2
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
บรรณาธิการที่ปรึกษา:
ฉบับที่ 28 กันยายน – ธันวาคม 2553 No. 28 September - December 2010
บรรณาธิการอํานวยการ: บรรณาธิการบริหาร: กองบรรณาธิการ:
ผูพิมพผูโฆษณา กรมสงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม 49 พระราม 6 ซอย 30 ถนนพระราม 6 กรุงเทพฯ 10400 โทรศัพท 02-298-5628 โทรสาร 02-298-5629 www.deqp.go.th, www.environnet.in.th PUBLISHER
บรรณาธิการภาษาอังกฤษ: ผูชวยบรรณาธิการ: เลขานุการกองบรรณาธิการ: ผูจัดทํา:
Department of Environmental Quality Promotion Ministry of Natural Resources and Environment 49 Rama VI Soi 30, Rama VI Rd., Bangkok 10400 Tel. 02-298-5628 Fax. 02-298-5629 www.deqp.go.th, www.environnet.in.th
อรพินท วงศชุมพิศ, ธเนศ ดาวาสุวรรณ, รัชนี เอมะรุจิ สากล ฐินะกุล สาวิตรี ศรีสุข ศรชัย มูลคํา, ภาวินี ณ สายบุรี, จงรักษ ฐินะกุล, จริยา ชื่นใจชน, นันทวรรณ เหลาฤทธิ์, ผกาภรณ ยอดปลอบ, นุชนารถ ไกรสุวรรณสาร วสันต เตชะวงศธรรม แมนวาด กุญชร ณ อยุธยา ศิริรัตน ศิวิลัย หจก.สํานักพิมพทางชางเผือก 63/123 ซอยราษฎรพัฒนา 5 แยก 23 แขวง/เขตสะพานสูง กทม 10240 โทรศัพท 02-917-2533, 02-517-2319 โทรสาร 02-517-2319 E-mail: milkywaypress@gmail.com
Editorial Advisers:
Orapin Wongchumpit, Thanate Davasuwan, Ratchanee Emaruchi
Editorial Director:
Sakol Thinagul
Executive Editor:
Savitree Srisuk
Editorial Staff:
Sornchai Moonkham, Pavinee Na Saiburi, Chongrak Thinagul, Jariya Chuenjaichon, Nantawan Lourith, Pagaporn Yodplob, Nuchanard Kraisuwansan
English Edition Editor:
Wasant Techawongtham
Text copyright by the Department of Environmental Quality Promotion, Ministry of Natural Resources and Environment.
Assistant Editor:
Maenwad Kunjara Na Ayuttaya
Editorial Secretary:
Sirirat Siwilai
Photographs copyright by photographers or right owners.
Producer:
Milky Way Press Limited Partnership 63/123 Soi Rat Pattana 5, Sub-soi 23, Saphan Sung, Bangkok 10240 Tel: 02-917-2533, 02-517-2319 Fax: 02-517-2319 e-mail: milkywaypress@gmail.com
ลิขสิทธิ์บทความ สงวนสิทธิ์โดยกรมสงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ลิขสิทธิ์ภาพถาย สงวนสิทธิ์โดยผูถายภาพหรือเจาของภาพ การพิมพหรือเผยแพรบทความซํ้าโดยไมใชเพื่อการพาณิชย สามารถทําไดโดยอางอิงถึงกรมสงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอม การพิมพเพื่อเผยแพรภาพถายซํ้า ตองไดรับอนุญาตจากเจาของลิขสิทธิ์ กอนเทานั้น บทความที่ตีพิมพในวารสารนี้ เปนความคิดเห็นของผูเขียน เพื่อเผยแพร การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลาย
Aricles may be reproduced or disseminated for noncommercial purposes with cited credit to the Department of Environmental Quality Promotion. Reproduction of photographs must be by permission of right owners only. Opinions expressed in the articles in this journal are the authors’ to promote the exchange of diverse points of view.
GL28F-va.indd 2
11/19/10 8:29 PM
บทบรรณาธิการ
ในบทความเรื่อง “อุทยานที่ดีที่สุดในโลก” เมื่อ เดือนธันวาคมปกลาย ไซมอน บารนส นักขาว หนังสือพิมพเดอะไทมสของอังกฤษ กลาววา “อุทยานแหงชาติไมใชเปนเพียงพื้นที่ (แต)มันเปน พื้นที่ที่ถูกรับรองโดยหนวยงานที่มีอํานาจสูงสุด ของรัฐ สถานะของอุทยานแหงชาตินั้นโตแยงไมได เปลีย่ นแปลงไมได ถอดถอนไมได มันเกือบจะเหมือน กับวาพระเจาไดเขาควบคุมโดยตรง”
นั่นอาจจะเปนจริงสําหรับอุทยานแหงชาติในโลกตะวันตก แต คงจะไมจริงสําหรับประเทศไทย แมจะยังไมมีอุทยานแหงชาติใดถูก ถอดถอน แตกม็ กี ารโตแยงในหลายๆ พืน้ ทีว่ า อุทยานไปทับทีอ่ ยูอ าศัย และทํากินของชาวบาน และความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและรอบๆ อุทยานจากการพัฒนาก็เกิดขึน้ อยูเ สมอๆ จนทําใหการบริหารจัดการ อุทยานแหงชาติกลายเปนเรื่องที่ซับซอนและละเอียดออน เอกชนอาจจะมีสวนใหเกิดความเปลี่ยนแปลงบาง แตสวนใหญ มักจะเปนความริเริ่มของของภาครัฐ เปนตนวา เคยมีแนวคิดที่จะให เอกชนเขาไปบริหารจัดการเรื่องที่พักสําหรับนักทองเที่ยว หรือสราง กระเชาลอยฟาขึ้นภูเขาที่อยูในอุทยาน หรือสรางถนนผาอุทยานเพื่อ เปนทางสัญจรไปสูจุดดึงดูดภายในอุทยานหรือเพื่อการขนสงสินคา หรือการเสนอใหเพิกถอนพื้นที่อุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตรา ถึง 4,737 ไร เพื่อกอสรางทาเรือนํ้าลึกปากบาราในจังหวัดสตูล ที่ จะสงผลกระทบตออุทยานแหงชาติเกาะตะรุเตาที่อยูใกลกันนั้นดวย
n his article “The World’s Best National Parks” published in The Times of London in December last year, Simon Barnes says: “A national park is not just a space. It is a space that is guaranteed by the highest competent authority of the country in which it lies. A national park is irrefutable, immutable, irrevocable. It’s almost as if God had taken direct control.” That may be true for national parks in the western world but certainly not in Thailand. While no national park has so far been revoked, many people have refuted national park status, claiming that the parks have unfairly or illegally incorporated the land on which they have lived and farmed. And many national parks have suffered changes from development, making park management a complicated and complex issue. The private sector may have caused some changes. But it was state action that is mostly responsible. For instance, there had been initiatives to allow the private sector to develop upscale accommodations for tourists or build cable car systems on mountains within national parks, or to build thoroughfares for taking tourists to attractions within the parks or for freight transport. Or take a plan to revoke 4,737 rai (758 ha) of the Mu Ko Phetra Marine National Park for the construction of a deep-sea port at Pak Bara in the southern prov-
I
EDITORIAL ป ญ หาหลั ก ของการบริ ห ารจั ด การอุ ท ยานแห ง ชาติ ก็ คื อ ประชาชนในพื้นที่หรือผูที่มีความหวงใยตอระบบนิเวศไมมีสวนรวม ในการบริหารจัดการหรือแมกระทั่งวางแผนพัฒนาอุทยานใหเปนไป ตามเจตนารมณของการกอตั้งอุทยานแหงชาติ นั่นคือ การเปนแหลง อนุรักษระบบนิเวศ แหลงศึกษาวิจัยธรรมชาติหรือใหการศึกษาแก ประชาชน และแหลงนันทนาการเชิงนิเวศ แมวาแนวคิดที่จะใหประชาชนมีสวนรวมในการวางแผนการ บริหารจัดการอุทยานแหงชาติไดเริ่มถูกนํามาใช แตการดําเนินการ ยังคงเปนไปอยางเชื่องชา ไมทันการโดยสิ้นเชิงกับการพัฒนาทาง เศรษฐกิจที่รุกคืบไปอยางรวดเร็ว จนหลายครั้งสงผลกระทบรุนแรง ตอพื้นที่ปาที่เหลืออยูนอยนิด ความขั ด แย ง ระหว า งการอนุ รั ก ษ ธ รรมชาติ แ ละการพั ฒ นา เศรษฐกิจมีแนวโนมจะทวีความรุนแรงขึน้ เรือ่ ยๆ ดวยเหตุทวี่ า อุทยาน และพื้นที่ปาอื่นๆ ยังถูกมองเปนเพียงทรัพยากรที่มีไวเพื่อสงเสริม กิจกรรมทางเศรษฐกิจ แทนทีจ่ ะเปนสินทรัพยทีต่ อ งอนุรกั ษและบํารุง รักษาเพื่อความมั่นคงของชาติและประชาชนในอนาคต ■
ince of Satun. The plan will also have adverse impacts on the nearby Tarutao Marine National Park. The main problem concerning national park management is that local and conservation-minded citizens have not been involved in the management or development planning of national parks to ensure that the intent of the establishment of national parks is observed, that is, to serve as areas for conservation, research and public education, and ecological recreation. While the process to involve citizens in the planning of park management has started, it is slow going and utterly unable to keep pace with the rapidly-advancing economic development which, in many cases, poses severe threats to what little forest lands that remain. Conflicts between natural conservation and economic development are likely to intensify as long as national parks and other forests are regarded as resources for economic exploitation rather than treasure that should be conserved and maintained for the security of the nation and its people. ■
ปก: ชาวบานคูหนึ่งกําลังยกถุงปลาที่เพิ่งจับไดจากในบึงบัวที่อุทยานแหงชาติเขาสามรอยยอดลงจากเรือ – วสันต เตชะวงศธรรม Cover: A couple are unloading the sacks of fish they just caught in the lagoon in Khao Sam Roi Yot National Park. – Wasant Techawongtham
GL28F-va.indd 3
11/19/10 8:29 PM
4
สารบั ญ CONTENTS กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ลอดรั้วริมทาง: สันทรายและปาพรุ กับชุมชมผูอารักษ ON AN UNBEATEN PATH:
A Sand Dune and a Peat Swamp and Their Community Protectors
6
ยาง 50 ป อุทยานแหงชาติ ณ จุดเปลี่ยน
12
ธรรมชาติสื่อความหมาย
24
50 Years On National Parks At a Turning Point
Messages Conveyed in Nature
12
เสนทางสายใหม: มรดกโลกอันดามัน หรือทาเรืออุตสาหกรรมปากปารา ON A NEW PATH: Andaman
World Heritage vs Pak Bara Industrial Port
29
เสนทางสีเขียว: เขาปู-เขายา ปาผืนสุดทาย ของพัทลุงกับการจัดการทองเที่ยว เชิงนิเวศ GREEN LINE: Khao Pu-Khao Ya
Eco-tourism and Phattalung’s Last Forest
เสนทางเดียวกัน: จอมปา ON THE SAME PATH: JoMPA
สัมภาษณพิเศษ: ผศ.ดร. ดรรชนี เอมพันธุ 43
SPECIAL INTERVIEW:
Asst Prof Dr Dachanee Emphandhu
38 43 50
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
58
สี่แยกไฟเขียว: การจัดการอุทยานแหงชาติ ภายใตสถานการณโลก GREEN INTERSECTION:
National Park Management in the Global Context
58 64
ขามฟา: อุทยานแหงชาติทางทะเลบูนาเกน: เมื่อรัฐและประชาชนรวมดวยชวยกัน ACROSS THE SKY:
Bunaken National Marine Park: When the State and the Public Join Hands
64
มหิงสา: มัคคุเทศกนอยแหงภูวัว
LITTLE MAHINGSA...YOUNG RESEARCHERS
Junior Guides of Phu Wua
70
70
กิจกรรมกรม: ปาใหญคายลูกเสือ DEPARTMENT ACTIVITIES
Scout Camps in the Big Woods
เรื่องจากผูอาน: อุทยานแหงชาติ ในทรรศนะของนักทองเที่ยว FROM THE READERS
National Parks and I
ลอมกรอบ: เจาปา เจาเขา VIEWFINDERS
Chao Pa Chao Khao
73
73 76 78
5
6
ลอดรั้วริมทาง on an unbeaten path กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
สันทราย และปาพรุ กับชุมชน ผูอารักษ เรื่อง/ภาพ นักเขียนเสนทางสีเขียว
กลาวกันวาทีแ่ หงนีเ้ ปนหนึง่ เดียวในประเทศไทย คือมหัศจรรยของธรรมชาติที่หาสมบูรณ กวานี้ไมไดอีกแลว และที่นี่มีชุมชนอนุรักษที่ มองการณไกลและหัวใจเขมแข็ง
สันทรายสูงกวา 30 เมตร ทอดตัวยาว 10 กิโลเมตร คูขนาน กับหาดรูปจันทรเสี้ยว ประดับประดาหนาแนนไปดวยดอกผลของ พรรณพืชแหงปาชายหาด แทรกสลับดวยพืชปาพรุ ปาดิบชื้น ปาดิบ แลง กวา 150 ชนิด บางชนิดพบยากในทองที่อื่น และบางชนิดพบ ไดบนสันทรายแหงนี้เทานั้น จากบ า นบางเบิ ด ต.ทรายทอง อ.บางสะพานน อ ย จ.ประจวบคีรีขันธ ถึงพื้นที่รอยตอบานถํ้าธง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ที่นี่คือ “สันทรายบางเบิด” แนวสันทรายใหญที่สุดใน ประเทศไทยที่คอยๆ ทับถมมาทีละเล็กทีละนอยจนครอบคลุมพื้นที่ กวา 2,000 ไร เปนความมหัศจรรยจากปรากฏการณทางธรรมชาติที่ คอยๆ อวดโฉมมาแตหลังปลายยุคนํ้าแข็ง จากหนาทะเลเปดกวางซึ่ง มีกระแสนํา้ และลมทีพ่ ดั พามาดวยแรงสมํา่ เสมอและตอเนือ่ งยาวนาน กวา 1,500 ป
สันทรายบางเบิด ทอดยาว 10 กิโลเมตร เปนแนวสันทรายใหญที่สุดในประเทศไทย The Bang Boed sand dune, the largest in Thailand, stretches for 10 km.
GL28F-va.indd 6
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
A Sand Dune and a Peat Swamp and Their Community Protectors Story/Photos Green Line Staff Writers
GL28F-va.indd 7
7
September - December 2010
t is said this is the one and only place in Thailand where a natural wonder of unparalleled perfection wed a visionary and determined conservation community. A sand dune, 30 m high, spans 10 km along the crescent moon-shaped beach densely decorated with diverse flora species of a beach forest, intermingled with well over 150 tree species of peat swamp forest, tropical rain forest and dry evergreen forest. Some species are hard to find elsewhere and some are only found here. From Bang Boed village in Sai Thong subdistrict of Bang Saphan Noi district in Prachuap Khiri Khan province to the border of Tham Thong village in Pak Khlong subdistrict of Pathieu district in Chumphon province lies the “Bang Boed San Dune”, the largest of its kind in the Kingdom. Inch by inch over 1,500 years, the landscape was slowly transformed by the sea tides that washed in sand at a constant glacial pace. Covering over 2,000 rai, the natural wonder gradually came into view at the end of the ice age. On May 19, 1971, Bang Boed villagers who have enjoyed, cherished and conserved the dune for so long decided to propose the precious plot of over 448 rai to His Majesty the King for development under the Royal Initiative Project in Chumphon Province. They hoped this dune would become a protected area where the environment would be kept in its original state to serve as an outdoor classroom and recreation place of all Thais. For nearly 40 years, the nature study trail on the dune has wowed visitors with a wide variety of plants which have bred and grown in step with each seasonal change. Herbs, big trees, bushes, vines and fragrant flower trees – some of them can be found nowhere else. Each species has an interpretive sign telling its name, a nature’s educator ready to let visitors observe and learn. The Bang Boed dune is still healthy as if time had not gone by. The Chumphon people are proud of their ability to preserve the dune through the test of time, particularly when the country’s shorelines have been turned into a best-seller of the tourism industry and targeted for large-scale industrial development. “If the locals were not strong and serious about conservation, Bang Boed dune would have been long gone,” said Saowakhon Rodsukhon. The search for prospective sites for the Southern Seaboard Development Project has prompted Chumphon people to once again band together to protect the Bang Boed dune. They have petitioned the Ministry of Natural Resources and Environment to declare the dune an environmental protection zone under the category of rare natural site deserving conservation. More conservation tools and measures will be rolled out to protect the dune so that it may be conserved with minimal intervention, leaving nature in its original state. For people of Khanthulee, the main thrust in nature conservation expresses itself in a different way.
I
11/19/10 8:29 PM
8
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ชุมชนประมงเรือเล็กบริเวณหาดทรายหนาสันทรายบางเบิด Fishing boats lie on a beach where the Bang Boed sand dune is situated.
สันทรายบางเบิดเปนแหลงเรียนรูระบบนิเวศสันทรายที่นาตื่นเตนสําหรับคนใน ทองถิ่นและนักทองเที่ยวทั่วไป The Bang Boed sand dune offers its ecology as a source of learning excitement for locals as well as tourists.
เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2514 หลังจากชาวบางเบิดไดชื่นชม หวงแหน และเฝาอนุรักษที่ดินของพวกเขาซึ่งเปนสันทรายแหงนี้มาเนิ่นนาน พวกเขาตัดสินใจดวยศรัทธารวมกันนอมเกลาถวายโฉนดที่ดินแด พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ทําใหพื้นที่ของสันทราย ทั้งหมด 448 ไร 3 งาน 17 ตรว. ตั้งอยูที่ หมู 5 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ได รับการพัฒนาภายใตโครงการพัฒนาสวนพระองค จ.ชุมพร เพื่อให สันทรายแหงนีเ้ ปนพืน้ ทีอ่ นุรกั ษทสี่ ามารถคงสภาพแวดลอมดัง้ เดิมไว ชั่วกาลนาน เปนหองเรียนธรรมชาติ เปนที่ศึกษา และเปนที่พักผอน หยอนใจของคนไทยทั้งแผนดิน เกือบ 40 ปใหหลัง เสนทางเดินศึกษาธรรมชาติบนสันทรายยาว ยังคงสรางความตื่นตาตื่นใจ พรรณไมปานานาชนิดขางทางเดินแพร พันธุ เติบใหญ เปนวงจรไปตามฤดู สมุนไพร ไมใหญ ไมพุม-เลื้อย หรือไมดอกบานหอม บางชนิด สามารถพบไดที่นี่เพียงแหงเดียวเทานั้น แตละชนิดจะไดรับการ แนะนําตัวดวยปายบอกชื่อพันธุ เปนวิทยากรธรรมชาติที่พรอมจะให ผูมาเยือนไดสังเกต เรียนรู และศึกษา สันทรายบางเบิดที่ยังสมบูรณไปตามธรรมชาติ ราวกับไมมีวัน เปลี่ยนแปลง คือความภาคภูมิใจของชาวชุมพรที่สามารถอนุรักษ ความเปนเอกของสันทรายแหงนี้ไวไดผานกาลเวลาอันยาวนาน ใน ขณะที่ทรัพยากรชายฝงของประเทศกําลังถูกแปรรูปไปเปนสินคา เพื่ออุตสาหกรรมทองเที่ยว และเปนพื้นที่เปาหมายของการพัฒนา อุตสาหกรรมขนาดใหญ “ถาชาวบานไมเขมแข็ง ไมมกี ารอนุรกั ษทจี่ ริงจังมานาน สันทราย บางเบิดคงหมดไปนานแลว” เสาวคนธ รสสุคนธ ลูกหลานชาวชุมพร กลาวถอยคําอันเปนหัวใจสําคัญ ยิ่งอยูทามกลางกระแสของการสํารวจและระบุพื้นที่โครงการ
GL28F-va.indd 8
ทางเดินศึกษาธรรมชาติพรุคันธุลี Entrance to the nature study trail of Kanthulee peat swamp forest.
พัฒนาพื้นที่ชายฝงทะเลภาคใต หรือ เซาเทิรนซีบอรด ชาวชุมพร ไดเคลื่อนไหวเพื่อปกปองสันทรายบางเบิดอีกครั้ง โดยยื่นเรื่องถึง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม ขอใหประกาศสันทราย บางเบิดเปนเขตพื้นที่คุมครองสิ่งแวดลอม ประเภทแหลงธรรมชาติที่ หายากและควรอนุรักษ อนาคตเครือ่ งมือและมาตรการอนุรกั ษรปู แบบตางๆ คงยังถูกนํา มาใชอยางตอเนือ่ ง เพียงเพือ่ ตองการทีจ่ ะรักษาสันทรายแหงนีไ้ วในรูป แบบของการจัดการโดยแทบไมจดั การ และปกปองดูแลโดยปลอยให ธรรมชาติเหมือนเดิมใหไดมากที่สุด สําหรับหลักการใหญในการรักษาธรรมชาติใหคงสภาพไว ชาว คันธุลีมีประสบการณอีกรูปแบบหนึ่ง ทางเดินศึกษาธรรมชาติปกคลุมดวยซากของใบไมทที่ บั ถมทัว่ จน มองไมเห็นผืนดิน ไมใหญแผกิ่งใบคลุมคลึ้ม พวกมันมีรากหายใจเปน พิเศษ และมีพูพอนพยุงลําตนไมใหลม หวาย ระกํา กก เบียดแทรกหาแสงแดดจนแนนขนัด สวนไมพื้น ลางแผใบใหญเพื่อเก็บแสงแดดที่ลอดลงมาไดเพียงเล็กนอย ที่นี่คือ ปาพรุคันธุลี แหงอําเภอทาชนะ จ.สุราษฎรธานี ปาพรุที่ ฟนตัวจากความเสื่อมโทรมยุคสัมปทานทําไมหมอนและไมฟนรถไฟ แหงประเทศไทย ในชวงป 2470–2495 จันทโชติ ภูศิลป ประธานกลุมอนุรักษพรุคันธุลี เลาเหตุการณ หลังยุคสัมปทานที่ชาวบานในรุนบุกเบิกเริ่มมองเห็นคุณคาแหงความ สมบูรณที่หายไปของปาพรุ พวกเขาเริ่มมีแนวคิดถึงการอนุรักษใน ลักษณะของการตกลงกันวาจะไมทําลายปาเพิ่ม พยายามปลอยให ปาไดฟนตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้น
11/20/10 12:07 AM
กักนย นยยายน นยาย ายน - ธัธนนวววาคม าย าคคม 25 22553 553 53
A nature re study trail iiss covered with dead d leaves so thick yyou yo u barely see the ground. Under the canopy of big trees, roots shoot up from the ground and lobes give the trees firm support. Rattans, Rakham (Cathormion umbellatum kosterm) and sedges fight for sunlight while ground-level plants extend their big leaves to collect the little ray of sunlight that comes through. This is Khanthulee peat swamp forest of Tha Chana district in the southern province of Surat Thani. The forest has survived the logging concession for railroad sleepers and wood fuel production during 1927-1932 and has just recovered. Janthachote Phusilp, chairman of Khanthulee peat swamp forest conservation group, said villagers realized the value of the forest only after the end of the logging concession and discussed the need to prevent any more abuse and allow the forest to recover. In 1982, a fire triggered by drought severely torched the forest, whilst farmers from other provinces occupied and turned some parts of the forest into farm land. They abandoned the forest when the soil was exhausted. The forest revived again to the benefits of locals.
9
September Sep S Se epttem ember b -D De Dec December ec ece em emb mb m ber er 2010 201 0 0
Another threat loomed in 1990 as investors bought up the land for rubber and oil palm plantation. It gave the villagers a reason to form the conservation group to resist the investors’ plan. Battered by a series of incidents, the fertile peat swamp forest now covers an area of only about 350 rai. Another 400 rai is under restoration to be a source of biological, genetic and inorganic diversity that has been accumulating under the surface. In the peat swamp ecosystem, trees and animals adapt themselves to survive in a forest which is flooded for a certain period of the year and where water remains to nurture tree roots almost year round.
ดอกรักทะเลบานสพรั่งอยูบนสันทราย Half flowers bloom at the sand dune. A survey conducted in 1997 by the Wildlife Fund Thailand identified 36 tree species, 29 fish species, 98 wildlife species and 50 bird species. Two snail species have never been found elsewhere in Thailand. Most importantly, this peat swamp forest is under full-scale community care. Describing the geographical terrain of the forest, Janthachote said grass meadows and scrub forests are found in the North next to a limestone mountain further north. Fruit orchards and rubber plantations populate the South. Next to them is Tae Mountain from where water flows down its slope to collect in the peat swamp covering an area of around 5,000 rai. Each year 1,957.6
ลอดรั้วริมทาง on an unbeaten path
GL28F-va.indd 9
11/19/10 8:29 PM
10
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
บอนํ้าที่ชาวบานขุดขึ้นรอบๆ พรุ เพื่อนํานํ้ามาใชอุปโภค-บริโภคไดตลอดทั้งป One of the wells dug by local villagers around the peat swamp provides water for consumption year round.
แตมาในป 2525 เกิดไฟไหมรุนแรงในพรุคันธุลีจากปญหาภัย แลง ในชวงนัน้ มีชาวบานจากจังหวัดอืน่ เขาไปจับจองพืน้ ทีเ่ พือ่ ทําการ เกษตรระยะหนึ่ง จนดินหมดความอุดมสมบูรณ พื้นที่จึงถูกทิ้งราง จนฟนตัวกลับคืนสภาพเปนปาที่มีความอุดมสมบูรณ ชาวบานก็ไดใช ประโยชนจากปาอีกครั้ง ในป 2533 ปาพรุคันธุลีถูกคุกคามอีกครั้ง จากการเขามากวาน ซือ้ ทีด่ นิ ของนายทุน เพือ่ ปลูกยางและปาลมนํา้ มัน ชาวบานจึงรวมตัว กันตัง้ เปนกลุม อนุรกั ษพรุคนั ธุลี ตอสูย บั ยัง้ อิทธิพลของนายทุนเรือ่ ยมา หลังจากผานเหตุการณตา งๆ จากปาพรุทสี่ มบูรณผนื ใหญ เหลือ พื้นที่ปาพรุสมบูรณประมาณ 350 ไร เปนพื้นที่ปาฟนฟูอีกกวา 400 ไร ไวเปนแหลงรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพ พันธุกรรม และ สารอนินทรีย ทีเ่ กิดการสะสมเอาไวในพืน้ ทีป่ า ลุม มีนเิ วศปาพรุทสี่ งั คม พืชและสัตวสามารถปรับตัวเพื่อยังชีพอยูไดในสภาพปาธรรมชาติที่มี นํ้าทวมขังในระยะหนึ่งของป และมีนํ้าหลอเลี้ยงบริเวณรากตอนลาง เกือบตลอดป การสํารวจในป 2540 โดยมูลนิธคิ มุ ครองสัตวปา และพันธุพ ชื แหง ประเทศไทย พบพรรณพืช 36 ชนิด พรรณปลา 29 ชนิด สัตวปา 98 ชนิด นกประเภทตางๆ มากถึง 50 ชนิด พบหอยทาก 2 ชนิด ที่ไมมี รายงานพบในประเทศไทยมากอน ทีส่ าํ คัญปาพรุแหงนีไ้ ดรบั การดูแล รักษาโดยชุมชนอยางเต็มรูปแบบ ลุงจันทโชติ อธิบายวา ดวยสภาพภูมิประเทศของปาพรุ ที่ทิศ เหนือจะเปนทุงหญาปาละเมาะ เหนือขึ้นไปเปนภูเขาชวาลา (เขา หินปูน) สวนทิศใตมภี ูเขาเตะ พืน้ ทีร่ าบเชิงเขาเปนสวนผลไมและสวน ยางพารา นํา้ ไหลจากเขามารวมในพืน้ ทีป่ า พรุทงั้ หมด แองกระทะของ พรุคันธุลีจึงเปนที่รับนํ้าไดถึง 5,000 ไร สามารถรองรับนํ้าฝนเฉลี่ย รายปประมาณ 1,957.6 มิลลิเมตร มีลาํ หวยสายเล็กๆ เปนแนวระบาย นํ้าลงสูอาวไทย และเกษตรกรมีนํ้าใชตลอดทั้งป ปจจุบัน ปาพรุคันธุลีเปนแหลงศึกษาดานธรรมชาติวิทยา ใน ฐานะเปนหนึง่ ในพืน้ ทีช่ มุ นํา้ ของภาคใตตอนบน มีหลักสูตรสิง่ แวดลอม ศึกษา เรื่องปาพรุคันธุลี ในโรงเรียนทาชนะ และเยาวชนในทองถิ่น ของตนเอง
GL28F-va.indd 10
พรุคันธุลีเปนแหลงทองเที่ยวเชิงนิเวศที่มีนักทองเที่ยวแวะเวียนเขามาเพื่อเรียนรู ศึกษาปาพรุอยูเสมอ Kanthulee peat swamp forest has become an ecotourist destination for those interested in learning about nature.
ป ติ กั น ตั ง กุ ล สาขาเทคโนโลยี ก ารบริ ห ารสิ่ ง แวดล อ ม มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุผลการศึกษาเรื่องการใชประโยชนทาง ตรงจากความหลากหลายทางชีวภาพในพรุคันธุลี วา ประชาชนใน ทองถิ่นใชประโยชนในดานการจับสัตวปา จับสัตวนํ้า เก็บพรรณพืช และใชนํ้าเพื่อการเกษตรและอุปโภคภายในครัวเรือน โดยมีการใชนํ้า มากที่สุด รองลงมาคือ จับสัตวปา และเก็บพรรณพืช คิดเปนมูลคา เกือบ 2.2 ลานบาท ตอป การศึกษาของปติพบวา ชาวบานเต็มใจจายเพื่อการคงอยูของ ความหลากหลายทางชีวภาพในพรุคนั ธุลี โดยเฉลีย่ เทากับ 29.37 บาท ตอครัวเรือนตอป และมูลคาจากการคงอยูของความหลากหลายทาง ชีวภาพในพรุคันธุลีอยูที่ประมาณ 70 ลานบาทตอป “บริเวณนีไ้ มมแี หลงนํา้ ถาไมมพี รุเราก็อยูไ มได เราขุดบอไวรอบๆ พรุ เรามีนํ้าใชตลอดป นํ้าที่นี่ใชได รดกลวยไมได ดื่มได พรุคันธุลีเปน เขื่อนธรรมชาติที่นํ้าไมมีวันแหง เพราะอยูใตดิน มีใบไมตนไมขางบน ทับไวหมด ถึงพืน้ ทีจ่ ะเล็กแตเราก็ปกปองไวใหลกู หลาน แลวก็ปกปอง ไวเปนปาพรุผืนหนึ่งของภาคใต “พื้นที่ภาคใตกําลังเปนเปาสายตาของกลุมผลประโยชน มี โครงการสรางโรงไฟฟาถานหิน อุตสาหกรรมถลุงเหล็ก โรงไฟฟา นิวเคลียร ทาเรือนํ้าลึกชุมพร ตอนนี้กําลังขอประกาศเปนพื้นที่ คุมครองสิ่งแวดลอม เราตองใชกฎหมาย ใชทุกอยางที่จะรักษาปาพรุ ไวใหได” ลุงจันทโชติ พูด สันทรายบางเบิด และพรุคันธุลี เปนตัวอยางของการจัดการปา ไมโดยชุมชนทีร่ สู กึ เต็มเปย มถึงความเปนเจาของ และไดแสดงออกถึง รูปธรรมเรือ่ งสิทธิขนั้ พืน้ ฐานในการจัดการทรัพยากรในพืน้ ทีต่ นเอง ที่ ปรากฏชัดเจนในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 และ 2550 แมวันนี้ทรัพยากรปาไมยังคงอยูในความเสี่ยงที่จะไดรับผล กระทบจากการพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การทองเที่ยว เกษตร เชิงเดีย่ ว การสรางเขือ่ น การตัดถนน หรือโครงการขนาดใหญ หากแต จิตใจทีม่ งุ มัน่ ของผูอ นุรกั ษไมยอ ทอ พวกเขายังคงเชือ่ วา “ชุมชน” จะ เปนคําตอบของการรักษาปาไวเปนมรดกใหลูกหลาน ■
11/20/10 12:09 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
11
September - December 2010
บนสันทรายบางเบิดเต็มไปดวยพืชพรรณไมนานาชนิดที่มีเอกลักษณ ไมเหมือนปาชนิดอื่นๆ Diverse plant species on the sand dune are uniquely different from those in other forests.
millimeters of rain falls here. Little creeks feed water to farmers throughout the year before draining into the Gulf of Thailand. At present, the forest serves natural history studies as one of the wetlands in the upper South. Environmental education courses on Khanthulee peat swamp forest are taught in schools in Tha Chana district and to local youths. Piti Gunthungul, of Mahidol University’s Program in Technology of Environmental Management, who studied direct benefits from biodiversity of the forest, said the locals depend on water from the peat swamp for farming and household consumption. They also earn income from catching wild animals and collecting plants valued at about 2.2 million baht a year. Piti found that each household is willing to chip in 29.37 baht a year to sustain forest biodiversity, while the biodiversity benefits are valued at over 70 million baht per year. “This area has no other source of water. Without the peat swamp forest, we cannot survive. We dug up wells around the forest to ensure year-long water supply. The water is good for drinking as well as growing orchids. It’s like a natural dam. The water never runs dry because it stays underground under heaps of leaves. Even though it’s small, we are determined to protect it and keep it as a peat swamp forest in the South for our children and their children. “The southern region has been targeted by many interest groups. They want to build coal-fired power plants, iron smelting plants, nuclear power plants and a deep-sea port in Chumphon. We are now demand-
เตยทะเลกําลังออกลูกสีแดงสุกปลั่ง Seashore screw pine. ing that it be declared an environmental protected zone. We’ll use the law and every other avenue to preserve the forest,” said Janthachote. The Bang Boed dune and the Khanthulee peat swamp forest are examples of forest management by local communities through a strong sense of ownership. It is a concrete manifestation of basic rights to manage resources in their own localities as guaranteed by the 1997 and 2007 constitutions. Forest resources today are under constant threat by economic, industrial and tourism development, monoculture farming, dam and road construction, and mega development projects. However, the conservationminded locals firmly believe that “community” is the answer to preserve forests as heritage for the future generations. ■
ลอดรั้วริมทาง on an unbeaten path
GL28F-va.indd 11
11/20/10 12:10 AM
ยาง 50 ป
อุทยานแหงชาติ ณ จุดเปลี่ยน แมนวาด กุญชร ณ อยุธยา
เดินปา ดูนก ดูผีเสื้อ ชมดอกไมพรรณพืช-สัตว ชมทะเลหมอก ดูดาว ถายภาพ … สองสัตว เที่ยวถํ้า เลนนํ้าตก ลองเรือ ลองแพ ลองแกง พายเรือแคนู-คายัค อาบนํ้าแร … อาบแดด ดํานํ้าชมโลกใตทะเล ปนจักรยาน ปนหนาผา โรยตัว … ปจจุบัน กิจกรรมนันทนาการเหลานี้ ลวนเสกสรรคขึ้นไดใน อุทยานแหงชาติ “เที่ยวอุทยานฯ” ดวยคํานิยมนี้หรือที่กําลังทําใหอุทยานแหง ชาติเปลีย่ นรูปไปเปนสินคาทีม่ มี ลู คาสูง แตคณ ุ คาทีส่ าํ คัญไมยงิ่ หยอน ไปกวานัน้ ทีก่ ลับไมคอ ยถูกกลาวถึง คือ การเปนแหลงอนุรกั ษ และการ เปนสถานที่แหงการสรางองคความรูจากธรรมชาติ และหากยอนตามความเดิมไปในยุคตนของการอนุรักษพื้นที่ ปา ผานยุคสมัยจากอดีตสูปจจุบัน อุทยานฯ สามารถภาพสะทอน เจตนารมณในการจัดตั้งอุทยานฯ ไดหรือไม หรืออยางไร ยอนกลับ ไปในป 2502 มีการสํารวจที่ระบุวา “ทุงแสลงหลวง... ปาหลายชนิด และธรรมชาติที่ใกลจะหมดไปเพราะเขาถึงไดงาย ทุงหญาทางตอน ใตมีสัตวปาชุกชุมแตกําลังเปลี่ยนแปลงไปอยางรวดเร็วเพราะมีการ ลาสัตวอยางหนัก... ปาสองขางทางทางหลวงสายพิษณุโลก-หลมสัก ยังเปนตัวแทนปาดงดิบ (virgin jungle) ที่จะเปนแมเหล็กดึงดูดนัก ทองเที่ยวจากทั่วโลก”
GL28F-va.indd 12
อุทยานแหงชาติถํ้าปลา-นํ้าตกผาเสื่อ-อุทยานฯ กับชาวบานในทองถิ่น รวมกัน จัดการบริการลองแพและใหชาวบานมาเปนไกด ใหนักทองเที่ยวเปนการกระจาย รายไดสูชุมชนรายรอบ Tham Pla-Nam Tok Pha Sua National Park – Villagers jointly manage rafting service with the park authority and serve as tour guides, a form of income distribution to surrounding communities.
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
13
September - December 2010
50 Years On
NATIONAL PARKS AT A TURNING POINT Maenwad Kunjara Na Ayuttaya orest trekking, bird watching, flora and fauna admiring, sea of fog watching, star gazing, photo taking… Wildlife watching, cave and waterfall visiting, boating, rafting, canoeing, kayaking, mineral water bathing… Sun bathing, scuba diving and snorkeling, bicycling, cliff climbing, abseiling. All the above activities can now be seen taking place in national parks.
F
The increasingly popular “park visiting” has turned national parks into a high-value product. But the no less valuable aspects of the parks as conservation sources and places to generate knowledge from Nature have often been overlooked. Looking back to the beginning of forest conservation, can we say that national parks have fulfilled the intent of their establishment? And how? Back in the year 1959, a survey report stated Thung Salaeng Luang was fast losing its diverse forest ecosystems
อุทยานแหงชาติเขานัน-นักทองเที่ยวกําลังชมทะเลหมอกบนยอดเขาเหล็ก พื้นที่ที่เคยมีการทําเหมืองแรเหล็กในอดีต Khao Nan National Park – Tourists are admiring the sea of fog on the peak of Lek Mountain, an area where iron ore was once mined.
GL28F-va.indd 13
11/19/10 8:29 PM
14
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
…ไมตางจากภาพรวมของสถิติ นักทองเที่ยวที่เขาไปในอุทยานฯ ในป 2552 มีจํานวนทั้งสิ้น 11,288,893 คน มียานพาหนะที่เขาไปในอุทยานฯ 2,139,621 คัน นี่คือความเปนไปใน หลายๆ ป ที่ภาพของการทอง เที่ยวในพื้นที่อุทยานเดนชัดขึ้น…
อุทยานแหงชาติเขาใหญ-อนุสรณสถานของการลาสัตว ตั้งอยูในศูนยบริการนัก ทองเที่ยวเพื่อรําลึกถึงความโหดรายของมนุษยและภารกิจของอุทยานแหงชาติ Khao Yai National Park - An exhibition of wildlife hunting in the visitor service center is a reminder of man’s inhumanity and the park’s mission.
“เทือกเขาสลอบ (เขตรักษาพันธุสัตวปาสลักพระ และอุทยาน แหงชาติเอราวัณ) เปนเทือกเขาหินปูนเกาแกที่มีชื่อเสียงในระดับ นานาชาติ และหินแกรนิตยุคไทรแอสสิค (Triassic Age) มีการทํา เหมืองเหล็กขนาดเล็กบริเวณเขาอึมครึม เหมืองสังกะสีที่หนองไผ ในอําเภอศรีสวัสดิ์ และมีนํ้าตกเอราวัณที่สวยงาม สัตวปาของพื้นที่ ไดแก ชาง วัวแดง เลียงผา เสือโครง เสือดาว และหมี ละอง ละมั่ง...” “ดอยอินทนนท... เปนตัวแทนของทิวเขาในแนวเหนือใตที่เปน เอกลักษณของภาคเหนือ เปนสวนใตสุดของแนวเขาหิมาลัย ยอด ดอยและพืน้ ทีใ่ กลเคียงยังไมถกู ทําลาย ประกอบดวยทิวทัศนสวยงาม นํา้ ตก ลําธาร และปาเต็งรัง มีปา ฝนกึง่ เขตรอนทีม่ พี ชื จําพวก gentian (ดอกหรีด ดอกไมปาสีนํ้าเงิน) และ parnassio ที่ไมพบในที่อื่นของ โลก มีนาํ้ ตกสวยงามทีส่ งู ทีส่ ดุ ในประเทศไทยอยูท างตอนลางของดอย เสือมูบ ปาดิบเขาสวนใหญยังไมถูกรบกวนและนาสนใจยังคงมีอยูที่ ระดับสูงขึ้นไป... จะตองสงวนรักษาดอยอินทนนทที่เปนดอยสูงที่สุด ในประเทศไทยไวเปนอุทยานแหงชาติ ทั้งนี้ไมมีเหตุผลอื่นใดมากไป กวาความภูมิใจของชาติ” “ออบหลวงเปนชองแคบที่สวยงามของแมนํ้าแมแจม ไมพบ ที่ไหนในประเทศไทย แตนาตกใจเมื่อไดทราบวา ผูรับสัมปทานทําไม
GL28F-va.indd 14
วางแผนที่จะระเบิดชองแคบดวยระเบิดไดนาไมท เพื่อความสะดวก แกการลองซุงไมสักไปยังแมนํ้าปง... ออบหลวงเปนแหลงนํ้าสําคัญ ของเขื่อนภูมิพล การคุมครองและสงวนรักษาลุมนํ้าเปนความสําคัญ อันดับแรก ควรพิจารณาจัดพื้นที่ออบหลวงบางสวนเปนเขตรักษา พันธุสัตวปา (wildlife refuge) เพื่อใหสัตวปา เชน กระทิง และกวาง เพิม่ มากขึน้ และควรคุม ครองออบหลวงไวเปนอนุสรณสถานแหงชาติ (national monument)” “ภูก ระดึ ง เป น ที่ ร าบสู ง ประกอบด ว ยหนา ผาสู ง ชัน โดยรอบ นํา้ ตก ปาสน ทุง หญาทีส่ วยงาม ดงกุหลาบพันป และพืชเมืองหนาว อื่นๆ อากาศเย็นสบาย เปนพื้นที่เกาแกดั้งเดิมของเอเชียตะวันออก เฉียงใตที่เหลืออยูเพียงเล็กนอย ...มีคุณคาอยางใหญหลวงในดาน ตนนํ้าลําธาร จุดเดนที่ยิ่งใหญคือความวิเวก (solitude) และความ โดดเดี่ยว (isolation) ซึ่งควรใชเปนกรอบพัฒนาภูกระดึง...จะเปน ความผิดพลาดถาจะสรางสนามบินบนยอดภู เพราะพื้นที่มีขนาดเล็ก เกินไปแกการยินยอมใหมกี ารบุกรุกเชนนัน้ ถนนทีจ่ ะขึน้ ไปบนภูกเ็ ปน สิง่ ทีน่ า เสียใจดวยเหตุผลเดียวกัน เพราะจะสรางรองรอยทีไ่ มนา ชืน่ ชม และเสียคาใชจายสูงเกินไป ควรจะปลอยพื้นที่นี้ไวตามสภาพเดิม ให ไปถึงไดก็แตนักปนปายผูพากเพียรในการพิชิตยอดสูง...” “ดอยเชียงดาวเปนเทือกเขาสูงชันโผลขึ้นมาอยางโดดเดน ยาก แกการปนปาย สูงเปนที่สองของไทย มีภูมิประเทศแบบคราสท (karst) (หินปูน) ที่นาสนใจ ซึ่งเปนที่เคารพยําเกรงของประชาชน ใกลเคียง เนื่องจากเชื่อวาเปนที่อยูของผี (evil spirits) ที่จะนํา โชครายแกผูปนปายขึ้นไป ความเชื่อในเรื่องนี้ไดชวยสงวนรักษา ลักษณะเดนทางธรรมชาติที่นาสนใจ ดอยเชียงดาวยังมีสัตวปาพื้น เมืองที่นาสนใจ พื้นที่บนดอยมีพืชที่พบเฉพาะบนยอดดอยสูงเทานั้น ควรจะมีการศึกษาดอยเชียงดาวตอไปอีก” ขอมูลและขอเสนอแนะเหลานี้ เกิดจากการสํารวจ โดย ดร. ยอช ซี. รูเล นักธรรมชาติวิทยา (park naturalist) ซึ่งเคยปฏิบัติงาน ในอุทยานแหงชาติของสหรัฐอเมริกา เพื่อเสนอรายงาน “การใหคํา แนะนําเกี่ยวกับระบบอุทยานแหงชาติสําหรับประเทศไทย 25022503” (Advisory Report on a National Park System for Thailand 1959-1960) ตอกรมปาไม คณะกรรมการอุทยานแหง ชาติของสหภาพสากลวาดวยการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม หรือ IUCN (The World Conservation Union) และ คณะกรรมการชาวอเมริกันเพื่อการคุมครองสัตวปาระหวางประเทศ (The American Committee for International Wildlife Protection) (ตีพิมพเผยแพรในป 2507)
11/20/10 12:12 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
15
September - December 2010
...Statistics show that, in 2009, a total of 11,288,893 tourists visited Kaoyai with 2,139,621 vehicles entering the park...
อุทยานแหงชาติเขาใหญ-แหลงธรรมชาติที่กลายเปนศูนยกลางของการทองเที่ยว Khao Yai National Park - Numerous natural attractions for tourists has turned the park and adjacent areas into a tourist town.
due to its easy public access. The southern meadow was teeming with wildlife but was undergoing rapid changes because of intensive hunting. However, the virgin forest along both sides of the Phitsanulok-Lomsak highway continued to attract tourists from all over the world. On the Salop Range in Salak Phra Wildlife Sanctuary and the Erawan National Park, the report said it was known internationally as a limestone mountain range with granite from the Triassic Age. There were some small iron mines around Umkhrum Mountain, zinc mines in Nong Phai of Srisawat District, and the beautiful Erawan waterfall. Wildlife found in the forest included elephants, bantengs, serows, tigers, leopards, bears, and eld’s deer. Doi Inthanon was said to represent the north-south mountain range that was unique in the north of Thailand. It lied at the southernmost end of the Himalaya range. According to the report, the natural conditions at the summit and its surrounding area remained untouched with scenic beauty, waterfalls, streams, dipterocarp forest and tropical rainforest with plants in the genera Gentian and Parnassio that could be found nowhere else in the world. The most beautiful and highest waterfall of the country was located at the lower end of Doi Sua Moob. Most montane rain forests were undisturbed and found at a higher elevation. Doi Inthanon, which was Thailand’s
highest peak, should be preserved as a national park for no other reason than that it was the nation’s pride. Ob Luang was described as a beautiful pass of Mae Chaem River that was found nowhere else in Thailand. The report author expressed shock that a logging concessionaire planned to blast this pass to facilitate teak transportation to the Ping River. He said Ob Luang was a major water source for the Bhumiphol Dam. The preservation and management of this watershed should be regarded as top priority, and certain areas should be set aside as a wildlife refuge to facilitate the propagation of wildlife such as gaurs and deer. The entire Ob Laung area should be kept as a national monument. Phu Kradung was described as a high plateau with tall cliffs on all sides, waterfalls, coniferous forests, savannas, rhododendron and other temperate plants. The weather was comfortable. It was one of the few places of original geographical terrain left in Southeast Asia. It was enormously valuable as a source of rivers and streams. Its greatest attraction lied in its isolation and solitude that should be used as the basis for its development framework. Building an airport on the mountaintop would be a big mistake as the area was way too small for such intrusion. An access road to the mountaintop was also regrettable for the same reason as it would leave less than admirable scars and demanded excessive investment. The place should be left in its original condition and could be reached only by persistent mountain climbers. Meanwhile, Doi Chiangdao was reported as a steep mountain range that stood out and was hard to reach. It was Thailand’s second highest mountain with karst as its outstanding geographical feature. It was highly revered by local residents who believed the residing “evil spirits” would bring bad luck upon those who tried to climb it. Such beliefs had probably helped to protect its outstanding natural features. Doi Chiangdao also had interesting endemic species of wildlife. Certain plant species could only be found on the summit. The author concluded that Doi Chiangdao was worth further study. The above information was contained in the report “Advisory Report on a National Park System for Thailand, 1959-1960” by Dr George C Ruhle, a park naturalist of the US National Park Service, who conducted the survey for the Royal Forest Department on behalf of the World Conservation Union (IUCN) and the American Committee for International Wildlife Protection. The report was published in 1964. The report was a study that identified the unique-
ยาง 50 ป – อุทยานแหงชาติ ณ จุดเปลี่ยน 50 Years On: National Parks At a Turning Point
GL28F-va.indd 15
11/20/10 12:12 AM
16
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
…อุทยานมีศักยภาพที่จะสงเสริม พัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่ง ตองมองในภาพรวม เชน ใกลๆ เขาใหญมี รีสอรทเทาไหร แตละปคนเขาเทาไหร เราจะ ดึงคนเขามา ไม ใชเขามาคางในอุทยาน เพราะ วามันไม ใชปญหาเฉพาะเรื่องที่พัก นํ้าเสีย ขยะ ในการจัดการเราตองยอมรับเรื่อง พวกนี้ยังเปนปญหาอยู – มาโนช การพนักงาน
มาโนช การพนักงาน หัวหนาอุทยานแหงชาติเขาใหญ Manote Karnpanakngarn, chief of Khao Yai National Park
รายงานทีท่ าํ ใหเห็นเอกลักษณ คุณคาของทรัพยากรธรรมชาติใน พื้นที่ตางๆ ทั้งในมิติดานการศึกษา วิจัย จิตวิญญาณชนเผา และการ พัฒนาทีย่ งั่ ยืน รวมถึงวิกฤตความเปลีย่ นแปลงทีก่ าํ ลังเกิดขึน้ ตอพืน้ ที่ ปาในยุคนั้น รวมถึงการผลักดันจากหลายฝายที่มีบทบาทสําคัญ โดย เฉพาะ นิยมไพรสมาคม โดยนายแพทยบุญสง เลขะกุล ไดนําไปสูการ จัดการพื้นทีอ่ นุรักษในประเทศไทยในรูปแบบ “อุทยานแหงชาติ” ใน สมัยที่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต เปนนายกรัฐมนตรี ในป 2504 มีการประกาศใชพระราชบัญญัตอิ ทุ ยานแหงชาติเปน ครั้งแรก มาถึงป 2553 ประเทศไทยมีพื้นที่ที่ไดรับการประกาศเปน อุทยานแหงชาติแลว 123 แหง กําลังอยูระหวางดําเนินการประกาศ อีก 25 แหง วี ร วั ธ น ธี ร ประสาธน อดี ต หั ว หน า เขตรั ก ษาพั น ธุ สั ต ว ป า ทุงใหญนเรศวร ประธานมูลนิธิฟนฟูชีวิตและธรรมชาติ ยอนอธิบาย เจตนารมณตงั้ ตน และความเปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขึน้ วา อุทยานเกือบทัว่ โลกมีตน แบบมาจากอุทยานฯ แหงแรกของโลก คือ อุทยานฯ เยลโลส โตน ในอเมริกา เพื่อรักษาความเปนปาดั้งเดิม หรือปาบริสุทธิ์ไว โดย หามคนอาศัยอยู แตแทจริงคือการหาพื้นที่อันเปนแหลงทรัพยากรไว ใหกับกลุมคนในภาคอุตสาหกรรม สวนประเทศไทยรับการจัดตั้งอุทยานฯ ในรูปแบบเยลโลสโตน มาใชเปนเครือ่ งมือในการชวงชิงพืน้ ทีป่ า ในยุคสัมปทานปา หลังยกเลิก สัมปทานในป 2532 อุทยานฯ ยังเปนเครื่องมือในการรักษาพื้นที่ปา จากการบุกรุกรูปแบบอื่น วีรวัธน มองวา ที่ผานมาการจัดการพื้นที่อนุรักษดวยการจัดตั้ง อุทยานฯ หรือเขตรักษาพันธุสัตวปา เปนเพียงการประกาศถึงการ มีพัฒนาการในการจัดการปาไม กฎหมายซึ่งเปนอํานาจก็กลายเปน ปญหาเพราะไปละเมิดสิทธิ์ผูที่อยูมากอน จนเกิดเปนความขัดแยงที่ ชุมชนไมไดมีสวนรวมและขาดความรูสึกในการเปนเจาของ ทั้งๆ ที่
GL28F-va.indd 16
พื้นที่ปาในประเทศไทยมีความเหมาะสมที่จะเปนพื้นที่อนุรักษอยาง มากมายอยูแลว แตคุณคาของทรัพยากร วิถีชีวิต ภูมิปญญาดั้งเดิม ของชุมชนในปา รวมถึงวิทยาการทีแ่ ทจริงในพืน้ ทีเ่ หลานีก้ ลับถูกมอง ขามไปอยางนาเสียดาย “ถาเราอยากมีพื้นที่ปาไมวาตรงไหนก็ตาม มันจะเปนพื้นที่ ที่รักษาระบบนิเวศของมันไดถาเราจัดการดี และสามารถศึกษา ธรรมชาติไดดวย เชน การตั้งเปนศูนยศึกษาธรรมชาติ ในยุโรปมีศูนย แบบนี้เยอะมาก หนอง บึง ปา ที่ไหนก็ประกาศได แตเรายังติดกับพื้น ที่กวางๆ (ตามหลักสากลของการจัดการอุทยานแหงชาติ ไดกําหนด มาตรฐานพื้นที่ไวไมนอยกวา 10 ตารางกิโลเมตร) การศึกษามันเลย เปนไปไดยากมาก มันสะทอนวา การจัดตั้งอุทยานในสังคมไทยเนน ปริมาณมากกวาคุณภาพ เนนการทองเทีย่ วมากกวาการศึกษา เพราะ ประโยชนที่จะไดคือรายไดจากการทองเที่ยวมากกวาการดูแลรักษา ปา” วีรวัธน พูด เจตนารมยลําดับสุดทาย ถนนคอนกรีตตัดฝาปาทอดเลื้อยไปตามเทือกเขาดงพญาเย็น อาณาจักรของพืชปาและสัตวปา อันอุดมสมบูรณ เพือ่ นํานักทองเทีย่ ว มุง หนาสูอ ทุ ยานแหงชาติเขาใหญ อุทยานฯ แหงแรกของประเทศไทย ที่มีอายุเกือบ 50 ปแลว อุทยานฯ เขาใหญเปดรับนักทองเที่ยวอยางเต็มรูปแบบ ดวย บานพัก 32 หลัง รองรับผูเขาพักได 565 คน สถานที่กางเต็นท 2 แหง รองรับนักทองเที่ยวไดมากถึง 2,700 คน หากในชวงเทศกาล สามารถจัดหาสถานที่กางเต็นทเพิ่มขึ้นไดอีก 5,000 คน ประมาณ โดยรวมจะมีนักทองเที่ยวขึ้นมาบนเขาใหญไมตํ่ากวา 8,000 คน และ เกือบ 200,000 คนในชวงเดือนธันวาคม ในชวงหนึ่งของปอุทยาน คือชุมสายปลายทางของนักทองเที่ยว จนเปนชุมชนเมืองกลางปาที่ คละเคลาไปดวยความตองการ รสนิยม และวิธีการเสพสุขธรรมชาติ ที่แตกตางกันไป ไมตา งจากภาพรวมของสถิตนิ กั ทองเทีย่ วทีเ่ ขาไปในอุทยานแหงชาติ ในป 2552 มีจาํ นวนทัง้ สิน้ 11,288,893 คน มียานพาหนะทีเ่ ขาไปในอุท ยานฯ 2,139,621 คัน นีค่ อื ความเปนไปในหลายๆ ป ทีภ่ าพของการทอง เที่ยวในพื้นที่อุทยานเดนชัดขึ้น และกอใหเกิดคําถามวา เจตนารมณ ซึง่ สะทอนอยูใ น พระราชบัญญัตอิ ทุ ยานแหงชาติ พ.ศ. 2504 ประการ แรก คือ การอนุรกั ษปกปองพืน้ ทีป่ า ใหกบั ทุกสายพันธุธ รรมชาติ ตนนํา้
If we look a overall pict concerning number of resorts in K vicinity and number of per year, w see that Kh Yai attracts number of The issue is about lodg about pollu waste man
11/20/10 12:17 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
17
September - December 2010
...If we look at the overall picture concerning the number of private resorts in Khao Yai vicinity and the number of visitors per year, we will see that Khao Yai attracts a fair number of visitors. The issue is not about lodgings but about pollution and waste management. – Manote Karnpanakngarn ness and values of natural resources in various areas as well as other dimensions including ethnic minority’s spiritual beliefs, sustainable development, and critical changes affecting forest areas at that time. Coupled with efforts from various parties, particularly that of Dr Boonok at the song Lekhakul of the Association for the Conservation picture of Wildlife, it helped create a model of protected area ing the management in the form of national parks during the of private premiership of Field Marshall Sarit Thanarat. 1961 the first National Park Bill took effect. Since n Khao Yai then,InThailand has established a total of 123 national and the parks with 25 more protected areas in the process of being declared as such. of visitors Explaining the original intent of the national park r, we will system and subsequent changes, Veerawat Dheerat Khao prasart, a former chief of Thung Yai-Naresuan Wildlife Sanctuary and now president of Foundation for Ecologiacts a fair Recovery, said the Yellowstone National Park in the of visitors. cal US had been a model for almost all national parks in the e is not world. The idea then was to preserve pristine forests by odgings but excluding human inhabitants. But it turned out that the real intent was to preserve ollution and resources for industrial exploitation, he said. management. Thailand adopted the Yellowstone model as a means to secure forest areas for logging concession. After the concession was ended in 1989, the national park system became a mechanism to protect forest areas against all forms of encroachment. Veerawat viewed national parks and wildlife sanctuaries as a tool to manage protected forests and as a mere expression of development in forest management. Laws, a powerful tool, have become a problem because they have infringed on the rights of people living in the areas declared as national parks, leading to conflicts with local communities which were denied participation and sense of ownership. While many forest areas are worth protected, the true value of natural resources, local ways of life, indigenous knowledge and local technologies have been overlooked. “If we want to keep any forestland, we could ensure the sustenance of its ecosystem with good management. We could also study nature by way of setting up nature
อุทยานแหงชาติเขาแหลม-ธารนํ้าที่ไหลผานผืนปาตะวันตก กลายเปนทางหฤโหดให ออฟโรดไดเขามาพิชิต Khao Laem National Park - A shallow stream running through the Western Forest Complex offers a challenge for off-road vehicles.
study centers. There are many of these in Europe – swamps, ponds, or woods can all be declared protected areas. But we are stuck with the notion of a vast area (international national park standard requires an area of at least 10 sq km), which makes studying it a difficult endeavor. We focus more on quantity rather than quality, tourism more than education, because we gain more revenue from tourism than forest protection,” Veerawat said. The Final Intent The concrete road meanders through the pristine forest along the mountain of Dong Phaya Yen taking tourists to Khao Yai National Park – Thailand’s first national park of about 50 years. On a regular day, Khao Yai National Park can accommodate tourists with 32 sleeping facilities that can house 565 guests and two campsites with a capacity of up to 2,700 campers. During important festivals, additional campsites can be set up to take in 5,000 more visitors. At its highest carrying capacity, Khao Yai can have up to 8,000 tourists. However, in December, the park can see nearly 200,000 visitors. During this period, Khao Yai
ยาง 50 ป – อุทยานแหงชาติ ณ จุดเปลี่ยน 50 Years On: National Parks At a Turning Point
GL28F-va.indd 17
11/20/10 12:19 AM
18
กันยายน - ธัธนว นวาคม าคคม 2553
September Sep Se S ep e ptem mber be err - D Dec De December ec ece emb em mb m ber er 2010
ลําธาร ความ หลากหลาย ทางชีวภาพ แรธาตุมีคาที่ยังบริสุทธิ์ สมบูรณ เพื่อเปนมรดกของลูกหลาน ประการที่สอง คื อ เปนสถานทีอ่ าํ นวยความสะดวกแกการศึกษาคนควาวิจยั ไมวา จะเปน ดานพฤกษศาสตร สังคมศาสตร สถาปตยกรรมศาสตร นิเวศวิทยา หรือธรณีวิทยา เพื่อนําคุณคา คุณประโยชน อันเปนความรูทาง ธรรมชาติทมี่ อี ยูใ นอุทยานมาสูก ารรับรูข องสังคม และมวลมนุษยชาติ รวมถึงการเปนทั้งแหลงอนุรักษโบราณวัตถุและโบราณสถานใหคง อยูเพื่อเรียนรูเตือนใจในบทเรียนตางๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต และการเปน แหลงนันทนาการสําหรับประชาชนทั่วไป ซึ่งถือเปนผลพลอยไดใน อันดับสุดทาย แตเมื่อกลาวถึงคุณคาของอุทยานในฐานะของแหลงศึกษาวิจัย แมแตในอุทยานแหงชาติเขาใหญ ซึ่งถือเปนอุทยานอายุมากที่สุด มี นักวิชาการนักศึกษาเขามาทํางานคนควาวิจัยมากที่สุด ในระบบฐาน ขอมูลเพียงปรากฎรายชื่อของงานวิจัย เพียง 190 เรื่องเทานั้น เจตนารมณแหง “การอนุรกั ษ” ทีใ่ หความสําคัญตออุทยานแหง ชาติ รากฐานแหงความมั่นคงทางทรัพยากรอันมิอาจประเมินคา ที่ ไดรับการคุมครองภายใตกฎหมายที่เขมงวด ถูกแปรเปลี่ยนมาเปน “การสงเสริมการทองเที่ยว หรือการพัฒนาเศรษฐกิจ” เจตนารมณหลัก 3 ประการ ที่เปนภารกิจของอุทยาน จะเรียง ลําดับความสําคัญอยางไร และจะมีทิศทางอยางไรในอนาคต มาโนช การพนักงาน หัวหนาอุทยานแหงชาติเขาใหญ ยังยืนยัน วา สําหรับผูปฏิบัติงานในพื้นที่สามภารกิจหลักยังคงถูกลําดับความ สําคัญดวยการปฏิบัติงานเชนเดิม แมจะมีแรงกดดันจากนโยบายการ ทองเที่ยวที่ตองการใหอุทยานเปนฐานรองรับ แตก็มองขามงานทาง วิชาการไมได “ภารกิจทั้งสามลําดับตองมี การทองเที่ยวมีได แตตองมีความ สมดุลยไมทําลายซึ่งกันและกันเอง” มาโนช อธิบายรายละเอียดในเนื้องาน ที่ผานมาเจาหนาที่ อุทยานฯ ตองทําภารกิจหลัก คือ ปกปอง ปราบปราม และดูแลรักษา ทรัพยากร โดยอุทยานฯ เขาใหญจะมีหนวยพิทักษอุทยานฯ อยู 21 หนวย รอบแนวเขต ใชวิธีลาดตระเวนโดยการสนธิกําลังกันเปนสวน ใหญ ใชระบบนําทาง GPRS เดินไปตามจุดพิกัดตางๆ มีการปองกัน การตัดไมหอม ตัดไมทําลายปา ลาสัตว เปนตน รวมทั้งเจาหนาที่ทุก คนจะมีแผนที่ มีคูมือ กลองถายรูปพกติดตัว เพื่อเก็บขอมูลในพรรณ พืชและสัตวปา ทีพ่ บเห็นระหวางทาง แลวลงคาพิกดั ไวในระบบแผนที่ เพื่อใหสามารถประเมินสถานการณของพื้นที่ไดตลอด ภารกิจในขอที่ 2 แมการทํางานในลักษณะโครงการวิจัยจะเปน ขอจํากัดตามศักยภาพของเจาหนาที่ และงบประมาณ แตที่มาโนช
GL28F-va.indd 18
จตุพร บุรุษพัฒน Jatuporn Buruspat
…การจะรักษาทรัพยากรในอุทยาน ตองอาศัยการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เชน การจัดโซนนิ่งพื้นที่ และมีแผนแมบท ในอุทยานฯ แตละแหง โดยชี้ชัดไววาจุด ใดเพื่อการบริการนักทองเที่ยว หรือเพื่อ การอนุรักษ – จตุพร บุรุษพัฒน คิดจะปรับปรุงในอุทยานแหงชาติเขาใหญ เพื่อทําใหภารกิจดานนี้ เดนชัดขึ้น คือ การสรางสารบบงานวิจัยที่มีอยูแลวนํามาตอยอด โดย การตั้งศูนยวิจัยอุทยาน จะมีปรับปรุงศูนยบริการนักทองเที่ยวซึ่ง เปนหัวใจสําคัญของอุทยานฯ ในการสรางองคความรูใหเกิดขึ้น คน ที่เขามาใชพื้นที่อนุรักษ ตอไปจะตองซึมซับไดรับองคความรูในเรื่อง ธรรมชาติทั้งหมดในอุทยานฯ มีหองสมุด มีนิทรรศการที่ปลดปลอย จินตนาการและกอใหเกิดความสรางสรรค มีหองบรรยายในหอ ประชุม ซึ่งการนําเสนอทั้งหมดนี้จะเชื่อมโยงใหนักทองเที่ยวเขาใจไป ถึงพื้นที่ปา ปรับปรุงเสนทางศึกษาธรรมชาติ มีสถานีที่เนนวาตองมี สื่อความหมายธรรมชาติ สวนเรื่องสุดทาย คือ นันทนาการและการทองเที่ยว อุทยาน ยังคงเนนการทองเที่ยวเชิงนิเวศ การพักแรมสวนใหญจะจัดไวในรูป แบบลานกางเต็นท มีบานพักไวบริการในจํานวนที่เหมาะสม มีคาย พักสําหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา สวนขอปฏิบัตของนักทองเที่ยว เปนไปตามกฎหมาย และการจํากัดนักทองเที่ยวซึ่งมีนโยบายอยูแลว ยังคงปฏิบัติกนั ตอไป และนี่ควรจะเปนกรอบการทํางานของอุทยาน แหงชาติทั่วประเทศ “อุทยานมีศักยภาพที่จะสงเสริมพัฒนาระบบเศรษฐกิจของ ประเทศ ซึ่งตองมองในภาพรวม เชน ใกลๆ เขาใหญมีรีสอรทเทาไหร แตละปคนเขาเทาไหร เราจะดึงคนเขามา ไมใชเขามาคางในอุทยาน เพราะวามันไมใชปญ หาเฉพาะเรือ่ งทีพ่ กั นํา้ เสีย ขยะ ในการจัดการเรา ตองยอมรับเรื่องพวกนี้ยังเปนปญหาอยู เราจะเนนใหนักทองเที่ยวไป คางรอบๆ พืน้ ที่ ก็คอื ผูป ระกอบการนอกพืน้ ทีท่ มี่ อี ยูแ ลว มีหลายระดับ รับไดทกุ ระดับ แตสงิ่ อํานวยความสะดวกในอุทยานตองครบถวน เชน หองนํ้าสะอาด รานอาหารอรอย ที่นอนนอยหนอย มีศูนยบริการ
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
...To preserve the resources in the national park, we need effective management such as a good land-use zoning and a master plan of each national park that clearly specifies which location is for tourists and which for conservation. – Jatuporn Buruspat turns into a tourist mecca, a town in the midst of a forest filled with demands for foods and services to satisfy different tastes and myriad ways of consumption. Statistics show that, in 2009, a total of 11,288,893 tourists visited national parks with 2,139,621 vehicles entering the parks. These figures indicate the tourist-oriented emphasis of national parks and raise the question of how much the parks really fulfills the stated objectives cited in the National Park Act of 1961. According to that Act, the primary objective of a national park is to preserve and protect the forest area with all its flora and fauna, rivers and streams, biodiversity and minerals for the next generations. The second objective is to facilitate nature studies and research in botany, biology, social science, architecture, ecology and geology so that the knowledge can be transferred from nature to society and to humanity. This also includes the preservation of antiquities and ancient relics for further study of the past. The provision of public recreation as a by-product is the third and last objective. However, the value of national parks as a source of studies and research seems to have missed its goal. Khao Yai, the oldest national park in the country and the most popular location among university faculty members and students to conduct field research, accounts for only 190 articles in its academic database. Preservation of invaluable natural resources as the first priority of national parks under strict laws has given way to “tourism promotion” under the banner of economic development. Of the three objectives that form the core mission of the national park, what should be their priority and future direction? Khao Yai chief Manote Karnpanakngarn insists that the three objectives are still followed by field officials despite tremendous pressure from tourism policy from upper management. Technical work in the field could not be neglected, he said. “The three objectives must be upheld. Tourism can be promoted, but a balance must be achieved so that not
19
September - December 2010
one or the other is completely ignored.” Mr. Manote explained that in the past the main duty of park officials was law enforcement, protection and preservation of natural resources. Khao Yai has 21 park ranger units scattered around the park boundaries. They do surveillance in an integrated manner using GPS to plot the coordinates. They guard against illegal logging, particularly that of aloewood, hunting, etc. All rangers are equipped with maps, manuals and cameras. They collect information of flora and fauna encountered on the trails and record the coordinates in their logbooks so that the overall situation can be assessed. For the second objective concerning research, there are problems of budget limitation and staff capacity. However, Mr. Manote plans to compile the existing researches and upscale them into the core materials of Khao Yai National Park Research Center. The Visitor Information Center, a key unit of the park, will be renovated to house the body of knowledge so that visitors can gain information about nature within the park. A library and an exhibition hall will be built to spur the imagination and creativity of the visitors. There will be lecture rooms and meeting rooms with presentations and displays to enhance the visitors’ understanding of Khao Yai forest. The nature trails will be improved with interpretation signs. As for the last objective concerning recreation and sight-seeing, the national park stresses eco-tourism. Most of the overnight stays for visitors will be in the camp sites. There are some lodgings and dormitories for students. Rules for tourists and visitors will be enforced and a limit will be placed on the number of tourists allowed in the park during each period. This is the operation framework in Khao Yai National Park and should be for other parks throughout the country. “National parks have the potential to play an important role in the country’s economic development. If we look at the overall picture concerning the number of private resorts in Khao Yai vicinity and the number of visitors per year, we will see that Khao Yai attracts a fair number of visitors. The issue is not about lodgings but about pollution and waste management. Although we encourage visitors to stay at accommodations outside the park which can take in various levels of visitors, the amenity inside the park must be kept up such as clean toilets and good restaurants. We may have few sleeping facilities, but visitors should gain knowledge from our information center. We’ll build a transportation system and a network that links the park with other tourist attractions in the area,” said Manote. At the policy level, Jatuporn Buruspat, former director-general of the Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation (DNP), had suggested while still the department head that the service standard in every national park be raised under an initiative titled “Five-Star National Park Project”. It would lead to improvement of landscape, accommodations, restau-
ยาง 50 ป – อุทยานแหงชาติ ณ จุดเปลี่ยน 50 Years On: National Parks At a Turning Point
GL28F-va.indd 19
11/20/10 12:23 AM
20
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
…พื้นที่อนุรักษบางแหงอาจยกเลิก แลวเปลี่ยนเปนปาชุมชน หรือมีการ จัดการรูปแบบอื่นที่สอดคลอง บางพื้นที่ ของอุทยานแหงชาติอาจปรับไปเปน เขตรักษาพันธุสัตวปา… ทองเที่ยวที่เขามาแลวไดรับความรู แลวสรางระบบขนสง สรางเครือ ขายทีจ่ ะเชือ่ มโยงจากอุทยาน ไปยังแหลงทองเทีย่ วอืน่ ๆ” มาโนช พูด ในระดับผูวางนโยบาย จตุพร บุรุษพัฒน อธิบดีกรมอุทยาน แหงชาติ สัตวปา และพรรณพืช (ปจจุบันดํารงตําแหนงอธิบดีกรม ทรัพยากรนํา้ ) ทีเ่ พิง่ ดําริ จะยกระดับมาตรฐานการทองเทีย่ วในอุทยาน แหงชาติทั่วประเทศ ในโครงการอุทยานแหงชาติ 5 ดาว ซึ่งจะมีการ ปรับปรุงภูมิทัศน บานพัก รานอาหาร สิ่งอํานวยความสะดวกตางๆ นํารองในอุทยานแหงชาติดอยอินทนนท อุทยานแหงชาติเขาใหญ และอุทยานแหงชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล จตุพร เชื่อวา การทองเที่ยวในอุทยานสามารถพัฒนาใหมี มาตรฐานระดับเดียวกับโรงแรม 5 ดาวได โดยคงภารกิจหลัก 3 ขอ ของอุทยาน คือ เปนการพัฒนาที่ยังไมทําลายระบบนิเวศ และสภาพ แวดลอม ซึ่งจะมีแนวทางใหชุมชนทองถิ่นเขามามีสวนรวม เพื่อรวม กันศึกษา ประเมิน และพัฒนาพื้นที่วาสมควรปรับปรุงอยางไรดวย “การจะรักษาทรัพยากรในอุทยานตองอาศัยการจัดการที่มี ประสิทธิภาพ เชน การจัดโซนนิ่งพื้นที่ และมีแผนแมบทในอุทยานฯ แตละแหง โดยชี้ชัดไววาจุดใดเพื่อการบริการนักทองเที่ยว หรือเพื่อ การอนุรกั ษ แตยทุ ธศาสตรตอ งยึดตามหลักใหญของภารกิจ 3 ขอ ทุก หนวยงานของอุทยานตองมีแผนแมบทระยะสัน้ ระยะยาว หนึง่ ป สาม ป หาป ทุกอุทยาน ซึง่ กรรมการจะมาจากภาคประชาชนดวย เปนการ คิดจากขางลางขึ้นมาขางบน เพราะเจาหนาที่เปลี่ยนแปลงตลอด แต
GL28F-va.indd 20
อุทยานแหงชาติเขาใหญ-นักทองเที่ยวกําลังถายภาพฝูงกวางหากินอยางอิสระ ในทุงกวาง Khao Yai National Park - A tourist takes pictures of a herd of deer feeding at a grass meadow.
ถาเรามีกรอบดําเนินงานมันจะเปนไปตามนั้น สวนการจํากัดนักทอง เทีย่ วยังเหมือนเดิม เปนมาตรการทีไ่ ดผล ตอนนีแ้ ผนแมบททุกอุทยาน สงเขามาหมดแลว เขาครม.แลว” อยางไรก็ตาม กรมอุทยานแหงชาติฯ ตองดูแลพื้นที่ปาทั่ว ประเทศจํานวน 73 ลานไร โดยมีเจาหนาที่พิทักษปาทั้งหมด 30,000 คน เฉลี่ยแลวเจาหนาที่แตละคนตองดูแลพื้นที่ปามากกวา 2,400 ไร แตเปนทีย่ อมรับจากทุกฝายวา ปญหาในอุทยานเวลานีเ้ กิดจากระดับ หัวหนาอุทยานที่ขาดมุมมองในเรื่องการบริหารจัดการพื้นที่ หรือให ความสําคัญตอนโยบายของรัฐบาลหรือผูบริหารที่ขาดความเขาใจ ในการจัดการพื้นที่อนุรักษ ทําใหการทองเที่ยวและการหารายได เขาอุทยานกลายเปนภารกิจสําคัญจนผูปฏิบัติงานในพื้นที่มองขาม ภารกิจอื่นๆ ในขณะที่ปญหา เชน จํานวนนักทองเที่ยวและรถยนตที่ มากเกินกวาระบบนิเวศจะรองรับ ปญหาขยะ นํา้ เสีย ไดสง ผลกระทบ ตอระบบนิเวศโดยรวมอยางเลี่ยงไมได แนวคิดที่มีการหยิบยกขึ้นมากลาวเพื่อคลี่คลายปญหา คือ การ โซนนิ่งพื้นที่ใหม โดยแยกพื้นที่เพื่อการทองเที่ยว กับพื้นที่อนุรักษ ประเภทตางๆ ออกจากกันใหชัดเจนขึ้น กลุมปา พื้นที่อนุรักษ เขตอภัยทาน – แนวคิดใหมในการจัดการปา ตามคํานิยามของสหภาพการอนุรักษโลก หรือ IUCN และคณะ กรรมาธิการวาดวยอุทยานแหงชาติและพื้นที่อนุรักษ (Commission on National Parks and Protected Areas - CNPPA) “พื้นที่อนุรักษ คือ พื้นที่ซึ่งกันไวเพื่อคุมครองความหลากหลาย ทางชีวภาพและทรัพยากรทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมทีม่ อี ยูใ นพืน้ ที่ นั้น ซึ่งมีการจัดการโดยวิธีทางกฎหมายและวิธีอื่นๆ” นิยามนี้ชี้ใหเห็นวา การจัดการพื้นที่อนุรักษไมไดใชกฎหมายแต เพียงอยางเดียว
11/20/10 12:24 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
21
September - December 2010
...Some protected areas may have to be annulled and switched to community forest or other forest management model with more people participation...
อุทยานแหงชาติทับลาน-ขางๆ นํ้าตกมานฟา ขยะเกลื่อนกราดกองอยูหนาปาย กฎระเบียบที่เตือนใหนักทองเที่ยวควรปฎิบัติตัวเชนไรเมื่ออยูในอุทยานฯ Thap Lan National Park – Garbage piles up at the entrance to Man Fa Waterfall beside a sign of rules of conduct in park areas.
อุทยานแหงชาติไทรโยค-ชาวตางชาติกําลังสนุกสนานกับสายนํ้าใสของ นํ้าตกไทรโยค Sai Yok National Park – Foreign tourists enjoy the cool water of Sai Yok Waterfall.
rants, and other amenity in pilot national parks of Doi Inthanon, Khao Yai and Tarutao in Satun. Jatuporn said tourism development in national parks can be improved to the same standard as any 5-star hotel while still fulfilling the three objectives of the national parks. In his opinion, development can be implemented without destroying the eco-system or the environment and with participation of the local communities in studying, monitoring and evaluating development projects. “To preserve park resources, we need effective management such as good land-use zoning and a master plan for each park that clearly specifies which location is for tourists and which for conservation. Any development strategy must uphold the three main objectives. Every unit under each national park must have its own short, medium and long-term master plans for one, three and five years respectively. The planning committee must include local community representatives so that it is a bottom-up process. We constantly have personnel changes, but if we have an operating framework, everybody will have to follow that. We will continue to have visitor quota which works well. Right now, all the master plans from every national park have been submitted for review by the cabinet,” said the former director-general. The DNP oversees altogether 73 million rai of forest lands and has about 30,000 forest protection officials. On average, each official is responsible for taking care of over 2,400 rai. A problem that is widely acknowledged is that most national park chiefs lack the skills in area-based management and they feel the need to respond to policies from government policymakers who lack the understanding of conservation area management. The result
is that tourism and revenue generating activities become the main focus overriding other objectives. Meanwhile, the problems of park overcrowdedness, high traffic volume, water pollution and waste management have been overlooked. These problems continue to put tremendous strain on the park eco-system. A solution will soon be proposed to solve the various problems. That is rezoning of national parks to clearly separate area for tourism from the protected area. Forest Complexes, Protected Areas, Non-Hunting Zones: The New Concept in Forest Management. According to IUCN and the Commission on National Parks and Protected Areas (CNPPA), “Protected Area is a clearly defined geographical space, recognised, dedicated and managed, through legal or other effective means, to achieve the long-term conservation of nature with associated ecosystem services and cultural values.” This definition indicates that management of protected areas does not solely rely on law enforcement. In 1993, IUCN defined a series of six protected area management categories. They are Strict Nature Reserve & Wilderness Area; National Park; National Monument; Habitat/Species Managemetn Area; Protected Landscape/Seascape and Managed Resource Protected Area. Another idea that will be proposed as part of the strategic plan for national park management and is being studied by the Faculty of Forestry, Kasetsart University, is “ecosystem management”. It is a conservation practice that is achieved through linking forest lands of various sizes that are located near one another. The key is to connect the physical, social and biological attributes of the individual forests into “forest complexes”. Asst Prof Dr Dachanee Emphandhu, head of Department of Conservation, Faculty of Forestry, Kasetsart University, explained that forest areas in Thailand currently can be divided into 19 forest complexes. There is a need to build corridors among these complexes to allow wildlife and plants to cross forest bound-
ยาง 50 ป – อุทยานแหงชาติ ณ จุดเปลี่ยน 50 Years On: National Parks At a Turning Point
GL28F-va.indd 21
11/19/10 8:29 PM
22
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
…แตอยูที่ความตระหนักวา อุทยานแหงชาติเปนของประชาชนทุก คนที่ตองชวยกันดูแลและปกปอง …ใชหรือไม
อุทยานแหงชาติผาแตม-พระกําลังทําทานั่งวิปสสนาเพื่อใหพระอีกรูปบันทึกภาพ จากกลองในโทรศัพทมือถือ Pha Taem National Park – A monk assumes a meditation posture as a fellow monk takes his picture with a mobile phone.
ทั้งนี้ ในป 2536 IUCN แบงพื้นที่อนุรักษออกเปน 6 ประเภท ไดแก พื้นที่อนุรักษ ประเภทที่สงวนทางธรรมชาติอยางเขมงวด หรือ พื้นที่ดั้งเดิมที่รักษาความเปนปาไว, อุทยานแหงชาติ, บริเวณที่มี ลักษณะเดนเฉพาะในทางธรรมชาติ รวมถึงวัฒนธรรม, พืน้ ทีซ่ งึ่ จัดการ ถิน่ ทีอ่ ยู และสิง่ มีชวี ติ หรือเขตรักษาพันธุส ตั วปา , พืน้ ทีอ่ นุรกั ษภมู ทิ ศั น และพื้นที่อนุรักษที่มีการจัดการทรัพยากรอยางยั่งยืน อีกแนวคิดหนึง่ ทีจ่ ะปรากฎในแผนยุทธศาสตรการจัดการอุทยาน แหงชาติ ซึ่งกําลังศึกษาโดยนักวิชาการคณะวนศาสตร มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร คือ การจัดการอนุรักษพื้นที่เชิงระบบนิเวศ (Ecosystem Management) หรืออนุรักษผืนปาขนาดใหญ ผืนปาขนาดเล็ก หรือหยอมปาทีอ่ ยูห า งกันไมมากนัก ซึง่ เปนการจัดการทีอ่ ยูบ นแนวคิด ของการเชื่อมโยงความสัมพันธทางกายภาพ สังคม และชีวภาพ ใน ภาพของ “กลุมปา หรือผืนปา” (Forest Complex) ผศ.ดร.ดรรชนี เอมพันธุ หัวหนาภาควิชาอนุรักษวิทยา คณะ วนศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร อธิบายถึงความคืบหนาสําหรับ แนวคิดนี้วา ปจจุบันพื้นที่ปาในประเทศไทยมีการจัดแบงกลุมปาที่ สําคัญทั้งสิ้น 19 กลุมปา และในกลุมปาเหลานี้จําเปนตองหาวิธีการ สรางแนวเชื่อมตอทางนิเวศวิทยาเพื่อใหสัตวปาและพันธุพืชกระจาย ระหวางกันใหได เชน จัดสรางแนวเชือ่ มตอ (Corridor) บริเวณรอยตอ ผืนปา รวมถึงเชือ่ มโยงกับชุมชนทีอ่ ยูอ าศัยรอบๆ และภายในผืนปาเขา มามีสวนรวมในการดูแลผืนปาดวย เพื่อใหการดําเนินการสอดคลอง กับทุกฝาย และกอประโยชนตอการอนุรักษปาและสัตวปามากที่สุด ซึ่งอนาคตการจําแนกการจัดการพื้นที่อนุรักษในประเทศไทย อาจจะไมตองใชการแบงเขตในลักษณะ อุทยานแหงชาติ และเขต รักษาพันธุสัตวปา เทานั้น ถาสามารถผลักดันใหมีการดําเนินการ ตามหลักการสากลของ IUCN ได การบริหารจัดการพื้นที่ปาอนุรักษ ก็จะทําไดอยางมีประสิทธิภาพมากขึ้น ชวยแกปญหาผลกระทบจาก การทองเที่ยว ปญหาการประกาศพื้นที่อนุรักษทับที่ทํากินของชุมชน ดั้งเดิมได และยังสามารถรักษาปาบริสุทธิ์ไวไดดวย และหากมองประวั ติ ศ าสตร ก ารจั ด การพื้ น ที่ อ นุ รั ก ษ ข อง ประเทศไทยโดยใชกฎหมาย สถิติพื้นที่ปาไม ของกรมปาไม ที่ระบุวา ในป 2504 ประเทศไทยมีพนื้ ทีป่ า ไมเหลืออยู 171.02 ลานไร หรือรอย ละ 53.33 ของพืน้ ทีป่ ระเทศ และในป 2547 ลดลงเหลือ 104.74 ลาน ไร หรือรอยละ 32.66 ของพืน้ ทีป่ ระเทศ และยังลดจํานวนลงอยางตอ
GL28F-va.indd 22
เนื่อง การจัดการปาในรูปแบบนี้จึงอาจจะไมเพียงพอที่จะเปนหลัก ประกันวาจะรักษาปาไวได ที่ ผ า นมาจึ ง มี ข อ เสนอจากกลุ ม อนุ รั ก ษ ม าอย า งต อ เนื่ อ งว า กฎหมายการจั ด การป า ที่ รั บ อิ ท ธิ พ ลมาจากฝ ง ยุ โรปไม มี ค วาม สอดคลองกับสังคมไทย ดังนัน้ การจัดการปาควรจะมีรปู แบบทีห่ ลาก หลาย สรางการมีสวนรวมในการจัดการอุทยานที่ประกอบดวยคณะ กรรมการอยางนอยสี่ฝาย คือ เจาหนาที่อุทยาน องคกรปกครองสวน ทองถิ่น ชุมชน นักวิชาการ ฯลฯ โดยหัวหนาอุทยานควรจะมาจาก การเลือกตั้ง โดยแนวคิดใหมในการจัดการปาทีเ่ คยมีการศึกษา คือการสํารวจ พืน้ ทีอ่ นุรกั ษใหมเพือ่ ปรับสภาพ หรือเปลีย่ นสถานะ พืน้ ทีอ่ นุรกั ษบาง แหงอาจยกเลิก แลวเปลีย่ นเปนปาชุมชน หรือมีการจัดการรูปแบบอืน่ ที่สอดคลอง บางพื้นที่ของอุทยานแหงชาติอาจปรับไปเปนเขตรักษา พันธุสัตวปา เชน เขาใหญ หรือจะปรับโดยไมติดกับชื่อเรียก เชน เขต อภัยทาน เพราะสอดคลองกับวิถชี วี ติ และสังคมไทยทีเ่ คยใชประโยชน ปาอยางยั่งยืน ประชาชนทุกกลุมเหลาตองเขามามีสวนรวมในการ ั ญัตทิ อ งถิน่ หรือใชการจัดการรวมกัน จัดการปามากขึน้ เชน การใชบญ หลายๆ ฝาย ซึ่งหมายถึงใชฐานทรัพยากรในการกระจายอํานาจ โดย เฉพาะเมื่อปาเปนทีพ่ ึ่งของคนชนบท เปนสังคมสวัสดิการ จึงมีการนํา ความรูท อ งถิน่ มาใชในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทัง้ สรางกระบวนการในการผลิตอาหารปลอดภัย เปนตน อยางไรก็ตาม นักวิชาการและองคกรสิ่งแวดลอมยํ้าวา อุทยาน ตองเปนหลักในการทํางานศึกษา วิจัย เพื่อนําความรูที่ไดมา บริหาร จั ด การพื้ น ที่ ในขณะเดี ย วกั น การเป น แหล ง นั น ทนาการซึ่ ง เป น วัตถุประสงคหนึ่งในสามขอของอุทยานแหงชาติ โดยมีการสงเสริม การทองเที่ยวเปนหลัก ตองไมกระทบกับการอนุรักษและการศึกษา วิจัยดวย แตในทายที่สุด การใชประโยชนจากอุทยานแหงชาติอยางรูคา และยั่งยืนยังคงตองฝากความหวังตอการปรับเปลี่ยนทัศนคติและ ความรับผิดชอบของนักทองเที่ยวที่มาเยือนเพียงครั้งคราว เพราะ เขาเหลานัน้ คือประชาชนคนไทยทีก่ ลาวไดวา เปนเจาของอุทยานแหง ชาติที่แทจริง วันนี้ การดูแลพืน้ ทีป่ า หรืออุทยานแหงชาติ ซึง่ สรางสมดุลระบบ นิเวศ เปนแหลงกักเก็บนํ้า เปนแหลงขุมทรัพยของพันธุกรรมทาง ชีวภาพ ที่สรางความมั่นคงใหสภาพอากาศ สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อ อํานวยใหทุกคนมีชีวิตที่ดี คําตอบคงไมไดอยูที่การใชกฎหมาย การ แบงเขต การดูแลของเจาหนาที่รัฐ การศึกษาของนักวิชาการ หรือ การดูแลจากชุมชนใดหรือกลุมใดกลุมหนึ่ง แตอยูท คี่ วามตระหนักวา อุทยานแหงชาติเปนของประชาชนทุก คนที่ตองชวยกันดูแลและปกปอง ...ใชหรือไม ■
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
23
September - December 2010
ปายประชาสัมพันธการทองเที่ยวแกงหินเพิง ระหวางทางขึ้นอุทยานแหงชาติเขาใหญ A billboard along a road to Khao Yai National Park promotes rafting at Kaeng Hin Phoeng rapids.
aries. These corridors must also include the linkages of local communties inside and around the forest areas so that they can take part in caring for the forest. All stakeholdres must work together to make it beneficial for the forest and wildlife. In the future, protected area management may not need the conventional method of zoning into national park and wildlife sanctuary. Instead, IUCN’s set of international standard practice can be adopted. Protected area management will become more effective and negative impacts from tourism can be mitigated. Problems of protected areas overlapping local villagers’ land will be less severe. At the same time, the pristine forests can be preserved more effectively. The history of protected area management in Thailand, which relied heavily on law enforcement, shows that the forest cover in 1961 was 171.02 million rai or 53.33% of the country’s area. But by 2003 it dropped to 104.74 million rai or 32.66% of the country’s area, and it continues to drop. It is obvious that legal tools are not adequate to protect the forests. This has led environmental organizations to conclude that forest protection laws adapted from the western model is not concordant with the Thai society. They propose that there should be diverse ways of forest management with public participation in the form of a committee from at least four stakeholder groups, including park officials, local administrative organizations, local communities and academics. Park chiefs should come from election. The new concept in protected area management under study proposes that a new land survey be undertaken. Some protected areas may have to be turned into community forests or come under a different, more appropriate management model. Some national parks may be changed into wildlife sanctuaries, such as Khao Yai. Or another form of area could be created to be called Khet Aphaiyathan or “the safety zone” to
...it depends on the public realization that national parks belong to the people who must help protect and take care of them … doesn’t it? be in accord with the existing way of life that has long depended on sustainable use of forests. People of all stripes should play a role in the management of forest land through local ordinances or multi-stakeholder management, which is a form of power decentralization. As forests provide sustenance to rural communities which is a form of social welfare, local knowledge is generated which can be beneficial to such important functions as biodiversity conservation and safe food production. However, environmental organizations and academics emphasized that national parks must be the mainstay for research and study activities so that knowledge gained could be used for protected area management. At the same time, providing recreation, which is one of the national park system’s three key objectives, in the form of tourism promotion must not be allowed to infringe on its other objectives of conservation and research and study. In the end, it is hoped that tourists could be encouraged to change their attitude and become more responsible visitors so that national parks may keep on yielding its benefits. After all, most of them are Thai citizens who are the true owners of national parks. National parks provide ecological equilibrium, water storage and biological and genetic treasure. They help boost climatic, social and economic stability that enhances people’s living conditions. The management of these protected areas cannot rely on legal enforcement, zoning, state officials, academics, communities or any other groups alone. In the final analysis, it depends on the public realization that national parks belong to the people who must help protect and take care of them … doesn’t it? ■
ยาง 50 ป – อุทยานแหงชาติ ณ จุดเปลี่ยน 50 Years On: National Parks At a Turning Point
GL28F-va.indd 23
11/19/10 8:29 PM
24
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ธรรมชาติสื่อความหมาย เรื่อง/ภาพ รัญจวน ทวีวัฒน
ในพ ในพื พื้นทีท่ีอุทยานแห ยานแหหงชาติิของไทย องไทย ที่ประกาศ ครอบคลุมพืน้ ทีก่ ระจายอยูท กุ ภาค จากยอด เขาสูงสุดของประเทศ ปาไม ตนนํ้า ไตระดับ ลงไปถึงปากแมนํ้า ชายทะเล หมูเกาะ จนถึง ทองทะเลกววาง มีเสนทางที ทางทเต ่เตรียมไวสําหรับ ปายปน เดินนปปา ทองนํ้าตก ชมหาด โต โตคลน คลื่น ดํานํ้า อยูททุุกแหงหน
หลายคนรู นรู จั ก แล ว หนทางสายนี้ เรี ย กว า “เส น ทางศึ ก ษา ธรรมชาติ” นรูจู ักเสนทางศึกษาธรรมชาติไปมากกวานั้นวา เสนทาง หลายคนรู ารถสื่อความหมายของธรรมชาติไดดวย แตความหมาย เหลานี้สามารถสื รมชาติบนเสนทางสายนี้เปนอยางไรนั้นเปนอีกเรื่องหนึ่ง ที่สื่อโดยธรรมชาติ ปา ดอกหญา แมลง ผีเสื้อ เห็ด มอส เฟน ใบไมใหญนอย ไทร เถาวัลย ธารนํ้า เปลือกหอย โขดหิน หญาทะเล ...และอีกคณานับ สิ่ง ละปฎิมากรรมธรรมชาติเหลานี้ มีคําเรียกใหญๆ ตามภาษาา มีชีวิตและปฎิ รวา เปนองคประกอบของธรรมชาติ ความหลากหล ลายทาง วิชาการว ความหลากหลายทาง ชีวภาพพ และความหลากหลายดานระบบนิเวศ
GL28F-va.indd 24
คําวา ธรรมชาติ ประกอบคําวา ธรรมะ หมายถึง ความจริง กับ ชาตะ หมายถึง การเกิด ดังนัน้ ธรรมชาติ คือ วิถหี รือวัฏจักรของความ จริงที่เกิดและดับเปนวัฏจักรแหงทุกสรรพสิ่งในจักรวาล และในธรรมชาติ ระบบนิเวศทีเ่ วียนวายไปดวยวิถชี วี ติ ของผูผ ลิต ผูบริโภค และผูยอยสลาย ผานหวงโซอาหารจนเกิดเปนวัฏจักร คือ ประตูบานใหญที่ทําใหเรียนรูอยางเขาใจเรื่องหวงโซสัมพันธระหวาง สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดลอม ซึ่งประตูบานนี้สามารถกาวเขาไปเรียนรูได บนเสนทางศึกษาธรรมชาติในอุทยานแหงชาติ บนเสนทางศึกษาธรรมชาติ มักมีสถานีสื่อความหมายหนึ่งที่จะ ขาดไปเสียไมได คือ “ผูยอยสลายในธรรมชาติ” ที่สถานีนี้อาจจะมี จอมปลวก ดงเห็ด หรือ รา ชนิดตางๆ ผูทํา หนาที่ยอยสลายไมใหญที่ลมใหผุพัง แลวนําสารอาหารและพลังงาน หมุนเวียนกลับคืนสูด นิ สูป า อีกครัง้ เพือ่ สรางความสมดุลในระบบนิเวศ สวนภาพเบื้องหลังแหงชีวิตที่สามารถจิตนาการตอได เชน เมื่อ ตนไมใบไมถกู ยอยสลายจะเปนอาหารใหใสเดือน หรือสัตวหนาดินอีก นับไมถว นทีเ่ ปนอาหารของสัตวอนื่ ๆ ปลวกเปนอาหารของคางคก กบ เขียด กิ้งกา หรือนกอีกหลายชนิด เห็ดบางชนิดก็เปนอาหาร เหลานี้ คือสิง่ มีชวี ติ ทีอ่ ยูใ นลําดับของการกินเปนทอดๆ ไปอีกหลายทอด ทําให สสารและแรธาตุมีการหมุนเวียนนําไปใชในระบบ จนเกิดเปนวัฏจักร นีค่ อื ธรรมชาติ หรือ ความจริง ทีค่ นสวนใหญอาจโยงไมถงึ ความ สัมพันธ มองไมเห็นความสําคัญ หรือแมแตไมไดสังเกต ที่ผานมา รสนิยม หรือพฤติกรรมของนักทองเที่ยวในอุทยาน แหงชาติทําใหหลายคนไมเชื่อวาการทองเที่ยวจะไปดวยกันไดกับ การอนุรักษ แตในสายตาของนักสื่อความหมายธรรมชาติ พวกเขามองวา แทจริงแลวการอนุรักษเปนหัวใจสําคัญของการทองเที่ยวในทุกพื้นที่ และการทองเที่ยวสามารถเปนเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการ อนุรักษได หากมีการจัดการที่เหมาะสม และสามารถสรางจิตสํานึก ที่ดีขึ้นมาได โดยเฉพาะในยุคที่ผูคนกําลังโหยหาความเปนธรรมชาติ จากการดิ้นรนอยูในระบบทุนนิยมและเศรษฐกิจที่บีบคั้น รูปู แบบที่ไดรับการกลาวถึง คือ การสื่อสารขอมูลที่ถูกตองดวย กระบวนการและเทคนควิธีการตางๆ โดยใชกระบวนการ “การสื่อ กระบวนการและเทคนิ Interpretation) เพื่อโยงสายใย ความหมายธรรมชาติ” (Nature Interpre ระหวางผููเยือน กับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ใหเปน ใหเปนหนึ่ง เดียวกันอีกครั้ง
11/19/10 8:29 PM
MESSAGES
Conveyed in Nature Story/photos Ranjuan Taweewat hailand’s national parks scatter in all regions, ranging from mountain tops, forests, headwaters, down to river mouths, coasts, archipelagos, to wide seas. Paths were paved for climbing, forest trekking, waterfall enjoyment, windsurfing and diving. Many may have known these paths to be “nature study trails”. Still many understand that these trails convey the meanings of Nature although how Nature is interpreted is a different story.
T
Forests, grass flowers, insects, butterflies, mushrooms, moss, ferns, leaves, ficuses, vines, streams, shells, rocks, sea grass, and many more. These living creatures and natural sculptures are given academic terms as natural elements, biodiversity and ecosystem diversity. The term “Thammachart” or Nature in Thai was coined from a combination of “Dharma” or truth and “Chata” or birth. “Thammachart” thus refers to a way or cycle of truth relating to the cycle of birth and death which affects all things in the universe. In the natural ecosystem, the life cycle of producers, consumers and decomposers through a food chain becomes a big open door to understand the chain of relationships of living things and the environment. This door swings open once we set foot on a nature study traill iin n a national park.
GL28F-va.indd 25
A study trail usually has a “natural decomposer” station. At the station, there may be an anthill, or patches of mushrooms or fungi, whose duty is to decompose fallen trees and recycle nutrients and energy back to the soil and forest bringing about natural equilibrium. We may continue to imagine subsequent living scenes, such as earthworms and countless animals living on the soil feeding on decomposed trees and leaves. Termites will become food of toads, frogs, chameleons, or birds, while some mushrooms are edible. Living creatures feed on one another in a chain, circulating matters and minerals in the system and thus creating a cycle. This is Nature or truth the relationship of which many people are unable to conceptualize, appreciate or even notice. National park visitors’ behaviors and tastes in the past have caused many concerned people to be skeptical that tourism can go hand in hand with conservation. For nature interpreters, however, they see conservation as the heart of tourism anywhere. In turn, if tourism is well-managed and capable of instilling good conscience, it can be a powerful tool for conservation, particularly in times when people are yearning to be in touch with nature to free themselves of stress caused by life in the capitalistic system amid economic crunch. Nature interpretation is a tool for conservation to convey correct information through various processes and techniques to
11/20/10 12:25 AM
26
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
อุทยานแหงชาติปางสีดา-แหลงที่นักทองเที่ยวนิยมมาชมผีเสื้อ Pang Sida National Park – Butterflies are a big draw for tourists.
เห็ดปาอันงดงาม แต คุณคายิ่งใหญมักไมมี ใครเห็น Beautiful mushrooms whose valuable service in nature often goes unnoticed.
สุรชัย ทวมสมบูรณ ผูเชี่ยวชาญดานสื่อความหมายธรรมชาติ เริ่มตนจัดกิจกรรมคายอนุรักษธรรมชาติ มาตั้งแตป 2522 และกลาย เปนตนแบบของ คายอนุรักษธรรมชาติที่แพรหลาย โดยเฉพาะใน หนวยงานที่สังกัด กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช เขาใหนิยามวา การสื่อความหมายธรรมชาติหมายถึง การ ถายทอดขอมูลเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติไปสูนักทองเที่ยว ที่แฝง การสรางจิตสํานึก ไปกับเทคนิคการนําเสนอหรือการถายทอด นักสือ่ ความหมายบางกลุม ใหคาํ จํากัดความทีก่ ระชับขึน้ วา เปน “ศิลปะการเลาเรื่องธรรมชาติ โดยผสมผสานระหวางความรู และ ความรูสึก” โดยศิลปะการเลาเรือ่ งรูปแบบนี้ สรางสรรคขนึ้ เพือ่ สือ่ ใหผคู นได รูจักธรรมชาติอยางลึกซึ้งมากกวาที่ตาเห็น หรือเขาใจดวยสมอง แต ตระหนักถองแทไปถึงความจริงในธรรมชาติดวยหัวใจ นั่นจึงจะเปน ความสําเร็จของการสื่อความหมายธรรมชาติ อยางไรก็ตาม การสือ่ ความหมายธรรมชาติ เปนการศึกษาเรียนรู ทีไ่ มใชการบังคับ ดังนั้นในกิจกรรมตองสามารถดึงดูดใหนกั ทองเที่ยว สมัครใจทีจ่ ะเรียนรู ชีแ้ นะใหมองเห็น สังเกตความจริงในธรรมชาติ ให ความสําคัญกับเรือ่ งราวเล็กๆ ทีอ่ าจอธิบายภาพรวมทั้งหมด สามารถ กระตุนจินตนาการใหนักทองเที่ยวสามารถตอโยงภาพความจริงที่ ปรากฏอยูกับขอเท็จจริงที่ไมสามารถมองเห็น เพื่อใหเกิดการหยั่งรู ในเรื่องธรรมชาติ จากนั้นจะเกิดความตระหนักรูไดดวยตนเอง โดยมี ธรรมชาติเปนผูสอน หรือเปนผูแสดงใหเห็น
GL28F-va.indd 26
การเรียนรูความหมายธรรมชาติอาจกระทําไดเปน 2 ลักษณะ ลักษณะหนึ่งโดยนักสื่อความหมาย ที่ทําหนาที่ใหคําแนะนําและ บรรยายเกี่ยวกับธรรมชาติตามเสนทาง สวนอีกวิธีหนึ่งที่ทาทาย และเขาถึงไดในอุทยานแหงชาติทั่ว ประเทศ คือ เสนทางเดินศึกษาดวยตนเอง (Self-Guided Interpretive Trail) โดยนักทองเที่ยวสามารถใชเครื่องมือประกอบเพื่อ เรียนรูเบื้องตน เชน การฉายไสลดมัลติมีเดีย นิทรรศการกลางแจง นิทรรศการในศูนยบริการนักทองเที่ยว หรือดูคูมือ หรือแผนปายสื่อ ความหมายตามเสนทาง เปนตน และหากทุกคนสามารถใชหัวใจมองความเปนไปของธรรมชาติ สัมผัสถึงความเปนหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ ก็คงไมยากที่จะพบวา ในความงามมีความรู ในธรรมชาติมีสัจจะแหงชีวิต และการทองเที่ยว นักทองเที่ยว ก็สามารถอยูรวมกับการเรียน รู และการอนุรักษได ■
ประวัติเสนทางศึกษา ธรรมชาติและการ แปลความธรรมชาติ
ชวงศตวรรษที่ 19 กอนที่มีการประกาศอุทยานแหงชาติ ในอเมริกา มีนักผจญภัยที่พบแรงบันดาลใจจากความสวยงาม ของธรรมชาติ และพยายามทําความเขาใจและแปลความหมาย ของปรากฎการณทางธรรมชาติที่พบเห็น คนแรกที่ ใชคําวา “แปลความหมาย (interpret)” คือ จอหน เมอร (John Muir) เมื่อป ค.ศ.1871 ที่เขียนไว ใน สมุดบันทึกวา “ผมแปลความหมายของหิน ศึกษาภาษาของ นํ้าทวม พายุและหิมะถลม ผมทําความคุนเคยกับภูเขานํ้าแข็งและ สวนปา และเขาใกลกับหัวใจของโลกใหมากที่สุดเทาที่จะทําได” ในชวงเวลาใกลๆ กันก็มีหนังสือเกี่ยวกับการแปลความ หมายธรรมชาติออกมา เปนตนวา “หนังสือนําเที่ยวโยซีมิติ” และ “ในหัวใจของเทือกเขาเซียรรา” หลังจากมีการกอตั้งอุทยานแหงชาติแยลโลสโตน (Yellowstone National Park) เปนแหงแรกเมื่อป ค.ศ. 1886 ก็มีผู ใหความรูแกนักทองเที่ยวซึ่งมักจะเปนคนขับรถมา หรือไกดของโรงแรม ซึ่งก็ใหแบบงูงูปลาปลา เติมสีสันลงไปใน
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
27
September - December 2010
อุทยานแหงชาติปางสีดา-นักทองเที่ยวกําลังถายรูปฝูงผีเสื้อ Pang Sida National Park – A tourist is taking pictures of butterflies. forge a link between visitors and natural resources and the environment so that they become one. Surachai Tuamsomboon, an expert in nature interpretation, initiated a nature conservation camp since 1979, which has become a model for other similar camps, especially those organized by the Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation. He defined nature interpretation as the dissemination of information about natural resources to visitors through presentation or delivery techniques that indirectly instill conservation consciousness. Some guided trail interpreters provide a more concise definition as “the art of narrating nature with a mix of knowledge and feelings.” This art of story telling aims to guide the people to learn about nature in greater depth than their eyes can see or their brains can comprehend, but to become aware of truth in nature with their hearts. That then is the success of nature interpretation. However, because learning by nature interpretation is voluntary, the activities must be able to draw tourists to learn, guide them to observe and see the truth in nature and pay attention to little stories which may illuminate the big picture. In such a way, tourists would be stimulated to imagine the linkage of the facts in front of them with those that they could not see, leading to self realization with nature as a coach or a performer. Learning by nature interpretation may be under-
อุทยานแหงชาติเขื่อนศรีนครินทร-ตัวนี้เรียกวากระสุนพระอินทร Sri Nakarindra Dam National Park – Pill millipedes can be found feeding in the morning.
taken in two ways. One involves an interpreter to explain and narrate about nature along a trail. The other which is challenging and accessible in all national parks is by taking a self-guided interpretive trail, where tourists learn from basic tools, such as multimedia slide shows, outdoor exhibitions, exhibitions at tourist centers, guide books or interpretive signs put up along a trail. If all of us can see nature from our hearts and feel that we are one with nature, it is within our reach to see knowledge in beauty and life truth in nature. Then, tourism and tourists can get along with learning and conservation. ■
ธรรมชาติสื่อความหมาย
GL28F-va.indd 27
Messages Conveyed in Nature
11/20/10 12:26 AM
28
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
คําบรรยาย โดยไดคาทิป สําหรับบริการ ตอมาตน ศตวรรษที่ 20 มีผู เก็บวัตถุโบราณมาจัด แสดง ซึ่งกลายเปนตน แบบสําหรับพิพิธภัณฑ ในอุทยาน อุทยาน แหงชาติโยซีมิติตั้ง พิพิธภัณฑเปนครั้ง แรกป ค.ศ.1915 โดยแสดงพันธุพืชและ สัตว โดยกระทรวงมหาดไทย ซึ่งดูแลอุทยานแหงชาติ มีนโยบาย สนับสนุนการเผยแพรความรู ใหประชาชน โดยผานสื่อตางๆ เชน วารสารและหนังสือ แตก็มีนักการเมืองที่คิดวาอุทยานไมมีหนาที่ ใหการศึกษาแกประชาชน นอกเหนือไปจากใหขอมูลพื้นฐานแกนัก ทองเที่ยว อยางไรก็ดี การใหการศึกษายังคงดําเนินตอไป และเริ่มมีนัก วิชาการและองคกรอนุรักษเขามารวมมือและสนับสนุนมากขึ้น ผูหญิงก็มีบทบาท โดยป ค.ศ.1917 อุทยานแหงชาติร็อคกี้ เมาเทนไดออกใบอนุญาตใหผูหญิงเปนไกด ผูหญิงเหลานี้เปน ลูกจางของโรงแรมทองถิ่น หลังจากนั้นมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑธรรมชาติ ในอุทยาน ตางๆ มากขึ้น มีโปรแกรมใหความรู มีการบรรยายโดยนัก วิชาการ จัดการเดินปาศึกษาธรรมชาติ วงเสวนารอบกองไฟ
อุทยานแหงชาติปางสีดา-ปาย แผนที่เสนทางศึกษาธรรมชาติ ผานนํ้าตกตางๆ ในอุทยานฯ Pang Sida National Park – A bulletin board shows nature study trails at various waterfalls in the park.
ฉายหนังสารคดี สง เสริมการศึกษาทาง วิทยาศาสตร ตั้งหอง สมุด เปนตน ตอมามีการ กอสรางจุดสังเกตการณธรรมชาติขึ้น ดวยความเชื่อวา การ ใหการศึกษาแกประชาชนตองใหประชาชนไดสัมผัสกับ “สิ่ง ประดิษฐของธรรมชาติ” โดยตรง ไมใชเพียงภายในพิพิธภัณฑ ซึ่ง ไมสอดคลองกับเจตนารมณของการใหการศึกษาแกประชาชน ป ค.ศ.1925 มีการยกฐานะของสวนการศึกษาของอุทยาน ใหเทียบเทาสวนวิศวกรรมและสถาปตยกรรมภูมิทัศน และมีการ จางงานเจาหนาที่ธรรมชาติวิทยาเพื่อใหการศึกษาแกประชาชน ชวงทศวรรษ 1950-1960 มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ แนวคิดใหความรูเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ในธรรมชาติที่ ใหกับประชาชน จะไมจํากัดเฉพาะที่เกี่ยวกับอุทยานแหงใดแหงหนึ่งเปนการเฉพาะ แตแปรเปลี่ยนเปนการใหความรูเกี่ยวกับระบบนิเวศ และความ สัมพันธ ในธรรมชาติ เพื่อเปนการยกระดับจิตสํานึกของประชาชน ในเรื่องสิ่งแวดลอม ■
History of nature study trails and nature interpretation During the 19th century prior to the declaration of the first national park in the United States, there were adventurers who were so inspired by natural beauty that they tried to understand and interpret the meaning of natural phenomena that they encountered. The term “Interpret” was first adopted by John Muir in 1871 in his journal, which reads: “I’ll interpret the rocks, learn the language of flood, storm and the avalanche. I will acquaint myself with the glaciers and wild gardens, and get near the heart of the world as I can.” At the same time, books on the same subject matter, such as “Yosemite Guide” and “In the Heart of Sierra Mountain Range,” hit stores. After the establishment of Yellowstone National Park as the first national park in the US in 1886, visitors got their enlightenment from stagecoach drivers or guides working out of hotels, who earned tips for their smattering of knowledge and spiced-up narrations. In the early 20th century, some people collected and displayed artifacts, which became a model for park museums. The Yosemite National Park set up its museum in 1915 to display plant and wildlife species. The Department of the Interior, which oversaw national parks, provided policy support to the dissemination of knowledge to the public through various media, including journals and books. But politicians dismissed this, saying national parks had no
GL28F-va.indd 28
duty to educate the public beyond providing general information to visitors. However, the educating process continued with academics and conservation organizations providing cooperation and support. Women also played a role when, in 1917, the Rocky Mountain National Park licensed women employed by local hotels to natureguide. Nature museums sprouted up in parks with programs to disseminate knowledge, lectures by academics, nature study trekking, camp fire discussions, documentary screening, promotion of science study, library, etc. Nature observation towers were built based on the belief that to educate the public, they must be allowed to come in direct contact with “natural creations”, not only in the museum which went against the intent of the objective of public education. In 1925, the national parks’ education units were upgraded to the same level as engineering and landscape architecture units. Natural science officers were employed to educate the public. A major shift took place during the 1950s–1960s. Nature interpretation through a “cataloguing” approach stressing giving of facts of things in nature to the public gave way to an ecological approach emphasizing their interrelationships, intended to raise the public awareness of the environment. ■
11/20/10 12:29 AM
เสนทางสายใหม ON A NEW PATH กันยายน - ธันวาคม 2553
29
September - December 2010
มรดกโลกอันดามัน หรือ ทาเรืออุตสาหกรรมปากบารา เรื่อง/ภาพ สมยศ โตะหลัง
Andaman World Heritage vs Pak Bara Industrial Port Story/photos: Somyos Tohlang ตะวันตกดินที่อุทยานแหงชาติหมูเกาะตะรุเตา Sun sets at Mu Ko Tarutao National Park.
GL28F-va.indd 29
11/19/10 8:29 PM
30
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
อุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตรา-นักทองเที่ยวกําลังเดินทางเขาที่พักของอุทยานฯ Mu Ko Phetra National Park – A group of tourists walk to their lodgings in the park.
หากฝนถึงนํ้าทะเลใส หาดทรายขาว ปะการังสวย ความสงบสุข อุทยานแหง ชาติหมูเกาะตะรุเตาและอุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตรา คือ ความปรารถนาของ นักเดินทาง อุทยานทั้งสองแหงตั้งอยูทางใตสุดของชายฝงอันดามัน ติดกับ ชายแดนมาเลเซีย ครอบคลุมอาณาเขตทางทะเลและชายฝง ในจังหวัด ตรังและสตูลกวา 100 เกาะ อาทิ เกาะตะรุเตา อาดัง ราวี ลิเปะ หินงาม บุโหลน เกาะเหลาเหรียง เกาะไผ เกาะลิดี ฯลฯ หมูเกาะและ ชายฝง เหลานีเ้ ปนแหลงทองเทีย่ วทางธรรมชาติทสี่ มบูรณ สงบสุข และ ยังไมบอบชํ้าจากการถูกรบกวนเชนแหลงทองเที่ยวอื่น ความบริสุทธิ์นี้เองที่ทําใหนักทองเที่ยวเดินทางมาเพื่อเสพและ ดื่มดํ่ากับสุนทรียของบรรยากาศธรรมชาติที่นับวันจะหาสถานที่เชน นี้ไดยากเย็นขึ้น แตดานกลับกันของการแสวงหาธรรมชาติที่สมบูรณ ยังมีแนวทางที่สวนทางกันในตัวของมันเอง
1
อนุสัญญาวาดวยการคุมครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและ ธรรมชาติถกู กําหนดขึน้ จากความพยายามของนานาชาติ เพือ่ คุม ครอง อนุรกั ษ และหยุดยัง้ ความสูญสลายของแหลงมรดกทางวัฒนธรรมและ ธรรมชาติที่มีคุณคาโดดเดนของมวลมนุษยชาติ
GL28F-va.indd 30
ตามมาตรา 2 แหงอนุสญ ั ญากลาวถึงการคุม ครองมรดกโลกทาง ธรรมชาติไววา สภาพธรรมชาติที่มีลักษณะทางกายภาพและชีวภาพ อันมีคุณคาเดนชัดในดานสุนทรียศาสตรหรือวิทยาศาสตร สถานที่ ซึ่งมีสภาพทางธรณีวิทยาและภูมิประเทศที่ไดรับการศึกษาวิเคราะห แลววาเปนถิ่นที่อยูของพันธุพืชและพันธุสัตวที่ถูกคุกคาม มีคุณคา ทางวิทยาศาสตรหรือความงามตามธรรมชาติ ซึง่ จะไดรบั การพิจารณา ใหอยูในบัญชีของมรดกโลกทางธรรมชาติไดในกรณีที่มีคุณลักษณะ โดดเดนตามหลักเกณฑขอใดขอหนึ่งหรือหลายขอก็ตาม และทะเล อันดามันก็เขาในหลักเกณฑไดอยางเดนชัด แนวคิดการผลักดันพื้นที่อนุรักษทะเลอันดามันใหขึ้นทะเบียน เปนมรดกโลกเปนนโยบายเสริมสรางความแข็งแกรงในการบริหาร จัดการพื้นที่แหลงอนุรักษทะเลอันดามันของกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพ ชื โดยมอบหมายใหมหาวิทยาลัยสงขลานครินทรจดั ทําขอมูล เพื่อเสนอเปนมรดกโลกทางทะเล ไวทั้งหมดมี 17 อุทยาน แหงชาติคือ ลํานํ้ากระบุรี หมูเกาะพยาม แหลมสน เขาหลัก-ลํารู เขาลําป-หาดทายเหมือง หมูเกาะสุรินทร หมูเกาะสิมิลัน สิรินารถ
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
31
September - December 2010
สัตวนํ้า ที่ชาวประมง เรือเล็กไดจากการ ออกหาปลาชวงเชา Part of the marine life caught by small-scale fishermen in a morning.
f you dream about crystal-clear sea, white sandy beaches, stunning coral reefs and tranquility, then dream of Tarutao and Phetra National Marine Parks. These two parks sit at the far tip of the Andaman coastline right on the border with Malaysia, covering more than 1,000 islands in the sea and along the coast of Trang and Satun provinces, including Koh Tarutao, Adang, Rawi, Lipe, Hin Ngam, Bu Lone, Lao Riang, Phai, and Li Dee islands. All these islands and coastlines remain pristine and serene and have not been severely abused and disturbed like other tourist destinations. Such virgin landscape has been a great crowd-puller. But our thirst for pure nature comes at a hefty price.
I 1
The Convention Concerning the Protection of World Cultural and Natural Heritage was adopted globally in an effort to protect, conserve and prevent the fall of cultural and natural heritage that are of outstanding universal value. Section 2 of the Convention defines natural heritage as: “Natural features consisting of physical and biological formations or groups of such formations, which are of outstanding universal value from the aesthetic or scientific point of view; “Geological and physiographical formations and precisely delineated areas which constitute the habitat of threatened species of animals and plants of outstanding universal value from the point of view of science or conservation;
ความงดงามของเกาะหลีเปะ Beautiful water off the island of Lipe. “Natural sites or precisely delineated natural areas of outstanding universal value from the point of view of science, conservation or natural beauty.” The sea of Andaman obviously fits the definition. A bid to propose the Andaman Sea to be registered as a natural world heritage site is the Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation’s policy to strengthen the management of the Andaman protected area. The Prince of Songkhla University is in the process of compiling data of 17 national parks and one non-hunting area for the proposal. They are Kra Buri River, Mu Ko (Archipelago) Payam, Laem Son, Khao Lak-Lam Ru, Khao Lampi-Hat Thai Muang, Mu Ko Surin, Mu Ko Similan, Sirinat, Hat Chao Mai, Hat Noppharat Thara-Phi Phi, Mu Ko Lanta, Mu Ko Phetra, Tarutao, Than Bok Khorani, and Mu Ko Ra-Ko Phra Thong, and Mu Ko Li Bong Non-Hunting Area. According to an initial report, Tarutao and Phetra National Parks are the best representation of complete Andaman Sea biomes in Thailand. The parks are noted for biological diversity of marine and coastal ecosystems. They are historically significant and their biodiversity is invaluable to the lives of a large number of people who depend on natural resources. The report recommends that the parks of such high value be conserved as natural heritage for the future generations. Speaking about the merits of World Heritage registration, Teerasak Musigjia-ranan, assistant chief of Tarutao National Park, said: “Tarutao has faced person-
เสนทางสายใหม On a new path
GL28F-va.indd 31
11/20/10 12:30 AM
32
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
บริเวณอาวดานในของอุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตราเปนที่จอดเรือประมง และ แหลงทําประมงของชาวบานในหมูบานละแวกนั้น An inner bay of Mu Ko Phetra National Park accommodates local fishing boats and provides a fishing ground for the fisher folks.
หาดเจาไหม หาดนพรัตนธารา-หมูเกาะพีพี หมูเกาะลันตา หมูเกาะ เภตรา หมูเกาะตะรุเตา ธารโบกธรณี และหมูเกาะระ-เกาะพระทอง และเขตหามลาสัตวปาหมูเกาะลิบง รายงานเบื้องตนระบุถึงอุทยานแหงชาติหมูเกาะตะรุเตา และ อุทยานฯ เภตรา วามีความสําคัญที่เปนตัวแทนที่ดีที่สุดและควรเก็บ รักษาเรือ่ งราวของชีวภูมภิ าคอันดามันแหงประเทศไทยไวใหครบถวน มากที่สุด มีความโดดเดนในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพของ ระบบนิเวศทะเลและชายฝง มีความสําคัญทางประวัติศาสตร รวม ถึงความหลากหลายโดดเดนที่มีความสําคัญตอชีวิตความเปนอยูของ ประชาชนจํานวนมากที่ตองพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติจากพื้นที่แหง นี้ ควรคาตอการสงวนรักษาไวเพื่อใหเปนมรดกทางธรรมชาติของลูก หลานสืบตอไป ธี ร ศั ก ดิ์ มุ สิ ก เจี ย รนั น ท ผู ช ว ยหั ว หน า อุ ท ยานแห ง ชาติ ห มู เกาะตะรุเตา กลาวถึงประโยชนจากการประกาศเปนพื้นที่มรดกโลก วา “ที่ผานมาอุทยานแหงชาติตะรุเตามีปญหาเจาหนาที่นอยและงบ ประมาณไมเพียงพอ จึงขอรับการสนับสนุนจากหนวยงานภายนอก เชน องคการบริหารสวนจังหวัดสตูลและจังหวัดสตูลในการกอสราง สาธารณูปโภครวมถึงบริหารจัดการพื้นที่บางอยาง เชน การตอเติม ทาเรือลอย การบริหารจัดการขยะ “ถาหากไดรับการประกาศใหเปนมรดกโลก ปญหาการบริหาร จัดการเหลานี้จะลดลง จะไดรับงบประมาณและเจาหนาที่เพิ่มขึ้นใน การตรวจตรารวมถึงดูแลความปลอดภัยนักทองเที่ยว รณรงคทํางาน เชิงรุกกับนักทองเทีย่ วทีด่ าํ ปะการังนํา้ ตืน้ ใหสง ผลกระทบกับนอยทีส่ ดุ
GL28F-va.indd 32
“อุทยานฯ มีหนาที่ 2 อยางคือดูแลทรัพยากรธรรมชาติใหมี ความยั่งยืนและบริการนักทองเที่ยว อนาคตตองทํางานเชิงรุกกับ นักทองเทีย่ วและกลุม ผูป ระกอบการ ในการทําความเขาใจรวมกันเพือ่ ลดขยะและดูแลไมใหมกี ารทําลายปะการัง ใหนาํ กลับไปเพียงภาพถาย ใหความสวยงามคงไวเคียงคูทองทะเลอันดามันตอไป” ธีรศักดิ์ยังกลาวถึงจุดออนและขอเสนอของการทองเที่ยวใน ปจจุบันไววา “ธรรมชาติไดกําหนดใหชายฝงในพื้นที่จังหวัดสตูลมี มรสุมปละ 6 เดือนทําใหทรัพยากรมีโอกาสพักฟนตัวในชวงเวลาดัง กลาว แตหลายฝายพยายามผลักดันใหมีการเปดการทองเที่ยวทั้งป ทําใหปะการังในทองทะเลมีเวลาสั้นลงในการฟนตัว อนาคตอยาก ใหมีการจํากัดนักทองเที่ยวในชวงเทศกาลโดยเฉพาะชวงสงกรานต เพราะนักทองเที่ยวมีจํานวนมากเกินไปในชวงดังกลาวแตก็เปนเรื่อง ยากเพราะมันคือรายไดที่จะหายไป” ดาน เทิดไท ขวัญทอง หัวหนาอุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตรา มี ความคิดเห็นสอดคลองกันวา “ถาประกาศพื้นที่อุทยานชายฝงอันดามันเปนมรดกโลกคงจะ ใชพื้นที่อุทยานเดิม ไมมีการขยายพื้นที่เพิ่ม และจะเปนผลดีในการ ดูแลการจัดการพื้นที่ ทุกฝายจะใหความสําคัญเพิ่มขึ้นเพราะไดรับ การรับรองตามหลักเกณฑเหมือนเปนตราสินคาที่ไดรับการรับรอง มาตรฐาน ทุกฝายและคนทั่วไปจะยกระดับในการใหความสําคัญ ทําใหคนทัว่ โลกอยากมาสัมผัสและอยากมาเทีย่ วสิง่ ทีไ่ ดรบั การยกยอง วาเปนมรดกโลก” หากไดรับการประกาศเปนพื้นที่มรดกโลก จะมีการแบงพื้นที่
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
อุทยานแหงชาติหมูเกาะตะรุเตา-เกาะหินงาม Mu Ko Tarutao National Park – Hin Ngam Island.
33
September - December 2010
nel and budget shortage. We had to seek help from external parties, such as Satun provincial administration organization and Satun provincial office, to construct public utilities and perform certain tasks, such as expanding a floating pier and managing garbage. “The World Heritage status will alleviate these problems and provide us with more budget and staff to do patrol duties and take care of tourists and actively campaign to educate snorkelers so as to minimize impacts on coral reefs. “The park has two duties: ensuring sustainability of natural resources and serving tourists. We hope to work proactively to raise tourists’ and operators’ awareness of the need to reduce garbage and preserve coral reefs. Holiday makers should return home with only photographs and leave the Andaman sea as beautiful as when they came.” Teerasak expressed dismay that several state agencies try to promote year-round tourism in the Andaman. “The monsoon season which sweeps Satun’s coastline for half a year gives natural resources the needed recovery period. [Year-round tourism] will give coral reefs less time to heal.” He also would like to see a cap on the number of tourists during major holidays, particularly the Songkran festival. However, he admitted it was a difficult goal to achieve because fewer tourists meant “our revenue would fall.”
เสนทางสายใหม On a new path
GL28F-va.indd 33
11/19/10 8:29 PM
34
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ในการดูแลเปน 8 เขต คือ เขตหวงหาม เขตสงวนสภาพ เขตฟนฟู สภาพธรรมชาติ เขตนันทนาการและศึกษาหาความรู เขตบริการ เขต กิจกรรมพิเศษ เขตใชประโยชนทั่วไปและเขตกันชนรอบรัศมีอุทยาน 3 กิโลเมตร
2
ที่ผานมากรมเจาทาและกระทรวงคมนาคมไดยื่นขอเพิกถอน พื้นที่อุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตราบางสวน (4,700 ไร) เพื่อนําไป กอสรางทาเทียบเรือนํ้าลึก ทําใหหลายฝายตั้งคําถามกับหนวยงาน ระดับนโยบาย ทั้งจากเจาหนาที่ระดับปฏิบัติและคนในพื้นที่ ภาค การเมือง สํานักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม คณะกรรมการอุทยานแหงชาติ โดยเฉพาะการพัฒนาการทองเทีย่ วที่ เกินศักยภาพของพืน้ ที่ รวมถึงการพัฒนาโครงสรางพืน้ ฐานเพือ่ รองรับ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึง่ จะทําใหเกิดปญหาความเสือ่ มโทรมและ สูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการผลักดันการกอสรางทา เทียบเรือนํ้าลึกปากบาราเพื่อกระตุนกระแสการพัฒนาอุตสาหกรรม ตางๆ ในพื้นที่ชายฝงทะเลของภาคใต เทิดไทกลาววา “การวางแผนการพัฒนาพื้นที่อุทยานแหงชาติ หมูเกาะเภตราขึ้นอยูกับวา ใครทําหนาที่อะไร เจาหนาที่อุทยานแหง ชาติมหี นาทีด่ แู ลทรัพยากรใหอดุ มสมบูรณ และเกิดประโยชนตอ สวน รวมมากที่สุด กรมเจาทามีหนาที่ในการอํานวยความสะดวกในการ เดินเรือ ตางคนตางหนาทีแ่ ละตางมุมมองกันไป จนมาถึงการเสนอขอ เพิกถอนพืน้ ทีอ่ ทุ ยานก็เปนมุมมองของฝายบริหารประเทศทีใ่ ชมมุ มอง และเทคนิคในการบริหาร วันนี้ฝายบริหารคิดวาหากมีการกอสราง ทาเรือนํ้าลึกปากบารา จะเกิดประโยชน แตอีก 20 ปขางหนาอาจจะ ไมใชก็ได เปนไปไดทั้งสองดาน แตสิ่งที่สําคัญที่สุดคือผลประโยชนที่ ไดรับตองเปนของคนทั้งประเทศ”
เทิดไทย ขวัญทอง Therdthai Kwanthong
สวนธีรศักดิ์ ผูชวยหัวหนาอุทยานหมูเกาะตะรุเตา มีความเห็น วา “อุทยานแหงชาติหมูเกาะตะรุเตาคงไดรับผลกระทบดวยเพราะ เปนเสนทางการเดินเรือและพื้นที่จอดเรืออยูใกลกับพื้นที่อุทยาน ไม สามารถวิ่งเสนทางอื่นได รายงานการสํารวจออกแบบและศึกษาผล กระทบทางดานสิ่งแวดลอมยังไมไดศึกษาใหครอบคลุมพื้นที่อุทยาน แหงชาติหมูเกาะตะรุเตาดวย” สุดทายที่สังคมไทยตองพิจารณาเพื่อการตัดสินใจ คือ การ กอสรางทาเรือนํา้ ลึกปากบาราในพืน้ ทีอ่ ทุ ยานแหงชาติหมูเ กาะเภตรา ซึง่ อยูในพื้นที่ใกลเคียงกับอุทยานแหงชาติหมูเกาะตะรุเตา จะนําไปสู การพัฒนาเศรษฐกิจอยางทีค่ ดิ จะเปนอุปสรรคในการขอขึน้ ทะเบียน มรดกโลกของชายฝงอันดามัน หรือจะสงเสริมหรือทําลายแหลงทอง เที่ยวและทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ ■
ทางที่ตองเลือก “จังหวัดสตูล ถาไมตั้งใจมาก็จะมาไมถึง” นี่เปนคํากลาวที่ คนในจังหวัดเล็กๆ แหงนี้เขาใจดี หากแตเมื่อใครไดสัมผัสกับ บรรยากาศ วิถี วัฒนธรรม ก็จะเขาใจวานี่คือดินแดนที่มีเสนห ชวนหลงใหลใหหวนกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง ดั่งสมญานามวา เปนมรกตแหงอันดามันแดนใต มีอุทยานซึ่งเปนแหลงทองเที่ยว สําคัญถึง 3 แหงดวยกัน คือ อุทยานแหงชาติหมูเกาะตะรุเตา อุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตรา อุทยานแหงชาติทะเลบัน ในแตละ พื้นที่มีความอุดมสมบูรณของระบบนิเวศ ครอบคลุมตั้งแตเทือก เขาติดชายแดนมาเลเซีย ลงมาถึงแนวชายฝง จนถึงทองทะเล สหรัฐ ยายาหมัน นักวิชาการฝายเผยแพร ผูทําหนาที่ ใน การดูแลเฝาระวังทรัพยากร รวมถึงใหคําแนะนําแกนักทองเที่ยว ประจําอุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตรา อธิบายวา “ชายฝงจังหวัด สตูลมีความเหมาะสมสําหรับการทองเที่ยวเพียงแค 6 เดือน คือ ชวงระหวางเดือนพฤศจิกายน - เมษายน ของทุกป เพราะคลื่น ลมสงบ นํ้าจะใส เหมาะสําหรับเปนฤดูกาลทองเที่ยวในแถบนี้ สวน ชวงเดือนธันวาคม – ตุลาคมของทุกป จะเปนชวงที่มรสุมตะวัน ตกเฉียงใตพัดเขาฝงนํ้าทะเลจะขุนและคลื่นแรงซัดเขาชายฝง ทําให ไมเหมาะสําหรับกิจกรรมการทองเที่ยว “จากสาเหตุทางธรรมชาติทําใหทะเลแถบสตูลเที่ยวไดแค
GL28F-va.indd 34
สหรัฐ ยายาหมัน Saharat Yayaman
6 เดือน เปนผลใหทรัพยากรไดพักฟนตัวจากกิจกรรมตางๆ ที่ เขาไปรบกวน ทําใหธรรมชาติชายฝงสตูลมีความอุดมสมบูรณและ สวยงามอยูเสมอ” เขาบอกวาการทองเที่ยวนํามาซึ่งปญหา เชน ขยะที่มากขึ้น การเก็บปะการังหรือจับสัตวนํ้าสวยงาม การลักลอบทําประมงผิด กฎหมาย และอุปสรรคคือเจาหนาที่และงบประมาณไมเพียงพอใน การดูแลทรัพยากรและนักทองเที่ยวที่เพิ่มจํานวนมากขึ้นในทุกป” ไกรวุฒิ ชูสกุล ผูจัดการฝายการตลาดบริษัท ลิเปะเฟอรรี แอน สปดโบท บริษัทที่คนในชุมชนไดรวมกันบริหารงาน ได ให ขอคิดเห็นวา
11/20/10 12:31 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553 Therdthai Kwanthong, chief of Mu Ko Phetra National Park, also believes the World Heritage status would be a boon. “The World Heritage status probably will not lead to park expansion, but it would strengthen the management of the areas. All concerned will realize the importance of the area because the status is like a certificate of standard. People around the world would want to come and experience a World Heritage.” If inscribed in the World Heritage list, the site will be divided into eight zones: restricted, conservation, natural restoration, recreation and learning, service, special activity, general use, and buffer. The buffer zone surrounding the site will extend to a 3km radius.
2
Recently, the Marine Department and the Ministry of Transport have requested that the status of part of Phetra National Park, totaling 4,700 rai, be revoked to allow a deep-sea port to be built there. The move has caused many parties to question the decision by highlevel public agencies. The parties concerned range from field government officers, local people, people in the political sector, the Office of Natural Resources and Environmental Policy and Planning, to the National Park Committee. They raise particular concern about excessive tourism promotion and the development of infrastructures to support economic expansion which has brought about degradation and loss of natural resources, particularly the push for Pak Bara deep-sea port for the sake of industrial development on the southern coast. Therdthai said: “Different agencies have different roles to play in the development planning for Phetra National Park. Park officials are duty-bound to ensure rich natural resources for the public’s maximum benefits. The Marine Department is responsible for facilitating sea transport. The proposal to revoke the national park status sprung from the national administration which envisions economic values of Pak Bara deep-sea port. It might be the case now but may not be so in 20 years’ time. There are two sides of a coin. The most important thing is all Thais must benefit.”
35
September - December 2010
ชาวบานกําลังมองดูแนวพื้นที่บริเวณหมูเกาะเภตราใกลเกาะเขาใหญที่ขอเพิกถอน จากพื้นที่อุทยานหมูเกาะเภตราเพื่อกอสรางทาเรืออุตสาหกรรมปากบารา A group of villagers look at an area in the Phetra archipelago which is targeted as the site of the deep-sea port construction.
Teerasak, Tarutao’s assistant chief, added: “Tarutao National Park cannot escape unscathed because it lies in the path of shipping route and nearby mooring areas. The report on the project design and its environmental impact has not covered us.” In the end, the Thai people will have to consider this: Would the construction of Pak Bara deep-sea port in the area of Phetra National Park and near Tarutao National Park lead to economic prosperity as planned? Would it obstruct the inscription of the Andaman protected area in the World Heritage list? Or would it promote or sacrifice tourist destinations and rich natural resources? ■
A PATH TO CHOOSE “Only those who set their mind to visit Satun will arrive.” This is a saying that residents in this small southern province of Satun well understand. But once visitors indulge in its ambience and culture, they will keep coming back to the province that is full of charm and known as “the emerald of southern Andaman”. Satun’s three major tourist attractions are Tarutao, Phetra, and Thalae Ban National Parks. The rich ecosystem stretches from mountain ranges bordering Malaysia to coastlines and into the sea. Saharat Yayaman, an information officer at Phetra National Park, said: “Satun coastlines can accommodate visitors only six months a year from November to April when the sea is calm and water is clear. Between May and October, it is monsoon season with southwesterly wind. Strong waves turn water murky, not suitable for tourism. “Natural constraints on tourism activities for six months
เสนทางสายใหม On a new path
GL28F-va.indd 35
11/19/10 8:29 PM
36
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
สมบูรณ คําแหง Somboon Khamhaeng
“แนวโนมตัวเลขนักทองเที่ยวมีจํานวนเพิ่มมากขึ้นทุกปโดย เฉพาะชวงเทศกาล หลายคนที่ทําหนาเกี่ยวกับการทองเที่ยว ทั้ง มัคคุเทศกและเจาหนาที่อุทยานพูดตรงกันวา ทรัพยากรในพื้นที่ อุทยานแหงชาติหมูเกาะตะรุเตาและเภตรามีเจาของคือคนไทยทั้ง ประเทศ คนที่มีหนาที่ดูแลในพื้นที่เปนเพียงผูดูแลและรักษาความ หลากหลายทางชีวภาพชายฝงใหมีความอุดมสมบูรณที่สุด รอให เจาของที่แทจริงมาเยี่ยมชม หากเจาของมาดูแลวสิ่งตางๆ อยูใน สภาพเสื่อมโทรมก็จะถูกตําหนิได” ไกรวุติเสนอแนะวา “หนวยงานที่เกี่ยวของตองคนศักยภาพ ในพื้นที่วามีจุดเดนอะไรบาง เพื่อสนับสนุนใหจังหวัดสตูลเปน ศูนยกลางการทองเที่ยว มีที่พักบนฝงที่ไดมาตรฐาน ตองมีการ ทองเที่ยวเชิงวิถีเกษตรธรรมชาติหรือวัฒนธรรมดวย “ควรจะสนับสนุนใหจังหวัดสตูลมีรายไดเกิดขึ้นจาก กิจกรรมดานการทองเที่ยว เพราะนักทองเที่ยวสวนใหญลง เครื่องบินที่ภูเก็ตและกระบี่ ลงเรือที่ภูเก็ต เกาะลันตาและเกาะพีพี แตเดินทางมาเที่ยวชายฝงในจังหวัดสตูล สวนที่มาเที่ยวและลง เรือที่สตูลจริงๆ สวนใหญเปนนักทองเที่ยวที่มาเสนทางสนามบิน หาดใหญเทานั้น ทําใหสัดสวนรายไดที่สตูลไดรับยังนอยอยู” ไกรวุติ พูด ดาน สมบูรณ คําแหง เจาหนาที่มูลนิธิอันดามัน มองการ ทองเที่ยวจังหวัดสตูลวา “การทองเที่ยวของจังหวัดสตูลไม เหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ในฝงอันดามัน เพราะที่นี่ยังมีความสะอาด บริสุทธิ์ของธรรมชาติอยูมาก อีกทั้งวิถีชีวิต สังคมวัฒนธรรม ก็มีการหลอหลอมอยูรวมกันทามกลางสังคมที่มีความหลากหลาย แตคงไวซึ่งความสุข สงบ สมดังคําขวัญของจังหวัด” สมบูรณยังขยายภาพตอไปวา “เราอยากเห็นผูปกครอง หรือรัฐบาลที่เขาใจบริบทเหลานี้ และชวยกันสรางกระบวนการ คิดของคนในพื้นที่ รวมถึงกลุมผูเกี่ยวของตางๆ ไดมีเวทีรวม กันกําหนดอนาคตของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องการวางแผน พัฒนาการทองเที่ยวในระยะยาว หรือจะเรียกวาแผนแมบทก็แลว แตเขาใจ แตนั่นหมายถึงการเคารพในสิ่งที่คนในพื้นที่เห็นชอบรวม กัน ภาครัฐทําหนาที่สนับสนุน สงเสริม เพราะเราเชื่อวาวันนี้ยัง มีแนวทางที่จะพัฒนาการทองเที่ยวของจังหวัดสตูล ใหนักทอง เที่ยวภายใน และนักทองเที่ยวจากตางประเทศไดรูจักมากกวานี้” อยางไรก็ตาม แมอุทยานทั้งสองแหงยังอุดมสมบูรณพรอม พรั่งเพื่อการทองเที่ยว การศึกษาธรรมชาติ รวมทั้งเปนแหลงพึ่ง พิงที่ยั่งยืนของวิถีชีวิตของชาวสตูล แตมาในวันนี้มีโครงการการ สรางทาเรือนํ้าลึกปากบารา ซึ่งจะตองเปลี่ยนสภาพพื้นที่บางสวน
GL28F-va.indd 36
ของอุทยานแหงชาติหมูเกาะเภตรา เพื่อตอบสนองตอบตอการ ขนสงใหภาคอุตสาหกรรมของประเทศ สมบูรณคิดวานี่คือสิ่งแปลกปลอมที่จะเขามาทําลาย ทัศนียภาพความงามของทรัพยากรธรรมชาติ และทําใหแหลงทอง เที่ยวของเมืองสตูลสูญหายไป “คงไมมีนักทองเที่ยวตางชาติคนไหนอยากมาเที่ยวเมืองที่มี สิ่งปลูกสรางรุกลํ้าอยูกลางทะเล อนาคตหากจังหวัดสตูลเต็มไป ดวยวัตถุ อุตสาหกรรม และกิจกรรมใดๆ ที่เกี่ยวเนื่อง สิ่งเหลานี้ จะเขามาแทนที่ และจะพลิกบานแปลงเมืองแหงนี้ ใหเปนอีกโลกหนึ่ง อยางแนนอน “นี่คือทางสองแพรงที่คนสตูล และคนไทยทั้งประเทศ ตองชวยกันตัดสินใจ วาเราจะคงอยูกับธรรมชาติที่หลากหลาย สวยงาม มีการทองเที่ยวเปนเศรษฐกิจที่หลอเลี้ยงใหคนในพื้นที่ ดํารงอยูไดอยางปกติสุข หรือเราจะยอมสูญเสียและยอมรับกับ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในโลกทุนนิยมที่คนในพื้นที่จะตอง เสียสละ โดยไมสนใจวาจะมีผลกระทบกับคนพืน้ ที่ ไมวาดานสังคม วัฒนธรรม ศีลธรรม อาชญากรรม และอื่นๆ อีกมากมาย “เราอยากเห็นการทองเที่ยวภายใตความอุดมสมบูรณของ ทรัพยากรธรรมชาติ ในเมืองเล็กๆ แหงนี้ เปนเศรษฐกิจสําคัญที่จะ หลอเลี้ยงใหคนสตูล และคนไทยทั่วประเทศไดรับผลประโยชนอยาง แทจริงในระยะยาว” สมบูรณ พูด สํานักยุทธศาสตรและการวางแผนพัฒนาพื้นที่ สํานักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ระบุไว ใน หนา 33 ของแผนแมบทการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคใตอยาง ยั่งยืน วา “ทะเลที่ปากบาราเปนบริเวณที่มีนํ้าลึกพอสมควร และได รับความสนใจจากภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาเปนทาเรือหลัก อยางไรก็ตามพื้นที่นี้มีโอกาสและภัยคุกคาม เนื่องจากเปนหมูเกาะที่ สวยงาม รวมถึงอุทยานแหงชาติ ดังนั้นหากการพัฒนาทาเรือและ อุตสาหกรรมตอเนื่องไมไดรับการวางแผนและจัดการที่ดี จะนําไป สูการขยายตัวอยางไมเปนระเบียบ และการพัฒนาที่เกินขีดรองรับ ซึ่งจะเปนภัยคุกคามตอความอยูเย็นเปนสุขของประชาชน สภาพ แวดลอมและศักยภาพการทองเที่ยวของพื้นที่” การกอสรางทาเรือนํ้าลึกปากบาราจําเปนตองใชทรายมากถึง 10 ลานลูกบาศกเมตรจากหาดบอเจ็ดลูก ซึ่งจะสรางผลกระทบ อยางรุนแรงตอชาวบานที่ตองพึ่งพาทรัพยากรทะเล จําปา มังละกู ชาวประมง บานบอเจ็ดลูก กลาววา ทะเล บริเวณบานบอเจ็ดลูกอุดมสมบูรณดวยทรัพยากรกุงหอยปูปลา เปนที่ทํามาหากินของชาวบานรวมสิบหมูบาน โดยเฉพาะหอยตะเภา หรือหอยทายเภา ที่ขายไดกิโลละ 200 บาท ทํารายได ใหชาวบาน แถบนี้เปนกอบเปนกํา “ทาเรือนํ้าลึกจะทําใหชาวบาน 9 ชุมชน เฉพาะที่อาวบอเจ็ด ลูกสูญเสียรายได สรุปคราวๆ เฉพาะหาหอยตะเภาวันละ 400 บาทตอคน ปลาทรายหาไดตลอดปวันละ 500 บาทตอคน ไซปูหา ไดตลอดป 400 บาทตอวันตอคน อวนกุงหาได 4 เดือน รวม ทั้งหมด 18 ลานบาท โปะหาได 5 เดือน รวมทั้งหมด 36 ลาน บาท หมายถึงรายได 168 ลานบาทตอปจะหายไปเริ่มตั้งแตการ กอสรางที่จะมีการขุดทราย เกิดการฟุงของตะกอน กระแสนํ้า เปลี่ยนทิศ” จําปาพูด สวนหนาอาวบานมาลัย บริเวณกอสรางทาเรือนํ้าลึกเปน แหลงประมงชวงฤดูมรสุมของชาวบาน 2,984 รายในจังหวัด สตูล รวมทั้งยังเปนแหลงหญาทะเลของพะยูนฝูงสุดทายใน ประเทศ และมีแนวปะการังที่สมบูรณตลอดทั้งแนว ■
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
of a year give natural resources a break from manmade disturbances, enabling them to replenish and restore themselves.” Saharat said tourism brought with it numerous problems, such as increasing garbage, illegal poaching of corals and attractive sea animals, and illegal fishing. This is compounded by the shortage of officials and fund for conservation as tourists arrive in increasing numbers. Kraiwut Chusakul, marketing manager of Lipe Ferry and Speedboat Co. which is jointly run by members of the local communities, commented: “The number of tourists has been on the rise, particularly during the long festive seasons. Tour guides and park officials share the view that resources in Tarutao and Phetra National Parks belong to the Thai people and their jobs are to care for and maintain the fertile coastal biodiversity. If the real owners find the resources deteriorating, the caretakers would be at fault.” He then suggested: “Concerned local agencies should identify the strengths in their respective areas to see what potentials exist to make Satun a tourist magnet. Accommodations in the province must be good quality. Agricultural and cultural tours must be added on the menu. “Tourism can be Satun’s income earner. At present, most visitors fly to Phuket or Krabi where they travel by boat to the island of Lanta or Phi Phi just so they can visit Satun beaches. Most direct visitors to Satun arrive by plane to Hat Yai. So Satun shares only a small slice of tourism pie,” he said. Somboon Khamhaeng, an officer at the Andaman Foundation that monitors provincial tourism, said: “Satun is unlike other Andaman coastal provinces because nature here is still pristine. The local way of life, society and culture are based on diversity, yet remain peaceful.” He further commented that: “We hope the government understands the local context and promotes a process whereby the locals and related parties could jointly design their future, particularly the drafting of a long-term tourism master plan. The government should respect, promote and support the local people’s opinions. There is still plenty of room to promote Satun to domestic and overseas holidaymakers.” The two pristine parks are ready to welcome travelers, serve nature studies and be a sustainable pillar of local livelihood. But a project to construct a deep-sea port at Pak Bara which will claim part of the Phetra National Park has cast a shadow on Satun’s future. Somboon said the port will be an alien structure that will spoil the province’s natural beauty and tourism draw. “No foreign visitors would want to visit a place that has buildings and structures in mid sea. The city will be transformed completely into an industrial town. “This is a crossroad for Satun residents and
37
September - December 2010
ไกรวุฒิ ชูสกุล Kraiwut Chusakul all Thais to decide whether we will live in beautiful diverse nature with tourism as our main bloodline or make sacrifices in pursuit of capitalistic gains regardless of social, cultural, moral, crime and other impacts. “We wish to see the pristine nature of this quiet town remain a key economic driver that brings about true benefits to Satun and all Thai people in the long run,” he said. The National Economic and Social Development Board’s Social Development Strategy and Planning Office states on page 33 of the Sustainable Southern Economic Development Roadmap: “The sea at Pak Bara has adequate navigable depth and thus has drawn the public and private sectors’ interest in developing a main port. Nevertheless, development in the beautiful islands, which are part of the national park, spells both opportunities and threats. Without sound planning and management, the port and downstream industries can lead to haphazard expansion and over development, which will threaten the public peace, environment and tourism potentials of the areas.” The deep-sea port construction will require huge volume of sand, estimated at 10 million cubic meters. The sand will be taken from the bay of Bo Jet Look Village. The impact will be severe on villagers who depend on fishing for their living. Jampa Manglakoo, a fisherman, said the sea of the village is teeming with marine life. “The deep-sea port will deprive people from nine villages of steady income. Each of us normally earn 400 baht a day from catching Hoy Taphao (Donax scortum: a type of mollusk), 500 baht a day from ornate threadfin bream, and 400 baht a day from crabs. Catching shrimps for four months earns us 18 million baht. Fishing for five months another 36 million baht. Altogether 168 million baht will be lost once construction begins and sand is mined,” he said. Meanwhile, the bay of Malai Village, which is the target site of the port construction, is the fishing ground for 2,984 villagers as well as home to sea grass meadows where dugongs come to feed and some of the most pristine coral reefs. ■
เสนทางสายใหม On a new path
GL28F-va.indd 37
11/20/10 12:33 AM
เสนทางสีเขียว GREEN LINE
เขาปู-เขายา: รูปแบบการจัดสวนที่ ใหนักทองเที่ยวไดศึกษาดานธรณีวิทยา A rock garden for tourists to learn about geology.
ปาผืนสุดทายของพัทลุงกับ การจัดการทองเที่ยวเชิงนิเวศ เรื่อง ดร.เจษฎา นกนอย
เขาปู-เขายา อุทยานแหงชาติซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ นครศรีธรรมราช ตรัง และพัทลุง ตั้งชื่อตาม “เขาปู” ซึ่งคนพัทลุงถือวาเปนภูเขา ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ เป น ที่ สิ ง สถิ ต ของดวงวิ ญ ญาณ “ตาปู” เทพกึ่งธรรพ ซึ่งเปนที่นับถือเคารพกราบ ไหวของชาวตําบลเขาปูและประชาชนทั่วไป อุทยาน
GL28F-va.indd 38
แหงชาติเขาปู- เขายาตัง้ อยูใ นเทือกเขาบรรทัด สลับ ซับซอนปกคลุมดวยปาดงดิบชื้นเขียวสะพรั่งทุก ฤดูกาล จนไดรับสมญาวา “ปาพรหมจรรย” มี เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 433,750 ไร หรือ 694 ตารางกิโลเมตร ด ว ยเอกลั ก ษณ แ ละความโดดเดน ของของ
11/19/10 8:29 PM
Khao Pu-Khao Ya: Eco-tourism and Phattalung’s Last Forest By Dr Chetsada Noknoi hao Pu-Khao Ya National Park covers an area adjoining three provinces of Nakhon Si Thammarat, Trang and Phattalung. The name “Khao Pu” (or Grandfather Mountain) was taken after the mountain where the people of Phattalung believe it to be the residing place of the spirit of “Ta Pu”, an ancient genie well-respected by the local people of Khao Pu subdistrict. Khao Pu-Khao Ya National Park is situated in the Banthat range that is lush and green with tropical rainforest year round and is thus known locally as the “Virgin Forest”. It covers an area of 433,750 rai or 694 sq km. Khao Pu-Khao Ya National Park is located next to the Banthat Wildlife Sanctuary. Its outstanding features are caves and waterfalls. Its abundant flora and fauna attract various kinds of animals such as serow, tapir, Malayan sun bear, fishing cats, barking deer, greater mosue deer, etc. About 15 species of fishes have been found in the rivers and streams such as true eel, forestwalking catfish, Pla Huad, spotted spiny eel and silver rasbora. About 286 species of birds and 67 reptiles have been recorded. For amphibians, various kinds of frogs such as the Rhinoceros frog, Cliff frog, Tenesserim cascade frog and Rough sided frog have been found. There are more than 70 kinds of insects, for example, honey bees, five-horned scarab beetles, lanternflies and butterflies (rhinopalpa spp.). The abundant wildlife and beautiful scenery attract increasing numbers of tourists to Khao Pu-Khao Ya National Park every year. Consequently, the park administration is compelled to accord equally high priority to tourism as it does to its main function of guarding the park’s natural resources. Its responsibility is to ensure that tourism in the national park is conducted according to its eco-tourism guidelines and that tourism activities are carried out in an environmentally responsible manner. To this end, a research on “Eco-tourism Manage-
K
บานพักในอุทยานฯ ที่ออกแบบอยางเรียบงายมีความกลมกลืนกับธรรมชาติ A bungalow on stilts plainly built with materials from the park is harmonious with nature.
ment: A Case Study of Khao Pu-Khao Ya National Park” was launched with funding support from the Economics and Business Administration Faculty, Thaksin University. The research team consisted of Chetsada Noknoi, Wannaporn Boripunt, Sutee Ngowsiri and Saranya Itsararuk. They surveyed the geographical terrain and collected data on biodiversity in the national park. Performance of the national park staff, degree of tourists’ satisfaction and feedback from the surrounding communities were also assessed. Data was analyzed to identify strengths and weaknesses of the park, which, it is hoped, would lead to improved management of ecotourism in the park. According to the site survey, the park is rich in biodiversity and has a high potential for eco-tourism. The research team made an inventory of the park facilities for tourists and found that there are 12 bungalows, two dormitories, 28 tents and one campsite with the capacity to accommodate approximately 100 campers, two meeting rooms, a tourist service center, an exhibition/information center and one restaurant. The park owns 35 pairs
เสนทางสีเขียว Green Line
GL28F-va.indd 39
11/19/10 8:29 PM
40
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ถํ้ามัจฉาปลาวน อยูหางจากที่ทําการอุทยานแหงชาติประมาณ 2 กิโลเมตร เปนที่อยูอาศัยของคางคาวหลายชนิด Matcha Pla Won Cave, about two km from the park office, is home to various species of bats.
อุทยานทีป่ ระกอบไปดวยบรรดาถํา้ และนํา้ ตกตางๆ ความสมบูรณของ ระบบนิเวศ พันธุพ ชื และสัตวหลายชนิด เนือ่ งจากอุทยานมีอาณาเขต ติดตอกับเขตรักษาพันธุส ตั วปา เทือกเขาบรรทัด จึงมีสตั วปา อพยพไป มาอยูเ สมอ เชน เลียงผา สมเสร็จ หมีคน เสือปลา เกง กระจงควาย ฯลฯ พบปลาในแหลงนํา้ ประมาณ 15 ชนิด ไดแก ปลาตูหนา ปลามัด ปลาหวด ปลาหลด ปลาซิวควาย พบนกประมาณ 286 ชนิด สัตว เลื้อยคลานประมาณ 67 ชนิด สวนสัตวสะเทินนํ้าสะเทินบกพบ กบ หงอนมลายู กบชะงอนหินเมืองใต กบเขาหลังตอง กบตะนาวศรี กบ วาก และพบแมลง ประมาณ 70 ชนิด อาทิ ผึ้งหลวง ดวงดีดหนวดไผ ดวงกวางหาเขา จักจั่นงวงมวนแดง ผีเสื้อพอมด เปนตน องคประกอบเหลานี้พรอมดวยความสวยงามของพื้นที่ ทําให จํานวนนักทองเที่ยวมาเยือนอุทยานแหงชาติเขาปู-เขายาเพิ่มมาก ขึ้นทุกป สงผลใหอุทยานตองใหความสําคัญกับการทองเที่ยวมากขึ้น ควบคูไปกับการดูแลรักษาความสมบูรณของทรัพยากรธรรมชาติใน พื้นที่ เพื่อใหการทองเที่ยวเชิงนิเวศในอุทยานเปนไปอยางสอดคลอง กับแนวทางการจัดการอุทยานแหงชาติ และควบคุมดูแลใหกิจกรรม การทองเที่ยวในอุทยานเปนการทองเที่ยวที่มีความรับผิดชอบตอ ธรรมชาติตามหลักการทองเที่ยวเชิงนิเวศอยางแทจริง คณะวิจัย โดย เจษฎา นกนอย, วรรณภรณ บริพันธ, สุธี โงวศิริ และศรัณยา อิสรรักษ ซึ่งไดรับทุนสนับสนุนจากคณะเศรษฐศาสตร และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยทักษิณ จึงเขามาทํางานวิจัยเรื่อง การ จัดการการทองเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแหงชาติเขาปู-เขายา เพื่อ รวบรวมขอมูลสภาพพื้นที่ ชนิดพันธุ ความหลากหลายทางชีวภาพ และติดตามการทํางานของเจาหนาที่อุทยาน ความพอใจของนักทอง เที่ยว และชุมชนรายรอบอุทยาน เพื่อหาจุดแข็ง จุดออน อันจะนําไป สูการจัดการการทองเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานแหงชาติเขาปู-เขายา ใหเกิดผลสัมฤทธิ์มากยิ่งขึ้นในอนาคต จากการสํารวจสภาพพื้นที่ซึ่งมีทั้งความสมบูรณของธรรมชาติ และศักยภาพในการทองเที่ยวเชิงนิเวศ คณะวิจัยไดสํารวจสิ่งอํานวย
GL28F-va.indd 40
ความสะดวกภายในอุทยานซึ่งมีไวใหบริการแกนักทองเที่ยว โดย อุทยานมีบานพักนักทองเที่ยว 12 หลัง คายพักเยาวชน 2 หลัง เต็นท 28 หลัง สถานที่กลางเต็นท ขนาดจุได 100 คน หองประชุม 2 หอง ศูนยบริการนักทองเทีย่ ว ศูนยนทิ รรศการและขอมูล รานอาหาร กลอง ดูนก 35 ตัว และจักรยานเสือภูเขา 20 คัน นอกจากนี้ยังมีเจาหนาที่ คอยใหคําแนะนําทางวิชาการ และคอยอํานวยความสะดวกตางๆ บริการรับจองบานพัก และสถานที่สําหรับจัดประชุม สัมมนา มีลาน กิจกรรมสันทนาการ หองสุขาชาย-หญิง ระบบไฟฟา และลานจอดรถ อยางไรก็ตาม เจาหนาทีอ่ ทุ ยานระบุวา “ในบางชวงเวลาปริมาณ นักทองเทีย่ วมีจาํ นวนมาก ทําใหสงิ่ อํานวยความสะดวกและเจาหนาที่ ทีม่ อี ยูไ มสามารถใหบริการแกนกั ทองเทีย่ วไดอยางเพียงพอและทัว่ ถึง” ในดานกิจกรรมการทองเที่ยวเชิงนิเวศในอุทยาน ซึ่งประกอบ ดวยกิจกรรมดูนก มีเสนทางศึกษาธรรมชาติ 2 เสนทาง คือ เสน ทางผาผึ้งและเสนทางถํ้ามัจฉา อุทยานไดจัดทําคูมือศึกษาธรรมชาติ ในรูปแบบตางๆ เชน หนังสือ แผนพับ ใบปลิว จัดทําปายบอกเสน ทางและปายสื่อความหมายธรรมชาติไวที่บริเวณที่ทําการอุทยาน มีศูนยนิทรรศการการทองเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งจะใหความรูเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศและสิง่ มีชวี ติ ตางๆ ทีพ่ บไดในอุทยาน นอกจากนั้น อุทยานไดกําหนดขอปฏิบัติสําหรับนักทองเที่ยว และผูป ระกอบการเอกชน โดยมีการสือ่ สาร และประชาสัมพันธไวโดย รอบพืน้ ทีข่ องอุทยาน แตกม็ ปี ญ หาเกิดขึน้ เสมอ ดังคําใหสมั ภาษณของ สมชัย แสงแกว หัวหนาอุทยานแหงชาติเขาปู- เขายา วา “นักทองเทีย่ ว ชอบทิง้ ขยะในพืน้ ทีอ่ ทุ ยาน เชน พืน้ ทีน่ าํ้ ตก ชอบขีดเขียนตามสถานที่ ตางๆ เชน ในถํ้า ตามปาย ไมทําตามกฎระเบียบของอุทยาน ชอบทํา ตามใจตัวเอง ชอบความสะดวกสบายเปนหลัก มักสงเสียงดังรบกวน เจาหนาที่ที่ทํางานในอุทยาน และรบกวนสัตว” ในสวนของนักทองเที่ยวเห็นวากิจกรรมการทองเที่ยวในพื้นที่ อุทยานมีความหลากหลาย ชวยเสริมสรางความรูความเขาใจเกี่ยว กับทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ และเสริมสรางใหนักทอง เที่ยวเกิดจิตสํานึกในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ สวนมาตรการ รักษาความปลอดภัยในอุทยานแหงชาติเขาปู-เขายาเปนไปอยาง รัดกุมและเหมาะสม สําหรับมาตรการในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและระบบ นิเวศของอุทยานแหงชาติเขาปู- เขายานัน้ มีจดั ตัง้ หนวยพิทกั ษ อุทยาน 9 หนวย เพื่อดูแลความเรียบรอย สมชัย กลาวถึงปญหาที่เกิดขึ้น ประการแรกเนื่องจากพื้นที่ของ อุทยานไปทับพื้นที่ทํากินของชาวบาน ในพื้นที่ที่มีปญหา เชน อําเภอ ศรีบรรพต อําเภอศรีนครินทร อําเภอหวยยอด อําเภอเมือง จังหวัด ตรัง และอําเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ประการที่สอง มีปญหาการบุกรุกปาในพื้นที่อุทยาน เชน การ ตัดไมทําลายปา การลักลอบหาของปา เชน การขโมยพันธุกลวยไม หมวกแดง จันทนผา ดงพญาเย็น ฯลฯ ซึง่ สอดคลองกับความเห็นของ เจาหนาที่อุทยานที่วา ปญหาความขัดแยงสําคัญระหวางอุทยานและ ชุมชนในพื้นที่ คือการที่พื้นที่ของอุทยานทับพื้นที่ทํากินของชาวบาน ที่ผานมาแมอุทยานจะมีการแกไขปญหาที่ดินในพื้นที่ โดยการ ทําการสํารวจขอมูลการปลูกไมยางพาราในเขตอุทยาน และเริ่มให ชุมชนรอบขางเขามามีสวนรวมในการใชพื้นที่อุทยานมากขึ้น แต มาตรการดานการปองกันรักษาปา ยังใชวิธีการจับกุมดําเนินคดีแพง ฟองเรียกรองคาเสียหายจากผูบุกรุกทําลายปาในเขตอุทยาน และมี
11/20/10 12:37 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
41
September - December 2010
of binoculars and 20 mountain bikes. There are trained personnel to provide technical advice and other support to visitors such as taking reservations, meeting room arrangements and recreation lawn activities in addition to other services such as the maintenance of toilets, electricity and parking areas. Park officials have said: “There were too many visitors at times and there is a shortage of both amenities and personnel to take care of them all.” Eco-tourism activities within the park include birdwatching and nature study along the two nature trails of Pha Phueng and Matcha Cave. The park has published a variety of nature study guides in the form of booklets, brochures and pamphlets. There are information plaques located at various points along the trails and bulletin boards in front of the main office. An eco-tourism
Khao Pu-Khao Ya National Park, nine park protection units have been established around the park area. Somchai said that the main problem of park management is land dispute involving local villagers in several districts such as Si Banphot, Srinakarin, Huai Yot and Muang of Trang province and Cha-uad district of Nakhon Si Thammarat province. Another problem is illegal logging and poaching of forest products such as wild orchid, Muak Daeng, Chan Pha (Dracaena louriri Gagnep) and Dong Phaya Yen. Other park officers have confirmed that the main conflict between the park management and the local communities was the villagers’ complaints that the park boundaries overlapped their land. Although the park administration has initiated many attempts to solve the land dispute problems, the conflicts still remain. Community representatives have been
exhibition disseminates exhi hibi biti tion on ccenter ente en terr di diss ssem emiin inat ates tes iinformation nfor nf forma mati tion ion aabout boutt tthe bo he he natural and the parkk t l resources, ecosystems t d wildlife ildlif iin th area. The park administration has established rules and regulations for visitors and business operators, which have been publicized on bulletin boards around the park. Nevertheless, violations often occur. Somchai Saengkaew, the park chief, said: “Visitors often litter and vandalize the park such as throwing rubbish around the waterfalls and writing graffiti on cave walls. Most tourists are wont to do as they please for their own convenience’s sake. They also often make loud noises that disturb animals and other people.” On the other hand, visitors reported that the activities available within the park are well thought-out. They helped to increase their knowledge and understanding of the environment and the ecosystems. In general, they became more aware of nature conservation. The safety measures in the park were considered appropriate as well. To protect the natural resources and ecosystem of
invited part management park iin nvi vit ited ted to to ttake ake ak ke pa rtt iin n th the he ma mana nage geme mentt ooff pa rkk lland and an d th that hat the villagers’ iincludes l d demarcation d ti off th ill ’ plantation l t ti areas. However, park officers continue to depend on legal measures to protect the forest. Such measures include taking legal action against alleged park encroachers and demolition of structures erected illegally by the villagers in the park land. Bounhai Thongnoon, the head of the Youth and Summer Camp Section, said legal measures were necessary because “the villagers continue to fell trees, so we need to impose strict protective measures.” The park administration has engaged in public information campaigns to raise environmental awareness through several radio programs, including three programs on the National Broadcasting Services of Thailand (NBT) stations in Phattalung and Trang provinces. The programs are called “Utthayan Samphan” (Park Interface) on 98.0 MHz in Phattalung and 91.25 MHz in Trang. The third program “Khon Rak Pa” (Forest-loving People) is broadcast through Community
เสนทางสีเขียว Green Line
GL28F-va.indd 41
11/19/10 8:29 PM
42
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
การทําลายรือ้ ถอนสิง่ ปลูกสรางทีผ่ กู ระทําผิดปลูกไวในพืน้ ทีบ่ กุ รุกแผว ถางออกไปใหพนอุทยาน บุญให ทองนุน หัวหนางานคายเยาวชนและคายพักแรม กลาว ถึงความจําเปนที่ตองใชมาตรการทางกฎหมายวา “ชาวบานมีการ ลักลอบตัดไมทําลายปาอยูเสมอ จึงควรมีมาตรการในการปองกัน อยางเขมงวด” ในด า นการประชาสั ม พั น ธ เ พื่ อ รณรงค ส ร า งจิ ต สํ า นึ ก แก ป ระชาชนให ต ระหนั ก ถึ ง ความสํ า คั ญ และประโยชน ข อง ทรั พ ยากรธรรมชาติ รวมทั้ ง สร า งกระบวนการมี ส ว นร ว มของ ประชาชน อุทยานมีการดําเนินการผานทางสถานีวิทยุกระจายเสียง แหงประเทศไทย จังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรัง รวม 3 รายการ คือ รายการ “อุทยานสัมพันธ” ณ สวท.จังหวัดพัทลุง คลื่นความถี่ 98.0 MHz รายการ “อุทยานสัมพันธ” ณ สวท.จังหวัดตรัง คลื่นความถี่ 91.25 MHz และรายการ “คนรักษปา” ณ สถานีวิทยุชุมชน คลื่น ความถี่ 91.0 MHz ลานขอยเรดิโอ อ.ปาพะยอม จังหวัดพัทลุง ซึ่ง นับวาเปนการริเริ่มที่ดีที่สามารถนําขอมูลขาวสารเกี่ยวกับอุทยาน ไปสูภายนอก และนําไปสูการมีสวนรวมของชุมชนในกิจกรรมหลาย รูปแบบที่อุทยานจัดขึ้น เชน การรวมกิจกรรมการปลูกปา การรวม
กิจกรรมรวมกันเก็บขยะ ใหประชาชนชวยกันสอดสองดูแลความสงบ เรียบรอยและปลอดภัยใหเกิดขึ้นแกนักทองเที่ยวในเขตอุทยาน อยางไรก็ตาม แมอุทยานจะเปดโอกาสใหชุมชนในพื้นที่เขามามี สวนรวมในการจัดการอุทยานในหลากหลายรูปแบบ แตเมือ่ สอบถาม ประชาชนซึง่ อาศัยอยูใ นชุมชนโดยรอบพืน้ ทีอ่ ทุ ยาน ไดแก ชุมชนบาน ในวัง ชุมชนควนขนุน ชุมชนตะแพน ชุมชนบานเหนือ ชุมชนบานไส ปลาดู ชุมชนบานเขาปู และชุมชนบานเหรียงงาม พบวา ประชาชน สวนใหญยงั ไมมสี ว นรวมในการจัดการการทองเทีย่ วในเขตอุทยานแหง ชาติเขาปู- เขายา ทัง้ ในขัน้ ของการวางแผน ขัน้ การดําเนินงาน และขัน้ การประเมินผลและการตรวจสอบ สําหรับงานวิจยั ในครัง้ นี้ คณะวิจยั พบวา เจาหนาทีข่ องอุทยานไม เพียงพอ ทําใหไมสามารถดูแลและใหบริการแกนักทองเที่ยวไดอยาง ทั่วถึง และภาครัฐควรเพิ่มจํานวนบุคลากรดูแลพื้นที่อุทยานแหงชาติ เขาปู-เขายาใหมากขึ้น ตอปญหาพื้นที่ของอุทยานบางสวนทับซอนกับพื้นที่ทํากินของ ชาวบานซึ่งอาศัยอยูในชุมชนโดยรอบ ซึ่งเปนอุปสรรคในการจัดการ พื้นที่ของอุทยาน รัฐบาลควรเริ่มจากการเจรจาเพื่อหาทางออกใน การแกปญหาดังกลาว รวมทั้งควรมีมาตรการทีเ่ ขมงวดกับผูที่กระทํา ผิดในเขตพื้นที่อุทยาน ทั้งในสวนของการลักลอบขโมยพืชพรรณ และทรัพยสิน หรือแมแตการสรางมลพิษทางขยะ มีการเผยแพรบท ลงโทษที่ผูกระทําผิดจะไดรับ ทั้งนี้ก็เพื่อคงสภาพความอุดมสมบูรณ ของทรัพยากรธรรมชาติ และควรมีการศึกษาศักยภาพของอุทยาน ในดานตางๆ มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อสรางความแตกตางจากอุทยาน แหงชาติหรือแหลงทองเที่ยวอื่นๆ โดยการชูเอกลักษณที่โดดเดนให บุคคลภายนอกไดรบั รู ทัง้ ยังชวยกระตุนใหนักทองเทีย่ วกลุมทีเ่ คยมา เที่ยวอุทยานแลวใหเกิดความตองการเที่ยวซํ้ามากยิ่งขึ้น และประเด็นสุดทาย ทางอุทยานควรมีการจัดกิจกรรมที่เปด โอกาสใหประชาชนซึ่งอาศัยอยูในชุมชนโดยรอบพื้นที่ไดมีสวนรวม มากยิ่งขึ้น เพื่อสรางความรูสึกเปนเจาของ อันจะทําใหเกิดความรัก และหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ อีกทั้งจะทําใหการจัดการ การทองเที่ยวเชิงนิเวศของอุทยานสอดคลองกับความตองการของ ประชาชนอยางแทจริงดวย ■
Radio Station at 91.0 MHz of Laan Khoy Radio in Pa Phayom District, Phattalung Province. These programs serve as good initiatives of park information dissemination and are medium for community participation in various activities such as tree planting, garbage collection and a neighborhood watch for tourist safety in the park. Despite the fact that the national park claims to have implemented many participatory initiatives, people in the surrounding communities of Nai Wang, Khuan Khanoon, Ta-phaen, Baan Nua, Sai Pladoo, Baan Khao Pu and Riang Ngaam reported that they have not really taken part in the park’s tourism management be it planning, implementation, monitoring or evaluation of any kind. The research team found that there is a problem of staff shortages that prevented park officials from providing adequate services to visitors. This calls for an increase in the number of park personnel.
On the land dispute problems between the park and the surrounding communities which present obstacles for the park operation, it is advised that the government initiate discussion with the locals to arrive at appropriate solutions as well as impose strict legal measures against park violators, including poachers and polluters. These measures should be widely disseminated to deter violations. The park should also conduct further studies on its natural assets to distinguish itself from other national parks to attract visitors. Lastly, Khao Pu-Khao Ya National Park should put more emphasis on active participation from the surrounding communities so that they develop a sense of ownership of the park. The key to a successful ecotourism program is the active involvement of the local residents who truly love and care for their natural environment. ■
GL28F-va.indd 42
11/19/10 8:29 PM
เสนทางเดียวกัน
ON THE SAME PATH
จอมปา JoMPA เรื่อง/ ภาพ ทีมงานเสนทางสีเขียว
Story/Photos: Green Line Staff Writers
สองแมลูกในหมูบานกองมองทะ ในเขตรักษาพันธุ สัตวปาทุงใหญนเรศวร กําลังจะไปไรขาวและหา อาหารมื้อเย็นสําหรับครอบครัว Mother and child in Kong Mong Tha Village in Thung Yai-Naresuan Wildlife Sanctuary are on their way to their rice field. They will return home with food for the whole family.
GL28F-va.indd 43
11/20/10 12:41 AM
44
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
“คนอยูได ปาอยูได เสือก็อยูได” เปนคําขวัญของโครงการ “จอมปา” ที่ ดร.เสกสรรค ประเสริฐกุล นํามากลาวในปาฐกถา ครบรอบ 20 ปการจากไปของ สืบ นาคะ เสถียร เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553 วา โครงการนี้ “นับวาจับประเด็น ใจกลางความสัมพันธระหวางมนุษยกับธรรมชาติไดอยางคมชัด และ งดงาม มันมีความหมายลึกซึ้งของการอยูรอดรวมกัน และสะทอน ใหเห็นความหลากหลายของสรรพชีวิตที่เกี่ยวรอยกันในฐานะบุตร หลานของจักรวาล” จอมปาเปนโครงการที่จุดประกายขึ้นในผืนปาตะวันตก ผืนปา อนุรักษแหงสุดทายของประเทศไทยที่นับไดวาใหญที่สุดในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต ดวยเนื้อที่ราว 466,800 ไร ครอบคลุมพื้นที่
ในจังหวัดกําแพงเพชรและจังหวัดตาก อุดมสมบูรณไปดวยปาดิบ แลง ปาเบญจพรรณ ปาสน เปนถิ่นอาศัยของสรรพสัตวนอยใหญ ตั้งแตกระทิง หมาปา หมูปา เลียงผา หมีควาย ฯลฯ และยังเปน แหลงตนนํา้ ของแมนาํ้ ปงทีห่ ลอเลีย้ งผูค นบนพืน้ ที่ 11,706,586 ไร ใน พื้นที่ 6 จังหวัด ไดแก กาญจนบุรี กําแพงเพชร อุทัยธานี นครสวรรค สุพรรณบุรี และตาก ดวยความอุดมสมบูรณนี้เองที่ทําใหผืนปาตะวันตกถูกประกาศ เปนอุทยานแหงชาติ 11 แหง และเขตรักษาพันธุสัตวปา 6 แหง และ กลายเปนพื้นที่อนุรักษที่มีชาวบานอาศัยอยูในปามากกวา 4 แสน ครัวเรือน ในขณะที่มีการประเมินกันในภาพรวมวา ประเทศไทยมี ปาอนุรักษ รวมพื้นที่ปาชายเลน ประมาณ 90.6 ลานไร หรือรอยละ 17.66 ของพืน้ ทีป่ ระเทศ ขณะทีพ่ นื้ ทีป่ า ยังลดจํานวนลงอยางตอเนือ่ ง ดร.เสกสรรค มองสถานการณที่เกิดขึ้นวาเปนผลพวงมาจาก ระบบทุนนิยมที่ครอบงําการพัฒนาของชาติ และเริ่มบอนทําลาย ภูมิปญญาทองถิ่นในการอยูรวมกับปา ที่สําคัญคือ เปนตนเหตุแหง ปญหาความยากจนทีเ่ กิดจากความเหลือ่ มลํา้ ทางเศรษฐกิจและสังคม ทําใหคนจํานวนมากขาดแคลนที่ดินทํากิน เขาไมถึงฐานทรัพยากรที่ จําเปนตอการเลี้ยงชีพ การเขามาของกลุมทุนขามชาติและกลุมทุน ใหญในประเทศไทยยิ่งทําใหที่ดินทํากินและฐานทรัพยากรอื่นๆ ถูก นํามาไวภายใตกลไกตลาดมากขึ้น ที่ดินเปลี่ยนมือไดโดยงาย และ กรรมสิทธิใ์ นการถือครองทีด่ นิ กระจุกตัวเพือ่ การพาณิชยและเก็งกําไร การรุกเขาไปหาทีท่ าํ กินใหมในผืนปาหรือการรับจางนายทุนบุกรุกผืน ปาโดยผูยากไรจึงเปนปรากฏการณที่จะเกิดขึ้นตอไปไมจบสิ้น “ทิศทางของอนาคตนัน้ การรักษาผืนปา ตลอดจนฐานทรัพยากร ธรรมชาติอนื่ ๆ ไมวา จะเปนปาชายเลน ชายฝง ทะเล หรือแมนาํ้ ลําธาร ฯลฯ ลวนแลวแตตองอาศัยการมีสวนรวมของภาคประชาชน
หมูบานชาวกะเหรี่ยง อาศัยอยูในเขตอุทยานแหงชาติสาละวิน เปนหมูบานที่จะไดรับผลกระทบถามีการสรางเขื่อนฮัตจี ในแมนํ้าสาละวิน A Karen tribe village in Salawin National Park is expected to suffer negative impact from the planned construction of a dam across Salween River in Myanmar.
GL28F-va.indd 44
11/20/10 12:42 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
“Man survives. Forest survives. Tiger will also survive.” The above was a slogan of “JoMPA” (Joint Management of Protected Areas) Project spoken by Seksan Prasertkul during a keynote speech on September 1 this year in commemoration of Seub Nakhasathien’s death 20 years ago. This project “clearly and beautifully captures the heart of the man-nature relationship. It represents the meaning of interdependent survival and the diversity of all-related living creatures as the children of the universe,” he said. JoMPA was originated in the Western Forest Complex, the last protected forest in Thailand that is the largest in South-east Asia. It spans an area of 466,800 rai across Kamphaengphet and Tak provinces. With abundantly rich dry evergreen forests, mixed forests, and pine forests, it is home to diverse wildlife including gaur, wild dogs, boars, serow, and Asiatic black bears. It is the source of Ping River feeding people in the area of 11,706,586 rai in Kanchanaburi, Kamphaengphet, Uthai Thani, Nakhon Sawan, Suphanburi and Tak provinces. With such abundance, 11 national parks and six wildlife sanctuaries have been established in this western complex which is also home to more than 400,000 households. Meanwhile, it has been estimated that Thailand’s protected forest land including mangrove forests covers only about 90.6 million rai or 17.66% of the country’s area as forest land overall continues to decrease. Seksan, a former academic and student activ-
45
September - December 2010
ist, views the situation as a result of a nation mired in capitalistic development which has destroyed the local wisdom of co-existence with forests. It is the cause of poverty resulting from economic and social inequality as a large number of people are deprived of land for farming and living. The arrival of multinational and domestic investment groups has compounded the problem by putting land and other resources under the market system. Land becomes easily transferable and land ownerships are accumulated for commercial and speculation purposes. As a result, forest encroachment has become a never-ending phenomenon. “In the future, protection of forests as well as other natural resources such as mangrove forests, coastal areas, rivers or streams requires participation of the civil society. “Lessons learned from Seub Nakhasathien Foundation’s work with local communities in applying local wisdom to set guidelines for living with Nature or establish a balanced relationship between man and Nature will be beneficial in ridding poisons that come from developmental inequity,” said Seksan.
ชาวบานในหมูบานบะไห เดินเขาปาไปหาเห็ดปาในเขตอุทยานแหงชาติผาแตม Villagers of Ba Hai walk to a forest in Pha Taem National Park in search of mushrooms.
เสนทางเดียวกัน ON THE SAME PATH
GL28F-va.indd 45
11/20/10 12:51 AM
46
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
“บทเรียนของมูลนิธิสืบฯ ในการทํางานรวมกับชุมชนทองถิ่น อาศัยภูมิปญญาทองถิ่นมาชวยกําหนดแบบแผนของการอยูรวมกับ ธรรมชาติ หรือจัดความสัมพันธที่สมดุลระหวางมนุษยกับธรรมชาติ ตอไปจะเปนประโยชนอยางยิ่งในการชําระลางพิษภัยจากการพัฒนา ที่ไมสมดุล” ดร.เสกสรรค กลาว ขอเท็จจริงทีป่ า อนุรกั ษยงั คงถูกรบกวนและถูกคุกคาม เริม่ มีการ ยอมรับมากขึน้ วา ชุมชนจะเปนคําตอบในการรักษาและธํารงพืน้ ทีป่ า ไวไดในอนาคต “ตองยอมรับวาหัวใจในการดูแลทรัพยากรปาไมอยูที่คนจริงๆ ทุกวันนี้คนดูแลปาคือคนชายขอบ โครงการจอมปาคือการเปลี่ยน ทัศนคติจากผูทําลายมาเปนผูดูแล” จตุพร บุรุษพัฒน อดีตอธิบดี กรมอุทยานแหงชาติสัตวปาและพันธุพืช กลาว (ปจจุบัน จตุพร ดํารง ตําแหนงอธิบดีกรมทรัพยากรนํ้า) ลาสุดมีการบันทึกความรวมมือระหวางกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปาและพันธุพืช และมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในโครงการจัดการ พื้นที่คุมครองอยางมีสวนรวมในผืนปาตะวันตก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2553-2557) หลังจากสิ้นสุดโครงการในระยะแรก ระหวางป 25472552 โดยการสนับสนุนจากโครงการความรวมมือดานการพัฒนาแหง ประเทศเดนมารค (DANIDA) เพื่อเปดมิติแหงโอกาสที่ทุกฝายจะได เขาไปมีสวนรวมในการจัดการพื้นที่อนุรักษรวมกัน ปจจุบันโครงการจอมปาดําเนินงานรวมกับ 129 ชุมชนในผืน ปาตะวันตก ทั้งกลุมชาติพันธุกะเหรี่ยงและกลุมอื่นๆ เพื่อผลักดันให เกิดการยอมรับในแนวเขตสํารวจรวมกันของชาวบานและเจาหนาที่ ในระดับพื้นที่กวา 100 ชุมชน รวมทั้งการยอมรับในวิถีชวี ิตการทําไร หมุนเวียนที่สามารถอยูรวมกับปามาไดอยางเนิ่นนาน และยังมีการ ขยายผลไปสูห มูบ า นขอบนอกพืน้ ทีค่ มุ ครอง ในรูปแบบของการจัดตัง้ ปาชุมชน 135 ชุมชน ที่กําลังสานเครือขายการทํางานรวมกันภายใต ชื่อ “เครือขายภูมินิเวศปาตะวันตก” เครือขายนี้จะมีเครือขายยอยที่ ทํางานในหลายดาน ไดแก เครือขายเฝาระวังทรัพยากร เครือขายปา ชุมชน เครือขายชาติพันธุ ภูมิปญญา และศิลปวัฒนธรรม เครือขาย ศูนยกสิกรรมธรรมชาติ เครือขายบานเรียนรู เครือขายพัฒนาอาชีพ และระบบสวัสดิการ เครือขายเยาวชน เครือขายวิทยากรกระบวนการ และเครือขายอื่นๆ รวม 9 ขายหลักๆ และกระจายเปนกลุมกิจกรรม ในแตละพื้นที่ประมาณ 100 เครือขาย ตลอด 6 ปของการดําเนินการ โครงการจอมปาไดสรางแนว ทางใหมๆ ในการอนุรักษปาควบคูไปกับการรักษาความเปนชุมชน สามารถแกไขปญหาความขัดแยงในเรื่องการประกาศเขตอนุรักษทับ พืน้ ทีช่ มุ ชน ความขัดแยงประเด็นการทําไรหมุนเวียนของชาวกะเหรีย่ ง และความขัดแยงในเรื่องการขยายพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชนบน พื้นที่ตนนํ้า ตลอดจนเปนตัวอยางการจัดตั้งปาชุมชนที่เกิดจากความ รวมมือระหวางชุมชนและภาครัฐ สวนความกาวหนาในระดับนโยบาย เมือ่ เดือนกุมภาพันธ 2553 ทีผ่ า นมา คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามทีก่ ระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอ แนวนโยบายในการฟนฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง สาระสําคัญคือยุติการ จับกุมและใหความคุมครองกับชุมชนกลุมชาติพันธุกะเหรี่ยงที่เปน ชุมชนทองถิ่นดั้งเดิมที่อยูในพื้นที่ที่มีขอพิพาทเรื่องที่ทํากิน, ใหมีการ เพิกถอนพื้นที่ที่รัฐประกาศเปนพื้นที่ปาไมอนุรักษและปาสงวน ซึ่ง ทับซอนกับที่ทํากินและที่อยูอาศัย, ดําเนินชีวิต และใชประโยชนใน พืน้ ทีม่ าเปนเวลานาน หรือกอนทีร่ ฐั จะประกาศกฎหมาย หรือนโยบาย
GL28F-va.indd 46
อุทยานแหงชาติเขาแหลม-หญิงสาวในหมูบานไลโวกําลังฟดขาวที่ ใชครกกระเดี่ยง ตําเอง เปนวิธีชีวิตของชาวไลโวที่อาศัยอยูในผืนปาแหงนี้มาหลายชั่วอายุคน Khao Laem National Park – A woman in Lai Wo, a Karen village which has existed in this forest for generations, uses traditional method to remove husks from rice.
แมลูกกะเหรี่ยงคอยาวในหมูบานหวยปูแกงติดชายแดนพมาในจังหวัดแมฮองสอน Mother and child in the Pa Laung tribe village of Huay Poo Kaeng in the northern province of Mae Hong Son on the border with Burma.
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
47
September - December 2010
การทําประมงทายเขื่อนเขาแหลมใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี วิถีชีวิตที่ปรับตัวหลังจากพื้นที่ถูกนํ้าทวมเพราะการสรางเขื่อน Life after the permanent flood: Fishing tools are scattered about in the reservoir of Khao Laem Dam in Sangkhaburi of Kanchanaburi province.
As protected forests continue to be under threat, it has become increasingly accepted that community will be an answer to protect and conserve forests in the future. “We must admit that the key to take care of forests is man himself. Nowadays, the people who take care of forests are marginalized people. JoMPA changes their behavior from ones who destroy to ones who protect,” said Jatuporn Buruspat, former director-general of the National Parks, Wildlife and Plant Conservation Department. Recently, a memorandum of understanding (MoU) was signed by the National Parks, Wildlife and Plant Conservation Department and Seub Nakhasathien Foundation to extend the JoMPA project to 2014 following the expiration of the first six-year phase with support from the Danish International Development Agency (DANIDA). The project aims at promoting participation of all concerned parties in the forest conservation. Currently, the project has been carried out in 129 communities of Karen and other ethnic groups to promote joint undertaking between the villagers and forest officials to demarcate forest and community areas. It would also work to promote acceptance of rotational farming method that has been practiced sustainably for a long time. The project has also reached out to 135 more communities outside the forest complex to establish community forests under the “Western Forest Complex Ecology Network”. Within the network are about 100 sub-networks including Resource Watch Network, Com-
munity Forest Network, Ethnicity, Local Wisdom, Art and Cultural Network, National Agriculture Network, Home Learning Network, Vocational Development and Welfare Network, Youth Network and Process Trainer Network. Throughout the first six-year phase, JoMPA has created various models of forest conservation in conjunction with conservation of community identity. It has managed to resolve conflicts over the overlapping of protected forest and community areas, the Karen’s rotational farming practice, and the expansion of plantations in watershed areas. It has also become a model of cooperative community forest establishment between the communities and state authorities. At the policy level, Cabinet in February this year has approved a policy guideline on the revival of the Karen’s way of life as proposed by the Ministry of Culture. The salient points of the guideline are to provide protection to and cease the arrest of Karen tribe villagers who are indigenous people on forest encroachment charges, revoke protected areas that overlap the villagers original land, and promote or accept rotational farming system and the use of land managed by local communities by such ways as the issuance of community land title deeds. In addition, the guideline also encourage the establishment of a special cultural zone for the Karen tribe with pilot areas including several villages in Wiang Pa Pao district, Chiang Rai province; Sangkhlaburi district, Kanchanaburi province; Mae Wang district, Chiang Mai province; and Um Phang district, Tak province.
เสนทางเดียวกัน ON THE SAME PATH
GL28F-va.indd 47
11/19/10 8:29 PM
48
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
สืบในความทรงจํา ไฟมา เขนฆา ปาโคน เขื่อนทวมนอง ผองสัตว กูกอง ระสํ่ารอง ตะเกียกตะกาย เขาตะโกน ดิ้นรน โอบกอดชวย ใจสลาย นํ้าตา เหงื่อเปนสาย รดรินไหล รวดราว ที่เปนอยู คือรัก หวัง พลัง ศรัทธา หากยินยอมปลิดชีวา ใหวางวาย สูญสิ้นกาย เพื่อสถิต ในพงไพร มอดมลาย เพื่อปาอยู ในใจ ชั่วนิรันดร อุทยานแหงชาติทับลาน-ตนลานกําลังออกดอกบานสพรั่ง ในฤดูกาลที่ชาวบาน กําลังดํานาบนที่นาดั้งเดิมซึ่งปจจุบันถูกอุทยานแหงชาติประกาศทับที่ทํากิน Thap Lan National Park – Fan palm trees in bloom is the backdrop of farmers at work in their paddy field which has been incorporated into the park land.
ทับซอนพื้นที่, สงเสริมและยอมรับระบบไรหมุนเวียน, สงเสริม สนับสนุนและยอมรับการใชประโยชนในพื้นที่และการจัดการของ ชุมชนทองถิ่นดั้งเดิม เชน การออกโฉนดชุมชน รวมทั้ง กําหนดพื้นที่เขตวัฒนธรรมพิเศษสําหรับกลุมชาติพันธุ กะเหรี่ ย งโดยมี พื้ น ที่ นํ า ร อ งคื อ บ า นห ว ยหิ น ลาดใน ต.บ า นโป ง อ.เวียงปาเปา จ.เชียงราย, ต.ไลโว อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี, บาน หนองมณฑา (มอวาคี) ต.แมวิ อ.แมวาง จ.เชียงใหม, และบานเลต องคุ ต.แมจัน อ.อุมผาง จ.ตาก นอกจากนี้ยังมีการเสนอแนวนโยบายวาดวยเรื่องการฟนฟูวิถี ชีวิตชาวเล พื้นที่ที่ระบุคือ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง และ สตูล โดยสรางความมั่นคงดานที่อยูอาศัยดวยการจัดทําโฉนดชุมชน และพิจารณากําหนดพืน้ ทีเ่ ขตวัฒนธรรมพิเศษทีเ่ อือ้ ตอกลุม ชาติพนั ธุ ที่มีลักษณะสังคมวัฒนธรรมจําเพาะ อีกทั้งชาวเลสามารถประกอบ อาชีพประมงหาทรัพยากรตามเกาะตางๆ ได และผอนปรนพิเศษใน การประกอบอาชีพประมงที่ใชอุปกรณดั้งเดิมดวย ทิศทางในการจัดการพื้นที่อนุรักษ ซึ่งเคยถูกจัดการภายใต อํานาจรัฐ ดวยหลักการเพื่อรักษาระบบนิเวศธรรมชาติ ความหลาก หลายทางนิเวศวิทยา ทรัพยากรพันธุกรรม อนุรกั ษดนิ และนํา้ เพือ่ การ ศึกษาวิจยั และนันทนาการ ดังทีก่ ลาวกันมานาน กําลังตองการความ รวมมือสนับสนุนจากชุมชนมากกวาทีเ่ ปนมา และกําลังพัฒนาไปสูก าร เคารพตอวัฒนธรรม วิถชี วี ติ และภูมปิ ญ ญาของชุมชนดัง้ เดิม ดวยการ แสวงหาการมีสวนรวมทีแ่ ทจริงจากชุมชนในการจัดการพืน้ ที่อนุรักษ ดังนั้น รูปแบบของ “จอมปา” หรือ “ปาชุมชน” ก็ตาม จะเปน ฐานในการสรางสัมพันธระหวางธรรมชาติ ชุมชน และรัฐ ซึ่งแนวทาง นี้จะทําใหมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ เผาพันธุดั้งเดิมที่มี ภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง ไดรับการยอมรับวาเปนมรดกทาง วัฒนธรรมที่ทรงคุณคา ซึ่งควรอนุรักษไวในผืนปา หรือพื้นที่อนุรักษ อื่นๆ ดวย ■
GL28F-va.indd 48
1 กันยายน เสียงปนหนึ่งนัดจากกลางปาอัน หางไกล ปาที่กลายเปนมรดกโลกในเวลาตอมา วันนั้น สืบ นาคะเสถียร นักวิชาการกรม ปาไม ขณะดํารงตําแหนงหัวหนาเขตรักษาพันธุ สัตวปาหวยขาแขง เลือกที่จะตะโกนกองดวย เสียงปนในการปลิดชีวิตของตนเอง 20 ปตอมา ความตายของเขายังคงบอกเลา ความทุกข และเรียกรองความเปนธรรมใหปา และสัตวปา ที่ถูกโคนลมเขนฆาไมสิ้นสุด “การอนุรักษ คือการรักษาโดยไมทําใหมัน เปลี่ยนสภาพ แตมีคําจํากัดความในอีกความ หมายวา การอนุรักษคือการรักษาและนําบางสวน มาใช แตการใชประโยชนนั้น ตัวมันเองจะตอง คงอยู “สิ่งที่ผมมักพูดอยูเสมอคือ ปาเราเก็บไว เฉยๆ ก็เปนการอนุรักษที่เราไดประโยชน โดยที่ เราไมจําเปนตองตัดมาใช ตนไมใหอากาศ ให นํ้า... นี่ก็เปนการใชใชไหม ใชโดยที่เราไมตองไป ตัดสวนของมันออกมาใช… “สิ่งไหนที่ผมชวยสังคมได ผมจะชวย ที่ผม ตองตะโกนเพราะผมอยากเห็นสังคมมันดีขึ้น ผม อยากเห็นคนที่มีโอกาส สละโอกาสใหกับคนที่ไมมี โอกาสบาง” – ปณิธาน สืบ นาคะเสถียร รวมคาราวะ สืบ นาคะเสถียร ผูมอบหัวใจใหปา สัตวปา ธรรมชาติ และชุมชน ปณิธานที่คนรุนหลังควรสืบทอด
11/20/10 12:52 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
49
เด็กๆ ชาวกะเหรี่ยงที่อยูอาศัยในผืนปาตะวันตกจะมีอนาคตเชนไร ถาไมไดรับการ ยอมรับเรื่องสิทธิทํากินในเขตปาอนุรักษ The fate of these Karen children in the Western Forest Complex hangs in balance as long as their parents’ right to livelihood in the protected area is not accepted by the authorities.
In Memory of Seub แมฮองสอน-ชาวบานลีซูมัดหญาไมกวาดที่เก็บมาจากปา เพื่อขายให ใหพอคาที่จะนํา ไปทําไมกวาด เปนรายไดเสริมของครอบครัว Lisu tribe villagers in Mae Hong Son province are making blooms from bamboo grass that they collect from a nearby forest as a way to make extra income.
Furthermore, there is also a proposed policy on the revival of the sea gypsies’ way of life in Phang Nga, Phuket, Krabi, Ranong and Satun to create habitat security with the issuance of community land title deeds. Special cultural zones will be established for ethnic groups with unique social and cultural heritage. The sea gypsies (Chao Leh) will be able to fish around various islands with the use of indigenous fishing tools. The management of protected areas had long been under the state authority with an eye toward protecting the natural ecosystem, biodiversity, genetic resources, land and water for study, research and recreation. Now it needs cooperation and support from communities more than ever before which should lead to the respect for the culture, way of life and local wisdom of indigenous communities. New models of protected area management, whether it is that of JoMPA or community forest, will be a foundation for strengthening the relationship between Nature, communities and the state. It will promote the recognition of humanity’s cultural heritage, indigenous ethnic tribes with unique languages and cultures being one, as valuable cultural heritage worthy of being conserved in the Western Forest Complex and other protected areas. ■
September 1. The sound of a single gunshot rang out deep in a jungle, a jungle that was soon to become a World Natural Heritage. On that day, Seub Nakhasathien, a technical forestry official and at the time the chief of Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary, chose to shout with a gun that took his life away. Twenty years later, his death continues to tell the tale of sorrow and to demand justice for forests and wildlife that continue to be decimated. “Conservation is to preserve without changing the original state. Another definition is to preserve and allow some parts to be used. But the usage must leave that state of being to live on. “I have often said that even if we leave a forest untouched, it is conservation which we derive benefits from without having to cut it down. Trees give us air to breathe and water … isn’t this usage? We use trees without slicing off any part of them.… “Whatever I can do to help society, I will do it. The reason I shout is because I want to see a better society. I want to see people given opportunities. Let’s sacrifice for those who have no opportunities.” — Seub Nakasathien’s aspiration. Let’s salute Seub Nakasathien, the man who gave his heart to the forest, wildlife, Nature and community. Let’s hope that the future generations live by his aspiration.
เสนทางเดียวกัน ON THE SAME PATH
GL28F-va.indd 49
11/19/10 8:29 PM
สัมภาษณพิเศษ
SPECIAL INTERVIEW
ผศ.ดร. ดรรชนี เอมพันธุ แมนวาด กุญชร ณ อยุธยา
ผศ.ดร.ดรรชนี เอมพันธุ Asst Prof Dachanee Emphandhu
เกือบ 50 ปที่ประเทศไทยใชกฎหมาย ในการจัดการปา มาถึงวันนี้มีความ พยายามในการแสวงหาแนวทางใหม ในการจั ด การอนุ รั ก ษ สั ต ว ป า และ ทรัพยากรธรรมชาติใหมปี ระสิทธิภาพ ขึ้น
การจัดการผืนปาเชิงระบบนิเวศ (Ecosystem Management) คือ แนวทางใหมที่นักวิชาการวนศาสตรยอมรับถึงความเหมาะสม ผศ.ดร.ดรรชนี เอมพันธุ หัวหนาภาควิชาอนุรักษวิทยา คณะ วนศาสตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร ที่พวงตําแหนงในฐานะที่ ปรึกษากรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และ พรรณพืช เปนหัวหนา โครงการจัดทําแผนการจัดการพื้นที่กลุมปาตะวันออก และโครงการ ศึกษาความเหมาะสมในการจัดทําแนวเชื่อมตอทางนิเวศวิทยาของ ผืนปาในกลุมปาที่มีความสําคัญของประเทศไทย เธอสะทอนภาพของการจัดการอุทยานแหงชาติจากอดีตถึง ปจจุบนั และพยายามผลักดันใหมกี ารมองผืนปาทัง้ ผืนเปนระบบนิเวศ หนึ่งเดียว และมีความเชื่อมโยงทั้งทางชีวภาพ กายภาพ โดยการนํา หลักวิทยาศาสตร โดยเฉพาะนิเวศวิทยามาจัดการวางแผน
GL28F-va.indd 50
■ ภารกิจของอุทยานแหงชาติ ปจจุบน ั มีการจัดลําดับความสําคัญ
และทิศทางอยางไร ตอนนี้ความสําคัญที่เขามองโดยเฉพาะอุทยานแหงชาติที่ใหญๆ ที่เปนที่นิยม เขาจะมองเรื่องของนันทนาการและการทองเที่ยวเปน เรื่องแรก ซึ่งตางจากแตกอนที่มีปญหาเรื่องการบุกรุกพื้นที่ เรื่องของ การดูแลรักษาปา เพราะฉะนั้นอยางแรกที่เขาทําคือมุงการตรึงพื้นที่ ปาไวใหไดกอน เมื่อ 40-50 ปกอน อุทยานเปนที่รูจักนอยมากสําหรับ สาธารณชน เพราะคนจะเขาไมถึง นอยมากที่คนจะมีโอกาสไดเขาไป สัมผัส ยกเวนอุทยานที่มีการทองเที่ยวแตเดิมมาแลวอยางภูกระดึง แตปจจุบันนี้คนเขาไปเที่ยวธรรมชาติในอุทยานเยอะ การทองเที่ยว อาจจะเปนอุบายในการดึงนักทองเที่ยวใหเกิดความรักปา แตวาสิ่ง ที่ทําปจจุบันมันยังไมสุด มันแคแบบเปดพื้นที่ใหเปนแหลงทองเที่ยว นันทนาการ แตเรายังไมทําจนกระทั่งใหคนที่เขาไปเที่ยวแลวกลับมา เขามีจติ ใจ หรือวาอยากชวยในการอนุรกั ษอยางจริงจัง แตมนั มีโอกาส ที่จะเปนไปไดที่เราจะใชชองทางนั้น การจัดการอุทยานแหงชาติระดับคนในพืน้ ที่ ผูป ฏิบตั งิ านจะคาด หวังวา การทองเที่ยวจะปลุกกระแสการอนุรักษในสังคม แตกลุมผู บริหารจะมองอุทยานแหงชาติวาเปนแหลงสรางรายได ถามวาเขา คิดผิดไหมในยุคเศรษฐกิจกําลังยํ่าแย เขามีสิทธิ์ที่จะคิดได แตวาควร จะทําขนาดไหน นี่เปนอีกเรื่องหนึ่งที่ตองระมัดระวัง ถามวาเราจะใช อุทยานแหงชาติในเรื่องของการกระจายรายได ไดไหม ได เพราะวา มันก็เปนแหลงที่เรามุงวาจะชวยกระจายรายไดใหกับคนทองถิ่น ซึ่ง
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
51
Asst Prof Dr Dachanee Emphandhu By Maenwad Kunjara Na Ayuttaya or nearly half a century, Thailand has depended on legal tools to manage its forests. Today, there have been attempts to seek new and better solutions in the conservation of wildlife and natural resources. Many forestry experts have now subscribed to “ecosystem management” as a new model of forest management. Asst Prof Dr Dachanee Emphandhu, head of the Department of Conservation, Faculaty of Forestry, Kasetsart University, and an adviser to the Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation (DNP), is heading a project to draft a management plan for the eastern forest complex and another project to study corridors to provide ecological bridge for important forest complexes in Thailand. Here, she shares her perspective on national park management from past to present which looks at forests in ecological terms and the need to provide physical as well as biological bridge for segmented forests by employing scientific principles, particularly ecological studies, to assist planning.
F
■ What are the current priority and direction of DNP’s mission? Right now, priority is being given to recreation and tourism in the national parks, particularly the large and popular ones among visitors. This is different from the past when the issues of concern were encroachment and forest maintenance. The first priority then was to stake out the forest lands. Forty to fifty years ago, the public knew very little about national parks. Few people had access to them, except for some parks already well-known among visitors like Phu Kradueng. But nowadays, a lot of people visit national parks. I think tourism could be a way to get people to care for the forest. But that has not yet happened. The national parks are operated as recreation areas to attract tourists and nothing has been done
GL28F-va.indd 51
นํ้าตกทีลอซู ตั้งอยูในเขตรักษาพันธุสัตวปาอุมผาง พื้นที่ที่ควรจะไดรับการสงวน ไวเพื่อสัตวปา แตกลับเปดเปนสถานที่ทองเที่ยวที่ไดรับความนิยมเรื่อยมาจนถึง ทุกวันนี้ Thi Lo Su Waterfall each year draws a large number of tourists although it is situated in Umphang Wildlife Sanctuary, a protected area where no human activities are supposedly allowed.
11/19/10 8:29 PM
52
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
…ภาควิชาเราสอนทางดานอุทยาน นันทนาการ และการทองเที่ยว เราผลิต เด็กหรือบัณฑิตที่จะตองผานการเรียน วิชาการจัดการพื้นที่อุทยานแหงชาติ การ จัดการพื้นที่อนุรักษ การจัดการในเรื่อง ของนันทนาการ ถาเด็ก ๆ เหลานี้มีโอกาส ไดเขาไปทํางานสายตรง พูดงายๆ ถาได เขาไปทําในกรมอุทยาน ในสํานักอุทยาน ใน พื้นที่อุทยานแหงชาติ มันนาจะมีความรู พื้นฐาน มีแนวคิด หรือใชหลักการที่ ถูกตองได เปนแนวคิดที่ดี เพียงแตวาเราเนนเรื่องของการกระจายรายไดหรือ เปลาเปนอีกอยางหนึ่ง และก็ตองมองในแงการทองเที่ยวที่มันกลาย เปนภัยคุกคามไปแลวดวย ■ พื้นที่อนุรักษหลายๆ แหงกลายเปนแหลงทองเที่ยว ควรจะ
มีการทบทวนหรือปรับเปลี่ยนประเภทพื้นที่อนุรักษใหเหมาะสม ใหมหรือไม ยกตัวอยาง ทีลอซู โตนงาชาง ซึ่งเปดใหนักทองเที่ยวเขานาน มาแลว ตรงนี้เคยมีความพยายามที่จะเปลี่ยนจากเขตรักษาพันธุสัตว ปามาเปนอุทยาน แตมันก็ตกไป แมจะเปนแนวคิดที่ดี แตวายากใน เชิงปฏิบัติที่คนจะยอมรับ แตสิ่งหนึ่งที่ทําไดโดยไมจําเปนตองเปลี่ยน รูปแบบการจัดการพื้นที่ คือปรับ พ.ร.บ. เขตรักษาพันธุสัตวปา และ พ.ร.บ. อุทยานแหงชาติ ใหม ซึ่งเคยเสนอใหแกไขไปหลายครั้งแลว ก็ยังไมไดรับการปรับเสียที ประเทศอื่นๆ หลายสิบประเทศเขาไมได บอกเลยวาพื้นที่ไหนเปนเขตรักษาพันธุฯ หรือเปนอุทยาน แตมอง เปนกลุมปา ตอนนี้เราแบงกลุมปาทั้งหมดในประเทศเปน 19 กลุม ถาเปนพื้นที่ที่มีการใชประโยชนก็ใหอยูริมตะเข็บปา พื้นที่ที่เปราะ บางก็ควรจะรักษาไวเปน core zone หรือเปนพื้นที่อนุรักษ และก็ ไมควรจะเขาไปใชประโยชน ปลอยใหเปนกระบวนการตามธรรมชาติ สมมุติ เชน อุมผาง มีเรื่องของการทองเที่ยว และไมไดกระทบกับสัตว ปา และความหลากหลายทางชีวภาพ เราก็ประกาศใหตรงนัน้ เปนเขต การจัดการเพื่อการทองเที่ยว ในขณะเดียวกันถาเปนพื้นที่อุทยานที่ ไมมีเรื่องการทองเที่ยวเลย ก็ประกาศเปนเขตการจัดการที่สงวน เชน พืน้ ทีส่ งวนอยางเขมขน เพราะฉะนัน้ ลบคําวาอุทยานแหงชาติ และเขต รักษาพันธุส ตั วปา ไป เหลือแตพนื้ ที่ core zone ทีส่ าํ คัญคือเมือ่ ไหรเรา ประกาศเปน core zone ก็ขอใหเปน core zone จริงๆ ไมใชวนั ดีคนื ดี นักทองเที่ยวเจอวามีแหลงทองเที่ยว มีนํ้าตกสวย ฉันจะขอเขาไปเดิน วันนี้อุทยานแหงชาติจําเปนที่จะตองทํางานรวมกับชุมชนที่อยู รอบๆ เพราะเขาจะชวยดูแล ชวยเปนปากเปนเสียง แตถามวาการ บุกรุกหมดไป 100% ไหม ก็ยังมีบางที่คนยังตองการที่ดินทํากิน เราตองทํางานตอไปในเชิงรุก แตปญหาเรื่องลาสัตว ลักลอบตัดไม ลักลอบเอาของปายังมีเยอะ และก็เยอะมาก นี่คือสิ่งที่นาเปนหวง
GL28F-va.indd 52
เกาะภูเก็ต-ทาเรือมารีนา รูปแบบของการพัฒนาการทองเที่ยวที่จะทําลาย ทรัพยากรหนาบานของชาวมอแกน ซึ่งดํารงอาชีพดวยการทําประมงเรือเล็กและ ประมงริมฝง A marina in Phuket seen in the background represents a form of tourism development in this tourist heaven. It is blamed for destroying fishing grounds on which the Moken sea gypsies and small-scale fisher folks depend.
เพราะบางครั้งเราทํางานในฉากของการทองเที่ยว นันทนาการ การ บริการ เนื่องจากมันเห็นผลกับคนกลุมใหญ แตการดูแลรักษาปา การลาดตระเวนพวกนี้เปนงานเบื้องหลัง คนมองไมคอยเห็นความ สําคัญ ก็จะละเลยไปทําเรื่องอื่น แลวบางทีนักทองเที่ยวมาจอรออยู แลว ไมทําก็ไมได เพราะฉะนั้นอาจจะตองหยุดเอาไวหนอย มันควร จะจัดสรรใหชัดเจน มีการวางแผนเปนงานประจําที่บอกไวเลยวาใน เดือนหนึ่งจะออกสํารวจปาออกตรวจตรากี่ครั้ง ครั้งละกี่วัน ทําเปน แผน แตขณะนี้คนก็มองเห็นแลว เริ่มเคาะถามแลววาเกิดอะไรขึ้น ทําไมเดี๋ยวนี้การปองกันปราบปรามของอุทยาน มันดูออนดูดอยลง ตอนนี้เขาก็เริ่มทําแลว ■ ภาควิชาการเขาไปมีบทบาทในระดับนโยบายหรือการสนับสนุน
ทางวิชาการตออุทยานแหงชาติมากนอยแคไหน ภาควิชาเราสอนทางดานอุทยาน นันทนาการ และการทอง เที่ยว เราผลิตเด็กหรือบัณฑิตที่จะตองผานการเรียนวิชาการจัดการ พืน้ ทีอ่ ทุ ยานแหงชาติ การจัดการพืน้ ทีอ่ นุรกั ษ การจัดการในเรือ่ งของ นันทนาการ การทองเทีย่ วในพืน้ ทีอ่ นุรกั ษ ถาเด็ก ๆ เหลานีม้ โี อกาสได
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
to change their mindset or their behavior concerning forest conservation, during or after their visit. However, there is still hope. In terms of national park management, the field staff hopes that tourism would galvanize the conservation movement in society. But the upper management tends to see national parks as instruments to generate revenue, which is understandable considering the current economic downturn. Whether it is appropriate is a different matter. Should national parks play a role in income distribution to localities? It’s a good idea but the question is how much we should be committed to that objective. We should not forget that tourism has become a threat. ■ With many protected areas turned into tourist attractions, do we need to review or change their classifications? Let’s take a look at Thi Lo Su and Toan Nga Chang that have been opened to visitors for a while. There used to be an effort to re-classify them from wildlife sanctuaries to national parks. It was a good initiative, but proven to be difficult in practice to get public approval. Nevertheless, there is one thing we can do without changing the forest classification, that is to revise the Wildlife Sanctuary Act and the National Park Act. There had been proposals to amend them but nothing had happened. Many other countries do not have classification like ours. They simply group them as forest complexes. We now divide our forests into 19 complexes. Areas which have already exploited would be place around the perimeters. Sensitive areas would be preserved as Core or Conservation Zones where no exploitation would be allowed. Take Umphang for example. Tourism already exists there and it has little impact on wildlife and biodiversity. We can declare it as Tourist Management Zone. At the same time, areas in national parks that see no tourism activities can be declared Reservation Management Zone for intensive conservation. We can then do away with the terms National Park and Wildlife Sanctuary. What we have left would be Core Zone. The important thing is that when we declare a Core Zone, it has to be treated as such. We cannot make it wide open to tourists, say, after somebody discovers a nice waterfall in there. Nowadays, national parks must work with surrounding communities because they can help take care of the parks and speak up for them. But has encroachment stopped? Well, some villagers still need land to make a living. So the parks need to take a pro-active approach. But illegal hunting, logging and harvesting of forest products are more worrying because park officials sometimes immerse themselves in providing tourism and recreation services which yield more immediate results with large numbers of people. On the contrary, forest patrol is a job done behind the scene. Its significance is often overlooked and therefore they tend to drop their routine works and divert their attention to something else. When
สัมภาษณพิเศษ: ผศ.ดร.ดรรชนี เอมพันธุ
GL28F-va.indd 53
53
September - December 2010
อุทยานแหงชาติผาแตม-ดวงหนวดยาวเกาะอยูบนหนาผาสูง Pha Taem National Park -- A stem boring grub rests on top of a cliff.
...Our faculty (forestry) teaches park management, recreation and tourism. We produce graduates who are welltrained in national park, protected area, recreation and tourism in protected areas management. If these graduates have the opportunity to work with the National Parks Department or the national park division, they would be able to apply the basic concepts and principles to their works in the real world... tourists wait at the doorstep, they cannot be ignored. It will be best if they can pause for a moment and get their priority straightened out. They may need help on better planning on how to accomplish their routine duties such as the number of times they need to conduct forest patrol per month and the amount of time it takes. Once they have this plan set up, people will see that they are serious about their work. ■ What role does the academia play at the policy level and what sort of support it gives to national parks? Our faculty (forestry) teaches park management, recreation and tourism. We produce graduates who are well-trained in national park, protected area, recreation and tourism in protected areas management. If these graduates have the opportunity to work with the National Parks Department or the national park division, they would be able to apply the basic concepts and
Special interview: Asst Prof Dr Dachanee Emphandhu
11/19/10 8:29 PM
54
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
…ใน 19 กลุมปา ไมนับกลุมปาที่เปน กลุมทางทะเล ทั้งหมดจะมีชาง มีเสือ เพราะ ฉะนั้นสองตัวนี้คอนขางที่จะครอบคลุมทุก กลุมปา ขั้นที่เราจะทําคือจะมีการศึกษา ทํา แผน วาเราควรจะเชื่อมปาตรงไหนบาง เพื่อรักษา landscape species ตัวนี้ แตอยาลืมวา 2 ตัวนี้จะอยูไดจะตองมีสัตว ผูลาหนวยอื่นๆ และสัตวอาหารของพวกนี้ ดวย แตจะเชื่อมดวยวิธีการอะไรเปน อีกเรื่องหนึ่ง… เขาไปทํางานสายตรง พูดงายๆ ถาไดเขาไปทําในกรมอุทยาน ในสํานัก อุทยาน ในพื้นที่อุทยานแหงชาติ มันนาจะมีความรูพื้นฐาน มีแนวคิด หรือใชหลักการที่ถูกตองได ปญหาอยูที่ระบบการรับของกรมอุทยาน ไมไดรับตามความชํานาญ เขาอาจจะรับเด็กที่จบจากสาขาอื่นๆ ไปทํางานได อันนี้เปนขอจํากัดอยางหนึ่ง อีกเรื่องที่เปนปญหามานาน คือ อุทยานแหงชาติขาดนโยบายที่ ชัดเจน คือมีนโยบายที่ออกมาดวยวาจาจากทุกผูบริหาร ผูบริหารคน หนึ่งจะมีนโยบายออกมาหนึ่งชุด กรมนี้ก็เปนกรมที่เปลี่ยนผูบริหาร บอยมาก พอเปลีย่ น นโยบายก็ไมคอ ยตอเนือ่ ง อันนีต้ อ งยอมรับ มันปก ธงตามผูบ ริหารทีเ่ ปลีย่ นไป ปจจุบนั ถามวาไมมนี โยบาย แลวทํางานกัน ยังไง เจาหนาทีจ่ ะใช พ.ร.บ. อุทยานฯ เปนหลัก คือใชกฎหมายในการ ตัดสินใจ และถาผิดกฎหมายก็ไมทาํ แตวา ในรายละเอียดทีเ่ ปนกรอบ ทิศทางการดําเนินงาน อยางทิศทางการดําเนินงานในเรื่องการทอง เที่ยว การจํากัดจํานวนนักทองเที่ยว มันไมใชกฎหมาย มันตองออก มาเปนนโยบาย ซึ่งตองถือปฏิบัติ และตองไดรับการยอมรับ เพื่อใหมี กรอบทิศทางทีจ่ ะเดินอยางชัดเจน โดยไมปรับเปลีย่ นไปตามผูบ ริหาร ทีเ่ ปลีย่ นตัวบุคคลไปตามวาระ นีเ่ ปนอยางหนึง่ ทีเ่ ราบอกวาจะตองทํา ขณะนีเ้ รากําลังทําแผนยุทธศาสตร (โครงการศึกษาความเหมาะ สมในการจัดทําแนวเชื่อมตอทางนิเวศวิทยาของผืนปาในกลุมปาที่มี ความสําคัญของประเทศไทย) ที่ผานมาพอทําแผนยุทธศาสตรขึ้นไป ถึงระดับผูบริหารก็นิ่ง มันนิ่งดวย 2 ประเด็น ประเด็นแรกก็คือถาเมื่อ ไหรประกาศใชยทุ ธศาสตร อํานาจในการสัง่ การอาจจะสูญเสียไป นีไ่ ม ไดพดู ถึงระดับแคหนวยงานกรม อันนีก้ ลาพูดไดเลย เพราะเมือ่ ไหรทมี่ ี กรอบการดําเนินงาน อะไรทีเ่ คยทํากันตามอําเภอใจก็ไมสามารถทําได แลว ซึ่งเดี๋ยวนี้การทําตามอําเภอใจก็เยอะมาก มีไมนอยเลยทีเดียว ถาเปนนโยบายแลว มันจะมีนโยบายในเรื่องของการจัดการ ทรัพยากร ในเรื่องของการพัฒนาพื้นที่ การใชประโยชน ตอนนี้ใน ระดับพืน้ ทีเ่ องไมมนี โยบายคลุม ในอดีตเราทําแผนแตละพืน้ ทีอ่ ทุ ยาน 148 แหง ตอนนี้อุทยานที่มีการทําแผนยังไมถึงครึ่ง นอกจากจะไม ถึงครึ่งแลว อีกครึ่งที่ทําก็หมดอายุไปนานแลว เพราะฉะนั้นอุทยาน มีแผนอยูบางพื้นที่เทานั้นเอง ปญหาคือไมมีคนที่มีความสามารถใน ทางวิชาการที่จะมาขับแผนตรงนี้ไดทัน จะหวังพึ่งคณะวนศาสตรก็มี อาจารยอยูแคนี้เอง เราก็อาจจะไปชวยเขาไมไดมาก ผูทรงคุณวุฒิมี
GL28F-va.indd 54
อุทยานแหงชาติเขาใหญ-เกงเล็มหญาอยูริมถนนในอุทยาน โดยไมรูถึงอันตราย จากรถราที่วิ่งไปมา เปนภาพที่สรางความนาตื่นเตนใหกับนักทองเที่ยว Khao Yai National Park – A barking deer grazing along a road in the park, oblivious of danger from vehicles wheezing by, is an exciting sight for tourists.
อยูไมกี่คน ถามองแลวก็มีอยู 1-2 คนเอง แลวก็ลมหายตายจากไป แตอันนี้เปนสิ่งที่เราพยายามที่จะชวยทําขึ้นมา นอกจากนั้นตอนนี้ที่คณะชวยก็คือศึกษา corridor ในเรื่องของ การศึกษาแนวเชื่อมตอของผืนปาทั้งประเทศ มันเปนสิ่งที่เราคุยกัน มานานแลววา ถาเราอยากจะใหพนื้ ทีอ่ นุรกั ษของเราเขมแข็ง แข็งแรง เรื่องนี้ตองเปนแผนในระดับประเทศ พอมีกรอบทิศทางชัดเจน เวลา เราประกาศอุทยานหรือวาจะดําเนินการในการพัฒนาตอไปมันจะได ชัดวาจะตองเดินไปในลักษณะนี้ มันถึงเวลาแลว เพราะ 20 ป ทีผ่ า นมาไมเคยมีใครมานัง่ วิจยั ปรับ กระบวนการในการวางแผน อยางการวางแผนอยางมีสวนรวม สมัย นั้นใครมาพูดเรื่องการมีสวนรวมคนหัวเราะใสหนา ในเรื่องการมีสวน รวมนีเ่ ปนศูนย ติดลบดวยซํา้ คนมองไมเห็นภาพดวย และการปกครอง สมัยกอนรัฐธรรมนูญเรายังไมเอือ้ ขนาดนัน้ แตพอถึงตอนนีม้ นั เปลีย่ น ไปแลว และจะทําใหงานของเราไดรบั การยอมรับ มีประสิทธิภาพมาก ขึ้น เพราะเราทําฝายเดียวไมได ■ แนวทางการดํ า เนิ น งาน ในเรื่ อ งการเชื่ อ มต อ ผื น ป า หรื อ
corridor ในเรื่องของการศึกษา เราจะทําแนวเชื่อมตอทางนิเวศ คือไม ไดทําเฉพาะเรื่องสัตวปา หรือการอนุรักษพันธุกรรม แตจะมองกวาง ถึงเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ การเชื่อมตอในแงของการ ถายเทสารอาหาร พลังงาน จากตนนํ้าไปจนถึงทะเล ถึงมหาสมุทร ฉะนั้นในความหมายของ corridor จะมีเปาหมายหลักๆ อยู 3 ดาน อันแรก คือแนวเชื่อมตอเพื่อใหสัตวปาสามารถอยูอาศัยแบบมีสุข
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
...Our first step is to study the terrain and plan the location of corridors in order to preserve these “landscape species”. We must keep in mind that these two animals survive only when there are other predators and preys around the forest too. The construction of the physical corridor is the next step.... principles to their work in the real world. The problem is the National Parks Department does not recruit people based on their expertise, but take graduates from all disciplines. This is one limitation. Another long-standing problem is that the National Parks Department lacks a clear policy. Their policy is usually verbally stated by its director general, so it keeps changing as the department head changes and this department changes its head very often. So how do officials work without a clear policy, you may ask? They simply rely on the National Park Act as their reference. In other words, they use the law as the basis for decision making. If it is against the law, they will not do it. But details of operating framework and direction, such as guidelines regarding tourism management and limit on tourist number, are not law. It is a policy issue that needs to be accepted and implemented so that there will be a clear direction without subject to executive changes. Right now, we are in the process of formulating a strategic plan (derived from the project to study corridors to provide ecological bridge for important forest complexes in Thailand). In the past, once a strategic plan was submitted to the director general, it went no further. There were two reasons for this. First, if the strategic plan was approved, the director general would lose a certain degree of authority to command. This would happen not just at the departmental level (but also at higher levels). When you agree on an operating framework, you can no longer call the shots with your own lo agenda. And there is a lot of “calling one’s own shots” going on.
สัมภาษณพิเศษ: ผศ.ดร.ดรรชนี เอมพันธุ
GL28F-va.indd 55
55
September - December 2010
Once [the strategic plan] becomes a policy, there will be a policy in natural resources management, land development and utilization. As of now, there is no policy governing the field level. In the past, we used to have an operating plan for each of the 148 national parks. Now, not even half of them have a plan. For the rest, their plans had mostly expired a long time ago. Only a few national parks have any plan at all. The problem is a lack of competent personnel to implement the plans effectively. You can’t expect the Faculty of Forestry to assist in this area because there are only so many of us and there are only a few experts available. Nevertheless, we are trying our best to help in whatever way we can. What our faculty is doing to help is to conduct a study on “corridors” to link the forest complexes nation-wide. This is something we have discussed for a long time. If we want our protected areas to be healthy and strong, we must implement this initiative at the national level. Once we have an agreed-upon operating framework, it will be clear on how to proceed when a new national park is to be declared or a development plan implemented. Now is the time for change. During the past 20 years, nobody really sat down to analyze the plannning process. It used to be when somebody mentioned “participatory approach”, everybody laughed. The level of participation was zero or even negative. People just could not understand and governance before the previous constitution was in force was not conducive to change. But now things have changed and what we are doing is more acceptable and effective because we cannot do it alone. ■ What is the idea behind the ‘corridor’ concept to link forest complexes? In our study, we want to build ecological linkages – not only for wildlife or genetic preservation. But it will look more broadly to include biodiversity and linkages in terms of the transfer of nutrients and energy from watershed to the sea and all the way to the ocean. There are three types of corridor. The first is one which must allow wild animals to live more comfortably. The forest areas that we have today are quite constrictive for most animals. Because we aim for a nation-wide implementation, our work will predictably be quite complicated, so we select key animals for conservations which are elephants and tigers. We will also keep track of other animals, particularly those in their food chain, food sources and their reproduction pattern to determine the specification of rep the corridor. The 19 forest complexes, excluding marine national parks, all have elephants and tigers. Therefore, na these two animals are well represented. Our first step is th to sstudy the terrain and plan the location of corridors to preserve these “landscape species”. We must in order o keep in mind that these two animals survive only when kee there are other predators and preys around the forest ther too. The construction of the physical corridor is the next too step. For example, if a road goes through the forest, st
Special interview: Asst Prof Dr Dachanee Emphandhu
11/20/10 12:53 AM
56
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ทางหลวง 304 ถนนสายเศรษฐกิจเชื่อมภาคอีสานกับตะวันออกที่ผากลางผืนปาดงพญาเย็นที่เปนสวนหนึ่งของมรดกโลกออกจากกัน ในอนาคตอันใกลจะมีโครงการทําถนน เชื่อมปา หรือ corridor โดยหวังจะเปนการเปดทางใหสัตวปาเดินทางขามไปมาไดอีกครั้ง Highway 304, an economic lifeline connecting the northeastern to the eastern region, runs through the Dong Phaya Yen forest, which is part of a World Heritage. A “corridor” is in the making to re-connect the forest to allow wildlife to cross to the other side that has been denied them for a long time.
ได เพราะปจจุบันพื้นที่ปามันคอนขางจํากัดสําหรับสัตวบางชนิด แต เนื่องจากเราทําทั้งประเทศซึ่งเปนงานหนัก เราจะเลือกสัตวที่สําคัญ ที่เปนเปาอนุรักษ คือ ชางและเสือโครง กลุมเสือจะเปนสายพันธุ หลัก ในขณะเดียวกันเราก็ศึกษาตัวอื่นๆ เพิ่มไปดวย สัตวในหวงโซ อาหาร แหลงอาหาร การสืบตอเผาพันธุ แลวลองหาดูวาแนวเชื่อม ตอจะเปนอยางไร ใน 19 กลุมปา ไมนับกลุมปาที่เปนกลุมทางทะเล ทั้งหมดจะมี ชาง มีเสือ เพราะฉะนั้นสองตัวนี้คอนขางที่จะครอบคลุมทุกกลุมปา ขั้นที่เราจะทําคือจะมีการศึกษา ทําแผน วาเราควรจะเชื่อมปาตรง ไหนบาง เพื่อรักษา landscape species ตัวนี้ แตอยาลืมวา 2 ตัวนี้ จะอยูไดจะตองมีสัตวผูลาหนวยอื่นๆ และสัตวอาหารของพวกนี้ดวย แตจะเชื่อมดวยวิธีการอะไรเปนอีกเรื่องหนึ่ง อยางเชน ถาเปนถนน ผากลาง อาจจะตองเชือ่ มดวย corridor ทางวิศวกรรมในการสรางมัน ขึ้นมา เชน สะพานลอยฟา หรืออุโมงค อยางที่มีการศึกษาที่เขาใหญ แตถา บางแหงปาถูกตัดขาดดวยการใชประโยชนทดี่ นิ เชน พืน้ ทีเ่ กษตร ก็อาจจะเชื่อมดวยการใชพื้นที่เดิมที่มีอยู แตคุยกับชาวบานวาเขาจะ ยอมปลอยพื้นที่บางสวนใหชางเดินผานไดหรือเปลา พื้นที่ก็ยังเปน ของชาวบานอยู ซึ่งอาจจะมีขอแลกเปลี่ยน เชน มีการชดเชยสําหรับ ทรัพยสนิ ทีเ่ สียหาย หรือจะเปนการเชาที่ เราตองศึกษาในรายละเอียด ตอนนี้ปาตะวันออกก็ทําอยูอยางโครงการพระราชดําริ ระหวาง เขาชะเมา เขาวง กับเขาอางฤๅไน กําลังทดลองวาเปนไปไดไหม corridor อีกประเภทหนึง่ คือ การเชือ่ มตอผืนปาเพือ่ ระบบนิเวศ ความสัมพันธในระบบนิเวศอืน่ ๆ เราจะดูวา มีปา อยูต รงไหนบาง ถึงจะ มีปญหาในเรื่องพื้นที่อนุรักษ เพราะมีสองพื้นที่ที่เปนของกรมอุทยาน กับกรมปาไม บางทีคุยกันลําบาก แตปา-สัตวปาไมรูหรอกวาปาไหน เปนของกรมไหน เราก็พยายามทีจ่ ะดูวา ถามีการเชือ่ มตอทําใหปา ผืน เล็กๆ เปนผืนใหญขึ้น โดยที่ไมจําเปนตองเปลี่ยนสถานะภาพจากปา สงวนของกรมปาไมมาเปนปาอนุรกั ษของกรมอุทยานจะทําไดอยางไร corridor ประเภทที่ 3 จะเชื่อมระบบนํ้า ระบบลํานํ้าที่สําคัญ จากพื้นที่ตนนํ้ามาปลายนํ้า เพื่อใหสัตวนํ้าอยูได ในลุมนํ้าสําคัญๆ สิ่งที่เราจะดูก็คือ อุปสรรค เชน เขื่อนที่สรางกั้นระบบนํ้า รื้ออาจจะ
GL28F-va.indd 56
ไมได แตอาจจะปรับ อยางเชนอาจจะมีบันไดปลา ซึ่งสามารถเลือก เทคโนโลยีที่กาวหนามาใชได อันนี้เปนแนวคิด เพราะฉะนั้นในภาพ รวมคือความพยายามที่จะมองในเชิงการอนุรักษทั้งประเทศในภาพ ใหญ คณะวนศาสตรมีบทบาทในการชี้นําทางดานการอนุรักษ ถา เรายังนิ่งๆ เฉยๆ อยูอยางนี้ เดี๋ยวถนนก็จะขยาย เดี๋ยวก็จะตัดเขา พื้นที่อนุรักษ เราตองวางแผนเชิงรุกแลววา เรามีแนวคิดในเรื่องของ การจัดการพื้นที่ปาของพวกเราเปนแบบนี้ เราจะไดมีอะไรที่มาตอ รองเจรจากันบนโตะได เพราะตอนนี้สิ่งที่กรมขาดคือเรื่องของขอมูล ปญหาอุทยานแหงชาติที่เห็นชัดเจน คือไมมีขอมูลทางวิชาการ มารองรับ แตจะมีขอมูลแหลงทองเที่ยวไหนสวย รายไดที่ได แตถาม วาสถานภาพระบบนิเวศเปนอยางไร มีการติดตามการเปลี่ยนแปลง ไหม อันนี้ขาดมากเลย แลวถาเราไมรูวาเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ของเรา บาง มีความเปลีย่ นแปลงอยางไรบาง อีกหนอยอุทยานแหงชาติจะตาย ■ ขั้นตอนเปนอยางไร หลังจากทําแผนยุทธศาตรเสร็จแลว
แผนยุทธศาสตรจะเสร็จสิ้นปหนา ในความตั้งใจคือเสนอเขา ครม. เพื่อใหเปนวาระแหงชาติ เพราะวาพื้นที่ corridor เปนพื้นที่ ที่เกี่ยวของกับหลายกรม ถาเราไมไปจนกระทั่งสุด มันก็นิ่ง แลวก็ จะทําไดเฉพาะพื้นที่อนุรักษของกรมอุทยาน หรือกรมปาไมเทานั้น
■ ปจจุบันคุณคาของอุทยานแหงชาติในความรับรูของสังคมเปน อยางไรบาง เปนคําถามสําคัญที่จะทําอยางไรใหคนที่เขามาในอุทยานรับ รูวาอุทยานแตกตางจากพื้นที่อื่น เราไมใชรีสอรท เราไมใชโรงแรม เรามีพันธุพืชพันธุสัตว ความหลากหลายทางชีวภาพมหาศาล แต คนสวนใหญยังไมรูจักคุณคาของอุทยาน เขามองอุทยานเปนที่ปลด ปลอย เปนที่สวยงาม เปนที่พักผอน ฉะนั้นอุทยานแหงชาติจะตอง ทําอยางไร เพราะอุทยานจะตองเปนตนแบบในการอนุรักษ เปนที่ ศึกษาเรียนรูธรรมชาติ แตคุณคาของอุทยาน ตัวอุทยานเองใหความ หมายตัวเองอยางไร นี่คือสิ่งที่อุทยานแหงชาติตองทําใหได และตอง สื่อสารกับสังคมใหได ■
11/20/10 12:54 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
57
September - December 2010
ตนไมถูกทําเครื่องหมายเพื่อโคนลม และสภาพของการขยายถนนสี่เลนไปหนาอุทยานแหงชาติเขาใหญ กรณีที่ถูกคัดคานอยางหนักจากสังคมไทย เนื่องจากเปนรูปแบบของ การพัฒนาที่ไมสอดคลองกับความยั่งยืนในการจัดการผืนปาซึ่งเปนมรดกโลก Trees marked for felling to give way to the construction of a four-lane road to the entrance of Khao Yai National Park which has come under strong protests because it represents a development model that is not consonant with sustainable management of a forest complex that is a World Heritage.
we may need engineering solutions to build it, such as an overpass or a tunnel, like that being studied in Khao Yai. Some forests are segmented by other land uses such as farming. Then we may need to negotiate with the farm owners to allow some part of their land for the elephants to go through. We may compensate them for any damages that may result or we may rent their land. This, we need to study in details. The Royal Projects in the eastern forest complex have been conducting such feasibility studies in Khao Chamao, Khao Wong and Khao Ang Lue Nai. Another type of corridor serves to connect the ecological systems among forests. First we have to identify the forests to see under whose jurisdiction they belong to between that of the National Parks Department and the Royal Forest Department. Sometimes it could be difficult to sort things out, but the animals do not know which forest belongs to whom. Our job is to find ways to connect small forest parcels into a larger forest complex without affecting the status of forest protected areas under the two concerned departments. The third type of corridor links water systems from upstream to downstream so that fishes and marine life can survive in important watersheds. We will study obstacles to water flow such as dams. It may not be possible to demolish these structures, but we may be able to modify them, for example by adding fish ladders or employing other modern technologies. In general, we are trying to look at conservation at the national level. The Faculty of Forestry has played an active role in guiding the national conservation effort. If we sit idly, a lot of things will be pushed ahead, such as road widening and highway construction in the middle of the protected areas. Therefore, we must plan pro-actively by presenting our idea of for-
สัมภาษณพิเศษ: ผศ.ดร.ดรรชนี เอมพันธุ
GL28F-va.indd 57
est management. What the National Parks Department sorely lacks is good information. The department’s obvious problem is the lack of technical information. They may have tourism-related information such as which park is the most scenic or which park generates the most revenue. But they can’t tell you about the ecological status of or the impact assessment on parks. If they do not know what is going on in their area of responsibility and how it is changing, national parks will soon become insignificant. ■ What are the steps involved after completing the strategic plan? The strategic plan will be completed next year. We intend to submit it to the cabinet to be declared as a part of the national agenda. The fact that the corridor establishment involves multiple agencies dictates that we have to do it this way. Otherwise, it will only apply to protected areas under the National Parks and Royal Forest departments. ■ What is the current public perception of the values of national parks? This is an important question. How can we make people realize that national parks are different from other attractions? We are not resorts or hotels. We have abundant floras and faunas and enormous biodiversity. But the majority of the public still do not appreciate the values of national parks. They see the parks as scenic places for relaxation and stress relief. Therefore, national parks must become a model of conservation, places for nature learning. But first, the national parks must define their own values and then communicate effectively with the society at large. ■
Special interview: Asst Prof Dr Dachanee Emphandhu
11/19/10 8:29 PM
สี่แยกไฟเขียว GREEN INTERSECTION
58
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
นักทองเที่ยวเดินในสวนรุกขชาติสกุโณทยาน จ.พิษณุโลก ภาพสะทอน ของการปรับตัวในการจัดการไมโดยใหสัมปทานมาเปนการพัฒนาใน ดานการทองเที่ยว A tourist walks in the Sakunothayan forest park in Phitsanulok province which has recovered from past logging concessions and is now developed for tourism.
GL28F-va.indd 58
11/19/10 8:29 PM
การจัดการอุทยานแหงชาติ ภายใตสถานการณโลก
ณ อํานวย อินทรักษ
พ.ศ. 2553 นี้ “อุทยานแหงชาติ” ใน ประเทศไทยก็อายุเกือบหาสิบปเขาไป แลว ถาเปนคนก็วัยฉกรรจ กําลังกลา แกรง มีประสบการณตามวัย ปูมของอุทยานแหงชาติเริ่มจากชื่อ คําวาอุทยานแหงชาติแปลตรงๆ จาก national park ซึง่ เปน “การจัดการปา” แบบหนึง่ ทีเ่ กิดขึน้ ตามความ จําเปนอนุรักษปาในอเมริกา ในขณะที่มีการทําลายปาอยางมหาศาล สวนในประเทศไทย กอนที่จะมีอุทยานแหงชาตินั้น การจัดการ ปาไมมแี มแบบ หรือครู เปนอังกฤษ ซึง่ ครอบมาตัง้ แตยคุ ลาอาณานิคม แลว โดยตั้งกรมปาไมขึ้นมาเพื่อจัดการปาหรือ “ทําไม” มีหัวใจอยูที่ ใหไดเงินจากทรัพยากรไม โดยเฉพาะไมสัก ใหมากที่สุด เพราะมีปา ไมไมนอยกวาครึ่งของประเทศ สัตวปาชุกชุม ตํานานการลาสัตวมี ทั่วไป มีเสือกัดคนหลายแหงในประเทศไทย นํ้าทาอุดมสมบูรณ ใน นํ้ามีปลาในนามีขาว หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองเปนตนมา ปาไมเมืองไทยก็ วายวอดพรอมกับการพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยม โดยเปลีย่ นเอาปา ทีอ่ ดุ มสมบูรณทสี่ ดุ ในโลกไปเปนไรมนั สําปะหลัง ปอ ฝาย และไรออ ย ในเวลาชัว่ พริบตาเดียว เพือ่ ทําเงินสรางกําไรเอามาพัฒนาประเทศภาย ใตคําขวัญ “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” เพราะคนแหกันไป แผวถางยึดครองพื้นที่ปา ตามเสนทางชักลากไมซึ่งมีอยูเกือบทุกปา เมือ่ มีการใหสมั ปทานทําไมทไี่ หน ปาก็มลายตามเสนทางชักลากไมนนั้ อุทยานแหงชาติในประเทศไทยก็ไดเกิดขึ้นมาในเวลาเดียวกับ การทําลายปาครั้งอภิมหามโหฬารนี้ ในขณะที่สถิติการขยายพื้นที่ เพาะปลูกพืชผลการเกษตรเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับการดิ่งลงของ พื้นที่ปาไม
National Park Management in the Global Context Amnuay Intarak
GL28F-va.indd 59
ตอจากนัน้ มาเปนระยะสงครามเย็น ยุทธศาสตรของชาติไทยคือ การปลอยปละละเลยอยางจงใจ โดยอะลุมอลวยเอาใจประชาหนา หมอง เพื่อไมใหไปเปนพวกของคอมมิวนิสต ผลที่เกิดขึ้น ปาสมบูรณ ทัว่ ถิน่ ไทยมีผยู ดึ ครองเปนเจาของเกือบจะสิน้ เชิง แทบจะทุกหัวระแหง จากคนทุกระดับ การจัดการปาแบบอุทยานแหงชาติในระยะตัง้ ไขจงึ พบกับปญหา มากมาย ปญหาที่ดินสวนบุคคล หรือหนวยงานซอนทับกับปาเขาอยาง จัง การลักลอบทําไมเหมือนที่เคยทํามาตั้งแตบรรพบุรุษ จนเปน ปกติ วิ สั ย ไปแล ว และวั ฒ นธรรมการล า สั ต ว ป า ก็ ยั ง เป น ไปแบบ
อุทยานแหงชาติทับลาน-ปายหยุดตรวจหนาอุทยานแหงชาติ ปายเอกลักษณของสถานที่ ราชการที่สะทอนภาพการจัดการพื้นที่ปาอนุรักษภายใตกฎหมายรัฐ Thap Lan National Park – A stop sign on the bar at the park entrance reflect the use of legal tools in the management of protected areas by the state.
hailand’s national park system has been in existence for nearly 50 years. If it were a man, it would have been an experienced and strong, young man. The system is a form of forest management. It was born out of an urgent need to preserve woodlands in the US at the time of massive deforestation. Prior to the adoption of the national park system, Thai forest management had followed in the footsteps of the British Empire in its colonial days. The Royal Forest Department was established primarily for “forestry” purposes with the aim of cashing in on the forest resource, specifically logging of teak wood, as half of the country then was blanketed by forests that were also rich in wild-
T
11/19/10 8:29 PM
60
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
อึกทึกครึกโครม จนมีเฮลิคอปเตอรตก เพราะขนซากกระทิงจากปา ทุงใหญนเรศวร ในจังหวัดกาญจนบุรี อันเปนฟางเสนสุดทายที่นําไป สูเหตุการณสิบสี่ตุลา วัตถุประสงคขอที่หนึ่ง ซึ่งเปนขอหลัก และสําคัญที่สุดของการ จัดการปาแบบอุทยานแหงชาติ คือ การคุมครองพื้นที่ธรรมชาติและ ทุกสิง่ ทุกชีวติ ในอุทยานฯ นัน้ มีกฎหมายอุทยานฯ เปนเครือ่ งมือ สํานึก ของเจาหนาที่ คือทําทุกวิถที างเพือ่ เอาปาใหอยู อยางอืน่ ยังไมตอ งพูด ถึง สํานึกนีท้ าํ ใหเกิดวัฒนธรรมการปฏิบตั ติ ามกฎหมายอยางเครงครัด ซึง่ ถูกถายแบบจากรุน สูร นุ มีอทุ ยานแหงชาติเขาใหญ โดยนายไพโรจน สุวรรณกร (อธิบดีกรมปาไมในขณะนั้น) เปนตนแบบ พอสิน้ สุดสงครามเย็น บานเมืองสงบ กระแสการอนุรกั ษปา ก็แรง ขึน้ ผูร บั ผิดชอบพูดถึงการปองกันทางออมมากขึน้ คือทําใหเยาวชนรัก ปา ดวยเหตุนั้น คายธรรมชาติศึกษาจึงเกิดขึ้นแทบทุกอุทยานฯ เพื่อ เผยแพรความรูแ ละปลูกฝงจิตสํานึกอนุรกั ษธรรมชาติ ซึง่ ไดดาํ เนินการ มาอยางกวางขวางและยาวนาน มีนกั เรียนนักศึกษาผานคายธรรมชาติ ศึกษานับแสนนับลาน การจัดฝกอบรมฝกฝนเจาหนาที่ทํางานคายศึกษาธรรมชาติ ของอุทยานฯ ทั่วประเทศนั้น เปนไปตามวัตถุประสงคขอ ที่สอง คือ เปนสถานศึกษาธรรมชาติและสิ่งแวดลอมของนักเรียนนักศึกษาและ ประชาชนทัว่ ไป และสนับสนุนการคนควาศึกษาวิจยั ทางวิชาการตางๆ พรอมกับกระแสอนุรักษนั้น ความตองการเที่ยวปา อยากรูจัก อยากใกลชิดปา ก็เกิดขึ้นอยางกวางขวาง ปาเขตรอน ปาดงปาดํา ปา ลึกศึกใหญ ทุกถิ่นที่ทั่วไปใครๆ ก็อยากไปเที่ยว ทั้งไทยและเทศ ไป พักผอนหยอนใจ ไปพักคางแรมคืนในปาใหญ บานพักตามอุทยานฯ แนนเอียดเกือบตลอดป ใครๆ ก็อยากไปพัก แตไมรูจะจองบาน (ให ได) ไดอยางไร ระยะนี้การจัดการอุทยานฯ จึงมีโจทยใหญที่การบริการ ซึ่งเปน วัตถุประสงคขอที่สาม ตั้งแตวันนี้ไปการจัดการอุทยานแหงชาติก็นาจะขึ้นกับปจจัย ภายนอกอีกเชนเคย ที่เปนกระแสโลก ทั้งทางการอนุรักษ เชนโลก รอน ซึ่งนับวันที่จะรุนแรงยิ่งขึ้นๆ เปนตน กระแสการเที่ยวปาก็จะแรงขึ้น เพราะคนโหยหาธรรมชาติ อัน เนือ่ งมาจากความเครียด สับสน อึดอัด และรอนรุม เพราะปญหาจาก เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดลอม และความตองการใชประโยชนจากปาเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ก็จะมากขึ้น เชน สารเคมีบางอยางในพืช ซึ่งจะเกิดการตื่นตัวก็ตอ เมื่อมีตางชาติจดสิทธิบัตรที่มีสารจากพืชพรรณเห็ดราในปาไทยเปน สวนผสม คลายกรณีเปลานอย และจะนําไปสูการศึกษาพื้นฐานทาง วิทยาศาสตร เพื่อใชทรัพยากรชีวภาพใหเกิดประโยชนสูงสุด ทั้ง ทางเศรษฐกิจและสังคม ตามแนวทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแหงชาติ นิยามหรือความหมายที่แทจริงของ “การอนุรักษ” นั้น คือการ รักษาไวและใชใหเกิดประโยชนอยางชาญฉลาด ไดผลตอบแทนอยาง ยั่งยืนยาวนาน โดยไมทําใหทรัพยากรนั้นเสียหาย จะไดรับการพูดถึง และทบทวนมากขึ้น กระแสของโลกตองการยารักษาโรค ยาบํารุง และสารเคมี ชีวภาพ เพื่อการตางๆ มีสารอาหารและเครื่องสําอางเปนตัวอยาง สิทธิบัตรจะไดรับการพูดถึงอยางกวางขวาง กระแสนีน้ า จะฉุดดึงและหนุนสงใหเกิดการศึกษาวิจยั ได บทบาท
GL28F-va.indd 60
อุทยานแหงชาติถํ้าปลา-นํ้าตกผาเสื่อ-ขยะจากนักทองเที่ยวเปนปญหาใหญของ อุทยานฯ ที่หาทางแกไขไมได Tham Pla-Nam Tok Pha Sua National Park – Tourists-generated garbage is an unsolvable problem for national parks.
life. Hunting legends of man-eating tigers abounded. The country was known as the land of fish and rice. The end of Second World War saw the decimation of forests with the arrival of the capitalistic model of economic development as fertile forests were turned into tapioca, jute, cotton and sugarcane plantations. The government of the day’s motto was “Work is money and money is work and both bring happiness” as people scrambled to take over forest lands, clearing them of trees. Wherever logging concessions went, more forests along the transport routes fell by the wayside. The Thai national park system took root during this time of mega deforestation. The rate of agricultural area expansion rose as trees fell. Then came the Cold War. Thailand’s strategy then was that of deliberate negligence, allowing people to exploit forest lands to prevent them from being lured by Communism. The result was that almost every square meter of lush forests was claimed by people from all walks of life. The Thai national-park style of forest management in its infancy stage was dogged with many problems. Problems arose as forest lands gave way to both public and private concerns. Illegal and destructive logging practices became a norm and blatant wildlife poaching reached a climax with the discovery of gaur carcasses in a government helicopter which crashed as it left Thung Yai-Naresuan Wildlife Sanctuary in Kanchanaburi province. The incident was the last straw which gave rise to the student-led October 14 popular uprising which toppled the government of the day.
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
อุทยานแหงชาติเขาใหญ-ชาวตางชาติกําลังสนใจสินคาที่เธอซื้อมาจากรานขายของ ที่ระลึกในอุทยานฯ Khao Yai National Park – A foreign tourist examines a souvenir she just bought.
ของอุทยานแหงชาติกน็ าจะอํานวยความสะดวกเพือ่ ใหเกิดการศึกษา วิจัยมากขึ้น เพื่อใหไดประโยชนจากทรัพยากรอยางยั่งยืนที่แทจริง ตางไปจากแกวในมือลิง สําหรับการศึกษาวิจัยเพื่อการจัดการอุทยานแหงชาตินั้น ดู เหมือนเรื่องหลักนาจะเกี่ยวกับการจัดการทองเที่ยว เพราะขึ้นชื่อ วาการทองเที่ยวแลว มันจะตองเกี่ยวของกับคนจํานวนมากอยาง แนนอน และคนเหลานัน้ มีพนื้ ฐาน ความคิด คานิยม วัฒนธรรม ความ ตองการ เกี่ยวกับธรรมชาติปาไมตางกันไป และสิ่งที่มีอยูในธรรมชาตินั้น ก็เปนสิ่งที่คนตองการในรูปแบบ ตางๆ การเอาประโยชนจากปา เชน การลักของปาจะเกิดขึน้ อยางไมมี ทางหลีกเลีย่ งไปได เชน กลวยไมปา เฟน ไมผุ แมลง ผีเสือ้ สวยงาม นก เห็ด-รา พืชพรรณ และสัตวปาหายากหรือแปลก เปนตน การทําลายปาเปลี่ยนเนื้อหาหลักไป จากการทําลายเชิงปริมาณ มาเปนทําลายเชิงคุณภาพ เชน การกอเกิดขยะ การสรางถนน เปนตน แลวยังปญหาการทําลายธรรมชาติอยางไมรูตัว เชน การให อาหารลิงปา ซึ่งจะทําใหลิงปาเปลี่ยนพฤติกรรมไป หรือชางปา กวาง เขามาคุยหากินอาหารจากถังขยะ เปนตน สิ่งเหลานี้จะแกไขไดโดยมีพื้นฐานของขอมูล จากการศึกษา วิจัยทั้งสิ้น The first and foremost objective of forest management under the national park concept is to protect natural areas and all living creatures, with the National Park Act as a tool. Park officials’ mindset was to save forests first before all else, resulting in strict law enforcement, which was a legacy of Phairote Suwannakorn, former Royal Forest Department chief, who imposed the model on Khao Yai National Park. As peace prevailed following the end of the Cold War, forest conservation trend gained momentum. Prevention became a catchword. Youth nature study camps sprung up in all national parks to educate and instill environmental consciousness among millions of young people. With training programs offered to officials responsible for the study camps across the country, the second objective of forest management is met. That is forests serve as a classroom on nature and environment for students and the general public as well as support academic studies and researches.
61
September - December 2010
อุทยานแหงชาติเขื่อนศรีนครินทร-นํ้าตกหวยแมขมิ้น-ปายหามทิ้งขยะหรือหามนํา ขยะยอยสลายยากเขามาในอุทยานฯ แทบจะไมมีความหมายถานักทองเที่ยวขาด จิตสํานึก Sri Nakarindra Dam National Park – A sign stands at the path to Huai Mae Khamin Fall warning visitors not to bring food and nondegradable containers into the fall. Signs like this are useless for tourists without environmental awareness.
จึงอาจสรุปไดวา การบริหารจัดการอุทยานแหงชาติที่ผาน มา ตามเหตุปจจัยเงื่อนไขกระแสนโยบายและแผนตางๆ นั้น ถือได วาประสบความสําเร็จตามวัตถุประสงค ซึ่งแตละพื้นที่อาจจะมีราย ละเอียดตางกันไปในระดับของวัตถุประสงค อนาคตนั้น เปนสิ่งที่จําเปนตองคาดการณใหถูกตอง กระแสโลก เชน โลกรอน วิบัติภัยจากธรรมชาติ เคมีชีวภาพ จะทําใหมีการพูดถึงปาธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ การ เขาถึงทรัพยากร สิทธิบัตรมากขึ้น ตามขาวสารที่รับรูกันไดทั่วโลก และรวดเร็ว การจัดการอุทยานแหงชาติจะถูกกําหนดใหดําเนินการเกี่ยวกับ การปองกันรักษาของปา สัตวปา ที่เปนการทําลายปาเชิงคุณภาพ มากขึ้น ความตองการเทีย่ วปาทีม่ ากขึน้ ๆ จะกําหนดใหอทุ ยานแหงชาติ แตละพืน้ ทีส่ รุปบทเรียน และศึกษาวิจยั ประเด็นตางๆ ทีเ่ กีย่ วกับการ ทองเทีย่ ว เพือ่ พัฒนาการบริหารจัดการอุทยานฯ ใหเปนไปดวยดี ไม นอยไปกวาผลงานทีผ่ า นมา เพราะประวัตศิ าสตรไดตงั้ มาตรฐานไวแลว บทบาทการเปนแหลงวัตถุดิบของการศึกษา หรือเปนหองสมุด ธรรมชาติ ควรที่จะไดขยายตัวกวางขวางยิ่งขึ้น การเผยแพรคุณคาปาจะเปนสิ่งหนึ่งที่ละเวนไมไดเลย ■
อุทยานแหงชาติเขาใหญ-เจาหนาที่อุทยานฯ พยายามเก็บกิ่งไมที่มีเห็ดแชมเปญมา วางไวริมทางเขานํ้าตกเหวนรกเพื่อใหนักทองเที่ยวไดชื่นชมงายๆ โดยไมตองเดิน ออกนอกเสนทาง Khao Yai National Park – A park official collect branches on which various kinds of mushrooms grow and place them by the path leading to Haew Narok Fall for tourists to admire without having to venture off the path.
สี่แยกไฟเขียว Green Intersection
GL28F-va.indd 61
11/19/10 8:29 PM
62
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ลําดับเหตุการณของการจัดการปาไมในประเทศไทย
Chronology of forest management in Thailand พ.ศ. 2383 ชาวจีน พมา และเงีย้ ว (ไทยใหญ) ขออนุญาตจากเจาผูค รองนครตางๆ ในหัวเมืองทางเหนือ ไดแก เชียงใหม ลําพูน และลําปาง ใหเขาไปตัดฟนไมสกั จากปา โดยเสียเงินคา “ตอไม” ใหแกเจาผูค รองนคร 1840 – Chinese, Burmese and Shan loggers obtain permission from rulers of northern provinces of Chiang Mai, Lamphun and Lampang to fell teak trees in exchange for “stump fees”.
พ.ศ. 2398 รัฐบาลไทยตกลงทําสนธิสญ ั ญาเบาวรงิ (Bowring Treaty) พมา เงีย้ ว และมอญเขามารวมดําเนินกิจการ ทําไมสกั มากขึน้
1855 – Thailand signs the Bowring Treaty. More Burmese, Shan and Mon loggers enter the business.
พ.ศ. 2407 บริษทั บริตชิ บอรเนียว (British Borneo Co., Ltd.) เริม่ เขามาดําเนินกิจการปาไม ในประเทศไทย 1864 – British Borneo Company begins logging operations in Thailand.
พ.ศ. 2426 รัฐบาลไทยเริม่ อนุญาตใหชาวยุโรปเขารับสัมปทานทําไมสกั ในประเทศไทยได
1883 – Thailand begins to grant teak logging concessions to European firms.
พ.ศ. 2428 พมาปดปาสัก เนือ่ งจากสภาพปาสักเสือ่ มโทรมจากการทําไมของบริษทั ตางชาติ ทําใหบริษทั ตางชาติเริม่ เขามาลงทุนทําไมสกั ในไทย เพิม่ ขึน้ การทําไมสกั จึงไดขยายออกไปถึงจังหวัดอืน่ ๆ ทีม่ ีไมสกั ดวย
1885 – Burma ends logging concession due to increasing deterioration of teak forests, leading to more foreign logging firms to set up operations in Thailand. Logging thus spreads to other teak-rich provinces.
พ.ศ. 2439 รัฐบาลจัดตัง้ กรมปาไมขนึ้ เพือ่ คุม ครองปาไม และจัดวางโครงการการจัดการปาไมตามหลักวิชาการทีถ่ กู ตอง
1896 – The government establishes the Royal Forest Department to protect and ensure technically appropriate management of Thai forests.
พ.ศ. 2440-2443 รัฐบาลโอนกรรมสิทธิพ์ นื้ ทีแ่ ละการอนุญาตใหสมั ปทานทําไมจากเจาเมืองตางๆ มาเปนสมบัตขิ องแผนดิน เพือ่ ดําเนินกิจการ ปาไมสกั เอง เริม่ ดวยโครงการตัดฟน 30 ป ใน พ.ศ. 2451 1897-1900 – The government takes over logging areas and authority to grant logging concessions from northern provincial rulers and begins its own logging operations starting with the 30-years’ logging project in 1908.
พ.ศ.2468 เริม่ มีการสํารวจพืน้ ทีเ่ พือ่ ตัง้ สวนรุกขชาติ วนอุทยาน และอุทยานแหงชาติขนึ้ โดยมีการจัดตัง้ ปาภูกระดึงขึน้ เปนวนอุทยานแหงแรก
1925 – Surveys of forest areas to be sites of arboretums, forest parks and national parks, leading to the Phu Kradung forest becoming the first forest park.
พ.ศ. 2484 ระหวางสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลไทยไดเพิกถอนสัมปทานการทําไมสักจากบริษัทอังกฤษ และจัดตั้งบริษัทไม ไทย จํากัดขึ้นรับชวง การทําไมแทน 1941 – As World War II rages on, the Thai government revokes concessions granted to British firms and sets up Thai Wood Company to take over the concessions.
พ.ศ. 2489 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลคืนสัมปทานปาสักใหแกบริษัททําไมตางๆ ที่ยึดคืนมา และไดจัดตั้งองคการอุตสาหกรรมปาไม (อ.อ.ป.) ขึ้นแทนบริษัทไม ไทยจํากัด ใน พ.ศ. 2490 เพื่อดําเนินกิจการดานปาไม ใหแกรัฐบาล 1946 – The end of World War II sees the Thai government returning concessions to the original foreign concessionaires and setting up the Forest Industry Organization (FIO) to take over operation of the Thai Wood Company.
พ.ศ. 2497-2498 สัมปทานปาสักของบริษัทตางๆ สิ้นสุดลง และไมไดรับตอสัญญา รัฐบาลไดจัดตั้งบริษัทปาไมรวมทุนขึ้น โดยรวมทุนจาก บริษัททําไมที่หมดสัมปทานทั้ง 5 บริษัทเขาดวยกัน โดยรัฐบาลไทยถือหุนรอยละ 20 นอกจากนี้ยังไดจัดตั้งบริษัทปาไมจังหวัดขึ้นเพื่อรับทําไม ใน ทองที่จังหวัดนั้นๆ 1954-1955 – Foreign firms’ concessions expire and fail to win renewal. The government sets up a joint venture with five firms whose concessions have expired with the government taking a 20% holding. It also sets up provincial logging firms to operate concessions in their respective provinces.
พ.ศ. 2503 รัฐบาลมอบให อ.อ.ป. เปนผูดําเนินกิจการทําไมสักทั้งหมดในแปลงสัมปทานที่หมดอายุลง
1960 – The government empowers the FIO as the sole operator in areas where concessions have expired.
พ.ศ. 2503 มีพระราชบัญญัติสงวนและคุมครองสัตวปา 1960 – The Wildlife Protection Act is promulgated. พ.ศ. 2504 มีพระราชบัญญัติอุทยานแหงชาติ ประเทศไทยมีพื้นที่ปาประมาณ 171 ลานไร หรือรอยละ 53.3 ของพื้นที่ประเทศ มีการประกาศ ใหผืนปาขนาดใหญ เชนปาเขาใหญ เปนอุทยานแหงชาติ ปาสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี เปนเขตรักษาพันธุสัตวปา รวมทั้งผืนปาอีกหลายแหงให เปนพื้นที่อนุรักษตามกฎหมายนี้ 1961 – The National Park Act is promulgated. Forest areas cover 171 million rai or 53.3% of the country’s area. Many large forest areas are declared national parks such as Khao Yai and wildlife sanctuaries such as Salak Phra in Kanchanaburi. Many other areas are declared protected areas under this Act.
พ.ศ. 2532 ยกเลิกสัมปทานการทําไม หรือ ปดปาทั้งหมด ประเทศไทยเหลือพื้นที่ปาประมาณ 90 ลานไร หรือรอยละ 27.95 ของพื้นที่ประเทศ 1989 – All logging concessions are revoked. Forest areas stand at 90 million rai or 27.95% of the country’s area.
พ.ศ. 2532 เกิดแนวทางดําเนินการจัดการทรัพยากรปาไมที่สงเสริมแนวคิดให “คนอยูรวมกับปา” ได จนมีการเรียกรองใหตราพระราชบัญญัติ ปาชุมชนขึ้น เนนการใหชุมชนเปนผูดูแลปองกันและใชประโยชนจากปา เพื่อสรางจิตสํานึกของความรักและหวงแหนปา
1989 – Debate rages on about a new model of forest management which promotes the idea that man can co-exist with the forest. This leads to a campaign to pass a community forest bill which will enable communities to help protect and preserve as well as make use of forests as a way to instill a sense of love and ownership of the forests.
พ.ศ. 2537 รัฐบาลเริ่มนโยบายการปลูกปา 1994 – The government starts implementing its reforestation policy. พ.ศ. 2547 ประเทศไทยมีพื้นที่ปาประมาณ 104.74 ลานไร หรือรอยละ 32.66 ของพื้นที่ประเทศ 2004 – Thailand has 104.74 million rai of forest areas or 32.66% of the country’s area.
GL28F-va.indd 62
11/20/10 12:54 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
63
September - December 2010
Regarding studies on national park management, it appears that the main topic should focus on tourism management because it involves a large number of people who have different backgrounds, ideas, values, cultural upbringing and needs for nature. And in Nature are a variety of things that people want. So forest exploitation, including poaching of rare or unique wild orchids, ferns, old timbers, insects, butterflies, birds, mushrooms, fungi, plants and rare wildlife, is inevitable. But deforestation has shifted from quantitative destruction to qualitative destruction, such as garbage generation and road construction. This is not to mention threats from our negligence, such as feeding wild monkeys which leads to alteration of their behaviors or allowing wild elephants and deer to raid garbage bins. These problems can be solved with researches and studies. อุทยานแหงชาติเขาใหญ-ผีเสื้อกําลังกลุมรุมอยูกับกระดาษชําระที่นักทองเที่ยวทิ้ง ไวริมนํ้าตกกองแกว Khao Yai National Park – A group of butterflies are attracted to a piece of used tissue paper at Kong Kaew Fall.
Thai and foreigners inspired by conservation trend were eager to explore and spend time in forests. All types of forests have become objects of desire. Park accommodations were usually fully booked throughout the year. Service and recreation, the third objective, thus became a main concern for national parks. From now on, forest management will be influenced by external and even global factors. Global warming in particular is becoming an increasingly important issue. Forest visitation trend will rise as people increasingly long to get in touch with Nature as a relief from stress and chaos of modern life full of economic, social and environmental problems. At the same time, forest exploitation will also increase to make use of biological resources for social and economic development as outlined in the national economic and social development plan. Interests in the beneficial properties of plants have recently been heightened after some foreign concerns successfully patented products with ingredients derived from plants, mushrooms and fungi in Thai forests. This development, however, should lead to increased learning of basic science. The true definition of “conservation” as the preservation and wise use of natural resources for sustainable benefits without damaging them will be more widely discussed and contemplated. As global demand for organic medicine, nutritional supplements and chemicals grows, interest and competition over patents for them will also grow in scope and intensity. National parks could play a role in facilitating extensive researches and studies to ensure that natural resources yield sustainable benefits.
เห็ดถวย พบเห็นไดทั่วไปในผืนปาของอุทยานแหงชาติ Pink burn cup mushrooms can be seen in many national parks.
It may be said, then, that national park management had in the past achieved set objectives in accordance with prevailing policies and plans although achievement at each park varies in details. As for the future, accurate anticipation is needed. Global trends, such as global warming, natural disasters and biochemical technology will turn spotlight on natural forests, biodiversity and access to bio-resources and patents. National park management will be geared more toward protection of forest resources and wildlife which are subjects of qualitative destruction. Popular demands for forest tours will prompt each national park to learn from past lessons and conduct tourism-related studies in order to improve management above the standard set in the past. The role of forests as outdoor classrooms or libraries should be emphasized because cementing and spreading the foundation of forest appreciation cannot be overlooked. ■
สี่แยกไฟเขียว Green Intersection
GL28F-va.indd 63
11/19/10 8:29 PM
ขามฟา ACROSS THE SKY
64
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
อุทยานแหงชาติทางทะเล บูนาเกน: เมื่อรัฐและประชาชน
รวมดวยชวยกัน วสันต เตชะวงศธรรม
มุมหนึ่งของอุทยานแหงชาติทางทะเลบูนาเกน A view of Bunaken Marine National Park.
GL28F-va.indd 64
11/19/10 8:29 PM
Bunaken National Marine Park: When the State and the Public Join Hands Wasant Techawongtham
GL28F-va.indd 65
หลายๆ คนอาจจะไมรูจักอินโดนีเซียมากไป กวาที่วาประเทศนี้เปนเพื่อนบานของไทยใน แถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต บางคน อาจจะรูเพิ่มไปอีกนิดวาเปนประเทศที่มีเกาะ มากมาย (17,508 เกาะ) แตเหตุการณเมื่อ 6 ปกอนนาจะทําใหชื่อ ประเทศอินโดนีเซียเปนที่รูจักของคนไทยโดย ไมรูลืม นั่นคือ คลื่นสึนามิที่โหมกระหนํ่าทะเล อันดามันและมหาสมุทรอินเดียเมื่อวันหลัง คริสตมาสของป พ.ศ. 2547 อันมีสาเหตุจาก แผนดินไหวรุนแรงใตทะเลทีเ่ กาะสุมาตรา จนมี ผูเสียชีวิตกวา 230,000 คนใน 14 ประเทศ อินโดนีเซียเปนประเทศที่กวางใหญไพศาล มีประชากรถึง 230 ลานคน มากเปนอันดับ สีข่ องโลก นอกจากนัน้ ยังอุดมสมบูรณดว ย ทรัพยากรธรรมชาติที่นาอัศจรรยมากมาย
any people may not know Indonesia more than that it is Thailand’s neighbor in Southeast Asia. Others may know a bit more that this country has many islands, 17,508 to be exact. But a phenomenon six years ago has stamped Indonesia in our collective memory. What has become known as the 2004 Boxer Day tsunami triggered by a massive undersea quake in Sumatra swept over the Andaman Sea and the Indian Ocean, killing more than 230,000 people in 14 countries. With a population of around 230 million people, Indonesia is the world’s fourth most populous country and has a great wealth of natural resources. Although Indonesia covers only 1.3% of Earth’s land surface, this island nation is home to 10% of Earth’s flora species, 12% of global mammal species, 25% of global reptile and amphibian species, 17% of global bird species and over 25% of global fish species. The many islands contribute to Indonesia’s 81,000 kilometers of coastline and 18% of the world’s coral reefs. Relatively new to the concept of natural conservation, the country has 50 national parks including only nine national marine parks, compared with 148 national parks including 26 national marine parks in Thailand.
M
11/19/10 8:29 PM
66
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ชาวบานและนักทองเที่ยวลงจากเรือที่เกาะบูนาเกน Local residents and tourists disembark at Bunaken from a boat that take them from Manado.
BRUNEI
MALAYSIA SINGAPORE
แมจะมีพื้นที่เพียง 1.3% ของโลก แตประเทศนี้มีพันธุไมดอกถึง 10% พันธุส ตั วเลีย้ งลูกดวยนม 12% พันธุส ตั วเลือ้ ยคลานและสะเทิน นํ้าสะเทินบกถึง 25% พันธุนก 17% และมากกวา 25% ของพันธุ ปลาบนโลกนี้ ความที่มีเกาะมากมายทําใหอินโดนีเซียมีชายฝงทะเล ยาวรวมกันถึง 81,000 กม. และ 18% ของปะการังทั้งหมดของโลก แต ด ว ยสาเหตุ ที่ อิ น โดนี เซี ย เพิ่ ง ตื่ น ตั ว ในเรื่ อ งการอนุ รั ก ษ ทรัพยากรธรรมชาติไดไมนานนัก จึงมีอุทยานแหงชาติเพียง 50 แหง รวมทั้งอุทยานแหงชาติทางทะเลเพียง 9 แหงเทานั้น ในขณะที่ไทยมี อุทยานแหงชาติทั้งหมด 148 แหง รวมทั้งอุทยานแหงชาติทางทะเล 26 แหง อยางไรก็ตาม ความตืน่ ตัวของกระแสอนุรกั ษในอินโดนีเซียกําลัง เพิม่ มากขึน้ อยางรวดเร็ว โดยเฉพาะดานการจัดการอุทยานแหงชาติ ดู เหมือนอินโดนีเซียไดกาวลํ้านําหนาประเทศไทยไปแลว บางอุทยาน เปดโอกาสใหประชาชนมีสวนรวมในการวางแผน และรวมบริหาร จัดการโดยตรงอีกดวย แหงหนึ่งในนั้นคืออุทยานแหงชาติบูนาเกน (Bunaken) บน เกาะสุลาเวสี (Sulawesi) ซึ่งกอตั้งขึ้นเปนอุทยานแหงชาติทางทะเล แหงแรกของประเทศเมื่อป พ.ศ. 2534 อุทยานนี้กินเนื้อที่ 89,000 เฮกตาร (556,000 ไร) ที่มีความอุดมสมบูรณสูง การสํารวจทะเลพบ
GL28F-va.indd 66
Sumatra
MALAYSIA
Kalimantan
Bunaken
Manado
Sulawesi
Jakarta I N D O N E S I A EAST TIMOR
Java Bali
วามีพันธุปะการังอยูประมาณ 400 ชนิดและปลาปะการังกวา 1,000 ชนิด ดานสภาพทางสังคมและเศรษฐกิจนั้นมีสวนคลายคลึงกับไทย มากทีเดียว ประชากรกวา 30,000 คนบนเกาะนี้สวนใหญยากจน มีอาชีพทําเกษตรและประมง และอาศัยอยูในเขตอุทยานโดยไมมี กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ขณะเดียวกัน ความอุดมสมบูรณและความสวยงามของทะเล ทําใหอุตสาหกรรมการทองเที่ยวเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในชวงตนของการกอตั้งอุทยาน กระทรวงการปาไม ซึ่งดูแล อุทยานแหงชาติ จัดงบประมาณใหนอยมาก เจาหนาที่อุทยานขาด การอบรม ขาดอุปกรณที่เพียงพอ และสําคัญที่สุดคือขาดกําลังใจ ทําใหอุทยานอยูในสภาพที่เรียกไดวาแทบจะไมมีการจัดการเลย โดย เฉพาะอยางยิง่ ไมมกี ารปฏิสมั พันธใดๆ ระหวางเจาหนาทีก่ บั ภาคสวน อื่นๆ ของสังคมในพื้นที่
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553 However, natural conservation awareness has quickly built up. Indonesia has already left Thailand behind when it comes to national park management with some parks open for public participation in direct planning and management. Bunaken National Park on Sulawesi Island was formally established in 1991 and is among the first of Indonesia’s growing system of marine parks. The park covers a total surface area of 89,000 hectares (or 556,000 rai), which harbors a highly diverse ecosystem, including some 400 coral species and 1,000 fish species. On social and economic front, the park provides livelihood to a population of about 30,000 people who, similar to their Thai counterparts, are mostly poor farmers and fishermen without land ownership. Meanwhile, the pristine and beautiful sea is a key driver of the growing tourism industry. At the outset, the park under the care of the Ministry of Forestry was short on budget, trained staff, equipment and most importantly morale. The park had been poorly managed, and the worst part was there was practically no communications between park officials and local stakeholders. The park’s management hit rock bottom in 1997 during the global financial meltdown. Its already low budget was slashed down even further while the government added another pressure by declaring the park an
67
September - december 2010
“independent management unit” under its decentralization plan. The park was in dire need of extra budget for infrastructure development and equipment procurement, apart from normal operation expenses. Meanwhile, the local stakeholders felt disconcerted with the situation. The local administrative agencies refused to shoulder the burden of managing the degraded and budget-stricken park. The villagers were fearful of being evicted. Tourism operators were concerned about ongoing marine resource degradation due to tourist activities and destructive fishing methods such as use of explosives and cyanide. Fortunately, the US Agency for International Development (USAID) had stepped in to spearhead collaboration among tourism operators, non-governmental organizations (NGOs) and the locals as the only means to bring the park back on track. Thus, a network of local groups was formed. The aim was to form a board to take over park administration from the Department of Forest Protection and Nature Conservation. Success would turn a new page in administration framework in so far as public participation goes. The path to participatory management was strewn with obstacles, however. Tourism operators who were by nature competitors needed a middleman to steer them toward shared goals and benefits and away from com-
ชุมชนบนฝงเมืองมานาโด ในจังหวัดสุลาเวสีเหนือ ที่นักทองเที่ยวขึ้นเรือไปบูนาเกน A coastal community in Manado, capital of North Sulawesi province, where tourists board boats to Bunaken.
ขามฟา Across the Sky
GL28F-va.indd 67
11/20/10 2:29 AM
68
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
…ทุกวันนี้รัฐบาลอินโดนีเซียไดยอมรับบูนาเกนเปนตนแบบหนึ่งในการ บริหารจัดการอุทยาน แตความจริงก็คือวาการปฏิรูปการบริหาร จัดการอุทยานจะสําเร็จไมไดเลยหากภาครัฐขาดความความจริงใจใน การกระจายอํานาจการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ใหกับทองถิ่น… การจัดการอุทยานบูนาเกนตกตํ่าถึงขีดสุดชวงป พ.ศ. 2540 ซึ่ง เปนชวงที่โลกประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรง งบประมาณที่ นอยอยูแลวยิ่งถูกลดทอนไปอีก ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ประกาศให อุทยานแหงชาติบนู าเกนเปน “หนวยจัดการอิสระ” ตามแผนกระจาย อํานาจ ซึ่งหมายความวาอุทยานจําตองมีงบประมาณเพิ่มเพื่อพัฒนา โครงสรางพืน้ ฐานและซือ้ อุปกรณตา งๆ นอกเหนือไปจากคาใชจา ยใน การปฏิบัติงานตามปกติทั่วไป ระหวางนี้กลุมตางๆ ในพื้นที่ตางรูสึกอึดอัดคับของใจกับสภาพ การณที่เกิดขึ้น องคกรปกครองสวนทองถิ่นตางปฏิเสธที่จะรับภาระ การจัดการอุทยานทีอ่ ยูใ นสภาพเสือ่ มโทรมและขาดงบประมาณ ชาว บานรูสึกไมมั่นคงเพราะไมแนใจวาทางการจะขับไลออกจากที่ดินทํา กินหรือไมและเมือ่ ไร สวนผูป ระกอบการทองเทีย่ วก็เปนหวงสภาพของ ทรัพยากรในทะเลทีถ่ กู ทําลายไปเรือ่ ยๆ ทัง้ จากกิจกรรมการทองเทีย่ ว เองและการจับปลาดวยวิธีทําลายลาง เชน การใชระเบิดหรือยาเบื่อ โชคดี ที่ ไ ด อ งค ก รเพื่ อ การพั ฒ นาระหว า งประเทศของ สหรัฐอเมริกา (USAID) ชวยสนับสนุนใหประชาชนกลุมตางๆ ทั้ง ผูประกอบการการทองเที่ยว กลุมองคกรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) และกลุมชาวบานใหรวมตัวกัน ดวยเล็งเห็นวามีแตการรวมมือของ ประชาชนในพื้นที่เทานั้นที่จะชวยจัดการอุทยานใหฝาพนความ เสื่อมโทรมไปได ในที่สุดก็เกิดการรวมกลุมผูประกอบการทองเที่ยว และเครือขายของชาวบานขึ้นมา จุดหมายปลายทางของการรวมตัวของกลุม ตางๆ นัน้ อยูท กี่ ารตัง้ คณะกรรมการที่จะทําหนาที่บริหารจัดการอุทยานแทนกรมอนุรักษ ธรรมชาติและปองกันปาไม ซึ่งหากสําเร็จก็จะนับไดวาเปนการพลิก ประวัติศาสตรในการมีสวนรวมของประชาชนในการบริหารราชการ แผนดินเลยทีเดียว แตกวาจะไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นได ก็ตองผานอุปสรรค มากมาย เริ่มตั้งแตการรวมตัวของแตละกลุม ผูประกอบการการทอง เที่ยว ซึ่งโดยธรรมชาติของการทําธุรกิจ ก็เปนคูแขงขันกันเองอยูแลว ดังนั้นการรวมกลุมจึงตองอาศัยคนกลางที่คอยชักจูงใหสมาชิกมอง เปาหมายและผลประโยชนรวม แทนที่จะมุงมองแตเรื่องการแขงขัน ในเชิงธุรกิจ กลุมชาวบานเองนั้นก็มักถูกรองเรียนวาไมไดเปนตัวแทน ของชาวบานทั้งหมด ในขณะที่กลุมเอ็นจีโอก็มีแนวโนมไมวางใจการ ทํางานกับภาครัฐ แมวาวิกฤตเศรษฐกิจโลกชวงเวลานั้นจะทําใหรัฐบาลขาดงบ ประมาณสําหรับการอนุรักษในขณะที่การทําลายลางทรัพยากรเพิ่ม ขึ้น แตในอีกดานหนึ่งก็นําไปสูการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ รวมทั้ง การกระจายอํานาจการบริหารจัดการและทางการเงินลงไปสูทองถิ่น ซึ่งทั้งหมดเอื้อใหประชาชนมีการรวมตัวเขมแข็งยิ่งขึ้น ในที่สุด องคกรประชาชนภาคสวนตางๆ ก็ฟนฝาอุปสรรค สําเร็จจนสามารถเจรจากับกรมอนุรักษธรรมชาติและปองกันปาไม
GL28F-va.indd 68
ไดอยางเสมอภาค และกอตัง้ “คณะกรรมการจัดการอุทยานแหงชาติ บูนาเกน” ขึน้ โดยมีกรรมการ 15 คนจากกลุม ชาวบาน กลุม ผูป ระกอบ การ ภาครัฐทั้งจากสวนกลางและสวนทองถิ่น และกลุมเอ็นจีโอ ทั้งนี้ กลุมชาวบานมีตัวแทนเปนกรรมการถึงหาคนหรือหนึ่งในสามของ จํานวนกรรมการทัง้ หมด ดวยทุกฝายเห็นพองกันวาความรวมมือจาก ชาวบานจะเปนแรงสําคัญใหแนวคิดบริหารจัดการแบบใหมประสบ ความสําเร็จ ดังนั้นจึงควรไดรับแรงจูงใจใหเขามามีสวนรวมมากที่สุด ภาระกิจแรกของคณะกรรมการชุดนี้คือการกําหนดการจัดเก็บ คาธรรมเนียมอุทยานที่แตกตางไปจากอุทยานภายใตความควบคุม ของรัฐ เพื่อเปนคาใชจายในการบํารุงรักษาอุทยานและอนุรักษ ทรัพยากรธรรมชาติ คณะกรรมการประสบความสําเร็จในการเจรจา กับภาครัฐในการแบงรายไดจากคาธรรมเนียมนี้ โดย 80% ของราย ไดจะเปนสวนของอุทยานเอง ที่เหลือ 20% แบงกันระหวางภาครัฐ ในสวนกลางและสวนทองถิ่น ค า ธรรมเนี ย มที่ จั ด เก็ บ ได ทํ า ให ก ารอนุ รั ก ษ แ ละปกป อ ง ทรัพยากรธรรมชาติมีประสิทธิภาพมากขึ้น ชวยใหมีการจัดตั้งฝาย ลาดตระเวณทางทะเลเพื่อปองกันการจับปลาดวยเครื่องมือทําลาย ลาง โดยไดรบั ความสนับสนุนอยางเต็มทีจ่ ากผูป ระกอบการทองเทีย่ ว และภาครัฐ อีกภาระกิจหลักของคณะกรรมการคือการจัดโซนอุทยาน เพื่อ ใหการอนุรักษและใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติเปนไปอยาง สมดุลและยั่งยืน ทุกวันนีร้ ฐั บาลอินโดนีเซียไดยอมรับบูนาเกนเปนตนแบบหนึง่ ใน การบริหารจัดการอุทยาน แตความจริงก็คือวาการปฏิรูปการบริหาร จัดการอุทยานจะสําเร็จไมไดเลยหากภาครัฐขาดความความจริงใจ ในการกระจายอํานาจการจัดการทรัพยากรธรรมชาติใหกับทองถิ่น และไมใจกวางพอที่จะรับฟงความคิดเห็นของกลุมประชาชนและให บทบาทในการรวมบริหารจัดการอยางเสมอภาค องคกรประชาชนเองนั้นก็ตองสรางความเขมแข็งใหตัวเองเพื่อ สรางศักยภาพใหเปนทีไ่ ววางใจวาจะสามารถรับภาระกิจทีส่ าํ คัญนีไ้ ด ขณะเดียวกันผูเ กีย่ วของตองใหคณ ุ คาทางนิเวศ สังคมและเศรษฐกิจที่ สมดุล เพื่อดึงกําลังจากทุกกลุมเหลาของสังคมมารวมในงานอนุรักษ แตแรงขับเคลือ่ นสําคัญทีจ่ ะทําใหการบริหารจัดการรวมระหวาง รัฐและประชาชนยั่งยืนไดอยูที่กลไกในการสรางรายไดใหกับทองถิ่น ซึ่งจะทําใหผูมีสวนไดเสียสามารถดําเนินโครงการเพื่อการอนุรักษได นักทองเทีย่ วเองยินดีจา ยคาธรรมเนียมทีส่ งู ขึน้ เมือ่ ไดเห็นวาเงินทีจ่ า ย ไปถูกนําไปใชในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติอยางแทจริง ความสํ า เร็ จ ของอุ ท ยานแห ง ชาติ บู น าเกนได รั บ การยกย อ ง สรรเสริญจากองคกรนานาชาติหลายตอหลายแหง คําถามที่ตามมา คือ แลวไทยเราพรอมหรือยังที่จะใหโอกาสกับประชาชนรวมบริหาร จัดการพื้นที่อนุรักษของเราอยางแทจริง ■
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
69
September - December 2010
ชายหนุมกับหญิงสาวถายรูปหนารีสอรทแหงหนึ่งบนเกาะบูนาเกน A young couple have their photo taken in front of a holiday resort in Bunaken Island.
petitive focus. The local villagers group was seen as not representing the entire local population while the NGOs found it hard to trust government agencies. While the global economic crisis at the time shrank conservation budget just as natural resource destruction was on the rise, the crisis did lead to political reform and decentralization of administration and finance which were a catalyst to the strengthening of the civil sector.
fees, quite different from other state-controlled parks, which would fund park maintenance and conservation programs. The board was able to convince the state agencies to allow it to keep 80% of the entrance fee revenues while the central and local government bodies shared the reminder. The entrance revenues have helped strengthen natural conservation and protection efforts. A joint patrol team, fully backed by tourism operators and the public sector, led to significant reduction in destructive fishing practices. Another mission of the board was to zone the park for balanced and sustainable conservation and use of natural resources. The Indonesian government has since recognized Bunaken as a model for park management. The fact is the new management framework could not have succeeded were the government not sincere in decentralizing power of natural resources management, listening to local input, and entrusting the locals with equal partnership in management. At the same time, the people’s sector must build up its own capacity to assume this responsibility. A balance
...The Indonesian government has since recognized Bunaken as a model for park management. The fact is the new management framework could not have succeeded were the government not sincere in decentralizing power of natural resources management, listening to local input, and entrusting the locals with equal partnership in management... In the end, all hurdles were crossed and the civic network was able to negotiate with the Department of Forest Protection and Nature Conservation on an equal basis, leading to the establishment of the “Bunaken National Park Management Advisory Board”. The 15-man board represented local communities, entrepreneurs, central and local authorities and NGOs. Five locals’ representatives sat on the board, representing a full one-third of the body as it was agreed that the success of the new collaborative administration framework depended upon garnering the support and participation of local villagers. The board’s first mission is to fix its own entrance
must also be struck in terms of ecological, social and economic valuation of natural resources. This is necessary so that all societal groups could be induced to take part in conservation endeavors. The Bunaken entrance fee system has guaranteed sustainable joint public and private sectors’ management. Tourists have no reservation to paying higher entrance fees when they see that the money goes directly toward preserving natural resources they come to enjoy. Bunaken National Park’s success story has been praised by many international organizations. The question is whether Thailand is ready for such transition to collaborative management. ■
ขามฟา Across the Sky
GL28F-va.indd 69
11/19/10 8:29 PM
มหิงสานอย LITTLE MAHINGSA
70
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
นักสืบมหิงสา จากโรงเรียนบุงคลานคร กําลังเรียนรูธรรมชาติในเขตรักษาพันธุสัตวปาภูวัว Young Mahingsa detectives of Bung Khla Nakhon School take a field trip to learn about nature in Phu Wua Wildlife Sanctuary.
มัคคุเทศกนอย แหงภูวัว เรื่อง/ภาพ วิษณุ สุดาทิพย ครูชํานาญการ /โรงเรียนบุงคลานคร ธรรมชาติเปรียบเสมือนหนังสือเลมใหญที่มีเรื่อง ราวความหลากหลายและความสัมพันธของสรรพ ชีวิตตางๆ บนโลก ใหทุกคนไดคนพบคนหาและ เรียนรูอ ยางไมมที สี่ นิ้ สุด หองเรียนสําหรับเยาวชน จึงไมไดจํากัดอยูเฉพาะหองสี่เหลี่ยมในโรงเรียน เทานั้น หากแตคือโลกกวางรอบตัว โรงเรียนบุงคลานคร อําเภอบุงคลา จังหวัดหนองคาย เปน โรงเรียนขนาดกลางมีนักเรียน 7,658 คน ครู 33 คน ดูแลวการ เรียนการสอนก็คงไมแตกตางไปจากโรงเรียนอืน่ ๆ เทาไรนัก แมวา
GL28F-va.indd 70
โรงเรียนจะอยูไกลจากตัวจังหวัดกวา 180 กิโลเมตร แตความหาง ไกลไมไดเปนอุปสรรคกับการเรียนในโลกยุคปจจุบันเลย การเรียนการสอนของทุกโรงเรียนกาวหนาขึน้ มากเพราะระบบ การสื่อสารที่ไรพรมแดน แตสิ่งหนึ่งที่เราไดพัฒนาขึ้นในโรงเรียน ของเรา คือการที่เราไดใชธรรมชาติเปนครู ซึ่งเกิดจากการจัดการ ศึกษาที่เรียกวา “โรงเรียนสิ่งแวดลอมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ ยัง่ ยืน” เปนการตอบโจทยปญ หาของนักการศึกษาอีกรูปแบบทีน่ า จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยที่สวนใหญยังคงเรียกรองเอามาตรฐาน กลางทุกอยางใหเหมือนกันหมด เพือ่ การกระจายอํานาจแบบไทยๆ ใหคนยุคใหมมีสวนรวม
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
71
September - December 2010
Junior Guides of Phu Wua Story/Photos by Wissanu Sudathip Expert Teacher at Bung Khla Nakhon School
Nature is like a thick book that tells story of diversity and relationship of living creatures on Earth for everyone to seek and learn endlessly. Class room for youth is in fact not limited by a square room at school but in the wide world outside.
Bung Khla Nakhon School, situated in Bung Khla district, Nong Khai Province, is a mediumsized school comprising 7,658 students and 33 teachers. Learning modules here are no different from that of other schools. Though it is located 180 kilometers from the provincial town, distance is not a barrier for learning in the current world. Education in every school now is more advanced
มหิงสานอย Little Mahingsa
GL28F-va.indd 71
11/19/10 8:29 PM
72
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
เริ่มตนจากการที่เราไดรับการคัดเลือกใหเขาเปนศูนยสิ่ง แวดลอมจังหวัดหนองคาย โดยกรมสงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอม และจัดทําโครงการมหิงสาสายสืบ หลังจากนั้นมีการเปดอบรม นักเรียนทีม่ คี วามสนใจในเรือ่ งของธรรมชาติ และคัดเลือกนักเรียน 8 คน มาเปนแกนนําในการศึกษาตามกระบวนการมหิงสาสายสืบ เราไดรวมคิดรวมทํารวมกิจกรรม รวมแกไขปญหา ผานกาลเวลา หนึ่งปไดสรุปบทเรียนขึ้นเปนขั้นตอนดังตอไปนี้ 1 ขั้นคนหา เราไดเลือกเอาเขตรักษาพันธุสัตวปาภูวัวเปน สถานที่ในการศึกษา 2 ขั้นการสํารวจ เราไดใชบทปฎิบัติการเรียนรูการอนุรักษ ธรรมชาติเปนเครื่องมือ 3 ขั้นอนุรักษ เราไดจัดทําโครงการมัคคุเทศกนอยภูวัวเปน โครงการหลักในการทํางานอนุรักษ 4 ขั้นแบงบัน เราไดจัดทํานิทรรศการในการเผยแพรการ ทํางานของเราในกิจกรรมตางๆ ของโรงเรียนและชุมชน โดย นักเรียนยังมีโอกาสไดเปนวิทยากรรวมกับเจาหนาทีเ่ ขตรักษาพันธุ สัตวปาภูวัวดวย บทปฏิบัติการที่มุงเนนใหนักเรียนไดเรียนรูความเปนหนึ่ง เดียวกันในโลก ณ เขตรักษาพันธุสัตวปาภูวัว เราไดพบกับกิ้งกา ภูวัว และสิรินธรวัลลี ที่เปนพืชพันธุใหมของโลก และมีสรรพคุณ ทางยาสมุนไพร ทั้งสองสิ่งที่เราไดคนหา คนพบ อนุรักษ และแบงปน ทําให นักเรียนของเราไดรูจักทรัพยากรที่มีคาในทองถิ่นของตนเอง และ เกิดความภาคภูมใิ จในทองถิน่ ของตนเองอยางไมเคยเปนมากอน...
GL28F-va.indd 72
than before due to communication without border. Yet a new progress in our school is to have Nature as a teacher by developing what we call “environmental education for sustainable development”. It is considered a learning alternative to serve students as a Thai-style decentralization model to allow the young generation an opportunity for participation. It should be available in Thailand where most people still demand standardized education. It started after we were selected by the Department of Environmental Quality Promotion to be an environmental education center of Nong Khai Province and to launch the Mahingsa Detectives Project. We provided training to students interested in Nature and eight students were chosen as leaders in the learning process of the Mahingsa Detectives Project. After one year of collaborative activities, we have concluded our learning efforts as follows: 1. DISCOVER. We have selected Phu Wua Wildlife Sanctuary as our learning place. 2. EXPLORE. We have used learning activities to explore plants and wildlife and their connection. 3. CONSERVE. We have initiated Phu Wua Little Guide Project in our conservation work. 4. SHARE. We have organized various exhibitions to disseminate the results of our school and community activities as well as provided students opportunities to be co-guides with Phu Wua Wildlife Sanctuary officials. Based on action-oriented learning, students learn how to co-exist with all living things on Earth at Phu Wua Wildlife Sanctuary where they have seen Phu Wua lizard (Ptyctolaemus phuwuaensis) and Sirindhorn Valley (Bauhinia sirindhorniae K. & S. S. Larsencattle), a new plant species with herbal medicinal properties. These two things we have sought, found, conserved and shared help our students to appreciate the precious resources available on their native soil and make them proud of their own locality more than ever.
11/20/10 1:01 AM
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
73
กิจกรรมกรม
Activities of the Department
ปาใหญ คายลูกเสือ Scout Camps in the Big Woods GL28F-va.indd 73
11/19/10 8:29 PM
74
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ถ า สามารถเลื อ กห อ งเรี ย นธรรมชาติ ที่ เ พี ย บ พร อ มที่ สุ ด ได อุ ท ยานแห ง ชาติ ควรจะเป น หองเรียนทีด่ เี ยีย่ ม และถาพูดถึงกิจกรรมการเรียน ทีส่ นุกสนาน หลายคนคงคิดถึง การเขาคายลูกเสือ จากขอความในขางตนมีผลสํารวจระบุดวยวา การจัดกิจกรรม สิ่งแวดลอมศึกษาในโรงเรียน 17,229 แหง ทั่วประเทศ ในป 2550 พบวา รอยละ 80 จัดกิจกรรมดานสิ่งแวดลอม ผานกิจกรรมลูกเสือ และเนตรนารี และเปนสวนหนึ่งที่ทําใหเกิดการลงนามในบันทึกความรวมมือ สถาปนา ‘กองลูกเสืออนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม’ หรือ Green Scout Project ไปเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2552 โดยกรม สงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอม ไดเริ่มดําเนินงานโครงการระยะแรก ใน การสรางจิตสํานึกใหแกเยาวชนดานการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่ง แวดล อ ม โดยร ว มมือ กับ สํ า นั ก งานลูก เสื อ แห ง ชาติ และ สํ า นั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาในแต ล ะจั ง หวั ด รวมทั้ ง โรงเรี ย น ตางๆ จัดการฝกอบรมคายลูกเสืออนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมขึ้นในพื้นที่อุทยานแหงชาติ และเขตรักษาพันธสัตวปา ในพื้นที่ตางๆ ทั่วประเทศ รวมจํานวน 7 รุน มีลูกเสือและเนตร นารีเขารับการฝกอบรม และผานการอบรม เปนลูกเสืออนุรักษ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมแลวจํานวนรวม 1,460 คน พรอมกันนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมได ประกาศใหอุทยานแหงชาติ 110 แหง ทั่วประเทศ พัฒนาเปนคาย ลูกเสืออนุรักษทรัพยกรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม เพื่อใหลูกเสือและ เนตรนารีไดเขาไปฝกและทํากิจกรรม สามารถพัฒนาความรูความ
GL28F-va.indd 74
ational parks are the ideal outdoor classrooms and nothing beats a scout summer camp for unforgettable learning experiences. A survey confirmed that boy scout and girl guide activities accounted for 80% of environmental education activities held by 17,229 schools across the country in 2007. Such popularity led to the signing of a Memorandum of Understanding on “the Green Scout Project” on 29 January 2009 by the Department of Environmental Quality Promotion (DEQP). It aims to instill awareness of natural resources and environmental conservation among youths through cooperation with the National Scout Organization of Thailand, provincial education offices and schools. So far, seven camps involving 1,460 boy scouts and girl guides have been organized in national parks and wildlife sanctuaries. In a related move, the Ministry of Natural Resources and Environment instructed 110 national parks to set up a green camp to train boy scouts and girl guides with activities which would develop their knowledge and understanding in environmental conservation and promote their role in conservation efforts in their respective communities. For effective implementation of these integrated activities, related officials underwent scout leader training to learn the way of scouts. Participants in three camps have earned two-bead wood badge insignias while those in another one earned the three-bead.
N
11/19/10 8:29 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
เขาใจ และสงเสริมบทบาทของลูกเสือในการบําเพ็ญประโยชนดาน การอนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม เพือ่ ชุมชนของตนเอง อยางตอเนื่อง รวมทั้งไดพัฒนาบุคลากรในสังกัด เพื่อใหมีความรูแบบอยาง ธรรมเนียมของการลูกเสือ โดยจัดการฝกอบรมหลักสูตรผูบ งั คับบัญชา ลูกเสือระดับผูน าํ ขัน้ ความรูส งู เครือ่ งหมายวูดแบดจสองทอน จํานวน 3 รุน และเครื่องหมายวูดแบดจสามทอน จํานวน 1 รุน ทั้งนี้เพื่อให บุคลากรของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสงิ่ แวดลอมเหลานีส้ ามารถ ทํางานเชิงบูรณาการไดอยางมีประสิทธิภาพ ชลธิรา เกลี้ยงหนามเตย เนตรนารีโรงเรียนวัดมูลจินดาราม จ.ปทุมธานี แสดงความคิดเห็นหลังจากเขารับการอบรมวา เธอได เห็นธรรมชาติที่แทจริง เห็นการพึ่งพาอาศัยของสัตวกับตนไม ถือวา มีประโยชนมาก โดยขณะนี้ไดรวมกับเพื่อนๆ อีก 6 คน จัดกิจกรรม อนุรักษนกบางชนิดที่เริ่มจะสูญพันธุในชุมชนของตนเอง “ขณะนีก้ าํ ลังเลือกเฟนอยูว า จะเริม่ อนุรกั ษนกชนิดไหน โดยเริม่ โครงการนี้มาไดประมาณ 1 เดือนแลว คาดวาหากไดดําเนินโครงการ จนแลวเสร็จ อาจจะทําใหระบบนิเวศของเรามีความมั่นคงมากขึ้น เพราะไมใชแคการอนุรักษนกชนิดนั้นๆ เพียงอยางเดียว แตจะตอง เฟนหาตนไมที่นกชนิดดังกลาวอาศัยอยูดวย ซึ่งผลพลอยไดที่จะ ไดรับคือจะทําใหตนไมสามารถขยายพันธุตอเนื่องตอไปไดอีกดวย” เนตรนารีชลธิรากลาวหลังจากรวมฝกอบรม ดาน ปรียาพร พรหมพิทักษ ผูอํานวยการสํานักกิจการเยาวชน และลูกเสือ กรมสงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอม เปดเผยถึงผลในการ ดําเนินโครงการวา “โครงการนี้กําหนดไวประมาณ 5 ป จากนั้นจะใหมหาวิทยาลัย ราชภัฏพระนครเขามาดําเนินการประเมินผลโครงการ เพื่อตอยอด โครงการเพื่อใหเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด สวนวาถามี การเปลีย่ นแปลงรัฐบาลก็ไมนา จะมีผลกระทบตอโครงการ เพราะเปน กิจกรรมทีด่ าํ เนินการกับเยาวชน แตอาจจะมีการเปลีย่ นแปลงนโยบาย บางเพื่อใหสอดคลองกับนโยบายรัฐบาล” ป จ จุ บั น ในป ง บประมาณ 2553 กรมส ง เสริ ม คุ ณ ภาพ สิ่งแวดลอมไดประสานความรวมมือกับหนวยงานในสังกัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม เพื่อดําเนินการจัดการฝกอบรม ลูกเสืออนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมใหครอบคลุม พื้นที่ทั่วทั้งประเทศ โดยมีเปาหมายผูเขารับการฝกอบรมอยางนอยป ละ 2,000 – 3,000 คน ซึ่งคาดหวังวาจะครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใน 4 ป เพื่อจะทําใหไดลูกเสืออนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและ สิง่ แวดลอมเปนกําลังสําคัญในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและรักษา สิง่ แวดลอมตัง้ แตระดับครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และขยายไปสูร ะดับ ประเทศและระดับโลกในที่สุด รวมทั้งดําเนินการจัดอบรมพัฒนาบุคลากรการจัดคายลูกเสือ อนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม (Training for the Trainers) ใหแกบุคลากรในสังกัดและหนวยงาน ที่เกี่ยวของรวมถึงผูบังคับ บัญชาลูกเสืออีกจํานวน 4 รุนๆ ละ 65 คน ในพื้นที่เปาหมาย 4 ภาค ทัว่ ประเทศ โดยจะจัดอบรมทีจ่ งั หวัดสุพรรณบุร,ี เชียงใหม, ขอนแกน และสุราษฎรธานี ทั้งนี้ เพื่อใหผูผา นการอบรมมีความรูความเขาใจใน แนวคิดโครงการลูกเสืออนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม และสามารถดําเนินการจัดคายลูกเสืออนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมไดอยางมีประสิทธิภาพ ■
75
September - December 2010
Chonthira Gliangnamtoey, a girl guide from Wat Muljindaram School in Pathum Thani province, said the training was an eye-opening for her. She had seen Nature and witnessed the symbiosis of wildlife and plants up close. It has inspired her and six of her friends to launch a campaign to protect some bird species that are on the brink of extinction in their community. “We have started the project about a month ago and we are in the process of selecting a species for conservation. We believe the project will help secure our ecosystem. It is not just conservation of a bird species. What we’ll also gain is that trees on which they live, which we will have to identify, will increase in number,” she said. Preeyaporn Prompitak, director of the youth and scout activities office under the DEQP, said:
“The project will be assessed after five years by the Phra Nakhon Rajabhat University for needed improvements. A change in government should not affect the project as it involves youths. The scope might be adjusted to conform with the new government’s policy.” In the current fiscal year, the DEQP has sought cooperation from other ministerial agencies to open green camps throughout the country with a goal of covering between 2,000-3,000 youngsters a year. A nationwide coverage is expected in four years. The participants will play a part in conservation at the family, school and community levels which will eventually snowball to national and global levels. “Training for the Trainers” programs will also be offered to ministerial and related officials as well as four classes of 65 scout leaders each in the country’s four regions. The classes will take place in Suphan Buri, Chiang Mai, Khon Kaen and Surat Thani. Participants are expected to gain a better understanding of the project’s objectives and be able to run the camps more effectively. ■
กิจกรรมกรม Activities of the Department
GL28F-va.indd 75
11/20/10 1:04 AM
76
กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
เรื่องจากผูอาน FROM THE READERS
อุทยานแหงชาติ ในทัศนะของ นักทองเที่ยว มนตรี อัจฉริยสกุลชัย
ผมไมรวู า อุทยานคืออะไร ถามีคนมาถามก็คงจะตอบเขาไมได วาองคประกอบของอุทยานมีอะไรบาง นอกจากคนเก็บเงิน คาผานทางเทานั้นกระมังที่พอจะนึกออก ผมไมรูวาทําไมถึง จะตองประกาศใหที่นี่เปนเขตอุทยาน มันอาจจะมีความพิเศษ อะไรบางอยาง หรืออาจจะไมมีเลยก็ ได การจายเงินเขาชมก็ คือการเขาไปคนหาวาทําไมทีน่ ถี่ งึ แตกตางจากทีอ่ นื่ ซึง่ ไมไดถกู ประกาศเปนอุทยาน ผมเคยไปเทีย่ วเกาะเสม็ด เดิมทีผมไมรวู า ทีน่ คี่ อื อุทยานแหง ชาติ ผมแคอยากจะมาเที่ยวทะเลและอยากเปลี่ยนบรรยากาศ มาลองสัมผัสกับทะเลที่ติดกับเกาะบางก็เทานั้น ไมไดคิดวาจะมา อุทยานแหงชาติ เกาะเสม็ดเปนเหมือนกับแหลงทองเทีย่ วมากกวา
National Parks and I Montri Atchariyasakulchai have no idea what a national park is and what it is made of. I can only think of the guys collecting fees at the entrance. I often wonder why a national park is a national park. It must have something special or nothing at all. The only way to find out is to pay to get in and see if it’s any different from other tourist spots. I used to visit Koh Samet. I was not aware then that it was a national park. I just wanted to enjoy a different ambiance of the sea on an island without knowing I would be going to a national park. Koh Samet is just another tourist attraction where a lot of people go to enjoy the blue sea, white sandy beaches, sizzling sun and fresh seafood. Frankly, I don’t know the difference between Koh Samet and beaches in Cha-am district of Phetchaburi. Do we have special responsibility for national parks? Shouldn’t we be responsible for all places that we visit? Is the declaration of a national park a way to make people aware that the place needs protection due to its special conditions such as its fragile environment or natural
I
GL28F-va.indd 76
(บน) อุทยานแหงชาติแกงกระจาน-หญิงสาวกําลังนั่งชื่นชมกับ สายนํ้าเชี่ยวกรากของนํ้าตกปาละอู (Top) Kaeng Krachan National Park – A woman is admiring the rushing current from Pa La-oo Fall.
(ลาง) อุทยานแหงชาติเขาคิชฌกูฏ-เด็กหนุมนอนใหกระแสนํ้าฉํ่าเย็น ของนํ้าตกกระทิงไหลผานตัวไป (Bottom) Khao Khitchakut National Park – A youngster lies on stream bed, letting the cool water from Krathing Fall wash over him.
11/19/10 8:29 PM
77
อุทยานแหงชาติเขาเเหลมหญา-หมูเกาะเสม็ด-รองรอยของนํ้าเสียจากบานพักและ รีสอรทที่กําลังไหลลงสูทองทะเล Khao Laem Ya-Mu Ko Samet National Park – Wastewater from holiday resorts on the island makes its way to the sea.
อุทยานแหงชาติ คนมากมายมาทีน่ เี่ พือ่ เทีย่ วชมทะเล นํา้ ใส หาดทราย แสงแดดและอาหารทะเล ผมนึกถึงสิ่งเหลานี้เวลาที่นึกถึงเกาะเสม็ด แตถานึกถึงอุทยานแหงชาติเกาะเสม็ด ผมก็ไมรูวามันแตกตางจาก ทะเลที่อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรีอยางไร หรือเพราะวาจะตองมีหนาที่รับผิดชอบตออุทยานแหงชาติเปน พิเศษมากกวาที่อื่นๆ ทั้งๆ ที่ความรับผิดชอบนี้ก็สมควรจะตองมีตอ ทุกๆ สถานทีม่ ใิ ชหรือ ราวกับวาการประกาศเขตอุทยานแหงชาติขนึ้ มา จะเปนการทําใหตระหนักวาทีน่ จี่ ะตองไดรบั ความคุม ครองเปนพิเศษ เนื่องจากขอจํากัดอะไรบางอยาง เชน สภาพแวดลอมที่ละเอียดออน ความสวยงามตามธรรมชาติทไี่ มควรจะตองถูกเปลีย่ นแปลงไป เพราะ ยากตอการฟนฟูสภาพกลับคืน เปนตน โดยการคุมครองเหลานั้น ตราขึ้นเปนกฎระเบียบที่มีสภาพบังคับเขมงวดกวาปกติ เพื่อปกปอง ธรรมชาติจากมนุษย แยกมนุษยออกจากธรรมชาติดวยกฎระเบียบที่ มนุษยตราขึน้ จากนัน้ ก็หลอกลวงตัวเองดวยกฎระเบียบเหลานัน้ อีกที วาเราไดคุมครองธรรมชาติแลว ผมไมคดิ วาการการคุม ครองธรรมชาติโดยสงวนใหเจริญเติบโตใน พืน้ ทีน่ นั้ จะเปนการคุม ครอง ตราบใดทีโ่ ลกใบนีย้ งั มีมนุษยและมนุษย ยังตองอยูร ว มกับธรรมชาติ ซึง่ จําเปนอยางยิง่ ทีจ่ ะตองเรียนรูแ ละเจริญ เติบโตไปพรอมๆ กัน เพราะมนุษยจะชวยรักษาธรรมชาติใหสมบูรณ ไดดว ยจิตสํานึกของการรับผิดชอบ ซึง่ สําคัญทีว่ า จะทําอยางไรใหเกิด ความรูสึกวาเราอยากจะเรียนรูเกี่ยวกับธรรมชาติ โดยอาจจะเริ่มจาก สิ่งเล็กนอยใกลตัวของเรา เชน ความงามของลายเสนจากใบไมตางๆ ทีเ่ ปนแขนงราวดัง่ เสนเลือดฝอยในรางกายของมนุษย เปนผลงานการ สรางสรรคจากธรรมชาติอันแสนวิเศษ เปนตน หากเปนเชนนี้ การที่จะไปเที่ยวตามแหลงธรรมชาติในแตละ ครั้งก็จะเปนมากกวาการเที่ยวเลนเที่ยวชม แตจะเปนการเรียนรูและ ชื่นชมอยางเขาใจ ก็จะทําใหตอไปเวลานึกถึงอุทธยานแหงชาติก็จะมี อะไรมากกวาคนเก็บคาเขาชม … อยางแนนอน ■
เจาหนาที่อุทยานฯ กําลังเก็บคาธรรมเนียมเหยียบอุทยานฯ จากนักทองเที่ยวที่ ขึ้นมาเที่ยวบนเกาะเสม็ด A park official collects an entrance fee from visitors to Samet Island.
beauty that should be left untouched as they take ages to restore. Laws have been drawn up to protect nature from mankind, separating man from nature. Is it just our attempt to fool ourselves that nature has been well guarded? I don’t think protecting Nature by providing it a place to grow is the right kind of protection so long as man exists on this Earth and man must co-exist with Nature. Man must learn from Nature and grow with it. Only with a sense of responsibility can man help keep nature in its natural state. So it is important to find way to make people want to learn about Nature. It can start from little things close to us, for example, the beauty of leaf designs that resemble veins and arteries in human body which is a wonderful creation of Nature. If this can be achieved, each visit to a natural attraction would be more than a sightseeing experience but a learning experience and appreciation of Nature with true understanding. As we learn to appreciate Nature, the next time we think about national parks, we will think of many other things than the guys at the entrance booths … for sure. ■
เรื่องจากผูอาน From the Readers
GL28F-va.indd 77
11/19/10 8:29 PM
ลอมกรอบ VIEWFINDER
อุทยานแหงชาติแมยม - ชาวบานแกงเสือเตนกําลังบูชาเจาปาเจาเขากอนจะทําพิธีบวชปา – ประสิทธิพร กาฬออนศรี Mae Yom National Park – Villagers around Kaeng Sua Ten (Dancing Tiger Rapids) perform a ritual to pay respect to Chao Pa Chao Khao before a “forest ordination” ceremony. – Prasittiporn Kan-onsri
GL28F-va.indd 78
11/19/10 8:29 PM
เจาปาเจาเขา
“ไมเชื่ออยาลบหลู” วลีที่คนไทยใชกันแพรหลาย อาจกลาวเพื่อสรางสันติในวงสนทนาที่หลากหลายไป ดวยความเชื่อ ในมิติที่ไมสามารถพิสูจนไดทางวิทยาศาสตร
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณ ภูตผี ศรัทธา ความเชื่อ ความกลัว ตอธรรมชาติ จึงฝงรากแนบแนนอยูในสังคมไทยมาชานาน หนึ่งในความเชื่อที่แฝงไวดวยจิตวิญญาณแหงปา และภูมิปญญาทองถิ่น คือ “เจาปาเจาเขา” ดังคําเตือนที่มักไดยินกันอยู เสมอวา เวลาเขาปา ใหบอกกลาวถึงการมาเยือน และแสดงความเคารพทั้งใจ วาจา กิริยา ตอเจาปาเจาเขา เพื่อใหทานปกปก คุมครองใหอยูดีมีสุขตลอดเวลาที่อยูในปา หากทําอะไรที่ไมเปนการเคารพ เชน ลาสัตว ตัดไมตามอําเภอใจ ก็อาจเกิดเภทภัย ขึ้นกับตัวเองได พรานปาในอดีตตองเซนไหวขอเจาปาเจาเขากอนเขาปา เพื่อขอใชของปา โดยจะใชอยางมีศีลธรรมพอประมาณ เชน สัตว ปาที่ยิงตองเปนสัตวที่หมดกรรม ไมลาสัตวที่กําลังทอง หรือสัตวที่มีลูกออน ไมยิงสัตวที่บาดเจ็บอยูกอนหรือที่ไมมีทางตอสู เมื่อลาไดแลวตองขออโหสิตอสัตวที่ตาย และลาเพื่อประทังชีพหรือพอเลี้ยงครอบครัวเทานั้น และหากใครจําเปนตองตัดไมมา ใชสอย ก็ตองขอเจาปาเจาเขากอน และตัดเทาที่จําเปนเพื่อนําไปปลูกบาน ซอมเรือน หรือทําคอกสัตว แมสังคมกาวเขาสูโลกาภิวัตนและทุนนิยมแลวก็ตาม ความเชื่อนั้นก็ยังคงดํารงอยู โดยเฉพาะในชุมชนชนบทยังคงมีการ เซนสรวงบูชาเจาปาเจาเขา รวมถึง ผีปา ผีเขา ผีขุนนํ้า ผีฟา ผีประจําตนไม ใหพิทักษรักษาปา ตนนํ้า หรือระบบนิเวศ ใหคง ความอุดมสมบูรณเพื่อหลอเลี้ยงวิถีชีวิตของชาวบานปา ชาวนา ชาวสวน ซึ่งเปนวัฒนธรรมประเพณีที่ดํารงอยูรวมกับปามาได จนถึงทุกวันนี้
Chao Pa Chao Khao “Don’t mock it even if you don’t believe it” is a popular Thai phrase designed to pacify the qualms among conversation partners when it comes to different beliefs in things that cannot be scientifically verified. Sacred objects, spirits, ghosts, faiths, beliefs and fears of natural phenomena have been deep-rooted in the Thai society since ancient times. One of such beliefs which is based on jungle instinct mingled with local wisdom is the existence of the “Chao Pa Chao Khao (Guardian Spirit of the Forest Mountain)”. A frequent reminder is that before one enters the forest, he or she must ask for permission, state his or her objective and always be mindful of his or her thoughts, speech and actions. The Guardian Spirit will then protect him or her from all the dangers of the forest. But if that person shows no respect, such as hunting animals or felling trees capriciously, then calamity will strike. Hunters of the old days performed a ritual before entering the forest. They would promise the Chao Pa Chao Khao that they would take things from the forest for what they needed and would do so with moral consideration. For example, they would only shoot animals that were deemed to be at the end of their karmic cycle. They would refrain from killing pregnant animals or animals nursing their young. They would not kill injured animals or cornered animals with no way to fight back. After the kill, they would ask for forgiveness and would use the meat for food to feed themselves and their families. If they needed to repair their houses or build corrals, they asked the Guardian Spirit before cutting down trees and only enough for the purpose. Although modern society has moved to a period of globalized capitalism, that belief still holds true, particularly among the rural population. They continue to pay respect not only to the Guardian Spirit of the forest mountain, but also to water, trees, rivers and the sky to help protect the forests, water sources and ecosystems so that these resources would remain abundant and continue to provide sustenance to the forest folks and farmers. Such is a customary practice that has co-existed with the forest to this day.
GL28F-va.indd 79
11/19/10 8:29 PM
อาจกลาวไดวา เครื่องอุปโภค วัสดุ อุปกรณตางๆ เกือบทั้งหมดในชีวิต ประจําวันของคนเรา มีแรเปน วัตถุดิบเบื้องตนในการผลิต แตการทําเหมืองเพื่อใหไดมาซึ่งแรนั้น มักทําลาย ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมอยางหลีกเลี่ยงไมได รวมทั้ง สรางความเดือดรอนตอชุมชนรายรอบ
การใชชีวิตของเรา เกี่ยวของกับแรอะไร ชนิดไหนบาง กิจกรรมเหมืองแร ทําอยางไร เกิดอะไรขึ้นเมื่อมีการ ทําเหมือง
ติดตามไดใน เสนทางสีเขียว ฉบับหนา Read about these issues and more in the next edition of Green Line. It can be said that practically all consumer products, materials and equipment that we use in our daily life require mineral ores as the basic raw materials in their production processes. However, the mining for ores inevitably causes environmental damage as well as suffering for surrounding communities.
GL28F-va.indd 80
What types of minerals do we use in our daily life? How is mining done? What are the consequences of mining?
11/19/10 8:29 PM
สวมวิญญาณนักสื่อความหมาย อธิบายรายละเอียดสถานีต่างๆ ที่ร้อยเรียง เรื่องราวอยู่บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ 1. การเกิดหิน ................................................ ท้าทายหัวใจธรรมชาติ ว่าคุณรู้จักวิถีแห่งป่าและ ........................................................................ 2. ไลเคนส์ มอส ............................................. เป็นนักสื่อความหมายได้มากน้อยแค่ไหน ........................................................................ 3. ไทร นักบุญและนักฆ่า ............................... ........................................................................ 4. ปลวก สุดยอดสถาปนิก ............................. ........................................................................ 5. เถาวัลย์เกี่ยวเลี้ยวลด ................................. ........................................................................ 6. ป่าเขตร้อน ................................................. ........................................................................ 7. หวาย พืชเอนกประสงค์ ............................. ........................................................................ 8. ไผ่ พืชมหัศจรรย์ ........................................ ........................................................................ 9. เห็ด ผู้ย่อยสลายแห่งผืนป่า ........................ ........................................................................ 10. การเดินทางของสายน�้ำ ........................... ........................................................................ 11. พูพอน รากฐานที่มั่นคง ........................... ........................................................................ 12. ทาก สัญลักษณ์ของป่าสมบูรณ์ ............... ........................................................................
6
5
C
7
8
4
9
3 10
11 B
2
D
12
1 A
A ป้ายห้าม...................................................... B ป้าย? .......................................................... C ป้าย? ......................................................... D ป้าย? .........................................................
***พิเศษมั๊กๆ 15 รางวัล ส�ำหรับกิจกรรมส�ำรวจและค้นหาความหมาย บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขียวขจี ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ***จับรางวัลจากผู้ที่ตอบเกมถูกทุกข้อ และส่งบทความเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ จ�ำนวนไม่เกิน 1 หน้า โดยเนื้อหาสามารถสะท้อนภาพของการจัดการอุทยานฯ ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วม เกิดความตระหนัก รักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสามารถปฏิบัติได้จริง *จับรางวัล วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 *ก�ำหนดนัดหมายในการลงพื้นที่ วันที่ 26-27 กุมภาพันธ์ 2554
ส่งแฟ็กค�ำตอบกลับมาที่ 02-5172319, 02-2985629 หรือ ส่งไปรษณีย์มาตามที่อยู่ด้านหลัง ชื่อ-นามสกุล......................................... ที่อยู่.................................................... .......................................................... .......................................................... .......................................................... เบอร์โทร..............................................
กรุณาแสดงตัวด้วยคร๊าบบบบ .......ต้องการร่วมกิจกรรมนี้ .......ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้
“ตอบเกมเข้ามามีของที่ระลึก ส่งให้ถึงมือคร๊าบ”
Why do wild animals mingle with human beings? Nonn Panitwong
ทําไมสัตวปา มาปฏิสัมพันธกับคน นณณ ผาณิตวงศ
กวางใหญตัวหนึ่งในอุทยานฯเขาใหญดอมๆ มองๆ หาอาหารที่ที่พักแหงหนึ่ง A deer in Khao Yai National Park visits a lodging looking for food.
เจามิ่งนั่งอยู ใต โตะในสวนหลังบาน มิ่งเปนหมาพันธุ โกลเดน รีทรีฟเวอร อายุสบิ ป ทีย่ งั แข็งแรงดีตามสมควร
ผลการศึกษา DNA ระบุวาบรรพบุรุษของหมามิ่งเปนหมาปาและเริ่มเขามามี ปฏิสัมพันธกับมนุษยเมื่อสักประมาณ 100,000 ป กอน อาจจะเปนมนุษย ไป เอาลูกหมาปามาเลี้ยง อาจจะเปนหมาปาที่โตแลว เขามาเลียบๆ เคียงๆ คอย เก็บเศษอาหารของมนุษยแลวเกิดความคุนเคย ไมวา จะดวยเหตุใดก็ตาม ความสัมพันธดงั กลาวไดพฒ ั นาขึน้ จนหมาถูก ยกยองใหเปนเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย จะวาไปแลวสัตวเลี้ยงทั้งหมดที่มีอยู ของมนุษยก็เกิดจากสัตวปาทั้งสิ้น ไมวาจะเปนบรรพบุรุษของวัวบานที่มีถิ่น กําเนิดในแถบทวีปยุโรป บรรพบุรุษของไกบานทั้งหลายที่คาดวาจะเปนไกปา ของบานเรา หรือปลาทองที่มีรูปรางหนาตาแปลกประหลาดผิดปลาทั้งหลาย บรรพบุรุษของมันที่อาศัยอยู ในประเทศจีนก็ ไมไดมีรูปรางลักษณะแตกตางไป จากปลาไนเทาใดนัก จากตัวอยางบางสวนขางบน จะเห็นวามนุษยมปี ฏิสมั พันธกบั สัตวปา และ ธรรมชาติเสมอมา จนไมอาจหลีกเลี่ยงไดวาในสวนหนึ่งของจิตใตสํานึกของ เราทุกคนไดเรียนรูที่จะอยูและใชชีวิตรวมกับธรรมชาติ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เรา ตีตวั ออกหางจากการเปนสวนหนึง่ ของธรรมชาติ เราสวนใหญเลิกลาแลวเลีย้ ง สัตวแทน เราปลูกพืช และอาศัยอยูในเมือง แตในที่สุดแลว ก็ดูเหมือนกับวา สิ่งเล็กๆ สวนหนึ่งของเราเรียกรองใหเรากลับไปเยื่ยมเยียนและมีปฏิสัมพันธ
supplement28-va.indd 1
M
ing, my Golden Retriever, is sitting under the table on the back porch. At the age of 10, he is still relatively strong. A DNA study has revealed that Ming’s ancestor was a wolf that came into contact with human beings about 100,000 years ago. It might have happened when someone took a young wolf as pet. Or perhaps a grown wolf entered an area occupied by humans to pick up leftover food and became used to the presence of human beings. However it happened, the relationship has since developed until dogs are now praised as man’s best friend. In fact, all pets were once wild animals. For instance, the cows’ ancestors had lived in Europe, the Thai roosters’ ancestors came from a Thai forest, or the forebears of goldfish with their funny face in China bore uncanny resemblance to the Thai carp. As you can see, man has had relationship with wild animals and nature since time immemorial to the point that a part ลิงฝูงหนึ่งนั่งเลน เดินเลนบนถนนสายหนึ่งในอุทยาน แหงชาติเขาใหญ โดยไมเกรงกลัวผูคนหรือรถรา A group of monkeys spend an afternoon on a road in Khao Yai National Park showing no fear of humans or traffic.
11/18/10 10:45 PM
2
หนึ่งในเรือประมงหลายๆ ลําที่พานักทองเที่ยวออกไปดูปลาวาฬกําลังวิ่งไลปลาวาฬตัวหนึ่ง เพื่อเขาให ใกลตัวที่สุด – สมิทธ สุติบุตร One of the many fishing boats that take tourists to see whales is running after a whale to try to get as close to it as possible. – Smith Sutibut
กับธรรมชาติบาง ดวยเหตุนี้ เราจึงเห็นปรากฏการณอยางคนลนเขาใหญ ลาน กางเตนทบนภูกระดึงกลายเปนแหลงสลัมในชวงวันหยุดยาว หรือ รถติดเปน ทางยาวบนยอดดอยอินทนนท ในชวงวันปใหม เมื่อปาลดลง แตคนกลับเพิ่มขึ้น เมื่อมีคนเขาไปเยี่ยมชมอุทยานแหงชาติ และสถานที่ทองเที่ยวทางธรรมชาติประเภทตางๆ เพิ่มขึ้น หรือรุกคืบเขาไป ทํามาหากิน ปลูกพืชใกลปา ใกลบานของสัตวยิ่งขึ้น จึงหลีกเลี่ยงไมไดเลย ที่จะ เกิดปฏิสัมพันธกันขึ้นระหวางคนกับสัตวปา ที่อุทยานแหงชาติเขาชะเมา-เขาวง ยอดไมกําลังรวงหลนลงมาอยาง ผิดธรรมชาติ ใบเขียวๆ กานแข็งๆ รวงหลนลงมาทางนั้นทีทางนูนที เปนไป ไมไดที่ลมจะพัดยอดไมเหลานี้ตกลงมา ไมนานผมก็สังเกตเห็นหางยาวๆ ของ ลิงแสมตัวหนึ่ง มันนั่งอยูที่คบไม มือเอื้อมออกไปปลิดยอดออนที่มีลูกไม งอกอยูที่ปลาย มันกินลูกไมบางสวน พรอมทั้งแทะเล็มเอาใส ในของกานไม ไป หนอยหนึ่งกอนที่จะทิ้งสวนที่เหลือลงมา ลิงหลายสิบตัว หากินอยูบนตนไม ตนนัน้ ชวยกันปลิดลูกไมและยอดไมลงสูพ นื้ ดิน อาจารยผมเคยเลาใหฟง วาลิง หากินแบบนี้ กินทิ้งกินขวางและซน ถาเปนเด็กๆ คงถูกตี แตนี่ ในปา ไมมีอะไร สูญเปลา เกง กวาง และ เมน จะออกมาเก็บสิ่งเหลานี้กินเปนอาหาร สวนที่ เหลือจะถูกยอยสลายโดยปลวก รา และแบคทีเรีย กลับกลายไปเปนปุย ใหตน ไม เติบโต เมล็ดพันธุที่ลิงและสัตวปาตางๆ กิน ก็จะถูกเคลื่อนยายออกจากใตตน แม ไปเติบใหญสรางปาตอไป ทีนลี้ องนึกภาพลิงทัง้ ฝูงนี้ ออกมานัง่ รอขนมขบเคีย้ วจากนักทองเทีย่ วอยู ริมถนน อาจจะเปนอาหารที่งายสําหรับลิง และเปนความเพลิดเพลินของมนุษย แตในระยะยาวแลว ลิงและเหลาสัตวปา จะเปนอยางไร อาหารทีม่ นุษยหยิบยืน่ ให ดีตอสุขภาพลิงแคไหน? ความปลอดภัยของลิงที่มานั่งๆ นอนๆ อยูริมถนน หละ? หรือแมแตความปลอดภัยของมนุษยเอง เมื่อสัตวปาเกิดความคุนเคย กับมนุษยจนเกินไป? การใหอาหารลิงในเขตอุทยานแหงชาติจริงๆ แลวผิดกฏหมายและมีปาย หามอยู แต ในบางกรณีกลับกลายเปนอุทยานเสียเองที่กลายเปนเจามือ ลองดู ที่อุทยานแหงชาติหลายแหงที่มีลําธารและปลาพลวง กลายเปนวาอุทยานเปน ผูขายอาหารปลาเสียเอง จากการสํารวจของผมที่นํ้าตกพลิ้ว พบวาแตละป แมประชากรของ ปลาพลวงจะไมเคยลดลง แตปลาชนิดอืน่ ๆ กลับหายไปจากลําธารในเขตอุทยาน จนเกือบหมด ปลาจาดทอง และปลาเลียหิน แทบจะหายไปจากลําธาร หลังจากที่
supplement28-va.indd 2
มีการใหอาหารและดูแลปกปองปลาพลวงจนมันเพิม่ จํานวนขึน้ มหาศาล ปลาเล็ก ปลานอยอื่นๆ ที่ควรจะพบในลําธารในเขตดังกลาวก็พลอยหายไปเกือบหมด หรือที่แมฮองสอน ก็พบวาปลอยใหมีการใหอาหารจนมีอาหารเหลือตกคางใน ลําธารมากมาย และปลาที่ไดรับอาหารมากไปก็อวนกลม พิการ ผิดรูปรางไป ผมเขาใจวาการใหอาหารปลาเปนความสุขอยางหนึง่ แตการใหควรจะมีขอบเขต จํากัดจํานวนอาหาร ใหพอเหมาะพอดี ชางปาบุกทําลายเตนทนักทองเที่ยวที่เขาใหญ เปนอีกปรากฏการณที่ นาสนใจ ตามขาวระบุวา ชางตัวนี้หากินปวนเปยนอยูแถวผากลวยไม จนเริ่ม คุนเคยกับมนุษย ตกคํ่าปลอดคน จึงแอบยองมาในลานกางเตนทเพื่อหาขนม กิน แตปรากฏวาคนที่อยู ในเตนทเกิดตกใจโวยวายทําใหชางปาตกใจไปดวย ก็ เลยตกใจลุยเตนทลุยคนเกิดบาดเจ็บกันขึ้น กรณีแบบนี้ ใครผิดกันแน เราเขา ใกลชางเกินไป หรือชางเขาใกลเราเกินไป? สัตวปาอยางลิง ชาง หรือกวางอาจจะพอใจหลงผิดและเขามาหามนุษยที่ มีอาหารใหกนิ แตอกี หลายกรณี การรบกวนทีเ่ กิดจากมนุษยกก็ อ ใหเกิดปญหา กับสัตวปา อยางทีเ่ ปนเรือ่ งเปนราวกันเมือ่ หลายปกอ น อยางกรณีการถายภาพ นกในระหวางที่เลี้ยงลูกทํารัง เขาใกล ไดแคไหน มีกฏอะไรบาง ทําอยางไรถึงจะ รบกวนนกนอยทีส่ ดุ กลายเปนเรือ่ งทีถ่ กเถียงกันจนเกิดกติกาทีย่ อมรับรวมกัน กรณีลาสุดที่เพิ่งเกิดขึ้น คือกองทัพลาปลาวาฬบรูดาแหงอาวไทย ตอนใน จากที่มีเพียงเรือประมงพื้นบานไมกี่ลํารับจางพานักทองเที่ยวไมกี่กลุม ออกไปดู ตอนนี้กลับกลายเปนมหกรรมใหญกลางอาว เรือลําหนึ่งที่เจอ ปลาวาฬจะวิทยุบอกพวกพองใหรมุ กันเขามา วันหนึง่ ๆ มีเรือหลายสิบลําขับวิง่ ไลตอนฝูงวาฬ จนไมเปนอันตองหากิน เพื่อนที่ไปตามถายภาพอยูหางๆ บอก วาไมมกี ารขึน้ ฮุบเหยือ่ ใหเห็นเลย มีแตการวายหนี เพราะเรือตางหอมลอมวาฬ ราวกับมันไม ใชสัตวปา ผมเพิ่ ง ไปดู ป ลาวาฬหลั ง ค อ มที่ อ อสเตรเลี ย มา ที่ นั่ น บนเรื อ มี ก าร ติดกฏไวชัดเจน กอนออกเรือกัปตันจะชี้แจงขอบังคับตางๆ ใหนักทองเที่ยว ไดทราบ ตัง้ แตการหามดักหนา หามตามหลัง หามเขาใกลเกิน 100 เมตร หาม รุมลอมวาฬเกิน 3 ลํา การเปดโอกาสใหคนไดมีปฏิสัมพันธกับสัตวบางเปนเรื่องดี แตบางครั้ง เราอาจจะตองเจียมเนื้อเจียมตัวยอมรับวาเราเปนสวนเกินของธรรมชาติ และ ถอยหางออกมาจากเหลาสัตวปา อยางเคารพในสิทธิท์ จี่ ะดํารงอยูต ามธรรมชาติ โดยปราศจากมนุษยของพวกเขา ■
11/18/10 10:45 PM
กันยายน - ธันวาคม 2553
of our sub-consciousness has learned to live and co-exist with nature. Then, one day we find ourselves apart from nature. We have stopped hunting and instead raised domestic animals. We grow crops and live in the city. But eventually, it seems there is an inner call for us to re-visit and interact with nature. That is why we see Khao Yai overflowing with people, Phu Kradung becoming a slum of campers on long weekends and Doi Inthanon clogged up with traffic during the New Year holidays. As the forest areas decrease and the population increases, more visitors converge in national parks and other natural attractions, or more people encroaching on forests to open up farmland, farming near the forest and wildlife habitat. It is inevitable that man comes into contact with wild animals again. One day in Khao Chamao-Khao Wong National Park, I noticed an unordinary amount of leaves and branches falling left and right. It certainly was not the wind that blew them off. It did not take me long to notice the long tail of a Long-tailed Crab-eating macaque who was sitting in the crotch of a branch reaching out to grab young branches that bore fruits at the end. He would chew on the fruits and inside of the branches and throw the remaining to the ground. About 10 macaques were on the tree doing the same thing. My professor once said, if kids wasted food like this, they would have been spanked. But in the forest, nothing goes to waste as deer, muntjac and porcupine would scavenge on the leftovers. Whatever is left would be further degraded by termites, fungi and bacteria, and soon everything would become fertilizer for trees to grow. The seeds that the monkeys and other wild animals eat would be dispersed to grow as new trees that help build up the forest. Now, imagine that a whole bunch of monkeys sitting by a roadside waiting for tourists to give them food. It would be easy food for the monkeys and a source of entertainment for tourists. But how would these monkeys and other animals be in the long run? What would the human food do to the animals’ health? What about their safety while lingering on the road? What about people’s safety when wild animals become too used to human presence? Feeding wild animals in national parks is in fact prohibited by law, made plain on warning signs. In some cases, it is the national parks themselves that encourage animal feeding. Take those parks with running streams and brook carp in them. They have stands selling food for fish. I did my own survey of the waterfall at Nam Tok Plieu National Park and found that, although the population of brook carp never decreased, other fish species have almost totally disappeared. These include Gold-fin Tinfoil barb and Nibble fish. While the park nurtures the brook carp to the point of a population explosion, the other species big and small that should share the stream were gone. In Mae Hong Son, I noticed that there was so much food leftover in the stream and the fish were so overfed that they became round and fat, even disfigured. I understand that feeding fish can be a joyful activity for some people, but there should be a reasonable limit nevertheless. The case of a wild elephant demolishing tourist camps in Khao Yai National Park is another interesting phenomenon. According to the news, this particular elephant roamed around the Pha Klauy Mai camping area until it became used to people. One night, it sneaked into the campground to search for food.
ปายที่ติดอยูหนาที่พักในอุทยานฯเขาใหญ ปายลักษณะเดียวกันมี ใหเห็นตามถนน A sign at a group of lodgings in Khao Yai National Park. Similar signs may be seen on roadside.
Some campers were startled and yelled out, which caused the elephant to panic and run amok, damaging tents and hurting people. Who is to blame in this case? Did we get too close to the elephant or the elephant too close to us? Wild animals such as monkeys, elephants and deer may be mistaken when they regularly get food from people. But in many cases, it is this kind of human interference that causes problems to the animals. Some years ago a hot debate ensued about people trying to take close-up pictures of birds feeding their young. How close could one get to the nest? What were the rules? What was the best way to take pictures that causes minimum disturbance to the birds? Subsequently, a set of guidelines were agreed upon for photographing birds. The latest incident of the Bryde’s whale sighting in the inner Gulf of Thailand is similarly disturbing. It all began when a few local fishing boats started taking small groups of tourists to view the whales. Now it has ballooned into a major festival in mid-sea. One boat would radio the others of the location of the sighting and all of a sudden a flotilla would converge on the school of whales. The whales got rounded up and chased around until they have no time to feed or rest. A friend of mine who took pictures from a distance said that none of the whales surfaced to feed even once. They were too busy trying to evade the surrounding boats. I just got back from a trip to see Humpback whales in Australia where a sign on the boat is posted in plain view announcing a clear set of rules. Before departing, the boat captain reiterated all the rules for the tourists on board – no cutting in front of or trailing behind the whales; boats cannot get closer than 100 meters from the whale; no more than three boats may surround the whales at one time. Encouraging human interface with wildlife has its benefits. But sometimes we must humbly accept the fact that we are extraneous to nature and it is best to keep a certain distance from the wild animals with respect for their right to live naturally without human interference. ■
ทําไมสัตวปามาปฏิสัมพันธกับคน
supplement28-va.indd 3
3
September - December 2010
Why do wild animals mingle with human beings?
11/18/10 10:45 PM
4 กันยายน - ธันวาคม 2553
September - December 2010
ระเบียบกรมปาไมวาดวยการเขาไปใน เขตอุทยานแหงชาติ พ.ศ. 2533 1. ห า มมิ ใ ห นํ า ยานพาหนะที่ ใ ช เ ครื่ อ งยนต มี เ สี ย งดั ง หรื อ ควั น ดํ า ผิดปกติวิสัยเขาไป 2. การขับขี่ยานพาหนะตองปฏิบัติตามกฎ หรือเครื่องหมายจราจรที่ พนักงานเจาหนาที่กําหนดไว การจอดยานพาหนะตองไมกีดขวางทาง จราจร 3. การเขาออกใหกระทําไดเฉพาะตามเสนทางที่พนักงานเจาหนาที่ กํ า หนดไว แ ละเมื่ อ ถึ ง ด า นตรวจต อ งหยุ ด ให พ นั ก งานเจ า หน า ที่ ประจําดานทําการตรวจกอน 4. หามนําสารเคมีที่มีพิษตกคางตามบัญชีสารเคมีทายระเบียบนี้เขาไป ในเขตอุทยานแหงชาติ ทั้งนี้ตองไดรับการตรวจสอบจากพนัก งาน เจาหนาที่กอน 5. การอาบนํ้าหรือลงไปในลํานํ้า ใหกระทําไดเฉพาะบริเวณที่พนักงาน เจาหนาที่กําหนดไว 6. การเลนกีฬา ใหกระทําได ในบริเวณที่พนักงานเจาหนาที่กําหนดไว 7. การพักแรมคางคืนโดยการจอดยานพาหนะนอน ใชเต็นท กระโจม รถพวง หรือโดยวิธีอื่นๆ ใหกระทําได ในบริเวณที่พนักงานเจาหนาที่ กําหนดไว 8. การก อ ไฟเพื่ อ การใดๆ ให ก ระทํ า ได เ ฉพาะในเขตที่ พ นั ก งาน เจาหนาที่กําหนดไวและตองกระทําดวยความระมัดระวัง เมื่อเลิกใชแลว ตองดับไฟใหเรียบรอย 9. การใชสถานที่เพื่อการใดๆ ตองมิ ใหเปนการเสื่อมเสียศีลธรรม และวัฒนธรรมอันดีงาม และตองไมสงเสียงอื้อฉาว หรือกระทําการ อันเปนการรบกวนหรือเปนที่เดือดรอนรําคาญแกคนหรือสัตว 10. การเดินเที่ยวชมธรรมชาตินอกทางถาวร ให ใชเสนทางที่พนักงาน เจาหนาที่กําหนดหรือทําเครื่องหมายไว
ขอหามบางสวนตามพระราชบัญญัติ อุทยานแหงชาติ พ.ศ. 2504 1. ยึดถือ ครอบครอง แผวถาง เผาปา กอสราง ในเขตอุทยานแหงชาติ 2. เก็บหาของปา หรือนําของปาออกไป หรือทําใหเสื่อมสภาพซึ่ง ยางไม ไม นํ้ามันยาง นํ้ามันสน แร และทรัพยากรธรรมชาติ เวนแตจะ ไดรับอนุญาต 3. นําสัตวปาออกไป หรือทําอันตรายแกสัตว หรือดิน หิน กรวด หรือทราย 4. ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงของทางนํ้า หรือทําใหทางนํ้าเหือด แหง หรือทวม 5. เก็บหรือทําอันตรายตอดอกไม ใบไม หรือผลไม 6. นําสัตวเลีย้ ง หรือสัตวพาหนะเขามา นํายานพาหนะ หรืออากาศยาน เขามา เวนแตจะไดรบั อนุญาตจากเจาพนักงาน หรือปลอยปศุสตั วเขามา 7. ทิ้งขยะมูลฝอย 8. ยิงปน ทําใหเกิดระเบิด นําเชื้อเพลิงที่อาจทําใหเกิดเพลิงไหม สงเสียงอื้อฉาว 9. นําเครื่องมือลาสัตวหรือจับสัตว หรืออาวุธใดๆ เขามา เวนแตจะ ไดรับอนุญาตจากเจาหนาที่
supplement28-va.indd 4
The Royal Forest Department’s regulations on conduct in national parks, issued in 1990 ■ Vehicles emitting excessive noise or exhaust fumes are prohibited; ■ All vehicles must obey the rules and follow the traffic signs posted by park officers, and parking must not block traffic; ■ Entering and exiting national parks must follow the designated route and vehicles must stop at checkpoints for inspection; ■ All chemicals that leave residues according to the list at the end of this announcement are not allowed inside national parks without permission from park officers; ■ Bathing or entering the waterways may be done only at designated areas; ■ Sport activities may be carried out only at designated areas; ■ Overnight stays with parked vehicles, tents, camp, RVs or other means of accommodation may be done only at designated areas; ■ Camp fires may be built only at designated areas, and caution must be taken to extinguish them afterward; ■ Use of any area must be done in a manner that does not violate any moral codes or cultural practices. Any activity must not create excessive noise or cause disturbance to other people or animals. ■ Nature hiking may be done only on designated trails.
A partial list of prohibitions as prescribed by the National Park Act of Thailand B.E 2504: ■ Hold or possess land, clear, burn or build within national park area; ■ Collect, take out, or do by any means whatsoever things that endanger or deteriorate woody plants, gum, yan wood oil, turpentine, minerals or other natural resources; ■ Take out animals or do by any means whatsoever things that endanger or deteriorate the animals, soil, rocks, gravel or sand; ■ Change a water-way or cause the water in a river, creek, swamp or marsh to overflow or dry up; ■ Collect, or do by any means whatsoever things that endanger flowers, leaves or fruits; ■ Take in any domestic animal, cattle or beast of burden; take cattle in or allow them to enter; take in or take out any vehicle or aircraft, unless permission is obtained from the competent official; ■ Dispose of rubbish or other things at places that are not provided for such purposes; ■ Fire any gun, cause any explosive article to explode, bring in fuel that may cause fire or make a noisy disturbance or do other acts that cause trouble or nuisance to any person or animal; ■ Take in any gear for hunting or catching animals or any weapon, unless permission is obtained from the competent official.
11/18/10 10:45 PM