1
ทฤษฎฎีพ พัฒนาการทางจรริยธรรมของ จอง เพฎียเจตต ประว พัตริและความเปป็นมา
จอง เพพียเจทท์ (Jean Piaget : 1896-1980) นนั กจจิตวจิทยาชาวส นั ววจิทยา วจิตเซอรท์แลนดท์ ได ด้เรพียนจบปรจิญญาเอกทางวจิทยาศาสตรท์ สาขาสต หลนังจากทพีเที่ ขาเรพียนจบแล ด้วได ด้ทางานกนับนายแพทยท์บเพี นตท์และซโพี ม ซงซที่ เปป็ นผผ ด้สร ด้างข ด้อสอบเชาวนท์ เพพียเจทท์พบวว่าคาตอบของเดป็กเลป็กกนับเดป็กโต จะตอบไมว่เหมมือนกนัน และสรรุปได ด้วว่า คาตอบของเดป็กวนัยตว่างจะแตกตว่าง กนันและไมว่ควรดว่วนสรรุปวว่าเดป็กโตฉลาดกวว่าเดป็กเลป็ก หรมือคาตอบของเดป็ก ซ ษาพนัฒนาการทางสตจิปนัญญาของ เลป็กจะผจิดเสมอจรุดเรจิม ที่ ต ด้นของการศก เดป็ก โดยเรจิม ที่ จากลผกทนังทั้ 3 คนของพวกเขา เปป็ นหญจิง 1 คน ชาย 2 คน เพพียเจตท์ได ด้บนันทซกและเขพียนเปป็ นรายงานในการสงนั เกตของเขาไมว่เฉพาะ เปป็ นภาษฝรนัที่งเศษเทว่านนัน ทั้ ทพีท ที่ าให ด้เข ด้าใจยาก แตว่เนมือ ทั้ หาและสาระกป็ทาให ด้ เข ด้าใจยากเหมมือนกนัน ตว่อมาได ด้มพีคนแปลเปป็ นภาษาอนังกฤษและสรรุปให ด้ เข ด้าใจได ด้งว่ายยจิงที่ ขซน ทั้ มืที่ วว่า พนัฒนาการทางจรจิยธรรมของมนรุษยท์เปป็ น เพพียเจทท์ (Piaget) เชอ ไปตามขนัน ทั้ และขซน ทั้ อยผก ว่ บ นั วนัยตลอดจนความฉลาดของบรุคคลในการทพีจ ที่ ะรนับ รผ ด้กฎเกณฑท์และลนักษณะตว่างๆ ของสงนั คมตามพนัฒนาการทางสตจิปนัญญา ของบรุคคลนนั น ทั้ โดยขนัน ทั้ พนัฒนาการทางจรจิยธรรมของเพพียเจทท์แบว่งเปป็ น 2 ขนัน ทั้ ใหญว่ๆ ดนังนพีทั้ (Piaget, 1971) 1. ขนัน ทั้ ยอมรนับกฎเกณฑท์จากผผ ด้ทพีม ที่ อ พี อานาจเหนมือตน (Heteronomous) เรจิม ที่ ตนังทั้ แตว่แรกเกจิดจนถซง 8 ปพี ในขนัน ทั้ นพีบ ทั้ ค รุ คลยอมรนับ ว่ บจิดา มารดา ครผ และบรุคคลอมืน กฎเกณฑท์จากผผ ด้ทพีม ที่ อ พี อานาจเหนมือตน เชน ที่ ทพีที่
2
มืที่ วว่ากฎระเบพียบเปป็ นสงจิที่ ทพีแ มพีออานาจมากกวว่าและเชอ ที่ นว่นอนตายตนัวไมว่ สามารถเปลพีย ที่ นแปลงได ด้ ดนังนนั น ทั้ ระยะนพีบ ทั้ ด จิ ามารดา และผผ ด้ใหญว่จงซ มพี นั เจน อจิทธจิพลตว่อเดป็กอยว่างชด 2. ขนัน ทั้ การยอมรนับการเปลพีย ที่ นแปลงของกฎเกณฑท์ (Autonomous) อายรุ ตนังทั้ แตว่ 9 ปพี ขน ซทั้ ไปในขนัน ทั้ นพีบ ทั้ ค รุ คลจะมองสงจิที่ ตว่างๆ นั พนันธท์กน มืที่ วว่ากฎระเบพียบตว่างๆ ไมว่ใชส ว่ งจิที่ ทพีที่ อยว่างมพีความสม นั มากขซน ทั้ และเชอ ต ด้องปฏจิบนัตต จิ ามอยว่างเครว่งครนัดสมบผรณท์ แตว่สามารถเปลพีย ที่ นแปลงได ด้ถ ด้าทรุก คน ยอมรนับการเปลพีย ที่ นแปลงนนั น ทั้ ใน ว่ วามคจิดทพีเที่ ปป็ นของ ขนัน ทั้ นพีเทั้ ปป็ นระยะทพีบ ที่ ค รุ คลเรจิม ที่ พนัฒนาจรจิยธรรมขซน ทั้ สผค ด้ ผลโดยคอานซงถซงความ ตนเอง ใชเหตรุ มืที่ วว่าการ ยรุตธจิ รรมและพจิจารณาจากผลทพีเที่ กจิดขซน ทั้ จากการกระทอาเพพียเจทท์เชอ ทพีบ ที่ ค รุ คลจะพนัฒนาจากขนัน ทั้ ยอมรนับกฎเกณฑท์จากผผ ด้ทพีม ที่ อ พี อานาจเหนมือตน มายนังขนัน ทั้ การยอมรนับการเปลพีย ที่ นแปลงของกฎเกณฑท์นเพีทั้ กจิดจากการทพีที่ นั ผนัสกนับสภาวะรอบตนัวทพีก บรุคคลได ด้สม ที่ ว ด้างขวางขซน ทั้ ไปอพีกระดนับหนซงที่ การมพี บทบาทในกลรุม ว่ เพมือ ที่ น ในกลรุม ว่ คนในสงนั คม ประกอบกนับพนัฒนาการทางสตจิ ปนั ญญาทพีม ที่ ม พี ากขซน ทั้ ตามวรุฒภ จิ าวะ สงจิที่ เหลว่านพีจ ทั้ ะชวว่ ยทอา ให ด้บรุคคลสามารถ ด้ ปนัญญาและประสบการณท์ของตนเองวจิเคราะหท์ปรากฏการณท์ตาว่ งๆ ใชสตจิ จนในทพีส ที่ ด รุ บรุคคลกป็จะได ด้ข ด้อสรรุปตว่างๆ ทพีเที่ ปป็ น หลนักการในใจของตนเอง
ระด พับพ พัฒนาทางจรริยธรรม
นั ทั้ ทพีย 1. ขนัน ทั้ กว่อนจรจิยธรรม เปป็ นชน ที่ นังไมว่มค พี วามสามารถรนับรผ ด้สงจิที่ แวดล ด้อม ได ด้อยว่างละเอพียด มพีแตว่ความ ต ด้องการทางรว่างกาย 2. ขนัน ทั้ ยซดคอาสงนัที่ ในขนัน ทั้ นพีเทั้ ดป็กจะรนับรผ ด้สภาพสงจิที่ แวดล ด้อมและบทบาท ของตนเองตว่อผผ ด้อมืน ที่ รผ ด้จนักเกรงกลนัวผผ ด้ใหญว่ เหป็นวว่าคอาสงนัที่ หรมือกฎเกณฑท์ตาว่ ง ๆ เปป็ นสงจิที่ ทพีต ที่ ด้องปฏจิบนัตต จิ าม ด้ 3. ขนัน ทั้ ยซดหลนักแหว่งตน เดป็กสามารถใชความคจิ ดอยว่างมพีเหตรุผล จิ ใจและตนังทั้ เกณฑท์ทเพีที่ ปป็ นตนัวของตนัวเอง ประกอบการตนัดสน ผลจาการวจิจนัยในระยะตว่อมา เพพียเจทท์ ( Piaget) ได ด้ตนังทั้ เกณฑท์การให ด้ เหตรุผลเชงจิ จรจิยธรรมไว ด้ 6 เกณฑท์ คมือ จิ จากเจตนาการกระทอา (intentional in 1. การตนัดสน จิ การกระทอาจากปรจิมาณสงจิที่ ของ สวว่ นเดป็ก judgment) เดป็กเลป็กจะตนัดสน จิ จากเจตนาของการกระทอา โตจะตนัดสน จิ เกพีย นั พนันธท์กบ 2. การตนัดสน ที่ วโยงกนับความสม นั ผผ ด้อมืน ที่ (Relativism in จิ การกระทอาโดยยซดเอาความเชอ มืที่ ความเหป็น Judgment) เดป็กเลป็กจะตนัดสน
3
ของผผ ด้ใหญว่วาว่ ดพี สวว่ นเดป็กโตจะยซดเอาเหตรุผลและสถานการณท์ประกอบการ จิ ตนัดสน 3. ความเหป็นอจิสระจากการลงโทษ (independent of จิ วว่าการกระทอาใดไมว่ดจ sanction) เดป็กเลป็กจะตนัดสน พี ากการกระทอาใดไมว่ด พี จิ การกระทอาใดไมว่ด พี เพราะสงจิที่ นนั น จากการถผกทอาโทษ แตว่เดป็กโตจะตนัดสน ทั้ ไปขนัดกนับเกณฑท์และเกจิดอนันตรายตว่อบรุคคลอมืน ที่ 4. ใชวจิด้ ธก พี ารแก ด้แค ด้น (use of reciprocity) วจิธน พี เพีทั้ ดป็กเลป็กใชนด้ ด้อย กวว่าเดป็กโต จิ นจิสย นั (use of punishment as 5. การลงโทษเพมือ ที่ ตนัดสน restitution and reform) เดป็กเลป็กจะสนนั บสนรุนการลงโทษอยว่างหนนั ก นั แตว่เดป็กโตไมว่คอ เพมือ ที่ แก ด้นจิสย ว่ ยเหป็นด ด้วย 6. หลนักธรรมชาตจิของความโหดร ด้าย (nationalist of misfortune) เดป็กเลป็กจะถมือวว่าการกระทอาผจิดจะต ด้องได ด้รนับการลงโทษ จากพระเจ ด้า สรรุปได ด้วว่าตามแนวคจิดของเพพียเจทท์ ( Piaget) เดป็กเลป็กจะมองกฎ เกณฑท์วาว่ เปป็ นสงจิที่ จรจิงจนัง เปลพีย ที่ นแปลงไมว่ได ด้ ( absolute) และมาจาก ออานาจภายนอก ( external) หมายความวว่า พนัฒนาการทางจรจิยธรรม ของเดป็กเลป็กจะอยผใว่ นลนักษณะผจิดวว่ากนันไปตามสงจิที่ ทพีส ที่ งนั เกตเหป็นได ด้ โดย ว่ นพีเทั้ นมือ ด้ มจิได ด้คานซกถซงเจตนาของผผ ด้กระทา ทพีเที่ ปป็ นเชน ที่ งมาจากการใชภาษา และความคจิดของเดป็กมพีลนักษณะยซดตนเองเปป็ นศผนยท์กลาง (egocentric) ทาให ด้ไมว่สามารถมองเหป็นหลาย ๆ สงจิที่ ได ด้ ในเวลาเดพียวกนัน เมมือ ที่ เดป็กโตขซน ทั้ อายรุประมาณ 11-12 ปพี พนัฒนาการทางจรจิยธรรมของเดป็กวนัยนพีจ ทั้ ะมพีการ มืที่ มโยงหาเหตรุผล เดป็กจะคอานซงถซงเจตนาของผผ ด้ทามากกวว่าสงจิที่ ทพีส เชอ ที่ งนั เกต ได ด้เฉพาะหน ด้า เนมือ ที่ งจากเดป็กวนัยนพีส ทั้ ามารถมองหลาย ๆ สงจิที่ ได ด้ในเวลา เดพียวกนัน เดป็กโตจซงสามารถเข ด้าใจถซงเจตนาของผผ ด้อมืน ที่ และสามารถยมืดหยรุน ว่ เกพีย ที่ วกนับกฎเกณฑท์ได ด้ โดยตระหนนั กวว่ากฎเกณฑท์เปป็ นเพพียงข ด้อตกลง ระหวว่างบรุคคลในการควบครุมพฤตจิกรรมในแตว่ละสถานการณท์เทว่านนั น ทั้ ด้ นอกจากนพีย ทั้ นังสามารถนากฎเกณฑท์ไปใชในสถานการณท์ ตาว่ ง ๆได ด้
แหลล่งออ้างอริง
4
จจิตวจิทยาสาหรนับครผ .เข ด้าถซงได ด้จาก : http://konniana.blogspot.com/2012/08/blogpost_11.html (วนันทพีค ที่ ด้นข ด้อมผล 29 กนันยายน 2559). สาราญ ศรพีคามผล.จรจิยธรรม. เข ด้าถซงได ด้จาก : http://www.baanjomyut.com/library_3/extension2/ethics/05_1.html/ (วนันทพีค ที่ ด้นข ด้อมผล:29 กนันยายน 2559). ทฤษฏพีพนัฒนาการทางเชาวนท์ปนัญญาของเพพียเจทท์. เข ด้าถซงได ด้จาก: http://www.slideshare.net/ siririnnoiphang/ss-38537080 (วนันทพีค ที่ ด้นข ด้อมผล: 29 กนันยายน 2559). ทฤษฎพีของเพพียเจทท์ (Piaget's Theory). เข ด้าถซงได ด้จาก: http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/ 0702502/unit02/U02_02.htm. (วนันทพีค ที่ ด้นข ด้อมผล: 29 กนันยายน 2559)