solidwork thai2

Page 1

1

คูมือการใชโปรแกรม SolidWorks ขั้นพื้นฐาน


2 หนวยที่ 3 การใชโปรแกรมคอมพิวเตอรดาน CAD ประกอบชิ้นสวน สรางงานนําเสนอ และสราง งานเขียนแบบ 2 มิติ 3.1 บทนํา เครื่องจักรกลหรือผลิตภัณฑตางๆ ที่ผลิตในภาคอุตสาหกรรมนั้น จะประกอบดวยชิ้นสวน หลายๆ ชิ้นสวนประกอบเขาดวยกัน บางผลิตภัณฑจะประกอบดวยชิ้นสวนเปนรอยเปนพันชิ้น เมื่อ นําโปรแกรมคอมพิวเตอรมาชวยในการออกแบบเครื่องจักรกลหรือผลิตภัณฑเหลานั้นก็จะตองเริ่ม จากการสร า งชิ้ น ส ว นแต ล ะชิ้ น ก อ นเช น กั น แล ว จึ ง นํ า เข า มาประกอบรวมกั น ซึ่ ง ในหน ว ยที่ 2 นักศึกษาไดเรียนรูวิธีการสรางชิ้นสวนจากคําสั่งตางๆ ของโปรแกรม Solidworks และในหนวย เรียนนี้นักศึกษาจะไดศึกษาการใชโปรแกรมนี้ประกอบชิ้นสวนที่ไดสรางขึ้นมาเดี่ยวๆ เปนชิ้นงาน ประกอบโดยใชการแอสเซมบลี (Assembly) รวมทั้งการนําไฟลดังกลาวไปสรางงานนําเสนอ (Presentation) และสรางงานเขียนแบบ 2 มิติ (Drawing) 3.2 การใชโปรแกรม Solidworks ประกอบชิ้นสวน 3.2.1 ความหมายของแอสเซมบลีทูลบาร (Assembly Toolbar) แอสเซมบลีทูลบารของโปรแกรม Solidworks ทูลบารมาตรฐานแสดงดังรูปที่ 3.1 ซึ่งแตละ ไอคอนมีความหมายและการใชงานดังตารางที่ 3.1 นักศึกษาควรศึกษาแตละคําสั่งใหเขาใจ กอนที่ จะเริ่มตนการประกอบชิ้นสวน รูปที่ 3.1 ไอคอน

คําสั่ง Insert Component New Component Mate Move Component Rotate Component Smart Fasteners

ความหมายและการใชงาน ใชนําไฟลชิ้นสวนเขามาวางในไฟลแอสเซมบลี ใชสรางไฟลชิ้นสวนใหมในไฟลแอสเซมบลี เปนชุดคําสั่งที่ใชประกอบชิ้นสวนเขาดวยกัน ใช เ คลื่ อ นย า ยชิ้ น ส ว นไปยั ง ตํ า แหน ง ที่ ต อ งการ โดยจะเคลื่ อ นย า ยได เ พี ย ง ชิ้นสวนเดียวเทานั้น ใชเคลื่อนหมุนชิ้นสวนตามมุมมองที่ตองการ โดยจะหมุนไดเพียงชิ้นสวนเดียว เทานั้น เปนคํ าสั่งที่ใชประกอบชิ้น สวนนัตและสกรูเขามาประกอบกับชิ้นสวนโดย อัตโนมัติ


3 ไอคอน

คําสั่ง

ความหมายและการใชงาน

Exploded View

ใชเคลื่อนยายหรือหมุนชิ้นสวนใหเปนภาพระเบิดตามทิศทางที่ตองการ

Exploded Line Sketch

ใชสรางเสนเชื่อมตอชิ้นสวนที่ระเบิด

Interference detection

ใชตรวจสอบจุดทับซอนกันของชิ้นงาน

Hide/Show Component ใชแสดงหรือซอนชิ้นสวน Edit Component

ใชเชื่อมตอสลับระหวางโหมดการแกไขชิ้นสวนกับโหมดแอสเซมบลี

3.2.2 การประกอบชิ้นงานเขาดวยกัน บนทูลบาร เครื่องมือที่ใชประกอบชิ้นงานเขาดวยกัน คือ Mate เมื่อคลิกไอคอน มาตรฐานจะปรากฏกลองโตตอบ Mate ดังรูปที่ 3.2 ซึ่งมีความหมายและการใชงานดังตอไปนี้

รูปที่ 3.2 จากภาพที่ 3.2 จะเห็นวากลองโตตอบ Mate จะประกอบดวย ตัวเลือกหลักคือ Mate Selections และ Standard Mates ซึ่งจะใชกําหนดความสัมพันธของการเคลื่อนที่ของชิ้นสวน มี ความหมายดังนี้ Mate Selections

เปนชองที่แสดงตําแหนงตางๆ บนชิ้นงานที่เราตองการจะนํามาประกอบ เขาดวยกัน ไมวาจะเปนพืน้ ผิว เสนขอบ หรือจุดบนชิน้ สวน ฯลฯ จะ แสดงในชองนี้หลังจากที่เราใชเมาสคลิกเลือก

Standard Mates

เปนสวนทีใ่ หเลือกชนิดของการ Assembly มี หลายแบบดวยกัน ดังนี้


4 ไอคอน

การใชงาน เปนการประกอบแบบประกบกันหรือเสมอกัน เปนการประกอบกันแบบ ขนานกัน เปนการประกอบกันแบบ ทํามุมกันตามองศาที่กําหนด เปนการประกอบกันแบบ สัมผัสกัน (Tangent) เชน สวนโคงสัมผัสกับสวนโคง เปนการประกอบกันแบบรวมศูนย Distance เปนชองสําหรับกรอกกําหนดคาระยะเยื้องที่ตองการ Angle เปนชองสําหรับกรอกคาองศาที่ตองการ

ตัวอยางที่ 1 การประกอบชิ้นงานเขาดวยกันและสรางชิ้นสวนในไฟลแอสเซมบลี 1. สรางชิ้นสวน 3 ชิ้น ในไฟล

ดังรายละเอียดขางลางและรูปที่ 3.3

ชื่อชิ้นงาน - แผนรองลางขนาด 100 x 100 x 10 mm - แผนประกบบนขนาด 50 x 100 x 10 mm - สกูร M 20 x 2.5 2D Sketch

บันทึก ไฟลชอื่ Bottom plate Top plate Screw Part Feature

Extrude 10 mm ก) แผนรองลาง

Extrude 10 mm ข) แผนประกบบน


5

ค) สกรู รูปที่ 3.3 2. คลิกที่ไอคอน แลวดับเบิลคลิกที่ไอคอน โปรแกรมจะเขาสูไฟลแอสเซมบลี 3. จะเกิดหนาตาง Insert Component ขึ้นมาพรอมกับการเปดไฟลแอสเซมบลี ใหคลิกที่ปุม จะเกิดกลองโตตอบดังรูปที่ 3.4 หาตําแหนงที่อยูของไฟลที่บันทึกไว เลือก ชิ้นสวนชื่อ Bottom plate คลิกที่ปุม Open จะไดรูปแผนรองลางปรากฏอยูในกราฟกวินโดว ใหคลิกบนกราฟกวินโดวจะไดผลลัพธ ดังรูปที่ 3.5

รูปที่ 3.4

รูปที่ 3.5


6 4. ทําขั้นตอนเชนเดียวกับขอที่ 3 ใหเลือกไฟลชิ้นสวนชื่อ Top plate และ Screw มาวางใน ไฟลแอสเซมบลี จะไดชิ้นสวนตางๆ ดังรูปที่ 3.6

รูปที่ 3.6 5. แตละชิ้นสวนจะมีองศาอิสระอยู 6 ทิศทาง คือ เคลื่อนที่ไปตามแกน x, y และ z และ หมุนรอบแกน x, y และ z ยกเวน bottom plate จะไมมีองศาอิสระเนื่องจากแผนรองลางเปน ชิ้นสวนแรกที่ถูกนําเขามาวางในไฟลแอสเซมบลีโปรแกรมจะกําหนดใหอยูกับที่โดยคําสั่ง Fix ซึ่งนักศึกษาสามารถใหชิ้นสวน bottom plate เคลื่อนที่ไดอิสระ โดยคลิกขวาที่ไอคอน แลวคลิกเลือก Float จากเมนูดังรูปที่ 3.7 ซาย (ถาไมตองการชิ้นสวนไหนมี องศาอิสระใหคลิกเลือก Fix ดังรูปที่ 3.7 ขวา)

รูปที่ 3.7 6. เริ่มแรกใหประกอบแผน bottom plate กับ top plate เขาดวยกัน ซูมขยายภาพของชิ้นสวน ทั้งสอง หมุนแผนประกบบนโดยใชคําสั่ง แลวคลิกคําสั่ง จะมีหนาตาง Mate ปรากฏขึ้นดังรูปที่ 3.8


7 - Mate Selections: ตําแหนงที่ 1 เลือกผิวดานลางของแผน top plate ตําแหนงที่ 2 เลือก ผิวดานบนของแผน bottom plate ดังรูปที่ 3.8 - Standard Mate: โปรแกรมจะเลือก Coincident โดยอัตโนมัติ คลิกปุม เพื่อ ยอมรับการ Mate

1

2

รูปที่ 3.8 7. คลิกเลือกผิวรูดานในของแผน top plate ผิวรูดานในของของแผน bottom plate ดังรูปที่ 3.9 โปรแกรมจะเลือก Concentric โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate 1 2

รูปที่ 3.9 8. คลิ ก เลื อ กผิ ว ด า นข า งของแผ น top plate และแผ น bottom plate อี ก ด า นหนึ่ ง ดั ง รู ป ที่ 3.10 โปรแกรมจะเลือก Coincident โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate


8

1 2

รูปที่ 3.10 9. ขั้นตอไปประกอบแผน bottom plate กับ Screw ใหหมุน bottom plate และ Screw โดยใชคําสั่ง ดังรูปที่ 3.11 คลิกเลือกเสนวงกลมรูกลางของแผน bottom plate และเสนวงกลมของ Screw โปรแกรมจะเลือก Coincident โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate

1

2 รูปที่ 3.11 10. บันทึกไฟล 3.2.3 การสรางชิ้นสวนในไฟลแอสเซมบลี การสรางชิ้นสวนใหมในไฟลแอสเซมบลี หรืองาน Top-down Design จะมีขอดีคือชิ้นสวน ใหมที่สรางขึ้นมาจะมีความสัมพันธกับชิ้นสวนที่มีอยูกอนในไฟลแอสเซมบลี เมื่อชิ้นสวนที่มีความ เกี่ยวพันธกันถูกแกไขเปลี่ยนแปลงขนาด อีกชิ้นสวนหนึ่งก็จะแกไขตามเสมอ สามารถสรางสวนใน ไฟลแอสเซมบลีไดดังนี้


9 1. คลิกคําสั่ง บนทูลบารมาตรฐาน เพื่อสรางชิ้นสวนใหมจะปรากฏกลองโตตอบ Save as ดังรูปที่ 3.12 ชอง File name ใหกําหนดชื่อเปน Nut กําหนดตําแหนงที่อยูของไฟลตาม ตองการที่ชอง Save in เสร็จแลวคลิกปุม Save

รูปที่ 3.12 2. เมาสจะเปลี่ยนเปนสัญลักษณ ใหคลิกเลือกระนาบสเกตซที่ผิวดานบนของแผน top plate ดังรูปที่ 3.13 ซึ่งไอคอนบนทูลบารมาตรฐานจะเปลี่ยนเปนสเกตซทูลบาร

รูปที่ 3.13

รูปที่ 3.14

3. กดปุม Ctrl ที่คียบอรดคางไว แลวลากเมาสไปคลิกเลือกเสนของรูปหกเหลี่ยมและวงกลมที่ จากสเกตซทูลบาร จะปรากฏเสน Profile ของ ผิวบนของแผน bottom plate คลิกปุม รูปหกเหลีย่ มและวงกลม บนผิวของแผน top plate ดังรูปที่ 3.14 ซึ่ง Profile นี้จะถูก นําไปใชสรางชิ้นสวน Nut ตอไป


10 4. เปลี่ยนสเกตซทูลบารเปนฟเจอรทูลบาร คลิกปุม เลือก Profile และกําหนดความหนา 10 mm แลวคลิกปุม จะไดผลลัพธดังรูปที่ 3.15ก

ข รูปที่ 3.15

5. คลิกปุม 6. บันทึกไฟล

บนเมนูมาตรฐาน เพื่อจบการแกไขชิ้นสวน จะไดผลลัพธดังรูปที่ 3.15ข

ขอแนะนํา ชิ้ น ส ว นต า งๆ สามารถเปลี่ ย นสี ห รื อ วัส ดุ ไ ด ต ามความต อ งการ นั ก ศึ ก ษาสามารถลอง เปลี่ยนสีหรือวัสดุ โดยคลิกขวาที่ไอคอนชื่อของชิ้นสวนที่ตองการดังรูปที่ 3.16 เลือก Appearance จากเมนู แลวเลือก Color, Texture หรือ Material ซึ่งโปรแกรมจะมีสีตางๆ มีวัสดุจํานวนมากให เลือกใชไดตามความตองการ


11

รูปที่ 3.16 3.3 การสรางภาพระเบิดโดยคําสั่ง Explode View บนทูลบาร การสรางภาพระเบิดในโปรแกรม Solidworks จะใชคําสั่ง มาตรฐาน เมื่อคลิกคําสั่งนี้จะปรากฏหนาตาง Explode ดังรูปที่ 3.17 ซึ่งมีความหมายดังนี้

รูปที่ 3.17 Explode Steps เปนชองที่ใชแสดงประวัติลําดับของการระเบิดของชิ้นงานที่ไดทําการ ระเบิดออก สามารถลบ หรือแกไขลําดับของการระเบิดได โดยการคลิก เลือกลําดับการระเบิดที่ตองการลบ หรือแกไข


12 Settings

เปนชองที่ใชสําหรับแสดงชิ้นสวนที่ตองการจะใหระเบิดออกไป โดยการ คลิ ก เลื อ กชิ้ น ส ว นบนกราฟ ก วิ น โดว หรื อ เลื อ กที่ ชื่ อ ของชิ้ น ส ว นบน บราวเซอรบาร ชื่อของชิ้นงานที่ถูกเลือกจะปรากฏในชองนี้

Explode Directions

ใชสําหรับกําหนดทิศทางของการระเบิด เมื่อคลิกเลือกชิ้นงาน แลวจะเกิดแกน X, Y และ Z บนจุดที่เราเลือก ใหคลิกเลือก ทิศทางที่ตองการจะใหระเบิดออกไป ทิศทางที่ถูกเลือกจะปรากฏ ในชองนี้

Explode Distance

ใชสําหรับกําหนดระยะที่ตอ งการจะระเบิดออก

ในตัวอยางนี้จะใชไฟล Assembly ที่ทําไวในหัวขอที่แลว มาสรางภาพระเบิด 1. เปดไฟล Assembly ในหัวขอที่แลว 2. คลิกคําสั่ง

บนทูลบารมาตรฐาน จะปรากฏหนาตาง Explode ดังรูปที่ 3.18

รูปที่ 3.18 3. ขั้นแรกจะระเบิดนัตออกทางดานบน ลากเมาสไปคลิกที่ชิ้นสวนนัต จะเกิดพิกัด X, Y และ Z ขึ้นที่จุดนั้น ใหคลิกเลือกแกน Y กําหนดคาระยะการระเบิดเทากับ 120 mm ลงในชอง Explode Distance แลวคลิกปุม Done ชิ้นสวนนัตจะระเบิดออกดังรูปที่ 3.18


13

รูปที่ 3.19 4. ระเบิดแผนประกบบน ขึน้ ขางบน - Settings คลิกเลือกที่ผิวของชิ้นสวน Top plate บนกราฟกวินโดว ดังรูปที่ 3.19 - Explode Directions ทิศทางระเบิด แกน Y - Explode Distance ระยะระเบิด 60 mm แลวคลิกปุม Done 5. การระเบิดสกรูออกจากแผนรองลาง - Settings คลิกเลือกที่ผิวของชิ้นสวน Screw บนกราฟกวินโดว ดังรูปที่ 3.20 - Explode Directions ทิศทางระเบิดแกน Y คลิกปุม เพื่อกลับทิศทางการระเบิด - Explode Distance ระยะระเบิด 160 mm แลวคลิกปุม Done

รูปที่ 3.20 คลิกปุม

จะไดผลลัพธดังรูปที่ 3.21 ซึ่งเปนการเสร็จสิ้นการระเบิด บันทึกไฟล


14

รูปที่ 3.21

6. การใสเสนเชื่อมตอระหวางชิ้นสวนแตละชิ้น โดยการคลิกที่คําสั่ง บนทูลบาร มาตรฐาน จะปรากฏหนาตาง Route Line ใหลากเมาสไปคลิกที่พื้นผิวดานในรูของชิ้นสวน nut, top plate, bottom plate และคลิกที่พื้นผิวดานนอกของ screw อยางตอเนื่อง ดังรูปที่ 3.22 แลวคลิกปุม เปนการเสร็จสิ้นการใสเสนเชื่อมตอระหวางชิ้นสวน บันทึกไฟล

รูปที่ 3.22


15 3.3.1 การสรางภาพเคลื่อนไหว (Animation) คุณสามารถสรางภาพเคลื่อนไหวของการประกอบเขาและระเบิดออกของชิ้นสวนตางๆ โดยการคลิกไอคอน (Configuration-Manager) แลวคลิกขวาบนไอคอนชื่อไฟลแอสเซมบลี เลือก Animate explode จากเมนู ดังรูปที่ 3.23 จะปรากฏกลองโตตอบ Animation controller ดังรูปที่ 3.24

รูปที่ 3.23 ใหนกั ศึกษาทดลองใชทูลตางๆ ของ Animation Controller เพื่อดูการระเบิด และการประกอบ ชิ้นสวนไดตามความตองการ

รูปที่ 3.24 ขอแนะนํา นักศึกษาสามารถบันทึกการเคลื่อนที่ดังกลาวเปนไฟลวีดีโอ AVI เพื่อที่จะนําไฟลไปแสดง และกําหนดคาตางๆ ตามที่ การเคลื่อนที่ในโปรแกรม Media Player อื่นๆ โดยการคลิกที่ปุม โปรแกรมตองการ การใหชิ้นสวนประกอบกลับหรือระเบิดออก การใหชิ้น ส ว นประกอบกลั บ หรือ ระเบิดออก สามารถทํา ไดโดยการคลิกไอคอน (Configuration-Manager) คลิกขวาบนไอคอนชื่อไฟลแอสเซมบลีแลวเลือก Collapse จากเมนู เมื่อ


16 ตองการประกอบเขาดังรูปที่ 3.25ซาย หรือเลือก Explode จากเมนู เมื่อตองการระเบิดออกดังรูปที่ 3.25ขวา

รูปที่ 3.25 ตัวอยางที่ 2 การประกอบชิน้ งานเขาดวยกันดวยคําสัง่ Mate 1. ใชไฟล

สรางชิ้นสวน 5 ชิ้น ดังรายละเอียดตามรูปที่ 3.26

รูปที่ 3.26 2. คลิกที่ไอคอน 3. ใชคําสั่ง

แลวดับเบิลคลิกที่ไอคอน

โปรแกรมจะเขาสูไฟลแอสเซมบลี

นําชิ้นสวนทั้ง 5 ชิ้นมาวางในไฟลแอสเซมบลีตามจํานวนดังรูปที่ 3.27


17

รูปที่ 3.27 4. เริ่มแรกใหประกอบชิ้นสวนที่ 3 กับชิ้นสวนที่ 4 เขาดวยกัน ซูมขยายภาพของชิ้นสวนทั้ง จะมีหนาตาง Mate ปรากฏขึ้น คลิกเลือกเสนวงกลมของชิ้นสวน สอง แลวคลิกคําสั่ง ที่ 3 และเสนวงกลมของชิ้นสวนที่ 4 ดังรูปที่ 3.28 โปรแกรมจะเลือก Coincident โดย อัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate

1 2

รูปที่ 3.28 5. ประกอบชิ้นสวนที่ 4 กับชิ้นสวนที่ 5 ตัวที่ 1 เขาดวยกัน ซูมขยายภาพของชิ้นสวนทั้งสอง หมุน ดังรูป คลิกเลือกเสนวงกลมของชิ้นสวนที่ 4 และเลือก ชิ้นสวนที่ 5 ตัวที่ 1 โดยใชคําสั่ง เสนวงกลมของชิ้นสวนที่ 5 ตัวที่ 1 ดังรูปที่ 3.29 โปรแกรมจะเลือก Coincident โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate


18

1 2

รูปที่ 3.29 6. ประกอบชิ้นสวนที่ 4 กับชิ้นสวนที่ 5 ตัวที่ 2 เขาดวยกัน ดวยวิธีเดียวกับขอ 5 ดังรูปที่ 3.30

2 1

รูปที่ 3.30 7. ประกอบชิ้นสวนที่ 1 กับชิ้นสวนที่ 2 ตัวที่ 1 เขาดวยกัน ซูมขยายภาพของชิ้นสวนทั้งสอง หมุนชิ้นสวนที่ 2 โดย ใชคําสั่ง ดังรูป คลิกเลือกผิวดานลางของชิ้นสวนที่ 2 และผิวดานบนของชิ้นสวนที่ 1 ดังรูปที่ 3.31 โปรแกรมจะเลือก Coincident โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate

1 2 รูปที่ 3.31


19 8. คลิกเลือกพื้นผิวดานหนาของชิ้นสวนที่ 1 และชิน้ สวนที่ 2 ดังรูปที่ 3.32 โปรแกรมจะเลือก Coincident โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate

1 2 รูปที่ 3.32 9. คลิกเลือกพื้นผิวดานขางของชิ้นสวนที่ 1 และชิ้นสวนที่ 2 ดังรูปที่ 3.33 Coincident โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate

1

โปรแกรมจะเลือก

2 รูปที่ 3.33

10. ประกอบชิ้นสวนที่ 1 กับชิ้นสวนที่ 2 ตัวที่ 2 เขาดวยกัน ดวยวิธีตามขอ 7-9 จะไดผลดังรูปที่ 3.34


20

รูปที่ 3.34 11. ประกอบชิ้นสวนที่ 2 ตัวที่ 2 กับชิ้นสวนที่ 5 ตัวที่ 2 เขาดวยกันโดย - คลิกเลือกพื้นผิวทรงกระบอกของชิ้นสวนที่ 5 และพื้นผิวในรูของชิ้นสวนที่ 2 ดังรูปที่ 3.35ก โปรแกรมจะเลือก Concentric โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate - คลิกเลือกพื้นผิวดานหนาของชิ้นสวนที่ 2 และชิ้นสวนที่ 5 ดังรูปที่ 3.35ข โปรแกรมจะ เลือก Coincident โดยอัตโนมัติ แลวคลิกปุม เพื่อยอมรับการ Mate จะไดผลดังรูปที่ 3.36 12. บันทึกไฟล 1

1 2 2

ข รูปที่ 3.35


21

รูปที่ 3.36 3.4 การสราง Simulation 1. การจําลองการหมุนของลอทําได โดยคลิกเลือก Rotary motor ที่อยูในคําสั่ง จะปรากฏ หนาตางของ Rotary motor ขึ้นมาดังรูปที่ 3.37 ใหลากเมาสไปคลิกที่ผิวของโคงของชิ้นที่ 3 กําหนด ความเร็วในการหมุน (Velocity) ที่ตองการ แลวคลิกปุม 2. คลิกเลือก ที่อยูในคําสั่ง เพื่อใหโปรแกรมคํานวณและเปนการ บันทึกการจําลองการหมุนของลอ ซึ่งชิ้นงานที่ 3 จะหมุนไปอยางตอเนื่อง เมื่อตองการหยุดใหคลิก ที่อยูในคําสั่ง

รูปที่ 3.37 3. การแสดงการจําลองการหมุนของลอทําไดโดยคลิกเลือก ที่อยูในคําสั่ง จะปรากฏหนาตางของ Animation Controller ขึ้นมาดังรูปที่ 3.38 ซึ่งชิ้นที่ 3 จะหมุนรอบ ตัวเองไปเรื่อยๆ นักศึกษาสามารถทดลองใชทูลตางๆของ Animation Controller เพื่อดูการเคลื่อนที่


22 ของลอไดตามความตองการ

รูปที่ 3.38 ขอแนะนํา นักศึกษาสามารถบันทึกการเคลื่อนที่ดังขอที่ 3 เปนไฟลวีดีโอ AVI เพื่อที่จะนําไฟลไปแสดง และกําหนดคาตางๆตามที่ การเคลื่อนที่ในโปรแกรม Media Player อื่น ๆ โดยการคลิกที่ปุม โปรแกรมตองการ 3.5 การตรวจสอบการซอนทับกันของชิ้นงาน 1. การตรวจสอบการซอนทับกันของชิ้นงานที่นํามาประกอบกันทําได โดยใชคําสั่ง เมื่อคลิก เลือกจะปรากฏหนาตางของ Interference Detection ขึ้นมาดังรูปที่ 3.39ก ใหคลิกเลือกชิ้นสวนที่ตองการจะตรวจสอบการซอนทับกัน 2. ในชอง หรือเลือกชิ้นสวนทั้งหมด เมื่อเลือกเสร็จใหกดปุม เพื่อใหโปรแกรมคํานวณหาการ ซอนทับกันของชิ้นงาน 3. เมื่อโปรแกรมตรวจพบการทับซอนกันของชิ้นสวนจะแสดงผลในชองของ Results ดังรูปที่ 3.40ข (เนื้อของชิ้นงานที่ทับซอนกันจะถูกแสดงเปนสีแดง) นักศึกษาสามารถตรวจสอบและทําการแกไข ใหถูกตอง

ข รูปที่ 3.39


23 3.6 การสรางภาพระเบิดโดยคําสั่ง Explode View จากตัวอยางทีผ่ านมานักศึกษาไดฝกใชคําสั่ง Explode View สรางภาพระเบิดโดยการกรอกคา ระยะทีต่ องการใหชิ้นสวนระเบิด สําหรับในแบบฝกหัดนี้จะใชวิธี Drag and Drop หรือคลิกเมาสคาง ไวแลวลากไปวางในตําแหนงที่ตองการ มีขั้นตอนดังตอไปนี้ บนทูลบารมาตรฐาน เมื่อคลิกคําสั่งนี้จะปรากฏหนาตาง Explode ขึ้นมา ซึ่ง 1. คลิกคําสั่ง นักศึกษาไมตอ งกําหนดหรือกรอกคาอะไรลงในหนาตางนี้ 2. ใหคลิกบนพืน้ ผิวของชิ้นสวนที่ตองการจะระเบิด จะเกิดพิกัด X,Y และ Z ขึ้นที่จุดนัน้ ใหคลิก เลือกแกนทีต่ องการจะระเบิดคางไว แลวลากเมาสไปปลอยลงในตําแหนงที่ตองการ ดังรูปที่ 3.40

รูปที่ 3.40 3. ระเบิดชิ้นสวนอื่นๆ ดวยวิธีการเชนเดียวกันกับขอที่ 2 ใหไดภาพระเบิดดังรูปที่ 3.41

รูปที่ 3.41 4. การใสเสนเชื่อมตอระหวางชิ้นสวนแตละชิ้น โดยใชคําสั่ง ลักษณะดังรูปที่ 3.42

บนทูลบารมาตรฐาน ใหมี


24

ขอแนะนํา

รูปที่ 3.42 การคลิกเลือกตําแหนงการระเบิดของนักศึกษาอาจจะไมตรงกับในแบบฝกหัดนี้ ดังนั้นใหนักศึกษาเปลี่ยนทิศทางการระเบิดใหภาพที่ระเบิดออกมีลักษณะใกลเคียง กับตัวอยาง หรือนักศึกษาจะระเบิดไปตามทิศทางที่ตองการก็ได


25 แบบทดสอบที่ 5 ใหฝกการสรางชิ้นงาน 3 มิติ และนํามาประกอบเขาดวยกัน หนวยนิว้ (English)

ขอที่ 1


26 หนวยมิลลิเมตร (Metric)

ขอที่ 2


27 3.7 การสรางภาพเขียนแบบ 2 มิติ (Drawing) หลังจากที่สรางชิ้นสวน 3 มิติ ไมวาจะเปนชิ้นสวนเดี่ยว (Part) หรือชิ้นสวนประกอบ (Assembly) เสร็จเรียบรอยแลวนั้น ขั้นตอนตอไปคือการนํางานเหลานั้นมาสรางเปนภาพเขียนแบบ 2 มิติ (Drawing) และกําหนดรายละเอียดของงาน ไมวาจะเปนขนาด พิกัดความเผื่อ คุณภาพผิว วัสดุ ที่ใชในการผลิต และสัญลักษณในการเขียนแบบตาง ๆ ที่จําเปน เพื่อนําภาพเขียนแบบ 2 มิติ นั้น เสนอใหลูกคา หรือชางเทคนิคเพื่อทําการผลิตชิ้นสวนนั้นตอไป การสรางภาพเขียนแบบ 2 มิติ ของ โปรแกรม Solidworks ทําไดงายมากๆ โดยการนําไฟลชิ้นสวน 3 มิติ หรือไฟลชิ้นสวนประกอบเขา มาวางในไฟล Drawing เลือกมุมมอง 2 มิติที่ตองการ ก็จะไดภาพเขียนแบบ 2 มิติ ของชิ้นสวนนั้นๆ ไฟล Drawing มีความเกี่ยวพันธแบบพาราเมตริกกับไฟลอื่นๆ กลาวคือเมื่อทําการแกไขขนาดของ ไฟลใดไฟลหนึ่งอีกไฟลก็จะแกไขเปลี่ยนแปลงตามกันไปดวย 3.7.1 ความหมายของ Drawing Tools Drawing จะประกอบดวยเครื่องมือใชงานบนทูลบารมาตรฐานดังตอไปนี้ ไอคอน คําสั่ง หนาที่ ใชวางภาพเขียนแบบ 2 มิติ ภาพแรกลง ในไฟล Drawing สามารถเลือก Model View มุมมองของการเขียนแบบไดตามความตองการ ใชสรางภาพฉายดานอืน่ ๆ หรือสรางภาพไอโซเมตริกจากภาพทีไ่ ดจาก Projected View Model View Auxiliary View

ใชสรางภาพฉายชวย โดยภาพที่ฉายจะตั้งฉากกับเสนขอบที่เราเลือก

Section View

ใชสรางภาพตัดเพื่อใหเห็นสวนประกอบภายในโดยใชเสนตัดตรง

ใชสรางภาพตัดเพื่อใหเห็นสวนประกอบภายในโดยใชสองเสนตัดทํา มุมกัน ใชสรางภาพขยายรายละเอียดของภาพอื่นๆ ในสวนที่ตอ งการใหเห็น Detail View รายละเอียดเพิม่ เติม ใชสรางภาพ Broken (ภาพที่ตัดสวนตรงกลางออกเหลือแตสวนปลาย Broken View ของทั้งสองดาน ทําใหประหยัดเนื้อทีใ่ นกระดาษเขียนแบบ) Standard 3 View ใชสรางภาพฉายทั้ง 3 ดานโดยอัตโนมัติ

Section View


28 3.7.2 การสรางภาพเขียนแบบ 2 มิติ จากไฟลชิ้นสวน (Part) หลังจากที่นักศึกษาไดสรางชิ้นสวน 3 มิติเปนเรียบรอยแลว สามารถนําชิ้นสวน 3 มิตินั้น มาทําเปนภาพเขียนแบบ 2 มิติ โดยวิธีดังนี้ 1. เปดไฟล Drawing โดยการคลิกไอคอน แลวดับเบิลคลิกที่ไอคอน 2. โปรแกรม Solidworks จะมีมาตรฐานกระดาษเขียนแบบขนาดตางๆ ใหเลือก ใหนักศึกษา เลือก A4-Landscape และออปชันตางๆ ดังรูปที่ 3.43 คลิกปุม OK

วางกระดาษแนวนอน วางกระดาษแนวตั้ง

รูปที่ 3.43 3. โปรแกรมจะเขาคําสั่ง Model View โดยอัตโนมัติ คลิกปุม เพื่อหาไฟล Part 3 ที่นักศึกษาสรางและบันทึกเก็บไวในตัวอยางของหัวขอการประกอบชิ้นงานดังรูปที่ 3.44 คลิกปุม Open แลวลากเมาสมาคลิกตําแหนงดังรูปที่ 3.45 คลิกปุม

รูปที่ 3.44


29

รูปที่ 3.45 ขอเสนอแนะเพิ่มเติม นักศึกษาสามารถยายตําแหนงของภาพ Model View ไดโดยการคลิกเมาสที่ภาพนั้นคางไว (ลูกศรจะเปลี่ยนเปนสัญลักษณ

) แลวลากไปปลอยวางยังตําแหนงที่ตองการ

4. คลิกที่ไอคอน ไปคลิกที่ภาพ Model View (ตําแหนงที่ 1) แลวลากเมาสลงมาดานลาง (ตําแหนงที่ 2) คลิกเมาส 1 ครั้ง จะไดภาพดานบน ดังรูปที่ 3.46 หลังจากนั้นใหเลือก Display Style แบบ Hidden Lines visible แลวคลิกปุม

รูปที่ 3.46


30 5. สรางภาพตัด โดยคลิกไอคอน จะปรากฏหนาตางของ Section View ใหกําหนดชื่อของภาพ ตัด (Label) =A มาตราสวน (Scale) และสไตลดังรูป ลากเมาสไปคลิกตําแหนงที่ 1 และ 2 ดังรูปที่ 3.47 ตามลําดับเพื่อสรางเสนตัด แลวลากเมาสมาวางตําแหนงที่ตองการวางภาพตัด คลิกปุม จะ ไดผลลัพธดังรูป

รูปที่ 3.47 6. การแสดงภาพรายละเอียดของสวนที่ตองการ ทําไดโดยการคลิกที่ไอคอน คลิกเลือกภาพที่ ตองการทํา Detail ในตัวอยางนี้ ใหคลิกที่ภาพตัด แลวคลิกสรางวงกลมใหมีขนาดครอบคลุมตําแหนง ที่ตองการสราง Detail ดังรูปที่ 3.48 แลวลากเมาสไปวางตําแหนงที่ตองการ พรอมกันนั้นจะปรากฏ หนาตาง Detail View ดังรูป ใหกําหนดชื่อภาพ (Label) = B มาตราสวน (Scale) = 1:1 และ สไตล เปนแบบ Hidden line Remove คลิกปุม

รูปที่ 3.48 7. ใชคําสั่ง

สรางภาพ Isometric ดานลางของภาพตัดดังรูปที่ 3.49 คลิกปุม


31

รูปที่ 3.49 ขอเสนอแนะเพิ่มเติม นักศึกษาสามารถแกไขหรือกําหนดมาตรฐานการเขียนแบบตางๆ ของ Drawing ไดตาม ความตองการ โดยคลิกที่ปุม Option จะปรากฏหนาตางของ System Options และ Document Properties ดังรูปที่ 3.50 ซึ่งสามารถแกไขมาตรฐานการเขียนแบบของ Drawing ไดที่แท็บ Document Properties

รูปที่ 3.50 ขอเสนอแนะเพิ่มเติม นักศึกษาสามารถแกไข มุมมอง รูปแบบของการแสดงภาพ มาตรสวน หรืออื่นๆ ที่ตองการ ของภาพ Drawing ไดทุกภาพ โดยการคลิกเมาสที่ภาพที่ตองการแก จะปรากฏหนาตางของ Drawing view ดังรูปที่ 3.51 ซึ่งสามารถแกไขตามความตองการ แลวคลิกปุม


32

รูปที่ 3.51 8. การกําหนดขนาดของแบบ 2 มิติ การกําหนดขนาดใหภาพเขียนแบบสามารถทําได 2 วิธี คือ การ กําหนดขนาดอัตโนมัติ และการกําหนดขนาดดวยตัวเอง - การกําหนดขนาดอัตโนมัติ ทําได ดังนี้ คลิกไอคอน

(Annotations)

ดังรูปที่

3.52 ทูลบารจะเปลี่ยนเปน Drawing

หรือคําสั่ง แลวลากเมาสไปคลิกเลือกรูปที่ตองการจะให Annotation ใชคําสั่ง เสนใหขนาดจะแสดงอัตโนมัติ การใหขนาดวิธีนี้โปรแกรมจะอางอิง ขนาดคลิกปุม ตามขนาดของชิ้นสวน 3 มิติที่นักศึกษากําหนดตอนสเกตซ ดังนั้นตําแหนงการวางขนาด ในภาพเขียนแบบ 2 มิติ อาจจะไมสวยงาม หรือไมวางในตําแหนงที่เราตองการ นักศึกษา สามารถยายตําแหนงของเสนกําหนดขนาดไดโดยการลากเมาสไปวางบนเสนบอกขนาด นั้นแลวคลิกที่ตัวเลขหรือเสนกําหนดขนาดคางไว (ลูกศรจะเปลี่ยนเปนสัญลักษณ ) แลวลากเมาสไปวางปลอยลงในตําแหนงที่ตองการ

รูปที่ 3.52


33 - กําหนดขนาดดวยตัวเอง ทําไดดังนี้ เลือกใชกลุมคําสั่งการใหขนาด แลวลากเมาสไปคลิกใหขนาด ตามตองการ ใหนักศึกษาใชคําสั่งการใหขนาดแบบตาง ๆ ฝกใหขนาดกับภาพดานขาง ของชิ้นสวนที่ 3 ดังรูปที่ 3.53

รูปที่ 3.53 การกําหนดสัญลักษณเขียนแบบตาง ๆ ลงในภาพเขียนแบบ 2 มิติ นักศึกษาสามารถกําหนดสัญลักษณการเขียนแบบตาง ๆ เชน คุณภาพผิวงาน สัญลักษณ งานเชื่อม พิกัดความเผื่อตาง ๆ ลงบนภาพเขียนแบบ 2 มิติ โดยการคลิกเลือก (Annotations) จากเมนูจะปรากฏไอคอนสัญลักษณเขียนแบบตาง ๆใหเลือกใช ในตัวอยางนี้จะกลาวถึงเฉพาะ สัญลักษณเขียนแบบที่ใชงานบอยๆ เทานั้น สวนสัญลักษณที่ไมไดกลาวถึงนักศึกษาสามารถทดลอง ใชไดโดยการดูจากเครื่องมือชวย (Help) ของโปรแกรม การใชเครื่องมือ Center line Centerline เปนคําสั่งที่ใชสรางเสนศูนยกลางของรูปที่มีความสมมาตรกัน บนทูลบารมาตรฐาน 1. คลิกที่ปุม 2. ลากเมาสไปคลิกบนเสนดานขางทั้งสองเสนของภาพดานบนชิ้นสวนที่ 3 (ตําแหนงที่ 1 และตําแหนงที่ 2 ดังรูปที่ 3.54 ตามลําดับ) โปรแกรมจะสรางเสนศูนยกลางตัดกลางเสน ที่เลือกทันที ซึ่งขณะนี้นักศึกษายังอยูในคําสั่ง Center line สามารถที่จะไปคลิกสรางเสน ศูนยกลางเสนอื่นๆ ได 3. สรางเสน Center line ของภาพดานขางดังรูปที่ 3.55 ดังวิธีเดียวกับขอ 3 4. คลิกปุม เพื่อออกจากคําสั่ง


34

1

2

รูปที่ 3.54

รูปที่ 3.55 การใชเครื่องมือ Datum Feature Datum Feature เปนคําสั่งที่ใชสรางสัญลักษณพิกัดความเผื่อตําแหนงและรูปราง บนทูลบารมาตรฐาน จะเกิดหนาตาง Datum Feature ขึ้นดังรูปที่ 3.56 1. คลิกที่ปุม กําหนดรูปแบบของตัวหนังสือและรูปแบบของสัญลักษณที่ตองการ 2. ลากเมาสไปคลิกบนเสนของภาพดานบนของชิ้นสวนที่ 3 ตําแหนงดังรูปที่ 3.56 แลวคลิก ปุม เพื่อออกจากคําสั่ง


35

รูปที่ 3.56 การใชเครื่องมือ Datum Target Datum Target เปนคําสั่งที่ใชสรางสัญลักษณพิกัดความเผื่อตําแหนงและรูปรางที่สัมพันธ กับ Datum Feature 1. คลิกที่ปุม บนทูลบารมาตรฐาน จะเกิดหนาตาง Datum Target ขึ้นดังรูปที่ 3.57 กรอกคาของ Datum กําหนดรูปแบบของตัวหนังสือและรูปแบบของสัญลักษณที่ตองการ 2. ลากเมาสไปคลิกบนเสนของภาพดานบนของชิ้นสวนที่ 3 ตําแหนงดังรูปที่ 3.57 แลวคลิก ปุม เพื่อออกจากคําสั่ง จะไดผลลัพธดังรูปที่ 3.58

รูปที่ 3.57

รูปที่ 3.58


36 การใชเครื่องมือ Surface Finish Surface Finish เปนคําสั่งที่ใชสรางสัญลักษณแสดงคาความหยาบของผิวชิ้นงาน 1. คลิกที่ปุม บนทูลบารมาตรฐาน จะเกิดหนาตาง Surface Finish ขึ้นดังรูปที่ 3.59 กรอกคา ของความหยาบ กํา หนดรู ป แบบของตั ว หนัง สื อ และรู ปแบบของสั ญลั ก ษณ ที่ ตองการ 2. ลากเมาสไปคลิกบนเสนวงกลมของภาพดานหนาชิ้นสวนที่ 3 ตําแหนงที่ ดังรูปที่ 3.59 แลวคลิกปุม เพื่อออกจากคําสั่ง จะไดผลลัพธดังรูปที่ 3.60

ภาพที่ 3.59

รูปที่ 3.60 เมื่อทําเสร็จทุกขั้นตอนจะไดผลลัพธของภาพเขียนแบบ 2 มิติ ดังรูปที่ 3.61


37

รูปที่ 3.61 3.4.3 การสรางภาพเขียนแบบ 2 มิติ จากไฟลแอสเซมบลี (Assembly) 1. คลิก New แลวดับเบิลคลิกที่ไอคอน โปรแกรมจะเปดไฟล Drawing 2. ใหเลือก A4-Landscape และออปชันตางๆ ตามวิธีการดังหัวขอที่ผานมา เพื่อหาไฟล 3. โปรแกรมจะเขาคําสั่ง Model View โดยอัตโนมัติ คลิกปุม Assembly ที่นักศึกษาสรางและบันทึกเก็บไวในตัวอยางของหัวขอการประกอบชิ้นงาน ดังรูปที่ 3.62 คลิกปุม Open

รูปที่ 3.62


38 4. ใหกําหนดมุมมองของภาพเปน Isometric View สไตลเปนแบบ Hidden line Remove และมาตรา สวน (Scale) = 1: 3 ดังภาพที่ 3.63 ซาย แลวลากเมาสมาคลิกตําแหนงดังรูปที่ 3.63ขวา คลิกปุม

รูปที่ 3.63 5. ทําเหมือนขอที่ 3 โดยใชคําสั่ง Model View แตตองทําการประกอบกลับ Assembly ที่บันทึกไวในหัวขอที่แลว

รูปที่ 3.64

(Collapse) ไฟล


39 6. ใหกําหนดมุมมองภาพเปน Isometric View มาตราสวน (Scale) = 1:2 และสไตลเปนแบบ Shaded with Edge คลิกปุม จะไดผลลัพธดังรูปที่ 3.64 ขอเสนอแนะเพิ่มเติม นักศึกษาสามารถยายตําแหนงของภาพตางๆ โดยการคลิกเมาสที่ภาพนั้นคางไว (ลูกศรจะ เปลี่ยนเปนสัญลักษณ

) แลวลากไปปลอยวางยังตําแหนงที่ตองการ

7. การสราง Balloon การสราง Balloon หรือการกําหนดหมายเลขกํากับชิ้นสวน สามารถทําได 2 วิธีคือ (เปลี่ยน Drawing Tools เปน Annotations Tools โดยวิธีการดังตัวอยางที่ผานมา) (Auto Balloon) แลวลากเมาสไป 7.1 การสราง Balloon พรอมกันทุกชิ้นสวน โดยการคลิกปุม คลิกภาพที่ตองการทํา Balloon จะปรากฏหนาตางโตตอบ Auto Balloon ดังรูปที่ 3.65 ใหเปลี่ยน คลิกปุม จะเกิด Balloon กระจัดกระจายดังรูปที่ 3.65

รูปที่ 3.65 7.2 การทํา Balloon ทีละชิ้นสวน โดยการคลิกปุม แลวไปคลิกบนชิ้นสวนในภาพที่ ตองการทํา Balloon คลิกปุม เพื่อยอมรับและออกจากคําสั่ง Balloon การยายตําแหนงตัวเลขและตําแหนงการชีข้ องลูกศรบนภาพชิ้นสวนของ Balloon นักศึกษาสามารถจะยายตําแหนงตัวเลขของ Balloon แตละหมายเลขได โดย การคลิกที่ตัวเลขจะมีปุมสีเขียวเกิดขึ้นที่ตัวเลขและที่ลูกศรใหคลิกที่ปุมสีเขียวของ ) ดังรูปที่ 3.66 ลากเมาสไปปลอย ตัวเลขคางไว (ลูกศรจะเปลี่ยนเปนสัญลักษณ


40 วางยังตําแหนงที่ตองการ สวนการยายตําแหนงการชี้ของลูกศรบนภาพชิ้นสวนใหคลิก เมาสคางไวที่ปุมสีเขียวของลูกศรแลวทําเชนเดียวกับวิธีการยายตัวเลข

รูปที่ 3.66 การลบและแกไข Balloon -การลบ Balloon ทําไดโดยคลิกบน Balloon ที่ตองการลบแลวกด Delete บนคียบอรด -การแกไข Balloon ทําไดโดยคลิกบน Balloon ที่ตองการ จะปรากฏหนาตาง Balloon ขึ้นมาดังรูปที่ 3.67 ซึ่งสามารถแกไขชนิดและหมายเลขของ Balloon ไดตามความตองการ

รูปที่ 3.67 8. การสรางตารางรายการชิ้นสวน (Bill of Materials)


41 การสร า งตารางรายการชิ้ น ส ว น หรื อ รายการวั ส ดุ ทํ า ได โ ดยการคลิ ก ที่ ไ อคอน บนทู ล บาร ม าตรฐาน แล ว ลากเมาส ไ ปคลิ ก ที่ ภ าพที่ ต อ งการบอกรายการ เลื อ ก ชิ้นสวน ในตัวอยางนี้ใหคลิกที่ภาพ Assembly ภาพใดก็ได จะปรากฏหนาตาง Bill of Materials ดัง รูปที่ 3.68 ซาย

รูปที่ 3.68 9. กําหนดออปชันของ Bill of Materials ดังรูป แลวลากเมาสไปคลิกวางในตําแหนงดังรูปที่ 3.68ขวา จะไดตารางรายการชิ้นสวนของภาพที่เลือกบันทึกไฟล


42 แบบทดสอบที่ 6 ใหฝกสรางงานDrawing 2 มิติโดยใชรูปดังตอไปนี้

ขอที่ 1

ขอที่ 3

ขอที่ 5

ขอที่ 2

ขอที่ 4

ขอที่ 6


43

ขอที่ 7


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.