ฉบับที่ 3
คูมือการประเมินชุมชนโดยกระบวนการ วิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม โดย
สุมาลี วรรณรัตน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-1
3-2
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
คูมือการประเมินชุมชนโดยกระบวนการ วิเคราะหชุมชนแบบมีสว นรวม
คูมือการประเมินชุมชน โดยกระบวนการวิเคราะห ชุมชนแบบมีสวนรวม หรือ PRA ภายใตโครงการจัดการ และ คุมครองพื้นที่ชุมน้ํา (The Management and Protection of Wetlands Project : MPW) ตามอนุสัญญาวาดวยพื้นที่ชุมน้ํา (Ramsar Convention) ประกอบดวยเนื้อหาหลักๆ คือ รูจัก กระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม ความสําคัญของ กระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม กับการจัดการ พื้นที่ชุมน้ําในประเทศไทย ขั้นตอนการประเมินชุมชนโดยใช กระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม ตัวอยางกิจกรรม การวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม ขอเดน ขอจํากัด ของการ นํ า กระบวนการวิ เ คราะห ชุ ม ชนแบบมี ส ว นร ว มไปใช ใ นการประเมิ น ชุ ม ชน คุ ณ สมบั ติ ข องวิ ท ยากร กระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวน และภาคผนวก ตัวอยางการเขียนรายงานผลการศึกษา อยางไรก็ตาม ขอเสนอแนะไวในเบื้องตนวา การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชน แบบมีสวนรวมในคูมือเลมนี้ ไมไดเปนกระบวนการที่ตายตัว สามารถปรับเปลี่ยนยืดหยุนใหใชไดกับพื้นที่ หรือสถานการณที่แตกตางตามความเหมาะสม ทั้งนีข้ ึ้นอยูก ับ “วิจารณญาณ” ของผูท ี่จะนํากระบวนการ นี้ไปใชเปนสําคัญ
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-3
รูจักกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม หรือกระบวนการ PRA การวิเคราะหชุมชนแบบมีสว นรวมคืออะไร PRA มาจากคําวา “Participatory Rural Appraisal” แปลวา “การวิเคราะหชุมชนแบบมีสวน รวม” เปนกระบวนการเรียนรูข อมูลเชิงวิเคราะหของคนในชุมชน เพื่อคลีค่ ลายสถานการณอยางใดอยาง หนึ่งรวมกันอยางเปนระบบ
หลักการการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม • • • • • •
เชื่อมั่นในสมรรถนะของคนในชุมชน สนับสนุนใหกลไกในทองถิ่นมีบทบาทสําคัญในการดําเนินงาน เนนการประสานและระดมพลังความคิด สงเสริมการตัดสินใจโดยใชเหตุผล ความเสมอภาค/เทาเทียมของคนคือสิ่งสําคัญ เรียนรูรวมกันจากสถานการณที่เปนจริงและใกลตัว
วิธีการของการวิเคราะหชุมชนแบบมีสว นรวม มีหลายรูปแบบ เชน การทําแผนที่แบบมีสวนรวม การวิเคราะหฤดูกาล การทําตารางวิเคราะห และจัดลําดับ การทําแผนภูมิความสัมพันธ การเดินสํารวจ เปนตน อยางไรก็ตาม การที่จะเลือกนําวิธีการใด วิธีการหนึ่งมาใชในการประเมินชุมชนรวมกับชาวบาน ยอมขึ้นอยูกับความเหมาะสมของเนื้อหา สภาพ วิถีชีวิต วัฒนธรรมของคนในทองถิ่น รวมถึงสภาพปญหาหรือปรากฏการณที่เกิดขึ้น และระยะเวลาที่ใช ในการศึกษา ในทางปฏิบัติ เพื่อใหเกิดประสิทธิภาพในการดําเนินงาน โครงการไดเลือกใชวิธีการของการ วิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม 4 แบบ ไดแก • การทําแผนที่แบบมีสวนรวม (village mapping) ชวยใหมองเห็นรูปธรรมของขอมูลและ ตําแหนงของพื้นที่ที่ตองการศึกษา โดยมากใชศึกษาขอมูลพื้นฐานของชุมชนที่ใชประโยชน จากพื้นที่ชุมน้ํา และลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ชุมน้ํา • การวิเคราะหและจัดลําดับ (matrix ranking) ชวยใหมองเห็นประเภท/ชนิดและปริมาณ ของสิ่งที่ตองการศึกษา เชน ชนิดและปริมาณของทรัพยากรธรรมชาติ ชนิดและปริมาณของ อาหาร ประเภทของผูใชประโยชน ปริมาณการใชประโยชน เปนตน • การวิเคราะหฤดูกาล (seasonal analysis) ชวยใหมองเห็นปรากฏการณดานตางๆ ที่ เกิดขึ้น ที่สัมพันธกับชวงเวลาใดเวลาหนึ่ง เชน การใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ําของผูมีสวน ไดเสียในรอบ 1 ป ชนิดและปริมาณของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยูในพื้นที่ชุมน้ําในรอบ 1 ป เปนตน
3-4
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
• การจัดทําแผนภูมิความสัมพันธ (Venn diagram) ชวยใหสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ ของขอมูลหลายมิติเขาดวยกัน เชน การวิเคราะหความสัมพันธระหวางกลุมผูใชประโยชน หรือผูมีสวนไดเสียในพื้นที่ชุมน้ํา วิเคราะหสภาพปญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้น เปนตน
ความสําคัญของกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวมกับการจัดการ พื้นที่ชุมน้ําในประเทศไทย อนุสัญญาวาดวยพื้นที่ชุมน้ําใหความสําคัญอยางยิ่งตอการมีสวนรวมของชุมชน ในการวางแผน จัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางชาญฉลาด เพื่อเสริมสรางความรูสึกเปนเจาของ หวงใย รัก และหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยูใน ชุมชนของตน ดังนั้นการมีสวนรวมของชุมชนในที่นี้ จึงมิไดมีความหมายเพียงการรวมกิจกรรมที่ถูก กําหนดโดยหนวยงานหรือองคกรภายนอกเทานั้น แตยังหมายรวมถึงการรวมเรียนรูและเขาใจสถานการณ ปญหา ผลกระทบที่เกิดขึ้นในในเขตพื้นที่ชุมน้ํา ไปจนถึงการรวมกําหนดแนวทางการพัฒนาเพื่อแกไข ปญหา รวมลงมือแกไขปญหา และรวมรับผลประโยชนจากการพัฒนาที่เกิดขึ้น
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-5
หลักการและวิธีการของกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวมเปนแนวทางหนึ่งที่สามารถ ตอบสนองการมีสวนรวมของคนในชุมชนและผูมีสวนไดเสียในเขตพื้นที่ชุมน้ํา เพราะมิใชเปนเพียงการ สํารวจขอมูลการใชประโยชนและการอนุรักษทรัพยากรในพื้นที่ชุมน้ําเทานั้น แตยังเปนกระบวนการ เรียนรูที่ชวยกระตุนการมีสวนรวม และปลุกจิตสํานึกในการหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ของคนในชุมชน อันจะนําไปสูการจัดการอนุรักษ และใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ชุมน้ํา รวมกันอยางยั่งยืนตอไป
ขั้นตอนการประเมินชุมชนโดยใชกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม การกําหนดเนื้อหาที่จะศึกษา โดยทั่วไปการกําหนดเนื้อหาที่ตองการศึกษา ควรเกิดจากการพิจารณารวมกันระหวางทีม ประเมินชุมชน และผูเชี่ยวชาญหรือเจาหนาที่รับผิดชอบในพื้นที่ หลังจากนั้นจึงนําเนื้อหาที่จะศึกษามา กําหนดเปน “ประเด็นหลัก” และ “ประเด็นยอย” เพื่อใหครอบคลุมเนื้อหาที่ตองการศึกษา สอดคลองกับ วิธีการตางๆ ของ PRA รวมถึงสะดวกในการจดบันทึกและจําแนกขอมูล ตัวอยางเชน การวิเคราะห ชุมชนแบบมีสวนรวมในพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย ไดกําหนดเนื้อหาในการศึกษาไวดังนี้ ประเด็นหลัก ขอมูลพื้นฐาน ชุมชน/หมูบาน และ การใชประโยชน จากพื้นที่ชุมน้ําของ ครัวเรือน กลุม/ องคกร
• • • • • • •
ขอมูลพื้นฐาน • บริเวณพื้นที่ชุมน้ํา และการใชประโยชน •
ชนิดและปริมาณ ของทรัพยากร ธรรมชาติ
3-6
• • • •
ประเด็นยอย แผนที่ชุมชน/หมูบาน มีรายละเอียดของสถานที่สําคัญ พื้นที่ทํา กิน พื้นที่อนุรักษ พื้นที่เลี้ยงสัตว ฯลฯ จํานวนครัวเรือน จํานวนประชากร ชาติพันธุ กลุม/องคกรในชุมชน ผูนําชุมชน แกนนํากลุมอนุรักษ แกนนํา กลุมอาชีพ แกนนําแมบาน แกนนําเยาวชน ฯลฯ ขอมูลพื้นฐานอื่นๆ จํานวนครัวเรือน กลุม/องคกร ที่ใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา ประเภทของการใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ําของแตละ ครัวเรือน กลุม/องคกร แผนที่บริเวณพื้นที่ชุมน้ําและชุมชนโดยรอบที่ใชประโยชนจาก พื้นที่ชุมน้ํา ความเชื่อมโยงของพื้นที่ชุมน้ํากับระบบนิเวศอื่นๆ เชน แมน้ํา ภูเขา ฯลฯ สถานที่สําคัญในบริเวณพื้นที่ชุมน้ํา การใชประโยชนของผูมีสวนไดเสีย ชนิดของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยูในพื้นที่ชุมน้ํา (ทั้งในน้ําและ บนบก) ปริมาณของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยูในพื้นที่ชุมน้ํา (ทั้งในน้ํา และบนบก)
เครื่องมือ PRA การทําแผนที่แบบ มีสวนรวม
การทําแผนที่แบบ มีสวนรวม
ตารางวิเคราะห และจัดลําดับ
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
ประเด็นหลัก การใชประโยชน จากทรัพยากร ธรรมชาติ จากพื้นที่ ชุมน้ําในรอบ 1 ป ความสัมพันธ ระหวางกลุมผูใช ประโยชนจากพื้นที่ ชุมน้ํา
สภาพปญหาที่ เกิดขึ้นในพื้นที่ ชุมน้ํา
การอนุรักษและ คุมครองทรัพยากร ธรรมชาติ
ประเด็นยอย • ประเภทการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติในรอบ 1 ป • ปริมาณการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติในรอบ 1 ป
เครื่องมือ PRA การวิเคราะห ฤดูกาล
• • • • • • •
การทําแผนภูมิ ความสัมพันธ
• • • • • • • • •
แนวทางการ คุมครอง และใช ประโยชนจากพื้นที่ ชุมน้ําอยางยั่งยืน
• • • • •
กลุมผูใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา ทั้งในและนอกชุมชน ปริมาณ/จํานวนผูใชประโยชนของแตละกลุม ปริมาณ/ระยะเวลาในการใชประโยชน ประเภทของการใชประโยชน คูกรณีที่มีความขัดแยงระหวางกัน เนื้อหา/สาระของความขัดแยง ประเภทของปญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งปญหาที่เกิดกับพื้นที่ ชุมน้ําโดยตรง และปญหาที่เปนผลกระทบ หรือมีผลกระทบ จากพื้นที่ชุมน้ํา ขนาด/ลําดับความสําคัญของปญหา ความเรงดวนในการแกไขปญหา สาเหตุของปญหา ผลกระทบที่เกิดขึ้น บุคคล กลุม/องคกรที่เกี่ยวของกับการจัดการดูแล คุมครอง หรืออนุรักษพื้นที่ชุมน้ํา ทั้งที่เปนทางการและไมเปนทางการ ลําดับความสําคัญของบทบาทหนาที่ ความตอเนื่องของการดําเนินงาน กิจกรรม วิธีการในการจัดการดูแล คุมครอง หรืออนุรักษ พื้นที่ ชุมน้ําของแตละบุคคล กลุม/องคกร ความคิด/ความเชื่อของบุคคล กลุม/องคกร ที่เกี่ยวของในการ อนุรักษ ขอเสนอแนวทางการจัดกิจกรรม/วิธีการดูแลพื้นที่ชุมน้ํา ให ไดรับการดูแล อนุรักษ อยางยั่งยืน และเอื้อประโยชนตอทุกฝาย ลําดับความสําคัญของแนวทางหรือวิธีการดูแล ความเรงดวนของการดําเนินงาน บุคคล กลุม/องคกร หรือหนวยงานที่เกี่ยวของ/รับผิดชอบ วิธีการ/ขั้นตอนการดําเนินงาน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
การทําแผนภูมิ ความสัมพันธ
การทําแผนภูมิ ความสัมพันธ
การทําแผนภูมิ ความสัมพันธ
3-7
ทําความเขาใจชุมชน การใชกระบวนการ PRA ในการประเมินชุมชน จําเปนตองศึกษาขอมูลพื้นฐานของชุมชนใน พื้นที่ และขอมูลของพื้นที่ชุมน้ําที่ทําการศึกษา เชน ประวัติความเปนมา ประเพณีวัฒนธรรมในทองถิ่น การทํามาหากิน การใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา เปนตน ขอมูลเหลานี้อาจไดจากการพูดคุยกับชาวบาน ผูนําชุมชน เอกสาร แผนผัง แผนที่ของหนวยงานที่เกี่ยวของ ฯลฯ รวมถึงการเดินสํารวจพื้นที่จริงใหมาก ที่สุดเทาที่จะทําได การเขาใจขอมูลพื้นฐานจะชวยใหเกิดประโยชนในการตั้งคําถามขณะทํากิจกรรม PRA
คนหาทีมเรียนรู ภายใตกระบวนการ PRA ตองการการมีสวนรวมของผูมีสวนไดเสียกลุมตางๆ ที่มีอยูหลากหลาย ในพื้นที่เขามาเปน “ทีมเรียนรู” โดยควรคัดเลือกจากบุคคลที่มีประสบการณที่เหมาะสมกับประเด็นที่จะ ศึกษา, มีความหลากหลายทางชาติพันธุ ความเชื่อ อายุ, เปนตัวแทนของกลุมที่หลากหลาย เชน กลุม พอบาน กลุมแมบาน กลุมเยาวชน กลุมอาชีพหรือผูใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา ผูนําที่เปนทางการและ ไมเปนทางการ เปนตน รวมทั้งควรมีสัดสวนของเพศชาย เพศหญิง ใกลเคียงกัน ทีมเรียนรูแบงเปน 2 ระดับคือ • ทีมเรียนรูระดับหมูบาน ประกอบดวยตัวแทนของกลุมตางๆ ในหมูบาน ผูนําชุมชน คุมบานละประมาณ 8-10 คน • ทีมเรียนรูระดับตําบล/เทศบาล ประกอบดวยตัวแทนของกลุมตางๆ หมูบานละประมาณ 8-10 คน โดยคัดเลือกจากตัวแทนของทีมเรียนรูระดับหมูบาน นอกจากนั้นควรมีตัวแทน จากหนว ยงานที่ เ กี่ ยวข อ งที่ อยู ใ นพื้ นที่ เช น ตั ว แทนจากภาคราชการ องค ก รปกครอง ทองถิ่น องคกรพัฒนาเอกชน ผูประกอบการ ที่อยูในพื้นที่รวมอยูดวย
การจัดเวทีประเมินชุมชนโดยใช PRA สามารถจัดไดหลายรูปแบบ ยืดหยุนไปตามสถานการณและความพรอมของชุมชนเปาหมาย สําหรับการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม ภายใตโครงการจัดการและคุมครองพื้นที่ชุมน้ํา ใชรูปแบบการ จัดเวทีตามเนื้อหาที่กําหนดไว มี 3 ขั้นตอน ดังนี้
3-8
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
ขั้นตอน 1
ขั้นตอน 2
ขั้นตอน 3
เวทีระดับหมูบาน หมูบานละ 1 ครั้ง
เวทีระดับตําบล ตําบลละ 1 ครั้ง
เวทีรวมทุกตําบล 1 ครั้ง
(ทีมเรียนรูระดับหมูบาน)
(ทีมเรียนรูระดับตําบล)
(ทีมเรียนรูระดับตําบล)
• วิเคราะหขอ มูลพื้นฐาน • ขอมูลพืน้ ฐานบริเวณพื้นที่ชุมน้าํ และ • นําเสนอขอมูลจาก และการใชประโยชนจากพืน้ ที่ การใชประโยชน การศึกษาในขัน้ ตอน 1 ชุมน้ํา ของครัวเรือน กลุม / • วิเคราะหชนิดและปริมาณของ และขัน้ ตอน 2 องคกร ทรัพยากรธรรมชาติ • วิเคราะหแนวทางการ คุมครองและใชประโยชน • วิเคราะหการใชประโยชนจาก จากพืน้ ที่ชมุ น้ําอยางยั่งยืน ทรัพยากรธรรมชาติในรอบ 1 ป • วิเคราะหความสัมพันธระหวางกลุมผูใช ประโยชน • วิเคราะหสภาพปญหาที่เกิดขึน้ • วิเคราะหรูปแบบการอนุรักษ และ คุมครองทรัพยากรธรรมชาติ
การจดบันทึก และนําเสนอขอมูล ขอมูลที่ไดจากการศึกษาจะถูกบันทึกและนําเสนอใน 2 ลักษณะ คือ • บันทึกชวยจํา เปนผลงานอันเกิดจากการจัดกิจกรรม PRA ของทีมเรียนรู ซึ่งสามารถนําไป ทบทวน ตรวจสอบ เพิ่มเติมขอมูล และนําเสนอขอมูลตอชุมชน หรือหนวยงานที่เกี่ยวของ ไดเลย
การนําเสนอขอมูลจากบันทึกชวยจํา
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-9
• เอกสารรายงานผลการศึกษา ทีมประเมินชุมชนตองเรียบเรียงและจัดทําขอมูลผลการศึกษา ที่สมบูรณเปนรูปเลม เพื่อใชเปนคูมือการทํางานตอเนื่องของทีมเรียนรูและหนวยงานที่เกี่ยวของ ทั้งภาคราชการและองคก รพัฒ นาเอกชนในพื้น ขอมู ลสําหรับ จัดทํ าเอกสารรายงานผล การศึกษาไดจาก 3 แหลงหลักๆ คือ o ขอมูลที่ไดจากการศึกษา “ขอมูลพื้นฐาน” ของพื้นทีช่ ุมน้ําที่ทําการศึกษา o บันทึกจากการจัด “เวทีประเมินชุมชน” โดยใชกระบวนการ PRA ทุกครัง้ o รายละเอียดจาก “บันทึกชวยจํา” ที่ไดจากการทํากิจกรรม PRA ทุกกิจกรรม นํารายละเอียดขอมูลทั้ง 3 สวนมาจัดหมวดหมู และนําเสนอในรูปของเอกสารรายงาน ซึ่ง โดยทั่วไปจะประกอบดวย 4 สวนหลักๆ ดังนี้
• บทนํา ประกอบดวยที่มาและความสําคัญของการศึกษา โดย ใชกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม วัตถุประสงค ขอบเขตเนื้อหา และขั้นตอน/วิธีการที่ใชศึกษา • ผลการศึกษา ประกอบดวยขอมูลพื้นฐานชุมชน และขอมูลที่ ไดจากการจัดกิจกรรม PRA ตามเนื้อหาที่กําหนดไว • สรุปผลการศึกษา ตองสังเคราะหขอมูลจากผลการศึกษา ทั้งหมด ใหสอดคลองกับวัตถุประสงคที่กําหนดไว • ขอเสนอแนะ เปนขอคิดเห็นจากทีมศึกษาที่ประมวลจาก กระบวนการศึกษาทั้งหมด เพื่อเสนอแนะตอทีมเรียนรูและ ผูเกี่ยวของทั้งในและนอกพื้นที่ โดยทั่วไปจะเสนอแนะประเด็น การพัฒนาตอเนื่องที่ควรจะเกิดขึ้นในพืน้ ที่ชมุ น้ําที่ ทําการศึกษา
3-10
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
ตัวอยางกิจกรรม PRA การทําแผนที่แบบมีสวนรวม (village mapping) เนื้อหา การวิเคราะหขอมูลพืน้ ฐานชุมชน และการใชประโยชนจากพื้นทีช่ ุมน้ํา ประเด็นหลัก ขอมูลพื้นฐานชุมชน/ หมูบาน และการใช ประโยชนจากพื้นที่ ชุมน้ําของบุคคล ครัวเรือน กลุม/องคกร
• • • • • • •
ประเด็นยอย แผนที่ชุมชน/หมูบาน สถานที่สําคัญ พื้นที่ทํากิน พื้นที่อนุรักษ ฯลฯ จํานวนครัวเรือน จํานวนประชากร ชาติพันธุ กลุม/องคกรในชุมชน ผูนําชุมชน แกนนํากลุมอนุรักษ แกนนํากลุมอาชีพ แกนนําแมบาน แกนนําเยาวชน ฯลฯ ขอมูลพื้นฐานอื่นๆ จํานวนบุคคล ครัวเรือน กลุม/องคกร ที่ใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา ประเภทของการใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ําของแตละบุคคล ครัวเรือน กลุม/ องคกร
วัสดุ • กระดาษโปสเตอรสี 1-2 แผน • ปากกาเคมีสีตางๆ 2-3 ดาม • วัสดุใชแทนสัญลักษณหลายๆ ชนิด เชน กระดาษสติกเกอรสีตัดเปนรูปสี่เหลี่ยม วงกลม หรือสามเหลี่ยมขนาดและสีตางๆ กอนหินขนาดเล็ก เมล็ดขาวโพด เมล็ดฟกทอง ฯลฯ ขั้นตอน • แบงกลุมผูเขารวมกิจกรรมตามคุมบาน คุมบานละ 8-10 คน • ใชกระดาษโปสเตอรสีแทนบริเวณที่ตองการทําแผนที่ ชวนผูเขารวมกิจกรรมบอกตําแหนง สําคัญของบริเวณที่ตองการทําแผนที่ เชน ถนน แมน้ํา ฯลฯ แลวใชสัญลักษณ หรือใช ปากกาเคมีเขียนบอกตําแหนงสถานที่สําคัญลงในกระดาษโปสเตอรสี • เปดประเด็นที่ตองการศึกษาทีละประเด็น โดยการตั้งคําถามปลายเปด แลวใหผูเขารวม พูดคุยแลกเปลีย่ นและใหขอ มูลในประเด็นนัน้ ๆ เชน o บริเวณนี้มีสถานที่สําคัญอะไรบาง (เชน วัด โรงเรียน รีสอรท ฯลฯ) ใชสีของปากกาเคมี หรือเลือกใชสัญลักษณแทนสถานที่สําคัญนั้นๆ o บริเวณนี้มีบานอยูกี่หลัง อยูตรงไหนบาง เปนบานของใคร ใหใชกระดาษรูปสี่เหลี่ยม แทนบานแตละหลัง
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-11
o บานแตละหลังมีผูอาศัยอยูกี่คน แยกตามเพศ แยกตามกลุมอายุ (เชน เด็กกอนวัยเรียน เด็กที่เรียนระดับประถมศึกษา เด็กเรียนระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ผูใหญวยั ทํางาน ผูสูงอายุ ฯลฯ) โดยใชสัญลักษณที่เตรียมไวแทนประชากรกลุมตางๆ o มีบานหลังไหนหรือสถานที่ใดใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ําบาง ใชสัญลักษณแทนการใช ประโยชนแตละดาน • ตั้งคําถามอื่นๆ ตามที่กําหนดไวทีละประเด็น จนไดครบตามเนื้อหาที่ตองการ • แตละกลุมนําเสนอผลงาน เพื่อใหกลุมอืน่ ๆ ตรวจสอบความถูกตอง เพิม่ เติมขอมูลที่ยังขาด • คัดลอกหรือทําแผนที่ใหถาวรขึ้นใหม โดยการรวบรวมขอมูลของทุกคุมบาน ทําใหเปนแผน ที่ภาพรวมของหมูบาน และสามารถนําแผนที่กลับไปศึกษาขอมูลเพิ่มเติม หรือตรวจสอบ ความถูกตองไดอีกหลายๆ ครั้ง
การทําแผนที่แบบมีสวนรวม หมายเหตุ • การทําแผนที่แบบมีสวนรวม เนนการเรียนรูข อมูลเชิงสังคม แผนที่ไ มจํา เปน ตองถูก ตองตาม มาตราสวน • สามารถใชการทําแผนที่แบบมีสวนรวมในการศึกษาขอมูลทางกายภาพของบริเวณพื้นที่ชุมน้ํา โดย วิธีการเดียวกัน
3-12
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
การวิเคราะหและจัดลําดับ (matrix ranking) เนื้อหา การวิเคราะหชนิดและปริมาณของทรัพยากรธรรมชาติและอาหาร ประเด็นหลัก ชนิดและปริมาณของ ทรัพยากรธรรมชาติ และ อาหาร
ประเด็นยอย • ชนิดของทรัพยากรธรรมชาติและอาหารที่มีอยูในพื้นที่ชุมน้ํา (ทั้งในน้ําและ บนบก) • ปริมาณของทรัพยากรธรรมชาติและอาหารที่มีอยูในพื้นที่ชุมน้ํา (ทั้งในน้ํา และบนบก)
วัสดุ • กระดาษโปสเตอรสี 1-2 แผน • ปากกาเคมีสีตางๆ 2-3 ดาม • กระดาษสติกเกอรสีตางๆ ขนาด 1.5x1.5 นิ้ว ประมาณ 200 ชิ้น ขั้นตอน • เชิญชวนใหผูเขารวมกิจกรรมชวยกันบอกชื่อทรัพยากรธรรมชาติและอาหารที่มีอยูในพื้นที่ ชุมน้ํา (ชื่อพื้นที่ชุมน้ํา) ที่มีอยูทั้งในน้ําและบนบก แลวชวยกันเขียนชื่อทรัพยากรธรรมชาติ และอาหารที่ชวยกันคิดไดตามลําดับกอนหลัง ลงในกระดาษโปสเตอรสี ใหครบถวนทุก รายการ หรือใหไดมากที่สุดเทาที่จะทําได โดยเขียนชื่อทรัพยากรธรรมชาติและอาหารไว ทางดานซายมือของกระดาษ เวนชองวางดานขวามือไวสําหรับการใหคะแนน • ใหผูเขารวมกิจกรรมชวยกันวิเคราะหและตัดสินใจใหคะแนน เพื่อจัดลําดับวาทรัพยากร ธรรมชาติและอาหารประเภทใดมีปริมาณมากนอยตางกันอยางไร เพราะเหตุใด โดยให คะแนนเต็ม 10 สําหรับทรัพยากรธรรมชาติหรืออาหารที่มีปริมาณมากที่สุด หากมีปริมาณ นอยก็ใสคะแนนลดหลั่นกันลงไปตั้งแต 9 ถึง 1 โดยใสคะแนนไวทางดานขวามือของทรัพยากร หรืออาหารนั้นๆ ควรใชกระดาษสติกเกอรสี (ที่ยังไมลอกกระดาษกาวออก) แทนการเขียน ดวยปากกา เพื่อใหสะดวกตอการแกไขเมื่อมีการถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหวาง ผู เ ข าร ว มกิ จ กรรม ระวั ง อย า ให ล อกสติ ก เกอร ติ ด จนกว า การถกเถี ย งแลกเปลี่ ย นความ คิดเห็นจะยุติ • ในขณะที่ ทํ ากิ จกรรม วิ ท ยากรควรสั ง เกตและจดบั น ทึก เหตุผ ล หรือ ประเด็ น ถกเถี ย งที่ สมาชิกในกลุมกําลังอภิปราย ไมควรแสดงความคิดเห็นโตแยงหรือไมเห็นดวย แตสามารถ ตั้งคําถามปลายเปดในบางประเด็นที่สงสัย เชน ทําไมจึงคิดวาทิวทัศนเปนทรัพยากรธรรมชาติ ทําไมปลามีนอยกวาหอยเชอรี่ เปนตน • ตัวแทนผูรวมกิจกรรมนําเสนอผลการวิเคราะหตอที่ประชุมเพื่ออภิปรายซักถาม ตรวจสอบ เพิ่มเติมขอมูลที่ยังไมครบ • จดบันทึกขอมูล เก็บเอกสารขอมูลตารางจัดลําดับไวเพื่อใชเปนบันทึกชวยจํา
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-13
การทําตารางวิเคราะหและจัดลําดับ
การวิเคราะหฤดูกาล (seasonal analysis) เนื้อหา วิเคราะหการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติและอาหารในรอบ 1 ป ประเด็นหลัก การใชประโยชนจากทรัพยากร ธรรมชาติจากพื้นที่ชุมน้ํา. (ชื่อพื้นที่ชุมน้ํา).ในรอบ 1 ป
ประเด็นยอย • ประเภทการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติในรอบ 1 ป • ปริมาณการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติในรอบ 1 ป
วัสดุ • ตารางวิเคราะหฤดูกาล ใชกระดาษโปสเตอรสี 2 แผนตอกัน ใหไดขนาดประมาณ 43x63 นิ้ว จัดทําตารางวิเคราะหฤดูกาล ดังภาพ
3-14
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
เดือน
เดือน
การใชประโยชน จาก..(ชื่อพื้นที่ชุมน้ํา).. ตําบล
สามารถเพิ่มจํานวนวงกลมไดจนเทากับประเภทของการใชทรัพยากร โดยใหแตละวงหางกัน ประมาณ 2 นิ้ว • ปากกาเคมี 2-3 ดาม • กระดาษสติกเกอรสี ขนาดประมาณ 1×1 นิ้ว เพื่อใชติดสัญลักษณ หรือชื่อของการใชประโยชน จากพื้นที่ชุมน้ํา ชนิดละไมนอยกวา 100 ชิ้น ขั้นตอน • ผูเขารวมกิจกรรมและวิทยากรในพื้นที่หนองบงคายนั่งลอมรอบวงกลมวิเคราะหฤดูกาล สนทนาซักถามถึงการนับ หรือเรียกชื่อเดือนในรอบ 1 ป จากนั้นใหผูเขารวมกิจกรรมเขียนชื่อเดือนตางๆ ในรอบ 1 ป เรียงตามลําดับ ลงในชองวงกลมจนครบทั้ง 12 เดือน • วิทยากรตั้งคําถามใหผูเขารวมกิจกรรมชวยกันคิดวา “ในรอบ 1 ปมีการใชประโยชนอะไรจาก พื้นที่ (ชื่อพื้นที่ชุมน้ํา) บาง” เขียนสัญลักษณของการใชประโยชนแตละประเภทลงในกระดาษสติกเกอรสี ควรใหผูเขารวมกิจกรรมในกลุมทําสัญลักษณประเภทการใชประโยชนนั้นๆ เตรียมไวหลายๆ ชิ้น (การ เขียนสัญลักษณลงบนสติกเกอร ควรใชสติกเกอรสีเดียวกันเขียนสัญลักษณการใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา ประเภทเดียวกัน) • ติ ด สั ญ ลั ก ษณ ที่ เ ราใช แ ทนการใช ป ระโยชน แ ต ล ะอย า งไว ด า นข า งวงกลม และเขี ย น ความหมายของสัญลักษณนั้นกํากับไว
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-15
• ผูเขารวมกิจกรรมชวยกันวิเคราะหและตัดสินใจวาการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติ แตละชนิด ในรอบ 1 ป ที่ชวยกันคิดในขอที่ 2 นั้น มีการใชประโยชนอะไรในเดือนไหนบาง และใน ปริมาณมากนอยเพียงใด ใชสติกเกอรสีสัญลักษณที่เตรียมไวใหคะแนน โดยใสคะแนนเต็ม 10 สําหรับ เดือนที่มีการใชทรัพยากรธรรมชาติปริมาณมากที่สุด หากเดือนไหนมีการใชในปริมาณนอย ก็ใสคะแนน ลดหลั่นกันลงไปตั้งแต 9 ถึง 1 หากเดือนไหนไมไดใชประโยชน ก็ไมตองใสคะแนน สนับสนุนใหผูเขารวม กิจกรรมชวยกันวิเคราะหเชนนี้ไปเรื่อยๆ ทีละประเภทของการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติใน พื้นที่ชุมน้ํานั้นๆ จนครอบคลุมการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติทุกประเภท • ในขณะที่ทํากิจกรรม วิทยากรควรสังเกตและจดบันทึกเหตุผล รวมถึงประเด็นถกเถียงที่ สมาชิกในกลุมกําลังอภิปราย ไมควรแสดงความคิดเห็นโตแยง หรือไมเห็นดวย แตสามารถตั้งคําถาม ปลายเปดในบางประเด็นที่สงสัย • ตัวแทนผูรวมกิจกรรมนําเสนอผลการวิเคราะห วิทยากรชวยตั้งประเด็นคําถามเพื่อการ เรียนรู รวมกัน ตามขอ มูลที่เกิ ดขึ้น ระหวางทํ ากิจกรรม เช น มีการหาหน อไมเพิ่ มขึ้นในระหวางเดือ น มิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมสงผลตอความเปนอยูของชาวบานอยางไร ในเดือนที่มีปริมาณการใชน้ํามาก เกิดผลดีผลเสียอยางไร เปนตน • จดบันทึก เก็บเอกสารขอมูลตารางวิเคราะหฤดูกาลที่ไดจากกิจกรรมไวเปนบันทึกชวยจํา
หมายเหตุ สามารถใชการวิเคราะหฤดูกาล ในการศึกษาขอมูลชนิดและปริมาณของทรัพยากรธรรมชาติในรอบ 1 ปได โดยใชวิธีการเดียวกัน
3-16
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
การทําแผนภูมิความสัมพันธ (Venn diagram) เนื้อหา การวิเคราะหความสัมพันธระหวางกลุมผูใชประโยชน ประเด็นหลัก กลุมผูใชประโยชนจากพื้นที่ (ชื่อพื้นที่ชุมน้ํา)
• • • • • •
ประเด็นยอย กลุมผูใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา (ชื่อพื้นที่ชุมน้ํา) ทั้งในและนอกชุมชน ปริมาณ/จํานวนผูใชประโยชนของแตละกลุม ปริมาณ/ระยะเวลาในการใชประโยชน ประเภทของการใชประโยชน คูกรณีที่มีความขัดแยงระหวางกัน เนื้อหา/สาระของความขัดแยง
วัสดุ • กระดาษโปสเตอรสี 1 แผน • ปากกาเคมี 3 สี • กระดาษการดสี ตัดเปนรูปวงกลมขนาดเสนผาศูนยกลาง 8 นิ้ว 1 ชิ้น • กระดาษการดสี (ใชสีตางจากกระดาษในขอ 3) ตัดเปนรูปวงกลมขนาดลดหลั่นกันลงไป 9 ขนาด ตั้งแต 6 นิ้ว 5.5, 5, 4.5, 4, 3.5, 3, 2.5 และ 2 นิ้ว ขนาดละ 10 ชิ้น • กระดาษการดสีรูปสี่เหลี่ยมขนาด 1x5 นิ้ว 2 สี สีละประมาณ 50 ชิ้น • กาว ขั้นตอน • แจกกระดาษโปสเตอรสีและกระดาษรูปวงกลมขนาด 8 นิ้ว เขียนขอความ “กลุมผูใชประโยชน จากพื้นที่ (ชื่อพื้นที่ชุมน้ํา)” ลงในกระดาษสีรูปวงกลม แลวติดไวตรงกึ่งกลางของกระดาษ โปสเตอรสี • วิทยากรตั้งคําถาม “ใหชวยกันคิดวามีคนกลุมไหนทั้งในและนอกชุมชนใชประโยชนจาก พื้นที่ (ชื่อพื้นที่ชุมน้ํา) บาง” สมาชิกในกลุมชวยกันวิเคราะหเปรียบเทียบ “จํานวน” กลุม ผูใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ําดังกลาววามีจํานวนมากนอยเพียงใด กลุมไหนมีจํานวนสมาชิก มากใหเขียนชื่อกลุมลงในกระดาษรูปวงกลมขนาดใหญ กลุมไหนมีจํานวนสมาชิกนอยก็ใส ชื่อกลุมลงในกระดาษที่มีขนาดลดหลั่นกันลงไปจนครบทุกกลุม • สมาชิกในกลุมชวยกันวิเคราะหตอวาจากรายชื่อกลุมทั้งหมดที่ชวยกันคิดมานั้น กลุมไหนมี “ปริมาณ” การใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํามากนอยเพียงใด แลวนําวงกลมที่มีชื่อกลุมที่ใช ประโยชนมากที่สุดมาวางไวใกลกับวงกลมที่มีขอความ “กลุมผูใชประโยชนจากพื้นที่ (ชื่อ พื้นที่ชุมน้ํา)” กลุมไหนใชประโยชนนอยก็ใหติดหางออกไปเรื่อยๆ กลุมไหนใชประโยชน มากนอยเทาๆ กัน ก็ติดใหมีระยะหางเทาๆ กัน (ในขั้นตอนนี้วิทยากรชวยแนะนําใหการวาง ชื่อกลุมผูใชประโยชนกระจายไปทั่วทั้งกระดาษโปสเตอร เพื่อสะดวกตอการวิเคราะหและ
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-17
•
•
•
• •
เพิ่มเติมขอมูลในประเด็นถัดไป) เมื่อสมาชิกทําการวิเคราะหเปรียบเทียบจนเปนที่พอใจแลว ใหใชกาวติดเพื่อปองกันขอมูลคลาดเคลื่อน วิทยากรตั้งประเด็นใหชวยกันคิดวาผูใชประโยชนแตละกลุม ใชประโยชนอะไรจากพื้นที่ชุมน้ํา ดังกลาว ใหเขียนประเภทการใชประโยชนของแตละกลุมลงในกระดาษรูปสี่เหลี่ยม ประเภทละ 1 แผน (โดยใชกระดาษสีเดียวกันทุกประเภท) แลวนําไปติดไวใกลๆ กับกลุมผูใชประโยชน นั้นๆ จนครบทุกกลุม สมาชิกในกลุมชวยกันวิเคราะหอยางละเอียดรอบคอบ วากลุมผูใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา กลุมใดมีความขัดแยงหรือกระทบกระทั่งอันเนื่องมาจากการใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ํา รวมกันบาง ใหใชปากกาเคมีลากเสนเชื่อมโยงกลุมที่มีความขัดแยง หรือกระทบกระทั่งกัน จนครบทุกกลุม ซึ่งผูใชประโยชนหนึ่งกลุมอาจมีความขัดแยงกับกลุมอื่นๆ หลายกลุมก็ได ดังนั้นวิทยากรควรเรียนรูรวมกับชาวบานอยางใกลชิด ไมควรโตแยงในขณะที่สมาชิกใน กลุมกําลังอภิปรายถกเถียง แตอาจตั้งคําถามในประเด็นที่สงสัย และจดบันทึกขอมูลให ครบถวน วิทยากรตั้งประเด็นใหชวยกันคิดวาคูกรณีแตละคูมีความขัดแยงกันเรื่องอะไรบาง ใหเขียน เนื้อหาความขัดแยงนั้นๆ ลงในกระดาษการดสีรูปสี่เหลี่ยม (ใชสีที่ตางจากประเด็นการใช ประโยชน) แลวนําไปติดไวระหวางเสนที่โยงความขัดแยงของแตละคูกรณี ชวยกันวิเคราะห ไปทีละคูกรณีจนครบทุกคู นําผลการวิเคราะหทั้งหมดมานําเสนอเพื่อสรุปประเด็น และเพิ่มเติมขอคิดเห็นรวมกันอีกครั้ง จดบันทึก เก็บเอกสารขอมูลแผนภูมิความสัมพันธที่ไดจากกิจกรรมไวเปนบันทึกชวยจํา
การทําแผนภูมิความสัมพันธ หมายเหตุ สามารถนําการทําแผนภูมิความสัมพันธไปใชวิเคราะหขอมูลดานอื่นๆ เชน การวิเคราะหสภาพปญหา และผลกระทบของพื้นที่ชุมน้ํา การวิเคราะหรูปแบบการอนุรักษและคุมครองทรัพยากรธรรมชาติ การวิเคราะห แนวทางการคุมครองและใชประโยชนจากพื้นที่ชุมน้ําอยางยั่งยืน
3-18
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
ขอควรทราบ ขอเดน ขอจํากัดของการนํากระบวนการ PRA ไปใชในการประเมินชุมชน ขอเดน • เปนวิธีการที่เรียบงาย เนนการใชสัญลักษณ ชวยใหมองเห็นเปนรูปธรรม • ใชไดดีกับกลุมเปาหมายที่มีการศึกษาคอนขางจํากัด • คนในชุมชนมีสวนรวมอยางเสมอภาค • ชวยใหเรียนรูขอ มูลสําคัญเกี่ยวกับชุมชนไดเร็ว ขอมูลเชื่อถือได • ขอมูลที่ได สะทอนภาพที่แทจริงของชุมชน เพราะมาจากมุมมองของคนในชุมชนเอง • สงเสริมศักยภาพของชุมชน ในการศึกษาวิเคราะหขอมูล ชี้ชัดปญหา และมองเห็นแนว ทางแกไขปญหาดวยตนเอง ขอจํากัด • ใชเวลามากกับการประสานงาน เตรียมกลุมเปาหมาย และเตรียมวัสดุในการจัดกิจกรรม • ตองคัดเลือกทีมเรียนรูใหครอบคลุม และเหมาะสมกับเนื้อหาที่ตองการศึกษา • ทีมวิทยากรกระบวนการ PRA และทีมเรียนรู ตองทําความรูจักคุนเคยกันกอนพอสมควร • ตองเตรียมและเลือกใชกิจกรรมใหเหมาะสมกับเนื้อหาที่จะศึกษา
คุณสมบัติของวิทยากรกระบวนการ PRA • • • • • •
ศรัทธาในแนวคิด หลักการของ PRA ผานการฝกอบรมกระบวนการ PRA มาเปนอยางดี มีความรู ความเขาใจ และทักษะในการจัดกระบวนการกลุม มีมนุษยสัมพันธที่ดี ใจกวาง รับฟง ไมชนี้ ํา กระตือรือรน มีความพรอมที่จะเรียนรูสิ่งใหมๆ ละเอียดรอบคอบ มีความสามารถในการจัดการ เชน วางแผนการจัดกิจกรรมอยางรอบคอบ จดบันทึกขอมูล อยางเปนระบบ
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-19
บรรณานุกรม ดุสิต ดวงสา และคณะ. คูมือการใช PRA ในการทํางานดานเอดสในชุมชน. โครงการเอดสศึกษา คณะศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม. นิคม ภูสกุลสุข และคณะ. 2546. รายงานขอมูลระดับตําบล โครงการจัดการและคุมครองพื้นที่ ชุมน้ําปากแมน้ํากระบี่ จังหวัดกระบี่. สุมาลี วรรณรัตน และคณะ. 2546. รายงานการศึกษาและสํารวจขอมูลระบบนิเวศน และการใช ทรัพยากรธรรมชาติพื้นที่หนองบงคาย โดยเนนการมีสวนรวมของชุมชนทองถิ่น. แอนดรู คอรนิศ และคณะ. 2542. เครื่องมือการศึกษาและการเก็บขอมูลชุมชนชายฝงอยางเรงดวน. องคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติประจําประเทศไทย. Chambers. Robert. 1992. Relaxed and Participatory Rural Appraisal Note on Practical Approaches and Methods : Note for Participants in the Workshop Held in Chiang Mai. Social Research Institute Chiang Mai University.
3-20
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
ภาคผนวก ตัวอยางการเขียนรายงานผลการศึกษา ตัวอยาง 1 การใชประโยชนจากพื้นที่หนองบงคายของคนในชุมชน จํานวนครัวเรือนที่ใชประโยชนจากพื้นที่หนองบงคาย การใชประโยชนจากพื้นที่หนองบงคายของชาวบาน 2 ตําบล คือ ตําบลโยนก 5 หมูบาน และ ตําบลปาสัก 7 หมูบาน รวม 12 หมูบาน มีจํานวนครัวเรือนทั้งหมดและครัวเรือนที่ใชประโยชน ดังนี้ ตาราง 1 แสดงจํานวนครัวเรือนทัง้ หมด และครัวเรือนที่ใชประโยชนจากหนองบงคาย ของตําบลโยนก และ ตําบลปาสัก พื้นที่ จํานวนครัวเรือนทั้งหมด จํานวนครัวเรือนที่ใชประโยชน ตําบลโยนก 557 234 ตําบลปาสัก 1,354 284 รวมทั้งสิ้น 1,911 518 จากตารางขอมูลจํานวนครัวเรือนทั้งหมดและขอมูลครัวเรือนที่ใชประโยชนจากหนองบงคาย มี เพียง 518 ครัวเรือน หรือคิดเปนรอยละ 27.10 เทานั้นที่ใชประโยชนจากหนองบงคาย ทั้งนี้เนื่องจาก พื้นที่รอบหนองบงคายถูกขายใหกับนายทุนตางถิ่น
ตําบลปาสัก 54.83%
ตําบลโยนก 45.17%
แผนภูมิ 1 แสดงจํานวนการใชประโยชนจากหนองบงคายของ 2 ตําบล
จากแผนภูมิการใชประโยชนจากหนองบงคาย ตําบลปาสักใชประโยชนรอยละ 54.83 ตําบล โยนกใชประโยชนรอยละ 45.17
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-21
ประเภทของการใชประโยชน ศึกษาโดยการทําแผนที่แบบมีสวนรวมกับทีมเรียนรูระดับหมูบานทุกหมูบานของ 2 ตําบล รวม 12 หมูบาน สามารถจําแนกประเภทการใชประโยชนจากพื้นที่หนองบงคายได 6 ลักษณะคือ • การใชน้ําทํานา • การใชพื้นที่ทําไร ทําสวน • ใชเปนพื้นที่เลีย้ งสัตว เชน วัว ควาย • การใชน้ําเลี้ยงปลาในบอดิน • หาของปา เชน หนอไม ไมไผ ผัก เห็ด • หาปลา สัตวน้ํา สาหรายน้ําจืด ตาราง 2 แสดงการใชประโยชนของชาวบาน 12 หมูบาน ในเขตพื้นที่หนองบงคาย (นับจํานวนตาม ครัวเรือนที่ใชประโยชน) การใชประโยชน (ครัวเรือน) ชื่อหมูบาน ใชน้ํา ทําไร ใชน้ํา หาของ ทํานา ทําสวน เลี้ยงสัตว เลี้ยงปลา ปา บานกูเตา 0 0 11 0 0 บานสันตนเปา 13 1 0 0 1 บานรองบง 77 7 0 0 4 บานโคงงาม 50 0 19 0 1 บานดอยงาม 11 0 7 0 0 บานปาสักนอย 0 0 2 0 0 บานดอยจําป 0 0 0 0 0 บานดอยศรีแกว 0 0 0 0 19 บานปางหมอปวง 0 0 0 0 0 บานดอยคํา 10 50 0 8 87 บานปาแดด 7 1 0 0 1 บานหนองบัวสด 2 0 13 0 0 รวม 170 59 52 8 113 หมายเหตุ นับซ้ําครัวเรือนที่มีการใชประโยชนหลายอยาง
3-22
หาปลา สัตวน้ํา 9 8 13 2 0 5 41 4 3 13 7 11 116
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
22.39%
ใชน้ําทํานา ทําไรทาํ สวน
21.81%
เลีย้ งสัตว
32.82% 1.54% 10.04%
ใชน้ําเลีย้ งปลา หาของปา
11.39%
หาปลา สัตวน้ํา
แผนภูมิ 2 แสดงอัตราสวนการใชประโยชนจากหนองบงคายของชาวบาน 12 หมูบาน
ประเภทของการใชประโยชนจากหนองบงคายมากที่สุดของชาวบานทัง้ 12 หมูบาน คือ การใชน้ํา จากหนองบงคายทํานา มีมากถึง 170 ครัวเรือน หรือคิดเปนรอยละ 32.82 รองลงมาคือหาปลาหรือสัตวน้ํา 116 ครัวเรือน คิดเปนรอยละ 22.39 หาของปา 113 ครัวเรือน คิดเปนรอยละ 21.81 ใชพื้นที่ทําไรทําสวน 59 ครัวเรือน คิดเปนรอยละ 11.39 ใชพื้นทีเ่ ลี้ยงสัตว 52 ครัวเรือน คิดเปนรอยละ 10.04 และขุดบอเลี้ยง ปลาโดยใชน้ําจากหนองบงคาย 8 ครัวเรือน คิดเปนรอยละ 1.54 ตามลําดับ
ตัวอยาง 2 ขอเสนอแนะ การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม (PRA) กับทีมเรียนรูของ ชุมชนในเขตพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย ทีมศึกษาขอมูลมีขอเสนอแนะเพื่อการดําเนินงานตอเนื่องดังนี้ • วิธีการศึกษาขอมูลในระยะเวลาที่ผานมาเปนการสรางพื้นฐานการเรียนรูรวมกันของคนใน ชุมชน ในประเด็นตางๆ ไดแก การเรียนรูขอมูลพื้นฐานของชุมชน การเรียนรูเรื่องการมีอยู ของทรัพยากร การพึ่งพาและการใชประโยชนจากทรัพยากรในพื้นที่หนองบงคาย สถานการณ ปญหา ความขัดแยง ความรุนแรงของปญหาที่เกิดขึ้นระหวางกลุมผูใชประโยชนจากพื้นที่ ชุมน้ําหนองบงคาย ตลอดจนขอเสนอแนวทางปองกันและแกไขปญหา การหาทางออกใน การใชทรัพยากรรวมกันในอนาคตอยางยั่งยืนของคนในชุมชน ดังนั้นการสนับสนุนกิจกรรม การพัฒนาตอเนื่องในอนาคต จึงควรใชกระบวนการเรียนรูแบบมีสวนรวมของคนในพื้นที่ ควบคูไปกับงานพัฒนาเพื่อสรางสํานึกรวมในการใชทรัพยากรอยางยั่งยืนตอไป • การระดมทรัพยากรในพื้นที่เพื่อการจัดการและใชประโยชนอยางชาญฉลาด จากการศึกษา พบวา พื้นที่หนองบงคาย นอกจากจะมีทรัพยากรธรรมชาติอยูเปนจํานวนมากแลว ยังพบวา คนในชุมชนที่ใชประโยชนจากพื้นที่หนองบงคายนั้นมีทรัพยากรบุคคล มีวิธีการทํางานที่มี
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม
3-23
คุณคาตอการจัดการอนุรักษทรัพยากร เชน บุคลากรในองคการบริหารสวนตําบล กลุม เหมืองฝายโยนก พิธีกรรม “ฮองขวัญนก” ฯลฯ บุคลากรและพิธีกรรมเหลานี้สามารถสราง สํานึกของการมีสวนรวมของคนในชุมชนไดเปนอยางดี ควรมีการสนับสนุนกิจกรรมอยาง ตอเนื่อง • การจัดกระบวนการเรียนรูสําหรับคนในทองถิ่น การจัดการศึกษาสําหรับเยาวชนคนรุนใหม ควรเนนการสรางสํานึกรวมของเยาวชนในการอนุรักษมรดกของทองถิ่น ผานหลักสูตรที่ สรางขึ้นภายใตการมีสวนรวมของชุมชน สําหรับชาวบานทั่วไปและผูนําชุมชน จําเปนตอง ไดรับรูขาวสารขอมูลรวมกันอยางตอเนื่อง รวมทั้งการเพิ่มขอมูลใหมๆ เพื่อใหพรอมรับมือ กับสถานการณ หรือการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เชน นโยบายการพัฒนาของ รัฐบาลที่มีผลกระทบกับวิถีชีวิตของประชากรในพื้นที่ การพัฒนาตามโครงการสี่เหลี่ยม เศรษฐกิจ ฯลฯ • ประเด็นขอขัดแยงหรือปญหาเกี่ยวกับการใชประโยชนในพื้นที่หนองบงคาย เปนประเด็นที่ ซับซอนและเชื่อมโยงกับผูมีสวนไดเสีย หรือปญหาอื่นๆ เชน ความตองการในการยกคัน ฝายกั้นน้ําใหสูงขึ้นของกลุมเหมืองฝายโยนก จะสงผลกระทบทําใหเกิดน้ําทวมพื้นที่ของบาง หมูบานในตําบลปาสัก และสํานักงานเขตหามลาสัตวปาหนองบงคาย ในขณะเดียวกัน หาก ไมสามารถยกคันกั้นน้ําใหสูงขึ้น ชาวนาในตําบลโยนกก็ไมสามารถทํานาได ตองเปลี่ยนไป ประกอบอาชีพอื่น และขายที่นาใหนายทุนตางถิ่น อาจกอใหเกิดผลกระทบอื่นๆ ตามมา ดังนั้นกระบวนการสรางความเขาใจ การวิเคราะหและเชื่อมโยงปญหาตางๆ รวมกับชุมชน จึงเปนสิ่งที่ควรทําอยางสม่ําเสมอ • การจัดเวทีเรียนรูของชุมชน มีหลายประเด็นที่คนในชุมชนไมทราบขอมูลชัดเจน และไม สามารถหาขอสรุปหรือทางออกในการจัดการกับปญหาโดยลําพัง เพราะปญหาบางอยาง เกี่ยวของกับอํานาจหนาที่หนวยงานภาคราชการหลายหนวยงาน ดังนั้นการจัดเวทีเรียนรู ทั้งระดับหมูบาน ระดับตําบล หรือเวทีเรียนรูรวมของทุกตําบลในเขตพื้นที่ชุมน้ํา ควรมี ตัวแทนของภาคราชการและองคกรพัฒนาเอกชนที่เกี่ยวของเขารวม เพื่อรับฟงขอสรุปและ ตอบคําถามบางประการที่มีขึ้นในเวทีพูดคุย
3-24
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 3 คูมอื การประเมินชุมชนโดยกระบวนการวิเคราะหชุมชนแบบมีสวนรวม