการฝึกหัดดูโฆษณา 2. เพื่อที่จะไม่ตกเป็นเหยื่อสื่อ สิ่งที่เราจะยึดเป็นหลักในการดูสื่อคืออะไร
แนวกาÃ͸ิบาย ตามกฎหมาย ได้บญ ั ญัตกิ ารคุม้ ครองสิทธิการรับข่าวสารทีถ่ กู ต้องแก่ ประชาชน ดังนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้บัญญัติ คุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคไว้ ในมาตรา 57 “สิทธิของบุคคลซึ่งเป็นผู้บริโภค ย่อมได้รบั ความคุม้ ครอง ทัง้ นีต้ ามทีก่ ฎหมายบัญญัต”ิ ซึง่ ได้มกี ฎหมายออก มารองรับคือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 ได้บัญญัติคุ้มครองและให้สิทธิผู้บริโภค ในข้อที่ 1 และข้อที่ 5 ดังนี้ ข้อที่ 1 สิทธิที่พึงได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้อง และเพียงพอเกีย่ วกับสินค้าหรือบริการ เช่น ผูบ้ ริโภคมีสทิ ธิได้รบั การโฆษณา หรือการแสดงฉลากของสินค้าหรือบริการด้วยข้อมูลทีถ่ กู ต้องตรงตามความ เป็นจริง ทัง้ นีข้ า่ วสารข้อมูลนัน้ ต้องปราศจากพิษภัย ไม่ทำให้เกิดความหลงผิด ในการใช้สินค้าหรือบริการนั้นอย่างไม่เป็นธรรม
51 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ข้อที่ 5 สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย ได้แก่ สิทธิท่ีจะได้รับการคุ้มครองและชดใช้ค่าเสียหาย เมื่อมีการละเมิดสิทธิของ ผูบ้ ริโภคตามข้อ 1, 2, 3 และ 4 ดังกล่าว จากความคุม้ ครองสิทธิผบู้ ริโภคตาม พ.ร.บ. นักโฆษณาจึงต้องพยายาม คิดหาทางใช้ลีลาการนำเสนอที่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจโดยไม่ขัดต่อ กฎหมาย ดังนั้นเราต้องตั้งสติและหัดสังเกตดีๆ เพราะเพียงประโยคเล็กๆ ประโยคเดียวในสื่อ อาจทำให้เราเข้าใจความหมายที่ต่างกันได้ ผู้ที่พลั้งเผลอ ก็ จ ะมี ค วามเข้ า ใจตามที่ สื่ อ ต้ อ งการ ผู้ ที่ มี ส ติ ช่ า งสั ง เกตและพยายาม ตีความหมาย ก็จะเข้าใจเนื้อหาที่ลึกซึ้งกว่า และไม่ตกเป็นผู้คล้อยตามสื่อ อย่างไม่มีการคิดพิจารณา
52 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 6
5W.1H.
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
สามารถจับประเด็นหลักในเนื้อหาสาระที่สื่อนำเสนอ และแยกแยะความคิดเห็น อารมณ์ความรู้สึก หรือสีสันของการนำเสนอออกจากข้อมูลหลักได้
ขั้นตอนกิจกรรม
1. ให้ผู้เรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน พร้อมแจกกระดาษ ปากกากลุ่มละ 1 ชุด และข่าวจากหนังสือพิมพ์ทผี่ นู้ ำกิจกรรมหรือครูได้เตรียมไว้ 1 ชิน้ รูปแบบใดก็ได้ เช่น สกู๊ปข่าว (รายงานพิเศษ) คอลัมน์ บทความพิเศษ 2. แต่ละกลุ่มอ่านรายละเอียดเพื่อจับประเด็นหลักของเนื้อหาของข่าวนั้นว่า “เนื้อหาหลักว่าอย่างไร” ด้วยการใช้คำถาม 5W.1H. ได้แก่ Who (ใคร) What (ทำอะไร) When (เมื่อไร) Where (ที่ไหน) Why (เหตุใดหรือทำไม) และ How (อย่างไร) เป็นวิธกี ารในการจับประเด็นหลักทีอ่ ยูใ่ นเนือ้ หาของข่าวนัน้ ๆ โดยแต่ละกลุม่ มีเวลา 10 นาที 3. แต่ละกลุม่ นำเสนอแลกเปลีย่ นประเด็นหลักของเนือ้ หาทีพ่ บจากสือ่ ทีเ่ ลือก โดยมีหัวข้อการนำเสนอคือ 1) ใครเป็นผู้กำหนดสร้างเนื้อหาสาระ 2) เนื้อหาสาระหลักมีว่าอย่างไร เมื่อทุกกลุ่มนำเสนอแล้ว ให้ผู้นำกิจกรรมหรือครูสรุปวิเคราะห์ถึงเนื้อหาที่นำ เสนอของแต่ละกลุ่ม 4. ผูน้ ำกิจกรรมหรือครูให้ผเู้ รียนได้ฝกึ ซ้ำ โดยนำวิธกี ารจับประเด็นหลักในสือ่ 53 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
มาจับประเด็นเนื้อหาของรายการเล่าข่าว โดยเปิดคลิปรายการเล่าข่าวให้ผู้เรียนได้ ดูร่วมกัน วิเคราะห์ร่วมกัน และนำเสนอแลกเปลี่ยนร่วมกัน จากนั้นครูสรุปผลการ วิเคราะห์ เปรียบเทียบความเหมือน ความต่างกันอีกครั้ง 5. ครูชวนหาคำตอบและสรุปด้วยคำถามหลังกิจกรรมร่วมกันกับผู้เรียน
¤ำถามหลังกิจกÃÃม
1. สิ่งที่ปะปนมากับประเด็นของเนื้อหาในสื่อคืออะไรบ้าง 2. ทำอย่างไรเราจึงจับประเด็นหลักของข่าวสารได้ถูกต้องชัดเจนมากที่สุด
54 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แนวกาÃ͸ิบาย 1. สิ่งที่ปรากฏในสื่อมักมีสีสันหรือรายละเอียดที่ชวนให้น่าสนใจ และดึงดูดให้หลงไปจากประเด็นหลักของเนื้อหาที่สื่อนำเสนอ ฉะนั้นขณะ เสพรับสื่อต้องแยกแยะว่าอะไรคือประเด็นหลัก ประเด็นรอง รายละเอียด เพื่อให้เราสามารถ “มองเห็นความจริง” ที่ถูกคลุกเคล้าอยู่ท่ามกลางสีสัน นั้น 2. การฟังความคิดเห็นทีแ่ ตกต่างในผลการวิเคราะห์เนือ้ หาสือ่ จะทำ ให้เราได้ตรวจสอบข้อประเด็นหลักที่สื่อนำเสนอได้กว้างขวางหรือตรงจุด มากยิ่งขึ้น 3. ความคิดเห็น น้ำเสียง ลีลาภาษา จังหวะ อารมณ์ความรู้สึกที่มา กับการนำเสนอของสื่อนั้น สามารถบ่งบอกถึงทัศนคติและความรู้สึกของผู้ นำเสนอต่อเรือ่ งราวทีน่ ำเสนอได้วา่ รูส้ กึ ดีหรือไม่ดี เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ชอบหรือไม่ชอบอย่างไร ซึ่งมีผลต่อการโน้มน้าวให้เราผู้เสพสื่อเกิดความ รู้สึกคล้อยตามผู้นำเสนอ ฉะนั้นเราต้องแยกความคิดเห็นหรือความรู้สึก ออกจากประเด็นหลักของเนื้อหาเมื่อต้องเป็นผู้เสพสื่อ
55 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 7
เห็นรูป เขียนความหมาย
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
สามารถค้นหาความหมายจากการตีความแลกเปลี่ยนร่วมกัน เพื่ออ่านนัยของสัญลักษณ์ต่างๆ ได้ ขั้นตอนกิจกรรม 1. ผูน้ ำกิจกรรมหรือครูเกริน่ นำถึงสือ่ หลายๆ ประเภททีม่ กั ใช้รปู แบบทางภาษา เช่น ภาษาภาพ ภาษาอักษร ภาษาเสียง เป็นวิธีในการสื่อสาร เพื่อให้เรารับรู้ถึงสาร ที่สื่อพยายามส่งถึงเรา 2. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน พร้อมทั้งแจกกระดาษปรู๊ฟและปากกา จากนั้นให้ทุกกลุ่มดูภาพต่อไปนี้แล้วตอบว่า คือรูปอะไร และหมายถึงอะไร ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ สัญญาณในไฟจราจร 3. ครูอธิบายให้ผู้เรียนเข้าใจเรื่อง “สัญญะ” ตามแนวการอธิบายข้อที่ 1 4. ให้แต่ละกลุ่มฝึกระดมคำตอบให้ได้มากที่สุดว่า “ความหมายของสัญญะ” ของสิ่งต่อไปนี้เป็นอะไรได้บ้าง โดยมีเวลา 30 วินาทีในการระดมคำตอบของ แต่ละสิ่ง หมวดสิ่งของ - ไม้ขีดไฟ - ไม้กวาด - ขนมเค้ก หมวดสถานที่ - พิพิธภัณฑ์ - ทะเล - สนามวิ่ง หมวดภาพ - เด็กอายุ 1 ขวบ - ภาพนักธุรกิจ - ภาพดวงอาทิตย์ตก หมวดสี - สีชมพู - สีแดง - สีน้ำเงิน หมวดเสียง - เสียงไก่ขัน - เสียงไซเรน - เสียงเข็มนาฬิกาเดิน 56 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ครูสอบถามเปรียบเทียบคำตอบของแต่ละกลุม่ เพือ่ ให้เข้าใจถึงความหลากหลาย ของ “ความหมายสัญญะ” ที่เป็นไปได้ของ “รูปสัญญะ” โดยไม่ตัดสินคำตอบ ที่ได้ว่าถูกหรือผิด 5. ให้ผเู้ รียนช่วยกันสรุปตามคำถามหลังกิจกรรม และครูรว่ มแลกเปลีย่ นตาม แนวการอธิบายข้อที่ 2
¤ำถามหลังกิจกÃÃม
เราจะมีวิธีการอ่านสื่ออย่างไรบ้าง เพื่อให้เข้าใจความหมายเชิงลึกได้มากขึ้น
แนวกาÃ͸ิบาย 1. คำว่า “สัญญะ” คือ สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยประสาทสัมผัส และเป็นสิ่งที่ คนกลุ่มหนึ่งได้ตกลงกันใช้สิ่งนั้นเป็น “เครื่องหมาย” เพื่อหมายถึงอีกสิ่งหนึ่ง ที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในนั้น ตัวเครื่องหมายนี้เรียกว่า “รูปสัญญะ” (Signifier) และสิ่งที่ถูกหมายถึงเรียกว่า “ความหมายสัญญะ” (Signified) รูปสัญญะ คือ รูปแบบอะไรก็ตามทีถ่ กู นำมาใช้เพือ่ ถ่ายทอดความหมาย เช่น ตัวหนังสือ ภาพ เสียง สิ่งของ หรืออื่นๆ ที่สัมผัสได้ โดยประสาทสัมผัส ทั้ง 5 ความหมายสัญญะ คือ แนวคิด ความคิดรวบยอด สิ่งที่หมายถึงนั้นสื่อ ออกมา เครื่องหมาย ----------- รูปสัญญะ + ความหมายสัญญะ Sign ------------------ Signifier + Signified เครื่องหมายมีองค์ประกอบของ “รูปสัญญะ” และ “ความหมายสัญญะ”
57 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
นอกจากนี้ ทั้งนี้แต่ละเครื่องหมายนั้นมีความหมายอยู่ด้วยกัน 2 ระดับ นั่นคือ ระดับแรก ความหมายตรง และระดับที่สอง ความหมายแฝง ความหมายตรง ในการพิจารณาถึงสิง่ ทีต่ วั หนังสือหรือตัวภาพสือ่ ออกมา ตรงๆ เราต้องวิเคราะห์ ในระดับของการอธิบายหรือพรรณนา (Descriptive level) โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องค้นลงไปถึงสิ่งที่อาจซ่อนอยู่ลึกลงไปอีกระดับ ความหมายแฝง ผูร้ บั สารต้องวิเคราะห์ดว้ ยการตัง้ คำถามถึงความเป็นไปได้ ทั้งหมดของความหมายแฝงที่มาด้วยกันกับเครื่องหมาย (Sign) ว่ามันสื่อถึง ความรู้สึก ความเชื่อ หรือความคิดมายังผู้รับทั้งหลายอย่างไรบ้าง ตัวอย่างเช่น ดอกกุหลาบ เครื่องหมาย (Sign) คือ ดอกกุหลาบ ความหมายตรง คือ ดอกของพืชชนิดหนึ่ง มีลักษณะทรงถ้วยสีแดง ก้านดอกสีเขียวยาว มีหนาม ความหมายแฝง คือ ความรัก ความชื่นชอบ เป็นต้น 2. เนื่องจากระบบทุนนิยมสมัยใหม่เป็นสังคมบริโภคและสังคมแห่ง สัญญะ ก่อนที่สินค้าจะถูกนำเสนอให้บริโภค ตัวสินค้านั้นจะต้องถูกแปรสภาพ เป็นสัญญะก่อน ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การหีบห่อสินค้า (Packaging) การกำหนดราคา การกำหนดตรายี่ห้อ การจัดวางสถานที่จำหน่ายสินค้า การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ ล้วนแต่ทำให้สินค้าแปรสภาพเป็นสัญญะทั้งสิ้น ดังนั้นเราไม่ได้บริโภคแต่ “วัตถุ” เพียงอย่างเดียว แต่ยังได้บริโภค “สัญญะ” ไปพร้อมๆ กันเสมอ เช่น เครื่องสำอางบำรุงผิว ไม่ได้มีความหมายตรงเพียงว่า เป็นสิง่ ทีใ่ ช้ ในการดูแลบำรุงผิวพรรณ แต่ยงั มีความหมายแฝงถึงการสร้างความ ดึ ง ดู ด จากเพศตรงข้ า ม หรื อ รถเบนซ์ ที่ ไ ม่ ไ ด้ มี เ พี ย งความหมายตรงที่ ว่ า ยานยนต์ทมี่ คี ณ ุ ภาพ แต่ยงั มีความหมายแฝงทีส่ ะท้อนถึงฐานะทีด่ มี คี วามมัง่ คัง่ ทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
58 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 8
ข้างหลังภาพ
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
บอกความหมายของสื่อที่เกิดจากการสรุป รวบรวมความคิดที่หลากหลายได้ ขั้นตอนกิจกรรม 1. ครูนำเข้าสู่กิจกรรมด้วยการเกริ่นถึงความหมายของภาพที่ปรากฏอยู่ใน สื่อต่างๆ ว่าผู้ผลิตมีความตั้งใจที่จะสื่อความหมายให้เรารับรู้ จากนั้นชวนกันแปล ความจากสื่อที่เตรียมให้ต่อไปนี้ 2. แจกกระดาษ Post-it คนละ 5 แผ่น แล้วให้ผู้เรียนแต่ละคนวิเคราะห์และ แปลความหมายของภาพตามความเข้าใจของตนเอง แล้วเขียนลงในกระดาษ Post-it แผ่นละ 1 ความหมาย 3. ดูภาพวาดของ Norman Rockwell ต่อไปนี้ แล้วแปลความหมายทีภ่ าพต้อง การจะสื่อสารออกมา - The Tattooist - Happy Birthday Miss Jones - Girl at the Mirror - Runaway - New Kid in the Neighbourhood (ผู้ จั ด กิ จ กรรมหรื อ ครู ส ามารถค้ น หาภาพวาดของ Norman Rockwell ได้ผ่านเว็บไซต์ google.com โดยพิมพ์ชื่อ Norman Rockwell ตามด้วยชื่อภาพ)
59 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
4. ครูนำภาพแต่ละภาพไปติดกระจายไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วห้อง 5. ให้ผู้เรียนแต่ละคนนำกระดาษ Post-it แต่ละแผ่นที่เขียนความหมายแล้ว ไปติดไว้ข้างใต้ของแต่ละภาพที่เลือกแปลความ โดยนำไปติดอย่างรวดเร็วแล้วรีบ กลับมานั่งที่เดิม 6. ให้แต่ละคนเลือกภาพทีต่ นสนใจและจัดกลุม่ ให้คนทีส่ นใจภาพเดียวกันอยู่ ด้วยกัน แต่ผู้นำกิจกรรมหรือครูต้องเฉลี่ยให้แต่ละภาพมีจำนวนคนที่ใกล้เคียงกัน 7. แต่ละกลุ่มช่วยกันรวบรวม Post-it ที่ติดอยู่ใต้รูปนั้นๆ มารวมความหมาย กันเป็นข้อความอธิบายความหมายของรูป และให้ตคี วามขยายเพิม่ เติมถึงนัยต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ในรูปนั้น 8. จากนัน้ ให้แต่ละกลุม่ นำเสนอข้อความอธิบายความหมาย และเปิดวงอภิปราย เพิ่มเติมร่วมกันในรายละเอียดที่เห็นแตกต่างของแต่ละภาพ
¤ำถามหลังกิจกÃÃม
1. การแปลความหมายของภาพที่แตกต่างกันไปตามรายละเอียดนั้นขึ้นอยู่ กับอะไรบ้าง 2. เราจะมีวธิ ใี ดบ้างทีจ่ ะทำให้แน่ใจได้วา่ การแปลความหมายของเราไม่ผดิ เพีย้ น
60 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แนวกาÃ͸ิบาย 1. การสื่อสารด้วยภาพนั้น เป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ส่งสารตั้งใจให้ผู้รับ สารเกิดความรู้สึกและเข้าใจตามที่ผู้ส่งสารต้องการ ดังคำกล่าวที่ว่า “ภาพหนึง่ ภาพสามารถแทนคำพูดได้เป็นพันคำ” เพราะในบางสถานการณ์ ถ้อยคำ ภาษาเขียน หรือภาษาพูดอาจไม่สามารถถ่ายทอดได้อย่างครบถ้วน หรือมีพลังมากพอ ผู้ผลิตสื่อจึงเลือกใช้ภาพในการสื่อสารแทน เพื่อ ให้สิ่งที่ต้องการสื่อนั้นสามารถเข้าถึงหัวใจของผู้รับสารได้อย่างตรงเป้า และเปีย มพลัง นัน่ หมายความว่าทุกภาพทีป่ รากฏต่อสายตา ล้วนเป็นสิง่ ที่ ถูกคัดสรรมาเพื่อแทงตรงเข้าหัวใจของเราแล้วทั้งสิ้น 2. เมือ่ แต่ละภาพทีเ่ ราพบเห็นในแต่ละสือ่ นัน้ ล้วนแต่มคี วามหมาย เพราะเป็นความตั้งใจของผู้ผลิตที่จะสื่อความหมาย เราในฐานะผู้เสพสื่อ ควรทีจ่ ะฝึกฝนการอ่านความหมายทีอ่ ยูใ่ นภาพนัน้ เป็นการทำความเข้าใจ ว่า สื่อต้องการบอกอะไรเรา เพื่อที่เราจะได้พิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ ยอมรับหรือไม่กับเนื้อหาที่สื่อนั้นนำเสนอ
61 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 9 CRASH พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้ สามารถวิเคราะห์และบอกถึงค่านิยม หรือทัศนคติที่อยู่ในสื่อได้
ขั้นตอนกิจกรรม 1. ผู้นำกิจกรรมหรือครูเกริ่นนำให้ผู้เรียนสังเกตถึงค่านิยมและทัศนคติต่างๆ ที่สื่อนำเสนอให้เข้าใจว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นของแถมที่มีอิทธิพลต่อความคิดและ พฤติกรรมของเราทุกคน 2. แบ่งกลุ่มวิเคราะห์เพลง ให้แต่ละกลุ่มค้นหาค่านิยม มุมมอง ทัศนคติที่ อยูใ่ นแต่ละเพลงทีม่ อบให้วา่ ในสือ่ ทีก่ ลุม่ เราได้รบั นัน้ นำเสนอค่านิยมเรือ่ งอะไร และ เพลงนัน้ บอกเกีย่ วกับค่านิยมนัน้ ว่าอย่างไร แล้วแต่ละกลุม่ นำเสนอผลการวิเคราะห์ แลกเปลี่ยนกันและกัน พร้อมทั้งครูเสริมมุมมองที่แตกต่างเพิ่มเติมให้ผู้เรียนเห็น ชัดเจนมากยิ่งขึ้น 3. ครูอธิบาย CRASH ให้ผู้เรียนเข้าใจ เพื่อใช้เป็นกรอบสำหรับใช้วิเคราะห์ ค่านิยมที่อยู่ในสื่อ 4. แต่ละกลุ่มฝึกการวิเคราะห์ซ้ำอีกครั้ง ค้นหาค่านิยม มุมมอง ทัศนคติที่อยู่ ในสื่อโปสเตอร์ แผ่นพับ โฆษณาในนิตยสาร โฆษณาโทรทัศน์ โดยให้แต่ละกลุ่ม วิเคราะห์สื่อแต่ละตัวที่มอบให้ ดังนี้ 1) ในสื่อที่กลุ่มเราได้รับนั้นนำเสนอค่านิยมเรื่องอะไร โดยใช้ CRASH 2) สื่อนั้นบอกเกี่ยวกับค่านิยมนั้นว่าอะไร 5. แต่ละกลุ่มนำเสนอแลกเปลี่ยนอภิปรายร่วมกัน 62 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
¤ำถามหลังกิจกÃÃม
ค่านิยมและทัศนคติที่แฝงมากับสื่อนั้น อาจสร้างผลกระทบกับผู้เสพอย่างไร
แนวกาÃ͸ิบาย วิธีการวิเคราะห์ที่มีประโยชน์อีกวิธีหนึ่งซึ่งนำมาใช้ ในการอ่านสื่อคือ ทฤษฎี CRASH ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก class (ชนชั้น) / race (เชื้อชาติ) / age (อายุ) / sex (เพศ) / handicap (ความพร่อง) คือ Class หมายถึง ชนชั้น ภาพหรือสื่อที่เราเห็นนั้นมีเรื่องชนชั้นหรือไม่ อย่างไร ชนชัน้ นีอ้ าจจะเป็นความแตกต่างทางระดับฐานะ ทางอำนาจการปกครอง หรือทางระดับความรู้ สือ่ นัน้ มีมมุ มองแบบเหมารวมตายตัวต่อชนชัน้ นัน้ อย่างไร ในความเป็นจริงแต่ละชนชั้นเหมือนหรือต่างจากมุมมองของสื่อ Race หมายถึง เชื้อชาติ มีการนำเชื้อชาติมาเล่นในสื่อนั้นไหม หรือมี การดูหมิ่นทางเชื้อชาติหรือไม่ แบ่งแยกขาว แยกเหลือง หรือแยกดำหรือไม่ สำหรับเรื่องเชื้อชาตินี้เราไม่ควรตีความแบบตายตัว เพราะในแต่ละเชื้อชาติ ก็มีความหลากหลายอยู่ในตัวเองเช่นกัน Age เป็นเรื่องเกี่ยวกับอายุ สื่อนั้นเอาเรื่องอายุมาเล่นไหม ละเมิด คนแก่ ห รื อ เด็ ก หรื อ เปล่ า สื่ อ มองคนแก่ ห รื อ เด็ ก มี คุ ณ สมบั ติ ศั ก ยภาพ ความด้อยอย่างไร Sex เป็นเรื่องเกี่ยวกับเพศ หรือเพศภาวะ (Gender) หรือวิถีทางเพศ (Sexuality) ซึ่งควรพิจารณาว่าสื่อนั้นได้เอาเรื่องเพศ หรือการละเมิดทางสิทธิ ทางเพศมาเล่ น หรื อ ไม่ เช่ น มี ก ารพู ด ถึ ง ความเป็ น ผู้ ห ญิ ง ผู้ ช าย หรื อ
63 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
เพศที่สามในทางใด ใช้ความสนใจเรื่องเพศในแต่ละช่วงวัยมากระตุ้นหรือ สร้างการจดจำอย่างไร Handicap หมายถึง เรือ่ งของผูด้ อ้ ยโอกาส คนชายขอบ ความพิการ หรือคนทีไ่ ปไม่ถงึ ดวงดาวด้วยความบกพร่องบางอย่าง สือ่ นัน้ ได้พดู ถึงเรือ่ ง เหล่านี้ในทางใด เมื่อไรก็ตามที่เห็นภาพต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนสื่อ เราสามารถนำหลัก วิธีการข้างต้นนี้มาประยุกต์ ใช้ ในการอ่านได้ เช่น การวิเคราะห์ชนชั้น เชื้อชาติ อายุ เพศ และความอ่อนด้อยของผู้คนที่ปรากฏในสื่อ ซึ่งจะทำให้ มองเห็นท่าทีของสื่อมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอคติ บรรทัดฐาน หรือรวมไปถึงความหมายแฝงต่างๆ ของสารที่ส่งถึงผู้รับสื่อ
64 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 10
เห็นด้วยหรือไม่
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้ แสดงการยอมรับหรือปฏิเสธ ต่อสิ่งที่สื่อนำเสนอได้อย่างมีเหตุผล
ขั้นตอนกิจกรรม 1. ผู้นำกิจกรรมหรือครูซักถามเชิงสำรวจว่าเพลงที่เราประทับใจหรือเพลงที่ เราชอบคือเพลงอะไร เพราะอะไร เล่าแลกเปลี่ยนกันฟัง และชวนแสดงความเห็น ต่อเนื้อหาเพลงนั้นๆ ด้วยกัน 2. ผู้นำกิจกรรมหรือครูชวนฟังเพลงที่เตรียมมา โดยแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะได้รับเพลงหนึ่งเพลงเพื่อวิเคราะห์ 3. ให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์กันว่า เพลงที่ฟังต่อไปนี้ 1) บอกเล่าอะไรบ้าง (ใช้หลัก 5W 1H ในกิจกรรม 6 มาวิเคราะห์) 2) ค่านิยมหรือทัศนคติที่แฝงอยู่คืออะไร และเป็นอย่างไร 3) เพราะอะไรถึงเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย กับค่านิยมหรือทัศนคติที่แฝง มากับเพลงนั้น 4. หลังจากแต่ละกลุม่ วิเคราะห์เสร็จ ให้นำเสนอและอภิปรายถกเถียงกันด้วย เหตุผลว่า สิ่งที่เพื่อนนำเสนอนั้นเราเห็นด้วยกับเพื่อนหรือเห็นต่างอย่างไร 5. ครูสรุปถึงการใช้เหตุผลในการพิจารณา
คำถามหลังกิจกรรม
ค่านิยมหรือทัศนคติทแ่ี ฝงมากับสือ่ นัน้ สร้างผลกระทบต่อสังคมในด้านใดบ้าง 65 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แนวกาÃ͸ิบาย 1. ทุกสือ่ ทีถ่ กู สร้างขึน้ นัน้ จะมีการผสมผสานค่านิยม ทัศนคติ และ มุมมองของผูส้ ร้างลงไปในตัวสือ่ ด้วยเสมอซึง่ อาจจะเป็นไปด้วยความตัง้ ใจ หรือไม่ตั้งใจก็ได้ ฉะนั้นพื้นฐานสำคัญเพื่อรู้เท่าทันสื่อคือการพิจารณาให้ เห็นถึงทัศนคติ ค่านิยม และมุมมองที่ปรากฏอยู่ในสื่อนั้น 2. เมื่อเราเห็นถึงทัศนคติ ค่านิยม และมุมมองที่ปรากฏอยู่ในสื่อ นั้นแล้ว สิ่งที่จะทำให้รู้เท่าทันและป้องกันการปลูกฝังค่านิยมหรือทัศนคติ จากสือ่ ทีอ่ าจก่อให้เกิดปัญหาหรือเป็นทุกข์คอื ต้องใคร่ครวญคิดพิจารณา ถึงทัศนคติ ค่านิยม และมุมมองที่ปรากฏในสื่อนั้นว่า “เพราะอะไรถึง เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย กับทัศนคติ ค่านิยม และมุมมองที่ปรากฏอยู่ใน สื่อนั้น” โดยใช้เหตุใช้ผลและการประเมินถึงผลกระทบจากค่านิยมที่เกิด ขึ้นต่อตัวเอง ต่อสังคมเป็นหลักในการพิจารณา
66 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 11
5 แบบที่สื่อบอกให้เป็น
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
นำเสนอความคิดแบบตอบโต้ต่อสิ่งที่ชวนเชื่อให้เรารู้สึกเป็นเหมือน ตัวละครในสื่อ และบอกถึงอัตลักษณ์ที่เหมาะสมกับตัวเราได้ ขั้นตอนกิจกรรม 1. ผู้นำกิจกรรมหรือครูผู้สอนอุ่นเครื่องความคิด โดยการชวนคุยถึงลักษณะ ของตัวละครที่เคยพบเห็นในโฆษณาว่ามีลักษณะอย่างไรบ้าง แล้วแบ่งกลุ่มผู้เรียน ประมาณ 5 กลุ่ม 2. ทุกกลุม่ ส่งตัวแทนมาจับฉลากว่ากลุม่ ใดได้วเิ คราะห์โฆษณาใด ให้แต่ละกลุม่ ดูโฆษณาที่จับฉลากได้ แล้ววิเคราะห์ลักษณะของตัวละครที่ปรากฏอยู่ในโฆษณา ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับตัวสินค้า 3. แต่ละกลุม่ นำเสนอ และครูชว่ ยสรุปเป็นลักษณะตัวละครทัง้ 5 แบบทีโ่ ฆษณา มักกระตุ้นโน้มน้าวให้เราเป็น ตามแนวการอธิบายข้อ 1 และอธิบายเสริมถึงเรื่อง การกระตุ้นและโน้มน้าวของสื่อ ตามแนวการอธิบายข้อ 2 4. คุยแลกเปลีย่ นกับผูเ้ รียนและชวนแต่ละกลุม่ คิดกันว่า “เมือ่ ใช้สนิ ค้า บริการ นัน้ ๆ แล้ว เราจะเป็นคนแบบทีส่ อื่ บอกหรือไม่ ถ้าคำตอบว่าไม่ เราจะโต้ตอบประเด็น เนื้อหาโฆษณาชิ้นนั้นอย่างไร” แต่ละกลุ่มระดมความคิดให้ได้มากที่สุด 5. ให้ผเู้ รียนแต่ละกลุม่ ผลิตและแสดงโฆษณารณรงค์กลุม่ ละ 1 ตัว ทีม่ เี นือ้ หา ตอบโต้ประเด็นในโฆษณา มีความยาวไม่เกิน 1 นาที 6. แต่ละกลุ่มแสดงนำเสนอโฆษณา และครูสรุปประเด็นจากการนำเสนอ ของแต่ละกลุ่มและสรุปตามแนวการอธิบายข้อ 3 67 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
¤ำถามหลังกิจกÃÃม
1. เรามีความต้องการที่จะเป็นเหมือนตัวละครในสื่อก่อนที่สื่อบอก หรือ สื่อบอกให้เรารู้ก่อนเราจึงเกิดความต้องการตามมา 2. คิดว่าตัวเราควรมีลกั ษณะเช่นไร หรือมีอตั ลักษณ์เช่นไร แบบไหนทีเ่ ราควร เป็นและเหมาะกับเรา
แนวกาÃ͸ิบาย 1. ตัวละครในสื่อปรากฏลักษณะให้เราเห็นมี 5 แบบ ดังนี้ แบบ 1 ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนมีพลังอำนาจ (Power) แบบ 2 ให้ความรูส้ กึ ว่าคนเรามีความมัน่ คง ดูรำ่ รวย มีเงิน มีฐานะ (Wealth) แบบ 3 ให้ความรู้สึกเป็นคนที่มีสถานภาพทางสังคมดีข้ึน ดูมี สถานภาพทางสังคมดีกว่าคนอื่น แบบ 4 ให้ความรูส้ กึ ว่าเป็นทีส่ นใจของเพศตรงข้าม สามารถดึงดูด ใจเพศตรงข้ามได้ (Sex Appeal)
68 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แบบ 5 ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนที่มีความดี (Good Nature) ทั้ง 5 แบบในตัวละครนี้ เรียกว่า “ฉันในอุดมคติ (ideal-I)” เนื่องจาก เป็นรูปแบบที่คนส่วนใหญ่ปรารถนาจะเป็นหรือมี และสื่อพยายามโน้มน้าว ให้เราอยากที่จะเป็นหรือตาม 2. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมทำให้ระบบการผลิตเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เคยผลิตเพื่อบริโภคในครอบครัวหรือชุมชนก็กลายเป็นผลิต ครัง้ ละมากๆ เพือ่ สร้างรายได้ ให้เกิดความมัง่ คัง่ สิง่ ทีต่ ามมาคือ ผูผ้ ลิตจึงต้อง ชักจูงให้ผู้บริโภคเกิดการบริโภคที่เหมือนๆ กัน เช่น การตามแฟชั่น ผลิต สินค้าขึ้นมาก่อน แล้วจึงเหนี่ยวนำให้เกิดความต้องการใช้สินค้านั้นภายหลัง โดยผูผ้ ลิตสือ่ รูถ้ งึ ความต้องการลึกๆ ของผูบ้ ริโภคสินค้า จึงผลิตสือ่ ทีโ่ น้มน้าว กระตุ้ น ให้ เ รารู้ สึ ก ว่ า “เราเป็ น แบบตั ว ละครที่ ป รากฏในโฆษณานั้ น ได้ เพียงเราใช้สินค้าชนิดนี้” 3. ไม่ว่าสื่อจะโน้มน้าวให้เราอยากเป็นแบบใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “เราควรรู้จักตัวเองและรู้ว่าตัวเองควรเป็นแบบไหน มากกว่าจะเป็นไปตาม ที่สื่อบอกหรือกระตุ้นให้เราเป็น”
69 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 12
คุณค่า 4 ระดับ
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
สามารถใช้กระบวนการประเมินคุณค่า จำแนกแยกแยะระดับคุณค่าของสื่อจากการประเมินสื่อได้ ขั้นตอนกิจกรรม 1. ผู้นำกิจกรรมหรือครูให้ผู้เรียนหาสื่อก่อนเข้าห้องเรียน เตรียมสื่อมา คนละ 1 ชิ้น ที่คิดว่า “เป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อตัวเรา (อาจจะด้านบวกหรือลบก็ได้)” พร้อมทั้งเตรียมอธิบายว่าสื่อนี้มีอิทธิพลกับเราอย่างไร 2. ผู้นำกิจกรรมหรือครูสุ่มผู้เรียนขึ้นมา 5-6 คน ให้อธิบายว่า สื่อที่เตรียม มานั้นมีอิทธิพลกับเราอย่างไร 3. ให้แต่ละคนเขียนประเมินคุณค่าที่อยู่ในสื่อว่ามีคุณค่าอย่างไร 4. ผูน้ ำกิจกรรมหรือครูอธิบายระดับคุณค่าของสือ่ 4 ระดับ ตามแนวการอธิบาย 5. ให้ผ้เู รียนจัดระดับคุณค่าของสื่อที่ตัวเองนำมา ว่าอยู่ในระดับใดตามระดับที่ครูได้อธิบายไปแล้ว 6. รวมกลุม่ กลุม่ ละ 6 คน พูดคุยแลกเปลีย่ น ว่า สื่อที่ตัวเองนำมานั้นมีคุณค่าอย่างไร ระดับใด 7. ผู้นำกิจกรรมหรือครูสุ่มเลือกสื่อของ ผู้เรียนบางคนที่ได้นำมา ฉายสื่อนั้นให้ทุกคน ได้ดแู ละให้นำเสนอการประเมินคุณค่าสือ่ ของ ตนเอง
8. ผู้นำกิจกรรมหรือครูเปิดให้ดูตัวอย่างสื่อที่มีคุณค่าในระดับที่ยังไม่ได้ นำเสนอ เพือ่ ให้ผเู้ รียนเห็นลักษณะสือ่ ทีม่ คี ณ ุ ค่าแตกต่างกันทัง้ 4 ระดับ (หากมีเวลา ก็ให้เปิดสื่อต่างๆ และฝึกประเมินคุณค่าร่วมกันซ้ำอีกครั้ง)
¤ำถามท้ายกิจกÃÃม
สื่ อ ที่ ช่ ว ยให้ ค นมี คุ ณ ภาพทางความคิ ด ควรเป็ น สื่ อ ที่ มี คุ ณ ค่ า ระดั บ ใด เพราะเหตุใด
แนวกาÃ͸ิบาย ระดับคุณค่าที่ปรากฏอยู่ในสื่อมีด้วยกัน 4 ระดับ ดังนี้ ระดับ 1 (ต่ำสุด) ตอบสนองอารมณ์/ความรู้สึก ทำให้เกิดความรูส้ กึ มันส์ สนุก เร้าใจ สะใจ เศร้า สงสาร เป็นต้น ส่วนมากสื่อที่ให้คุณค่าระดับนี้จะเน้นอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าประโยชน์ สาระ ระดับ 2 ให้ความรู้/ข้อมูลใหม่ ทำให้ผเู้ สพสือ่ ได้รบั ข้อมูลใหม่ๆ เป็นความรูท้ ผ่ี เู้ สพสือ่ ยังไม่เคย รู้ เช่น ความรู้เฉพาะทางต่างๆ ที่คนทั่วไปไม่รู้ แต่เป็นเพียงให้ข้อมูล ยังไม่ สามารถสร้างแนวความคิดใหม่ๆ ได้ ระดับ 3 สร้างความคิด ทำให้ผเู้ สพสือ่ สร้างความคิดใหม่ๆ กระตุน้ ความคิด สร้างแนวคิด ตอบสนองกับการเรียนรู้และการเติบโตในแต่ละวัย เช่น สื่อที่สร้างให้ ผูเ้ สพมีความคิดในการสร้างสรรค์ หรือกระบวนการแก้ปญ ั หาต่างๆ หรือสือ่ ที่ทำให้ค้นพบแก่นความคิด มุมมองด้านบวก
71 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ระดับ 4 (สูงสุด) พัฒนาจิตใจให้ดีงามขึ้น ทำให้ผู้เสพสื่อเข้าถึงความจริง (Truthทำให้เห็นสัจธรรมชีวิต บางอย่าง ชำระล้างความคิดจิตอกุศล เกิดแรงบันดาลใจ จุดประกายวิถกี าร ดำเนินชีวิตสร้างความมุ่งมั่น สร้างสายตาที่มองเห็นแก่นแท้ของโลกหรือ สรรพสิ่งรอบตัว สื่อที่มีคุณค่าระดับสูงๆ มักมีคุณค่าอื่นๆ ในระดับรองลงมาด้วย ในการสนับสนุนให้ผู้เรียนเสพสื่อนั้น ควรที่จะเสพสื่อที่ให้คุณค่าใน ระดับที่ 3 ขึ้นไป เพื่อที่จะสร้างความคิด นำไปประยุกต์ ใช้ ในชีวิต ผู้นำกิจกรรมหรือครูควรฝึกตนเองโดยใช้หลักประเมินให้คุณค่า 4 ระดับข้างต้น และแสดงการใช้เหตุผลวิเคราะห์ วิจารณ์สอื่ ทีม่ รี ะดับคุณค่าต่ำ เพื่อเป็นตัวอย่างทางความคิดและพฤติกรรมแก่ผู้เรียน
72 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กิจกรรมที่ 13
เจตนานี้เพื่อ...
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
บอกพฤติกรรมที่สื่ออยากให้เรากระทำ และประเมินได้ว่าสื่อนี้มีเจตนาอะไร
ขั้นตอนกิจกรรม
คำถามท้ายกิจกรรม
1. แบ่งกลุ่มผู้เรียนกลุ่มละ 4-5 คน และแจกกระดาษ ปากกากลุ่มละ 1 ชุด 2. แต่ละกลุม่ จะได้รบั สิง่ พิมพ์โฆษณาสินค้าต่างๆ กลุม่ ละ 1 ใบ (ใบปลิวทีน่ ำมาใช้ ได้แก่ ใบปลิวบริการของมือถือ โปสเตอร์รณรงค์ แผ่นพับโฆษณาสินค้า เป็นต้น) ให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์ถึงเจตนาของสื่อตามโจทย์ต่อไปนี้ 1) สื่อนี้ให้คุณค่าระดับใด 2) สือ่ นีต้ อ้ งการให้เราเกิดพฤติกรรมอะไร อะไรในสือ่ ทีบ่ อกเจตนาเช่นนัน้ 3) ถ้าเรามีพฤติกรรมตามทีส่ อ่ื ต้องการ ใครจะเป็นผูท้ ไ่ี ด้รบั ประโยชน์มาก ที่สุด และเกิดผลกระทบอะไรกับใครบ้าง 3. แต่ละกลุม่ นำเสนอผลการวิเคราะห์ และประเมินเจตนาของสือ่ ทีแ่ ต่ละกลุม่ ได้รับ 4. ผู้นำกิจกรรมหรือครูสรุปให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเจตนาที่สื่อต้องการ กับเนื้อหา รูปแบบ และผู้สร้างเนื้อหาของสื่อ พร้อมทั้งประเมินผลประโยชน์และ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากพฤติกรรม เราควรมีหลักอย่างไรจึงจะไม่ทำให้คล้อยตามสื่ออย่างไม่มีเหตุผล 73 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
แนวกาÃ͸ิบาย เจตนาของสื่อที่ต้องการให้เราเกิดพฤติกรรมนั้นมีความสัมพันธ์กับ เนื้อหา รูปแบบที่สื่อได้นำเสนอ ซึ่งผู้รับสื่อสามารถสังเกตและวิเคราะห์ถึง บางอย่างทีส่ อ่ื เจตนาให้เราเห็นและรับรู้ได้ บางอย่างสือ่ ก็นำเสนอให้เห็นเด่นชัด บางอย่างสื่อก็ไม่ได้นำเสนอตรงๆ ต้องตีความหมายและประเมินจึงจะเห็น เจตนาชัดเจนขึ้น การประเมินเจตนาของสื่อ เราสามารถพิจารณาองค์ประกอบของการ สื่อสาร ในความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของสื่อ/ผู้ผลิต เนื้อหา วิธีการนำเสนอ ประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น เจ้าของสื่อนี้คือใคร/ ผู้ผลิตคือใคร เนื้อหาพูดว่าอย่างไร/ โน้มน้าวเราอย่างไร พฤติกรรมของสื่อที่เรา อยากให้เกิดคืออะไร ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ จากพฤติกรรมของเรา
เจตนาของสือ่ คือประโยชน์และอำนาจ ผูเ้ รียนรูค้ วรพิจารณาว่า ประโยชน์และอำนาจนั้นเกิดขึ้นกับใครบ้าง และยอมรับ ได้หรือไม่ เพราะอะไร นี่คือสิ่งที่ต้องพิจารณาให้เห็นชัด ก่อนตัดสินใจคล้อยตามหรือปฏิเสธ
กิจกรรมที่ 14
ยืนข้างไหน
พฤติกรรมที่บ่งชี้จากการเรียนรู้
สามารถบอกถึงขอบเขตพฤติกรรมที่ถือเป็นการละเมิดได้ และแสดงความคิดปฏิเสธไม่ยอมรับหรือไม่สนับสนุน การทำร้ายบุคคลอื่นโดยใช้สื่อ
ขั้นตอนกิจกรรม
1. ผู้นำกิจกรรมหรือครูเตรียมภาพข่าวของดาราหรือคนที่มีชื่อเสียงที่ถูก แอบถ่ายมาเปิดประเด็นในการอภิปราย 2. ผู้นำกิจกรรมหรือครูอ่านรายละเอียดของข่าวให้ฟัง ให้เห็นทั้งมุมความ เสียหายของผู้ถูกแอบถ่าย และโทษที่ผู้แอบถ่ายได้รับ 3. ให้ผู้เรียนแต่ละคนเขียนความรู้สึกต่อข่าวนี้ และครูสุ่มเลือกบางคนให้เล่า ความรู้สึกที่เขียน 4. ครูให้ผู้เรียนจัดกลุ่มโดยแบ่งพื้นที่ยืน 2 ข้างของห้อง ข้างหนึ่งยอมรับได้ หรือเห็นด้วย ส่วนอีกข้างยอมรับไม่ได้หรือไม่เห็นด้วย แล้วอ่านข้อความที่บ่งบอก ถึงทัศนะต่อไปนี้ แล้วให้ทุกคนพิจารณาเลือกยืนข้างไหน - การถูกแอบถ่ายเป็นเรื่องไม่ระมัดระวังตัวของผู้เสียหายเอง - ดาราเป็นบุคคลสาธารณะที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วไปอยู่แล้ว การ โดนแอบถ่ายเป็นเรื่องปกติธรรมดา - การถูกแอบถ่ายเป็นการล่วงละเมิด - ส่วนใหญ่ข่าวที่นำเสนอดาราถูกแอบถ่าย เป็นการนำเสนอความจริงให้ สังคมรับรู้ เพื่อสร้างความเห็นใจผู้เสียหาย 75 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
- การรับคลิปหรือภาพแอบถ่ายและส่งต่อให้คนอื่น ไม่ถือเป็นการละเมิด เพราะไม่ได้เป็นผู้แอบถ่ายผู้เสียหาย - หากเราถูกล่วงละเมิดด้วยการแอบถ่าย เราควรฟ้องร้องดำเนินคดีความ 5. ให้ผู้เรียนสรุปความคิดรวบยอดของตนเองในเรื่องการล่วงละเมิดผู้อื่น โดยใช้สื่อ
¤ำถามท้ายกิจกÃÃม
1. สิ่งที่เราไม่อาจยอมรับได้จากการล่วงละเมิดด้วยการใช้สื่อคืออะไร 2. เรามีข้อเสนออย่างไร เพื่อให้สังคมที่เราอยู่มีมาตรการป้องกันการละเมิด ด้วยสื่อ
แนวกาÃ͸ิบาย การอธิบายสำหรับแต่ละทัศนะ ทัศนะ การถูกแอบถ่ายเป็นเรื่องไม่ระมัดระวังตัวของผู้เสียหายเอง อธิบาย การถูกแอบถ่ายเป็นเรือ่ งของผูก้ ระทำเป็นหลัก ส่วนผูถ้ กู แอบถ่าย เป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำ ดังนั้นเราควรพิจารณา ที่ผู้กระทำว่ามีพฤติกรรมหรือการกระทำนั้นควรหรือไม่ ทัศนะ ดาราเป็นบุคคลสาธารณะที่ได้รับความสนใจจากคนทั่วไปอยู่แล้ว การถูกแอบถ่ายเป็นเรื่องปกติธรรมดา อธิบาย การแอบถ่ายเป็นการกระทำที่ผิด เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำกับบุคคล ใดทั้งสิ้น จึงไม่เกี่ยวว่าบุคคลที่ถูกแอบถ่ายจะเป็นใคร มีชื่อเสียง หรือเป็นบุคคลสาธารณะหรือไม่
76 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ทัศนะ การถูกแอบถ่ายเป็นการล่วงละเมิด อธิบาย ถือว่าเป็นการล่วงละเมิด เพราะเป็นการกระทำที่ล่วงล้ำเข้าไปใน เรื่องส่วนตัวหรือพื้นที่ ส่ ว นตั ว หรื อ เป็ น สิ ท ธิ ส่ ว นตั ว ที่ ผู้ อื่ น จะ ละเมิดไม่ได้ ทัศนะ ส่วนใหญ่ข่าวที่นำเสนอดาราถูกแอบถ่าย เป็นการนำเสนอความ จริงให้สังคมรับรู้ เพื่อสร้างความเห็นใจผู้เสียหาย อธิบาย หากสือ่ นำเสนอเรือ่ งการถูกละเมิดของผูเ้ สียหาย โดยไม่เห็นเจตนา ของการปกป้องสิทธิของผู้เสียหาย ทำให้สังคมวงกว้างรับรู้ถึง ความเสียหายทีเ่ กิดขึน้ ถือเป็นการละเมิดซ้ำโดยสังคม เพราะทำให้ ผู้ถูกละเมิดนั้นอับอายซ้ำยิ่งขึ้นจากการนำเสนอของสื่อ และ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการนำเสนอเรื่องนี้ได้สร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจ แก่สื่อที่นำเสนอเอง ทัศนะ การรับคลิปหรือภาพแอบถ่ายและส่งต่อให้คนอื่น ไม่ถือเป็นการ ละเมิด เพราะไม่ได้เป็นผู้แอบถ่ายผู้เสียหาย อธิบาย การรับและเผยแพร่ตอ่ ในวิธกี ารต่างๆ ถือว่ามีสว่ นในการล่วงละเมิด ทำให้ผเู้ สียหายอับอายมากยิง่ ขึน้ และหากการเผยแพร่นนั้ เป็นการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ก็เป็นการผิดกฎหมายว่าด้วยการ กระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ทัศนะ หากเราถูกล่วงละเมิดด้วยการแอบถ่าย เราควรฟ้องร้องดำเนิน คดีความ อธิบาย การดำเนินการฟ้องร้องการกระทำล่วงละเมิดตนเป็นสิทธิทที่ กุ คน ทำได้ และการล่วงละเมิดเป็นปัญหาระดับสังคมที่ควรร่วมกัน แก้ไข 77 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
การล่วงละเมิด ก่อนอื่นคงจะต้องอธิบายแบบเป็นวิชาการก่อนว่า คำว่า “ล่วงละเมิด” นั้น เป็นการล่วงล้ำเข้าไปในเรื่องส่วนตัวที่ไม่สมควรจะล่วงล้ำเข้าไป เพราะ เป็นสิทธิส่วนตัวที่ผู้อื่นจะละเมิดไม่ได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้อธิบายความหมายของ “การล่วงละเมิด” ว่าหมายถึง รูปแบบการกระทำต่างๆ ทีก่ อ่ ให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อร่างกาย และ/หรือจิตใจ การทารุณกรรมทางเพศ การละเลยหรือปฏิบัติต่อเด็กโดยไม่ ใส่ใจ การแสวงหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ หรือในด้านอื่นๆ ซึ่งการปฏิบัติ เช่นนี้ทำให้เกิด (หรือมีโอกาสทำให้เกิด) อันตรายต่อเด็ก ทั้งทางสุขภาพ การดำรงชีวติ การพัฒนา หรือศักดิศ์ รีของเด็ก (เด็กในความหมายดังกล่าวคือ บุคคลที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี) ประเภทต่างๆ ของการล่วงละเมิด 1. ทางกาย (Physical) เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดหรืออาจก่อให้เกิด อันตรายทางร่างกาย 2. ทางเพศ (Sexual) เป็นการทำให้เกิดการร่วมกิจกรรมทางเพศโดยที่ เด็กไม่มคี วามเข้าใจพอ ไม่สามารถยินยอมหรือปฏิเสธ หรือไม่มวี ฒ ุ ภิ าวะพอทีจ่ ะ รับมือได้ 3. ทางวาจาและอารมณ์ (Verbal and Emotional) เป็นการใช้คำพูดอย่าง จงใจเพือ่ กีดกันอีกฝ่าย ทำให้อบั อาย ลดคุณค่า หรือทำให้หวาดกลัว เป็นการ ทำลายการเห็นคุณค่าในตัวเด็กเองอย่างจงใจ มีเป้าหมายเพือ่ สร้างความเจ็บปวด ทางจิตใจให้กับเด็ก 4. ละเลย (Neglect) ความล้มเหลวที่จะจัดหาปัจจัยพื้นฐานในชีวิตให้ กับเด็ก อย่างเช่นการดูแลความปลอดภัย ความเอาใจใส่ จนถึงขั้นที่ร่างกาย และพัฒนาการของเด็กอยูใ่ นภาวะอันตราย ไม่วา่ จะเป็นการกระทำทีจ่ งใจหรือ ขาดสติวิจารณญาณก็ตาม
78 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
5. โดยสังคม (Social) สถาบันทางสังคมเป็นผู้กระทำ เกิดจาก โครงสร้างทางสังคม ความเชื่อ และค่านิยมของสังคมแบบดั้งเดิมมากกว่า เป็นการกระทำโดยจงใจของแต่ละบุคคล เช่น การนำเสนอข่าวของสือ่ มวลชน ให้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของเด็กผู้ทำความผิด (เกิดจากความเชื่อที่ว่าต้องนำ ตัวคนทำผิดมาประจานให้ผู้คนเห็นและจดจำกันทั่วหน้า) การปล่อยให้เด็ก ทำงานเสี่ยงภัยเพื่อหาเงินยังชีพ (เชื่อว่าฐานะที่ยากจนนั้นเกิดจากสาเหตุ ครอบครัว ไม่เกี่ยวกับใคร) การรังเกียจเด็กที่ได้รับเชื้อ HIV จากมารดา (เกิดจากทัศนคติที่คนในสังคมมองแบบเหมารวมว่า คนที่มีเชื้อ HIV ทุกคนเป็นอันตราย เป็นคนไม่ดีจึงมีเชื้อ) เป็นต้น
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ในมาตรา 14 และ 16 มีดังนี้ มาตรา 14 ผู้ ใดกระทำผิดทีร่ ะบุไว้ตอ่ ไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่า ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่ น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน (2) นำเข้าสูร่ ะบบคอมพิวเตอร์ ซึง่ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อนั เป็นเท็จ โดย ประการทีน่ า่ จะเกิดความเสียหายต่อความมัน่ คงของประเทศ หรือก่อให้เกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน (3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใดๆ อันเป็น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือความผิดเกี่ยวกับการ ก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา (4) นำเข้าสูร่ ะบบคอมพิวเตอร์ ซึง่ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ใดๆ ทีม่ ลี กั ษณะ อันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
79 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูล คอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4) มาตรา 16 ผู้นำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิด จากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือ วิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลโดยสุจริต ผู้กระทำ ไม่มีความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายตามความผิด ในวรรคหนึ่ ง ตายเสี ย ก่ อ นร้ อ งทุ ก ข์ ให้ บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็น ผู้เสียหาย
80 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
เÍกสาÃÍ้างÍิง
โตมร อภิวันทนากร และคณะ. รายงานการดำเนินงานโครงการเยาวชนเท่าทันสื่อ, 2550. ธเนศ วงศ์ยานนาวา. ปฏิวัติบริโภค จากสิ่งของฟุ่มเฟอยมาสู่สิ่งจำเป็น. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, 2550. มูลนิธสิ อ่ื ชาวบ้าน (มะขามป้อม). วัยมันส์เท่าทันสือ่ : คูม่ อื จัดกิจกรรมเพือ่ การเรียนรูเ้ ท่าทัน สื่อสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย, 2549. วีระพงษ์ ทวีศักดิ์. บันทึกการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพวิทยากร กระบวนการเท่าทันสื่อ. เมื่อวันที่ 14-16 กรกฎาคม 2551 จัดโดยเครือข่าย เยาวชนเพื่อการพัฒนา. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. สู่พรมแดนความรู้เรื่องวัฒนธรรมบริโภค. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, 2550. สมควร กวียะ. การสื่อสารมวลชน. กรุงเทพฯ: (ม.ป.), (ม.ป.ป.). สมเกียรติ ตั้งนโม. มองหาเรื่อง : วัฒนธรรมทางสายตา. มหาสารคาม: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2549. อมรรัตน์ ทิพย์เลิศ. รูท้ นั ตนเองรูเ้ ก่งใช้สอื่ , โครงการสือ่ สร้างสรรค์สขุ ภาพ. นนทบุร:ี (ม.ป.ท), 2550. อุณาโลม จันทร์รุ่งมณีกุล และคณะ. เปิดประตูสู่การเรียนรู้เท่าทันสื่อ. : แนวคิดทฤษฎีและ ประสบการณ์รู้เท่าทันสื่อเพื่อสุขภาพ. นนทบุรี:โครงการสื่อสร้างสรรค์สุขภาพ, 2549. เอื้อจิตต์ วิโรจน์ไตรรัตน์. การวิเคราะห์ระดับลิตเทอเรซีของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีและการ สื่อสารทางการศึกษา ภาควิชาโสตทัศนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540. เว็บไซต์ พรทิพย์ เย็นจะบก. คู่มือการรู้เท่าทันสื่อ. www.tmic.info. (เข้าถึงเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551) Center for Media Literacy (2008). Literacy for the 21st Century. Edition 2nd. www.medialit.org
82 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
Ãายช×่Íผู้มีส่วนÃ่วมในกาÃพั²นา¤ู่ม×Í©บับนี้ ที่ปรึกษาการจัดทำ
1. คุณพฤหัส พหลกุลบุตร 2. คุณพรรณิกา โสตถิพันธุ์ 3. คุณบัญชร วิเชียรศรี
ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนา
1. นางสาววรียา สุริยันยงค์ 2. นางกฤษณา จันทนะ 3. นายโสภณ ฉิมพลีศิริ 4. นางสาวสาวิกา จันทองพูน 5. นายพินิจ พงศ์ประยูร 6. นายตรีทศ อรัญเขต 7. นางพรทิพย์ แก้วจันทร์ 8. นางสาวอภิญญา จรูญศิริเสถียร 9. นางสาวนงลักษณ์ คลังสี
ผู้อำนวยการฝ่ายละครการศึกษา มูลนิธิสื่อชาวบ้าน ผู้อำนวยการสงขลาฟอรั่ม ผู้ช่วยผู้จัดการสถานีวิทยุกระจายเสียง ม.สงขลานครินทร์ FM 88.0 MHz ครูโรงเรียนสะเดา “ขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์” ครูโรงเรียนสะเดา “ขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์” ครูโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ครูโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 ครูโรงเรียนท่าจีนอุดมวิทยา ครูโรงเรียนท่าจีนอุดมวิทยา ครูโรงเรียนหาดใหญ่พิทยาคม ครูโรงเรียนธิดานุเคราะห์ ครูโรงเรียนธิดานุเคราะห์ 83
คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
10. นางสาวอรพุทธ กวินกาจกุล 11. นายธีระวัฒน์ วิไลพงศ์ 12. นางปรียา วรรณโร 13. นางจินตนา สุขอ้น 14. นายเกษม บูหัส
ครูโรงเรียนแสงทองวิทยา ครูโรงเรียนพะดงประธานคีรีวัฒน์ ครูโรงเรียนธรรมโฆษิต ครูโรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 2 สงขลา ประธานเครือข่ายครอบครัวเข้มแข็ง จ.สงขลา (คค.ขข.สข.) เจ้าหน้าที่ประสานงานเครือข่าย ครอบครัวเข้มแข็ง จ. สงขลา ครูโรงเรียนชุมชนวัดน้ำขาว (คค.ขข.สข.) ครูโรงเรียนอนุบาลดิษฐพร (คค.ขข.สข.) ครูฝา่ ยวิชาการ โรงเรียนป่าระไมวิทยา (คค.ขข.สข.) ครูโรงเรียนบ้านป่าระไมวิทยา (คค.ขข.สข.) ครูโรงเรียนประชานุเคราะห์ 43 (คค.ขข.สข.) นักเรียนโรงเรียนแสงทองวิทยามูลนิธิ (คค.ขข.สข) นักเรียนโรงเรียนชุมชนวัดน้ำขาว (คค.ขข.สข.) นักเรียนโรงเรียนแสงทองวิทยา นักเรียนโรงเรียนพะดงประธานคีรีวัฒน์ นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 นักเรียนโรงเรียนพะดงประธานคีรีวัฒน์ นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2
15. นายรอซีดี ปูเต๊ะ 16. นางมณฑา บูหัส 17. นายเจริญ ขุนอิน 18. นายสักรียา หวังแอ 19. นายเกษม เหร็มล่า 20. นางสุภารัตน์ รัตนพงษ์ 21. เด็กชายวสันต์ บูหัส 22. เด็กหญิงอันดา บูหัส 23. นายกฤษธนา เรืองประดิษฐ์ 24. นางสาวศราวดี ไชยเซ่ง 25. นางสาวมัทนี ศรีชนะ 26. นายรณรงค์ นิติสวิน 27. นางสาววรรณพร จิตอนุกูล 84
คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
28. นายกานต์ เจนตระกูลเลิศ 29. นางสาวสุภาวดี ศรีตรีกุล 30. นางสาวชมพูนุช เจือจันทร์ 31. นายวุฒิพงศ์ อุไรวรรณ 32. นางสาวปรียนันท์ ปุตตาพัฒน์ 33. นายกิตติศักดิ์ นวลละม้าย 34. นางสาววรรณา สุวรรณชาตรี 35. นางดวงฤดี สุริยันยงค์ 36. นางสาวพราวมาศ แก้วรองกุล 37. นายนิพนธ์ รัตนาคม 38. นางสาวรัตติกาล ขานแก้ว 39. นางจำปี ชัวชูลี 40. นางธนัส แสงจันทร์ 41. นางวรรณี จิตต์ช่วย 42. นางสาวเยาวลักษณ์ ศรีสุกใส
นักเรียนโรงเรียนแสงทองวิทยา นักเรียนโรงเรียนพะดงประธานคีรีวัฒน์ นักเรียนโรงเรียนพะดงประธานคีรีวัฒน์ นักเรียนโรงเรียนแสงทองวิทยา นักเรียนโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย เจ้าหน้าที่โครงการสะพานชีวิต เจ้าหน้าที่ข้อมูล สวรส.ภาคใต้ นักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่พัฒนาศักยภาพมนุษย์ โรงเรียนบริหารธุรกิจวิทยาสงขลา เจ้าหน้าที่สื่อสารสาธารณะ สถาบันวิจัยและพัฒนาสุขภาพภาคใต้ ผู้ช่วยผู้ประสานงานแผนงานสื่อสาร สาธารณะสถาบันวิจัยและพัฒนา สุขภาพภาคใต้ นักวิชาการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาสงขลาเขต 1 เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาสงขลาเขต 1 นักวิชาการ สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาสงขลาเขต 2 ผู้ประสานงานสำนักงานวิจัย ระบบสุขภาพภาคใต้
85 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
â¤ÃงกาÃเยาวชนเท่าทันส×่Í
âดยกลุ่มมานีมานÐ แลÐเ¤Ã×Íข่าย¤Ãูแกนนำเท่าทันส×่Íสงขลา
โครงการเยาวชนเท่าทันสื่อเป็นการดำเนินงานที่มุ่งสร้างภาวะเท่าทัน
ของเยาวชนต่อเรือ่ งสือ่ ให้เกิดเป็นภูมคิ มุ้ กันในการดำเนินชีวติ ภายใต้กระแสบริโภค นิยมที่มีสื่อเป็นเครื่องมือทรงอำนาจที่สำคัญในการขับเคลื่อน โดยคาดหวังว่า เยาวชนจะสามารถพินิจพิเคราะห์ เรียนรู้ถึงการกระทำของสื่อ และรู้จักบริโภคตาม ความจำเป็นและเหมาะสม พัฒนาการใช้สติในการเลือกเสพสื่อ และมีส่วนร่วม ต่อการสร้างสังคมที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ การเจริญเติบโตของตนเองในฐานะ สมาชิกตัวเล็กของสังคม การดำเนินงานของโครงการเน้นที่การสร้างกระบวนการเรียนรู้และสร้าง เครื่องมือเพื่อใช้ ในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนให้เกิดความคิดความอ่านที่ เท่าทันต่อสื่อ และเผยแพร่เครื่องมือนี้แก่ครูและแกนนำในการสร้างการเรียนรู้และ พัฒนาแก่เยาวชน พร้อมทั้งขับเคลื่อนงานเท่าทันสื่อผ่านกระบวนการทำงานในเชิง เครือข่ายระดับพื้นที่ของจังหวัด การสร้างการรู้เท่าทันสื่อและรู้จักเลือกเสพเลือกใช้ ให้เหมาะสม เป็นประเด็น การเรียนรู้ที่สำคัญยิ่งในช่วงเวลาการเจริญเติบโตของเยาวชน และการฝึกฝนให้รู้ เท่าทันสื่อนี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตของเยาวชน ซึ่งสามารถอาศัยเครื่องมือและ วิธกี ารทางการศึกษาในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ ให้เกิดขึน้ โดยผูท้ ม่ี บี ทบาทสำคัญ ในการเรียนรู้ของเยาวชนเป็นผู้ขับเคลื่อน ในระบบที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเยาวชน โครงการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ร่วม (ปี 2551-2553 ของเครือข่าย เยาวชนเพื่อการพัฒนา มีความประสงค์อยากเห็น (วิสัยทัศน์) เด็ก เยาวชน และ 86 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ครอบครัว มีทกั ษะเท่าทันสือ่ และมีกจิ กรรมทางเลือกทีส่ ร้างสรรค์โดยการมีสว่ นร่วม ทุกภาคส่วน มุ่งมั่นที่จะ (พันธกิจ) 1. พัฒนากระบวนการเรียนรู้เพื่อให้เกิดทักษะการเท่าทันสื่อสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว 2. สร้างเสริมสนับสนุนให้เกิดกิจกรรมทางเลือกและสือ่ ทางเลือกสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว 3. สร้างการมีส่วนร่วมทุกระดับ ทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนงานเท่าทันสื่อ โดยใช้วิธีการทำงานที่สำคัญ (ยุทธศาสตร์) 1. พัฒนาชุดความรู้ กระบวนการเท่าทันสื่อ สำหรับคนทำงาน/ครอบครัว 2. พัฒนาศักยภาพนักปฏิบัติการ สร้างการเท่าทันสื่อ 3. สนับสนุนรวบรวมองค์ความรู้กิจกรรม/สื่อทางเลือกที่สร้างสรรค์ 4. สร้างพื้นที่ต้นแบบกิจกรรม/สื่อทางเลือกที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก 5. สร้างกระบวนการเพิ่มเสียงเด็ก เยาวชน ต่อกระบวนการสร้างสื่อดี 6. ผลักดันให้เกิดการขับเคลือ่ นกระบวนการเท่าทันสือ่ เชิงนโยบายระดับพืน้ ที่ ฉะนั้นทิศทางของโครงการจึงยึดครู นักเรียน และโรงเรียนเป็นสำคัญ ในการ ดำเนินงานทีม่ คี วามสอดคล้องกับบริบททีแ่ ตกต่างกันของแต่ละโรงเรียน และมุง่ หวัง ให้เกิดผลในการปฏิบัติที่เป็นจริง โดยสร้างปัจจัยที่หนุนเสริมเพื่อขับเคลื่อนงาน รูเ้ ท่าทันในเยาวชน ได้แก่ การพัฒนาชุดเครือ่ งมือในการจัดกระบวนการและกิจกรรม การเสริมศักยภาพครูแกนนำ การพัฒนาศักยภาพเยาวชนแกนนำ การสนับสนุน และติดตามการจัดการเรียนรู้ อีกทั้งสร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งโครงการสร้าง ความร่วมมือกับภาคีโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาของทัง้ 3 เขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาสงขลา ในการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายครูแกนนำรู้เท่าทันสื่อของสงขลา เพื่อให้เกิดพลัง ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยมีครูและสถานศึกษาเป็นฐาน ในการปฏิบัติการ ก็จะส่งผลต่อการพัฒนาระดับบุคคลของเยาวชนให้รเู้ ท่าทันสือ่ สร้างความเข้าใจกับ ชุมชน/สังคมให้ตระหนักในเรื่องนี้ และพร้อมที่จะสานความร่วมมือกันในระดับ มหภาคต่อไปในอนาคต 87 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
กลุ่ม
gan ization )
¹ี มÒมÒ¹Ð
เป็นกลุ่มที่ไม่แสวงหากำไรที่ทำ
งานเชิงกระบวนการด้านเด็กและเยาวชน โดยใช้กิจกรรมละครและศิลปะเพื่อสร้าง r (Non-Profit O การเรียนรู้ ทั้งในสถานศึกษาและพื้นที่ชุมชน อันมีจดุ มุง่ หมายเพือ่ การเสริมสร้างให้เด็กและเยาวชน เติบโตอย่างสมดุลในสังคม เป็นผู้ ใหญ่ทมี่ คี ณ ุ ภาพ สามารถ ดูแลชีวิตตัวเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคมต่อไป ด้วนความเชือ่ ทีว่ า่ เด็ก เยาวชนเป็นบุคคลตัวน้อยทีเ่ ต็มไปด้วยความปรารถนา ที่จะรู้เรื่องราวและสัมผัสสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ หากเด็กและเยาวชนได้มีโอกาส สำรวจในสิ่งตนอยากรู้เพื่อความเข้าใจ เพื่อตอบสนองความเจริญเติบโตเกี่ยวกับ ตัวเอง ครอบครัว บ้าน ชุมชน สังคม และโลกทีร่ อคอยการค้นหา ความสมบูรณ์ทเี่ ต็ม ศักยภาพในตัวเด็กและเยาวชนแต่ละคนจะบังเกิดขึ้น เมื่อเขาได้เติบโตเป็นผู้ ใหญ่ เต็มตัว เขาก็พร้อมที่จะสร้างสรรค์ความงามให้แก่โลกใบนี้ต่อไป
เปาหมายองค์กร
1. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอันพึงมีสูงสุดในตัวเด็กและเยาวชน ด้วย การเรียนรู้อย่างเป็นกระบวนการ สู่การเจริญเติบโตทางสังคม 2. สร้างสรรค์สื่อและกระบวนการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการทางศิลปะเพื่อ การพัฒนา 3. พัฒนาและเผยแพร่สื่อการเรียนรู้ ด้วยละครการศึกษาและศิลปะ
88 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
ภาระหน้าที่หลักขององค์กร
ขอบข่ายงาน
1. ผลิตสือ่ ละครเพือ่ การเรียนรูส้ ำหรับเด็กและเยาวชนในประเด็นด้านสุขภาวะ 2. จัดกิจกรรมการเรียนรูอ้ ย่างเป็นกระบวนการ บนแนวคิดการพัฒนามนุษย์ แบบองค์รวม 3. ดำเนินการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในประเด็นการเรียนรู้ต่างๆ ที่เน้นการ เรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ด้วยเครื่องมือทางการละครและศิลปะ งานละครสำหรับเด็กและเยาวชน (Theatre for young people) สร้างสรรค์และพัฒนาเพื่อผลิตงาน ละครสำหรั บ เด็ ก และเยาวชนทั้ ง ทางด้ า น รูปแบบ เทคนิค และเนื้อหาโดยการผลิต ละครทีเ่ กิดขึน้ จากโครงการของกลุม่ เองหรือ การให้บริการตามความต้องการขององค์กร ต่างๆ นำเสนอในรูปแบบละครประเด็นศึกษา ละครรณรงค์ ละครสัญจร งานอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) จั ด อบรมเชิ ง ปฏิ บั ติ ก าร โดยใช้ กิจกรรมละครและศิลปะอืน่ ๆ เป็นเทคนิค การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เพื่อการเพิ่ม ศักยภาพในหัวข้อทีเ่ กีย่ วข้องกับการศึกษา การพัฒนาความเป็นมนุษย์หรือศักยภาพ เชิงทักษะแก่ผู้จัดที่สนใจ
89 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy
งานพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ (Learning process development) คิดค้น ศึกษาและพัฒนากระบวนการ เรียนรู้สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว ให้ เกิดเป็นนวัตกรรมเชิงเครื่องมือและกระบวน การต้นแบบ เพื่อยกระดับและเสริมศักยภาพ ตั้งแต่ระดับบุคคล ถึงระดับหน่วยงานองค์กร งานกิจกรรมทางเลือกและอาสาสมัครเพื่อ สังคม (Alternative activity & Social Volunteer) จั ด กิ จ กรรมทางเลื อ กสำหรั บ เด็ ก และ เยาวชนรูปแบบอื่นๆนอกเหนือจากงานสื่อ ละคร เช่น ศิลปะประดิษฐ์สร้างสรรค์และ นิทานในสวน นิทานทางอากาศ (เล่าในรายการ วิ ท ยุ ) ส่ ง เสริ ม และจั ด โอกาสแก่ เ ด็ ก และ เยาวชนให้เกิดจิตอาสา เช่นการอ่านหนัง สือเสียงเล่านิทานให้หอผู้ป่วยเด็ก เป็นต้น
90 คิดอ่าน ปฏิบัติการเท่าทันสื่อ Process Learning toward Media Literacy