ฉบับที่ 4
คูมือการประเมินทางเศรษฐศาสตร ของพื้นที่ชุมน้ํา โดย
เพ็ญพร เจนการกิจ
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-1
4-2
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
คูมือการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตร ของพืน้ ที่ชุมน้าํ
การประเมิ น มู ล ค า ทางเศรษฐศาสตร ข องพื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า เป น ข อ มู ล ประกอบการตั ด สิ น ใจในการอนุ รั ก ษ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมของพื้นที่ชุมน้ํา เมื่อมี การใช ป ระโยชน ห รื อ มี แ รงกดดั น ทางเศรษฐกิ จ ในด า น ตางๆ เกิดขึ้น โดยอาศัยการวิเคราะหตนทุนและผลประโยชน เพื่อตัดสินใจวาจะอนุรักษพื้นที่ชุมน้ําอยางไรในระดับใด โดยเปรียบเทียบระหวางมูลคาทางเศรษฐศาสตรที่ไดจาก การใชประโยชนพื้นที่ชุมน้ําในรูปสินคาและบริการเมื่อมี การอนุรักษ และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ไดจากการ เปลี่ยนแปลงพื้นที่ชุมน้ําเพื่อนําพื้นที่ไปใชประโยชนในรูปอื่น
ทําไมตองประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ํา ปญหาการสูญเสียพื้นที่ชุมน้ําในประเทศไทย ก็เชนเดียวกับปญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก จากในอดีตที่ พื้นที่ชุมน้ําถูกมองวาเปนพื้นที่ไรคา ไมมีประโยชน เปนเพียงที่น้ําขัง แหลงวัชพืชหรือแหลงเพาะพันธุยุง แมการตระหนักในคุณคาของพื้นที่ชุมน้ําจะมีเพิ่มขึ้นหลังจากการมีอนุสัญญาแรมซาร แตการเปลี่ยนแปลง สภาพพื้นที่ชุมน้ําเพื่อนําไปทํากิจกรรมตางๆ ก็ยังเกิดขึ้นอยูตลอดเวลา ทําใหทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย สูญเสียระบบนิเวศในลักษณะนี้เปนอันมาก ทั้งนี้เพราะมูลคาทางเศรษฐกิจของการนําพื้นที่ไปใชประโยชน ในรูปแบบอื่นๆ สามารถเห็นไดอยางชัดเจนและเปนรูปธรรมมากกวา
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-3
ตัวอยางที่แสดงใหเห็นความสําคัญของการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรเพื่อใชในการจัดการ พื้นที่ชุมน้ํา การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ปาชายเลนเพื่อเลี้ยงกุงกุลาดํา ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการเลี้ยงกุงกุลาดํา ที่เกิดกับผูประกอบการสามารถเห็นเปนตัวเงิน แตอาจเกิดขึ้นไดเพียง 5-10 ป ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของพื้นที่ปาชายเลนหากไมมีการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อทํานากุงจะเกิดกับ ชุมชนตลอดไป โดยสวนที่สามารถเห็นเปนรูปธรรม ไดแก ผลประโยชนหรือมูลคาจากการใชโดยตรงที่เกิดกับ ชุมชน เชนผลผลิตในรูปไมฟน และผลิตภัณฑอื่นๆ จากปา ตลอดจนผลผลิตสัตวน้ําที่ชุมชนสามารถเก็บหาได ตลอดทั้งป หรือคุณประโยชนโดยตรงที่เกิดกับชุมชนและบุคคลภายนอก จากการเปนแหลงทองเที่ยวธรรมชาติ และแหลงศึกษาวิจัย ขณะที่ยังมีมูลคาจากการใชโดยออมที่เกิดกับชุมชนและสังคมโดยรวม จากการเปนแหลง ดูดซับกาซคารบอนไดออกไซด การเปนแหลงเพาะพันธุสัตวน้ําวัยออนกอนที่จะเติบโตและหากินในทองทะเล สรางรายไดแกชาวประมงพื้นบาน การเปนแหลงกรองของเสีย ตลอดจนการเปนแหลงกําบังคลื่นลม ปองกันการ กัดเซาะชายฝง เปนตน ซึ่งสิ่งเหลานี้ไมสามารถเห็นเปนตัวเงินอยางเปนรูปธรรมไดหากไมมีการประเมินมูลคา
การใชประโยชนของคําถามในเชิงนโยบาย การประเมินมูลคา ความรูในการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรจะชวยใหผูมีสวนเกี่ยวของกับการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา สามารถนําผลการศึกษาไปใชเปนขอมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา ใน 3 ประเด็นหลัก ดังตอไปนี้ • การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ํา ทําใหทราบถึงความสําคัญที่มีตอชุมชน และสังคมสวนรวมในดานตางๆ เพื่อนําไปใชเปนขอมูลในการสรางจิตสํานึกถึงคุณคาของทรัพยากรที่ควร อนุรักษไว ตัวอยางเชน การวิเคราะหเพื่อตองการทราบวาพื้นที่ชุมน้ําใหประโยชนเชิงนันทนาการคิดเปน มูลคาเทาไร มีผลประโยชนตกแกใครบาง หรือตองการทราบวาชุมชนที่อาศัยโดยรอบพื้นที่ชุมน้ําไดรับ ประโยชนจากการเปนแหลงน้ําดื่มน้ําใชและการประมงเปนมูลคาเทาไร เปนตน • การประเมินมูลคาผลกระทบ เมื่อพื้นที่ชุมน้ําไดรับผลกระทบจากการดําเนินโครงการหรือ กิจกรรมที่มีผลตอการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของทรัพยากร หากเปนการเปลี่ยนแปลงในทางลบตอ ทรัพยากร การวิเคราะหทางเศรษฐศาสตรก็เพื่อเปนการประเมินตนทุนผลกระทบดานสิ่งแวดลอมของ ทรัพยากร ซึ่งเปนสวนหนึ่งของตนทุนที่เกิดจากการดําเนินโครงการนั้นๆ • การประเมินมูลคาทรัพยากรสวนที่จะมีการเปลี่ยนแปลง สําหรับใชเปรียบเทียบทางเลือกใน การใชประโยชนของพื้นที่ชุมน้ําในรูปแบบตางๆ แทนที่จะอนุรักษไว เปนการวิเคราะหก็เพื่อเปรียบเทียบ ผลประโยชนสุทธิที่เกิดขึ้นจากการใชทรัพยากรที่มีอยูในแตละทางเลือก ตัวอยางเชน การผันน้ําจาก ทะเลสาบเชียงแสนเพื่อใชในการเกษตรและครัวเรือน การพัฒนาพื้นที่ชุมน้ําใหเปนแหลงทองเที่ยว หรือ การนําปาชายเลนมาพัฒนาเปนบอเลี้ยงกุง
การประเมินมูลคา ทั้งนี้ผูมีสวนเกี่ยวของในการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา อาจกําหนดวัตถุประสงคที่เปนรูปธรรมเพื่อเชื่อมโยง ไปสูแนวคําถามเชิงนโยบายตางๆ ดังตอไปนี้
4-4
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
• ตองการทราบผลประโยชนสุทธิที่เกิดจากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมของพื้นที่ชุมน้ํา โดยคําถามเชิงนโยบายเชน มูลคาของพื้นที่ชุมน้ําที่เกิดขึ้นเปนเทาไร ซึ่งสามารถกําหนดเปนแนวคําถาม ในหลายระดับ เชน ระดับพื้นที่/ชุมชน ระดับภาคหรือระดับชาติ ทั้งนี้เพื่อใหเห็นความสําคัญของทรัพยากร ในระดับตางๆ กัน เชนมูลคาทางเศรษฐศาสตรโดยรวมของอุทยานแหงชาติเขาใหญ มูลคาเชิงนันทนาการ ของเขตหามลาสัตวปาหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย หรือมูลคาทางเศรษฐศาสตรจากการเปนแหลงน้ํา เพื่อการเกษตร หรือจากการเปนแหลงเติมน้ําใตดินของบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค เปนตน • ตองการทราบผลประโยชนสุทธิที่เกิดจากการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวของหรือมีผลกระทบ ตอทรัพยากรของพื้นที่ชุมน้ํา โดยคําถามเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อมีโครงการอนุรักษสิ่งแวดลอม ผลประโยชนที่เกิดขึ้นจะคุมคาหรือไม ซึ่งตางจากกรณีแรกที่พิจารณามูลคาโดยรวมของพื้นที่ชุมน้ํา ใน กรณีนี้ เปนการประเมิน มูลค าการเปลี่ยนแปลงของทรัพ ยากรบางส วน อั นเนื่ องมาจากกิ จกรรมหรื อ โครงการตางๆ ตัวอยางเชน ตองการทราบความคุมคาของจัดตั้งโครงการจัดหาที่อยูอาศัยใหสัตวปา หรือ โครงการสรางเขื่อนที่จําเปนตองสละผืนปาบางสวนออกไป เปนตน • ตองการทราบการกระจายผลประโยชนและตนทุนที่เกิดจากทรัพยากรของพื้นที่ชุมน้ํา โดย แนวคําถามเชิงนโยบายที่เกี่ยวของเชน กลุมใดเปนผูไดและเปนผูเสียประโยชนจากโครงการอนุรักษ ทรัพยากรและสาเหตุที่เกิดขึ้น กลุมใดที่อนุรักษทรัพยากร หรือกลุมใดที่ทําใหทรัพยากรเสื่อมโทรม คํ า ตอบต อ คํ า ถามเหล า นี้ เ ป น สิ่ ง จํ า เป น สํ า หรั บ การจั ด การพื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า ที่ จ ะต อ งสร า งแรงจู ง ใจที่ มี ประสิทธิภาพ เพื่อกอใหเกิดการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม แนวคิดโดยทั่วไปก็คือจําเปนตองใหความสนใจตอชุมชนในพื้นที่ กลุมผูดอยโอกาส หรือกลุมคน พื้นเมืองกอน เพื่อมนุษยธรรมและความเปนธรรมของสังคม และเพื่อสรางการมีสวนรวมในระดับราก หญา ตัวอยางเชน การกระจายผลประโยชนเชิงนันทนาการของเขตหามลาสัตวปาหนองบงคายที่มีตอ ชุมชน กลุมผูทําธุรกิจดานนันทนาการและนักทองเที่ยว หากทราบวาไมมีผลประโยชนตกแกชุมชนเลย ก็ พอจะทราบไดวาเปนการยากที่จะใหชุมชนรวมกันอนุรักษพื้นที่ชุมน้ําเพื่อเปนแหลงนันทนาการ • ตองการพิจารณาแหลงทุนเพื่อการอนุรักษ ถึงแมวาความสําคัญของการอนุรักษเพื่อให ทรั พ ยากรคงสภาพการให บ ริ ก ารทางธรรมชาติ จ ะเป น ที่ ต ระหนั ก กั น ดี ใ นสั ง คม แต สิ่ ง ที่ สํ า คั ญ และ จําเปนตองตระหนักเชนกันคือ ในการอนุรักษยอมตองอาศัยการสรางกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ ซึ่งมี ตนทุนเกี่ยวข องเสมอ และผลของการอนุรักษยอ มมีทั้งผูไดรับประโยชน ผูไดรับผลกระทบหรือเสี ย ประโยชน แตเนื่องจากโครงการหรือกิจกรรมการอนุรักษจําเปนตองมีการลงทุน การพึ่งพารายไดจาก ภาครัฐหรือแหลงทุนภายนอกเพื่อการอนุรักษเพียงอยางเดียวอาจไมเพียงพอ ดังนั้นการประเมินมูลคา ทางเศรษฐศาสตรจะทําใหทราบวาผลประโยชนจากการอนุรักษเปนมูลคาเทาไรและกระจายไปสูกลุมใด อยางไร โดยสามารถใชหลักผูไดรับประโยชนเปนผูจาย เพื่อพิจารณาสรางกลไกในการจัดหาแหลงทุน เพื่อการอนุรักษจากผูที่ไดรับประโยชนโดยตรง หรือสรางกลไกในการชดเชยสําหรับผูดําเนินกิจกรรมการ อนุรักษ และผูที่ไดรับผลกระทบจากโครงการอนุรักษ เปนตน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-5
ความรูเบื้องตนเพื่อการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตร คุณลักษณะ บทบาทหนาที่ และมูลคาทางเศรษฐศาสตร ในการประเมิ น มู ล ค า ทางเศรษฐศาสตร นั้ น จํ า เป น จะต อ งมี ค วามรู ความเข า ใจเกี่ ย วกั บ โครงสรางและองคประกอบของระบบนิเวศพื้นที่ชุมน้ําและพื้นที่ใกลเคียง รวมทั้งรูปแบบการใชประโยชน ทรัพยากรของประชาชน และจําเปนตองมีการบูรณาการความรูระหวางนักเศรษฐศาสตรกับนักนิเวศ อยางใกลชิด พื้นที่ ชุม น้ําในแตละแห งจะมี ความแตกตางกัน ในรายละเอี ยด ไม วาจะเปน ดานคุณ ลัก ษณะ บทบาทหนาที่ ตลอดจนการใชประโยชนที่เกิดขึ้นของชุมชน หรือบุคคลภายนอก ในดานการเปนสินคา และบริการซึ่งอยูในรูปผลผลิตและการใหบริการทางธรรมชาติที่มีตอสังคม คุณสมบัติเหลานี้เองที่ทําให มูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ําแตละแหงแตกตางกันไป
คุณลักษณะดานตางๆ ของทรัพยากร & สิ่งแวดลอม เชิงนิเวศ นิเวศวิทยา
เชิงกฎหมายและสถาบัน
บทบาทและการทําหนาที่ดานตางๆ ของทรัพยากร & สิ่งแวดลอม - การใหผลผลิต - การกํากับควบคุมฯ
นิเวศเศรษฐ ศาสตร
เศรษฐศาสตร
- การใหขอมูลขาวสาร - การใหอยูใหอาศัยฯ
การใชประโยชนทรัพยากร & สิ่งแวดลอมของสังคม ในรูปปจจัยการผลิตและผลผลิต
ในรูปการใหบริการทางธรรมชาติ
มูลคาของทรัพยากร & สิ่งแวดลอม จากการใชโดยตรง
จากการใชโดยออม
จากการไมไดใช
เผื่อจะใช มูลคาทางเศรษฐศาสตรโดยรวมของทรัพยากรฯ
ภาพ 1 ความเชื่อมโยงระหวางนิเวศวิทยาและเศรษฐศาสตร ในการประเมินมูลคาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม
4-6
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
คุณลักษณะ ประกอบดวย รายละเอียดของลักษณะดานชีวภาพ กายภาพ และเคมีของพื้นที่ ชุ ม น้ํ า ไม ว า จะเป น สถานที่ ตั้ ง ความลาดเท ปริ ม าณและคุ ณ ภาพน้ํ า ชนิ ด /ปริ ม าณ/คุ ณ ภาพของ ทรัพยากร ธรรมชาติประเภทตางๆ ของพื้นที่ชุมน้ํา เชนพืช สัตว น้ํา ที่ดิน ธาตุอาหาร ตลอดจนสถานภาพ ของทรัพยากรในเชิงกฎหมายและสถาบัน รวมทั้งนโยบาย มาตรการ และแผนงานที่เกี่ยวของ ตลอดจน สภาพปญหาที่เกิดขึ้น เปนตน บทบาทหนาที่ พิจารณาวาพื้นที่ชุมน้ํามีบทบาทหนาที่เกิดขึ้นอยางไร (รายละเอียดในสวนตอไป) ไมวาจะเปนการเปนแหลงที่อยูและอาหารแกสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การเปนแหลงเติมน้ําใตดินใหแกชุมชน หรือ สําหรับพื้นที่ชุมน้ําชายฝงดังเชนปาชายเลน จะมีบทบาทในการชวยลดการกัดเซาะชายฝง ชวยกรองของ เสีย ชวยลดความเสี่ยงภัยจากพายุ เปนตน การใชประโยชน ผลผลิตซึ่งเกิดจากการทําหนาที่ของทรัพยากรสามารถแบงไดเปนผลผลิตในรูป สินคาและบริการ สําหรับสินคานั้น สังคมสามารถใชประโยชนไดโดยตรงไมวาจะเปนการใชน้ําโดยตรง ตลอดจนการใชน้ําเปนปจจัยเพื่อการผลิตทางการเกษตร หรือการใชประโยชนจากผลผลิตประมงหรือพืช น้ํ า ต า งๆ หรื อ แม แ ต ผ ลผลิ ต ไม แ ละผลิ ต ภั ณ ฑ จ ากป า ชายเลน ในขณะที่ บ ริ ก ารทางธรรมชาติ ข อง ทรัพยากรเปนประโยชนโดยออมที่ชุมชนหรือสังคมไดจากการทําหนาที่เชิงนิเวศของทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมนั้นๆ เชน พื้นที่ชุมน้ําที่เปนทะเลสาบ ไดแกการทําหนาที่เปนแหลงเติมน้ําใตดิน แหลง สรางความชุมชื้นโดยรอบบริเวณ พื้นที่ชุมน้ําประเภทชายฝงทะเล ปาชายเลน หาดเลน ตลอดจนแหลง หญาทะเล ไดแกการทําหนาที่เปนแหลงเพาะพันธุและอนุบาลสัตวน้ําวัยออน เปนตน มูลคาของทรัพยากร การไดรับประโยชนจากผลผลิตของพื้นที่ชุมน้ํากอใหเกิดมูลคาจากการใช โดยตรง สวนการไดรับประโยชนที่เกิดจากการใหบริการทางธรรมชาติ เชนบริการดานการกํากับควบคุม หรือบริการดานการเปนแหลงที่อยูอาศัย กอใหเกิดมูลคาจากการใชโดยออม และสวนหนึ่งเปนมูลคาจาก การไมไดใช (อานรายละเอียดเรื่องมูลคาในหัวขอถัดไป)
บทบาทหนาที่เชิงนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํา บทบาทและหนาที่เชิงนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํานั้นมีมากมาย ไมวาจะเปนดานสังคม วัฒนธรรม และ ประวัติศาสตร แตบางครั้งคุณคาของพื้นที่ชุมน้ําในหลายแหงไมเปนที่ประจักษในรูปตัวเงิน จึงมีการ เปลี่ยนแปลงพื้นที่เพื่อทําประโยชนในรูปอื่นๆ เชน ถมดินเพื่อสรางสนามบิน สรางที่อยูอาศัย หรือทํานา กุง เปนตน หลังการเปลี่ยนแปลงพื้นที่จึงพบวาเกิดปญหาในระยะยาวตามมา เชน เกิดอุทกภัยบอยขึ้น มี การสูญเสียที่อยูอาศัยของสัตวตางๆ หรือสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เปนตน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-7
ตาราง 1 บทบาทหนาที่และการใหบริการดานตางๆ ของพื้นที่ชุมน้ํา บริการดานการใหผลผลิต พื้นที่ชุมน้ําใหผลผลิตตาม ธรรมชาติแกสังคม เชน ทรัพยากร ประมง น้ํา และปาไม เปนตน สามารถใชประโยชนโดยตรงหรือ เพื่อบริโภค และใชเปนปจจัยการ ผลิตเพื่อสรางผลผลิตสูตลาด
บริการดานการควบคุม บริการดานสังคมและวัฒนธรรม พื้นที่ชุมน้ําทําหนาที่กํากับควบคุม พื้นที่ชุมน้ําทําหนาที่ใหขอมูล กระบวนการทางธรรมชาติ ตาม ขาวสารแกสังคมจากการเปนแหลง ความสามารถทางธรรมชาติ เชน วัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร ปาไมควบคุมการชะลางพังทลาย การใหประโยชนเชิงนันทนาการ ของดิน ลดความเสี่ยงดานอุทกภัย และการศึกษาวิจัยเปนตน และภัยแลง พื้นที่ชุมน้ําชวยควบคุม ปริมาณน้ําใตดิน ปาชายเลน ควบคุมการกัดเซาะของชายฝง ชวยกรองของเสียและลดการรุกล้ํา ของน้ําเค็ม บริการดานค้ําจุน พื้นที่ชุมน้ําทําหนาที่ใหที่อยูใหอาศัย แกสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เปนบริการที่มีความตอเนื่องไปยัง การทําหนาที่ดานอื่นๆ ของระบบนิเวศ ทําใหมนุษยไดอยูไดอาศัย และรับประโยชนดานตางๆ บริการดานนี้เชน การหมุนเวียนของธาตุอาหารในดิน กําเนิดของดิน การที่ปาไมเปนแหลงอาหารและที่อยูของสัตวปาชนิดตางๆ หรือปาชายเลนเปนแหลงที่อยูและแหลงเพาะพันธุของสัตวน้ําวัยออน ที่มา ดัดแปลงจาก Millennium Ecosystem Assessment (2003)
การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดังกลาวเกิดขึ้นพรอมๆ กับบทบาทหนาที่ของพื้นที่ชุมน้ําที่สูญสิ้นไป ไม สามารถหวนกลับคืนเปนดังเดิมได ความรูความเขาใจในบทบาทหนาที่เชิงนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํา เปน จุ ด เริ่ ม ต น สํ า คั ญ ที่ นั ก เศรษฐศาสตร จ ะสามารถเชื่ อ มโยงกั บ แนวคิ ด ด า นการประเมิ น มู ล ค า ทาง เศรษฐศาสตร และสามารถจําแนกมูลคาของพื้นที่ชุมน้ําไดอยางถูกตอง
มูลคาทางเศรษฐศาสตรของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม มู ล ค า ทางเศรษฐศาสตร โ ดยรวมของทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล อ มนั้ น ประเมิ น จาก คุณประโยชนที่มีตอสังคม ไมไดเกิดกับเฉพาะชุมชนที่อยูโดยรอบบริเวณพื้นที่ชุมน้ําเทานั้น แตรวมถึงผูท ี่ ไดรับประโยชนทุกภาคสวนของสังคม ซึ่งไดรับประโยชนทั้งโดยตรงและโดยออม ทั้งในสวนที่เกิดจาก การทําหนาที่ตามธรรมชาติของทรัพยากรและการคงอยูของทรัพยากร มู ลค าทางเศรษฐศาสตร โดยรวมของทรั พยากรเมื่ อพิ จารณาร วมกั บบทบาทหน าที่ เชิ งนิ เวศ ประกอบดวย • มูลคาจากการใช ซึ่งไดแกมูลคาจากการใชโดยตรง เกิดจากการทําหนาที่ของพื้นที่ชุมน้ําใน ดานการใหผลผลิตและใหขอมูลขาวสาร ทําใหเกิดคุณคาเชิงสังคมวัฒนธรรมและเปนความรู และมูลคาจากการใชโดยออม เกิดจากการทําหนาที่ของพื้นที่ชุมน้ําในการกํากับควบคุมให เกิดกระบวนการทางธรรมชาติ เพื่อสรางบริการทางธรรมชาติแกมนุษย • มู ล ค า เผื่ อ จะใช เกิ ด จากการที่ สั ง คมยั ง ไม ไ ด คิ ด จะใช ท รั พ ยากรในป จ จุ บั น แต ไ ด เ ป ด ทางเลือกในการใชไวสําหรับตนเอง หรือสําหรับลูกหลาน และ
4-8
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
• มูลคาจากการไมไดใช เกิดจากการทําหนาที่ของพื้นที่ชุมน้ําในดานการค้ําจุนสรรพสิ่งตางๆ ในด า นการแหล ง อาหารและที่ อ ยู มี ผ ลให ท รั พ ยากรที่ เ ป น องค ป ระกอบในพื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า สามารถทําหนาที่ในอีก 2 ดานไดตอไป มูลคาที่สังคมไดรับนี้ก็คือมูลคาจากการคงอยู ของ พื้นที่ชุมน้ํานั่นเอง ตาราง 2 มูลคาทางเศรษฐศาสตรโดยรวมของพื้นทีช่ ุมน้ํา มูลคาจากการใชโดยตรง ผลผลิตจากธรรมชาติ เพื่อการผลิตและบริโภค อันไดแก ดิน พืช สัตว น้ํา การนันทนาการ แหลง เรียนรูทางวัฒนธรรม และ การศึกษาวิจัย
มูลคาจากการใช มูลคาจากการใชโดยออม เปนประโยชนที่เกิดจากการ ทําหนาที่ใหบริการเชิงนิเวศ ของพื้นที่ชุมน้ํา แหลงกรองน้ําเสีย แหลงกําบังลมพายุ แหลงปองกันการกัดเซาะ ชายฝงของปาชายเลน แหลงดูดซับกาซ คารบอนไดออกไซดของ ทรัพยากรปาไม แหลงระบายน้ํา บรรเทา การเกิดน้ําทวม แหลงเติมน้ําใตดิน
มูลคาเผื่อจะใช เปนมูลคาที่เกิดจากการที่แม จะยังมิไดใชประโยชนพื้นที่ชุม น้ําในปจจุบัน แตคาดวาจะได ใชประโยชนหรืออาจเก็บไว เพื่อการคงอยูห รือเพื่อ ลูกหลานในอนาคต ซึ่ง ประโยชนที่จะเกิดขึ้นเปนได ทั้งประโยชนโดยตรงและ/หรือ โดยออม รวมทั้งประโยชนที่ เกิดจากการคงอยูข อง ทรัพยากร
มูลคาจากการไมไดใช มูลคาของการคงอยู มูลคาที่สังคมใหกับพื้นที่ชุม น้ําโดยตองการใหระบบนิเวศ ดํารงอยูตลอดไป ไมยอมใช ประโยชนไมวาในเวลาใดๆ เพราะเห็นความสําคัญของ การทําหนาที่ตามธรรมชาติ จากการคงไวมิใหสูญหายไป ถือเปนมูลคาทางดานจิตใจที่ เกิดขึ้นกับสังคม
ความรูเบื้องตนทางเศรษฐศาสตร ความหมายของมูลคา คําวา “มูลคา” มีความหมายที่หลากหลาย เริ่มตั้งแตความหมายกวางๆ ที่วา เมื่อสิ่งนั้นมีมูลคา ก็ แสดงวาสิ่งนั้นมีความสําคัญตอผูใหหรือกําหนดมูลคา คําวา “มูลคา” จึงรวมไปถึงความสําคัญที่มีตอจิตใจ เชิงคุณคา และความสําคัญที่สามารถวัดไดในรูปธรรม บงบอกผานความยินดีที่จะจายเพื่อครอบครองสิ่งนั้น หรือผานกลไกตลาดที่ชี้ใหเห็นดวยราคาซื้อขาย เปนตน มูลคาในการใชประโยชนและมูลคาในการแลกเปลี่ยน มูลคาในการใชประโยชนเปนมูลคาที่ให หรือประมาณการโดยผูบริโภคหรือผูใชประโยชน ซึ่งอยูในรูปความยินดีจาย สวนมูลคาในการแลกเปลี่ยน คือมูลคาหรือราคาตลาด ซึ่งเกิดจากการซื้อขาย มูลคาทั้งสองมีความแตกตางกันทั้งแนวคิดและการใช ประโยชนเชิงนโยบาย โดยเฉพาะมูลคาของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ตัวอยางเชน มูลคาในการ แลกเปลี่ยน (ราคา) ของกิจกรรมทองเที่ยวเชิงนิเวศก็คือคาใชจายตอครั้งที่เกิดขึ้น ในขณะที่มูลคาในการ ใชประโยชน (มูลคาเชิงนันทนาการ) ของกิจกรรมทองเที่ยวนั้นๆ เปนความยินดีจายของนักทองเที่ยวใน แตละครั้ง ซึ่งสะทอนมากกวาเพียงคาใชจายที่เกิดขึ้น ดังนั้นมูลคาในสวนแรกจึงอาจต่ํากวามูลคาประเภท หลังอยางมาก อยางไรก็ตามมูลคาของทรัพยากรธรรมชาติเปนการพิจารณาหรือสะทอนคุณประโยชน ของทรัพยากรนั้นๆ ในรูปตัวเงิน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-9
มูลคาทางเศรษฐศาสตรและมูลคาทางนิเวศ มูลคาทางเศรษฐศาสตรเปนมูลคาที่พิจารณาจาก บุ ค คลเป น ศู น ย ก ลาง เพราะมนุ ษ ย เ ป น ผู ใ ห มู ล ค า ซึ่ ง แต ล ะบุ ค คลก็ จ ะให มู ล ค า แตกต า งกั น ไปตาม คุณประโยชนที่ไดรับ ดวยเหตุนี้การประเมินมูลคาจึงจําเปนตองพิจารณาจากบุคคลที่เกี่ยวของโดยตรง กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม แตสําหรับมูลคาทางนิเวศ เปนมูลคาที่พิจารณาจากความสําคัญ และความสมบูรณในเชิงนิเวศ ซึ่งตางไปจากมูลคาทางเศรษฐศาสตร มูลคารวมและมูลคาสุทธิ ในการประเมินมูลคาหรือผลประโยชนทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุม น้ําที่เกิดขึ้น จะพิจารณาในรูปมูลคาสุทธิ หรือประโยชนสุทธิที่เกิดจากทรัพยากรเสมอ เพื่อใหเขาใจงายๆ ก็คือพิจารณาโดยหักตนทุนหรือคาใชจายในการใชประโยชนออกจากมูลคาหรือผลประโยชนโดยรวม โดยตนทุนที่หักนั้นเปน “ตนทุนผันแปร” ซึ่งหมายถึงตนทุนของปจจัยการผลิตตางๆที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ตามการใชประโยชนทรัพยากร หรือปริมาณผลผลิตที่ไดจากพื้นที่ชุมน้ํา ซึ่งเมื่อไมมีการผลิตก็จะไมมี ตนทุนสวนนี้เกิดขึ้น (เชน คาขุดบอปลาไมถือวาเปนตนทุนผันแปร แตเปนตนทุนคงที่ เปนตน) ผลประโยชน ส ว นเพิ่ ม และผลประโยชน เ ฉลี่ ย การใช ป ระโยชน เ ชิ ง นโยบายของมู ล ค า ทาง เศรษฐศาสตร ข องทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล อ ม บางครั้ ง พิ จ ารณาในรู ป บาทต อ หน ว ยของ ทรัพยากร สามารถวิเคราะหไดทั้งในรูปผลประโยชนสวนเพิ่มที่เกิดขึ้น ซึ่งจะสะทอนถึงมูลคาสวนเพิ่ม ของสินคาหรือผลผลิตหนวยนั้นๆ อยางไรก็ตาม หากการวิเคราะหในรูปผลประโยชนหรือมูลคาสวนเพิ่ม ไมสามารถกระทําได ก็สามารถนําผลประโยชนเฉลี่ยหรือมูลคาเฉลี่ยตอหนวยมาใชเพื่อประมาณการได เช น กั น ผลประโยชน เ ฉลี่ ย จะอยู ใ นรู ป ผลประโยชน ที่ หั ก ต น ทุ น เฉลี่ ย ต อ หน ว ยแล ว หรื อ เรี ย กว า ผลประโยชนสุทธิเฉลี่ย
การประเมินมูลคาทั้งสวน มูลคาบางสวน และมูลคาสวนเพิ่ม ในการประเมินมูลคาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมนั้น จําเปนตองทราบวาเปนทรัพยากร สวนใดที่ประเมิน • การประเมินมูลคาทั้งสวน เปนการประเมินมูลคาของทรัพยากรทุกสวน เชนทะเลสาบ ทั้งหมด หรือผืนปาทั้งผืน อาทิ มูลคาจากการใชทั้งหมดของทะเลสาบเชียงแสนที่เกิดขึ้นกับ สังคม หรือมูลคาเชิงนันทนาการที่เกิดขึ้นทั้งหมดของบึงบอระเพ็ด ทั้งนี้เพื่อตองการใหเห็น ความสําคัญของทรัพยากรในดานตางๆ ทั้งสวนของทรัพยากร ซึ่งมีตอผูไดรับประโยชนใน แตละกลุม • การประเมินมูลคาบางสวน เปนการประเมินมูลคาของทรัพยากรเฉพาะสวนที่เปลี่ยนแปลง จากระดับหนึ่งไปยังอีกระดับหนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีกิจกรรมหรือโครงการที่เกี่ยวของกับ สิ่งแวดลอม โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอม เชน เมื่อตองการจะ ทราบมูลคาของผืนปาชายเลนจํานวน 1,000 ไรที่ตองสูญเสียไปเพื่อการสรางทาเรือน้ําลึก ก็ ประเมินมูลคาเฉพาะสวนนั้นจากบทบาทหนาที่ที่สูญเสียไป • การประเมินมูลคาสวนเพิ่ม เปนการประเมินมูลคาตอหนวยของทรัพยากรที่พิจารณาตาม ปริมาณ ระดับ หรือความหายากของทรัพยากรที่มีอยู เชน เมื่อตองการทราบมูลคาสวนเพิ่ม ของชางปา ซึ่งแนนอนวาหากโลกนี้มีชางปาอยู 10,000 ตัว มูลคาสวนเพิ่มของชางปาในรูป บาทตอตัว ยอมต่ํากวามูลคาสวนเพิ่มของชางปาที่มีอยูเหลืออยูเพียง 10 ตัว การวิเคราะห
4-10
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
มูลคาสวนเพิ่มมีประโยชนเมื่อตองการตั้งอัตราคาใชทรัพยากร หรือเมื่อตองการกําหนดภาษี สิ่งแวดลอม ในรูปบาทตอหนวยของทรัพยากรหรือสิ่งแวดลอม เพื่อสะทอนระดับหรือความ หายากของทรัพยากร
เกณฑทางเศรษฐศาสตรเพื่อชวยในการตัดสินใจ เครื่องมือสําคัญที่นํามาพิจารณาโครงการหรือกิจกรรมดานการจัดการสิ่งแวดลอม ไมวาจะเปน โครงการอนุรักษฟนฟูสิ่งแวดลอม การกําหนดมาตรการหรือกฎระเบียบดานสิ่งแวดลอมตางๆ ก็คือการ วิเคราะหตนทุนผลประโยชน เพื่อตองการทราบวาโครงการหรือกิจกรรมนั้นๆ ไดสรางผลประโยชนสุทธิ แกสังคมหรือมีความคุมคาแกการลงทุนหรือไม สําหรับโครงการสาธารณะตางๆ กอนที่จะวิเคราะหตนทุนผลประโยชน จําเปนตองทราบวามี ผลประโยชนหรือตนทุนภายในเกิดขึ้นจากโครงการโดยตรงอยางไรบาง กลุมเปาหมายเปนใคร เกิด อยางไร และมีผลประโยชนหรือตนทุนภายนอกที่เกิดขึ้นในลักษณะผลกระทบกับสังคมอยางไรบาง ทั้งนี้ เพราะเปนการใชงบประมาณภาครัฐซึ่งเปนของสังคม และโครงการนั้นๆ จะผานเกณฑการพิจารณาทาง เศรษฐศาสตรก็ตอเมื่อผลประโยชนโดยรวมตองสูงกวาตนทุนโดยรวมที่เกิดขึ้นกับสังคม นักเศรษฐศาสตรพิ จารณาผลไดแ ละผลเสี ยจากการเปลี่ ยนแปลงทรัพยากรในพื้ นที่ชุ มน้ําที่ เกิ ด ขึ้ น ให เ ป น หน ว ยวั ด เดี ย วกั น คื อ เป น รู ป ตั ว เงิ น หรื อ มู ล ค า ผลประโยชน และต น ทุ น เพื่ อ นํ า มา เปรี ย บเที ย บกั น และเกณฑ ใ นการตั ด สิ น ใจก็ คื อ จะพิ จ ารณากิ จ กรรมที่ ก อ ให เ กิ ด ผลได สุ ท ธิ ห รื อ ผลประโยชนสุทธิเปนบวก นั่นคือผลประโยชนสูงกวาตนทุน หรือในกรณีที่มีมากกวาหนึ่งทางเลือกจะ พิจารณากิจกรรมที่กอใหเกิดผลไดสุทธิสูงสุด แตเนื่องจากผลไดและผลเสียที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะเกิดขึ้น พรอมกันหรือเกิดขึ้นตางชวงเวลากัน นักเศรษฐศาสตรจะอาศัยการคิดลดเพื่อปรับคาทั้งหมดที่เกิดขึ้นให อยูในชวงเวลาเดียวกัน กลาวคือปรับใหอยูในฐานของเวลาเริ่มตน หรือที่เรียกวามูลคาปจจุบัน การคิดลดเปรียบเสมือนการใหน้ําหนักที่ตางกันระหวางมูลคาที่เกิดขึ้นในขณะนี้กับมูลคาที่จะ เกิดขึ้นในอนาคต โดยธรรมชาติมนุษยยอมใหความสําคัญกับมูลคาที่เกิดขึ้นในอนาคตนอยกวา สําหรับ ผลประโยชนที่เกิดขึ้นซึ่งเปนตัวเงินในจํานวนที่เทากัน เปรียบเทียบระหวางผลประโยชนวันนี้และวันหนา เชน จํานวนเงิน 100 บาท ที่ไดรับในวันนี้ยอมมีมูลคาสูงกวาจํานวนเงิน 100 บาทที่จะตองรอคอยรับใน อนาคต ดังนั้นเงิน 100 บาท ในอนาคตเมื่อคิดลดใหอยูในรูปมูลคาปจจุบันจึงมีคาต่ํากวา 100 บาท (เชน 95 บาท) นั่นเอง ตัวปรับคาการคิดลดมีสูตร คือ
1 (1 + r) t
โดยคา r คืออัตราคิดลด ซึ่งมักใชอัตราดอกเบี้ย
พันธบัตรรัฐบาลเปนตัวแทน อยูระหวางรอยละ 3-7 และคา t คือชวงเวลาที่เกิดขึ้นตางๆ กันไป ในการวิเคราะหตนทุนและผลประโยชนโดยทั่วไปจะวิเคราะหหามูลคาปจจุบันของผลประโยชน สุทธิ หรือที่เรียกทั่วไปวามูลคาปจจุบันสุทธิ ทั้งนี้จะวัดผลประโยชนและตนทุนที่เกิดขึ้นตลอดชวงอายุของ โครงการ ตั้งแตระยะเวลาเริ่มตน จนถึงระยะเวลาสิ้นสุด (t = 0, 1, 2, …., T)
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-11
มู ล ค า ป จ จุ บั น ของผลประโยชน มูลคาปจจุบันของผลประโยชนสุทธิ = มูลคาปจจุบันของผลประโยชน สุ ท ธิ ที่ เ ป น บวกสะท อ นถึ ง โครงการที่ มี - มูลคาปจจุบันของตนทุน = PV(B) – PV(C) ศักยภาพ ห ลัก ก า ร ที่ สําคัญ ข อ ง ก า ร หรือ PVNB T T B C วิเคราะหตนทุนและผลประโยชนมีดังนี้ t t =∑ −∑ t t t =0 (1 + r) t =0 (1 + r) • หากเปนการพิจารณาโครงการ หรือกิจกรรมที่มีเพียงทางเลือกเดียว โครง หรือ PVNB = B0 – C0 + B −C B −C การจะถูกเลือกก็ตอเมื่อผลประโยชนสุทธิ (11 + r)11 + .... + (1T + r) TT T เปนบวก Bt − Ct =Σ • หากเปนการพิจารณาโครงการ (1 + r) t t =0 หรื อ กิ จ กรรมที่ มี ท างเลื อ กมากกว า 1 กําหนดให Bt คือ ผลประโยชนที่เกิดขึ้น ณ ปที่ t (t = 0, 1, 2, …., T) Ct คือ ตนทุนที่เกิดขึ้น ณ ปที่ t (t = 0, 1, 2, …., T) โครงการ และจําเปนตองเลือกเพียงโครงการ r คือ อัตราคิดลดในการลงทุนของสังคม เดี ย ว ให เ ลื อ กโครงการที่ มี มู ล ค า ป จ จุ บั น ของผลประโยชนสุทธิสูงสุด การวิเคราะหประสิทธิผลของตนทุน เปนวิธีการทางเศรษฐศาสตรเพื่อประเมินผลโครงการหรือ ทางเลือกที่สามารถบรรลุเปาหมายดานผลประโยชนเทาเทียมกัน จึงไมจําเปนตองมีการประเมินผลประโยชน ทางเศรษฐศาสตรของโครงการที่ เปนทางเลื อกต างๆ วิ ธีการนี้ เหมาะสมสํ าหรั บโครงการที่ไมมีความ จําเปนตองประเมินผลประโยชนทางเศรษฐศาสตร หรือโครงการที่ไมสามารถจะประเมินผลประโยชนอยูใน รูปตัวเงินได โดยจะพิจารณาจากตนทุนของโครงการเปนหลัก กลาวคือเลือกโครงการที่มีมูลคาปจจุบันของตนทุนต่ําที่สุดเมื่อเทียบกับทางเลือกอื่นๆ ที่ให ผลประโยชนเทากัน ตัวอยางเชน ชุมชนแหงหนึ่งมีปญหาจากแหลงน้ําใชที่มีอยูนั้นมีการปนเปอน จึง จําเปนตองหาแหลงน้ําอื่นๆ จากทางเลือกที่มีอยูไดแก ขุดสรางสระน้ําในพื้นที่ที่ไมมีการปนเปอน ขุดเจาะ น้ําบาดาลจากแหลงน้ําใตดินที่ไมมีการปนเปอน หรืออาศัยแหลงน้ําจากชุมชนใกลเคียงโดยตอทอสงน้ํา เขามาในพื้นที่ ในการวิเคราะหประสิทธิผลของตนทุนจะพิจารณาตนทุนที่เกี่ยวของทั้งหมด ไมวาจะเปน ตนทุนของโครงการโดยตรง หรือตนทุนดานสิ่งแวดลอมของแตละทางเลือก แลวนํามาเปรียบเทียบกันใน รูปของมูลคาปจจุบันโดยรวมหรืออยูในรูปตนทุนตอหนวยพันลูกบาศกเมตร ทั้งนี้การวิเคราะหตนทุนทาง เศรษฐศาสตรสําหรับงานดานสิ่งแวดลอมจําเปนตองพิจารณาใหครบถวน ภายใตเงื่อนไขขอจํากัดดาน สิ่งแวดลอม และความเปนไปไดในเชิงนิเวศ
4-12
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
ตาราง 3 ตัวอยางแนวทางในการศึกษาและเกณฑทางเศรษฐศาสตรที่ใชในการตัดสินใจสําหรับประเด็น ตางๆ ที่เกิดขึ้น ตัวอยางประเด็นที่เกี่ยวของกับ พื้นที่ชุมน้ํา ผลกระทบจากการเลี้ยงกุง กุลาดําที่มี ตอทรัพยากรปาชายเลน
โครงการเปลีย่ นแปลงพืน้ ที่ปา ชายเลน เพื่อทําบอเลี้ยงกุง กุลาดํา
การถมพื้นที่ชุมน้ําเพื่อทํากิจกรรม อื่นๆ โครงการประกาศพื้นที่ชุมน้ําเพื่อให เปนพื้นที่อนุรักษ
แนวทางในการศึกษาและเกณฑตดั สินใจ ประเมินมูลคาผลผลิตจากพื้นที่ปาชายเลนที่สูญเสียไป ซึ่งเปนมูลคาการใชโดยตรง และ มูลคาการสูญเสียการทําหนาที่ของปาชายเลนในดานการปองกันการกัดเซาะชายฝง และ หนาที่อื่นๆ ซึ่งเปนมูลคาการใชโดยออม มูลคาที่ไดรวมเปนมูลคาความเสียหายขั้นต่ําที่คิด เพียงมูลคาจากการใชเทานั้น ยังไมไดรวมมูลคาจากการไมไดใช ประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ปาชายเลน และเปรียบเทียบผลประโยชนสุทธิที่ เกิดจากปาชายเลนที่สูญเสียไป กับผลประโยชนสุทธิที่เกิดจากการเลี้ยงกุงกุลาดํา เกณฑ ตัดสินใจก็คือจะพิจารณาโครงการเลีย้ งกุงกุลาดําเมื่อมูลคาปจจุบันของผลประโยชนสุทธิ จากกรณีแรกสูงกวากรณีหลัง ประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ํานั้นที่จะตองสูญเสียตลอดไป เพื่อ เปรียบเทียบกับผลประโยชนสุทธิที่เกิดจากกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น ประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ําในรูปผลประโยชนโดยรวม และหักออก ดวยตนทุนในการจัดการใหเปนพื้นที่อนุรักษ ซึ่งรวมไปถึงการสูญเสียโอกาสที่เคยใชพื้นที่ เพื่อประโยชนอื่น จะไดผลประโยชนสุทธิของการเปนพื้นที่อนุรักษ เกณฑตัดสินใจก็คือเมื่อ มูลคาปจจุบันของผลประโยชนสุทธิเปนบวก
หมายเหตุ การวิเคราะหผลประโยชนสุทธิจะอยูในรูปมูลคาปจจุบัน
ขั้นตอนในการศึกษา การเตรียมการกอนประเมินมูลคา การเตรียมการกอนประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรมีทั้งหมด 4 ขั้นตอน ขั้นตอน 1 เมื่อสามารถกําหนดประเด็นปญหาและเลือกแนวทางในการศึกษาใหสอดคลองกับ ประเด็นไดแลว ขั้นตอน 2 กํ า หนดพื้ น ที่ ศึ ก ษาและขอบเขตของทรั พ ยากรในพื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า ที่ ต อ งการศึ ก ษา ตลอดจนผูที่มีความเกี่ยวของ โดยพื้นที่ศึกษาอาจรวมชุมชนโดยรอบบริเวณ และทรัพยากรธรรมชาติที่มี ความเกี่ยวของกับพื้นที่ชุมน้ํานั้นๆ ขั้นตอน 3 ระบุองคประกอบและคุณลักษณะของทรัพยากร บทบาท หนาที่ และลักษณะการใช ประโยชนของทรัพยากรในพื้นที่ที่ตองการศึกษา ตลอดจนระบุผูใชประโยชน ขั้นตอน 4 ระบุความเชื่อมโยงระหวางบทบาทหนาที่ และการใชประโยชนของทรัพยากรในพื้นที่ ชุมน้ํา เพื่อใหทราบถึงประเภทของมูลคาที่เกิดขึ้นและที่ตองการประเมิน ในขั้นเตรียมการนี้ คูมือการประเมินชุมชนแบบมีสวนรวม และคูมอื สํารวจคุณลักษณะทางนิเวศ มีความสําคัญเปนอยางยิ่ง เพือ่ ใหไดขอมูลทีจ่ ําเปนขางตน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-13
ตาราง 4 ขั้นตอนการเตรียมการกอนและการประชุมวันมูลคาทางเศรษฐศาสตร
ขั้นตอน 1 การกําหนดประเด็นปญหาและเลือกแนวทางในการศึกษาใหสอดคลองกับ ประเด็น ขั้นตอน 2 การกําหนดพื้นที่ศึกษา ขอบเขตของทรัพยากรและผูเ กี่ยวของในพืน้ ที่ ชุมน้ําที่จะทําการศึกษา ขั้นตอน 3 ระบุองคประกอบและคุณลักษณะของทรัพยากร บทบาทและหนาทีท่ ี่ เกิดขึ้น และการใชประโยชนของทรัพยากรในพื้นที่ทตี่ อ งการศึกษา ขั้นตอน 4 กําหนดความเชื่อมโยงระหวางบทบาทหนาที่ และการใชประโยชนของ ทรัพยากรในพื้นที่ชุมน้ํา กับประเภทของมูลคาที่เกิดขึน้ ขั้นตอน 5 ระบุขอมูลที่ตอ งการใชและแหลงขอมูลเพื่อการประเมินมูลคาทรัพยากร ตลอดจนเลือกวิธีการประเมินที่เหมาะสมกับประเด็นและขอมูลที่มอี ยู ขั้นตอน 6 นําขอมูลมาวิเคราะหเพื่อประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตร ขั้นตอน 7 นําผลการประเมินมูลคามาใชวิเคราะหตามแนวทางการศึกษาทีก่ ําหนดไว ในขั้นตอน 1 เพื่อใชในการตัดสินใจเชิงนโยบาย
การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตร การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตร ประกอบดวย 3 ขัน้ ตอน (ดูตาราง) ขั้นตอน 5 ระบุขอมูลที่ตองการใชและแหลงขอมูลเพื่อการประเมินมูลคาของทรัพยากรนั้นๆ ตลอดจนเลือกวิธีการประเมินที่เหมาะสมกับประเด็นและขอมูลที่มีอยู ขั้นตอน 6 วิเคราะหขอมูลเพื่อประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตร ขั้นตอน 7 นําผลการประเมินมูลคาที่ไดมาใชวิเคราะหตามแนวทางการศึกษาที่กําหนดไวใน ขั้นตอน 1 ทั้งนี้เพื่อนําไปใชในการตัดสินใจเชิงนโยบายตอไป
4-14
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
วิธีการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตร การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรแบงเปนวิธีการตางๆ ตามลักษณะของขอมูลที่ใช ไดแก วิธีการประเมินมูลคาโดยใชราคาตลาด แบงไดเปน 2 กรณี y สามารถใชราคาตลาดไดโดยตรง : คือการประเมินผลผลิตตางๆ ที่ไดจากพื้นที่ชุมน้ํา ไมวา จะเปนการใชทรัพยากรน้ํา การใชทรัพยากรประมง การใชไมและผลิตภัณฑจากปา ฯลฯ ซึ่ง หากเปนผลผลิตที่มีการซื้อขายในตลาด ก็จะใชราคาตลาดในการประเมินมูลคา หากไมใช ผลผลิตที่มีการซื้อขายในตลาด ก็จะใชราคาตลาดของสิ่งทดแทน เชน การเก็บเศษกิ่งไม ใบไมแหงจากปาโดยรอบพื้นที่ชุมน้ําเพื่อใชเปนเชื้อเพลิงหุงตมในครัวเรือน อาจใชมูลคา เชื้อเพลิงอื่นๆที่มีในตลาดแทนเชนกาซที่ใชหุงตม ซึ่งเปนคาใชจายดานพลังงานที่ครัวเรือน สามารถประหยัดได หรือการใชประโยชนของพื้นที่ชุมน้ําเพื่อเปนทางน้ําสัญจร ก็สามารถใช คาใชจายในการสัญจรอื่นๆ ที่แทนการสัญจรทางน้ํานั้นๆ y ไมสามารถใชราคาตลาดไดโดยตรง : ตนทุนในการทดแทน (replacement or โดยมากจะเปนเรื่องของบทบาทหนาที่ของ substitute cost) เชนการสรางแนวกันคลื่นเมื่อ พื้นที่ชุมน้ําในดานการกํากับควบคุม ซึ่งเรา ไมมีปาชายเลน หรือการสรางแหลงบําบัดน้ําเสีย สามารถสังเกตความสําคัญของการทําหนาที่ เพื่ อ ทดแทนการทํ า หน า ที่ ก รองของเสี ย ทาง เหลานี้ได เชน การเปนแหลงกําบังลมพายุ ธรรมชาติที่ทรัพยากรเคยทําหนาที่ในสวนนี้ ตนทุนในการปองกัน (abatement or avoided แหลงดูดซับกาซคารบอนไดออกไซดของผืน cost) สังเกตไดจากการลงทุนในโครงการปองกัน ปา หรือการทําหนาที่กรองของเสียของปา น้ําทวมของพื้นที่ตอนลาง เมื่อมีการสูญเสียพื้นที่ ชายเลน เปนตน การประเมินมูลคาใหใชวิธี ปาไมตนน้ําลําธาร อาศัยตนทุนของกิจกรรมที่จะมาทดแทนการ ทําหนาที่นั้นๆ ของสิ่งแวดลอม ซึ่งอาจอยูในรูปคาใชจายในการทดแทนหรือคาใชจายใน การปองกัน กลาวคือ เมื่อทรัพยากรเหลานี้หมดไป สังคมจะทดแทนดวยอะไร วิธีการนี้มี ความสะดวกแมจะมีค วามคลาดเคลื่อนไปบ างก็ตาม เราก็ยังสามารถใชตนทุนของการ กอสรางสิ่งทดแทนเหลานี้ เพื่อชี้ใหเห็นถึงความสําคัญของทรัพยากรในการทําหนาที่ตางๆ ตอสังคม เพราะเมื่อมีทรัพยากรเหลานี้อยู ความจําเปนในการสรางสิ่งเหลานี้ก็หมดไป หรือ อาจคิดจากตนทุนในการปองกันไมใหเกิดความเสียหายหรือสูญเสีย อันเกิดจากการสูญสิ้น ไปของทรัพยากร ซึ่งทําใหบทบาทหนาที่ที่มีตอสังคมตองสูญสิ้นไปดวย วิธีการประเมินมูลคาโดยใชตลาดตัวแทน เปนการประเมินมูลคาของพื้นที่ชุมน้ําจากการทํา หนาที่ในดานการกํากับควบคุม และการทําหนาที่โดยตรงในดานการใหขอมูลขาวสาร โดยอาศัยวิธีการ ทางสถิ ติ เ พื่ อ ใช ป ระมาณการ ไม ใ ช วิ ธี ก ารคํ า นวณอย า งง า ยๆแบบวิ ธี แ รก วิ ธี ก ารนี้ พิ จ ารณาความ เกี่ยวของเชื่อมโยงผลการเปลี่ยนแปลงในทรัพยากรหรือคุณภาพสิ่งแวดลอมที่มีตอผลผลิต (ปริมาณ ทรัพยากรน้ําและผลผลิตเกษตร) ราคา (คุณภาพน้ํา/อากาศและราคาบาน/ทรัพยสิน/ที่ดิน) หรือกิจกรรม เชิงนันทนาการ (ความอุดมสมบูรณของปา/จํานวนนกปาและจํานวนครั้งของการมาเยือนพื้นที่) โดยจะตองสรางฟงกชันทางสถิติแสดงความสัมพันธตามรูปแบบความเกี่ยวของ ซึ่งอาจจะเปน การวิเคราะหผานฟงกชันการผลิต เชน การลดลงของพื้นที่ชุมน้ํามีผลตอการเปลี่ยนแปลงคุณภาพและ ปริมาณน้ํา และมีผลกระทบตอผลผลิตประมงหรือผลผลิตเกษตร เปนตน การวิเคราะหผานแบบจําลอง
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-15
ราคาบาน/ทรัพยสิน เชน ราคาบานขึ้นอยูกับคุณลักษณะของบานและสิ่งแวดลอมโดยรอบ ซึ่งรวมถึง คุณภาพน้ํา/อากาศดวย หรือการวิเคราะหผานแบบจําลองคาใชจายในการเดินทาง โดยพิจารณาการ ใหบริการของพื้นที่ชุมน้ําเพื่อพักผอนหยอนใจหรือศึกษาวิจัย สามารถใชคาใชจายในการเดินทางเพื่อ ประมาณการมูลคาเชิงนันทนาการโดยวิธีการทางสถิติ ตนทุนเหลานี้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลไดรับประโยชนเชิง นันทนาการจากสิ่งแวดลอม จึงมีความยินดีจายเพื่อการเดินทางไปยังสถานที่เชิงนันทนาการนั้นๆ วิธีการ ประเมินคาที่ใชตลาดตัวแทนนี้นักเศรษฐศาสตรถือวาเปนวิธีการที่เปดเผยความพอใจ วิธีการประเมินมูลคาโดยใชคาความยินดีจาย อาศัยการวิเคราะหมูลคาความยินดีจายของผูไดรับ ประโยชนพื้นทีช่ ุมน้ํา โดยวิธีการสมมติหรือจําลองสถานการณเกี่ยวกับทรัพยากรในสถานภาพตางๆที่มี คาใชจายเกี่ยวของ แลวทําการสํารวจกลุมตัวอยาง นักเศรษฐศาสตรเรียกวิธีการนี้วาเปนวิธีการระบุความ พอใจ ซึง่ เหมาะสําหรับการประเมินมูลคาจากการไมไดใช ของพืน้ ที่ชุมน้าํ วิธีการประเมินมูลคาโดยใชขอมูลจากงานวิจัยอื่นๆ โดยพื้นที่ศึกษาดังกลาวนั้นมีคุณลักษณะ ตางๆ ใกลเคียงกับพื้นที่ชุมน้ําที่ตองการประเมินมูลคา วิธีการนี้เปนการโอนยายมูลคา ซึ่งอาจตองคํานวณ ปรับคาจากพื้นที่ศึกษาอื่นๆ หรืออาศัยวิธีการทางสถิติเพื่อประมาณการความสัมพันธแลวจึงเทียบใชกับ พื้นที่ชุมน้ําที่ตองการประเมินมูลคา สําหรับคูมือนี้จะอธิบายเฉพาะวิธีการแรกและวิธีการสุดทาย คือวิธีการประเมินมูลคาโดยใชราคา ตลาด และวิธีการโอนยายมูลคา ซึ่งเปนวิธีการที่มีความสะดวกในการรวบรวมขอมูลเพื่อใชวิเคราะหมาก ที่สุด และสามารถคํานวณไดงายและรวดเร็ว สําหรับวิธีการอื่นๆ นั้นผูอานสามารถคนควาไดจากงาน ศึกษาตางๆ ที่ระบุไวในเอกสารอางอิง
การประเมินมูลคาโดยใชราคาตลาด การประเมินมูลคาโดยใชราคาตลาดโดยตรง วิธีการนี้เหมาะสมกับการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของทรัพยากรในพื้นที่ชุมน้ําที่มีการใช ประโยชนโดยตรงจากประชาชน ซึ่งถือเปนมูลคาจากการใชโดยตรง มักอยูในรูปการใชผลผลิตจากพื้นที่ หรืออยูในรูปการใชทรัพยากรเพื่อการผลิต เชน การใชน้ําเพื่อการเพาะปลูก เปนตน ทั้งนี้เพราะผลผลิต ตางๆ ที่เกี่ยวของนั้นมีขอมูลดานราคาตลาดอยูแลว นอกจากนี้หากเปนคุณประโยชนที่เกิดขึ้นอยาง ตอเนื่องกันไป มักคิดในรูปบาทตอป แตหากวาคุณประโยชนที่เกิดขึ้นมีระยะเวลามาเกี่ยวของก็มักจะ คํานวณใหอยูในรูปมูลคาปจจุบัน หลักการคํานวณและขอมูลที่ใช การคํ า นวณมู ล ค า ทางเศรษฐศาสตร ข องทรั พ ยากรที่ มี ก ารใชป ระโยชนโ ดยตรงจะอยู ใ นรู ป ผลประโยชนสุทธิที่เกิดขึ้น หากเปนประโยชนที่เกิดในรูปผลผลิตตางๆ ใหนําผลประโยชนรวมหรือมูลคา รวม (หรือรายไดรวม ซึ่งคิดทั้งที่เปนตัวเงินและไมเปนตัวเงิน) หักออกดวยตนทุนในการใชประโยชน ทรัพยากรนั้นๆ หากเปนประโยชนในรูปการใชทรัพยากรเพื่อเปนปจจัยการผลิต ใหนํามูลคารวมของ ผลผลิตที่เกิดจากการใชทรัพยากรจากพื้นที่ชุมน้ําเปนปจจัยการผลิต หักออกดวยตนทุนการผลิตสวน อื่นๆ สวนที่เหลือจึงเปนมูลคาสุทธิของทรัพยากรนั้นๆ โดยตนทุนจะตองพิจารณาทั้งที่เปนตัวเงินและไม เปนตัวเงิน
4-16
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
ตาราง 5 ตัวอยางการใชประโยชนโดยตรงจากพื้นที่ชุมน้ําของชุมชน การใชประโยชน
รายไดจากการใชประโยชน เปนเงินสด ไมเปนเงินสด
ตนทุนจากการใชประโยชน เปนเงินสด ไมเปนเงินสด
ผลิ ต ภั ณ ฑ จ ากป า และแหล ง น้ํ า ขาย เชน เห็ด หนอไม เทา เปนตน ทํานา ขาย
บริโภค
-ไมมี-
บริโภค, ทําพันธุ, แบงจายเปนคา เชา
ทําประมง
ขาย
บริโภค
คาเมล็ดพันธุ ปุย สารเคมี น้ํามัน คาไฟฟา แรงงานจางเตรียมดิน เตรียมกลา ดํานา เกี่ยว ขาว นวดขาว คาชารทแบตเตอรี่ น้ํากลั่น น้ํามันกาด
เก็บไมทําฟนหรือถาน
ขาย
ใชในครัวเรือน
-ไมมี-
แรงงานไปเก็บหา วัสดุ อุปกรณ แรงงานครัวเรือนในการ หวาน ใสปุย ไถดิน ดูแล รักษาปองกําจัดวัชพืช ยายกลา ปกดํา เกี่ยวขาว นวดขาว แรงงานครัวเรือนในการ จับสัตวน้ํา ซอมแซม บํารุงรักษา คัดและ จําหนายสัตว คาใช เครื่องมือจับสัตวน้ํา แรงงานไปเก็บหา คาใช อุปกรณ
ตัวอยางการประเมินคา ตัวอยางที่ 1 การใชทรัพยากรในรูปผลผลิต เชน การเก็บเห็ด ในชวงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม เพื่อการบริโภคและเพื่อการจําหนายของครัวเรือนจํานวน 40 ครัวเรือน รอบพื้นที่ชุมน้ํา ขอมูลที่ใช ปริมาณผลผลิตที่เก็บได ราคาที่ไดรับ ตนทุนของเครื่องมืออุปกรณ และตนทุนการ ใชแรงงาน ทั้งที่เปนตัวเงินและไมเปนตัวเงิน การคํานวณ ผลประโยชนสุทธิตอครัวเรือน (บาท/ป/ = มูลคารวมของผลผลิตที่เก็บไดตอครัวเรือน ครัวเรือน) - ตนทุนที่ใชในการเก็บเห็ด ผลประโยชนสุทธิตอชุมชน (บาท/ป) = ผลประโยชนสุทธิตอครัวเรือน (บาท/ป/ครัวเรือน) x จํานวนครัวเรือนที่ใชประโยชน รายละเอียด มูลคารวมของผลผลิตตอครัวเรือน = ผลผลิตที่เก็บไดตอป (รวมที่บริโภคและขาย) x ราคาที่ไดรบั ตนทุนที่ใชในการเก็บ = แรงงานตัวเอง + วัสดุอุปกรณ (โดยพิจารณาเปน ตนทุนตอป) ตนทุนแรงงาน (ตัวเอง) คาแรงขัน้ ต่ํา (บาท/วัน) x [จํานวนชั่วโมงที่เก็บ ทั้งหมดในปนนั้ ÷ 8 ชั่วโมง 1 ] ตนทุนการใชวสั ดุอุปกรณ = (สมมติตะกราและมีดมีอายุใชงาน 2 ป ใชมูลคาที่ ซื้อหารสอง แทนมูลคาตอป) 1
เนื่องจากคิดให 1 วันทํางาน เทากับ 8 ชั่วโมง
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-17
ตัวอยางขางตนสามารถประยุกตไดกับการประเมินผลประโยชนของชุมชนที่ไดจากการเก็บใช ทรัพยากรอื่นๆ ภายในหรือโดยรอบบริเวณพื้นที่ชุมน้ํา ตั ว อย า งที่ 2 การใช ท รั พ ยากรในรู ป ป จ จั ย การผลิ ต เช น การใช พื้ น ที่ โ ดยรอบและใช น้ํ า ชลประทานที่ไดจากพื้นที่ชุมน้ําเพื่อทํานาในชวงฤดูแลง (นาปรัง) ของครัวเรือนจํานวน 130 ครัวเรือน กรณีที่เปนการใชพื้นที่ทําประโยชน สามารถวิเคราะหได 2 แนวทางคือ วิเคราะหผลประโยชน สุท ธิที่ เกิ ดขึ้ นต อ ไร แล วคู ณด วยขนาดพื้น ที่ที่ ใช ทํานา หรือ วิ เคราะห ผ ลประโยชนสุ ทธิ ที่เ กิด ขึ้น ต อ ครัวเรือน แลวคูณดวยจํานวนครัวเรือนที่ทํานา ในที่นี้จะยกตัวอยางแนวทางที่ 1 (สําหรับแนวทางที่ 2 จะ คลายกับตัวอยางที่ 1) ขอมูลที่ใช ปริมาณผลผลิตขาวนาปรังเฉลี่ยตอไร ราคาที่ไดรับ ตนทุนตอไรของการใชปจจัยการ ผลิตตางๆ รวมทั้งตนทุนการใชแรงงาน ทั้งที่เปนตัวเงินและไมเปนตัวเงิน (เฉพาะรายการตนทุนผันแปร) การคํานวณ ผลประโยชนสุทธิตอไร (บาท/ไร) = มูลคารวมของผลผลิตขาว(นาปรัง) (บาทตอไร) - ตนทุนผันแปรที่ใชในการทํานาปรัง (บาทตอไร) ผลประโยชนสุทธิตอชุมชน (บาท/ป) = ผลประโยชนสุทธิตอไร (บาท/ไร) x พื้นที่ทํานาปรังในปที่สํารวจ (ไร) รายละเอียด มูลคารวมของผลผลิตขาวตอไร = ผลผลิตนาปรังที่ไดในปที่สํารวจ (รวมทั้งบริโภคและ ขาย) x ราคาที่ไดรับ ตนทุนผันแปรที่ใชในการทํานาปรัง = คาเมล็ดพันธุ+คาปุย+คาแรงงานจาง+คาแรงงาน ตัวเอง เปนตน การประเมินมูลคาโดยใชราคาตลาดของสินคาที่เกี่ยวของ วิธีการนี้เหมาะสมกับการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของทรัพยากรในพื้นที่ชุมน้ําในดาน การทําหนาที่กํากับควบคุม ซึ่งกอใหเกิดประโยชนโดยออมตอประชาชน ผลประโยชนที่เกิดมักอยูในรูป ประโยชนสาธารณะ เปนมูลคาจากการใชโดยออม วิธีการประเมินคาอาศัยพื้นฐานแนวคิดที่วา เมื่อไมมีพื้นที่ชุมน้ําแลว คุณประโยชนสาธารณะ ดังกลาวก็หมดไป สังคมจําเปนตองสรางสิ่งทดแทนการทําหนาที่ดานตางๆ ของพื้นที่ชุมน้ํา การประเมิน คาจึงอาศัยฐานคิดดานตนทุน ไดแกตนทุนในการทดแทน หรือตนทุนในการปองกัน เชน y การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรในการทําหนาที่กรองของเสียของปาชายเลน โดยอาศัย ตนทุนในการบําบัดและควบคุมของเสีย y การประเมินมูลคาดานชวยลดการพังทลายของชายคลองชายฝงของพืชพรรณในพื้นที่ชุมน้ํา โดยอาศัยตนทุนในการขุดลอกพื้นที่ปลายน้ํา เปนตน ซึ่งวิธีการเหลานี้ไมไดใชฐานคิดจากการประเมินคุณประโยชนที่เกิดจากทรัพยากรดังเชนวิธีการ อื่นๆ แตอยางนอยตนทุนเหลานี้ที่ประเมินไดก็พอจะชี้ใหสังคมเห็นความสําคัญของการมีอยูของพื้นที่ ชุมน้ําเพื่อทําหนาที่ใหบริการทางธรรมชาติตางๆ ได
4-18
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
ตัวอยางการประเมินคา นักวิจัยตองการทราบความสําคัญหรือคุณประโยชนของปาชายเลนในการปองกันการกัดเซาะ ชายฝง บานทาโพธิ์ สุราษฏรธานี (รายละเอียดดูไดจาก Sathirathai and Babier, 2001) กรณีนี้ใชวิธีการคาใชจายในการทดแทน โดยอาศัยขอมูลจากสิ่งทดแทน ไดแก แนวกันคลื่น ซึ่ง มักจะกอสรางบริเวณชายฝงทะเลที่ไมมีผืนปาชายเลน ขอมูลที่ใช การกอสรางแนวกันคลื่นเพื่อปองกันการพังทลายของชายฝงทะเล จากกรมเจาทา กระทรวงคมนาคมและขนสง เฉลี่ยตารางเมตรละประมาณ 466.80 บาท หรือประมาณไรละ 700,000 บาท การคํานวณ เนื่องจากสภาพพื้นที่อาวบานดอนไมไดมีคลื่นลมแรงมากนัก จึงมีการปรับมูลคา ของตนทุนดังกลาวเหลือรอยละ 30 หรือประมาณ ไรละ 224,000 บาท การใชประโยชนและขอจํากัด วิธีการประเมินคาโดยใชราคาตลาดโดยตรงเปนวิธีที่สะดวก งายในการทําความเขาใจ ไมตอง อาศัยวิธีการทางสถิติที่ซับซอน อยางไรก็ตามวิธีการนี้สามารถประเมินคาการทําหนาที่ของพื้นที่ชุมน้ําใน ดานการใหผลผลิตเกือบทุกรายการ และสามารถประเมินคาการทําหนาที่ของพื้นที่ชุมน้ําในการกํากับ ควบคุมไดบางรายการ ทั้งนี้ขึ้นอยูกับขอมูลที่มีอยู สําหรับผูประเมินคาควรตระหนักวา ราคาตลาดของ สินคาที่ใชในการคํานวณอาจมีความคลาดเคลื่อนไปบาง เชน ขึ้นกับฤดูกาล คุณภาพของผลผลิต หรือมี การแทรกแซงของรัฐบาล เปนตน
การประเมินมูลคาโดยใชวิธีการโอนยายมูลคา วิธีการโอนยายมูลคาอาศัยการยืมขอมูลเพื่อปรับใช หรือใชวิธีการทางสถิติเพื่อเชื่อมโยงขอมูล จากงานศึกษาดั้งเดิมในพื้นที่ศึกษา มายังพื้นที่โครงการที่ตองการวิเคราะห วิธีนี้เริ่มเปนที่นิยมอยาง แพรหลายในระยะหลังๆ เพราะ y ไมมีงานศึกษาในพื้นทีโ่ ครงการเปาหมายที่ตองการวิเคราะหมากอน y นักวิจัยหรือผูวางแผนมีเวลาและงบประมาณที่จํากัด ไมสามารถทําวิจัยเพื่อประเมินมูลคาใน พื้นที่โครงการอยางเต็มขั้นได y มีงานศึกษาดานการประเมินมูลคาในพื้นทีศ่ ึกษาอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะดานตางๆ ที่ใกลเคียงกัน ปรากฏอยู นอกจากนี้ประเด็นในการศึกษาก็ใกลเคียงกัน
พื้นที่โครงการ พื้นที่ศึกษาตนแบบ
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-19
พื้นที่โครงการเปาหมายที่ตองการวิเคราะหผลกระทบดานสิ่งแวดลอม ซึ่งยังไมมีขอมูลหรือ งานวิจัยรองรับ สวนงานวิจัยของพื้นที่ศึกษาตนแบบสามารถมีไดมากกวา 1 ชิ้นงาน ซึ่งมีขอมูล หรือการ วิเคราะหที่ตองการใชประโยชน ผูศึกษาจะตองเลือกพื้นที่ศึกษาตนแบบที่มีความคลายคลึงกับพื้นที่ โครงการใหมากที่สุดในประเด็นตางๆ ไดแก y ประเด็นเชิงนโยบาย จําเปนตองพิจารณาทั้งในเชิงขนาดหรือปริมาณของผลกระทบ และ แหลงที่ทําใหเกิดผลกระทบ y ประเด็นดานสภาพทางชีวภาพและกายภาพของพื้นที่ ประเด็นดานประชากรในพื้นที่ ประเภทของการโอนยายมูลคา วิธีการโอนยายมูลคาแบงยอยๆ ไดหลายวิธี ไดแก y การโอนยายดวยมูลคาในพื้นที่ศึกษามาใชในพื้นที่โครงการ ซึ่งอาจทําไดโดยการโอนยายคาที่ มีอยูแลวและปรับใชโดยอาศัยผูเชี่ยวชาญ หรือผูกําหนดนโยบาย หรือการโอนยายคากลาง (คาเฉลี่ย) โดยอาศัยงานวิจัยในพื้นที่ศึกษาตางๆ มาหาคาเฉลี่ยแลวนํามาปรับใชในพื้นที่ โครงการ นอกจากนี้การปรับใชยังจําเปนตองพิจารณาความแตกตางดานสภาพประชากรที่ ศึกษา และความแตกตางดานเวลาของงานศึกษาดวย ซึ่งอาจจําเปนตองปรับคาเพื่อสะทอน ความแตกตางดังกลาว y การโอนยายดวยฟงกชัน หากมีงานศึกษาตนแบบที่มีการประเมินมูลคาดวยวิธีการทางสถิติ ซึ่งประมาณการฟงกชันอุปสงค หรือฟงกชันความยินดีจายเอาไว เราสามารถใชประโยชน จากฟงกชันนั้นมาเพื่อกะประมาณมูลคาสําหรับพื้นที่โครงการ หรือหากมีงานศึกษาจากพื้นที่ ตนแบบหลายพื้นที่ซึ่งคลายคลึงกับพื้นที่โครงการ เราสามารถโอนยายโดยการใชฟงกชันเม ตารีเกรสชัน เพื่อกะประมาณมูลคาของพื้นที่โครงการ ขั้นตอนในการศึกษา y ระบุแนวคําถามเพื่อตอบคําถามเชิงนโยบายของพืน้ ที่โครงการ y ตรวจเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวของ และคัดเลือกงานศึกษาที่มีความใกลเคียงกับพื้นที่โครงการ ที่สุด โดยพิจารณาจากทั้งในประเด็นเชิงนโยบาย เชิงภูมิศาสตร เชิงเศรษฐกิจสังคม เชิงระบบนิเวศ และ เชิงชีวกายภาพ เปนตน นอกจากนี้เอกสารงานวิจัยที่คัดเลือกนั้นจะตองมีความถูกตองตามทฤษฏี เปนที่ ยอมรับ y เลือกวิธีการกะประมาณที่เหมาะสมที่สุด ที่พิจารณาโดยผูเชี่ยวชาญและตามขอมูลที่มีอยู วา จะใชวิธีการโอนยายดวยมูลคา หรือโอนยายดวยฟงกชัน y โอนยายคาที่กะประมาณไดเพื่อปรับใชกับพื้นที่โครงการ หากคาที่ไดมาเปนมูลคาตอหนวย ก็ ปรับเปนคารวมหรือคาที่ตองการใชประโยชน y การโอนยายมูลคาจากพื้นที่ศึกษาตนแบบที่ไดคัดเลือกแลว สามารถนํามาปรับมูลคาเพื่อใช กับพื้นที่โครงการ ในกรณีของการโอนยายดวยมูลคานั้น การปรับมูลคาก็เพื่อสะทอนความแตกตางของพื้นที่ศึกษา ตนแบบที่มีผลการศึกษาไวแลวกับพื้นที่โครงการ ตามหลักการแลวความแตกตางที่เกิดขึ้นมีอยู 2 ปจจัยหลัก คือ ปจจัยดานอุปทาน ไดแก คุณลักษณะดานตางๆ ของพื้นที่ เชน สภาพทางกายภาพ ความอุดมสมบูรณ
4-20
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
ของทรัพยากร เปนตน และปจจัยดานอุปสงค ไดแกคุณลักษณะดานตางๆ ของประชากร เชน คาความ ยินดีจายตอคน และคาความยืดหยุนตอรายได เปนตน การโอนยายดวยมูลคา สําหรับเอกสารฉบับนี้ จะอธิบายและยกตัวอยางเฉพาะวิธีการแรก คือวิธีการโอนยายดวยมูลคา ซึ่งเปนวิธีการที่งาย สะดวกในการหาขอมูล ไมมีความซับซอนในการคํานวณ ซึ่งอาศัยหลักการปรับคา ดังตอไปนี้ ในการนําขอมูลของพื้นที่ตนแบบ (พื้นที่ S) มาปรับใชสําหรับพื้นที่โครงการ (พื้นที่ P) ผูประเมิน ควรพิจารณาเลือกคุณลักษณะรวมที่สําคัญของพื้นที่ดังกลาว ที่คาดวานาจะมีผลทําใหมูลคาของพื้นที่ชุมน้ํา แตละที่แตกตางกัน สูตรในการเทียบยาย (1) มูลคาที่ตองการกะประมาณของพื้นทีโ่ ครงการ = มูลคาทรัพยากรของพื้นที่ตนแบบ คาที่แสดงคุณลักษณะของพื้นที่โครงการ คาที่แสดงคุณลักษณะของพื้นที่ตนแบบ (2) มูลคาที่ตองการของพื้นทีโ่ ครงการ = คาที่แสดงคุณลักษณะของพื้นที่โครงการ x มูลคาทรัพยากรของพืน้ ที่ตนแบบ คาที่แสดงคุณลักษณะของพื้นที่ตนแบบ มู ล ค า ที่ ไ ด ใ นสมการที่ (2) ก็ คื อ มู ล ค าที่ ต อ งการกะประมาณเพื่ อ นํ า ไปปรั บ ใช สํ า หรั บ พื้ น ที่ โครงการที่ยังไมมีงานศึกษามากอน เปนมูลคาเบื้องตนที่มักอยูในรูปมูลคาตอหนวย เชน ตอพื้นที่ ตอ ครัวเรือน หรือตอราย เปนตน ซึ่งจําเปนตองนําไปคูณกับขนาดพื้นที่ทั้งหมด จํานวนครัวเรือนหรือจํานวน รายที่ไดรับประโยชน เพื่อหามูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ําใหเกิดประโยชนในเชิงนโยบายตอไป ตัวอยางการประเมินคา ตัวอยางที่ 1 ผูศึกษาตองการวิเคราะหหาผลประโยชนที่ไดจากการอนุรักษ (มูลคาจากการไมได ใช) ทรัพยากรสัตวน้ําที่มีอุดมสมบูรณมากขึ้น อันเนื่องมาจากการมีโครงการอนุรักษสัตวน้ํา ในที่นี้จะใช วิธีการโอนยายดวยมูลคาโดยปรับคุณลักษณะของทรัพยากร อาศัยสูตรขางตน (ดูตัวอยางไดจาก Champ, et al; 2003: 452) ขอมูลที่ใช ขอมูลในพื้นที่ตนแบบ (พื้นที่ S) ที่มีงานศึกษาดานการประเมินมูลคาการอนุรักษสัตว น้ํา ประกอบดวยคาความยินดีจายเพื่อการอนุรักษ (บาท/ครัวเรือน/ป) และความอุดมสมบูรณของสัตวน้ํา ที่เพิ่มขึ้นเมื่อมีโครงการฯ และขอมูลในพื้นทีโ่ ครงการ (พื้นที่ P) ที่สําคัญคือผลของโครงการอนุรักษที่มีตอ ทรัพยากรสัตวน้ํา เราสามารถเทียบหาคาความยินดีจายของการอนุรักษสัตวน้ําในพื้นทีโ่ ครงการโดยอาศัยสูตรที่ 2 จะไดวา คาความยินดีจายในพื้นที่ P = คาความยินดีจา ยในพื้นที่ S x จํานวนสัตวน้ําที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ P จํานวนสัตวน้ําที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ S
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-21
โดยคาความยินดีจายในพื้นที่ P เปนมูลคาเพื่อการอนุรักษสัตวน้ําอยูในรูป บาท/ป/ครัวเรือน เรา จําเปนตองคูณดวยจํานวนครัวเรือนทั้งหมดที่เกี่ยวของ เพื่อใหไดมูลคาจากการไมไดใชเพื่อการอนุรักษ สัตวน้ําของพื้นที่ มูลคาจากการไมไดใช (บาท) = ความยินดีจายของการอนุรักษสัตวน้ําในพื้นที่ P (บาท/ป/ครัวเรือน) x จํานวนครัวเรือนที่เกี่ยวของในพื้นที่ P (ครัวเรือน)
ตัวอยางที่ 2 ผูศึกษาตองการทราบวาพื้นที่ชายฝงแหงหนึ่ง (พื้นที่ P) หากมีการปรับปรุงเปน แหลงทองเที่ยวเชิงอนุรักษแลว จะมีมูลคาเชิงนันทนาการจากการทองเที่ยวเปนเทาไร โดยพื้นที่แหงนี้ ไมเคยมีงานศึกษาดานการประเมินมูลคามากอน แตผูศึกษาพบวามีงานศึกษาจากพื้นที่ตนแบบ (พื้นที่ S) ที่เปนการประเมินมูลคาเชิงนันทนาการของพื้นที่ที่มีคุณลักษณะทางกายภาพคลายกัน ขอมูลที่ใช (ที่พอจะรวบรวมได) คาความยินดีจายตอคนของนักทองเที่ยวของพื้นที่ตนแบบ รายไดต อหั วของประชากรในพื้ นที่ ตน แบบและพื้ นที่ โ ครงการ จํ านวนนัก ทอ งเที่ ยวในพื้น ที่ต น แบบ ประมาณการจํานวนนักทองเที่ยวตอปของพื้นที่โครงการ ) อาศัยสูตรขางตน คาความยินดีจายของพื้นที่ P (บาท/คน/ป) = รายไดตอหัวของประชากรในพื้นที่ที่ P (บาท/คน/ป) คาความยินดีจายของพื้นที่ S (บาท/คน/ป) รายไดตอหัวของประชากรในพื้นที่ S (บาท/คน/ป)
เทียบหาคาความยินดีจายของการอนุรักษสัตวน้ําในพื้นที่โครงการโดยอาศัยสูตรที่ 2 จะไดวา คาความยินดีจายในพื้นที่ P = คาความยินดีจา ยในพื้นที่ S x รายไดตอหัวของประชากรในพื้นที่ P รายไดตอ หัวของประชากรในพื้นที่ S
เมื่อคํานวณหาคาความยินดีจายตอคนตอปสําหรับพื้นที่โครงการได (พื้นที่ P) แลวคูณดวย จํานวนนักทองเที่ยวที่คาดวาจะมาเที่ยวตอป เราก็จะไดมูลคาเชิงนันทนาการของพื้นที่ชายฝงแหงนั้น การใชประโยชนและขอจํากัด วิธีโอนยายมูลคา มีความจําเปนก็ตอเมื่องบประมาณ เวลา และบุคลากร มีจํากัด ไมสามารถทํา วิจัยในพื้นที่ศึกษาอยางเปนขั้นเปนตอนได โดยวิธีนี้จะมีความเหมาะสมมากขึ้นก็ตอเมือ่ พืน้ ทีศ่ กึ ษาตนแบบ มีความคลายกับพื้นที่โครงการที่ตองการประเมินคา นอกจากนี้ประเด็นที่ศึกษาก็ควรมีความคลายกัน (เชนมีการใชนโยบายคลายกัน หรือผลกระทบที่เกิดขึ้นคลายกัน) และที่สําคัญควรเลือกงานวิจัยในพื้นที่ ต น แบบที่ มี ค วามถู ก ต อ งทางทฤษฎี และมี ก ารวิ เ คราะห ท างสถิ ติ ที่ ถู ก ต อ ง เป น ที่ ย อมรั บ มี ข อ มู ล ที่ ละเอียดเพียงพอ
ขอควรทราบ เนื่องจากคูมือการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ําฉบับนี้ มีเปาหมายสําหรับผูใช ซึ่งไมใชนักเศรษฐศาสตร วิธีการประเมินมูลคาที่ปรากฏอยูจึงจํากัดเฉพาะวิธีการที่ไมมีความยุงยากใน การหาขอ มูล และสะดวกในการวิเคราะห ซึ่งวิธี การเหลานี้ไมไดอาศัยกรอบแนวคิดจากทฤษฎีทาง เศรษฐศาสตรโดยตรง แตอาศัยความเชื่อมโยงของขอมูลที่มีอยู ดังนั้นหากผูใชคูมือตองการทราบวิธีการ
4-22
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
ประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรที่มีความละเอียดซับซอนมากยิ่งขึ้น สามารถศึกษาในเบื้องตนไดจาก เว็บไซต www.ecosystemvaluation.org ซึ่งผูแตงไดจัดทําขึ้นมาเพื่อใหผูที่ไมใชนักเศรษฐศาสตรสามารถ ทราบวิธีการและขั้นตอนในการประเมินคา ตลอดจนตัวอยางตางๆ และเขาใจในทฤษฏีเศรษฐศาสตร เบื้องตนที่เกี่ยวของ • ผูศึกษาควรกําหนดประเด็นในการศึกษา คือการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของทรัพยากร ในพื้นที่ชุมน้ําและทรัพยากรที่เกี่ยวของในบริเวณพื้นที่โดยรอบ โดยเริ่มพิจารณาจากทรัพยากรที่ชุมชน ใชประโยชนโดยตรงในรูปผลผลิตและปจจัยการผลิตกอน กอนจะขยายวงกวางเพื่อพิจารณาถึงมูลคาการ ใชประโยชนโดยออม และมูลคาจากการไมไดใช ซึ่งในสวนหลังนี้เปนมูลคาที่เกิดขึ้นในวงกวางกวาระดับ ชุมชน โดยเฉพาะพื้นที่แรมซารที่มีความสําคัญในระดับนานาชาติ ทั้งนี้ผูศึกษาควรเลือกวิธีการศึกษาที่ สามารถใชขอมูลที่มีอยูแลวเพื่อการวิเคราะห เชนวิธีราคาตลาด หรือวิธีโอนยายมูลคา เพื่อความสะดวก และประหยัดงบประมาณ • ในการประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ําเพื่อใหทราบถึงความสําคัญที่มีตอทุก ภาคสวนในสังคม อาจจะตองใชขอมูลของทรัพยากรในพื้นที่ตามระดับศักยภาพที่มีอยู หรือระดับที่ กอใหเกิดการใชอยางยั่งยืน เพื่อการประเมินคามูลคา ซึ่งผลการประเมินที่ไดอาจจะตางจากการประเมิน จากการใชประโยชนทรัพยากรที่เกิดขึ้นจริง • ในการประเมินมูลคาที่เกิดขึ้น หนวยพื้นฐานที่จะนําเสนอควรเปน “บาท/ป”, “บาท/ครัวเรือน/ป” หรือ “บาท/ไร/ป” ตามความเหมาะสม เพราะทําใหเห็นภาพของกระแสมูลคาที่เกิดขึ้นอยางตอเนื่องกัน ไป หากพื้นที่นั้นๆ ยังคงสภาพเปนพื้นที่ชุมน้ําที่ยังประโยชนดานนั้นๆ • มูลคาจากการใชโดยออมของพื้นที่ชุมน้ํา ซึ่งเกิดจากการทําหนาที่เชิงนิเวศ มีขอสังเกตคือ เปนประโยชนสาธารณะที่เกิดขึ้นในวงกวาง ไมไดเกิดกับรายบุคคล การประเมินมูลคาโดยใชวิธีคาใชจาย ในการทดแทน (หรือคาใชจายในการปองกัน) จําเปนตองมีความระมัดระวังในการเลือกสิ่งกอสรางที่ใช ทดแทนการทําหนาที่เชิงนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํานั้น โดยพิจารณาถึงความเปนไปไดที่มากที่สุดและสังคม ยอมรับ • เนื่องจากความจํากัดของขอมูลที่ใชในการศึกษา และวิธีการศึกษา ผูประเมินควรตระหนัก ถึงความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น เชน ขอมูลดานราคาหรือปริมาณการใชประโยชนอาจเปลี่ยนแปลง ตามฤดูกาล แนวทางหนึ่งที่เปนไปไดคือการนําเสนอมูลคาเปนชวง มากกวาเปนเพียงคาเดียว เชนคาต่ํา และคาสูง และบางครั้งก็จําเปนตองมีการวิเคราะหความออนไหวเพิ่มเติม • ผู ศึ ก ษาจํ า เป น ต อ งเชื่ อ มโยงผลการวิ เ คราะห เ พื่ อ นํ า ไปสู ก ารตอบคํ า ถามในประเด็ น การศึกษาที่ตั้งไว เพื่อใหเปนประโยชนตอการนําไปใชเปนขอมูลประกอบการตัดสินใจในการอนุรักษพื้นที่ ชุมน้ํา
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-23
บรรณานุกรม Barbier, Edward B, MiKe Acreman, and Duncan Knowler (1997). Economic Valuation of Wetlands: A Guide for Policy Makers and Planners. Ramsar Convention Bureau. Ecosystem Valuation (website) http://www.ecosystemvaluation.org/default.htm. Millennium Ecosystem Assessment, 2003. Ecosystems and Human Well-being: A Framework for Assessment. Washington: Island Press. อางใน Pagiola, Stefano, Konrad von Ritter, and Joshua Bishop. 2004. Assessing the Economic Value of Ecosystem. The World Bank Environment Department, Environment Department Paper No.101. In collaboration with The Nature Conservancy and IUCN—The World Conservation Union October 2004. Moran, Dominic (2006). Wetland Valuation Manual: A Rapid Guide For Wetland Managers, January 2006. OECD (2002). Handbook Of Biodiversity Valuation: A Guide For Policy Makers Working Party on Economic and Environmental Policy Integration, Working Group on Economic Aspects of Biodiversity. ENV/EPOC/GEEI/BIO(2000)2/FINAL, January 2002 Sathirathai, S and E. Barbier (2001). “Valuing mangrove conservation in southern Thailand”, Contemporary Economic Policy: pp 109-122
4-24
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
ภาคผนวก แบบฝกหัดงานกลุม ภาคผนวก 1 การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชุมน้ํา ประเด็น ผูศึกษาตองการทราบวาพื้นที่ชุมน้ําทะเลสาบแสนงาม มีประโยชนอยางไรตอสังคม แนวทางการศึกษา วิเคราะหมูลคาทางทางเศรษฐศาสตรโดยรวม และมูลคาที่เกิดขึ้นกับสวนตางๆ ของสังคม ขั้นตอน ผูศึกษาเก็บขอมูลจากกระบวนการทํา PRA และการสํารวจเชิงนิเวศ พบวา มีการใชประโยชนตางๆ ของชุมชนดังตารางผนวก 1 และจากการเก็บขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตนทุนและผลประโยชน ดังนี้ • พื้นที่ทํานา 1,000 ไร โดยสามารถทํานาไดปละ 2 ครั้ง มีผลผลิตเฉลี่ยไรละ 400-600 กก. ราคาขาวประมาณ 5 บาท/กก. มีตนทุนในการผลิตไรละ 1,500 บาท • ปลูกถั่วและขาวโพด 200 ไร มีรายไดสุทธิไรละ 400 บาท • ทําสวนลําไย 100 ไร มีรายไดสุทธิไรละ 1,200 บาท • ชาวบานใชพื้นที่โดยรอบเพือ่ ปลอยวัวควายประมาณ 100 ตัว ไวหากินบริเวณนั้นทั้งป ซึ่ง หากตองหาซื้อหญามาเปนอาหาร ตองเสียคาใชจายตกวันละ 10 บาท/ตัว • ชาวบานสามารถเก็บหาหนอไมไดตลอดทั้งป แตสวนมากคือในชวงฤดูฝน สวนใหญเก็บหา เพื่อบริโภคในครัวเรือน เฉลี่ยครัวเรือนละ 400 กก./ป โดยมีกลุมที่เก็บหาเปนประจําจน สามารถเปนอาชีพหาเลี้ยงตัวได 5 ครัวเรือน และมีผลผลิตสูงกวาระดับเฉลี่ยอยางนอย 5 เทาตัว ราคาหนอไมอยูระหวาง 4-6 บาท/กก. เมื่อพิจารณาถึงคาใชจายประเภทเครื่องมือ และอุปกรณที่ใชคิดเปนเงินเพียง 100 บาท/ครัวเรือน/ป • ในชวงฤดูฝน ทะเลสาบแหงนี้เปนแหลงสําคัญของผลผลิตเห็ด ไดแก เห็ดโคน และเห็ดเผาะ เปนตน มูลคารวมของผลผลิตคิดเปน 10,000 บาท/ครัวเรือน ซึ่งมีคาใชจายทั้งที่เปนตัวเงิน และไมเปนตัวเงินคิดเปน 500 บาท/ครัวเรือน • ชาวบานที่อยูริมทะเลสาบสวนหนึ่งไดอาศัยเก็บดอกบัวและใบบัวเพื่อขายเปนรายไดเลี้ยง ครอบครัว ตกปละ 10,000-20,000 บาท/ครัวเรือน • ทรั พ ยากรประมงของทะเลสาบแห ง นี้ เ ป น แหล ง อาหารและรายได ข องชุ ม ชนที่ สํ า คั ญ ชาวบานสามารถจับปลาไดตลอดทั้งป ปลาสําคัญๆ ที่จับได เชน ปลาชอน ปลาดุก และปลานิล เปนตน สรางผลผลิตแกครัวเรือนประมาณ 20-100 กก./ครัวเรือนในแตละเดือน จากการ คํานวณมูลคาเฉลี่ยของผลผลิตสัตวน้ําที่จับไดตอปเทากับ 40,000 บาท/ครัวเรือน โดยมี ตนทุนผันแปรที่เกิดขึ้นทั้งเปนเงินสดและไมเปนเงินสดเฉลี่ยตอปเทากับ 15,000 บาท/ ครัวเรือน นอกจากนี้ยังเปนแหลงอาหารแกนกอพยพและนกที่อาศัยอยูในบริเวณนั้นดวย • เกษตรกรสวนหนึ่งใชน้ําในทะเลสาบเพื่อเลี้ยงปลา มีรายไดเฉลี่ยปละ 200,000 บาท/ ครัวเรือน โดยมีตนทุนผันแปรเฉลี่ยตอปเทากับ 80,000 บาท/ครัวเรือน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-25
• น้ําจากทะเลสาบนําไปใชเพื่อเปนน้ําดิบทําประปาใชในหมูบาน ขอมูลเทาที่รวบรวมไดมีดังนี้ มีการผันน้ํามาใชประมาณปละ 200,000-250,000 ลูกบาศกเมตร กอนมีประปาหมูบาน ชาวบานตองหาซื้อน้ําที่บรรทุกเขามาใชตกยูนิต (ลูกบาศกเมตร) ละ 4 บาท ปจจุบันทุก ครัวเรือนไดใชน้ําจากประปาหมูบาน ซึ่งคณะกรรมการหมูบานคิดคาใชจายยูนิตละ 5 บาท ตารางผนวก 1 การใชประโยชนของครัวเรือนโดยรอบบริเวณพื้นที่ชุมน้าํ การใชประโยชนของครัวเรือน จํานวนครัวเรือน ใชพื้นที่โดยรอบและใชน้ําทํานา 100 ใชพื้นที่โดยรอบเพื่อทําไร 20 ใชพื้นที่โดยรอบเพื่อทําสวนผลไม 10 ใชพื้นที่และใชน้ําเลี้ยงวัวควาย 30 หาหนอไมโดยรอบบริเวณ 50 เก็บเห็ดโดยรอบบริเวณ 60 หาบัวและเก็บใชพืชน้ํา 10 หาปลาและสัตวน้ําอื่นๆ ในทะเลสาบ 150 ใชน้ําเพื่อบอปลา 20 ใชเปนแหลงน้าํ ดิบเพื่อผลิตน้ําประปา 200 ดวยสภาพธรรมชาติที่สวยงาม ทะเลสาบแสนงามยังเปนแหลงพักผอนหยอนใจและเปนแหลงดู นกที่สําคัญ มีขอมูลประกอบดวย • ขอมูลนักทองเที่ยว: มีนักทองเที่ยวชาวไทยและตางประเทศมาเยือนพื้นที่ จากตารางผนวก 2 มีคาใชจายของนักทองเที่ยว ไดแก คาเดินทางไป-กลับจากแหลงพํานัก และคาใชจายใน พื้นที่ซึ่งประกอบดวย ที่พัก อาหาร และคาใชจายอื่นๆ ดังตารางผนวก 3 • ขอมูลแหลงพํานัก: มีรีสอรท 5 แหงซึ่งเปนของนักธุรกิจนอกพื้นที่ สําหรับไกดและเรือ ทองเที่ยว ตลอดจนรานอาหารเปนธุรกิจของคนในชุมชน ตารางผนวก 2 สถิตินักทองเที่ยวที่มาเยือนทะเลสาบแสนงาม พ.ศ. 2545-2548 ป พ.ศ. นักทองเที่ยวชาวไทย นักทองเที่ยวตางประเทศ ไป-กลับ พักแรม ไป-กลับ พักแรม 2545 4,000 5,000 500 200 2546 3,000 6,000 600 150 2547 5,000 9,000 1,000 400 2547 5,000 8,000 900 300 2548 4,000 10,000 600 400
4-26
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
ตารางผนวก 3 รายการคาใชจายของนักทองเที่ยวที่มาเยือนทะเลสาบแสนงาม รายการคาใชจายเฉลี่ย (บาท/คน) นักทองเที่ยวชาวไทย นักทองเที่ยวตางประเทศ คาเดินทางไป-กลับจากภูมิลําเนา 600 40,000 คาที่พักในพื้นที่ 1,000 1,500 คาอาหารในพืน้ ที่ 800 12,000 คาใชจายอื่นๆ ในพื้นที่ 200 500 รวมคาใชจายตอคน (บาท/ครัง้ ) 2,600 54,000 ขอใหกําหนดขอสมมติตามความจําเปนและตอบคําถามตอไปนี้ • สมมติขอมูลเชิงนิเวศของพื้นที่ชุมน้ําทะเลสาบแสนงาม ตามความจําเปนและเหมาะสม • หามูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ โดยจําแนกเปนมูลคาจากการใช และมูลคาอื่นๆ โดยพิจารณา มูลคาที่เกิดขึ้นและการกระจายผลประโยชน มูลคาใดบางที่นาจะเกิดขึ้นแตยังไมไดประเมิน ควรหาขอมูลและประเมินอยางไร • การประเมินมูลคาจากการใชเพื่อการทําประมงและเลี้ยงปลา ทานจะมีวิธีการเก็บขอมูลอยางไร ในระยะเวลาที่จํากัด อธิบายใหละเอียด • ในการประเมินมูลคาเพื่อเชิงนันทนาการและการกระจายผลประโยชน ทานมีวิธีการประเมิน อยางไร อธิบายใหละเอียด และหากจําเปนตองเก็บขอมูลเพิ่มเติมเพื่อใชในการประเมินมูลคา สวนนี้ ทานมีขอเสนอแนะอยางไร
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-27
ภาคผนวก 2 การวิเคราะหผลประโยชนและตนทุนของการใชประโยชนพื้นที่ชุมน้ํา ประเด็น ภาครัฐจะมีโครงการอนุรักษพื้นที่ชุมน้ําแหงหนึ่ง โดยมีขอมูลดานผลประโยชนและตนทุนของ การอนุรักษพื้นที่ชุมน้ํา แนวทางการศึกษา วิเคราะหผลประโยชนและตนทุนของสังคม โดยใชหลักการวิเคราะหโครงการ สมมติวา ในการดําเนินโครงการอนุรักษพื้นที่ชุมน้ําแหงหนึ่ง มีขอมูลดานผลประโยชนที่เกิดขึ้น จากการอนุรักษพื้นที่ชุมน้ํา ดังนี้ มูลคาจากการใช การทองเที่ยวเชิงอนุรักษ ไมเพื่อการกอสราง ไมฟนและถาน กระจูดจากปาพรุ สมุนไพรทํายา เนื้อและหนังจากสัตว ของปา ปลาและสัตวน้ําอื่นๆ ทุงหญาเลี้ยงสัตว น้ําเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ําเพื่อการขนสง แหลงเติมน้ําใตดิน ควบคุมและปองกันน้ําทวม ปองกันการพังทลายและทําใหเกิดความสมดุลของชายฝง แหลงเก็บกักตะกอน ควบคุมคุณภาพน้ํา งานวิจัยและมูลคาทางการแพทยจากพืชปา รวม
4-28
มูลคาคาดคะเน (ลานบาทตอป) 14.0 0.4 0.8 0.08 0.6 1.2 4.0 6.0 0.2 0.6 0.12 0.8 1.0 0.6 0.48 0.6 0.8 32.28
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
ขอมูลดานตนทุนของโครงการอนุรักษพนื้ ที่ชุมน้ําดังกลาว มีดังนี้ หนวย: ลานบาทตอป รายการ ภาครัฐ y คาใชจายดานการจัดการในพื้นที่ y คาใชจายในการเก็บรวบรวมและจัดการขอมูล องคกรระหวางประเทศ y คาใชจายดานการจัดการความหลากหลายของสายพันธุ y คาใชจายในการเพิ่มความสามารถของสถาบัน องคกรเอกชน y คาใชจายดานการศึกษาของชุมชน รวม
การจัดการ พื้นที่
การจัดการทรัพยากร ประมง
6
8 2
3 1 1 11
10
คํานวณมูลคาปจจุบันสุทธิของโครงการอนุรักษพื้นที่ชุมน้าํ ในชวงเวลา 20 ป กําหนดใหอัตรา คิดลด เทากับรอยละ 8 โดยมีขอมูลประกอบการวิเคราะหเพิ่มเติม คือธุรกิจการทองเที่ยวเชิงอนุรักษมี คาใชจายดานแรงงาน การจัดการสถานที่ คาขนสง และคาใชจายอื่นๆ เทากับ 6 ลานบาทตอป สมมติวาเนื่องจากนโยบายของรัฐตองการใชพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่ชุมน้ําดังกลาวมา พัฒนาเพื่อสรางทาเรือและสิ่งอํานวยความสะดวกของนักทองเที่ยว โดยมีขอมูลประกอบการวิเคราะห ดังนี้ y รายไดที่จะไดรับจากการพัฒนาเปนแหลงทองเที่ยว เทากับ 12 ลานบาทตอป y ตนทุนในการปรับสภาพพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นในปเริ่มตน เทากับ 8 ลานบาท y ตนทุนผลกระทบทางสิ่งแวดลอมที่เกิดจากการพัฒนาพื้นที่ชุมน้ํา ซึง่ เกิดขึ้นทุกปหลังจากป เริ่มตน เทากับ 6 แสนบาทตอป เปรียบเทียบมูลคาปจจุบันสุทธิของโครงการอนุรักษพื้นที่ชุมน้ํากับโครงการพัฒนาสรางทาเรือ และสิ่งอํานวยความสะดวก โดยมีขอมูลประกอบการวิเคราะห กลาวคือ อัตราคิดลด คิดเปนรอยละ 8 และอายุของโครงการเทากับ 20 ป ขอใหทานพิจารณาวาทางเลือกใดดีที่สุด เพราะเหตุใด
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา
4-29
ขอใหทานวิจารณผลจากการวิเคราะหที่ไดในขอ 2 และผลการวิเคราะหดังกลาวมีขอสมมติ อยางไรบาง Comment (1) อายุโครงการ 20 ป ซึ่งการอนุรักษสามารถมีการใชประโยชนตลอดไป (2) การตัดพื้นที่ครึ่งหนึ่งเพื่อ พัฒนา เมื่อนํามาวิเคราะหเปรียบเทียบกัน แสดงวากรณีอนุรักษเราสมมติใหมูลคาเฉลี่ยของพื้นที่เทากันทุกตารางนิ้ว ซึ่งความเปน จริงอาจไมใชเชนนั้น หากมีการพัฒนาในพื้นที่ที่มีความสําคัญอยางยิ่งตอระบบนิเวศแลว ตนทุนดานสิ่งแวดลอมในการพัฒนายอม สูงกวาที่เห็น ซึ่งเราคิดตนทุนเพียงปละ 0.6 ลานบาท (3) การคิดตนทุนดานสิ่งลอมจากการพัฒนา ใหเทากันทุกป อาจไมเปนจริง เพราะยังไมไดคํานึงถึง accumulative and spill-over effects ที่เกิดกับความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากรประมงชายฝง หรือ ผลกระทบตอคุณภาพน้ําที่จะสงผลตอไปถึงการทองเที่ยวทางน้ํา เปนตน
4-30
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 4 คูมอื การประเมินมูลคาทางเศรษฐศาสตรของพื้นที่ชมุ น้ํา