พีอาร์ติดปีก | PR Around the World

Page 1


¾ÕPR ÍAround ÒÃì...µÔthe´World »Õ¡ º·»ÃÐ¾Ñ ¹ ¸ì â ´Â »Ò¹´ÒÇ


¾ÕPR ÍAround ÒÃì...µÔthe´World »Õ¡ พิมพ์ครั้งที่ 1 ผู้เขียน: ปานดาว จัดรูปเล่ม: สุเมธ กาญจนพันธุ์ ตรวจคำผิด: สุเมธ กาญจนพันธุ์ ออกแบบปก: สุเมธ กาญจนพันธุ์

ÃÒ¤Ò 125 ºÒ·

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
 ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใด เพื่อสร้างเป็นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่ได้รับ อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์แล้วเท่านั้น


ตอนที่ 1 กว่าจะมาเป็นดาว

ดาวก็เป็นอีกคนหนึ่งค่ะ ที่มีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยว่า อยากจะเดินทางเฉิดฉายไปนานาประเทศ เดินทางไปรอบโลก

แล้วจะมีสักกี่อาชีพกันละคะ ที่จะตอบโจทย์ความต้องการให้ ชีวิตดาวสมหวังได้ดั่งใจ จะไปเป็นนักบินก็ดูจะยากไป เรื่อง เครื่องยนต์กลไกนี่เห็นจะไม่ถูกจริตกับตุ๊ดวัยละอ่อนแบบดาว

ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงดาวก็เป็นนักบินไม่ได้ แล้วดาวจะไปทำ อะไร ดาวก็ต้องไปเป็นแอร์โฮสเตสสิค่ะ ไปเป็นนางฟ้าเดินเฉิด ฉายบนเครื่องบินโชว์ยิ้มสยามให้ชาวต่างชาติได้ซาบซึ้ง แลนด์ ดิ้งลงเครื่องมาก็จะได้สวยเก๋เดินช้อปปิ้งในต่างแดน

สวย รวย เลิศ ครบหมดทุกความต้องการ

ถูกต้องแล้วค่ะ พูดจากใจจริงไม่จริงโจ้กันตรงนี้เลยว่าอดีตกาล นานมาแล้วดาวเคยมีความใฝ่ฝันอยากเป็นแอร์ ดาวอยากเป็น แอร์โฮสเตส จริง ๆ ไม่ขี้จุ๊ เลยค่ะ


แถมสารภาพตรงนี้ไว้ด้วยเลยว่า ชีวิตตุ๊ดบ้านนอก สาวแดนใต้ อย่างดาวนี่ยังไม่ประสีประสาหรอกค่ะว่าอะไรคือแอร์โฮสเตส ยุคนั้นสมัยนั้นมีแต่ภาพในหัวว่าการเป็นแอร์โฮสเตสคือการ เป็นนางฟ้าของสายการบินแห่งชาติเพียงอย่างเดียว ต้องสวย สดใจ พ่วงด้วยทักษะภาษาอังกฤษในระดับเลิศเลอ ฟุดฟิดฟอ ไฟได้ไฟแล่บ ดาวรู้แค่นั้น
 กลับมาจุดเริ่มต้นของการเป็นนางฟ้าพีอาร์ หรือพีอาร์ติดปีก ของดาวกันต่อว่าดาวโชคดีค่ะที่บังเอิญสอบเข้าได้ไปเป็นลูก พระเกี้ยว สอบเอนทรานซ์ติดคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และดาวมั่นใจว่าคณะนิเทศฯ จุฬา เป็นคณะหนึ่งที่ผลิตแอร์ โฮสเตสป้อนสู่ตลาดการขนส่งทางอากาศมากอีกหนึ่งคณะของ ประเทศไทย จนใครต่อใครหลายคนตั้งชื่อใหม่ว่า คณะ นิเทศศาสตร์และการบิน กันเลยทีเดียว

กลับมาที่เรื่องของดาวกันต่อ แรกเริ่มเดิมทีสาวใต้อย่างดาว ไม่รู้จักหรอกนะคะ ว่าเรียนจบนิเทศฯแล้วจะออกไปประกอบ สัมมาอาชีพใด ชีวิตต่างจังหวัดสมัยเกือบยี่สิบปีก่อน อนุมาน ได้เพียงอย่างเดียวว่าจบออกไปจะต้องเป็นดารา ตามกระแส


แบบพี่แอน ทองประสม หรือพี่ไก่ สมพล พิธีกรรายการเกม ฮอต เพลงฮิต ตามสมัยนิยมในยุคนั้น จริงไหมคะ แล้วในที่สุด...ชีวิตดาวก็จับพลัดจับผลูออกมาเป็นพีอาร์มา จนถึงทุกวันนี้ 
 ดาวก้าวสู่สาขาวิชาชีพพีอาร์หรือเป็นนักประชาสัมพันธ์ได้ อย่างไรมีอีกเรื่องนึงที่ใครใครอาจจะไม่เคยรู้ว่า นอกจากดาวจะ เป็นตุ๊ดแล้ว ยุคนั้นสมัยนั้นดาวยังจนอีกด้วยนะคะ เป็นตุ๊ด และยังไม่ค่อยมีเงิน ชีวิตดูไม่ค่อยจะสุนทรีย์รื่นรมย์เสียสัก เท่าใดนัก แต่ดาวไม่เแคร์ งานราษฎร์ งานหลวง หรืองานอะไรต่อมิอะไร ที่ไม่ผิดกฎหมายดาวทำได้หมด และยินดีทำค่ะ ตั้งแต่ไปเป็น เอ็กซ์ตร้าตัวประกอบในกองถ่ายละครหรือเบื้องหลังงาน โฆษณา ลามไปจนถึงการนั่งสวย ๆ เป็นสาวน้อยตกน้ำตาม งานอีเว้นต์ ดาวก็เคยทำมาแล้วนะคะ เรื่องเงินเรื่องทอง มีสมองและสองมือ เดี๋ยวเราก็หาได้ ไม่อด ตายหรอกค่ะ ดาวเชื่ออย่างนั้น

และด้วยความจนนี่ละค่ะที่นำพาชีวิตดาวก้าวย่างสู่เส้นทางแห่ง การเป็นนักประชาสัมพันธ์ เรื่องของเรื่องมันมีอย่างนี้ค่ะ...ด้วย


ความที่ร่ำลือกันนักต่อนักตามสถิติในคณะว่าสาขาวิชาการ ประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อัตราการตกงานนิสิตจบใหม่มีค่าเท่ากับศูนย์

ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ! ถ้าพูดกันแบบง่าย ๆ ตรงไปตรงมา นั่นหมายความว่าใคร ก็ตามที่จบพีอาร์จากนิเทศ จุฬาฯ เมื่อเรียนจบก็จะมีโอกาสได้ งานทันที ประมาณว่าจบปุ๊บก็ได้งานปั๊บ เลยละคะ ด้วยเหตุผลที่ว่างานพีอาร์ทำได้ทุกที่ ทุกบริษัท ทุกองค์กร ไป จนถึงทุกหน่วยงมน ใคร ๆ ก็ต้องอยากขายของ ประชาสัมพันธ์ ตัวเอง ตั้งแต่ร้านอาหาร โรงเรียน ร้านกาแฟ โรงพยาบาล ขนมนมเนย สายการบิน ไปจนถึงบริษัทผลิตเครื่องบิน...ไม่เชื่อ ย่าลบหลู่...เรื่องนี้ดาวคอนเฟิร์ม

รู้อย่างนี้แล้วดาวจะรอช้าอย่าอยู่ใย เงินก็ไม่มี ทางเลือกก็ใช่ว่า จะมีมากนัก จะให้ไปเรียนเอกโฆษณาแล้วต้องซื้อคอมพิวเตอร์ เครื่องละแพง ๆ ดาวไม่มีเงินหรอกคะ หรือจะภาคฟิล์ม เรียน สาขาวิชาการภาพยนตร์และภาพนิ่ง ถ้าเพียงแค่กล้องถ่ายรูป ยังต้องยืมชาวบ้านชาวช่อง ชีวิตทางการถ่ายภาพและกำกับ ภาพยนตร์ดูจะไปไม่รอด


สรุปเรียนพีอาร์ เรียนวิชาการประชาสัมพันธ์ ไม่ต้องใช้สตูดิโอ ไม่ต้องใช้เครื่องมือใดใด เป็นศาสตร์สาขาวิชาชีพที่ดูจะถูกจริต กับตุ๊ดบ้านนอกแถมจนอย่างดาว เพราะมีมันสมองและสองมือ ก็ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตามรอยรุ่นพี่ได้เช่นกัน

รู้อย่างนี้แล้วคิดว่าดาวจะเลือกเรียนอะไรละค่ะ...ถ้าไม่ใช่พีอาร์ และถนนสายเส้นทางพีอาร์ก็เริ่มต้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


ตอนที่ 2 พีอาร์หน้าสวย เมื่อเส้นทางชีวิตของดาวไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ จะเลือก เรียนอะไรให้ดูชิค ๆ คูล ๆ หรือตามศัพท์สมัยนั้นจะเรียกขาน มนุษย์เหล่านี้ว่า “เด็กแนว” ดาวทำไม่ได้หรอกค่ะ ดาวไม่มี ทางเลือก

อย่างที่ดาวเคยบอกไว้ สาขาวิชาการประชาสัมพันธ์แลดูจะ เหมาะสมกับดาวมากที่สุด แต่หนทางการเป็นพีอาร์ของดาวก็ ไม่ได้ปูพรมแดงไว้สวยเก๋เหมือนอย่างเทศกาลหนังเมืองคานส์ หรอกนะคะ เพราะอะไร...รู้ไหม

เพราะว่าในยุคนั้นสมัยนั้นหายากเต็มทีที่ผู้ชายอย่างดาว ส่วนนี้ ดาวพูดถึงเพศสภาพนะคะ ไม่ใช่จริตกริยาหญิง ขอย้ำนะคะ ว่าการที่เพศชายจะก้าวย่างสู่วงการพีอาร์ แล้วกลายร่างเป็นนัก ประชาสัมพันธ์ในยุคสมัยนั้นยากมาก ถึงมากที่สุด เพราะยุคนั้นสาว ๆ สวย ๆ หน้าตาไฉไล บุคลิกเด่นเด้ง ครอง วิชาชีพนี้ค่ะ แถมสังคมยังไม่ค่อยยอมรับตุ๊ดเสียสักเท่าใดนัก


แล้วลองคิดดูสิคะว่า ตุ๊ดร่างเล็กบอบบาง หนวดเคราเขียวครึ้ม ขนหน้าแข้งดกดำ เลือกลงวิชาเอกการประชาสัมพันธ์ วิชาโท วาทวิทยา จะไปรอดไหม...ดาวเอ้ย

ดาวเองก็ลุ้นแทบขาดใจ หรือดาวจะเป็นคนแรกที่ทุบสถิติที่ คณะวางไว้อย่างสวยหรู ที่จบไปไร้งานทำ ตกงาน เดินเตะฝุ่น กินมาม่าประทังชีวิตเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ...ไม่นะดาว

แต่ดาวก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะคะ คนเราเมื่อตัดสินใจทำอะไรสัก อย่างหนึ่งแล้วต้องทำให้สุด ผลลัพธ์จะร้ายจะดีดาวเองก็ยังไม่รู้ แต่วันนี้หน้าที่ของดาวคือเรียนให้จบปริญญาตรี รับปริญญา นิเทศศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ ออกมาให้ ได้เสียก่อน ทำเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากัน ทีหลัง

แต่ดูเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด กว่าสามสิบชีวิต จากนิสิตใน ชั้นปี 148 คน เลือกเรียนสาขาพีอาร์ และมีผู้ชายลงเรียน สาขานี้เพียง 4 คน ทายสิมีชายแท้กี่คน...อันนี้ดาวขออุบนะคะ


เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกจนดาวกำลังจะจบปีสี่...จริง ๆ ก็ไม่ ไวเท่าไหร่หรอกนะคะ เพราะที่นิเทศ จุฬาฯ เราเลือกภาควิชา กันตอนเข้าปีสาม

ช่วงปีสี่สาว ๆ เอกพีอาร์แต่ละนางก็สวยสดใส อวบอิ่ม ฟรุ้งฟร้ิ งกระดิ่งแมว เฉิดฉาย โดดเด่นเกินหน้าเกินตา ความรู้ความ สามารถก็พร้อมที่จะไปเป็นนักประชาสัมพันธ์ เป็นพีอาร์หน้า สวยให้กับองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วประเทศ แล้วมนุษย์พีอาร์เพศชายอย่างดาวใครเขาจะรับ จะให้ไปเป็นพี อาร์หน้าสวย ความสวยนี่ก็ยอมรับนะคะว่าสวยจริง แต่ติดตรง ที่ดาวมีหนวด!!

แล้วน้องนางคนสวยเพื่อนร่วมชั้นดาวที่เหลืออีกเกือบสามสิบชี วิติ แต่ละนางล้วนแล้วแต่สวย ไฉไล เป็นระดับนางแบบ ระดับ ดาวคณะก็มี โถ...ดาวเอ๋ย...หล่อนตกงานแน่แท้ แต่อย่างที่ดาวบอกเอาไว้ว่าคณะนิเทศ จุฬาฯ ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า “นิเทศศาสตร์และการบิน” บรรดาสาวสวยโฉบเฉี่ยวเพื่อนดาว แต่ละนางก็เลยติดปีกหนีงานประจำไปเป็นนางฟ้า เป็นแอร์


โฮสเตสให้กับสายการบินประจำชาติ สายการบินข้ามชาติ เสีย กว่าครึ่งภาควิชาแล้ว ก็อิจฉานะที่หล่อนได้เป็นแอร์ แต่ถนนสายพีอาร์ของดาวก็โล่ง ขึ้นเยอะ..เอาเถอะได้อย่างก็ต้องเสียอย่างละค่ะ

อย่างที่ดาวบอกแหละค่ะ...คนเรามีสมองและสองมือ ยังไงก็ไม่ อดตาย ดาวขอย้ำคำเดิม ดาวเลยต้องเริ่มกระบวนการสร้าง สถานะทางสังคม อัพโพรไฟล์ให้สวยเลิศ พร้อมก้าวเท้าสู่ถนน สายพีอาร์ ดาวจะต้องเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ มีเรซูเม่สมัคร งานที่ใครเห็นต้องเรียกสัมภาษณ์ และดาวจะต้องเป็นนักประชาสัมพันธ์ให้ได้

เริ่มต้นด้วยการสมัครเข้าไปฝึกงานตามองค์กรใหญ่ และต้อง ไม่ใหญ่ธรรมดาต้องเป็นองค์กรที่ใครต่อใครฟังแล้วต้องรู้จัก จนแล้วจนเล่าดาวก็ทำสำเร็จ และดาวก็ได้รับการตอบรับให้ไป ฝึกงาน ณ องค์การสหประชาชาติ สำนักงานประเทศไทย หรือ UNESCAP (United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific) ในแผนกการสื่อสาร และได้ฝึกงานด้านประชาสัมพันธ์โดยตรง...เก๋กู้ดใช่ไหมละ


ตลอดช่วงเวลาแห่งการฝึกงานดาวได้รู้จักกับงานพีอาร์มากขึ้น กว่าเรียนผ่านตำราเพราะในตำราจะบอกว่า การประชา สัมพันธ์เป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่จะต้องมีทั้งผู้ส่งสาร สาร ช่องทางการสื่อสาร และผู้รับสาร ฟัง ๆ ไปแล้วดาวเองก็เกือบ จะหลับคาตำรา...แต่ความรู้พื้นฐานเราต้องมีไว้ เพราะมันจะ ติดตัวเราไปตลอดชีวิต
 ช่วงสมัยเป็นพีอาร์ฝึกหัดถึงแม้ว่าดาวจะยังไม่ได้บริหารงาน ประชาสัมพันธ์ในระดับใหญ่อะไรมากมาย แต่อย่างน้อยสิ่งที่ได้ จากการฝึกงานที่องค์การสหประชาชาติคือดาวได้รู้จักกับการ ติดตามข่าวสาร การแยกแยะประเด็นข่าว การวิเคราะห์เนื้อหา ข่าวสารว่าเป็นเชิงบวก เชิงลบ หรือเป็นเนื้อหากลาง ๆ แรก ๆ ดาวเองก็เบื่อนะคะ งานอะไรก็ไม่รู้วัน ๆ นึงอยู่แต่กับ หนังสือพิมพ์ ตัดข่าว แปะข่าว สรุปข่าว พิมพ์ใส่เอ็กเซล นี่มันอะไร...มันใช่พีอาร์เหรอคะ...ช่วยตอบคำถามดาวที

แต่เมื่อดาวโตมาและกลายเป็นนักประชาสัมพันธ์เต็มตัว ดาว จึงได้รู้ว่าการแยกแยะประเด็นข่าว การตรวจสอบดูเนื้อหาข่าว


และการวิเคราะห์เนื้อหาข่าว เป็นพื้นฐานที่สำคัญของนัก ประชาสัมพันธ์ พีอาร์ตัวแม่แต่ละนางต้องมีทักษะเรื่องนี้ติดตัว เพราะถ้าใคร ไม่มีก็บอกลาอาชีพพีอาร์ไปได้เลยค่ะ เรื่อง Content เป็นสิ่ง สำคัญมากสำหรับวิชาชีพพีอาร์

เมื่อจะได้พื้นที่ข่าวมาฟรี เราก็ให้ของดีดีไปแลกกับนักข่าว ดาว พูดถูกไหม และของดีดีที่ว่านี้ก็คือข่าวประชาสัมพันธ์ บทความ ประชาสัมพันธ์ ให้กับนักข่าว อาชีพพีอาร์กับนักข่าวนี่เหมือนกับน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่านะคะ อย่าไปเข้าหาจนเกินงาม เดี๋ยวจะเสียจริตกันไปทั้งพีอาร์ทั้งนัก ข่าว แค่ป้อนงานข่าวคุณภาพดีดีให้จะดีกับทั้งสองฝ่าย

เอาละ...กลับมาเข้าเรื่องการเป็นพีอาร์หน้าสวยของดาวกันต่อ หลังจากฝึกงานจบก็ขึ้นปีสี่ ชีวิตนิสิตปีสุดท้ายของดาวนี่ถ้าวัน ไหนไม่มีเรียนไม่มีใครได้เห็นหน้าดาวหรอกนะคะ แถมปีสี่ เรียนก็น้อยอาทิตย์ละวันสองวัน...ดาวก็แฮปปี้สิคะ...เพราะจะ ได้มีเวลาไปหาเงินหาทอง มาทำตัวสวยเก๋เตรียมพร้อมเป็นพี อาร์หน้าสวยอย่างใคร ๆ เขาบ้าง


แต่วิธีหาเงินของดาวก็เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับสายงานการ ประชาสัมพันธ์โดยตรงเลยนะคะ เพียงแค่ขยับจากการเป็น นิสิตฝึกงาน มาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่ดาวเคารพและรักมาก และ เป็นอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทความรู้ด้านงานประชาสัมพันธ์ ให้ดาวมาเป็นดาวจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือ รองศาสตราจารย์รุ่ง นภา พิตรปรีชา หรือครูกบของดาว ดาวขอเอ่ยนามยกเครดิต ให้ครูเลยค่ะ

เพราะครูกบมักจะเรียกดาวไปช่วยงานด้านประชาสัมพันธ์อยู่ เสมอๆ แถมมีเงินค่าเหนื่อยไว้ให้เป็นค่าขนม ไว้กินไว้ใช้อีก ด้วย ทั้งงานด้านการวิจัยเพื่อการประชาสัมพันธ์ลงพื้นที่เก็บ แบบสอบถาม ไปจนถึงไปเป็นทีมลูกมือช่วยการทำประชา พิจารณ์ของหน่วยงานภาครัฐก่อนจะแปลงสภาพของหลาย หน่วยงานในปัจจุบัน สารพัดจะช่วย ช่วยอะไรได้ดาวก็ช่วยหมด มีข้าวกินฟรี ได้เงินค่าเหนื่อย แถม ได้เรียนรู้งานพีอาร์ระดับมหภาคจากกูรูเหนื่อยครั้งเดียว แต่ได้ ทักษะติดตัวไปทั้งชีวิต ดาวว่าคุ้มค่านะคะ

งานวิจัยเพื่อการประชาสัมพันธ์เป็นพื้นฐานสำคัญมากก่อนที่ เราจะเริ่มการวางแผนงานประชาสัมพันธ์ และถ้าเราวางแผน งานได้ไม่ดี เราก็บริหารงานประชาสัมพันธ์ได้ไม่ดีหรอกค่ะ


ครูกบจึงให้ความสำคัญกับการวิจัยเพื่อการประชาสัมพันธ์เป็น อย่างมาก เช่นกันพอทำงานจริงมันก็คือการทำ Market & Brand Analysis ก่อนที่จะเอาข้อมูลมาเขียน PR Recommendation Plan เสนอลูกค้าหรือเสนอเจ้านายนั่นเอง
 
 
 กว่าดาวจะได้กลายเป็นพีอาร์หน้าสวยนั่งเฉิดฉายอยู่ในวงการ พีอาร์ ดาวก็สู้นะคะ ถึงแม้ดาวจะมีหนวดมีเครา สุดท้ายดาว ก็ได้เป็นพีอาร์สมใจอยาก ถึงตอนนี้ดาวก็ยังคงใช้วิชาชีพพีอาร์หาเลี้ยงตัวมาจนถึงทุกวันนี้

แต่ก่อนจะเข้าไปรู้จักกับโลกจริงแห่งการทำงานพีอาร์ ครั้งหน้า ดาวอยากจะเล่าเรื่องงานพีอาร์อีกหนึ่งชิ้นที่ทำก่อนจบคือการ ช่วยทำงานประชาสัมพันธ์ให้กับละครเวทีนิเทศ จุฬาฯ ทำร่วม กับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ในคณะนี่แหละคะ


ตอนที่ 3 เวทีแห่งดวงดาว อีกหนึ่งอาชีพที่ดาวฝันใฝ่ และอยากไขว่คว้ามาตั้งแต่เป็นสาว บ้านนา จนในที่สุดดาวก็ได้มีโอกาสมาชุบตัวเป็นสาวสังคม เมืองในบางกอก ดาวก็ยังไม่เลิกมโน จินตนาการอยู่นะคะว่า ถ้ามีโอกาสดาวเองก็อยากจะเป็น “ดารา”

ก็สวย..มั่นหน้า...แถมมั่นใจขนาดนี้ดาวต้องไม่พลาด

ใช่แล้วค่ะ ดาวอยากเป็นดารา หรือถ้าจะให้ดีหากดาวมีโอกาส ได้เป็นนักร้องค่ายยักษ์ใหญ่แถวสุขุมวิท ตามรอยเท้าป๊อบไอ ดอลสาวน้อยมหัศจรรย์ที่คุณก็รู้ว่าใครที่ดังเปรี้ยงปร้างสุดขีด ในยุคนั้นสมัยนั้น ก็คงจะดีไม่น้อย

แต่ดาวก็ต้อง “อดทนเก็บความในใจ แล้วรอแค่วันเวลา” รอ แล้ว รอเล่า โชคชะตาฟ้าก็ไม่ลิขิต สงสัยดวงชีวิตจะไม่อยากให้ ดาวเด่น ไม่อยากให้ดาวดัง เพราะเดี๋ยวจะไม่ได้เป็นพีอาร์ติด ปีกมาเล่าความหลังให้ฟังกัน

แต่เรื่องของเรื่องดาวว่าเรื่องเป็นดารานี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชค ชะตาฟ้าลิขิต หรืออะไรหรอกนะคะ ดาวรู้ตัวดีว่าเพราะอะไร เพราะหนังหน้าของดาวเองละคะ ก็ไม่ได้สวยทันสมัยแบบพิมพ์


นิยมนี่คะ

แต่จะว่าไปแล้วดาวก็สวยนะคะ แต่หลายคนมักจะบอกว่าดาว สวยแปลก ๆ แต่ก็ยังดีใช่ไหที่เค้าชมว่าดาวสวย

เอาละกลับมาเรื่องราววิถีพีอาร์ก่อนจะติดปีกโบยบินเป็น นางฟ้าพีอาร์ไปทั่วโลกกันต่อดีกว่า

ช่วงชีวิตปีสี่ของดาว เมื่อเป็นดาราไม่ได้ หนังหน้าก็ไม่ให้ แต่ที่ คณะนิเทศฯ ของเรากำลังจะมีเทศกาลงานละครเวทีประจำปี ของคณะ จะให้ไปเป็นนักแสดงนะเหรอ...หมดสิทธิ์ หรือจะเป็นผู้กำกับ ละครเวที...คิดเหรอว่าดาวจะทำได้ แล้วจะให้ดาวไปเป็นอาร์ต ไดเรคเตอร์ ตอกฉาก ออกแบบฉาก ยกเสา จัดแสง จัดไฟ...อัน นี้ก็ไม่เข้าจริตกับพีอาร์ร่างบอบบางอย่างดาว

แล้วจะให้ดาวทำหน้าที่อะไรได้อีกละคะ ถ้าไม่ใช่รับบทบาท ประชาสัมพันธ์ละคร แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะว่าดาวจะ ฉายเดี่ยวทำพีอาร์ทั้งโปรเจคออกมาได้อย่างมืออาชีพ ดาวก็ทำ กับสาว ๆ เอกพีอาร์เพื่อนดาวสิคะ


ทำคนเดียวแทนที่จะได้ประชาสัมพันธ์งานละคร...ผลลัพธ์อาจ จะย้อนศร ดาวอาจจะโดนประชาทัณฑ์แทนก็ได้นะคะ เพราะ ช่วงนั้นเวลานั้น ดาวยังไม่ประสีประสาเรื่องประชาสัมพันธ์เสีย สักเท่าใดนักหรอกคะ

โดยปกติการจัดละครเวทีประจำปีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พวกเราไม่ได้ทำกันเล่น ๆ อย่างที่ ใคร ๆ เม้าท์ว่าเราเต้นกินรำกิน หรือทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ หรอกนะคะ แต่เทศกาลงานละครนี่จะเป็นเวทีสนามจริงปั้น ดวงดาวหน้าใหม่ป้อนสู่ตลาดและวงการสื่อสารมวลชนก่อนที่ พวกเราจะออกไปทำงานรับใช้สังคมกันตอนเรียนจบ

บางคนก็ไปเป็นผู้กำกับชื่อดัง บางคนก็ออกไปเป็นดาราคุณแม่ลูกแฝด บางคนก็ไปทำงานเป็นใหญ่เป็นโตในบริษัทโฆษณาระดับโลก และ...บางคนก็ออกไปเป็นนางฟ้าพีอาร์...อย่างดาวยังไงละคะ

สำหรับงานละครเราแบ่งหน้าที่กันชัดเจนนะคะ ทั้งผู้จัดการ ละคร ผู้กำกับ ฝ่ายการแสดง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สารพัดสาร เพตามแต่สาขาวิชาเอกของใครของมันที่ได้ร่ำเรียนมา และขุด กำลังภายในมาใช้มาแสดงกันสุดพลัง แต่ละฝ่ายก็ไม่ยอมกัน


หรอกนะคะใครมีวิชาอะไรก็งัดออกมาโชว์กันเสียจนดาวอ่อน ระทวย

ส่วนในการพีอาร์งานละคร เราแบ่งหน้าที่กันตามตำราเรียน เป๊ะตามความรู้ที่ได้ร่ำเรียนกันและให้ผลลัพธ์เป๊ะเว่อเช่นกัน คือแบ่งทีมพีอาร์ออกเป็นสองทีม คือ ทีมพีอาร์ภายนอก มีหน้า ที่โปรโมตให้คนนอกมหาวิทยาลัยได้รู้จัก และทีมพีอาร์ภายใน หน้าที่หลัก ๆ คือโปรโมตให้เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวจุฬาฯ ให้มาดู ละครกัน ปัจจุบันนี้หลาย ๆ องค์กร และหลาย ๆ บริษัทยังคงใช้ โครงสร้างนี้ในการวางโครงสร้างส่วนงานประชาสัมพันธ์ของตัว เอง แต่ใช้ชื่อเรียกเป็นภาษาฝรั่งเก๋ไก๋ให้ก้าวไกลสู่อาเซียนว่า Internal Communication และ External Communication ยังไง ละคะ

ส่วนที่ดาวช่วยดูแลคือส่วนของการทำพีอาร์ภายในคะ และแบ่ง หน่วยย่อยออกเป็นหน่วยสวาทสร้างกระแสเรียกความสนใจ จากชาวจุฬา ด้วยการจัดกิจกรรมพิเศษ ซึ่งจริง ๆ แล้วตาม ตำราเรียนพีอาร์จะเรียกขานกิจกรรมเหล่านี้ว่า Psuedo Event อ่านว่า ซือโด-อีเว้นต์ นะคะ แต่พอมีการตลาดแนวใหม่ใน ปัจจุบันก็จะถูกเรียกขานใหม่อย่างที่เราคุ้นชินว่า Event Marketing ดูโก้ขึ้นมาเลยใช่ไหมละ


ส่วนพีอาร์ภายนอก ก็มีหน้าที่ติดต่อกับสื่อมวลชนในแขนงต่าง ๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ สารพัดจะติดต่อ พอดาวจบออกมาทำงานด้านนี้ถึงได้รู้ว่าสิ่งหนึ่งในหัวใจสำคัญ ของงานพีอาร์คืองานสื่อมวลชนสัมพันธ์ หรือ Media Relations อย่างไรละคะ

เห็นไหมว่าเราไม่ได้ทำกันเล่น ๆ นะคะ ช่วงก่อนงานละครเรา ยังจัดแสดงรอบสื่อมวลชนตามหลักโภชนการวิชาการ ประชาสัมพันธ์เพื่อให้พี่สื่อมวลชนช่วยโหมกระแสข่าว เขียน รีวิวละครตามเผยแพร่ลงตามหน้าหนังสือ พร้อมสัมภาษณ์พูด คุยกับผู้กำกับ ผู้จัดการละคร และนักแสดงอย่างเป็นเรื่องเป็น ราวเลยละคะ

ทำพีอาร์ก็ใช่ว่าจะสบายหรอกนะคะ วันไหนมีติด แปะ โปสเตอร์ ตามรั้ว ตามผนังนี่ สนุกปนเสียวเลยละคะ..ลองคิดดู สิคะในรั้วจุฬาฯ ยามดึกดื่นเที่ยงคืน บรรยากาศจะชวนวังเวง จนขนหัวลุก แถมต้องคอยหลบลุงยาม เพราะพวกเราต้องแอบ เอาไปติดคะ เขาไม่ให้ติด หนีทั้งผี หนีทั้งคนกันเลยทีเดียว วัน ดีคืนดีออกไปแปะนอกมหาวิทยาลัย ตามรั้วรกร้างชาวพีอาร์ต้ องคอยหนีทั้งหมาที่คอยไล่งับ ไล่กัด เพราะคิดว่าดาวเป็นโจร


นี่ถ้าโดนจับ...ดาวคงจะโดนจับเป็นคนแรกด้วยข้อหาเป็น “ตุ๊ด ลักลอบแปะ” เสียกระมัง

พูดเยอะไป...เดี๋ยวจะหาว่าดาวเม้าท์มอย...แต่นี่คือเรื่องจริง ไม่ อิงนิยาย นี่ถ้ามีไทม์แมชชีนดาวจะพาทุกคนย้อนกลับไปยังช่วง เวลานั้นเพื่อให้รู้ให้เห็นกับตา

ประสบการณ์ที่ดาวได้จากเทศกาลงานละคร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ เป็นดารา ซึ่งจริง ๆ ตอนนี้ก็ยังอยากเป็นอยู่ ถึงแม้ว่าดาวจะไม่ ได้ทำงานเบื้องหน้าแต่สิ่งเหล่านี้นี่แหละคะ ที่เป็นเวทีแห่ง ดวงดาวของจริง ที่ปั้นดาวให้ดาว เป็นนางฟ้าพีอาร์


ตอนที่ 4 ดาวทำได้ ความกลัวภายในจิตใจอันดับหนึ่งของดาว คือ การตกงาน เดิน เตะฝุ่น สารภาพกันตรงนี้อย่างไม่อายฟ้าดินเลยนะคะ แต่โชค ชะตาฟ้าดินคงจะไม่กลั่นแกล้งดาวไปมากกว่านี้

ทันทีที่เรียนจบดาวออกตัวแรงเร่งทำคะแนนเดินสายหางานทำ ด้วยหวังว่าจะมีชีวิตสุขสบายเป็นสาวออฟฟิศ มีเงินเดือน ประจำกับเขาเสียที

ในที่สุด...ดาวก็ทำสำเร็จ

ดาวได้รับการติดต่อจากบริษัทออร์แกไนเซอร์ยักษ์ใหญ่แห่ง หนึ่งให้ไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งพีอาร์

หล่อนทำได้แล้วดาว เอาละคราวนี้ละ ดาวเอ๋ย...หล่อนจะไม่ต้องมานั่งกัดก้อนเกลือ กินให้ชอกช้ำระกำใจอีกต่อไป จะซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางดูแล


ตัวเอง หล่อนกำลังจะมีเงินแล้ว

แต่ฟ้าดินก็ยังไม่เข้าข้างดาวอยู่ดี ทันทีที่จบการสัมภาษณ์ดาว ได้รับการตอบกลับด้วยเสียงเรียบนิ่งราวกับหินผา...ว่า “แล้ว เราจะติดต่อกลับไป”

สมัยนั้นดาวยังอ่อนต่อโลก เพียงได้ยินแค่นี้ดาวก็ปลื้มใจแล้วคะ แถมคิดไปไหนต่อไหนอย่างผู้มีชัยว่าดาวกำลังจะได้งานแล้ว เค้าจะติดต่อกลับมา...เอาละ...อีกไม่กี่ชั่วยามหรอก

คุณพระ ดาวหลงดีใจได้ไม่ทันไร จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เห็นจะมี ใครติดต่อมาเสียทีจนดาวเริ่มร้อนใจติดต่อกลับไปเองเสียเลย แล้วถามไปตรง ๆ เลยค่ะว่าผลการสัมภาษณ์เป็นอย่างไรบ้าง

คำตอบที่ได้รับถึงกับทำให้ดาวสะอึก เริ่มเครียด และไปต่อไม่ถู ด้วยประโยคที่พูดคุยแบบเป็นส่วนตัวที่ว่า “ทางเราต้องขอ แสดงความเสียใจด้วยนะคะ คุณสมบัติของคุณผ่าน แต่ผู้ บริหารของเราไม่ชอบตุ๊ด” 
 คุณพระ!


เห็นไหมว่าเป็นตุ๊ดยุคนั้นสมัยนั้นมันอยู่ยากแถมยังจะริอ่านไป สมัครงานเบียดเสียดแข่งกับสาวงามทั่วฟ้าแดนสยาม เรื่องดาว หมายถึงสาวจริง หญิงแท้ที่แห่กันส่งใบสมัครเข้าให้ผู้บริหารคัด กรองไปนั่งประจำตำแหน่งพีอาร์หน้าสวยอยู่ในองค์กร ดาวหมดสิทธิ์เสียแล้วละคะ...ลาก่อน สวัสดี

“ทุกข์ทนเท่าไรแต่ดาวก็ยังเป็นดาว” ถึงดาวจะใจเสีย ขวัญ กระเจิง กลัวการตกงานมากมายแค่ไหน ดาวก็อดทนค่ะ ด้วย หวังว่าวันหนึ่งดาวจะได้เป็นพีอาร์ นั่งทำงานออฟฟิศสมใจ ดาวจึงวิ่งรับงานสารพัดสารเพ ทั้งจ้างรายวัน รายเดือน นี่ดาว ทำได้หมดคะแต่ถ้าได้รับการจ้างรายปีก็จะเป็นพระคุณเป็น อย่างสูง

แต่เพราะงานรับจ๊อบรายวันนี่ละคะที่พลิกชีวิตให้ดาวเป็นดาว กลายเป็นนางฟ้าพีอาร์ ติดปีกจนได้มีโอกาสบินไปจัดงาน ประชาสัมพันธ์มาแล้วทั่วโลก

จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงนี้ ด้วยความที่ใครๆ ก็รู้ว่าอีดาว...เอ้ยน้องดาวรับงานหมดทั่วราช อาณาจักร จะเป็นงานราษฎร์ งานหลวง ดาวทำได้ไม่เกี่ยงงาน


ไม่โก่งราคา จะวันละ 300 บาท 500 บาทดาวก็ Say Yes ตอบตกลงรับไว้ในอ้อมใจทั้งหมดเพราะดาวยังเชื่ออยู่เสมอนะ คะว่าคนเรามีสมองและสองมือยังไงก็ไม่มีทางอดตายหรอกค่ะ
 ดาวจึงได้รับการติดต่อจากรุ่นพี่ที่คณะคนหนึ่งให้ไปช่วยงาน สื่อมวลชนสัมพันธ์เป็น Media Relations แต่จะพูดให้ชัด ๆ ตรง ๆ ก็คือให้ไปนั่งประจำโต๊ะลงทะเบียนนักข่าวในงานเปิดตัว อาหารทะเลแช่แข็งยี่ห้อหนึ่งที่เพิ่งเปิดตัวในปีนั้น ด้วยอัตราค่า จ้างวันละ 500 บาท และดาวก็ตอบตกลงแบบไม่ลังเล แหม 500 บาทสมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนี่ดาวอยู่ได้เป็นอาทิตย์ เลยนะคะ

เมื่อต้องไปออกงานแถลงข่าว ถึงจะต้องนั่งโต๊ะลงทะเบียน แต่ ดาวก็หยิบจับช่วยงานพี่สาวผู้นำพาดาวสารพัด และรู้หรือไม่ว่าตรงจุดลงทะเบียนนักข่าวที่เบื้องหน้าดูสวยงาม มีพีอาร์หน้าสวยคอยนั่งยิ้มหวานต้อนรับแต่เบื้องหลังนี้งาน แบกหามชัด ๆ คะ...ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ค่ะ

ทั้งนี้ทั้งนี้ดาวก็ได้ประโยชน์จากเพศสภาพด้วยร่างกายเป็น ผู้ชายจึงสามารถช่วยพี่ ๆ พีอาร์ ยกกล่องเอกสารข่าว


ประชาสัมพันธ์ หรือ Press Kit ที่จะต้องเตรียมแจกนักข่าว ยก ลังของแจกสำหรับเป็นที่ระลึกสำหรับสื่อมวลชน แล้วลองคิดดูสิคะว่าเปิดตัวอาหารทะเลแช่แข็งของที่ระลึกจะ เป็นอะไรถ้าไม่ใช่กุ้ง หอย ปู ปลา หน้าตาสวยงามในลังน้ำแข็ง ขนาดย่อม ๆ วิญญาณของดาวที่สิงอยู่ในร่างผู้ชายก็ทำได้ ยก ได้อย่างกระฉับกระเฉง ถึงกล้ามจะขึ้นมาอีกนิดอีกหน่อย...แต่ ดาวได้เงิน จุดนี้ดาวโอเคคะ

สงสัยดาวจะถูกจะจริตกับอาหารทะเล ด้วยเพราะอานิสงค์ผล บุญจากการช่วยงานในวันนั้น ส่งผลให้ดาวได้มีโอกาสได้พบ ได้เจอ ได้พูดคุยกับนายแม่แห่ง Thompson PR ที่ต่อมาเปลี่ยน ชื่อเป็น JWT PR และเติบโตจนแยกตัวออกมาตั้งเป็น Verve Public Relations Consultancy ในปัจจุบัน

นายแม่ของดาว หรือ พี่อ๋อย ชณินธร สินวัต เป็นอีกหนึ่งคนที่ ดาวขอยกเครดิต และความดีความชอบให้เลยในชีวิตการ ทำงานพีอาร์ของดาว เพราะจากการไปช่วยงานรายวันในวัน นั้น พี่อ๋อยก็ชอบในความทะมัดทะแมง ช่วยงานสารพัด และพี่ อ๋อยก็ตัดสินใจรับดาวเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว J.Walter Thompson ในแผนก Thompson PR ด้วยตำแหน่ง PR Cordinator


พี่อ๋อย เป็นทั้งนายแม่ผู้ให้โอกาส เป็นครูผู้สอนงาน ประชาสัมพันธ์ และเป็นเหมือนแม่ที่ดูแลดาวสารพัดทั้งเรื่อง งานและเรื่องส่วนตัว ดาวขอบคุณพี่อ๋อยมากมากนะคะ

ถึงดาวจะเริ่มต้นเส้นทางสายพีอาร์ด้วยตำแหน่งพีอาร์ตัวเด็ก ไม่ใหญ่โตฟู่ฟ่า แต่ดาวก็ดีใจแล้วละคะ เอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ระดับ โลก แถมไม่รังเกียจตุ๊ด ให้โอกาสดาว ดาวขอสัญญาด้วยเกียรติของเนตรนารีหมู่นางฟ้าเลยค่ะว่าดาว จะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด
 และเส้นทางสายพีอาร์ของดาวก็ได้เริ่มขึ้นอย่างแท้จริงตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา ตลอด 6 ปีที่ดาวได้มีโอกาสเป็นสาวเอเจนซี่นั่งสวยเฉิดฉายอยู่ ในออฟฟิศสุดโก้ ได้แต่งตัวแสนเก๋อยู่ใจกลางถนนสุขุมวิท ดาว ได้ประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย ในทุก ๆ ด้าน ทั้งการบริหาร ลูกค้า บริหารงานประชาสัมพันธ์ งานสื่อมวลชนสัมพันธ์ กลยุทธ์วิธีการจัดการงานประชาสัมพันธ์ ทั้งแบบบนดิน และ ใต้ดิน ไปจนถึงการบริหารจัดการงานประชาสัมพันธ์ในภาวะ วิกฤต พี่อ๋อยสอนให้ดาวแบบหมดเปลือกแบบไม่หวงวิชา


ส่งผลให้ดาวได้มีทักษะพีอาร์มาจนถึงทุกวันนี้
 
 ชีวิตและไลฟ์สไตล์สาวเอเจนซี่ของดาวจากอดีตที่เคยเป็นน้อง ดาวจนมาถึงจุดที่ใครต่อใครในวงการเรียกขานกันว่า “คุณ ดาว” จะเป็นอย่างไรดาวจะมาเล่าให้ต่อไปรับรองคะว่าเบื้อง หน้าที่เราเห็นว่าสาวเอเจนซี่ดูสวยเก๋ แต่ฉากหลังการทำงาน ของสาวพีอาร์อย่างเราคือสาวโรงงานขนานแท้คะ

ใครอยากรู้ว่าทำไมสาวเอเจนซี่เรียกตัวเองว่าสาวโรงงานบาง ครั้งบางคราวอาจจะเรียกว่า “โรงงานนรก” เสียด้วยซ้ำ อย่า ลืมติดตามกันต่อไปนะคะ รับรองว่าสนุกปนขำ แถมได้ความรู้ พีอาร์อีกด้วยคะ


ตอนที่ 5 มนุษย์พีอาร์ VS สาวโรงงาน ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวเอเจนซี่ใครต่อใครก็คงจะนึกภาพถึงสาวสวย ไฉไล เปรี้ยวเฟี้ยวฟ้าว แต่งองค์ทรงเครื่องใหญ่ เดินสวยเฉิด ฉายในสังคมแสนเก๋ เรื่องนี้ดาวไม่เถียงหรอกนะคะเพราะคำตอบก็คือใช่ แต่ไม่ใช่ ทั้งหมดที่คุณรู้

ทันทีที่ดาวได้มีโอกาสมานั่งทำงานเป็นพีอาร์หน้าสวย เป็นสาว เอเจนซี่ใหญ่ รับหน้าที่ดูแลลูกค้าหรือชาวเอเจนซี่จะเรียกกัน ติดปากว่า Account ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ชนิดพูดไปใครต่อใครก็ อ้าปากร้องอ๋อแบบยังไม่ต้องทำพีอาร์เลยสักนิดแต่แบรนด์มัน ติดหูอยู่แล้วอย่างไรละคะ ชีวิตสาวเอเจนซี่ของดาวเริ่มต้นขึ้นเมื่อดาวได้มีโอกาสได้ดูแล มหากาพย์โปรเจคการแข่งขันประกวดความสามารถทางดนตรี ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น ใบ้ให้นิดนึงค่ะว่าเป็นโปรเจคยักษ์ใหญ่ ของกาแฟชงสำเร็จรูปแก้วสีแดงยี่ห้อหนึ่ง และแล้วชีวิตของมนุษย์พีอาร์และสาวโรงงานย่านสุขุมวิทของ ดาวก็ได้เปิดฉากขึ้น


การประกวดในครั้งนั้นเป็นการแข่งขันที่ต้องควานหาผู้ที่มี ความสามารถจากทางบ้านในหลากหลายประเภทตั้งแต่การ ร้อง การเต้น การเล่นดนตรี แถมเปิดให้ผู้ชมจากทางบ้านทั่ว ประเทศส่งใบสมัครมาเข้าร่วมโครงการ และต้องมีการประกวด ตั้งแต่รอบคัดเลือก รอบภูมิภาค ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ กิน เวลากว่า 6 เดือนเชียวนะคะ

ลูกค้าแรก งานแรก ดาวก็ได้รับงานสำคัญเสียแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามความประสงค์ของลูกค้า หน้าที่หลักของดาว จึงต้องทำพีอาร์ให้ประชาชนคนไทยได้รู้จักกับการประกวดใน ครั้งนี้ เรียกความสนใจจากนักข่าว แถมจะต้องให้มนุษย์ผู้มี ความสามารถพิเศษดังกล่าวสนใจเข้าร่วมสมัครในโครงการ งานแรกก็เจองานหินเสียแล้วดาวเอ๋ย ความรู้ทักษะทางด้านงานพีอาร์หล่อนก็ยังมีไม่มากแล้วทีนี้จะ ทำอย่างไร...ดาวก็เบลอสิคะ

พูดตรง ๆ เลยนะคะว่าเพราะโปรเจคนี้ละคะ ดาวถึงได้รับ ถ่ายทอดทายาทอสูร ร่ำเรียนวิชาพีอาร์แบบทั้งบนดินและ ใต้ดินจากพี่อ๋อย นายแม่แสนประเสริฐผู้เต็มใจงัดวิชาถ่ายโอน


ความรู้จากรุ่นแม่มาสู่รุ่นลูก เพื่อทั้งเข็น ทั้งผลัก ทั้งดันให้งาน พีอาร์ในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้

ดาวขอแยกหมวดหมู่ตามสไตล์นางฟ้าพีอาร์ให้เข้าใจกันง่ายว่า พีอาร์บนดินคือการทำประชาสัมพันธ์แบบเดิม ๆ ไม่ว่าจะ เป็นการแถลงข่าว การส่งข่าว การเขียนบทความ การส่งภาพ ข่าว ไปจนถึงการจัดสัมภาษณ์สื่อมวลชน เป็นพีอาร์ที่อยู่ใน ตำรา และยังคงเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญที่พีอาร์หน้าสวยทุก นางทิ้งไม่ได้ อันนี้ดาวพูดเรื่องจริงไม่ได้อิงนิยายเพราะต่อให้โลกการตลาด ในยุคปัจจุบันจะหมุนเร็วพลันเข้าสู่ยุคสังคมออนไลน์ สื่อสาร ผ่านโซเซียลมีเดียแต่เชื่อดาวเถอะคะว่าในมุมมองของลูกค้าต่อ ให้เราจะทำแคมเปญดีเลิศโพสต์ขึ้นยูทูป แล้วมนุษย์โซเซียล แชร์กันเป็นร้อยเป็นพันครั้ง ลูกค้าก็ไม่ปลื้มเท่ากับได้ตีพิมพ์ลง ไทยรัฐ หรือออกรายการสรยุทธ์เพียงหนึ่งครั้งหรอกค่ะ อันนี้จากประสบการณ์ตรง....พีอาร์ Never Die ค่ะ

ส่วนพีอาร์ใต้ดินนะเหรอคะ อย่างที่บอกงานประชาสัมพันธ์ใน ยุคสมัยสิบกว่าปีก่อน โซเซียลมีเดียเอย อะไรเอยยังไม่แพร่


หลายนิยมมากมายนักหรอกคะ สื่อหลัก ๆ ตัวแม่ก็จะเป็นสื่อ ประเภทวิทยุโทรทัศน์ รายการทีวี ที่ทำอย่างไรก็ได้ให้เค้าหยิบ จับข้อความสารประชาสัมพันธ์ของพีอาร์หน้าสวยอย่างเราไป พูด ไปอ่านเชิญชวนให้สู่ผู้ฟังระดับแมสอย่างไรละค่ะ พี่อ๋อยจึงให้เทคนิคดาวว่าเมื่อสื่อไม่มาหาเรา เราก็ต้องออกไป หาสื่อ เมื่อสื่อมี 100 สื่อต้องการประเด็นข่าว 100 ประเด็น ข่าว เราก็ต้องทำข่าว 100 ชิ้นเพื่อให้ข่าวเราได้ลง คุณพระ! ฟังดูง่ายใช่ไหมคะ แต่อีตอนทำจริงนี่ขอต้อนรับทุก ท่านเข้าสู่โรงงานนรกและเดินทางเยี่ยมยมโรงงานผลิตข่าวกับ ดาวได้เลยค่ะ

ที่บอกว่า “โรงงานนรก” ดาวไม่ได้พูดเอง คิดเอง เออเองหรอก นะคะ สาว สาว ชาวเอเจนซี่พีอาร์ เค้าพูดกันติดปาก เป็นชื่อ เล่นในอาชีพของตัวเอง ถ้าใครบอกว่าเคยทำงานเอเจนซี่พีอาร์แล้วไม่รู้จักคำว่าโรงงาน นรก...มนุษย์พีอาร์นางนั้นโกหกค่ะ เพราะมนุษย์พีอาร์ หน้างานจะต้องแปลงกายเป็นนางฟ้าสวย วิไล แต่หลังบ้าน หลังฉาก เราก็คือสาวโรงงาน เตรียมงานทุก สิ่งอย่าง เหมือนโรงงานเงาะกระป๋องส่งออกอย่างไรก็อย่างนั้น


ที่มาที่ไปของคำว่าสาวโรงงานมันมีอยู่ที่ว่าหนึ่งวันก่อนที่จะมี ฟังก์ชั่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอีเว้นต์เปิดตัวสินค้า งานแถลงข่าว งานแถลงข่าวกลุ่มย่อย และกิจกรรมใดใดที่มีการเทียบเชิญ สื่อมวลชน เข้าร่วมงาน เวลานั้นก็จะเป็นเวลาเปิดทำการของ โรงงานนรกพีอาร์ มนุษย์พีอาร์ต่างรู้กันว่าเลิกงานก็ไม่ได้กลับ บ้านทันที ไปเตรียมอาหารเย็นรองท้องให้อิ่มหนำกันเสียให้พอ เพราะราตรีอีกยาวไกลค่ะ เนื่องด้วยเย็นวันนั้นจะต้องรีบสรุปข่าวประชาสัมพันธ์ Fact Sheet, Briefing Book หรือสมุดคู่มือสำหรับผู้บริหารสำหรับ การสัมภาษณ์สื่อมวลชน Speech หรือคำกล่าวเปิดงานของผู้ บริหาร บางทีก็มี MC Script สารพัดสารเพ แล้วทุกสิ่งอย่างจะ ต้องเตรียมไว้ให้สวยสมบูรณ์แบบ

Speech หรือคำกล่าวก็ต้องอยู่ในแฟ้มให้ผู้บริหาร เมื่อกางออก มาก็พร้อมอ่านได้ทันที ส่วน MC Script ก็ต้องอยู่ในแผ่น กระดานรองมือสำหรับพิธีกรคนดังหยิบขึ้นมาเมื่อไหร่ก็พูดได้ ไฟแล่บ ส่วนที่กองมหึมามหาศาลก็หนีไม่พ้น Press Kit หรือ แฟ้มเอกสารข่าวสำหรับสื่อมวลชน ที่ภายในแฟ้มจะต้อง ประกอบด้วยเอกสารอีกประมาณล้านชิ้นตั้งแต่กำหนดการการ จัดงาน ข่าวประชาสัมพันธ์ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนู้นเรื่องนั่น


มากมายก่ายกอง นับรวมแล้วได้สาระนิพนธ์ส่งอาจารย์ได้หนึ่ง เล่มเลยละคะ การเตรียม Press Kit เอกสารแจกนักข่าว ดูเหมือนว่าจะเป็น แค่แฟ้มเล็กๆ นะคะ แต่เรื่องไม่เล็กอย่างที่คุณเห็นเพราะพีอาร์ หน้าสวยอย่างเราเตรียมไว้ให้พร้อมตั้งแต่หลังบ้านแล้วคะ มี งานแถลงข่าวทีทั้งออฟฟิศลามไปถึงแผนกโฆษณา ครีเอทีฟ หรือ CRM ต่างรู้กันค่ะว่าจะมีงานพีอาร์ เพราะพีอาร์อย่างดาว จะจับ ไปจองเครื่องถ่ายเอกสารทั้งออฟฟิศ แย่งของทุกแผนก เพราะเตรียม Press Kit ทีนึงเราทำกันทีละเป็นร้อยร้อยชุด แถมไม่ใช่ว่าจะซีรอกซ์ กดปุ่มเดียวเพียงปลายนิ้วสัมผัส แล้วนั่ง รอสบายใจนะคะ ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิคะ

เอกสารทุกชิ้นจะต้องมีหัวกระดาษของบริษัทลูกค้าแปะอยู่ใน หน้าแรกเสมอ ไม่ว่าจะเป็น กำหนดการงาน ข่าวพีอาร์ เอกสารข้อมูลร้อยพันชิ้น หน้าแรกจะต้องเป็นกระดาษหัว จดหมายของบริษัทลูกค้า หน้าต่อไปจะเป็นแค่กระดาษเปล่า แล้วทำอย่างละ 100 ชุด พีอาร์หน้าสวยอย่างเราก็แบ่งงานกัน ชัดเจนดีนะคะ คนนึงประสานงานลูกค้าตามล่าหาเอกสารตัว ไฟนอล เผื่อลูกค้าจะแก้อะไรอีก อีกคนนึงก็ยืนประจำเครื่อง


ซีรอกซ์ อีกคนนึงเป็นมือฉมังแม็ก คอยเย็บเอกสารเข้าชุด อีก นางนึงคอยจัดเรียงเข้าแฟ้มมากันเป็นทอด ๆ เหมือนโรงงาน เงาะกระป๋องส่งออกอย่างที่ดาวบอกเลยใช่ไหมละคะ

พิมพ์เอกสารไปมา เคยเจอไหมคะ กระดาษหัวจดหมายคุณ ลูกค้าหมดตอนห้าทุ่มทำอะไรไม่ได้ก็ต้องให้พี่แมสเซนเจอร์วิ่ง ไปรับ รอกันไปอีกสิคะ แถมวันดีคืนดีเกิดวิกฤตการสื่อสาร ลูกค้าขอแก้ข่าวตัวสุดท้าย ตอนตีหนึ่งแล้วมีงานแถลงข่าวสิบโมงเช้าดาวก็ต้องเปิดโรงงาน นรกกะสองอย่างไม่มีทางเลือก แต่เหล่านี้เป็นประสบการณ์การทำงานที่ดีที่สั่งสมให้ดาวได้ ทำงานจริง สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง แปลงร่างเป็นได้หลายอาชีพ ใครว่าพีอาร์หน้าสวย จะนั่งสวยเชิดอย่างเดียวมนุษย์พีอาร์ อย่างดาวต้องมีทั้งความอึดและความถึกเป็นของแถม เป็นสาวโรงงานขนานแท้เลยละค่ะ


ตอนที่ 6 นักข่าวผี พีอาร์หลอน ประสบการณ์เรื่องผีนี่แลดูเหมือนว่าจะเป็นใครหน้าไหน อาชีพ อะไร หากได้พบได้เจอคุณผีตัวเป็นเป็นแล้ว รายไหนก็รายนั้น ต้องขนพองสยองเกล้าขนลุกซู่ไปตาม ๆ กัน ดาวเชื่อว่าใคร ๆ ก็กลัวผี

ในวงการงานพีอาร์ก็เหมือนกัน “เรื่องผีมีอยู่จริง” แล้วถ้ายิ่ง เป็นผีในสายงานเจอดีจากผีนักข่าว หรือนักข่าวผีนี่ต่อให้แขวน สมเด็จวัดระฆังองค์เท่าบ้าน จะพรมน้ำมนต์ หรือปัดรังควาน ก็ หนีไปไหนไม่พ้นหรอกค่ะ เพราะวิญญาณยังตามติด

ดาวก็เป็นอีกหนึ่งนางพีอาร์ที่เจอฤทธิ์เดชนักข่าวผี ที่มาเฝ้าวน เวียน ล่องลอยไปมาตามงานแถลงข่าวอยู่เนือง ๆ ชีวิตพีอาร์เอเจนซี่นี่หลากรูปแบบนะคะ งานดึกก็ต้องทำ แถม ต้องมาทำพิธีไล่ผี ปัดรังควานให้งานแถลงข่าวสำเร็จราบรื่นไป ได้ด้วยดี แถมวันดีคืนดีไล่ให้ไปที่ชอบที่ชอบ คุณพี่ผีนักข่าวกลับตอบ กลับมาให้หน้าหงายว่าชอบมางานแถลงข่าวนี่แหละ


ดาวสะเทือนใจ

ทว่านักข่าวผี หาใช่ผีหรือวิญญาณร้ายสิงร่างอย่างที่ใครต่อใคร มโนภาพในสมองหรอกนะคะ ดาวแค่เปรียบเปรยให้เห็นภาพ แต่นักข่าวผี เป็นชื่อเรียกที่สาวชาวเอเจนซี่พีอาร์ตั้งไว้เรียกแทน ชื่อเล่นแขกคนไม่สำคัญแถมยังไม่ได้รับเชิญ แต่มักจะมาปราก ฎกายในงานแถลงข่าว แล้วสมอ้างตัวเองว่าเป็นนักข่าว เพื่อ ตามล่าของแจก ของที่ระลึกสำหรับนักข่าวกลับบ้านติดไม้ ติดมือไปเป็นของแถม

นี่คือเรื่องจริง ไม่ได้อิงนิยายแต่อย่างใด ดาวยืนยันได้เลยคะเพราะตลอดชีวิตการทำงานพีอาร์สิบกว่าปี ของดาว ถ้าปีไหนไม่ได้เจอนักข่าวผีนี่รับรองปีนั้นดินฟ้าอากาศ จะต้องเกิดเหตุอาเพศ เพราะมีงานพีอาร์ที่ไหนคุณผีนักข่าวก็ ต้องมา

จนบางครั้งดาวเองก็แปลกใจนะคะว่าเราจัดงานไกลกันจนสุด หล้าฟ้าเขียว เข้าตรอกซอกซอยลึกเป็นกิโล คุณนักข่าวผีของ เราก็ยังปรากฎกายได้ตามหมายนัดนักข่าวตรงเวลากว่าใคร

เป็นเรื่องหนึ่งที่ดาวแอบอยากรู้ว่าคุ้มไหมกับค่ารถไปกลับบ้าน


กับของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ นี่เป็นคำตอบที่ดาวยังหาไม่เจอ เพราะไม่กล้าถามตรงๆ ดาวกลัว

เชื่อไหมคะสมัยดาวเป็นสาวเอเจนซี่ ที่ออฟฟิศดาวถึงกับให้ช่าง ภาพถ่ายแชะหน้าคุณผี แล้วทำเป็นสไลด์พาวเวอร์พอยท์แจก กันทั้งบริษัทเลยนะคะว่าหนังหน้าเหล่านี้คือจารชนคนปล้น ข่าวหรือนักข่าวผีที่ปลอมตัวแฝงกายมากับพี่ ๆ สื่อมวลชนตัว จริง เก็บไว้เป็นข้อมูลส่วนตัว ส่วนออฟฟิศกันเลยทีเดียว เพื่อ จะได้แทคทีมช่วยกันป้องกันผีร้ายไม่ให้มารังควานภายในงาน

ลักษณะนิสัยส่วนตัวของนักข่าวผีนี่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ก่อความ วุ่นวาย หรือเดือดร้อนสร้างความรำคาญใจให้เหล่าพีอาร์หน้า สวยอย่างดาวมากนักหรอกคะ เพียงแต่บางงานลูกค้าเช็คจำนวนของที่ระลึกสำหรับนักข่าว แบบละเอียด นักข่าวกี่คน กี่ชิ้น เท่าไหร่บอกมาให้หมด แล้ว คุณพี่นักข่าวผีนี่ก็ชอบวนไปเวียนมาตรงโต๊ะลงทะเบียนและ มาบอกว่ายังไม่ได้ของแจก ยังไม่ได้เลย ยังไม่เคยได้ เอ่อคุณพี่คะ นี่ไม่ใช่ละครแนวปลอมตัวแบบทัดดาว บุษยานะ คะที่ดาวจะจำไม่ได้ว่าพี่คือคนเมื่อกี้


ดาวไม่ใช่พระเอกหนังไทยที่จำอะไรไม่ค่อยได้หรอกนะคะ

หนักไปกว่านั้น นักข่าวผีไม่เพียงแค่จะสิงพีอาร์อย่างเดียวแต่จะ ไปสิงผู้บริหารผู้ให้สัมภาษณ์ เผลอแป๊บเดียวผีผีทั้งหลายทำที เป็นไปพูดคุยสัมภาษณ์ผู้บริหารของดาวเสียแล้ว แล้วจะให้ดาว ทำอย่างไรละคะดาวก็ต้องไปสิงผู้บริหารอีกต่อ คอยสะกิดหลัง สะกิดไหล่ กระซิบบอกให้รู้ว่านี่คือนักข่าวตัวปลอมเจ้าคะคุณ ลูกค้า

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ อิทธิฤทธิ์นักข่าวผีมีอยู่จริงนะคะ วันดีคืนดีไม่ ต้องรอวันพระจันทร์เต็มดวงคุณผีทั้งหลายเกิดเฮี้ยนขึ้นมา อาละวาดกลางงาน ไม่แคร์หน้าอินทร์หน้าพรหม เล่นเอาสาว ๆ พีอาร์หลอนไปตาม ๆ กัน วิ่งวุ่นจัดการให้งานราบรื่น น่า กลัวใช่ไหมคะ

เพื่อเป็นข้อมูลไว้น้องนางพีอาร์หน้าสวยรายอื่นได้เตรียมตัว ป้องกันผีนักข่าว ดาวบอกให้เลยนะคะว่ามนุษย์นักข่าวผีจะมี ลักษณะเป็นชายหญิงวัยกลางคน รูปร่างผอมบาง และจะมี หนังสือพิมพ์หน้าปฏิทินข่าวติดตัวมาด้วยเสมอ เพื่อมาอ้างกับ พีอาร์อย่างดาวว่า นี่ไงฉันได้รับเชิญมาร่วมงาน นี่ไงละ จดหมายเชิญ

แต่เพื่อป้องกันไม่ให้งานแถลงข่าวปั่นป่วน สิ่งที่ดาวจะต้องทำ


คือส่งมอบข่าวประชาสัมพันธ์ให้นาง แล้วบอกว่าค่อยมารับของ แจกที่หลัง แล้วรีบจัดการให้คุณผีเหล่านั้นไปที่ชอบที่ชอบเสียเถิด อย่า มารบกวนกันเลยแค่หน้างานลำพังรับหน้าลูกค้าดาวก็แย่แล้วนี่ จะมาให้เป็นร่างทรงติดต่อประสานงานกับวิญญาณดาวไม่ไหว หรอกคะ

แต่ถึงอย่างไรดาวก็ผ่านประสบการณ์ผีผีในงานพีอาร์มาได้ด้วย ดี บำเพ็ญเพียรจนบารมีแก่กล้า สั่งสมประสบการณ์ให้ดาว รับมือคุณผี และเรื่องจุกจิก เล็กน้อยในงานพีอาร์ และเป็นอีก หนึ่งประสบการณ์ที่ทำให้ดาวสามารถสยายปีกเป็นางฟ้าพีอาร์ ได้จนถึงทุกวันนี้
 แต่ถึงจะเก่งกล้าสามารถแล้วงานหน้า งานไหน ดาวก็ไม่อยาก เจอ “นักข่าวผี” หรอกนะคะ ขอต่างคนต่างอยู่กันจะดีกว่าคะ


ตอนที่ 7 ภารกิจบินลัดฟ้า พีอาร์แดนมังกร เมื่อโชคชะตาฟ้าไม่ลิขิตให้สาวบ้านนาอย่างดาวได้มีโอกาสเป็น นางฟ้าหน้าสวยเป็นแอร์โฮสเตสแสนเก๋คอยส่งยิ้มหวานให้ บริการผู้โดยสารบนเครื่องบิน แต่จนแล้วจนรอด ดวงชะตาชีวิต ก็ลิขิตให้ดาวกลายเป็นนางฟ้าพีอาร์ ติดปีกเดินทางไปทำภาระ กิจพีอาร์มาแล้วทั่วโลก

เรียกได้ว่า PR Around the World ไม่ต่างจากแอร์โฮสเตสเลยที เดียว

เส้นทางของการเป็นนางฟ้าพีอาร์ของดาวเริ่มต้นเปิดฉากตั้งแต่ ดาวย้ายเอเจนซี่ เปลี่ยนงานสู่บ้านหลังใหม่ ได้มีโอกาสเข้ามา เป็นพีอาร์หน้าสวยประจำ “ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย” หรือตอนนี้เรียกชื่อใหม่เก๋ไก๋ว่า H+K Strategies Thailand ซึ่ง เป็นอีกหนึ่งเอเจนซี่ที่ดาวใฝ่ฝันจะเข้ามาร่วมงานด้วย เพราะตั้งแต่ดาวรู้จักกับงานพีอาร์ สมัยยังเป็นตุ๊ดน้อยหอยสังข์ ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ก็เป็นชื่อพีอาร์เอเจนซี่ที่อยู่ในตำราเรียน มานับแต่โบราณกาล ชื่อเสียงเรียงนามเอเจนซี่ดังไปก้องโลก ค่ะ ด้วยเคสการทำพีอาร์สุดคลาสสิคให้กับบริษัทยายี่ห้อหนึ่งที่ ประสบปัญหา แต่ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน เค้าจัดการวิกฤตได้


เสร็จสรรพ จนแบรนด์ยากลับมามีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกได้ อีกครั้ง

เมื่อได้มีโอกาสเข้ามานั่งตำแหน่ง Associate หรือที่ปรึกษา ด้านประชาสัมพันธ์ในเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ ถึงจะเป็นตำแหน่งเล็ก ไม่ติดดาว แต่ดาวก็ได้มีโอกาสดูแลลูกค้ารายหนึ่ง เป็นหน่วย งานรัฐบาล เป็นองค์การมหาชนเปิดใหม่เพิ่งก่อตั้งมาได้ไม่ นาน ที่ชื่อว่า “สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและ นิทรรศการ” หรือ “Thailand Convention and Exhibition Bureau” หรือที่ใครต่อใครมักจะเรียกกันติดปากว่า TCEB

ดาวเองก็เพิ่งรู้เองนะคะว่าในประเทศไทยยังมีหน่วยงานรัฐ ประเภท “องค์การมหาชน” เปิดให้บริการประชาชนอีกรูป แบบหนึ่ง แยกแตกต่างจากราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แต่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากทางรัฐบาล 100% แต่มี การบริหารงานและจ่ายเงินเดือนให้พนักงานแบบเอกชน เพื่อ ความคล่องตัวในการดำเนินงาน หมดยุคเงินเดือนราชการ 9,000 พันบาทไม่พอยาไส้แล้วคะ

ข้าราชการยุคมิลเลนเนี่ยมนี่ทำงานเก๋ เงินดี มีหน้ามีตา กว่าที่ คุณคิดค่ะ ดาวคอนเฟิร์ม


TCEB เป็นองค์การมหาชน หน่วยงานรัฐบาลในสังกัดสำนัก นายกรัฐมนตรี แยกตัวออกมาจาก การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย หรือ ททท. มาเป็นสำนักงานน้องใหม่ที่ดูแลรับ ผิดชอบในการส่งเสริมให้เกิดการจัดประชุมและแสดงสินค้า นานาชาติในประเทศไทย หรือพูดให้เข้าใจง่ายว่า ททท.ดูแล นักท่องเที่ยวกลุ่มไลฟ์สไตล์ ส่วนทีเส็บดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่ม ธุรกิจ ดาวเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามีหน่วยงานอะไรแบบนี้

เมื่อได้มีโอกาสดูแลงานด้านประชาสัมพันธ์ให้กับ ทีเส็บ และ ด้วยพันธกิจหลักของหน่วยงานนี้คือต้องไปโปรโมต ประเทศไทย เชิญชวญและดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาจัดงาน ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติในบ้านเราให้มากที่สุด ดาวจึงได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคุณลูกค้าไปเข้าร่วมกิจกรรม โรดโชว์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อให้มี โอกาสได้เห็นภาพรวมการทำงานของสำนักงานและจะได้มอง ภาพออกว่าควรจะวางแผนกลยุทธ์พีอาร์ทั้งในประเทศ และใน ต่างประเทศอย่างไร


ในที่สุด...ทริปแรกของดาวก็เริ่มต้นขึ้น
 สำหรับการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปทำงานในต่าง ประเทศครั้งแรกของดาว บอกตรง ๆ ว่าดาวตื่นเต้นเป็นอัน มากค่ะก็แหม นานทีปีหนจะได้บินลัดฟ้า ทะยานสู่การทำงาน พีอาร์แบบอินเตอร์ ถึงจะไม่ได้เป็นแอร์ แต่ดาวได้โกอินเตอร์เป็นนางฟ้าพีอาร์ ที่ สำคัญยังเป็นการเดินทางไปทำงานต่างประเทศครั้งแรกของ ดาว ดาวโอเคแล้วละค่ะ

ไปถึงแดนมังกรลักษณะและระบบการทำงานพีอาร์ของเมือง จีนเค้าไม่เหมือนกับบ้านเราตรงธรรมเนียมปฏิบัติในเรื่องของ การเชิญสื่อมวลชน เพราะบ้านเราการทำพีอาร์จะต้องใช้ความ สัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับสื่อมวลชน ดึงประเด็นเด็ดประเด็น โดน เพื่อให้พี่พี่สื่อมวลชนมาร่วมงานแถลงข่าว แต่...เพียงเท่านี้ยังไม่พอกับพี่สื่อชาวจีนหรอกนะคะ เพราะ นอกจากจะต้องมีความสัมพันธ์อันแน่นหนาและข่าวล่ามาเร็ว แล้วสื่อแดนมังกรเค้ายังต้องการ “เงิน” ใส่ซอง เป็นของแถม อีกด้วยค่ะ


ถูกต้องแล้วค่ะ ที่เมืองจีนต้องการเงินใส่ซองแต่ไม่ใช่ว่าพี่นัก ข่าวจะหน้าเงินอย่างที่เราเข้าใจหรอกนะคะ
 การยื่นเงินใส่ซองให้นักข่าวแดนมังกร...เป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่เขาทำกันทั้งประเทศ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมาเนิ่นนาน และไม่ถือเป็นการซื้อนักข่าว และเป็นเรื่องไร้จรรยาบรรณแต่ อย่างใด เพราะชาวจีนจะถือเป็นเงินใส่ซองค่าน้ำชา ค่าน้ำมัน รถในการออกมาทำงานข่าว ไม่เสียหาย ส่วนเงินในซองก็ไม่มากไปจนน่าขนพอง ไม่น้อยไปจนใช้ชีวิต ไม่ได้ เพียงแค่ 100 หยวน หรือ ประมาณ 500 บาทเท่านั้น เองค่ะ ที่สำคัญการใส่เงินในซองไม่ได้การันตีว่าข่าวที่เราให้ไปจะได้รับ การตีพิมพ์หรอกนะคะ ข่าวทั้งหมดก็ต้องผ่านการพิจารณาจาก บรรณาธิการข่าวอยู่ดี เหมือนบ้านเราเลยละค่ะ

ถึงเวลาฤกษ์ดีได้เวลาชี้แจงแถลงข่าว และด้วยความที่เราเป็น คนไทย ไปแถลงข่าวไกลถึงเมืองจีน พูดกันคนละภาษา กิจกรรมพีอาร์ก็ต้องสองภาษาสิคะ ใช้ภาษาอังกฤษ แล้วให้ ล่ามแปลเป็นภาษาจีน ส่วนพรีเซนเทชั่นก็ต้องมีซับไตเติ้ล ภาษาจีนไว้ให้เสร็จสรรพ เหมือนนั่งดูหนังจีนชุดกำลังภายใน


แล้วมีตัวอักษรจีนวิ่งไปมาให้พอกรุบกริบ
 หมดช่วงพรีเซนข้อมูล ถึงเวลาสัมภาษณ์กลุ่มย่อยกับสื่อจีน ดาวบอกตรง ๆ นะคะ ด้วยธรรมชาติความตรงไปตรงมาของ ชาวจีนที่คนไทยเราคุ้นชินและติดภาพมโนในหัวไว้อย่างไร เวลาพี่จีนแกเล่นบทบาทสื่อมวลชนขึ้นมานี่.น่ากลัวกว่าสื่อไทย สัมภาษณ์เยอะเลยละค่ะ ดุ เด็ด เผ็ด มัน ยิ่งกว่าซีรีย์นางพญาผมขาวเสียอีก

แถมเวลาจะสัมภาษณ์ทีนึงก็ปวดหัว ปวดใจ จะภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีนวุ่นวายกันไปหมด จนบางทีดาวก็แอบ เบลอ พูดภาษาไทยใส่นักข่าวจีนไปเสียอย่างนั้น พี่จีนเราก็รับ มุกนะคะ ส่งกลับมา ฮ่อ ฮ่อ ฮ่อ กันไปตามอัธยาศัย ดาวก็ ฮ่อ ฮ่อ ฮ่อ กลับไปตามสัญชาติญาณเช่นกันค่ะ

งานพีอาร์ติดปีกไฟล์ทแรก ก็เจอพี่จีนสุดพลังเสียแล้ว แถมไป ทำงานกับคุณลูกค้า เลยไม่ค่อยได้มีเวลาเปรี้ยวเฟี้ยวฟ้าวใน แดนมังกรมากนัก เลยเล่าให้ฟังได้แค่ธรรมชาติสื่อเมืองจีน เอาพอหอมปากหอมคอ แต่คราวหน้ารับรองประสบการณ์เดิน ทางสุดเก๋ แถมรายละเอียดงานพีอาร์ต่างแดนแบบครบเครื่อง จะมาเต็ม...เมื่อดาวได้ติดปีก เป็นนางฟ้าพีอาร์เต็มตัว


ตอนที่ 8 จุดกำเนิด “นางฟ้าพีอาร์” หลังจากที่ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคุณลูกค้า ติดปีกโก อินเตอร์ เดินสายไปจัดงานพีอาร์ชิค ๆ คูล ๆ ถึงแดนมังกรก็ เปิดโลกใหม่ให้ดาวอัพเกรดตัวเองจากการเป็น “พีอาร์หน้า สวย” สู่จุดเริ่มต้นของการเป็น “นางฟ้าพีอาร์” แสนเก๋เก็บ เกี่ยวประสบการณ์มาเล่าขานให้ฟังกันได้อย่างทุกวันนี้

จำประโยคนึงที่ดาวเคยพูดได้ไหมคะ เมื่อเราได้พื้นที่ข่าวประชาสัมพันธ์มาฟรี เราก็ต้องมีเนื้อหา ข่าวดีดีให้กับนักข่าว และเช่นกันค่ะการนั่งแท่นทำเนียบ “พีอาร์หน้าสวย” ประจำเอ เจนซี่นี่เมื่อเราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเลือกให้เราเป็นที่ ปรึกษาด้านการประชาสัมพันธ์ เราต้องส่งมอบทั้งการบริการ และการบริหารงานที่ดีเลิศเป็นการตอบแทนลูกค้าที่ไว้วางใจ เรา

เมื่อดาวเชื่ออย่างนั้น ดาวก็ไม่รีรอที่จะปฏิบัติตาม จนในที่สุด ผลงานของดาวก็เข้าตากรรมการ เข้าวิน จนลูกค้าของดาวเอ่ย ปากชวนดาวให้เข้าร่วมทีมเพื่อเดินทางสาย “นางฟ้าพีอาร์”


สวยวิไล ร่วมกัน อัพสเกลจากการทำงานพีอาร์เพื่อการตลาด แต่ปรับโหมดสู่การเป็นพีอาร์โปรโมตประเทศไทยแทน

อย่างที่ดาวพูดเอาไว้ว่าดาวเองก็เพิ่งรู้ว่ามีหน่วยงานแบบ “องค์การมหาชน” ตั้งอยู่ในประเทศไทยนี้เป็นหน่วยงานของ รัฐบาลแบบที่สามแยกแตกต่างออกมาจาก หน่วยงานราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แถมพันธกิจของบริษัทใหม่ดาว ก็เก๋ ไก๋ด้วยว่าที่เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการ จัดประชุมและนิทรรศการของภูมิภาคเอเชีย ดาวก็ไม่ลังเลสิค่ะ เพราะเห็นโอกาสว่าจะได้ประสบการณ์พีอาร์ ในต่างแดนอีกหลายประเทศ ดาวจึงตอบตกลงไปตามอัธยาศัย ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาร่วมทีมพีอาร์หน้าสวยที่ฮิลล์ แอนด์ นอล ตัน ได้เพียงแค่ 9 เดือน ณ เวลานั้นแต่เมื่อเส้นทางสาย นานาชาติกวักมือเรียกดาว ดาวก็ต้องไปหน้าที่เพื่อชาติบ้าน เมือง แถมได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากพี่จบ กรรภิรมณ์ อึ้งพากร นายแม่แห่งฮิล แอนด์ นอลตัน ประเทศไทยเป็นอย่าง ดี

เมื่อดาวตัดสินใจก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางสายนางฟ้าพีอาร์ ดาวก็ ต้องย้ายศูนย์บัญชาการงานพีอาร์ของดาวมาสู่บ้านหลังใหม่ยัง “สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การ มหาชน)” หรือ สสปน. หรือหลายคนมักคุ้นชินกันว่า ทีเส็บ


หรือ TCEB ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่อยู่ภายใต้การกำกับ ดูแลของ “สำนักนายกรัฐมนตรี” แลดูโฟรไฟล์ชนะเลิศ

เมื่อบ้านหลังใหม่เป็นหน่วยงานรัฐบาลเครื่องทรง ของประดับ ต่าง ๆ ที่เคยมีมา ที่ดาวได้สะสมมาทั้งชีวิตสำหรับใส่ไปเปรี้ยว เฟี้ยวฟ้าวเวลาแต่งตัวจัดเต็มที่ทำงานเก่าได้ พูดกันตรงเลยคะ ว่าที่นี้หมดสิทธิ์ ดาวจะต้องแต่งตัวตามระเบียบหนุ่มสาวชาว ออฟฟิศจริง ๆ จัง ๆ กับเขาเสียที มาลุ้นกันค่ะว่าดาวจะปรับตัวได้ไหม

จากลุคการแต่งตัวเดิมแฟชั่นไหนที่ว่าล่ามาแรง ดาวก็ไม่เคย ล่าช้า จัดใหม่ใส่ไปทำงาน กางเกงเหลือง แดง เขียว ชมพู ส้ม ฟ้า สารพัดสีนี้มีหมด ไหนจะเครื่องประดับต่างหูแสนสวย สร้อยข้อมือพวงโต พอย้ายงานมาเป็นนางฟ้าพีอาร์ดาวถึงกับ ต้องยกลังไปแจกจ่ายเพื่อนฝูงกันเลยทีเดียวค่ะ

เมื่อย่างกรายเข้าไปทำงานวันแรกดาวต้องเปลี่ยนโหมดปรับตัว สู่ลุคใหม่ เปลี่ยนนางสาวปานดาวสู่เจ้าหน้าที่รัฐ เห็นจะไม่คุ้นชิน ปรับตัวไม่ได้แน่แน่เลยดาวเอ๋ย


ลุคใหม่สำหรับการไปทำงานที่ใหม่วันแรกของดาวคือ ผูกไทค์ ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสแลคคุณลุง และรองเท้าหนัง คุณพระ...นี่ดาวหรือใครกัน ดูตัวเองในกระจกนึกว่าเซลล์ขาย ประกันจนดาวเองก็เพลีย

ถึงจะเพลีย แต่แค่เรื่องการแต่งกายไม่ใช่อุปสรรคใหญ่หลวง หรอกค่ะ ก็แค่จันทร์ - ศุกร์ เท่านั้น ส่วนวันหยุดดาวก็ยังคง แต่งตัวเฉิดฉายได้ตามปกติ...ใจดีสู้เสือ แต่งแบบเนี้ยบ ๆ คลีน กางเกงสีอ่อนกับเสื้อสวยก็แลดูสวยแปลกตาแถมยังถูก สุขลักษณะสไตล์แฟชั่นคลาสสิคอีกด้วยนะคะ ค่อย ๆ ปรับค่อย ๆ เปลี่ยนกันไป

งานใหม่ ตำแหน่งใหม่ บริษัทใหม่ ที่ดาวเข้าไปทำงานด้วยนั้น ส่วนงานที่ดาวต้องเข้าไปช่วยราชการงานเมืองก็คือส่วน ประชาสัมพันธ์เดิม ฝ่ายสื่อสารการตลาดในยุคนั้น แต่ปัจจุบัน ได้ปรับโครงสร้างองค์กร และขยายส่วนงานประชาสัมพันธ์เป็น ส่วนสื่อสารองค์กร และเปลี่ยนชื่อฝ่ายเป็นฝ่ายการตลาดและ ภาพลักษณ์องค์กร ตามสมัยนิยมในสมัยนี้ค่ะ

ตอนนั้นทีมพีอาร์ของดาวมีอยู่ด้วยกันเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น และแบ่งการรับผิดชอบงานออกเป็นสองส่วน คือ กองการ


ประชาสัมพันธ์องค์กร (Corporate PR) และกองการ ประชาสัมพันธ์การตลาด (Marketing PR) ส่วนดาวก็ได้รับ มอบหมายให้ไปดูแลส่วนประชาสัมพันธ์การตลาด ช่วยทีมการ ตลาดและเรื่องการประชาสัมพันธ์สำหรับทั้งอุตสาหกรรมการ ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (Meetings & Incentives) อุตสาหกรรมการประชุมนานาชาติ (Conventions) และ อุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibitions) ส่วนกองการประชาสัมพันธ์องค์กรจะดูแลรับผิดชอบงาน ทั้งหมดขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นนโยบายรัฐบาล แผนงานและ ทิศทางการดำเนินงานขององค์กร การจัดการภาวะวิกฤต จัด ทำรายงานประจำปี ร่างคำกล่าวผู้บริหาร และอื่นๆ ใดใดที่เป็น เรื่องของเจ้า ๆ นาย ๆ เค้านั่นแหละค่ะ อาจจะดูรายละเอียดเยอะ แต่ดาวขอถือโอกาสให้ความรู้ไปใน คราวเดียวกันเลยนะคะ

ตำแหน่งใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้ว่าจะเป็นงานพีอาร์เหมือน กัน รูปแบบการประชาสัมพันธ์ก็เหมือนเดิมเดิมเป็น ธรรมเนียมปฏิบัติ แต่สิ่งที่บอกว่ายากคือดาวจะต้องศึกษา ข้อมูลอุตสาหกรรมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรืออุตสาห กรรมไมซ์นี่ใหม่ทั้งหมดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เรียกว่า


แทบจะเอาเอกสารทางราชการ ทั้งลับบ้าง ไม่ลับบ้าง มาต้ม กินคู่กับมาม่าให้อร่อยปากไปเลยละค่ะ จนทุกวันนี้นะเหรอค่ะ ข้อมูลอุตสาหกรรมไมซ์มันฝังรากลงไป ในตัวดาวลึกลงไปถึงระดับเซลแล้วละค่ะ คนเราถ้าตั้งใจทำ อะไรจริงๆ แล้วย่อมทำได้สำเร็จค่ะ ดาวเชื่ออย่างนั้น

จากเรื่องราวทั้งหมด และหน้าที่ความรับผิดชอบ สั่งสม ประสบการณ์ความรู้ เปลี่ยนวิธีคิด และสร้างทักษะทางการ ประชาสัมพันธ์ใหม่ให้ดาวอย่างมากมายมหาศาล เพราะเมื่อ ก่อนสมัยอยู่เอเจนซี่ดาวก็มักจะคิดว่าเป็นลูกค้านี่ดีเนอะเอะอะ อะไรก็ใช้แต่เอเจนซี่ แต่พอได้มานั่งเป็นพีอาร์หน้าสวยสลับข้าง เป็นฝั่งลูกค้าบ้างดาวจะร้องไห้ เพราะอะไรรู้ไหมค่ะ เพราะที่ลูกค้าส่งงานพีอาร์ต่าง ๆ ให้เอ เจนซี่ทั้งหลายช่วยดูแล นั้นมันแค่หนึ่งในสิบ และบางครั้งก็ หนึ่งในร้อยของพีอาร์อินเฮ้าส์ (PR In-House) เลยละค่ะและ ดาวก็เชื่อว่าสาวสาวเอเจนซี่หลายคนคงแอบคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เช่นกัน...ไม่เอา ไม่คิดนะคะ...จุ๊จ
ุ๊

นี่แหละค่ะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายนางฟ้าพีอาร์ของดาว อย่างแท้จริง ด้วยภารกิจราชการงานเมืองส่งผลให้ดาวตะลอน


ทัวร์ เป็นพีอาร์...ติดปีก เก็บเกี่ยวประสบการณ์พีอาร์ในต่าง แดนมาเล่าให้ฟังกันอย่างถึงพริกถึงขิง


ตอนที่ 9 มหาภารตะกับภารกิจพีอาร์ เมื่อดาวได้รับเข็มประดับยศ ติดปีกขึ้นแท่นเป็นนางฟ้าพีอาร์ให้ มาช่วยราชการงานเมืองเต็มตัว กลายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แสนเก๋ พร้อมแบกรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการพีอาร์ ประเทศไทยให้โด่งดังไฉไล เป็น destination ในฝันสำหรับ ธุรกิจการจัดประชุมและนิทรรศการ เป็นจุดหมายหลักของ เอเชีย สู้ศึกแย่งชิงมงกุฏกับสิงคโปร์และฮ่องกง แลดูจะหนักหนาแต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะพลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อม กับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ สไปเดอร์แมนกล่าวไว้ค่ะ

ภารกิจติดปีกทริปแรกอย่างเป็นทางการของดาวดูเหมือนจะ สดใสสวยหรู เดินยักย้าย ส่ายสะโพกบนถนนหินในแถบ เมดิเตอร์เรเนียน คุณพระ...แต่มันไม่เป็นเยี่ยงนั้นนะสิค่ะ ทริปแรกก็ต้องเจอบท ทดสอบกันเสียสักหน่อย

ดาวโดนลองของค่ะ


ทริปแรกดาวก็แจ๊คพอตเจอทริปสุดหฤหรรษ์ ต้องเรียกว่า หฤหรรษ์จริงๆ นะคะ เพราะว่าออกราชการงานเมืองครั้งแรก ดาวก็ต้องเดินทางทะยานข้ามขอบฟ้าสู่ประเทศปลายทาง ไม่ ใกล้ ไม่ไกล ลัดฟ้าสู่ประเทศ “อินเดีย” เมืองแห่ง อินเดี๊ย อินเดีย ดาวเลยได้มีโอกาสจัดทริปมหาภารตะ เดินเครื่อง ภารกิจพีอาร์ ในดินแดนต้นกำเนิดพระพุทธศาสนาของเรานี้ เอง เนื่องด้วยทางสำนักงานเค้ามีกิจกรรม India Roadshow เดินสายโปรโมตเชิญชวนหนุ่มสาวชาวอีนี้จ๋ามหาภารตะให้เข้า มาจัดประชุมและแสดงสินค้าในประเทศไทย ในเมืองนิวเดลี

ก่อนที่ดาวจะพาไปเที่ยวชมเมือง เซย์ไฮอินเดียกันถึงถิ่น ดาว ขอเล่าประสบการณ์พีอาร์กับนักข่าวสาหรี่ให้ฟังกันสักนิดนะคะ เผื่อเป็นข้อมูลเก็บไว้เปรียบเทียบกับเหยี่ยวข่าวชาวไทยของเรา ว่าเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

นักข่าวอินเดียใครไม่เจอกับตัวคงไม่รู้หรอกนะคะว่าถึงพริกถึง ขิงแค่ไหน เอาจริงเอาจังและดุดันกับงานข่าวเสียยิ่งกว่ากระทิง เมืองสเปน ด้วยความที่ว่าธรรมชาติของคนอินเดียเค้าจะเป็นแนวรุกฆาต อย่างที่เรารู้ ๆ กันอยู่แล้ว และพอถึงเวลาทำงานสื่อแดนภาร ตะรุกฆาตเสียยิ่งกว่าอะไรจนดาวตกใจ สัมภาษณ์ผู้บริหารได้ดุ เด็ดเผ็ดมันส์ ทั้งช่วงแถลงข่าว ถามจี้ขึ้นไปบนเวที และหลังจาก


เสร็จพิธีกรรม ก็วิ่งจากมาสัมภาษณ์ตัวต่อตัวกับบรรดานาย นายของเราอีกกินเวลายาวนาน 3-4 ชั่วโมงเลยละค่ะ

แล้วการจัดงานในอินเดียแต่ละครั้ง ต้องเผื่อใจ เผื่อเวลาเอาไว้ ให้มาก เพราะที่นี่เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่รถ ติดมหากาฬติดอันดับโลก นัดกันไว้ทุ่มนึง กว่าจะได้เริ่มงานกัน ก็เกือบสามทุ่มแล้วค่ะ เพราะรถติดเหลือทน กรุงเทพฯบ้านเรา ว่าหนักแล้ว เจออินเดียเข้าไปบ้านเราถนนโล่งไปเลยค่ะ กว่า แขกเหรื่อจะมาถึงก็โน่นละค่ะได้เวลานอนของดาวพอดี ถึงเวลาจัดงานไป ก็กินกันไปแบบไม่ต้องเคอะเขิน เพราะได้ เวลาอาหารค่ำ กินกันไปสัมภาษณ์กันไป กรุบกริบ ดูน่ารักดี นะคะแต่นี่เป็นธรรมเนียมชาวภารตะเค้าค่ะ ไม่น่าเกลียดและ เสียมารยาทแต่อย่างใด

ที่อินเดียนี่แถลงข่าวทีนึงนักข่าวมากันเป็นร้อยร้อยคนแบบไม่ ต้องกลัวว่าจะไม่มีสื่อมาร่วมงานให้พีอาร์เหงาใจเพราะที่ อินเดียจะมีสำนักพิมพ์สำนักข่าวหลากหลายภาษาเสียเหลือ เกิน ทั้งภาษาอังกฤษ สันสฤต ทมิฬ และอีกสารพัดสารเพ เก็บ คลิปปิ้งข่าวทีนึง...บอกตรงๆ ว่าดาวอ่านไม่ออกค่ะ...ดูรูปเอา อย่างเดียวละกัน...ง่ายดี แต่ Press Kit นี่ทำภาษาอังกฤษอย่าง เดียวก็โอเคนะคะ เพราะพี่ๆ นักข่าวภาษาอื่นใดเค้าบอกไม่ เป็นไรแปลเองได้


ส่วนเรื่องการเชิญสื่อ จัดเตรียมงานแถลงข่าวไม่ต้องกลัวว่าดาว จะโม้ โอ้อวดไปเสียจนเกินจริงนะคะว่าอะไรไปครั้งแรกก็จัด งานได้ดีเลิศ นักข่าวมากันล้นหลาม ก็แหมนะมีงบประมาณก็จ้างเอเจนซี่สิค่ะถูกต้องค่ะดาวมีพาร์ท เนอร์คู่ใจเป็นสาวชาวอินเดีย ทำหน้าที่เป็น Thailand Representative ให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทย ทั้งงานด้านการ ตลาดและงานพีอาร์ นางเป็นอินเดียสาวสวย เปรี้ยวเฟี้ยวฟ้าว ชื่อว่า Sheema ที่ทุก ครั้งไม่ว่านางจะเดินไปทางไหนก็สวยสง่าดุจดังนางพญาในชุด สาหรี่ นางจัดการได้หมดเบ็ดเสร็จทั้งลูกค้าผู้จัดงาน พาร์ทเนอ ร์ สมาคมการค้า หน่วยงานธุรกิจ ไปจนถึงนักข่าว เป็นนางเลิศ ตัวแม่คะ

อีกเรื่องหนึ่งนอกจากการใช้ภาษาพูดในการสื่อสาร ที่อินเดียนี่ อวัจจนะภาษา หรือการใช้ภาษากายก็สำคัญนะคะ การส่าย หน้าไปมาใช่ว่าเค้าจะปฏิเสธเรานะคะ นั้นหมายความเค้ารับ ทราบ ตกลง หรือโอเคกับสิ่งที่เราพูดค่ะ ไม่ใช่ส่ายหน้าไม่เอา ตามความหมายบ้านเรา


เมื่อเสร็จงาน จบภารกิจพีอาร์ ก็ได้เวลาแวะชมศักยภาพและ ความพร้อมของเมืองนิวเดลีกันเสียหน่อย ไหนไหนก็มาถึงถิ่น จะไม่ไปเยี่ยมชมเสียสักนิดสักหน่อยก็ดูเหมือนจะมาไม่ถึง อินเดีย...จริงไหมคะ

ด้วยความที่เป็นเมืองหลวงเมืองราชการ ไม่ใช่เมืองท่า เมือง ธุรกิจอย่างมุมไบ นิวเดลีก็เลยไม่ได้เฟี้ยวฟ้าวอย่างที่คิด ย้อน กลับไปที่จุดตั้งต้นเลยละกันนะคะ การไปนิวเดลีเราต้องไปลง เครื่องที่สนามบินอินทิรา คานธี เดลี แล้วต้องต่อรถเข้าเมืองใช้ เวลาสักระยะหนึ่งเหมือนกัน...การจะต่อรถระวังเจอพี่แขกรุม แย่งลูกค้าแบบตื้อประชิดตัวนะคะ เคล็ดลับคือห้ามสบตา จะเอาคันไหนพุ่งไปเลยค่ะอย่าลังเล เพราะเดี๋ยวเจอรุม ตอนนั่งรถถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะหาเพลงใส่ หูฟังไว้เสียสักหน่อยก็ดีคะกว่าจะถึงโรงแรมนานโขทีเดียว เพราะถนนยังเป็นถนนลูกรัง ฝุ่นกระจาย แถมชาวอินเดียขับรถ ไปบีบแตรไปด้วยค่ะ ดาวเพลียระเหี่ยหู...ไอพอดช่วยชีวิตดาวไว้ในครั้งนี้

เรื่องอาหารการกินในถิ่นสาหรี่นี่ ดาวแนะนำให้ลองทานแป้ง นาน หรือแผ่นโรตีที่ใส่ยีสต์อบในโอ่งดินสไตล์โบราณ กินคู่กับ แกงมัสมั่น หรือแกงแขกก็แล้วแต่ ตามอัธยาศัย รับรองว่า


อร่อยเลิศค่ะ และที่สำคัญต้องไม่ลืมไปลิ้มชิมรสชาที่นิวเดลีนะ คะ เพราะในอินเดียเริ่มมีโรงผลิตชาตั้งแต่สมัยที่เป็น อาณานิคมของอังกฤษ และในปัจจุบันก็ยังเป็นแหล่งผลิตชาดำ ที่ดีที่สุดของโลกเลยละคะ งานนี้คอชาต้องไม่พลาด

เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้วก็พร้อมไปเดินชมเมืองกันคะ ที่แรก ที่ไปก็คือตลาดดิลลี ฮัท ซึ่งเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยร้านขายของ แฮนด์เมด และงานศิลปะให้เลือกซื้อหาของพื้นถิ่นในราคาย่อม เยาว์ ทั้งสาหรี่ รองเท้าอับดุลย์ กระเป๋า เป้ ย่าม ภาพวาด ไป จนถึงองค์พระพิฆเณศเลยละคะ ซึ่งความเด็ดและเก๋คือเค้าทำ มือเองค่ะ เย็บกันจะจะให้เห็นกันตรงนั้น...น่าสนับสนุนยิ่งนัก

จากนั้นดาวก็ได้ไปเยี่ยมชม “ป้อมแดง” หรือ “ลาล กิลา” ซึ่ง อดีตกาลนานมาแล้วเคยเป็นพระที่นั่งของราชวงศ์โมกุล ซึ่ง สร้างด้วยหินทรายสีแดงและมีความยาวครอบคลุมเกือบสอง กิโลเมตร อันนี้ก็ไม่ควรพลาดค่ะเพราะว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในนิวเดลีที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมมากที่สุด พลาดไม่ได้ เดี๋ยวตกเทรนด์

แห่งสุดท้ายที่ดาวได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมคือ “พิพิธภัณฑ์สถาน แห่งชาติในนิวเดลี” ที่นี้ดาวบอกตรง ๆ นะคะ...ว่าเป็นอะไรที่


อะเมซซิ่งมาก ด้วยความที่มีวัตถุโบราณในอินเดียกว่า 150,000 ชิ้น แถมแต่ละชิ้นเก่าแก่ 5,000 ปี ทั้งพระพิฆเณศ พระแม่อุมา พระศิวะ ไปจนถึงพระนารายณ์ เรียกได้ว่าได้ไปสัก การะของแท้และดั้งเดิมเลยละคะ แถมมีหูฟังบรรยายภาษา อังกฤษให้เราได้เข้าใจประวัติความเป็นของแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง ได้เป็นอย่างดี

เพราะมีเวลาน้อยเลยได้ไปไม่กี่แห่งแต่ได้อะไรมากมาย...และนี่ คือเรื่องราวของงานพีอาร์ในแดนสาหรี่ของดาวค่ะ อาจจะยาว ไปนิดแต่ได้เที่ยว แถมได้งาน และได้ความรู้พีอาร์ในแดนภาร ตะเป็นของแถม...ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า


ตอนที่ 10 มหกรรมยำรวมมิตรนักข่าวนานาชาติ เมื่อคิดอยากเป็นนางฟ้าพีอาร์ ติดปีกโกอินเตอร์ไปเดินสวย เฉิดฉายในต่างแดน ก็ต้องยอมรับในเหรียญสองด้าน เมื่อได้ไป ทำข่าวทำงานพีอาร์ถึงเมืองนอกเมืองนา พีอาร์แสนเก๋อย่าง ดาวก็จำเป็นต้องเทียบเชิญนักข่าวต่างชาติเข้ามาทำข่าวในบ้าน เราบ้าง

ก็แหมจะให้บินไกลไปแถลงข่าวส่งข่าวต่างถิ่นอย่างเดียวได้ อย่างไร ก็เห็นจะไม่สมฐานะนางฟ้าพีอาร์อย่างดาว เดี๋ยวใคร ต่อใครเค้าจะเม้าท์มอยหอยสังข์ได้ว่านางสาวปานดาวเอางาน มาบังหน้ายิ่งโลกยุคโซเชียล ข่าวเม้าท์ข่าวลือสะพัดกันรายวัน ดาวกลัวค่ะ

การเทียบเชิญนักข่าวจากต่างประเทศเป็นหนึ่งในกลวิธีหลักที่ สำคัญที่เหล่านางฟ้าพีอาร์ทั่วโลกที่ต้องมีเอี่ยว มีเกี่ยว มีดอง กับการทำ Destination PR หรือเรียกเป็นภาษาสากลสร้าง ภาพลักษณ์ให้ดูสมกับเป็นพีอาร์อินเตอร์ ก็จะเรียกว่า Media Familiarisation Trip แต่ดาวมักจะเรียกสั้นๆ ว่า Media Fam หรือ มีเดียแฟม


โดยปกติมีเดียแฟม จะจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เรียกว่า เมื่อถึงฤดูกาลงานมีเดียแฟม ดาวจะเปิดโฟล์ทโหมดงดเดือน ทางต่างประเทศไปเลย 3-4 เดือนล่วงหน้าก่อนที่นักข่าวต่าง ชาติคนแรกจะแลนด์ดิ้งเข้ามาเจอกับยิ้มสยามอันเลื่องชื่อ เพราะอะไรนะเหรอคะ? เดี๋ยวดาวจะสาธารยายให้ฟังถึงความ พีคของงานมหกรรมยำนักข่าวนานาชาติรวมมิตรว่ามันจะเป็น ช่วงเวลาที่สยดสยองขนาดไหนแค่คิดถึงการเตรียมงานก็ขนลุก ขนพองไปทั้งตัว

ใครที่คิดว่าดาวพูดจากโอเวอร์ ตีฟูเล่นใหญ่ ยกไข่ไก่มาใส่ทั้ง ฟาร์ม เรียกร้องความสนใจแล้วละก็ ฟังดาวสักนิด แล้วคุณจะ เข้าใจดาว งานนี้ไม่ได้ดรามาเรียกน้ำตา เก็บคะแนนสงสาร แบบดาวพระ ศุกร์ค่ะ แต่ภารกิจ “มีเดีย แฟม” ดาวพูดได้คำเดียวค่ะช่วง ภารกิจนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดาวจะหน้าเยิน หัวฟู ผู้ชายก็หาย เพื่อนชะนีก็หนี มีแต่เงินเต็มกระเป๋า เพราะทำแต่งาน อยาก ช้อปปิ้งก็ไม่ได้ช้อป นี่ละค่ะชีวิตสาวชาวพีอาร์


ที่บอกว่า “ชีวิตพัง” นี่จะไม่ให้พังนี่จะได้อย่างไรไหว...ก็แหม เราเชิญแขกต่างชาติ มาเป็นแขกบ้านแขกเมือง ต่างคนต่าง ชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ต่างรสนิยม แถมยังมีสถานะ เป็น “นักข่าว” การบริหารจัดงานภารกิจมีเดียแฟมในแต่ละ ครั้ง ในแต่ละปี จึงต้องเป๊ะเวอร์ตั้งแต่ช่วงเตรียมงาน ช่วงมีงาน จนได้เวลาโบกผ้าเช็ดหน้าส่งแขกทะยานฟ้ากลับบ้านโดย สวัสดิภาพจึงจะเรียกได้สิ้นสุดภารกิจไปหนึ่งเปราะ เรียกว่าได้ทั้งลูกค้า ทั้งเอเจนซี่ตายกันไปตามๆ กัน ค่ะ

ความพังของชีวิตเริ่มตั้งแต่เมื่อนักข่าวคนแรกก้าวเท้า เหยียบ แผ่นดินไทย และแล้ววินาทีนั้น ภารกิจพีอาร์นานาชาติก็เริ่ม ขึ้นอย่างไม่มีข้อยกเว้น จะมานอนปวดท้อง ปวดฟัน ปวดหัวอยู่ ไม่ได้แล้วนะคะ นักข่าวมาถึงแล้ว ต้องส่งเซอร์วิสแบบไทยที่โด่ง ดังไกลในเวทีโลกไปรับถึงหน้าเกต หน้าประตูเครื่องบิน ไหน จะต้องจัดแจงเรื่องเอกสารการเดินทาง ตรวจคนเข้าเมือง ไป จนกระทั่งส่งเข้าห้องพักในโรงแรมที่จัดเตรียมไว้ และรอ พลพรรคนักข่าวจากประเทศอื่นๆ เข้ามาถึงโดยพร้อมเพรียง กัน


และแล้ว...ความพังของชีวิต...ก็ได้เริ่มปรากฎขึ้นอีกครั้งเมื่อนัก ข่าวจากแดนมังกรออกเดินทางจากแผ่นดินแม่ไม่ได้ และยังมา ไม่ถึงตามกำหนดตารางบิน เนื่องด้วยแม่นางไม่เคยเดิน ทางออกไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่นางลืมตามขึ้นมาดูโลก และพาสปอร์ตของแม่นางก็ใหม่กริบ ตม.ฝั่งพี่จีนเลยไม่ อนุญาตให้นางออกนอกประเทศกลัวนางหนีลี้ภัย ฟังข่าวแล้วถึงกับเข่าทรุดเข่าอ่อน แล้วจะทำอย่างไรดีละ สถานทูตไทยก็ช่วยไม่ได้ รัฐบาลไทยก็ รับรองให้ไม่ได้ แย่แล้วปานดาว แต่ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ เมื่อพีอาร์สาววัยรุ่นลูกน้อง ของดาวลองให้เพื่อนสาวของนางที่ทำงานให้กับบริษัทไทยยักษ์ ใหญ่เจ้าของร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ แต่นางอยู่สำนักงาน เมืองจีน ลองใช้ “เส้นใหญ่ ๆ ” ของ “บริษัทใหญ่ ๆ ” ที่มี อิทธิพลเป็นอย่างสูงกับรัฐบาลจีน เผื่อจะฟลุ้ค ตม.ปล่อยผ่าน

และก็เป็นดังคำขอไม่ต้องใช้อิทธิฤทธิ์กุมารทองแต่อย่างใด “เส้นใหญ่ ๆ ” ของ “บริษัทใหญ่ ๆ ” ช่วยให้ตม.จีนปล่อยนาง บินลัดฟ้าข้ามประเทศมาหาดาวได้ในที่สุด


ความพังของชีวิตจะค่อยๆ พีคขึ้นมาตามวันด้วยแม่น้องนางนัก ข่าวจากแดนมังกรคงจะตื่นตาตื่นใจกับการได้เดินทางไกลไป ต่างแดนเป็นครั้งแรก นางพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ นางพูดภาษา ไทยไม่ได้ นางไม่มีโทรศัพท์มือถือติดตัว และนางหายไปไหนเพียงลำพังยามที่หมู่คณะนักข่าวสแตนบาย พร้อมเพรียงเตรียมเข้าร่วมกับกิจกรรมแรก และกิจกรรมนั่นต้องนั่งรถจากโรงแรมไปที่อื่น....คุณพระ แม่ นางเหมยหลินของดาวหายไปไหน

เมื่อนั่งรอกันไปรอกันมา รอกันเกือบครึ่งชั่วโมง “คุณป้าจูเลีย” นักข่าวสูงวัยจากมาเลเซียผู้กระฉับกระเฉงและว่องไวถึงกับทน ไม่ได้มาบ่นใส่ดาวเป็นชุด เป็นชุด เป็นชุด กว่าจะหยุดก็อีตอน ที่ได้เห็นหน้าเหมยหลินยิ้มหวานแบบไม่รู้สึก หรือไม่เข้าใจ กลับมาพร้อมถุงช้อปปิ้งใบยักษ์และข้าวของเต็มไม้เต็มมือ คุณพระ นี่เวลา 9.30 น.ยามเช้านางสามารถเหมาโหลประตู น้ำได้ขนาดนี้ ดาวว่าน่าจะส่งนางไปชิงแชมป์ช้อปปิ้งเอเชียที่ ฮ่องกง คงจะได้รางวัลเหรียญทองเกียรติคุณ

แต่เอาเถอะในที่สุดแม่นางก็กลับมา โถเหมยหลินของดาว


ความพังของชีวิตมาอีกระลอก เมื่อเสร็จกิจกรรมแถลงข่าว อย่างเป็นทางการ กลุ่มนักข่าวสาหรี่กลับไม่ยอมปล่อยคิวผู้ บริหารให้นักข่าวหน้าไหนได้มีโอกาสสัมภาษณ์....เดือดร้อนถึง ดาวเพราะนักข่าวหัวทองฝั่งยุโรปวิ่งโร่มาฟ้องจะขอสัมภาษณ์ บ้าง แล้วการต่อรองกับชาวอินเดีย...ไม่ว่าจะเป็นเจรจาต่อรองเรื่อง อะไรก็แล้วแต่ ยังไงก็ไม่มีทางชนะนักข่าวสาหรี่หรอกค่ะ ชาว อินเดียที่ไม่ใช่นักข่าวยังต่อรองกันยับแล้วนี่เจอตัวแม่นักข่าว ระดับ Editor แถมเป็นคนอินเดียด้วย ดาวไม่ต่อรองให้เสียเวลาหรอกคะ...แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป ตามสไตล์เลยแอบพาผู้บริหารหนีไปอีกห้องนึงค่ะ และค่อย ๆ แอบย่องเอานักข่าวคนอื่น ๆ เข้าไปสัมภาษณ์ ในขณะเดียวกัน ด้านฝั่งสาหรีก็ต้องมีทีมประกบชวนคุยหลอกให้ตายใจ ดาวจะเป็นลม

ความพีคของความพังของชีวิต ไต่ระดับขึ้นสูงตามความสูงของ ยอดดอยเมื่อดาวได้จัดกิจกรรมสันทนาการให้นักข่าวด้วย กิจกรรม ขับรถ KV ไต่ดอย ให้ได้สัมผัสประสบการณ์จริง ครบ ครันทุกรูปแบบในเมืองไทย


แต่กิจกรรมสันทนาการ ก็เป็นกิจกรรมที่ทำให้ดาวสั่นสะท้าน ใจร่วงลงไปอยู่ถึงตาตุ่ม เพราะฝนตก ดินเป็นเลน รถนักข่าว สองคัน คว่ำทับกันระเนระนาด ดีแค่ไหนที่ไม่ตกดอย ดาวเอ๋ย เพราะจะไปไต่ดอย ไม่งั้นเท่ากับ ว่าดาวพาเค้ามาตาย ไม่เก๋เลยละค่ะอารมณ์นี้

ถึงแม้ว่าจะมีเพียงอาการบาดเจ็บกันเล็กน้อย ไม่ใหญ่โดย แต่ กิจกรรมทั้งหมดก็หยุดชะงักเพื่อความปลอดภัย และต้อง จัดแจงพานักข่าวผู้ประสบเหตุ ประสบภัยไปโรพยาบาล เวลานั้นจะกาแฟดอยคำ ดอยช้าง ดอยไหนๆ ก็ระงับ ความเครียด และความพังของดาวไว้ไม่ได้

ประสบการณ์มหกรรมยำรวมมิตรนักข่าวนานาชาติ กับ “ความพังของชีวิต” สาวนักประชาสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าฉากหน้า เราจะสวยเฉิดฉาย เป็นนางพญา แต่หลังม่านเราคืออีเย็นแห่ง สี่แผ่นดินดีดีนี้เอง อาจจะไม่โดนลงหวาย ลงอาญาจากท่านเจ้า คุณ แต่ตอนที่นักข่าวต่างชาติกว่า 30 ชีวิตออกฤทธิ์ออกโรง พร้อมๆ กันดาวไม่กล้านึกถึงเลยค่ะ


ตอนที่ 11 ลาสเวกัส โยคะ คาสิโน และโปลิส ความใฝ่ฝันอันสูงสุดของดาวอีกหนึ่งอย่างที่ไม่มีใครเคยรู้ คือ ดาวเป็นตุ๊ดบ้านนาที่มีฝันอยากไปใช้ชีวิต ณ เมืองลุงแซม ดิน แดนศิวิไลซ์ ไปลองใช้ชีวิตให้เฉิดฉายแบบแม่นาง Sex and the City หรือสาว ๆ Gossip Girls

คงเพราะสมัยเด็กใคร ๆ ก็ได้ไป AFS แต่นักเรียนทุนจน ๆ อย่างดาวจะเอาเงินมาจากไหนเล่า แล้วใครจะส่งเสีย แถมปีนั้น เป็นปีต้มยำกุ้ง ดอลล่าร์พุ่งเร็วราวกับปรอท 25 บาทอยู่ดีดี กลายเป็น 50 บาท แล้วน้ำหน้าอย่างดาวนะเหรอคะจะมี ปัญหาจ่าย มันเป็นปมในอดีตของดาวเองค่ะ

และดาวก็ได้ตั้งปณิธานกับตัวเองเอาไว้ว่าชีวิตนี้เกิดมาชาตินึง ปานดาว กระเทยบ้านนา จะต้องได้ไปนิวยอร์ค ไปดูเทพี เสรีภาพ ไปช้อปปิ้งกรุยกรายบนถนน 5th Avenue ไปนั่งทอด กายพักผ่อน ณ Central Park จะทำสารพัดสิ่งเท่าที่น้องเตย นางนึงจะจินตนาการไหว


ความฝันใดๆ ในใจดาว จะเป็นแอร์โฮสเตลก็ดี จะเป็นโน่นเป็น นี้ก็ดี หรือจะไปนิวยอร์คก็ดี ดาวก็ไม่เคยได้รับการตอบรับ สมนาคุณจากพระผู้เป็นเจ้า พระแม่มารี หรือเทวดาอารักษ์ เหมือนใครใครเขาเลย ดาวคงจะทำกรรมอะไรต่อมิอะไรเอาไว้ มากมายความฝันเลยเป็นได้แค่ภาพมโมของนางฟ้าพีอาร์
 แต่ก็ใช่ว่าชะตาขีวิตจะทิ้งขว้าง ไม่เหลียวแลดาวปล่อยให้ดาว เผชิญชะตากรรมอยู่กับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไปทั้งชีวิตเสีย เมื่อไหร่ และอเมริกาก็ไม่ได้มีเมืองเดียว มีเมืองเก๋ ๆ ชิค ๆ คูล ๆ อีกตั้งหลายเมือง ถึงจะพลาดนิวยอร์คไปดาวไม่ว่า และ แล้วสิ่งโชคชะตานำพามาให้คือ "ลาส เวกัส (Las Vegas)"

แค่ได้ชื่อเมืองฟังก็หวนชวนให้แปลงกายเป็นสาว ๆ ของเจมส์ บอนด์ เสียแล้ว แถมภาพมหานครที่ไม่เคยหลับไหล ที่ใคร ๆ ต่างเรียกขานให้เป็น "เมืองคนบาป (Sin City)" ก็สะท้อนและ ฉายภาพแสงสีตระการตา การแสดงโชว์สุดอลังการ บ่อนคาสิ โน การพนัน ผู้ชาย และ...เซ็กส์

ไหนจะอีกสารพัดสิ่งมากมายที่จะล่อลวงกิเลศด้านมืดในใจของ นางสาวปานดาวให้โอ้ว ลั่น ลา พร้อมทอดกาย มัวเมาใน สุขารมณ์ จนลืมวันลืมคืน


แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ภาพมโมอีกละคะเพราะดาวไปเมืองนอก แต่ละทีก็ต้องไปทำงาน แถมไปคราวนี้ต้องหิ้วกระเตงนักข่าว จากเมืองไทยไปร่วมทริปทำงานกับดาวอีก 9 ชีวิตเจ้าค่ะ...จะ เอายามใดไปเคล้าสุรา ล่าโลกีย์กันละคะ

แต่เรื่องเม้าท์มอย ก็เกิดเหตุพี่นักข่าวนี่แหละค่ะ ขอหยิบมาเล่า ให้สาวๆ พีอาร์ฟังหน่อยคงไม่ว่ากันนะคะ

ในฐานะพีอาร์ เมื่อเราเชิญนักข่าวเดินทางร่วมทริปไปกับเรา ก็ ย่อมเป็นหน้าที่ของนางฟ้าพีอาร์อย่างดาวที่จัดแจง จัดเตรียม และดำเนินการช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่บรรดาพี่พี่ สื่อมวลชน ตั้งแต่เรื่องไฟล์ท ที่พัก อาหารการกิน ไปจนถึงเรื่อง วีซ่า

และแน่นอน ความคาดหวังที่ครั้งหนึ่งใครที่เคยไปอเมริกา หรือขอวีซ่าเข้าอเมริกาก็คงอยากจะได้วีซ่า 10 ปีมาแปะปั้มลง หน้าพาสปอร์ตให้เอาไปอวดใครต่อใครได้ว่าชั้นได้วีซ่าสิบ ปี...ใช่ไหมคะ

ดาวจึงเริ่มปฏิบัติการจองคิวออนไลน์โดยให้ตัวเราเข้าไปอยู่ใน คิวเดียวกับนักข่าวทั้งหมด เพื่อช่วยพูดช่วยคุยระหว่างการ สัมภาษณ์ และช่วยยืนยันให้กงศุลผู้ออกวีซ่าคลายกังวลว่าจะ ไม่ใครไปเป็นโรบินฮู้ดอยู่แถวโน้น


และสำหรับใครคิดว่าดาวมี Official Passport แล้วเดินทางไป ไหนมาไหนโดยไม่ใช้วีซ่า...อันนี้ผิดค่ะ เพราะต่อให้เป็นพาส ปอร์ตราชการไทย เมืองลุงแซม แดนอเมริกาก็ต้องให้เราทำ วีซ่าอยู่ดีค่ะ

ดาวจึงต้องมาร่วมชะตากรรมกับพี่นักข่าว ฝนจะตก พายุจะ กระหน่ำ พี่กันแกไม่แคร์ค่ะ รอไปสิ จนในที่สุดก็ได้เข้ามาใน สถานทูตกันหมด แล้วยังต้องมาลุ้นอีกนะคะว่าแถวไหนใครได้ ป้าคนไทย แถวไหนใครได้คุณลุงฝรั่ง เราจะวิ่งเทไปไปแถวคุณ ลุงฝรั่งเท่านั้นค่ะ เพราะโอกาสได้วีซ่า 10 ปีมีลุ้นถึง 90%

ในที่สุดเราก็ได้คุณลุงฝรั่งสมใจ และทุกคนได้วีซ่ามากัน คนละ10 ปีสมใจ แฮปปี้ สุขสโมสรกันถ้วนหน้า แถมพี่นักข่าว ของดาวคนนึงนางยื่นขอวีซ่าแบบธุรกิจและท่องเที่ยว ชวนคุณ ลุงฝรั่งคุยไปว่าาชั้นจบดร มาจากอเมริกา งานการมั่นคง แถม โชว์โฉนดที่ดินทุกที่ที่นางมี จนในที่สุดก็เกิดปรากฎการณ์ 10 Year Double Visa ที่ออกวีซ่าท่องเที่ยวคู่กับวีซ่าธุรกิจมาอย่าง ละ 10 ปีทั้งสองวีซ่า ดาวก็แอบอิจฉา...แต่ขนโฉนดมาครึ่งจังหวัดขนาดนี้ก็ไม่น่า แปลกใจหรอกค่ะ

ใครว่าทริปนี้จะไม่มีอาถรรพ์...ดาวเหมือนโดนผีหลอกเมื่อตั๋ว


เครื่องบินของนักข่าวคนหนึ่งที่จองไปแล้ว อยู่ดีดีหลุดไปอีก ไฟลท์นึงเพราะระบบคอมพิวเตอร์มีปัญหา แล้วระบบล่มส่งให้ เหตุเกิดเพียงแค่ตั๋วสองใบเท่านั้น คือพี่นักข่าวของดาว และใคร ก็ไม่รู้

ที่สำคัญ พี่คนนั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จะทำไงดี จะใช้คอนเน คชั่นใครตอนนี้ก็ไม่มีใครช่วยได้ หมดจนหนทาง เพราะเป็น เรื่องภายในของการบินไทย ที่สำคัญตั๋วมันออกไปแล้ว มีการ สลับตั๋วกันไปเรียบร้อย จะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ลำบาก บัตรทอง ก็ช่วยไม่ได้ อะไรๆ ก็ช่วยไม่ได้

ทำยังไงดี ดาวเอ๋ย งานนี้ตาย ตายแน่ค่ะดาว นักข่าวหายไป จากไฟลท์ โดนนายด่า หาตั๋วไม่ได้ กรีดร้องก่อนสิคะ...ทำอะไร ไม่ถูกนิคะ

จนในที่สุดปัญหาก็จบลงแบบง่ายมาก เมื่อดาวนึกขึ้นได้ว่าดาว มีรุ่นน้องสมัยม.ปลายทำงานอยู่การบินไทย แต่ไม่ใช่แผนกขาย ตั๋วแต่อย่างใด แต่ลมหายใจและทางเลือกสุดท้ายเราต้องคว้า เชค และลองถาม ทำทุกวิถีทาง และทุกวิธีการที่พอทำได้ เพื่อ ประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนเรา แถมตำแหน่งที่นาง เคยบอกดาวคือเป็นกราวน์อยู่สุวรรณภูมิ


ใครเล่าจะคาดคิดว่าตำแหน่งกราวน์ที่นางเม้าท์มอยมานั้น แท้จริงนางมีหน้าที่รับรองรัฐมนตรี คณะรัฐบาล และผู้ใหญ่ใน บ้านเมืองค่ะ นางเลยมี code ส่วนตัวสามารถช่วยไปช่วยดาว จัดแจงสลับสับเปลี่ยนตั๋วที่เกิดการผิดพลาดได้ และโชคดีที่อีก ฝ่ายหนึ่งไม่คอนเฟิร์มตั๋ว นางเลยดีดตั๋วสลับคืนช่วยให้ดาวได้ ตั๋วกลับมาอย่างสง่างาม แถมไม่มีใครต้องเสียเงินค่าส่วนต่าง ใดใดอะไรทั้งนั้น ต่อไปนี้ใครบอกว่าเป็นกราวน์อย่าไปเม้าท์เค้านะคะ เดี๋ยวเจอก ราวน์วีไอพีแบบดาวไม่รู้ตัวแล้วจะตะลึงงึงงัน ช้อคในบารมีและ อิทธพลของนาง

เอาละเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย นางฟ้าพีอาร์อย่างดาว ก็ถึงเวลา ติดปีกอีกครั้ง ทะยานฟ้าสู่อเมริกาเพื่อแถลงข่าวเมืองไทยให้ ชาวโลกได้รับรู้ และพาพี่นักข่าวฝั่งไทยไปช่วยรายงานข่าว ตลาดไทยในอเมริกา ใน งาน imex America นครลาส เวกัส สหรัฐอเมริกา

และแล้ว...นางฟ้าพีอาร์ และกองทัพนักข่าวก็แลนดิ้งลงจอด ณ แดนดินถิ่นแฮมเบอร์เกอร์กันโดยสวัสดิภาพ


แต่ไม่ทันไร คุณพระ ใครหายไป นักข่าวหายไปหนึ่งคนคะ หาย ไปไหน เธออยู่ไหนหายไปจริงๆ ค่ะ ถึงแม้ว่าทุกคนจะช่วยกัน ตามหา ก็ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหนนี่ยังเพิ่งผ่านตม. อยู่ในสนาม บิน ยังมิได้ออกไปไหนเลยนะ..ทริปอเมริกาของดาว...เริ่มต้น วันได้ไม่สวยเสียเลย

ทันทีที่คุณพี่นักข่าวหน้าสวยปารกฎกาย สถานการณ์ตึงเครียด ก็หายไป กลายเป็นความสนุกสนานแทน เมื่อคุณพี่แกโชว์ช้อต เด็ดที่เพิ่งถ่ายตอนที่หายไป อะไรรู้ไหมคะ

โยคะ...ค่ะ ก็แม่นางเล่นไปทำท่าดัดตน ยืดตัวออกท่าทางโยคะ ตามจุด ตามป้าย ตามที่ต่างที่พึงจะถ่าย เพราะคุณพี่นักข่าว หน้าสวยของดาวบอกว่าทริปนี้ของคุณเธอมีคอนเส็ปต์คือ "โยคะ"

เจ้าคะ เจ้าขา...จะโยคะ โยคี โยศิณี หรือจะโย อะไรก็แล้วแต่ แต่ก่อนจะหายสาปสูญรบกวนแจ้งสมัครพรรคพวกหน่อยจะเก๋ ขึ้นอีกเยอะเลยนะคะ แถมมหัศจรรย์วันโยคะนี้ตามไปหลอกหลอนดาวตลอดทริป 7 วันในอเมริกาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในคาสิโน ล้อบบี้โรงแรม


สี่แยกไฟแดง อุทยานแห่งชาติ ไปทุก ๆ ที่จริง ๆ ค่ะ...ดาว อยากจะกลายร่างเป็น พี่ "โป้ โยคี เพลย์บอย" ให้รู้แล้วรู้รอดไป เลยค่ะ จะร่วมสังฆกรรมโยกับแม่นางบ้าง

มัวแต่เม้าท์นักข่าวจนลืม ทำงานทำการ งานที่ดาวไปเป็นงาน เทรดโชว์หรืองานนิทรรศการนานาชาติทางด้านการจัดประชุม องค์กร การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และการจัดประชุม นานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ประเทศไหน อยากเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวจากฝั่งนี้ก็ต้องบินมาเข้าร่วมงานนี้ ซึ่งแทบจะทุกประเทศแหละค่ะ

ออกเทรดโชว์แต่ละที งานแต่ละครั้งเหมือนมหกรรมโอลิมปิคดู ธงชาติและการแสดงของแต่ละประเทศจนชินตา และละลาน ตาไปหมด

สำหรับเมืองไทย เราซื้อพื้นที่ขนาดพอสมควรจัดทำเป็น Thailand Pavillion เพื่อให้ผู้ประกอบการฝั่งไทยไปมีเวทีขาย ของเรียกลูกค้า และการซื้อพื้นที​ี่ในงานเทรดโชว์ใหญ่ เราจะได้ สิทธิ์จัดงานแถลงข่าว ณ ห้อง Media Center ของงานได้ 1 ครั้ง

ห้อง Media Center นี่แหละค่ะที่ทำการของดาว และแหล่งเก็บ ดาต้าเบสฐานข้อมูลนักข่าวจากทั่วโลก และใช้อินเตอร์เน็ต


ความเร็วสูงส่งงาน แอบจโมยกินชา กาแฟ และอาหาร ของนัก ข่าว ไปจนถึงสามารถวางข่าวประชาสัมพันธ์ในกล่องของ ประเทศเรา แล้วนักข่าวจะมาหยิบข่าวไปเขียนให้เราเองค่ะ

สำหรับห้องแถลงข่าว ไม่ต้องปวดใจเรื่องเชิญนักข่าวอินเตอร์ นะคะ เพราะพีอาร์กลางของงานเค้าทำให้หมด ดาวแค่ส่ง จดหมายเชิญสื่อและกำหนดการไปให้นาง นางก็รับไปดำเนิน การราวกับหุ่นยนต์คงจะจำเจทีเดียว ก็ตั้งไม่รู้กี่ร้อยประเทศ
 แต่เรื่องห้องและสิทธิ์ในการแถลงข่าวนี้หลายๆ คนอาจจะยัง ไม่รู้ วันหน้าวันใดถ้าบริษัทเราไปซื้อพาวิลเลียนอย่าลืมขอใช้ สิทธิ์นะคะ ไม่งั้นเสียดายแย่

เมื่อทำงานทำการเสร็จ พี่พี่นักข่าวเราก็เฮตะโล เตรียมเข้าบ่อน เอ้ยไม่ใช่ค่ะ คาสิโน เตรียมเล่นไฮโลไฮโซ ไปเสี่ยงโชค เสียง ดวง เผื่อดวงชะตาราศีจะนำพาให้เป็นเศรษฐีพันล้านกันตาม แต่ใครจะมโน อันนี้ก็ตามอัธยาศัยกันเลยค่ะ เพราะข้างล่างเป็นคาสิโน ขึ้น ลิฟต์ไปเป็นห้องพักโรงแรมของเราเรากันนี่แหละคะ ดาวเลย ปล่อยให้พี่พี่เขาแลกชิปเสี่ยงดวงกันไป สนุกสนานกันไปตาม ประสา


สำหรับดาว เรื่องการพนันนี่เซย์โนเลยค่ะ คงเพราะอดีตเคยจน ดาวเลยเป็นคนที่นิสัยไม่ค่อยกล้าได้กล้าเสียกับการพนันขันต่อ มีโควต้าให้ตัวเอง 10 เหรียญ ให้พอเป็นกษัยไหน ๆ ก็มาถึง ถิ่น เล่นไปเกมส์ละเหรียญ ได้บ้างเสียบ้าง ก็พอสนุกได้แล้วค่ะ แต่สุดท้ายก็หายเกลี้ยงคะ แอบเสียดายเงิน รู้งี้เก็บเงินไปช้อป ปิ้งดีกว่า

วันคืนผ่านไปไวเหมือนโกหก ก่อนถอยทัพกลับเมืองไทยดาวก็ เลยจัดใหญ่พาพี่พี่ไปเที่ยวชมเขื่อน Hoover Dam ซึ่งเป็นเขื่อน ใหญ่ของอเมริกาในภูมภาคนั้น และเป็นเขื่อนที่เป็นที่อยู่ของ เหล่า ทรานส์ฟอร์เมอร์ ฮีโร่ในภาพยนตร์ขวัญใจเราเราชาว ไทยยังละคะ

ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่านะคะว่า ณ สถานที่แห่งนี้เช่นกันคงจะมี โยคีมาเล่นโยคะ แชะภาพบันทึกลงอัลบั้มทริปโยคะไป เรียบร้อย และก็จริงดังว่าโยคะสุตราไปเผยตำราอยู่หน้าป้าย Hoover Dam ดั่งใจคิดเลยละคะ

ไปเที่ยวเขื่อนครั้งนี้ สาวชาวไทยอย่างเราเกือบจะโดนส่งกลับ ประเทศแทนการนั่งเครื่องการบินไทยกลับบ้านสวย ๆ กันเสีย แล้วละคะ เมื่อมีเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือจากพี่นักข่าว กลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังโดนโปลิสเมืองมะกันเข้าจับกุมในข้อหา


ลักลอบถ่ายภาพอุทยานโดยไม่ได้รับอนุญาติ และต้องสงสัยว่า มาก่อการร้าย คนเมืองนี้ประเทศนี้มองโลกในแง่ร้ายจริง ๆ

นั่นเพราะพี่พี่ดันเอากล้องทีวีไปถ่ายมุมโน่นมุมนี้ จนตำรวจมา เพราะกฎของอเมริกาคือถ้าจะเอากล้องใหญ่เข้าไปถ่ายอะไรต่อ มิอะไรจะต้องทำเรื่องขออนุญาติอย่างเป็นทางการ

มีหรือที่นางฟ้าพีอาร์อย่างปานดาวจะยอมให้ถูกจับ ไม่อยาก เข้าซังเต ก็ต้องวิ่งถลาเข้าไปเกลี้ยกล่อมคุณตำรวจ โชว์พาส ปอร์ตราชการไทยให้ดูว่าบุคคลเหล่านี้มากับรัฐบาลไทย เป็น แขกของรัฐบาลไทย จนพี่โปลิสยอมปล่อยตัว แถมบอกว่า I love Thailand Tom Yum Koong Aroi Mak

ยังจะมาพูดอีกนะคะคุณตำรวจ ทีแรกหน้าตึงจนดาวกลัว พอที อย่างนี้ ต้มยำกุ้งอร่อยมาก ดาวเพลีย แถมพอจบเรื่องคุณลุงมี ยิ้มเป็นลุงแซมใจดีเป็นของแถมเสียอย่างนั้น

และแล้วทริปนี้ก็จบลงโดยละม่อม ทุกคนเดินทางกลับถึงบ้าน โดยสวัสดิภาพและมีความสุข แต่สำหรับดาวทริปนี้กลายเป็น ทริปในความทรงจำไปตลอดกาลเพราะ โยคะ...คาสิโน...และ โปลิส นี่แหละค่ะ


ตอนที่ 12 ตามล่าหา “ลูลา” ที่โปรตุเกส ใครจะคิดละคะว่าพีอาร์บ้านนาอย่าง “ปานดาว” ชีวิตนึงจะได้ มีโอกาสติดปีกโบยบินจัดกระเป๋าเดือนทางไปทำงานถึงแดน ไกล ไปเยือนถิ่น “นักล่าอาณานิคม” อย่าง โปรตุเกส ดาวเอง ก็ไม่เคยคาดคิด และคาดฝันมาก่อนหรอกค่ะ

คงจะแปลกใจกันใช่ไหมคะ...ว่าทำไม “มนุษย์พีอาร์” ธรรมดา อย่างดาวจะได้ “ติดปีก” บินไกลไปช่วยราชการงานเมืองถึง โปรตุเกส แล้วทำไม และอย่างไร ถึงต้องเป็นโปรตุเกส จะไป แถลงข่าวก็ไม่ใช่ ไปดูเรื่องงานมีเดียก็ไม่เชิง แล้วดาวติดปีกบิน ไกลไปถึงโปรตุเกสทำไมกัน

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าดาวได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในคณะทำงาน ของประเทศไทยที่เตรียมการประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัดงาน มหกรรมโลกเวิลด์ เอ็กซ์โป (World Expo) ที่จะจัดขึ้นในปี 2020 ที่กำลังจะจัดขึ้นที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในไม่ อีกกี่ปีข้างหน้านี้ งานเดี๋ยวกันค่ะ แต่ในครั้งนี้ดูไบเค้าชนะได้ สิทธิ์ในการจัดงาน

เพราะต้องแข่งกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศชาติที่มี เงินอู้ฟู่ เสกสรรบันดาลทุกอย่างได้ดั่งใจ ด้วยทรัพย์สินสฤงคา


รอันมากมายภายในประเทศอย่างดูไบ ประเทศไทยอย่างเรา ถึงต้องทำการบ้านอย่างหนักหน่วง เก็บทุกรายละเอียดตั้งแต่ เรื่องธีมหรือแนวคิดการจัดงาน เรื่องการบริหารจัดการ สื่อมวลชนต่างประเทศ ไปจนถึงการจัดทำโปรโมชั่นการตลาด เพื่อเรียกคะแนนโหวตจากทูตนานาประเทศให้ยกมือกดโหวต ลงคะแนนให้กับประเทศไทย

ที่ดาวได้มีโอกาส บินลัดฟ้าไปราชการงานเมือง บินไกลไปถึง เมืองโปรตุเกส ก็เพราะ ตอนนั้น “กรุงลิสบอน” เมืองหลวงของ โปรตุเกส ฟังชื่ออาจจะดูคล้าย ลิสบัว คาสิโนอะไรสักอย่างใน เมืองมาเก๊าใช่ไหมละคะ ถูกต้องแล้วละคะ ณ เวลานั้น กรุงลิสบอน ได้ยื่นเสนอตัวเป็น เจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลกไซส์เล็กโดยเลือกให้เมืองลิสบอน เป็นสถานที่จัดงาน ในปี 2018 และประเทศไทยก็กำลังยื่น เสนอตัวเป็นเจ้าภาพในงานมหกรรมโลกเวอร์ชั่นเต็มในปี 2020 และที่สำคัญ โปรตุเกสเองก็เคยเป็นเจ้าภาพการจัดงาน มหกรรมโลกเวิลด์เอ็กซ์โปมาแล้วในปี 1998

ในครั้งนั้นโปรตุเกส ก็ใช้สถานที่ MEO Arena (อ่านว่าแม็วอารี น่า) ซึ่งเป็นสนามที่โปรตุเกสเลือกใช้เป็นสนามจัดการแข่งขัน ยูโรวิชี่นในปี 2018 ยังไงละคะ ซึ่งสนาม MEO Arena ได้กลาย เป็นสนามอเนกประสงค์ทั้งกีฬาและบันเทิงมากมาย ซึ่งสมัย


ครั้งกระโน้นที่โปรตุเกสเคยใช้สถานที่นี้เป็นอาคารหลักในการ เจ้าภาพการจัดงาน ซึ่งแต่เดิมชื่อว่า Pavihão da Utopia และ เปลี่ยนชื่อ Pavilhão Atlântico หลังจบการเป็นเจ้าภาพการจัด งานจนถึงปี 2013 ก่อนจะเปลี่ยนเป็น MEO Areano ตามชื่อส ปอนเซอร์หลักซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติในปี 2014 จนถึงตอนนี้

แล้วเหตุผลกลใดที่ทำให้ดาวได้มีโอกาสไปเยือนสนาม MEO Arena เพราะกฎเหล็กข้อหนึ่งของประเทศที่เสนอตัวเพื่อเข้า ร่วมประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพการจัดงานทุกประเทศจะต้อง เสนอแผนการใช้งานหรือ Post Expo Plan สำหรับสถานที่จัด งาน World Expo ในแต่ละครั้ง เพราะทางสมาคมมหกรรมโลก เค้าไม่อยากให้ทิ้งร้างกลายเป็นซากอารยธรรม เป็นซากปรัก หักพัง แล้วเป็นภาระให้กับประเทศผู้จัดงานต้องดูแล

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสถานที่แห่งหนึ่งเมื่อสร้างขึ้นมา ใช้เงิน สร้างมหาศาล จะทุบทิ้งถอนรากถอนโคนก็เสียงบประมาณ ทางสมาคมมหกรรมโลกก็เลยอยากให้นำสถานที่จัดงานเดิม นำมาใช้ประโยชน์ให้สูงสุดและคุ้มค่ามากที่สุดอย่างไรละคะ เหมือนหอไอเฟลที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ครั้งนึงก็เคย อวดสายตา สร้างความตกตะลึงให้กับงานในงานมหกรรมโลก อย่างไรละคะ


เมื่อคณะทำงานจากแดนสยาม เดินทางไกล ไปเยือนถิ่น โปรตุเกส ที่ครั้งนึงโปรตุเกสก็เคยอยากจะได้ไทยแลนด์แดน สยามไปเป็นหนึ่งในอาณานิคมแดนตะวันออก ทีมไทยแลนด์ก็ ต้องทำงานหนัก เดินทางไปทั้งทีเอาทีเดียวเก็บให้คุ้มทุกราย ละเอียด คุยกับทีมงานโปรตุเกสในทุก ๆ เรื่องของการเสนอตัว ตั้งแต่การจัดทำแผนโปรโมชั่นและการตลาด การใช้งานสถาน ที่หลังจบงาน ไปจนถึงเรื่องของการบริหารจัดการสื่อมวลชน เรื่องสื่อไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ดินแดนแถบยุโรปและอเมริกานี่เค้า ให้ความสำคัญกับงานพีอาร์และสื่อมวลชนมาเนิ่นนาน นาน เสียจนจำไม่ได้แล้วละคะว่าเริ่มกัมาตั้งแต่ยุคไหน

ต้องยอมรับนะคะว่าเราเป็น “ประเทศเล็ก” มาจากแดนไกลใน สายตาชาวยุโรป แต่ความรุ่งเรืองในอดีตที่บรรพกษัติย์ไทยได้ สั่งสมบารมีไว้ให้ยังคงสร้างสายสัมพันธ์ให้สยามประเทศอยู่ไม่ ขาด ไทยเราเองก็ยังคงมีมิตรไมตรีที่ดีงามอยู่กับโปรตุเกสค่ะ เค้าถึงตอบรับให้เราเข้าไปดูสถานที่ คุยงาน และดูงานได้แบบ ไม่ติดขัด

แต่กว่าจะเดินทางไปถึงประเทศผู้ล่าอาณานิคมในอดีตอย่าง “โปรตุเกส” ก็ไม่ใช่เรื่องสนุก ต้องต่อเครื่อง นั่งเครื่องบินกัน หลายขยัก ไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโรม และต่อสายการบิน เล็กๆ ในยุโรป บินต่อไปยังโปรตุเกส ด้วยเวลาที่จำกัด และ ด้วยงบประมาณที่ไม่มาก ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดิน


ทางครั้งนี้ก็เลยถูกจำกัดด้วยอะไรต่อมิอะไรไปเสียมาก นั่ง เครื่องแลนดิ้งไปที่กรุงโรม แล้วรีบยกกระเป๋าเดินทางไปผ่าน ตม.เข้าเขตยูโรโซน แล้วย้ายสนามบินไปยังสนามบินใน ประเทศ...ที่ดาวเรียกว่าสนามบินภายในประเทศก็เพราะว่ายูโร โซนจะแยกสนามบินที่บินออกนอกยูโร เป็น International Airport ส่วนสนามบินที่บินอยู่ภายในกลุ่มประเทศในยูโรโซน เค้าถือเป็น Domestic Airport คะ แถมต้องเปลี่ยนเครื่องที่ไม่ ได้เป็นเครือข่ายสายการบิน Star Alliance ก็เลยไม่สามารถ Check Through ซึ่งเป็นการเชคอินแบบแบบเชคอินกระเป๋า ผ่านไปได้ในคราวเดียว กว่าจะเลือกสายการบิน ดูเวลาแต่ละ ไฟล์ท ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะดาวมีเวลา 3 วันในการเดินทาง และการทำงานเท่านั้นเองคะ

และในที่สุดเมื่อทุกอย่างลงตัว ดาวก็เดินทางมาถึง ลงเครื่อง ปุ๊บก็หิวปั๊บ พุ่งตัวตรงไปสนาม MEO Arena เช็คอินเอากระเป๋า เข้าไปเก็บในโรงแรมก่อนทันทีค่ะ ในยุโรปเวลาเค้าสร้างสถาน ที่จัดงานทีนึงเค้าจะลากสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน ทั้งรถไฟ รถไฟฟ้า โรงแรม ร้านอาหาร ไปถึงกระเช้า ไฟฟ้า ดาวเองก็สามารถมองเห็นสถานีรถไฟได้จากห้องพักใน โรงแรมเลยละค่ะ MEO Arena ถึงกลายเป็นสนาม เอนกประสงค์และสามารถใช้งานได้ถึงทุกวันนี้ แถมยังมีโอกาส เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลกขนาดเล็กในปี 2018 อีกยังไง


ละคะ น่าทึ่งใช่ไหมค่ะที่เค้าคิดทีเดียวใช้งานยาวต่อเนื่องมาถึง 20 ปี

เมื่อจัดการธุระเรื่องงานเสร็จเรียบร้อย แต่สำหรับในดีเทลราย ละเอียดงานนี้ดาวพูดไม่ได้หรอกนะคะ มันเป็นความลับ ราชการเป็นข้อผูกพันระหว่างประเทศที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ในขณะนี้ ให้คนที่เค้าพูดได้พูดแทนจะดีกว่า เอาเป็นว่าส่วนที่ ดาวไปดูแลคือเรื่องการจัดทำแผนการตลาด โปรโมชั่นและการ สื่อสาร สำหรับเอามาพัฒนาเป็น Bidding Dossier หรือ เอกสารประมูลสิทธิ์ของประเทศไทย ถ้าใครอยากอ่าน อยากรู้ ว่าดาวเอามาใช้ต่อยอดอย่างไร คงต้องบินไปไกลไปถึงหอสมุด กลางของสมาคมมหกรรมโลกที่กรุงปารีส กันเลยละค่ะ

หลังจากพักเหนื่อยจากการทำงานเป็นที่เรียบร้อย ก็เริ่มหิวโซ แถมคนท้องถิ่นเค้ารำ่ลือกันว่า ที่นี่ “ลูลา” อร่อย ทีแรกดาวก็ นึกถึง “ลูลา” เจ้าของเพลงหวานใส “ตุ๊กตาหน้ารถ” แต่พอได้ ลองสั่งลูลาตามคำบอกเล่าของบริกรหนุ่มก็ค้นพบว่า มันคือ “ปลาหมึก” แต่เสิร์ฟมาในเมนู “คาลามารี” หรือ “ปลาหมื กชุบแป้งทอด” ที่เป็นเมนูสุดโปรดของใครหลายคนในบ้านเรา รวมถึงดาว นั่นเองค่ะ

ลูลาเค้าอร่อยจริง ๆ นะคะ ข้างนอกทอดได้กรอบพอดี ข้างใน เนื้อปลาหมึกก็เหนียวแน่นหนึบ มาในชิ้นพอดีคำ อิ่มกำลังดี


จะกินกับสลัดครีม ซอสมายองเนส หรือ มัสตาร์ด ก็ตาม อัธยาศัย แต่ดาวชอบกินกับสลัดครีมรสเค็มกำลังดีมากกว่าคะ เข้ากันอย่างไรก็อย่างนั้น แถมมื้ออื่นๆ ที่ถึงจะมีเวลาไม่มากก็ ยังสั่งลูลาในเมนูอี่น ๆ อีกทั้งปลาหมึงย่าง สเต็กปลาหมึกก็เก๋ อร่อยปากจริง ๆ คะ

นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมเวลาดาวนึกถึง “โปรตุเกส” ดาวเลยนึกถึง ลูลา หรือ “ปลาหมึก” สด อร่อย แทนขนมทองหยิบทองหยอด ติดปีกคราวนี้บินครั้งเดียวได้ทั้งเรื่องงาน ไปถึงวัฒนธรรมการ กินแบบเร่งรัดของชาวโปรตุเกสเลยละคะ กินเสร็จก็เตรียมจัด กระเป๋าบินกลับ มาเร็ว เคลมเร็ว ไปเร็วดีไม๊ละค่ะ


ตอนที่ 13 ลอนดอนที่รัก ในที่สุดความฝันและความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่ดาวเองก็ไม่ เคยบอกใครว่าดาวอยากไปลองไปทำงานในกรุงลอนดอน ซึ่ง เป็นหนึ่งในสามเมืองที่ดาวอยากไปมากที่สุดก็ได้แก่ ลอนดอน ปารีส นิวยอร์ก แต่ปารีส กับนิวยอร์กดาวยังไม่มีโอกาสได้ไปหรอกค่ะเลยเอา เรื่องลอนดอนมาเล่าให้ฟังกันก่อน แล้วดาวก็สมปรารถนาเพราะในที่สุดดาวก็ได้มีโอกาสไปทำพี อาร์จัดงานแถลงข่าวกับนักข่าวตาน้ำข้าวที่กรุงลอนดอนกับเขา เสียที ดีใจจนเกิดอาการลิงโลด จนเกือบจะเสียงานเสียการ เพราะมัวแต่จับจดกับร้านรวง ร้านอาหาร หรือแหล่งช้อปปิ้งใน กรุงลอนดอน มัวแต่วางแผนหาทริปแสนเก๋เล็ก ๆ หลังจบงาน แต่สำหรับดาวยังไงเรื่องงานก็ต้องมาก่อน เรื่องอื่น ๆ ใด ๆ เอาไว้ค่อยว่ากัน เมื่อมีโอกาสได้แถลงข่าวในกรุงลอนดอนทั้งทีดาวก็ต้องจัดเต็ม ทำทุกอย่างให้ครบเครื่อง ตั้งแต่เตรียมเอกสารงาน ประชาสัมพันธ์เอาไว้ให้ถ้วนถี่ เตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ตั้งแต่เอกสารข่าว สปีซผู้บริหาร ข้อมูล ของแจกนักข่าว ไป


จนถึงเครื่องพรินต์เตอร์ ส่วนเรื่องเชิญนักข่าวนี้สบายหายห่วง เพราะว่าเค้าใช้ภาษาอังกฤษแบบที่ดาวชื่นชอบ เพราะดาวชอบ ผู้ชายพูดสำเนียงอังกฤษค่ะ สำหรับเรื่องพรินต์เตอร์ หลายคนอาจจะสงสัยว่าปานดาวเป็น อะไรทำไมจะต้องแบกหามเครื่องพิมพ์เครื่องใหญ่ไปไหนมา ไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ต้องตกอกตกในอะไรหรอกค่ะว่าทำไม ดาวถึงต้องหอบเครื่องพิมพ์ขึ้นเครื่องบินข้ามน้ำข้ามทะเลไป ไกลถึงกรุงลอนดอน แต่เพราะว่าเอกสารพีอาร์ผู้ใหญ่เค้าแก้กัน ยับจนวินาทีสุดท้ายนั่นไงละคะ กว่าบรรดานาย ๆ จะแก้จะ ตรวจเอกสารก็โน่นแหละคืนสุดท้ายก่อนที่จะมีงาน เล่นเอา ดาวตาโบ๋เป็นหมีแพนด้า ถึงจะต้องแต่งตัวสวย แต่เป็นพีอาร์ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า อด หลับอดนอนนั่งเปิดโรงงานนรกในโรงแรมยามวิกาลก็เป็น ประสบการณ์ที่แปลกและเก๋ดีไม่หยอก ถึงแม้ว่าดาวจะเป็นพีอาร์หน้าสวยไฉไลไปแถลงข่าวแดนไกลถึง เมืองผู้ดี แต่พอหลังม่านงานแถลงข่าวดาวเป็นกรรมกรดีดีนั่น ละค่ะ เรื่องนี้คนในวงการพีอาร์เค้ารู้กันดีว่าจะต้องมีคุณสมบัติ พิเศษ คือ สวย อึด ถึก และทน แต่พอถึงหน้างานพีอาร์ต้อง ห้ามหัวฟูโดยเด็ดขาด โชคดีที่ดาวเกิดมาเป็นคนสวยแต่ดาวจะ


ต้องเป็นสาวไฉไลให้ใครต่อใครนึกถึง...จริงไหมละคะอย่างน้อย ๆ ก็นักข่าวหนุ่ม ๆ นั่นแหละ เรื่องห้ามหัวฟูนี่ดาวอุตริคิดไปเองละค่ะ เพราะว่าไปแถลงข่าว ถึงเมืองนอกเมืองนาใครจะกล้าปล่อยตัวให้หัวฟู ตาคล้ำเป็น หมีแพนด้า เพราะถ้าเป็นพีอาร์สวยเฉิดฉายก็อาจจะมีลุ้น เผื่อ จะฟลุ๊กได้ Editor หนุ่มหล่อตาน้ำข้าวมาเป็นขวัญใจ มาฟุดฟิด ฟอไฟกันสนุกสนาน...แหมหนุ่มอังกฤษหล่อ ๆ ใครก็อยากจะ จับจะจอง อยากจะจับจ้องเป็นเจ้าของถูกไหมละคะ สำหรับเรื่องพริ้นเตอร์นี่เป็นอะไรที่ดาวเพลียใจมากเลยละคะ เพราะว่าแบกเครื่องพิมพ์รุ่นโบราณใส่กระเป๋าเดินทางร่อนเร่ เดินไปเดินมาอยู่ตามสนามบิน เหมือนจะเป็นเรื่องตลก แต่เอา เข้าจริงมันไม่ตลกหรอกค่ะเพราะว่านอกจากเครื่องพิมพ์แล้วยัง จะต้องมีกระดาษ A4 อีกไม่รู้กี่รีมต่อกี่รีมในกระเป๋า แล้วลอง จินตนาการดูสิคะว่าพีอาร์สาวสวยตัวเล็ก ๆ แล้วมีหนวดอย่าง ดาวจะแบกพรินท์เตอร์กับกระดาษ A4 ลงในกระเป๋าทาง ผ่าน เครื่องสแกนทีไรก็ตกอกตกใจกันทั้งเจ้าหน้าที่สนามบินและพี อาร์ เพราะว่าถ้าจะให้ดาวไปพิมพ์เอกสารงานแถลงข่าวตามโรงแรม ก็ตกใบละ 40 บาท นี่ราคากระดาษขาวดำด้วยนะคะ....คุณ พระ พริ้นท์ Press Kit ทีนึงก็เป็นหมื่น ๆ เสียดายเงิน เพราะ


ว่างานพีอาร์จะต้องพริ้นท์เอกสารทุกอย่างใส่ลงไปใน Press Kit ตั้งแต่ข่าวประชาสัมพันธ์ Fact Sheet นี่เฉพาะในแฟ้มนะ คะ แล้วส่วนที่อยู่นอกแฟ้มยังมี Briefing Book มีคำกล่าวผู้ บริหาร จนกลายเป็นผีกระดาษขึ้นมาเลยละคะ เลยต้องหอบ เครื่องพิมพ์และกระดาษไปเอง เวลาแถลงข่าวในแถบประเทศยุโรปพีอาร์เราจะต้องมีความ ชำนาญทั้งในเรื่องงานเรื่องการ ไปจนถึงแต่งตัวสวยสุภาพ แถมนักข่าวที่มาร่วมงานแต่ละคนก็เป็นระดับ Editor ทั้งนั้น ซึ่ง เรื่องนี้ดาวไม่ได้คิดไปเองหรอกค่ะ เพราะว่าในใบลงทะเบียน ส่วนใหญ่จะเป็น Editor มาออกงาน ทำข่าวด้วยตัวเอง แถม เวลาแถลงข่าวไปก็จิบชาไปเป็น High Tea ขนาดย่อม ดาวก็เลยต้องสวยพร้อม สงบเสงี่ยมเป็นพีอาร์หน้าสวยประกบ ติดผู้บริหารไม่ให้คลาดสายตา เพราะว่าระดับ Editor ถาม คำถามแต่ละคำถามดาวก็ตกใจไม่แพ้ผู้บริหารหรอกค่ะแต่จะ ทำยังไงได้ละคะ ก็ต้องสงบใจทำตัวเป็นพีอาร์หน้าสวยให้เป็น ปกติ เพราะมันจะตกใจกันไปทั้งผู้บริหาร นักข่าวและพีอาร์ การจัดงานแถลงข่าวในเมืองผู้ดี แทบจะไม่แตกต่างจากงาน แถลงข่าวในเมืองไทยเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ดาวเป็นกังวลคือคำถาม ที่ถามแต่ละทีพีอาร์ถึงกับอึ้งกิมกี่ตอบคำถามไม่ถูก โชคดีนะคะ


ที่ Briefing Book ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาทำให้ดาวเอาตัวรอด จากคำถามต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกหนึ่งอย่างที่ดาวได้รู้ว่าการเป็นพีอาร์อินเตอร์จะต้องเตรียม ความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ มากมายทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับงาน แถลงข่าว และประเด็นคำถามอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ แผนการตลาด ไปจนถึงเรื่องท่อง เที่ยว สารพัดสารเพไปหมด แถลงข่าวแต่ละทีไม่ใช่เรื่องง่าย เลย แล้วอีกอย่าง Briefing Book ก็ช่วยชีวิตดาวเอาไว้อีกครั้ง เพราะ ผู้บริหารเค้าอ่าน Briefing Book ของพีอาร์ อ่านแบบละเอียด อันไหนที่เค้าอยากจะรู้แล้วเค้าไม่รู้เค้าก็หันมาถามพีอาร์ จะ ดาวจะต้องใส่ข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง แล้วพิมพ์ออกมาเป็น เล่ม ๆ ให้ผู้บริหารถือเอาไว้ติดมือ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ เพราะว่าจริง ๆ แล้วดาวขี้เกียจตอบคำถาม ผู้ใหญ่ที่ซอกแซก ๆ ถามโน่นถามนี้จนดาวเองก็ลืมไปบ้าง แต่ ถ้า Briefing Book ครบถ้วนมีข้อมูลที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ดาวก็ อุ่นใจถือติดมือเอาไว้แล้วพลิกหน้าหาคำตอบแล้วจดโพยส่งต่อ ให้ผู้บริหาร แถมดีไม่ดีเค้าไม่ต้องถามอะไรดาวเลยก็ได้


อ้ออีกหนึ่งเรื่องที่น่าแปลกใจ นักข่าวเมืองผู้ดีส่วนใหญ่จะเป็น Editor หนุ่ม ๆ สูงชะลูดตูดปอดดูดีกันทั้งนั้นจนดาวใจละลาย เห็นแล้วอยากจะเข้าไปนั่งแท่นเป็นผู้บริหารตอบคำถามแทน เสียจริง ๆ พอเสร็จงานแถลงข่าวดาวก็ได้โอกาสที่ดาวจะออกไปเดินเล่น ชมนกชมไม้ชมเมืองให้สบายอารมณ์ แต่ไปไหนไกลไม่ได้หรอก ค่ะ เพราะเป็นพีอาร์ติดปีกจะมีเวลาไม่มาก มีเวลาแค่วันสอง วัน เลยได้มีโอกาสจิบ High Tea แบบเมืองผู้ดีกับเค้าบ้าง เดิน ช้อปปิ้งบ้างตามประสานางฟ้าพีอาร์ แต่เรื่องของเรื่อง คือดาวมักจะถูกจริตกับของ Outlet ไม่ชอบซื้อ ของราคาเต็ม มันแพงไปค่ะ ถึงจะอยากได้ของใหม่แบรนด์เนม แต่ซื้อที่ Outlet น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับพีอาร์ติดปีก อย่างดาว ห้าง Outlet ที่ลอนดอนอยู่ไกลโขเชียวละคะ เป็นสถานที่ที่เค้า เรียกกันว่า Bicester Village ซึ่งอยู่ไกลออกไปนอกเมืองแต่เค้า ว่ากันว่าถ้าไปลอนดอนแล้วจะต้องไปช้อปปิ้งที่นี้ให้ได้ เพราะว่า มีของแบรนด์เนมที่ทั้งถูกแล้วดีมากมายรอให้ดาวตะบี้ตะบัน ช้อปปิ้งละลายเงินในกระเป๋าเสียบ้าง ถึงจะแค่ครึ่งวันแต่ดาวว่า มันคุ้มค่ากว่าเดินซื้อของราคาเต็มในเมืองเสียตั้งเยอะ


แต่กว่าจะไปถึง Bicester Village เล่นเอาเกือบสองชั่วโมง แต่ เพราะว่าสองข้างทางมีบ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ดูแปลกตา ชวนมอง จนทำให้ลืมเวลาไปเลยละค่ะว่านั่งรถมาไกล และกว่า จะไปถึงต้องเช่ารถตู้หารเงินค่ารถกับพวกพี่ ๆ คนละ 10 ปอนด์ ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่านะคะ เพราะว่าไม่ไปกับ กรุ๊ปทัวร์ หลงทางบ้างอะไรบ้างก็สนุกไปอีกแบบ


ตอนที่ 14 นักข่าวตาใส พีอาร์ตาสวย ถึงดาวจะติดปีกโบยบินไปแถลงข่าวไกลถึงฝั่งอเมริกา และ ยุโรป แต่ดาวก็มีโอกาสได้แถลงข่าวในภูมิภาคอาเซียน เป็น ประจำเหมือนกัน เพราะเป็นตลาดกลุ่มใหญ่ และเป็นตลาด สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ที่จะต้องทำการสื่อสารกับกลุ่ม ประเทศเพื่อนบ้านของไทย อีกประสบการณ์หนึ่งที่ดาวอาจจะคิดไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ ก็ คือประสบการณ์ที่ดาวได้มีโอกาส ไปจัดงานแถลงข่าวที่ เวียดนาม ตอนนั้นไปทีเดียว 3 เมือง ไล่มาตั้งแต่โฮจิมินห์ซิตี้ กรุงฮานอย ไปจนถึงเมืองฮอยอันที่เคยมีละคร ฮอยอันฉันรัก เธอนั่นละคะ ที่เวียดนามเค้ามีลักษณะการแถลงข่าวคล้าย ๆ กับบ้านเรา แต่ มีเอกลักษณ์ที่เหมือนเมืองจีนอยู่หนึ่งอย่างก็คือเค้าจะต้องมีเงิน ค่าน้ำชา หรือค่าน้ำมันรถใส่ซองให้นักข่าว อันนี้ก็เหมือนกับ เมืองจีนที่ว่าไม่ได้เป็นการติดสินบนให้กับนักข่าวแต่เป็น ธรรมเนียมปฏิบัติ เหมือนเวลาสาว ๆ พีอาร์ไปจัดงานแถลง ข่าวตามเชียงใหม่ หรือจังหวัดใหญ่ ๆ ที่จะต้องเลี้ยงอาหาร กลางวันเป็นปกติ


มันเป็นธรรมเนียมจริง ๆ คะ คงเพราะเค้าได้รับอิทธิพลมา จากจีนแผ่นดินใหญ่ก็เป็นไปได้ อันนี้ดาวไม่ค่อยแน่ใจ แต่ ลักษณะการจัดงานเหมือนกับที่เมืองจีนค่อนข้างมาก แล้วจัด เป็นห้องประชุมใหญ่ ๆ นักข่าวมาทีนึงเป็นร้อย ห้องแถลงข่าว ก็เป็นห้องประชุมใหญ่ ๆ เหมือนเมืองจีน...ยังไงก็อย่างนั้น อีกหนึ่งเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนักข่าวชาว เวียดนามที่ดาวแอบเปิดประเด็นเอาไว้ว่าเป็นนักข่าวตาใส อัน นี้ดาวเอาฉายามาจากเคลลี่พี่สาวแผนกเอ็กซิบิชั่นหรือฝ่ายการ จัดงานแสดงสินค้านานาชาติแอบเม้าท์ให้ดาวฟังว่าเวลา ทำงานกับคนเวียดนามเราจะต้องกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เพราะคนเวียดนามเค้าไม่ค่อยเร่งร้อน แต่ค่อย ๆ ละเมียด ละไมทำงาน ไม่รีบเร่งคนแบบคนไทย เลยอาจจะไม่ถูกจริตพี อาร์ตาสวยจากแดนสยามแบบดาวที่ชอบทำอะไรแบบเร็วๆ อาจจะเป็นเพราะธรรมเนียมในการปิดหน้าข่าวของนักข่าว เวียดนามกับของไทยไม่เหมือนกัน ที่เมืองไทยเวลาดาวแถลง ข่าวเสร็จจะต้องรีบส่งข่าวให้นักข่าวเพื่อเตรียมจะปิดหน้าข่าว แต่ที่เวียดนามเค้าไม่รีบร้อน อันนี้ดาวไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ เพราะวิถีชีวิตชาวเวียดนามเค้าไม่ค่อยรีบร้อนคล้าย ๆ ใช้ชีวิต แบบสโลว์ไลฟ์แบบที่ใครต่อใครอยากจะมีชีวิตแบบนี้ก็เป็นได้


ซึ่งดาวคิดว่าดีนะคะ...เพราะว่าพอเวลาทำงานแล้วทำข่าวแบบ รีบ ๆ เราอาจจะส่งอะไรลวก ๆ ให้นักข่าว แล้วได้ข่าวที่ไม่มี คุณภาพก็เป็นไปได้ แต่จะรีบแค่ไหน เป็นพีอาร์ต้องไม่ทำงาน ลวก ๆ เพราะงานข่าวเป็นงานที่มีคุณค่า ส่วนเรื่องที่จะต้องแถลงข่าว ถึง 2 เมืองทั้งที่โฮจิมินห์ซิตี้ และก็ ฮานอยก็เพราะว่า เค้ามีสื่อท้องถิ่นกระจัดกระจายอยู่ตามหัว เมืองต่าง ๆ อย่างโฮจิมินห์ซิตี้จะเป็นเมืองหลวงที่มีหน่วยงาน ราชการ และมีสื่อหลักประจำอยู่เหมือนในกรุงเทพบ้านเรา ซึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นสื่อแมสเสียมาก เป็นสื่อหลักของประเทศ ส่วน เมืองฮานอยก็เป็นเมืองเศรษฐกิจ เหมือนภูเก็ต หรือเชียงใหม่ บ้านเราที่มีสื่อท้องถิ่นที่ชอบงานข่าวเป็นเชิงเศรษฐกิจ หรือ เหมือนที่เมืองจีนดาวก็ต้องแถลงข่าวที่ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ นี่แหละที่ดาวแอบเม้าท์ว่างานพีอาร์ที่เวียดนามเค้าคล้าย ๆ เมืองจีน เพราะที่เมืองจีนดาวจะต้องไปแถลงข่าวทั้งที่ปักกิ่งและ เซี่ยงไฮ้ ตระเวนโรดโชว์จัดงานไปทั้งสองเมืองเพราะไหน ๆ ก็ บินไปแล้วก็ต้องเอาให้คุ้มที่ไหนมีนักข่าวอยู่พีอาร์อย่างดาวก็ ต้องตามไปจัดงาน สำหรับอีกเมืองนึกก็คือฮอยอัน ตอนนั้นเค้าเพิ่งเปิดเป็นเมือง ท่าเปิดใหม่ ที่รัฐบาลเวียดนามพยายามส่งเสริมให้เป็นเมือง เศรษฐกิจอีกเมืองหนึ่ง เหมือนกับเมืองดานัง แต่เพราะเป็น


เมืองเปิดใหม่ดาวก็เลยได้ไปดูลู่ทางหาหนทางจัดงานพีอาร์แต่ ไม่ได้ไปแถลงข่าว ก็เลยได้มีโอกาสชิมกาแฟขี้ชะมดแบบชาว เวียดนาม ซึ่งเป็นกาแฟดริปโบราณที่พอดาวนึกถึงขึ้นมาก็ เปรี้ยวปากอยากจะกินอีก...ที่เวียดนามเค้าขึ้นชื่อเรื่องกาแฟว่า มีรสอร่อยถูกปาก แถมกาแฟขี้ชะมดก็ราคาย่อมเยาว์หากินได้ ทั่วไปเลยละคะ ถ้าใครได้มีโอกาสไปเวียดนามต้องลองชมกาแฟดริปขี้ชะมดให้ ได้เพราะว่าเค้าจะได้รู้ว่ามาถึงเวียดนามแล้วจริง ๆ


ตอนที่ 15 แฟรงค์เฟิร์ต กับ เฟิร์สคลาส เมื่อเดินทางไปรอบโลก การขึ้นเครื่องบินนั่งชั้นประหยัดดูจะ เป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคย แต่ถ้าดีดีไม่ดีหากได้ลองมีโอกาสนั่งชั้น ธุรกิจ หรือจะขยับขยายไปนั่งชั้นเฟิร์สคลาสก็ดูจะเป็นอะไรที่ โก้เก๋ดูดีมีชาติสกุล แต่นางฟ้าพีอาร์อย่างดาวหรือจะมีปัญญาขยับขยายตัวเองไป นั่งชั้นเฟิร์สคลาสให้แอร์สาวสวยมาเอาใจตลอดไฟล์ทการเดิน ทาง อันนี้ดูจะเป็นเรื่องยาก...เกิดมาเป็นปานดาวก็ต้องทำใจละ คะ แต่ไหน ๆ ดาวก็ได้มีโอกาสเดินทางรอบโลก ครั้นจะให้นั่งชั้นอี โคอย่างเดียวดาวก็คงจะเปลี่ยวใจเสียสักหน่อย แหม...ก็นานที ปีหนอยากจะลองนั่งชั้นธุรกิจกับเขาดูบ้างอะไรบ้าง คงไม่ใช่ เรื่องแปลกหรอกค่ะ ที่ดาวจะลองขยับฐานะขึ้นแท่นเป็นผู้ บริหารกับเค้าดูสักไฟล์ทสองไฟล์ท เมื่อดาวได้มีโอกาสเดินทางตั้งมากมาย ครั้นจะนั่งชั้นธุรกิจบิน ไปบินมาบินไปทุกประเทศก็ดูจะสิ้นเปลืองเงินทอง ก็เลยเก็บ หอมรอมริบ เก็บไมล์สะสมเอาไว้เหมือนเก็บเงินเหรียญหยอด


กระปุกเอาไว้ทีละนิดทีละหน่อย...จนในที่สุดดาวก็มีไมล์สะสม มากพอที่จะอัพเกรดตัวเองไปเป็นสาวชั้นธุรกิจ มันตื่นเต้นดีนะคะ...นั่งสบาย อาหารก็ใส่จานจัดเรียงมาให้ สวยงาม นั่งสบาย กินก็อร่อย แถมตอนเช็คอินก็ได้เช็คอินก่อน ใคร ขึ้นเครื่องก็สบายตัวสบายใจ...นี่แหละที่ดาวเลยขอโอกาส อัพเกรดตั๋วเครื่องบินของตัวเองบ้างอะไรบ้าง บอกตรง ๆ ว่าดาวก็แอบฟินค่ะ สำหรับไมล์สะสมก็ไม่มากไม่มายอะไรหรอกค่ะแค่ 80,000 ไมล์บวกค่าภาษีค่าน้ำมันอีกพันกว่าบาทก็อัพเกรดดาวเป็นสาว บิซิเนส นั่งเป็นพีอาร์หน้าสวยวิ้งอยู่บนชั้นฟ้า ขึ้นเครื่องบินเฉิด ฉายบินไปบินมาให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่สนใจเล่น แต่กว่าจะได้ 80,000 ไมล์นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะคะ บินกัน จนหลังขดหลังแข็ง บินกันจนเส้นเลือดที่ขาปูดโปน โชคดีนะคะ ที่ดาวเป็นพีอาร์มีหนวดเลยไม่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงบินให้เมื่อย ขาอีกต่อหนึ่ง ไฟล์ที่ดาวเลือกอัพเกรดก็จะต้องเป็นไฟล์ท Long-Haul เท่านั้น ละค่ะ ไม่อยากจะเสียจริตบินไปไม่ไกลนั่งเครื่องบินแค่ไม่กี่ ชั่วโมงก็อัพเกรดตัวเองเป็นสาวชั้นธุรกิจ อย่างไฟล์ทญี่ปุ่น


เกาหลี หรือเมืองจีนอะไรนี่บินแค่ 5 ชั่วโมง ไม่ใช่ว่าดาวจะไม่มี ปัญหาหรอกนะคะ แต่ดาวแอบเสียดายไมล์สะสม เพราะว่าถึง จะต้องจ่ายค่าภาษีพอกัน แต่ไมล์ก็ต้องกระเบียดกระเสียร ถึง จะบินบ่อย แต่ก็ไม่บ่อยขนาดบินเป็นยุง บินทุกวันอะไรหรอก ค่ะ ส่วนไฟล์ท Long-Hual ที่ดาวบอกว่าจะเลือกแลกไมล์เพื่อ อัพเกรดเป็นชั้นธุรกิจก็คือไฟล์ทไปแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศ เยอรมันนี ซึ่งดาวจะต้องไปจัดงานแถลงข่าวทุกปีที่งาน IMEX Germany ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านการจัดประชุมและท่อง เที่ยวเพื่อเป็นรางวัลที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกงานนึง แถมมี นักข่าวจากทั่วโลกบินมาทำข่าวถึงที่ ดาวก็เลยต้องแพคกระเป๋า เดินทางไปจัดงานแถลงข่าวเก๋ ๆ เป็นประจำทุก ๆ ปี แต่พอบินไปบินมาหลายปี นั่งเครื่องบินทีละ 9-10 ชั่วโมง บอกตรง ๆ คะว่าสังขารดาวเริ่มจะไม่ค่อยอำนวยสักเท่าไหร่ ปวดขา ปวดเอว ปวดตัวไปหมด บอกได้เลยค่ะว่าปวดไปถึง หลังหู ไหนจะเรื่อง Time Zone ที่จะต้องคอยปรับตัว ปรับเวลา ให้เข้าที่ ลงเครื่องปุ๊บก็ต้องทำงานปั๊บเลยนานทีปีหนขอตามใจ ตัวเองบ้าง แหมอายุปูนนี้เริ่มจะสูงวัยก็ต้องเอาใจตัวเองบ้างอะไรบ้าง...จริง ไหมคะ


เมื่อยอมเสียสตางค์ด้วยเงินของตัวเองอัพเกรดนั่งชั้นธุรกิจ ด้วยความตั้งใจว่าจะเจอหนุ่มนักธุรกิจนั่งใกล้ชิด อยู่ใกล้ ๆ เหมือนในหนัง แล้วจะฟุดฟิดฟอไฟ คุยไปเม้าท์ไปแล้วแลก เบอร์โทร ดาวดูเหมือนจะไม่มีวาสนาหรอกค่ะ แต่มันเป็นเรื่อง ที่ดาวชอบมโนและจินตนาการเอาเองว่าหากบุญพาวาสนาส่ง เผื่อจะฟลุ๊กได้ฝรั่งตาน้ำข้าวมาคู่เคียง แล้วจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา กับเขาเสียที แล้วจะได้มีโอกาสบินไปรอบโลกกับหวานใจให้ หวานซึ้ง บินไปทำงานกับคนรู้ใจ...น่าสนุกจะตายไปค่ะ สุดท้าย คุณพระ...ความฝันดาวก็ต้องสลายเมื่อกำลังจะขึ้น เครื่องเดินทางไปทำงานแดนศิวิไลซ์ แอร์โฮสเตสสาวสวยตรง หน้าเกตกลับสแกนตั๋วดาวไม่เจอ...หรือดาวจะตกเครื่องหรือยัง ไง...เอ๊ะหรือว่ามีอะไรผิดพลาดทางเทคนิค แอบตกอกตกใจนิดหน่อยค่ะ...เพราะว่าถ้าพลาดตกไฟล์ท ดาว ไม่มีปัญญาจ่ายเงินค่าตั๋วบินไปเยอรมันเองหรอกค่ะ ก็ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กันไป สุดท้ายความจริงก็เฉลยว่าดาวก็บุญพาวาสนาส่งได้อัพเกรดอีก ทีตรงหน้าเกต ได้ขยับขยายไปนั่ง “เฟิร์สคลาส” ใช่แล้วค่ะ ฟัง ไม่ผิดหรอกคะว่าดาวได้มีโอกาสไปนั่ง “เฟิร์สคลาส” แบบที่ ดาวใฝ่ฝันเอาไว้จริง ๆ


ทีแรกก็ตกใจ ทุกคนก็ตกตะลึก อัพเกรดจากชั้นอีโค มาเป็นชั้น ธุรกิจแล้วได้อัพเกรดอีกทีมาเป็นเฟิร์สคลาส อันนี้ดูเป็นเรื่อง แปลก แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้...จริงไหมคะ แต่พอดาวเริ่มได้สติก็นึกอีกทีว่าไฟล์ทไปแฟรงค์เฟิร์ตคราวนี้ ไฟล์ทแน่นเอี้ยด ผู้โดยสารเต็มไฟล์ท มีคนรอสแตนบายขึ้น เครื่องเต็มไปหมด ก็อย่างว่าแหละค่ะ...งาน IMEX คนในวงการ ท่องเที่ยวใคร ๆ ก็อยากจะไปออกงาน แล้วอีกอย่างกว่าดาวจะ ได้แลกไมล์อัพเกรดก็ต้องรอให้ดาวเป็นสมาชิกบัตรทองของ การบินไทยนี่แหละค่ะ ถึงได้มีโอกาสอัพเกรดแล้วอัพเกรดอีก แถมไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแต่อย่างใดเลยละคะ นี่สงสัยเพราะว่าเค้าจะขายตั๋วได้เพิ่มทั้งชั้นอีโค และชั้นธุรกิจ แค่ขยับนางสาวปานดาวคนเดียวก็ขายตั๋วได้เพิ่มอีกใบสองใบ แต่สำหรับดาว ถือว่าเป็นกำไรชีวิตไปก็แล้วกัน ประสบการณ์บนชั้นเฟิร์สคลาสเหมือนความฝันเลยละคะ ไหน จะเก้าอี้นั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเตียงนอนแบบแฟลต อัน นี้เค้าเรียกว่าแฟลตจริง ๆ ค่ะเพราะว่าสามารถปรับระดับความ ราบให้เป็นเตียงนอนสบายได้ถึง 180 องศา เหมือนนอนใน โรงแรม แถมมีน้ำหอม เสื้อผ้าชุดนอน รองเท้าแตะไว้บริการไว้


ให้พร้อม ของกินก็มากมายตั้งแต่ไวน์ชั้นดี ไปจนถึงแคร็กเกอร์ กับไข่ปลาคาเวียร์ แต่เรื่องของกินนี่ดูจะไม่ค่อยถูกจริตกับปานดาวสักเท่าไหร่ เพราะถึงจะเลื่อนชั้นไฮโซแค่ไหน ดาวก็ยังเป็นดาวค่ะ แอบ ปลื้มข้าวเหนียวส้มตำไก่ย่างเสียมากกว่า...แต่คุณพระ อันนี้ สายการบินไหนก็ไม่มีให้กินหรอกคะ มีแค่การบินไทยชั้นอีโค เท่านั้น เรื่องอาหารเลยไม่ค่อยจะถูกใจดาวเท่าไหร่ แต่เอาเป็นว่าบินไปทำงานคราวนี้ดาวได้ประสบการณ์ระดับ เฟิร์สคลาสมาแบบฟรี ๆ ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเลยละคะ


ตอนที่ 16 สิงคโปร์ มาเลเซีย พีอาร์ควิกเทิร์น ถึงจะติดปีกโบยบิน เดินสายจัดงานแถลงข่าวมาแล้วทั่วโลก แต่ ในภูมิภาคอาเซียนก็ยังเป็นเดสติเนชั่น หรือจุดหมายหลักใน การโปรโมตประเทศไทย ดาวถึงต้องบินมาบินไป บินไปเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ และมาเลเซีย ก็เพราะเดินสายในแถบอาเซียนนี่แหละ...ที่ทำให้ดาวเป็นพี อาร์ติดปีก มีอาชีพเดินสายเหมือนเป็นนางฟ้าแอร์โฮสเตส แต่ ตอนนั่งเครื่องบินดาวไม่ได้ไปเสิร์ฟอาหาร หรือเครื่องดื่มให้ ใครหรอกค่ะ...เพราะดาวเอาแต่นอน แถมสองประเทศนี่เวลา บินทีไรเหมือนจะบินไปจัดงานตามเชียงใหม่ หรือภูเก็ตอย่างไร ก็อย่างนั้น ที่ดาวบอกว่าเหมือนบินไปแถลงข่าวที่ภูเก็ตหรือเชียงใหม่ ก็ เพราะว่าเวลานั่งเครื่องบินใช้เวลาไม่นานเหมาะสมกำลังดีแค่ หนึ่งชั่วโมงนิด ๆ ....ดาวเลยไม่ค่อยเสียจริตเท่าไหร่ พูดไปจะหาว่าดาวเม้าท์มอย...แต่ไหน ๆ ไปจัดงานแถลงข่าวใน แถบอาเซียนทั้งที เวลาเดินทางก็ไม่มากไม่มาย ดาวเลยต้องมี ภารกิจติดปีกบินทีนึง 2 ประเทศหรือ 2 เมืองเป็นอย่างน้อย


คราวนี้ดาวได้มีโอกาสติดปีกโบยบิน ไปเยือนดินแดนสิงคโปร์ และมาเลเซีย...เชื่อไหมคะว่าดาวใช้เวลาแถลงข่าว 2 ประเทศ เพียงแค่ 4 วัน อันนี้รวมบินไปบินมา บินไปกลับประเทศไทย ด้วยนะคะ เหมือนเป็นแอร์...แล้วบินควิกเทิร์นยังไงก็ไม่รู้ เกิดเป็นพีอาร์ มีอาชีพเป็นนักประชาสัมพันธ์ ใครกันหนอที่ เม้าท์มอยไปได้ว่าจะต้องสวยสง่างาม...เรื่องความสวยสง่าดาว ก็ยอมรับนะคะ แต่จะให้งามสดใสไฉไลเป็นพีอาร์ควิกเทิร์นดาว ก็ดูจะเพลียใจ ไหนจะต้องคอยเอาใจผู้หลักผู้ใหญ่ในแต่ละท้อง ที่ งานแถลงข่าวก็ต้องเตรียม งานมีเดียก็ต้องเลิศ เกิดเป็นพีอาร์แท้จริงแสนลำบาก...ถึงจะดูเป็นอาชีพสวยหรู ดู น่านับถือก็ตาม แต่เบื้องหลังฉากดาวจะต้องหัวฟูกับกอง เอกสารงานข่าว ใบลงทะเบียนเอยอะไรเอย อุตส่าห์ได้ไปทำงานที่สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่ไปนอน ประเทศละคืน...ดาวก็เปลี่ยวใจ แต่เรื่องความสนุกในการ ทำงานนี่แหละค่ะที่ทำให้ดาวสู้ไม่ถอย ถึงจะประเทศละ 1 วัน 1 คืนก็ตาม แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ช่วยเพิ่มพูนทักษะ ประสบการณ์พีอาร์ให้เป็นพีอาร์ติดปีกที่แข็งกล้าขึ้นทุก ๆ ครั้ง ที่ไปทำงาน


ธรรมชาติของนักข่าวสิงคโปร์ กับมาเลเซีย อาจจะไม่ค่อยหวือ หวาเสียสักเท่าใด เพราะว่าแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากไทย แลนด์แดนสยามเสียสักเท่าไร เวลาจัดแถลงข่าวก็จะต้องมีผู้บริหารกล่าวสปีซเปิดงาน มีพรี เซนเทชั่นแนะนำอะไรต่อมิอะไรสักเล็กน้อย แล้วก็ถ่ายภาพ ร่วมกัน ก็เป็นอันจบพิธี ไม่มีพิธีรีตรองอะไรให้ยุ่งขิงหรอก ค่ะ...อันนี้จริงแล้วเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของงานพีอาร์ทั่วโลก เลยก็ว่าได้ แต่ที่ดาวบอกว่าไม่หวือหวาอะไรมาก...ก็เพราะธรรมชาตินัก ข่าวสิงคโปร์ และมาเลเซียเค้าไม่ค่อยไถ่ถามผู้บริหารอะไรกัน มากมายระหว่างงานแถลงข่าว แต่จะค่อย ๆ จับตัวผู้บริหาร แล้วล้อมวงสัมภาษณ์ตอนเสร็จพิธีการ...เหมือนเมืองไทยเลย จริง ๆ ส่วนพวกช่องข่าวทีวีก็จะเน้นสัมภาษณ์จะตัวต่อตัวหรือ รวมไมค์เลยก็ได้อันนี้ตามอัธยาศัย และตามจริตของนักข่าว แต่ละสำนัก แต่ตอนไปทำงานที่สิงคโปร์ มีประสบการณ์ดีดีที่น่าจดจำ และ ทำให้ดาวได้เพิ่มพูนทักษะทางพีอาร์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมก็คือการที่ ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์สดในช่อง CNBC ซึ่งออนแอร์ถ่ายทอด สดพร้อมกันทั่วทั้งภูมิภาค...ดาวแอบตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ก็


ผ่านพ้นมันมาได้เพราะว่าประสบการณ์ที่ได้พาท่าน ๆ ผู้ บริหารไปตระเวนสัมภาษณ์ตามรายการทีวีต่าง ๆ อยู่เป็น ประจำ ก็เลยทำให้หายใจหายคอโล่งขึ้นมาหน่อย และนักข่าวในสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะเป็นระดับ Regional Media ซึ่งสื่อระดับโลก หรือ Global ส่วนใหญ่จะมาตั้งสำนักงาน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่สิงคโปร์ มีหลาย สำนักข่าวจนดาวแทบไม่เชื่อเลยละค่ะ...ดาวก็เลยได้มีโอกาส ฝึกปรือติดปีกไปทีละเล็กละน้อย เปิดประสบการณ์พีอาร์ที่สิงคโปร์และมาเลเซียถึงจะเป็นพี อาร์ควิกเทิร์นไปบ้าง เดินหลงตามสนามบินบ้าง ก็ถือว่าเป็น ช่วงเวลาที่น่าจดจำแล้วเอามาบอกต่อเผื่อใครอยากจะไปเป็นพี อาร์อินเตอร์ทำพีอาร์ให้บริษัทข้ามชาติในอาเซียน เพราะไหน ๆ เราก็เป็นตลาดอาเซียน เป็นเขตภูมิภาคอาเซียนเหมือนยูโร โซนแล้ว...ลองดูก็ได้ค่ะ


ตอนที่ 17 ปล่อยตัวปล่อยใจ ล่องเรือสำราญในซีดนีย์ “ปล่อยดวงใจลอยหายเข้าไปในเพลง” อยู่ดีดีดาวก็นึกสนุก ร้องเพลงในใจเพียงลำพัง เป็นพีอาร์สาว โสดก็อย่างนี้แหละคะ ที่วัน ๆ นึงก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน เรื่อง อื่นเรื่องใดดาวไม่ค่อยจะมีจริตจกร้านสักเท่าไร โดยเฉพาะเรื่อง ผู้ชาย...อุตส่าห์ได้เป็นพีอาร์หน้าสวย แต่ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะว่าทำไมอยู่ดีดีดาวก็นึกถึงเพลง หวานคลาสสิคชวนซึ้งขึ้นมา ก็เพราะว่าภารกิจใหม่ของดาวถูก อกถูกใจ ถูกจริตนางสาวปานดาวเป็นอย่างยิ่ง เพราะนานทีปี หนจะได้มีโอกาสไปจัดงานแถลงข่าวที่เมืองจิงโจ้ ล่องเรือ สำราญเลียบอ่าวซีดนีย์ไปพร้อม ๆ กับการแถลงข่าว แถมมี กิจกรรม Networking ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับนักธุรกิจ ในต่างแดนแล้วมีฉากหลังเป็นซีดนีย์โอเปร่าเฮาส์กับนักข่าว แดนจิงโจ้ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีนักข่าวหนุ่ม ๆ ตาน้ำข้าว หวานฉ่ำ หน้าใส สูงชะลูด พูดภาษาอังกฤษสำเนียงไม่คุ้นหูให้ ดาวใจละลาย


ภารกิจครั้งนี้ถือเป็นภารกิจสำคัญอีกภารกิจหนึ่งสำหรับดาว เพราะว่าจะต้องจัดงานแถลงข่าวเองแทบจะทั้งหมด ตั้งแต่ทำ เอกสารงานข่าว ไปจนถึงช่วยฝ่ายการตลาดเค้าทำ Presentation แต่ยังดีที่คราวนี้ไม่ได้ตัวเปล่าเล่าเปลือยเริ่มต้น ใหม่หมดจด เพราะที่ดินแดนออสซี่ ดาวมีผู้ช่วยมือฉมังเป็น Thailand Representative ชาวออสเตรเลียที่คอยช่วยเหลืองาน ราษฎร์ งานหลวง คอยช่วยเหลืองานทั้งด้านการตลาด การ ประชาสัมพันธ์ ไปจนถึงการเทียบเชิญนักข่าวให้มาร่วมงานใน ครั้งนี้ ดาวเลย..วางใจไปได้เยอะเลยทีเดียว งานแถลงข่าวในครั้งนี้เป็นกิจกรรมพีอาร์ที่พ่วงไปกับกิจกรรม ส่งเสริมการตลาดของฝ่ายการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลที่ทีม มาร์เก็ตติ้งเค้าจัดกิจกรรม Australia Roadshow ขึ้นเพื่อบุก ตลาดองค์กรและบริษัทใหญ่ ๆ ในประเทศออสเตรเลียโดยมี วัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนให้กลุ่มบริษัท องค์กร และห้างร้าน ต่าง ๆ เดินทางเข้ามาจัดประชุมและจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเพื่อ เป็นรางวัลในประเทศไทย แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านใน ภูมิภาคอาเซียนของเรา ที่ดาวบอกว่า “ปล่อยตัวปล่อยใจ” นี่ต้องพูดตรง ๆ เลยละคะ ว่าดาวกระตือรือร้นกับการจัดงานแถลงข่าวในครั้งนี้เป็นอย่าง


มาก เพราะการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะได้จัดงาน แถลงข่าวร่วมกับนักข่าวตาน้ำข้าวแดนศิวิไลซ์ไปพร้อม ๆ กับ นั่งเรือสำราญ กินไปคุยไปแถลงข่าวไป เป็นทริปแสนเก๋เลยที เดียว ถือเป็นงานแถลงข่าวที่ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในการใช้เรือ สำราญจัดงานแถลงข่าวในบ้านเราในตอนนั้น แต่หลัง ๆ ดาวก็แอบเห็นว่ามีแบรนด์หลายแบรนด์ใช้วิธีนี้แล้ว เชิญเหล่าเซเลบคนดังแล้วล่องเรือสำราญล่องแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วแถลงข่าวไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งดาวว่าเป็นไอเดียที่ถึงจะไม่ แปลกใหม่แต่เก๋เลยทีเดียว เหมือนสมัยที่ดาวยังเป็นสาววัยละ อ่อนเป็นพีอาร์เอเจนซี่ตัวเล็ก ๆ ก็เคยมีการจัดงานแถลงข่าว บนเครื่องบินให้นักข่าวตื่นตาตื่นใจเล่น ได้ประสบการณ์สุดประทับใจไปทั้งนักข่าว และพีอาร์ ถึงต้นทุนการจัดงานจะสูงไปนิด แต่สำหรับดาว ดาวรู้สึกว่า งานแถลงข่าวที่มีอะไรแปลกใหม่โดยเฉพาะสถานที่และรูปแบบ การจัดงานดีดี แล้วมีประเด็นข่าวเก๋ ๆ ก็เรียกความสนใจนัก ข่าวในยุคไซเบอร์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เวลาคอนเฟิร์มนักข่าว ที่มางาน ก็ไม่ต้องลุ้นกันตัวโก่งว่านักข่าวจะมาหรือไม่มาให้ตื่น เต้นตกใจ แถมยังได้ภาพลักษณ์ที่ดีงามให้กับองค์กรไปในตัว


ด้วยเพราะเหตุไปแถลงข่าวแดนไกล ถึงภูมิภาคโอเชียเนียทั้งที ก็เลยจะต้องทำให้สมศักดิ์ศรีประเทศไทยค่ะ เพราะว่านักเดิน ทางกลุ่มธุรกิจถือเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพที่รัฐบาลไทยได้ ผลักดันและส่งเสริมเพื่อเชิญชวนให้เค้าเข้ามาในบ้านเรา และ ใช้เงินจับจ่ายใช้สอยให้กระแสเงินสดสะพัด สร้างงานสร้าง อาชีพให้กับใครต่อใครในประเทศอีกมากมาย การจัดงานคราวนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดแถลงข่าว หรอกนะคะ เพียงแต่ว่าไหน ๆ ก็ไปจัดงานโรดโชว์ เดินสายจัด กิจกรรม Business Matching พาผู้ประกอบการด้านการท่อง เที่ยว การจัดประชุม และสัมมนาแล้ว พีอาร์อย่างดาวก็ต้องติด สอยห้อยตามไปร่วมด้วยช่วยกัน ฝ่ายการตลาดก็ทำหน้าที่ส่ง เสริมการขาย ส่วนฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่างดาวก็ทำหน้าที่ เป็นกระบอกเสียงบอกต่อ ช่วยกันคนละไม้คนมือ เป็นการส่ง เสริมเศรษฐกิจของไทยให้แข็งแรงไปในตัว ความเก๋ของการจัดงานแถลงข่าวครั้งนี้คือการที่ไม่ต้องเตรียม Catering ชา กาแฟ หรือขนมนมเนยให้ยุ่งขิงแต่อย่างใด เพราะ ไหน ๆ ก็อุตส่าห์ล่องเรือสำราญแถลงข่าวเก๋ ๆ แล้วก็เชิญชวน นักข่าวมาร่วมความสุขความสำราญรับประทานดินเนอร์ไป พร้อม ๆ กับงานแถลงข่าว


งานนี้ชา กาแฟไม่ต้อง แต่นักข่าวแดนจิงโจ้เค้าจะจิบแชมเปญ ไปดินเนอร์ให้สุขสำราญใจ และทานบุฟเฟ่ต์ดินเนอร์ไป ซึ่งการ จัดงานในครั้งนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมีนักข่าวชาว ออสซี่เข้ามาร่วมงานแถลงข่าวกว่า 40 ชีวิต จากสื่อยักษ์ใหญ่ ต่าง ๆ มากมาย ทั้งที่เป็นสื่อท้องถิ่น และสื่อระดับโลก


ตอนที่ 18 นางงามพีอาร์ มิสเปอโตริโก้ สมัยตอนเป็นเด็กสาวบ้านนายังไม่ค่อยประสีประสาอะไร ดาว เชื่อคะว่ากะเทยทุกนางจะต้องมีจริตมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็น นางงาม นางสาวไทย หรือมีความฝันอันยิ่งใหญ่อยากจะเป็น นางงามจักรวาลคว้ามงกุฎเพชร พร้อมสายสะพาย ทำผมลอน ใหญ่ ยิ้นหวาน แล้วเดินโบกไม้โบกมือให้ใครต่อใครแชะ ภาพถ่ายภาพลงหน้าหนังสือพิมพ์ ถึงใครจะไม่เคยอยากเป็นนางงาม...แต่สำหรับดาว บอกตรง ๆ คะว่าสมัยเป็นเด็กก็อยากจะเป็นนางงามจักรวาลแบบพี่ปุ๋ย ภร ทิพย์ดูสักครั้ง...แต่ติดตรงที่ดาวมีหนวดก็เลยอดคว้ามงกุฏ จนแล้วจนรอด ถึงดาวจะไม่ได้เป็นนางงาม เป็นนางสาวสยาม ไม่ได้เป็นแอร์ หรือไม่ได้เป็นดารา แต่ดาวก็ยังเป็นดาว แล้วใน ที่สุดดาวก็วิวัฒนาการจากสาวน้อยมีหนวดเป็นปานดาวเป็นพี อาร์ติดปีก บินไปบินมาสวยเก๋...อย่างน้อย ๆ ดาวก็ทำความฝัน หนึ่งข้อได้สำเร็จที่ดาวได้เดินทางแบบแอร์สาวสวย อาจจะเม้าท์มอยมากไปเสียสักนิดเดี๋ยวจะเสียจริตพีอาร์แสนเก๋ ที่อยู่ดีดีก็พูดถึงเรื่องนางงามจักรวาลคว้ามงกุฎขึ้นมา ไม่ใช่ อะไรหรอกค่ะ ที่ดาวเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะจะมาแชร์


ประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสไปชุบตัวเป็นนางงาม...ไม่ใช่ค่ะไป ชุบตัวเป็นพีอาร์ติดปีกให้สมฉายานางฟ้าพีอาร์โกอินเตอร์ให้ เต็มตัวให้ทันยุคทันสมัยเข้ากับพีอาร์ยุคดิจิตอล ที่ดาวบอกว่าได้มีโอกาสไปชุบตัวก็เพราะ ดาวได้มีโอกาสเดิน ทางไปร่วมงานสัมมนาและเข้าคลาสเทรนนิ่งในงานประชุม ประจำปีของสมาคม ICCA (International Congress and Convention Association) ซึ่งเป็นสมาคมด้านการจัดประชุม นานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประเทศสมาชิกว่า 75 ประเทศ เข้าร่วมเป็นสมาชิก และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศ สมาชิก ดาวเลยได้มีโอกาสเดินทางไปเข้าร่วมประชุมประจำปี ของสมาคมอยู่บ่อย ๆ ซึ่งแต่ละปีงานประชุมใหญ่ประจำปีของ สมาคม ICCA เค้าจะวนจัดไปเรื่อย ๆ ตามประเทศต่าง ๆ แต่ที่หยิบมาเล่าในครั้งนี้ดูแปลกพิกลที่อยู่ดีดีปานดาวก็ลุกขึ้น มาเป็นนางงามจักรวาลนั่นก็เพราะว่าดาวอยากจะเล่าถึง ประสบการณ์ที่สาวน้อยบ้านนาได้มีโอกาสบินไปร่วมสัมมนา ประจำปีของสมาคม ICCA ถึงเปอโตริโก้ ใช่แล้วละคะ “เปอโตริโก้” เป็นชื่อประเทศที่ผู้หญิงมีหนวด อย่างดาวรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นดินแดนที่มีแต่สาวงาม สาวสวยระดับโลก ผิวพรรณผ่องใส ผิวสวยจับใจดาวเป็นที่สุด


และเป็นประเทศที่มักจะได้รับรางวัลนางงามจักรวาลอยู่เนือง นิจ ภายในงานประชุมประจำปีของสมาคม ICCA นอกจากจะมีการ อัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการประชุมนานาชาติแล้ว ก็ยังมีคลาสเทรนนิ่งดีดีที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ฝึกอบรมหลาก หลายคลาสให้เลือก Sit in ตั้งแต่คลาสเทรนนิ่งใน อุตสาหกรรมการจัดประชุม การตลาด ไปจนถึงการ ประชาสัมพันธ์ ที่ดาวเคยบอกเอาไว้ว่า PR Never Die ก็เพราะอย่างนี้แหละค่ะ เพราะว่าไม่ว่าจะวงการไหน ๆ อุตสาหกรรมไหน ๆ ตั้งแต่สาก กะเบือยันเรือรบ อุตสาหกรรมการแพทย์ การศึกษา ไปจนถึง วงการยานอวกาศอย่างนาซ่าก็ต้องใช้งานประชาสัมพันธ์เป็นก ระบอกเสียงเป็นหลัก การเข้าคลาสที่เปอโตริโก้คราวนี้ดาวเลยได้มีโอกาสลับคมมีด งานประชาสัมพันธ์ไปในตัว เพราะว่าตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใคร พูดถึงงานพีอาร์ดิจิตอล หรือ Digital PR เท่าใดนัก เหมือนไป ชุบตัวเตรียมพร้อมเป็นนางงามจักรวาลอย่างไรก็อย่างนั้น ส่วนใหญ่เวลาจะทำ Online Communication คนส่วนใหญ่จะ นึกถึง Digital Communication ว่าเป็นการทำ Viral Clip เสีย


เป็นส่วนมาก แต่ที่เมืองนอกโดยเฉพาะในแถบอเมริกา ซึ่งเปอ โตริโก้ก็เป็นเมืองท่าเมืองหนึ่งของอเมริกาเค้าหันมาให้ความ สำคัญกับเรื่อง Digital PR กันเป็นอย่างมาก หันมาทำกิจกรรม ทุกอย่างผ่านกิจกรรมพีอาร์ออนไลน์กันหมด ความเก๋ และสร้างสรรค์คือการทำ Press Release หรือข่าว ประชาสัมพันธ์แล้วส่งผ่าน Twitter เรียนรู้การเขียนข่าวพาดหัว แบบโซเซียลมีเดียไปจนถึงการทำ VDO News Release ซึ่งถึง ตอนนี้ในเมืองไทยบ้านเราก็ยังไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่ แต่ใน ปัจจุบันงาน Digital PR ก็ค่อย ๆ วิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ จนมา ถึง Social Influencer หรือ Youtuber ที่เริ่มเป็นที่รู้จักในบ้าน เรานั่นเองละค่ะ แต่จนถึงตอนนี้ การทำ Digital PR ในเมืองไทยยังไม่ค่อยเป็นที่ นิยมยังไม่ค่อยได้ทำเป็นเรื่องเป็นราวเสียสักเท่าใดนัก เพราะ มันยังคาบเกี่ยวอยู่กับ Digital Agency ที่ทำแคมเปญออนไลน์ เสียเป็นส่วนมาก แต่ดาวเชื่อว่าในไม่ช้าไม่นาน Digital PR จะ ค่อย ๆ พัฒนาบทบาทและเริ่มมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในเมือง ไทยบ้านเราค่ะ ดาวเชื่ออย่างนั้น


ตอนที่ 19 Dinner Party กับ FCCT เกิดเป็นพีอาร์ ใครกันหนอที่เม้าท์มอยว่าเป็นอาชีพที่สุขสบาย แต่หน้าหลักของพีอาร์อย่างดาวไม่ต่างจากนักล่าขุมทรัพย์ จะ ต้องตามล่าหาพื้นที่ข่าว หาทุกหย่อมหญ้า และดูทุกโอกาสเพื่อ ที่จะทำการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ข่าวที่ดาวเขียนและจัดทำ ขึ้นมาได้รับการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย ถึงพีอาร์ติดปีก จะดูเป็นอาชีพที่โก้หรูสุขสบาย ได้เดินทางไป ทั่วโลก แต่ต้องไม่ลืมว่างานสำคัญก็รออยู่ตรงหน้า ที่ไหนมีนัก ข่าวที่นั่นก็มักจะมีดาวอยู่เสมอ ๆ แหละคะ ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย ในเมืองไทยดาวก็ต้องเก็บงานเก็บการด้านประชาสัมพันธ์ใน เรียบกริบ ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ให้ขาดตกบกพร่องจริง ๆ ค่ะ เพราะว่าในเมืองไทยนอกจากดาวจะต้องติดต่อนักข่าว หลากหลายสำนักทั้งหนังสือพิมพ์หัวสี สำนักพิมพ์ธุรกิจแล้ว ดาวยังจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่เป็นทูตสันธวไมตรีติดต่อยื่น ไมตรีสานสัมพันธ์กับนักข่าวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทย อีกด้วย


ทั้งนี้ทั้งนี้สือเนื่องจากการเป็นนักนิเทศศาสตร์ เรามักจะท่อง กันจนขึ้นใจว่า “นักสื่อสารมวลชนผองเราทุกคนเป็นสื่อ สัมพันธ์ สื่อกลางระหว่างสถาบันประชาสัมพันธ์กับปวง ประชา” ด้วยภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ดาวจะต้องรับผิดชอบ ถึงดาวจะไม่มี พลังอันยิ่งใหญ่แล้วจะต้องแบกความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ เหมือนยอดมนุษย์ในภาพยนตร์ก็ตาม แต่ความที่เป็นนางฟ้าพี อาร์ดาวเลยต้องมีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ตามมา...ด้วย จำเป็นจะต้องทำการสื่อสารประชาสัมพันธ์กับนักข่าวทุกผู้ทุก นามทั้งในเมืองไทยและเมืองนอก...โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเนียบ สื่อมวลชนและนักข่าวต่างประเทศในเมืองไทย หรือที่พีอาร์ อย่างเรามักรู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อย่อว่า FCCT FCCT มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ แห่งประเทศไทย” หรือ “Foreign Corresponsdents’ Club of Thailand” ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวนักข่าวต่างประเทศแทบจะทุก ทำสำนักที่อยู่ในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่สำนักข่าวชื่อดัง อย่าง CNN, BBC, CNBC, Times ไปจนถึง ตงฮั๊ว เกียฮั๊ว ซิน เสียเยี่ยเป้าเลยละคะ ถือได้ว่าเป็นสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่รวบรวมนักข่าวทั่ว โลกเอาไว้อย่างครบถ้วน และครบครัน...ใครอยากจะชี้แจง


แถลงไข แถลงข่าวอะไรกับนักต่างประเทศ โดยที่ไม่ต้องเสีย เวลาเดินทางก็สามารถใช้พื้นที่สมาคมฯ เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ในการแถลงข่าวได้เป็นอย่างดีนะคะ...ลองติดต่อกันดูก็ได้ สถานที่พร้อมแถมสำนักงานก็ตั้งอยู่บนอัมรินทร์พลาซ่าไม่ใกล้ ไม่ไกล อยู่ใจกลางเมืองพอดิบพอดี ธรรมเนียมในการแถลงข่าวกับนักข่าวต่างประเทศที่ FCCT จะ ต้องจัดงานแถลงข่าวช่วงเย็นค่ะ ทั้งนี้เพราะว่าในเวลากลางวัน ยังไม่ค่อยมีนักข่าวเข้ามาที่สมาคมเสียสักเท่าไรนัก อาจะเป็น เพราะว่านักข่าวหัวเห็ดแต่ละสำนักข่าวเค้าอาจจะไปอยู่ตาม แหล่งข่าวต่าง ๆ เพื่อทำข่าว เขียนข่าว แล้วส่งข่าวกลับสำนัก ข่าวในแต่ละประเทศของตัวเองก็เป็นไปได้ ทางพีอาร์และเจ้าหน้าที่ของสมาคมจึงแนะนำให้ดาวจัดงาน แถลงข่าวตอนเย็น เริ่มต้นตั้งแต่ 18.30 – 19.00 เป็นต้นไป เลยจำเป็นที่จะต้องจนงานแถลงข่าวในลักษณะเป็น Dinner Buffet มีอาหาร เครื่องดื่มพร้อมสรรพ แล้วจัดเป็นโต๊ะสำหรับ ทานอาหารให้นักข่าวได้เข้ามาทำข่าวและสังสรรค์กันไปในตัว พร้อมกัน ดาวถึงเรียกว่า “งานปาร์ตี้กับ FCCT” จึงดูจะเหมาะกว่า


รูปแบบงานแถลงข่าวช่วงพิธีการจะเป็น Format ธรรมเนียม ปฏิบัติที่สาว ๆ ชาวพีอาร์คุ้นชินเป็นอย่างดีที่จะมีช่วง Speech ช่วง Presentation ถ่ายภาพร่วมกัน ไปจนถึงช่วงถามตอบ สื่อมวลชน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์พีอาร์แปลกใหม่ที่ หากใครอยากโกอินเตอร์ติดต่อกับนักข่าวต่างประเทศ ก็อาจจะ เป็นขั้นแรกในการติดต่อขอจัด Press Conference จัดดินเนอร์ ปาร์ตี้กับ FCCT ดูก่อนก็ได้ ดาวว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลว ใช้เงินลงทุนไม่มากไม่มาย แต่ได้ นักข่าวเกือบทั่วโลกมาร่วมงานแถลงข่าว จัดงานที่เมืองไทย แต่ ได้ข่าวขจรกระจายไกลไปถึงต่างแดน ลองดูก็ได้ค่ะ ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่และคุ้มค่าทีเดียว



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.