พื้นที่ตั้ง ภูมิประเทศและสภำพอำกำศ พืนที่เพาะปลู กที่ส้า คั ญมีส องแห่ ง คือ ที่ ราบลุ่มปากแม่น้า แดง (Red River Delta) ทาง ภาคเหนือ และที่ราบลุ่มปากแม่น้าโขง (Mekong River Delta) ทางทิศ ใต้ เวียดนามเป็น ประเทศ ที่ มี พื นที่ แ คบแต่ มี ค วามยาวมาก ท้ า ให้ ลั ก ษณะ ภูมิประเทศและภูมิอากาศแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และ ภาคใต้ ประเทศเวียดนาม มีลักษณะภูมิประเทศ เป็น แนวยาวโค้งเป็นรูปตัวเอส ตังอยู่ทางทิศตะวันออก ของคาบสมุทรอินโดจีน มีพืนที่ประมาณ 331,689 ตารางกิโลเมตร ทิ ศ เหนื อ มี พ รมแดนติ ด กั บ ประเทศจี น ยาว 1,281 กิโลเมตร ทิศตะวัน ตก มีพรมแดนติดประเทศลาว ยาว 2,130 กิโลเมตร ทิ ศ ตะวั น ตกเฉี ย งใต้ พรมแดนติ ด กั บ ประเทศกั ม พู ช า ยาว 1,228 กิ โ ลเมตร และอ่าวไทย ทิศตะวันออก มีชายฝั่งทะเล ติดกับทะเล จีนใต้ ยาว 3,444 กิโลเมตร ประเทศเวี ย ดนามมี พื นที่ ป ระมาณ 3 ใน 4 ส่วนเป็นภูเขาและป่าไม้ นอกนันเป็นไหล่เขาและ หมู่ เ กาะต่ า งๆ นั บ พั น เกาะเรี ย งราย ตั ง แต่ อ่าวตังเกี๋ย ไปจนถึงอ่าวไทย มีกรุงฮานอยซึ่ งเป็น เมื อ งหลวงตั งอยู่ ท างเหนื อ และนครโฮจิ มิ น ห์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ส้าคัญ อยู่ทางตอน ใต้
ภำคเหนื อ ภู มิ ป ระเทศส่ ว นใหญ่ เ ป็ น ภู เ ขาสู ง มี เทื อ กเขาฟานซี ป าน (Fan Si Pan) ซึ่ ง สู ง ที่ สุ ด ใน คาบสมุทร อินโดจีน สู งถึง 3,143 เมตร มีดิน ดอนสามเหลี่ ย ม (Red River Delta) ซึ่ ง เกิ ด จาก แม่น้าส้าคัญคือ แม่น้ากุง (Cung) ไหลไปบรรจบกับ แม่น้าแดง ท้าให้พืนที่บริเวณนีอุดมสมบูรณ์ เหมาะ แก่การเพาะปลูก และเป็นที่ตังของเมืองหลวง คือ กรุงฮานอย (Ha Noi) ภำคกลำง พืนที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงเต็มไปด้วย หินภูเขาไฟ หาดทราย เนินทรายและทะเลสาบ ภำคใต้ พืนที่ส่ ว นใหญ่เป็นที่ราบสู ง มีที่ราบลุ่ ม แม่น้ าโขง (Mekong River Delta) หรื อที่ รู้จั กกั น ในชื่ อ กู๋ ล องยาง (Cuu Long Giang) อั น อุ ด ม สมบูรณ์ เป็นแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นที่ตังของ นครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City) หรืออดีตเรียกว่าไซ่ง่อน (Saigon)
Page | 5
สภำพภูมิอำกำศ เวียดนามมีภูมิอากาศที่หลากหลาย เนื่องจาก ภูมิประเทศอยู่ตามแนวคาบสมุทร เวียดนามทาง ตอนเหนื อ มี ภู มิ อ ากาศคล้ า ยเขตเมื อ งร้ อ น มี อุ ณ หภู มิ แ ตกต่ า งกั น อย่ า งมากระหว่ า งช่ ว งร้ อ น ที่สุด และหนาวที่สุด โดยมี 4 ฤดู คือ ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – เม.ย.) ฤดูร้อน (พ.ค. – ส.ค.) ฤดูใบไม้ร่วง (ก . ย . – พ . ย .) แ ล ะ ฤ ดู ห น า ว (ธ . ค . – ก . พ .) เวี ย ดนามทางตอนใต้ มี ภู มิ อ ากาศคล้ า ยกั บ ประเทศไทย มี อุ ณ ภู มิ ป ระมาณ 27 - 30 องศา เซลเซียส มี 2 ฤดู คือ ฤดูฝน (พ.ค.–ต.ค.) และฤดู ร้อน (พ.ย.–เม.ย.)
4) เวี ย ดนามมี ช ายฝั่ ง ทะเลยาวกว่ า 3,260 กิ โ ลเมตร ซึ่ ง อุ ด มสมบู ร ณ์ ไ ปด้ ว ยสั ต ว์ ท ะเล รวมทั งแหล่ ง น้ า จื ด ในอ้ า เภอตุ ย ฟอง (Tuy Phong) ทางด้ านเหนื อของจั ง หวั ดบิ น ห์ ถ่ ว น (Binh Thuan) เป็ น เขตที่ ส ภาพน้ า เหมาะสม ที่ สุ ด ในการเพาะเลี ยงกุ้ ง มี แ หล่ ง ทรั พ ยากร ประมงสมบู ร ณ์ โดยทรั พ ยากรประมงที่ เวียดนามมีอยู่สามารถน้ามาใช้ประโยชน์ได้ถึง 4.2 ล้านตันต่อปี โดยทางการอนุญาตให้จับได้ ประมาณ 1.7 ล้ า นตั น ต่ อ ปี แต่ เ รื อ ประมง เวี ย ดนามมี ศั ก ยภาพท้ า การประมงได้ เ พี ย ง 960,000 ตันต่อปี
ทรัพยำกรธรรมชำติ เ วี ย ด น า ม เ ป็ น ป ร ะ เ ท ศ ห นึ่ ง ที่ มี ค ว า ม หลากหลายทางชีวภาพ ท้าให้มีทรัพยากรธรรมชาติ อุดมสมบูรณ์ประกอบด้วย 1) มีพันธ์ไม้ 13,000 ชนิด 2) มีพันธ์สัตว์กว่า 15,000 ชนิด 3) มีแร่ธาตุที่ส้าคัญ สารฟอสเฟส ถ่านหิน แร่ บอกไซต์ มีป่าไม้ พลังงานน้า น้ามันและก๊าซ ธรรมชาติ โดยเวียดนามมีโรงกลั่นน้ามันแห่ง แรก อยู่ ใ นจั ง หวั ด กว๋ า งไหง (Quang Ngai) ใกล้กับนครดานัง (Da Nang) ในภาคกลางของ ประเทศ เวี ย ดนามเป็ น ประเทศที่ ส่ ง ออก น้ า มั น ดิ บ รายใหญ่ เ ป็ น อั น ดั น 3 ในเอเซี ย ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ ร องจากอิ น โดนี เ ซี ย และ มาเลเซีย
ที่มาภาพ : www.aseantravelandtours.com นอกจากนีเวียดนามยังมีทรัพยากรชายฝั่งทะเล รวมทังสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และแหล่ง โบราณสถานเก่ า แก่ ซึ่ ง ได้ รั บ การจั ด อั น ดั บ จาก นิตยสารท่องเที่ยวชันน้าต่างๆ ให้เป็นจุดหมายใน การท่องเที่ยวที่โดดเด่นแห่งหนึ่งในเอเชีย มีแหล่ง ท่ อ งเที่ ย วที่ ไ ด้ รั บ การขึ นทะเบี ย นเป็ น มรดกโลก หลายแห่ ง ได้แก่ หมู่โ บราณสถานเมือ งเว้ เมือ ง โบราณฮอยอัน พระราชวังแห่งราชวงศ์โห่ จึงเป็น โอกาสที่ดีส้าหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและ ธุรกิจต่อเนื่อง
Page | 6