ฉบับที่ 5
คูมือการวางแผน จัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม โดย
ยงยุทธ ไตรสุรัตน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-1
5-2
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
คูมือการวางแผน จัดการพื้นที่ชมุ น้ําอยางมีสวนรวม
คูมือฉบับนี้จะนําคุณลักษณะทางนิเวศที่สําคัญของพื้นที่ ชุมน้ํา การประเมินรักษาความคงอยู และภัยคุกคามที่สงผลกระทบ ตอการรักษาคุณลักษณะทางนิเวศ และการใชประโยชนพื้นที่ชุมน้ํา อยางยั่งยืน มาใชในการวิเคราะหประเด็นปญหาและโอกาสของ การจัดการพื้นที่ชุมน้ํา ตามขั้นตอนการวางแผนยุทธศาสตร แลว กําหนดเปาหมายการอนุรักษเพื่อลดภัยคุกคาม และเพิ่มศักยภาพ ในการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา
ขั้นตอนการดําเนินการ การวางแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวมแบงออกไดเปน 3 ระยะ คือ • ระยะ 1 การจัดเตรียมผูมีสวนได-สวนเสียและรวบรวมขอมูล • ระยะ 2 การจัดทําแผนยุทธศาสตรการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา และ • ระยะ 3 การดําเนินงานตามแผนและการติดตามประเมินผล โดยทั้ง 3 ระยะจะแบงการทํางานออกเปน 5 ขั้นตอนหลักคือ • การจัดองคกรและรวบรวมขอมูล • การวิเคราะหประเด็นปญหาและกําหนดวิสัยทัศน • การจัดทํายุทธศาสตร • การกําหนดแผนปฏิบัติและดําเนินการ • การติดตามประเมินผล และการปรับแผน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-3
และแบงเปนขั้นตอนยอย ดังภาพ 1 (ในทางปฏิบัติ ทีมวางแผนหลัก อาจจะเปลี่ยนแปลงลําดับ ขั้นตอนไดตามความเหมาะสมเพื่อใหการวางแผนเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ และไดผลลัพธ ตามที่ตองการ)
ภาพ 1 การวางแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
การจัดองคกรและรวบรวมขอมูล การกําหนดบุคลากรที่เกี่ยวของ มีความสําคัญตอการจัดทําแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา ทั้งดานการวางแผนและการดําเนินงาน ตามแผน ซึ่งสามารถแบงบุคลากรออกไดเปน 3กลุม คือ คณะกรรมการพื้นที่ชุมน้ํา ทีมวางแผนหลักของ พื้นที่ชุมน้ํา และวิทยากรกระบวนการ • การจัดตั้งคณะกรรมการพื้นที่ชุมน้ํา เพื่อใหการดําเนินงานเปนที่ยอมรับและสอดคลอง กับนโยบายของสวนราชการที่เกี่ยวของกับพื้นที่ชุมน้ํา จึงอาจเปนคณะกรรมการในระดับ จังหวัด ระดับอําเภอ ระดับตําบล หรือระดับเทศบาล ขึ้นอยูกับความเหมาะสมของพื้นที่ เพื่อทําหนาที่กํากับการจัดทําแผน ใหคําแนะนําทางวิชาการและนโยบาย รวมทั้งการจัดทํา งบประมาณ คณะกรรมการฯ ชุดนี้ควรแตงตั้งโดยหัวหนาสวนราชการตามขางตน โดยมีผูที่ มีความรูความสามารถ เปนที่ยอมรับของทุกฝาย ทําหนาที่เปนประธาน และมีกรรมการจาก ผูแทนสวนราชการที่เกี่ยวของ เชน สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมจังหวัด ชลประทานจังหวัด สํานักงานจังหวัด นายอําเภอ หัวหนาพื้นที่ชุมน้ํา ผูนําชุมชน เปนตน ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ
5-4
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
รายชื่อคณะกรรมการพื้นที่ชุมน้ํา อํานาจและหนาที่ของคณะกรรมการฯ • การจั ด ตั้ ง ที ม วางแผนหลั ก ของพื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า ที ม งานวางแผนหลั ก จะถู ก คั ด เลื อ กและ แตงตั้งโดยคณะกรรมการพื้นที่ชุมน้ํา โดยประกอบดวยผูมีสวนได-สวนเสียจํานวน 15-20 คน ซึ่งเปนผูแทนหนวยงานและองคกรตางๆ เชน กลุมผูใชประโยชนพื้นที่ชุมน้ํา (กลุมผูใชน้ํา กลุมประมง กลุมอนุรักษนก เปนตน) และผูมีหนาที่รับผิดชอบการจัดการ (หัวหนาพื้นที่ชุมน้ํา อบต./อบจ. สํานักงานจังหวัด ชลประทาน สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม จังหวัด เปนตน) หลังจากนั้น จะตองประเมินความรู ความสามารถของทีมวางแผนเพื่อจัด ฝกอบรมใหความรูและสรางความตระหนักเกี่ยวกับคุณคา บทบาทและหนาที่ของพื้นที่ชุมน้ํา กระบวนการวางแผน และการทํางานเปนทีม นอกจากนี้ อาจเสนอหรือแตงตั้งคณะทํางาน ยอย หรือที่ปรึกษา เพื่อรับผิดชอบงานแตละดาน ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ การเลือกบุคลากรของทีมงานวางแผนหลักและหนาที่รับผิดชอบ การกําหนดคณะทํางานและที่ปรึกษา (ถามี) • การเลือกวิทยากรกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ วิทยากรกระบวนการจะทําหนาที่ เปน ผูแนะนํากระบวนการวางแผนและจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวของ ดังนั้นจึงควรมีความรูดาน พื้นที่ชุมน้ํา มีความเขาใจกระบวนการวางแผน แกไขปญหาความขัดแยงและมีความเปน กลาง ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ วิทยากรกระบวนการ ในการวางแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา
ภาพ 2 ตัวอยางการจัดองคกรการวางแผนพืน้ ที่ชุมน้ําหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-5
การวิเคราะหพื้นที่และกําหนดขอบเขตของพื้นที่วางแผน ทีมงานวางแผนหลักจะรวมกันกําหนดขอบเขตพื้นที่วางแผนวาอยูที่ไหน และมีขนาดเทาไหร โดยใชแนวทางการจัดการเชิงระบบนิเวศ พรอมทั้งรวบรวมขอมูลคุณลักษณะทางนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํา U การกําหนดขอบเขตพื้นที่วางแผน การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําควรมีขอบเขตคลุม ไมใชเฉพาะพื้นที่ที่ประกาศเปนแรมซาร หรือขอบเขตตามกฎหมายเทานั้น แตควร ครอบคลุมขอบเขตทางนิเวศ เชน ขอบเขตลุมน้ําที่น้ําที่ไหลลงสูพื้นที่ชุมน้ํา การกระจาย ของปลาและนกน้ํ า การใช ป ระโยชน ท รั พ ยากรในพื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า โดยสอดคล อ งกั บ การ บริ หารงาน และมี ค วามเหมาะสมในทางปฏิ บั ติ ดั ง ตั วอย า งการกํ า หนดขอบเขตพื้ น ที่ วางแผนพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย (ภาพ 3) ผลที่คาดวาจะไดรับจากในขั้นตอนนี้ คือ ขอบเขตและขนาดของพื้นที่วางแผน
พื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย มีขนาดพื้นที่ประมาณ 4 กม2 และคาบเกี่ยวตําบลปาสัก และตําบลโยนก อําเภอเชียงแสน จังหวัด เชียงราย รวมพื้นที่ประมาณ 100 กม2 ประชาชนจาก 2 ตําบล เขามาใชประโยชนพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคายเพื่อการดํารงชีพ ดังนั้น จึงกําหนดใหพื้นที่วางแผนครอบคลุมทั้ง 2 ตําบล เพื่อความเหมาะสมในการทํางาน และครอบคลุมปจจัยทางนิเวศที่เกี่ยวของ
ภาพ 3 ขอบเขตพื้นที่วางแผนพื้นทีช่ ุมน้ําหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย U การรวบรวมขอมูลคุณลักษณะทางนิเวศและการใชประโยชนพื้นที่ชุมน้ํา อนุสัญญา วาดวยพื้นที่ชุมน้ําไดจําแนกขอมูลลักษณะทางนิเวศของพื้นที่ชุมน้ําออกเปน 2 สวนหลัก และ 4 คุณลักษณะยอย • สวนที่ 1: คุณลักษณะทางนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํา ประกอบดวย 3 คุณลักษณะยอย คือ ขอมูลดานกายภาพ เชน ขอบเขตและขนาดของพื้นที่ ลักษณะภูมิประเทศ ดิน ปริมาณน้ํา ความลึก เปนตน
5-6
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
ขอมูลดานชีวภาพ เชน ชนิดพืชและสัตวที่สําคัญ สถานภาพ การกระจาย ถิ่นที่อยู อาศัย ชนิดพืชและสัตวตางถิ่น เปนตน และ ขอมูลดานฟสิกส-เคมี เชน ความเปนกรด-ดาง ความเค็ม ความโปรงแสง ปริมาณ ธาตุอาหารในน้ํา เปนตน • สวนที่ 2: สถานภาพทางกฎหมายของพื้นที่ การใชประโยชนทรัพยากรของประชาชน ภัยคุกคามตางๆ รวมทั้งนโยบาย มาตรการ และแผนงานที่เกี่ยวของกับการจัดการ พื้นที่ชุมน้ําในทุกระดับ ขอมูลทั้ง 2 สวนสามารถรวบรวมไดจากการประเมินชุมชน อยางมี สวนร วม และการประเมินคุณคาทางเศรษฐศาสตร สวนการเก็ บขอมู ล คุณลักษณะทางนิเวศในรายละเอียดบางประเด็น จะใชแนวทางการสํารวจพื้นที่ชุมน้ําใน เอเชีย รวมทั้งการจัดทําฐานขอมูล GIS ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ แผนที่แสดงขอบเขตพื้นที่วางแผน ขอมูลลักษณะทางนิเวศของพื้นที่ชุมน้ําและ พื้นที่ใกลเคียง (ดานกายภาพ ชีวภาพ และฟสิกส-เคมี) ที่จัดทําโดยระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร (GIS) หรือแผนที่กระดาษ ประเภททรั พ ยากร มู ล ค า ทางเศรษฐศาสตร และพื้ น ที่ ที่ ป ระชาชนเข า ไปใช ประโยชนในพื้นที่ชุมน้ํา นโยบาย มาตรการ และแผนงานที่เกี่ยวของ ระบบนิเวศ ชนิดพันธุพืชและสัตว ที่มีความสําคัญในกระบวนการทางนิเวศ และมี ความเปราะบาง
การวิเคราะหประเด็นปญหา และกําหนดวิสัยทัศน การวิเคราะหประเด็นปญหาและสาเหตุ ทีมวางแผนหลักจะรวมกันวิเคราะหประเด็นปญหาหรือภัยคุกคามที่รายแรง สาเหตุทั้งทางตรง และทางอ อ มที่ จ ะมีผ ลกระทบตอ ความสมบูร ณ ข องคุ ณ ลัก ษณะทางนิเ วศของพื้ นที่ ชุ ม น้ํา และการใช ประโยชนอยางยั่งยืน และใครเปนผูมีสวนได-สวนเสีย ประเด็นปญหาในเบื้องตนที่ไดรับจากการประเมินชุมชนอยางมีสวนรวม เชน จํานวนปลาลดลง ปริมาณไมเพียงพอกับความตองการ หรือจํานวนนกน้ําลดลง จะถูกนํามาจัดลําดับความเรงดวนในการ แกไขปญหาตอไป โดยมีการวิเคราะห 2 ขั้นตอน คือ การวิเคราะหแรงกดดัน และการวิเคราะหสาเหตุ ของแรงกดดัน การวิเคราะหแรงกดดันที่มีผลกระทบตอระบบนิเวศชุมน้ํา แรงกดดัน คือ สิ่งรบกวนที่มีผลตอการทําลาย ทําใหเลวลง หรือทําใหเสียหายตอคุณลักษณะ ทางนิเวศ ซึ่งเกิดจากการกระทําของมนุษย ไมวาจะเปนโดยทางตรงหรือทางออม ผลกระทบที่เกิดจาก ภัยคุกคาม หรืออาการของคุณลักษณะทางนิเวศที่มีสถานภาพเสื่อมโทรมลง หรือมีโอกาสเสื่อมโทรมใน อนาคต (10 ป) สวนใหญสามารถสังเกตไดเชน ถิ่นที่อยูอาศัยของนกน้ําถูกคุกคาม ปริมาณปลาในทะเลสาบ มีจํานวนลดลง และคุณภาพน้ํามีแนวโนมลดต่ํากวามาตรฐานน้ําใช เปนตน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-7
The Nature Conservancy (TNC) ไดเสนอเกณฑ ในการการลําดับความสําคัญของแรงกดดัน หรืออาการ สําหรับการวางแผนอนุรักษ 2 เกณฑ คือ สัดสวนที่ถูกคุกคาม และ ระดับความรุนแรง ที่มีผล ตอเปาหมายการอนุรักษ หรือคุณลักษณะทางนิเวศ ดังนี้ สัดสวนที่ถูกคุกคาม : บอกขนาดหรือสัดสวนของพื้นที่ทั้งหมดของพื้นที่วางแผน หรือ คุณลักษณะทางนิเวศที่ไดรับผลกระทบจากภัยคุกคามภายในระยะเวลา 10 ป แบงออกเปน 4 ระดับ ดังนี้ • อยางมาก: เกิดทั้งพื้นที่ที่ปรากฏของคุณลักษณะทางนิเวศ (>90%) • มาก: พบทั่วไป ที่ปรากฏของคุณลักษณะทางนิเวศ (50-90%) • ปานกลาง: พบบางพื้นที่ ที่ปรากฏของคุณลักษณะทางนิเวศ (10-50%) • นอย: พบนอยมากที่ปรากฏของคุณลักษณะทางนิเวศ (<10%) ระดั บ ความรุ น แรง : บอกระดั บ ความรุ น แรงที่ มี ผ ลกระทบต อ คุ ณ ลั ก ษณะทางนิ เ วศ ใน ระยะเวลา 10 ป ในสถานการณปจจุบัน แบงออกไดเปน 4 ระดับ คือ • อยางมาก: ทําลายหรือขจัดคุณลักษณะทางนิเวศ ทั้งหมด (> 75%) • มาก: คุณลักษณะทางนิเวศ ไดรับผลกระทบมาก (50-75%) • ปานกลาง: คุณลักษณะทางนิเวศ ไดรับผลกระทบบางสวน (25-50%) • นอย: คุณลักษณะทางนิเวศ ไดรับผลกระทบเล็กนอย (<25%) ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ ภัยคุกคามหรือประเด็นปญหาที่สําคัญ ที่มีผลตอระบบนิเวศพื้นที่ชุมน้ํา การระบุและจัดลําดับสาเหตุของภัยคุกคามที่มีผลกระทบตอระบบนิเวศชุมน้ํา สาเหตุหรือแหลงของภัยคุกคามคือ สาเหตุโดยตรงของภัยคุกคามที่มีผลกระทบตอระบบนิเวศ พื้นที่ชุมน้ํา ในการดําเนินการใหทําตนไมปญหา โดยหยิบปญหาเพียงปญหาเดียวมาเปนตัวตั้ง แลว วิเคราะหหาสาเหตุ เชน ความเสื่อมโทรมของถิ่นที่อยูอาศัยของนกน้ํา อาจมีสาเหตุมาจากการเลี้ยงควาย การทองเที่ยว และการยึดครองของพืชตางถิ่น แลวจัดลําดับของสาเหตุของภัยคุกคาม โดยใชสาเหตุที่ สําคัญ จากการวิเคราะหพบวา การเลี้ยงควาย เปนสาเหตุที่สําคัญที่สุด เปนตน ปจจัยหรือเกณฑที่ใช ประกอบดวย สัดสวนที่มีตอภัยคุกคาม และความสามารถในการฟนฟู ดังนี้ สัดสวน: สัดสวนของสาเหตุที่วิเคราะหเทียบกับสาเหตุทั้งหมดของภัยคุกคามที่มีผลตอพื้นที่ วางแผนหรือคุณลักษณะทางนิเวศ ภายในระยะเวลา 10 ป แบงออกเปน 4 ระดับ คือ • อยางมาก: มีสัดสวนมากกวา 75% ของสาเหตุทั้งหมด • มาก: มีสัดสวน 50-75% ของสาเหตุทั้งหมด • ปานกลาง: มีสัดสวน 50-75% ของสาเหตุทั้งหมด • นอย: มีสัดสวนนอยกวา 25% ของสาเหตุทั้งหมด ความสามารถฟนคื นได : ความสามารถหรือ ไมสามารถในการฟ นคืนสภาพได หาก คุณลักษณะทางนิเวศถูกทําลาย จากผลกระทบที่เกิดขึ้นขางตน ซึ่งปกติจะประเมินจากความยากงายของ วิธีการที่จะใชในการฟนฟู และคาใชจายในการฟนฟู แบงออกเปน 4 ระดับ คือ
5-8
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
• • • •
ยากมากที่สุด: ถูกทําลายถาวรไมสามารถปรับปรุงฟนฟูได ยากมาก: ผลกระทบที่ไดรับสามารถฟนฟูได แตดําเนินการไดยาก ปานกลาง: สามารถฟนฟูได ถามีงบประมาณเพียงพอในการดําเนินงาน งาย: สามารถฟนฟูไดงาย และใชงบประมาณนอย
ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ สาเหตุของภัยคุกคาม ที่มีผลตอลักษณะทางนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํา
ตัวอยางการประเมินภัยคุกคามตอคุณลักษณะทางนิเวศที่สําคัญ ในพื้นที่ชุมน้ําแหงหนึ่ง มีคุณลักษณะทางนิเวศที่สําคัญ 4 ดาน คือ น้ําผิวดิน พืชน้ํา ปลา และ นกน้ํา แตจากการวิเคราะหภัยคุกคามโดยพิจารณาจากแรงกดดัน และสาเหตุของแรงกดดัน พบวา การบุกรุกของพืชตางถิ่น (ไมยราบยักษ) เปนภัยคุกคามมากตอพืชน้ําธรรมชาติ มีผลปานกลางตอ ปลาและนกน้ํา และมีผลกระทบนอยตอคุณภาพและปริมาณน้ําผิวดิน และในภาพรวมพบวาเปนภัย คุกคามระดับปานกลาง ภัยคุกคามที่สําคัญของน้ําผิวดิน คือ การใชสารเคมีในสวนผลไม พืชไร การ ปลอยน้ําทิ้ง การทับถมของตะกอน และการระบายน้ําออกจากพื้นที่ชุมน้ํา เพื่อใชในการเพาะปลูก และ ในภาพรวมพบวากําลังถูกคุกคามอยางมาก และมีผลตอความบริบูรณในระยะยาว ภัยคุกคาม การบุกรุกของพืชตางถิ่น การจับปลามากเกินไป การใชสารเคมีในสวนผลไม ไร การปลอยน้ําทิ้งจากชุมชน และรีสอรท การทับถมของตะกอน การเลี้ยงสัตว การระบายน้ําเพื่อการเกษตร การบุกรุกพื้นที่ทะเลสาบ การขาดความเชื่อมโยงของแหลงน้ํา ภาพรวมการถูกคุกคาม
น้ําผิวดิน
พืชน้ํา
ปลา
นกน้ํา
นอย มาก ปานกลาง ปานกลาง นอย ปานกลาง นอย มาก นอย ปานกลาง นอย มาก มาก มาก ปานกลาง มาก นอย นอย ปานกลาง ปานกลาง ปานกลาง มาก มาก ปานกลาง มาก ปานกลาง มาก ปานกลาง มาก ปานกลาง มาก ปานกลาง ปานกลาง ปานกลาง
ระดับของภัย คุกคามโดยรวม ปานกลาง นอย ปานกลาง มาก ปานกลาง ปานกลาง มาก มาก ปานกลาง ปานกลาง
ประเมินสถานการณ เปนการวิเคราะหความเชื่อมโยงระหวาง ภัยคุกคามทางออม ที่มีผลทั้งดานลบและดานบวก ตอ สาเหตุและแรงกดดันตอคุณลักษณะทางนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํา หรือการใชประโยชนทรัพยากร การ ประเมินสถานการณทําไดโดยการเขียนแผนภูมิแสดงความเชื่อมโยงของระบบนิเวศ ภัยคุกคาม สาเหตุ และปจจัยที่เกี่ยวของ ดังกรณีศึกษาหนองบงคาย ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ • แผนภูมิแสดงความสัมพันธระหวาง คุณลักษณะทางนิเวศ ภัยคุกคามรายแรง สาเหตุ และ ปจจัยคุกคามทางออมและโอกาส ที่เกี่ยวของ
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-9
จากแผนภูมิขางตน พบวาภัยคุกคามตอถิ่นที่อยูอาศัยของนกน้ํา ปลา และความบริบูรณของพื้นที่ชุมน้ํา ประกอบดวย y การบุกรุกพื้นที่ทะเลสาบหนองบงคาย เนื่องจากความตองการในการซื้อขายที่ดิน และความไมชัดเจนของแนวเขตหามลาสัตวปา ที่มีการเปลี่ยนแปลงระหวางฤดูฝนและฤดูแลง และการขาดจิตสํานึกของประชาชนในการใชชองวางของกฎหมาย y การรุกรานของพืชและสัตวตางถิ่นในทะเลสาบ เชน การระบาดไมยราบยักษ เปนตน และ y การจับปลามากเกินไปและ การรบกวนพื้นที่วางไขโดยชาวประมง เปนตน
ภาพ 4 แผนภูมิแสดงการวิเคราะหสถานการณ พืน้ ที่ชุมน้าํ หนองบงคาย
การกําหนดวิสัยทัศนของพื้นที่ชุมน้ํา วิสัยทัศน หมายถึง ขอความสรุปที่บงบอกสิ่งที่ตองการในอนาคต (10-20 ป) ที่ทีมวางแผนหลัก และสาธารณชนเห็นรวมกัน วาตองการใหระบบนิเวศพื้นที่ชุมน้ํามีสถานภาพอยางไร หรือรูปแบบการใช ประโยชนและการจัดการทรัพยากรในพื้นที่ชุมน้ําเปนอยางไร การกําหนดวิสัยทัศน ทีมวางแผนอาจใช กระบวนการพลังสรางสรรคหรือ AIC หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสม และพิจารณาปจจัยภายในและปจจัย ภายนอกที่เกี่ยวของ ดังนี้ • ปจจัยคุณลักษณะทางนิเวศและศักยภาพของพื้นที่ชุมน้ํา เชน พืชพรรณ สัตว และน้ํา • ปจจัยผลกระทบจากกิจกรรมมนุษยภายในและภายนอกพื้นที่ เชน การนําพืชหรือสัตวตาง ถิ่นเขามาในพื้นที่ การใชประโยชนทรัพยากร การเปลี่ยนแปลงทางน้ํา การใชประโยชนที่ดิน บริเวณตนน้ํา เปนตน • ปจจัยสิ่งแวดลอมภายนอกใน เชน การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงระดับน้ํา การแพรกระจายของโรคระบาด เปนตน • นโยบาย กฎหมาย และแนวโนมการพัฒนาดานเศรษฐกิจและสังคมทั้งในและนอกพื้นที่ • ประเด็นปญหาความขัดแยงในพื้นที่ระหวางผูมีสวนได-สวนเสีย เจาหนาที่กับราษฎร • ศักยภาพขององคกรในทุกระดับ เจาหนาที่ และระดับการมีสวนรวมของผูมีสวนได-สวนเสีย ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ • ถอยความระบุถึงวิสัยทัศนของพื้นที่ชุมน้ํา
5-10
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
กระบวนการพลังสรางสรรค (AIC) A (appreciation): ใหผูมีสวนได-สวนเสีย แตละคนแสดงความคิดเห็นหรือความมุงหวังอยาง อิสระ (ไมมีการคัดคาน หรือโตแยง) โดยอาจใชการพูด การเขียน หรือการเลา I (interaction): วิทยากรกระบวนการ ประมวนความคิด และความมุงหวังที่คลายกันเขาดวยกัน การใหเหตุผล ความเปนไปได และความเหมาะสม โดยพิจารณาจากศักยภาพของพื้นที่ ขอมูลที่เชื่อถือ ได เปนตน C (consensus or control): การหาขอสรุปความมุงหวังหรือความตองการของผูมีสวนได-สวน เสีย โดยการใชฉันทามติ หรือความเห็นพองเหมือนกัน ไมใชการโหวตลงคะแนน ตัวอยางวิสัยทัศนพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย “หนองบงคาย มีนกหลากหลาย ฝูงปลามากมาย น้ําใสบริสุทธิ์ เพิ่มพูนปาไมเขียวขจี เปนที่ทองเที่ยว เชิงอนุรักษ พิทักษสิ่งแวดลอม ประชาพรอมรัฐรวมรักสามัคคี พัฒนาฟนฟู นําสูการใชประโยชนอยาง ชาญฉลาดและยั่งยืน”
การจัดทํายุทธศาสตรพื้นที่ชุมน้ํา การกําหนดเปาประสงค วัตถุประสงค และแนวทางการดําเนินงาน ทีมวางแผนหลักโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพื้นที่ชุมน้ํา จะรวมกันกําหนดเปาประสงค วัตถุประสงคที่อธิบายถึงจุดมุงหมายหรือความสําเร็จ พรอมทั้งการจัดทําแนวทางการจัดการที่เหมาะสม เพื่อลดภัยคุกคาม และเสริมสรางประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา และสงเสริมการใชประโยชนที่ ยั่งยืน โดยมีรายละเอียด ดังนี้ การกําหนดเปาประสงค เป า ประสงค คื อ ถ อ ยความที่ บ ง บอกถึ ง ความต อ งการอย า งกว า งๆ ในระยะยาวเกี่ ย วกั บ คุณลักษณะทางนิเวศของพื้นที่ชุมน้ํา หรือการใชประโยชนทรัพยากร คุณลักษณะของเปาประสงคที่ดี มี ดังนี้ • เปนถอยความที่บงบอกถึงความมุงหวัง โดยทั่วไปครอบคลุมทั้งพื้นที่ศึกษา • เปนนามธรรม ไมสามารถตรวจวัดได ไมมีเวลากําหนด • มีความสัมพันธกับประเด็นปญหาและโอกาส และวิสัยทัศน ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอน คือ • เปาประสงคที่ตองตอบสนองหรือครอบคลุมทุกภัยคุกคาม หรืออาการ ที่มีผลตอคุณลักษณะ ทางนิเวศ หรือการจัดการที่ไดคัดเลือกไว
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-11
คําแนะนําการเขียนถอยความเปาประสงค คําที่มักใชในการเขียนเปาประสงค y เพื่อเพิ่ม... y เพื่อเสริมสรางสมรรถนะ y เพื่อใหมีปริมาณเพียงพอ... y เพือ่ รักษา... ตัวอยางเปาประสงคของพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย y เพื่อใหมีปริมาณน้ําเพียงพอตอความตองตองการของประชาชนใน 2 ตําบล ตามสมรรถนะของ พื้นที่ชุมน้ํา y เพื่อรักษาคุณภาพน้ําในทะเลสาบใหสูงกวามาตรฐานของน้ําใชสอยในครัวเรือนของประเทศไทย และการดํารงชีพของสิ่งมีชีวิตในน้ํา การกําหนดวัตถุประสงคที่อธิบายผลสําเร็จ วัตถุประสงค คือ ถอยคําเฉพาะที่สามารถวัดผลของสิ่งที่เราตองการได สามารถบงบอกความ กาวหนาของการดําเนินงานของโครงการ โดยทั่วไปวัตถุประสงคเปนถอยความที่บองบอกความตองการลด สาเหตุของภัยคุกคาม หรือฟนฟูคุณลักษณะทางนิเวศที่เสื่อมโทรม วัตถุประสงคที่ดีตองมีคุณลักษณะ ดังนี้ มีผลกระทบโดยรวม มีความกระชับและชัดเจน มีลักษณะเปนรูปธรรม สามารถตรวจวัดได (จํานวน พื้นที่ หรือระยะเวลา) ที่ระบุความตองการใชทรัพยากรหรือสภาพที่ตองการ ปฏิบัติไดจริงและนาเชื่อถือ คําแนะนําการเขียนวัตถุประสงค คําที่มักใชในการเขียนวัตถุประสงค • คํากริยา ทรัพยากรหรือการใชประโยชนทรัพยากร ณ สถานที่ใด และ/หรือเวลาใด ตัวอยางวัตถุประสงคของพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย y เพิ่มประสิทธิภาพการใชน้ําและสรางเครือขายผูใชน้ําภายในป พ.ศ. 2552 y ลดปริมาณการใชสารเคมีในพื้นที่เกษตร สิ่งปฏิกูล น้ําเสียจากแหลงชุมชน ฟารมเลี้ยงสัตว อยางนอย 20% ภายใน...ป ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอน คือ • วั ต ถุ ป ระสงค ที่ ดี ต อ งตอบสนองหรื อ ครอบคลุ ม ทุ ก ภั ย คุ ก คามและความเสื่ อ มโทรมของ คุณลักษณะทางนิเวศ ที่ไดคัดเลือกไว • ครอบคลุมปจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวกับความสําเร็จของการวางแผนการจัดการดวย
5-12
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
กําหนดกรอบยุทธศาสตร หรือแนวทางการจัดการ กรอบยุทธศาสตรการดําเนินงาน หรือแนวทางการจัดการ คือ การดําเนินงานที่หนวยงานหรือ บุคคลที่เกี่ยวของจะนําไปปฏิบัติงานไดอยางมีประสิทธิภาพ เพื่อใหบรรลุตามวัตถุประสงคที่ไดกําหนดไว แนวทางการจัดการที่ดีควรมีคุณลักษณะดังนี้ คือ มีความสอดคลองกับวัตถุประสงคใดวัตถุประสงคหนึ่ง มีความชัดเจนในทางปฏิบัติ มีความเปนไปไดในการดําเนินงานและใชจายเงินนอยที่สุด และมีความ เหมาะสมกับลักษณะทางสังคมและสิ่งแวดลอม ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอนนี้ คือ • กรอบยุทธศาสตรหรือแนวทางการจัดการอยางนอยหนึ่งแนวทาง สําหรับแตละวัตถุประสงค ของการอนุรักษ ตาราง 1 ความสัมพันธระหวางประเด็นปญหา เปาประสงค และวัตถุประสงค อาการ สาเหตุ ปริมาณน้ําในทะเลสาบไมเพียงพอ ตอความตองการของประชาชน
• ระบบการจัดการน้ําไม เหมาะสม • ปริมาณน้ําจํานวนมากสูญเสีย จากการรั่วซึม
การดําเนินงาน
•
จัดตั้งคณะทํางานบริหารการ ใชน้ํา และทําขอตกลงระหวาง กลุมผูใชน้ํา • จัดสรางระบบชลประทาน เชื่อมโยงเหมืองฝาย เปาประสงค วัตถุประสงค • ศึกษาความเปนไปไดในการ เพิ่มปริมาณน้ําในทะเลสาบ • เพื่อใหมีปริมาณน้ําเพียงพอตอ • เพิ่มประสิทธิภาพการใชน้ําและ ตามสมรรถนะ ความตองตองการของ สรางเครือขายผูใชน้ํา ประชาชน
การแกไขปญหาความขัดแยงและการกําหนดเขตการจัดการ พื้นที่ชุมน้ําและพื้นที่ใกลเคียงโดยมากจะมีประชาชนและผูมีสวนได-สวนเสียเขามาใชประโยชน ทรัพยากร และมีหลายหนวยงานเขามาจัดการพื้นที่ ซึ่งมีวัตถุประสงคที่แตกตางกัน และมักมีความ ขัดแยงในการใชประโยชนและเปาหมายการจัดการ ในขั้นตอนนี้ทีมวางแผนจะรับฟงความคิดเห็นจาก ประชาชนและผูมีสวนได-สวนเสีย เพื่อแกไขปญหาความขัดแยงในการใชประโยชนทรัพยากร และ กําหนดเขตการจัดการที่เหมาะสม การเจรจาแกไขปญหาความขัดแยงและการตัดสินใจ การแกไขปญหาความขัดแยง แบงออกได 4 วิธี คือ • การใชคนกลางที่มีอํานาจตัดสินใจ เชน การใชกระบวนการทางศาล อนุญาโตตุลาการหรือ การตัดสินใจแบบไตรภาคี • การใชคนกลางที่ไมมีอํานาจตัดสินใจ เชน การอํานวยความสะดวกการประชุมและจัดหา วิทยากรกระบวนการ การคนหาความจริงโดยนําขอมูลตางๆ ที่ไดรวบรวมขางตนมาใช ประโยชน หรืออาจเก็บขอมูลเพิ่มเติมในบางประเด็น การไกลเกลี่ยประนีประนอม และการ สมานฉันท
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-13
• การแกไขปญหาความขัดแยงกันเอง เชน การเจรจาตอรองโดยสันติวิธี การไมเขาไปยุงเกี่ยว การเก็บกด และการใชกําลังความรุนแรง • การมีสวนรวมของผูมีสวนได-สวนเสีย ในการวางแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม แนะนําใหใชวิธีที่ 2-4 ตามความเหมาะสม ของแตละประเด็นปญหา และการเจรจาแกไขปญหาความขัดแยงควรมีเปาหมายหลักเพื่อรักษาความ สมบูรณของระบบนิเวศพื้นที่ชุมน้ํา และการใชประโยชนอยางยั่งยืน หลังจากที่ไดผลการเจรจาแกไข ความขัดแยง ควรทําขอตกลงระหวางผูมีสวนได-สวนเสีย ไวเปนหลักฐาน ผลที่คาดวาจะไดรับใน ขั้นตอน คือ • ขอตกลงระหวางผูมีสวนได-สวนเสีย ในการใชประโยชนทรัพยากรที่เปนขอขัดแยง • แนวทางดําเนิ นการ ในการลดปญ หาความขั ดแยง หรื อภั ยคุ กคาม เชน ทางเลื อ กในใช ทรัพยากรที่เหมาะสม เปนตน ตัวอยางการเจรจาแกไขปญหาความขัดแยงพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย ในพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย ชาวบานจากตําบลปาสัก ซึ่งอาศัยอยูเหนือน้ํา มีอาชีพหลักในการจับปลา และทําไร ต องการรัก ษาน้ําในทะเลสาบเพื่อเปนแหลงจับปลา แตป ระชาชนตําบลโยนก ที่อาศัยอยูท ายน้ํา ตองการน้ําเพื่อทําการเกษตร โครงการ MPW ไดจัดใชวิธีการอํานวยความสะดวกในการจัดประชุมระหวาง ชาวบานทั้ง 2 ตําบล แลวเชิญผูแทนจากชลประทานจังหวัด และหัวหนาเขตฯ มาเขารวมประชุมใหขอมูล และ ดําเนินการเก็บขอมูลเพิ่มเติมในบางประเด็น จากนั้นก็เปดใหมีการเจรจาแกไขปญหาความขัดแยงโดยสันติวิธี ผลจากการเจรจา สรุป วาประชาชนทั้ง 2 ตําบล จะรวมกัน จัด การปริม าณน้ําในเขื่ อนใหเหมาะสมกั บความ ตองการของทั้ง 2 ฝาย และรวมกันทําขอตกลงการจัดสรรน้ํา สวนชลประทานจังหวัดรวมกับเขตหามลาฯ และ จะปรับปรุงระบบชลประทานที่มีสภาพทรุดโทรม เพื่อใหสามารถกักเก็บและเพิ่มปริมาณน้ําเพียงพอกับความ ตองการ แตไมสงผลกระทบตอระบบนิเวศของพื้นที่ชุมน้ําโดยรวม
การแบงเขตการจัดการ เขตการจัดการเปรียบเหมือนกรอบแนวทางการจัดการ หรือแบงพื้นที่ตามความตองการการใช ประโยชนทรัพยากรอยางกวางๆ ตามศักยภาพของพื้นที่ และเปนเครื่องมือในการแกไขปญหาความขัดแยง อนุสัญญาแรมซารแนะนําใหแบงเขตการจัดการเปน 3 เขต ตามแนวทางของการจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑล (Man and Biosphere Reserve: MAB) ประกอบดวย • เขตแกนกลาง (core zone) เปนพื้นที่ที่มีระบบนิเวศพื้นที่ชุมน้ําที่เปราะบาง เปนที่อยูอาศัย และเปนที่ผสมพันธุ วางไข ของนกและปลาที่หายาก • เขตกันชน (buffer zone) เปนพื้นที่ที่อยูรอบเขตแกนกลาง อนุญาตใหมีการใชประโยชน ทางออม หรือมีความสอดคลองกับการอนุรักษคุณลักษณะที่สําคัญของพื้นที่ชุมน้ํา เชน การ ทองเที่ยว การศึกษา วิจัย การจับปลาในบางฤดูกาล เปนตน และอาจแบงเปนเขตยอยหาก จําเปน
5-14
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
• เขตรอบนอก (transition zone) เปนพื้นที่ที่เหลือในบริเวณพื้นที่วางแผน มีการใชประโยชน ที่ ห ลากหลาย หรื อ การใช ป ระโยชน อ ย า งเอนกประสงค เช น เป น ที่ อ ยู อ าศั ย พื้ น ที่ เกษตรกรรม เปนตน แตอยางไรก็ตาม การแบงเขตการจัดการควรพิจารณา รูปแบบการใชประโยชนที่ดิน หรือการ แบ ง เขตการใช ที่ ดิน ในปจ จุ บั น เช น การแบ ง ผั ง เมื อ ง ของกรมโยธาธิ การและผั ง เมื อ ง ทั้ ง นี้ เพื่ อ ให สอดคลองกับมาตรการทางกฎหมาย และมีความเปนไปไดในทางในทางปฏิบัติ ผลที่คาดวาจะไดรับใน ขั้นตอน คือ • คําอธิบาย และแผนที่เขตการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา ที่ครอบคลุมพื้นที่วางแผนทั้งหมด รวมทั้ง ขอบเขตของแรมซาร และแสดงตําแหนงที่สําคัญ • ขนาดพื้นที่ของแตละเขตการจัดการ และกิจกรรมในที่เหมาะสม และเหมาะสมในแตละเขต ตัวอยางเขตการจัดการพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย
ทีมวางแผนหลักมีมติใหแบงเขตการจัดการพื้นที่ชุมน้ําหนองบงกาย เปน 3 เขตหลัก และ 8 เขตยอย ดังนี้ • เขตปองกันและรักษาพื้นที่ชุมน้ํา แบงออกเปน 3 เขตยอย คือ - เขตหวงหาม - เขตอนุรักษนกน้ําพิเศษ - เขตอนุรักษแหลงน้ํา • เขตใชประโยชนเชิงอนุรักษ แบงออกเปน 2 เขตยอย คือ - เขตเกษตรพัฒนาเชิงอนุรักษ - เขตบริการและนันทนาการ • เขตใชประโยชนเอนกประสงค ตามมาตรการผังเมือง จังหวัดเชียงราย แบงออกเปน 3 เขตยอย คือ - เขตรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอมแหลงน้ําและการประมง - เขตชนบทและเกษตรกรรม - เขตที่อยูอาศัยไมหนาแนน
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-15
การนําแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ําไปปฏิบัติ หลังจากที่ทีมวางแผนหลักไดจัดทําแผนยุทธศาสตรเสร็จเรียบรอย และประชุมขอความเห็นชอบ จากคณะกรรมการพื้นที่ชุมน้ําแลว ก็จะเปนการแปลงแผนไปสูการปฏิบัติ โดยการจัดทําแผนปฏิบัติการ ประกอบดวย โครงการ หนวยงานที่รับผิดชอบ และวงเงินงบประมาณ กําหนดแผนปฏิบัติงาน แผนปฏิบัติการจะเปนชวงๆ ละ 5 ป จะมีรายละเอียดประกอบดวย แนวคิดโครงการ (กิจกรรมยอย) ของแตละแนวทางการจัดการหรือกรอบยุทธศาสตร กรอบงบประมาณ และหนวยงานหรือผูรับผิดชอบ (เสนองบประมาณ) ที่เหมาะสม รวมทั้งระบุสถานที่และระยะเวลาในการดําเนินการดวย ผลที่คาดวาจะ ไดรับในขั้นตอนนี้ คือแผนปฏิบัติการ ประกอบดวยแนวคิดโครงการ และหนวยงานที่รับผิดชอบ • คณะทํางานกลั่นกรองขอเสนอโครงการ และงบประมาณ • การประมาณคาใชจายของโครงการ และระยะเวลา ตัวอยางเกณฑที่ใชในการพิจารณาแหลงงบประมาณ องคกรปกครองสวนทองถิ่น (อบต. อบจ. และเทศบาล) • โครงการขนาดเล็กใชงบประมาณไมมาก • ดําเนินงานในขอบเขตพื้นที่ขนาดเล็ก • สงผลกระทบตอคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดลอมในชุมชน หนวยงานในระดับจังหวัด • เปนโครงการขนาดใหญใชงบประมาณมาก • สงผลกระทบตอพื้นที่บริเวณกวาง หนวยงานในสวนกลาง • โครงการที่เกี่ยวของกับกฎหมาย เชน การปรับปรุงแนวเขต • ตองการผูเชี่ยวชาญในการศึกษาวิจัย การกลั่นกรองคําของบประมาณ ควรจัดตั้งคณะทํางานกลั่นกรองขอเสนอโครงการ และงบประมาณ ประกอบดวยกลุมบุคคล ประมาณ 8-10 คน จากพื้นที่ชุมน้ํา องคกรทองถิ่น หนวยงานที่รับผิดชอบ สํานักงานจังหวัด พรอมทั้ง ประเมิ นศั ก ยภาพของคณะทํ างานฯ และจัด ฝ ก อบรมเสริ มสร างศั กยภาพ เช น การกลั่น กรองคํา ขอ งบประมาณ ระเบียบที่เกี่ยวของ และการประเมินผลโครงการ เปนตน (ถาจําเปน) โดยกรรมการบางทาน ควรมากจากทีมวางแผนหลักเพื่อใหเกิดความเชื่อมโยง ผลที่คาดวาจะไดรับ ในขั้นตอน คือ • สรุปศักยภาพของโครงการฯ • ความตองการในการเสริมสรางประสิทธิภาพของโครงการ เชน หลักสูตรการฝกอบรม เปนตน (ถามี)
5-16
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
การติดตามประเมินผล และการปรับปรุงแผนการจัดการ การติดตามประเมินผล การติดตามประเมินผล หรือตรวจวัดความสําเร็จของแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา สามารถ ดําเนินการไดใน 3 ระดับคือ • ความกาวหนาของโครงการ • สถานภาพของวัตถุประสงค และ • ผลกระทบของแผนฯ ตอคุณลักษณะทางนิเวศและทัศนคติของประชาชนตอพื้นที่ชุมน้ํา โดย มีขั้นตอนการดําเนินการ ดังนี้ กําหนดตัวชี้วัดที่จะใชในการตรวจวัดความสําเร็จ ตัวชี้วัด คือ สิ่งที่ใชวัดการเปลี่ยนแปลงของคุณลักษณะที่สําคัญทางนิเวศวิทยา ระดับของภัย คุกคาม และความกาวหนาหรือสถานภาพของวัตถุประสงค ดังนั้น ในแตละวัตถุประสงคตองมีตัวชี้วัด อยางนอยหนึ่งตัวชี้วัด ที่สามารถบอกถึงประสิทธิภาพของยุทธศาสตรที่กําลังดําเนินงาน ลักษณะของ ตัวชี้วัดมีดังนี้ • สามารถตรวจวัดขนาดได และมีความชัดเจน • ไวตอการเปลี่ยนแปลง และสามารถหาขอมูลได เชน จํานวนตัวที่พบในแตละชวงเวลา ขนาดพื้นที่ระบบนิเวศ การกระจายของชนิดพืชและสัตวที่สําคัญ คาความเปนกรด-ดางของ แหลงน้ํา อัตราการเกิด โครงสรางอายุ เปนตน • บงบอกคุณคาทางเศรษฐกิจ เชน รายไดตอครัวเรือนเพิ่มขึ้นเทาไร ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอน คือ • ตัวชี้วัดที่เหมาะสม ในการติดตามวัตถุประสงคหรือแนวทางการจัดการ • ตัวชี้วัดที่จะใชในการประเมินสถานภาพของภัยคุกคาม กําหนดวิธีการที่จะใชติดตามตัวชี้วัด วิธีการ หมายถึง วิธีการเฉพาะที่ใชในการเก็บขอมูลและตรวจวัดตัวชี้วัด ทีมวางแผนฯ ควรจะ เลือกวิธีการที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพ สามารถหาขอมูลและเชื่อถือได และผูมีสวนได-สวนเสีย ควรมี สวนรวมในการติดตามประเมินผล ผลที่คาดวาจะไดรับในขั้นตอน คือ • คําอธิบายอยางยอๆ วิธีการที่ใชในการเก็บขอมูลของแตละตัวชี้วัด
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
5-17
ตัวอยางการกําหนดวิธีการวัดและติดตามผล กรณีศึกษาพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย วัตถุประสงค ประเภทตัวชี้วัด ตัวชี้วัด วิธีการเก็บขอมูล • การจัดการ • จํานวนเครือขายผูใชน้ํา ใชขอมูลบันทึกการประชุมกลุม • เพิ่มประสิทธิภาพการ สังเกตโดยตรงโดยอาสาสมัครใน ใชน้ําและสรางเครือขายผูใช • คุณลักษณะที่ • ระดับน้ําในเขื่อน หนาแลง สําคัญ น้ํา ระดับความเปนกรด-ดาง (pH) ใชขอมูลบันทึกคุณภาพน้ํา โดย • ลดปริมาณการใชสารเคมีใน • ภัยคุกคาม เจาหนาที่หรืออาสาสมัคร พื้นที่เกษตร สิ่งปฏิกูล
การวิเคราะหผลการติดตามผล และปรับปรุงแผน
ผลที่ไดจากการติดตามประเมินผล จะนํามาประมวลผลอยางเปนระบบ เพื่อนําทบทวนและ ปรับแกเปาหมายและวัตถุ ประสงค พรอมทั้งจัดทําเอกสารเกี่ยวกับบทเรียน ประสบการณที่ไดรับ เพื่อ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดําเนินงาน • วิเคราะหผลการดําเนินงานและขอมูลที่ไดจากการติดตามประเมินผล ทีมวางแผนฯ จะนําผลการประเมินผลและขอสังเกต มาวิเคราะหขอมูลโดยใชวิธีการสถิติหรือการบรรยาย เพื่อเพิ่มความเขาใจกับแผนฯ และสามารถปฏิบัติงานในอนาคตใหดีขึ้น ผลที่คาดวาจะ ไดรับในขั้นตอน คือ วิธีการและกําหนดเวลาที่เหมาะสมในการวิเคราะหขอมูล • การปรับแกวัตถุประสงค กรอบยุทธศาสตร กิจกรรม นําผลการประเมินและบทเรียนที่ ไดรับจาการวิเคราะหขอมูล มาใชในการปรับปรุงแผนการจัดการ ผลที่คาดวาจะไดรับใน ขั้นตอน คือ ปรับปรุงการวิเคราะหพื้นที่ และภัยคุกคามใหมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น การปรับแกวัตถุประสงค กรอบยุทธศาสตร กิจกรรมและแผนการติดตามประเมินผลให เหมาะสมยิ่งขึ้น
ขอควรทราบ
คูมือฉบับนี้ ไดจัดทําขึ้นภายใตสมติฐานการมีสวนรวมของผูมีสวนได-สวนเสีย ทีมวางแผนมีการ ทํางานเปนทีม มีเก็บขอมูลคุณลักษณะทางนิเวศและการใชประโยชนทรัพยากรโดยการประเมินชุมชน อยางมีสวนรวม ซึ่งเปนระยะที่ 1 การจัดเตรียมผูมีสวนได-สวนเสียและรวบรวมขอมูล อาจใชเวลา 6-12 เดือน ขึ้นอยูกับขนาดและความซับซอนของพื้นที่ชุมน้ํา กอนที่จะเขาสูระยะ 2 คือการจัดทําแผน ยุทธศาสตรการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา และระยะ 3 คือ การดําเนินงานตามแผนและการติดตามประเมินผล แตอยางไรก็ตาม การวางแผนสามารถสับเปลี่ยนขั้นตอนหรือดําเนินการซ้ําเสริมได เพื่อใหเกิดความ ชัดเจน ถูกตอง และหาขอสรุปที่เปนที่ยอมรับได
บทสรุป
ปจจัยที่มีความสําคัญตอการวางแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม คือ การมีขอมูล คุณลักษณะทางนิเวศและการใชประโยชนพื้นที่ชุมน้ําที่เพียงพอ ขอบเขตพื้นที่วางแผนครอบคลุมขอบเขต ระบบนิเวศ และ/หรือการใชประโยชนของประชาชน และมีการเตรียมความพรอมผูมีสวนได-สวนเสีย และทีมวางแผนซึ่งมาจากผูมีสวนได-สวนเสีย ตองเขามามีสวนรวมในทุกขั้นตอนของการวางแผน และ เปนผูมีสวนได-สวนเสียที่แทจริง
5-18
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
สรุปกระบวนการวางแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม ขั้นตอน การจัดองคกรและรวบรวมขอมูล • การกําหนดบุคลากรที่เกี่ยวของ การจัดตั้งคณะกรรมการพื้นที่ชุมน้ํา การจัดตั้งทีมวางแผนหลักของพื้นที่ชุมน้ํา
เครื่องมือ และอุปกรณที่สําคัญ
คําสั่งแตงตั้ง หรือการประชุมรวม การวิเคราะหผูมีสวนได-สวนเสีย การสรางทีม การศึกษาดูงาน
การเลือกวิทยากรกระบวนการ
•
การวิเคราะหพื้นทีแ่ ละกําหนดขอบเขตของพื้นที่วางแผน การกําหนดขอบเขตพื้นที่วางแผน การรวบรวมขอมูลคุณลักษณะทางนิเวศ และการใชประโยชนพื้นที่ ชุมน้ํา
การวิเคราะหประเด็นปญหาและโอกาส และการกําหนดวิสัยทัศน • การวิเคราะหประเด็นปญหาและสาเหตุ การวิเคราะหภัยคุกคามที่มีผลกระทบตอระบบนิเวศชุมน้ํา การระบุและจัดลําดับสาเหตุของภัยคุกคามที่มีผลกระทบตอระบบ นิเวศชุมน้ํา การประเมินสถานการณ
แผนที่ภูมิศาสตร การประเมินชุมชนอยางมีสวนรวม การประเมิน คุณคาทางเศรษฐศาสตร และการสํารวจขอมูล พื้นที่ชุมน้ําในเอเชีย (AWI) และ GIS
การวิเคราะหภัยคุกคามโดยพิจารณาจากแรง กดดันและสาเหตุ (threat ranking by TNC), Root Cause Analysis การวิเคราะหจุดออน-จุดแข็ง (SWOT) หรือ ตนไม ปญหา (problem trees)
•
การกําหนดวิสัยทัศน การประชุมทีมวางแผนกําหนดวิสัยทัศน การจัดทํายุทธศาสตรการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา • การกําหนดเปาประสงค วัตถุประสงคและการดําเนินงาน การกําหนดเปาประสงค การกําหนดวัตถุประสงคที่อธิบายผลสําเร็จ กําหนดกรอบยุทธศาสตร หรือแนวทางการจัดการ • การแกไขปญหาความขัดแยงและการกําหนดเขตการจัดการ การแกไขปญหาความขัดแยงและการตัดสินใจ การแบงเขตการจัดการ การนําแผนการจัดการพื้นที่ชุมน้ําไปปฏิบัติ • การจัดทําแผนการปฏิบัติงาน กําหนดแผนปฏิบัติงาน การกลั่นกรองคําของบประมาณ การติดตามประเมินผล และการปรับปรุงแผนการจัดการ • การติดตามประเมินผล การกําหนดตัวชี้วัดที่จะใชในการตรวจวัดความสําเร็จ กําหนดวิธีการที่จะใชติดตามตัวชี้วัด •
การวิเคราะหผลการติดตามประเมินผลและปรับปรุงแผน วิเคราะหผลการดําเนินงานและขอมูลที่ไดจากการติดตามประเมินผล การปรับแกวัตถุประสงค กรอบยุทธศาสตร กิจกรรม ใหเหมาะสม ยิ่งขึ้น
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม
เทคนิคพลังสรางสรรค (AIC)
คูมือการเขียนแผนการจัดการทรัพยากร (Ministry of Forests, 1999)
เทคนิคการแกไขปญหาความขัดแยงโดยสันติวิธี GIS และการซอนทับขอมูล
การประเมินความตองการฝกอบรม
การสํารวจภาคสนาม การสัมภาษณ ขอมูลจาก สวนราชการ การวิเคราะหทางสถิติ
5-19
บรรณานุกรม โครงการจัดการและคุมครองพื้นที่ชุมน้ํา. 2548. ยุทธศาสตรการจัดการพื้นที่ชุมน้ําหนองบงคาย อําเภอ เชียงแสน จังหวัดเชียงราย. สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม กรุงเทพฯ. Finlayson, C.M., G.W. Begg, J. Howes, J. Davies, K. Tagi, and J. Lowry. 2002. A Manual for an Inventory of Asian Wetlands: Version 1.0. Wetlands International Global Series 10. Kuala Lumpur, Malaysia. Groves, R.G. 2003. Drafting a Conservation Blueprint: a Practitioner’s Guide to Planning for Biodiversity. The Nature Conservancy, Island Press, Washington. Ministry of Forests. 1999. Guide to Write Effective Resource Management Plans: With an Emphasis on Higher Level Plans. Ministry of Forests in Collaboration with Ministry of Environment, Lands and Parks & land Use Coordination Office, Victoria, British Columbia, Canada. Ramsar Convention. 2003. New Guidelines for management planning for Ramsar sites and other wetlands. Ramsar Convention Bureau, Gland, Switzerland Trisurat, Y. 2004. Wetland GIS Database: Nong Bong Kai Non-hunting Area, Chiang Rai Province. Implementation of the Ramsar Convention in Thailand: Management and Protection of Wetland Area Project (MPW-DANIDA Project), Office of Natural Resources and Environmental Policy and Planning, Bangkok. 106 pp.
5-20
คูมือการจัดการพื้นที่ชมุ น้ํา : ฉบับที่ 5 คูมอื การวางแผนจัดการพื้นที่ชุมน้ําอยางมีสวนรวม