D
H
A
M
M
A
D
A
.
N
E
T
ค ื อ ค วา ม เรี ยบ ง่ า ย ค ื อ ธรรม ะ ค ื อ ธรรม ด า
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
เล่ม 3 UPDATE เพิ่มเติม ณ วันที่ 19 กันยายน 2553
บทความและข้อความจากหัวใจบริสุทธิ์ เล่ม 3 *** บทความและข้อความจากหัวใจบริสุทธิ์ ที่นํามาเสนอนี้ ล้วนมีรายชื่อและนามสกุล จริง ของผู้เขียนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในฉบับนี้จะลงเพียงชื่อแต่จะไม่มีการเปิดเผยนามสกุล จริง ทั้งนี้ในฉบับที่นําถวายหลวงพ่อและแจกจ่ายต่อสื่อมวลชนจะมีการเปิดเผยตาม ความจริงทุกประการ *** 287. การตามหาบ้านที่แท้จริง บ้านที่แท้จริงของมนุษย์ก็คือ “นิพพาน” การที่มนุษย์จะสามารถเข้าถึงนิพพานได้นั้น มนุษย์จะต้องศึกษาและเข้าใจ “อริยสัจ 4” และกฏ “ไตรลักษณ์” อย่างแจ่มแจ้ง อริยสัจ 4 ซึ่งประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ถ้าเรารู้ทุกข์จนแจ่ม แจ้งแทงตลอด สมุทัย ซึ่งก็คือ ตัณหา หรือ ความอยาก (ซึ่งเป็นตัวการสําคัญที่ทําให้เกิดทุกข์สืบเนื่องต่อกันไปไม่มีวันจบสิ้น เป็นวัฏฏะ) ก็จะเป็นอันหมดสิ้นไป เมื่อหมดสิ้นหรือเกิดความ “ดับไม่เหลือ” ของสมุทัย นิโรธ หรือ นิพพาน ก็จะบังเกิดขึ้นต่อ หน้าต่อตา และการที่เรา “รู้” ทุกข์จนสามารถ “ละ” สมุทัย และ “แจ้ง” นิโรธได้นั้นเรียกว่า “มรรค” หรือการเดินไปสู่ความพ้น ทุกข์โดยสิ้นเชิง หน้าที่ของเราในฐานะนักปฏิบัติจริง ๆ แล้ว มีแค่อย่างเดียวคือ รู้ทุกข์อย่างแจ่มแจ้ง พอรู้ทุกข์อย่างแจ่ม แจ้งจริง ๆ สมุทัยหรือความอยากก็จะไม่เกิดอีก เมื่อรู้ว่า “กายกับใจ” ของเรามันทุกข์ มันมีแต่ทุกข์ล้วน ๆ เลย มันจะอยาก ให้กายกับใจเป็นสุขอยากให้กายกับใจพ้นทุกข์อีกทําไม ในเมื่อจิตมันมีัปัญญาเห็นชัดแล้วว่า “กายกับใจ” หรือ ขันธ์ 5 มัน เป็นตัวทุกข์ล้วน ๆ จิตก็หมดความอยากหรือสามารถละสมุทัยได้โดยอัตโนมัติ ทันใดนั้นเอง นิโรธหรือนิพพานก็จะบังเกิด ขึ้นโดยอัตโนมัติเช่นกัน ทุกขั้นตอนทุกขบวนการในอริยสัจ 4 จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติทั้งสิ้น เพียงแต่เราสามารถ “รู้ทุกข์” จน แจ่มแจ้งจริง ๆ หน้าที่ของเราต่อริยสัจ 4 จริง ๆ แล้วมีอยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือ รู้ทุกข์จนแจ่มแจ้งแทงตลอดจริง ๆ เพราะเราไม่ สามารถที่จะสั่งบังคับควบคุมให้จิตของเรา “ละสมุทัย” แจ้ง“นิโรธหรือนิพพาน” และแม้กระทั่ง “เจริญมรรค” ได้ เพราะจิต ของเราเป็น “อนัตตา” มันไม่ใช่ “ของเรา” จริง มันเป็นเพียงนามธรรมชนิดหนึ่ง ที่ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า “การปฏิบัติธรรมนั้นจริง ๆ แล้วง่ายนะ ง่ายมากๆเลย” มันง่ายในแง่ที่ว่า เราไม่ต้องไป “ทํา” อะไรมากมายก่ายกอง หลายสิ่งหลายอย่างหลายวิธีจนสับสนวุ่นวาย ซึ่งส่วนใหญ่มักทําให้เสียทั้งทรัพย์สินเงินทอง และเวลาตั้งมากมายก่ายกอง แล้วในที่สุดก็อาจไม่ได้อะไรกลับมาเลย มิหนําซ้ําบางคนอาจได้ “มิจฉาทิฐ”ิ คือความเห็นผิด และ/หรือ “อวิชชา” คือความไม่รู้ มาทับถมสะสมในจิตเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วย จริง ๆ แล้วการปฏิบัติมีอย่างเดียว คือ รู้ทุกข์แค่นั้นเอง รู้ทุกข์ ก็คือ รู้กายรู้ใจอย่างที่เค้าเป็น ถ้ารู้ได้อย่างถูกต้องจะ เห็นเลยว่า กายกับใจของเรานั้น ทุกข์ล้วน ๆ เลย ไม่ได้มีสุขอย่างแท้จริงและถาวร มีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อยเท่านั้น บาง เวลาทุกข์มาก บางเวลาทุกข์น้อย ตราบใดที่มีขันธ์ คือ มีกายกับใจ ก็ยังต้องมีทุกข์อยู่ เพราะขันธ์คือตัวทุกข์ที่แท้จริง ทุกข์ โดยธรรมชาติ โดยสภาวะ โดยตัวของขันธ์เอง เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราทราบแล้วว่า หน้าที่หลักเพียงอย่างเดียวของนักปฏิบัติธรรมคือ ต้องรู้ทุกข์อย่างแจ่มแจ้งแทง ตลอด แล้วทําอย่างไรเราจึงจะรู้ทุกข์ได้ล่ะ อันนี้ก็ไม่ยากเช่นกัน (ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวบอก) ถ้าอยากรู้ทุกข์ เราต้องรู้ตัว ให้เป็น การที่จะรู้ตัวให้เป็น เราต้องมาหัดเจริญสติ พอเราเจริญสติได้อย่างถูกต้อง เราจะสามารถรู้ทุกข์ได้อย่างแจ่มแจ้ง การเจริญสติ คืออะไร คือ การระลึกรู้ลงไปในกายในใจ ในปัจจุบันขณะ และระลึกรู้บ่อย ๆ ยิ่งรู้บ่อยเท่าใด ยิ่งดีเท่านั้น นอกจากการเจริญสติจะทําให้เราเห็นแจ้งในความจริงที่ว่า กายกับใจของเราเป็นตัวทุกข์ล้วน ๆ (ทุกขัง) แล้วจะยังเห็นอีกว่า กายใจไม่เที่ยง (อนิจจัง) เราไม่สามารถบังคับควบคุมกายใจของเราได้จริง (อนัตตา) ซึ่งลักษณะความจริงทั้งสามประการนี้ แหละที่เรียกว่า “ไตรลักษณ์” ถ้าเราเจริญสติในชีวิตประจําวันบ่อย ๆ มากเข้า ๆ เราจะเห็นว่า กายใจของเราเป็นไตรลักษณ์ เราดูเราเห็นอย่างนี้บ่อย ๆ ซ้ํา ๆ ย้ํา ๆ มากเข้าๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง “จิต” ของเรามันยอมรับความจริง ยอมจํานนต่อความ จริงนี้โดยสิ้นเชิง จิตก็ปล่อยวาง “กายใจ” (ขันธ์ 5) อย่างแท้จริง โดยที่จิตจะไม่หยิบฉวยขันธ์ขึ้นมาถือไว้อีกต่อไป เพราะจิต มี “วิชชา” หรือ “ปัญญา” เห็นแจ้งแล้วว่่าตัวขันธ์นั่นแหละเป็นตัวทุกข์ ถ้าวางขันธ์เสียได้ “จิต” ก็พ้นทุกข์
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
1
สรุปแล้ว การปฏิบัติธรรมที่นําไปสู่ “นิพพาน” นั้นมีทางเดียวและลัดสั้นด้วยที่ครูบาอาจารย์ท่านเรียกว่า “ทางเอก” นั้นแท้จริงก็คือ “การเจริญสติในชีวิตประจําวัน” นั่นเอง การเจริญสติเท่านั้น ที่เป็นทางเอกทางเดียวที่ลัดสั้นที่สุด ที่จะนําให้ เราไปสู่นิพพานได้ เพราะการเจริญสติจะทําให้เรารู้แจ้งใน “อริยสัจ 4” และ “ไตรลักษณ์” อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น ต้นทางของการปฏิบัติ ก็คือการเจริญสติ รู้ลงไปในกายในใจของเราใน ปัจจุบันขณะ รู้ลงไปเรื่อย ๆ จน “มันพอ” ของมันเอง วันใดที่มันพอของมันเอง วันนั้นปลายทางของการปฏิบัติซึ่งก็คือ นิพพาน หรือ ความพ้นไปจากทุกข์ ก็ เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติต่อหน้าต่อตา ตอนนี้เรารู้แล้วว่าบ้านที่แท้จริงของเราคืออะไร และอยู่ที่ไหน และตอนนี้เราก็มีแผนที่ ซึ่งครูบาอาจารย์ได้ให้ไว้อยู่ใน มือของเราแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เหลือเพียงแต่การก้าวเดินต่อไปตามแผนที่เท่านั้น ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวว่า จุดอ่อนของ ฆราวาสก็คือพวกเราเดินบ้าง หยุดบ้าง ไม่ได้เดินอย่างต่อเนื่องสม่ําเสมอ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเมื่อใดที่เราจะได้พบเห็นบ้านที่แท้จริงของเราสักที โดยคุณอธิป 288. โดยส่วนตัวแล้ว.... เคยได้ฟังเทศน์จากหลายๆที่ แต่ไม่มีที่ไหนเทศน์สอนเรื่องสภาวะธรรมแบบหลวงพ่อปราโมทย์ จริงๆ พอได้มาลองศึกษา และปฏิบัติตามแนวทางที่หลวงพ่อสอน มันรู้สึกว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา มันลดน้อย ลงไปได้จริงๆ ก็ด้วยคําสอนของท่านที่ว่า "ให้มีสติรู้กาย รู้ใจ ลงปัจจุบันด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง" สิ่งที่หลวงพ่อสอนมัน มีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์อย่างมากมายจริงๆ ท่านเหน็ดเหนื่อยในการชี้สอนเพื่อให้ดูสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นต่อหน้า เพื่อ ให้เราได้รู้ เพียงเพื่อว่าต้องการปลูกฝังสัมมาทิฐิลงในใจของพวกเราเท่านั้น สิ่งที่หลวงพ่อสอนมันมีคุณค่ามาก เหมือน สามารถตอบคําถามที่ว่า "เราเกิดมาเพื่ออะไร" รู้สึกรักและเคารพหลวงพ่อจากใจจริง แล้วเรื่องเงินทองก็ไม่เห็นว่าทางวัดจะมาเรี่ยไรเงินทําบุญแม้แต่ครั้งเดียว แล้วแต่จิตศรัทธา ถ้าจะเรี่ยไรจริงๆเก็บเงินค่าCD คนละ 50-100บาท ก็มีคนเอา หนังสือเล่มละ 100-150บาท ก็ทําได้ แต่ท่านแจกให้ "ฟรี" เค้าเรียกให้ด้วยใจ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการให้กําลังใจ แด่ "หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช" ในครั้งนี้ ด้วยใจจริงค่ะ ^_^ โดยคุณสว่างจิตต์ 289. ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ ที่ได้เมตตา อดทนเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ให้กับพวกเรา ดิฉันเองได้ รู้จัก เข้าใจ และซาบซึ้งกับศาสนา และการเป็นชาวพุทธก็จากคําสอนของหลวงพ่อ นับว่าชีวิตนี้ไม่เสียชาติเกิด กราบขอบพระคุณค่ะ โดยคุณอังคณา 290. กราบนมัสการพระอาจารย์ปราโมทย์ครับ ผมศึกษาวิธีปฏิบัติธรรมจาก CD ของท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ การตามรู้สภาวะอยู่เนือง ๆ ที่หลวงพ่อได้สอน ทําให้ชีวิต ส่วนตัวและการทํางานของผมมีการเปลียนแปลงในทางที่ดีขี้นอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง นอกจากความสุขใจจากการตามรู้สภาวะที่เกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ แล้ว ผลจากการปฏิบัติอย่างแรก ๆ ที่สังเกตได้คือมี อินทรียสังวรศีล หรือความรู้สึกของผมคือมีศีลห้าเกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ ทําให้ผมเริ่มหมดโอกาสในการผิดศีลอย่างไม่ต้อง บังคับจิตใจ ลําดับต่อมาผมเริ่มเห็นสภาวะหลาย ๆ อย่างได้เร็วขึ้น และบ่อยขึ้น ทําให้ความทุกข์เบาบางลงมาก ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานต่างเห็นปรากฏการเปลี่ยนแปลงนี ้ และพวกเขาก็เริ่มต้นศึกษาและปฏิบัติธรรมกันมากมาย หลายท่าน เพื่อน ๆ หลายคนทั้งที่ทํางาน และที่เคยเรียนหนังสือด้วยกัน รวมทั้งตัวผมด้วย แต่เดิมเป็นกลุ่มคนที่มีความเชื่อ มั่นในตัวเอง ego สูงมาก และไม่เคยสนใจหรือเชื่อในเรื่องศาสนามาก่อน แต่เมื่อได้ทดลองปฏิบัติตามคําสอนของพระ อาจารย์ปราโมทย์ ทําให้หลาย ๆ ท่านที่ไม่เคยรู้จักการภาวนา ได้เข้าใจและปฏิบัติตัว ปฏิบัติธรรมในแนวทางที่พระพุทธเจ้า ได้ชี้ทางไว้ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
2
ขอขอบพระคุณท่านพระอาจารย์ปรโมทย์ที่เสียสละชีวิตแบบฆารวาสของตัวท่านเอง เพื่อความพ้นทุกข์ของคนอื่น โดยคุณ พีระพล
291. นมัสการพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช ดิฉันเป็นแม่ค้า ไม่มีโอกาสไปกราบนมัสการพระอาจารย์สอนวิปัสนาที่ไหน บ้านและร้านค้าที่ทํางานคือสถานที่เดียวกัน และ เป็นแห่งเดียวที่ดิฉันใช้เวลาตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง หากเป็นคนอื่นเชื่อว่าคงเบื่อหน่ายในความซ้ําซากของชีวิตประจําวันและ งานที่วนเวียนเหมือนเดิมทุกๆ วัน ที่นี่สําหรับดิฉันคือวิหารที่เปิดโอกาสให้ดิฉันได้อบ รม ปฏิบัติด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี และธรรมะของพระ อาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช คือหางเสือกํากับให้ดิฉันเชื่อมั่นในการฝึกฝนอย่างมีชีวิตชีวา ดิฉันไม่เคยร้อนรนที่จะไปสวน สันติธรรม ในเมื่อเพื่อนสหธรรมิกมีเมตตาจิตโพสต์คําสอนของพระพุททธองค์ซึ่งพระอาจารย์ได้กรุณาถ่ายทอดด้วยความ เมตตาให้เข้าใจง่ายจนนําไปสู่ความเบิกบานของจิตใจ ดิฉันเพียรฟังธรรมบรรยายของพระอาจารย์ปราโมทย์เป็นพันๆรอบ ทั้งในรูป CDที่มีผู้เมตตานํามาเจือจาน และผ่าน Youtube, Facebook ด้วยความเชื่อและศรัทธาในพระพุทธองค์ผ่านคําสอนของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช พระอาจารย์มี วิธีการสอนที่นํามาปฏิบัติได้ง่าย 2 ปีล่าสุดนี้ ดิฉันสามารถปรับตัวได้มากมาย และผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติคือ หลานชายของดิฉัน ซึ่งใครที่ได้สัมผัสเขาต่างก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนอารมณ์ดี มีความเคารพนบนอบ ให้เกียรติคนต่าง สถานภาพ ตลอด 20 ปีที่กลับมายอมรับตนเป็นข้าในพระพุทธองค์ ดิฉันมีความสงสัยมากมายในการดําเนินชีวิต แม้แต่การจัดการ อารมณ์ต่างๆของตนเอง คนมักเชื่อกันว่าการปฏิบัติที่ถูกต้องคือการกําหนด ซึ่ดิฉันไม่เคยประสบความสําเร็จในการกด อารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ด้วยคําสอนง่ายๆ ของพระอาจารย์ว่า ตามดูมัน วางใจให้เป็นกลางกับความสุขและความทุกข์ ปฏิบัติไปไม่ย่อท้อ ไม่ตายไม่เลิก สักวันก็จะรู้ ชีวิตนี้สั้น เร่งปฏิบัติไป ดิฉันก็ได้พบเส้นทางเบิกบานในการปฏิบัติในที่สุด พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช เป็นครูที่กระหนาบจิตที่หยาบกร้านของดิฉันให้อ่อนโยน สอนให้ดิฉันตามเห็นคนบ้าในตน อาละวาด และยายแก่หน้ายับเมื่อร้องไห้และหดหู่เพราะขัดใจ คุณูปการของพระจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโชมีมากเหลือเกิน หากข้อความเหล่านี้จะสามารถแสดงให้เห็นความงดงามในครูองค์นี้ต่อสาธารณชน ดิฉันยินดีที่จะประกาศให้ทุกท่านทราบ ว่า ดิฉันขอกราบแทบเท้าของพระอาจารย์เพื่อแสดงกตัญญู และทดแทนคุณที่ไม่มีประมาณของพระอจารย์ปราโมทย์ ปา โมชโช คําครหาใดที่มีต่อพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช ไม่สามารถลบล้างความเคารพที่ดิฉันมีต่อพระอาจารย์ปราโมทย์ ปา โมชโช
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
3
ด้วยผลแห่งการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ดิฉันได้สั่งสมมาไม่มีประมาณทั้งหมดทั้งสิ้น ขอเป็นคารวะปัจจัยอัญเชิญบารมีแห่ง พระพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ อํานวยพรและคุ้มครองพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโช ให้มีอายุมั่นขวัญยืน เป็นหลัก ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้สืบต่อไปนานเท่านาน ขอให้พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชโชรอดพ้นจากภัยอันตรายทั้ง ปวง โดยคุณทิพย์รัตน์ 292. เรียน คณะผู้จัดทําเวป dhammada.net ผมชื่อ นายสันติภาพ คําสอนของหลวงพ่อมีผลต่อชีวิตของผม คือ ทําให้ผมรู้จักกับการเจริญสติ ทําให้ผมรู้ว่าการปฏิบัติธรรมไม่จําเป็นต้องนั่ง สมาธิในที่สงบอย่างเดียว เราสามารถปฏิบัติธรรมได้ในชีวิตประจําวันได้ ทําให้ผมรู้ว่า การดูจิต เป็นอีกวิธีนึง และ รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทําให้ผมสามารถหาโอกาสในการปฎิบัติธรรมได้มาก ขึ้นครับ ขอบคุณครับ โดยคุณ สันติภาพ 293. มานั่งยัน ยืนยัน กับศรัทธาที่มีต่องานเผยแผ่พระพุทธศาสนาของหลวงพ่อ แม้เป็นลูกศิษย์ระยะห่างไกล แต่ไม่เคยสงสัยในคําสอนหรือวิถีปฏิบัติของหลวงพ่อ อย่าทิ้งลูกศิษย์ตาดําๆ นะคะ โดยคุณ Bunpajong 294. หลังจากได้รับการเข้าอบรมจาก Course เจริญสติในชีวิตประจําวัน ตั้งแต่ปี 2551 ผมก็ได้ทดลองภาวนาตามคํา แนะนําของหลวงพ่อปราโมทย์ คอยเรียนรู้กายเรียนรู้ใจไปเรื่อย ๆ ทําให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป จากที่เคยมีแต่ความทุกข์ใจ อย่างเดียว ก็มีความสุขใจมากขึ้น ปล่อยวางได้มากขึ้น ผมไม่เคยได้ยินหลวงพ่อเรี่ยรายอะไรเลย มีแต่บอกว่าหลวงพ่อไม่ ต้องการอะไร ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ หลวงพ่อมีแต่ความเมตตาสั่งสอนให้ขยันภาวนาเท่านั้นครับ จากลูกศิษย์ที่เชื่อมั่นและศรัทธาในหลวงพ่อปราโมทย์ โดยคุณ ภาสกร 295. ขอขอบพระคุณหลวงพ่อมากค่ะคําสอนของหลวงพ่อทําให้ดิฉันมีความรู้สึกตื่นมากขึ้น รู้จักตนเองมากขึ้น มองเห็น กิเลสที่มีอยู่ในตนเองได้มากขึ้น และสามารถยับยั้งชั่งใจในการกระทําความผิดได้ มีความสุขมากขึ้นและความทุกข์สั้นลง จริงๆ ขอส่งกําลังใจให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้โดยเร็ว โดยคุณ พรรนภา 296. ป็นคนเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์ ชีวิตวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าจนค่ํา สิ่งที่เคยคิดว่าได้มาแล้วจะมีความสุขก็ไม่ใช่อย่างที่คิด พอความ ทุกข์เข้ามาก็ทุกข์ใจสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าชีวิตเราวิ่งตามอะไรกันแน่ รู้แต่ว่าเบื่อ นี่ไม่ใช่อะไรที่อยากเป็นเลย แต่เหมือนมันไม่มี ทางออก ก็ได้แต่ทําตาม ๆ กันไป ชีวิตที่ผ่านมารู้สึกว่าธรรมมะมันไกลตัวมาก ตอนเด็ก ๆ โรงเรียนสอนนั่งสมาธิก็หลับเป็นประจํา ทั้ง ๆ ที่ก็ตั้งใจนะ คนรู้จัก บางคนไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมรู้สึกว่า โห.. ทําไมลําบากขนาดนี้ คิดในใจว่าบัวใต้น้ําลึกหลายร้อยเมตรอย่างเราไม่มีวันเข้า ถึงได้หรอก จนวันนึงรู้สึกอยากฟังธรรมมะเพราะแค่อยากให้ใจสงบขึ้น จะไปวัดก็รู้สึกยุ่งยากเกินไป ไม่รู้จะไปวัดไหนด้วย ที่ ผ่านมาก็แค่พาแม่ไปทําบุญไหว้พระหยอดตู้แล้วกลับ ไหนลองเข้าเน็ทดูแล้วกัน เปิดเข้าไปมีธรรมมะให้ดาวน์โหลดเยอะแยะ ไปหมด แต่คนไกลวัดอย่างเราก็ไม่รู้จักอยู่ดีว่าจะเริ่มจากไหน พอดีเจ้าของเว็บแนะนําซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ว่าเหมาะสําหรับ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
4
ผู้เริ่มต้น ลองฟังดูแล้วรู้สึกว่าวิธีนี้น่าจะเหมาะกับเรา ทําในชีวิตประจําวันได้โดยไม่ต้องหาเวลาปลีกวิเวก ซึ่งเราเองยังไม่ พร้อม (ไม่รู้ถ้าหลวงพ่อรู้เข้าจะเทศน์ว่าแบบนี้เค้าเรียกขี้เกียจไหม) ตอนนี้ฟังซีดีมาได้ประมาณครึ่งปีแล้ว ยังไม่เคยไปกราบหลวงพ่อที่วัดซักที รู้ตัวดีว่ายังปฎิบัติไม่ไปถึงไหนเลยยังไม่กล้าไป ส่งการบ้าน แต่รู้สึกได้ว่าใจที่เคยทุกข์มากทุกข์บ่อยมันน้อยลง ปล่อยวางมากขึ้น มีความสงบมากขึ้น แค่นี้ก็มากเกินพอ สําหรับเราแล้ว บุญคุณตรงนี้ของหลวงพ่อลูกจะระลึกไว้ และพยายามให้มากขึ้นไปอีก เพื่อให้สมกับที่หลวงพ่ออุตส่าห์ เหน็ดเหนื่อยเพื่อคนอื่น โดยคุณสุรีย์พร 297. คําสอนของหลวงพ่อทําให้สามารถฝ่าฟันปัญหาและความทุกข์ : ปีที่แล้วที่ดิฉันป่วยเดินไม่ค่อยได้มีเพื่อนเอาเทปหลวง พ่อมาให้ฟัง พอฟังแล้วก็นอนดูความเจ็บป่วย (เพราะหลวงพ่อบอก"ให้รู้อย่างเดียวพอ") เห็นความทุกข์ทรมานที่ได้รับแล้วก็ เห็นว่าพรุ่งนี้ความเจ็บก็มีการเปลี่ยนแปลง ไม่เหมือนเดิม เลยบอกกับตัวเองว่าวันนี้เจ็บได้พรุ่งนี้ก็หายเจ็บได้ จะไปมัวทุกข์ ใจมัวแบกความทุกข็ไว้ทําไม ทําให้มีกําลังใจขึ้นมากแล้วอาการป่วยก็ดีขึ้นเรื่อยๆ (แต่ก็ยังหาหมอกินยารักษาตัวเองตาม ปกติ ซึ่งก็รู้สึกว่ากายป่วยแต่ใจไม่ป่วยค่ะ) โดยคุณ รัตนา
298. กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ผมขออณุญาตเป็นตัวอย่างของผู้สูงอายุที่เพิ่งจะพบแสงสว่างแห่งธรรมะของพระพุทธองค์เพราะคําสั่งสอนของหลวง พ่อ กว่า 56 ปีที่ผมใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่าด้วยการ กิน สูบ ดื่ม เสพย์ แสวงหาความสุขในทางโลกแทบทุกรูปแบบ ในช่วง เวลานั้นผมแทบไม่เคยสวดมนต์ใหว้พระหรือเข้าวัดเข้าวาเลย จนกระทั่งปี 2550 จึงได้มีโอกาศได้ฟังซีดีธรรมะของหลวงพ่อ ทั้งนี้เพราะกัลยาณมิตรในที่ทํางานคนหนึ่งนํามามอบให้ แต่ทว่าหลังจากที่ได้รับมาผมก็ไม่เคยสนใจจะฟังเพียงแต่เอาไปเก็บ ใว้เฉยๆเพราะมีคนให้ซีดีและหนังสือธรรมะมามากพอสมควร อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเห็นว่าผมอายุมากแล้วก็เป็นได้ ต่อมาวันหนึ่งมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ได้เล่าให้ฟังถึงการที่เขาได้มากราบศึกษาธรรมะกับ หลวงพ่อซึ่งทําให้ผมทึ่งมาก เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสําหรับคนที่มีบุคคลิกอย่างเขาจะปฏิบัติเช่นนั้นได้ ผมจึงได้ ทดลองเปิดซีดีของหลวงพ่อแผ่นนั้นฟังดู จากวันนั้นเองผมขอกล่าวว่าผมได้พบเป้าหมายใหม่ในชีวิต ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด อันสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่กว่าเป้าหมายใดๆที่ผมเคยประสบความสําเร็จมาทั้งหมด กล่าวคือการพ้นจากความทุกข์ การหลุดพ้น จากสังสารวัฏนี้ ผมเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง ผมประสบความสําเร็จทั้งด้านหน้าที่การ งาน รายได้ และครอบครัว กล้าจะกล่าวได้ว่ามีความสุขครบถ้วนตามที่ปุถุชนคนหนึ่งจะมีได้ แต่ในปัจจุบันนี้ผมตระหนักดีว่า ความสุขเหล่านั้นมันไม่จีรังยั่งยืนอย่างใดเลย ผมจึงได้เริ่มต้นฝึกภาวนาตั้งแต่ปลายปี 2550 โดยสามารถถือศีล 5 มาได้อย่างค่อนข้างเคร่งครัด ผมได้เคยมาก ราบขอคําแนะนําสั่งสอนจากหลวงพ่อที่สวนสันติธรรมแล้วรวม 5 ครั้ง ถึงแม้ว่าจนถึงขณะนี้จะยังไม่มีความก้าวหน้าจากการ ภาวนาที่เห็นได้เด่นชัด ทั้งนี้เพราะอายุมากแล้วและสังขารค่อนก็ข้างจะเป็นปัญหา แต่ก็ขอกราบเรียนยืนยันว่าผมพัฒนาขึ้น กว่าเดิม เพราะเวลานี้โทสะน้อยลง ผมเคยเห็นเวลามันเริ่มจะเกิดขึ้นแล้วหยุดไปได้บ้างแล้ว มานะอัตตาก็ลดลง และมีสติ มากขึ้นเร็วขึ้น ในปี 2553 นี้ผมอายุครบ 60 ปีซึ่งจะต้องเกษียณอายุในวันสิ้นปี ถึงแม้บริษัทจะเสนอให้ผมต่อสัญญาเพื่อทํางานต่อ ไปอีก แต่ผมได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวไปแล้วทั้งๆที่มันเป็นการทิ้งตําแหน่งหน้าที่การงานที่เป็นที่ยกย่องนับถือจากผู้อื่น รวมทั้งทิ้งรายได้ก้อนโตไป ผมตั้งใจว่าผมจะใช้เวลาในอนาคตให้คุ้มค่ากว่าการต่อสัญญาด้วยการใช้เวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมด ปฏิบัติธรรมด้วยการดูกายดูใจตามที่หลวงพ่อเมตตาสั่งสอนตลอดไป ผมขอปาวารณาว่าหลังจากเกษียณอายุผมจะใช้เวลาทั้งหมดปฏิบัติภาวนาเพื่อเป็นพุทธบูชา และอาจาริยบูชา จนกว่าชีวิตจะหาไม่ โดยคุณ พีรกิตติ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
5
299.
ถ้าไม่มีหลวงพ่อก็ไม่มีคําสอน ถ้าไม่มีคําสอน ก็ไม่มีคนที่รู้จักคําว่าเผลอเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน
โดยคุณ Charanan 300. ชีวิตจิตใจเปลี่ยนไปตั้งแต่ฟังธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ เริ่มรู้และเข้าใจว่าชีวิตที่ผ่านมา...หลงตลอด เริ่มรู้แล้วว่าต่อจากนี้ไปชีวิตนี้จะสุขได้ด้วย...สติ เริ่มรู้แล้วว่าสติคือ...รู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง เริ่มรู้แล้วว่าแค่มีสติชั่วลมหายใจเข้าออกก็เป็นสุขแล้ว...เพราะรู้ทันจิตใจมากขึ้น เริ่มรู้แล้วว่าแค่รู้ทันจิตทําให้ใจไม่หลงไม่ลอย...กิเลสก็ไม่ครอบงําจิตใจได้ เริ่มรู้แล้วว่าแค่รู้ทันกิเลสก็มีความสุขได้...ใจดิ้นน้อยลงเหมือนมีภาระน้อยลง...รู้สึกเบาสบายใจ เริ่มรู้แล้วว่าร่างกายนี้มันก็แค่ที่ตั้งของความรู้สึกและความอยากต่างๆ...ไม่มีเราจริงๆ เริ่มรู้แล้วว่าถ้าเราขาดสติ...ความรู้สึกว่าเป็นเราจะโพล่ออกมา...เป็นทีๆ แล้วเราจะทําร้าย คิดร้าย หรือให้ร้ายคนอื่นไปทําไมในเมื่อเราไม่ม.ี .. ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดิฉันได้เรียนได้รู้จากการเทศน์ของท่านตลอดระยะเวลา 2 ปี โดยคุณ เกวลิน 301. KRAP NAMASAKRAN LP PRAMOTE KA, THE WAY OF YOUR DHAMMA TEACHING IS VERY TOUCH UP AND FILL UP FOR ALL MY PRACTICAL PURPOSES. (the last cd i have was #32) SATHU ANUMOTANA, KRAP NAMASAKRAN KA, โดยคุณSOMSUAN 302. สวัสดีครับกัลญาณมิตร ญาติธรรมทุกท่าน ผมเป็นลูกศิษย์อีกคนหนึ่งครับ ที่ได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ตั้งแค่ท่านอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ผมไปพบท่านใน สภาพที่ชีวิตตัวเองไม่มีความพร้อม หรือเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างจริงจังอะไรเลย ความรู้ที่มีก็เป็นแค่การอ่านหนังสือ มามากหน่อย และจดจําเอาคําครูบาอาจารณ์มาถกเถียงกันกับเพื่อนๆเพื่ออวดภูมิความรู้ไปวันๆ แสดงความมีอัตตาตัวตน ในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง ไม่ได้มีการปฏิบัติภาวนาใดๆเลย การได้พบกับท่านครั้งแรก ที่กัลยาณมิตรได้ชักชวนไป เป็นจุดพลิกผันที่สําคัญ ทําให้ชีวิตบางอย่างของผมมันเปลี่ยน จาก คนที่เคยสําสะเลเทเมาเอาแต่เที่ยวเตร่ ชีวิตเหมือนตกอยู่ในอบาย ลําพังแค่ศีลห้าก็ยังรักษาไม่ได้ มีแต่ความไม่รู้มืดดํา ครอบงําจิตใจอยู่ กลับหันมาตั้งคําถามอะไรบางอย่างกับตัวเอง และเริ่มสนใจคําสอนในพุทธศาสนา ในแนวทางที่มีเหตุมีผล และจริงจังมากขึ้น ผมรับคําแนะนําในการปฏิบัติมาจากหลวงพ่อ ทั้งจากการอ่านหนังสือและฟังCD. ก็แค่ตั้งใจว่าเราจะ ทดลองดูซิว่า ชีวิตมันจะดีขึ้นกว่านี้ได้ไหม ตั้งใจปฏิบัติด้วยตนเองตามแนวทางที่คาดว่าน่าจะถูกกับจริต ไม่ได้เอาตัวเอง เข้าไปใกล้ชิดติดตามท่านมากนัก รับข่าวสารของท่านบ้างอยู่ ห่างๆ แต่ก็ด้วยความเป้นคนที่เคยประมาทกับชีวิตมานาน ก็ นับเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติภาวนาอย่างมาก ตลอดเวลาตั้งแต่ที่ได้พบท่าน ผมไม่เคยไปส่งการบ้านท่านเหมือนศิษย์คนอื่นๆเลย คือไม่รู้จะเอาอะไรไปส่ง ด้วยดระหนักถึง ความโง่เขลาและล้มเหลวในแนวทางภาวนา อีกทั้งไม่กล้าสู้หน้าท่านด้วยที่เราก็นับเป็นศิษย์เก่า แต่ผลการปฏิบัติกลับเนิ่น ช้า ประสบปัญหามากมาย สติและสัมปชัญญะในชีวิตประจําวันมันไม่ตั้งมั่นเพียงพอที่จะตามรู้ทันกิเลสและผัสสะที่รุมล้อมได้ แทบถอดใจท้อแท้จากการภาวนาก็หลายหน แต่คําของหลวงพ่อก็ก้องอยู่ตลอด ให้เพียงแค่รู้กายรู้ใจตามความเป้นจริง รู้ ง่ายๆ อย่าคาดคั้นตัวเองจนสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง ผมล้มลุกคลุกคลานอยู่นานมากทีเดียวครับ ตอนแรกก็น้อยใจว่าเราคงเป็นคนที่ไม่มีบุญวาสนา แต่ก็ยังสู้อดทน ภาวนาต่อ เนื่องไปเรื่อยๆเหมือนคนสิ้นหวัง ไม่คาดหวังผลในการปฏิบัติ ไม่เอาอะไรทั้งนั้น เจริญสติแค่รู้สึกตัวก็พอ ดูจิตอย่างใครเค้า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมก็เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่จากดูกายง่ายๆไปก่อน จากอิริยาบทใหญ่ไปสู่ อิริยาบทย่อย เห็นเวทนาที่เกิดขึ้น โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
6
และดับไปเป็นลําดับ แล้วจึงค่อยๆเห็นจิตที่มันไหลไปคิด ไปปรุงแต่งบังคับไม่ได้จิตใจเปลี่ยนแปลงไป เห็นประโยชน์เกิดขึ้น จริง จากคําที่หลวงพ่อพร่ําสอนพวกเรามาตลอด ผมเริ่มประจักษ์แก่ใจแล้วว่าการเจริญสติปัฏฐาน4 ที่พระพุทธองค์ท่านทรง นํามาสอน มันเป็นแนวทางเดียวจริงๆที่จะสัมผ้สถึงที่สุดทุกข์ ความจริงในอริยสัจ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา ด้วยหน้าที่ของครูบาอาจารณ์ตรงนี้ ผมจึงมีความคิดเห็นว่า หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านได้ทําหน้าที่ของท่านอย่างดีที่สุดแล้วครับ ในฐานะอริยสงฆ์สาวกท่านไม่เคยบิดเบือนคําสอนใน พระพุทธศาสนาเลย มีแต่ความเมตตาถ่ายทอดธรรมะ ทุ่มเทให้เหล่าศิษย์ด้วยความบริสุทธิ์ใจมาโดยตลอดซ้ําแล้วซ้ําเล่า โดยมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งมีนาคม 2553 ผมจึงได้มีโอกาสส่งการบ้านท่าน และเล่าผลการภาวนาที่ได้กล่าวมา แล้วตั้งแต่ต้นให้ท่านฟัง ท่านก็ได้เมตตาร่วมอนุโมทนาสาธุ ในฐานะศิษย์คนหนึ่งที่มิได้คลุกคลีกับหลวงพ่อและสวนสันติ ธรรมมากนัก ผมขอร่วมยืนยันเป็นประจักษ์พยานด้วยตนเองอีกครั้งครับว่า หลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระอริยสงฆ์สาวกที่ควร แก่การเคารพบูชา กลุ่มบุคคลใดๆที่เคลื่อนไหวเพื่อทําลายล้างชื่อเสียงและศรัทธา ที่เหล่าศิษย์มีในตัวหลวงพ่อด้วยปัญหา ทางโลกเล็กๆน้อยๆ ขอให้ท่านยุติการกระทํากรรมดังกล่าวเหล่านั้นเสียเถิดครับ ปัญหาในพระพุทธศาสนาบ้านเรามี มากมายเพียงพอแล้ว.. ศรัทธาที่ผมมีมันคือศรัทธาในพระพุทธศาสนาครับ ไม่ใช่ยึดติดในตัวหลวงพ่อ แต่หลวงพ่อท่านมี บุญคุณเมตตากับผม นําธรรมะในพุทธศาสนา มาชี้แนะทางสว่างให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ผมเกรงว่าสิ่งที่กลุ่มบุคคลที่ออก มาเคลื่อนไหว ทําเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาจะเสียเวลาเปล่า และจะส่งผลเสียต่อตัวพวกท่านเอง.. ขอบคุณครับ โดยคุณประมาณ
303. เรียนท่านผู้ดําเนินการ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้ ก่อนอื่นผมคงต้องขออนุโมทนา ผู้ ริเริ่มโครงการ และผู้เข้าร่วมโครงการนี้ทุกท่าน ผมเชื่อว่า คนธรรมดาอย่างผมที่ไม่มีอํานาจในการตัดสินเรื่องราวของหลวง พ่อปราโมช คงไม่มีทางทําสิ่งใดได้แต่เมื่อมีโครงการนี้ ร่วมแสดงพลัง และร่วมกันแสดงให้เห็นถึงผลดีของการสั่งสอน ธรรมะของหลวงพ่อ ผมจึงจําเป็นและเห็นด้วยในการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ การตอบแทนพระคุณหลวงพ่อปราโมช ที่ได้สั่ง สอนผม (ทางซีดี) ทําให้ผมเริ่มเข้าใจว่าพระพุทธศาสนา คืออะไร แต่ก่อน พระพุทธศาสนาของผม คือ การเป็นคนดี การทําตัวเป็นคนดี การทําบุญทําทาน การบริจาคเงิน เข้าวัด และสถานที่ ต่างๆผมจะดีใจมาก ถ้าได้ทําบุญ ตามความอยากของผม ต่อมาพระพุทธศาสนาของผม คือ การนั่งสมาธิในรูปแบบต่างๆ ซึ่งบอกตรงๆ ผมก็นั่งไม่ได้นาน นั่งแล้วคิดฟุ้งซ่านไปหมด บางทีนั่งแล้วก็กลัว นั่งแล้วอยากเห็นนั่นเห็นดี หวังว่านั่งแล้วจะทํา นั่นทํานี่ได้ (แบบในทีวี)ผมวกไปวนมา ในแบบนี้ ไม่รู้นานเท่าไหร่ จนกระทั่ง ผมเริ่มรู้จัก วิมุติ (ขออนุโมทนา ให้ผู้จัดทําเว็บนี้ด้วย)ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ ในหลวงพ่อปราโมช ดูแล้วมันเหมือน เป็นการใช้สื่อทางเน็ต ซึ่งขัดกับ รูปแบบพระพุทธศาสนาแบบเดิมๆทอดทิ้งไม่สนใจมาเป็นเวลาหนึ่งปี จนวันหนึ่งได้ฟังซีดีชุดแรกๆ (โดยเริ่มจากฟังคุณดังตฤณ และดูเหมือนคุณดังตฤณจะกล่าวถึงหลวงพ่อ)ฟังแล้วก็แปลกใจ ดูท่านจะเข้าใจ ในจริตของคนรุ่นปัจจุบันแบบผม ท่านเข้าใจคนในเมือง ท่านสอนให้รู้ว่า เราหลงเป็นอย่างไร เรามีสติได้อย่างไร โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
7
ท่านสอนให้รู้ว่า ดีได้ ก็ชั่วได้ เมตตาได้ ก็เกลียดได้ เมื่อเรายังอยู่ในวัฏฏะสงสารแห่งนี้ เราก็ขึ้นได้ถึงจุดสูงสุดแห่งวัฏฏะ และ ลงต่ําได้ถึงจุดต่ําสุดแห่งวัฎฎะได้เช่นเดียวกัน ช่างธรรมดาเหลือเกิน ที่เราขึ้นและลงอยู่ตลอดเวลา แต่เราไม่เคยมีสติรู้เลย เราหลงขึ้น และลง เราหลงดีใจ เสียใจ เราหลงว่าเราดี เราหลงว่าเราชั่ว ท่านจึงแนะนําว่า สติ เป็นสิ่งที่สําคัญ สอนว่าสติจะต้องฝึกอย่างไรให้เกิด (แม้เราจะบังคับสติไม่ได้ แต่ฝึกได้) วิธีการฝึกสติ นี่แหละ ที่เราหากันมานาน แรกๆ มีผู้แนะนําว่า ให้ซื้อนาฬิกา แล้วตั้งให้นาฬิกาปลุกทุกๆ สองนาที เมื่อไรที่เราได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เราจะมีสติแต่วิธี นี้ก็ไม่ถูกกับจริตผม แต่ก็เป็นการเริ่มต้นสําหรับผม ต่อผมก็ได้สติจากความโกรธ และเห็นความโกรธมันหายไป เมื่อสติเกิด หลังจากนั้นอารมณ์ฝ่ายชั่วต่างๆ ก็เกิดขึ้นเป็นลําดับ เห็นความสุข บ้างเป็นบางครั้ง (ส่วนใหญ่จะหลงไปกับสิ่งที่ชอบ กว่าจะ ได้สติกลับมาก็นานเชียว) เห็นเราคิดชั่ว (เอ่อนะเราก็เลว) สุดท้าย ผมจึงเริ่มคิดว่า คนเรามันก็ชั่วได้นะ มันก็ดีได้นะ แต่เราอย่าไปเกลียดชั่ว รักแต่ความดี หากสติเอาความชั่วอยู่ ก็ใช้ สติ แต่บางที ความชั่วมันก็หลุดออกมา ทางกาย วาจา แต่เราก็อย่าไปหมกมุ่นกับสิ่งที่เราทําชั่วไปแล้ว เราควรพยายามยึดศีลห้าให้ได้ (ตามที่หลวงพ่อบอกดีกว่า)จะเห็นได้ว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หลวงพ่อสอนเบื้องต้น ให้ถือศีลห้า เพื่อ ให้บาปไม่เกิดขึ้นที่กาย และวาจา (ไม่รวมใจ)เพราะ ใจหรือจิต ที่มันจะคิดชั่ว มันบังคับไม่ได้ สุดท้ายนี้ นี่คงเป็นการตอบแทนหลวงพ่อท่าน ในสิ่งที่ท่านได้สอนมาผ่านซีดีในส่วนตัวผม ก็ไม่อาจเอื้อมทราบได้ว่าหลวงพ่อ ท่าน สําเร็จมรรคผล ไปถึงขั้นไหนแล้วและก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ผมสนใจมาก เพราะ ผมเชื่อว่า สรรพสัตว์ในโลกนี้ หากยังไม่บรรลุ พระอรหันต์ ย่อมดีได้ ชั่วได้ เป็นธรรมดา ทุกขณะจิตของสรรพสัตว์ ย่อมทําผิดพลาดได้ และย่อมทําสิ่งที่ดีได้ และทั้งสองสิ่ง นี้ ย่อมมีผลตามกฎแห่งกรรม ขอบุญบารมีของคุณพระศรีรัตนไตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ช่วยอภิบาล ผู้เผยแพร่ธรรมะแห่งองค์พระสุคต เจ้าด้วยเถิด โดยคุณเวชยันต์ 304. ขอเขียนสั้น ๆ ว่า ได้ไปสวนสันติธรรม อยู่ร่วมพิธีเปิด และแวะเวียนไปฟังธรรมตามโอกาส มาจนบัดนี้ไม่เคยสัมผัสกระแสด้านลบแม้ครั้งเมื่อย่างเท้าเข้าไปในสวนฯ มีแต่กระแสเย็นกายเย็นใจให้สัมผัสได้ทุกที โดยคุณกิตติพล 305. เพื่อหลวงพ่อที่เคารพยิ่ง " ข้าพเจ้าเป็นเพียงปุถุชน คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยกิเลสมากมาย โลภะ โทสะ โมหะ มีครบแถมเกิด ขึ้นบ่อยๆ หากจะมองย้อนกลับไป ตั้งแต่จําความได้ ชีวิตข้าพเจ้า มีแต่ความอยาก อยากนู่น อยากนี่ วิ่งไปตามที่กิเลสสั่ง การ ทําตามมัน มันก็ให้ความสุขกลับมาชั่วคราว สักพักทุกข์ตามมาเป็นขบวน แต่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น จนเมื่อชีวิตต้องมาพบ เจอกับมรสุมหนัก (ซึ่งถ้าลงรายละเอียดแล้ว คนอื่นอาจมองว่าเรื่องเล็ก แต่สําหรับข้าพเจ้าแล้วมันใหญ่มาก) จึงหันหน้าเข้า โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
8
ธรรมะ คิดว่าธรรมะ คือการทําบุญทุกทางที่ต้องเสียเงิน เช่น บริจาคเข้าสภากาชาดไทย ทุกเดือน, เลี้ยงเด็ก จํานวน 1 คน ที่ มู ล นิ ธ ิ ศ ุ ภ นิ ม ิ ต (จ่ า ยทุ ก เดื อ น) ใครมาบอกบุ ญ อะไร ข้ า พเจ้ า ทํ า หมดจนถึ ง บริ จ าคอวั ย วะเมื ่ อ จบชี ว ิ ต ไปแล้ ว กั บ สภากาชาดไทย (แต่ทุกครั้งที่ทํา ก็ทําด้วยใจจริง)ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าทําบุญ หรือไปไหว้พระที่ไหนก็ตาม จะอธิษฐาน ขอให้พบ ผู้รู้ ผู้สอน ทางถูก ทางตรง ทางลัด สู่พระนิพพาน ทุกครั้งไป จนอยู่มาวันหนึ่ง ประมาณเดือนกันยายน – ตุลาคม 2549 ข้าพเจ้าก็เล่น internet ไปเรื่อยๆ จน link มาเจอ นวนิยายเรื่องหนึ่ง ชื่อว่า กรรมพยากรณ์ ผู้เขียน คือ ดังตฤณ ณ ตอน นั้น ดังตฤณ คือใคร ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ก็อ่านไปเรื่อยๆ แต่ไม่จบเนื่องจาก net ช้า (ขี้เกียจรอเปลี่ยนหน้า) ก็เปลี่ยนไปอ่าน เสียดายคนตายไม่ได้อ่านแทน รู้สึกชอบมาก (เนื่องจากข้าพเจ้าชอบอะไรที่เป็นความจริง ไม่ค่อยชอบนิยายหรือละครสัก เท่าไหร่) เห็นว่ามีขายเป็นหนังสือก็เลยไปหาซื้อมาอ่าน เหมือนเป็นการพลิกชีวิตข้าพเจ้าครั้งแรก เข้าใจเรื่องบุญ – บาป มากขึ้นกว่าเดิมมาก เริ่มรู้ว่าผลที่มาเป็นอย่างนี้สืบเนื่องมาจากเหตุเช่นใด การทําบุญโดยที่ไม่ต้องใช้เงินสักบาทเดียว และ ข้าพเจ้าก็มีความคิดขึ้นมาว่า แล้วในปัจจุบันที่มันเป็นอย่างนี้แล้วนี่ ควรทําอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าไม่เสียชาติเกิด คุณดังตฤณ ก็ออกหนังสือชื่อว่า มีชีวิตที่คิดไม่ถึง โดนใจข้าพเจ้าอย่างจัง ใครมีปัญหาอะไรข้าพเจ้าก็จะซื้อ 2 เล่มนี้ไปให้อ่านและได้คํา ตอบกลับมาว่า มีชีวิตที่คิดไม่ถึง อ่านแล้วเข้าใจมากกว่า (แต่ข้าพเจ้าก็เข้าใจทั้ง 2 เล่มนะ ถึงบอกต่อได้) เหมือนกับการ เปิดกะลาอันคับแคบของข้าพเจ้าสู่โลกกว้างอันยิ่งใหญ่ รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ กลัวการทําบาปขึ้นมาในทันที ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่เคยรู้ ว่าธรรมะมันใกล้ตัวขนาดนี้เลยหรือ นี่หรือคือหนังสือธรรมะที่ไม่เคยสนใจ ใครพูดธรรมะก็ว่าเชย เป็นเรื่องของคนแก่ นับแต่ นั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าก็ทําบุญมาเรื่อยๆ (ข้าพเจ้าไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องเงินมากนัก แต่ก็ไม่ใช่คนรวยอะไร แต่รวยน้ําใจนะ อิอิ..) อธิษฐานตามเดิมมาโดยตลอด ติดตามผลงานคุณดังตฤณ มาเรื่อย (หนังสืออะไรออกมา อ่านหมด) จนมาถึง ประมาณกลางปี 2550 (จําเดือนไม่ได้) ข้าพเจ้าพบธรรมะของพระพุทธเจ้า โดยผ่านทางหลวงพ่อปราโมทย์ โดยบังเอิญ (ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้ามีหนังสือวิถีแห่งความรู้แจ้ง เล่มที่มีวางขายตามร้านหนังสือ ซึ่งอยู่ในตู้มานานแต่ไม่เคยหยิบดู จําไม่ได้ด้วย ซ้ําว่าซื้อมาเมื่อไหร่) และมาพบ เว็บวิมุตติ เมื่อก่อนหลวงพ่อเป็นใคร ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ก็ลองอ่านหนังสือชื่อว่า ประทีปส่อง ธรรม (อ่านทาง net) รู้สึกชอบมาก เลย print ออกมาเย็บเล่ม รวมทั้ง ทางเอก และวิถีแห่งความรู้แจ้งฉบับรวมเล่ม (ซึ่งตอน นั้น ไม่รู้ว่ามีหนังสือแจกด้วย) ช่วงแรกข้าพเจ้าจะชอบอ่านหนังสือ จึงไม่ได้สนใจซีดีสักเท่าไหร่ อ่านและลองปฏิบัติตาม แนวทางที่หลวงพ่อสอนไปเรื่อยๆ จนได้ซีดีสวนสันติธรรม แผ่นที่ 23 มาโดยไม่ได้สนใจมากนัก แต่พอว่างจึงลองฟังดู ได้ยิน เสียงหลวงพ่อครั้งแรก (กราบขอขมาหลวงพ่อ โห...เสียงยังไม่แก่เลย) เสียงดัง ฟังชัด พูดเร็ว ชัดถ้อยชัดคํา ซึ่งถูกกับจริต ของข้าพเจ้ายิ่งนัก เพราะข้าพเจ้าเป็นคนพูดเร็ว คิดเร็ว หากเปิดออกมาแล้วเจอเสียงพูดเนิบๆ ช้าๆ คงปิด แล้วไปอ่าน หนังสือต่อดีกว่า นับแต่นั้นเป็นต้นมาข้าพเจ้าก็มีซีดีของหลวงพ่อแทบจะเรียกได้ว่าทุกแผ่น เทศน์ที่ศาลาลุงชิน ก็มีครบ ฟัง ครบทุกแผ่นก็ว่าได้ " ข้าพเจ้าคิดว่า การที่ข้าฯ ได้มาพบหลวงพ่อ เป็นบุญของข้าฯ ที่ได้กระทํามาโดยตลอด และยังรู้ซึ้งอีกว่า เมื่อยังไม่ ถึงเวลาต่อให้มีขุมทรัพย์มาวางอยู่ กิเลสที่ปิดบังก็ไม่อาจรู้ได้ เหมือนกุศลผลบุญทําการปรับจิตปรับใจของข้าพเจ้าจากงาน เขียนของคุณดังตฤณ ปูทางไว้ก่อน เมื่อมาฟังเทศน์ของหลวงพ่อ จึงเข้าใจได้โดยง่าย จนมาถึงวันนี้ ประมาณเกือบ 3 ปี ซีดี ทุกแผ่นจากสวนสันติธรรมและที่ศาลาลุงชิน ข้าพเจ้าฟังทุกแผ่น ไม่เคย เลยสักครั้งที่หลวงพ่อจะพูดว่า ท่านคือ พระอรหันต์ ไม่เคย เลยสักครั้งที่หลวงพ่อจะพูดไม่ดีต่อครูอาจารย์ของท่าน " ข้าพเจ้าเป็นคนสมัยใหม่ ไม่เคยรู้จักหรอกว่า หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่เทสส์ ท่านพ่อลี หลวงปู่หล้า หลวงปู่สิม และพระ เถระท่านอื่นๆ ที่หลวงพ่อเอ่ยถึงเป็นใคร เมื่อหลวงพ่อเล่าเรื่องของท่านให้ฟัง ข้าฯ ก็จะลองไปศึกษาคําสอนของท่านเหล่านั้น แม้แต่ท่านอาจารย์พระมหาบัว ซึ่งแต่ก่อนข้าฯ ก็เรียกท่านว่า หลวงตาบัว หลวงพ่อท่านก็กล่าวยกย่องถึงคุณงามความดี ของท่านอาจารย์ทั้งหลาย จนลูกศิษย์ปลายแถวอย่างข้าฯ ต้องไปค้นคว้าว่าท่านเหล่านั้นเป็นใคร และนับถือตามหลวงพ่อ มาโดยตลอด หากหลวงพ่อไม่เอ่ยถึงคงมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก กองทัพธรรม ของหลวงปู่มั่น เป็นแน่ " ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ข้าฯ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอย่าง หลวงพ่อ พยายามติดตาม ข่าวทาง web วิมุตติ ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ก็ได้แต่ตามดูกาย ดูจิต ตัวเองไปซึ่งก็ยังกระด็อกกระแด็ก นับ 1 ไปทุกวัน ซึ่ง แต่ก่อน ข้าฯ จะปากไว โมโหร้าย เลี้ยงฟาร์มสุนัขไว้ในปากหลายตัว พร้อมที่จะกัดทุกคนที่ทําให้ไม่พอใจ แต่เมื่อได้ปฏิบัติ ตามแนวทางหลวงพ่อแล้ว พอเวลาจะด่าก็จะระลึกขึ้นมาได้ อึ๊กส...ขึ้นมาทันที ปากไม่ด่า แต่ใจด่าแทน 555 แต่ก็ยังดีกว่า หากด่าออกไป " หากไม่มีคําสอนของหลวงพ่อ ก็คงมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จักวิปัสสนา คืออะไร สมถะ คืออะไร หลวงพ่อบอกไว้หมด แล้วทุกอย่าง อยู่ที่ว่าใครจะตักตวงไปได้แค่ไหน " หลวงพ่อ ไม่เคยรู้จักข้าฯ " ข้าฯ เคยไปสวนสันติธรรม แค่เพียง 1 ครั้ง เมื่องานกฐิน ปี 2552 พยายามที่จะไปฟังเทศน์หลวงพ่อให้ได้หากหลวง พ่อมากรุงเทพฯ นี่ก็เตรียมจะไป ร.พ.ศิริราช วันที่ 26 กันยายน 2553 แต่พอได้รับแจ้งว่าท่านงดกิจนิมนต์ ก็ใจแป้วขึ้นมา ทันที จนมาทราบข่าวว่ามีคนไปฟ้อง DSI ก็เป็นห่วงหลวงพ่อ พอจะมีทางไหนที่จะช่วยท่านได้บ้าง ข้าฯ ก็เป็นเพียงคน ธรรมดา ไม่มีอํานาจใดๆ ที่จะช่วยท่านได้เลย ทุกวันนี้ก็พยายามปฏิบัติบูชา ถวายพระพุทธเจ้า ถวายหลวงพ่อ ให้ผ่านพ้น วิกฤตินี้ได้ด้วยดีและโดยเร็ว โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
9
" คงมีอีกหลายท่าน ที่ไม่เคยพบหลวงพ่อ ฟังแต่ซีดี อ่านแต่หนังสือ แล้วปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อจนทุกข์ น้อยลง ไม่จมอยู่กับความทุกข์ ไม่อยากจะคิดเลยว่า หากหลวงพ่อเลิกโปรดญาติโยมแล้ว คนรุ่นหลังๆ นี่จะได้มาเจอธรรมะ ที่เรียบง่าย การเจริญสติที่ง่ายๆ(แต่ทํายาก อ้าว...ก็เพราะต้องมีสติตั้งแต่ตื่นยันหลับ) ไม่ต้องมีพิธีกรรมอะไรให้ยุ่งยาก เหมาะกับคนเมืองสมัยนี้ ที่ทําอะไรก็ต้องรีบเร่ง ทันใจ จะต้องจมอยู่กับความโหดร้ายของโลกโดยหาทางออกไม่เจอ " เมื่อได้รับข่าวว่าจะช่วยหลวงพ่อยังไงทาง mail ข้าฯ ก็อ่านไปเรื่อยๆ สักพัก ปีติ ขึ้นมาอย่างแรง น้ําตาจะไหล รู้ รู้ รู้แต่ว่ามันแรงมาก แทบจะออกมาข้างนอก สักพักก็หายไป ดับไปให้เห็นๆ " ขอบคุณกลุ่มธรรมดาที่ให้ได้มีส่วนช่วยหลวงพ่อ แม้จะเป็นเพียงเสียงเล็กๆ แทบจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย หลวง พ่อบอกเสมอว่า หลวงพ่อสอนหลักให้แล้ว สามารถไปสวมทับกับการภาวนาแบบอื่นๆ ได้ทั้งหมด ข้าฯ ลองแล้ว เข้ากันได้ จริงๆ ข้าฯ ขอรับรองด้วยชีวิต ข้าฯ ขอปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต " ท้ายนี้ ข้าพเจ้า ขอก้มกราบแทบพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก พระองค์ พระอรหันตสาวกทุกพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ และกราบแทบเท้า หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช ด้วยเศียรเกล้า ด้วยชีวิต ขอนุโมทนา โดยคุณชนิษฐา 306. กราบนมัสการพระคุณเจ้ากรรมการมหาเถรสมาคม และ พุทธบริษัท ที่เคารพทุกท่าน ผ่านเว็บไซต์ Dhammada.net ผมเขียนจดหมายเปิดผนึกนี้ส่งมาทางอีเมล เพื่อสนับสนุนและเป็นกําลังใจถวายแด่ครูบาอาจารย์คือ พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺฌโช ผมขอแนะนําตัวเองเล็กน้อย เพื่อประโยชน์เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณาความเห็นของผม ปัจจุบันผมอายุ ๕๓ ปี ศึกษาและปฏิบัติกัมมัฏฐานมากับครูบาอาจารย์ที่เป็นที่เคารพและรู้จักกันดีในสังคมไทยหลายรูป กว่า ๑๒ ปีแล้ว ครูบาอาจารย์หลายรูปที่เคารพก็มรณภาพไปนานแล้ว แต่ผมก็ยังฟังเสียงท่านบันทึกของท่านเหล่านั้นสอนกัมมัฏฐานอยู่เป็นประจํา หนังสือของครูบาอาจารย์ผู้เป็นปราชญ์ทางพุทธหลายท่านผมก็อ่านมาหลายสิบเล่ม ในทางปริยัติผมก็เรียนอภิธรรม ผมขอให้ข้อมูลและผลการปฏิบัติของผมตามที่ศึกษามากับพระอาจารย์ปราโมทย์ดังนี้ ผมไปกราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ครั้งแรกประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๔๗ ถ้าคิดถึงตอนนี้ก็ราว ๖ ปีแล้ว จากนั้นก็ไปกราบนมัสการเพื่อฟังธรรมจากท่านโดยตรงนานๆครั้งเรื่อยมา โดยไปที่สํานักท่านที่กาญจนบุรีรวม ๒ ครั้ง ที่ชลบุรีราว ๓ ครั้ง ฟังธรรมที่ท่านมาแสดงที่กรุงเทพฯ ประมาณ ๔ ครั้ง รวมได้รับการสอนจากท่านและสนทนาถามปัญหากับท่านโดยตรง จนถึงบัดนี้ ประมาณ ๙ ครั้ง แต่ผมไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับญาติธรรมของสํานักของท่าน หรือกรรมการวัดของท่านแต่อย่างใด ผมไปวัดของท่านเพื่อฟังธรรม ไม่ได้ไปสุงสิงกับใคร แม้จะมีความรู้สึกว่า คนที่ไปฟังธรรมทีี่วัดของท่านแต่ละวันๆละหลายร้อยคน ส่วนมากเป็นกัลยาณชน มีการศึกษาดี ใฝ่ธรรมะเป็นหลัก สมควรคบหาได้ก็ตาม และในส่วนของหลวงพ่อเอง ขณะฟังธรรมผมก็รู้สึกว่าได้รับความอบอุ่นและเมตตาจากท่าน ก็รู้สึกขอบคุณที่ท่านอุตส่าห์ทรมาณกายแสดงธรรมให้ญาติโยมและพระภิกษุฟังรวมแล้วก็วันละหลายชั่วโมง และตั้งแต่วันแรกนั้นจนปัจจุบัน แม้อยู่ที่บ้าน ผมก็เฝ้าติดตามพระธรรมเทศนาสั่งสอนของท่านเรื่อยมา ส่วนมากเป็นการดาวน์โหลดแฟ้มเสียง mp3 ที่ท่านสอนและมีการเผยแพร่โดยลูกศิษย์ของท่านมาฟังในคอมพิวเตอร์ หรือ ไอพ็อด เป็นหลัก โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
10
รวมแล้วก็เป็นเสียงคําสอนธรรมของท่านเองในคอมพิวเตอร์ผมที่เพิ่งนับดูว่า จํานวนไม่น้อยกว่า ๔๒๙ ตอน (ความยาวตอนละ ๓๐ นาทีบ้าง ๑ ชั่วโมงบ้าง) เสียงท่านสอนแต่ละตอน ผมฟังหลายๆรอบมาก และมีหลายๆตอนที่ชอบมากผมก็ทําเครื่องหมายดอกจันไว้แล้วผมก็ฟังมากกว่าสิบรอบ ทราบได้จากซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์นับเอาไว้ ใน ๖ ปีที่ผ่านมา มีช่วงที่เคยฟังคําสอนท่านทุกวัน รวมแล้วผมได้ฟังคําสอนของท่านหลายพันครั้ง รวมเวลาก็คงเป็นหลายร้อยชั่วโมงทีเดียว คําสอนของท่านจึงทําให้ผมเข้าใจธรรมอย่างแจ่มแจ้ง ตามภูมิธรรมของผม ก่อนหน้านี้ ที่ผมเคยเรียนมากับครูบาอาจารย์ท่านอื่นท่านก็สอนแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมไม่เคยเข้าใจธรรม ไม่ได้ซาบซ้ึงเข้าข้างในนัก ตราบจนมาศึกษากับหลวงพ่อปราโมทย์ จึงทําให้ผมเข้าใจ คําสอนหลวงพ่อปราโมทย์ท่านกล่อมเกลาจิตใจผมจนอ่อนลงไปมาก ในขณะนี้ เมื่ออยู่บ้านปกติผมก็มีอาณาปานสติเป็นวิหารธรรม กับ เจริญสติ เป็นปกติ ผมก็ปฏิบัติกัมมัฏฐาน เดินจงกรมนั่งสมาธิวันละหลายรอบ และ ถือศีล ๕ เป็นปกติ สวดมนต์ทําวัตรเช้า ทําวัตรเย็น เป็นปกติ ทําบุญให้ทานเป็นปกติ ตามที่ท่านพร่ําสอน คํากล่าวที่เล่ามานี้ ผมมิได้มีเจตนาจะอวดมานะกิเลสออกมา วัตถุประสงค์ของการเล่าข้างต้น เพียงให้ข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรมจากประสบการณ์ของตัวผม ว่าคําอธิบายธรรมของพระพุทธเจ้าของพระอาจารย์ปราโมทย์ ทําให้คุณภาพจิตบุคคลหนึ่งพัฒนาขึ้นมาได้อย่างไร
คําสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ถ่ายทอดโดยพระอาจารย์ปราโมทย์ สอดคล้องกันกับคําสอนของครูบาอาจารย์ที่เป็นที่รู้จักและเคารพกันดีหลายๆรูป ไม่มีข้อใดขัดแย้ง คําสอนของท่าน เมื่อผมน้อมมาปฏิบัติวิปัสสนา ทําให้เข้าใจเห็นความเป็นจริงในสภาพธรรมอย่างแท้จริง ทุกวันนี้ตัวผมมีสุขภาพจิตดีมาก จิตใจไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อน จิตมีความสุข จิตไม่มองคนอื่นในแง่ลบ เห็นแล้วว่ากายและใจเป็นทุกข์ เห็นเวทนา ๕ และจิตสังขารต่างๆ เกิดแล้วดับ เกิดแล้วก็ดับ ตอนนี้ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เห็นจิตใจผมแยกออกมามีความสุขหรือวางอุเบกขาอยู่ ผมเข้าใจแล้วว่า ธรรมะในทางพุทธศานาทําให้มีความสุขได้อย่างไร การไปสนใจพหิทธอารมณ์ทําให้เกิดความเร่าร้อนขึ้นในใจของคนได้อย่างไร ผมเห็นว่าคําสอนของพระอาจารย์ท่านถูกต้อง สอดคล้องกับปริยัติธรรมทุกประการ สอดคล้องกับครูอาจารย์เก่าๆทุกอย่าง จึงสมควรที่พุทธบริษัทส่วนมากจะได้นําไปฟังได้เพื่อพิจารณา และสมควรที่พระสงฆ์ทั้งหลายจะได้อนุโมทนาในคําสอนของพระอาจารย์ และปฏิปทาที่ดีแล้วของท่าน โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
11
ยามเมื่อไปฟังธรรมของพระอาจารย์ปราโมทย์ ผมมักเคยได้ยินแต่พระอาจารย์พูดว่า ท่านไม่ชอบเรี่ยไร และเมื่อไรมีคนถวายของให้ท่านแยะ ท่านก็จะบอกว่า ของถวายพวกนี้ท่านใช้ไม่หมด ท่านจะเอาไปถวายให้พระต่อทางอีสาณ เพราะว่าทานโน้นขาดแคลน ขอให้โยมโมทนาบุญด้วย (ผมเข้าใจว่าท่านส่งไปแจกที่สุรินทร์) เรื่องที่สร้างสํานักใหม่ที่ชลบุรี ผมก็ได้ยินท่านพูดหลายครั้งว่าไม่ใช่ความริเริ่มของท่าน ผมไม่เคยเห็นเลยว่า ท่านจะต้องการอะไรเข้าตัวท่านเองสักอย่าง ดังน้ัน แม้ขณะที่ปัจจุบันมีความพยายามของคนบางกลุ่มที่จะกุเรื่องให้คนทั่วไปในสังคมเกิดความสงสัยในการจัดการเรื่องทางการ เงินของสํานักของท่าน ส่วนผมเองนั้นไม่มีจิตอกุศลคิดในแง่ลบใดๆกับทางสํานักของท่านเลย สรุปความว่า ผมไม่สงสัยในปฏิปทาของพระอาจารย์ปราโมทย์ ผมไม่สงสัยในความบริสุทธิ์ของพระอาจารย์ปราโมทย์ ผมไม่สงสัยในคําสอนของพระพุทธเจ้าตามที่พระอาจารย์ปราโมทย์อธิบาย พระอาจารย์ปราโมทย์ทําให้ผมเข้าใจธรรมอย่างแท้จริง และพัฒนาจิตใจขึ้นมาได้จนถึงปัจจุบัน ผมเชื่อว่าคําสอนของท่านก็จะมีส่วนสําคัญในการพัฒนาจิตของคนจํานวนมากต่อไปอีกเช่นกัน กรณีที่มีเหตุการณ์ประหนึ่งเป็นอุปสรรคในการสอนธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ในระยะเวลา ๒ ปีมานี้ แรกๆนั้นผมรู้สึกสังเวชใจเล็กน้อย แต่ในใจผมก็พยายามวางอุเบกขาในเรื่องนี้ ผมเชื่อมั่นว่า ความถูกต้องทั้งหลายในปฏิปทาของพระอาจารย์ปราโมทย์ จะผ่านการตรวจสอบของสังฆะและสังคมไปได้ด้วยดี จึงนมัสการให้ข้อมูลมาโดยความเคารพ โดยความเคารพ โดยคุณดร. บุรชัย 307. กราบหลวงพ่อปราโมทย์ที่เคารพอย่างสูง ประมาณต้นปี51 สามีเอาซ๊ดีธรรมะของหลวงพ่อมาเปิดให้ฟังบอกว่ารุ่นน้องให้มา ครั้งแรกยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็เลิก ฟังไป หลังจากนั้นไม่กี่เดือนตัวเองป่วยเป็นมะเร็ง มีความเศร้า หดหู่ท้อแท้ อย่างมาก ระหว่างทีลางานพักรักษาตัวอยู่ที่ บ้าน ก็เอาซีดีของหลวงพ่อมาเปิดฟังอีกครั้ง ครั้งนี้ฟังเข้าใจมากขึ้น พยายามภาวนาตามที่หลวงพ่อสอน ฟังซีดีทุกวันทําให้ ความทุกข์ลดน้อยลง สามารถผ่านความยากลําบากในการรักษาตัวทั้งการผ่าตัด ให้คีโม ฉายแสง มาได้อย่างสบาย มี ความเข้าใจชีวิตมากขึ้น เข้าใจแล้วว่าพระพุทธศาสนาคืออะไร พระพุทธเจ้าสอนอะไร มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา อย่างมาก ปัจจุบันนี้ยังฟังซีดีหลวงพ่อทุกวัน พยายามรักษาศีล5 และภาวนาตามแนวทางของหลวงพ่อ หลวงพ่อคือผู้ที่เปลี่ยนความคิดของตัวเองจากที่ไม่มีศรัทธาให้มีศรัทธา จากที่เคยเป็นผู้หลงอยู่ตลอดเวลาให้หลงน้อย ลงมีสติมากขึ้น จะขอปฏิบัติภาวนาเพื่อถวายเป็นอาจาริยบูชาแด่หลวงพ่อตลอดไป โดยคุณวิไลลักษณ์ 308. ผมเป็นก็เป็นคนหนึ่งที่ได้ปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งทําให้ความทุกข์ที่ถูกบีบคั้น กดดัน หลายๆอย่างค่อยๆบรรเทาเบาบางลง เพราะหลวงพ่อท่านสอนให้เรา รู้ทันจิตเราเอง ทุกอย่างเกิดขึ้นชั่วคราวเดียวมันก็ผ่าน ไป ท่านสอนให้เราเป็นผู้รู้ ผู้ดู ไม่ถลําเข้าไปในอารมณ์ อะไรเกิดขึ้นก็ให้รู้ ไม่ต้องไปดัดแปลงจิต เหมือนเราดูฟุตบอล เรานั่ง ดูอยู่บนอัฒจรรย์ (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) ไม่ไช่ลงเล่นในสนาม สิ่งที่ผมได้รับจากคําสอนท่าน คือ ทําให้เราลดความยึดติด รู้จักปล่อยวาง(บางครั้ง ก็ยังเป็นปุถุชน)ทําให้ความทุกข์น้อยลง ต้องขอกราบพระขอบคุณหลวงพ่อที่ท่านแนะนําสั่งสอน ให้ ความทุกข์ผมน้อยลง โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
12
ขอกราบนมัสการครับ โดยคุณสมพร
309. หายใจอย่างมีความสุข
เป็นมา ๒ วันแล้ว ครับ ที่หายใจอย่างมีความสุข ความรู้สึกมันคล้าย ๆ เวลาเราเป็นหวัดหายใจไม่ออก อึดอัด จนต้อง หายใจทางปาก แล้วมีบางจังหวะ จมูกมันโล่งขึ้นมายังไงยังงั้นเลย หายใจเข้ารู้สึกเย็น ๆ สดชื่น หายใจออก รู้สึกผ่อนคลาย หายใจเป็นแล้ว ไม่อยากทําอย่างอื่นนอกจากหายใจเลย ครับ ปกติข้าพเจ้าเจริญอานาปานุสสติ หรือรู้ลมหายใจได้แย่มาก ครับ เนื่องจากตั้งแต่เริ่มปฏิบัติ ทําผิดมาแต่ต้น คือ ไปบังคับ ลม เสียจนเคยชิน ทํามาตั้งเกือบยี่สิบปี พอจะกลับลํา มาระลึกรู้เบา ๆ มันเลยทําได้ยากมาก เผลอปุ๊บมันก็คอยจะไปบังคับ ลม หลัง ๆ เลยตัดสินใจทิ้งลมหายใจไปเลย ครับ ไประลึกรู้อย่างอื่นแทน หนีไปเดินจงกรม กระนั้น ก็ยังกังวลเล็ก ๆ เพราะ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน สอนว่า ไม่ให้ทิ้งอานาปานุสสติ ทิ้งกองนี้กองเดียว กองอื่นก็พังหมด มาเมื่อการออกเดินทางตามหาจิตวิญญาณ ใน Episode VI ได้มีโอกาสกลับไปปฏิบัติ เช่นในปีแรก ๆ ที่บวช คือ ฟังธรรมะ ไปเรื่อย ๆ ก็ฟังของหลวงพ่อปราโมทย์ ครับ รู้สึกเป็นสุขที่ได้ฟังธรรมะ และดูเหมือนจิตจะตื่นขึ้นเล็ก ๆ พอได้ไปกราบท่าน เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๑ ท่านยืนยันว่า "ใช้ได้แล้วนะ ๒ รูปที่มาด้วยกัน" ก็รู้สึกมีความมั่นใจในการ ปฏิบัติมากขึ้น จากนั้นก็ได้ไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดถ้ําหมีนอน คุยธรรมะแล้วรู้สึกเป็นสุข ท่านยืนยันว่า อานาปานุสสติ สามารถทิ้งได้ โดยไประลึกรู้อย่างอื่นแทน เกิดธรรมปีติ ยิ้มอยู่คนเดียวตลอดทางกลับกรุงเทพฯ ครั้นกลับมากรุงเทพฯได้ ๒ วัน ก็งานเข้า พิมพ์ปฏิทินแจกกันจ้าละหวั่น ทํางานอย่างเพลิดเพลิน ตื่นแต่ตีห้า กว่าจะได้นอนก็ ตีสอง โดยไม่มีเว้นวรรคไปงีบแต่อย่างใด พอเข้าวันที่ ๓ ก็รู้สึกว่า เอ๊ะ... ทําไมเราพักผ่อนน้อยลง แต่ไม่รู้สึกง่วงเหงา หาวนอน ไม่เพลีย ไม่ล้าแต่อย่างใด เข้าวันที่ ๔ มันก็ยังทํางานอย่างเมามันอยู่ เอ๊ะ... มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ ปกติถ้า ข้าพเจ้าอดนอนติด ๆ กัน แบบนี้สัก ๔-๕ วัน จะต้องป่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เจ็บคอ ก็ไอ ไม่เป็นหวัด อย่างน้อย ๆ ก็ต้อง ร้อนใน พอวันที่ ๕ อาการเพลียเริ่มปรากฏ ตอนเช้าเริ่มไม่ตื่นเอง ต้องพึ่งนาฬิกาปลุก ตื่นมาแล้ว ก็ไม่สดชื่นสดใสเช่นวันที่ผ่านมา ก็ เริ่มเอะใจ เอ๊ะแล้ว ๔-๕ วันก่อนมันเกิดอะไรขึ้น คิดไปคิดมาสงสัยจะเป็นธรรมปีติ ครับ ปีติถ้าเกิดขึ้นแล้ว บางทีอยู่ได้หลาย โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
13
ๆ วัน บางทีเกิดขึ้นแล้ว สามารถรักษาโรคได้ แต่ปีติ ก็เหมือนสตินั่นแหละ ใช่จะบังคับให้เกิดได้ และพอบทมันจะหายไป ก็ ห้ามมันไม่ได้อีกนั่นแล เพราะมันไม่ใช่ตัวตน อาการปีติเป็นอย่างไร ท่านลองนึกถึงตอนดีใจจนน้ําตาไหลนั่นแล ประเภทคนรักที่จากกันไปนาน กลับมาให้ของขวัญ ได้รับ ของขวัญจากลูก หรือได้รับของขวัญที่อยากได้มาก ๆ คนที่คิดว่า จะไม่ได้เจอกันอีก กลับได้มาเจอ ได้ดูหนังดี ๆ สักเรื่อง ฉากที่มันสะเทือนใจ ขนลุกไปทั้งตัว นั่นละครับ อาการของปีติ แต่นั่นเป็นปีติที่ต้องพึ่งปัจจัยภายนอก เกิดขึ้นแป๊บ ๆ แล้วก็ หายไป แต่ปีติจากกรรมฐาน หรือธรรมปีติ นี่ เกิดอยู่ได้เป็นวัน ๆ พระบางรูปนั่งสมาธิอยู่ได้เป็นวัน ๆ เดือน ๆ ปี ๆ ก็อยู่ด้วยธรรมปีติ พอธรรมปีติมันหายไป ก็รู้ว่า มันหายไป ไม่ได้เสียดมเสียดายอะไร ก็ยังคงเดินหน้าทําปฏิทินต่อไปอย่างเมามัน ช่วงเดิน บิณฑบาต เมื่อวาน ก็ภาวนาของเราไปตามปกติ จู่ ๆ ใจมันก็เบาสบาย ขึ้นมา เอ๊ะ... เกิดอะไรขึ้น เลยลองรู้ลมหายใจดู ปรากฏว่า รู้ลมหายใจได้เบาสบาย อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีการบังคับลมแต่อย่างใด หายใจเป็นแล้ว มันมีความสุขจริง ๆ ฟ่ะ สมัยก่อนก็เคยได้ยินบ่อย ๆ ครับ ว่า นักปฏิบัติเขามีความสุขกับการหายใจ แต่ก็ไม่เข้าใจว่า มันสุขเข้าไปได้อย่างไร ปกติก็ หายใจอยู่ ทุกวี่วันอยู่แล้ว ข้าพเจ้าขอยืนยัน ครับว่า หากหายใจอย่างมีสติแล้ว มันมีความสุขจริง ๆ เป็นความสุขที่อธิบาย ไม่ถูก เมื่อวานนั่งทําปฏิทินจนถึงสี่ทุ่ม ครับ การทําปฏิทินมันมีหลายขั้นตอน ต้องพิมพ์ภาพ ตัดภาพ เคลือบพลาสติก เจาะรู เย็บ หางปฏิทิน แต่ละขั้นตอนล้วนแต่ไม่ต้องใช้สมอง แค่เล็ง ๆ เอาให้ได้ระยะ แล้วก็ตูม ๆ ๆ ทุบมันเข้าไป หูมันว่าง ก็เลยเป็น เอ็มพีสาม หลวงพ่อปราโมทย์ไปด้วย ท่านว่า ฟังธรรมะของท่าน ไม่ต้องตั้งใจมาก ครับ ฟังแล้วอย่าคิด ฟังมันเล่น ๆ บทจะ ถึงสิ่งที่เราติดอยู่ จิตมันจะทํางานอัตโนมัติ ให้เราสนใจฟังขึ้นมา ทําตั้งแต่เช้าไปยันสี่ทุ่ม หลัง ๆ ทําไม่ไหว เพราะเจ็บสันมือ ที่กระแทกที่เย็บกระดาษ คิดอยู่ว่า จะทําต่อไปให้ถึงเช้าเลยดีไหม เพราะจะแจกติด ๆ กันหลายที่ วันที่ ๒๘ เช้ามีบวงสรวงที่บ้านตลิ่งชัน ก็อยากเอาไป แจกสักร้อยชุด บ่ายไปหาหลวงตาพวง ก็อยากเอาไปแจกสักร้อยชุด แต่กว่าจะได้แต่ละร้อย ทํากันแทบมือหงิก อยากทดสอบว่า เวลาที่เราล้ามาก ๆ สติเราจะยังคงดีอยู่ไหม คิดไปคิดมา ไม่เอาดีกว่า มันเป็นอัตตกิลมถานุโยค ทรมานร่างกายให้ลําบากเกินไป หลวงพ่อบอกว่า แนวท่านนี้เป็น สุขา ปฏิปทา ขิปปาภิญญา หรือหมายถึงปฏิบัติสบาย บรรลุเร็ว อย่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย ไปนอนดีก่า ตื่นมา ก็ไม่แจ่มใสเท่าไหร่ ครับ เพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ มีอาการเบื่อโลกเล็ก ๆ เซ็งโลกหน่อย ๆ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่า "จิตกําลังเศร้าหมอง" จิตเศร้าหมองก็หายไป แต่ก็ยังไม่สดใสเท่าที่ควร คิดสงสัยว่า ดูท่าธรรมปีติ จะหมดไปแล้ว ขณะนั้น เองครับ รู้ขึ้นมาว่า "จิตกําลังสงสัย" ผลั๊วะ... หลุดเลย ครับ กลับมาหายใจอย่างมีความสุข เหมือนเมื่อวาน เลย ปฏิบัติธรรม มีความสุขจริง ๆ ครับ ข้าพเจ้าขอเป็นพยาน มาปฏิบัติธรรมกันดีกว่า ครับ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
14
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ ปล. ลูกคนทีสอง คลอดแล้ว โดยคุณ akkarakitt
310. นมัสการหลวงพ่อ ปราโมทย์ ปราโมชโช , พ่อแม่ครูอาจารย์รวมถึงญาติธรรมชาวพุทธที่ภาวนาสติปัถฐานการตามรู้ ตามดู ตามเห็น ตามสังเกต สิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกหรือ อะไรก็ได้ในกาย ในจิตใจ ด้วยใจที่ตั้งมั่น เป็นกลาง ไม่แทรกแซง (พวกเรารู้จักกันในนาม ดูจิต ตามวิธีการแนวทางของหลวงพ่อฯ)
ผมขอเป็นอีกหนึ่งเสียงพยานธรรม ในธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ผ่านออกมาด้วยวิธีการสอนของหลวงพ่อ ปราโมทย์ ปราโมช โช สิ่งที่ผมได้นํามาใช้ในชีวิตประจําวัน การตามรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจ (โกรธ เสียใจ ดีใจ ความอยาก ห่อเหี่ยว ความเครียด ใจบงการ เป็นต้น) และรู้อาการต่างที่เกิดกับร่างกาย (ท้องเกร็ง คอเกร็ง ไหล่เกร็ง พอเกิดอาการเหล่านี้แล้วใจเราไม่ชอบ ใจเราแทรกแซง) ผลที่เกิดขึ้นกับตัวเอง บางสิ่งแยกออกมาดูจิตใจ และบางสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชัด บางวัน บางขณะจิตใจก็มี ความซึมเซา ความขี้เกิียจ ความสงสัย ความอยาก โน่น อยากนี้ ...จิตใจที่เรายึดถือว่าเป็นตัวเราเป็นใหญ่และสั่งให้ ร่างกายทําตามสิ่งต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นดูใจก่อนการเลือกที่จะหยิบเสือ้ผ้าเครื่องแต่งกาย ในชีวิตประจําวัน สิ่งเหล่านั้นที่เรา เห็นในจิตใจอยู่เนืองๆ และระลึกเสมอว่าตามคําที่หลวงพ่อสอนว่า ห้ามชั่วและ จะไม่ผิดศีล 5 ของชาวพุทธ คําสอนที่ประทับลงในใจมีหลายสิ่ง ที่ผมจําได้ มีศรัทธา คู่กับปัญญา ปัญญาที่ดีที่สุดต้องไปปฏิบัติภาวนาเอา (ปัญญาที่เห็น เอง ไม่ใช่ปัญญาการคิด คิดแล้วตกเป็นเหยือ่กิเลส) มีความเพียรบ่อยๆ หากใจสงบ ใจสงบนิ่งเกินธรรมดาไป คิดนําพิจารณาภายในวงกาย วงใจบ้าง เพื่อไม่ให้จิตติดเฉย ติด นิ่ง สติหากเกิดได้ไม่บ่อยต้องทําในรูปแแบบ แต่ไม่บังคับกายบังคับใจ สติจะเกิดเอง เกิดบ่อยเกิดจากจิตจําสภาวะต่างๆได้ เอง เราบังคับให้สติเกิดไม่ได้เพียงแต่ทําเหตุให้สติเกิด สติเกิดก็ตามดู กาย ตามดูจิตใจ ต่อไป สุดท้ายผมยังไม่เคยบวชเรียนเป็นพระสงฆ์ในชีวิตเลยเพราะ หยุดจาการทํางานประจําไม่ได้แต่ก็มีความหวังไว้สักวันในชีวิต วางภาระได้ ก็อยากตั้งใจบวชศึกษาเพิ่มเติม ผมเชื่อในกฏแห่งกรรม สิ่งนี้ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลได้ ผมเชื่อในวงจรที่ไม่หยุดนิ่งในจิตใจของตัวเองที่เค้าทะยาน อยาก และถมไม่เต็ม หยุดนิ่งถาวรเองก็ไม่ได้ ถ้าไม่ได้กดข่มไว้ หากจิตใจผมหลงก็วนกับไปทะยานอยากเหมือนเดิมอีก ผม เชื่อในธรรมะของพระพุทธเจ้าตามที่ผมได้เรียนได้ยินได้ฟังมาผ่านพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย ผมเชื่อในพื้นฐานว่าทาน เป็นการสละออกทั้งวัตถุและความเห็นแก่ตัว ศีล5 เป็นพืื้นฐานที่มนุษย์ต้องมี เพื่อเป็นฐานต่อไป เพื่อมีใจตั้งมั่น สงบเป็นสมาธิ เป็นกําลังอุดหนุน ให้ผมสามารถ พบปัญญาเห็นแจ้งในพุทธศาสนาเป็นลําดับๆ โดยการ ภาวนาตามวิธีการข้างต้น ผม ชื่อ นาย สิทธกาญจน อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง กทม. ขอความเมตตาช่วยอบรมชี้แจง ผมจะนําไปปรับปรุง ขออภัยหากมีข้อความผิดและการภาวนาที่ผิดเพราะตัวผมเอง ไม่เกี่ยว กับคําสอนของพระพุทธเจ้า และไม่เกี่ยวกับหลวงพ่อ ปราโมทย์ ปราโมชโช ครับ โดยคุณ สิทธกาญจน์ 311. หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชฺโช สอนให้สวดมนต์ไหว้พระ รักษาศีล 5 มีสติ และไม่ประมาท ค่ะ โดยคุณกาญจนา
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
15
312. เรียนทุกท่าน ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้มาฟังธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ข้าพเจ้าได้ไปปฏิบัติธรรมมาก่อนเล็กน้อย อาจเรียกได้ว่า คนละสาย แต่ก็เป็นในแนวทางเดียวกัน คือ สติปัฏฐาน ๔ ให้ดูฐานทั้ง ๔ คือ กาย เวทนา จิต และธรรม ซึ่งข้าพเจ้าก็พากเพียรปฏิบัติ และดูเท่าที่ดูได้ ตามสติกําลังของตน แต่ก็เริ่มสังเกตว่า จิตกลับมารู้กายรู้ใจตนเองบ่อยๆ เช่น กระพริบตาก็รู้ คิดก็รู้ เป็นต้น เมื่อมาได้ฟังธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโชครั้งแรก จากวิทยุสังฆทานธรรม รู้สึกประทับใจมาก และเมื่อได้ฟัง หลายๆ ครั้ง ก็ยิ่งรู้สึกได้เองว่า ใช่เลย เราเข้าใจ นี่แหละ คือสภาวะที่เรากําลังดําเนินอยู่ เราเริ่มรู้สึกกายตนเอง เริ่มรู้สึกใจ ตนเอง สิ่งที่หลวงพ่อสอน เหมือนตอกย้ําสิ่งที่เรากําลังคิดว่าใช่ ว่าใช่ ข้าพเจ้าเริ่มแสวงหาข้อมูลของหลวงพ่อทางอินเตอร์เน็ท และในที่สุด ก็ได้เดินทางไปกราบท่านที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี และต่อมาได้มากราบท่านอีกที่สวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ. ชลบุรี ข้าพเจ้าได้กราบเรียนขอให้ท่าน ช่วยพาดูสภาวะ เพื่อตอกย้ําความมั่นใจของตัวเราเอง ว่าสิ่งที่เราทํานั้น ถูกทาง หลวงพ่อ ท่านเมตตาพาดูสภาวะ "หลงไปแล้วนะ" "ค่ะ" "หลงไปอีกแล้วนะ" "ค่ะ" นั่นล่ะ ข้าพเจ้าจึงมั่นใจ ว่าการดูของเรา ความเข้าใจของเรา อยู่ในแนวทางที่ถูกที่ควร หากแม้นไม่มีครูบาอาจารย์ชี้แนะ ก็คงไม่เป็นไร แต่คงต้องใช้เวลามากขึ้นอีกหน่อย แต่เมื่อครูบาอาจารย์ชี้แนะเราโดยตรงเช่นนี้ ทําให้เรามั่นใจ และการปฏิบัติอย่างมั่นใจ ก็ทําให้การเจริญสติก้าวหน้าอย่าง รวดเร็ว เมื่อได้ฟังธรรมและปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อ ถึงแม้นข้าพเจ้าจะไม่สามารถเข้าฌาณได้ แต่ข้าพเจ้าก็สามารถเจริญ สติตั้งมั่น รู้สึกกาย รู้สึกใจ เห็นกิเลส เห็นการเกิดดับของกิเลส และสภาวะต่างๆ ไม่ถูกกิเลสลากจูง และครอบงําเหมือนแต่ ก่อน เมื่อข้าพเจ้าไปอ่านธรรมะของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ก็สามารถเข้าใจได้ และเห็นได้ว่า ครูบาอาจารย์ ท่านสอนไปสู่สิ่ง เดียวกัน เพียงแต่ท่านอาจจะใช้เทคนิคต่างกันในการปูพื้นฐานให้ศิษย์ แต่เป้าหมายก็คือ การมีสติ รู้สึกกาย รู้สึกใจ อยู่กับ ปัจจุบัน เรียนรู้กาย เรียนรู้ใจ เห็นกิเลส รู้เท่าทันกิเลส ไม่ถูกกิเลสครอบงํา เมื่อข้าพเจ้าไปกราบครูบาอาจารย์ที่ใด แม้อาจจะดูเหมือนว่าคนละแนวทาง แต่ไม่มีครูบาอาจารย์ท่านใดเลยที่บอกว่า สิ่งที่ ดิฉันทํานั้นผิด มีแต่ส่งเสริมและสนับสนุน ทุกวันนี้ สติเกิดถี่ยิบ รู้สึกเลยว่า เรื่องบางเรื่องที่เคยทุกข์ ก็ไม่ทุกข์ไปกับมัน และแม้บางครั้งมีความทุกข์ ก็ไม่ทุกข์ไปกับมัน มากเหมือนเมื่อก่อน แล้วสติยังช่วยข้าพเจ้าจากอุบัติเหตุทางท้องถนนถึงสองครั้ง คือ ในระหว่างที่เกิดอุบัติเหตุ ข้าพเจ้ามีสติ รู้ตลอดเวลา ไม่แตกตื่นตกใจ และรู้ว่าควรจะทําอะไร จึงจะปลอดภัย และก็ปลอดภัยทั้งสองครั้ง ทั้งๆที่ รถคันอื่นๆ ทั้งด้าน หน้า ด้านหลังของข้าพเจ้าชนกันอย่างรุนแรงและเสียหายมาก รถข้าพเจ้ากลับไม่เป็นไรเลย และแม้ในกระทั่งขณะหลับ ฝัน ร้าย ข้าพเจ้ายังสามารถมีสติรู้และตื่นออกจากฝันร้ายได้ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
16
ความก้าวหน้าในการปฏิบัติทั้งปวงของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากล้ากล่าวได้ว่า เพราะคําสอนของหลวงพ่อปราโมย์ ปาโมชโช เป็น เหตุหลัก ข้าพเจ้ากราบสํานึกในพระคุณ บุญคุณ และความเมตตากรุณาของหลวงพ่อตลอดมาและตลอดไป โดยคุณอรภัทรา 313. ไม่มีคําสอนใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า คําสอนที่ทําให้เรามุ่ง ละทิ้งโลกธรรม ซึ่งคําสอนที่ถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อปราโมทย์ ทําให้เกิดสิ่งนี้ ศิษย์ขอถวายการปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นพุทธบูชา แด่หลวงพ่อเจ้าค่ะ สาธุ โดยคุณวรางค์ 314. เป็นลูกศิษย์ลูกพ่อปราโมทย์ ถึงแม้จะไม่เคยไปปฏิบัติที่สวนสันติธรรมมาก่อน แต่ได้ไปที่ผาซ่อนแก้ว และฟัง CD ของ ท่านในรถแทบทุกวัน เวลามีปัญหาเกิดขึ้น คําพูดของหลวงพ่อใน CD มีคําตอบให้ตลอด การที่จะไปปฏิบัติที่ไหนๆ ก็สู้ ปฏิบัติลงมาที่กายที่ใจของตัวเองไม่ได้ การรู้กาย รู้ใจ ของหลวงพ่อ ช่วยให้เกิด สติได้จริงๆครับ คําสั่งสอนของพลวงพ่อ ไม่ได้แต่งเติม แต่ ถอดคํามาจาก องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านไม่ได้เคยโอ้อวด อุตริ ใดๆ เวลา พูดถึงสํานักอื่นๆ ท่านก็จะห้าม เพราะกลัวขัดแย้งกัน ผมเชื่อมั่นในหลวงพ่อปราโมทย์ ในคําสอนของท่านครับ โดยคุณวรพล 315. เชื่อใน ธรรม ครับ โดยคุณศุภกฤต 316. กายใจไปเรื่อยๆเข้าความทุกข์มันก็ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆด้วย เพราะเห็นว่าเดี๋ยวอะไรๆมันก็จะผ่านไป เป็นอะไรที่ถ้าไม่ ได้ประจักษ์ด้วยตัวเองแล้วจะไม่รู้เลยครับว่ามันอัศจรรย์แค่ไหน ตั้งแต่ได้เรียนกับหลวงพ่อครั้งแรกเมื่อประมาณสิบปีก่อน ท่านก็เน้นแต่เรื่องการดูกายดูใจ สอนให้ตามรู้กิเลสตัณหาของตัว เอง ให้รู้ทันสภาวะต่างๆที่ปรากฏขึ้นตามจริง ดูไปอย่างซื่อๆไม่ต้องไปทําอะไรที่ลําบาก พิสดาร หรือเนิ่นช้า แต่อย่าทิ้งการ ปฏิบัติภาวนาตามรูปแบบ และท่านก็กําชับว่าอย่าขี้เกียจ อย่าคลุกคลีกับหมู่คณะให้มาก และก็ย้ําว่านักปฏิบัติจะต้องไม่เป็น ปฏิปักษ์ต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว อยู่ตรงไหนก็อยู่ได้ สมัยท่านยังเป็นฆราวาสท่านก็สละเวลาของท่านมาเขียนกระทู้ธรรมะดีๆให้ลูกศิษย์ได้อ่าน กระทู้ของท่านทําให้คนทั่วๆไป สามารถเข้าใจหลักของการภาวนาได้ง่ายๆอย่างเหลือเชื่อ และท่านก็ยังสละเวลาในวันหยุดของท่านไปสอนลูกศิษย์ที่ศาลา ลุงชินเป็นประจําทุกเดือน เวลาสงสัยอะไรท่านก็ตอบคําถามผ่านกระทู้หรืออีเมล์ให้อย่างสม่ําเสมอ ท่านไม่เคยเรียกร้อง อะไรอย่างอื่นจากลูกศิษย์เลยนอกจากการปฏิบัติบูชา ท่านไม่เคยแบ่งแยกว่าลูกศิษย์จะยากดีมีจนมาจากไหน ภาวนาดีหรือ แย่แค่ไหนมา ท่านจะสอนให้อย่างเสมอภาคกันทุกคน ตั้งแต่ผมได้รู้จักแนวทางการภาวนาจากหลวงพ่อ ผมรู้สึกว่าชีวิตมีเป้าหมาย รู้ว่าเราเกิดมาเพื่อทําอะไร ผมจะขอเป็นกําลังใจ ให้หลวงพ่อด้วยการปฏิบัติบูชาต่อไปเรื่อยๆจนถึงที่สุดครับ _/\_ _/\_ _/\_ โดยคุณณภัทร 317. สวัสดีครับ นี่อาจจะเป็นทางเดียวที่ผมจะได้แสดงออกถึงความสํานึกใน "พระคุณของหลวงพ่อ" ได้ ณ ขณะนี้ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
17
หลวงพ่อ ผู้ซึ่งเป็นผู้ทําให้ผมได้รู้จักกับความ "ตื่น" และความ "สว่าง" ในจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้รู้จักเลยในอดีตชีวิตที่ ผ่านมา จากคนที่เคยใ้ช้ชีวิตแบบโลก ๆ ไปวัน ๆ หิวโหย ลุ่มหลง และมืดมน อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งได้มาพบกัีบคําสอนที่ หลวงพ่อปราโมทย์ ได้สอนสั่ง ผ่านทางเว๊ป Wimutti.net ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ ผมรู้สึกได้ ถึงความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ไปในทางที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก และผมไม่ลังเล หรือสงสัยใด ๆ เลย ในคําสอนของหลวงพ่อ ว่าถูก หรือ ผิด เพราะผมสัมผัสได้ ด้วยใจของผมนี้ ผมรับรู้ถึงสิ่งนั้นได้ ถึงแม้ว่า โลภะ โทสะ โมหะ จะยังไม่ "หมดจด" ไปจากใจผมก็ตาม วันนี้ สิ่งที่ผมพอจะทําได้ คือการ "ก้มกราบแทบเท้าหลวงพ่อ" ผ่านทางตัวอักษรต่าง ๆ เหล่านี้ ด้วยใจที่เคารพ ผมใช้ภาษาทางพระไม่เป็น แต่ผมอยากจะบอกกับหลวงพ่อว่า "ผมขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อมาก ๆ นะครับ ชีวิตนี้ ถ้าผมไม่ได้รู้จักกับหลวงพ่อ ผมคงเสียชาติเกิดมาก ขอบพระคุณ หลวงพ่อมาก ๆ นะครับ ที่ช่วยถ่ายทอด สิ่งที่พระพุทธองค์ท่านทรงสั่งสอน ให้ตัวผม และเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ อีกหลาย ๆคน ได้เข้าใจ ว่า "สิ่งที่ ประเสริฐที่สุดในชีวิต" นั้น คืออะไร" ผมขอ "ก้มกราบแทบเท้าหลวงพ่อ" อีกครั้ง และจะยึดมั่นในคําสอนของพระพุทธองค์ ด้วยใจที่เคารพ ตลอดจนชีวีผมจะ หาไม่ครับ ขอบพระคุณ "พ่อ" และ "แม่" ที่ให้ชีวิตผม และดูแลผมมาเป็นอย่างดี ขอบพระคุณ "หลวงพ่อปราโมทย์" ที่ทําให้ผมได้รู้ว่า "สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต" นั้น คืออะไร ขอบพระคุณทุกสิ่งที่ทําให้ผมได้รู้จักกับ "พุทธศาสนา" และสุดท้ายนี้ ผมขอ ขอบพระคุณเว๊ปไซค์ dhammada.net ที่ให้โอกาสผม ได้แสดงความรู้สึกที่มีอยู่ในใจตลอดมา ผ่านทาง ตัวอักษรต่าง ๆ เหล่านี้ ขอบพระคุณครับ โดยคุณ จักรพันธ์ 318. ดิฉันได้ฟัง cd ของหลวงพ่อ แล้วปฏิบัติตามที่ท่านเทศน์ ทําให้มีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น เป็นความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก เป็นความสุขที่เกิดขึ้นภายใน ทุกครั้งที่รู้สึกตัว จิตเป็นกุศลแล้วมีความสุข การเทศน์สั่งสอนของหลวงพ่อมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทําให้เข้าใจง่าย สามารถปฏิบัติได้ทันทีในชีวิตประจําวัน ถ้าปฏิบัติถูกต้องก็จะได้ผลเป็น ลําดับ ๆ ไป ที่ร้านเป็นมินิมาร์ท มีการเปิด cd ในร้าน มีลูกค้าจํานวน มาก มาบอกกล่าวว่า ชอบซื้อของร้านนี ้ มี cd หลวงพ่อให้ฟัง ฟังแล้ว เย็นกาย เย็นใจ มีความสุข ไม่อยากออกจากร้าน บางท่านก็เกิดปิติให้เห็น วันใด เครื่องเสียงมีปัญหา ไม่ได้เปิด cd ลูกค้าก็จะถามหาว่า ทําไมวันนี้ ไม่นิมนต์หลวงพ่อมาที่ร้าน จึงอยากกราบเรียนหลวงพ่อว่า มีคนจํานวนมาก ที่ได้รับประโยชน์จากการฟัง cd ที่หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโชเทศน์ค่ะ ขอกราบหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างยิ่ง โดยคุณรุ้งลาวัณย์ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
18
319. นมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชค่ะ... คําสอนของหลวงพ่อทําให้ลูกรู้ถึงการเป็นชาวพุทธที่แท้จริงค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นธรรมดา ลูกจะขอภาวนาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดหมาย โดยมีคําสอนของหลวงพ่อเป็นเข็มทิศนําทาง... ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยได้โปรดอภิบาลคุ้มครองหลวงพ่อ ให้อยู่โปรดเวไนยสัตว์ ให้มีสติปัญญาตามสัจธรรมคําสอนของ พระบรมศาสดาต่อไปค่ะ... โดยคุณเบญจมาศ 320. ผมกินข้าวหลายบ้าน แม้ไม่รู้ว่าข้าวคําไหนที่ทําให้ผมโต แต่ผมรู้ว่าทุกคําข้าวที่ผมกินเข้าไป ล้วนทําประโยชน์ให้แก่ผม ทั้งสิ้นและผมสํานึกในบุญคุณของผู้ที่ป้อนข้าวป้อนน้ําให้ผมเสมอ ผมไม่เคยคิดเลย ว่าจะมีชีวิตเป็นนักภาวนา มันเริ่มจากตรงไหนก็ตอบยาก เริ่มจากประสบทุกข์ในแบบโลกๆ แล้วก็มองว่า เพราะเราผิดศีล ก็เลยย้อนมาหาพระพุทธศาสนา ย้อนมาหาคําสอนของ พระพุทธเจ้า ท่านสอน ทาน ศีล ภาวนา ก็ลองทําตามท่านดู ลองรักษาศีลให้เต็มเหนี่ยว แล้วกะว่า วัดกันไปเลย ถ้าไม่ได้ผล จะได้เลิกนับถือพุทธศาสนา แล้วก็ได้ผล แม้แรกๆจะทุกข์สาหัส แต่ในที่สุด ทุกข์ก็บางลงๆเรื่อยๆ จนค่อยๆหลุดจากทุกข์ขึ้นมาทีละน้อย หลังจากนั้น วันนึง กําลังจะใส่บาตร ใจก็นึกหาคําอธิษฐานขอพรมันนึกๆๆๆๆ แต่ก็นึกไม่ออก เอาอะไรดี อะไรคือที่สุด อะไรคือพรที่ขอแล้ว เป็นพรอันเป็นที่สุด แล้วอยู่ๆ คําๆนึง ก็ผุดขึ้นมาจากอวกาศ "นิพพาน" ไม่มีอะไรที่สูงสุดในพระศาสนา นอกจากนิพพาน ใจมันคิดแบบนั้น ก็เลย "เอาหล่ะ...ขอนิพพานก็แล้วกัน" หลังจากวันนั้น โลกก็เริ่มเปลี่ยน โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
19
ได้หนังสือคุณดังตฤณมาเล่มนึง "มหาสติปัฏฐานสูตร เล่ม ๑"(เล่มนี้ไม่มีวางขายในปัจจุบันแล้ว) ทั้งหนา ทั้งหนัก อ่านไปมากมาย เหมือนจะรู้เรื่อง แต่ก็ไม่รู้เรื่อง จนไปสะดุดกับประโยคๆนึงในหนังสือ "...จิตมีโทสะก็รู้...จิตไม่มีโทสะก็รู้..." ใจมันก็แบบว่าปิ๊งๆขึ้นมา "...เฮ้ย...ปฏิบัติธรรม...มันง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ..." แล้วไอ้ผมนี่ก็จอมโทสะ ก็เลยแบบว่า เอ...ไม่เห็นจะยากอะไร ลองทําดูก็ไม่เสียหาย หลังจากนั้น ก็คอยสังเกตุตัวเอง ว่า "โกรธ" หรือ "ไม่โกรธ" อยู่ ก็ทําแค่นั้น เฝ้าดูแบบนั้นไม่นาน วันนึง โดนลูกน้องวีนใส่อย่างรุนแรง ความโกรธทวีก่อตัวขึ้นมา แต่พอใจย้อนกลับมาเห็นความโกรธ ความโกรธก็สลายหายวับไปกับตา แล้ว ความสุข ปรอดโปร่ง โล่ง เบา ก็มาจากไหนไม่รู้ ผมหันไปยิ้มกับลูกน้องที่วีนผม และค่อยๆสอนจนเขาเข้าใจ แล้วก็มานั่งอัศจรรย์ใจว่า เฮ้ย...มันเป็นแบบนี้ได้ด้วยหรือ จากจุดนั้น ก็เริ่มขยายจาก โทสะ ไปที่ ราคะ และ โมหะ แล้วก็ตัน ใจมันแห้งแล้ง ห่อเหี่ยว บอกไม่ถูก มันเหมือนไม่มีแรง จนวันนึงถึงสังเกตุได้ ว่าใจเรามันไม่มีกําลัง ก็เลยหันเข้าศีกษาการทําสมาธิ ตามหลักสูตร "ครูสมาธิ" ของหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เมื่อเริ่มทําสมาธิสม่ําเสมอ ใช้เวลาไม่นาน ก็ผ่านตรงที่ใจห่อเหี่ยวแห้งแล้งมาได้ ก็เลยเข้าใจชัด ว่าใจที่ไม่มีแรงภาวนา มันเป็นอย่างไร การดู โทสะ ราคะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โมหะ จะทําลุยๆไป โดยขาดฐานกําลังจากสมาธิ ไม่ได้ นับจากตรงนั้น ก็เริ่มทํา สมถะ อย่างสม่ําเสมอ และในชีวิตประจําวัน ก็เจริญสติไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นพักนึง จึงได้เข้าลานธรรม แล้วได้โหลดซีดีของหลวงพ่อมาฟัง ประกอบกับ มีใครก็ไม่รู้ ทุกวันนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าคนๆนั้นคือใคร ส่งหนังสือกับซีดีของหลวงพ่อมาให้อีกตั้งใหญ่ๆ หลังจากที่ฟังและอ่านไปได้ไม่นาน จึงพบว่า ที่เราทํามาทั้งหมด มันตรงกับที่หลวงพ่อสอนเป๊ะๆเลย ในชีวิตประจําวัน ก็เจริญสติรู้กายรู้ใจไป แล้วก็ทําในรูปแบบอย่างน้อยวันละครั้ง หลังจากวันนั้น ความมั่นใจในพระศาสนาก็มั่นคงขึ้น การเจริญสติในชีวิตประจําวัน ส่งผลย้อนไปทําให้การทําสมาธิ ก้าวหน้าได้ง่าย การทําสมถะ ตามรูปแบบ ส่งผลให้การเจริญสติในชีวิตประจําวัน ทําได้ง่าย อินทรีย์ที่ถูกอบรมแก่รอบขึ้น ทําให้เห็น ปฏิจจสมุปบาท จนเข้าใจได้แท้จริง ว่า "ที่โน่นไม่มี ที่นี่ไม่มี คนอื่นไม่มี ของเราไม่มี" จากนี้ ก็ได้แต่รอว่า อินทรีย์จะแก่รอบขึ้นอีก จนถึงที่สุดแห่งการพ้นทุกข์ได้ ผมกินข้าวหลายบ้าน แม้ไม่รู้ว่าข้าวคําไหนที่ทําให้ผมโต แต่ผมรู้ว่าทุกคําข้าวที่ผมกินเข้าไป ล้วนทําประโยชน์ให้แก่ผมทั้งสิ้น และผมสํานึกในบุญคุณของผู้ที่ป้อนข้าวป้อนน้ําให้ผมเสมอ ขอกราบบูชาพระพุทธเจ้า และ กราบบูชาครูบาอาจารย์ ไว้เหนือเศียรเหนือเกล้า โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
20
โดยคุณ เกริกสันห์ 321. ดิฉันชื่อ ทัศนียา ค่ะ เริ่มปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ตั้งแต่ ก.ย.50 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมาได้ไปฟังเทศน์และนํา CD ที่หลวงพ่อเทศน์ไว้มาฟัง ท่านจะเน้นย้ําเรื่องศีลเป็นอย่างมากสําหรับผู้ปฏิบัติ ถ้าไม่มีศีลเป็นพื้นฐานการปฏิบัติก็ไปไม่รอด ท่านเทศน์แต่เรื่องวิธีการปฏิบัติ ไม่เคยพูดว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลขั้นไหนแล้ว และคําสอนของท่านก็ทําให้ชีวิตขอดิฉันมี ความทุกข์น้อยลง ท่านสอนให้รู้สึกตัว อย่าลืมกายอย่าลืมใจ ทําให้เรารู้จักตัวและสามารถแก้ปัญญาได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ที่เห็นมาตลอดคือ ท่านมีเมตตาต่อทุกคนเสมอกัน ไม่มีคนรวยคนจนเสมอกันหมด ดิฉันเชื่อธรรมะในตัวท่าน ดูได้จากข้อวัตรปฏิบัติและดูได้จากธรรมะที่ท่านสื่อออกมาเป็นคําพูด โดยคุณ ทัศนียา 322.ข้าพเจ้าชื่อ นางศรีพร ข้าพเจ้าศึกษาธรรมตามแนวการสอนจาก ลพ.ปราโมทย์มาประมาณ 2 ปี แล้ว โดยการแนะนําจากพี่สาวและหลานสาว ทําให้เข้าใจว่า ศาสนาพุทธสอนอะไร ไม่ใช่สอนแต่ให้ถือศีล เป็นคนดี เท่านั้น ที่สุดคือ สอนให้เราพ้นทุกข์ ลพ.สอนให้เราเรียนรู้ กายใจของตนเอง เรียนรู้เพื่ออะไร เรียนรู้เพื่อให้ เราเห็นกิเลสที่มีอยู่ในตัวเราว่ามันมากมายขนาดไหน ไม่น่าเชื่อเลยว่า ในตัวเราจะมีกิเลสมากมายขนาดนี้ ท่านสอนให้เราคอยดูตัวเอง ให้รู้กิเลส เพื่อว่าเราจะได้ไม่ไประบาดความชั่วร้ายใส่คนอื่น คอยดูตัวเอง ตลอด 2 ปีมานี้ ข้าพเจ้ามีความสุขมากขึ้น เรียนรู้กาย ใจ ตนเอง เวลามีความทุกข์ก็ได้ธรรมะจากลพ..นี่แหละคอยเตือนสติอยู่เสมอ ลพ.สอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน ให้เราคอยรู้กายรู้ใจตนเอง ไม่ให้ไปหลง อยู่กับสิ่งสมมุติ เพื่อให้เรามาอยู่กับปรมัติ เพื่อที่สุดเราจะได้เห็นธรรมะที่แท้จริง ตลอดเวลาที่ศึกษาธรรมจากท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินท่านเอ่ยเลยว่า ท่านเป็น พระอริยะ ชั้นโน้น ชั้นนี ้ และท่านไม่เคยเรื่ยไรเงินจากญาติโยม เลยสักครั้ง ตามความรู้สึกของข้าพเจ้า ลพ. ปราโมทย์ เปรียบเสมือน "พ่อ" ทางธรรม โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
21
ของข้าพเจ้า ท่านให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่า เราเกิดมาทําไม เกิดมาเพื่ออะไร ข้าพเจ้าจะภาวนาต่อไปเพื่อเป็นพุทธบูชา อาจาริยบูชา เพื่อให้สมกับที่ ท่านสละแรงกายแรงใจมาสอนพวกเรา ท้ายนี้หากทางเถระสมาคมได้อ่านข้อความของข้าพเจ้า ก็วอนขอให้ทาง สมาคมโปรดพิจารณาให้ดํารง พระดีๆไว้สักรูปหนึ่งที่ เสียสละเพื่อ สาธารณะประโยชน์และทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับพุทธศาสนาโดยไม่เคย หวังผลประโยชน์อันใดเลย โดยคุณศรีพร
323. เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ดิฉันได้ประสบความทุกข์ ในชีวิต ทุกข์จากความยึดมั่น ถือมั่น ทุกข์กับโลกของความคิดฟุ้งซ่าน จนร่างกายทุกข์ทรมาน เพราะความป่วยไข้ จนมีคนนําคําสอนของหลวงพ่อ(เมื่อก่อนยังไม่มีหนังสือ) พิมพ์มาจากอินเต อร์เนท ดิฉันได้อ่าน แล้วลองทํา แม้จะยังไม่เข้าใจมากนัก แต่พบว่าความทุกข์ ได้ลดลงไป ในบางส่วน และได้พบหลวงพ่อ ปราโมทย์ แล้วได้นําหลักการปฏิบัติที่ท่านได้สอน ให้เจริญกายคตาสติ บ่อย ๆ เพราะดิฉันเป็นคนฟุ้งซ่าน ต้องใช้วิธีนี้ ดิฉัน เป็นคนที่ชอบค้นคว้า หาเหตุผล และต้องทดลองกับตัวเองได้รับผลดีก่อนจึง จะไปบอกผู้อื่นได้ ซึ่งวิธีนี้ ดิฉัน ได้นํามาใช้ ทําให้เข้าใจ และปล่อยวางเรื่องความทุกข์ที่อยู่รอบตัวได้ผลดี จนเดี๋ยวนี้ คนรอบตัวสามารถสัมผัสกระแสแห่งความสุขจากตัวดิฉันได้ "ทุกข์ยังอยู่เหมือนเดิม แต่ใจดิฉันไม่เหมือน เดิมแล้ว" เข้มแข็งขึ้น มีสติมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีจิตใจที่อยากจะสงเคราะห์เกื้อกูลผู้อื่น ที่มีความทุกข์ อยู่เสมอ เพราะจิตใจที่หนักอึ้งด้วยความทุกข์ เมื่อก่อน กลายเป็นจิตใจที่โปร่งโล่ง เบาสบาย ทําให้มีสติ ใช้ได้ผลกับคนใน ครอบครัวและญาติ ๆ แล้วสามารถ ดึงเขาให้มามีส่วนร่วมในการภาวนาได้ เพราะเขาเห็นเราเปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้น พอ เขาทําตามเขาก็มีสติและมีความสุขตาม ๆ มาค่ะ ลูกชายดิฉัน(นายโชคพิพัฒน์ ชัยกิจโกสีย์) ก็สามารถยืนยันได้ เพราะเขาก็ปฏิบัติ ธรรมตามแนวนี้เหมือนกัน ตอนนี้เขา เรียน อยู่ปี 2 ที่จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย สวดมนต์ รักษาศีล นั่งสมาธิทุกวัน โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
22
จะเห็นว่าธรรมะที่ข้าพเจ้าได้นํามาใช้ในกับตัวเองและครอบครัว ได้ผลจริง ถ้าสังคมแต่ละครอบครัว ได้นําไปใช้ ประเทศไทยคงไม่มีปัญหา แน่นอน เด็กช่างกลคงไม่มายกพวกตีกันหรอกค่ะ แค่พ่อแม่อยู่ในศีลในธรรม และสอนลูกหลาน ของแต่ละคน สังคมคงไม่มีปัญหา แน่นอนค่ะ นี่คือความสุขที่เราสามารถแบ่งปันแก่เพื่อนร่วมโลกได้ค่ะ แค่มีสติและได้เกิดพรหมวิหารธรรม ขึ้นในใจของเรา ได้พบ ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าช่วยให้เราได้พ้นทุกข์ได้จริง ๆค่ะ จากการตื่นรู้ และใช้สติปัฏฐาน 4 ในชีวิตประจําวัน จากแนวทาง การสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ค่ะ ขอยืนยันด้วยสัจจะ ด้วยศีล 5 ที่ข้าพเจ้าได้ตั้งใจรักษาและศีลอุโบสถ ที่ข้าพเจ้าได้รักษาอยู่ในวันพระนี้ด้วยค่ะ ขอแสดงความนับถือ โดยคุณพิลาวัณย์ 324. We love Tan Ajarn Pramote. From LA โดยคุณ Ratana 325. สําหรับคนรุ่นใหม่ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันที่ทุกๆ อย่างล้วนต้องรวดเร็ว รีบเร่งไปหมด มันทําให้ดูเหมือนว่า การ ปฏิบัติธรรมกับการใช้ชีวิตทางโลก มันไปด้วยกันได้ยากจริง ๆ ในใจลึกๆ รู้สึกว่าอยากเป็นคนดี ชีวิตควรมีอะไรให้ค้นหา หรือจุดหมายที่มากกว่าความสําเร็จทางโลกแบบนี้ นอกจากรักษาศีลแล้ว อยากปฏิบัติธรรมด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทํายังไง ทํา แบบไม่เข้าใจ ยิ่งทํายิ่งฝืน ยิ่งทํายิ่งกด เหมือนจะดีแต่ก็รู้สึกแน่น ๆ แข็ง ๆ ไปหมด แต่พอได้ฟังคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ทําให้รู้สึกว่า การปฏิบัติธรรม ไม่ได้ยาก และอยู่กับชีวิตปัจจุบันได้แบบสบาย ๆ ที่แน่น ๆ แข็ง ๆ ก็เบาลง เข้าใจถึงการรู้สึกตัว เพ่ง และ เผลอ เข้าใจธรรมชาติตัวเอง อยู่กับตัวเองได้ ไม่กดดัน ไม่คาด หวัง ว่าปฏิบัติแล้วจะต้องได้อะไร แค่ให้ใจสบาย มีสติอยู่กับปัจจุบัน นั่นก็เป็นความสุขในปัจจุบันแล้ว เมื่อเข้าใจพื้นฐานนี้แล้ว เราก็สามารถอ่านหรือฟังและเข้าใจแนวทางการปฏิบัติแบบอื่น ๆ ได้ด้วย โดยใช้พื้นฐานว่า คําสอน นั้นๆ ไม่ขัดกับคําสอนของพระพุทธเจ้า ขอบคุณพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่ช่วยกรุณาทําให้ธรรมะ กลายเป็นเรื่องเข้าใจง่าย ไม่ยากเกินไปที่จะปฏิบัติตาม และทําให้มีกําลังใจเดินต่อไป จุดหมายไม่รู้อีกไกลแค่ไหน แต่มั่นใจในตอนนี้ว่า จะเดินต่อไปเรื่อย ๆ ทีละก้าว ทีละก้าว ทําให้ระยะห่างที่จะถึงจุดหมายน้อยลง สั้นลง จนถึงจุดนั้นในที่สุด บุญกุศลใดที่ได้จากการปฏิบัติธรรม ขอถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และ สังฆบูชา และขอถวายแด่หลวงพ่อปราโมทย์ ด้วยค่ะ โดยคุณสิริพร 326. กราบนมัสการพระอาจารย์ปราโมทย์ โยมเป็นผู้หนึ่งซึ่งได้รับฟังคําสอนทางซีดีและอ่านหนังสือของหลวงพ่อมาระยะหนึ่งแล้ว ถึงไม่มีโอกาสได้ส่งการบ้านด้วยตัว เอง แต่ก็ได้ยึดหลักคําสอนมาใช้ในชีวิตประจําวันได้เป็นอย่างดี ด้วยคําสอนที่เรียบง่ายของหลวงพ่อ ทําให้โยมได้หันมา สนใจหลักธรรมคําสอนทางพุทธศาสนา ที่ให้มาเรียนรู้กายเรียนรู้ใจของตนเอง ทําให้มีสติมากขึ้น อยู่กับปัจจุบันมากขึ้น ถึงแม้ว่าในขณะนี้ จะมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับหลวงพ่อออกมาอย่างต่อเนื่อง โยมก็ยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อที่อุทิศ ตนเพื่อเผยแพร่พระธรรมคําสอน โดยไม่ได้คํานึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวแต่ประการใด โยมขอเป็นกําลังใจให้หลวงพ่อและ ลูกศิษย์ทุกท่านสามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ด้วยดี หากมีสิ่งใดที่โยมสามารถช่วยเหลือหลวงพ่อหรือสวนสันติธรรมได้ ไม่ ว่าเรื่องใดๆ โยมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างสุดกําลังและความสามารถค่ะ กราบนมัสการด้วยความเคารพค่ะ โดยคุณนฤมล โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
23
327. ดิฉัน อุปถัมภ์ สํานึกในบุญคุณหลวงพ่อมาก แม้จะไม่เคยไปกราบหลวงพ่อที่วัดหรือที่ใหนๆเลย ฟังแต่ CD และอ่านหนังสือของหลวงพ่อ ก็พบทางสว่างของชีวิต คําถามต่างๆในชีวิตหมดไป เข้าใจชีวิตมากขึ้น เข้าใจเพื่อนร่วมโลกด้วยกัน รู้จักให้อภัย รู้เห็นเส้น ทางที่จะเดินต่อไปทั้งชาตินี้และชาติหน้า มีสติกํากับชีวิต น้อยบ้างมากบ้างตามแต่เหตุการณ์ หลวงพ่อทําให้ดิฉันรักและ ศรัทธาในศาสนาพุทธเชื่อมั่นในความดีที่ทําค่ะ รักและศรัทธาหลวงพ่อชั่วชีวิต โดยคุณอุปถัมภ์ 328. ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่แอบสมัครเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อแม้จะไม่เคยพบตัวจริงท่านสักครั้งเดียว ทั้งหนังสือ ทั้งCDที่ได้รับมาฟรีๆ แต่ทําให้ดิฉันเหมือนได้สมบัติอันมีค่ามาไว้กับตัว ...จากเหตุข่าวอันน่าตกใจที่เกิดขึ้น ดิฉันเองไม่เคยรู้สึกสั่นคลอนต่อองค์หลวงพ่อเลย ดิฉันมั่นใจในสิ่งที่ดิฉันเห็นและเกิดขึ้นกับตัวเอง และครอบครัวที่ปฏิบัติตามแนวทางของท่าน ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น... จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกเล่า หากชีวิตคนๆหนึ่งที่ใช้ชีวิตธรรมดา ทําบุญตามๆกัน ไปวัดตามๆกัน ทําชั่วตามโอกาส ทุกข์หนักหนา หรือสุขสุดเหวี่ยง วันๆหลงไหลอยู่กับโลกที่เต็มไปด้วยกิเลสร้ายกาจ รัก โกรธ โลภ หลง จนไม่ลืมหูลืมตา หลังจากฟังธรรมะของหลวงพ่อแล้วชีวิตเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ทุกข์ฉันไม่กลัวแล้ว สุขก็ไม่ติดใจเหมือนก่อน หลงก็รู้ทันกายใจขึ้นมา สติ ที่ไม่เคยรู้จักอย่างแท้จริงก็ได้รู้ สมาธิก็ทําได้ง่าย ไม่ต้องฝืน ถือศีล5 ก็ง่ายแสนง่าย ไม่เห็นทํายากเหมือนก่อน จะดี จะชั่ว ก็รู้ตัวเอง กลิ่นไอความเบิกบานกายใจโชยอยู่ ตลอด ที่เริ่มเจริญสติในชีวิตประจําวันและใช้ชีวิตบนพื้นฐานของ ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อก่อนดิฉันกราบพระเพราะเป็นพิธีการ แต่ตอนนี้ดิฉันก้มกราบพระด้วยจิตใจที่ระลึกถึงพระคุณอันประเสริฐ หลวงพ่ อ ปราโมทย์ ท่ า นเป็ น ครู บ าอาจารย์ ท ่ า นหนึ ่ ง ที ่ ม ี ส ่ ว นอย่ า งมากในการชี ้ ใ ห้ ด ิ ฉ ั น เห็ น พระคุ ณ อั น ประเสริ ฐ ของ พระพุทธเจ้า By VISAKA โดยคุณปราณี 329. หลวงพ่อสอนให้รักษาศีล การใช้ชีวิตทางโลกล้วนมีโอกาสผิดศีลได้ง่ายๆ แต่เพราะคําสอนของหลวงพ่อทําให้เป็นคนดีของสังคม ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หลวงพ่อสอนให้รู้จักความทุกข์ ทุกวันนี้ได้พานพบเจอปัญหาและเกิดความทุกข์บ่อยมาก แต่เพราะคําสอนของหลวงพ่อทําให้สามารถทักทายกับปัญหาและ ความทุกข์ได้สบาย ไม่ทุรนทุรายเหมือนก่อน หลวงพ่อสอนให้ภาวนา ก่อนนั้นไม่เข้าใจว่าเกิดมาทําไม แต่เพราะคําสอนของหลวงพ่อสอน ทําให้รู้ว่าเกิดมาเพื่อพบศาสนาพุทธและเรียนรู้ถึงหัวใจ ของพุทธศาสนา ซึ่งคือการพ้นทุกข์ และทุกคนมีโอกาสที่จะพบกับสิ่งล้ําเลิศนั้นถ้าได้ปฏิบัติตามหลักคําสอนของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อสอนเพื่อใคร? จะปฏิบัติภาวนาเพื่อเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้า และ อาจาริยบูชาแด่หลวงหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ต่อไป โดยคุณกัญญา โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
24
330. คําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ทําให้เราเห็นเป้าหมายและทางเดินสู่การพ้นทุกข์ที่ชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น เราไม่มีอะไรจะฝากถึงหลวงพ่อ เพราะว่าท่านคงไม่ 'เป็นอะไร' อยู่แล้ว แต่อยากจะขอฝากถึงผู้ที่ยังลังเลสงสัยว่า ขอเชิญพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง ลองศึกษาภาวนาด้วยตัวท่านเอง แล้วท่านจะเป็นพยานที่ยืนยันให้กับตนเองที่ดีที่สุด ขอกราบหลวงพ่อด้วยเศียรเกล้า ลูกจะตั้งใจภาวนาถวายเป็นพุทธบูชา และอาจาริยบูชาจนกว่าจะถึงที่สุด _/|\_ _/|\_ _/|\_ โดยคุณศ.เกียรติคุณ ดร.ไมตรี - ศิริวรรณ - ศิริตรี - ศิริจิต
331. มันไม่ใช่การบังเอิญ แต่มันคือบุญ ที่ทําให้ดิฉันได้มาฟังธรรม ศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์ โดยหลวงพ่อปราโมทย์เป็นผู้นํามาถ่ายทอดให้เข้าใจมากขึ้น ก่อนหน้านี้เมื่อสัก 5-6 ปีที่แล้ว ดิฉันเข้าใจว่าดิฉันเป็นคนที่ปฏิบัติธรรมได้ดี เกิดตัวตนขึ้นมา ไปทําบุญ เข้าคอร์สภาวนาที่อื่นมาหลากหลาย เที่ยวไปศึกษาไปทุกที่ คิดว่าตัวเองดีและเก่ง ในปี 2550 ได้ฟังซีดีเทศน์ของท่าน แรก ๆ ก็สงสัยไม่เข้าใจ แต่ก็ทนฟังไปเรื่อย ๆ จนต้องมาเปลี่ยน แปลงตัวเอง โดยเริ่มสังเกตหรือดูจิต ตามที่ท่านสอน 1.ให้ถือรักษาศีลห้า เป็นอย่างน้อย 2.ให้ทําตามรูปแบบทุกวัน คือ สวดมนต์ไหว้พระ เดินจงกรม วันละ 10-15 นาทีก็ได้ 3.สังเกตดูความรู้สึก ดูอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ให้รู้สึกตัวถึงการเคลื่อนไหวของร่างกาย โดยไม่บังคับ ไม่เพ่ง ไม่กด ดิฉันปฏิบัติและทําอย่างนี้เรื่อย ๆ สิ่งได้จากการปฏิบัติคือ ดิฉันเห็นว่าร่างกายและจิตใจของดิฉันมีการเปลี่ยนแปลง ไม่คงที่ เกิดดับตลอด และมีกิเลสเยอะมาก ๆ มีโลภ โกรธ หลง และมานะตัวตนที่แอบซ่อนโดยไม่เคยเห็นเอง ซึ่งผลจากการปฏิบัติตามแนวทางดูจิต ทําให้ดิฉันเมื่อเห็น เมื่อมีสติมากขึ้น จากที่เคยโกรธง่าย โกรธนาน ก็โกรธน้อยลง เป็นลําดับ จากที่ตัวกูของกูสูงมาก ก็ลดลง จากที่ทุกข์กับการคิด ทุกข์กับปัญหามาก ๆ ก็อยู่กับทุกข์ได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน และรู้เท่าทันกิเลสได้มากขึ้น โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
25
และสิ่งที่ท่านเพียรสอนคือ มีสติ รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง ท่านไม่เคยกล่าวร้ายป้ายสีสํานักไหน หรือครูบาอาจารย์ท่านไหน ว่าสอนไม่ดี และท่าน ไม่เคยบอกว่าการสอนของท่านถูกต้องที่สุด ท่านบอกเสมอว่า ไม่มีกรรมฐานไหนดีที่สุด มีแต่เหมาะสมกับจริตหรือนิสัยของแต่ละคน ดิฉันขอน้อมนําคําสอนของพระพุทธเจ้า ที่หลวงพ่อปราโมทย์นํามาถ่ายทอด และสอนข้าพเจ้า มาปฏิบัติภาวนา เพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงในพระนิพพานตลอดไป ถึงแม้ว่าจะเกิดโลกธรรม 8 ต่อท่านอย่างไรก็ตาม ศรัทธานี้จะไม่คลอนแคลน ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่มั่นใจว่าท่านได้เมตตาสอนลูกศิษย์ ท่านได้เผยแพร่ธรรมะของ พระพุทธองค์ได้อย่างงดงามและบริสุทธิ์ เป็นพระคุณอย่างสูงที่ดิฉันได้เรียนธรรมะจากหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านไม่เคยเรียกร้องหรือเรื่ยไรเงินทองจากลูกศิษย์ ท่านไม่เน้นในเรื่องการสร้างหรือการทําวัตถุ แต่ท่านเน้นให้รักษาจิตรักษาใจ ให้มีสติสัมปชัญญะเพื่อให้เกิดปัญญาในการรู้แจ้ง กราบน้อบน้อมต่อพระคุณของหลวงพ่อปราโมทย์ โดยคุณเวียงใส 332. คําสอนของหลวงพ่อทําให้ดิฉันค้นพบหนทางในการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจําวันได้ แต่ก่อนดิฉันภาวนาแบบพองหนอ ยุบหนอ และค่อนข้างอึดอัดกับการเดินจงกรมแบบก้าวช้าๆ และนึกว่าการปฏิบัติธรรมทําได้แต่ตอนเข้าคอร์สอย่างเดียว ทําให้จิตใจดิ้นรนกระสับกระส่ายอยากหาเวลาไปเข้าคอร์สนานๆก็ลางานไม่ได้ ลาได้แค่ 3 วัน แต่พอมาฟังซีดีหลวงพ่อเหมือนเปิดของคว่ําให้หงาย และอยากขอบคุณหลวงพ่อมากๆค่ะที่ได้สอนเรื่องอริยสัจ 4 แต่ก่อน ดิฉันก็คิดเหมือนคนทั่วไปคือ ต้องหาสาเหตุก่อนถึงจะแก้ปัญหาได้ แต่หลวงพ่อได้มาชี้ทางสว่างให้ว่ารู้ทุกข์แล้วจะละสมุทัย ได้โดยอัตโนมัติ รู้สึกว่าคําพูด คําสอนของหลวงพ่อใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายต่อคนรุ่นใหม่วัยทํางาน อีกทั้งหลวงพ่อยังปฏิบัติธรรมตั้งแต่สมัยทํางานอยู่ให้เราเป็นแบบอย่างได้อย่างดีว่าทํางานก็ปฏิบัติธรรมได้โดยให้แบ่งชีวิต เป็นช่วงๆ ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างสูงในความเมตตาและอนุโมทนากับทีมงานทุกท่านด้วยค่ะ โดยคุณภาวิตา 333. กราบเรียน หลวงพ่อ ลูกขอเป็นกําลังใจให้หลวงพ่อ ได้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ได้ คําสอนของหลวงพ่อเป็นคําสอนที่สามารถปฏิบัติได้จริง และ เห็นผลได้จริง ซึ่งทําให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ รู้สึกว่าคําสอนนั้นมีคุณค่า มากค่ะ ปัญหาของทางโลกที่เกิดขึ้น ก็เป็นของโลก ไม่ได้เป็นของเรา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเจริญทางธรรมแม้แต่น้อย ขอให้ หลวงพ่อเมตตาโปรดแสดงธรรมให้ลูกศิษย์ต่อไปเรื่อยๆค่ะ เพราะศิษย์หลายต่อหลายคน ได้ประโยชน์จากธรรมที่หลวงพ่อ ได้แสดงมา ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน กราบขอบพระคุณสําหรับความเมตตาในการแสดงธรรมของหลวงพ่อค่ะ โดยคุณ พิชฌามญชุ์ 334. ขอเป็นอีกหนึ่งพยานเรื่องการปฏิบัติ ธรรมดาผมเป็นคนที่บ้าบุญ ชอบทําบุญเอาหน้า ชอบทําบุญใหญ่ เมื่อเจอหลวงพ่อเมื่อหลายปีก่อน พอรู้ว่าหลวงพ่อเป็นพระที่สอนดี ก็บ้าบุญขอช่วยงานหลวงพ่อด้านการเผยแพร่ธรรมะ ทาง internet ซึ่งก็ทํามาหลายปี แต่ไม่เคยเอาคําสอนของหลวงพ่อมาหัดปฏิบัติเลย จนเวลาล่วงไปหลายปี จนมาเจอความทุกข์เข้าถาโถมเข้ามาทีเดียวหลายด้าน รู้เลยว่าบุญอย่างเดียวไม่สามารถมา manage จิตใจตัวเองได้ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
26
เลยเริ่มหัดเอาสิ่งที่ท่านสอนมาลองทําดูจริงๆจัง ก็ปรากฎว่าความทุกข์ในใจลดลงนะ ลดจริงๆ อาจจะไม่หวือหวา เท่าผู้อื่น แต่แค่ตัวเราทุกข์น้อยลงก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ? โดยคุณเอก (กทม) 335. “รู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และเป็นกลาง” “รู้ใจไม่ได้ ให้ดูกาย ดูใจก็ไม่ได้ ดูกายก็ไม่ได้ ให้ทําความสมถะ” “มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้” นี่คือประโยคหลักๆที่ได้ฟังจากหลวงพ่อที่ผมยึดเป็นหลักในการภาวนา รวมถึงอุบายการภาวนาส่วนตัวที่หลวงพ่อเมตตา แนะนําให้ใช้กายเคลื่อนไหวเป็นวิหารธรรม รวมถึงครั้งสุดท้ายที่ท่านเตือนสติให้ทําในรูปแบบให้มากขึ้นเพื่อให้จิตมีกําลัง และเตือนว่า “ภาวนาเข้าอย่าขี้เกียจนะ” ศึกษาธรรมะผ่านการถ่ายทอดจากหลวงพ่อมาประมาณปีกว่าๆแล้ว รู้สึกได้ว่าเป็นช่วงปีกว่าๆที่มีค่ามากกว่า 30 กว่าปีที่ ผ่านมาทั้งชีวิต - จากที่เคยตั้งเป้าแบบโลกๆ เช่น ความสุข เงินทอง ลาภยศสรรเสริญ ก็จางลงๆไป เปลี่ยนเป้าเป็นมุ่งการภาวนา และทํางานทางโลกให้เต็มที่ตามหน้าที่ - จากที่ขยันทํางานเพื่อหวังคําชมและความก้าวหน้า ก็ขยันทํางานแบบมีความสุขกับหน้าที่มากขึ้น ขยันทําเหตุ มากขึ้น (ยังชอบคําชมอยู่นะครับ…แต่คอยรู้ทัน) - จากที่ถือศีลได้แค่ 3 ข้อ ก็สมาทานศีล 5 และศีล 8 ทุกวันพระ - จากที่เคยหลงๆเพลินๆไปวันๆ ก็มีสติเกิดบ่อยขึ้น มีฉันทะในการปฏิบัติตามรูปแบบ (เดินจงกรม นั่งสมาธิ) มาก ขึ้น - จากที่ไม่ค่อยเข้าใจธรรมะของครูบาอาจารย์บางท่าน จับหลักไม่ถูก ปฏิบัติตามไม่ถูก ก็เิริ่มเข้าใจได้มากขึ้น กลับไปอ่านแล้วซาบซึ้งในธรรมมากขึ้น - จากที่ใจลอยคิดทั้งวัน ก็พอจะมีสติ ได้เห็นกิเลสที่จรมาทั้งวันทั้งคืน - จากที่ทําอะไรก็เพื่อตัวกู ของกู ก็พอจะมีสติรู้ทันได้บ้าง ไม่ทันบ้าง เห็นความน่าเกลียด น่ากลัว และความเลวที่ เมื่อก่อนเห็นว่าไม่เห็นว่าเลว - ฯลฯ รวมความคือ ความคิดเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน ชีวิตคนรอบข้างก็เริ่มเปลี่ยน ใช้ชีวิตทางโลกแบบมีความทุกข์น้อยลง ยึดน้อยลง แม้วันนี้กิเลสยังท่วมหัวใจแต่ก็คอยเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เชื่อมั่นในธรรมะของพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งของจิตใจได้อย่างแท้จริง ผมเรียนธรรมะผ่านการถ่ายทอดของหลวงพ่อ แบบฟรีๆ ไม่เคยต้องเสียเงิน เคยบริจาคไปบ้างแต่ก็เล็กน้อยมากเมื่อเทียบ กับชีวิตจิตใจที่เปลี่ยนไปจนไม่รู้จะแทนพระคุณหลวงพ่อได้อย่างไร ได้แต่ตั้งใจปฏิบัติบูชาตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจครับ โดยคุณวโรตม์ 336. ดิฉัน จุฑาทิพย์ ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคําสอนของพระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่ครูบา อาจารย์ได้ช่วยกันสืบทอดมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลจนถึง ณ ปัจจุบัน ดิฉันได้เรียนรู้พระธรรมคําสอนผ่านการถ่ายทอดของ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชทั้งจากการฟังผ่านสื่อCD,หนังสือและมีโอกาสได้ไปที่สวนสันติธรรมมาตั้งแต่ 20กค.2549 เป็นเวลากว่า 4 ปี ดิฉันได้พบการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในชีวิตอย่างคาดไม่ถึงเลยว่าชีวิตนี้จะมีความสุขใจได้มากถึง เพียงนี้ ดิฉันได้ถวายการปฏิบัติเป็นพุทธบูชา,ธรรมบูชา,สังฆบูชาด้วยความซาบซึ้งใจอย่างใหญ่หลวง นึกแล้วยังให้ สยดสยองใจว่าถ้าไม่ได้มาเรียนรู้ธรรมะจากหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชชีวิตจะเป็นอย่างไร ซึ่งคงแตกต่างจากปัจจุบัน อย่างหาที่สุดมิได้ เพราะปัจจุบันนี้ดิฉันเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ได้ก็เพราะพระธรรมคําสอน เป็นหมอที่ดีก็เพราะพระศาสนา มี ครอบครัวที่มีความสุขได้ก็เพราะพระศาสนา ดิฉันและสามีได้ศึกษาธรรมะด้วยกัน ชีวิตมีความสุขขึ้นมากอย่างเอนกอนันต์ และด้ ว ยดวงใจที ่ พ ร้ อ มจะแทนคุ ณ พระพุ ท ธ,คุ ณ พระธรรม,คุ ณ พระสงฆ์ ค รู บ าอาจารย์ ท ุ ก ๆรู ป ทุ ก ๆองค์ ท ี ่ ท ่ า นได้ ร ั ก ษา พระพุทธศาสนามาด้วยความยากลําบาก ต้องเผชิญอุปสรรคนานับประการ โดยคุณจุฑาทิพย์ 337. ขอเรียนว่าศรัทธาในคําสอนของหลวงพ่อค่ะ คําสอนของท่านตรงๆ ไม่อ้อมค้อม เข้าใจง่าย โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
27
หลักของท่านก็เหมือนกับพระครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คือ มีสติ รู้สึกตัว รู้กายรู้ใจ อยู่กับปัจจุบัน ไม่เห็นท่านจะสอนพิสดารตรงไหนเลยค่ะ แล้วหลวงพ่อก็ไม่เคยเรียกร้องให้ทําบุญบริจาคเลย ท่านเน้นสอนให้ปฏิบัติ อย่างเดียวค่ะ ผลการปฏิบัติทําให้รู้กิเลสของตัวเอง จิตบังคับไม่ได้ รู้ทุกข์ รู้สึกถึงความไม่เที่ยง เริ่มไม่ยึดติด ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อด้วยใจบริสุทธิ์ค่ะ โดยคุณณิชชา
338. กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ ดิฉันเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกําเนิดค่ะ ได้รู้จักหลวงพ่อเป็นครั้งแรกเมื่องานสัปดาห์หนังสือเมื่อต้นปี 2552 เพราะได้รับแจก ซีดีคําเทศน์ของหลวงพ่อมา หลังจากนั้นได้ลองเปิดซีดีฟังดู ทําให้รู้สึกสนใจและคิดว่าแนวทางที่หลวงพ่อสอนนั้นถูกจริตกับ ตัวเอง ทําให้อยากศึกษาการทํากรรมฐานและปฏิบัติให้ถูกทาง ได้มีโอกาสขับรถไปกราบและฟังเทศน์จากหลวงพ่อที่สวน สันติธรรมประมาณเดือนละ 1 ครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552 จนปัจจุบัน ไม่เคยคิดว่าหลวงพ่ออวดอุตตริอย่างที่มีคน กล่าวหา หลวงพ่อสอนพวกเราตลอดเวลาให้ดูจิตด้วยความเป็นกลาง ไม่แทรกแซง ให้รู้สึกตัวในชีวิตประจําวัน และต้อง ขยันทําในรูปแบบด้วย หลวงพ่อเทศน์อยู่เสมอว่า พระพุทธเจ้าคือครูผู้ชี้ให้พวกเราเห็นทางแห่งการพ้นทุกข์ หลวงพ่อเป็นแค่ ผู้นําคําของพระพุทธเจ้ามาบอกต่ออีกที (คล้ายกับเป็นแค่คนบอกสาร ไม่ใช่คนชี้ทางโดยตรง) ดิฉันรู้สึกละอายทุกครั้งเมื่อ ฟังมาถึงตรงนี้ เนื่องจากตัวเองขี้เกียจมากไม่ค่อยได้ปฏิบัติ อาศัยฟังซีดีอย่างสม่ําเสมอ และพยายามรู้สึกตัวระหว่างวัน แต่ ฟุ้งซ่านมาก มักจะหลงและไหลไปกับความคิด พ่อได้ยินหลวงพ่อชมใครก็จะรู้สึกอิจฉาวูบขึ้นมา รู้สึกว่าตัวเองเป็นศิษย์ที่ไม่ ได้เรื่องเลย (แอบอ้างเป็นศิษย์เองค่ะ หลวงพ่อไม่ได้รับรู้ด้วย) คิดว่าคําว่า “ศิษย์คิดล้างครู” ไม่ใช่คําอ้างที่จะนํามากล่าวหาหลวงพ่อได้ เพราะเท่าที่ได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อปีกว่า ได้ยิน แต่หลวงพ่อชื่นชม ยกย่องครูบาอาจารย์มาตลอด และแนะนําให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ครูบาอาจารย์ชี้แนะให้ ไม่เคยได้ยิน คําพูดดูหมิ่น ดูแคลนครูบาอาจารย์ท่านใดเลย ในทางกลับกันครูบาอาจารย์หลายท่านเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเพราะ หลวงพ่อได้กล่าวยกย่องอยู่อย่างสม่ําเสมอ ดิฉันต้องกราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ทําให้รู้จักกับ “ท่านเจ้าคุณนรฯ” ผ่านทาง บันทึกของคุณดําเกิง สงวนสัตย์ เรื่อง กรรมฐานกลางกรุง เป็นหนังสืออีกเล่มที่ดีมากๆ ค่ะ ทําให้ค้นพบวัตรปฏิบัติและคํา สอนดีๆ มากมายของท่านเจ้าคุณนรฯ ซึ่งหาอ่านได้ยากมาก จริงๆ แล้วแค่ความดีที่หลวงพ่อสามารถชักจูงคนจํานวนมาก ทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าให้หันมาสนใจทํากรรมฐาน มา ปฏิบัติธรรม มาสนใจศาสนาพุทธ มาเดินตามรอยของพระพุทธเจ้า ดิฉันคิดว่าแค่นี้ก็เกินจะพรรณาแล้ว คนที่โจมตีและจ้อง จะทําลายชื่อเสียง หรืออาจถึงขั้นจ้องจําทําลายล้างหลวงพ่อนั้น ย่อมเป็นบุคคลที่น่าสงสารมากที่ได้กระทําการใส่ร้ายป้ายสี โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
28
พระสงฆ์ซึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอมและตั้งอยู่ในศีลในธรรมอันดี แค่คิดก็กลัวและเหนื่อยแทนแล้วว่า คนกลุ่มนี้จะต้องไปชดใช้ กรรมอีกกี่แสนกัลป์ และต้องเวียนว่ายในสังสารวัฎอีกเท่าไหร่ ได้แต่สงสารค่ะ “กรรมใดใครก่อ” สุดท้ายนี้ ขอเป็นกําลังใจให้หลวงพ่อ ยึดมั่น มุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้คนพาลเพียงไม่กี่คนที่ยึดอัตตาตัวเองเป็นที่ตั้ง ดิฉันเชื่อ มั่นเป็นอย่างยิ่งว่า หลวงพ่อจะต้องข้ามพ้นเรื่องต่างๆ เหล่านี้ไปได้ ในที่สุดความจริงย่อมเปิดเผย ยังมีคนดีๆ อีกเป็นจํานวน มากเกินคณานับที่พร้อมจะเดินไปตามแนวทางที่หลวงพ่อสอนค่ะ กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ โดยคุณ ฐิตารีย์ 339. เคยใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายมายาวนาน ไม่รู้ว่าวันๆ หนึ่งมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร และตัวเองกําลังรู้สึกอะไร รู้แต่ว่าท้อแท้ เบื่อหน่าย เศร้าๆ เบื่อการมีชีวิต ด้วยความที่ทํางานกับหมอ เลยแอบคิดแว้บนึงว่า เราเป็นโรคซึมเศร้าหรือปล่าวนะ แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้คุยกับเจ้านายซึ่งเป็นลูกศิษย์ในทางธรรมของหลวงพ่อ คุณหมอบอกว่าจะหาซีดีธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช มาให้ฟัง รอไม่ไหว ก้อเลยค้นหาเอง ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่า เราไม่ต้องดับทุกข์หรอก แค่รู้ตัวตน รู้ความรู้สึกของตัวเองก็พอ อาจจะหลุดไปบ้าง แต่ก็ช่างมัน ดีกว่าไม่รู้อะไรซ่ะเลย รู้ไปเรื่อยๆ รู้ไปนานๆ ชีวิตก็ดีขึ้นเอง กราบขอบพระคุณหลวงพ่อค่ะ โดยคุณสายใจ 340. ผมชอบสุภาษิตอยู่บทหนึ่งที่ว่า.. "เป็นครูอาจารย์หนึ่งวัน..เป็นพ่อแม่ตลอดไป" ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช นั้นถือว่าเป็นครูอาจารย์ที่ผมเคารพรักยิ่ง.. ท่านสอนให้ผมรู้จักการภาวนา..เป็นผู้เปิดประตูแห่งการแสวงหาสัจธรรมให้แก่ผม ผมถือว่าท่านเป็นพ่อเป็นแม่ของผมตลอดชีวิตนี้.. วันนี.้ .แม้มีหลายอย่างเกิดขึ้นกับท่าน..แม้ท่านอาจไม่ได้กลับมาสั่งสอนผมอีกครั้ง แต่ผมก็อยากบอกว่า..ธรรมะที่ท่านถ่ายทอดออกมาได้เข้ามาสู่จิตสู่ใจของผมแล้ว และจะสถิตอยู่จนถึงวันสุดท้ายในชีวิตของผม ขอภาวนาต่อไปเพื่อเป็นปฏิบัติบูชาถวายแด่ท่านผู้เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ที่แท้จริง โดยคุณร.อ.นันทธวัช 341. บุญกุศลอันเล็กน้อยของลูกที่ได้ประพฤติปฎิบัติมานั้นลูกขอถวายให้แก่หลวงพ่อปราโมทย์ โดยคุณลิน 342. ซาบซึ้งในพระคุณของหลวงพ่อ ที่สอนให้รู้ว่า .. การเกิดเป็นชาวพุทธ ที่มิใช่เป็นพุทธแต่ทะเบียนเกิด ชีวิตมีคุณค่า มีความหมายเพียงไร เชื่อมั่นในวิธีการสอนของหลวงพ่อ ที่ชี้ให้เห็นว่า.. ธรรมของพระพุทธองค์ มิใช่ไกลเกินบุถุชนธรรมดาจะเข้าใจและเข้าถึง โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
29
เมื่อปฏิบัติตาม ยิ่งเข้าใจว่าทําไมผู้ปฏิบัติอีกจํานวนมากก็เชื่อมั่นเช่นนั้น เคารพและศรัทธาในหลวงพ่อ หลวงพ่อนําแสงแห่งธรรมของพระพุทธองค์ มาสู่จิตใจของลูก ที่หลวงพ่อเคยเปรียบว่า แต่ละคนภาวนา ก็เหมือนเราจุดเทียน.. หนึ่งแสงเทียน ก็สว่างในตัวของมัน เชื่อว่าในวันนี้ แสงเทียนของแต่ละคนที่หลวงพ่อเมตตาสั่งสอนมา จะแทนที่ความคลางแคลงสงสัย ให้กระจ่างแจ้งขึ้นได้ ขอปฏิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูอาจารย์ และหลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชโช ไปชั่วชีวิต โดยคุณมนอัปสร 343. สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นคนธรรมดาๆคนนึงที่ได้โอกาสมาฟังธรรมของหลวงพ่อ ไม่ขอกล่าวถึงผลของการปฏิบัตินะคะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากโม้หรอกค่ะ แต่มันไม่มีอะไรจะโม้ 555+ ตอนนี้ก็ทําได้แค่ครุ่นคิดถ้อยคําว่าจะช่วยเหลือหลวงพ่อหรือแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างไรดี จริงๆก็คือท่านน่ะคงไม่ได้สะเทือนกับเรื่องข่าวที่ไม่เป็นจริงพวกนี้ มีก็แต่ลูกศิษย์ที่พากันเดือดเนื้อร้อนใจ (อันนี้ก็ถือว่ารวมดิฉันไปด้วยละกัน) พูดไป คนที่ไม่เชื่อ ทําไงเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี เอาเป็นว่า เรื่องผลการปฏิบัติ ขอให้เก็บอยู่ในใจดิฉันเองละกันค่ะ ส่วนเรื่องที่อยากบอกก็มีแค่ว่า รักและเคารพหลวงพ่อมากๆค่ะ จะพยายามปฏิบัติต่อไปให้ถึงที่สุดค่ะ ^_^ / โดยคุณนมัสวัณณ์ 344. หลวงพ่อครับ ชีวิตผมดีขึ้นตั้งแต่เริ่มมีสติ คงเป็นกรรมเก่า ฝ่าฟันให้ได้นะครับ the only mistake is whether student should sue her teacher? โดยคุณ Mr. Thamrong 345. ผมรู้จักตัวเองมากขึ้น จากการเฝ้าดูกาย และจิต อย่างที่ท่านนําทาง ขอบคุณครับท่านอาจารย์ โดยคุณสุรพันธ์ 346. ตัวผมเองได้เริ่มศึกษา ค้นคว้า ในการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ มาตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยศึกษาคําสอนของครูบาอาจาร ย์หลายๆท่าน แต่ก็ไม่สามารถเข้าถึงคําสอนของท่านได้ จนเมื่อประมาณปี 2550 (อายุได้ 44 ปี) ได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือ ที่เขียนโดยท่าน หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช ซึ่งทําให้เข้าใจหนทางปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ พร้อมนําไปฝึกปฏิบัติ ทําให้ ความทุกข์ลดน้อยลงตามลําดับ แนวทางที่หลวงพ่อใช้สอนนั้นสามารถทําให้คนในยุคของเราเข้าใจได้ไม่ยาก และที่สําคัญ คือ ผมได้มอบตัวเป็นศิษย์นับของท่านนับตั้งแต่วันที่ได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อเป็นต้นมา และขอปฏิญานว่าจะขอปฏิบัติ ตามแนวทางคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช จนตราบลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ขอกราบ และนอบน้อม ต่อคําสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้า โดยคุณไพบูลย์
347. กราบเรียน หลวงพ่อปราโมทย์ ขออาราธนาให้ หลวงพ่อ อยู่สอนการบ้านพวกเรา คนที่ชีวิตที่จมอยู่ในความทุกข์ตลอดเวลา แต่ก็ยังโง่ไม่เคย รู้ตัวมาก่อนว่าแค่เกิดมาก็เป็นทุกข์แล้ว หนูเมื่อ 5 ปีที่แล้วโดนคนโกงเงินไปเป็นล้านบาท ตอนนั้นทุกข์มาก จนเป็นโรค โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
30
ไมเกรน ต่อมาช่วงที่วิกฤติที่สุดในชีวิตนั้นก็ได้ พบกับหนังสือที่หลวงพ่อ เขียนเล่มแรก คือ วิชาดูจิต สมัยที่ท่านใช้ นามปากกาว่า อุบาสกนิรนาม ประกอบกับ เจอหนังสือที่ ทางบ้านวางไว้ให้อ่าน คือ ประทีปส่องธรรม ตอนนั้นอ่านหนังสือทั้ง 2 เล่มแล้วรู้สึกอยากเจอ คุณอุบาสกนิรนาม และหลวงพ่อ ปราโมทย์มาก แต่ก็ไม่ทราบว่า จะไปหาท่านทั้ง 2 ได้ที่ไหน แต่ก็ได้สืบค้นดูทงอินเตอร์เน็ต จึงได้ทราบว่า ท่านทั้ง 2 เป็นคนเดียวกัน และหลังจากนั้นชีวิต ของหนูก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ฟังธรรมะความจริงจากหลวงพ่อ ทําให้ใจสว่าง ชีวิตไม่หลงทาง ทราบเป้าหมายของการเกิดมา และวิธีการที่จะอยู่ต่อไปในโลกอย่างทันโลก ทันกิเลสในใจของเรา ตอนนี้ชีวิตหนูมีแต่กําไรที่ได้เกิดมาในชาตินี้ ได้พบเจอธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ถ่ายทอดโดยหลวงพ่อ ทําให้ การปฏิบัติธรรมเห็นผลอย่างรวดเร็ว จนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ดิฉันนั่งสมาธิ แบบเล่นๆสบายๆ แต่จู่ๆ โลกธาตุทั้งหมดก็ดับไป จาก นั้นจิตจึงค่อยมองห็นความจริงว่า กายเป็นเพียงธาตดินมีลักษณะ แข็ง เป็นโพรง เป็นถ้ํา มีเพียงลมผ่านเข้าและไหลออก พอ ซักแป๊บหนึ่ง จึงได้เห็นธรรม ว่าแท้จริง ไม่มีตัวเรา จิตหรือธาตุรู้นั้นเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อรับรู้เมื่อเกิดการกระทบของ ผัสสะ และก็จะดับไป จากนั้นจึงจะมีเสียงให้ค่าดังขึ้นมา ก็คือตัวสัญญา ถึงรู้เช่นนี้ ปัจจุบันก็ยังไม่หายทุกข์ ก็ได้แต่ทุกข์ร่ําไป แต่มันเบาลง แต่ก็ยังคงอาศัยธรรมะของหลวงพ่อค้ําจุน ใจ ให้มีกําลังใจในการปฏิบัติอยู่ทุกวัน หนูรู้สึกซาบซึ้งไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณของหลวงพ่อยังไงที่ทําให้ ความทุกข์จากความ ไม่รู้ ที่ทําให้ต้องเกิด แก่ จ็บ ตาย มันกําลังสั้นลง และหวังว่ามันจะจบในใกล้ๆนี้คะ ฉะนั้นขอให้หลวงพ่อ มีกําลังใจในการเผยแพร่คําสั่งสอนของพระพุทธเจ้าต่อไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณความเมตตาที่หลวงพ่อมีต่อสัตว์โลกทั้งหลาย โดยคุณกรรณานุช
348. กราบเท้าหลวงพ่อค่ะ นู๋ตั้งใจปฎิบัติตามแนวทางที่หลวงพ่อสอน ยิ่งฟัง ยิ่งรู้สึกดี ฟังซีดี แล้วทําตามค่ะ ตอนได้ข่าว ก็หนักใจ แต่ขอยืนหยัดทําตาม วิธีที่ท่านสอน เป็นกําลังใจให้ท่านค่ะ อย่าไปยึดติดครูบาอาจารย์ ให้ยึดคําสอนของพระพุทธเจ้า จะพยายามทําให้ได้ค่ะ โดยคุณจารุณี
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
31
349. ตั้งแต่เด็กมาแล้ว ดิฉันเคยสงสัยอยู่เสมอว่าพระพุทธศาสนาสอนแตกต่างจากศาสนาอื่นอย่างไร แต่ก็ไม่เคยค้นหา อย่างจริงจังเพราะยังคงหลงอยู่กับความสุขทางโลกเช่นปุถูชนทั่วไป จนวันหนึ่งราวเดือนสิงหาคม2552 ดิฉันได้เห็นหนังสือ"วิถีแห่งความรู้แจ้ง" ที่สามีได้รับมาจากสวนสันติธรรม ได้หยิบมา อ่านและ"ปิ๊ง"ทันทีที่ได้อ่านในหน้าแรก จากนั้นก็เริ่มฟังเทศน์ของท่านจากเว็ปผู้จัดการ (แบบฟังเล่นๆ ฟังไปเล่นเกมไป) ฟังได้สัก4-5วัน สามีก็เรียกให้มาฟังเทศน์ของท่านที่ม.สุโขทัยธรรมาธิราชที่ได้ดาวน์โหลดมา และจะได้เห็นหน้าท่านด้วย วัน นั้นเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของดิฉันอย่างอัศจรรย์ ดิฉันนั่งนิ่งฟังธรรมเทศนาของท่านตั้งแต่ต้นจนจบอย่างดื่มด่ํา น้ําตาไหลด้วยความซาบซึ้งในรสพระธรรมอย่างที่ไม่เคยรู้สึก มาก่อนในชีวิต ธรรมะของพระพุทธองค์ช่างงดงามและเรียบง่าย ดังเปิดของคว่ําให้เป็นหงายเช่นนั้นจริงๆ ดิฉันเริ่มฟังเทศน์ของพระอาจารย์มาตลอด และหมั่นเจริญสติตามที่ท่านสอน แบบทําบ้าง ลืมบ้าง ในชีวิตประจําวันเท่าที่นึก ขึ้นได้ วันหนึ่งราวต้นเดือนธันวาคม เกิดโต้เถียงขัดใจกับลูกชาย ในชั่วแวบเดียว เห็นตัวลูกชาย ตัวสามี ตัวของตัวเอง และ แม้กระทั่งตัวคนในทีวี เป็นแท่งๆ เห็นก้อนทุกข์หลุดออกมาต่อหน้า ชั่วแวบนั้นเข้าใจทันที ไม่มีคน สัตว์ สิ่งของ เราก็ไม่ใช่แม่ เขาก็ไม่ใช่ลูก ไม่ใช่สามี เป็นแค่ปรากฏการณ์บางอย่างของธรรมชาติ ความเบิกบาน แจ่มใส เข้ามาแทนที่ และมีความสุข ปีติ ไปอีกวันหนึ่งเต็มๆ ในปลายเดือน ดิฉันจึงได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์ที่สวนสันติธรรมเป็นครั้งแรก ด้วยความซาบซึ้งในธรรมะของ พระพุทธองค์ที่ท่านได้นํามาถ่ายทอดต่อ ให้คนรุ่นเราฟังด้วยถ้อยคําที่เข้าใจได้ง่าย และสามารถปฏิบัติได้ในชีวิตประจําวัน ในทุกที่ทุกเวลาตราบใดที่ยังคงมีกายมีใจ ทุกวันนี้ ดิฉันกล้าพูดอย่างเต็มปากว่าเป็นพุทธศาสนิกชนอย่างแท้จริง เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต เข้าใจตัวเอง เห็นตามความ เป็นจริง(ระดับเตาะแตะ) ความอัศจรรย์อันเกิดจากผลของการปฏิบัติตามคําสอนของพระอาจารย์เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ดีบ้าง เสื่อมบ้าง ความยึดมั่นถือมั่นลดน้อยลง(เป็นครั้งคราว) ดิฉันขอกราบมาแทบเท้าพ่อแม่ครูอาจารย์"พระอาจารย์ปราโมทย์" ด้วยความสํานึกในพระคุณที่ทําให้ดิฉันได้พบกับสิ่งที่ดี ที่สุดและประเสริฐที่สุดในชีวิต คือธรรมะของพระพุทธองค์ และตลอดชีวิตนี้จะขอปฏิบัติเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชาตลอดไป โดยคุณสุรภี 350. กราบนมัสการค่ะ ไม่เคยได้ไปกราบหลวงพ่อเลยค่ะ เพราะอยู่ไกล แต่ได้ฟังcd และฟังจากinternet จากเป็นคนที่ฟังธรรมะแบบไม่ค่อยเข้าใจ หลังจากได้ฟัง cd หลวงพ่อแล้ว รู้สึกฟังง่าย ไม่ซับซ้อน ปฏิบัติตามได้ ส่งผลให้ความทุกข์เบาบางลง แม้จะยังแค่เริ่มเดินเตาะแตะ แต่ก็ยังดีใจที่ได้เริ่มก้าวเดินค่ะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็คงเป็นเพียงอุปสรรคตัวหนึ่งที่ผ่านเข้ามา เพื่อให้โอกาสได้เพิ่มพูนบารมี แล้วมันก็จะผ่านไปเหมือนคําสอนเรื่องไตรลักษณ์ที่หลวงพ่อเคยสอน เชื่อมั่นว่าหลวงพ่อจะผ่านอุปสรรคไปได้ และเชื่อมั่นในธรรมะที่หลวงพ่อสอนเสมอค่ะ โดยคุณปัญญธิกา 351. กราบแทบเท้าหลวงพ่อที่เคารพผ่านทางข้อความนี้นะคะ เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับความเมตตาสั่งสอนต่อยอดการปฏิบัติธรรมจากหลวงพ่อ เคารพและสํานึกในบุญคุณที่หลวงพ่อได้เมตตาโดยไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนด้านวัตถุใดๆ นอกจากคําขอให้ตั้งใจ "ภาวนา" ให้สมกับที่มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา เชื่อมั่นในคุณงามความดีที่หลวงพ่อได้ทํา โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
32
กุศลผลบุญอันใดที่ข้าพเจ้าได้เคยกอบก่อบําเพ็ญมา ทั้งในอดีตชาติเนิ่นนานที่อาจจําไม่ได้ และทั้งในชาติปัจจุบันนี้ ขอถวายเป็นอาจาริยบูชาแด่หลวงพ่อผู้เปรียบเสมือนพ่อทางธรรมของข้าพเจ้าด้วย ขอให้หลวงพ่อผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ ไปได้ด้วยดี และให้หลวงพ่อได้เมตตาสั่งสอน ลูกศิษย์ลูกหาต่อไปอีกนานๆ ค่ะ _/\__/\__/\_ โดยคุณปิยวรรณ 352. การได้ฟังคําสอนของหลวงพ่อ ทําให้ตัวเองเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วแก่คําสอนของพระพุทธศาสนาคืออะไร การปฏิบัติที่ผ่านมา ทําให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้น มีความทุกข์สั้นลง เพราะความยึดมั่นถือมั่นที่น้อยลง เชื่อมั่นว่า คําสอนของหลวงพ่อถูกต้อง และเป็นประโยชน์แกคนที่ลงมือปฏิบัติจริงค่ะ โดยคุณนางสาวนัฏฐินี 353. สวัสดีค่ะ หนูเป็นคนหนึ่งที่ฟังคําสอนของหลวงพ่อผ่านซีดีและเคยไปฟังธรรมจากหลวงพ่อที่สวนสันติธรรมค่ะ ถ้าถามว่าหนูเป็นลูก ศิษย์ของหลวงพ่อไหม หนูคงตอบไม่ได้เต็มปากว่าหนูเป็นลูกศิษย์ที่ดีคนหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากหนูยังไม่ได้มุ่งมั่นตั้งใจปฏิบัติ ตามคําสอนของหลวงพ่ออย่างเต็มที่ และยังมีความขี้เกียจอยู่มากค่ะ แต่ถ้าถามหนูว่ามีความเชื่อว่าหลวงพ่อบริสุทธิ์ไหม หนูมีความเชื่อมั่นอย่างมากค่ะว่า หลวงพ่อท่านมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะช่วยให้คนพ้นทุกข์โดยไม่ได้หวังอะไร ตอบแทนจากลูกศิษย์แม้แต่น้อย หนูจะพยายามเป็นหนึ่งเสียงที่มีความเป็นกลางและพูดจากสิ่งที่เห็นนะคะ ไม่นําความลําเอียงมาเป็นตัวตั้งในการเขียนค่ะ •
•
•
•
พูดตามตรงหนูเคยเป็นคนนึงที่มีอคติกับท่านมาก่อน เนื่องจากท่านเคยพูดในทํานองว่า ญาติโยมทําไมมาเยอะจัง หรือ ทําไมมาบ่อยจัง ทําให้หนูรู้สึกว่า เหมือนหลวงพ่อไม่อยากสอน แต่หลังจากที่หนูฟังบ่อยขึ้นๆ ทําให้หนูเข้าใจ ว่า ที่หลวงพ่อพูดอย่างนี้ เนื่องจากไม่อยากให้ญาติโยมมาฟังบ่อยๆหรือเสียเวลามาโดยไม่ได้ปฏิบัติ เพราะสิ่งที่ หลวงพ่อสอนก็มีประเด็นหลักอยู่เหมือนเดิมทุกครั้งของการสอนคือว่าให้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา และ ถ้าจะมองจากอีกมุมนึง สิ่งที่ท่านพูดก็แสดงว่าท่านไม่ได้ยึดติดอยู่กับลาภยศสรรเสริญที่จะมีคนมาศรัทธาท่าน มากมาย ในทางตรงกันข้าม ท่านเคยบอกด้วยซ้ําว่า อย่ายึดติดกับครูบาอาจารย์ ให้ดูที่ธรรมะเป็นพอ นี่เป็นสิ่งที่ ทําลายอคติที่หนูมีกับท่านลง (ต้องกราบขออโหสิกรรมกับหลวงพ่อมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ) จากการฟังซีดีหรือแม้แต่ไปฟังเองที่วัด หนูไม่เคยได้ยินเลยซักครั้งที่หลวงพ่อจะบอกให้คนถวายปัจจัยหรือข้าวของ แก่ท่านเพื่อเป็นการสั่งสมบุญ (ซึ่งด้วยสถานะอย่างท่านหนูคิดว่า แค่ท่านเอ่ยปากทุกคนก็พร้อมทําอยู่แล้ว และ จริงๆก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หลายๆวัดทํากันไม่ว่าด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือไม่ก็ตาม แต่ท่านไม่เคยเลยค่ะ) ท่านเคย แต่บอกให้ทุกคนเร่งปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์แทน นี่เป็นสิ่งที่ทําให้หนูเชื่อมั่นว่า หลวงพ่อไม่มีทางอยากได้ทรัพย์สิน จากผู้ศรัทธามาเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของท่านอย่างแน่นอน คําสอนของท่าน หนูคงไม่สามารถบอกได้ว่าถูกหรือไม่ แต่ด้วยการฟังและปฏิบัติบ้างเล็กน้อย จิตใจหนูก็เบาสบาย ขึ้น และที่สําคัญคือ คําสอนของท่านทําให้หนูเห็นจุดมุ่งหมายของชีวิตที่ชัดขึ้นและอยากปฏิบัติยกระดับจิตใจของ ตัวเองให้สูงขึ้น เป็นคนดีขึ้น (ตอนนี้หนูยังเสียใจที่ตัวเองขี้เกียจอยู่ ไม่อย่างนั้นคงช่วยยืนยันได้มากกว่านี้) อย่างไร ก็ตามหนูอาจจะไม่ใช่เครื่องยืนยันคําสอนที่ดีของท่าน แต่หนูก็รู้จักกับลูกศิษย์ที่ตั้งใจปฏิบัติตามแนวทางของท่าน และการทําตัวของเค้าก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเผื่อแผ่ความคิดดีๆถึงเพื่อนอย่างหนูด้วย นอกจากนี้ฟังดูจากการ ส่งการบ้านของบุคคลที่หนูไม่รู้จักอีกเยอะแยะมากมาย ทําให้รู้ว่าชีวิตของพวกเค้าดีขึ้นจริง หนูไม่เคยได้ยินหลวงพ่อกล่าวว่าร้ายบุคคลใดบุคคลหนึ่งว่าเป็นญาติโยมที่ไม่ดีแม้แต่ครั้งเดียว (หนูฟังเกือบทุกซีดี ตั้งแต่ ซีดีที่ 16 จนถึง 31) เลยไม่เข้าใจว่า การกล่าวว่าท่านว่า ให้ร้ายบุคคลใดบุคคลหนึ่งอันเป็นเหตุให้เบุคคลนั้น เสียหายในวงกว้างจะเป็นจริงได้อย่างไร
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
33
นี่คือสิ่งที่หนูสัมผัสเองและเป็นสิ่งที่ทําให้หนูกลั่นกรองออกมาเป็นความคิดว่า หนูเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อค่ะ สุดท้ายนี้หนูขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อสําหรับคําสอนที่ดีๆที่ทําให้คนที่ไม่มีหลักในการดําเนินชีวิตได้เข้าใจถึงพระธรรม ของพระพุทธเจ้ามากขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ โดยคุณจามรินทร์
354. ไม่ว่าท่านจะมีข่าวอย่างไร เรายังเชื่อในคําที่ท่านเมตตาสั่งสอน ซึ่งพิสูจน์ได้จริงว่ามีทุกข์น้อยลง แม้จะอยู่แห่งใดใน โลก โดยคุณพิมพรรณ 355. นับว่าเป็นความโชคดีของดิฉันอย่างมากที่สุดในชีวิต ที่ได้รับรู้รับฟังธรรมมะจากหลวงพ่อปราโมทย์ ครั้งแรกที่เปิดหนังสือธรรมมะที่ได้รับแจกจากสํานักสวนสันติธรรม ได้เปิดอ่านผ่านๆตารู้สึกถึงว่าธรรมมะแบบนี้มีด้วยหรือ ดิฉันไม่เคยรับทราบมาก่อนเลยว่าในพระพุทธศาสนามีเรื่องสมถะและวิปัสสนา ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยแยกกันได้ว่าอะไรคือสมถะและวิปัสสนา หลังจากนั้นก็หมั่นเพียรปฏิบัติตามแนวคําสอนของพระพุทธเจ้าหลวงพ่อท่านจะเน้นตลอด ว่าเป็นธรรมมะของพระพุทธเจ้านะ ท่านจะสอนในหลักธรรมคําสอนของพระพุทธเจ้า ให้เราปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เราพ้นทุกข์ เราต้องรู้จักทุกข์ มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ด้วยใจตั้งมั่นและเป็นกลาง ให้มีศีล สมาธิ ปัญญา สอนเรื่องอริยสัจสี่ ฯลฯ ทําอย่างไรเราถึงจะเดินไปได้ ท่านได้สอนวิธีปฏิบัติ และมาส่งการบ้าน ซึ่งเป็นแนววิธีการสอนแบบวัดป่า ท่านจะสอนว่าเราต้องปฏิบัติในชีวิตประจําวันให้ได้ ชีวิตทางโลกและทางธรรมจะต้องไปด้วยกันได้ ดิฉันรู้สึกว่ามีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจได้ฟังธรรมมะที่มีผู้รู้และเข้าใจสามารถถ่ายทอดเป็นภาษาที่ฟังง่ายๆ เราจะปฏิบัติธรรมทําที่ไหนก็ได้ทําได้ตลอดเวลา เพียงแต่เรียนรู้มาที่กายใจของเราเท่านั้น ดูตามความเป็นจริง เหมือนที่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าเราต้องน้อมเข้ามาดูเอง ต้องทําเอง จึงจะรู้ได้ด้วยตนเอง ดิฉันรู้สึกว่าชีวิตของคนเราสั้นนัก น่าเสียดายถ้าเราไม่ปฏิบัติธรรมตามคําสอนของพระพุทธเจ้า ไม่รู้ว่าชีวิตเราต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏสงสารนี้อีกนานเท่าไร จึงจะพบผู้รู้ที่ถ่ายทอดธรรมมะให้เราเข้าใจได้ อนึ่ง ทางสํานักสวนสันติธรรม ไม่เคยมีการเรี่ยไรเงินทําบุญใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้สื่อธรรมมะก็แจกฟรีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ซีดี โดยคุณณัฏฐิรา โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
34
356. ขอขอบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช(แห่งสวนสันติธรรม)เป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ ที่ทําให้ได้มารู้กายรู้ใจตนเอง หลังจากหลงใหญ่ๆมา 25 ปี ณ ตอนนี้ก็ดูจิตดูกายมาได้ 2 ปีเเล้ว ทุกข์น้อยลงเยอะ พอมีสุขก็ไม่คว้าไว้เหมือนดังก่อน แต่ ถึงอย่างไรก็ดี...ชีวิตที่อยู่กับปัจจุบันนี้ถือว่าสงบสุขอย่างยิ่งเจ้าค่ะ หลวงพ่อทําให้รู้ว่าธรรมะเป็นของธรรมชาติ และรู้ถึงหนทางแห่งการละอัตตาตัวตนเพื่อไปสู่ความหลุดพ้นในวันข้างหน้าว่ามี อยู่จริงเเละทําได้จริง เพียงแค่ใช้หลัก "รู้กาย รู้ใจลงปัจจุบัน ด้วยจิตตั้งมั่นและเป็นกลาง" รู้อย่างซื่อๆ ก็เท่านั้นเอง แล้วจะ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ การเจริญสติเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเลยเจ้าค่ะ จนคิดว่าเมือก่อนเรามีชีวิตอยู่มาได้อย่างขาดความรู้สึกตัวได้อย่างไร น่ากลัว จริงๆ ทําให้รู้ว่าทั้งทุกข์และสุขมันก็ชั่วคราว ไม่มีอะไรให้ยึด เห็นตัวเองเป็นนางมารร้ายอยู่บ่อยครั้งในเเต่ละวัน ทําให้หัน กลับมาเพ่งโทษตัวเองมากขึ้น เเทนที่จะเพ่งโทษผู้อื่นเหมือนก่อน ขอปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า และหลวงพ่อตลอดไปจนกว่าจะหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงเจ้าค่ะ โดยคุณอิสรีย์ 357. ผมได้ฟังซีดี และอ่านหนังสือของท่านมาพอสมควร และได้เดินทางไปกราบท่านที่สวนสันติธรรมหลายครั้ง และได้เริ่ม ปฏิบัติตามแนวท่านมาระยะหนึ่ง ก็เกิดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้เห็นว่าธรรมะที่ท่านสอน มีประโยชน์ต่อผม ครอบครัว และคนรอบข้างมากมายมหาศาลครับ ผมไม่รู้ในเรื่องส่วนตัวท่านมากนัก แต่จากที่ผมได้เห็น ด้วยตาตัวเอง และได้ปฏิบัติตามคําสอนของท่าน จึงรู้ว่าการสอนของท่านไม่ได้มาจากความคิดแต่เป็นการสอนที่ออกมา จากการปฏิบัติที่ถูกต้องของท่านจริง ๆ ผมขอเป็นกําลังใจให้หลวงพ่อผ่านพ้นอุปสรรคที่เกิดขึ้นในครั้งนี้โดยเร็วครับ ขอผล บุญที่ได้ทําตลอดมาในชาติก่อนและปัจจุบัน มีผลให้หลวงพ่อพ้นข้อกล่าวหาทุกเรื่องโดยไวครับ จากลูกศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่ง โดยคุณบุญรอด 358. ผมจําไม่ได้ว่าฟังหลวงพ่อปราโมทย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จําได้ว่าความรู้สึกต่อธรรมะของผมเปลี่ยนไปตั้งแต่ได้ฟังท่าน เทศน์ผ่านทางเว็บไซต์ แต่ก่อนผมคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องของบุญกุศล การทําบุญทําทาน ซึ่งในใจลึกๆ ผมไม่ได้อยากขึ้นสวรรค์ เรื่องการทําบุญทําทานจึงไม่ใช่เรื่องที่ผมสนใจซักเท่าไหร่จนมาเจอเรื่องการดูจิต การมาดูตัวเอง ครั้งแรกที่เห็นตัวเองว่า กําลังเผลอ มันรู้สึกประหลาดใจมากๆ ครับ มันมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ มันมีความสุขกับความรู้สึกตรงนั้น ผมยิ้มออกมา(แต่ รู้สึกไม่ทันนะครับ ว่ามีความสุข ^ ^) แต่นั่นมันเป็นความรู้สึกแรกของธรรมะจริงๆ ที่เรียบง่ายและเข้าถึงจิตถึงใจมากๆ เป็น ครั้งแรกที่ผมรู้สึกแล้วว่าธรรมะจําเป็นกับมนุษย์อย่างเรามากๆ แม้ผมจะไม่ได้ขยันดูจิตดูใจตัวเองอย่างที่หลวงพ่อท่านพยายามบอกทุกครั้ง แต่ผมก็รู้มากขึ้นว่าสตินั้นจําเป็นกับเรามากแค่ ไหน ผมเชื่อว่าสิ่งต่างๆ ย่อมผ่านไปได้ด้วยดีครับ เราสร้างเหตุไว้ดีผลก็ย่อมดี กราบขอบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ครับ โดยคุณนพดล 359. ข้าพเจ้าชื่อดวงพร อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ขอเล่าถึงหลวงพ่อดังนี้ "ครั้งแรกที่ไปฟังงงเหมือนรู้แต่ไม่รู้ ต่อมา ไม่นานเห็นว่าความโกรธเกิดขึ้นที่อก ต่อมาๆรู้สึกว่าล้มลุกคลุกคลานเพราะโดนกิเลสลากรุนแรง แต่ก็ทําตามท่านเรื่อยมา จนเดือนกันยายน51 ก็เหมือนไปเห็นความไม่ชอบเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปต่อเนื่องกันเป็นลําดับ แล้วเหมือนเข้าไปอีกโลก ที่มีใครบางคนหัวเราะมีความสุขสุด ๆ แล้วก็กลับมาโลกเดิม หลวงพ่อบอกมีปัญญาเห็นความจริงแล้วนะ ตรงนี้แหละเป็น สิ่งนึงที่เชื่อว่า คําสอนของท่านเป็นของจริง เพราะเราเห็นด้วยตัวเองจริง จากนั้นก็มีความเปลี่ยนแปลงเหมือนอย่างที่ท่าน บอก ละอาย เกรงกลัวบาป เบื่อบ้างอยากบ้าง สุขทุกข์อยู่ไม่นาน กิเลสยังมีอยู่และเห็น แต่ภาพรวมที่รู้สึกคือมีความสุข โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
35
ขึ้นจริงเนื่องจากทุกข์อยู่ไม่นาน ทุกข์ทุกทีที่คิด เข้าใจโลกเข้าใจชีวิตมากกว่าแต่ก่อน จากที่เคยยึดรุนแรงก็ปล่อยมากขึ้น พระคุณของหลวงพ่อนึงถึงทีไรก็อยากจะร้องไห้ ธรรมะแบบนี้ข้าพเจ้าเองก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน คนใดเข้าถึงธรรมจะไม่ลังเล สงสัยในตัวท่านอีก ข้าพเจ้าแม้เห็นแค่นิด ๆ หน่อย ป้อๆ แป้ๆ ยังมีเครื่องยืนยันหลายอย่างที่เห็นจริงตามท่านสอน " โดยคุณดวงพร 360. ขอบคุณ สําหรับสิ่งดีๆ ที่หลวงพ่อได้ให้กับผู้คนทั้งหลาย และสังคม ขอเป็นกําลังใจให้หลวงพ่อนะค่ะ โดยคุณกนกวรรณ 361. ดิฉันไม่ได้เป็นศิษย์ของลพ ปราโมทย์ แต่ได้ฟัง CD ของท่านเมื่อปีที่แล้วเอง เพราะเพิ่งเริ่มศึกษาเรื่องธรรมะ เมื่อ ปลายปี 2551 จากการฟัง CD ของท่าน ทําให้ธรรมะซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องยาก กลับกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะท่านบอกว่าให้ เรารู้มาที่กายและใจ (รูปกับนาม) เออจริงซิ มีแต่รูปกับนามที่ต้องละให้ได้ เพราะมีแต่รูปกับนามเท่านั้นที่เป็นทุกข์ ทําไมไม่มี ใครสอนได้อย่างนี้ เอาธรรมะที่ยากมาทําเป็นของง่าย จึงไม่แปลกใจเลย เมื่อไปฟังธรรมที่ชมรมกัลยาณธรรมจัด ประมาณ กลางปีที่แล้ว ได้เห็นสาธุชนที่สนใจธรรมะมากันมากมายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในวงการ พระพุทธศาสนาในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่มีผู้คนศรัทธาลพ.อย่างมากมายแบบนี้ ไม่มีที่ว่างเหลือเลย ลพ.สามารถสื่อธรรมะออกมาให้ปุถุชนอย่างเราๆฟังแล้ว เห็นจริง พระธรรมแท้มีอยู่จริง เราผู้เป็นพุทธศาสนิกชนนําไป ปฏิบัติได้จริง ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย จงปกป้องคุ้มครองพระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของพระพุทธเจ้า ให้ผ่านพ้นข้อกล่าว หาทั้งปวงโดยเร็ววันด้วยเทอญ โดยคุณพจนี 362. เพราะหลวงพ่อจึงทําให้ดิฉันหันมาศึกษาธรรมะและเจริญภาวนา สําหรับเหตุการณ์ที่เกิดครั้งนี้ ขอเป็นกําลังใจให้หลวง พ่อและศิษยานุศิษย์ทุกท่านค่ะ โดยคุณมารินี 363. ได้ฟังคําสอนของลพ.ปราโมทย์ และปฏิบัติตามแนวทางการดูจิต มาได้ประมาณ2-3ปี คําสอนของลพ.มีประโยชน์มหาศาล จะน้อมนําไปปฏิบัติเพื่อยกระดับจิตให้เจริญต่อไป จะขอเดินตามรอยเท้าพ่อแม่ครูอาจารย์ ก่อนที่สายลมแห่งกาลเวลา จะพัดพารอยเท้านั้นเลือนหายไป โดยคุณธัญรวีร์ 364. เรียนผู้ทําเวปธรรมดาดอทเน็ท ดิฉันไม่เคยไปสวนสันติธรรม เคยพบหลวงพ่อชนิดที่มองเห็นไกลๆ ที่บ้านอารีย์หนึ่งครั้ง แต่ดิฉันรู้จักหลวงพ่อ จากผลงานหนังสือเล่มหนึ่งของท่านมาได้ประมาณ 3-4 ปี ได้รับหนังสือของท่านจากเพื่อนมาเล่มแรก ยอมรับว่าอ่านแล้วไม่ เข้าใจ ต่อมาก็หาซีดีมาฟังด้วยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ซึ่งก็เหมือนกับที่หลวงพ่อพูด คือ “ฟังหลวงพ่อพูดครั้งเดียวไม่รู้เรื่องนะ” ต้องฟังหลายครั้ง ดิฉันก็ทําเช่นนั้นคือฟังหลายครั้ง และได้ปฏิบัติในวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย จนได้ผลและเข้าใจในสิ่งที่ท่าน ต้องการสอนและบอกชาวบ้าน ดิฉันเองหลังจากที่เข้าใจในแนวทางของท่านจากการปฏิบัติและการอ่านหนังสือ ดิฉันขออนุญาตแสดงความ รู้สึกที่ต่อการแนวการสอนของท่าน คือ ท่านสามารถที่จะทําให้คําสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ฟังง่ายสําหรับคนที่ ใช้ชีวิตในเมือง เบื้องแรกไม่ต้องภาวนา โกรธแค่รู้ว่าโกรธ แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แต่ก็ทําให้รู้สึกว่า อ๋อ การปฏิบัติธรรมนะ ไม่ ยากนะ ความรู้สึกว่าธรรมเป็นเรื่องฟังยากปฏิบัติยากใช้เวลาเยอะ ลดลงไปตั้งเยอะรู้สึกว่าการใช้ชีวิตอย่างเราก็ปฏิบัติได้ ทําได้ตามความสามารถโดยดูตัวอย่างจากชีวิตของท่าน (ไม่รวมถึงวาสนาที่ท่านได้สั่งสมมานะคะ) ว่าท่านก็เป็นคนเมืองนี่ นา ทําไมยังปฏิบัติแล้วได้ผล และจากการอ่านหนังสือของท่านแม้จะอ่านไม่กี่เล่มนัก แต่ดิฉันก็ได้ติดตามข่าวสารทางอินเตอร์เน็ทของท่าน ผ่านธรรมะใกล้ตัวอยู่เสมอ ทําให้ดิฉันมีความรู้สึกว่าท่านไม่ใช่บุคคลที่จะกระทําเสื่อมเสียเช่นนั้นได้แม้จะไม่ได้เป็นผู้ใกล้ชิด โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
36
หรือเคยพบเห็นท่านก็ตาม หวังว่าความเห็นเล็กๆ ที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับท่านและผู้ที่ได้ใกล้ชิดหลวงพ่อจะสามารถเป็นกําลัง ใจให้ทุกๆ ท่านสามารถเผยแผ่ธรรมะได้อย่างกว้างขวางตามกําลังความสามารถต่อไปค่ะ โดยคุณปวริศา 365. จากชาวพุทโธ่โง่ๆธรรมดา ได้รู้จักและเข้าใจในศาสนาพุทธแท้ด้วยคําสั่งสอนของอาจารย์ ทําให้รู้สึกตัว รู้ตื่นขึ้นมา บ้างพอจะมองเห็นและเข้าใจถึงแก่นและสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งสอนความจริงแก่ชาวโลกมามากกว่า 2553 ปี ไม่ใช่ เรื่องง่ายๆเลยที่มนุษย์ทํางานและยังหลงอยู่ในโลกอย่างเราจะเข้าใจและรู้ได้ถ้าไม่มีคําอธิบายที่ชัดเจน ง่าย และงดงาม อย่างที่อาจารย์ท่านบรรยายธรรมะ สั่งสอนและอบรมให้กับบรรดาศิษย์ทั้งหลาย ขอกราบเคารพระลึกคุณอาจารย์มา ณที่นี้ โดยคุณ ภณภา
366. ขอกราบนมัสการแทบเท้าหลวงพ่อผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ข้าพเจ้า นางสาวสุจิตตรา พูนสวัสดิ์ อายุ ๒๙ ปีได้ปฏิบัติธรรม ตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ประมาณ ๑ ปี กว่า โดยใช้ลมหายใจเป็นบ้าน และดูจิต เป็นหลัก ฟังธรรมของหลวงพ่อ ผ่านซีดี และหนังสือ ได้เข้ากราบฟังธรรมจากหลวงพ่อประมาณ ๓-๔ ครั้ง ช่วงหลังปฏิบัติตามชีวิตประจําวันโดยไม่เพ่งมาก เหมือนในช่วงแรก ๆ ผลการปฏิบัติ ชีวิตจิตใจเหมือนเกิดใหม่ ทุกข์น้อยลง พบความสงบร่มเย็นของจิตใจ เห้นการเกิดดับเป็นระยะ ปล่อยวางทุก อย่างได้ง่ายขึ้น บางครั้งเหมือนทุกข์ไม่ถึงใจ เห็นสภาวะบางอย่างเหมือนที่หลวงพ่อบอก และอะไรหลายอย่างซึ่งก็ลืมแล้ว แต่สิ่งดี ๆ ได้เกิดข้นกับข้าพเจ้าในทุก ๆ วัน จิตใจของข้าพเจ้าเปลี่ยนไปอย่างเป็นที่อัศจรรย์ สําหรับข้าพเจ้าหลวงพ่อคือ ผู้ให้ คือ ตัวอย่างที่ดี เป็นสิ่งดี ๆ ในชีวิตและจิต วิญญาณของข้าพเจ้า โดยคุณ สุจิตตรา 367. กราบพระอาจารย์ปราโมทย์ เดิมนั้น ผมสนใจศึกษาพุทธศาสนาจากหนังสือต่างๆ ชอบอ่านครับ แต่รู้สึกว่าธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่ง เอื้อมไม่ถึงสําหรับคนสามัญทั่วไป จึงคิดว่า ศาสนาเป็นเรื่องของพระเท่านั้น ถ้าเป็นฆราวาสคงไม่สามารถปฏิบัติธรรมใน ชีวิตประจําวันให้เกิดมรรคเกิดผลได้ เมื่อต้นปี 2552 ผมได้ฟังเทศน์ของพระอาจารย์จากอินเตอร์เน็ท รู้สึกมีความหวังในการนําธรรมเข้าสู่ใจ เพราะ พระอาจารย์ชี้ให้เห็นถึงการปฏิบัติธรรมที่ไม่ซับซ้อน ปฏิบัติได้จริงในชีวิตคนเมือง ช่วงแรกก็ไม่เข้าใจคําสอนของพระ อาจารย์ที่ว่า “การรู้ทุกข์ ทําให้มีความสุข”
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
37
จากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านไปปีกว่าๆ ผมปฏิบัติตามที่ท่านสั่งสอนมาเรื่อยๆ ทําให้ผมสามารถสัมผัสธรรมได้บ้าง แม้เพียงน้อยนิดก็ตาม ......ชีวิตของผมวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว.... กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ปราโมทย์เป็นอย่างสูง โดยคุณบรรเจิด 368. ธรรมะที่หลวงพ่อสอนพิสูจน์ได้จริงๆ ดังนั้นคํากล่าวหาของใครๆก็ลบล้าง สิ่งที่เราพิสูจน์เองไม่ได้หรอก ชีวิตที่ผ่านมาหากไม่ได้นําคําสอนของท่านมาทําตาม ก็คงยังหลงคิดว่าเราดีเลิศอยู่ จับผิดคนอื่นทีไร คนที่ทุกข์ก่อนคือตัวเราเองทุกที จับผิดตัวเองที่ไร พอเห็นว่าเราไม่ดีตรงไหน ก็พยามยามระวังกายใจมากขึ้นทุกที ขอปฏิบัติบูชาหลวงพ่อ ตลอดไปค่ะ โดยคุณดวงกมล 369. กราบแทบเท้าพระอาจารย์... หายไปนานทีเดียวครับ สําหรับ blog... แต่ไม่ได้หายไปไหน ยังก้มหน้าก้มตาเดินอยู่อย่างขมักเขม่น... progress คร่าวๆ ติดตามได้ใน twitter นะครับ :} http://twitter.com/pormaid อย่างไรก็ดี ช่วง เดือน 2เดือนที่ผ่านมานี้ มีเรื่องมีราวที่เกิดขึ้น แม้ยังไม่ต้องพิสูจน์อะไร แค่เป็นทุกข์จากคําคนนิดๆ หน่อย ไม่ว่าถูกหรือผิด ใครที่ยังสะสมไม่มากพอจะป้องกันตนเอง ก็ไถให้ได้ลงอบายกันเป็นแถวๆ... คือถ้าจะว่ากันด้วยเหตุผล ผมว่า คนสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ก็คงไม่สามารถหาความจริงได้จากเสียงลือเสียงเล่าอ้างใดๆ ก็ คงได้แต่รอกระบวนการทางกฏหมายเข้าพิสูจน์... จริงๆ ถ้ามองด้วยเหตุผล ผมว่า ไม่มีเหตุอันใดที่ท่านจะได้ผลประโยชน์จากสิ่งที่ท่านทําเลย เงินทองวัดก็ไม่ได้มากมายเท่าไร กลายเป็นหนังสือหนังหาซะหมด ชื่อเสียง ท่านก็ไม่เห็นจะสนใจ ยิ่งดังท่านยิ่งเหนื่อย ไปกราบทีไร อดทรมานใจ ที่ท่านลาก สังขารมาตรากตรําสอนไม่ได้ น้ําตาจะร่วงทุกที ส่วนในทางกลับกันนั้น ผมเองก็ไม่เห็นว่า ท่านที่ตั้งหลักขัดแย้งกับพอจ. จะ ได้อะไรเหมือนกัน นอกจากความทุกข์ทรมาน และมานะอัตตากลับไป แต่ถึงอย่างไร ท่านที่ขัดแย้งกับพอจ. นั้น ผมว่า ต่างกับเราๆ ท่านๆ อยู่นิดเดียว แค่เห็นผิดเป็นชอบ ผลาดผลั้ง สร้างบุญ บารมีมาผิดที่ผิดเวลา ซึ่งไม่ว่าใครก็ใคร ถ้ายังไม่ได้โสดา ก็ผิดก็ผลาดกันได้ทั้งนั้น... จะว่าสงสารก็ไม่เชิง เห็นแล้วแอบ ใจหายด้วยมากกว่า กลัวว่า ถ้าชาตินี้ยังไม่ได้ธรรม ชาติหน้าจะผลาดงี้บ้างปล่าวไม่รู้ แต่อย่างน้อย ผมก็สบายใจว่า ชาตินี้ ไม่แน่ๆ... ผลของการปฏิบัติ แม้เพียงเล็กน้อย ก็ทําให้ผมมั่นใจเอามากๆ เลยว่า ชาตินี้ ได้เป็นมนุษย์ที่มีบุญวาสนามากที่สุดคนหนึ่ง ไม่เสียชาติเกิด ตราบจนลมหายใจสุดท้าย ผมก็จะทําอย่างที่ทําทุกวันนี้... แล้ว ก็ได้แต่อธิษฐานว่า จะเกิด จะตาย อีกร้อยครั้งพันครั้ง ก็ขอให้เดินอยู่ในทาง อย่างนี้ เรื่อยๆ ไป... โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
38
และสําหรับพอจ. เอง สําหรับผู้ที่เชื่อในกรรมวิบาก... ผมว่า เป็นสิ่งซึ่งท่านต้องรับ... ทุกอย่างมีเหตุ ไม่มีความจําเป็นต้องโกรธเกลียดใครเลย ผมจะทําสิ่งซึ่งควรทํา ทุกวันๆ แล้วซักวันหนึ่ง ผมจะนําโสดาปัติผล ไปถวายท่าน ให้จงได้ กราบนมัสการ แทบเท้าพระอาจารย์ ด้วยเศียรเกล้าครับ โดยคุณ ปรเมษฐ์ 370. (( ส่งการบ้านหลวงพ่อ )) รู้จักหลวงพ่อปราโมทย์ ผ่านทางคุณดังตฤณ ตอนนั้นยังลังเลว่าท่านสอนแบบใด ควรจะศึกษาตาม แนวทางท่านหรือไม่ จนผ่านไปเป็นปี แล้วรู้สึกว่า ทําไมถึงมีคนศรัทธาท่านมากขึ้น มากขึ้น จึงลองศึกษาดู แล้วก็พบว่า...นี่แหละ ใช่เลย ของจริง สําหรับตนเองแล้ว รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ขวนขวายหาคําสอนของท่าน จนได้ครอบครองทั้งซีดี และหนังสือ และแล้วก็ลองปฏิบัติตามดู เพราะถูกอย่างที่ท่านว่าไว้ว่า คนเมืองยุ่งกับการทํางาน ไม่มีเวลานั่งสมาธิภาวนา การ "ดูจิต" นี่แหละสามารถทําให้ทุกข์เราลดลงได้ ทํามาเรื่อย ๆ จนพบว่า เออ ทําไมกิเลสมันหลายไปต่อหน้าต่อตาได้ เพียงแค่ "รู้" มัน จนมีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง จําได้ไม่เคยลืม เหมือนจิต กับ กาย แยกออกจากกัน เหมือนกับ จิต เห็นกายกําลังพูด แต่รู้สึกเหมือน ไม่ใช่ตัวเรา ตกใจ ดีใจ ในความอัศจรรย์ของธรรมะมาก จนคิดว่า "นี่ไม่ธรรมดาแล้ว" ธรรมะมีอยู่จริงขอเพียงลงมือปฏิบัติ ตั้งแต่ได้อ่านหนังสือ ฟังซีดี ไม่เคยต้องเสียเงินเลย หลวงพ่อไม่เคยให้กราบไหว้จอมปลวก หรือต้นไม้ใบหญ้า นอกจาก พระพุทธเจ้า ไม่มีของศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีเหรียญที่ระลึก เพื่อทําเชิงพาณิชย์ มีแต่ให้ฟรี ฟรี ธรรมะเป็นของที่มีอยู่แล้ว หลวงพ่อเป็นเพียงผู้บอก ทางให้ กับพวกเรา ว่ามีอยู่จริง ๆนะ มาลองทําดู มาปฎิบัติดูส ิ สิ่งที่ท่านเทศน์สั่งสอน ทําให้คนในปัจจุบัน เข้าใจได้ง่ายขึ้น สําหรับคนที่มีปัญญาแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่า เขาไม่ได้เชื่อหลวงพ่อ ปราโมทย์ แต่เชื่อในธรรมะของพระพุทธองค์ เขาไม่ได้ยึดติดกับบุคคล แต่เขาเหล่านั้น ยึดมั่นแล้วในธรรมะ และไม่ปิดหู ปิดตา เชื่อแต่ หลวงพ่อปราโมทย์ แต่เขาเหล่านั้น เชื่อแนวทางปฏิบัติของพระอริยเจ้า ทั้งหมดทั้งมวลที่มีมา ที่เราท่านทั้งหลายแจ้ง ประจักษ์แล้วว่า ท่านเหล่านั้น คือ พระผู้หลุดพ้น พระผู้ปฏิบัติดีนั้น จริงหรือไม่ เราท่านที่ยังมีกิเลสหนาในจิต คงไม่อาจรู้ได้ แต่เราท่านทั้งหลายก็รับรู้ได้ถึง "สื่อ" ที่พระผู้ ปฏิบัติดีทั้งหลาย บอกพวกเรามามิใช่หรือ บางทีถ้าเราไม่รู้อะไรจริง ๆ ก็ไม่ควรไปสรุป ถึงสิ่งนั้นว่ามันจริง กับกรณีที่เกิดขึ้นนั้น ข้าพเจ้ายังเคยนึกเล่น ๆ ว่า ถ้าเป็นเรา แล้วเราถูกกระทําอย่างนั้นจริง สําหรับคนที่ปฏิบัติเพื่อละทุก อย่างแล้ว ทําไมจะต้องไปยึด ยื้อ แย่ง เอาชนะด้วยเล่า ปล่อยไปเถอะ วิบากกรรมมันไม่เคยหยุดทํางาน สําหรับข้าพเจ้า พอแล้วที่จะมี พอแล้ว ที่จะยึด ถ้าอยากได้ ก็ยกให้ หมดความยึดติด เพราะสักวันคนที่คิดแต่จะเอา ก็จะรู้ว่า เขาไม่เคยได้อะไรเลย คุณต้องเสียเวลาอันมีค่ายิ่งในชีวิตไป เพียงเพราะต้องการพิสูจน์อัตตาของตนเองว่า กูถูก กูแน่ กูจริง แทนที่จะนําเวลานั้น ไปภาวนาเพื่อลดอัตตา อันจะต้องทําให้เรายึดติดกับภพภูมิ เวียนว่ายในกองทุกข์ไม่รู้จบหรือ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
39
ปล่อยวาง แล้ว ใจจะว่าง พิสูจน์อะไรก็ไม่เท่าพิสูจน์ใจตน โดยคุณวรนิษฐ์ 371. ข้าพเจ้า นางสาว บราลี เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อผ่านทางซีดี และหนังสือ เป็นเวลาเกือบสองปีขอยืนยันผลการปฏิบัติ ทําให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อขณะนี้นั้น น่าแปลกที่ข้าพเจ้ากลับสามารถภาวนาได้ดี ยิ่งขึ้น โกรธก็ให้รู้ว่าโกรธ จากนั้นพอความโกรธดับ จิตก็รู้สึกสงสารพวกเค้าเหล่านั้น จากนั้นจิตเค้าก็โกรธอีก สลับกันไปจน ความโกรธนั้นเบาบางลง (แต่ก็ยังมีอยู่นิดๆ) ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะโกรธสุดโต่ง ลืมตัวไปเลย กุศลอันใดที่ข้าพเจ้าได้ทําไว้ของผลนั้นให้หลวงพ่อและคณะแคล้วคลาดจากภัย อันตรายจากผู้ไม่ประสงค์ดีต่อท่านด้วย เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ โดยคุณ บราลี 372. ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม ขอบคุณหลวงพ่อปราโมช ผู้แนะแนวทาง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมย้อมมาดูจิตด้วยความรู้สึกตัวลูกเดียว กราบนมัสการด้วยความเคารพ โดยคุณรวิ 373. ผมชื่อ นายรณน สถิตย์ปัญญาพันธ์ ได้เคยฟัง CD หลวงพ่อ อ่านหนังสือหลวงพ่อ และไปกราบนมัสการหลวงพ่อทีสวน สันติธรรม ประมาณ 4 ครั้ง ณ ถึงวันนี้ผมก็ยังคงศรัทธา และ เคารพหลวงพ่อ คงเดิม ทุกสิ่งที่มีคนกล่าวในทางเสียหาย ผมจะพิจารณา และตรวจสอบ ผมมั่นใจว่าผมใช้สติและปัญญาในการพิจารณาอย่างดี แต่ผมเองก็ยังไม่ทราบว่าจะแสดงออกทางไหนเพื่อแสดงความ ศรัทธาต่อหลวงพ่อ ขอร่วมเป็นผู้ที่ยังยึดมั่นและศรัทธาอีกคนนึงนะครับ โดยคุณ รณน
374. ดิฉันขอร่วมยืนยันการปฎิบัติภาวนาตามแนวทางของหลวงพ่อค่ะ ว่ามีผลจริงทําให้การดําเนินชีวิตดีขึ้นค่ะ หลังจาก การฟังซีดีมาประมาณ 3 ปี ขอเล่าดังนี้ค่ะ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
40
1. ครั้งแรกที่ไปศาลาลุงชิน ได้ยินเสียงเทศน์ว่า ถ้าศีล 5 ข้อ ยังไม่ครบไม่ต้องมาพูดเรื่องปฎิบัต(ิ ประมาณนี้ค่ะ) ดิฉันกลับ ทันที เพราะละอายใจ1ข้อ คือ มุสา ทําให้ต่อมา สามารถเป็นผู้มีศีล 5 ข้อได้กับเขาบ้าง ( แม้จะด่างพร้อยไปบ้างนิดๆหน่อยๆ ) หลวงพ่อท่านสอนตรงไป ตรงมาจริงๆค่ะ และมีลําดับขึ้นชัดเจน 2. จากเดิมที่นั่งสมาธิแล้วสงบ ก็ไม่รู้จะทําอะไรต่อไปอีก ซีดีของหลวงพ่อ ทําให้ดิฉันรู้จัก การปฎิบัติภาวนาที่ไม่เคยรู้จัก มาก่อนในชีวิต คือ การรู้สึกตัว รู้สภาวะโกรธ รู้ว่าตัวเองมีความอาฆาต ความโลภ รู้ทันความคิดอกุศล ต่างๆของจิตตนเอง รู้ว่าตนเองมีอัตตาสูงแค่ ไหน ทั้งหมดคือความชั่วร้ายที่ซ่อน อยู่ภายใน จากการฝึกฝนในชีวิตประจําวันไปเรื่อยๆ ตามที่หลวงพ่อสอน มีผล ทําให้ สามารถรู้ทันความคิดปรุงแต่งต่างๆของจิต ความรู้สึกน้อยใจต่างๆที่เคยมีลดลงเพราะรู้ทันความคิด ที่มักจะปรุง แต่งเรื่องราวต่างๆให้เลวร้ายมาก ขึ้นไปอีกทุกครั้งที่มีปัญหา ความทุกข์ก็เลยลดลงไปด้วยค่ะ พอรู้ทันความโลภ เพราะสติเกิด ความสนใจ ดีใจ ที่ได้เห็นทันความโลภของตนเอง ก็เป็นกําลังใจให้ทําดีต่อไป และ ปฎิบัติตนอย่างถูกต้อง ความทุกข์ก็ หายไปค่ะ 3. ดิฉันเคยเห็นสภาวะของความกลัว ขณะเดินจงกรม แต่พอสติเกิด เพราะคําว่า กลัวให้รู้ว่ากลัว ที่เกิดขึ้นในจิต ความกลัว ก็ดับไปเหมือนหล่นหาย ต่อหน้าต่อ ตา ทําให้เข้าใจลึกซึ้ง ถึงวิธีการสอนของหลวงพ่อ ว่าทําให้สติเกิดจริง จากการปฎิบัติจริงด้วยตนเอง กับคําว่า " ถ้าสติ ตัวจริงเกิดความกลัวจะดับไป " นี่คือตัวอย่างบางเรื่อง ที่ดิฉันยกมา เพื่อยืนยันในความเมตตากรุณาสั่งสอนของหลวงพ่อ ว่าได้ผลจริง ทําให้ความทุกข์ ในชีวิตลดลงจริงๆ และมีความสุข มากขึ้นแน่นอน ขอกราบหลวงพ่อด้วยหัวใจบริสุทธิ์ โดยคุณพรรณา 375. เกิดมาพร้อมกับความโง่ความทุกข์เหมือนคนยากจนเข็ญใจ ศึกษาธรรมะมา22ปีก็พอรู้เป็นเลาๆ พระที่ดีสอนดีทุกองค์ แต่สอนคนโง่คนโง่ก็ไม่ค่อยเข้าใจก็ก้มหน้าก้มตาทําทานรักษาศีลนั่งสมาธิเดินจงกรมไป จะไปถึงไหนก็จนปัญญา รู้แต่ว่า ต้องทําอย่างนี้ละกัน จนได้รับธรรมะของหลวงพ่อ(เป็นซีด)ี ได้พบได้ฟังหลวงพ่อปราโมทย์เทศน์ตามที่ต่างๆที่ตามไปฟัง ก็ได้ พบความสว่างได้พบทางปฏิบัติที่เร็ว เห็นผลจริง ความทุกข์ห่างออกไป มีความสุข รู้จุดมุ่งหมายของการเกิดมาแล้วว่าสิ่งที่ แสวงหาอยู่นั้นคือธรรมะที่หลวงพ่อสอนนั่นเอง กราบพระเดชพระคุณท่านอย่างสูงสุดค่ะ หลวงพ่อรอบรู้ทั้งทางโลกทางธรรม สอนคนที่โง่ที่สุดให้พบวิธีค่อยๆแยกทางกับความทุกข์ได้ รักและเคารพเทียบเเป็นพ่อเลยค่ะ เพราะเมตตาต่อทุกคนไม่มีเจตนาร้ายกับใครทั้งสิ้น เหนื่อยก็ยังสอน ดมยาดมฟืดๆก็ยัง สอน น่ากลัวผลที่จะเกิดกับผู้ที่คิดร้ายกับหลวงพ่อจริงๆ ลองฟังธรรมะที่หลวงพ่อเทศน์ก็จะซึ้งถึงน้ําใจของท่าน ดีใจมากค่ะที่ ได้รับฟังธรรมะที่หลวงพ่อเทศน์ ไม่เช่นนั้นคงตายไปอย่างงมงาย ไม่เสียทีที่เกิดมาในชีวิตนี้ค่ะ โดยคุณอุษา 376. สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นอีกผู้หนึ่งที่เมื่อก่อนอาจจะเป็นชาวพุทธที่ไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้าท่านทรงสอนอะไร ท่านทรงมี แนวทางปฏิบัติอะไรให้แก่ชาวพุทธบ้าง จนมาได้ยินธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์ พระผู้ซึ่งสามารถถ่ายทอดพุทธธรรมคํา สอนของพระบรมศาสดาแก่อนุชนรุ่นหลังอย่างพวกเราให้สามารถนํามาน้อมใช้ได้ในชีวิตปัจจุบัน และได้มีความสนใจใน พระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดามากยิ่งขึ้น ซึ่งคําสอนแรกที่หลวงพ่อได้สอนแก่ข้าพเจ้าคือให้รักษาศีล ตั้งใจภาวนา จนถึงปัจจุบันก็ยังได้นําคําสอนนี้มาเตือนใจอยู่เสมอ ไม่ว่ากาลข้างหน้าจะเป็นเช่นไรจะยังคงน้อมนําคําสอนนี้ไปใช้ตลอดค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่ทําให้ชีวิตนี้ไม่สูญเปล่า ทําให้มาเจอคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และเริ่มภาวนามาจนทุกวัน นี้ค่ะ โดยคุณสุพรรณี โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
41
377. ความประทับใจที่มีต่อหลวงพ่อหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และคําสอน สวัสดีครับ.. ก่อนอื่นขอกล่าวนําก่อนว่า ผมไม่เคยไปวัดของหลวงพ่อ ไม่เคยพบหลวงพ่อ และไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ได้รู้จักหลวงพ่อผ่านทาง WebSite คําสอนธรรมะต่างๆ ได้อ่านและรับฟังคําสอนต่างๆ ของหลวงพ่อเพียงนิดหน่อย ผมได้ น้อมนํามาปฏิบัติ ทีละนิดละหน่อย ข้าพเจ้าได้รู้จักกับ คําว่าเจริญสติ และ สมถะและวิปัสสนากรรมฐาน,เส้นทางแห่งการพ้น ทุกข์ ทําให้ผมมีสติดีขึ้น รู้เท่าทันจิต ไม่ติดกับอารมณ์ต่างๆจนขาดสติ คําสอนของหลวงพ่อ สอนได้ดีเข้าใจง่าย และสามารถ นํามาใช้ได้จริง ขอขอบคุณคําสอนที่ดีๆครับ ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช เป็นอย่างมากครับ โดยคุณรัฐศักดิ์ 378. ดิฉันขอร่วมเขียนบทความด้วยคนค่ะ เราเกิดมาทําไม คําถามนี้ติดอยู่ในหัวใจมานาน และรู้สึกอยู่ลึกๆว่าชีวิตต้องมีอะไรมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เกิดมา เรียนหนังสือ ทํางาน มีครอบครัว และก็ตายไป จุดมุ่งหมายของการเกิดมีแค่นี้เองเหรอ ไร้สาระมากๆเลย ตัวเองจึงพยายามค้นหามาตลอด ศึกษาธรรมจากหลายๆที่เพื่อค้นหาคําตอบ ก็รู้สึกว่ายังไม่ใช่ ก็ตามหาไปเรื่อยๆ ในที่สุด ก็มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่งได้ให้แผ่นซีดีของหลวงพ่อมาฟัง แค่ฟังครั้งแรก ก็รู้สึกว่า นี่แหละ ใช่เลย สิ่งที่เราตามหามานาน เราพบทางแล้ว ต่อไปนี้ เราจะพยายามเดินตามทางสายนี้ ให้ถึงจุดหมายปลายทางให้ได้ ธรรมของหลวงพ่อ เข้าใจง่ายค่ะ ฟังแล้วมีความสุขมาก และเป็นการสอนแบบใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งรู้สึกว่าถูกจริตกับ ตัวเองมาก แค่เป็นผู้ดู ผู้รู้ แต่ไม่ไปอินกับมัน จะค่อยๆเห็นว่ามันไม่ใช่เราเลย มันไม่มีเรา มันทํางานตามเหตุปัจจัยของมัน เอง ปฏิบัติแล้วรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองอย่างมากมาย คอยตามดู ตามรู้ ความจริงไปเรื่อยๆ รู้สึกได้ว่าตัวเองมีสติ ขึ้น เมื่อก่อนจะพูดก่อนคิด และเห็นตัวเองดีกว่าคนอื่น แต่ตอนนี้เห็นความเลวของตัวเองมากขึ้นๆ และรู้ว่ากายใจนี้เรา บังคับมันไม่ได้จริงๆก็รู้บ้างเผลอบ้าง แต่เห็นตามจริงมากขึ้น เมื่อก่อนเป็นคนมองคนในแง่ร้ายมาก เดี๋ยวนี้รู้สึกว่ามีเมตตามากขึ้น มีความรู้สึกอยากให้คนอื่นมีความสุข อยากให้ใครๆ ได้มาฟังธรรมของหลวงพ่อกันหลวงพ่อเป็นพระที่เสียสละมาก มีแต่ให้กับให้จริงๆค่ะ อยากจะบอกหลวงพ่อว่าลูกศิษย์คนนี้จะขอปฏิบัติบูชาและจะช่วยเผยแผ่ธรรมของหลวงพ่อเพื่อให้คนเข้าใจกันจริงๆว่าคําว่า "วิปัสสนากรรมฐาน"ที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร จากศิษย์ที่รักและเคารพหลวงพ่ออย่างสุดหัวใจ 379. ถ้าไม่ได้คําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ดิฉันและลูกสองคนคงไม่มีวันนี้ ที่ยังยิ้มได้ เพราะดิฉันคงขาดสติ และกระทําการที่จะต้องมาเสียใจในภายหลัง พวกเราสามคนแม่ลูก เป็นหนี้หลวงพ่อ ด้วยชีวิตค่ะ _/\_ _/\_ _/\_ 380. ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ได้ศึกษาตําราคําสอนจากหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช และการปฏิบัติภาวนาตามแนวทางของหลวง พ่อปราโมทย์เป็นสิ่งที่เข้าใจง่ายทําให้ดิฉันมีกําลังใจในการปฏิบัติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป ด้วยความเคารพในหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช โดยคุณพร้อมพร 381. กราบนมัสการ/กราบเรียนและสวัสดีทุกท่านที่เกี่ยวข้อง โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
42
ดิฉัน นางณัฐธยาน์ ชุณหพิบูลรัตน์ ได้ซีดีธรรมะ จากเพื่อนๆ ที่ได้ไปฟังธรรมกับหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช ที่ ศาลาลุงชิน และนํามาให้ดิฉันได้ลองฟังดู บอกตามตรงว่าตนเองนั้น ไม่รู้จักหลวงพ่อ ไม่เคยได้ยินชื่อเลยก็ว่าได้ ประกอบกับการเบื่อหน่าย เรื่องราวในแวดวงศาสนามากถึงมากที่สุด สาเหตุจากการเข้าไปปฏิบัติธรรมในสถานที่ปฏิบัติ ธรรมที่หนึ่ง และเห็นการประพฤติปฏิบัีติที่ต่อหน้าอย่างหนึ่ง ลับหลังเป็นอีกอย่างหนึ่ง แล้วเสื่อมศรัทธาถึงขนาดที่คิดว่า ต่อไปจะกราบแต่พระพุทธรูป หลังจากนั้น อยากทําบุญใส่บาตร ก็จะเก็บเงินไว้จํานวนหนึ่งในแต่ละวัน รวบรวมได้พอ สมควร ก็ไปใส่บาตรจริงๆ ที่หน้าพระพุทธรูป เป็นเวลาหลายปี การปฏิบัติก็ได้แต่ อ่านหนังสือเอา ไม่คิดจะไปปฏิบัติทีใด อีกเลย แต่หลังจากได้พบครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นฆราวาส ซึ่งสอนให้รู้ว่า การปฏิบัติธรรมนั้น อยู่ที่กายใจจิต ของเรา จะเที่ยวได้วิ่งหาไปทําไม มันอยุ่ในกายในใจนี้ ก็ทําให้ตาสว่างเกิดปัญญากับตน และตาม เรียนรู้ใจเรื่อยไป จนวันหนึ่ง ตนได้คลายทิฐิ ได้หยิบซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์ มาเปิดฟัง ในใจคิดว่า " พระธรรม เป็นของกลาง แม้เราไม่รู้จักท่าน ไม่รู้ว่าท่านปฏิบัติในแนวทางใด แต่ถ้าเป็นสายตรงแห่งสัมมาทิฐิแล้ว มันก็คือทางเดียวกัน " หลังจาก ฟังและคิดตามไปด้วยแล้ว ก็นํามาลองปฏิบัติ ในวิถีชีวิตแต่ละวัน โดยการตามดูความคิดของตนเอง เรื่อยไป บางเรื่อง สงสัยก็ไม่รู้จะถามใคร แต่น่าอัศจรรย์ที่ว่า เปิดซีดีฟังทุกครั้ง ก็จะได้คําตอบของคําถามตนเองในทุกเรื่อง และเริ่มเข้าใจ ตนเองว่า เมื่อก่อนได้แต่ส่งจิตออกนอก เพ่งมองแต่ผู้อื่นอยู่ร่ําไป เมื่อได้ยินได้ฟังคนอื่นเขาส่งการบ้านกัน แต่ตนเองนั้นเนื่องจากอยู่ต่างจังหวัดและไม่สะดวกจะเดินทาง จึงไม่เคย ได้มีโอกาสส่งการบ้านกับหลวงพ่อสักครั้ง การไปฟังธรรมก็ได้แต่เปิด internet หาเปิดฟัง และ down load เก็บเอาไว้ จึง ทั้งไม่เคยได้พบกับหลวงพ่อ และไม่เคยได้ส่งการบ้าน แต่การตามดูใจตนเองนั้นไม่เคยทิ้ง และเกิดผลตามมาคือ หลังจากตามรู้ว่ากําลังหลงอยู่นะ เกิดสภาวะดับนิ่ง กล วงๆว่างๆข้างใน ชั่วขณะหนึ่ง เมื่อใจสงสัยว่ามันคืออะไร ก็หายไป แล้ว กลับไปหลงเพลินกับทีวี ต่อ มันเป็นสภาวะที่ หลง แล้วรู้ หลงแล้วรู้ เป็น circle สภาวะที่เกิดขึ้นได้เรียนให้อาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นฆราวาสไม่ใช่ลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์นะ คะ ท่านบอกว่า นั่นเรียกว่า สภาวะของความไม่มีอะไร ที่เกิดขึ้นเพียงช้างกระดิกหูงูแลบลิ้นประมาณ นั้น แล้วหลังจากนั้น มันก็คือการเกิดดับของตัวสภาวะเอง หากดิฉันไม่ได้ฟังซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์ หรือได้อ่านหนังสือที่หลวงพ่อแจก ก็คงจะหลงอยู่นาน เรื่องที่เกิดขึ้น กับหลวงพ่อในขณะนี้ ดิฉันไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นแบบทดสอบของมาร แม้พระพุทธองค์เองก็ยังต้อง ผ่าน ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ คือเรื่องที่เกิดขึ้นกับดิฉันหลังจากได้ฟังซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ กราบนมัสการมาด้วยความเคารพ / ด้วยความเคารพ โดยคุณณัฐธยาน์ 382. ดิฉันไปกราบเรียนปฏิบัติธรรมกับท่านตั้งแต่ท่านอยู่สวนโพธิ์ ดิฉันจึงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าท่านคือพระผู้ บริสุทธิ์จริงๆ ดิฉันสามารถเป็นพยานยืนยันได้อีก 1 คน หลวงพ่อท่านไม่เคยเรี่ยไรเงิน เรียกร้องอะไรจากผู้เข้าไปปฏิบัติ ธรรม ท่านไม่เคยสนใจวัตถุข้าวของเงินทอง เวลาดิฉันอยากทําบุญถวายปัจจัยท่าน ท่านห้ามปรามด้วยซ้ําไป ท่านเน้นการ สอนธรรมะ มีสิ่งเดียวที่เรียกร้อง คือ ท้าพิสูจน์ให้หันมาภาวนาตามคําสอนของพระพุทธเจ้าที่ถ่ายทอดเอาไว้ สิ่งที่ท่านท้า ดิฉันได้พิสูจน์แล้ว ยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าให้ผลจริง ได้เห็นสัจธรรมตามคําสอนจริง เห็นการเกิดดับของกิเลสจริง สิ่งที่ ท่านถ่ายทอดออกมามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถึงดิฉันจะได้รู้ธรรมะเพียงเล็กน้อยจากที่ท่านถ่ายทอดไว้อย่างมากมาย แต่ทําให้ ดิฉันมั่นใจได้ว่าทางนี้แหละที่พระพุทธเจ้าท่านชี้ทางไว้ ถึงใครไม่เชื่อแต่ดิฉันเชื่อท่าน จากใจ โดยคุณสุชญา
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
43
383. ดิฉันณัฐญดา ชื่อเล่นว่า นก หรือ นกน้อย อาศัยอยู่ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา แอลเอค่ะ เนื่องจากข้าพเจ้าอยู่ต่างแดนจึงไม่มีโอกาสได้ไกล้ชิดครูบาอาจารย์เหมือนคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย สิ่งที่ ข้าพเจ้าสามารถที่จะพึ่งได้ก็คือธรรมะซีดี ข้าพเจ้าปฏิบัติมาหลายทาง ลองปฏิบัติมาทุกอย่างมาได้ 16 ปี และไม่เคยรู้ตัว เลยว่าที่ปฏิบัติมานั้น ไม่ได้พัฒนาจิตใจตัวเองให้ดีขึ้นเลย พอได้มีโอกาสฟังธรรมะของท่าน จําคําที่ท่านพูดไว้เสมอว่า “เผลอไปแล้วนะ” “เพ่งไปแล้วนะ” ทุกครั้งที่ได้ยิน สติก็เกิดขึ้นทุกครั้ง พอฟังท่านบ่อยๆ สติก็เกิดมากขึ้นทีละนิดทีละน้อย ข้าพเจ้าไม่เคยคิดเลย ว่าการฟังซีดีแค่นี้ จะทําให้ ธรรมะของข้าพเจ้าพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเลยว่าจะผิดหรือจะถูก เราสามารถเป็นครูของตัวเองได้โดยดู อารมณ์ที่สบาย เมื่อติดขัดอะไร ซีดีของท่านก็ให้คําตอบกับข้าพเจ้าทุกครั้งไป แต่ก่อนที่เคยคิดว่าตัวเองดี ตัวเองเก่ง ชอบ คอยคิดแต่จะสอนและเพ่งโทษผู้อื่น มีแต่สะสมแต่ความไม่ดีในจิตใจ ความโง่เขลาของข้าพเจ้าได้เพิ่มพูลขึ้นทุกวัน นับวันจะ มีแต่ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว จนมาได้ฟังซีดีของท่าน ข้าพเจ้าก็เริ่มเข้าใจจิตใจของตัวเองอย่างที่เค้าเป็น เมื่อได้เข้าใจจิตใจของ ตัวเองแล้ว ก็เริ่มเข้าใจทั้งตัวเองและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น การพูด การจา การกระทํา แม้กระทั่งความคิดของข้าพเจ้าเปลี่ยน ไปโดยสิ้นเชิง แต่ก่อนเคยเป็นคนใจร้อน ก็เย็นลง จากเป็นคนพูดให้คนรู้สึกไม่ดี ก็กลายเป็นคนชอบพูดให้คนอื่นสบายใจ ธรรมะของหลวงพ่อนั้นลึกซึ้งนัก หากใครเปิดใจรับฟังและปฏิบัติตามและเข้าใจ ธรรมะของท่านก็จะเป็นเหมือนแสงเทียน ประทีป ส่องแสงประกายในจิตใจ ประดุจเหมือนท่านได้ให้ชีวิตใหม่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามั่นใจว่าอีกหลายๆท่านก็คงรู้สึกไม่ ต่างกัน ข้าพเจ้าดีใจและยินดี ที่ได้เกิดมาอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ของพระพุทธศ่าสนา และ ดีใจที่ประเทศเรายังมีปูชนียบุคคนอัน ล้ําค่าอย่างพระอ.ปราโมทย์อีกรูปหนึ่งที่เป็นกําลังอันสําคัญยิ่งของพระพุทธศาสนา จะมีใครได้อีกที่จะนําคําสอนของ พระพุทธองค์เผยแผ่ไปได้ทั่วโลกทุกประเทศได้ในระยะเวลาไม่นาน และทําให้หลายๆคนเข้าใจคําสอนของพระพุทธเจ้าได้ อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ทั้งๆที่ยังไม่เคยเจอท่านจริงๆแต่ธรรมะของท่านก็ได้เข้าไปถึงจิตใจผู้ที่ได้ฟังแล้ว ท่านได้ทําหน้าที่ลูกของพระพุทธองค์ได้อย่างไม่มีที่ติ ท่านทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเผยแพร่ธรรมะให้แก่ สาธุชนอย่างไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อย ท่านพร่ําสอนด้วยความเมตตาและสม่ําเสมอเรื่อยมา ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งบุญคุณ ของท่านมากเหลือเกินที่จะกล่าวออกมาเป็นคําพูดได้ เพราะธรรมะที่พระอ.ให้มาไม่ใช่เป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้าเท่านั้น แต่ กุศลนี้ยังแผ่ไปถึงครอบครัวและคนรอบข้างของข้าพเจ้าอีกด้วย คําว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” นั้นเป็นเช่นไร พึ่งเข้าใจก็คราว นี้เอง ข้าพเจ้าจะขอเดินตามรอยพระพุทธบาท และจะนําธรรมะของพระพุทธองค์ ที่พระอ.ปราโมทย์นํามาสอน เป็น หนทางดําเนินชีวิตของข้าพเจ้าต่อไปอย่างเคร่งครัด ขอกราบขอบพระคุณพระอ.และและขอให้อํานาจคุณพระศรีรัตนตรัย ได้โปรดคุ้มครองให้พระอ.มีสุขภาพที่แข็งแรง ขอให้พระอ.ผ่านพ้นเภทภัยทุกอย่าง และขอให้ท่านได้เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร และ เป็นกําลังสําคัญของศาสนาของพวกเราสืบต่อไป เสียงจากแดนไกล โดยคุณณัฐญดา
384. ผมเป็นคนนึงที่ศรัทธาในพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็กๆ จําได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งมีคนถามคําถามยอดฮิตที่ผู้ใหญ่จะถามเด็ก ทุกยุคทุกสมัยว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” ผมตอบอย่างไม่ลังเลว่าอยากบวชเป็นพระ ไม่รู้เด็กอนุบาลอย่างผมเอาความคิดนี้ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
44
มาจากไหน แต่ผมยังจําฝังใจมาจนถึงปัจจุบัน แต่มารู้ตัวอีกทีพบว่าตัวเองมีศรัทธาล้ําหน้าปัญญาไปเยอะ ควรจะพัฒนา ปํญญาควบคู่ไปด้วย ก็เริ่มจากอ่านหนังสือธรรมะ ฝึกสมาธิตามเรื่องตามราว ค้นหาตัวเองไปตามแต่กระแสสังคมว่าดีและ แต่กิเลสขณะนั้นจะพาไป ด้วยความไม่รู้เท่าทันมัน หลังจากได้ฟังคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์จาก ซีดีที่ท่านแสดงที่ศาลาลุงชินครั้งที่ 1-4 รู้สึกว่านี่แหละสิ่งที่ผมหา มานาน คือ การพัฒนาปัญญาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และธรรมะที่ถูกจริตกับผมอย่างจัง ผมฟัง ซีดี 4 แผ่นนี้ซ้ําแล้วซ้ําอีก จน จําได้ว่าท่านสอนถึงตรงนั้นตรงนี้แล้วต้องต่อด้วยเรื่องอะไร แต่สิ่งสําคัญที่ประสบมากับตัวเอง คือผลที่เกิดขึ้นจากการนําคํา สอนของท่านมาปฏิบัติในชีวิตประจําวันทําให้ผมเข้าใจตัวเองรู้จักตัวเองมากขึ้น ซึ่งตรงกับคําสอนของพุทธศาสนาที่เน้นให้ เรียนรู้กายเรียนรู้ใจตนเอง แต่ก่อนรู้สึกตัวเองเป็นคนดีมาก แต่พอรู้เท่าทันตัวเองมากขึ้นทําให้รู้ว่าตนเองมี โทสะ และ มานะอัตตา เยอะมาก พอรู้เท่าทันก็จัดการมันง่ายขึ้น หนังสือที่ท่านเขียนก็ทําให้การศึกษาทางด้านปริยัติและปฏิบัติของผม ดําเนินอย่างเป็นระบบมากขึ้น ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยได้ไปกราบหลวงพ่อที่สวนสันติธรรมเท่าไหร่ อาศัย ดาวน์โหลดเสียงเทศน์ของท่านมาฟังเรื่อยๆ แม้ท่านจะเทศน์แต่เรื่องเดิมๆ แต่ฟังแต่ละครั้งเหมือนได้รับสิ่งที่แตกต่าง ที่ตรงจิตตรงใจในขณะนั้น สุดท้ายนี้ขอกราบหลวงพ่อปราโมทย์ด้วยเศียรเกล้า ขอปฏิบัติบัตรธรรมเพื่อแทนคุณพระพุทธเจ้า และ เป็นอาจารย บูชาแด่หลวงพ่อครับ โดยคุณสุรพงษ์ 385. เรียน ท่านอาจารย์หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช ผม ผศ ดร พีระพล ก่อนอื่นขอแสดงความขอบคุณที่ http://www.dhammada.net/ ได้ให้โอกาสให้พวกเราผู้ที่ได้สัมผัสกับหลวงพ่อ ได้เขียนสิ่งที่อยากเขียนถึงท่าน เพื่อรวบรวมเพื่อนําไปให้ท่าน ผมไม่มีอะไร จะถวายท่านเป็นเครื่องสักการะบูชาหรอกครับ เพราะหลายปีมานี้ ก็เห็นมีแต่สิ่งที่ผมได้มาจากท่านเท่านั้น ผมจึงขอถวายข้อ เขียนนี้เป็นพุทธบูชาแล้วกันนะครับ ในฐานะนักวิชาการสายวิศวกรรมไฟฟ้า ผมไม่เคยยินยอมจะประณีประนอมกับสิ่งที่ไม่มีหลักฐาน พิสูจน์ไม่ได้ หรือการคิดๆนึกๆ เอาเอง เพราะหากผมทําเช่นนั้น ผมก็จะไม่มีที่ยืนในแวดวงวิชาการทั้งในประเทศและ นานาชาติ แม้จะเคยสนใจพุทธศาสนา แต่ก็ออกไปทางที่เห็นว่าเป็นปรัชญาอันลึกซึ่ง เข้าใจว่าความรู้ในทางพุทธศาสนาเกิด ได้โดยอาศัยการคิด ถกเถียง หาเหตุผลตามกลไกของปรัชญาตะวันตก แต่ก็ไม่เคยรู้สักนิดเลยว่านั่นคือ กําลังถลําลึกและ พลาดจากประเด็นสําคัญไปเสียแล้ว แต่วาสนาส่งให้พบกับธรรมะจากซีดีที่ไปขอฟรีมาจากเว็บแผ่นหนึ่งในปี 46 ซีดีแผ่นนี้ไม่มีชื่อใดๆบนปก ผมก็จึงไม่ทราบว่า พระรูปนี้ชื่ออะไร สิ่งที่สะดุดทําให้ผมฟังซ้ําแล้วซ้ําเล่าอยู่นั่น ก็คือ สิ่งที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน "วิธีทําลายความอยากแบบ ศาสนาพุทธ คือ การรู้ทันกายรู้ทันใจ พอรู้ทันมากเข้าๆ ธรรมชาติของกายและใจก็จะทยอยดับลง" ผมก็ได้รู้จักธรรมชาติ แบบหนึ่งที่เรียกว่าทุกข์ "ความรู้ตัวเนี่ยเป็นเครื่องมือ สติเป็นแค่เครื่องมือ" ประโยคที่ติดหูนี้ ทําให้ผมรู้ถึงเครื่องมือที่จะ เข้าทําลายความทุกข์นั้น การไม่ต้องไปแทรกแซง แค่รู้ทัน ก็เพียงพอแล้วสําหรับการปฏิบัติ ทําไมมันช่างง่ายเหลือเกิน ซีดี แผ่นนั้น ถูกเปิดมากเสียกว่าแผ่นเพลงอื่นๆ ที่มีในรถ ต่อมาเวลาผ่านไปเป็นปีๆ บุญนําพาให้ได้มีโอกาสได้ทราบว่าท่านคือ หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปราโมชโช หรือ ท่านสันตินันท์ ที่ ผมเคยอ่านงานเขียนบนเว็บนั่นเอง ควบคู่กับของ คุณดังตฤณ แต่ตอนนั้น ผมยอมรับว่าอ่านของท่านน้อยกว่าของดังตฤณ และ ได้ทราบว่าท่านได้ออกบวชแล้วเมื่อปี 45 แต่ไม่สามารถหาเบาะแสเพื่อตามไปกราบได้ คุณดังตฤณได้เคยเขียนบอก ญาติโยมไว้ว่าท่านต้องการภาวนาอย่างสงบ เมื่อได้ยินเสียงท่าน ผมจึงรู้สึกดีใจว่าผมได้พบพระที่ผมอยากเรียนด้วยมาก ที่สุดแล้ว และตอนนั้นไฟล์เสียงของท่าน ก็เริ่มหาฟังได้แล้วในอินเตอร์เนท ผมเสาะหามาฟังแล้วไรท์เป็นซีดีไว้ฟังในรถ ที่ เป็นที่ๆ ผมฟังแล้วเข้าใจดีที่สุด จากนั้นมาผมได้ตั้งใจจะเรียนสิ่งนี้ให้กระจ่างเหมือนการเรียนปริญญาเอกไปเลย แต่การณ์กลับเป็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สําหรับคนที่คุ้นกับโลกทุนนิยมอย่างผมที่จะเรียนเรื่องที่ว่าง่ายๆนี้ มันยากเพราะมันเป็นสิ่งที่ฝืนความรู้สึกและขัดต่อ กระบวนการหาความรู้ความเข้าใจทางโลกอย่างสิ้นเชิง เช่น "ความสงสัยที่เกิดไม่ได้แก้ด้วยการค้นคว้าหาคําตอบ แต่ความ สงสัยที่เกิด กลับดับได้จากการรู้ทันว่าสงสัย" หรือ "ความคิดไม่ใช่ความจริง ความคิดเป็นสิ่งที่ถูกรู้" เป็นต้น ผมไม่เคย เรียนสิ่งนี้จากทั้งในประเทศ และ ต่างประเทศ จากระดับประถม ถึง ปริญญาเอก ผมตัดสินใจเอาตัวเองเป็นห้องทดลอง คอย หัดรู้สึก อย่างถ้าโกรธเพราะโดนตัดหน้า ก็ให้รู้ว่าโกรธ โกรธเพราะติดไฟแดง ก็ให้รู้ว่าโกรธ ความโกรธเป็นแบบฝึกหัดแรก ของผม เพราะมันง่ายที่สุด โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
45
แต่ถ้าเทียบความโกรธเพราะติดไฟแดง กับ ความดีใจเพราะทันไฟเขียว ความยากมันต่างกัน ตอนดีใจเพราะไฟเขียวจะรู้สึก ตัวได้ยากกว่า ใครอยากลองดูก็ได้ ผมทดลองแล้วเห็นตามจริงอย่างนั้น ผมก็หัดใช้การรู้สึกอย่างนี้ เผลอไปก็รู้ตัวขึ้นใหม่ รู้ก็ไม่ตั้งอยู่นานแล้วก็เผลอใหม่แล้วก็คอยรู้ ทําไปอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้เห็น ว่าจะมีอะไรทําให้ผมเหนือธรรมดาขึ้นมา รู้แต่ว่า หากรู้ทันจริงๆ ความโกรธมันก็จะดับไปเอง ก็น่าแปลกดีเหมือนกัน แต่ความเปลี่ยนแปลงที่สําคัญเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง ขณะขับอยู่บนมอเตอร์เวย์ ผมก็ขับไปคิดไปฟุ้งไปเรื่อยเปื่อยตามความ เคยชินที่มีอยู่แต่ก่อนเก่า อยู่ดีๆ มันก็รู้สึกตัวขึ้นมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจจะดูว่า "กําลังคิดอยู่" ไม่ใช่รู้เรื่องที่คิด แต่รู้ว่ากําลังคิด พอจังหวะนั้น ความคิดมันก็ดับทันที เหมือนปิดไฟในห้องมืด ไม่ได้รู้อะไรมาก รู้ได้แต่มีความ"ไม่"คิด และความโปร่งเบาก็ เข้ามาแทนที่ หรือ สิ่งนี้เองที่เรียกว่าความสุขเกิดจากความทุกข์ดับ ผมได้เห็นจริงๆ ว่าความสุขจากความดับมันเป็นอย่างไร เป็นที่มาของความเข้าใจว่า "ถ้าไม่เผลอ ก็ไม่ทุกข์" ที่ท่านพูดซ้ําแล้วซ้ําเล่า ผมทบทวนแล้วก็เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม แต่เป็นความเข้าใจเบื้องต้นราวกับเด็กเริ่มเรียนบวกลบเลข เป็นแค่ความเข้าใจถึง แค่ว่า ทุกข์มีเกิดๆดับๆ ที่รู้ทันได้ด้วยสติที่ไม่ได้มาจากการกําหนด แต่นั่นก็เพียงพอจะประคับประคองให้ผมมีความสุขที่ไม่ เคยพบ นั่นก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่มากของผม แต่หลังจากได้เห็นได้ฟังได้ทํามาหลายปี ผมก็ได้ขอสรุปว่า 1) หลวงพ่อท่านไม่เคยสั่งให้เราเชื่อสิ่งที่ท่านสอน ท่านมีแต่ท้าให้ลองพิสูจน์ด้วยตัวเราเอง ลองดูไหมล่ะ และเมื่อตอนเข้าใจ แล้ว แม้แต่จะฟังเอาให้เข้าใจ ก็เป็นการฟังที่ไม่ถูกต้องเสียแล้ว เพราะธรรมเรียนไม่ได้จากการฟัง แต่ต้องเรียนจากตัวเอง การปฏิบัติได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ วินาทีที่เข้าใจ ไม่มีความจําเป็นที่ต้องฟังอีก และโดยการเอาตัวเองเป็นห้องปฏิบัติการ หาก การทดลองใดที่ปฏิบัติแล้วได้ผลลัพท์ที่ไม่สามารถสรุปลงมาได้ การปฏิบัตินั้นย่อมไม่ใช่ของจริง 2) ท่านไม่เคยบอกให้ยินดีกับความสุขจากการปฏิบัติ มีแต่ให้"รู้" เพื่อตื่นรับกับความเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนของสภาวะ หากยึดติดกับสุขจากสมาธิ ก็ให้รู้ว่ายึดติด หากอยากหายจากการยึดติด ก็ให้รู้ว่าอยากหาย หากการปฏิบัติเป็นไปเพื่อเอา ความสุขของผู้ปฏิบัติ การปฏิบัตินั้นก็นับว่ายังไม่ใช่ของจริง 3) ท่านไม่เคยต่อต้านการปฏิบัตินอกแนว เรียบง่าย โปร่งเบา ลัดสั้น หาก เริ่มจากแนวดูทุกข์เวทนา แนวสมาธิ ท่านมีแต่จะ ต่อยอดให้ได้ หากใจไม่เปิดกว้างพอ ก็จะยอมรับไม่ได้ เพราะแน่นอนว่า ใครจะใจถึงยอมโดนฉีกหน้ากากสักกี่คน ? 4) ท่านไม่เคยบอกให้มาดูจิตอย่างเดียว ไม่ต้องทําสมาธิ มีแต่บอกว่า "การทําสมถะและวิปัสสนาเป็นสิ่งที่ควรทําด้วย ปัญญาอันยิ่ง" คนที่ฟังไม่ศัพท์แล้วเอามาพูดกันต่อ ก็ต้องเสียใจที่จะบอกว่าได้พลาดคุณอันใหญ่เสียแล้ว ด้วยข้อสรุปข้างต้น รวมความแล้ว ผมเห็นว่าสิ่งที่ท่านทําไม่ถูกใจคนมีอยู่อย่างเดียว (ซึ่งจริงๆ ท่านก็ได้ทราบอยู่แล้ว เพราะ พูดเปรยๆบ่อยๆ) คือ "การบอกความจริงโดยไม่ปิดบัง" ซึ่งอันตรายมากกับความเขลาอันมีมากเกินคาดเดาของปุถุชน ที่ ยังยินดีจะอยู่กับโลก มีความสุขกับโลกมันเข้าใจยากมากถึงมากที่สุด สําหรับคนที่ใจไม่ถึง ไม่กล้ายอมเห็นความจริงของตัว เองที่น่าเกลียด และ ไม่กล้ายอมให้ตัวเองทุกข์ มีแต่จะหนีทุกข์ ต้องการแต่ความสุข ปิดบังความจริง และ อยากให้ตัวเองดู ดี สิ่งที่ท่านทําคือ การเปิดเผยความจริงที่พวกเขาไม่อยากรับทราบครับ ผมเคยตั้งคําถามน้องคนหนึ่งว่า หากให้มีแต่ความสุขตลอดเวลา เอาไหม? จะกิน ก็มีแต่ของอยากกิน จะนั่ง ก็มีที่นั่งที่สบาย ที่สุดในโลก จะขึ้นรถเมล์ ก็มีสายที่ต้องการมาจอดตรงที่จะขึ้นทันที ทุกอย่างสมปรารถนาไปเสียหมด ไม่มีความทุกข์มา แผ้วพานเลย เอาไหม? เขาไม่แน่ใจในทีแรก ว่าจะดีไหมที่มีแต่ความสุขตลอดเวลาอย่างนั้น? ความกลัวอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ ชี้ให้เห็นว่ามันเป็น "ความกลัวจะมีทุกข์จากการที่จะมีความสุขนั้น" หรือ ที่แท้แล้วก็คือ "การต้องการมีความสุขตลอดเวลา" ของมนุษย์นั่นเอง ความสุขจากการกําหนดจิตให้่นิ่งซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านไม่ให้ยึดติดนั้น ที่แท้แล้วมันกลับเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ มากที่สุด คนทั่วไปจึงยอมรับคุณของการมีสติได้ยากยิ่งครับ ผมไม่คิดว่าจะต้องเขียนเรื่องส่วนตัวของผมอะไรอย่างนี้มาก่อน ผมปฏิบัติของผมอย่างเงียบๆมานาน ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะ มาป่าวประกาศว่าผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ (ซึ่งจริงๆ ท่านก็ไม่รู้จักผมหรอก) แต่หลังจากที่เห็นความเข้าใจผิดๆที่เกิดใน โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
46
สังคม เห็นความเข้าใจผิดๆ ของคน ไทยที่ยังไม่มีการศึกษาหรือมีความรู้ดีพอ ที่จะมีโอกาสทําลายของสูงค่าไปอย่างไม่รู้ เรื่อง ความสํานึกก็เร่งให้สมควรที่จะต้องออกมาแสดงอะไรบางอย่างได้แล้ว สิ่งที่ท่านสอนลงลึกไปถึงแก่นคําสอนของ พระพุทธเจ้า มีคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงสําหรับคนที่สมควรสอน ผมขอให้คนที่ไม่เคยฟังไม่เคยปฏิบัติธรรมที่หลวงพ่อ ท่านแสดง อย่ามาฟังท่านเพราะกระแสเลยนะครับ ขอแต่ผู้ที่ต้องการจริงๆ ของดีๆ มีไม่เยอะ ที่มีอยู่ก็อยู่ไม่นาน เดี๋ยวก็หาย ไปแล้ว คนใจไม่ถึง มาฟังแล้วก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร เสียเวลา เสียน้ํามัน แถมเมื่อฟังเสร็จแล้วก็เอาไปพูดต่อๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ ได้รู้ไม่ได้เข้าใจ เป็นพวกที่ไม่สมควรแก่ธรรมจริงๆ อย่างนี้เสียของครับ ขออภัยที่ต้องเขียนให้ชัดเจนอย่างนี้ไปเลยนะครับ ส่วนท่านที่ตั้งใจแล้ว เข้าใจแล้ว ก็เร่งความเพียร ธรรมของจริง ต้องเห็นได้ด้วยตัวเองเท่านั้นครับ ขอบคุณอีกครั้งที่ให้โอกาสครับ และ อนุญาตให้ทาง http://www.dhammada.net/ ได้นําไปเผยแพร่ตามสมควรแก่ธรรม ครับ โดยคุณผศ ดร พีระพล 386. ผมเขียนบทความนี้ด้วยความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อพระอาจารย์ปราโมทย์ มิได้เขียนด้วยความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัว ตนเพื่ออวดอ้างว่า ตัวกู อาจารย์ของกู หรือคําสอนของอาจารย์กู เป็นสิ่งประเสริฐ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพียงแต่เขียนเล่า ประสบการณ์ และความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะลูกศิษย์คนหนึ่งที่ได้รับความรู้จากครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งเท่านั้นเอง ส่วนสิ่ง ที่เกิดขึ้นใครจะถูกหรือใครจะผิดอย่างไร คงต้องให้กระบวนการทางโลกตัดสินพิจารณาไป แต่กงล้อแห่งกรรมซึ่งไม่มีใครหนี พ้น จะเป็นผู้ตัดสินที่แท้จริง กรรมดีย่อมเหนี่ยวนําเหตุปัจจัยที่ดี เช่นเดียวกับกรรมชั่วย่อมเหนี่ยวนําเหตุปัจจัยที่ที่ไม่ดีมาสู่ผู้ กระทํากรรม " ผมไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงไม่มีลูกศิษย์ผู้มีความศรัทธาต่อพระอาจารย์ปราโมทย์ที่มีอยู่เป็นจํานวนมากมาย ออกมารวมกลุ่มตอบโต้ ต่อต้าน ประณาม กลุ่มบุคคลที่ฟ้องร้อง ที่ไม่เพียงแต่ดําเนินการตามกฎหมายตามสิทธิของ ประชาชนโดยปกติ แต่ยังเดินหน้าเผยแพร่สิ่งที่พวกเขาดําเนินการ ตามสื่อสาธารณะต่างๆ ความคิดเห็นในเชิงลบต่างๆ ซึ่ง เป็นความคิดเห็นของพวกตนแต่เพียงฝ่ายเดียว ธรรมะของพระพุทธเจ้าซึ่งพระอาจารย์ปราโมทย์ได้ถ่ายทอดให้บรรดาลูก ศิษย์ที่ต้องการพ้นจากความทุกข์ ล้วนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้พวกเราตั้งอยู่ในความสงบ และรอคอยความจริงปรากฏขึ้น ผม ประทับใจที่พระอาจารย์ปราโมทย์เคยพูดกับลูกศิษย์ว่า “อาจารย์ยังไม่เห็นจะเดือดร้อนเลย พวกเราจะไปเดือดร้อนแทน อาจารย์ทําไม” เป็นการตอกย้ําสิ่งที่พระอาจารย์ปราโมทย์พร่ําสอนสั่งลูกศิษย์มาโดยตลอดว่าร่างกาย และจิตใจต่างก็ไม่ใช่ ตัวเรา ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามกฎไตรลักษณ์ ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ ตัวตนของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งที่มนุษย์ สร้างขึ้นและยึดมั่นถือมั่นมาทั้งชีวิต ยึดมั่นในความเป็นเรา ความเป็นเขา ทั้งๆที่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีอยู่จริง ตัวตนของพระ อาจารย์ปราโมทย์ก็ไม่มีอยู่จริง มีแต่เพียงธาตุต่างๆมีมารวมตัวกันด้วยเหตุปัจจัยหนึ่งเป็นการชั่วคราว เมื่อหมดเหตุปัจจัยก็ ย่อมแตกดับไป พระอาจารย์มักย้ําเสมอว่า ไม่ให้ยึดติดในตัวอาจารย์ แต่ให้เอาธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง และให้มี ความเพียรในการปฏิบัติ จึงจะช่วยให้พ้นทุกข์ได้ " ผมรู้สึกแปลกใจที่มีกลุ่มคนบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์คําสอนของพระอาจารย์ปราโมทย์ ผมมิได้รู้แจ้งเพียงพอที่จะถก เถียงกับคนกลุ่มเหล่านั้นว่าความเห็นของพวกเขาเหล่านั้นถูกหรือผิด แต่ในความเห็นของผมซึ่งเคยได้ศึกษาธรรมะของพระ อาจารย์รูปอื่นๆที่เป็นที่ยอมรับในสังคมไม่ว่าจะเป็นท่านพุทธทาส หลวงพ่อชา หรือแม้แต่หลวงปู่ดูลย์ที่พระอาจารย์ ปราโมทย์เคารพนับถือและมักจะนําคําสอนของท่านมาถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ได้ฟังเสมอ ผมได้พิจารณาธรรมะด้วยใจบริสุทธิ์ แล้วไม่เคยที่จะพบว่าสิ่งที่พระอาจารย์ปราโมทย์ได้สั่งสอนศิษย์จะมีความขัดแย้งกับคําสอนของพระอาจารย์รูปอื่นๆแต่อย่าง ใด ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นการส่งเสริม และยืนยันว่าคําสอนเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากแต่เพียงพระอาจารย์ ปราโมทย์มีความเข้าใจในวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ทัศนคติ ของคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างดีจากประสบการณ์ชีวิตฆราวาสของ ท่าน จึงทําให้ธรรมะที่ท่านถ่ายทอดเข้าใจได้ง่าย และสามารถนําไปปฏิบัติได้อย่างสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่จะมีคนจํานวนมากศรัทธาในแนวทางการสอนของท่าน แม้จะมีคนบางกลุ่มติฉินนินทาว่าการสอนโดยการทัก วาระจิตของท่านทําให้ลูกศิษย์มีความอ่อนแอ ไม่สามารถปฏิบัติเองได้ ต้องคอยมาให้ท่านดูวาระจิตเสมอ แต่จาก ประสบการณ์ของผมกลับเห็นว่าการดูวาระจิตทําให้ผมมีความเข้มแข็งในการปฏิบัติได้ด้วยตนเอง เนื่องจากสภาวะจิตมี ความละเอียดอ่อน บางสภาวะสามารถสังเกตได้ง่ายเช่น สภาวะโกรธ ดีใจ เสียใจ ขณะเดียวกันบางสภาวะจิตกลับสังเกตได้ ยากโดยเฉพาะผู้ที่เริ่มต้นปฏิบัติใหม่ที่ยังขาดความชํานาญ เช่นสภาวะการเพ่ง จิตที่ถูกกดไว้ สภาวะที่มีโมหะ สภาวะที่จิตไม่ ตั้งมั่น ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่ามีบุคคลบางกลุ่มเห็นว่าการทักวาระจิตของพระอาจารย์ปราโมทย์เป็นการเดาสุ่ม ไม่ตรงกับ สิ่งที่ตนเองรู้สึก เนื่องจากการที่บุคคลใดจะเข้าใจสภาวะจิตของตนเองได้อย่างแม่นยําต้องอาศัยการฝึกฝนนานนับปีเริ่มจาก หัดสังเกตสภาวะที่หยาบไปจนถึงสภาวะที่ละเอียด บุคคลที่ขาดความเพียรและขาดการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องย่อมไม่สามารถ เข้าใจสภาวะจิตของตนได้อย่างถ่องแท้ การที่พระอาจารย์ปราโมทย์ให้ความเมตตาทักวาระจิตของลูกศิษย์จึงเป็นการสร้าง ความเข้าใจที่ถูกต้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เริ่มปฏิบัติใหม่ เพื่อให้สามารถนํากลับไปปฏิบัติต่อได้เองอย่างถูกทาง และ กลับส่งการบ้านกับพระอาจารย์เป็นระยะๆ ดังจะสังเกตได้ว่าผู้ที่ฝึกไประยะหนึ่งมักจะไม่ถูกทักวาระจิตอีก พระอาจารย์เพียง โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
47
แต่บอกว่าที่ฝึกอยู่ดีแล้วถูกแล้วให้ไปฝึกต่อ นอกจากบางรายเท่านั้นที่ติดสภาวะบางอย่างอันจะทําให้การปฏิบัติผิดพลาด หากยังฝึกต่อไปจึงจะได้รับคําแนะนําเพิ่มเติม ผมจึงเห็นว่าการทักวาระจิตเป็นความเมตตาของพระอาจารย์ปราโมทย์ที่มีต่อ ลูกศิษย์ที่มีความพากเพียรและตั้งใจแสวงหาแนวทางพ้นทุกข์ให้กับตน ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับพระรูปอื่นๆที่ บําเพ็ญภาวนาจนมีความสามารถเห็นวาระจิตผู้อื่นได้ก็จะใช้แนวทางนี้ในการสั่งสอนลูกศิษย์เช่นเดียวกันในฐานะครูที่หากรู้ ว่าศิษย์ทําผิดย่อมต้องสอนสั่งให้ว่าสิ่งที่ทําอยู่เป็นสิ่งผิด มิใช่ปล่อยให้ศิษย์ทําผิดต่อไป " ผมรู้สึกขอบคุณที่เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้น ขอบคุณกลุ่มบุคคลที่ดําเนินการร้องเรียนและฟ้องร้องพระอาจารย์ ปราโมทย์ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทําความจริงให้กระจ่างแล้ว แต่โดยส่วนตัวเหตุการณ์ครั้งนี้ยังทําให้ผมเห็นความทุกข์ในใจที่เกิด ขึ้นมากมายตามประสาปุถุชนที่ยังมีความโลภ โกรธ หลง และห่วงหาอาทร พระอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือ ทําให้ผมเห็น สภาวะต่างๆล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ทําให้ผมเห็นว่าความทุกข์ต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่ผ่านมา และผ่านไป ทําให้ ผมมีความศรัทธาในสิ่งที่พระอาจารย์ปราโมทย์ได้สั่งสอนมากยิ่งขึ้น และเป็นแรงผลักดันให้ผมมีความเพียร และความมุ่ง มั่น ในการปฏิบัติมากยิ่งขึ้นเพื่อบูชาพระคุณของหลวงพ่อผู้มีแต่ให้ครับ ...ขอบคุณครับ... โดยคุณนภดล
387. เห็นทุกข์ กลัวทุกข์ หนีทุกข์ ปฏิบัติธรรมหลากหลายรูปแบบ ล้มลุกคลุกคลานไม่คืบหน้าไปไหน ถ้าไม่ได้พบ ซีดี หนังสือ อ่านของหลวงพ่อปราโมทย์ ชีวิตนี้คงหมดไปอีกชาติหนึ่ง (แค่ รู้ทุกข์ รู้กาย รู้ใจ ลงในปัจจุบัน) ละสมุทัย แจ้งนิโรธ เจริญมรรค อัตโนมัติ ทุกข์จางไปเยอะทีเดียวเชียวล่ะ แม้ยังไม่เคยพบหลวงพ่อ ก็จะขอปฏิบัติธรรมถวายหลวงพ่อปราโมทย์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ผมฟังซีดีหลวงพ่อทุกคืนครับผม โดยคุณธนกร 388. ขอเป็นอีกหนึ่งกําลังกายและกําลังใจที่จะประพฤติปฏิบัติตนให้สมกับการได้พบธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่หลวงพ่อได้ นํามาบอกต่อ และทําให้คนโง่ๆอย่างผม เข้าใจตัวเองได้มากขึ้นครับ โดยคุณธนัย 389. ก่อนที่เราจะได้ฟังธรรมะที่หลวงพ่อนํามาสอนเราไม่เคยเห็นหน้าหรือไม่เคยแม้แต่จะได้ยินชื่อหลวงพ่อมาก่อน มันเป็น เหตุบังเอิญให้เราได้ซีดีแผ่นหนึ่งมา เราก็ไม่ได้คิดอะไรในเมื่อพี่สาวแฟนเค้าได้มา แล้วเค้าก็บอกให้เรายืมมาฟัง เราก็เอามา ฟัง เราฟังทั้งที่ยังจําชื่อท่านไม่ได้ด้วยซ้ํา ทุกวันนี้เราก็ยังไม่เคยไปสวนสันติธรรม แต่เราศรัทธาในคําสอนของท่าน เรา น้อมนํามาปฏิบัติ เราเห็นผลได้ด้วยตัวเอง คนรอบตัวเราเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงหันมาปฏิบัติภาวนาโดยเฉพาะแม่กับพ่อซึ่ง เราดีใจที่สุด เราไม่ตั้งตัวเป็นอาจารย์ที่จะสอนธรรมะใคร เราไม่ยัดเยียดธรรมะให้ใคร เราแค่ฟังซีดีของหลวงพ่อทําตามคํา สอนที่ท่านนํามาสอน และพร้อมหยิบยื่นให้คนอื่นไปฟังถ้าเค้าสนใจหรือร้องขอเท่านั้น มีบ้างในบางเวลาที่เราคุยหรือมีใคร มาปรึกษาปัญหาอะไรเราจะเสนอความคิดของเราออกไป แต่เราไม่ยัดเยียดธรรมะให้เค้า เราเชื่อว่าทุกคนมีแนวทางของตัว เอง มีศรัทธาของตัวเอง มีสติพิจารณาของตัวเอง และมีความเชื่อเป็นของตัวเองกันทุกคน อยู่ที่ว่าใครจะเลือกแบบไหน แต่ ไม่ว่าทางเดินแบบไหน ถ้ามันทําให้ชีวิตเราดีขึ้น ช่วยเหลือคนรอบตัวเราได้ และเป็นทางที่ถูกที่ตรงตามคําสอนของ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
48
พระพุทธเจ้า เราก็ไม่น่าจะต้องมาเถียงกันว่าใครถูกใครผิด ทางขึ้นเขามันมีได้หลายทางแต่สุดท้ายไม่ว่าทางไหนที่ใครจะ เลือกถ้ามันนําไปถึงยอดเขาได้ก็สุดแล้วแต่ความพอใจของผู้เลือกทางเดินนั้น บางคนอาจจะอ้อม บางคนอาจจะลัดสั้น บาง คนอาจจะขรุขระบ้าง ก็สุดแล้วแต่ความพอใจ จะให้ใครมาเลือกตามใจเราคงไม่ได้ สุดท้ายก็ขอให้ไปถึงเป้าหมายกันทุกคน ธรรมะมันคือธรรมดาอย่างที่หลวงพ่อสอน เราศรัทธาในพระพุทธเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยไม่มีเหตุผลว่าทําไม คําสอนที่ หลวงพ่อนํามาสอนทําให้เรารู้ว่า ธรรมะที่สะอาดหมดจด เป็นอย่างไร เราขอบารมีของพระพุทธเจ้าและคุณความดีที่หลวงพ่อท่านเสียสละและมีแต่ให้ ช่วยให้ท่านผ่านพ้นสิ่งต่างๆ ไปได้อย่าง สะอาดหมดจดเหมือนคําสอนที่ท่านนํามาสอน โดยคุณกมลรัตน์ 390. ธรรมเป็นสิ่งเข้าใจยาก เมื่อมาพบคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ทําให้เข้าใจธรรมดีขึ้นทั้งยังทําให้เข้าใจคําสอนของ ครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่ท่านใช้สํานวนของตนเองยากแก่การเข้าใจในอดีต เมื่อฟังเข้าใจคําสอนของหลวงพ่อจึงนํามาปฏิบัติ ได้และเห็นผลจริงค่ะ จากคนที่โกรธง่ายคือขาดสติ กลายเป็นคนที่ละวางอารมณ์ได้เร็วขึ้น สติดีก็ระวังคําพูดได้ดีกว่าก่อน เมื่อหันมาดูกายใจตนเอง ก็ค่อยๆลดการเพ่งโทษผู้อื่น ชีวิตมีความสุขขึ้นเพราะแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองได้เป็นลําดับ และสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลกับตัวเราน้อยลง คือไม่ได้วิ่งตามกิเลสเหมือนก่อน และเป็นการปฏิบัติที่ไม่จําเป็นต้องปลีกวิเวก บ่อยๆ หากคําสอนของหลวงพ่อยิ่งแพร่หลายออกไป สังคมคงมีสันติสุขมากขึ้นเพราะแต่ละคนหันมองดูตัวเองแก้ไขตัวเอง ก่อน จะเป็นการแก้ไขปัญหาสังคมได้ถูกจุดด้วย มีการกล่าวหาคําสอนท่านนั้น ส่วนตัวเข้าใจว่า การสอนเป็นกลุ่มใหญ่พื้นฐานแต่ละคนไม่เหมือนกัน เปรียบ เหมือนสอนวิชาแคลคูลัส ให้เด็ก ม.ต้น และ ม.ปลาย ในห้องเดียวกัน ย่อมมีคนเข้าใจและไม่เข้าใจเป็นต้น แต่คําสอนนี้จะ มีค่าในภายหลังเมื่อ เด็ก ม .ต้น เลื่อนชั้นมาเป็น ม.ปลาย ก็จะเข้าใจได้เองในภายต่อมา หากคําสอนท่านผิด ปฏิเวธ คงไม่ เกิดกับลูกศิษย์ของหลวงพ่อหลายๆคนซึ่งนับไม่ถ้วนรวมทั้งดิฉันด้วย เกิดชาตินี้ไม่เสียเวลาเมื่อได้พบคําสอนของหลวงพ่อค่ะ กราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้ง หลายทั่วแสนโกษอนันต์จักรวาลโปรดคุ้มครอง ธรรมของพระพุทธเจ้า และหลวงพ่อปราโมทย์ด้วยค่ะ โดยคุณจรัณยา 391. We support Luang Por Pramote krub. We consider him among the greatest vipassana teachers still alive today - his explanations of Dhamma are very deep yet easy to understand and actionable. We have learnt so much Buddha Dhamma from Luang Por Pramote and subsequently our lives have become much happier. We believe in the innocence and goodness of our Than Phra Ajarn Pramote. Than Phra Ajarn Pramote is like a warm and compassionate source of light that guides us towards safety in this cold and dark world filled with kilesa Than Phra Ajarn Pramote is a true disciple of lord Buddha who works hard to teach Buddha Dhamma for the benefit of many. Than Phra Ajarn Pramote is like a Diamond that should be regarded as a national treasure of Thailand. Please do let us know what else we can do to support Than Phra Ajarn Pramote. We want to support Than Phra Ajarn -especially through this uncertain period- as much as we can. Best regards, โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
49
โดยคุณ 1) Apipon 2) Apawan 3) Apirat 4) Alita 5) Akarapon 6) Arjharn 392. กระผมรู้สึกไม่สบายใจ กับเหตุการณ์ในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ผ่านมา กับเหตุการณ์ที่ทําให้คนที่ตั้งใจปฎิบัติในแนวทาง ดูจิตของพระอาจารย์ปราโมทย์ต้องเกิดความลังเลสงสัยกับเหตุการณ์ดังกล่าว มีความคิดพลุดขึ้นมาหลายครั้งว่าเราใน ฐานะ ลู ก ศิ ษ ย์ ข องพระอาจารย์ ป ราโมทย์ คนหนึ ่ ง จะมี ส ่ ว นร่ ว มในการยื น ยั น ความจริ ง จากที ่ ไ ด้ ป ระสบด้ ว ยตนเองและจาก กัลยาณมิตร ได้อย่างไร ต้องขอขอบพระคุณเว็บ Dhammada.net และทีมงานที่ได้เปิดช่องทางให้เหล่าบรรดาศิษย์ของ ท่านได้ยืนยันจากประสบการณ์ที่สัมผัสได้จากตนเอง ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 6 ปีทีแล้วผมได้เผชิญกับความทุกข์อันหนักหนาอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งทําให้เป็นจุดเริ่มต้นในการ เริ่มศึกษาธรรมะอย่างจริงจังเพื่อความพ้นทุกข์ 6 ปีในเส้นทางการปฎิบัตินั้น เปรียบเสมือนเด็กน้อยที่ล้มลุกคลุกคลาน ความยากลําบากในการปฎิบัติธรรมนั้นมีความรู้สึกเปรียบเสมือนว่า นิพพาน และเหล่าพระอริยเจ้านั้น คงมีแต่ในพระไตรปิฎก ไกลเกินที่ศักยภาพมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถสัมผัส และ ไปให้ถึงได้ ห้วงเวลานั้นเปรียบเสมือนคน เคว้งคว้าง ในห่วงสมุทรอันมองมิเห็นปลายฝากฝั่งอันแสนพิรม บางครั้งทําให้เรา ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งปฎิบัติยิ่งมีแต่เพิ่มพูนความทุกข์ให้แก่ตนเอง ซึ่งเป็นผลอันเกิดมาจากการบังคับ กาย และใจ จนวันหนึ่งแสงสว่างบนฝากฟ้าก็ทําให้กระผม ได้รับซีดีธรรมะจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ทันทีทีได้รับก็มีความรู้สึกว่าคงมิ ต่างอะไรจาก ตําราอันแสนยากเย็นจนเกินวิสัยมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถผ่านไปได้ แต่เพียงแค่เปิดฟังในครั้งแรก แสงสว่างบนฝากฟ้า ปลายฝั่งอันแสนพิรมย์ ที่คิดว่ามนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งคงทําได้เพียงแค่ฝันหรือจินตนาการไป กลับ กลายเป็นหนทางพ้นทุกข์ที่แสนรื่นรมย์ พระอาจารย์เปรียบเสมือน พ่อคนที่สองในชีวิต ที่ทําให้กระผมได้พบชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่ต้องรอคอยโชคชะตา ชีวิตที่ไม่ได้มี เพียงด้านเดียว แต่ชีวิตมนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีค่าที่สามารถพัฒนาตนเองเพื่อเข้าสู่เส้นทางความดับทุกข์ได้อย่างนิรันดร พระอาจารย์เปรียบเสมือน อาจารย์ ที่ท่านได้ทุมเท แรงกายและแรงใจ เพื่อทําให้มวลมนุษย์เหล่านั้นค้นพบเส้นทางในความ จริงแห่งการพ้นทุกข์ โดยมิเคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆ พระอาจารย์เปรียบเสมือน คนต้นแบบ ในการเลือกใช้ชีวิตตั้งแต่ฆารวาสจนถึงบรรพาชิต เป็นแรงบรรดาลใจให้คนที่เดิน ตามรอยเท้าท่านนั้นรู้ว่า นิพพานมีอยู่จริง นิพพานไม่ได้หายไปไหน ด้วยความเคารพและเทิดทูนสูงสุดในชีวิต โดยคุณวีรยุทธ 393. ดิฉันไม่เคยไปที่สวนสันติธรรมหรือไปหาหลวงพ่อปราโมทย์เลย ได้แต่ภาวนาตามซีดีของ หลวงพ่อที่เพื่อนให้มา ซึ่งทําให้ชีวิตมีความสุขสงบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้ทุกข์เหลือเกิน เพราะมารดามาเสียชีวิตลงอย่างไม่คาดคิด ดิฉันทําใจไม่ได้ ร้องไห้เกือบจะตลอดเวลา หลังจากภาวนา ตามคําสอนของหลวงพ่อไม่นานก็ทําใจได้ เข้าใจและยอมรับความจริงว่าสิ่งต่างๆในโลกล้วนอนิจจัง ต่อมาคุณพ่อก็เสียชีวิต คราวนี้ดิฉันนิ่งสงบไม่ฟูมฟายคอยรู้คอยดู อารมณ์และจิตใจของตัวเอง ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาให้มากขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ บิดามารดา จนเพื่อนๆแปลกใจว่าทําไมดิฉันจึงนิ่งได้ เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะมีข่าวหรือใครจะพูดถึงหลวงพ่อในทางไม่ดีอย่างไร โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
50
ดิฉันก็ไม่มีวันเชื่อ ไม่ใช่เพราะยึดติดกับครูบาอาจารย์ แต่เพราะคําสอนของท่านที่ดิฉัน ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าปฏิบัติได้จริง ชาตินี้จะไม่ลืมบุญคุณของหลวงพ่อเลยค่ะและขอให้หลวงพ่อผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ เคารพหลวงพ่ออย่างสูง โดยคุณภัชนีย์ 394. ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับซีดีของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช และน้อมนําคําสอน ตามแนวทางที่ท่านสอนมาปฏิบัติ เสริมจากที่ได้เคยปฏิบัติมา ทําให้สามารถเข้าใจชีวิต และยอมรับในความไม่แน่นอนต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตที่มีความทุกข์นี้ โดยที่ไม่ทุกข์กับมันมากนัก ในคําสอนของท่านที่เผยแผ่ออกมา ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกับบูรพาจารย์ ในอดีต ที่เดินตามแนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพียงแต่ท่านรวบรวมในประเด็นที่เป็นสาระสําคัญๆ ออกมาเผยแผ่ เพื่อให้คนในสังคมปัจจุบัน ที่จิตใจสับสนกับชีวิต ได้เรียนรู้และฝึกฝนได้ง่ายขึ้น ผู้ที่นําไปปฎิบัติจริงจะพบถึงความเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีกับตัวเอง ไม่ต้องไปอาศัยสิ่งอื่น-ผู้อื่นภายนอก ไม่ให้ยึดติดในตัวบุคคล หรือสิ่งที่งมงาย ให้เสียทั้งสุขภาพ และทรัพย์สิน ในแบบอย่างของชาวพุทธที่แท้จริง เพราะว่าพุทธศาสนา เป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุและมีผล ตลอด2ปีที่อยู่ในต่างประเทศ ดิฉันไม่เคยพบเห็นท่านมาก่อน แต่มีความศรัทธาในแนวทางคําสอนของท่าน ท่านสอนให้ทุกคน รักษาศีล5 รักษาใจของตนเอง มีสติอยู่ในชีวิตประจําวันที่เป็นปัจจุบัน เข้มแข็งและอดทน เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย ก็หาโอกาสไปฟังธรรมจากท่าน ตลอด1 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยพบว่ามีการเรี่ยไร หรือขอให้ร่วมบริจาคแต่อย่างไร แม้มีผู้ยื่นความจํานงค์เป็นเจ้าภาพ ท่านของให้ทุกคนมีส่วนร่วมตามศรัทธา แต่ต้องไม่ให้เดือดร้อน เป็นที่น่าเสียดาย หากมีผู้ที่ไม่หวังดีต่อศาสนาพุทธ ผู้ที่เสีผลประโยชน์ส่วนตน จะมาบั่นทอนให้บุคคลผู้ที่ตั้งใจทํางาน เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นอันต้องหยุด หรือติดขัดไป ดิฉันไม่มีหน้าที่ที่จะปกป้องพระอาจารย์ท่าน แต่สิ่งที่ทําได้คือ พยายามช่วยปกป้อง คําสอนที่ดีของท่านเอาไว้ เพื่อให้ผู้ที่มีความคิดดีๆ ที่ยังคงมีอเหลือยู่ ได้มีโอกาสฟัง และปฏิบติตามคําสอนของท่านพระอาจาย์ปราโมทย์ ปราโมชโชเอาไว้ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณของ ท่านและทดแทนพระคุณที่ท่านพระอาจาย์ปราโมทย์ ปราโมทโช ท่านเสียสละ มอบพระธรรมของพระพุทธองค์ฯ ตามแนวทางที่ท่านได้ผ่านพบมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะผ่านพ้นหมู่มารที่มารุมเร้าท่านในเร็ววัน เพื่อท่นจะได้กลับมาทําหน้าที่เผยแผ่พระธรรมต่อไป พุทธศาสนาไม่เจริญ ก็เพราะว่ามีบุคคลเหล่านี้มากเกินไป โดยคุณนุสรา 395. ดิฉันได้ฟังซีดีคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์มาได้ระยะหนึ่ง มีโอกาสไปกราบท่านที่วัดสามสี่ครั้ง เคยส่งการบ้าน ๑ ครั้ง ก่อนหน้านี้ดิฉันเคยไปฝึกปฏิบัติที่อื่นๆมาบ้าง ตอนนั้นพบว่ายิ่งปฏิบัติยิ่งรู้สึกเครียดและทรมาน ออกมาจากคอร์ส อบรมก็พบว่าตนเองรู้สึกโกรธ หงุดหงิดง่ายกว่าเดิม แม้มีอะไรมากระทบเพียงเล็กน้อย ช่วงนั้นมีคําถามมากมายและรู้สึก งุนงงสงสัยว่าเราเป็นอะไร สงสัยว่าจริงๆแล้วการปฏิบัติธรรมนี่คือการฝึกทรมานตนเองเช่นนี้หรือ?
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
51
จนกระทั่งได้มาฟังซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์ รู้สึกเหมือนเป็นการเปิดของคว่ําให้หงาย เกิดความโล่งใจและกระจ่างใจมาก ขึ้นถึงแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนาในแบบการดูจิต การฟังซีดีของท่านเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยฟื้นพลังใจ ทําให้จิตใจแช่มชื่นมี กําลังและเบิกบาน ดิฉันได้ทดลองฝึกตามที่ท่านสอนดูแบบทีเล่นทีจริงรู้บ้างเผลอบ้าง รู้สึกว่าสนุกและสบายใจกับการปฏิบัติ และมีกําลังใจ ในการตามดูจิตใจและร่างกายพอสมควร (อาจจะไม่เข้มแข็งหมั่นเพียรนัก แต่ก็ทําไปเรื่อยๆตามสติปัญญาและกําลัง) มอง เห็นกิเลสของตัวเองเยอะขึ้น ลดละการตัดสินผู้อื่นลง ขณะเดียวกันก็พบว่า ความทุกข์ใจมีระยะเวลาสั้นลง มีการปล่อย วางได้ง่ายขึ้น อาการดิ้นรนทางใจน้อยลงกว่าเดิม มีชีวิตที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรกับตนเองมากขึ้น โดยส่วนตัวแล้วดิฉันกราบหลวงพ่อเป็นครูทางธรรมด้วยเศียรเกล้า
เพราะจะหาพระที่สามารถอธิบายถ่ายทอดธรรมะที่ลึก
ซึ้งได้เรียบง่ายและกระจ่างแก่ใจได้เท่ากับท่านนั้นหาได้ยากยิ่ง แม้จะไม่รู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด แต่ก็สัมผัส ได้ถึงความเมตตากรุณาอันไม่มีประมาณของท่านในการสอนธรรมะให้ผู้คนจํานวนมากอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยใดๆ โดยไม่เคยเรียกร้องเรี่ยไรสิ่งตอบแทนใดๆ สําหรับดิฉันแล้วหลวงพ่อปราโมทย์เป็นครูทางธรรมที่ยิ่งใหญ่และเป็นพระผู้ให้ อย่างแท้จริง กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง โดยคุณอธิษฐาน์
396. คําสอนของพระพุทธองค์ที่หลวงพ่อพากเพียรถ่ายทอดให้เรามานั้นมันเหนือคําบรรยายใดๆ ผมขอแจงในสิ่งที่ผมได้รับ บางส่วนแล้วกันครับ
· จากที่ไม่เคยเข้าใจในคําสอนของพระอริยะสงค์ทั้งหลายก็เข้าใจได้โดยง่าย เพราะเป็นคําสอนเดียวกัน แต่ต่างกันที่การสื่อคําพูดให้เข้าใจ. · จากชีวิตที่มีแต่โทสะก็เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเมตตามากขึ้น. · จากชีวิตครอบครัวที่มีแต่ความขัดแย้ง ตอนนี้ก็มีแต่ความอบอุ่น น้อยมากที่จะมีปากเสียงกันแต่ก็เบา มาก (เนื่องจากบางครั้งตามดูตัวเองไม่ทัน). โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
52
· จากชีวิตที่เหมือนตามหาอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ได้พบกับสิ่งที่ตามหามานานโดยหลวงพ่อเป็นผู้เติม เต็มให้. · จากที่เคยไม่ชอบความทุกข์ ก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่หนีไม่พ้นต้องหัดรู้จักกับมัน. · จากที่ไม่ค่อยใส่ใจกับศีล 5 เท่าไร แต่ตอนนี้พยายามรักษาสุดชีวิตเพื่อหนทางในการปฏิบัติภาวนา. ยังมีอีกมากที่ได้สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต อย่างเช่นที่บอกกล่าวมาแต่ต้นว่าเหนือคําบรรยาย. โดยคุณวรวิทย์ 397. แม้ดิฉันจะยังไม่ประสบความสําเร็จในการภาวนา แต่คําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ก็ช่วยทําให้ดิฉันมีสติในชีวิตและ มีความเข้าใจในคําสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้น คําสอนของท่านฟังง่ายๆ แต่สามารถช่วยให้คนที่เริ่มจากศูนย์เข้าถึง พระพุทธศาสนาได้ ดิฉันเชื่อมั่นอย่างบริสุทธิ์ใจในความดีงามของท่านและระลึกถึงพระคุณของท่านที่ได้เผยแผ่ธรรมะให้แก่พุทธศาสนิกชนคน รุ่นใหม่ให้สนใจการปฏิบัติธรรมได้ โดยคุณจิราพร 398. ข้าพเจ้าได้ซีดีพระอาจารย์ปราโมทย์จากเพื่อนมา แล้ววันหนึ่งข้าพเจ้าตัดสินใจเปิดฟังดู และพบว่า จิตใจของข้าพเจ้า เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และเข้าใจถึงคําถามที่ข้าพเจ้าเคยถามกับตัวเองว่าเราเกิดมาทําไม แต่หลังจากได้ฟังท่าน ข้าพเจ้า เข้าใจมากขึ้น และเมื่อข้าพเจ้าได้ลองปฏิบัติตามคําสอนของท่านข้าพเจ้าได้พบสิ่งที่อัศจรรย์ใจจริงๆ คือข้าพเจ้าเข้าใจคําว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างแท้จริง และเข้าใจคําสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้น จกเดิมที่เคยคิดว่าตัวเองเข้าใจ เพราะตัวเอง เคยได้เป็นตัวแทนไปตอบปัญหาทางระพุทธศาสนา แต่หลังจากได้ฟังหลวงพ่อและได้ทําตามที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ทําให้เข้าใจคําว่าปัจจัตตังอย่างแท้จริง ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ปราโมทย์ด้วยค่ะ โดยคุณ ลลิตา 399. พระอาจารย์ปราโมทย์ ท่านไม่เคยขออะไรจากเรา นอกเสียจากให้และเสียสละอย่างเดียว ท่านทําทุกอย่างเพื่อให้เรา รู้จักวิธีไปสู่ทางหลุดพ้น ตั้งแต่ที่ฟังท่านมา หนูไม่เคยได้ยินท่านอ้างต้วเลยว่าเป็นพระอรหันต์ แต่ที่คนส่วนใหญ่เชื่อกัน เพราะเขาใช้ใจมอง ไม่ใช่ตามอง ขอให้ทุกคนที่คิดร้ายกับท่านจงกลับใจในสิ่งที่ต้วเองทําด้วยเถอะคะ โดยน้องสาวคุณ ลลิตา 400. คําสอนของท่านถ่ายทอดได้ยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาแก่ผู้เข้ามาศึกษาทุกๆคนอย่างเท่าเทียมกัน คําว่าพบ ท่านยากนั้นไม่จริงเลย ชีวิตเปลี่ยนไปจนตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อว่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง และคนรอบข้างได้ด้วยความสบายใจ โดยคุณเกษม 401. ชีวิตจิตใจของกระผมเปลี่ยนแปลงไปโดยลําดับในระยะ4ปีที่ผ่านมาก็เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าโดยวิธีการสอนของ หลวงพ่อปราโมทย์ นับว่าไม่เสียชาติเกิดที่ได้พบพระพุทธศาสนาและหลวงพ่อ มิฉะนั้นชีวิตคงจะระหกระเหินมากกว่านี้ครับ กระผมขอเป็นพยานอีก1คนให้กับหลวงพ่อครับ โดยคุณชัยวิวัฒน์ 402. ชีวิตมีความทุกข์น้อยลงตั้งแต่เจอ ลพ. เป็นลูกศิษย์ปลายแถวซึ่งยังต้องการแรงใจ+คําสั่งสอนจากลพ.อยู่...เชื่อเหลือ เกินว่าลพ.จะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยดีค่ะ :D โดยคุณภารดี 403. สวัสดีครับทีมงาน โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
53
ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ศึกษาการปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่พระอาจารย์ได้สอนไว้ ซึ่งก่อนหน้านั้นผมได้ไปทดลองปฏิบัติใน หลาย ๆ สถานที่ แต่ก็ปรากฏว่า ไม่รู้สึกสบายเลยเหมือนกับการบังคับตัวเองในทุก ๆ ด้าน ซึ่งแตกต่างไปจากคําสอนที่เคย ได้ยินได้ฟังมาว่า "ธรรมะ คือ สิ่งที่เป็นธรรมดา อยู่ตรงกลางคือไม่บังคับกับไม่หลง" จนเมื่อกัลยาณมิตรท่านหนึ่งได้นํา CD ของพระอาจารย์ปราโมทย์มาให้ผมฟัง ทําให้ผมรู้สึกว่า สิ่งนี้เเหละที่เรียกว่า ธรรมะ การปฏิบัติที่เรียบง่าย เหมาะกับคนเมืองที่ไม่ได้มีเวลามาก แต่สามารถประยุกต์ให้เข้าชีวิตประจําวัน หรือรู้จักการใช้ชีวิตประจําวันควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรมได้อย่างสมดุล พระอาจารย์ปราโมทย์.....ท่านเป็นพระที่ไม่ได้เรียกร้องสิ่งใด ๆ จากลูกศิษย์หรือผู้ปฏิบัติเลย นอกจาก ขอให้ขยัน มีความเพียรในการเจริญสติอยู่ทุกเมื่อที่ยังมีลมหายใจ อย่าท้อในการปฏิบัติ ขอกราบสักการะพระอาจารย์ด้วยใจที่บริสุทธิ์ และขอเป็นลูกศิษย์อีกคนที่ไม่ได้มีใจหวั่นไหวไปกับเรื่องราวที่ไร้สาระเหล่านี้ ชีวิตคนสั้นนัก ทําไมยังหลงอยู่กับกิเลสที่หยาบ ๆ อยู่............ "มีสติ รู้กายรู้ใจ ด้วยความตั้งมั่นและเป็นกลาง" จาก โดยคุณทีปพิพัฒน์ 404. หนูได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อ และฟังธรรมะเป็นครั้งแรกที่สวนสันติธรรมในวันเกิด 21 ส.ค.53 หนูคิดว่าวันเกิดปีนี้เป็นมงคลที่สุดในชีวิตเลยค่ะ ธรรมะที่หลวงพ่อชี้นําทางให้พวกเรา สามารถเปลี่ยนชีวิตของเรา ไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ โดยคุณทพญ.ขวัญตา 405. เมื่อก่อนดิฉ้นเป็นคนที่สนใจธรรมะ แต่มีค่อยจริงจัง และไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไร ท่องบทสวดมนต์ได้เพียง บทเดียวคือนะโม ตัสสะ จนมาวันหนึ่งได้ไปฟังธรรมของหลวงพ่อที่ศาลาลุงชินโดยบังเอิญ ทําให้รู้ว่าตน เองได้เจอหนทางที่ถูกที่ควรเข้าให้แล้ว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเข้าใจเลยว่าธรรมะคืออะไร นับตั้งแต่วัน นั้นเป็นต้นมาดิฉันก็สนใจการภาวนา รักษาศีล (ซึ่งมันเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ) มากยิ่งขึ้น ทําด้วยจิตใจที่มี ฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา เห็นพัฒนาการของตัวเองมากยิ่งขึ้น เห็นกิเลสมากมายพร้อมความทุกข์ที่ เกิดขึ้น เห็นกลไกของมัน แต่เราไม่เข้าไปทุกข์กับมัน เพราะเราเป็นเพียงผู้เผ้ามองกลไกต่าง ๆ ที่เกิด ขึ้น อดทนดูจนกว่ามันจะดับไป ทําให้จิตใจมีความเบิกบาน มีความสุขท่ามกลางความทุกข์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสิ่ง เหล่านี่ทําให้ชีวิตของดิฉันมีทุกข์น้อยลงมากจริง ๆ นอกจากนั้นยังทําให้เราเห็นคนอื่นๆ เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เช่นเดียวกับเรา ทําให้เราลดความอาฆาต พยาบาท และให้อภัยคนอื่นได้ง่ายขึ้นมาก ถ้าไม่ได้พบหลวง พ่อที่คอยสอนธรรมะให้พวกเราอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ด้วยความปรารถนาให้ผู้มีความทุกข์อย่างพวก เราได้พ้นทุกข์กัน คงจะไม่ทําให้ดิฉันมีวันนี้ที่ได้ค้นพบเป้าหมายชัดเจนว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่ออะไร ดิฉันยังคง ปรวารณาตนเองเพื่อมอบกายถวายชีวิต พร้อมการปฏิบัิติเพื่อบูชาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสุงฆ์และ เป็นอาจาริยบูชาจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ขอขอบพระคุณหลวงพ่อที่เป็นผู้จําทางมาบอกพวกเราเพื่อให้ได้พบหน ทางสว่างไสวต่อไป และเชื่อว่าลูกศิษย์หลวงพ่อทุกคนจะไม่หยุดที่จะฝึกฝนตนเองเพื่อให้หมดสิ้นอาสวะ กิเลสให้ได้ต่อไปในอนาคต.. โดยคุณพรรณี 406. สิ่งที่ผมเรียนรูจากพระธรรมคําสอนของนักวิทยาศาสตรเอกของโลก
“...โลกมันก็เปนอยางนี้แหละ...” นี่เปนประโยคที่บอยครั้งผมจะไดยินจากคนรอบๆ ขางเสมอเวลาผมทุกขใจ จนถึงวันนี้ ก็กวา ๒๐ ปแลว จากวันที่เด็กคนหนึ่งไดลืมตามาบนโลกใบนี้ หากเปรียบเสนทางชีวิตคือการเดินเรือ สิ่งที่ผานเขามาในชีวิตก็เปรียบ เสมือน คลื่นทะเลที่มีทั้งสงบ ลมแรง สายลมออนๆ บางครั้งก็มีพายุโถมกระหน่ําเขามา มันอาจถึงเวลาแลวที่ผมอยากจะคนหาความ จริงของ ชีวิตสักที โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
54
ผมจําไดวาสมัยผมเด็กๆ เวลาเดินไปตลาดกับคุณแม แลวเดินผานรานขายของเลน ผมรูสึกอยากไดหุนยนตตัวหนึ่งมาก แต คุณ แมไมซื้อใหผม เพราะวาผมมีเยอะแลว ผมเสียใจรองไหฟูมฟาย อยูหนารานขายของเลนนั้น รองดวยความอยากไดนักอยากได หนาซะ เหลือเกิน จนคุณแมผมใจออน สุดทายผมก็ไดหุนยนตตัวนั้นมาครอบครอง ดวยความรูสึกในวัยเด็กนั้น รูสึกไดวาเพียงแค เลนเดี๋ยว เดียวก็เบื่อแลว อยากไดของเลนใหมๆ อีก ความอยากในใจก็วนเวียนอยูอยางนั้น พอผมโตขึ้นมาอยูโรงเรียนประถม สมัย นั้นรถ แขงใสถานเปนที่นิยมมาก ผมจําไดวาอยากไดรถคนหนึ่งที่นับไดวาเกือบแพงที่สุดในรานเลยก็วาได แตผมก็คิดไดวา ถาขอแม ใหซื้อ ให ทานคงปฏิเสธเปนแนแท ผมก็เลยเก็บเงินคาขนมตัวเองที่ไดจากคุณยายทุกวัน จนวันนั้นวันที่ผมมีเงินพอที่จะซื้อรถสุด เทหที่ ผมตองการ ผมไมรอชารีบวิ่งไปที่รานดวยความดีใจอยางสุดๆ ในใจก็คิดวา ถาไดรถแขงคันนี้มาคงมีความสุขมากมาย แลวก็ คงไมตองการอะไรอีกแลว ในวินาทีที่คุณปาเจาของรานขายของเลนยื่นกลองรถแขงให ตอนนั้นรูสึกไดวาดีใจอยางบอกไมถูก แตสัก พักกลับรูสึกอยูลึกๆ วา ทําไมนะมันไมเห็นสุขใจ เหมือนตอนกอนไดเลย ดวยความที่ผมยังเปนแคเด็กประถม ความสงสัยตรงนั้น มัน ก็เปนแคคําถามที่เลยตามเลย พอโตขึ้นมาอีกขั้น ขณะที่ผมเรียนอยู ม.ปลาย ตอนนั้นนับเปนชวงเวลาที่คร่ําเครงที่สุดในชีวิตชวง หนึ่ง เลยก็วาได การสอบเขามหาวิทยาลัย การเรียน ชีวิตวัยรุน และหลายๆ อยาง ครุกรุนอยูตลอดสามปนั้น ผมจําไดวาทุกครั้งกอน ประกาศผลสอบ แมผมจะบอกกับตัวเองวา เราทําเต็มที่ ทําดีที่สุดแลว แตลึกแลวผมรูสึกกังวลเสมอ กลัววาผลมันจะออกมาไดไมดี อยางที่คาดหวังไว เปนอยางนี้ทุกครั้งไป แมเปนการสอบที่เล็กนอยที่สุดอยางสอบเก็บคะแนน จะถึงการสอบเขามหาวิทยาลัย จน บางครั้งก็ถึงกับเคยถามตัวเองซ้ําๆ วา ทําไมหนา ความทุกข ความเครียด ความกังวล มันจึงไมเคยหมดไปจากชีวิตเราสักที? แลวจะมี คนสงสัยเหมือนเราหรือเปลาหนอ? อินเตอรเน็ตเปนชองทางแรกและจนถึงทุกวันนี้ที่ทําใหผมไดพบคําสอนของพระอาจารยปราโมทย ปาโมชฺโชฟงคําสอน ของทานครั้ง แรก ผมรูสึกไดเลยวาธรรมะที่ทานถายทอดออกมาเขาใจไดงาย เหมือนที่ทานบอกไววา “งายเหมือนเปดของคว่ําให หงาย” ครั้งนั้น เปนครั้งแรกที่ผมไดยินคําวา “ดูจิต” เปนครั้งแรก ครั้งนั้นเปนครั้งแรกที่ผมเขาใจความแตกตางของ “สมถ” กับ “วิปสสนา” และครั้ง นั้นเปนครั้งแรกที่ผมเขาใจถึงความแตกตางวา พระอริยบุคคลมีลําดับการลดละกิเลสลงไปไดอยางไร ทานเปน คนบอกทางเดินตาม แนวพระพุทธศาสนาไววา จะเริ่มออกเดินทางอยางไร เดินทางไปทางไหน และจะไปถึงจุดหมายปลายทางได อยางไร สิ่งที่ทานบอก กลาวลวนแลวแตใช “ ค ว า ม เ พี ย ร ” ของ “ ม นุ ษ ย ” อยางเราๆ ทั้งสิ้น ไมไดถึงปลายทางดวยการรองขอ จากผูอื่นหรือสิ่งอื่นใด แตเปนความเพียรที่หันมาเรียนรูลงมาในรางกายในจิตใจของตัวเอง เพื่อใหเราประจักษความจริงตอหนา ตอตา อยางตั้งมั่น รูตัว ตื่น เบิกบาน ทุกขณะจิต ยิ่งผมเรียนรูตัวเองมากขึ้น ผมรูสึกไดเลยวาธรรมะนํามาซึ่งความสงบสุขภายในใจ จิตใจเต็มอิ่มบริบูรณของมัน เอง ปจจุบันนี้ความทุกขก็ยังคงมีอยูตามปกติวิสัยของปุถุชนอยางเด็กมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง แตความ เขาใจในเนื้อธรรมะที่หล วงพอทานไดถายทอดออกมาแลวนอมนํามาปฏิบัติจนเปนที่ประจักษแลววา ความทุกขมันสั้นลงๆ ทุกขณะ ไป ถึงแมวาผมอาจไมเคย ไดมีโอกาสไปฟงธรรมที่สวนสันติธรรม ไมเคยเจอตัวจริงของหลวงพอ แตผมก็ขอขอบคุณธรรมะที่หลวง พอไดกรุณาถายทอดออก มา ใหผมไดมีโอกาสปฏิบัติตาม แลวทําใหผมไดสัมผัสถึงความสงบสันติภายในใจ จนถึงปจจุบันนี้ ผมไดเรียนรูจากชั่วโมงของวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียนวา จุดมุงหมายสูงสุดของทางสายเอกนี้คือ “นิพพาน” ผม ยอมรับวา ณ จุดๆ นี้ความเขาใจของผมในคําวา “นิพพาน” ยังเปนความเขาใจที่นอยนิด คงอาจเปรียบเทียบไดกับ เด็กอนุบาล ที่ พยายามจะเขาใจ คณิตศาสตรขั้นสูงอยาง แคลคูลัส ก็วาได แตดวยความศรัทธาที่ผมมีตอพระธรรมคําสอนของนักวิทยาศาสตรเอก ของโลกอยา งองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจาที่พระองคทรงเขามาวิจัยคนควาหาความจริงภายในกายภายในใจของพระองคเองจน กระทั่ง ตรัสรูในความจริงอันยิ่งใหญ ผมมั่นใจวา ธรรมะที่หลวงพอทานไดถายทอดออกมาทุกครั้ง แลวนอมนํามาปฏิบัติตาม ทําให ผมเขาใจ ในการเดินบนทางสายเอกนี้อยาง รู ตื่น เบิกบาน ในทุกยางกาวที่เดิน รวมทั้งไดแจง “นิพพาน” ซึ่งอยูปลายทางนั่นเอง โดยคุณณัฐ 407. ดิฉัน จบการศึกษาระดับปริญญาโทค่ะ ปัจจุบันเป็นครูอยู่ในโรงเรียนเอกชน ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นโรงเรียนวิถีพุทธค่ะ ดิฉันขอเป็นหนึ่งเสียงที่อยู่เคียงข้าง และยืนยันได้ถึงความประเสริฐและบริสุทธิ์ บริบูรณ์ของพระสงฆ์ สาวก รูปนี้ค่ะ ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ศึกษาและปฏิบัติตามแนวทางคําสอนของหลวงพ่อค่ะ ผลที่ได้รับ คือ อยู่กับโลกได้อย่างเข้าใจโลกมากขึ้น เห็นสัจจธรรมความจริงมากขึ้น ทุกข์ ยังมีอยู่ แต่ไม่ไปยึดกับความทุกข์จึงทําให้ทุกข์เบาบางลงด้วยใจของเราจริง ๆ ขอยืนยัน อีกหนึ่งเสียงว่า ปฏิบัติตามท่านแล้วเห็นผลได้เร็วและชัดเจนตามสภาวะที่เกิดจริง ดิฉันมีโอกาสเรียนธรรมะผ่าน cd เป็นส่วนใหญ่ มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
55
ที่สวนสันติธรรม เพียงแค่ครั้งเดียว และได้ไปฟังเทศน์ที่ศาลาลุงชินบ้าง ประมาณ ๖ ครั้ง ไม่เคยมีโอกาสส่งการบ้านหลวงพ่อเลย แต่ก็สามารถเข้าใจและปรับแก้วิธีปฏิบัติจากการที่ ผู้อื่นส่งการบ้านบ้าง จากที่ท่านเทศน์สอนบ้าง จนมีความก้าวหน้าอย่างจริงจัง หากเมื่อช่วงใด ละเลยไม่ปฎิบัติ ( ตามรูปแบบ เช่น สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ และหมั่นเจริญสติด้วยการ ตามรู้กายใจอย่างที่เป็นขณะปัจจุบัน ) ยามนั้น สภาวธรรมก็เสื่อมถอยไป ทําให้เห็นอนิจจัง ไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอน เท่าที่ติดตามฟัง cd มา หลวงพ่อสอนให้ไม่ยึดติดที่ตัวครูบาอาจารย์ (หมายถึง หลวงพ่อ) ไม่จําเป็นก็ไม่ต้องมา ให้ฟังทางcd หรืออ่านหนังสือก็ได้ ไม่มีสักครั้งที่แสดงให้เห็น ถึงความหลงใน ลาภ ยศ สรรเสริญ หรือเรียกร้องสิ่งใดทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกเหนือจาก เรียกร้องให้รีบเร่งปฏิบัติกันเสียในชาตินี้ และเท่าที่ฟังหลวงพ่อไม่เคยบอกหรือประกาศตนเป็น ผู้วิเศษ หรือเป็นอริยะ อรหันต์ใดๆ สักครั้ง นอกจากฟังแล้วคนจะคิดแปลความกันไปเอง โลกนี้มีใครบ้างที่สมบูรณ์ เพอร์เฟค 100% เหตุการณ์ครั้งนี้ ยืนยันถึง โลกธรรมแปดที่พระพุทธเจ้าตรัสได้ชัดเจนมากเหลือเกิน ทั้งยังเป็นเครื่องเตือนสติเราเป็นอย่างดีว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ แน่นอน อย่าประมาทกับชีวิต ให้เร่งปฏิบัติเสียแต่ในชาตินี้ ก่อนที่จะไม่มีครูบาอาจารย์ ผู้แนะแนวทาง ชี้ทาง บอกทางแก่เราตามคําสอนของพระพุทธเจ้า " แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา " โดยคุณภัทรภร
408. ภาวนาตามแนวทางที่หลวงพ่อสอนมาระยะหนึ่ง ทําให้รู้ว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่ออะไร จากคนที่เคยสวดมนต์ก็ไม่ได้ นั่งสมาธิก็ไม่ได้ เพราะเป็นคนขี้หงุดหงิด ขี้โมโหเหลือหลาย ตอนนี้สามารถมีความสุขได้แม้ในขณะทํางาน ยืน เดิน นั่ง นอน เพราะมีครูบาอาจารย์ที่ชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ เป็นผู้สั่งสอน กราบขอบคุณด้วยหัวใจ และไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ศรัทธานี้ก็จะไม่สั่นคลอน และจะปฏิบัติตามแนวทางนี้จนวันตาย ขอให้ธาตุขันธ์หลวงพ่อแข็งแรง โดยคุณกนกนุช โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
56
409. เพราะหนังสืออริยสัจของหลวงพ่อปราโมทย์แท้ๆ ที่ทําให้ดิฉัน... 1.ให้ความสําคัญและเชิดชูพระรัตนตรัย 2.สนใจศึกษาพุทธประวัติมากขึ้น 3.ศึกษาพระธรรมคําสอนของพระพุทธเจ้าและน้อมมาปฏิบัติมากขึ้น 4.ทําสมาธิและวิปัสสนาเป็น 5.เดินจงกรมเป็น 6.เข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมมากขึ้น 7.รําลึกถึงครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว เช่น หลวงปู่สิม ซึ่งดิฉันเคยมีโอกาสเรียนนั่งสมาธิกับท่านตอนเป็นเด็ก แต่ไม่เคย เห็นคุณค่า จนกระทั่งมาฟังซีดีของหลวงพ่อฯที่กล่าวถึงหลวงปู่สิม ทําให้ดิฉันหวนระลึกถึงท่านที่เคยเมตตาดิฉัน ตอนนี้ ดิฉัน จึงมีโปรเจ็คที่จะเผยแผ่คําสอนของหลวงปู่สิมเป็นธรรมทาน เพื่อตอบแทนพระคุณของท่าน 8.เลิกดื่มเหล้า (แต่ปีหนึ่งอาจมีดื่มเข้าสังคมหรือเพราะความอยากซัก1-2 ครั้ง) และตั้งใจรักษาศีล 5 มากกว่าเดิม แม้การ ปฏิบัติยังไม่บริสุทธิ์ 100% ทุกวันก็ตาม 9.ใจเย็นมากขึ้น รู้ตัวมากขึ้น มีสติมากขึ้น อยู่กับลมหายใจมากขึ้น 10.มีความรู้และเข้าใจในข้อธรรมต่างๆมากขึ้น หลวงพ่อฯท่านอธิบายได้กระจ่างแจ้งจริงๆ 11.เข้าใจเรื่องกรรมมากขึ้น เลิกหมกมุ่นเรื่องกรรมเก่า เพียรสร้างแต่กรรมใหม่ที่ดีๆ 12.วางใจเป็นกลางได้มากขึ้น ไม่ไปร่วมชุมนุมอย่างที่ผ่านมา มองสิ่งที่เกิดว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง สําหรับเรื่องที่กําลังเกิดขึ้นกับหลวงพ่อฯ ดิฉันขอน้อมรับคําสอนของท่านมาปฏิบัติดังนี้ 1.ดูใจของตัวเองว่าเป็นอย่างไร (ช่วงนาทีทองอย่างที่หลวงพ่อสอน) 2.ระวังท่าทีต่อการแสดงความเห็น แม้ว่าจะเคารพหลวงพ่อเพียงใด แต่ไม่ยึดติดกับท่านอย่างที่ท่านสอนไว้ ไม่ถกเถียงกับ ใครเรื่องนี้ แม้ในระหว่างหมู่ศิษย์ด้วยกัน 3.เชื่อมั่นในคําสอนของหลวงพ่อ ความดีงามของท่านย่อมคุ้มครองท่านอย่างแน่นอน 4.น้อมนําพระธรรมของพระพุทธเจ้าเรื่องโลกธรรม 8 มาพิจารณา และวางใจเป็นกลางกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ไม่รุ่มร้อน 5.ไม่ส่งต่อเมล์ที่แสดงความเห็นของทั้งสองฝ่ายไปมา ตราบใดที่เมล์นั้นเป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่แถลงการณ์ที่เป็น ทางการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง 6.อโหสิกรรมให้กับคนเหล่านั้น และแผ่เมตตาให้พวกเขามีความเจริญในทางธรรมเร็ววัน (เหมือนที่หลวงพ่อเคยสอนให้แผ่ เมตตาให้ลูกหนี้มีความเจริญในหน้าที่การงาน จะได้หาเงินมาใช้หนี้เราได้) ด้วยความเคารพหลวงพ่อปราโมทย์ผู้ให้โอกาสในการเข้าถึงธรรมกับดิฉัน โดยคุณแขไข 410. หลวงพ่อปราโมทย์เป็นครูบาอาจารย์ที่ผมรักและเคารพ ซาบซึ้งในบุญคุณท่านเสมอ ทุกวันนี้ที่ผมเป็นคนดีขึ้นมาได้ นิดหนึ่งก็เพราะการที่ได้ฟังคําสอน ที่หลวงพ่อพร่ําสอนอยู่เสมอๆ ผมคิดว่าถ้าไม่มีหลวงพ่อปราโมทย์ ชาตินี้ผมคงไม่ได้ เจออะไรดีดี ในชีวิตนี้แน่นอน ชาตินี้ผมเป็นหนี้บุญคุณหลวงพ่อ และ สวนสันติธรรม ผมไม่เคยส่งการบ้านหลวงพ่อ ผม เรียนและฟังธรรมหลวงพ่อมา 5 6ปีแล้ว ผมแอบชื่นชม และให้กําลังใจหลวงพ่อโดยตลอด และจะนึกถึงสิ่งที่หลวงพ่อสอน เสมอ จะไม่ทําให้ท่านผิดหวังที่มีลุกศิษย์อย่างผม ทุกวันนี้ผมเป็นคนรักดีสุดชีวิต เพราะการทีได้เจอหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านเป็นครูของผม ซึ่งหายากมาก ครูแบบหลวงพ่อ ทุกวันนี้ผมไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญสติในชีวิตประจําวัน ทุกวัน อนาคตถ้าวันหนึ่งผมได้บวชเป็นพระ ผมจะเป็นพระที่ด ี พอมีคนถาม ผมจะบอกว่าผมมีครูบาอาจารย์ ชื่อ หลวงพ่อ ปราโมทย์ ปราโมชโช หลวงพ่อเป็นแบบอย่างที่ดีของชาวพุทธ และเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่ดีมากๆคนหนึ่งในยุคสมัย นี้ กราบแทบเท้าหลวงพ่อครับ ( เอก) นายบูรเวศน์ ไม่ว่าวันหน้าจะเป็นอย่างไร อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ผมจะยังรัก และเคารพในคําสอนหลวงพ่อตราบเท่าชีวิตผมจะหาไม่ กราบ กราบ กราบ โดยคุณ บูรเวศน์ 411. ดิฉันได้ศึกษาวิธีปฏิบัติตามที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านสอน โดยการฟัง mp3 ทางเว็บไซต์ เป็นจํานวนมาก (ไฟล์) และ เคยได้ไปฟังท่านเทศน์จริงเพีงครั้งเดียวที่บ้านอารีย(์ ไม่เคยส่งการบ้าน และเคยทําบุญด้วยยาสามัญเพียงจํานวนหนึ่ง) / การปฏิบัติด้วยการมีสติตามรู้กายหรือจิตของตนเองด้วยความเป็นกลาง พร้อมกับการถือศีล 5 / ทําให้รู้จักเหตุของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกายในจิตตนเอง แม้จะไม่ทุกขณะ ช่วยให้มีใจเป็นกลางต่อกิเลสที่เกิดขึ้น ไม่หวั่นไหวไปตามกิเลส หรือทุกข์ การ ภาวนาที่มิได้มีเป้าหมายด้วยโลภะว่าจะต้องสําเร็จสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพียงมีสติตามรู้ไป ช่วยให้ใจเป็นอิสระขึ้นมากต่อความทุกข์ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
57
/ส่วนการที่ได้ฟังผู้ที่ไปส่งการบ้านกับหลวงพ่อเป็นจํานวนมาก ไม่เห็นว่าท่านจะตอบอย่างอวดอุตริมนุสสธรรมแต่อย่างไร เห็นว่าเป็นธรรมดาที่ครูผู้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติเป็นเวลายาวนานพอ ย่อมรู้และอธิบายได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกศิษย์ผู้ หัดใหม่ ไม่นอกเหนือวิสัยมนุษย์ / หลวงพ่อเองท่านไม่เคยประกาศว่าท่านสําเร็จเป็นพระอริยะเลยสักครั้ง / รวมทั้งไม่ได้ตัดสินว่าศิษย์คนใดสําเร็จอย่างไร เพียงให้กําลังใจในการปฏิบัติหรือบางครั้งยังขัดคออย่างตรงไปตรงมาเมื่อมีผู้เข้าใจผิดหรือหลงตนไป / แม้ดิฉันจะไม่ได้เป็นผู้ที่มุ่งมั่นปฏิบัติดอย่างจริงจังนัก แต่ก็ได้ติดตามศึกษาวิธีปฏิบัติจากหลวงพ่อเป็นระยะ มาเป็นเวลา 1 ปี เต็ม ด้วยวิถีทางนี้ทําให้ดิฉันมีใจที่สงบ โปร่งเบาขึ้น เป็นอิสระจากความทุกข์จากกิเลส ที่ปรุงแต่งซ้ําแล้วซ้ําเล่า / และเข้าใจในความตั้งใจของหลวงพ่อที่ท่านพยายามสอนให้คนได้รู้จักมีสติตามรู้จิตใจตนเอง เพื่อระงับยับยั้งกิเลส รวมทั้ง ย้ําให้คนถือศีล 5 (ผู้ที่ทําเช่นนี้ ไม่มีทางเป็นผู้คดโกงให้ร้ายต่อผู้ใดได้เป็นแน่) / นอกจากนี้ท่านมิได้ห้ามให้คนทําสมถะ เพียงแต่เน้นการทําวิปัสสนา เพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ (ได้ในที่สุด) ส่วนสมถะจําเป็นเพื่อให้เปิดกําลังในการทําวิปัสสนา แต่มิ ให้ติดในสมถะจนอาจเปิดความหลงได้หากไม่ระวัง / การสอนเช่นนี้มิได้แตกต่างจากหลักพุทธศาสนา และครูบาอาจารย์ พระผู้ใหญ่แต่ประการใด / ดิฉันขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ที่ท่านได้สอนการปฏิบัติตามแนวนี้ และได้เห็นผลที่ดีแก่ตนเอง (ซึ่ง ท่านได้กล่าวถึงพระครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่หลายท่านอยู่เสมอ และเป็นแนวทางของพระพุทธเจ้า มิได้อวดอ้างเป็นวิธีของท่าน เองแต่อย่างใด) - กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ โดยคุณดนยา 412. เพราะหลวงพ่อ จึงเข้าใจสติปัฏฐาน ๔ ในภาคการปฎิบัติ เพราะหลวงพ่อ จึงได้เห็นไตรลักษณ์ ของรูปและนาม เพราะหลวงพ่อ จึงได้เห็นว่า "เรา" คือสิ่งที่ถูกรู้ เพราะหลวงพ่อ จึงได้เห็น "ภพ" ก็คือสิ่งที่จิตสร้างขึ้น และถูกรู้ เพราะหลวงพ่อ จึงได้เห็น "จิต" เป็นเหมือนสภาวธรรมอื่นๆ ไม่ต่างกัน เพราะหลวงพ่อ จึงได้เห็น "ทิฏฐิว่าตนเที่ยง" ดับไปต่อหน้าต่อตา เพราะหลวงพ่อ จึงได้รู้ว่า เส้นทางของตนคือเส้นทางใด และเพราะหลวงพ่อ จึงเดินบนเส้นทางที่จิตเลือกแล้ว อย่างมั่นใจ... โดยคุณวัชรพล
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
58