D
H
A
M
M
A
D
A
.
N
E
T
ค ื อ ค วา ม เรี ยบ ง่ า ย ค ื อ ธรรม ะ ค ื อ ธรรม ด า
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
เล่ม 7 UPDATE เพิ่มเติม ณ วันที่ 3 มกราคม 2554
บทความและข้อความจากหัวใจบริสุทธิ์ เล่ม 7 *** บทความและข้อความจากหัวใจบริสุทธิ์ ที่นํามาเสนอนี้ ล้วนมีรายชื่อและนามสกุล จริง ของผู้เขียนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในฉบับนี้จะลงเพียงชื่อแต่จะไม่มีการเปิดเผยนามสกุล จริง ทั้งนี้ในฉบับที่นําถวายหลวงพ่อและแจกจ่ายต่อสื่อมวลชนจะมีการเปิดเผยตาม ความจริงทุกประการ *** 755. กราบนมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เมื่อประมาณ1-2ปีที่แล้ว หนูเคยคิดที่จะเขียนรายงานการปฏิบัติของหนูส่งมาให้หลวงพ่ออ่าน ด้วยเหตุผลของความดีใจที่ ได้ชีวิตใหม่ แต่เขียนยังไม่จบก็ล้มเลิกไป เพราะมันดับ และก็ไม่เห็นประโยชน์อื่นใด เพียงแค่ต้องการอวดจะหลวงพ่อ และ บอกเล่าถึงสิ่งดีดี ที่เกิดขึ้นในชีวิตหนู จากคําสอนของหลวงพ่อ แต่วันนี้หนูเสียใจในเหตุผลของการเขียน (น้ําตาจะไหล แล้วก็ดับ) หนูชื่อโจ๊ก หลวงพ่ออาจจะจําหนูไม่ได้ หนูเริ่มเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ตั้งแต่ได้จับหนังสือที่ชื่อ “วิถีแห่งความรู้แจ้ง” ในเดือนธันวาคมปี2548 มันเป็นหนังสือที่หนูอ่านแล้ววางไม่ลง และเป็นครั้งแรกที่ทําให้หนูเข้าใจความ หมายของ” พระธรรม” (ปิติเกิด) มันเหมือนมีดวงไฟดวงน้อยๆจุดติดขึ้น แต่มันยังไม่สว่างพอที่จะมองเห็นทางข้างหน้า และหนูมีบุญที่ได้มากราบหลวงพ่อ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2549ที่ศาลาลุงชิน จําได้ว่าเป็นการไปเทศน์ที่นั่นครั้งที่3 ของหลวงพ่อ (เกิดปิติมากน้ําตาจะไหล) ก่อนหน้านั้นหนูชอบที่จะศึกษาธรรมะ ได้ไปปฏิบัติธรรมมาหลายที่หลายสํานัก แต่ละที่แต่ละสํานักไปปฏิบัติธรรมแต่ละครั้ง เหมือนได้ไปชาร์ตแบตเตอร์รี่ พอกลับมาไม่นานแบตก็ไฟหมดอีก วนเวียนอยู่อย่างนี้หลายรอบ และธรรมที่ได้ก็ไม่สามารถต่อกันติดเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือนได้จิ๊กซอมาหลายตัว แต่ไม่ สามารถต่อเป็นภาพได้ มหัศจรรย์ของสติ คําว่า ”สติ” คือการระลึกรู้ การระลึกได้ ก็รู้ได้แต่เพียงความหมายในหนังสือธรรมะหลายเล่ม มานานแล้ว รู้แบบนกแก้วนกขุนทอง แต่ไม่เคยเห็น หรือเข้าใจในความหมายอย่างแจ่มแจ้ง จนหนูได้มาเห็นธรรมชาติและ ตัวตนที่แท้จริง(สภาวะธรรม)ของสติ หลังจากเรียนธรรมะจากหลวงพ่อ สติ คือ การระลึกรู้ ในสภาวะธรรมที่ปรากฎขึ้นในปัจจุบัน อย่างตรงไปตรงมา ทีละขณะ และหนูยังได้เห็นความมหัศจรรย์ของสติ บ่อยครั้งที่หนูขับรถแล้วถูกรถคันอื่นปาดหน้า ก่อนหน้าที่หนูยังไม่รู้จักมีสติ ก็เป็น ต้องมีเรื่องกัน เช่นการปาดตอบ บีบแตร หรือเกิดโทสะ แต่พอหนูได้รู้จักสติจากการสอนของหลวงพ่อ ทําให้หนูสามารถเห็น ความโกรธแล้วก็ดับลงต่อหน้า บางครั้งเห็นแค่ กําลังจะผุดขึ้นมา มันก็ดับก่อน ไม่เหลือแม้แต่ความขุ่นใจให้เห็น และอีกหลายๆครั้งที่สติมาช่วยไม่ให้เกิดเรื่องเกิดราวขึ้น หรือแม้แต่ตอนทํางาน หนูจะสอนพิเศษเด็กประถมในตอนเย็น ในขณะที่สอนมีบ้างที่เด็กจะขี้เกียจเรียน หรือทําอะไรที่ไม่ เหมาะออกมา โทสะหนูก็จะเกิด พอเรา “ เฮ้ย...” ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ มันก็ดับ ถึงแม้ในขณะนั้นความโกรธดับไปแล้ว แต่ ก็ยังต้องทําเสียงดุต่อไป ”เดี๋ยวเถอาะ” แล้วก็ต่อด้วยคําสอนที่ไม่เจือด้วยความโกรธ บางครั้งก็จะมีการลงโทษ แต่เป็นการลงโทษเพื่อให้เขารู้ว่า เขา ผิด หรือให้ตั้งใจเรียน ตัวอย่างที่หนูเล่าเป็นแค่ เศษหนึ่งส่วนพันกระมัง ถ้าเอามาเขียนเป็นหนังสือ หนูว่าได้เป็นเล่ม บางเรื่องก็เป็นเรื่องขําขํา หนูมั่นใจว่าลูกศิษย์หลวงพ่อหลายคนได้ประโยชน์จากคําสอนของหลวงพ่อ เช่นเดียวกับหนู โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
1
นี่เฉพาะแค่เรื่องของโทสะ ยังมีเรื่องของกิเลสตัวอื่น ที่โดนสติเข้าไปกําหราบเสียราบคาบ หรือไม่ก็ บั่นทอนกําลังของกิเลสไปมากมาย เรียกได้ว่าปัญหาและทุกข์ในชีวิตของหนูหายไปมากมาย รวมทั้งนิสัยไม่ดีทั้งหลายเช่น ความใจร้อน โมโหง่าย เอาแต่ใจตัวเอง และอีกหลายๆอย่างอีกมากมาย จิต...ยากแท้...หยั่งถึง แม้ว่าหนูมีสติตามรู้การทํางานของจิตไประยะหนึ่ง เห็นการคิดของจิต แต่ก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันคืออะไร คือหนูจะเห็นความคิดที่มันแปลก หรือบางครั้งมันก็เป็นความคิดที่เลวมาก ต่ําช้ามาก หรือบางครั้งก็เป็นความคิดที่ท้าทาย อันตรายถึงแก่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้ เช่น “เก่งจริงก็กระโดดลงไปซิ” “แน่จริงก็ลองเอามือจุ่มลงในหม้อน้ําร้อนสิ” หรือเป็นความคิดในเชิงลบหลู่ครูบาอาจารย์ แต่ดีอย่างที่หนูไม่เชื่อมัน และเฝ้า ถามตัวเอง(สมัยนั้น)เสมอๆว่า “ไอ้นี่มันเป็นใคร มันไม่ใช่เรา นี่หว่า” แต่ส่วนใหญ่จะใช้ภาษาสมัยพ่อขุนรามถามมากกว่า เพราะเกิดโทสะกับสิ่งที่เห็น ยิ่งปฏิบัติธรรม ก็เหมือนจะยิ่งยั่วยุให้มัน เกิดบ่อยขึ้น เล่นงานหนูหนักขึ้น เฝ้าจะคอยถามตัวเองว่า “มันมาจากไหน” เพราะตอนนั้นหนูยังไม่เข้าใจคําว่า จิต อ่าน หนังสือธรรมะมาก็เยอะได้ยินคําว่า จิต มาก็แยะ แต่ก็ไม่นึกเฉลียวใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จนหนูได้มาศึกษาธรรมะกับ หลวงพ่อระยะ หนึ่งก็ยังโง่อยู่ ก็ยังไม่สามารถนําสองสิ่งมาเป็นเรื่องเดียวกันได้ว่า มันคือจิต ในธรรมะ ที่หนูศึกษามาตลอด เหมือนจะรู้ แต่ไม่ อ๋อ จนมาถึงวันหนึ่งปลายเดือนกันยายน ในปี2549ไม่น่าเชื่อปลายเดือนนี้จะครบ4ปีเต็มพอดี(น้ําตาจะไหล-ดับ) มันเป็น เหตุการณ์ที่หนูไม่เคยลืม หนูขอเล่าให้หลวงพ่อฟังอีกครั้งนะ เช้าวันนั้นเวลาน่าจะประมาณก่อนเที่ยง ปกติหนูจะนั่งสมาธิ ก่อนไปทํางาน วันนั้นก็เช่นกัน หนูนั่งลงได้ประมาณ 10นาที หนูใช้ยุบ-พอง ขณะที่ดูอาการของท้องอยู่นั้น หนูก็เห็นแสงสว่าง ดวงใหญ่มากอยู่ที่มุมด้านซ้าย สว่างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สว่างกว่าแสงสว่างที่หนูเคยเจอตอนนั่งสมาธิมากๆ คล้าย ดวงอาทิตย์ ที่อยู่หัวมุมของกระดาษ คือจะเห็นแค่ เศษหนึ่งส่วนสี่ของดวงที่เลยมุมเข้ามา หลวงพ่อจะงงไหมน้อ (และหลัง จากเห็นแสงสว่างดวงนี้แล้ว เวลาหนูนั่งสมาธิหนูจะไม่เคยเห็นแสงสว่างในสมาธิอีกเลย ) แล้วหนูเห็นจิตมันหนีไปคิด จําไม่ ได้แน่ชัดว่าคิดเรื่องอะไร เลาๆว่าเป็นเรื่องทั่วไป ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติเลย และในขณะที่เห็นจิตมันคิดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการ ปฏิบัติในสมาธิ คือ มันไปคิดของมันเอง มันเป็นเอกเทศของมันเอง ไม่ขึ้นตรงกับเรา ทั้งที่เราตั้งใจจะไม่คิดเรื่องอื่น มันก็หนี เราไป ยังไม่ทันไร จิตมันก็นึกขึ้นได้ คล้ายกับว่า ตกใจวาบ (เหมือนเราลืมอะไรไป แล้วนึกขึ้นได้ทีหลัง) แล้วจิตมันก็อุทานว่า “ เฮ้ย...มันไม่ใช่เรานีหว่า ” และทันทีทันใดมันก็เหมือนมีเหมือนแสงสว่างเกิดขึ้นที่กาย เร็วมากๆ เร็วเหมือนฟ้าแลบ 2ครั้ง ติดกัน และในขณะที่มีแสงสว่างเกิดขึ้นที่กาย2ครั้ง นั้นมันบรรยายไม่ถูก ไม่รู้จะใช้คําไหนในภาษาไทย หรือในโลกนี้ ที่จะมา บรรยาย (น้ําตาจะไหล หายใจเข้าลึกๆ-ดับ) มันเหมือนกายกับใจ มันแยกออกจากกัน แต่ยังอยู่รวมกันในกาย มันล่อนออก จากกัน คล้ายกับผลของเงาะโรงเรียนที่มีเมล็ดเงาะอยู่ข้างใน สองส่วนแยกกันอยู่ และในขณะนั้นเหมือนมันไม่มีน้ําหนัก มัน เบาตัวเบาใจ ยังไงไม่รู้ หนูไม่รู้จะใช้คําไหนมาอธิบาย ให้ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พูดไม่ถูกน่ะค่ะ แต่รู้ว่ามัน โอ้โฮ้ มหัศจรรย์ ตื่นตาตื่นใจ หนูไม่เคยลืมเลยจนถึงทุกวันนี้ (น้ําตาจะไหล) สิ่งที่เล่ามามันเป็นการนึก ย้อนกลับ เข้าไประลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ เพราะในขณะที่เกิดเหตุการณ์จริง มันรวดเร็วและมันไม่มีช่วงของความคิด วิเคราะห์ ใดใดเข้ามาทันในขณะนั้นเลย มันเป็น เวลาทีส ่ ั้นมาก สั้นเกินกว่าที่เราจะ เข้าใจ หรือ คิด ทัน และหลังจากนั้นหนูก็ออกมาจากสมาธิ ขณะที่หนูก้มลงกราบพระ มันเหมือนว่าจิตมันมีช่วงหนึ่งที่เข้าใจ และรับรู้ในสิ่งที่เกิด ขึ้น เหมือนกับว่า เขาเข้าใจและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และมันก็ดีใจ แต่แปลกตรงที่ขันธ์ (ความรับรู้ทางกายกับทางสมองของหนู) มันไม่สามารถแปลสิ่งที่จิตรู้มาเป็นภาษาพูดได้ แต่รู้ว่าจิตมี ความดีใจซ่อนอยู่ และหนูก็ลืมเหตุการณ์นี้ไปเลย หนูก็ใช้ชีวิตปรกติมาเป็นเดือน จนมาแปลกใจมากกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเองว่ามัน
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
2
เปลี่ยนไปมาก จนตกใจตัวเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เลยนึกย้อนกลับไป สะดุดกับเหตุการณ์นั้น จึงมั่นใจว่าน่าจะเกิด จากเหตุการณ์ในวันนั้น และหลังจากที่มั่นใจว่ามันเกิดจากเหตุการณ์ในวันนั้นแล้ว หนูก็เฝ้าแต่อยากจะรู้คําตอบว่า มันใช่ หรือไม่ นานเหมือนกันที่จะออกจากคําถามข้อนั้นได้ซึ่งมีทั้ง ใช่และไม่ จากหลายๆท่าน แต่ทุกวันนี้หนูไม่สนใจแล้วว่า คําตอบมันจะ ใช่ หรือไม่ ถ้าใช่มันก็แค่ จิตที่เขาเข้าใจความจริงในกายใจนี้ระดับหนึ่ง เท่านั้น ถ้าไม่ใช่ก็ ไม่ใช่เรื่องแปลก และหนูก็ไม่เสียใจด้วย เพราะผลของธรรมะที่หนูศึกษาจากหลวงพ่อนั้นมันอัศจรรย์และยิ่งใหญ่ นัก ชีวิตจากวันนั้นไม่เคยมีวันไหนที่จะกลับไปเหมือนเดิม เลย(เฮ้อ..เฮ้อ..น้ําตาจะไหลอีกแล้ว) เมื่อก่อนตัวเองมีชีวิตแบบ ไม่รู้ตัวว่า “ “แอบแบกของหนักและร้อนไว้ติดตัวตลออดเวลา ”” จะมีแค่บางช่วงหลังจากที่ได้เกิดสติ จากการสอนของหลวงพ่อ พอเกิดสติที ตัวก็เบาที เหมือนได้ วางของหนักและร้อน ทีละขณะ ทีละขณะ ไม่นานก็จะแอบไปแบกใหม่...อย่างไม่ทันรู้ตัว ตลอดเวลาตัวจะหนักๆ หนาๆ เวลามีทุกข์ทีนี่ เป็นทุกข์หนักทุกครั้ง ต่างกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง กายใจมันไม่เคยกลับไปหนักๆเหมือนก่อนเลย (ยังมีน้ําหนักอยู่ แต่เบากว่าเดิมมากค่ะ) ความทุกข์มันตกหล่นหายไปเยอะ ความรู้สึกกับคนในครอบครัวหนูก็เปลี่ยนไป กับพ่อ-แม่ ตําแหน่งในใจก็ยังเหมือนเดิม ยังส่งเสียเลี้ยงดูเหมือนเดิม กราบทุก คืนก่อนนอน(หนูกราบ5ครั้ง และระลึกถึงคุณของท่านตอนกราบครั้งที่4 และระลึกถึงคุณของ หลวงพ่อและครูบาอาจารย์ ท่านอื่น ตอนกราบครั้งที่5) แต่มันมีสิ่งที่เปลี่ยนไป ในความรู้สึกต่อท่านทั้งสอง ไม่รู้จะใช้คําว่าอะไร สายใย ได้ไหม คือ เมื่อ ก่อน แม่ทุกข์หนูจะทุกข์ตามไปด้วย โกรธทุกคนที่ทําให้แม่ทุกข์ใจ แต่วันนี้มันเปลี่ยนไป มันก็ยังเหมือนหนูเป็นศูนย์กลางของ โครงข่ายใยแมงมุม มี พ่อ-แม่-พี่-น้อง -ญาติ-เพื่อน- อยู่ในโครงข่าย ลดหลั่นตามความสําคัญ แต่วันนี้โครงข่ายมัถูกตัดขาด ลง จะรู้สึกว่ามีพ่อแม่พี่น้องและคนรอบข้างก็เฉพาะตอนคุยกันต่อหน้า หรือตอนคิดขึ้นมาเท่านั้น อยู่กับโลกเหมือนแปลกแต่ไม่แยก รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่เหมือนกับคนทั้งโลก ไม่ใช่เป็นความทุกข์ที่เห็นความต่าง แต่เป็น ความเข้าใจในความต่างนั้น หนูกลับเข้าใจและเห็นใจคนรอบข้างมากขึ้น เมื่อก่อนเห็นใครทําชั่วก็จะว่า นี่คนชั่ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น เห็นคนแยกออกจากขณะที่เขาชั่ว คือไม่เหมารวมว่า เป็น คนชั่ว แต่เป็นแค่ ขณะจิต ที่เขาชั่ว ก็เลยทําให้หนูไม่โกรธหรือเกียดใครนาน เป็นแค่ขณะๆที่เขาทําไม่ดี บางครั้งกลับจะ เห็นใจที่เขาไม่สามารถตามมายาของกิเลสทัน ทําชั่วโดยไม่รู้ตัว วิบากข้างหน้าจะเป็นเช่นไรก็ไม่เคยรู้ น่าสงสาร โลกหมุนรอบตัวเองไปพร้อมๆกับคนที่หมุนตามกิเลส โลกนี้ถูกหมุนตามกระแสของกิเลส เร็วบ้างช้าบ้างแล้วแต่การฝึกตนของแต่ละคน หนูเองก็ยังหมุนตามกิเลสอยู่ แต่ต่างกันตรงความเร็วรอบ และบางขณะก็มี การหยุดเป็นขณะ ขณะ กระทบแล้วโกรธ โลภ หลง จิตมันก็ยังทําอย่างที่มันเคยทํา แต่ความรุนแรงหรือปฏิกิริยาตอบกลับ ต่างกันโดยสิ้นเชิง บางครั้ง มันโกรธ มันทุกข์ หนูก็เห็นว่าจิตมันแอบมองอยู่ มองดูกายดูใจนี้มันทํางาน เหมือนดูตัวละครตัว หนึ่งกําลังแสดง และความทุกข์ที่เกิดเป็นทุกข์ที่ไม่เกี่ยวกับเรา และถ้าเมื่อไหร่เผลอที่จะโกรธแรงหรือทุกข์แรง อารมณ์นั้นมันจะถูกตัดโดยอัติโนมัติ แล้วก็จะกลับมาที่กายหรือใจ เหมือนว่า จิตมันจะทิ้งเลย คล้ายว่าจิตมันมีเซ็นเซอร์ความทุกข์ นอกจากทุกข์น้อยแล้ว จิตยังคลายปมเชือกอีกทีละเปราะ ทีละเปราะ เมื่อก่อนกระทบที ก็ผูกกลับเข้าไปที ก็ทุกข์มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนรถไฟเหาะที่กําลังขยับเลื่อนขึ้นบนรางสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกทีละขณะ ทีละขณะ ทั้งที่หนูไม่ได้ทําอะไรเกิดกว่า ปล่อยให้จิตตามดูตามรู้การทํางานของจิตด้วยตัวของจิตเอง ตราบใดที่กายใจนี้ยังไม่ผิดศีล5ก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางครั้งก็เห็นทุกข์ เห็นการเผลอดิ้นรนออกจากทุกข์ จิตก็ยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก จิตระลึกได้ว่าทุกข์ ก็จะกลับมาที่กายใจ ก็พ้นทุกข์ ไปอีกขณะ บางครั้งจิตเข้าไปรู้ไปเห็น แล้วก็เกิดความเบื่อหน่ายกับความไร้สาระ บางครั้งเห็นเบื่อแล้วก็วาง ก็พ้นทุกข์ บางครั้งเห็นเบื่อ แล้วก็ทุกข์จากความเบื่อนั้น เมื่อทุกข์ จิตก็กลับมารู้ที่กายใจใหม่ ก็พ้นทุกข์ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
3
ทุกวันนี้ ได้แค่ดูมันไป เห็นแล้วบ่อยครั้งที่ ว่างเปล่า เฉยๆ เห็นจิตทํางานแบบ ไม่มีค่า ไม่มีราคา ไม่มีอะไรที่จะยึดถือหรือมีสาระแก่นสารที่จะเก็บไว้ได้ เกิดแล้วก็ดับอยู่แค่นั้นจริงๆ จิตก็วาง ก็พ้นทุกข์ สิ่งที่น่ายินดีไม่มีในโลก สุขทุกข์ รสชาติเดียวกัน คือเกิดดับเร็วมาก มีแต่จิตเท่านั้นที่ไปให้ค่าว่า สุขหรือทุกข์ หนูว่าหรือหลวงพ่อเคยสอนว่า ธรรมะ มันเป็นสิ่งที่ธรรมดาเกินกว่าที่คนธรรมดา(ที่ไม่ธรรมดา เพราะถูกความเข้าใจผิด ครอบงํามานาน)จะเข้าใจ หรือยอมรับได้ จิตไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงแต่สิ่งที่รับรู้อารมณ์ ที่เข้าใจผิดและทําตามความคิดที่ผิดมาตลอด นานแสนนาน นานมากที่ทําผิดซ้ําแล้วซ้ําเล่า จนเลยความเคยชิน และสุดท้ายก็ ”ผิดโดยอัติโนมัต”ิ มันผิดที่ขั้นตอนแรก ทั้งกระบวนการมันก็เลยผิด วันนี้หนูพูดได้เต็มปากเลยว่า “หนูเห็นทางข้างหน้าแล้ว” (น้ําตาจะไหล) อะไรทําให้มั่นใจอย่างนั้นก็ไม่รู้ อย่างที่หลวงพ่อคอยบอกอยู่เสมอว่า “ไม่มีอะไรเกินกว่า รู้ ” วันนี้หนูมีความรู้สึกว่า ตาย ก็ไม่กลัว (แต่หนูก็ไม่สามารถเชื่อจิตได้100% พอถึงตอนนั้นเขาอาจจะ กลัวก็ได้) ตกนรกก็ไม่กลัว ไม่ใช่หนูจะปรามาส แต่หนูไม่เคยทําความชั่วที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดต้องไป ทุกวันนี้ จิตที่มีความทุกข์ มันก็เหมือน สภาพของจิตที่มันเสวยทุขติภูมิอยู่แล้ว แต่สติเท่านั้นที่จะดึงเราขึ้นจากนรก เมื่อเรามีสติ ทุกข์ก็จะแค่ผิวผิว หรือ แม้แต่โมหะครอบงําตอนตาย อาจทําให้เกิดเป็นเดรัจฉาน แต่หนูเชื่อว่าก็จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ (ทุกวันนี้คนเราก็มีโมหะ ครอบงําอยู่แล้ว ) สติเท่านั้นที่จะดึงเรากลับมาเป็นมนุษย์ หนูกราบขออภัยหลวงพ่อด้วย ถ้าจ.ม.ฉบับนี้ทําให้หลวงพ่อสับสน เพราะหนูเขียนจ.ม.หรือรายงานไม่เก่ง และมันรวบลัดจน เหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะหนูจะให้ทันวันที3 ่ 0 กันยายนนี้ แต่สิ่งที่หนูเล่าทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง แต่อาจจะมี การคลาดเคลื่อนจากความหมาย ก็ด้วยสาเหตุจากการใช้คําที่ไม่ถูกต้องตรงกับสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นจริง และถ้าท่านผู้อื่นที่ อ่านจ.ม.นี้ แล้วทําให้ท่านเกิดอกุศลจิตขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ขอให้ท่านอย่าได้เผลอทําผิดศีลข้อ4ออกมา และดิฉัน ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย แต่ถ้าท่านอ่านแล้วเกิดกุศลจิตก็ขออนุโมทนากับท่านด้วย หนูยินดีให้ความร่วมมือกับสวนสันติธรรม ทุกเรื่อง แม้แต่การไปให้ปากคําหรือเป็นพยาน อะไรก็แล้วแต่ที่ทางสวนสันติธรรมต้องการ หนูต้องการแทนคุณและปกป้อง พระพุทธศาสนาและหลวงพ่อ โดยคุณ สุนันทา 756. ดิฉันชื่อ นวลวรรณ ปวารณาตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปราโมทช์ ปราโมชโช ขอกราบขอบพระคุณของท่านอย่างสุด ซึ้งเพราะธรรมมะที่ท่านสอน ทําให้ดิฉัน "เหมือนเกิดใหม่" ดิฉันก็เหมือนปุถุชนทั่วๆไป ที่ต้องการทรัพย์สินเงินทอง บริวาร มีหน้ามีตาในสังคม เพราะคิดว่าจะทําให้มีความสุข ดิฉัน มานะพยายามไขว่คว้าสิ่งเหล่านั้น และดิฉันก็ได้มันมา ในเวลาไม่นาน แต่ เมื่อได้มาแล้วก็ไม่เห็นมีความสุขอย่างที่คิดไว้ เลย มันเป็นความสุขแบบวูบๆวาบๆ ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ทั้งๆ ที่ดิฉันมีทุกสิ่ง มากกว่าที่เคยฝันไว้ด้วยซ้ํา แล้วอะไรกันนะคือความสุขที่แท้จริง ? ฉันถามตัวเอง แล้วก็เดินทางเข้าสู่หนทางของพระศาสนา เพื่อหาคําตอบ หลังจากลุ่ม ๆดอน ๆ ใน หนทางพระศาสนา มาหลายปี จับหลักไม่ถูกเลย เพราะเมื่อก่อนไม่สนใจศาสนา แถมต่อต้านใน บางครั้งอีกด้วย แต่ตอนนี้พบคําตอบแล้วค่ะ จากคําสอนของหลวงพ่อ รู้แล้วค่ะว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร ควรทําอะไร และจะ ปฎิบัติต่อไป จนกว่าจะพ้นหน้าที่ ของการเกิดค่ะ ขอกราบแทบเท้าพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช ค่ะ โดยคุณ นวลพรรณ 757. สวัสดีค่ะ เราสนใจอ่านหนังสือธรรมะมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยเข้าใจ อ่านหนังสือธรรมะก็รู้สึกดีเฉพาะตอนที่ อ่าน แต่ก็จะลืม ถามตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ว่า > เกิดมาทําไม เกิดมาเพื่ออะไร แต่ไม่เคยได้คําตอบที่พอใจ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
4
> การปฏิบัติธรรมคือการไปนั่งสงบใจเท่านั้น คิดแต่ว่าเป็นเรื่องไกลตัวและไว้รอทําตอนเกษียณ > เราจะสวดมนต์ไปเพื่ออะไร > เรื่องกรรมเป็นอุบายสอนให้ทุกคนกลัวและเป็นคนดีหรือปล่าว > ฯลฯ ทุกเรื่องราวถูกตอบได้หมดด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้าที่หลวงพ่อท่านนํามาเผยแพร่และสั่งสอน วันที่เรามีความทุกข์ที่สุดจากความคิดของตัวเอง หาทางออกไม่ได้ คิดวนเวียนซ้ําๆ กับเรื่องในอดีตและกลัว เหตุการณ์ในอนาคต จนวันหนึ่งได้เปิดอ่านหนังสือประมวลธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์ ความรู้สึกแรกที่อ่าน เป็นความรู้สึกเหมือนกับว่า เราไม่เคยได้เรียนรู้ธรรมะแบบนี้มาก่อน ความรู้สึกของการ เข้าถึงใจ เรายังจําความรู้สึกในวันนั้นได้ดี วันที่เรารู้สึกว่า .. เรามีคําตอบอะไรบางอย่างให้ชีวิตเราแล้ว ^^
ตั้งแต่วันนั้นไม่มีวันไหนที่ไม่ได้ภาวนา .. ล้มลุกคลุกคลาน แต่ไม่คิดท้อ เพราะหลวงพ่อท่านเสียสละและล้มลุก คลุกคลานกว่าเรามาก ช่วงแรกที่เริ่มปฏิบัติฟัง CD หลวงพ่อทุกวันมีความสุขกับเสียงเย็นๆที่ท่านเมตตา คิดว่าถ้าชาตินี้ไม่ ได้พบท่าน แล้วเราจะมีชีวิตอย่างไร
ความศรัทธาที่มีในใจไม่เคยลดลงแม้กระแสข่าวจะมีมาแนวใด รู้เพียงแค่ว่า ใจที่เปลี่ยนไปแล้วนั้นนําสุขมาให้ เพียงใด จะขอปฏิบัติบูชาหลวงพ่อเพื่อเป็นการทดแทนคุณอันใหญ่หลวงนี้เจ้าค่ะ ^/\^ โดยคุณ จันทิมา 758. ดิฉันชอบฟังธรรมมาตั้งแต่จําความได้ค่ะ เพราะได้ยินเสียงจากรายการวิทยุที่แม่ชอบเปิดทั้งวัน สมัยอยู่ มหาวิทยาลัยก็สนใจเข้าชมรมพุทธจนได้เป็นประธานชมรม เคยไปบวชไปถือศีลไปนอนวัด แต่รู้สึกได้ว่าไม่เคยมีโอกาส ใกล้ชิดธรรมะเลย สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาอย่างมากก็เป็นแค่ความจําและความคิดค่ะ มันไม่ใช่ของจริง จนกระทั่งเมื่อประมาณกลางปี 2550 ค่ะ ดิฉันได้มีโอกาสได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อปราโมทย์ ได้รู้จักวิธีเจริญจิตตา นุปัสสนาสติปัฏฐานแบบง่ายๆ เช่น “เผลอไปคิดแล้วรู้สึก.. จิตไหลไปแล้วให้รู้สึก.. ลืมกาย ลืมใจ ไปแล้วก็ให้รู้สึกตัว.. รู้ แบบเล่นเล่น.. เผลอบ่อยๆ ดีนะ แต่เผลอนานๆ ไม่ด.ี . รู้ทุกสิ่ง ตามความเป็นจริง ด้วยใจที่ตั้งมั่น และเป็นกลาง” วิธีง่ายๆ ซึ่งไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง ที่ไหนมาก่อนเลย วิธีง่ายๆ ที่คนเมืองธรรมดาๆ และช่างคิด สามารถนํามาใช้ฝึกหัดปฏิบัติได้ นับ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดิฉันก็ฝึกหัดเรียนรู้ดูจิตในชีวิตประจําวันและทําตามรูปแบบด้วยวิธีนั่งหรือเดินดูกายดูใจ รวมถึงการ ฟังธรรมจากท่านด้วย ทุกๆ วันไม่เคยเว้นเลยค่ะ ดิฉันเริ่มมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น เพราะกิเลสที่ผ่านเข้ามาในจิตใจ มันถูกรู้ทัน แล้วก็ค่อยๆ ครอบงําจิตใจได้น้อย ลง เช่น เวลาความโกรธเกิดขึ้น ถ้าสติเกิดทัน คําพูดหรือการกระทําที่ไม่ดีก็ไม่มีออกมา คนรอบข้างของดิฉัน เช่น แม่ ลูกๆ และเพื่อนร่วมงาน ต่างก็มีความสุขมากขึ้น เวลามีความทุกข์ผ่านเข้ามาก็อาศัยสติและปัญญาเป็นที่พึ่งที่อาศัยเพียงพอให้ ชีวิตได้มีความร่มเย็นบ้าง นอกจากนี้ยังทําให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น มีความสามารถในการเรียนรู้และการทํางาน ที่ดีขึ้น ความสามารถในการสื่อสารทั้งการพูดและการเขียนก็ดีขึ้นด้วยค่ะ ทําให้ทํางานได้มากขึ้น ก็เป็นประโยชน์ต่อ เพื่อนๆ และต่อองค์กรมากขึ้นด้วยค่ะ ดิฉันเริ่มเข้าใจคําสอนของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ที่สําคัญคือเริ่มรู้แล้วว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรค่ะ ทําให้มีความ รักและศรัทธาในพระพุทธศาสนาและพระพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้นค่ะ เพราะเหตุเหล่านี้ค่ะ ดิฉันจึงมีความรัก เคารพ และศรัทธาต่อพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโชอย่างมากมาย และขอขอบคุณทีมงาน Dhammada.net ที่ได้ให้โอกาสทดแทนคุณครูบาอาจารย์ในครั้งนี้ค่ะ จิตฺตํ ทันฺตํ สุขาวหํ "จิตที่ฝึกดีแล้ว นําความสุขมาให้" ขออนุโมทนาค่ะ โดยคุณ ใกล้รุ่ง (แอ่) โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
5
759. ได้เรียนธรรมะแนวหลวงพ่อสอนมา 4 ปี สิ่งที่ได้รับเรียกว่าคุ้มค่าที่สุดที่ได้เกิดมา หลวงพ่อสอนธรรมะที่ดูเหมือนเป็น เรื่องยาก เข้าไม่ถึง ให้เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและสามารถเอามาปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจําวัน หลวงพ่อท่านไม่เคยสอนให้ เราอ่อนแอ งมงาย ตรงกันข้ามท่านกลับสอนให้เราพึ่งตัวเองให้มากไม่ให้มาคอยพึ่งท่าน ให้เรามีความเพียรในการปฏิบัติ ปฏิบัติตามหลัก แล้วให้ได้เรียนรู้ได้เห็นด้วยตนเอง สําหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ยิ่งย้ําเตือนสิ่งที่หลวงพ่อสอนว่าโลกนี้มัน ไม่มีอะไรแน่นอน ให้เราหมั่นเจริญสติภาวนาอยู่เสมอเพราะว่าปัญหาและความทุกข์มันเป็นของคู่กับชีวิต จะขอตั้งใจว่าจะ ภาวนาเพื่อบูชาคุณพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อปราโมทย์ตลอดไป โดยคุณ pattranit 760. การได้ฟังคําสอนของ พระอาจารย์ปราโมทย์ ทําให้ชีวิตสงบขึ้น ปล่อยวางได้มากขึ้น โดยคุณ น.พ. สมเกียรติ 761. สิ่งที่ทําให้โชคดีที่สุดในชีวิต คือ การได้ฟังพระธรรมคําสอน จาก หลวงพ่อ ปราโมทย์ ท่านได้สอนให้ตระหนักถึงแก่น แท้ของชีวิต สิ่งที่ควรและต้องปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์อย่างที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนเลย ด้วยความเคารพหลวงพ่อ ผู้มีพระคุณอย่างสูงค่ะ _/\_ โดยคุณ นราพร 762. ขอขอบคุณหลวงพ่อ ปราโมทย์ อย่างสูงที่ช่วยชี้แนะ ทางสว่างให้ เพื่อความหลุดพ้นอย่างแท้จริง โดยคุณ พ.ญ. วรดา 763. เคารพหลวงพ่อปราโมทย์มาก สิ่งที่ท่านสอนทํามีแนวทางในการใช้ชีวิต เชื่อมั่นในสิ่งที่ท่านสั่งสอนว่าถูกต้องตาม แนวทางที่พระพุทธองค์ได้ดําริไว้ และ เชื่อมั่นว่าหลวงพ่อ ไม่เคยหวังจะหาผลประโยชน์ เงินทองจากทุกๆคน โดยคุณ ภรดา
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
6
764.กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาหนูมีความทุกข์อย่างมากในการเรียนต่อที่ต่างประเทศค่ะ หนูเรียนต่อระดับ ปริญญาโทและเอกอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลารวม 6 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หนูทุกข์ที่สุดในชีวิตค่ะ ทั้งเครียดเรื่องเรียน เรื่องงานวิจัย เรื่องส่วนตัว เหงา เศร้า และ ขาดที่พึ่งค่ะ ความทุกข์ครั้ง นั้นทําให้หนูพยายามแสวงหาธรรมะเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจค่ะ และหนูก็โชคดีมาก ๆ ที่ได้มีโอกาส มาพบกับธรรมะของหลวงพ่อค่ะ ได้มีโอกาสอ่านหนังสือของหลวงพ่อ และติดตามฟังซีดีจาก ทางเว็บไซต์ wimutti.net ค่ะ หลายครั้งที่หนูท้อแท้มาก ๆ ในการทําวิจัย การทดลองที่ หนูทําล้มเหลวจนนับครั้งไม่ถ้วนค่ะ แต่เพราะมีธรรมะของหลวงพ่อเป็นที่พึ่ง จึงทําให้หนูมีจิตใจที่ เข้มแข็ง ก้าวผ่านความท้อแ้ท้ต่าง ๆ จนสามารถเรียนจบมาได้ค่ะ ทุกวันนี้หนูกลับมาประเทศไทยแล้วค่ะ และมีโอกาสได้ไปกราบฟังธรรมจากหลวงพ่อเป็นระยะ ๆ หนูเชื่ออย่างที่สุดเลยค่ะว่า ธรรมะคือที่พึ่งที่แท้จริงของเราค่ะ และธรรมะของพระพุทธเจ้าซึ่ง ถ่ายทอดอย่างงดงามจากหลวงพ่อก็เป็นธรรมะแท้ ๆ ค่ะ หลังจากปฏิบัติภาวนามาได้ซักระยะ หนึ่ง หนูรู้สึกได้เลยค่ะว่าจิตใจหนูโปร่งเบาขึ้นมากค่ะ มีปีติเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ หนูมีความสุขขึ้น มากค่ะ ทุกวันนี้หนูคอยหมั่นรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริงในชีวิตประจําวัน และปฎิบัติตามรูป แบบโดยการเดินจงกรมประมาณวันละ 1-2 ชั่วโมงควบคู่ไปด้วยค่ะ ชีวิตหนูดีขึ้นมาได้เพราะหลวงพ่อค่ะ การสอนของหลวงพ่อทําให้หนูได้เข้าใจธรรมะของ พระพุทธเจ้ามากขึ้น มีศรัทธาต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มากขึ้น มีความเพียรในการ ปฎิบัติภาวนามากขึ้น หลวงพ่อเป็นผู้มีพระคุณของหนูอย่างหาที่เปรียบมิได้ค่ะ หนูขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างที่สุดค่ะ และขอปฏิบัติภาวนาบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ค่ะ โดยคุณ ดร.เบญจพร 765. "ปฏิบัติธรรมครบหนึ่งปีแล้ว จําวันที่จําเดือนที่เริ่มอย่างทุลักทุเลด้วยความอยากพ้นทุกข์ไม่ได้ แต่บันทึกวันแรกที่ได้ไป กราบหลวงพ่อปราโมทย์หลังจากหัดเองจากmp3มาได้เกือบเดือน วันนั้นหลวงพ่อสอนให้ดูหลงเหม่อถึงสองครั้ง และเพราะ หนังสือทางเอกหน้า78ที่เพิ่งได้รับมาในวันนั้นเองที่ทําให้หลุดจากเพ่งทุกข์ที่เป็นอยู่ออกมาได้รู้จักคําว่ารู้ตื่นเบิกบานนาน เกือบวันเป็นครั้งแรก จึงนับว่าวันนั้นเป็นวันเกิดทางธรรมอย่างแท้จริง และมุ่งปฏิบัติเพื่อเข้าป.1 ต่อไปไม่ท้อแท้ 26พค50 " ประโยคข้างบนเป็นข้อความแนะนําตัวในลานธรรมค่ะ ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็มีสภาวะต่างๆผ่านเข้ามามากมาย ทั้งรู้ ตื่นเบิกบานทั้งมืดมนมัวหม่น หลงเพ่ง หลงยึด อยากดี โลภ โทสะ และท้อแท้ ทั้งหมดทําให้รู้กายรู้ใจตนเองเพิ่มขึ้นค่ะ แม้ว่าอินทรีย์ยังอ่อน และยังรู้ไม่เท่าทันกิเลสในหลายต่อหลายคร้ง แต่ความทุกข์ที่เคยมีก็ลดลงมาก และแน่ใจว่าหากไม่ ได้มีโอกาสเรียนธรรมจากหลวงพ่อก็คงต้องจมทุกข์ไปอีกไม่รู้จะนานเท่าไหร่ สิ่งที่ปรากฏทางสื่อต่างๆในขณะนี้เข้าใจว่า ความจริงจะค่อยๆปรากฏออกมาเอง ในฐานะศิษย์ขอเชื่อฟังคําสั่งสอนของหลวงพ่อที่ว่าลูกศิษย์หลวงพ่อไม่มีหน้าที่ไป ทะเลาะกับใคร ขอมีแต่หน้าที่พาตัวเองให้พ้นกิเลสที่จมทับถมมาไม่รู้กี่ภพชาติเท่านั้น และเพราะธรรมะที่หลวงพ่อนํามาสอนทําให้มีโอกาสได้แทนคุณของแม่ด้วยการพาท่านไปฟังธรรมที่ศาลาลุงชิน ตั้งแต่ครั้งที่3ถึงครั้งที่37ที่หลวงพ่อไปเทศน์ที่นั่นจําได้ว่าแม่ไม่ได้ไปแค่2ครั้งเท่านั้นเนื่องจากงานที่บ้าน แต่ระยะเวลา4ปี จากที่เคยบอกว่ายังฟังหลวงพ่อไม่ค่อยเข้าใจ เดี๋ยวนี้แม่บอกว่าสวดมนต์ทุกวัน ภาวนาพุทโธ เดินจงกรมวันละครึ่ง ชั่วโมง บอกว่ามีความสุขผุดขึ้นมาจากใจ เมื่อศาลาลุงชินครั้งที3 ่ 7ได้ไปถึงแต่เช้า ก่อนหลวงพ่อมาเทศน์ แม่ได้เดิน จงกรมในศาลาประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วยังนั่งสมาธิต่อ ยังหันมาบอกลูกว่า "เดินจงกรมดูสิ ซักครึ่งชั่วโมงนี่ดีจริงๆนะ" ถึงแม่จะไม่เคยส่งการบ้านหลวงพ่อเลยซักครั้ง แม่ไม่ได้เรียนสูงเลย เป็นแค่คุณแม่บ้านที่เลี้ยงลูก5คนให้เติบโตเท่านั้น ไม่ ค่อยออกนอกบ้านไปไหน ไม่ได้เรียนปริยัต ิ ไม่เคยไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมที่ไหนมาก่อน การเปลี่ยนแปลงของแม่ก็เป็น หนึ่งในหลักฐานสําคัญว่าสิ่งที่หลวงพ่อสอนนั้นปฏิบัติได้จริง และลูกศิษย์หลวงพ่อไม่ได้อ่อนแอเลย กราบขอบพระคุณหลวงพ่อค่ะที่ทําให้หนูได้มีโอกาสทดแทนคุณของแม่และพาตัวเองเดินสู่ทางพ้นทุกข์ซึ่งองค์สัมมา สัมพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้_/\_ โดยคุณเสาวลักษณ์ 766. ผมชื่อ น.พ.พุฒิพัฒน์ ปัจจุบันอายุ 53ปี โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
7
ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องราวของผมและความคิดเห็นต่างๆ ผมขออนุโมทนาต่อคณะผู้จัดทําโครงการนี้ เพราะหลังจาก ได้ติดตามอ่านข้อคิดเห็นจากหลากหลายท่าน ผมรู้สึกว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรวบรวมพลังความศรัทธาจากหัวใจ บริสุทธิต่อปฎิปทาของพระอาจารย์เท่านั้นแต่น่าจะยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้อ่านอีกมากมายอันจะนําไปสู่ความสนใจในพระ ธรรมคําสอนของพระบรมศาสดาของศาสนาพุทธเราซึ่งเป็นการร่วมสืบทอดพุทธศาสนาต่อไปอันเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัท4 วิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้กลับกลายเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการร่วมกันสานต่อศาสนาอย่างเอกอุทีเดียวครับ ผมขอเริ่มเรื่องของผมดังนี้ ผมเป็นแพทย์ และประสบความสําเร็จพอสมควร และเป็นผู้บริหารในการทํางานต่อมา ปกติผมเป็นคนที่ใจร้อนและโทสะกล้ามากมีอัตตาสูงมากด้วยถือว่าเป็นคนเก่ง ลูกน้องส่วนใหญ่ถ้าไม่สนิทรู้ใจกันจริงๆแทบ หาคนที่รักผมไม่มีจะมีแต่คนกลัวผมมากกว่า ต่อมาผมเปลี่ยนไปจนคนอื่นสังเกตุและรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงและออกปากถึง ความเปลี่ยนแปลงได้ ผมสนใจในศาสนามานานแล้วหนังสือธรรมะแทบจะอ่านทุกเล่มโดยเฉพาะของท่านพุทธทาสและท่าน อาจารย์ ป.อ. ปยุตโต และได้อ่านธรรมะของครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นและมุตโตทัยของหลวงปู่มั่น ผมเองได้เคยเข้าคอร์สคุณแม่สิริฯ และปฎิบัติทําสมาธิมาตลอด แต่ไม่ต่อเนื่อง ก็เพียงเข้าใจในระดับหนึ่งแต่ยังไม่ เข้าถึงเท่าไหร่ โดยส่วนตัวแล้วผมเคยมีความรู้สึกลึกๆในใจมานานแล้วว่าผมคิดถึงบ้านในใจมันวังเวงและโหยหาอยาก กลับบ้านทั้งๆที่นั่งอยู่ในบ้านตัวเองแท้ๆ มันอธิบายไม่ถูกและไม่เข้าใจว่าคืออะไร เป็นอะไร จนมาเมื่อประมาณปลายปี 2549 ผมได้มีโอกาสได้หนังสือ ทางเอก ของพระอาจารย์ปราโมทย์มา1เล่ม จําได้ว่าได้มาตอนเย็นแล้ว ท่านที่อ่านคงทราบว่าเล่มหนาพอดู เมื่อเปิดอ่าน ผมอ่านรวดเดียวจบเพราะหยุดอ่านไม่ได้เลย เกือบสว่าง ผมรู้สึกแปลกๆ น้ําตาซึมๆ เหมือนรู้สึกว่าเดินหาบ้าน คืดถึงบ้านที่เป็นบ่อย ตอนนี้ความรู้สึกเหมือนคลําไปเจอ ปลายเชือกค้านหนึ่ง แล้วรู้ว่าอีกปลายของเชือกผูกอยู่ที่บ้าน ผมเพียงแต่เกาะกุมเชือกไว้และเริ่มต้นเดินสาวเชือกไปเรื่อยๆ ถ้าไม่หยุดเดินผมรู้สึกอย่างเต็มเปี่ยมแน่นในอกเลยครับว่าผมกลับบ้านผมได้แน่นอน ไม่ว่าจะไกล ลําบาก หรือนานแค่ไหน "
หลังจากนั้นผมควานหาข้อมูลผู้เขียน จนอ่านครบทุกเล่ม เข้าไปใน internet DL MP3 ย้อนหลังจนครบถึงปัจจุบัน
ทั้งฟังทั้งอ่าน เปิดCDฟังเป็นปกตินิสัยไปเลยตอนขึ้นรถ ผมไม่พบเลยว่าพระอาจารย์จะบิดเบือนคําสอนของพระบรมศาสดาแต่อย่างไร มีแต่อธิบาย แจกแจงในเชิงการใช้ภาษา แบบสมัยใหม่ให้เข้าใจชัดขึ้น ท่านไม่เคยที่จะบอกว่าวิธีอื่นผิด มีแต่บอกเสมอว่าไม่มีวิธีเดียวที่ดีที่สุด แต่ต้องเข้าใจหลักให้ แม่นๆ คือให้เห็น( ไม่ใช่ด้วยตาแต่ด้วยความรู้สึก) เห็นอะไร ก็ให้เห็นทุกสิ่งตามที่เป็นจริงด้วยใจที่ตั้งมั่นไม่หลงตามไปและ ด้วยใจที่เป็กลาง ฟังแค่นี้ถ้าไม่ลองศึกษาและลงมือทําจะไม่มีทางเข้าใจอย่างเด็ดขาดเพราะไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจด้วยการ คิดๆเอาเอง เป็นลักษณะที่เราสวดสรรเสริญพระธรรมคุณไงครับ บท สวากขาโตฯ ที่ว่า ปัจจัจตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ ถ้าเข้าใจและเห็นจริงเพียงพอ สิ่งที่เรียกว่าความไม่รู้หรืออวิชชาจะหมดไป (อวิชชาไม่ได้ดับ แต่เมื่อเกิดความรู้จริงคือ วิชชา เกิด อวิชชาก็ดับเหมือนเราขจัดความมืดไม่ได้ครับเพราะความมืดไม่มีตัวตนให้ขจัด ต่อเมื่อเราเปิดไฟให้ความสว่างนั่น แหละความมืดจึงหายไป) แล้ววิชชาที่ว่าน่ะคืออะไร คือละวางความเห็นผิดๆว่ามีตัวตน ตัวเราของเรา ตัวเขาของเขา ไม่ใช่ ละวางตัวตน แต่ละวางความเห็นความเชื่อที่ว่ามีตัวตน เพราะไม่เคยมีตัวตนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว "
ไม่น่าเชื่อนะครับความจริงที่ฟังดูง่ายๆไม่ลึกลับอะไรจะทําให้สัตว์โลกโดยเฉพาะคนเรา ต้องเวียนว่ายหลงทางกลับ
บ้านไม่ถูกมานานมากมายเหลือเกิน และไม่น่าเชื่อว่าพระอาจารย์สามารถถ่ายทอด และ แนะนําหนทางปฎิบัติว่าจะลงมือ ทําอะไร แบบใหน จึงจะเดินเข้าสู่กระบวนเห็น รู้ ได้ และแทบไม่น่าเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะท่านสอนง่ายๆ และตรง เผงคือ ให้รู้อย่างเดียว แต่ต้องรู้ให้ถูกวิธี และท่านก็สามารถให้รู้ถูกวิธีโดยให้รู้จักว่าวิธีที่ผิดซึ่งเราเป็นกันอยู่แล้วเป็นอย่างไร พอรู้ว่าผิดแบบไหนก็ถูกตรงนั้นเลย สุดยอดครับ "
ข้อติฉินอื่นๆจะไม่กล่าวถึงเพราะเป็นเรื่องที่พิสูจน์กันได้ทางโลกๆอยู่แล้วไม่ยาก ผมเองรู้สึกว่าพระอาจารย์ท่านคง
รู้ตัวเหมือนกันเพราะทราบว่าท่านเองเคยปรารภว่าวิธีที่ท่านสอน ส่วนใหญ่จะไม่ทํากันแบบท่านเพราะเปลืองตัว ผมคงไม่ อาจเอื้อมบอกกล่าวต่อพระอาจารย์ หรือ กําเริบไปให้กําลังใจท่านแต่อย่างใด เพราะทราบดีว่าท่านเป็นกําแพงที่ไม่มีตัวตน ครับ ใครขว้างลูกบอลไปก็ไม่กระดอนมาครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่ากังวลอะไร จะใช้คําว่า ทองคําแท้ ทนทานต่อการพิสูจน์ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
8
ก็ไม่คู่ควรครับ เพราะทั้งทองและการพิสูจน์ทองยังอยู่แค่ สมมุติบัญญัติ เพราะจริงๆแล้ว เรื่องนี้จบและดับแล้ว ทุกครั้งที่เกิด ขึ้น ผมหวังเพียงว่าข้อเขียนนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธุชนที่กําลังสนใจเรื่องธรรมะ และไม่อยากให้พลาดโอกาสอันหายากยิ่ง เหลือเกิน คือ ได้เกิดเป็นคนที่สมบูรณ์ปกติ เกิดในสมัยที่มีศาสนาพุทธ ในสมัยที่มีผู้ปฎิบัติดี และตั้งใจที่จะถ่ายทอดสั่งสอน เราเพียงเรียนรู้และลงมือทําอย่างจริงๆ ผลจะพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ อย่าเชื่อเพียงคําบอกเล่า "
สําหรับพระอาจารย์ ผมเป็นศิษย์ที่พระอาจารย์ไม่รู้จักครับ ผมไปสวนสันติธรรม 2-3 ครั้งเท่านั้น แต่ขอปวารณาตัว
ว่าจะเพียรปฎิบัติเพื่อถวายท่านเป็นอาจาริยะบูชา และแม้นว่าวาสนาบารมี มีพอ จะขอเป็นกําลังที่จะช่วยสืบทอดศาสนา ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะสวัสดีและขอความเจริญในธรรมบังเกิดแก่ผู้สมควรทุกท่านครับ โดยคุณ น.พ.พุฒิพัฒน์ 767. ดิฉันเริ่มภาวนาแนวดูจิตมาได้สองปีโดยเริ่มจากการฟังซีดีของหลวงพ่อค่ะ พบความเปลี่ยนแปลงในชีวิตมากขึ้น มี สติมากขึ้นทั้งคําพูดและการกระทํา ชีวิตมีความสุขมากขึ้นค่ะ ศีล๕ก็ด่างพร้อยน้อยลงเรื่อยๆ เป้าหมายในชีวิตมีมากขึ้น และมีความศรัทธาในพระพุทธเจ้ามากขึ้นเพราะคําสอนของพระองค์สามารถนํามาปฏิบัติได้จริงและเห็นผลกับตัวเองค่ะ รู้ แล้วค่ะว่าเกิดมาทําไมและเป้าหมายของชีวิตคืออะไร ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช ที่นําคําสอนของ พระพุทธเจ้ามาเผยแผ่ มาสอนแนวใหม่ที่ทําให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ โดยคุณ ดนยา 768. กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ค่ะ ก่อนหน้านี้หนูไม่ค่อยเข้าวัด เพราะฟังพระไม่เข้าใจ ฟังสวดบาลีไม่รู้เรื่องพอลองหาความรู้ คิดว่าจะลองศึกษาดู ยิ่งไม่เข้าใจ รู้สึกว่าทําไมศาสนาพุทธต้องสอนให้ยุ่งยากขนาดนี้ ศัพท์ทางเทคนิคมากมายไปหมด พอมาภาคปฏิบัติลองนั่ง สมาธิดูก็ฟุ้งซ่านตลอด นั่งได้ไม่เกิน 5 นาที ระหว่างที่ค้นคว้าหาความรู้นั้นก็โชคดีได้เข้าไปในเวปวิมุตติของหลวงพ่อ รู้สึก ธรรมะแปลกไปกว่าที่ศึกษามา คล้ายๆว่าจะง่ายดี รู้ที่กายกับที่ใจก็เริ่มสนใจและทดลองปฏิบัติ แบบเผลอแล้วรู้ เผลอแล้วรู้ ก็สนุกและสบายมากขึ้น ทางด้านพฤติกรรมทางโลกนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดมาก อย่างเข้าวัดบ่อยขึ้น ถือศีล ทําตามรูป แบบ เดินจงกรม นั่งสมาธิทุกวัน มองโลกและเพื่อนร่วมโลกแบบเอื้อเฟื้อมากขึ้นและตอนนี้ก็เข้าใจศัพท์ของพระมากขึ้น สามารถอ่านตําราที่ว่ายากๆแต่เดิมได้พอรู้เรื่องแล้ว อยากจะกราบขอบคุณในทั้งหมดทั้งมวลที่หลวงพ่อเมตตาสั่งสอนและขอส่งกําลังใจให้หลวงพ่อด้วยการปฏิบัติ บูชาในเรื่องที่หลวงพ่อสอนไว้ไปตลอดชีวิต เช่น ถือศีลไว้นะ.. ทําตามรูปแบบ ..ระหว่างวันให้ร.ู้ . อย่าไปดักดู.. อย่าถลําลง ไปรู้ ..อย่าแทรกแซง แล้วก็อย่าขี้เกียจ :) ขอกราบนอบน้อมด้วยเศียรเกล้าค่ะ โดยคุณจงกล 769. ผมเป็นคนเชียงราย อําเภอพญาเม็งราย และเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยสนใจในพุทธศาสนาเลย ตอนเด็ก ผมก็เพียงแต่ ไหว้พระ ทําบุญ ตามประเพณีทีพ่อแม่พาไปทํา ตอนเรียนวิชาพุทธศาสนา ผมก็ท่องตาม เรียนตามที่ครูสอนเท่านั้น ตอนเรียนครูให้นั่งสมาธิ ก็ไม่เคยทําได้เลย อึดอัด ฟุ้งซ่าน ทรมาณมาก เฝ้าแต่รอว่าเมื่อไหร่จะให้เลิกนั่งสักที โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
9
แต่ความสนใจของผมเริ่มจากตอนที่ผม อยู่ชั้น ม. 5 วันหนึ่ง ตอนเย็น หลังจากอาบน้ําเสร็จแล้ว ผมเกิดอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิดู ปรากฎว่าเกิดปรากฏการณ์ที่อัศจรรย์สําหรับผมมาก ผมเกิดอาการรวมของจิต ตกวูบ ดิ่งลงลึกมาก แล้วเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในห้วงอวกาศ มีแต่ความรู้สึกรับรู้เท่านั้น ร่างกายหายหมด เกิดความสุขมากก จนบรรยายไม่ได้ แต่สุขจริงๆ สุขอิ่ม สงบ เต็ม พร้อม ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเจอมาก่อนเลย แต่พอเริ่มคล้อยตามความสุขนั้น จิตก็ถอน ตัวขึ้นมา ผมทําแบบนี้ได้ ไม่กี่ครั้ง ตอนหลังผมตั้งใจอยากให้เกิดสภาวะนี้ ปรากฏว่านั่งไม่เคยสําเร็จอีกเลย ตอนนั้นผมสงสัยมากว่าที่เจอนี้คืออะไร ผมไปค้นหนังสือในห้องสมุด ก็ไม่รู้จะหาอ่านจากตรงไหน แต่ลึกๆ รู้ว่านี่เกี่ยวกับพุทธศาสนาแน่ๆ วันหนึ่งไปเจอหนังสือหลวงพ่อพุทธทาส อ่านดูก็ถูกใจมาก เพราะว่ารู้สึกว่าใกล้เคียงกับที่ตนพบเจอ แ่ต่ก็ยังไม่ใช่เสียทีเดียว แต่ก็เป็นทางให้จับได้ ผมห่างจากการปฏิบัติไปนานมาก เพราะไม่รู้หนทาง ไม่เจอกัลยานิมิตร จนเรียนจบ ปริญญาตรี ผมขอแม่บวช เพราะผมอยากรู้สิ่งที่เคยเจอมา ตั้งใจมาก ว่าจะศึกษารู้ให้ได้ว่าที่เจอคืออะไร ผมได้บวชวัดบ้าน มีพระไม่กี่รูป ผมฝึกนั่งสมาธิ เดินจงกรมเอง เพราะไม่รู้ัจะถามใคร เดินจงกรม ยกหนอ ย่างหนอ หายใจพุทธ โท สลับๆ กันไป ทําอย่างนี้เป็นเวลา 1 อาทิตย์เต็มๆ จึงเข้าใจว่าสมาธิคืออะไร ผมขอให้พ่อหาวัดใหม่ จนได้ย้ายไปอยู่วัดป่าสายหลวงปู่มั่น ผมก็เข้าไปขอพระท่านอยู่ เจาอาวาสท่านก็ใจดีมากให้มาอยู่เลย ทั้งๆ ที่บวชมาจากมหานิกาย ที่วัดเป็นธรรมยุติ ท่านบอกว่า เมื่อก่อนไม่เห็นมีแบ่ง มาอยู่ได้เลย ในที่วัดนี้เอง ผมเหมือนเจอขุมทรัพย์ที่ผมหามาตลอด เพราะปรากฎการณ์ต่างๆ หลายอย่างที่ผมเจอ มีแทรกอยู่ในหนังสือประวัติพระป่าสุปฏิปันโนต่างๆ ผมอ่านประวัติพระดีๆ หลายองค์ แม้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกัน แต่สาระ หรือ แก่นนั้น เหมือนกันหมด คือ รู้กาย รู้ใจนี้ ตอนนั้นผมฝึกนั่งสมาธิ เดินจงกรม ก็อธิฐานในใจว่า ไม่ขอรู้อะไรนอกจากกายนี้ใจนี้ ผมปฏิบัติได้เดือนกว่า รู้สึกสนุกมาก เพราะยิ่งปฏิบัติ ยิ่งเหมือนกับพระที่ท่านเขียนไว้ รู้สึกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์แห่งความรู้ในจิตใจ ความก้่าวหน้า เห็นไม่ค่อยชัด ก็ทําไปเรื่อยๆ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
10
ผมบวชได้เกือบสองเดือนก็ได้สึกออกมาเรียนต่อ แม้ว่าจะพอทราบแก่น แต่ผมก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าหนทางจะไปทางไหนแน่ เพราะพระป่าท่านมักจะบอกทางกว้างๆ ผิดถูก ทดลองกันไป เหมือนมีหลักให้จับ แต่หลักที่จับไม่มั่น ยังโคลงเคลง ไม่มั่นคง ผมเข้าไปเจอเว็บ วิมุตติ ตอนปี 42-43 และได้อ่านคําเขียนของ คุณสันตินันท์ในเว็บ ก็รู้สึกว่าท่านรู้จริง เพราะที่ท่านตอบมานั้น ล้วนต่อ ชัดเจน และเข้าใจง่าย ผมนับถือท่านตั้งแต่ตอนนั้น จนท่านบวชและเริ่มมีไฟล์ให้ดาวโหลด ผมก็ได้นํามาฟังเรื่อยๆ หลักที่เคยโคลงเคลงของผม ก็เหมือนกับปักลึกลงไปในดินอย่างมั่นคง เกิดปิติในใจว่า หนทางข้างหน้าที่เคยพร่ามัวนั้นเหมือนมีแสงสว่างนําทางบอกให้ ท่านได้ชี้แนวทางในการปฏิบัติให้ชัดเจน และบอกวิธีปฏิบัติให้เข้าใจ ขอบคุณสําหรับแนวทางที่ชี้แนะและอธิบายไว้ สักวัน ผมจะเดินไปให้สุดทางสายนั้น "สปฏิปันโน ภควะโต สาวกสังโค สังฆังนมามิ" โดยคุณ Goodday 770. เราเคยมีบ้านอยู่ใกล้วัด แต่เป็นสถานที่ที่เราและเพื่อนๆ เข้าไปวิ่งเล่น เก็บดอกพิกุล สอยมะม่วงกินกัน เราก็ได้เรียนศาสนาพุทธ ตั้งแต่ประถม ไหว้พระสวดมนต์เมื่อถึงวิชาศีลธรรม จําเนื้อหาเพื่อตั้งใจสอบให้ดี เราก็ห่างไกลวัดจนกระทั่ง เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีน้องให้ซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ มีพี่ให้หนังสือหลวงพ่อปราโมทย์ เราก็นํากลับบ้านให้สามี เพื่อค้นดูว่าท่านเป็นใครหรือ ให้หลังไม่กี่ชั่วโมง สามีเดินมาบอกว่า ตกใจและตื่นเต้นมากที่ได้อ่าน ประวัติท่าน และพูดต่อว่า ท่านเป็นพระแท้ๆ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเลย แต่ด้วยจิตใจที่ต้องการหาที่พึ่ง และคงเป็นบุญเก่าที่เรา สร้างไว้ ทําให้ตั้งใจศึกษาฟังซีดี และอ่านหนังสือของท่าน และหาโอกาสไปกราบฟังธรรมะจากท่านที่สวนสันติธรรมมา เรื่อยๆ และเข้าใจสิ่งที่ท่านสอนตลอดมาว่าธรรมะ อยู่ในตัวเรา เราทําเราได้กับตัวเอง และมีผลข้างเคียงให้คนรอบตัวเรามี ความสุข ความเย็นใจด้วย เราไม่เคยอ่านเข้าถึงใจในคําสอนพระพุทธเจ้าจากหนังสืออื่นใดเลยในช่วงต้นของการเริ่มปฏิบัติธรรม แต่เมื่อได้ฟังและอ่าน หนังสือของท่าน รวมถึงหนังสือของอาจารย์สุรวัฒน์ และปฏิบัติเรื่อยมา ได้มีโอกาสสัมผัสสภาวะธรรมแท้ๆ ทําให้กลับมา อ่านหนังสือธรรมะ หรือหนังสือที่เป็นคําสอนของพระพุทธเจ้า เข้าถึงใจจริงๆ และตระหนักมาตลอดเวลาว่าเราเป็นหนึ่งในไม่ มากคนนักที่โชคดีแท้ ได้เกิดมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า เรามีพ่อที่ประเสริฐสุด จนมีปิติและต้องอุทานว่า “ ท่านมหัศจรรย์แท้ๆ ท่านรู้ได้อย่างไร” และตัวเราช่างโชคดีที่ได้เข้ามาในศาสนาพุทธและมีครูบาอาจารย์องค์แรกคือหลวงพ่อปราโมทย์ ปา โมชโช ที่พร่ําสอนและถ่ายทอดคําสอนพระพุทธเจ้ามาตลอด และเมื่อเราได้ฟังธรรมะของครูบาอาจารย์ที่เป็นเสาหลักของ ประเทศ ณ เวลานี้ เราก็ยิ่งมั่นใจว่า เราได้เจริญรอยตามคําสอนพระพุทธเจ้า และหลายโอกาสที่ได้ฟังพุทธวัจน์จาก พระโอษฐ์ของครูบาอาจารย์องค์อื่น ก็ยิ่งตรอกย้ําให้เรามีความเข้าใจคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ มากขึ้นๆ ...... คํา ถ่ายทอดที่ซ้ําไปซ้ํามากี่ร้อยกี่พันครั้ง ก็เหมือนเดิม น้ําเสียงที่กังวาน เข้าใจง่าย ถ้อยคําชัดเจนทุกครั้ง เราก็อ่านพบมาว่า คุณสมบัติดังกล่าว ก็เป็นมาตรฐานหนึ่งของครูบาอาจารย์ที่จะถ่ายทอดหลักคําสอนของพระพุทธเจ้าด้วย เราขอปวารณาตัวในการปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นพุทธบูชาแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นอาจาริยบูชาแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช และขออนิสงฆ์นี้ได้ส่งผลให้ผู้ที่ยังไม่มีโอกาสได้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้า ได้เกิดโอกาส ในการศึกษา และเกิดสติที่เป็นกลางอย่าได้ปรามาสครูบาอาจารย์อีกต่อไปเถิด โดยคุณ ชมพร โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
11
771. หลวงพ่อผู้บอกทางเดินของจิต ผมเป็นผู้หนึ่งที่คิดว่าคงเคยปฏิบัติในแนวดูจิตมาแต่เก่าก่อน โดยประมาณ 4 ปีที่แล้ว ภรรยาได้นําซีดีและหนังสือของหลวง พ่อปราโมทย์ มาให้ดู ผมก็ได้ทําการค้นดูว่าท่านเป็นใคร มีแนวการสอนอย่างไร และเมื่อได้อ่านแนวทางการปฏิบัติที่ท่าน เขียนไว้ ผมรู้สึกตื่นตระหนก ตกใจ และมาบอกล่าวภรรยาให้เดินตามที่ท่านสอน จากวันนั้นผมก็ได้เพียรฟังซีดี และหา โอกาสไปฟังธรรมจากท่านโดยตรง ผมรู้สึกว่า จิตผมเหมือนเจอทางที่เคยเดิน ได้พบสภาวะต่างๆ มากมาย ได้เห็นสภาวะที่ เป็นปรมัติ ทั้งเสียงและรูป เห็นอาการและกระบวนการทํางานของจิต ที่ไหวยิบยับ เกิด-ดับ ขันธ์กระจาย ซึ่งต่างก็เป็นเพียง สภาวะที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นจริงตามที่หลวงพ่อได้เทศน์สอนไว้ในซีดี ด้วยจริตที่สงสัย ต้องรู้ให้ชัด จึงเป็นเหตุให้ เนิ่นช้า แต่เมื่อฟังซีดีคราวใด ก็จะกลับมาสู่การตามรู้ที่หลวงพ่อย้ําเสมอ ผมบอกตัวเองเสมอว่าเป็นชาวพุทธ แต่แท้ที่จริงผม ไม่ได้เป็นชาวพุทธเลย เพิ่งจะเข้าใจ และนับว่าเป็นชาวพุทธ ก็เพราะคําสอนของหลวงพ่อ ใจผมลงให้หลวงพ่อหมด หากไม่ ได้พบแนวทางสอนของหลวงพ่อเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมคงเสียชาติเกิดเป็นแน่แท้ ไม่ได้มีโอกาสมาต่อยอดในชาตินี้ ผมและ ครอบครัวขอกราบหลวงพ่อด้วยจิตนอบน้อมครับ โดยคุณวิวัฒน์ 772. คําสอนของหลวงพ่อปราโมช ทําให้ดิฉันได้รู้และเข้าใจถึงธรรมะและสามารถนําไปปฏิบัติและเกิดผลได้จริงแท้กับตัว เอง การดูจิตที่หลวงพ่อสอน ทําให้ชีวิตของดิฉันเปลี่ยนไปในทางที่สุขสงบขึ้น รู้จักสุข รู้จักทุกข์ รู้จักชีวิต รู้ว่าขีวิตต้องทําอะไร รู้ว่าชีวิตตัวเองต้องการอะไรและทําอย่างไร ซึ่งก่อนนี้ ดิฉันเฝ้าเพียรค้นหา และคําตอบทั้งหมดได้มาพบที่ คําสอนของหลวง พ่อ ซึ่งเป็นคําสอนที่ได้ฟังจากซีดี เท่านั้น ยังเกิดผลมากมาย ดิฉันไม่เคยได้พบหลวงพ่อแต่รู้สึกได้ว่าหลวงพ่อท่านอยู่ใกล้ๆอยู่ ในพลังศรัทธาของดิฉันตลอดเวลาขอร่วมเป็นหนึ่งพลังที่เชื่อมั่นในคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อปราโมช ปราโมชโช โดยคุณวิไล 773. กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช จากลูกศิษย์ผู้ไม่เอาไหน ผมและภรรยาได้ไปกราบหลวงพ่อที่กาญจนบุรีตั้งแต่ปี 2545 ได้ไปนั่งคุยกับท่าน ช่วงก่อนที่จะไปกราบ ท่านผมฝึกสมาธิมาพอสมควรจนคิดว่าตัวเองเก่งกาจ (เก่งขนาดกิเลสใช้เป็นเครื่องมือชักจูงผมไปในทางที่ผิดๆ โดยที่ผมหา รู้ตัวไม่) จากความเมตตาและแนะนําสั่งสอนของท่านทําให้ผมรู้ว่าผมติดเพ่ง และท่านยังได้สอนผมในเรื่องอื่นๆทําให้ผมรู้สึก ว่าตัวผมนี้ยังไม่รู้อะไรเลยซะด้วยซ้ํา หลังจากนั้นผมก็ได้ไปกราบหลวงพ่ออีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน ผมสังเกตได้ชัดเจนว่า ช่วงไหนที่ภาวนาดี จิตจะตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู ด้วยความเป็นกลาง เมื่อไหร่ที่มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นภายในเพียงเล็กน้อยก็จะ มีสติระลึกรู้ได้เองโดยอัตโนมัติ จนสามารถเห็นได้เป็นครั้งคราวว่าการที่จิตส่งออกนอกเป็นผลให้เกิดทุกข์ และในบางครั้งก็ เห็นว่ามีการสร้างบางสิ่งขึ้นเพื่อแสดงถึงความเป็นตัวตนเพื่อจะแสดงให้คนอื่นเห็น ในระหว่างที่เขียนข้อความเหล่านี้ผมก็ เห็นความอยากผุดขึ้นมาเป็นระยะๆ ผมไม่ได้ส่งการบ้านหลวงพ่อมาเป็นเวลาประมาณ 2 ปี เนื่องจากยังไม่เห็นว่าติดขัด อะไร ผมทราบดีว่าสิ่งที่ขาดไปคือความสม่ําเสมอและต่อเนื่องในการภาวนา ทําให้ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ไม่ใช่คําสอน หลวงพ่อไม่ดีจนทําให้ผมไม่ก้าวหน้าหรือทําให้อ่อนแอ ส่วนภรรยาผมที่นั่งสมาธิไม่ค่อยได้ ก็ได้รับคําแนะนําสั่งสอนจากท่าน จนการภาวนาก้าวหน้าพอสมควรและมีผลในทางที่ดีต่อการใช้ชีวิตประจําวันอย่างเห็นได้ชัด ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเห็นแต่ หลวงพ่อให้ปฏิบัติบูชา ผมเคยทําบุญใส่ซองบ่อยๆ ท่านยังห้ามโดยบอกผมตรงๆ ว่ามาฟังธรรมไม่ต้องทําบุญทุกครั้ง หนังสือก็แจก ซีดีก็แจก สอนให้ทุกคนโดยเท่าเทียมกันไม่มีแบ่งแยกคนรวยคนจน ผมยังเคารพและศรัทธาหลวงพ่อเหมือน โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
12
เดิมและยังหวังว่าหลวงพ่อจะยังคงเมตตาสอนพวกเราต่อไป ขอให้กําลังใจอุบาสิกาอรนุช ให้ผ่านเรื่องราวต่างๆไปได้ด้วยดี ถึงแม้ในใจผมจะเชื่อว่าเรื่องทางโลกเหล่านี้คงไม่กระทบกระเทือนจิตใจท่านก็ตาม หมายเหตุ ผมขอฝากถึงเพื่อนๆผู้ปฏิบัติตามคําสอนของหลวงพ่อ ความสม่ําเสมอและต่อเนื่องในการภาวนาเป็นอุปสรรค สําคัญสําหรับฆารวาสอย่างเรา อย่างที่หลวงพ่อเคยบอกไว้ ขนาดผมรู้ว่าการภาวนาให้ผลดีขนาดไหนยังเผลอโดนกิเลส ชักจูงให้หยุดภาวนาเป็นประจํา ถ้าหากขาดความสม่ําเสมอและต่อเนื่องแล้วก็จะย่ําอยู่กับที่หรือถอยหลังแน่นอน ลูกศิษย์ผู้ไม่เอาไหน โดยคุณ สุรชัย
774. กราบแทบเท้าหลวงพ่อ ผมได้หลวงพ่อเป็นเหมือนโคมไฟส่องนํา สําหรับการเดินทางให้ออกจากสังสารวัฏนี้ ธรรมะที่ท่าน ถ่ายทอด ผมพยายามนํามาปฏิบัติ เพื่อถวายหลวงพ่อ แล้วก็ถวายพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกรูปด้วย ได้เคยมีโอกาสรับใช้ท่านครั้งหนึ่ง ตอนท่านไปเทศน์ที่บพิตรภิมุข เมื่อปี 2552 เมื่อหลวงพ่อล้างมือเสร็จ ผมก็พับกระดาษทิช ชู่ม้วนถวาย ในใจก็นึกว่า พับสัก 3 รอยฉีก หรือเอาหนาๆดี นึกไปก็นึกขึ้นได้ว่าหลวงพ่อเป็นสายพระป่า ย่อมประหยัด เลย พับ 3 รอยฉีก สักสองชิ้น แต่พอท่านออกมา ท่านล้างมือแล้วก็หันมายิ้ม ผมก็ถวายทิชชู่ 2 ชิ้น (หกรอยฉีก) ท่านสบัดมือให้ น้ําออก แล้วค่อยๆคลี่ทิชชู่ชิ้นแรกออกมา ฉีกแค่รอยฉีกหนึ่ง ท่านก็ดึงไปใช้แค่นั้น (สงสัยเพื่อให้ผมไม่เสียกําลังใจ) ผมอึ้ง .. หลังจากนั้นผมก็ใช้สิ่งของต่างๆเท่าที่จําเป็น และขอเดินตามรอยหลวงพ่อตลอดไปครับ โดยคุณ ภคกรณ์ 775. ผมขอเป็นพยานให้กับหลวงพ่ออีกหนึ่งเสียงครับ คําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช เป็นการสอนให้ปฎิบัติในการดูสภาวะธรรมของกายของใจ เพี่อความ เข้าใจธรรมชาติ ธรรมดาของกายใจ และเมื่อธรรมะแจ่มแจ้ง สภาวะแห่งการปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น จะประจักษ์ในจิตใน ใจ คือธรรมะ
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
13
ผมตามดูกายดูใจอยู่เนือง ๆ ดั่งคําสอนของท่าน ก็ช่วยให้เห็นสภาวะธรรมและข้าใจเป็นลําดับ ๆ เข้าใจ สภาวะ ธรรม เข้าใจโลก เข้าใจธรรมดาธรรมชาติของตัวผมเอง เข้าใจคนอื่น สัตว์อื่นที่เขามีความทุกข์ไม่น้อยไปกว่าเรา การ สอนของหลวงพ่อปราโมทย์นี้เป็นประโยน์กับชาวพุทธอย่างผมอย่างยิ่ง ผมว่าผมอ่านธรรมะของครูบาอาจารย์องค์อื่น ๆ ได้เข้าใจมากขึ้น สามารถปฏิบัติด้วยตัวเองได้ รู้สึกว่าตัวเองรู้ใจ ตัวเองมากขึ้น เข้มแข็งขึ้น ผมขอใช้บทความความที่เรียบเรียงได้ไม่ค่อยสละสลวยเท่าใดนักนี้ เป็นพยานในการเทศน์สอน ของหลวงพ่อและขอขอบพระคุณท่าน มา ณ โอกาสนี้ โดยคุณ พรภวิษย์ 776. ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้ฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่หลวงพ่อปราโมชสอน ภายในระยะเวลาไม่นานชีวิตของดิฉันเริ่มมีการ เปลี่ยนแปลง จากคนที่เหมือนตกอยู่ในนรกจมอยู่ในกองทุกข์เริ่มเข้าใจอะไรได้มากขึ้นถอยห่างจากทุกข์ได้มากขึ้นทั้งๆที่ ทุกข์ก็ยังมีอยู่ปัญหาก็มีอยู่ จึงขอเป็นสียงหนึ่งที่ยืนยันคําสอนของหลวงพ่อปราโมชว่าเข้าถึงใจปฏิบัติตามแล้วเห็นผลได้ ด้วยตัวเอง และเชื่อว่าคนที่ปฏิบัติตาม ศรัทธาจะไม่คลอนแคลน โดยคุณ พัชรี 777. ขอร่วมโครงการหัวใจบริสุทธิ์ เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้ ด้วยคนนะคะ หวังว่าความรู้สึกจากใจของลูกศิษย์ตัว เล็กตัวน้อยคนนี้ จะมีส่วนช่วยเป็นกําลังใจให้หลวงพ่อของเราในยามที่ท่านกําลังฝ่าคลื่มลม มรสม อยู่ใน ขณะนี้ อย่างน้อยท่านก็จะได้รู้ว่า ยังมีลูกศิษย์ของท่านอีกเป็นจํานวนมากที่ได้รับประโยชน์จากการอบรมสั่ง สอนของท่านและรู้สึกซาบซึ่งในพระคุณของครูบาอาจารย์จนมิอาจจะเทียบเคียงกับสิ่งใดได้ค่ะ ดิฉันเป็นเพียงลูกศิษย์ธรรมดา ๆ คนหนึ่ง (ที่สุดแสนจะ low profile) ที่ยังภาวนาไม่ได้เรื่องได้ราว ให้สมกับที่หลวงพ่ออุตสาห่เสียสละแรงกายแรงใจเพื่อช่วยให้ลูกศิษย์ได้ธรรมะเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ไม่ใช่ พึ่งพิงสิ่งภายนอกที่พึ่งไม่ได้จริง หรือแม้กระทั่งมาพึ่งครูบาอาจารย์อย่างท่าน แต่ถึงจะอย่างไรดิฉันก็ท้อแต่ไม่ถอยและได้เคยปราวณาไว้ต่อหน้าพระประธานในศาลาที่สวนสนติธรรมว่า "ชีวิตที่เหลืออยู่ ไม่ว่าจะยังมีอยู่อีกกี่ภพกี่ชาติ ก็จะขออุทิศเพื่อการปฏิบัติธรรม เพื่อหาทางออกจากกอง ทุกข์ ให้พ้นไปเสียจากสงสารวัฏโดยเร็ว" ถามว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจ ที่ทําให้กล้าหาญชาญชัยถึงเพียงนี้ คําตอบก็คือ "เพราะคําสอนและการให้กําลังลูกศิษย์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโชนั่นเอง" หากชาตินี้ไม่ได้มาเป็น ลูกศิษย์ของท่าน ความตั้งใจเช่นนี้คงไม่บังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และก็คงจะต้องเสียชาติเกิดไปแล้วเป็นแน่ แท้ด้วยเพราะความมั่นใจว่าได้พบทางสว่าง ทางที่ใช่ ทางที่ถูกต้อง ทางสายตรง เป็นของจริง มีจริง เป็น ทางออกที่พระบรมศาสดาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ทรงทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ เป็นแผนที่นํา ทางที่ทรงประทานไว้ให้ตั้งแต่เมื่อ 2,500 กว่าปีมาแล้ว และมาบัดนี้หลวงพ่อเป็นผู้นําแผนที่นั้นมาเปิด เผย์ให้รับรู้กันในวงกว้างด้วยความเมตตาต่อผู้ที่ยังมืดบอดอยู่เป็นจํานวนมาก ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นเอกสิทธิ์ ให้ได้รับรู้กันแต่ในเฉพาะหมู่นักบวช(ที่ยังต้องอาศัยข้าวน้ําจากญาติโยม) แล้วปล่อยให้ฆราวาสได้รับ ประโยชน์เพียงแค่ได้ทําบุญให้ทานในพระศาสนา เปรียบเสมือนแค่ได้จ้างให้พระภิืกษุช่วยทํา พระนิืพพานให้แจ้ง เพื่อที่ญาติโยมจะได้บุญที่เกิดจากการทําบุญกับท่านผู้เป็นเนื้อนาบุญแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งถือว่าเสียโอกาสเป็นอย่างมากจนมิอาจประเมินค่าได้ การทํางานแผย์แผ่พระสัทธรรมของหลวงพ่อ ยังประโยชน์ทําให้การประดิษฐสถานพระพุทธศาสนาที่พระ พุทธองค์ทรงวางรากฐานไว้ในโลกนี้ยังคงมีอยู่อย่างมั่นคงต่อไป โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พุทธศาสนาใน ประเทศไทยอ่อนกําลังลงไปมาก อ่อนแรงจนน่าเ็ป็นห่วง ดังนั้นขอกล่าวโดยความรู้สึกส่วนตัวของดิฉันว่า "หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโชท่านนี้กําลังเป็นกําลังสําคัญ ในการช่วยสืบอายุพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ท่านกําลังทําให้พุทธบริษัท 4 ที่เหลือ ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา กลับมามีกําลังแข้มแข็งอีกครั้งหนึ่ง" ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช และขอถวายการปฏิบัติบูชา เพื่อทดแทนพระคุณของพระ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
14
พุทธเจ้า พระธรรมคําสั่งสอนที่ช่วยให้สัตว์พ้นทุกข์ พระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ครูบาอาจารย์ และ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ที่ช่วยกันรักษาสืบทอดพระสัจธรรม เมตตาแนะนําสั่งสอนลูกศิษย์ให้อย่าง ไม่รู้จัุกเหน็ดเหนื่อย โดยคุณจารุพร 778. สวัสดีค่ะ, ขอให้กําลังใจหลวงพ่อ ต่อไปความจริงต่างๆก็จะปรากฎ และจะสวดมนต์ขอให้เรื่องร้ายเหล่านี้ผ่านไปโดยเร็วค่ะ ทราบซึ้งในธรรมะที่ได้ฟังจาก CD ของท่าน พบว่าเป็นส่วนสําคัญที่ทําให้ชีวิตมีความสุขขึ้น และมีความเป็นกลางกับหลาย สิ่งหลายอย่างในชีวิตค่ะ ขอบพระคุณค่ะ โดยคุณ พวงรัตน์ 779. ก่อนนี้ดิฉันนับถือศาสนาพุทธแค่เพียงในบัตรประชาชนค่ะ ปีหนึ่งแทบไม่ได้ไปวัด ถ้าไปก็คือไปเที่ยวและมักจะมอง สังคมชาววัดว่ามีความเชื่ออยู่กับสิ่งงมงาย ถึงขนาดรังเกียจเหยียดหยามเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข่าวเสื่อมเสียในวงการ พระสงฆ์ที่มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทําบุญใส่บาตร ถือศีลฟังธรรมซึ่งเป็นเรื่องไกลตัว ส่วนใหญ่จะเชื่อในสิ่งที่ อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ก็อยู่ไปวันๆกับหน้าที่การงาน ตกเย็นสังสรรค์กับเพื่อนฝูง กินเหล้า เต้นรํา หลังจากนั้นบอก ตรงๆว่าเบื่อชีวิตขึ้นมาเฉยๆ เห็นแม่ที่แก่ลงทุกวัน ก็รู้สึกว่าเราก็คงเป็นอย่างนั้น ชีวิตไม่เห็นจะมีคุณค่าอะไร และเมื่อมี ปัญหาอื่นๆประเดประดังเข้ามาความคิดเรื่องฆ่าตัวตายก็แวบๆอยู่หลายครั้ง บุญนักหนาที่เพื่อนยัดเยียดซีดี.หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชมาให้ฟัง รู้สึกอัศจรรย์ใจตั้งแต่แรกว่าธรรมะอย่างนี้มี ด้วยหรือ ฟังได้ทุกวัน สนุกมาก ฟังไม่เบื่อเลย ฝึกปฏิบัติตามซีดี.มาได้สองปีกว่าแล้วให้อัศจรรย์ใจยิ่งขึ้น เพราะความเชื่อ ทัศนคติเดิมๆของดิฉันเปลี่ยนไป หมด..จากคนไม่เคยไหว้พระสวดมนต์ก็มาไหว้พระสวดมนต์ จากคนไม่มีศีลก็ค่อยๆรักษาศีลจนเป็นคนมีอินทรียสังวร ศีล...อาการเบื่อชีวิตแบบเดิมๆหายไปหมด แต่ก่อนเราอยู่หลงไปวันๆ ไม่เคยมีสติเลย เดี๋ยวนี้รู้ทันกิเลสมากขึ้น ใจเย็นขึ้น ความทุกข์น้อยลง รู้สึกศรัทธาในพระพุทธศาสนา ดีใจที่ได้เกิดมาพบกับธรรมะของพระพุทธเจ้า สิ่งเหล่านี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ เลยหากไม่ได้ฟังธรรมะของหลวงพ่อฯ ดิฉันเดินหลงทางอยู่นาน จนวันหนึ่งหลวงพ่อฯดึงดิฉันเข้ามาสู่เส้นทางกลับบ้านที่เป็นบ้านอย่างแท้จริง เดี๋ยวนี้ ดิฉันฝึกรู้กายรู้ใจในชีวิตประจําวันอยู่เนืองๆและนั่งสมาธิทุกวันตามแบบที่หลวงพ่อสอน หวังว่าสักวันหนึ่งคงจะขึ้นวิปัสสนา อย่างแท้จริงได้ ก็ขอปฏิบัติตอบแทนคุณครูบาอาจารย์ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ โดยคุณ ชุลีพร 780. เมื่อมีโอกาส ก็ขอใช้โอกาส … แบ่งปันประสบการณ์ในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง เดินตามคําสอนของพระพุทธองค์ พระพุทธเจ้าถามพระสารีบุตรว่า ท่านเชื่อในสิ่งที่พระองค์สอนหรือไม่ว่าหากกระทําให้มากแล้ว ย่อมหยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะ เป็นเบื้องหน้า มีอมตะเป็นที่สุด ท่านตอบว่า ท่านไม่ได้เชื่อในสิ่งที่พระองค์สอน แต่ท่านทําในสิ่งที่พระองค์ทรงแนะนําแล้ว เห็นแจ้งตามนั้น พระองค์ทรงสรรเสริญพระสารีบุตร (ค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค หน้าที่ ๒๔๑ หัวข้อ ๙๘๔-๙๘๖) ในฐานะชาวพุทธ ฉันมีหน้าที่เดินตามสิ่งที่พระพุทธองค์สอนไว้ ไม่ให้เชื่อแต่ให้ทดลอง ทําตามแล้วสังเกตผล เราอยู่ในเมือง ไทยที่เต็มไปด้วยผู้รู้ ครูบาอาจารย์ทางธรรมมากมาย เรามีโอกาสเลือกเรียนกับครูบาอาจารย์ได้มากมายนัก หากจริตตรง กับครูบาอาจารย์ท่านใดก็ไปเรียนกับท่านนั้น มันเป็นความรับผิดชอบของเราแต่ละคน เมื่อเรียนจริง ทําตามสิ่งที่ท่านสอน จริง หากท่านสอนตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอน มันก็ต้องมีผลจริงต่อผู้ปฏิบัติเอง พระองค์สอนให้เราพึ่งตนเอง ซึ่งเราตรวจ สอบคําสอนนั้นได้ด้วยตนเอง เมื่อฉันเลือกที่จะเรียนกับหลวงพ่อปราโมทย์
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
15
ฉันก็ทดลองทําตามสิ่งที่ท่านสอน แล้วสังเกตผล การสอนของหลวงพ่อตรงไปตรงมา นุ่มนวล เรียบง่าย สอนว่าสติคืออะไร ทําเหตุอย่างไรให้เกิดสติ สัมปัญชัญญะมีลักษณะอย่างไร สมาธิคืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไร สมถะเป็นอย่างไร มีประโยชน์ อย่างไร อะไรคือเหตุ อะไรคือผล การได้ฟังธรรมจากท่านไม่ว่าจะ CD หรือการไปฟังธรรมที่สวนโพธิ์และสวนสันติธรรม ทําให้ความรู้ความเข้าใจต่อการปฏิบัติของเราที่เหมือนจิ๊กซอร์ที่รู้เป็นส่วนๆค่อยๆต่อกันเป็นภาพรวมใหญ่ เริ่มรู้ทิศทางว่า จะเดินทางไหนอย่างไร ให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ วิธีการสอนที่ทําให้ลูกศิษย์เห็นในขณะที่ความอยากกําลังทํางาน ทําให้ฉันรู้จักความอยาก ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อน จากนั้นฉัน จึงเริ่มเห็นกิเลสตัวอื่นๆในใจตนเองตามมา เพราะท่านสอนให้เห็นกิเลสในตน อย่างตรงไปตรงมา และไม่เคยตําหนิหากคน นั้นเห็นกิเลส ทําให้กล้าที่จะมองกิเลส และในที่สุดยอมรับว่า กิเลสเกิดขึ้นได้ และด้วยการฝึกเจริญสติที่สม่ําเสมอขึ้น ทําให้ เห็นว่า เมื่อกิเลสมา กิเลสก็ไป อยู่กับเราไม่นาน เมื่อเห็นบ่อยๆใจเริ่มเคยชิน มีผลต่อพฤติกรรมคือเมื่อก่อนเจอเรื่องราว ภายนอกมากระทบ จะเกิดความกังวลใจ เสียใจ น้อยใจ อยู่เป็นเวลานานได้ถึงวันหรือสองวัน บางครั้งมันต่อเนื่องนานได้ เป็นอาทิตย์ แต่เมื่อฝึกตามที่หลวงพ่อสอน เห็นทันความรู้สึกต่างๆมากขึ้น และเห็นว่าความรู้สึกต่างๆ เกิดขึ้นได้และหายไป ได้ในพริบตา ความทุกข์ที่เคยรวมกันเป็นก้อนกลับสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด จิตใจโปร่งเบาสบายมากขึ้น สังเกตว่าสิ่งที่ท่าน สอนมีผลต่อตัวเองชัดเจน และแน่ใจขึ้นเรื่อยๆเมื่อปฏิบัติอย่างสม่ําเสมอมากขึ้น การฝึกภาวนาเจริญสติเปลี่ยนเราจากทุกข์ มากเป็นทุกข์สั้นลงได้ จึงเกิดความเชื่อมั่นว่า เป็นคําสอนที่ถูกต้อง เป็นคําสอนของพระพุทธองค์ เพราะธรรมะต้อง เปลี่ยนแปลงคนได้ และต้องพาให้พ้นทุกข์ได้ จึงปฏิบัติตามคําสอนท่านเรื่อยมา
“การได้เห็นสมณะ ฟังธรรมตามกาล สนทนาธรรมตามกาล บูชาบุคคลที่ควรบูชา ถือเป็นมงคลอันยิ่ง” ส่วนหนึ่งจากมงคลชีวิต 38 ประการ ด้วยชีวิตเป็นไปอย่างพอเพียง การนั่งรถทัวร์ต่อมอร์เตอร์ไซด์จากกรุงเทพไปถึงสวนโพธิ์ถือเป็นปรกติในการไปเรียนกับ หลวงพ่อที่สวนโพธิ์ตั้งแต่ป2 ี 547 ก่อนจะมีการทํา CD จนถึงการนั่งรถสาธารณะไปสวนสันติธรรมในปัจจุบันนี้ จากครั้งแรก ที่ไปกราบท่านและไปอย่างสม่ําเสมอตามโอกาสที่มีไม่ว่าจะฝนตก แดดจะออก หรือ ลําบากเพียงใด การเดินทางไปพบท่าน จึงเป็นเหมือนเป็นข้อวัตรปฏิบัติของฉัน ผู้ตั้งใจเดินทางตามคําสอนพระพุทธองค์ การได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อถือ เป็นการให้โอกาสตัวเอง เพราะการได้พบผู้ชี้ทาง และกล้าบอกในสิ่งที่เราทําผิดเพื่อไม่ให้ออกนอกทางแห่งมรรคา ถือเป็น บุญอันยิ่งของตัวเอง
อิสระในการเลือก หลวงพ่อมีความยืดหยุ่น ให้อิสระในการเลือกเดิน ท่านไม่เคยให้คนที่ปฏิบัติมาก่อนทิ้งวิธีการเดิมที่ตนถนัด แต่ท่านกลับส่ง เสริมและแนะนําเพิ่มเติมให้เข้าใจถึงหลักการภาวนาซึ่งในที่สุดจะต้องลงท้ายด้วยปัญญา เพียงแต่ใครจะถนัดเริ่มจากอะไร ก่อนแตกต่างกันไปได้ทั้งนั้น เช่นฉันมีพื้นฐานของอานาปานสติ ท่านก็ไม่เคยให้ทิ้งการใช้ลมหายใจเป็นฐานในการภาวนา ใครทําอะไรมาท่านก็ไม่ห้าม แต่ช่วยต่อยอดให้คนนั้นไปให้ถึงปัญญา คือการเห็นการเกิดดับ และท่านยังเคารพในครูบา อาจารย์ของแต่ละท่าน ท่านบอกว่าหากเรียนกับครูบาอาจารย์ใดมาก็ขอให้เรียนกับท่านนั้นให้ตลอด เพราะแต่ละท่านมีวิธี การสอนไม่เหมือนกัน
ครูผู้ให้… ครั้งหนึ่งที่สวนโพธิ์เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ขณะนั้นยังมีการเขียนใบอนุโมทนาถวายท่านโดยตรง แต่นําเงินไปหยอดตู้ พอท่านทราบ ว่าฉันไม่ได้มีปัจจัยมากและเดินทางมาด้วยรถสาธารณะ ท่านกล่าวด้วยความเมตตาว่า “ไม่ต้องถวายปัจจัยก็ได้นะ” และยัง มอบหนังสือธรรมะให้ทุกครั้งที่ไปถึง รวมทั้งเมตตาสอนอย่างจ้ําจี้จ้ําไชจนเข้าใจ สิ่งนี้ซาบซึ้งอยู่ในใจ และได้สังเกตเรื่อยมา โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
16
พบว่า ท่านปฏิบัติต่อลูกศิษย์เท่าเทียมกันทุกคนไม่ว่ารวย จน มีชื่อเสียงหรือไม่ หลวงพ่อพูดเสมอว่า ท่านไม่ได้ต้องการอะไร จากลูกศิษย์ ขอให้ตั้งใจภาวนาซึ่งจะเป็นผลดีกับตัวเอง และจากสวนโพธิ์ถึงสวนสันติธรรม ฉันก็ยังไปกราบท่านอย่าง สม่ําเสมอ และฟังCD ทุก CD ซึ่งไม่มีครั้งใดเลยที่ฉันได้ยินท่านเรียกร้องอะไรจากลูกศิษย์ นอกจากอย่าขี้เกียจภาวนา สุดท้ายนี้ฉันก็ขอถวายการปฏิบัติบูชาเป็นพุทธคุณ และแทนคุณท่านที่ทําให้ฉันได้รู้จักธรรมชาติของจิตในวันนี้
มุมมองของชาวพุทธคนหนึ่ง มีคนจํานวนมากในโลกที่ได้รับฟังการสอนของหลวงพ่อ นําไปปฏิบัติแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อตน การสอนของท่าน จึงเป็นประโยชน์และนําความสุขมาให้กับคนนั้นและสังคมรอบข้าง ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์จากการสอนของ ท่าน ดังนั้นการมีอยู่ของสวนสันติธรรมโดยมีหลวงพ่อปราโมทย์เป็นประธาน ที่เปิดโอกาสให้ชาวพุทธได้มาศึกษาธรรม ฟัง ธรรม สนทนาธรรม กันอย่างตรงไปตรงมา เรียบง่าย ไม่เลือกชั้นวรรณะ และสังฆะที่ส่งเสริมเกื้อกูลให้เกิดกําลังใจในการ ปฏิบัติธรรม จึงเป็นเสมือนที่พึ่งสําหรับคนแสวงหาทางหลุดพ้น เป็นที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งโพธิของชาวพุทธอีกแห่งหนึ่ง ของเมืองไทย อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อพระพุทธศาสนา
หลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทิ้งไว้ให้เป็นมรดกแด่ชาวพุทธ เราชาวพุทธควรใช้หลักการของพระพุทธองค์ในการดําเนินชีวิต จึงขอฝากเรื่อง กาลามสูตร ซึ่งเป็นหลักแห่งความเชื่อที่ พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ให้ได้ศึกษากัน กาลามสูตร เป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลา มะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล เรียกว่า เกสปุตสูตร มีอยู่ 10 ประการคือ “…อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคําที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคําสืบๆ กันมา อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า ได้ยินอย่าง นี้ อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตํารา อย่าได้ยึดถือโดยเดาเอาเอง อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน อย่าได้เชื่อถือโดยความตรึกตาม อาการ อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ อย่าได้ยึดถือโดย ความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา เมื่อใดท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศลธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรม เหล่านี้ผู้รู้ติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้วเป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควร ละธรรมเหล่านั้นเสีย…” พระพุทธองค์ทรงชี้ให้ชาวกาลามะเห็นถึงสิ่งใดเป็นโทษ สิ่งใดไม่เป็นโทษ แล้วเลือกทําในสิ่งที่เป็นประโยชน์ “…ดูกรกาลาม ชนทั้งหลาย ก็บุคคลผู้ไม่โลภ ไม่ถูกความโลภครอบงํามีจิตไม่ถูกความ โลภกลุ้มรุมนี้ ย่อมไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่คบชู้ ไม่พูดเท็จ สิ่งใดย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน บุคคลผู้ไม่โลภ ย่อมชักชวนผู้อื่นเพื่อความเป็น อย่างนั้น ฯ…” จากพระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต หน้าที่ ๑๗๙ –๑๘๕ หัวข้อ ๕๐๕ เกสปุตตสูตร พระพุทธองค์ทรงสอนให้พิจารณาถึงคุณและโทษ ให้พิจารณาด้วยตนเอง โดยคุณ พรรณวดี 781. ฟังธรรมจากหลวงพ่อมานานเกือบจะ สามปีแล้วค่ะ ตัวตนเปลี่ยนไป จากทุกข์มากก็ทุกข์น้อยลงจากยึดมั่นมากก็ยึด มั่นน้อยลงตื่นขี้นมาเลยทันทีค่ะมองเห็นตัวตนมากขึ้น ขอกราบหลวงพ่อนะค่ะที่ให้ธรรมดีๆ แก่โยมค่ะ โดยคุณอภิสรา 782. 3ปีที่ลูกปฎิบัติตามคําสอนของหลวงพ่อ ลูกยิ่งซาบซึ้งในพระธรรมของพระพุทธองค์ อยู่กับความทุกข์กายใจได้อย่างอุเบกขายิ่งขึ้น
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
17
ธรรมะของหลวงพ่อสูงส่งยิ่ง-ข่าวที่รับรู้จิตของลูกจึงไม่สะเทือน อภัยกับทุกสิ่ง เป็นอภัยทาน เราล้วนเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงมุ่งแต่เพียรละอกุศลจิต หมั่นทําในสิ่งที่เป็นกุศล หมั่นปฎิบัติให้จิตขาวรอบ ดั่งหลวงพ่อพร่ําสอน ลูกขอน้อมปฎิบัติบูชา คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แทนพระคุณหลวงพ่อที่ลูกเคารพรักยิ่ง โดยคุณ นนทพร
783. ชีวิตคนอยู่ต่างประเทศ (โดยเฉพาะอยู่ในประเทศและสิ่งแวดล้อมที่ไม่สัปายะต่อการเจริญภาวนา) ยากนัก ที่จะทวน กระแสสังคมที่แวดล้อมด้วยวัตถุนิยมได้ หากไม่ได้ธรรมะที่ หลวงพ่อคอยสั่ง สอนเป็นที่พึ่งชีวิตคงไหลไปตามกระแสสังคม นั้น และคงดําเนินชีวิต อยู่ในความประมาท หากไม่ใช่ พราะบังเอิญได้ฟังธรรมะจากหลวงพ่อผ่าน Internet และจาก CD ดิฉัน ก็คงยังติดอยู่กับการปฏิบัติภาวนาแบบ บังคับ กาย-ใจ (ปฏิบัติไปร้อนไป) ไปอีกนานหลวงพ่อสอนให้ดิฉันเข้าใจระหว่าง สมถะ และวิปัสสนา หลวงพ่อคลายความ สงสัยสภาวะที่กายกับจิตแยกจากกัน(ซึ่งสภาวะจิตเถียงจิต,จิตเห็นกายเดินไปด้วยความ โมโห – เคยเกิดขึ้นกับดิฉันเมื่อ สามสี่ปีก่อน ก่อนที่จะได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อ ผ่าน Internet) หลวงพ่อ สอนให้เจริญสติไปพร้อมๆกับ ประกอบกิจการงาน ใน ชีวิตประจําวัน ไม่ต้องหลีกเร้นหนีออกจากโลก หัด ขัด เกลากิเลสออกจากใจ หมั่นเจริญสติ ส่ง เสริมให้เรารักษาศีลให้ สะอาดขึ้น โดยที่ไม่ต้องบังคับ กาย-ใจ อย่างเมื่อก่อน มีตนเองเป็น ที่พึ่งแห่งตน ยิ่งกว่านั้นหลวงพ่อได้จุดประกายให้ดิฉัน หันมาสนใจศึกษาธรรมะของ พระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง มากขึ้นถึงตอนนี้ดิฉัน ตระหนักได้ว่า ธรรมะที่หลวงพ่อปราโมทย์ ตลอดจนครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ดิฉันเคารพบชู าได้เมตตาสั่ง สอนท้ายสุด ก็รวมลงมาที่ ธรรมของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน คือเรียนรู้ทกุข์ที่ กาย-ใจ เรานี้เท่านั้น ธรรมะแท้ที่ดิฉันได้สมัผัส จากการสอนของหลวงพ่อทําให้ดิฉันมั่นใจในพระรัตนตรัย มั่นใจในธรรมตรัสรู้ของพระพทุ ธเจ้า ว่า เป็นหนทางประเสริฐสามารถดับทุกข์ได้อย่าง แท้จริง ธรรมไม่ทิง เราตราบใดที่เราไม่ทิ้งธรรม ดิฉันกราบบูชาหลวงพ่อ ได้อย่างสนิท ใจ แม้ปัจจุบัน ดิฉันจะยัง มีทุกข์(ทุกข์ใจ)แต่ดิฉันพบว่า ใจรู้จักวางทุกข์ได้เร็วขึ้น เห็น ทุกข์มา แล้วก็ไป ทุกข์ในใจน้อยลง หลวงพ่อไม่เคยเรียกร้องลาภสักการะหรือสิ่งตอบแทนมากไปกว่าให้ทุกคนหมั่น เพียรปฏิบัติ เอาเอง อย่าติดครูบา อาจารย์ ให้ปฏิบัติบูชาแด่องค์สมเด็จ สัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อบอกเสมอว่า ท่านเป็นเพียงสาวกผู้ถ่ายทอดธรรมะของพระพทุธเจ้า เท่านั้น
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
18
ตลอดเวลาสองปีกว่าที่ฟังธรรมะจากหลวงพ่อผ่าน CD และ Internet ดิฉันั ได้มี โอกาสไปสวนสันติธรรมเพียงครั้ง เดียวเมื่อ เดือนมีนาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา บุญคุณ ของ หลวงพ่อ แม้ตลอดชีวิตดิฉันคงทดแทนไม่หมดดิฉันกราบถวายปฏิบัติบูชาคุณ พระพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้า หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ตลอดจนครูบา อาจารย์ ทุก ท่าน คุณบิดามารดา และผู้ มีคุณ ต่อดิฉันทุกท่าน กราบหลวงพ่อ ด้วยความเคารพบูชายิ่ง โดยคุณ ฐิติรัตน์ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพวิญญูหิติ 784. เคยฟังแต่ซีดีของหลวงพ่อ แล้วปฏิบัติตามที่ท่านสอน ถึงจะไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจังแต่ก็สามารถนํามาใช้ในชีวิต ประจําวันได้ คําสอนของท่านฟังแล้วเข้าใจง่าย ไม่ล่องลอย สามารถปฏิบัติได้จริงๆ ........... โดยคุณทพญ.พัชรินทร์ 785. หลวงพ่อครับ... เมื่อก่อนผมเคยแต่อ่านหนังสือธรรมะแต่ไม่เคยน้อมนําธรรมะมาปฎิบัติใช้กับชีวิตเลย อ่านไปเรื่อยๆ เหมือนธรรมะเป็นแค่ หนังสืออ่านเล่นเท่านั้น เคยคิดว่าทางเดินไม่มีแล้ว พระอริยะบุคคลไม่มีแล้ว ศาสนาพุทธที่แท้คืออะไรหนอ สอนอะไรหนอ ได้แต่ทําบุญไปตามประเพณี เก็บความสงสัยไว้ในใจมาตลอด จนมีโอกาสฟัง CD หลวงพ่อ ทําให้ผมพบว่าทางเดินที่ไปสู่ มรรคผลนั้นยังมีอยู่ ยังเป็นไปได้ เหมือนที่ท่านเตือนว่า หนทางยังไม่ขาดสาย.... และหลังจากที่นําการปฎิบัติที่หลวงพ่อชี้แนะเกี่ยวกับการเจริญสติในชีวิตประจําวันมาใช้ ผมสังเกตความเปลี่ยนแปลงด้วย ตนเองว่า จากที่ไม่เคยมีศีล ก็มีความตั้งใจรักษาศีล จากที่ไม่เคยปฎิบัติในรูปแบบใดๆ เลย ก็มีความเพียร มีสัจจะที่จะปฎิบัติได้ทุกวัน แม้จะเป็นเวลาวันละเล็กน้อย จากที่เคยเห็นแก่ตัวมาก ก็สังเกตุว่าเห็นแก่ตัวน้อยลง เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นน้อยลง จากไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับกายใจตัวเองเลย ก็เริ่มได้รู้จักตัวเองมากขึ้น จากเคยทุกข์มาก ก็ทุกข์สั้นลง ได้รู้ว่าพระพุทธองค์สอนอะไร ก็เพราะหลวงพ่อ มีโอกาสได้รู้จักและอ่านประวัติปฎิปทาครูบาอาจารย์หลาย ๆ ท่าน มีโอกาสได้กราบครูบาอาจารย์ ก็เพราะหลวงพ่อ มีโอกาสได้ศึกษาธรรมะ เข้าใจว่าศาสนาพุทธสอนอะไร ก็เพราะหลวงพ่อ ได้มีส่วนเล็กๆ ในการเผยแพร่ธรรมะ ได้พบทางเดิน รู้เป้าหมายชีวิตตนเอง ก็เพราะหลวงพ่อ ดีขึ้นมาได้ เข้มแข็งขึ้นมาได้ ก็เพราะหลวงพ่อ เป็นมนุษย์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ก็เพราะหลวงพ่อ สิ่งที่ศิษย์คนเล็กๆ คนหนึ่งจะตอบแทนพระคุณท่านได้ คือปฎิบัติภาวนาแทนคุณพระรัตนตรัย ถวายเป็นพุทธบูชาและอาจา ริยบูชาแด่หลวงพ่อปราโมทย์ ผู้ชี้ทางสว่างให้ชีวิต แม้ยังเดินก้าวแรกไม่เป็น แต่ขอสัญญากับหลวงพ่อว่า จะหัดยืนและหัดเดินต่อไปตามทางที่หลวงพ่อเมตตาชี้ทางไว้ ตราบ จนถึงปลายทางแห่งทุกข์ครับ ขอบพระคุณหลวงพ่อมากครับ โดยคุณ โสภณ 786. ผมได้เริ่มศึกษาธรรมะของหลวงพ่อตั้งแต่ต้นปี 2549 โดยผมสนใจธรรมะเพราะว่าผมมีความทุกข์ในใจที่ไม่สามารถ ปรึกษาใครได้ แต่เมื่อผมได้ฟังธรรมะของหลวงพ่อทําให้ผมได้เข้าใจตัวเอง เข้าใจจิตใจตัวเองมากขึ้น ให้ให้ผมสามารถใช้ ชีวิตมีปัจจุบันมีความสุขมากขึ้น และเมื่อครั้งที่ผมมีปัญหา ชีวิตเข้ามาพร้อมๆกันหลาย ผมก็ได้อาศัยความสอนและการ ปฏิบัติเป็นกําลังใจให้ผมสามารถสู้กับวิกฤติต่าง ๆ ผมจึงมั่นใจว่าผมได้เดินมาในทางที่ถูกต้องแล้ว
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
19
ถึงแหมว่าผมจะเป็นลูกศิษย์ที่ไม่ดีนัก คือไม่ขยันปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอน แค่ปฏิบัติเป็นครั้งเป็นคราวผมยังรู้สึกว่า คําสอน ของหลวงพ่อ ช่วยชีวิตผมไว้ได้เสมอมา และผมก็คือปวรณาตัวจะปฏิบัติบูชาหลวงพ่อปราโมทย์ และยังขอยันยืนที่จะทําต่อ ไปจนกว่าชีิวิตจะหาไม่ และผมขอเป็นกําลังใจให้หลวงพ่อปราโมทย์ และคณะลูกศิษย์ของหลวงพ่อทุกคนให้สู้ต่อไปครับ โดยคุณพิสิฐ 787. กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ตลอดชีวิต 27 ปีที่ผ่านมา ย้อนนึกไป ลูกคงเป็นเหมือนคนหลงทาง หาบ้านที่แท้จริงไม่เจอ ลูกตั้งคําถามกับชีวิตไปสารพัด แต่ก็ไม่เคยได้คําตอบ จนวันที่ความทุกข์เดินทางเข้ามาในชีวิตลูก ตอนนั้นมันมีแต่ความทรมาน มองหาทางออกไม่เจอ ชีวิตแต่ละวันผ่านไปอย่างเจ็บปวดและไร้ค่า บางครั้งก็รุนแรงถึงขนาดไม่อยากหายใจ … แล้ววันหนึ่ง วันที่ลูกได้พบกับธรรมะของหลวงพ่อ แค่ได้ฟังซีดีของหลวงพ่อเท่านั้น ความทุกข์ที่เคยมีก็เหมือนลดลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ใจมีแต่ความปีติและซาบซึ้งในรสพระธรรมค่ําสั่งสอน ธรรมเทศนาจากหลวงพ่อเป็นธรรมะที่ง่ายและงดงาม และเมื่อน้อมนําในสิ่งที่หลวงพ่อเมตตาสั่งสอนมาปฏิบัติ ลูกก็ได้พบกับความมหัศจรรย์ในชีวิต ลูกได้เห็นในสิ่งที่เมื่อก่อนไม่เคยเห็น นั่นก็คือ กิเลส กิเลสที่คอยควบคุมบงการจิตใจของเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แปลกจริงๆนะคะ เวลาที่รู้ทันเจ้ากิเลสนี่ทีไร ลูกจะรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง จนถึงวันนี้ผ่านมาสองปีแล้วค่ะ ชีวิตของลูกเปลี่ยนแปลงไปมาก ความทุกข์ที่ยาวนานก็สั้นลง กิเลสที่เคยมีก็เบาบาง ความเศร้าที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทก็หนีหายไปไหนไม่รู้ ชีวิตที่มีธรรมะเป็นเครื่องค้ําจุนจิตใจ มันช่างเป็นชีวิตที่มั่นคง และอบอุ่นจริงๆค่ะ และเมื่อคิดถึงอนาคตของตัวเอง ลูกไม่เคยหวั่นไหว หรือมีคําถามอะไรในใจอีกเลย เพราะว่าวันนี้ลูกรู้คําตอบแล้วว่า ชีวิตนี้ลูกเกิดมาทําไม แล้วลูกจะเดินต่อไปทิศทางไหน กราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากๆนะคะที่ทําให้ชีวิตของลูกเปลี่ยนแปลงไป การได้เจอหลวงพ่อ และได้ศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าที่หลวงพ่อเป็นผู้ถ่ายทอด ทําให้ลูกรู้สึกตื้นตันและดีใจมากจริงๆที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาบนแผ่นดินนี้ และได้พบเจอกับธรรมะ ชีวิตนี้ของลูกจะขอปฏิบัติประพฤติธรรมไปจนวันตาย เพื่อเป็นธรรมบูชาแก่หลวงพ่อ ผู้ที่ให้ชีวิตใหม่ ให้แสงสว่าง ให้คําตอบในชีวิตแก่ลูก หลวงพ่อเป็นพระผู้ให้อย่างแท้จริงค่ะ... โดยคุณนิรินธน์ 788. จําได้ว่า ..นับตั้งแต่วันที่ได้รับ CD หลวงพ่อมา..ก็ไม่ได้สนใจจะเปิดฟัง...คิดว่าคงเป็น CD บรรยายธรรมทั่วไปที่เคย ฟัง จนเพื่อนผู้ให้..โทรมาติดตาม...ก็เลยเปิดฟังด้วยความเกรงใจผู้ให้ ...เพื่อจะได้ตอบได้ว่า..ฟังแล้วนะ...แต่ คงเป็นกุศล กรรมที่เคยได้ทํามากับเพื่อนและกับหลวงพ่อ ...เปิดฟังแผ่นแรก..ยังจําได้ว่า..ใจมันตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาก...ความ รู้สึกบอกตัวเองว่า .นี่แหละธรรมแท้..สุดยอดจริงๆ...เข้าถึงจิตถึงใจแบบทะลุทะลวง..เหมือนสิ่งที่รอคอยมานาน...คําตอบทุก อย่างกระจ่างชัด..เหมือนคนหลงป่าแล้วเจอทางเดินกลับบ้าน..อย่างไรอย่างนั้น ...เริ่มปฏิบัติตามด้วยการดูกายดูใจ...ฝึก ตาม CD มาเรื่อยๆ นับตั้งแต่ฟังครั้งแรกจนถึงวันนี้ ปีเศษแล้ว.. ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในจิตในใจ...เพียงเวลาไม่นานจริงๆ อย่างที่หลวงพ่อท้าให้พิสูจน์ ...สิ่งหนึ่งที่เห็น คือ...เห็นความโกรธ..ความไม่พอใจ..ที่เดือดปุดๆ ทดลองทําตามหลวงพ่อ (จากที่ไม่เคยเห็น..ไม่เคยดู.ว่ามันอยู่ในตัว เรา..อยู่ในใจเรานี่เอง) ..แล้วพักนึงในเวลาไม่นาน ..รู้สึกตัวอีกที..ก็เห็นว่ามันจางหายไปแบบไม่เหลือซาก...ไม่มีอะไรติด ค้างในใจเหมือนที่ผ่านมา....จากทุกข์มากก็ทุกข์น้อยลงจริงๆ ..จิตใจโปร่งโล่งเบาขึ้น นับจากวันนั้นก็รู้ว่าหนทางยังมีอยู่...ผู้ เดินก็ยังไม่ขาดสาย ...ทําจริงก็เห็นผลจริง..ธรรมะของพระพุทธองค์ประเสริฐที่สุด จึงขอถือโอกาสอันดีนี้ ...ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อผู้เป็นแสงสว่างนําทางกลับบ้านที่แท้จริง..และตั้งใจที่จะ ปฏิบัติบูชา พระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์ ตลอดไปค่ะ โดยคุณสถาพร โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
20
789. ความรู้สึกจากการปฏิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อ ตั้งแต่ได้ปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่หลวงพ่อสอน ทําให้มีสติในการทําสิ่งต่าง ๆ ในประจําวันมากขึ้น เพราะสามารถเจริญ สติได้ตลอดเวลา ทุกที่คือสนามในการปฏิบัติธรรม จากเดิมที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดีก็จะเห็นส่วนไม่ดีของตัวเองด้วย และขณะเดียวกันก็เพ่งโทษคนอื่นน้อยลง รู้สึกถึงความเปลี่ยนไปในทางที่ดีจากการปฏิบัติธรรม มีความศรัทธาในพระพุทธ ศาสนา อยากให้คนทั้งโลกปฏิบัติธรรมและเข้าถึงธรรม โลกคงจะสงบสุขและน่าอยู่กว่านี้เยอะค่ะ ขอเป็นกําลังใจให้หลวง พ่อนะคะ โดยคุณ ชุณหเกตุม์
790. ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ได้ฟังธรรมะในแนวทางที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนมาประมาณ 3 ปี หลวงพ่อสอนให้เราพัฒนาสติเพื่อ มาเรียนรู้ดูกาย ใจ ของเราเอง สิ่งที่ได้ก็คือ ดิฉันเห็นกิเลสตัวเองมากมายจนบางครั้งรู้สึกละอายว่าเรานั่นล่ะเป็นนางมาร ร้ายมิใช่คนอื่น ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนที่มาเรียนรู้ธรรมะในแนวของหลวงพ่อเวลามีข้อถกเถียงหรือปัญหาใดๆ เราจะคิดว่าเราถูก คนอื่นที่คิดไม่เหมือนเราเป็นคนผิด แต่ปัจจุบันเวลาเริ่มคิดไม่ดีกับใครก็จะรู้สึกตัวแล้ววางความคิดลงไม่คิดต่อ หรือคิดไปในมุมของคนที่คิดไม่เหมือนเราว่าทําไมเขาจึงคิดเช่นนั้นทําให้เราปล่อยวางเรื่องที่ทําให้ใจเราหนักได้มาก ทําให้ จิตใจมีความสุขมากขึ้น ดิฉันคิดว่าสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ดูกายใจตนเองคือเราสามารถตื่นขึ้นเป็นขณะๆ จากความคิด ความฝัน ที่มีอยู่ทั้งวันทั้งคืน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราบังคับไม่ได้มันเป็นอยู่อย่างนั้นของมันเอง บังคับไม่ได้ ซึ่งคําพูดตรงนี้ดิฉันไม่ได้จําจากตําราแต่ดิฉันเห็นและ รู้สึกอย่างนี้จริงๆ ทําให้ดิฉันเข้าใจธรรมชาติของกายใจ และทําให้ทุกข์น้อยลงจากการเข้าใจความเป็นจริงของธรรมชาติ เพราะยอมรับและปล่อยวางเป็น "มันเป็นเช่นนั้นเอง" ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ มาณ.โอกาสนี้ โดยคุณสยุมพร 791. ตั้งแต่เด็ก งงมาตลอดว่าการปฎิบัติทําอย่างไร มาได้คําตอบจากหลวงพ่อนี่แหละ เชื่อว่าหลวงพ่อเป็นพระแท้ที่เปี่ยมด้วยเมตตา ยอมสละความสบายส่วนตัวเพื่อมาช่วยเหลือพวกเรา ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยในสากลโลก คุ้มครองหลวงพ่อและคุณแม่ช ี และขอเชิญทุกคนปฎิบัติบูชาถวายแด่ พระพุทธเจ้า และหลวงพ่อค่ะ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
21
ซาบซึ้งคุณหลวงพ่อ โดยคุณ Suree 792. “ ทองแท้ ย่อมทนต่อการพิสูจน์ “ ผมได้มีโอกาสฟังธรรมจากท่านพระอาจารย์ปราโมทย์ ส่วนมากจากทาง MP3 และได้หัดเรียนรู้ ,ฝึกฝน และปฏิบัติตามแนวทางการสั่งสอนของท่านพระอาจารย์. สิ่งที่ได้ตามหามานานนนนนนน.และได้ ถูกค้นพบแล้วว่า จริต นิสัยของ ตนเองควรเริ่มจากแนวทางนี้ เดินไปตามเส้นทางนี้ที่ครูอาจารย์ แนะ นํา สอน สั่ง .... หวังว่าเรื่องนี้ควรจะยุต ิ ลงเสียที และ เป็นการเชื่อ และศรัทธา ต่อ พระอาจารย์ปราโมทย์ อย่างสนิทใจ ขอเป็นคนหนึ่ง ในการส่งกําลังใจไปให้พระอาจารย์ปราโมทย์ ให้ท่านได้พ้นอุปสรรค ไปได้ ครับ. มีสุข มีทุกข์ มียศ เสื่อมยศ มีลาภ เสื่อมลาภ มีสรรเสริญ มีนินทา โดยคุณ นพพร 793. หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ที่ข้าพเจ้ารู้จัก กราบพระพุทธ กราบพระธรรม กราบพระสงฆ์ ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณในมหาเมตตาและกรุณาของหลวงพ่อปราโมทย์
ปาโมชโช ที่ได้เสียสละ
ความสุข สบายส่วนองค์ท่าน มาพร่ําสั่งสอนพวกเราจนถึงทุกวันนี้ อย่างอาจหาญ ในท่ามกลางปัญหาต่าง ๆ ชีวิตนี้ข้าพเจ้าโชคดีมาก ไม่เสียชาติเกิดแล้ว ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้พระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า โดยผ่านการสืบทอดและเผยแพร่ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ผ่านหนังสือและซีดี แล้วนํามาปฏิบัติตาม จากการปฏิบัติทําให้ข้าพเจ้าได้รู้จักร่างกาย จิตใจ ของตัวเองมากขึ้น เห็นกิเลส กุศล อกุศลและสภาวธรรม ต่าง ๆ ที่เป็นของจริงภายในจิตใจตัวเองมากมาย ข้าพเจ้ามั่นใจในมรรคาสายนี้ และจะขอปฏิบัติต่อไปจนกว่าจะละความ เห็นผิดและปล่อยวางตัวตนลงได้ ที่ผ่านมาประมาณ 8 ปี ข้าพเจ้าอ่านหนังสือที่เขียนโดยหลวงพ่อฯ เกือบทุกเล่ม ฟังซีดีเกือบทุกแผ่น ฟังเทศน์ที่ ศาลาลุงชิน 1 กัณฑ์ ที่รพ.สระบุรี 1 กัณฑ์ มีโอกาสส่งการบ้าน 2 ครั้ง นอกเหนือจากการอ่านและฟังแล้ว ข้าพเจ้านําคําสอน ของท่านมาปฏิบัติตามในชีวิตประจําวัน ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าการเขียนหนังสือของหลวงพ่อและการเทศนาแต่ละครั้งมีความครอบคลุม ครบถ้วน ทั้ง ศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขา สําหรับการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ซึ่งทุก ๆ กัณฑ์เทศน์งดงามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และ ที่สุด เริ่มต้นด้วยทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ตามลําดับ ท่านเริ่มต้นสอนเราตั้งแต่ให้มีศีลเป็นเบื้องต้นก่อน ต่อมาให้เรียนรู้ทุกข์ เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของจิต จนเกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์ เพราะคําสอนของหลวงพ่อ ทําให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่าในยุคนี้ยังมีครูบาอาจารย์สั่งสอนหนทางปฏิบัติไปสู่ ความพ้นทุกข์ได้จริง ๆ
โดยสามารถเริ่มปฏิบัติในวิถีชีวิตประจําวันได้ คําสอนของท่านให้ทั้งหลัก และอุบาย มีทั้งแนวรับ
แนวรุก ไม่พบว่าท่านตําหนิแนวปฏิบัติสํานักอื่น แต่ท่านสอนให้รู้ว่าแต่ละแนวจะปฏิบัติให้ถูกต้อง ให้เห็นไตรลักษณ์ได้ อย่างไร ทําให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าใจ เชื่อมโยง ประสาน คําสอนและการปฏิบัติของครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ ได้อีกด้วย
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
22
ข้าพเจ้ารู้ว่าสังสารวัฏของข้าพเจ้าได้สั้นลงอีกหนึ่งภพชาติ ชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดแล้ว เมื่อได้เรียนรู้พระธรรม จากท่าน หากข้าพเจ้ายังต้องเวียนว่ายในสังสารวัฏอีกตราบใด ขอให้ข้าพเจ้าได้เกิดมาในดินแดนพระพุทธศาสนา มีโอกาส ได้ฟังธรรมแท้ ปฏิบัติธรรมตรง มีสัมมาทิฎฐิทุกภพชาติด้วยเทอญ.
ข้าพเจ้าขอปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา โดยคุณ รพีพรรณ 795. ผมได้เคยบวชที่วัดในกทม. เมื่อปี 2534 เนื่องจากระยะนั้นรู้สึกเวิ้งว้างไม่รู้ว่าขาดอะไร และบังเอิญได้พบพระที่มีอายุ รุ่นราวคราวเดียวกัน ขณะนั้นท่าน 9 พรรษาแล้ว แต่ได้ผ่านการปฏิบัติธรรมมาระดับหนึ่ง (ปัจจุบันท่านก็ยังบวชอยู่ ผมยังได้ นําครอบครัว ไปกราบเยี่ยม และทําบุญกับท่านเป็นระยะ ๆ จนถึงปัจจุบัน) ท่านได้แนะนําและสอนการทําสมาธิให้เป็นครั้ง แรกประมาณตี 3 ของคืนวันหนึ่ง ความสงบในสมาธิแบบนั้นผมไม่เคยพบมาก่อน เกิดความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็บวช ได้เพียง 17 วัน เพราะลางานมาเพียงแค่นั้น หลังจากนั้นยังศึกษาแนวทางปฏิบัติและปฏิปทาของหลวงพ่อชา และหลวงปู่ ดูลย์ แต่ก็ไม่คืบหน้า ทําให้ร้างลาไป แต่ก็ยังอ่านหนังประวัติและปฏิปทาของพระอริยะเจ้าหลาย ๆ องค์อยู่เป็นระยะ ๆ เช่น หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่บุดดา หลวงพ่อเทียน หลวงปู่นาค โฆโส และอีกหลาย ๆ องค์ ในใจลึก ๆ แล้วก็ยังรู้สึกอยากจะปฏิบัติ อยู่เสมอ คล้าย ๆ กับหาทางเดินต่อไปไม่พบ จนกระทั่งมีผู้แนะนําให้ฟังคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ในปี 2551 ได้ ทดลองฟังธรรมของท่านจาก CD ก็ทําให้มีความเข้าใจในคําสอนของพระอริยะเจ้าที่เคยอ่านและศึกษามาได้ดียิ่งขึ้น หวน ระลึกถึงคําสอนต่าง ๆ ที่ได้เคยอ่านผ่านมาเป็นฉาก ๆ ถึงแม้ผมเคยไปกราบนมัสการหลวงพ่อ 4 ครั้ง แต่ก็ไม่มีโอกาสส่ง การบ้านกับหลวงพ่อเลย และไม่ได้กราบหลวงพ่อนานมากว่า 1 ปีแล้ว แต่ก็ยังฟัง CD ท่าน และนํามาฝึกหัดตนเองเสมอ ทําให้เห็นอารมณ์ กิเลสต่าง ๆ ของตนเองในแต่ละวันนั้นมีมากเหลือเกิน คําสอนหลวงพ่อช่วยให้ผมเข้าใจหลักการภาวนา มากขึ้น เยือกเย็น สุขุม มากขึ้น ปล่อยวางได้เร็วขึ้น คนใกล้ตัวผมก็ดูมีความสุขมากขึ้น หากมิได้ฟังธรรมคําสอนของหลวง พ่อ ผมคงจะมีทุกข์มากกว่านี้ ภาวนาผิดพลาดมากกว่านี้ หลวงพ่อจึงเปรียบเทียบเหมือนแสงสว่างนําทางให้ผมมีความ เข้าใจเกี่ยวกับหลักการภาวนาที่ถูกต้องได้มากยิ่งขึ้น ผมยังระลึกถึงคําสอนของหลวงพ่อ ซึ่งใช้เตือนสติผมได้มาก กราบขอบพระคุณหลวงพ่อ โดยคุณ นายชัยยศ 796. Luang Poh is really a wonderful person. He is too kinds for words and did everything to help people in distress by showing that you will suffer less if you pawana. His method is not really too lax as some have thought Watching how your mind reacts to things all the time you are not "working" is not an easy task. Those who said it was should try to do so even for half a day then you will find out. All the years I have known him I have never heard him saying or implying that he is an orahun. Even when he seemingly predicted the condition of our practice like concentrating too much he never claimed that he was using any "yarn"to do so. In fact I remembered he has one day laughingly told us that you do not have to have any deep "yarn" to know. Just warching your friend's face you can read if she is concentrating too much. About a year ago Luang Poh has kindly warned me not to be complasant about meditating. Only a few months later I suffered from a slip disk which made walking painful. I am well again now but his warning has served to remind me to meditate more and more. My healing is not a miracle but must have been a result of my "letting go" from my regular practice I shall continue to listen to his CD and hope and pray that those trying to defame him would become enlightened and recognize his good work โดยคุณ Amara (Luang Poh sometimes recognizes me as "Chez".)
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
23
797. ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งนะคะ แม้จะเป็นเพียงแสงเทียนเล่มเล็กๆ แต่เชื่อว่าหากจุดกันหลายๆเล่ม แล้วแสง เทียนเหล่านั้นจะเป็นแสงสว่างที่ใหญ่ขึ้นมาได้ค่ะ ตลอดระยะเวลาที่ได้มีโอกาสฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า ที่ถ่ายทอดโดยหลวงพ่อปราโมทย์นั้น ทําให้ตัว เองเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมากมาย หากไม่ได้หลวงพ่อคอยชี้แสงสว่างให้แล้ว คงไม่ "รู้สึกตัว" ตื่นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน หลวงพ่อสอนให้รู้สึกตัวจนตนเองนั้น ลดมานะ ละอัตตา เห็นไตรลักษณ์ และเพ่งโทษคนอื่นน้อยลง หันกลับ มาดูกิเลสของตัวเองมากขึ้น หากไม่ได้ฟังเทศน์จากหลวงพ่อ คงไม่ "มีสติ" รู้กาย รู้ใจ เป็นอย่างแน่นอน และหากไม่ได้หลวงพ่อคอยชี้แนะ ตนเองก็คงหลงทางไปตลอดชีวิต คําสอนของท่าน ล้วนแล้วแต่ให้รู้จัก สังเกตุสภาวะที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง และไม่ให้ยึดติดครูอาจารย์ ทุกวัน นี้ ปฏิบัติตามคําสอนของหลวงพ่อทุกวัน แต่ยังไม่ได้ตลอดวัน เพราะสติปัญญา ยังไม่แก่กล้า ข้าพเจ้า (ยังไม่ขอเรียกตนเองว่า "ลูกศิษย์" เพราะยังไม่คู่ควรกับคํานี้) ขอปฏิบัติบูชาถวายแด่องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และถวายแด่หลวงพ่อปราโมทย์ ผู้เปรียบเสมือนแสงสว่างที่นําทาง ชีวิตของมนุษย์ตัวเล็กๆ ให้ได้รู้จักธรรมะที่พ้นจากกองทุกข์ กราบแทบเท้าหลวงพ่อที่เคารพยิ่ง โดยคุณ คุณาภรณ์ 798. ดิฉันไม่เคยรู้จักพระปราโมทย์เป็นการส่วนตัว ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยไปวัดของท่าน และยังไม่เคยเห็นตัวท่านเลยสัก ครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นดิฉัน ก็เป็นคนเข้าวัดถือศีลถือธรรมตามปรกติของชีวิตเท่าที่จะอํานวยให้ได้เข้าวัดได้ เคยนั่งสมาธิได้ พอประมาณ บางครั้งก็ถือแบบปฏิบัติธรรมอยู่เนสันชิก คือนัั่งสมาธิ เดินจงกรม ยันเช้า ก็เคย แต่ก็คอยสังเกตุว่า พอออกจากสมาธิหรือ ออกจากณาณแล้วลืมตา มาใช้ชีวิตปรกติประจําวันเพราะดิฉันมีครอบครัว แต่พอมีเรื่องหรือปัญหาต่างๆผ่านเข้ามาในชีวิต เราก็ทุกข์เป็นไปตามทุกข์ของเรื่องนั้นๆ แต่พอวันหนึ่งได้มีโอกาสฟังซีดีธรรมะของพระปราโมทย์ ฟังเรื่อยๆ แล้วลองปฏิบัติ และพิจารณาตามคําสอนของท่านจากที่เคยเจอเรื่องแรงๆแล้วทุกข์นานๆ ก็ทุกข์สั้นลง รู้ทันกิเกสมากขึ้น เห็นความจริงของ กายของใจแท้ๆมากขึ้น เห็นการทํางานของภพน้อย ภพใหญ่ในชีวิตประจําวัน ทําให้ไม่หลงกับสิ่งสมมุติ กับชาติสมมุติ ชีวิตก็ดําเนินไปตามปรกติ จิตก็ปรกติไม่ค่อยได้ดิ้นรนณ์ตามภพน้อย-ใหญ่ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
24
ดิฉันขอกราบขอบพระคุณเจ้าที่ทําให้ดิฉัน ตื่นจากกาย ตื่นจากใจ ตื่นจากภพน้อย-ใหญ่ ตื่นจากสิ่งสมมุติ ทั้งหลาย และดิฉัน ก็จะไม่ประมาทในการรู้ของดิฉัน ไม่ประมาทในการตื่นของดิฉัน เพราะทุกอย่างไม่แน่นอนตื่นได้ก็หลับได้ เป็นคราวๆไป ดิฉันจะนําคําสอนของท่าน ปฏิบัติไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสิ้นลมเจ้าค่ะ ขอกราบนมัสการพระคุณเจ้า(ผู้ที่ไม่เคยได้แม้จะเห็น หน้าพระคุณเจ้าแต่ก็นําคําสอนของท่านมาปฏิบัติจนเห็นผล) โดยคุณ จุไรรัตน์ 799. เคยคิดว่า เราคงไม่มีบุญที่จะปฏิบัติธรรมได้ในชาติน ี้ เพราะฟังธรรมไม่ค่อยรู้เรื่อง เจอบาลีก็นั่งหลับ นั่งสมาธิก็ไม่ สงบ ทั้ง ๆ ที่ใจลึก ๆ อยากรู้อยากเห็นว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไรมาตลอด แต่เมื่อได้มาฟังหลวงพ่อปราโมทย์เมื่อเกือบ 5 ปีก่อน ก็เริ่มเข้าใจแก่นแท้ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เข้าใจว่าชีวิตนี้ที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้มี โอกาสได้มาฟังธรรมและลงมือปฏิบัติแบบตอนนี้ สําคัญหนักหนาขนาดไหน เป็นบุญขนาดไหน ไม่ต้องพูดถึงขั้นชาติหน้า ที่ยังมาไม่ถึง แต่ผลที่ได้จากการลองทําตามที่ท่านสอนในตอนนี้ แม้ยังจัดว่าลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่ ก็ยังทําให้เห็นผลความ เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นกับชีวิตเราและคนใกล้ตัวอย่างมากมาย จากที่ไม่เคยรู้ตัวว่า อยากดีจนเกิดทุกข์ที่ใจขนาดไหน ก็เริ่มเห็นทันในความอยากดีนั้น เปลี่ยนเป็น พอจะดีได้โดยไม่ต้อง เก็บกด (อย่างที่ท่านสอนว่า ไม่ต้องเป็นคน(แกล้ง)ดีก็ได้ แต่อย่าชั่วก็แล้วกัน และถือศีลห้าไว้ให้มั่น) ไม่แอบรุ่มร้อน และหวังผลตอบแทนความดีอย่างเมื่อก่อน หรือเรียกร้อง รอคอยให้คนอื่นมาตอบสนองความดีของเรา คนอยู่ใกล้ก็เลยไม่ ต้องร้อนเพราะเราด้วย นอกจากบ้านเราเปลี่ยนแปลงอย่างรู้สึกได้แล้ว เพื่อน ๆ รอบตัวหลายคน สามารถสู้ปัญหาชีวิตชนิดที่ถ้าไม่มีธรรมะเป็น เครื่องประดับเช่นนี ้ ชีวิตเขาคงล้มเหลวแหลกราญ ชนิดบ้านแตกสาแหรกขาด เป็นปัญหาให้สังคมต่อไป หรือบางคนอาจ จะไม่มีชีวิตอยู่รับความสุข ภายหลังจากผ่านปัญหาหนักหนาเหล่านั้นมาได้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้ธรรมะจากหลวงพ่อเป็น สิ่งจรรโลงใจให้รอดพ้นทุกข์กันมาได้ทั้งนั้น และยังทําให้ทุกคนเรียนรู้ว่า ทุกข์นั้น มีไว้รู้ ไม่ใช่ไว้หนี หรือพยายามจะละเลย ในแง่ปฏิปทาที่แสนงดงาม และน่าศรัทธาของท่าน เท่าที่เราเห็นมาตลอด ที่สวนฯ ไม่เคยมีการเรี่ยไรเลย เราเห็นแต่ บรรดาลูกศิษย์ กระหายที่จะร่วมทําบุญกับท่านเสมอ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน และทุกครั้ง ถ้าท่านรู้ว่า มีการรวบรวม ปัจจัยหรือสิ่งของมาจัดการทําอะไรเพื่อถวายท่านเมื่อไหร่ จะมีเสียงติติงมาเสมอว่า อย่าทํานะ หลวงพ่อไม่ได้ต้องการ (โดนดุมาแล้วอย่างบ่อย ><") สิ่งที่ท่านย้ําอยู่ตลอดเวลา ว่าต้องการเพียงให้เรานําสิ่งที่ท่านสอนไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลในความพ้นทุกข์ของพวกเราเองเท่านั้น ท่านแสดงให้เห็นความพอเพียงอยู่เสมอ และพร้อมที่จะสละออกมากกว่าสะสมตลอดเวลา ดูจากสิ่งของที่ญาติโยมสรรหา ของอย่างดีมาถวาย ท่านก็จะรวบรวมนําไปถวายกับพระหรือวัดที่ยังขาดแคลนแถวอิสานเป็นประจํา หรือเวลาที่ท่านรับ นิมนต์ไปเทศน์ที่ไหน มีผู้ถวายปัจจัยและสิ่งของมากมายแก่ท่าน ท่านก็จะมอบคืนให้เจ้าของงานนําไปใช้ประโยชน์หรือ แจกจ่ายต่อทุกครั้ง ท่านสอนเราด้วยการกระทําเป็นตัวอย่างอันดีเสมอ เราไม่สามารถเขียนแสดงความเมตตาของท่านที่เราได้รับมาตลอดได้หมด ได้แต่ขอบอกว่า ทั้งรักและศรัทธาต่อท่านไม่ เปลี่ยน แม้จะมีข้อกล่าวหาใด ๆ ออกมาก็ตาม ขอสัญญาว่า ถึงแม้จะต้องค่อย ๆ คลานไป ตามปัญญาอันน้อยนิด แต่ จะไม่หยุดการปฏิบัติตามคําสอนของท่านเลยค่ะ โดยคุณ ทัศรา 800. กราบนมัสการหลวงพ่อด้วยความเคารพ ถ้าไม่ได้เจอคําสั่งสอนของหลวงพ่อ ก็คงไม่รู้เลยว่า ธรรมะที่แท้จริงเป็นอย่างไร เกียวข้องกับชิวิต กับธรรมชาติอย่างไร และง่ายเหมือนเปิดของคว่ําให้หงาย อย่างไร คําสั่งสอน แนวปฏิบัติ ที่หลวงพ่อสละแรงกาย ทุ่มเทแรงใจ สั่งสอนพวกเรานั้น เป็นสิ่งที่เรียบง่าย สามารถนํามาใช้ได้ในชีวิตจริง และปรากฎผลให้ประจักษ์ ได้อย่างชัดเจนและเห็นผลในเวลาไม่นานเลย และทําให้รู้ว่า เป้าหมายและแก่นสารของชีวิตที่แท้จริง คืออะไร อยู่ที่ไหน โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
25
ได้ดําเนินชิวิตตามแนวทางดูจิตที่หลวงพ่อแนะนํา ประมาณ 4-5 ปี ชิวิตเหมือนเกิดใหม่ ก่อนหน้านั้นก็เหมือนชาวพุทธส่วนใหญ่ ที่ไม่รู้สาระที่แท้จริงของศาสนา ว่าคืออะไร อยู่ที่ไหน และจะเข้าถึงได้อย่างไร จนกระทั่งมาเจอหลวงพ่อ ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมากมาย จากทุกข์มาก ก็ค่อยๆเข้าใจมากขึ้น ยึดมั่นถือมั่นน้อยลง และทุกข์น้อยลง ขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อเจ้าค่ะ โดยคุณ วันทนา 801. กราบนมัสการหลวงพ่อเหนือเศียรเกล้า ผมชื่อนายพัฒนพงษ์ อายุ 52 ปี อดีตข้าราชการกรมการปกครอง ตําแหน่งปลัดอําเภอ ปัจจุบันเกษียณราชการก่อนกําหนดมาได้ 1 ปีแล้วครับ ที่ผ่านมาก็สนใจเรื่องศาสนานะครับ แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนัก สนใจว่าพุทธศาสนาสอนอะไร ก็รู้ๆไปตามอย่างที่คนไทยทั่วๆไปได้รับรู้ ผ่านกระบวนการศึกษาในหลักสูตร ผ่านประเพณีวัฒนธรรม ผ่านการหาอ่านเพิ่มเติมบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทําให้ดื่มด่ําอะไรมากนัก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องบาปบุญคุณโทษ การทําบุญใส่บาตร ก็เท่านั้น ปฏิบัติภาวนาไม่เป็น ไม่รู้ด้วยซ้ําว่าการภาวนาคืออะไร ทําอย่างไร รู้แต่เพียงทําดี มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ผิดศีลธรรม ก่อประโยชน์ส่วนรวมก็พอแล้ว แต่ก็ทําดีจริงๆไม่ได้ ร้ายไปกว่านั้นอีกก็คือเข้าใจว่าสิ่งที่ทําอยู่ดีแล้ว คิดมาก โทสะจัด (แต่กดไว้) โลภไม่มาก อัตตาสูง จิตใจเคร่งเครียด เป็นทุกข์บ่อย ทุกข์นาน เบื่อไปหมด ประมาณต้นปี 2552 พี่คนหนึ่งได้นําซีดีหลวงพ่อแผ่นที่ 23 มาให้ ผมก็พยายามฟังจนจบ จบแล้วก็อยากฟังอีก อยากรู้มากขึ้น จากนั้นก็ไปพบเว็บไซต์วิมุติ จึงได้ดาวน์โหลดมาจนครบทุกแผ่น ฟังทุกคืน ฟังจนหมด ฟังจนคิดว่าพอเข้าใจหลัก แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มภาวนา วันหนึ่งขณะที่ผมกําลังโกรธ ผมรู้สึกตัวว่ามีความโกรธเกิดขึ้น ผมเห็นความโกรธนั้นมันหยุด แว่บแรก ผมหวนคิดถึงคําสอนของหลวงพ่อ มันอ๋อทันทีว่า ที่หลวงพ่อสอนนั้นมันเริ่มจากอย่างนี้นี่เอง แล้วมันก็เอ๊ะ ใช่รึเปล่า แล้วมันก็รู้สึกอีกว่ากําลังสงสัย แล้วมันก็เผลอไปทําเรื่องอื่นยาวไปเลย หลังจากนั้นผมก็มาพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นเทียบกับคําสอนของหลวงพ่อ ก็เข้าใจได้ว่าสภาวะ "รู้" นั้นเป็นกุศล เมื่อเกิดขึ้นแล้ว สภาวะอื่นที่เป็นอกุศลจะดับไป ผมเห็นช่องทางที่จะเริ่มปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอน โดยการตามรู้สภาวธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้นทั้งที่เป็นกุศล และอกุศล โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
26
ผมเริ่มรู้ได้เร็วขึ้นทั้งโลภะ โทสะ โมหะ แล้วก็เป็นจริงตามที่หลวงพ่อสอน เมื่อสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นถ้ารู้เร็วมันก็ดับเร็ว การตามรู้อย่างต่อเนื่องจะทําให้เกิดสติบ่อยขึ้น เมื่อก่อนนี้ผมถูกความคิด "หลงคิด" ทําร้ายเป็นประจํา แต่เดี๋ยวนี้ ความคิดทําร้ายผมได้น้อยลง สั้นลง จากคนเดิมที่มีทุกข์เป็นเจ้าเรือน ผมมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม ผมมีกําลังใจมากขึ้น เชื่อมั่นมากขึ้นในการเพียรเจริญสติในชีวิตประจําวัน แม้ขณะนี้จะยังไม่ก้าวหน้ามากนัก แต่ก็ไม่ร้อนรุ่ม ตอนนี้กําลังฝึกปฏิบัติตามรูปแบบอยู่เพื่อให้จิตตั้งมั่นมากขึ้นครับ ผมไม่เคยไปกราบหลวงพ่อที่วัด ไม่เคยส่งการบ้าน และไม่รู้สึกว่าตัวอ่อนแอเลย แต่ได้กราบหลวงพ่อในความฝันแล้ว (ขณะนั้นรู้สึกตัวด้วยครับ) ตอนนี้หลวงพ่ออยู่กับผมทุกวัน ผ่านซีดีจากเว็บไซต์ และหนังสือที่ได้รับแจกจากญาติธรรม อาทิ อาจารย์สุรพล สายพานิช เป็นต้น ขออนุโมทนาบุญมา ณ ที่นี้ด้วย สิ่งที่เสนอมาทั้งหมดเพื่อเป็นพยานถวายแด่ หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชฺโช และจะตั้งใจปฏิบัติบูชาให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ โดยคุณพัฒนพงษ์ 802. จากหัวใจของผม แด่หลวงพ่อผู้มีแต่ให้ สิ้นโลกเหลือธรรม ครูบาอาจารย์กล่าวไว้ วิถีโลกทําลายล้างกันด้วย ทิฐิ ตัณหา ถูกผิด จนแม้โลกจะสิ้นก็ยังคงทําลายล้างกันด้วยวิถีนี้ แต่ถึงแม้โลกจะสิ้นไปแต่ธรรม จะคงอยู่ หลวงพ่อนําธรรมที่พระพุทธเจ้าค้นพบ มาถ่ายทอดเพื่อการปฏิบัติที่เห็นผลประจักษ์แจ้งแก่จิต แก่ใจ ของผู้ปฏิบัติ โดยจริงแท้ ผลแห่งการปฏิบัติทําให้เรามั่นใจว่าเรามีเสบียงเครื่องมือพร้อมที่จะเดินทางไกลเพื่อกลับบ้านที่แท้จริง หลวงพ่อ สอนคนไม่เพียงเตรียมเสบียงหรือเครื่องมือเพื่อไปเดินทางไกล แต่สอนให้ผู้ปฏิบัติมั่นใจว่าทางอาจไม่ไกลอย่างที่คิด ยิ่ง ปฏิบัติเรายิ่งเห็นทาง ซ้ํายังเพิ่มความมั่นใจที่จะได้กลับบ้านที่แท้จริงอย่างแน่ๆ โดยส่วนตัวคิดว่าธรรมะที่ถ่ายทอดโดยหลวงพ่อเหมาะสม ทันยุค ทันสมัย กับยุคที่กิเลสครองโลก ท่วมโลก แม้แต่ผู้ที่ได้ พอกฉาบตัวเองไว้ว่าเป็นชาวพุทธ รักพระพุทธศาสนา ก็ยังมิรู้เท่าทันกิเลสในตน ว่าจริงๆแล้วการกระทําของตนนั้น มัน เป็นการสรรค์สร้างหรือทําลายกันแน่ กิเลสช่างร้ายถึงเพียงนี้ เป็นบทเรียนของการปฏิบัติว่า ถ้าเราเอาตัณหา ความอยากได้อยากเป็นในการปฏิบัติมานําหน้า หรือเป็นบุคคลที่ชาล้น ถ้วยแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่งไม่สามารถที่จะยอมรับได้ว่า มันไม่ได้สามารถได้ สามารถเป็นอย่างตามความบังคับ บัญชา ของอนุสัยกิเลสที่นอนนิ่งอยู่กระเพื่อมขึ้นมา แล้วจะมาตีโพยตีพาย กล่าวโทษจับผิด ตรวจสอบว่าร้าย ทําลาย ปิดกั้น ครูบา อาจารย์ เพื่ออะไร? เพื่อใคร? ได้อะไร? เสียดายแทนผู้ที่กําลังแสวงหาหนทางปฏิบัติ ที่ง่าย ลัดสั้น เห็นผลโดยทันที ได้รับข่าวสารจากสื่อที่มิถูกต้องตามความเป็น จริงแล้ว อาจจะทําให้ลังเล แสวงหา เนิ่นช้า พลาดโอกาสอีกโอกาสหนึ่งไปจริงๆ โดยคุณ ผู้ที่ใช้นามแฝง ต.โต๋
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
27
803. ปาฏิหาริย์แท้จริงที่หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโชแสดงให้ผมเห็น โดย นายฤทธิชัย (อายุ ๓๗ ปี) ในอดีตหลายปีที่ผ่านมานั้น ผมทําผิดศีลห้าครบทุกข้อเป็นประจําเลย ทั้งตียุง ตบแมลงวัน ฉีดยาฆ่าแมลงสาป ทั้งใช้ของที่ ทํางานเพื่อเรื่องส่วนตัว (เช่น โทรศัพท์หาเพื่อนหาแฟน สั่งพิมพ์เอกสารเพื่อเรื่องส่วนตัว) ทั้งไปเที่ยวผู้หญิงกลางคืนตาม สถานเริงรมย์ ทั้งพูดโกหก คําหยาบ เสียดสี และเพ้อเจ้อในแต่ละวัน และทั้งดื่มสุรามากมายอีกด้วย ซึ่งแม้ว่าผมจะได้เข้าวัด ทําบุญไหว้พระ และได้ทําบุญทําทานช่วยเหลือสาธารณะอยู่พอสมควร แต่ในหลาย ๆ วาระโอกาสนั้น ผมก็ยังโดนกิเลสลาก ไปสร้างอกุศลกรรมอันเป็นการเบียดเบียนตนเอง หรือผู้อื่นอยู่เสมอ ๆ แม้ว่าที่ผ่านมานั้น ผมจะได้อ่านหนังสือธรรมะและนํามาปฏิบัติอยู่บ้าง เพื่อที่จะพัฒนาให้ตัวเองเป็นคนดียิ่งขึ้นก็ตาม แต่ผมก็ แค่เพียงวนเวียนอยู่ในเรื่องการมุ่งทําความดีตามหลักจริยธรรมสากลทั่วไป (และมุ่งเพื่อให้ได้ “สวรรค์สมบัติ” เท่านั้น) โดย ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงสอนอะไร ทําไมพระพุทธศาสนาจึงมีความสําคัญ และอะไรที่เป็นแก่นสําคัญของ พระพุทธศาสนา จนเมื่อประมาณสามปีก่อน ผมได้มีโอกาสฟังธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์จากซีดีธรรมะที่เพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชน แจกฟรีเป็นธรรมทาน และได้ลองนําไปปฏิบัติตามเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่งไม่นาน
หลังจากนั้น ผมพบว่า สิ่งสําคัญที่ผมได้
เรียนรู้จากธรรมเทศนาของหลวงพ่อนั้นก็คือ “การภาวนา” โดยการเจริญสติและเรียนรู้สภาวะ และได้เรียนรู้ในเรื่อง “ปรมัตถธรรม” (ซึ่งรวมถึงเรื่อง “อริยสัจ” และ “ปฏิจจสมุปบาท” ด้วย) โดยการได้ฟังธรรมเทศนาดังกล่าว ทําให้ผมเริ่ม เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงสอนอะไร ทําไมพระพุทธศาสนาจึงมีความสําคัญ และอะไรที่เป็นแก่นสําคัญของพระพุทธ ศาสนา (และผมเริ่มเห็นแล้วว่า “สวรรค์สมบัติ” นั้นก็ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงที่เราควรไปหลงยึดติดอยู่) นอกจากนั้นแล้ว ในชีวิตส่วนตัวของผมนั้น การรักษาศีลมีความมั่นคงเข้มแข็งมากขึ้น (ไม่เพียงแค่ศีลห้าเท่านั้น แต่ยังรักษา ไปถึงศีลแปดในบางวันด้วย) สิ่งกุศลกรรมที่ไม่เคยได้ทํา ก็ได้มีโอกาสทํา (ยกตัวอย่างเช่น ได้ถวายหนังสือธรรมะจํานวน มากแก่พระภิกษุจํานวนมาก) สิ่งกุศลกรรมใด ๆ ที่ได้เคยทําอยู่แล้ว ก็ได้ทํามากขึ้น สิ่งอกุศลกรรมใด ๆ ที่เดิมได้ทําอยู่เป็น ประจํา ก็ทําน้อยลง และผมอ่านหนังสือธรรมะเล่มอื่น ๆ ได้เข้าใจมากขึ้น นอกจากนี้ ผมยังมีโอกาสได้ช่วยเหลือแนะนําเรื่อง ธรรมะให้แก่เพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชนท่านอื่น ๆ ที่มีปัญหาชีวิตหรือมีความทุกข์ และจนกระทั่งได้ไปช่วยเขียนบทความธรรมะ ลงในวารสารธรรมะอีกด้วย ผมได้เคยอ่านพบในข่าวตามสื่อต่าง ๆ ว่ามีเพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชนบางท่านกล่าวหาว่าหลวงพ่อปราโมทย์ได้แสดง ปาฏิหาริย์ในธรรมเทศนาของท่าน ผมไม่ทราบว่าพวกเขาเห็นอะไร ได้ยินอะไร และทําไมเขาถึงกล่าวเช่นนั้นต่อธรรมเทศนา ของหลวงพ่อปราโมทย์ แต่ผมอยากจะบอกเพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชนถึง “ปาฏิหาริย์แท้จริง” ที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านได้ แสดงให้ผมเห็นนะครับ สิ่งที่ผมเห็นในชีวิตจริงเลย ก็คือ ธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมชนั้น ทําให้ผมคนหนึ่งจากที่เคยเป็นคนทําผิดศีลห้าครบทุก ข้อเป็นประจํา และไม่เคยเข้าใจอะไรในพระพุทธศาสนาดีพอนั้น (เพียงในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา จวบจนถึงวันนี้) กลายมา เป็นคนที่ตั้งใจขยันปฏิบัติภาวนาและถือศีลอย่างเข้มแข็งเพื่อให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ กลายมาเป็นคนที่สามารถสอนธรรมะคน อื่นได้ และมาเขียนบทความเกี่ยวกับธรรมะได้ ทําให้ผมกล้าที่จะพูดอย่างเต็มปากต่อสาธารณะว่า “ผมดีใจอย่างมากมาย และรู้สึกภูมิใจที่สุดในชีวิต” ที่ได้มีโอกาสเกิดมาเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ได้อยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ของพระพุทธศาสนา ได้มี โอกาสเรียนรู้ธรรมะของพระตถาคต ผมได้มีโอกาสเข้าใจมากขึ้นว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงสอนอะไร ทําไมพระพุทธศาสนาจึง มีความสําคัญ และอะไรที่เป็นแก่นสําคัญของพระพุทธศาสนา ผมเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ที่เกิดกับชีวิตผมเองอย่างชัดแจ้งนี่แหละ ครับ คือ “ปาฏิหาริย์แท้จริง” ที่หลวงพ่อได้แสดงให้ผมเห็น และเป็น “ปาฏิหาริย์ที่ปรากฏจริงในชีวิตของผมเอง” โดยไม่ต้อง ฟังบทวิเคราะห์ของใครอื่นเลยด้วย โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
28
มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรู้จัก เธอเสียใจมากเพราะเลิกกับแฟน ในวันนั้น ผมได้สอนให้เธอลองศึกษาและปฏิบัติธรรมตาม ธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์ โดยผมได้คุยแนะนําสอนเธออยู่เพียงประมาณสองสามชั่วโมง หลังจากนั้นเพียงสองวัน เธอได้กลับมาคุยกับผมใหม่ เธอบอกว่าเธอพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และเธอพบแล้วว่า ชีวิตในสังสารวัฏนี้มิได้เป็น ความสุขอย่างแท้จริง เธอต้องการมุ่งที่จะศึกษาและปฏิบัติธรรมต่อไปเพื่อให้พ้นจากสังสารวัฏนี้ให้ได้ ผมไม่ทราบว่า เพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชนจะเห็นเรื่องนี้เป็นอย่างไร แต่ผมขอเรียกสิ่งนี้ว่า “ปาฏิหาริย์” ครับ เมื่อต้นปีที่แล้ว คุณพ่อผมป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย (โดยท่านได้ถึงแก่กรรมเมื่อกลางปีที่แล้ว) ก่อนหน้านั้นประมาณ สามถึงสี่ปี ท่านสนใจติดตามข่าวการเมืองมาก ๆ และก็เกิดความเครียดมากมายในแต่ละวัน ผมได้พยายามแล้วแต่ก็ไม่ สามารถที่จะทําให้ท่านเลิกติดตามข่าวการเมืองและเลิกเครียดได้ (ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นส่วนสําคัญที่ทําให้ท่านเป็นโรคมะเร็ง ด้วย) สี่เดือนสุดท้ายก่อนที่ท่านจะถึงแก่กรรม ผมได้เดินทางไปสวนสันติธรรมในวันที่มีการเปิดเทศนาธรรม เพื่อสอบถาม หลวงพ่อปราโมทย์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกรรมฐานของคุณพ่อ โดยหลวงพ่อปราโมทย์ท่านได้ให้คําแนะนํามาเพียงไม่ถึง สามนาที และผมได้นํามาปฏิบัติเป็นแนวทางในการดูแลคุณพ่อในช่วงระยะสุดท้าย (จากเดิมที่ผมอยู่บ้านเดียวกันกับคุณพ่อ และดูแลท่านอยู่เสมอ แต่ในช่วงสี่เดือนสุดท้ายนั้น ผมลาหยุดงานยาวแบบไม่มีกําหนด เพื่อมาดูแลคุณพ่ออย่างเต็มที่ เพื่อ ให้ท่านเลิกหมกมุ่นเรื่องการเมือง เลิกห่วงเรื่องอื่น ๆ และสามารถทําใจให้สงบและระลึกถึงพระรัตนตรัย) ซึ่งต่อมา ในเช้าวัน ที่ท่านถึงแก่กรรมและจากผมไปนั้น พี่น้องและผมก็นั่งสวดมนต์ในบทพุทธาภิถุติ ธัมมาภิถุติ สังฆาภิถุติในเวลาที่ท่านเริ่ม ชีพจรอ่อนลง และสวดไปจนกระทั่งท่านจากไป พี่น้องและผมพบว่าท่านจากไปด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบและมีปิติ ผมไม่ทราบว่า เพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชนจะเห็นเรื่องนี้เป็นอย่างไร แต่ผมขอเรียกสิ่งนี้ว่า “ปาฏิหาริย์” ครับ ก็ยังมีเรื่องราวประสบการณ์อีกมากมายที่ผมอยากจะเล่า แต่ก็คงเล่าไม่หมดในที่นี้ อย่างไรก็ดี ผมเชื่อเหลือเกินว่ามีเพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชนท่านอื่น ๆ อีกนับเป็นจํานวนหลายพัน หรืออาจจะหลายหมื่นคน ที่ได้ประสบ “ปาฏิหาริย์” เช่นนี้ด้วยตนเอง ในชีวิตของตนเองเหมือนกันกับผม ผมเคยสงสัยกับตัวเองว่าผมจะเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “ปาฏิหาริย์” ได้หรือไม่ ซึ่งต่อมา ผมได้อ่านหนังสือ “อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น” ของท่านพุทธทาสภิกขุ โดยในหน้า [๑๗] ได้กล่าวว่า “ถ้าใครอยากจะมีปาฏิหาริย์สูงสุด ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ทั้งปวง ซึ่งรู้กันดีว่าได้แก่อนุสาสนีปาฏิหาริย์แล้ว ก็จงแสดงด้วยการทําผู้อื่นให้รู้อริยสัจเถิด” (“อนุสาสนีปาฏิหาริย์” หมายถึง คําสอนเป็นจริง สอนให้เห็นจริง นําไปปฏิบัติได้ผลสมจริง เป็นอัศจรรย์) ซึ่งจากข้อความในหนังสือนี้ ผมก็มีความเห็นกับตัว เองว่า ในทุกวันนี้ หลวงพ่อปราโมทย์ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์สูงสุดอยู่แล้ว คือท่านได้สอนให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าใจถึง “อรัยสัจ” ได้เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงสอนอะไร ทําไมพระพุทธศาสนาจึงมีความสําคัญ และอะไรที่เป็นแก่นสําคัญของ พระพุทธศาสนา และคําสอนของท่านนั้น สามารถนําไปปฏิบัติได้ผลสมจริง โดยมีพุทธศาสนิกชนเป็นพยานให้ได้อย่าง มากมายจนนับไม่ถ้วน (ซึ่งก็เป็นปฏิปทาที่สอดคล้องกับปฏิปทาของครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือท่านอื่น ๆ ด้วย) ผมจึงเห็น ว่าสิ่งนี้แหละครับ คือ “ปาฏิหาริย์แท้จริง” ในธรรมเทศนาที่หลวงพ่อปราโมทย์ได้แสดงให้ผมเห็นด้วยตนเองในชีวิตจริงของ ผมเองมาโดยตลอด (ส่วนที่ว่าเพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชนบางท่านจะหยิบหรือตัดต่อถ้อยคําเล็ก ๆ น้อย ๆ มากล่าวหาโจมตีกันว่ามีปาฏิหารย์ ไร้สาระอะไรนั้น ผมก็ไม่ทราบหรอกว่าสิ่งเหล่านั้นจะถือเป็นปาฏิหาริย์จริงหรือไม่ แต่ผมก็เห็นว่า หากคนเราประสงค์จะหยิบ ก้อนกรวดในกองเพชรมาชื่นชม ก็คงไปห้ามเขาไม่ได้ แต่คนอื่น ๆ จํานวนมากที่จะเลือกหยิบเพชรในกองเพชรนั้นก็ยังมีอยู่ มากมายนัก) ผมได้ศึกษาและปฏิบัติตามเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์มาเพียงสามปี มาถึงวันนี้ ผมก็ตั้งสัจจาธิษฐานกับตัวเองแล้วว่าจะ ขยันและตั้งใจปฏิบัติภาวนาต่อไปอย่างไม่ท้อถอย เพื่อให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ให้ได้ในกาลอันควร เพื่อเป็นการปฏิบัติบูชาคุณ ของพระพุทธองค์ และต่อพระธรรม และพระสงฆ์ และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย และยังได้ตั้งใจไว้แน่วแน่แล้วว่า จะไม่ถอยหลัง ย้อนกลับไปเดินทางในสายกิเลสและอกุศลกรรมอีก โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
29
ท้ายที่สุดนี้ อยากจะเรียนกับหลวงพ่อปราโมทย์ และเพื่อน ๆ พุทธศาสนิกชนว่า นอกจากผมจะตั้งใจปฏิบัติบูชา เพื่อให้ถึงที่ สุดแห่งทุกข์แล้ว ผมก็จะตั้งใจทําหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่ดีในการที่จะจรรโลงและเผยแพร่พระสัจธรรมของพระพุทธองค์ และรักษาพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนต่อไปอย่างเต็มที่ตามกําลังที่มี โดยขอตั้งสัจจะรับรอง “ด้วยทั้งชีวิตและจิตใจ” ว่าธรรมะ ทั้งหลายที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเสียสละตนเองสั่งสมบารมีเพื่อมาสั่งสอนเวไนยสัตว์ และได้สืบทอดกันต่อ ๆ กันมาโดยพระอริยเจ้า และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย (จนกระทั่งรวมถึงธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์ที่ท่านก็ได้เสียสละ ตนเองจนกระทั่งต้องได้รับการกล่าวหาโจมตีเช่นที่ปรากฏในปัจจุบันนี้) จะได้รับการดูแลรักษา และเผยแพร่สืบต่อไปแก่ พุทธศาสนิกชนในรุ่นต่อ ๆ ไปอย่างแน่นอนครับ โดยคุณ นายฤทธิชัย
804. ผม นาย คําปัน และนางแฝง ได้ปฏิบัติตามพระธรรมคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ รู้สึกดีมากๆ ปัจุบัน นางแฝง มี เนื้อร้ายในร่างกาย เราก็ทําใจได้ ไม่ท้อ ครอบครัวของเรา ศรัทธาในพระธรรมคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ เป็นอย่างมาก เรารักหลวงพ่อ โดยคุณ คําปัน-แฝง 805. ขอฝากข้อความจากหัวใจอันบริสุทธิ์ แด่หลวงพ่อปราโมชย์ ผู้มีแต่ให้ ผมเป็นผู้สนใจที่จะปฏิบัติธรรมมานานมาก ศึกษาจากหนังสือธรรมะหลายเล่ม แต่เมื่อได้มีโอกาสพบหลวงพ่อ คําสอนของ หลวงพ่อทําให้ผมสามารถเข้าใจแนวทางการปฏิบัติได้อย่างแจ่มแจ้ง ผลจากการปฏิบัติตามคําสอนของหลวงพ่อทําให้ผม มีสติมากขึ้น มีความสุขเพิ่มขึ้น และมีทุกข์สั้นลง แม้ปัจจุบันจะยังไม่สามารถปฏิบัติได้ก้าวหน้ามาก แต่ก็จะไม่ย่อท้อ ผมจะปฏิบัติตามทางที่หลวงพ่อได้บอกให้ทราบ และจะ พยายามอย่างเต็มที่ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
30
ผมเชื่อมั่นว่าคุณความดีที่หลวงพ่อมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นสิ่งบริสุทธิ์ ที่เหล่ามารทั้งหลายไม่อาจทําความระคายเคือง ให้กับท่านได้ จากหัวใจอันบริสุทธิ์ โดยคุณสุวัฒน์ 806. ครั้งแรกที่ได้อ่านบทถอดเทปธรรมเทศนาของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ผมยังไม่รู้เลยว่าท่านเป็นใคร แต่อ่าน แล้วก็ไม่ขัดกับหลักคําสอนของพระพุทธเจ้า และได้แก้ข้อสงสัยที่เคยติดขัดมานานเกี่ยวกับเรื่องสติปัฏฐาน ส่งไปให้เพื่อน คนหนึ่งอ่าน เขาก็รู้สึกว่าได้พบขุมทรัพย์เหมือนกัน จากจุดนั้นเขาก็ฟังซีดีของท่านมาเรื่อยๆ และบอกว่าท่านมีคุณูปการมากมาย ผมเองรู้สึกว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าตามที่พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโชได้กลั่น กรองเอาแก่นสารออกมาย่อยให้ง่าย และถ่ายทอดให้ผู้ใฝ่ใจศึกษาได้รู้นั้น มีคุณสมบัติสอดคล้องกับเกณฑ์ ๕ ประการที่ระบุ ไว้ในบทสวดระลึกพระธรรมคุณ ซึ่งกล่าวว่าธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น... ๑ เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง ๒ เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จํากัดกาล ๓ เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด ๔ เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว ๕ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน โดยคุณ อํานวย 807. สิ่งที่ได้จากการเรียนกับหลวงพ่อมากมาย มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตและเปลี่ยนครอบครัวให้ได้รับความร่มเย็น จากการเรียนธรรมะได้ ทําให้เห็นทุกข์ และได้อยู่กับทุกข์อย่างเป็นกลาง เพราะหนูต้องดูแลสามีที่ป่วยมากว่าสองปีแล้วแต่ สิ่งที่หนูได้ทําให้สามีมันเป็นเครื่องยืนยัน ว่าสิ่งที่หลวงพ่อนําธรรมะของพระพุทธเจ้ามาสอนพวกเรานั้นมันทําให้เรารู้ตาม ความเป็นจริงไม่ว่าทุกข์หรือสุขมันก็เกิดแล้วก็ดับไปทั้งนั้น มันทําให้เราอยู่กับปัจจุบัน ข่าวที่ออกมาโจมตีหลวงพ่อครั้งนี้มัน ทําให้หนูเข้มแข็งและไม่คอนแคลนต่อองค์หลวงพ่อและองค์แม่ชีเพราะความเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดี และจะขอปฎิบัติ บูชาพระพุทธเจ้าและองค์หลวงพ่อตลอดไป โดยคุณ พัฒนา 808. พระอาจารย์ปราโมทย์สอนธรรมมะให้เป็นเรื่องเข้าใจได้ง่าย ท่านทําให้เราเห็นว่าธรรมมะเป็นเรื่องใกล้ตัว สิ่งที่ท่านสอนทําให้ผมสนใจเริ่มการภาวนาอย่างจริงจัง และท่านทําให้เราเห็นภาพรวมของการปฏิบัติ เมื่อผมออกหาประสบการณ์ด้วยการไปฟังธรรมและปฏิบัติธรรมยังที่ต่างๆ ผมรู้สึกทราบซึ้งในเมตตาของหลวงพ่อทุกครั้งที่ท่านกรุณาสั่งสอน เนื่องจากผมพบว่าผมเข้าใจอะไรๆ ขึ้นอีกมาก ผมรู้ว่าเราจะเริ่มจากอะไร ทําอะไรไปเพื่ออะไร สิ่งที่ท่านสอนทําให้ผมพบความสว่างครับ โดยคุณ ปรารภ 809. ได้เป็นชาวพุทธที่แท้จริงเพราะหลวงพ่อปราโมทย์ ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ หนูรู้สึกแต่ว่าเราเป็นชาวพุทธ ทั้ง ๆ ที่เรียนสถานศึกษาที่เป็นคริสต์ตลอด (แถมแต่งงานกับคนคริสต์ เข้าพิธีแต่งงานแบบคริสต์) แต่ใจรู้สึกว่าเราเป็นชาวพุทธ ขนาดพ่อสามีบอกว่า ถ้าจะให้ท่านรักต้องเปลี่ยนเป็นคริสต์ หนูยัง เรียนท่านว่า ศาสนาไหนก็สอนให้เป็นคนดีเหมือนกัน เพื่อเป็นคําตอบว่าหนูขออยู่ใต้ร่มพระพุทธศาสนา
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
31
ขนาดรู้สึกถึงความเป็นชาวพุทธในตัวเองเข้มข้นแบบนั้น สิ่งที่ตัวเองทําได้ในฐานะชาวพุทธคนหนึ่ง ก็ทําได้เพียงแค่ ทําทาน รักษาศีล ส่วนเรื่องภาวนาเข้าใจว่า คือการสวดมนต์ทําสมาธิ ซึ่งตัวเองทําไม่ค่อยเป็น อย่างมากก็ได้แต่สวดมนต์ แล้วก็ อธิษฐานขอให้รักษาตัวเองอยู่ในเส้นทางพุทธ สะสมบุญกุศล และรักษาศีลห้าให้ได้ตลอดไป พระพุทธเจ้าสอนอะไรก็ไม่ค่อยรู้นอกเหนือจากที่เรียนในวิชาศีลธรรม จนมีโอกาสได้มาพบหลวงพ่อปราโมทย์เมื่อคราวเปิด สวนสันติธรรม ได้ฟังธรรมท่าน ตั้งแต่นั้นก็ฝึกตามที่ท่านสอนและก็ฟังธรรมท่านมาตลอดสามสี่ปี จนได้เข้าใจว่า ที่ผ่านมา เรายังไม่ได้เป็นชาวพุทธที่สมบูรณ์ ยังไม่ได้เป็นชาวพุทธที่แท้เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้ทําหน้าที่ที่สําคัญของชาวพุทธ ได้มาเรียนกับหลวงพ่อจนถึงทุกวันนี้ ถึงรู้ว่าตัวเองเป็นชาวพุทธจริง ๆ ได้แล้ว รู้แล้วว่าเราเกิดมาเพื่อทํางานสําคัญของ สังสารวัฏ หน้าที่หลักของเราคือ เดินตามรอยพระพุทธเจ้า เพื่อให้ถึงความพ้นทุกข์อันเป็นจุดหมายปลายทางของชาวพุทธที่ เป็นสาวกภูมิ ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า พระธรรมคําสอนของพระองค์ และพระสงฆ์สาวกของพระองค์ ก็เพิ่มมากขึ้น จาก การฟังธรรมและปฏิบัติกับหลวงพ่อ รู้สึกได้ว่าเราได้ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากขึ้น เราได้รับประโยชน์จากพระธรรมของ พระองค์ เราได้รู้จักพระสงฆ์สาวกของพระองค์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการฟังธรรมและปฏิบัติกับหลวงพ่อ ปราโมทย์ เวลาได้ฟังหรืออ่านธรรมะจากครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ จะประหลาดใจมากว่าเรามีความรู้ธรรมะมากมายขนาดนี้ เชียวเหรอ ทั้งที่ไม่เคยศึกษาอภิธรรม ทั้งศัพท์บาลี สภาวะธรรม หรือวิธีการปฏิบัติและผลสืบเนื่อง หลวงพ่อได้ทําให้เราได้รู้ ทั้งปรยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวท แบบไม่รู้ตัวเลย เป็นความรู้จากการฟังธรรมและการปฏิบัติด้วยตัวเองจริง ๆ ทุกวันนี้ การปฏิบัติตัวเป็นชาวพุทธของหนู คือ ทําทานตามควร รักษาศีลห้าโดยมีเจตนาวิรัติ (แบบไม่กดข่ม เพียงมีสติรู้ทัน ศีลก็สามารถรักษาได้ไม่ยาก) ภาวนา โดยการเจริญสติในชีวิตประจําวัน และทําข้อวัตรในรูปแบบ ด้วยการสวดมนต์และ เดินจงกรม ทุก ๆ วัน ด้วยการสะสมนิสัยนี้ หนูรู้สึกว่าเราไม่ต้องพึ่งพิงแต่เพียงการอธิษฐานขอเหมือนแต่ก่อน แต่เรามีการ ปฏิบัติของตัวเองเป็นสะพานเพื่อเดินไปในเส้นทางสัมมาทิฏฐินี้ดังที่ตั้งใจ สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน คือ เห็นกิเลสทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นในการกระทําต่าง ๆ ของตัวเองทั้งวัน ได้เรียนรู้ว่าถ้าเรารู้ทันกิเลส ตั้งแต่ตัวต้นทาง (ยิ่งต้นทางเท่าไหร่ยิ่งดี) เราจะไม่กระทําการในลําดับต่อ ๆ ไปที่เป็นอกุศลยิ่ง ๆ ขึ้น เหมือนเป็นการตัดไฟ ได้ตั้งแต่ต้นลม ส่งผลให้ทําอะไรที่สนองอัตตาตัวเองน้อยลง ยึดมั่นในความคิดความเห็นและภาพลักษณ์ที่คนอื่นมองเรา น้อยลง (ซึ่งสําคัญมาก เพราะหลาย ๆ การกระทําที่เป็นอกุศลเกิดขึ้นเพื่อรักษาอัตตาตัวตนหรือความคิดความเห็นของ ตนเอง ถ้ารู้ไม่ทันจะโดนกิเลสลากไปหนึ่ง ลากไปสอง ลากไปสาม และต่อ ๆ ไป ลึกลงลึกลง จนยากจะถอนตัวกลับ) การดําเนินชีวิตทุกวันนี้มีปกติสุขมากขึ้น ทุกข์สั้นลงและน้อยลง เห็นเหตุและผลของแต่ละการกระทําชัดขึ้น เข้าใจและ ยอมรับเหตุและผลของการกระทําต่าง ๆ ทั้งของตัวเองและผู้อื่น จนรู้สึกว่าชีวิตมีความสุขสงบ ร่มเย็น ทั้งภายในบ้าน และ การปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ มีสติระลึกรู้อยู่บ่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการก่ออกุศลในใจผู้อื่น หลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งอัน ไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ และที่สุดทําให้ชีวิตไม่มีปัญหายุ่งยากตามหลังมา ได้เข้าใจแล้วว่า ผลจากการมีสติ และมีปัญญา ไม่ ว่าจะเป็นโลกียปัญญา หรือปัญญาทางธรรม ช่วยให้ชีวิตเรามีความสุขได้จริง ๆ สุขที่ไม่ใช่จากการตอบสนองกิเลส แต่ เป็นสุขจากรสธรรม สงบจากปัญหาด้วยปัญญา ปัญหาบางปัญหายังมีอยู่ แต่เราไม่ดิ้นรนทุกข์ทนกับปัญหานั้น ๆ เป็นความ สุขที่ไม่ต้องพึ่งพิงอาศัยปัจจัยภายนอก แต่สุขสงบในใจเราเอง เวลาที่เหลือในชีวิตนี้ หนูมีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัดว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร แม้ต้องตายไปในวินาทีนี้ หนูก็ไม่เสียดายที่ ได้เกิดมาในชาตินี้ ได้พบครูบาอาจารย์ที่ให้สิ่งที่วิเศษที่สุด มีค่าที่สุดในสังสารวัฏนี้ ที่สามารถนําติดตัวข้ามภพข้ามชาติได้ เป็นสมบัติที่ไม่มีสิ่งใดมาพรากไปได้เลย ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตา ความเสียสละ ความเหนื่อยยากของหลวงพ่อ ปราโมทย์ ที่ทุ่มเทถ่ายทอดธรรมะของพระพุทธเจ้า (โดยไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทนนอกจากการปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า)เพื่อ พวกเราจะได้พบแสงสว่างแห่งปัญญา อันเป็นสิ่งเดียวที่จะนําพาพวกเราให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง กราบหลวงพ่อด้วยใจเคารพบูชาอย่างยิ่ง โดยคุณสุจินต์
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
32
810. ธรรมะที่หลวงพ่อเพียรพยายามสอนพวกเราทุกวัน ทําให้จิตใจลูกเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากคนที่ไม่รู้ว่าชีวิตคืออะไร ต้องเดินเส้นทางไหน ก็ได้มาเข้าใจจากซีดีที่ได้ฟังท่านสอน ท่านสอนให้เห็นภาพรวมทั้งหมดว่าศาสนาพุทธ สอนอะไร วิธิปฏิบัติจากเริ่มต้นจนถึงปลายทาง ท่านทําให้รู้ว่าเราสามารถเจริญสติปฏิฐานในชีวิตประจําวันได้อย่างไร ทุกอย่างที่ท่านสอน ทําให้ลูกเกิดกําลังใจ รู้ว่าหนทางพ้นทุกข์นี้มีจริง นิพพานไม่ใช่เรื่องในฝันที่เป็นไปไม่ได้ หากวันนี้ไม่มีหลวงพ่อสอน คงจะต้องหลงทางกันอีกนานแสนนาน ทุกวันนี้ ลูกรู้สึกถึงจิตใจสงบ อบอุ่น รู้สึกความทุกข์น้อยลง อัตตาความลําพองของตนน้อยลง ในขณะที่ในกระแสโลกร้อนเปลี่ยนแปลงตลอด แต่ลูกสามารถอยู่ร่วมกับสังคมที่ร้อนรนได้ ไม่รู้สึกเป็นทุกข์มากต่อไป ลูกขอกราบหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูงและลูกขอเป็นพยานในธรรมะที่ท่านสอนค่ะ ขอบคุณเวปธรรมดา ที่ทําให้ทุกคนมีโอกาสได้ส่งข้อความด้วยค่ะ โดยคุณ สุชาดา 811. ผมได้ฟังหลวงพ่อครั้งแรก วันที่ 18 มิ.ย. 49 ที่ศาลาลุงชินครั้งที่ 2 ตอนนั้น ผมแค่ติดรถพี่คนนึงเพื่อจะไปทําธุระที่อื่นด้วยกัน แต่บังเอิญ ยังไม่ถึงเวลานัด พี่คนนั้นเลยบอกว่า จะขอไปฟังพระเทศน์ที่แถวๆแจ้งวัฒนะก่อน คําว่า ฟังพระเทศน์ ในตอนนั้น ผมนึกภาพถึงอะไรที่น่าจะต้องง่วงนอนมากๆ แต่พอไปถึงที่ศาลาลุงชิน ได้ฟังคําสอนของหลวงพ่อ ผมกลับไม่รู้สึกง่วงนอนเลยสักนิด ตรงกันข้าม ผมรู้สึกตื่นเต้น มากๆ ด้วยซ้ํา โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
33
แม้จะไม่เข้าใจทั้ง 100% ที่หลวงพ่อสอน แต่ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ซึ่งก็คงจะพอ ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสําคัญ ครั้งแรกของผม เพราะศาสนาพุทธจะไม่ได้อยู่แค่ในบัตรประชาชน อย่างเมื่อก่อน ผมเริ่มต้นการเลิกกินเหล้าอย่างจริงจัง เด็ดขาด ผมเริ่มฝึกสติอย่างที่ท่านสอน (แม้ในตอนนั้นจะมีสติได้วันละไม่กี่ครั้งก็ตาม) ผมเริ่มหัดนั่งสมาธิ ผมเริ่มอ่านหนังสือธรรมะ ผมเริ่มฟังธรรม ที่สําคัญผมเริ่มตั้งคําถามกับชีวิต และชีวิตก็มีเป้าหมาย หลังจากวันนั้น ผมก็ปฏิบัติภาวนาตามแนวทางหลวงพ่อมาตลอด จนก่อนเข้าพรรษาปี 51 ผมตั้งใจจะบวชให้พ่อแม่และยาย 1 เดือน ก่อนบวชผมได้มาขอการบ้านกับหลวงพ่อ ท่านก็บอกว่าให้รักษาพระวินัย และขณะที่ผมกําลังบวชก็ได้รักษาพระวินัย ข้อวัตรปฏิบัติของพระไว้อย่างดี ทุกวันนี้เวลานึกถึงทีไร จิตใจมันก็เป็นกุศลทุกครั้ง จนกลางปี 52 ผมต้องไปทํางานอยู่ต่างประเทศเป็นระยะเวลา 1 ปี ที่ที่ไปนับเป็นที่ที่สัปปายะเหมาะกับการปฏิบัติมากๆ ผมคลุกคลีกับคนอื่นน้อย และที่สําคัญตลอดเวลาที่อยู่นั่น ผมได้ดาวน์โหลดคําสอนของหลวงพ่อจากในเวป ได้ฟังเกือบทุกไฟล์ ที่มีในเวป จนพอจะพูดได้ว่า ผมจับหลักในการภาวนาได้บ้างแล้ว ตอนอยู่ต่างประเทศผมต้องพึ่งตัวเองมากๆ และที่ผมรู้สึกได้ในตอนนั้นก็คือ แม้ตัวผมจะอยู่ไกลจากประเทศไทยมาก แต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเอง อยู่ห่างไกลจากหลวงพ่อเลย ผมปฏิบัติตามแนวทางนี้มา 4 ปี ได้ส่งการบ้านไป 4 ครั้ง เฉลี่ยปีละ 1 ครั้ง การที่หลวงพ่อชี้ให้ดูสภาวะว่าจิตไหลไปคิด ตอนส่งไมค์นั้น (หลังจากส่งการบ้านเสร็จ) ทําให้ผมเห็นสภาวะจิตไหลไปคิดได้ง่ายขึ้นมาก และผมขอยืนยันจากการภาวนาของตัวเองว่า การที่หลวงพ่อชี้สภาวะให้ผมเห็น ไม่ได้ทําให้ผมอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ผมกลับเห็นสภาวะอื่นๆ ที่ไม่เคยเห็นได้ด้วยตัวเอง อีกมาก เพราะใช้หลักเดียวกันในการดู ทุกวันนี้ ย้อนกลับไปมองตัวเอง ตอนก่อนเข้ามาปฏิบัติ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมาย
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
34
เห็นโลกห่างๆ ออกไป เป็นเหมือน เด็กเล่นขายของ เป็นชีวิตที่มีเป้าหมาย ไม่ล่องลอยแบบเมื่อก่อน มีสติบ่อย เห็นกิเลสมาก มีความสุขง่าย ความทุกข์สั้นลง นึกถึงพระคุณของหลวงพ่อครับ ผมขอถวายการปฏิบัติที่ผ่านมาทั้งหมด เป็นเครื่องสักการะบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งหมายถึงหลวงพ่อด้วยครับ โดยคุณ Jayranon 812. กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ด้วยเศียรเกล้า ผมได้ฟังเสียงธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ มาปีกว่า ๆ ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ ปี 52 ผ่านเว็บพลังจิต พอได้ฟังเท่านั้น ก็เข้าไปในห้อง Chat ของเว็บพลังจิต เพื่อถามหาว่านี่คือเสียงธรรมของพระท่านใด ก็ได้คําตอบว่าเป็นหลวงพ่อปราโมทย์ ที่ชลบุรี หลังจากนั้นก็เริ่มค้นหาประวัติของท่านตั้งแต่ท่านเป็นฆราวาส ค้นหาบทความของท่านที่อยู่ในเว็บลานธรรมอันเก่า นําเสียงธรรมของท่านจากเว็บ wimutti.net มาฟัง และเริ่มปฏิบัติตามแนวทางของท่าน การปฏิบัติการลุ่ม ๆ ดอน ๆ แต่ว่า ศีล 5 บริสุทธิ์ขึ้นเรื่อย ๆ ศรัทธาพระพุทธเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มศึกษาธรรมะจากครูบาอาจารย์หลาย ๆ ท่าน ที่หลวงพ่อได้เอ่ยไว้ใน CD ทุกวันนี้ความสุขกับตัวเองมากขึ้น เริ่มเป็นชาวพุทธเต็มตัว ไม่ได้เป็นเพียงในบัตรประชาชนเหมือนแต่่ก่อน เริ่มทําบุญทําทาน ถือศีล 8 ที่วัดบ้างบางครั้ง แต่ก่อนช่วงเกิดเรื่องใหม่หลายเดือนมาแล้ว ช่วงนั้นมีจิตลังเลสังสัยบ้าง แต่ก็ยังหนักแน่นในแนวทางของหลวงพ่อ มาถึงทุกวันนี้สบายใจมาก เพราะผมได้พบกับครูบาอาจารย์หลาย ๆ ท่าน และก็มีโอกาสฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์หลาย ๆ องค์ ผ่านทางเทป cd mp3 โดยเฉพาะหลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน ท่านสอนไว้ดีมาก ได้พูดคุยกับแม่ชีท่านหนึ่งที่ผมเคารพมาก ท่านได้ไปบอกว่า เป็นธรรมดาของโลกธรรม 8 มีสรรเสริญ ย่อมมีนินทา จิตท่านที่ฝึกมาดีแล้ว ป่านนี้ท่านคงนั่งขําอยู่กับโลกธรรม 8 ในขณะที่เราเป็นลูกศิษย์มานั่งกลุ้ม เป็นห่วงท่าน เพราะจิตปรุงแต่ง :) โดยคุณ นาย ชวลิต 813. ดิฉันได้ไปกราบหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2547 ที่สวนโพธิ์ฯ หลังจากได้ฟังคําสอนของท่าน พร้อมกับซึมซับกระแสเมตตาจากท่านในครั้งนั้น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ สามารถกราบท่านได้ด้วยความศรัทธาและเลื่อมใส จากใจจริง ที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะมีได้ ดิฉันไม่ได้ศรัทธาอย่างงมงาย ดิฉันแสวงหาเพื่อที่จะเรียนธรรมของพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่บุญยังน้อยที่ ไม่มีโอกาสได้พบครูบาอาจารย์ดี ๆ หรือสําหรับบางท่านก็อยู่ไกลเกินที่จะไปถึง จนกระทั่งอายุล่วงเข้า 40 จึงมีโอกาสได้ไปกราบหลวงพ่อปราโมทย์ และตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ เข้าปีที่ 7 แล้วที่ดิฉัน ยังคงปฏิบัติตามคําสั่งสอนของท่าน เรียนธรรมมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ผ่านการถ่ายทอดของท่าน ดิฉันรู้ได้ด้วยตัวเองว่าวันเวลาที่ผ่านไปกับการภาวนาตามแนวที่หลวงพ่อสอน ทําให้มีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นมาก เผชิญกับความสุขและทุกข์ที่ผ่านมาและผ่านไปด้วยจิตที่เป็นกลางมากขึ้น มีสติปัญญาในการเผชิญกับสรรพสิ่งที่ผ่านเข้ามา ในชีวิตได้ดีขึ้น จนลูกชาย (อายุ 15 ปี) บอกว่าแม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีหลาย ๆ อย่าง ที่สําคัญคือ อยู่ใกล้แล้วมีความสุข โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
35
ทุกวันนี้ ดิฉันยังคงตั้งใจที่จะตื่นตั้งแต่ตี 4 แล้วขับรถเป็นเวลา 2 ชั่วโมงไปเรียนกับหลวงพ่อเดือนละ 1-2 ครั้ง ที่ สําคัญคือ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นคนอ่อนแอจึงต้องไปกราบหลวงพ่อบ่อย ๆ ที่ไปก็ด้วยเหตุเพราะท่านมีพระคุณอันล้นเหลือ เมื่อมี โอกาส ก็อยากไปกราบผู้มีพระคุณ และไปเพื่อติดตามการภาวนาของตัวเองว่าในความเห็นของครูบาอาจารย์นั้น ดิฉันยัง เดินอยู่ในทางที่ถูกหรือเปล่า สิ่งที่ดิฉันอยากจะยืนยันและเป็นพยานให้หลวงพ่อจากธรรมมะที่ดิฉันได้เรียนจากท่านมาเป็นเวลา 7 ปี คือ 1. เรื่องการเรี่ยไร หลวงพ่อพูดเสมอว่า หลวงพ่อไม่ชอบการเรี่ยไร สิ่งสําคัญคือให้โยมตั้งใจภาวนา ดิฉันทําบุญที่ สวนสันติธรรมน้อยมาก แม้สมัยที่ท่านอยู่ที่สวนโพธิ์ ตอนนั้นมีญาติโยมวันละ 10-20 คนในช่วงแรก ๆ ก่อนไปดิฉันจะโทร ถามแม่ชีอรนุชว่าที่วัดขาดอะไรบ้าง จะได้เตรียมไปถวาย ท่านก็ตอบคําถามแบบเดียวกันทุกครั้งว่า ไม่ขาดอะไร ไม่ต้องเอา อะไรมา 2. ผลของการภาวนาที่เกิดขึ้นต่อตัวเองคือ เริ่มเข้าใจความเป็นจริงของสรรพสิ่งที่ชีวิตเราต้องพบเจออยู่ในแต่ละ วัน เมื่อเราเข้าใจมัน เราก็อยู่กับมันได้โดยทุกข์ก็ทุกข์สั้นลง เข้าใจตัวเองและบุคคลอื่นได้ดีขึ้น แล้วสามารถมีความสุขได้ ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องคาดหวังจากคนอื่น อยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุข ทําธุรกิจถูกโกง ถูกหักหลัง ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ ผ่านมันมาได้ เสียหายเฉพาะเงิน แต่ไม่เสียหายทางใจ ให้อภัยคนอื่นได้ง่ายขึ้น จนสร้างธุรกิจที่เคยคิดว่ายากขึ้นมาได้ สําเร็จ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ 7 ปีที่ได้เรียนภาวนากับหลวงพ่อ ดิฉันไปกราบท่านเหมือน ๆ กับญาติโยมทั่วไป ไม่เคย บอกท่านว่าชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน และท่านก็ไม่เคยรู้จักดิฉัน แต่สิ่งที่ขอยืนยันคือ ท่านคือครูบาอาจารย์ที่ประเสริฐ เรียนภาวนากับท่านแล้วทําให้รู้สึ่กว่าฉลาดขึ้น เข้มแข็งขึ้น ทุกข์น้อยลง มีความสุขกับชีวิตได้ง่ายขึ้นและบ่อยขึ้น ดิฉันได้อธิษฐานด้วยจิต ไม่ได้บอกท่านด้วยคําพูด ว่าบุญคุณของท่านนั้นมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทอง วัตถุ สิ่งของ จะตอบแทนได้ ขอบตอบแทนท่านด้วยการถวายชีวิต เพื่อปฏิบัติบูชา และที่สุดคือบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้าทุก พระองค์" โดยคุณ คุณชวนพิศ 814. อย่าล่วงเกินหลวงพ่อท่าน... นักภาวนาเค้ารู้กันว่าคําสอนระดับนี้ช่วยคนให้พ้นขึ้นไปตามลําดับๆ คนที่ภาวนาจริงๆมีน้อยนิด นักภาวนาที่รู้จักพุทธศาสนาจึงมีไม่มาก จะให้มาสู้กับความเห็นผิดๆกับผู้คนยุคนี้จึงไม่ไหว... ต่อให้สนใจศาสนามากแค่ไหน ฝึกสมาธิมานับชาติไม่ถ้วน ก็ไม่มีวันจะพ้นทุกข์ได้ .... น้ําใจที่แสนสะอาดของหลวงพ่อ ช่วยให้เราเดินอยู่ในทางธรรมของพระพุทธเจ้า เส้นทางนี ้ เดินได้สะดวกขึ้น ลัดสั้น เพราะท่านได้ถากถางความรกชัฏออกเสียมาก ขอเพียงเริ่มต้นให้ถูก...ฝึกรู้สึกตัวให้เป็น,ให้มีศีล ,แล้วขึ้นวิปัสสนา ถ้าบทแรกไม่ผ่าน ก็ไปต่อแบบผิดๆ คนที่ฝึกกะหลวงพ่อต้องซื่อสัตย์ มีความเพียร จึงจะสัมผัสสภาวะนั้นได้จริง อุบายดูของจริงที่ท่านทักนั้นมันช่างวิเศษ สุดท้ายเราเข้าถึงไตรลักษณ์ในแง่มุมทั้งสามได้... โห!เข้าใจผิดมาตลอดว่าเข้าใจแล้ว แค่(อ่านเอา,ฟังเอา) หลวงพ่อคะชาติน.ี้ .เป็นบุญเหลือเกินที่มาเจอสมบัติอันนี้ ถึงแม้ยังมีติดเนื้อติดตัวไม่มากแต่รุ้ว่ามีค่ามากที่สุด และจะรักษาไว้ ทําให้เพิ่มพูล ชาตินี้จะขอเพียรจนกว่าจะเห็นความจริงว่ามีเราแต่ไม่ยึดว่าเป็นเรา ขอให้มีโอกาสเกิดแดนพุทธศาสนาต่อๆไปเพื่อทําจนถึงที่สุดแห่งทุกข์ ระลึกในพระคุณอันสูงสุดของหลวงพ่อปราโมทย์ อีกทั้งน้ําใจที่ใสสะอาดของทุกท่านที่มีส่วนช่วยในการภาวนาค่ะ โดยคุณ knock knock
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
36
815. การปฏิบัติธรรมของผม บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเล่าถึงพัฒนาการของการปฏิบัติธรรมของตัวผมเองที่อาศัยการเรียนธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ หลวงพ่อปราโมทย์ได้นํามาสอนแก่พวกเรา เพื่อเป็นการยืนยันว่าธรรมะที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนนั้นเป็นธรรมะที่นําไปสู่ ความพ้นทุกข์ตามเส้นทางที่พระพุทธเจ้าได้ชี้ทางไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ผมมิได้มีเจตนาเขียนเพื่อโอ้อวดความรู้ความเข้าใจ ในธรรม เพราะตัวผมเองยังเป็นผู้มีปัญญามืดบอด ถ้ามีความผิดพลาดใดๆในบทความนี้ ผมขอน้อมรับความผิดทั้งหมดแต่ ผู้เดียว และโปรดให้อภัยในความโง่เขลาเบาปัญญาของผม บุญกุศลและคุณความดีใดๆที่ผมได้กระทําแล้ว กําลังกระทํา และที่จะกระทําในอนาคต ขอถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อาจาริยบูชาแด่หลวงพ่อปราโมทย์ และบูชาคุณ คุณ พ่อคุณแม่ ขอขอบคุณภรรยาและญาติธรรมที่เป็นกัลยาณมิตรของผม ตัวตนของผมและประสพการณ์ในการปฏิบัติธรรม ปัจจุบันผมอายุ 56 ปี พ่อแม่เป็นคนจีนต่างด้าวแต่ผมเกิดในประเทศไทย ได้เรียนหนังสือเล่าเรียนทางโลกจนจบปริญญาตรี และทํางานเอกชน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาชีวิตคลุกเคล้าอยู่กับอบายมุขมาตลอดจนอายุเกิน 50ปี แต่ก็ยังมีเรื่องที่ดีอยู่สองเรื่อง ในชีวิต เรื่องแรกคือคุณแม่ได้มอบหมายให้ผมหุงข้าวและตักบาตรทุกเช้าเมื่อสมัยเด็ก และพาผมไปทําบุญที่วัดเมื่อโอกาส อํานวย (ท่านเป็นคนจีนที่ไหว้ทั้งแบบจีนตามศาลเจ้า และ ทําบุญกับพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา) เรื่องที่สองคือตลอดชีวิต แม้จะไม่เคยปฏิบัติธรรมตามรูปแบบใดๆเลยแต่ก็ไม่เคยเสื่อมถอยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาเลยไม่ว่าจะเกิดเหตุกา รณ์ใดๆขึ้น ผมเคยตามภรรยาไปตามวัดต่างๆแต่ก็ไม่เกิดความอยากปฏิบัติหรือศรัทธาในวัตรปฏิบัติที่ได้ไปพบ แต่ก็ทําบุญ ถวายทาน ทํากุศลกรรมตามโอกาศมาตลอด ได้เริ่มฟังเทศน์ของหลวงพ่อปราโมทย์ครั้งแรกเมื่อปลายปี2551 (ก่อนวัน ทอดกฐินประจําปีประมาณสองหรือสามอาทิตย์) ที่สวนสันติธรรม ศรีราชาโดยการชักชวนของภรรยา ปกติผมเป็นคนไม่ ชอบตื่นเช้าแต่ในวันที่ภรรยาชวน คงเป็นธรรมะจัดสรร ทําให้ผมตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเล ปกติภรรยาผมจะไปสวนสันติ ธรรมกับรถบ้านอารีย์บ้าง รถของลุงเมาบ้าง ไปกับรถของญาติธรรม หรือให้ลูกชายขับรถพาไปบ้าง ครั้งนั้นผมขับรถไปกับ ภรรยา จากการไปฟังเทศน์ครั้งนั้นผมบอกตัวเองในเวลานั้นว่านี่ใช่เลย เหมือนเป็นสิ่งที่เราหามาตลอดชีวิตแล้วได้มาพบ หลังจากนั้นภรรยาก็จัดหาซีดีมาให้ก็ได้ฟังซีดีระหว่างที่ขับรถเป็นส่วนใหญ่ ครั้งแรกที่ฟังจบ พอเปลี่ยนแผ่นใหม่และฟังไป ก็ บอกตัวเองว่า หลวงพ่อเทศน์เรื่องเดิมๆนี่นา แต่ใจก็ยังไม่ปรุงแต่งอกุศลอะไรไปมากกว่านั้น (ถ้ามีการปรุงแต่งอกุศลแต่ผม ไม่รู้ ขอให้หลวงพ่อโปรดอโหสิกรรมให้ผมด้วยครับ) และต่อมาก็พบว่าเวลาที่ใจจดจ่อฟังก็ได้ใจความ แต่พอใจไปจดจ่อที่ การขับรถ เผลอคิด หรือส่งออกไปทางอื่นๆ ก็ไม่ได้ใจความ และใจจะดิ้นรนมากอยากรู้ส่วนที่ไม่ได้ตั้งใจฟังจนบางครั้งเกิด ความเครียดเค้นขึ้นมามีอาการปวดหัว จึงรู้ว่าผิดทางและเข้าใจที่หลวงพ่อบอกตลอดเวลาว่าฟังแผ่นไหนก็ได้ ขอให้รู้ทันใจที่ หลงไปคิด ไปปรุง ไปแต่ง แล้วจะรู้ธรรมะคือธรรมชาติที่เป็นไตรลักษณ์ของจิตใจ หลังจากนั้นก็ฟังแบบรู้บ้างหลงบ้าง ได้ใจ ความบ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็พบความจริงว่าใจเราคิดตลอดเวลาเปลี่ยนเรื่องคิดไปเรื่อย บังคับไม่ได้ และถ้าอยากจะรู้วิธีปฏิบัติ ที่หลวงพ่อสอนอย่างเป็นขั้นตอนจริงๆต้องอ่านหนังสือที่หลวงพ่อเขียน จึงขอให้ภรรยาช่วยหาหนังสือให้อ่าน ผมได้อ่าน ประทีปส่องธรรมตั้งแต่อารัมภบทจนถึงบทที่ 6 ตามคําแนะนําของหลวงพ่อในอารัมภบท ท่านแนะนําไว้ว่า สําหรับผู้ที่ ต้องการนําไปปฏิบัติอ่านถึงบทที่6 ก็พอ แต่ถ้าต้องการศึกษาแบบปริยัติ ก็ให้อ่านทั้งหมด เมื่ออ่านจบแล้วก็ได้ทราบขั้นตอน วิธีการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ และเข้าใจความสําคัญของการเจริญสติในชีวิตประจําวัน เริ่มปี 2552 ผมเริ่มทําวัตร โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
37
ปฏิบัติให้เป็นรูปเป็นร่าง โดยไปฟังธรรมตามกาลอาทิตย์ละหนึ่งครั้งที่สวนสันติธรรม (ยกเว้นเวลาที่มีกิจอื่นต้องไปทํา) ไหว้ พระ สมาทานศีลประจําทุกวัน การรักษาศีลซึ่งขณะนั้นก็ทําได้ดีพอสมควรเพราะได้เลิกกินเหล้ามาแล้วประมาณ 5 ปี เลิกสูบ บุหรี่มาประมาณ 1 ปี เลิกเที่ยวกลางคืนมากกว่า 10 ปี เลิกการพนันและอบายมุขทุกชนิดประมาณ 1 ปี เพียงแต่รักษาศีล ด้วยใจที่ตั้งมั่นว่าจะไม่โกหกพูดเพ้อเจ้อ ระมัดระวังเรื่องปาณาติบาตและเรื่องอธินนาทาน การรักษาศีลก็ไม่เป็นเรื่องลําบาก อีกต่อไป เริ่มจากไตรมาสแรกของปี 52 ผมก็ตะลุยอ่านประวัติพระสาวก ประวัติครูอาจารย์และธรรมะของท่าน ธรรมะ หมวดต่างๆ ทั้งจาก หนังสือ และ Internet โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมะที่เขียนตอบกระทู้โดยสันตินันท์และอุบาสกนิรนามที่ได้ รวบรวมเป็นหมวดหมู่ไว้ใน Internet ขณะเดียวกันก็ฝึกการรู้ทันจิตใจตัวเองในระหว่างวันซึ่งผมจะทําเวลาที่ขับรถ เช่นเวลา เข้าจอดในที่จอดรถแล้วพบป้าย “ที่จอดรถสําหรับเจ้าหน้าที่” ใจจะบอกทันที “กูจะจอด” แล้วจิตอีกดวงก็มารู้ และบอกว่าคิด น่าเกลียดจัง หรือเวลาเจอรถติด ใจจะกระสับกระส่าย มองหาช่องทางมุดซ้ายมุดขวา หรือปรุงแต่งโดยนําข้อมูลเก่าจาก สัญญามาวิเคราะห์ว่าจะหาเส้นทางเลี่ยงดีหรือไม่ ซึ่งจิตที่ไปรู้ทันความฟุ้งซ่านเหล่านั้นส่วนใหญ่จะยังไม่เป็นกลาง ยังรักดี เกลียดชั่ว แต่มีความรู้เกิดขึ้นอย่างหนึ่งว่าเราทําอะไรไม่ได้ แล้วใจก็เริ่มเป็นกลางและปล่อยวางเป็นอุเบกขาต่อผัสสะ และ ธรรมารมณ์ที่มากระทบใจในระหว่างขับรถมากขึ้น ช่วงนี้อาศัยซีดีหลวงพ่อเป็นเครื่องอยู่ แล้วไปรู้ทันจิตที่คิด ที่ปรุงแต่ง เริ่ม มองเห็นแล้วว่าพอใจกระทบอารมณ์ จะเกิดการปรุงแต่งโดยนําเอาสัญญาความจําได้หมายรู้เป็นจุดเริ่มต้นร่วมกับ ธรรมารมณ์นั้นปรุงแต่งเป็นความฟุ้งซ่านขาดสติลืมกายลืมใจ การปฏิบัติเจริญสติในชีวิตประจําวันก็พอทําได้ดีเวลาที่มีกิเลส แรงๆมาครอบงํา จิตจะรู้ทัน ทําให้ช่วงนี้ใจจะจดจ่ออยู่กับการพิจารณาธรรมะด้วยแรงผลักดันของกิเลส คือความอยาก บรรลุธรรม จนเกิดภาวะฟุ้งซ่านไปในธรรมะและจิตติดอยู่ในภพที่จิตปรุงแต่งจนเป็นอุปทานว่าบรรลุธรรมแล้ว โชคดีที่ไปฟัง เทศน์ที่สวนสันติธรรม จําได้ว่าเป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนเมษายน 2552 และได้ส่งการบ้านกับหลวงพ่อ พอกล่าวคํานมัสการ หลวงพ่อเสร็จผมก็พูดไม่ออก หลวงพ่อก็บอก โยมรู้สึกตัวไว้ แล้วหลวงพ่อก็เอามือขึ้นมาบีบที่แขนของท่านแล้วให้ผมทํา ตาม พอผมบีบที่แขนของตัวเองตามท่าน ใจก็หลุดออกมาและรู้ว่าจิตไปติดในภพ แต่ใจยังไม่ยอมรับ หลังจากจบธรรม เทศนาในช่วงที่สองแล้ว หลวงพ่อก็แนะนําว่าถ้าใครยังสงสัยให้ไปปรึกษากับดอกเตอร์หนุ่ย ผมไปพบและได้รับคําแนะนํา ให้เดินจงกรม ผมก็ได้ถือเป็นวัตรปฏิบัติมาตั้งแต่บัดนั้นโดยตื่นนอนเช้าขึ้น ไหว้พระ สวดมนต์ เดินจงกรม จิตใจก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้น และคอยตรวจสอบตัวเองว่า อกุศลที่มีอยู่ ละแล้วหรือยัง อกุศลที่ยังไม่เกิด เกิดหรือไม่ กุศลที่เกิดแล้ว เจริญขึ้น หรือไม่ กุศลที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นหรือไม่ หมั่นเจริญสติปัฏฐานสี่ และเจริญอิทธิบาทสี่ ควบคู่ไปกับ การเจริญธรรมอันทําให้ ใจสุข สงบ อ่อนโยน คือ พรหมวิหารสี่ ก็ช่วยให้ชีวิตประจําวันมีปัญหาน้อยลง ขณะเดียวกันก็อาศัยโยนิโสมนสิการพิจารณา ดูว่าใจเราติดฝั่งซ้าย ติดฝั่งขวา เกยตื้น ถูกมนุษย อมนุษยจับไว้ ถูกน้ําวนดูด ผุใน หรือไม่ โดยมีเป้าหมายของชีวิตคือ การ พ้นทุกข์ ผมได้ส่งการบ้านครั้งที่สองเมื่อต้นเดือนกันยายน 2553 ห่างจากครั้งแรกปีครึ่ง ได้ส่งการบ้านในช่วงที่หลวงพ่อรอ ฉันภัตตาหารเช้าหลวงพ่อเทศน์ให้ฟังถึงเรื่องธัมมวิจย ซึ่งเป็นองค์ธรรมองค์ที่สองในโพชฌงค์เจ็ด จิตใจผมได้รับรู้ถึงความ เมตตาของหลวงพ่อที่อยากให้พวกเราที่ยังเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารได้มีโอกาสพ้นทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ธรรมะของพระพุทธองค์ที่หลวงพ่อนํามาเทศนาสั่งสอน เป็นธรรมะที่งดงาม เกิดประโยชน์ต่อผู้ฟังธรรม สามารถช่วยให้คนที่ มีต้นทุนน้อย ไม่สามารถทําสมาธิเข้าฌานได้ มีกําลัง มีหนทางที่จะปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ได้ ปัจจุบันผมตั้งใจปฏิบัติ เพื่อบูชาพระรัตนตรัย บูชาคุณครูอาจารย์หลวงพ่อปราโมทย์ บูชาคุณคุณพ่อคุณแม่ ด้วยการอบรมจิตใจให้สะอาดขึ้นด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา และหวังไว้ว่าจิตใจผมที่เต็มไปด้วยมานะอัตตา และความหลงผิดจะยอมศิโรราบต่อพระรัตนตรัยอย่าง แท้จริงในอนาคตข้างหน้า บทสรุป รวบรวมจากการฟัง การอ่าน และ การคิด แล้วเทียบเคียงกับการปฏิบัติของผม ผิดถูกประการใดขอความเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์และญาติธรรมช่ายอบรมสั่งสอนด้วยครับ ในการปฏิบัติธรรมของผมตามคําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ช่วงแรกเป็นการใช้ปัญญาอบรมสมาธิ โดยการเจริญสติปัฏ ฐานในหมวดจิตตานุปัสสนาให้จิตใจตื่นขึ้น เพราะผมเป็นคนเมือง เป็นพวกคิดมาก ไม่สามารถทําสมาธิเข้าฌานได้ ซึ่งวิธี การนี้หลวงพ่อก็ได้พูดถึงครูอาจารย์ที่สอนกรรมฐาน เช่น หลวงพ่อชา สอนพระลูกศิษย์ท่านว่า “ถ้าจะสอนคนเมืองให้สอนดู จิต” หรือคําสอนของหลวงพ่อเทียนที่ว่า “ถ้ารู้ว่าจิตคิด จะได้ต้นทางของการปฏิบัติ ” หรือ คําสอนของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จากหนังสือ : “ปัญญาอบรมสมาธิ” เดือนมีนาคม 2542 โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ที่สอนว่าคนที่คิดมาก ฟุ้งซ่าน ให้ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ จากการเจริญจิตตานุปัสสนาอันเป็นต้นทางการ ปฏิบัติของผม นําผมไปสู่เส้นทางการศึกษาเพื่อการพ้นทุกข์ที่พระพุทธเจ้าสอนและหลวงพ่อปราโมทย์ก็ได้นํามาเทศน์สั่ง สอนพวกเราตลอดเวลา คือ ศีลสิกขา จิตสิกขา ปัญญาสิกขา โดยผมจะสรุปให้เห็นว่าการฟังธรรมและปฏิบัติธรรมตามคํา สอนของหลวงพ่อปราโมทย์ตลอดระยะเวลา เกือบสองปีที่ผ่านมาของผม เป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ ตาม โพธิปักขิยธรรม 37 (ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายของการตรัสรู้) ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้างเจดีย์ คือจากฐานไปสู่ยอด คือ เริ่มจาก สติปัฏฐาน4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
38
จิตใจของผมในช่วงแรกของการปฏิบัติ ยังไม่สามารถปรับสมดุลย์ได้ บางครั้งความเพียรมากเกินไปและเจือด้วย กิเลสอยากบรรลุธรรม บางครั้งจิตก็ไปคิดพิจารณามากจนฟุ้งซ่า ซึ่งตรงกับธรรมะของหลวงปู่มั่นที่หลวงพ่อปราโมทย์นํามา เตือนสติพวกเราเสมอว่า “ทําสมถะมากก็เนิ่นช้า คิดพิจารณามากก็ฟุ้งซ่าน หัวใจสําคัญของการปฎิบัติคือการมีสติในชีวิต ประจําวัน” แล้วหลวงพ่อปราโมทย์ท่านก็สอนต่อไปว่า ถ้าดูจิตได้ให้ดูจิต ถ้าดูจิตไม่ได้ให้ดูกาย และถ้าดูจิตก็ไม่ได้ ดูกายก็ ไม่ได้ให้ทําสมถะเพื่อให้จิตมีแรง จากการเริ่มต้นต้นดูจิตทําให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง เกิดศรัทธา มีความเพียรแม้จะเจือต้ว ยกิเลสคือความอยากดี แต่หลวงพ่อก็สอนเสมอว่าช่วงแรกตึงไว้หน่อย ต่อไปจะพอดีเอง หลวงพ่อสอนไว้ว่าเมื่อเริ่มต้น อย่า ตั้งสัจจะที่มากเกินไป เช่นจะนั่งสมาธิวันละสองหรือสามชั่วโมง เพราะเมื่อทําไม่ได้จะทําให้จิตท้อแท้แล้วล้มเหลว ให้ตั้งใจ ขนาดที่ฝืนใจเล็กน้อย ทําไปใจจะเริ่มกระสับกระส่ายให้รู้ทันแล้วทําต่อไปอีกสักระยะเพื่ออบรมจิตให้มีความเพียรที่จะต่อสู้ กับความขี้เกียจอันเป็นศัตรูที่สําคัญของการภาวนา ทําไปอย่างนี้เรื่อยๆ จิตจะเริ่มมีกําลังที่จะมีความเพียรด้วยความชอบใน ธรรมะ จิตจะเคล้าเคลียอยู่กับธรรมะจนบ้างครั้งจิตเข้าไปคลุกเคล้ากับธรรมะมากเกินไปก็จะเกิดความฟุ้งซ่านเพราะใจยังไม่ ตั้งมั่น ขณะเดียวกันเราก็ต้องเจริญสัมมัปปธานที่เป็นธรรมอันทําให้มีศีลมีธรรม จิตจะเริ่มพัฒนาไปจนจิตจะรู้ กาย เวทนา จิต หรือธรรม จิตก็เข้าไปรู้เอง ไม่สามารถบังคับได้ ซึ่งตรงนี้ หลวงพ่อก็สอนว่า การเริ่มต้นด้วยการเจริญสติให้เลือกอันใด อันหนึ่งที่เหมาะกับตัวเรา จะดูจิต หรือดูกาย หรือดูเวทนา ก็ได้ที่เราดูได้ชัด จนถึงจุดหนึ่งจะไม่มีการแยกสายอีกแล้ว จิตจะ รู้ กาย เวทนา จิต หรือธรรม จิตก็เข้าไปรู้เอง ไม่สามารถบังคับได้ เมื่อปรับสมดุลย์ของธรรมให้พอเหมาะพอดี จิตก็จะตั้งมั่น เริ่มเกิด “ศรัทธา” ที่แท้จริงในพระรัตนตรัย อันเป็นองค์ธรรมองค์แรกของ พละ 5 อินทรีย์ 5 เมื่อเกิด ศรัทธา จึงมีวิริยะ ที่จะ เจริญ สติ สมาธิ ปัญญา ให้เป็น พละ ให้เป็น อินทรีย์ ในเรื่องนี้หลวงพ่อปราโมทย์ได้เทศน์สั่งสอนเสมอว่า เมื่อเกิด ศรัทธาแท้จริง วิริยะจะเกิดตามมาซึ่งเป็นวิริยะที่ไม่ต้องบังคับใจ วิริยะจําเป็นต้องใช้ถึงส่วนยอดของเจดีย์ คือ โพชฌงค์ 7 ซึ่งก็คือองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้ อันมีองค์ธรรม 7 องค์ คือ สติ ธัมมวิจย วิริยะ ปิติ ปัสสัทธิ(คือความสงบกายสงบใจ) สมาธิ อุเบกขา ตลอดจนถึงจุดสูงสุดขององค์เจดีย์ คือ มรรคมีองค์ 8 การสร้างเจดีย์จะสําเร็จสมบูรณ์สวยงามได้ก็ต้อง สร้างและบํารุงรักษาให้แข็งแรงมั่นคงสวยงามตั้งแต่ฐานถึงยอดอย่างถูกต้อง จะเห็นได้ว่า วิริยะเป็นองค์ธรรมที่จําเป็น ตลอดสายของการปฏิบัติซึ่งหลวงพ่อได้เมตตาสั่งสอนตลอดเวลาว่าอย่าขี้เกียจ วิริยะจากความตั้งใจปฏิบัติเป็นจุดเริ่มต้น จนเกิดวิริยะจากศรัทธา และเมื่อพิจารณาเห็นความน่ากลัวของสังสารวัฏ จะมีความเพียรชนิดที่พ่อแม่ครูอาจารย์พูดถึงคือสู้ จนสุดทาง ยอมตายไม่ยอมถอย ตราบใดที่เรายังช่วยตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องพึ่งกัลลยาณมิตร และ โยนิโสมนสิการ ตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ผมกล้าพูดได้ ว่าพวกเราทุกคนที่ปฏิบัติตามวิธีที่หลวงพ่อสอนอย่างถูกต้อง จะไม่เป็นคนอ่อนแอ แต่เป็นคนอ่อนน้อม สุดท้าย ผมขอตั้งสัตย์อธิษฐานที่จะมีความเพียร ปฏิบัติรักษาศีล เจริญสติรู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยใจที่ตั้งมั่น และ เป็นกลาง จนสุดความสามารถ เพื่อเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อาจาริยบูชา และบูชาคุณของคุณพ่อคุณแม่ โดยคุณ พีระยุทธ 30 กันยายน 2553 816. กราบนมัสการหลวงพ่อที่เคารพ หนูได้ฟัง CD ของหลวงพ่อมาประมาณ 1 ปี เมื่อนําการดูจิตในชีวิตประจําวันแบบที่หลวงพ่อสอน มาประกอบกับการนั่ง สมาธิแบบสมถะที่ทําอยู่ประจํามาหลายปี ทําให้มีความรู้ตัว รู้กายใจ บ่อยครั้งขึ้น ใจเย็นลง เป็นธรรมชาติ และมีสติปัญญา ในการดําเนินชีวิตทางโลกให้ตัวเองและผู้อื่นมีความสุขมากขึ้น มีความสุขใจในการทํางานเพื่อผู้อื่นและส่วนรวมที่ไม่ได้รับ ผลตอบแทนเป็นลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะการปฏิบัติธรรมตามคําสั่งสอนของหลวงพ่อทําให้หนูได้พบกับความสุข ที่สุขยิ่ง กว่าลาภ ยศ สรรเสริญ ความดีใดๆที่หนูเคยทํามา กําลังทําอยู่ และ ได้ทําในอนาคต หนูขอถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา และ สังฆบูชา ค่ะ ด้วยความเคารพ โดยคุณ พญ.จงกลณี 817. หนทางที่หลวงพ่อบอกว่าเป็นการนําสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้มาบอกต่อ เป็นหนทางที่เป็นเหตุเป็นผลที่จะนําไปสู่ ทางพ้นทุกข์ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
39
จากคนคนหนึ่งที่ทั้งวันกลายร่างเป็นมนุษย์แบบเปรตบ้าง มนุษย์แบบเดรัจฉานบ้าง มนุษย์แบบอสุรกายบ้าง มนุษย์แบบสัตว์นรกบ้างโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้มาฟังหลวงพ่อแล้วก็ค่อย ๆ รู้ตัวได้มากขึ้น กลัวบาป กลัวกรรมมากขึ้น และได้รู้ ว่าที่ผ่านมาใช้ชีวิตแบบไม่คุ้มกับที่ได้อัตภาพมนุษย์มาเลย กําลังฝึกรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ในปัจจุบัน ด้วยใจที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง ด้วยรู้แล้วว่าสิ่งที่หลวงพ่อสอนจะ ทําให้พ้นจากภพภูมิเหล่านั้นและจะถึงทางพ้นทุกข์ในที่สุด ขอเป็นอีกหนึ่งกําลังใจค่ะ กราบหลวงพ่อด้วยเศียรเกล้า โดยคุณ ธนวรรณ 818. กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ที่เคารพอย่างสูง ดิฉันได้เริ่มฟัง CD คําสอนของหลวงพ่อมา ประมาณ 2 ปี เป็นช่วง 2 ปีที่เห็นความทุกข์เยอะมาก ดิฉันเคยฝึกการปฏิบัติใน รูปแบบ แบบการเคลื่อนไหวของหลวงพ่อเทียน รู้สึกเป็นวิธีที่เหมาะและสะดวกในการปฏิบัติ แต่ไม่เคยรู้กาย รู้ใจของตัวเอง จริงๆเลย เพราะเอาแต่ติดเพ่ง จนได้มีโอกาสมาฟังคําสอนของหลวงพ่อ ถึงเข้าใจเรื่องของ สมถะมากขึ้น และพอฝึกรู้กาย รู้ ใจ มีสติต่อเนื่อง เผลอก็รู้ เร็วขึ้น เกิดกิเลสต่างๆก็รู้ตัวมากขึ้น เกิดแล้วรู้ แล้วก็หลงอีก แต่พอเกิดบ่อยๆ ก็มีสติขึ้นอัตโนมัติ บ่อยขึ้น ไม่หลงนาน ไม่ติดเพ่งเท่าเมื่อก่อน ทําให้มีความเข้าใจธรรมชาติของจิตมากขึ้น และยอมรับว่าทุกอย่างที่เกิด เรา บังคับจิตไม่ได้ ดิฉันไม่เคยได้ส่งการบ้านกับหลวงพ่อแต่กลับได้ฟังคําตอบที่รู้สึกสงสัยในการปฏิบัติ บ้างก็จากคําถามของ ผู้ที่ส่งการบ้านกับหลวงพ่อที่ตรงกับความรู้สึกของดิฉัน พอหลวงพ่ออธิบายก็ทําให้เข้าใจมากขึ้น ทุกวันนี้มีความตั้งใจที่จะ ปฏิบัติธรรมเพื่อหาทางพ้นทุกข์ และจะขอยึดเอาคําสอนของหลวงพ่อเป็นแนวทางการปฏิบัติ ร่วมกับการฝึกแบบการ เคลื่อนไหวของหลวงพ่อเทียนตลอดไป ชีวิตดิฉันรู้สึกเย็นขึ้น ไม่ขี้โมโห วู่วาม ขาดสติ และทําร้ายคนอื่น เหมือนเมื่อก่อน ก็ เพราะด้วยความเมตตาของหลวงพ่อที่สั่งสอนแก่บรรดาลูกศิษย์รวมถึงดิฉัน ดิฉันขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อผู้เมตตา ต่อพวกเรา และกราบขออโหสิกรรมกับหลวงพ่อด้วยค่ะที่เคยคิดไม่ดีในตอนฟัง CD ของหลวงพ่อในครั้งแรกเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนว่าทําไมหลวงพ่อดุมาก รู้สึกไม่ค่อยชอบ แต่พอตามฟังไปเรื่อยๆ กับรู้สึกมีความเข้าใจ และพอปฏิบัติตามไปเรื่อยๆ กับรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และก็พบว่าพลวงพ่อเป็นผู้ที่มีแต่ความเมตตาให้กับบรรดาลูกศิษย์และสอน สิ่งที่เราทุกคนทําตามได้ และเห็นผลได้ด้วยตัวเองจริงๆ หลวงพ่อมีแต่สอนให้ปฏิบัติ เพื่อความพ้นทุกข์ของตัวเราเอง ไม่เคย เรียกร้อง ไม่เคยเห็นแก่ความเหนื่อยยาก ไม่เคยเห็นหลวงพ่อแสดงอวดอ้างอะไรเลย มีแต่สอน และเป็นเสมือนพ่อผู้ให้แสง สว่างในทางธรรมอย่างหาที่สุดมิได้ ดิฉันขอเป็นอีกหนึ่งกําลังใจที่จะถวายแด่หลวงพ่อค่ะ ขอกราบขอบพระคุณแทบเท้า หลวงพ่อ ดิฉันรู้สึกมีบุญมากที่เกิดมาในชาตินี้ได้เกิดมาได้พบพุทธศาสนาและได้มาพบคําสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัม พุทธเจ้าผ่านทางคําสอนของหลวงพ่อที่ง่ายต่อการปฏิบัติตาม โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง ทุกอย่างทําได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสําหรับชีวิตของคนทํางานในเมืองที่มีแต่ความเครียด ปัญหา และความวุ่นวายสารพัดค่ะ โดยคุณ กานต์ชนก 819. จากการที่ดิฉันได้ไปฟังเทศ์เป็นประจํา ที่สวนสันติธรรม และได้นํามาปฏิบัติตามที่หลวงพ่อได้สอน รู้สึกถึงจิตใจที่เปลี่ยนแปลง จากที่มีแต่ความร้อนใจ ทุกข์ใจ เปลี่ยนเป็นสงบเย็นและเป็นสุข มากขึ้น ดิฉันเชื่อมั่นในคําสอนที่หลวงพ่อที่ได้ถ่ายทอดให้ลูกศิตย์ ไม่หวันไหวกับข่าว ใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ ขอถวายความนอบน้อบ Best Regards โดยคุณ Wanna 820. หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านผู้เป็นครูคนแรกที่ทําให้ฉันได้เข้าใจว่า จริงๆแล้วพุทธศาสนาสอนอะไร การปฏิบัติธรรมจะทํา อะไร จะทําอย่างไร จะทําเพื่ออะไร ท่านกางแผนที่ออกมาให้เราได้เห็นเส้นทางเดินที่ชัดเจนก่อนที่เราจะออกเดินทาง ทําให้ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
40
ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่ได้เป็นชาวพุทธตามทะเบียนบ้านเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา จากที่เคยฟังธรรมะของครูบาอาจารย์ท่านอื่นไม่ เข้าใจ ก็เข้าใจได้มากขึ้น และพบว่าจริงๆแล้วคําสอนของทุกท่านก็มุ่งไปสู่สิ่งเดียวกัน คําสอนของท่านครอบคลุมทั้งทาน ศีล ภาวนา ในเรื่องของการทําทาน ท่านให้เราทําบุญด้วยสติด้วยปัญญา และท่านก็ ไม่ได้เน้นว่าจะต้องมาทําบุญกับท่านมากๆ ท่านมักจะบอกเสมอว่า ไม่ต้องหาข้าวของเงินทองอะไรมาถวายหลวงพ่อนะ แค่ ขอให้พวกเราทุกคนอดทน ขยันภาวนา อย่าขี้เกียจ ปฏิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า (ท่านจะเน้นให้พวกเรา นึกถึงพระพุทธเจ้าซึ่ง เป็นเสมือนครูใหญ่ก่อนเสมอ) เป็นอาจาริยบูชาแด่หลวงพ่อแค่นี้ท่านก็พอใจแล้ว เคยได้ยินท่านพูดว่า ใครอยากจะมาเรียน ภาวนาก็มาเรียนนะ แต่ถ้าจะทําบุญไปทําตามวัดที่เค้าขาดแคลน ที่เค้าต้องการจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะวัดท่านไม่ได้ ต้องก่อสร้างอะไรที่ต้องใช้เงินมากๆแล้ว แม้แต่ตัวท่านเองเวลารับนิมนต์ตามที่ต่างๆ เงินที่มีคนทําบุญถวายท่าน หลายครั้ง ที่ฉันได้ยินกับหูตัวเองว่า ท่านไม่ขอรับปัจจัยข้าวของต่างๆ เอากลับวัดไปด้วย ท่านจะมอบให้สถานที่รับนิมนต์นั้นๆได้เอาไป ทําประโยชน์ต่อไป ในเรื่องของศีล ท่านจะเน้นให้เราทุกคนถือศีลห้าไว้ให้มั่น เดิมทีฉันก็ไม่มีความหนักแน่นในการรักษาศีลเท่าไหร่นัก แต่พอ มาหัดดูจิตดูใจ จะเห็นเลยว่าแม้แต่การกระทําผิดศีลเพียงเล็กน้อย เช่นการพูดเพ้อเจ้อ มันก็ส่งผลให้ใจเราฟุ้งซ่านได้ พอฉัน เห็นทุกข์เห็นโทษจากของจริงตรงหน้า ฉันก็มีความสํารวมระวังในการรักษาศีลตามที่หลวงพ่อสอนมากขึ้นๆ ในเรื่องของการภาวนา ฉันก็ได้เห็นพัฒนาการทางจิตใจของตัวเอง เดิมทีฉันเป็นคนขี้โมโห ท่านก็สอนให้เรารู้ทันอารมณ์ โกรธที่เกิดขึ้น โกรธบ่อย ก็ได้รู้บ่อย เท่ากับว่าเราก็ได้ฝึกสติบ่อยขึ้น พอสติเกิดบ่อยขึ้นๆ ความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจมันก็ลดลง มาก คนรอบๆก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเรา ที่มีจิตใจสงบ เย็น มีเมตตามากขึ้น การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของ จิตใจที่เกิดขึ้น ก็ทําให้เรามีศรัทธาในคําสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากขึ้น อินทรีย์ตัวอื่นๆไม่ว่าจะเป็นวิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ก็พัฒนาขึ้นเป็นลําดับ ทําให้ฉันประจักษ์กับตัวเองได้เลยว่า ถ้าเราทําจริงก็ได้ผลจริง ขอกราบนอบน้อมบูชาองค์หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านผู้บอกทางให้เราเดิน ด้วยเศียรเกล้า โดยคุณ วรางคณา _/\_ _/\_ _/\_ 821. ดิฉันเป็นคนบุญน้อยด้อยปัญญาในทางธรรม แม้ว่าจะมีบุญเกิดมาพบพระพุทธศาสนา แต่ก่อนหน้านี้ก็หาได้เข้าใจคํา สอนของพระพุทธเจ้าไม่ จนกระทั่งได้ฟังคําอธิบายธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์จากทาง CD และจากการ download ทาง อินเตอร์เน็ต คําอธิบายธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์เป็นเนื้อหาที่เข้าใจได้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย ทําให้ดิฉันตาสว่าง สามารถ เข้าใจคําสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้น และสามารถศึกษาอ่านหนังสือธรรมะอื่นๆ ได้ด้วยตัวเองมากขึ้น ที่สําคัญคําอธิบาย ของหลวงพ่อปราโมทย์ทําให้ดิฉันเข้าใจการปฏิบัติภาวนาอย่างง่ายสําหรับคนที่ใช้ชีวิตทํางานอยู่ในเมืองซึ่งไม่ค่อยมีโอกาส ได้เข้าปฏิบัติภาวนาเต็มรูปแบบ ชีวิตของดิฉันมีความสุขสงบมากขึ้น ความทุกข์ใจสั้นลง ดิฉันขอกราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ด้วยความเคารพบูชาอย่างยิ่งค่ะ สุปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ สังฆังนะมามิ โดยคุณ ชุติมา 822. ชีวิตเราเคยโชคดีอย่างมหาศาลครั้งหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมอยู่วัดป่า 3 เดือนและก็ได้รับผลจากการปฏิบัติ ในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง แม้จะไม่รู้จักหรือให้ความสําคัญกับเรื่องนิพพานเลย ไม่รู้ว่ามีความสําคัญอย่างไรด้วย จนกลับมา ทํางานประจําและใช้ชีวิตดูแลคุณแม่ซึ่งมีอายุมากขึ้นๆ จนท่านจากโลกนี้ไป ความสนใจในการปฏิบัตินั้นมีอยู่เสมอๆ แต่ก็ไม่ สบโอกาสมากพอ ทําได้มากที่สุดคือไปปฏิบัติธรรมปีละ 10 วันเท่าที่วันหยุดเอื้ออํานวย จนกระทั่งได้รับเมลเทศนาธรรมโดย ท่านปราโมทย์ ปาโมชฺโชส่งมาจากเพื่อน เหมือนสภาวะที่เราเคยเรียนรู้ถึงความตื่น ความรู้ตัวในครั้งก่อนโน้น ซึ่งมันหยุดอยู่ ตรงนั้นนิ่ง นานเท่านาน เมื่อได้อ่านเทศนาธรรมของท่านจบปั๊บ ความกระตือรือร้นขวนขวายที่จะได้ ฝึกฝนปฏิบัติอย่าง จริงจังอีกครั้งจึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะเกิดความเข้าใจถึงคําว่าดูจิต จากวันนั้นถึงวันนี้นับเนื่องได้ 2-3 ปีแล้ว ที่ได้ฝึกฝนการดู จิตโดยอาศัยการฟังซีดีของท่านปราโมทย์มาเรื่อยๆ อย่างสม่ําเสมอ โดยยังไม่มีโอกาสไปฟังธรรมจากท่านโดยตรง ความ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวเราคือ มีความกระตือรือร้นที่ผิดไปจากแต่ก่อน ขยันบ้างขี้เกียจบ้างก็ไม่ละทิ้งการดูจิต อาจไถล ไปบ้างไม่นานก็กลับมาในครรลองของการปฏิบัติอีก ใช้ทุกโอกาสเป็นโอกาสของการปฏิบัติได้มากขึ้น สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สงฺฆํ นมามิ" โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
41
พระสงฆ์ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์....กราบ โดยคุณ ฐิติมา 823. หลังจากที่ฟังหลวงพ่อปราโมทย์ ประกอบการภาวนาแล้ว ทําให้พบความจริงที่พิสูจน์ได้ว่า จิตใจเราสงบขึ้นครับ เราฝึกปฏิบัติธรรมได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากเคยเข้าวิปัสนา กับคอร์ส ต่างๆ นาๆมา มากมาย นับสิบปี แต่ก็มีแต่เครียดจัด ไม่ก็จ้องเพ่ง จนเข้าใกล้ขั้นบ้า (เพราะดันจิตไม่รวมก็บังคับอยู่นั่นแหละ) ขอบพระคุณหลวงพ่อที่ชี้นําทาง บอก "หลัก" ในการทําสมถะ วิปัสนา และการดําเนินชีวิตครับ เพิ่งเข้าใจตรงวิปัสนาและสมถะ ก็จากหลวงพ่อปราโมทย์นี่แหละครับ มันคืออะไร ทําไปทําไม แล้วมีประโยชน์อะไร ชี้วัดได้ จากอะไร ถ้าเราภาวนาแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางกุศล ทางบวก เลย มันก็ผิดแน่นอน ทุกวันนี้ผมทําในรูปแบบได้นานขึ้น หาวิธีทําสมาธิที่เหมาะกับตัวเองได้ดีขึ้น สวดมนต์ทุกวัน ทําสมาธิ ทุกวัน ไม่เคยเว้น และสังเกตจิตไปอย่าง สบายๆ มากกขึ้นก็เพราะท่านนี่แหละ ผลปรากฏ คือใจที่คลายจากความเครียด เค้น แน่น เพ่ง เกร็ง โกรธ ได้อย่างมหาศาล และลดความฟุ้งซ่านได้เยอะครับ ทุกวันนี้ เราสามารถฝึกได้ดีขึ้นมากจริงๆ ซีดีหลวงพ่อ คําสอนหลวงพ่อ ส่วนใหญ่คือการบอก หลัก ในการภาวนา ครับ ท่านไม่เคยให้มาติดตัวท่าน ผมก็ฟังประกอบการภาวนาของผมไป ทั้งที่ภาวนาฝึกอยู่กับสายอื่นอยู่ได้วย มีลูกศิษย์หลายคนเลย ที่แข็งแกร่งได้ เพราะหลวงพ่อ กลับไปภาวนาเองได้ กลับไปลุยกับกิเลส เอง โดยไม่ไช่ต้องมาติด หลวงพ่อ ตามที่ข่าวกล่าวหาท่าน.... ก็....ขอให้ธรรมะคุ้มครอบท่านครับ สิ่งที่ท่านสอน มีประโยชน์จริงๆ ต่อวงการชาวพุทธ วงการวิปัสนา ... หายากครับ เสียดายจริงๆ ถ้าท่านต้องไป.... โดยคุณ วิน 824. กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ผมจะหมั่นพัฒนาจิตใจตนเองต่อไปเรื่อยๆ โดยการ “มีสติรู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตตั้งมั่นและเป็นกลาง” ตามที่ หลวงพ่อได้อบรมสั่งสอนไว้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและอาจาริยบูชา ทั้งนี้ บุญบารมีใดที่เกิดจากการเจริญสติภาวนาของ ข้าพเจ้า จงส่งผลให้สัตว์โลกทั้งหลายมีโอกาสได้เจริญสติภาวนาตามสมควรในกาลที่เหมาะสมด้วยเถิด โดยคุณอรรจน์ 825. ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในอีกหลาย ๆ คน ที่ต้องการหาทางออกให้กับชีวิต เพราะมีเหตุ คือ ความทุกข์ทางโลก ครั้งแรกที่ ได้ฟังธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ผ่านทางสถานีวิทยุสังฆทานธรรม รู้สึกประทับใจรูปแบบการสอนของท่าน เพราะหลังจาก โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
42
ที่ข้าพเจ้าได้เริ่มปฏิบัติธรรมก็มีคําถามที่ต้องการสอบถามครูบาอาจารย์มากมาย แต่ด้วยความที่เราไม่กล้าและไม่มีโอกาส ที่จะได้สอบถามเกี่ยวกับการปฏิบัติจากครูบาอาจารย์โดยตรง จึงได้มีเพียงแต่คําถามที่ค้างไว้ในใจ วันนั้นที่ฟังการตอบ คําถามของหลวงพ่อปราโมทย์ ทําให้ข้าพเจ้าจําชื่อท่านได้ขึ้นใจ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะไปพบท่านได้อย่างไร เนื่องจากไม่ ทราบว่าท่านจําวัดที่ไหน กระทั้งประมาณปลายปี 2550 ได้มีกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ได้ชวนข้าพเจ้าไปฟังธรรมที่ศาลาลุงชิน ซึ่งตอนนั้น ข้าพเจ้ายังไม่ทราบชื่อพระที่จะมาเทศน์วันนั้น จนพิธีกรได้เอ่ยถึงชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นในใจว่า ใช่เลย พระปราโมทย์ ปราโมชโช จําได้แล้ว และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ข้าพเจ้าได้เริ่มฟังซีดีธรรมะของ หลวงพ่อแทนการฟังเพลงไปโดยปริยาย ช่วงแรกก็ฟังอย่างเดียว รูปแบบก็ทําบ้างไม่ทําบ้าง จนกระทั้งตัวเองได้เผชิญกับ วิบากกรรม จึงได้ไปส่งการบ้านกับหลวงพ่อปราโมทย์ ธรรมะที่ท่านถ่ายทอดบอกสอนวันนั้น ทําให้ข้าพเจ้าได้สติว่าที่ผ่าน มาเราได้ใช้ชีวิตอย่างประมาทเกินไป เพิ่งสํานึกว่าเราพร้อมจะตายตลอดเวลา จึงเป็นเหตุให้การปฏิบัติค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงจากเดิม จนเห็นว่า “ความทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่มีไว้ให้เป็น” ที่ครูบาอาจารย์เคยบอกไว้เป็นอย่างนี้เอง และ ความรู้ ความเข้าใจในธรรมะ ทําให้ความเห็นผิดและความไม่รู้ ที่เราสะสมมาเนิ่นนานนั้น ค่อย ๆ ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่ได้ฟังการถ่ายทอดบอกสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ด้วยใจที่เปิดรับธรรมะ ไม่มีอคติ จะทําให้รับ รู้ได้ว่าท่านไม่เคยสอนให้ศิษย์งมงาย ท่านสอนให้เรารู้จักพึ่งตนเอง พึ่งธรรมะ ให้เพียรภาวนา ลด ละ รู้เท่าทันกิเลสของตัว เอง แม้การปฏิบัติของข้าพเจ้าจะยังไม่ถึงที่สุดแห่งการพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง แต่ข้าพเจ้าก็เชื่อมั่นในเส้นทางนี้ ที่หลวงพ่อ ปราโมทย์ ท่านเคยเทศน์สอนว่า พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้บอกทาง ส่วนท่านเป็นผู้จําทางมาบอก และข้าพเจ้าได้สัมผัสถึง ความเมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ของหลวงพ่อปราโมทย์ และครูบาอาจารย์ทุก ๆ ท่าน ที่ถ่ายทอดบอกสอนศิษย์ แม้ว่าข่าวทางโลกจะมีบทสรุปอย่างไร หนึ่งในศิษย์คนนี้ จะตั้งจิตมั่น ไม่หวั่นไหว เพียรภาวนาเพื่อ ลด ละ รู้เท่าทันกิเลส ของตัวเอง เมื่อกระทบ รู้เท่าทันกระเทือน โดยจะไม่ไปกระแทกกับใคร ตามสติ ปัญญา และกําลังที่มีอยู่ เพื่อบูชาคุณต่อไป โดยขอน้อมนําหลักคําสอนของพระพุทธเจ้า มาใช้ในการวางจิตเมื่อถูกกล่าวหา หรือเมื่อเกิดการกระทบและเกิดการรับรู้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ “จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่กล่าววาจาอันเป็นบาป เราจักเป็นผู้มีจิตเอ็นดู เกื้อกูล มีจิตประกอบด้วยเมตตา ไม่มีโทสะในภายในอยู”่ และ “จงรักษาตน ด้วยการเสพธรรมะ ด้วยการเจริญธรรมะ ด้วยการทําให้มากซึ่งธรรมะ จงรักษาผู้อื่น ด้วยการอดทน ด้วยการไม่เบียดเบียน ด้วยเมตตาจิต ด้วยความรักใคร่เอ็นดู” ทั้งนี้ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยเลือดเนื้อ กายใจ ที่เหลืออยู่น ี้ ขอน้อบน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรม บูชา สังฆบูชา ปฏิบัติบูชาคุณของพระพุทธเจ้า บูชาคุณพระธรรมคําสอนของพระองค์ บูชาคุณพระอริยสาวกทั้งหลาย บูชาคุณหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช และครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ได้นําหลักคําสอนของพระพุทธเจ้ามาถ่ายทอดบอกสอน ศิษย์ บูชาคุณบิดามารดาทั้งหลาย ตลอดจนผู้มีพระคุณทั้งหลาย ที่ได้ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันตลอดมา ทั้งที่รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี จํา ได้ก็ดี จําไม่ได้ก็ดี โดยจะขอน้อมนําหลักคําสอนไปปฏิบัติ เพื่อเป็นเหตุปัจจัยให้ถึงที่สุดแห่งการพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง สาธุ สาธุ สาธุ โดยคุณ ชนณณี (ตุ้ย..นุ้ย) อายุ 35 ปี อาชีพ อิสระ 826. ศิษย์โพ้นทะเลไกลครูบาอาจารย์ได้อาศัยCDท่านอาจารย์ฟังดูง่ายนําไปปติบัตได้ยากแต่พยายามทําความเข้าใจตาม ดูตามรู้ไปพอจะคลําทางได้บ้าง ผลทางปฏิบัฅเริ่มมีศิลขยันภาวนามีวินัยมาก โกรธสั้นลง มีสติบ่อยขึ้น ฟังธรรมอื่นฯเข้าใจ มากขึ้นการดูจิตดูได้ยากสําหรับผู้สูงอายุนอกจากจะจริงอย่างที่ท่านเทศในCD อารมณ์ถูกกระทบแรงฯจึงจะเห็นเลยดูกาย แทนตามที่ท่านแนะนํา อย่างไรก็ตามจะพยายามจําหลักธรรมคําสอนของท่านอาจารย์นําไปปติบัตติจนวาระสุดท้ายของ ชีวิตนี้คะ กราบท่าน อาจารย์ ปราโมทย์ ปราโมชุโช ด้วยความเคารพ โดยคุณ วารี
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
43
827. กรานมัสการพระอาจารย์ปราโมทย์ค่ะ 3 ปีก่อน หนูอยู่กับความมึนๆ รู้สึกมีแต่ความเลื่อนลอย ในแต่ละวันนั่งเหม่อบ่อยมาก ครั้งละนานๆ พยายาม ค้นหาคําตอบให้ชีวิตตัวเองมาตลอด ในใจลึกๆมันรู้สึกวังเวง ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว สวดมนต์ก็ขี้เกียจ นั่งสมาธิก็กระสับกระส่าย ไม่ใช่แค่หาความสงบไม่ได้ แต่เหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ มันร้อนรนไปหมด ตอนแรกรู้สึกหมดหวัง ว่าชีวิตนี้คงทําอะไรไม่ได้ มากกว่าทําทาน ถือศีล ต่อมาได้เจอมีโอกาสฟังธรรมของพระอาจารย์ รู้สึกเลยว่าต้องใช่ทางนี้แน่ๆ ก็คอยตามดูไปเรื่อยๆ ตามความเข้าใจ แต่ก็ไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นมากนัก ด้วยปกตินิสัยเป็นคนโมหะเยอะมาก จนได้มีโอกาสส่งการบ้านพระ อาจารย์ 2 ครั้งแรกทําเอาพระอาจารย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัวหนูเองรู้สึกหมดหวังยังไงก็ไม่รู้ แต่ก็ไม่เลิกนะคะ ทําตามที่ พระอาจารย์ให้การบ้านมา ดูอะไรไม่รู้เรื่องก็จะดูไม่เลิก แต่ก็ยังเห็นสภาวะมันมัวๆตลอด จนเลิกดิ้น แต่ก็ยังทําต่อ จนใน ที่สุดหนูรู้สึกได้เลยว่าจิตหนูพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ช้าๆแต่ก็ไม่หยุดนิ่ง ทุกวันนี้ชีวิตเปลี่ยนไปมากค่ะ ในแต่ละวันแทบไม่เคยนั่ง เหม่อเลย เข้มแข็งขึ้น แก้ไขปัญหาต่างๆได้ดีขึ้น รู้สึกจิตมันสว่างขึ้นมาก และเดี๋ยวนี้ก็เดินจงกรมได้นานขึ้นเรื่อยๆ จากครั้ง แรก 5 นาทีแทบจะขาดใจ แต่มาถึงปัจจุบันได้วันละ 1 ชั่วโมงด้วยความเต็มใจ นั่งสมาธิได้แล้วด้วยนะคะ แต่ไม่ค่อยชอบนั่ง เท่าไหร่ เพราะหลับง่าย และที่สําคัญสามารถปฏิบัติได้ด้วยในชีวิตประจําวัน ทํางานไปซักพัก พอไม่ต้องใช้ความคิดมันก็จะ ย้อนเข้ามาดูตัวเอง มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวบ่อยเข้า ความทุกข์ต่างๆก็ดับไวขึ้น มีความสุขขึ้นมาก ตอนนี้การบ้านต่อไปที่พระ อาจารย์ให้ก็คือการเจริญปัญญา มันยากมากเลยแต่ก็ไม่หมดความพยายามหรอกค่ะ จะขอทําต่อไปเรื่อยๆเพราะเห็นแล้วว่า ชีวิตดีขึ้นจริงๆ สุดท้ายนี้ขอให้พระอาจาย์มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ต่อไปนานๆค่ะ โดยคุณณัฏฐา 828. ฉันเริ่มฟัง CD คําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ประมาณเดือนเมษายน 2551 หลวงพ่อสอนให้มีสติรู้กายรู้ใจ ตามความ เป็นจริง ลงปัจจุบัน ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง หลายครั้งที่ฟังฉันก้มลงกราบท่านบ่อยๆ เมื่อรู้สึกว่าธรรมะได้เข้าไปถึงใจ ความรู้สึกที่เคยหมดหวังว่า ชาตินี้ไม่มีทางที่จะบรรลุธรรมอะไรได้เลย เพราะคิดว่ามีเพียงอานาปานสติ 16 ขั้น เท่านั้นที่จะ ไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ (เคยลองฝึกแล้วทําไม่ได้) แต่จาก CD หลวงพ่อสอนให้รู้สึกตัว โดยเฉพาะจิตหนีไปคิดให้ร ู้ เป็นคํา สอนที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ฉันคิดในใจว่า ถ้าฝึกแบบนี้ฉันทําได้ วันหนึ่งขณะเดินชมดอกไม้ในสวนด้วยความหลงเพลิดเพลินอยู่นั้น จิตก็ตื่นคือเหมือนถูกใครผลักเซไปอย่างแรง ฉันตกใจว่า เกิดอะไรขึ้น นึกย้อนไปถึงคําสอนของหลวงพ่อ อะไรกัน ฉันยังไม่ทันได้ฝึกปฏิบัติอะไรเลย จิตก็ตื่นได้ จิตคงจะจําสภาวะ หลงได้กระมัง ฉันเริ่มศรัทธาที่จะภาวนาอย่างจริงจัง ตั้งแต่นั้นฉันก็ฝึกดูสภาวะ ตามรู้ตามดูไปเรื่อย และทําในรูปแบบ โดยการเดินจงกรม ก่อนนอนทุกวันสลับกับ นั่งสมาธิบ้าง สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน พอจิตไหลไปคิดก็รู้(รู้ว่าจิตคิด ไม่ใช่รู้เรื่องที่คิด) ความคิดก็ ดับหายไปทันที แรกๆจะรู้สึกขําที่เห็นจิตมันช่างคิดเหลือเกิน จังหวะที่รู้ว่าจิตหนีไปคิด จิตจะตื่นขึ้นมา บางครั้งก็เห็นสภาวะ ไหลเอื่อยๆ แล้วดับลง เกิดความสุขความสงบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ติดอยู่อย่างนี้ 1 ปี ไปต่อไม่ได้ จึงไปส่งการบ้านหลวง พ่อครั้งแรกที่สวนสันติธรรม โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
44
หลวงพ่อได้กรุณาบอกสิ่งที่ติดอยู่ให้ คือความพอใจในความสุขความสงบที่เกิดขึ้น ใช่เลย เหมือนถูกทุบหัวแรงๆ จนมึน ทําไมเราถึงได้โง่อย่างนี้ นึกว่าภาวนาถูกแล้ว วันๆเที่ยวบอกใครๆว่ามีความสุขเหลือเกิ๊น แล้วยังไม่รู้จักเฉลียวใจอีกว่าติด อยู่ในความพอใจ หลวงพ่อบอกว่ามีความสุขไม่เป็นไร แต่ความพอใจในความสุขเป็นราคะๆเป็นกิเลส ให้รู้เท่าทันความ พอใจในความสุขความสงบ ถ้าไม่ได้หลวงพ่อฉันคงติดอยู่ในภพนี้อีกนาน พอรู้เท่าทันความพอใจในความสุขความสงบ จิตก็เป็นกลางมากขึ้นๆ แล้วอยู่ๆจิตก็พลิกไปเป็นทุกข์ ทุกข์มากๆจนถึงกับ สะอื้นโดยไม่รู้ว่าทุกข์อะไร หลวงพ่อได้กรุณาเป็นครั้งที่ 2 บอกว่าขันธ์ 5นั่นแหละเป็นทุกข์ มันทุกข์โดยตัวของมันเอง ตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจ ตั้งแต่นั้น จิตก็จะสนใจในเรื่องของขันธ์ 5 มากขึ้น พยายามแยกรูปนามไปเรื่อยๆ แรกๆก็เหมือนช่วยแยก จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะกําลังหลงเพลินเฮฮาอยู่กับพี่น้องที่มาเยี่ยม ฉันเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ทันใดนั้นจิตก็แยกจากกาย เห็นกายอยู่ห่างออกมา จิตกับกายอยู่คนละที่ แล้วเห็นทันทีว่ากายนั้นไม่ใช่เรา แม้แต่เสียงหัวเราะก็ไม่ใช่เรา ทั้งหมดนี้เกิด ชั่วแวบเดียว แล้วก็กลับไปรวมกันเหมือนเดิม เมื่อไปส่งการบ้านครั้งที่ 3 หลวงพ่อได้กรุณาบอกว่าโยมเห็นรูปปรมัตถ์แล้วว่าไม่ใช่เรา แต่โยมยังไม่เห็นว่าจิตไม่ใช่เรา หลวงพ่อสอนให้รู้จักสภาวะ เช่นโลภ โกรธ หลง ดีใจ เสียใจ กังวล หงุดหงิด เป็นต้น ความโกรธเป็นสภาวะที่ฉันเห็นได้บ่อย มากเพราะเป็นคนที่มีโทสะจริต วันหนึ่งขณะกําลังว่ากล่าวตักเตือนลูกชายทางโทรศัพท์ อยู่ๆลูกชายก็กดโทรศัพท์ทิ้ง ฉันโกรธมาก คิดในใจว่า แกทําอย่าง นี้กับฉันไม่ได้นะ กําลังจะโทรกลับทันที แต่ทันใดนั้น เร็วกว่าสายฟ้าแลบ สติมาคุ้มครองจิต ตัดฉับลงอัตโนมัติ ความ โกรธหายวับไปทันที เห็นความโกรธที่ดับลงตรงหน้า ก็ไม่ต้องมีเรื่องกับลูกชาย ปัจจุบันฉันรู้ว่าจิตกําลังเดินปัญญา เพระเห็นอะไรเป็นไตรลักษณ์ไปหมด โดยเฉพาะตอนสวดมนต์ เห็นจิตหนีไปคิดบ่อยมาก จิตจะเห็นว่ามันคิดได้เอง เดี๋ยวก็รู้เดี๋ยวก็หลง มันไม่ใช่เราบังคับมันไม่ได้ เห็นความคิดเกิด-ดับ ไม่เที่ยง ผ่านมาแล้วก็ผ่าน ไป ฉันจะภาวนาเช่นนี้ไปจนตลอดชีวิต ถวายเป็นพุทธบูชาและอาจาริยบูชาหลวงพ่อปราโมทย์ จะพยายามไม่หวังผล แต่จะ ทําเหตุไปเรื่อยๆตามที่หลวงพ่อพร่ําสอน ชาตินี้หากยังไม่ได้ธรรมะ ก็จะได้ไปภาวนาต่อในชาติถัดไป ขอกราบขอบพระคุณ หลวงพ่อปราโมทย์ผู้เมตตา มีแต่ให้ โดยเฉพาะทําให้รู้ว่าเราเกิดมาทําไม ถ้าไม่ได้ฟัง CD ของหลวงพ่อ จิตคงจะมืดบอด อยู่อย่างนั้นไปอีกนาน คงจะต้องเสียชาติเกิดไปอีก 1 ชาติ โดยคุณ แสงอรุณ 829. บทความจากนักโทษคนหนึ่ง ก่อนอื่นผมต้องขออภัยนะครับหากทําให้ใครหลายคนรู้สึกกลัวกับคําว่า ”นักโทษ” ข้างบน ขอกล่าวถึงที่มาของ ผมกันก่อนนะครับ ชีวิตผมนั้นในช่วงวัยรุ่นมันค่อนข้างจะมัวเมาและลุ่มหลงในรูปรสกลิ่นเสียงอยู่มาก เกเรมากจนติดคุก ติดตารางทุกสิ่งทุกอย่างที่ผิดพลาดเกิดจากความอยากทั้งนั้น ผมเป็นนักโทษครับ ถูกจําคุกด้วยคดีค้ายาเสพติดและ แน่นอนผมก็เสพยาด้วย ผมถูกตัดสินจําคุกถึง 6 ปี แต่ความที่ยอมรับโทษทุกสถานจึงติดคุกจริงเพียง 3 ปี ผมอยู่ในวังวน ชีวิตด้านมืดนี้ของสังคม เสพยาค้ายามาตั้งแต่เรียนชั้น ม.3 จนครอบครัวต้องพาไปอยู่ต่างจังหวัด แต่เวลากลับมาบ้านอีก เมื่อไหร่เป็นต้องกลับไปเสพยา ค้ายาเหมือนเดิมทุกครั้งจนสุดท้ายต้องติดคุก ชีวิตในเรือนจําทุกข์ทรมานมาก แต่ถึงทุกข์ กายเท่าไหร่ก็ไม่เท่าความทุกข์ทางใจ เศร้าหมอง มีแต่ความห่อเหี่ยว สิ้นหวัง ใจมันมืดดํา แล้ววันนึงคนรักของผมก็ส่งหนังสือ “วิถีแห่งความรู้แจ้ง เล่ม 1-2” ของหลวงพ่อมาให้เธอบอกว่าดีมาก ขอให้ อ่าน ผมก็อ่านให้เธอ แต่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก จับจุดได้เพียงว่าให้มีสติรู้กายรู้ใจ ผมจึงทําความรู้สึกอยู่กับลมหายใจ ความมีสติครั้งนั้นทําให้ผมมีความสุขมาก มันเป็นความสุขสว่างท่ามกลางความมืดมนที่อยู่คู่กับใจผมมานาน ผมเห็นความ หงุดหงิดใจเวลาที่แม่มาเยี่ยมแล้วเอาแต่ร้องไห้ ผมรู้ว่าผมมันเลว แต่ตอนนั้นผมก็ทําอะไรให้แม่รู้สึกดีไม่ได้จริงๆ เห็นความ กระวนกระวายที่เวลาคนรักมาแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง ในคุกเวลาเหมือนจะหยุดอยู่กับที่ ทุกอย่างเหมือนจะถูกบีบ ถูกบังคับให้ ยอมรับโดยไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง ผมสังเกตจิตใจตัวเองได้บ้างแต่ก็ไม่ต่อเนื่องนักเพราะส่วนใหญ่มันจะจมลงไปในความทุกข์ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
45
ความสิ้นหวังซะมาก คนรักของผมเธอยังคงวนเวียนส่งหนังสือธรรมะมาให้มากมาย ทั้งของคุณดังตฤณ และอาจารย์สุร วัฒน์ ทั้งยังมีซีดีหลวงพ่อด้วยเธอขอให้เจ้าหน้าที่เปิดให้ผมฟังวันละครึ่งชั่วโมงก็ยังดี ผมอ่านหนังสือให้เธอทุกเล่ม แต่ซีดี หลวงพ่อผมไม่เคยได้ฟังเจ้าหน้าที่บอกว่าหากเป็นซีดีเพลงก็จะเปิดให้ เรื่องภาวนาผมก็ทําบ้างไม่ทําบ้าง เพราะข้างในการจะดีดตัวให้ต่างจากคนอื่นมันยากจริงๆครับในเมื่อ เป็นแหล่งรวมคนที่มีด้านมืดมาเหมือนกัน และตั้งแต่ผมโตมาผมก็ไม่ได้ให้ความสําคัญกับศาสนาอยู่แล้ว รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ น่าเบื่อซะด้วยซ้ํา ผมไม่ชอบเลยกับบุคคลที่เรียกตัวเองว่า นักปฏิบัติธรรม เพราะรู้สึกว่านักปฏิบัติธรรมเป็นกลุ่มคนที่ แปลกๆ รู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะปกติซักเท่าไร กับการที่ทําตัวไม่เหมือนคนอื่นเพราะในตอนเด็กๆ เห็นว่านักปฏิบัติธรรมจะต้อง เคร่งขรึมสํารวมมาก เหมือนกับการทวนกระแสโลก ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจหรอกว่าเขาทําไปเพื่ออะไร และมีประโยชน์อะไร คนเราเกิดมาก็ต้องเสพสุข ซิ ใช้ชีวิตให้สนุกสนานให้สมกับการที่ได้เกิดมาเป็นคน แต่ก่อนผมคิดได้แค่นี้ เห็นเค้ารักษาศีล กันก็ยังนึกเลยว่าพวกเขาคงจะไม่สนุกเหมือนเราหรอกเพราะพวกเขาไม่ได้กินเหล้ากินยาอย่างเรา ชีวิตเขาคงจะน่าเบื่อ แต่ ผมก็รักษาศีลนะ ศีล5 ผมรักษาหนึ่งข้อ คือข้อที่ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ ผมจะไม่ตบยุงและไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งเล็กและใหญ่โดยไม่ จําเป็น แต่ผมก็ทําได้เท่านั้นแหละครับ คนรักผมเธอยังส่งรูปหลวงพ่อมาให้ผมกราบไหว้ด้วย เธอเคารพและศรัทธาหลวงพ่อ มากจนบางครั้งผมยังรู้สึกสงสัยอยู่ภายในว่าทําไมเธอถึงรักท่านอย่างนี้ บางทีถึงกับรู้สึกต้านด้วยซ้ําไป แต่ผมก็เก็บไว้และ กราบไหว้ตามประสาจนปล่อยตัวออกมา ในครั้งแรกที่ผมได้พบหลวงพ่อเป็นวันที่ผมเพิ่งจะออกจากเรือนจําได้แค่หนึ่งวัน รู้สึกสับสนกับชีวิต ข้างนอกนี้มากๆ แถมยังถูกคนรักบังคับให้มาวัดอีกจิตใจในตอนนั้นจึงมีแต่แรงต้านเพราะถูกบังคับ ไม่ได้มาเพราะอยากฟัง ธรรม จิตใจมีแต่ความเศร้าหมองเพราะชอบนึกถึงอดีตที่ผิดพลาด ชีวิตหาความสุขไม่ได้เอาเลย แต่การมาวัดในครั้งนี้ถือ ได้ว่าเป็นเป็นการเกิดใหม่ของผม และคงถึงเวลาของผมที่จะได้เรียนรู้คําสอนของพระพุทธองค์ การฟังธรรมในวันนั้นเหมือน กับได้พบกับสิ่งอัศจรรย์ ในชีวิตนี้ผมก็เคยฟังธรรมมาบ้าง เรื่อง ธาตุสี่ ขันต์ห้า รูปนามนี้ก็พอรู้ แต่พอได้ฟังธรรมที่หลวงพ่อ เทศน์อะไรๆมันก็ต่างไปจากเดิมซะหมด ความรู้สึกในตอนนั้นเหมือนกับว่าได้เข้าใจสิ่งต่างๆภายในกายในใจนี้มากขึ้น ไม่ เคยฟังธรรมครั้งใดแล้วรู้สึกสว่างกระจ่างใจเหมือนครั้งนี้เลย หลังจากที่ได้ฟังธรรมในครั้งนั้นแล้ว รู้สึกเหมือนว่าจิตใจมันตื่น ตัว มันอยากภาวนา การไปวัดในครั้งนั้นถือได้ว่าเป็นการหอบเอาทุกข์ทั้งชีวิตไปทิ้งซะครึ่งนึงเห็นจะได้ ผมยังจําได้คําสอน ของท่านในครั้งนั้นได้แจ่มชัด “ ภาวนานะแล้วชีวิตจะดีขึ้น อย่าทิ้งธรรมะนะแล้วธรรมะจะไม่ทิ้งเรา เคยทําชั่ว เคยทําผิด อย่าทําอีก ตั้งอกตั้งใจต่อสู้กิเลสนะ ไม่มีใครให้โอกาสกับชีวิตเรา ได้เท่าตัวเราเอง จําไว้อย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่ทิ้งธรรมะ วัน ข้างหน้าเราต้องดีกว่านี้ แต่ถ้าเราทิ้งธรรมะเราตามอธรรมไป วันข้างหน้าก็ต้องเลวกว่านี้แน่ อดทนนะ อดทน ใครเคยผิด เคยพลาดก็ตั้งอกตั้งใจเอาใหม่ ไม่ทําอีก ” ผมจําใส่ใจกลับมาและในเวลาที่ต้องเผชิญหน้า มันยากมากกับการที่จะปฏิเสธ ยาบ้าจากเพื่อนเก่าที่นํามาให้ถึงบ้าน วางไว้ให้กับมือ แต่คําสอนของหลวงพ่อก็ทําให้ผมเอาชนะใจตัวเองจนได้ ผมปฏิเสธ และเลิกยุ่งเกี่ยวกับทางนี้เด็ดขาดมาถึงทุกวันนี้ ธรรมของหลวงพ่อ เป็นธรรมะที่ฟังเข้าใจได้ง่ายการปฏิบัติที่ถูกต้อง แค่มีสติ รู้สึกตัวอยู่เนืองๆ ทําให้ความทุกข์ที่ผมเคยมีมันหายไปได้จริงๆ อัศจรรย์ใจเหลือเกินธรรมนี้ง่ายนิดเดียวเอง ในวันนี้เมื่อนึก ย้อนไปในอดีตคิดถึงตัวเองในตอนนั้น ได้รู้สึกถึงจิตใจที่เศร้าหมองอมทุกข์ แต่ในปัจจุบันนี้มันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน ความทุกข์ความเศร้าหมองที่เคยมีมาตั้งแต่เด็กในวันนี้มันจากหายไป จนถึงตอนนี้เกือบ1 ปีแล้วที่ผมได้เรียนและฝึกภาวนากับหลวงพ่อ ได้ฟังธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสอน ผ่านมาทางหลวงพ่อ คําสอนของหลวงพ่อเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย ผมไม่เคยคิดเลยว่าการปฎิบัติธรรมภาวนาจะเป็นเรื่องที่ เรียบง่ายอย่างนี้ ในวันนี้ที่ทุกข์ กับเมื่อในอดีตที่ทุกข์ความทุกข์อย่างเดียวกันแต่ความรู้สึกมันแตกต่างทุกข์น้อยลงมากๆ ได้ เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของจิตใจตัวเอง รู้สึกถึงความเข้มแข็งที่เกิดขึ้นเองภายในใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่สมบูรณ์มาก ขึ้นทั้งความคิดและจิตใจ แต่ก่อนผมเป็นคนมองโลกในแง่ลบ ชอบใช้กําลัง ชอบเพ่งโทษคนอื่นเห็นแต่คนอื่นเขาไม่ดีแต่กลับ ไม่เคยเห็นใจของตัวเองเลย แต่พอได้มาภาวนาหัดรู้กายรู้ใจ ยิ่งภาวนาเข้มแข็งและตั้งใจขึ้นเท่าไรก็จะได้เห็นจิตใจที่มัน เปลี่ยนแปลงและพัฒนามากขึ้นเท่านั้น ในวันนี้ผมรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่เกิดขึ้นในจิตใจความเบิกบานที่ผุดขึ้นมาเองจาก ข้างใน ผมไม่เคยรู้เลยว่าความสุขที่แท้จริงนั้นอยู่ในกายในใจเรานี้เอง เป็นความสุขที่เกิดขึ้นเองโดยไม่อาศัยสิ่งภายนอก และในปัจจุบันนี้ผมได้รู้ถึงคุณค่าของศีลแล้วครับ ถ้าในตอนนี้ให้ตัดสินใจเลือกระหว่าง การมีศีลที่บริสุทธิ์กับสมบัติเงินทอง แล้ว ไม่ต้องคิดเลยในวันนี้ผมเลือกที่จะมีศีล แต่ก่อนเคยผิดศีลเพื่อหาความสุขให้ตัวเอง แต่ในตอนมันกลับกันยิ่งรักษาศีลก็ ยิ่งเข้มแข็งและมีความสุขขึ้นมากกว่าแต่ก่อนซะอีกวันไหนทําผิดศีลใจมันเป็นทุกข์จะเป็นจะตาย ธรรมนี่ช่างวิเศษจริงๆ ไม่ น่าเชื่อว่าจะมีอะไรที่ทําให้ชีวิตมีความสุขได้ถึงขนาดนี้
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
46
ในวันนี้ผมมีความสุขในชีวิตมาก ครอบครัวผมก็มีความสุขไปด้วยที่เห็นผมกลับตัวเป็นคนใหม่ได้อย่าง นี้ และถ้าจะให้บอกว่าตั้งแต่เรียนกับหลวงพ่อมานี้ได้อะไรจากท่านบ้างนั้น ตอบไม่ถูกเลยจริงๆ เพราะมันมากมายเกินจะ กล่าวถึงได้ หลวงพ่อท่านมอบให้เรามีแต่สิ่งที่ดีงาม ธรรมที่ท่านนํามาสอนนั้นเปรียบได้กับของล้ําค่าเป็นสิ่งที่มีค่าและมี ประโยชน์ต่อทุกๆคนจริงๆ มีเงินมีทองกองเท่าภูเขาแต่ก็ไม่มีความสุขเท่าได้ภาวนา ในวันนี้ผมได้รู้สึกถึงโทษภัยใน สังสารวัฏว่ามันน่ากลัวและเป็นทุกข์เป็นโทษมากจริงๆ ได้เห็นคุณค่าของการได้เกิดมาเป็นคน ทุกลมหายใจมีความหมาย เสมอ ได้เป็นผู้มีศรัทธาในพระศาสนาและเข้าใจถึงความรักที่องค์พระพุทธเจ้าทรงมีให้แก่สัตว์โลก และที่สําคัญที่สุดคือ ผม เหมือนมีชีวิตใหม่ ลืมสิ่งเลวร้ายที่เคยทําในอดีตไปได้ โดยใช้หลักที่หลวงพ่อสอน คือ ไม่คิดซ้ํา ไม่ทําอีก และได้พบความสุข แท้ๆที่มีอยู่ในตัวเอง ผมขอเป็นอีกหนึ่งคนนะครับ ที่จะขอยืนยันว่าสิ่งที่หลวงพ่อนํามาสอนนี้มีประโยชน์ต่อผู้ยังมีความทุกข์อยู่ทุกคน ผู้ที่มุ่งหวังปฏิบัติภาวนาจนถึงแก่นแท้ของธรรม หรืออย่างน้อยก็ผู้ที่อยากทําให้ตัวเองและคนรอบข้างมีความสุข ทั้งยังไม่ เป็นพิษภัยต่อสังคม ผมมานึกๆดูหากผมยังเสพยา ผมก็ต้องขายยา วันนึงผมขายได้อย่างต่ําร้อยเม็ด เราไม่รู้เลยว่าร้อยเม็ด นั้นแต่ละคนที่มาซื้อ เค้าก่ออาชญากรรมอะไรมา และเมื่อเขาเสพยาแล้ว เขาจะไปก่ออาชญากรรมอะไรต่ออีก แค่ลําพังผมดี ขึ้นมาได้ ก็ยังประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างนี้ หากธรรมะของพระพุทธแผ่ออกไปกว้างกว่านี้ สังคมคงจะร่มเย็นขึ้นมาก สําหรับ ผมแล้วหลวงพ่อเป็นเหมือนเทียนต้นใหญ่ที่ต่อไฟมาจากพระพุทธองค์ และนํามาต่อไฟเทียนเล็กๆของเราให้สว่างไสวขึ้น ภาพที่ผมรู้สึกได้คือเทียนที่หลวงพ่อต่อไว้ หลายร้อยเล่ม หลายพันเล่ม แต่ละเล่มก็กลับไปทําให้สังคมรอบข้างตัวเองดีขึ้น ความสว่างก็ค่อยๆกระจายออกไป ผมจึงอยากให้คําสอนหลวงพ่อนี้ได้แผ่ขยายเป็นวงกว้างเพื่อให้ทุกๆ คนได้ยินได้ฟัง ชีวิต จะได้ชุ่มเย็นกันขึ้นมา สังคมจะได้ร่มเย็นตามไปด้วย ผมขอน้อมกราบหลวงพ่อด้วยเศียรเกล้านะครับ ขอขอบพระคุณที่ทําให้ผมมีวันนี้ ขอบพระคุณในความเมตตาที่ หลวงพ่อมีต่อพวกผม ยอมเสียสละตัวเอง ยอมเหน็ดเหนื่อยพร่ําบอกพร่ําสอน เพื่อจะบอกต่อทางพ้นทุกข์ให้กับทุกๆคน หลวงพ่อเป็นผู้มีพระคุณเป็นเหมือนพ่อแม่สําหรับผมจริงๆครับ ผมอยากบอกว่าผมรักหลวงพ่อนะครับ ผมจะพากเพียร ภาวนาเพื่อเดินสู่ที่สุดแห่งทุกข์ออกจากเรือนจําแห่งอวิชชานี้ได้ในภพชาติใดภพชาติหนึ่งข้างหน้าครับ และสําคัญกว่านั้น เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชาแด่หลวงพ่อและคุณแม่ชีนุชจนกว่าลมหายใจนี้จะไม่มีครับ ...... ขอกราบนมัสการหลวงพ่อครับ โดยคุณ นักโทษคนหนึ่งที่จะไม่ผิดซ้ําอีก
830. ดิฉันฟังซีดีของหลวงพ่อมาประมาณสองปีกว่า ไปกราบท่านที่สวนสันติธรรมบ้าง แต่ไม่เคยสนทนาธรรมหรือส่ง การบ้านเลย อาศัยฟังซีดีซ้ําไปซ้ํามา และลงมือปฏิบัติแบบเด็กๆ ตรงๆ ซื่อๆ ตามที่ท่านสอนให้ดูจิต เห็นกิเลสผุดขึ้นบ่อย มากในตัวเอง เห็นมัน(กิเลส) เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว แล้วก็ดับไป แล้วก็มีกิเลสตัวใหม่ก็เกิดให้เราเห็นอีก วนซ้ําไปซ้ํามา ทําให้เกิดปัญญาเห็นตัวทุกข์ เห็นความไม่เที่ยง เห็นตัวทุกข์และสุขอยู่ห่างตัวเราออกไปทุกขณะ (แต่ยังมีตัวเราอยู่) ดิฉันอยากขอกราบพระคุณหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช เป็นอย่างสูงที่ได้ถ่ายทอดพระธรรมคําสอนขององค์สัมมาสัมพุทธ เจ้าให้แก่พุทธศาสนิกชนอย่างดิฉันที่อดีตเป็นแค่ในนาม ให้เป็นนักปฏิบัติที่เข้าใจธรรมะมากขึ้น พร้อมทั้งแนะแนววิธีปฏิบัติ อย่างง่ายๆ แต่มีโอกาสเข้าถึงพระนิพพานได้ วันนี้ ดิฉันเข้าใจแล้วว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร แล้วเป้าหมายในชีวิตคืออะไร โดยมีคําสอนของหลวงพ่อเป็นเครื่องมือในการนํา ทางไปสู่จุดหมายของชีวิตนี้ ดิฉันจะขอปฏิบัติภาวนาต่อไปเพื่อเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้า และเป็นอาจาริยบูชาแด่หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช โดย ไม่ย่อท้อค่ะ โดยคุณ วิภา
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
47
831. ขอส่งบทความรวมพลังเพื่อหลวงพ่อด้วยคนนะคะ ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่หาทางพ้นทุกข์ ไม่รู้ว่านิพพานคืออะไร รู้แต่ว่าอยากไปนิพพาน เคยลองอ่านหนังสือท่าน พุทธทาสความที่ปัญญายังน้อย จึงไม่เข้าใจเลย พยายามไปเข้าคอร์สที่สวนโมกข์ ทําสมาธิจิตก็ไม่เคยสงบ ความที่คิดว่า ชาตินี้คงไม่มีทางถึงมรรคผลได้เพราะเราทําฌานไม่ได้จึงทิ้งร้างการภาวนาไป ทั้งที่ใจไขว่คว้าหาทางพ้นทุกข์ แต่ถึงคราว กิเลสรุนแรงก็ต้านไม่อยู่ ปล่อยใจไปกับกิเลส ข้าพเจ้าเหวี่ยงกลับไปอีกข้าง ทําตัวไม่มี ทําตัวเหลวไหล จนเมื่อมาทุกข์หนัก เข้าอีกครั้ง จึงหันกลับมาหาธรรมะ และได้มาเจอหลวงพ่อ ข้าพเจ้าเดินไปเจอหนังสือหลวงพ่อในศูนย์หนังสือแห่งหนึ่ง ชื่อ วิถีแห่งความรู้แจ้ง มีอยู่ 2 เล่ม ข้าพเจ้าไปดูหนังสือธรรมะตรงนี้บ่อยก็เพิ่งครั้งนี้ที่เห็นหนังสือหลวงพ่อ พลิกอ่านคร่าวๆแล้ว ซื้อทันทีไม่เคยได้อ่านธรรมะที่ทําให้รู้สึกปฏิบัติตามได้ง่ายเท่านี้มาก่อน กลับมาอ่าน 2 วันจบด้วยความสนุกสนาน และเริ่ม หัดรู้หัดดูตามคําสอนทันที พร้อมทั้งขอซีดีจากญาติธรรมท่านอื่นๆมาฟัง คําสอนที่ได้มาในเวลาที่พอดีทําให้ข้าพเจ้าพอจะอยู่ กับความทุกข์ได้ดีขึ้น ในครั้งแรกที่เจอหลวงพ่อใจบอกขึ้นมาเลยว่า “นี่ละคือครูคนที่สองของเรารองจากพระพุทธเจ้า” ใจว่า อย่างนั้นและน้อมรับคําสอนของท่านอย่างว่าง่าย ท่านช่วยสอนให้รู้จักแยกกาย แยกใจ ให้รู้ลงไปให้ทั่ว ให้แจ้ง คือให้เห็น เป็นไตรลักษณ์ คําของท่านฟังเข้าใจง่าย ปฏิบัติตามก็ง่าย ทําให้ชีวิตเปลี่ยนไปมาก ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ทุกข์น้อยลง สั้น ลง จิตใจไม่จมอยู่ในความทุกข์นาน จากที่เคยเกเรเหลวไหล ก็กลับมาดูแลผู้มีพระคุณ จนเมื่อผู้มีพระคุณท่านจากไป ธรรมะ ที่หลวงพ่อสอนก็ทําให้ยอมรับความจริงต่อการพลัดพรากได้เร็ว อยู่กับตัวเองก็มีความสุขได้ ไม่ต้องพึ่งคนอื่น สิ่งอื่น ทําให้ รู้สึกว่าธรรมะของพระพุทธองค์มีค่ามากจริงๆ รู้สึกรักพระพุทธเจ้ามากขึ้นทุกวันตามที่ได้ศึกษาใจตัวเองและได้เห็นจริงตาม คําสอน และรักหลวงพ่อที่ให้คําสอนง่ายๆนี้ทําให้เดินตามพระพุทธองค์ได้อย่างไม่ทดท้อเหมือนก่อน นอกจากตัวเองจะมี ความสุขแล้ว ครอบครัวก็มีความสุขตามไปด้วย ครอบครัวสนใจภาวนาตามกันทั้งบ้าน ทําให้บ้านร่มเย็น มีความสุข ข้าพเจ้าจึงอยากเป็นหนึ่งเสียงที่มาช่วยยืนยันในคําสอนของหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านสอนตามพระพุทธเจ้า ท่านสอนให้เป็นคนดี ให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ เจริญปัญญา ข้าพเจ้าคนหนึ่งเชื่อมั่นในคําสอนของท่านเต็มหัวใจ ไม่มี ส่วนใดที่จะคลางแคลงสงสัยในองค์ท่านเลย ศรัทธาท่านเต็มหัวใจเท่าที่ปุถุชนคนหนึ่งจะพึงมีได้ ข้าพเจ้าไม่คิดว่าตัวเอง อ่อนแอจากคําสอนของท่าน ท่านสอนให้พึ่งตัวเองได้ ให้อยู่ด้วยตัวเองให้ได้ และข้าพเจ้าก็ทําได้ ในวันที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่ ลําพังคนเดียว ข้าพเจ้าก็อยู่ได้อย่างมีความสุข ไม่เหงา ไม่อ้างว้าง ไม่มีเดียวดาย แต่กลับอบอุ่นใจเพราะข้าพเจ้ามีธรรมะ ของพระพุทธองค์ที่หลวงพ่อพร่ําสอนอยู่ในใจ คําสอนของท่านทําให้ข้าพเจ้ามีกําลังใจที่จะเดินสู่พระนิพพาน ทําให้รู้สึกว่า มรรคผลนิพพานไม่ใช่เรื่องของแค่พระและผู้ภาวนาอยู่วัดเท่านั้น แต่ข้าพเจ้าที่ยังต้องทํางานเรียนหนังสือตามประสาโลกก็ สามารถเดินไปสู่ที่สุดแห่งทุกข์ได้เหมือนกัน ทําให้รู้สึกว่าชีวิตนี้มีคุณค่า เห็นค่าของการที่ยังมีลมหายใจ คําสอนของท่าน ทําให้ข้าพเจ้ามองเห็นทางไป ทางที่จะออกจากสังสารวัฏอันแสนยาวนานนี้ ท่านเป็นผู้มีพระคุณต่อข้าพเจ้าจริงๆ ข้าพเจ้าจะขอตั้งใจพากเพียรภาวนา จะคอยหมั่นขัดเกลากิเลสในใจตัวเอง จะทําตามคําหลวงพ่อสอน “ไม่ ทําบาปทั้งปวง ทํากุศลให้ถึงพร้อม ทําจิตใจให้บริสุทธิ”์ จะคอยเจริญสติรู้กายรู้ใจอย่างนี้ไปตลอดจะไม่ให้มีวันไหนที่ไม่ ภาวนา เพื่อตอบแทนพระคุณหลวงพ่อและคุณแม่ชีนุชที่เมตตาอบรมสั่งสอน และเพื่อปฏิบัติบูชาต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม เจ้า พระสังฆเจ้าไปจนกว่าชีวิตจะสิ้นลมหายใจ โดยขออํานาจกุศลทั้งหมดที่ข้าพเจ้าทํามาดีแล้วนี้มีส่วนช่วยหนุนนําพระพุทธ ศาสนา หนุนนําคําสอนของพระพุทธองค์ให้สืบทอดต่อไป เผยแพร่ออกไปในวงกว้างช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้มากๆ พร้อมทั้งช่วยหนุนนําให้หลวงพ่อและคุณแม่ชีนุชผู้พร่ําสอนตามพระพุทธองค์มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรให้กับ พวกเราลูกศิษย์ไปนานเท่านาน…. กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ โดยคุณ พรรณกร 832. ต้นไม้ใหญ่ ให้ร่มเงา นกกาทํารัง มนุษย์บ้างพักหลบแดดฝนเพื่อจะไปต่อ เมื่อพายุ ลมฝนมา ต้นไม้ใหญ่ ย่อมมี แรงเสียดทาน (หมดเหตุก็ดับ) ประโยชน์อันใด จะกังวลว่า ที่นั่งพักจนหายเหนื่อย หายร้อน เห็นทาง หายทุกข์นั้น ให้ร่มเงาจริงหรือ โดยคุณ สิริเพ็ญ (ศึกษาล้มลุกคลุกคลานจากชีดีแผ่นเดียวแบบไม่เคยเจอหลวงพ่อ)
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
48
833. หลวงพ่อเป็นผู้ทําให้เข้าใจว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร หลวงพ่อเป็นผู้นําแสงสว่างมาสู่ชีวิต หลวงพ่อเป็นผู้บอกทางสู่ทางกลับบ้านที่แท้จริง ระลึกถึงคําสอนของหลวงพ่อเสมอว่า "อดทนไว้นะ อดทน สู้นะ" ขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อด้วยความเคารพยิ่ง โดยคุณ ธีรภัทร 834. กราบนมัสการหลวงพ่อที่เคารพ ผมอยากขอบคุณในความเมตตาของหลวงพ่อที่ช่วยชี้แนะการปฏิบัติในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา หลวงพ่อได้สอนให้ผมรู้จัก หลักสําคัญของการปฏิบัติหลายอย่าง ตั่งแต่เรื่องการมีสติรู้สึกตัว รู้จักสภาวะของจิตตั้งมั่นและไม่ตั้งมั่น รู้ถึงสภาวะจิตที่ สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปนามได้ และสอนว่าถ้าจิตเป็นกลางจะพ้นจากความเจริญและความเสื่อม รวมถึง เป็นกําลังใจ คอยกระตุ้นเตือนให้ทําตามรูปแบบเป็นประจําและให้มีสติเนืองๆ ทั้งหมดนี้ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนพระคุณหลวงพ่อได้อย่างไร จึงขอถือโอกาสนี้ขอปฏิบัติบูชาคุณองค์สมเด็จพระบรมศาสดา และหลวงพ่อปราโมทย์ที่ได้เสียสละเหนื่อยยากในการประกาศธรรม และหากผมได้ล่วงเกินหลวงพ่อไปในทางใดทางหนึ่ง ก็ตามก็กราบขออโหสิกรรมจากหลวงพ่อด้วยนะครับ กราบขอบพระคุณในความเมตตาของหลวงพ่ออีกครั้งครับ _/|\_ _/|\_ _/|\_ โดยคุณเหมณัฐ 835. จากการติดตามอ่านบทความต่าง ๆ ใน "โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์ เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้" มีหลาย ๆ บทความที่อ่านแล้วรู้สึกซาบซึ้ง และประทับใจมาก และก็มีหลายบทความเช่นเดียวกัน ที่อ่านแล้ว รู้สึกถึงการถ่ายทอดได้ชนิดที่ตรงกับความรู้สึกมาก ชนิดที่ว่าตัวเองก็ไม่สามารถจะถ่ายทอดความรู้สึกเช่นนั้น ออกมาเป็นตัวอักษรได้ แต่เพื่อการมีส่วนร่วมในโครงการนี้ ขออนุญาตแต่งบทกลอนแทน บทกลอนนี้แต่งโดยมุ่งหมายเอาเนื้อหาสาระ เพื่อเป็นการบูชาคุณพระอาจารย์ อาจจะไม่ถูกต้องตามหลักกลอนกานท์เท่าไร หากมีความผิดพลาดในหลักการแต่งกลอน สัมผัสนอก สัมผัสในไม่ถูกต้อง ขอได้โปรดให้อภัยในความเป็นผู้รู้น้อยด้วย นะคะ แด่หลวงพ่อ พระปราโมทย์ ที่เคารพ ลูกน้อมนบ พระคุณพ่อ เหนือเศียรเกล้า พ่อลําบาก ตรากตรําสอน ลูกหลายคราว ทุกเรื่องราว ลูกจดจํา แลหมั่นทํา โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
49
ให้หมั่นเพียร และเร่งสร้าง ทางแห่งสติ มุ่งดําริ เร่งพาตน พ้นสงสาร ทางสายนี้ ไม่เนิ่นช้า หากรู้การ ในทุกวาร อย่าใ้ห้คลาด พลาดใจกาย มีสติ รู้กาย-ใจ ตามเป็นจริง ใจตั้งนิ่ง ตรงกลางมั่น ไม่หวั่นไหว จะยินดี หรือยินร้าย เพียรรู้ไป ทุกสิ่งไซร้ มีเกิดดับ สลับกัน "สาวิกา" ขอเป็นหนึ่ง ในหมู่ศิษย์ ทั้งใกล้ชิด หรือแดนไกล ทั่วแ่ห่งหน จะขอหมั่น เฝ้าเรียนรู้ อยู่ในตน ความหลุดพ้น เป็นจุดหมาย แห่งปลายทาง ขอตั้งสัตย์ ปฏิญาณ ในกาลนี้ ด้วยไม่มี อามิสใด จะมอบให้ ขอถวาย ปฏิบัติบูชา ตลอดไป จากนี้ไซร้ จนวันจบ พบนิพพาน ... เอย โดยคุณพรเพ็ญ
836. ความเห็นนะคะ เป็นกําลังใจค่ะ ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ฟังธรรมะจากหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งหลวงพ่อปกติท่านมีเมตตา สอนพวกเราให้มีสติ ระลึกรู้ กาย ใจ บ่อย ๆ ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง สําคัญที่ต้องตั้ง มั่นและเป็นกลาง ต้องมีศีลด้วยนะ ห้ามชั่วนะ อีกทั้งยังคอยให้กําลังใจ ชี้แนะ สอนให้ อดทน และต้องมีโยนิโสมนสิการ ท่านสอนพวกเราเพราะท่านเมตตาต่อลูกศิษย์ทั้งหลายจะได้มีความสุข สุขอันเกิดจากการรู้ทุกข์
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
50
ท่านสอนโดยไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนจากพวกเราเลย คอยเตือนให้พวกเราอย่าประมาท ท่านยังสอนอีกว่าเวลาทํางาน ก็ต้องทําอย่างตั้งใจ แต่ท่านชี้ให้ใช้เวลาเล็ก ๆ ระหว่างวันให้เป็นประโยชน์โดยการระลึกถึง กาย ใจ เนือง ๆ อย่างตอนเดินไปห้องน้ําเราก็อาศัยจังหวะเหล่านี้แหละภาวนาได้ คอยรู้จักสังเกตความเปลี่ยนแปลงของจิต ดูอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเพ่ง ท่านสอนแต่สิ่งที่จะทําให้เห็นตามความเป็นจริง ว่าทุกสิ่ง แปรเปลี่ยน ไม่เที่ยง อยู่ตลอด เวลา ไม่มีอะไร เป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วยาม สอนให้ดูว่าไม่มีเรา สอนแต่เรื่องเหล่านี้จริง ๆ …. นึกถึงคําสอนท่าน ท่านเป็นครูผู้ชี้ทางแห่งการเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายที่เป็นอิสระจากวังวนแห่งทุกข์ ขอกราบขอบพระคุณท่านที่เมตตา ชี้เส้นทางอันประเสริฐ แก่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย …. ขอเป็นหนึ่งกําลังใจ ด้วยการน้อมนําคําสอนของหลวงพ่อ มาปฏิบัติ เพื่อพิสูจน์ตามความเป็นจริง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อาจาริยบูชา และ บูชาบิดามารดา โดยคุณ อรนุช 837. กราบนมัสการหลวงพ่อครับ, กราบขอบพระคุณหลวงพ่อครับ ที่ได้เมตตาชี้แนะแนวทางการปฏิบัติธรรมให้ผม ผมใช้ชีวิตไร้สาระมาโดยตลอดครับ ใช้ชีวิตไปตามที่สังคมเค้าว่าดี ทําในสิ่งที่เพื่อนๆเค้าทํากัน ผมเคยถามตัวเองครับว่า "ทําไปทําไม" ผมไม่ทราบครับ ผมตอบตัวเองไม่ได้ ..... ผมก็ไม่รู้ว่า ผมต้องการอะไรกันแน่ การใช้ ชีวิตของผมมันดูว่างๆโหว่งๆ จนมาวันนึง วันที่ 12 กันยายน 2549 แฟนของผม พาผมไปกราบหลวงพ่อที่ศรีราชา ผมยอมรับครับว่า ผมไม่เข้าใจที่หลวงพ่อสอนเลย แต่คงเพราะความไม่เข้าใจนี่หล่ะครับ ผมจึงได้ลองกลับมาปฏิบัติตามดู ตอนนี้ ผมเข้าใจแล้วครับว่า ที่ผมค้นหามาทั้งชีวิตคืออะไร ชีวิตผมไม่ว่างเปล่าล่องลอยอีกแล้วครับ ผมทราบแล้วครับ ว่า ชีวิตผมจากนี้ดําเนินไปเพื่ออะไร เพื่อพระนิพพานครับ ถ้าการปฏิบัติธรรม คือ การเดินทาง ทุกวันนี้ผมยังไม่เห็นปลายทาง แต่ผมรู้และมั่นใจว่าปลายทางมีอยู่จริง ปลายทางต้องไปทางไหนและไปถึงได้จริงๆ และ ผมกําลังเดินไปบนเส้นทางนั้นอยู่ครับ ผมขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อ สําหรับธรรมะ และ ทุกคําสอนที่หลวงพ่อเคยเมตตาให้กับผม และสุดท้ายนี้ ผมขอทดแทนคุณของหลวงพ่อโดยด้วยการปฏิบัติบูชา ไปตราบจนชีวิตผมจะหาไม่ครับ โดยคุณ นายตรัง 838.ผมรู้จักหลวงพ่อปราโมทย์ครั้งแรกจากหนังสือวิถีแห่งความรู้แจ้ง และ CD ที่หลานนํามมามอบให้ในช่วงกลางปี 2549แต่ผมเพิ่งมาเปิดอ่านและฟังช่วงปลายปีเนื่องจาก "ทุกข์"ที่เจอ หลังจากอ่านหนังสือและฟัง CD แล้วและลองปฎิบัติ ตามและเกิด ข้อสงสัยจึงพยายามไปหาท่านที่สวนสันติธรรม เมื่อได้ฟังเทศและได้สอบถามปัญหาท่านก็ได้เมตตาแนะนําให้ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
51
รวมถึงแนะนําให้ดูสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นในตัวผมเอง เป็นตัวอย่างที่ผมประทับใจมิรู้ลืม ว่านี่แหละใช่สิ่งที่ผมค้นหามานาน แล้ว มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายนี้จริงๆ และผมไม่เคยเห็นมาก่อนทั้งๆ ที่มันเกิดขึ้นบ่อยๆ เป็นประจําและเป็นมานานแล้ว โดยคุณ ชัย 839. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกราบพระพุทธะผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้ตรัสรู้ธรรมโดยชอบ พระผู้ทรงมีมหากรุณานําเส้นทางแห่งความพ้นทุกข์นี้มามอบไว้ให้แม้แก่ชนรุ่นหลัง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกราบพระธรรม หากไม่ได้ธรรมะของพระผู้มีพระภาคแล้วไซร้ เราจะไม่อาจตื่นรู้ขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้เลย ข้าพเจ้าขอนอบน้อมกราบพระสงฆ์ พระสาวกผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งมวล ท่านเหล่านั้น คือผู้สืบทอดรักษาธรรมะจากพระผู้มีพระภาคเจ้าไว้ แลท่านเหล่านั้นยังเมตตานํามามอบให้จนถึงคนยากไร้อย่างข้าพเจ้า หากแม้ไม่มีพวกท่านแล้ว ...หากไม่มีหลวงพ่อปราโมทย์แล้ว อีกนานแสนนานเท่าไหร่หนอ ที่เราจะต้องเป็นผู้เวียนว่ายหลับไหลร่ําไห้และมืดมิด ...ไม่อาจตื่นรู้ได้อย่างนี้ ข้าพเจ้าขอก้มกราบพระคุณอันยิ่งของพระรัตนไตรด้วยเศียรเกล้าในกาลทั้งปวง _/\_ _/\_ _/\_ รู้สึกดีใจที่ชีวิต ได้นี้มีโอกาสรู้จักเพื่อนกัลยาณมิตรมากมาย รู้สึกดีใจที่ได้รู้ ว่าเรามีเพื่อนบนเส้นทางสู่ความพ้นทุกข์นี้มากมาย ขออนุโมทนากับทุกๆท่านครับ โดยคุณ ชนินทร์ 840. กราบนมัสการหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช หนูปฏิบัติตามที่หลวงพ่อฯสอน แล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ หนูรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองมาก ขึ้น รู้จักคําว่า “รู้สึกตัว” มากขึ้น รักษาศีลเคร่งครัดมากขึ้น มีวินัยในการเจริญสติภาวนามากขึ้น แม้ว่าการภาวนาของหนูจะยังไม่ก้าวหน้าเท่าไรนัก อันเนื่องมาจากยังมีความเพียรน้อย แต่หนูก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมากมายใน หลายๆเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของจิตใจ เวลาเห็นอารมณ์เกิดดับ มันจะรู้สึกคล้ายๆกับโล่งๆโปร่งๆเบาสบาย หนูก็อธิบาย ไม่ค่อยถูก ไม่รู้จะใช้คําไหนมาอธิบายให้ตรงกับสภาวะที่เกิดขึ้นได้ หากจะสรุปโดยย่อก็คงจะพูดได้ว่าชีวิตมีความสุขมากขึ้น ค่ะ หลวงพ่อปราโมทย์คือพระอาจารย์ผู้มีพระคุณกับหนู ทําให้หนูรู้สึกว่าธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่อย่างใด หลวงพ่อทําให้หนู สนใจการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปมากขึ้น มีศรัทธาอย่างแน่วแน่ต่อพระพุทธองค์ และ หนูก็ไม่ได้เป็นแค่พุทธแต่เพียงในทะเบียนบ้านอีกต่อไป หนูจะตั้งใจเจริญภาวนาและรักษาศีล เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และหนูจะปฏิบัติบูชาเพื่อถวายแด่หลวง พ่อฯด้วยค่ะ โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
52
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง โดยคุณ วิกานดา 841. ดิฉันเริ่มฟังซีดีของหลวงพ่อจากลูกชายที่นํามาให้ และเคยไปสวนสันติธรรมครั้งหนึ่งกับลูกชาย ตั้งแต่ได้ฟังซีดีและ ฝึกตาม แนวทางของหลวงพ่อ ดิฉันรู้สึกว่าความทุกข์ ความเครียดจากงานลดน้อยลง แม้ว่าดิฉันจะยังไม่ประสบความสําเร็จ ในการภาวนา แต่ก็พยายามปฎิบัติตามคําสอน ของหลวงพ่อเสมอ มีสติ รู้กาย รู้ใจ กราบนมัสการมาด้วยความเคารพ โดยคุณ ศิริวรรณ
842. ผมขอส่งข้อความเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้ด้วยครับ ผมได้รู้จักกับหลวงพ่อปราโมทย์ครั้งแรกจากหนังสือวิถีแห่งความรู้แจ้งและ CD ที่หลานนํามาให้ รู้จักอุบาสกนิรนามจาก web แห่งหนึ่ง รู้จักท่านสันตินันต์ จากweb วิมุตติ ซึ่งต่อมาภายหลังผมจึงทราบว่าทั้ง 3ท่านคือบุคคลท่านเดียวกันแต่ต่างเวลา ผมรู้สึกชื่นชมข้อเขียนของอุบาสกนิรนาม ได้ ความรู้เกี่ยวกับวัดป่าและแนวทางที่จะไปวัดป่ารวมถึงสิ่งละอันพรรณละน้อยที่จําเป็นจากท่านสันตินันต์ โดยเฉพาะยาแก้ หนาวซึ่งผมได้นําไปสั่งทํามาใช้จริงๆ และเหนือสิ่งอื่นใด ผมได้แนวทางในการปฎิบัติธรรม อย่างที่ไม่เคยรู้จักและไม่เคย ทราบมาก่อนจากหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านได้แนะนําถึงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นในตัวตนที่เป็นร่างกายของผม ให้ผมดูเป็น ตัวอย่างและหัดรู้หัดดู ร่วมกับการปฎิบัติในรูปแบบรวมถึงแนะนําถึงวิธีปฏิบัติ อานาปานสติ ที่ถูกต้องว่าต้องทําอย่างไร ซึ่ง ผมได้ปฎิบัติตามที่ท่านแนะนํา แม้ว่าสิ่งที่ผมทําจะขาดความสม่ําเสมอซึ่งหลวงพ่อมักเน้นย้ําให้ปฎิบัติอย่างสม่ําเสมอ ต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามทีแต่ผลที่ได้รับเป็นอะไรที่ทําให้ผมรู้จักกับคําพูดที่ว่า “เป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน” ถ้าผู้นั้นได้ปฎิบัติ จริงๆ และเมื่อเกิดเหตุสําคัญหรือวิกฤตกับชีวิตสิ่งนี้จะมาช่วยชี้แนวทางให้ นั่นคือเมื่อมกราคมปี 2553 นี้ผมก็ได้พบกับ ปัญหาที่ทุกๆคนต้องเจอ คือความตายของบุคคลที่ไกล้ตัวมากๆ นั่นคือคุณพ่อผมเสียชีวิตลงในช่วงเวลาดังกล่าว และผมก็ พบว่า ”ผมมีความทุกข์น้อยลง” กว่าปกติที่บุคคลทั่วไปที่เสียบุคคลอันเป็นที่รักลงเสียใจ มีบางคนยังถามผมว่าทํามัยผมจึงดู ไม่เสียใจเลยหรือ ซึ่งนี่เป็นผลที่ได้จากการปฎิบัติธรรมตามที่หลวงพ่อปราโมทย์ได้เมตตาแนะนําผม ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้คนนึง ที่เดินเข้ามาหาท่านแล้วก็ซักแล้วซักอีกหลายรอบจนท่านถึงกับเอ่ยปากว่า “คิดมากจะยากนานนะ” ผมยังจําได้จนถึงปัจจจุ บันคิดถึงทีไรก็มีปิติสุขเกิดขึ้นทุกครั้งไม่ว่าหลวงพ่อปราโมทย์จะเป็นอะไร ธรรมที่หลวงพ่อสอน ข้อแนะนําต่างๆที่หลวงพ่อ แนะนํา เมื่อผมปฎิบัติแล้วผลที่เกิดขึ้นนั้นทําให้ผมรู้จักถึงความยึดมั่นถือมั่นของตัวเอง ทําให้รู้ว่าทุกข์ที่เกิดขึ้นมันน้อยลง โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
53
และห่างตัวออกไป ผมเชื่อมั่นและขอปฎิบัติตามนั้น และขอกราบเท้าหลวงพ่อที่ได้เมตตาแนะนําไว้นะที่นี้ว่าจะนําไปปฎิบัติ จนตราบเท่าชีวิตในรอบนี้จบสิ้น และถ้าจําได้ถ้าเป็นไปได้จะขอจําและนําไปปฎิบัติ จนกว่าจะสิ้นสุดของเส้นทางสายนี้ โดยคุณ ชัย 843. ข้าพเจ้า นส. ธรณัส พราหมณี ได้มีโอกาสได้ฟังธรรมจากการฟัง CD มาก่อน หลังจากนั้นก็ได้ไปสวนสันติธรรมหลาย ครั้ง ในช่วง 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าก็สนใจธรรมะมาก่อน สนใจการปฏิบัติธรรมแต่รู้สึกว่าทําได้ยากมาก แต่ หลังจากได้เริ่มฟัง และลองปฏิบัติตามแนวทางของพระอาจารย์ รู้สึกถูกจริต และรู้สึกว่าการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็น เรื่องที่ทําได้ หากมีความเพียร ความสม่ําเสมอ ในการปฏิบัติ แนวทางการสอนของท่าน เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง คํา สอนของท่านอย่างน้อยเบื้องต้นทําให้เรามีความสุขขึ้น มีสติมากขึ้น ดีใจมากที่ได้มีโอกาสฟังธรรม จากพระอาจารย์ โดยคุณ ธรณัส 844. ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่เรียนธรรมะจากครูบาอาจารย์มาหลายท่าน ซึ่งแต่ละท่านมีคําสอนและคําแนะนําที่เสริมเทคนิค ในการภาวนาให้แก่ข้าพเจ้าเป็นอย่างดี หลวงพ่อปราโมทย์เป็นพระอาจารย์ผู้เลิศคุณอีกท่านหนึ่งที่สามารถถ่ายทอดธรรมะ ได้อย่างลึกซึ้งและสามารถปฏิบัติได้จริง แม้ในชีวิตประจําวัน ทําให้เห็นทุกข์ แต่ทุกข์อยู่ห่าง ๆ เข้าถึงใจได้น้อยลง ๆ ยอมรับความจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้มากขึ้น ๆ หากได้ตั้งใจปฏิบัติภาวนาและเข้าใจธรรมะแท้ที่รู้ได้ตัวเองแล้ว ก็จะ เห็นว่าธรรมะที่หลวงพ่อสอนนั้นไม่ขัดแย้งกับหลักคําสอนของพระพุทธองค์เลยค่ะ จากคําแนะนําของหลวงพ่อที่ให้ข้าพเจ้า เห็นจิตที่ไหลไปแล้วรู้ทันบ่อย ๆ ทําให้ไม่ถูกกิเลสลากไปได้ง่าย ๆ เห็นราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้นมาเอง แล้วดับไป เอง ไม่ใช่เรา และ เห็นว่าเมื่อรู้เท่าทันจิตที่ไหลไปบ่อย ๆ โดยเฉพาะจิตที่ไหลไปคิด ก็จะรู้และเข้าใจปฏิจจสมุปบาทได้ลึก ซึ้งมากขึ้น เข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้มากขึ้น ๆ ค่ะ _/|\_ บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บําเพ็ญเพียรมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ ขอถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และ สังฆบูชาค่ะ โดยคุณ สุพร 845. ก่อนหน้าจะมาตั้งใจปฎิบัติธรรมจริงจัง เคยหัดนั่งสมาธิที่บ้าน ฝึกๆเลิกๆ อยู่ร่วมปี จนลมหายใจหายเกิดความกลัวจึง เลิกทํา ปลายปี 2551 ชิวิตได้เจอกับความทุกข์จึงตั้งใจปฎิบัติธรรมจริงจัง และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ได้เจอคําสอนลพ ปราโมทย์ ในอินเตอเนต หลังจากโหลดไฟล์เสียงท่านมาฟัง เหมือนได้เจอครูบาอาจารย์ที่เราปรารถนาจะเจอมาตลอดทั้งชิ วิต เพราะเคยพยายามอ่านหนังสือธรรมะมาก่อนหน้าหลายปี แต่อ่านแล้วไม่มีความเข้าใจ ช่วง1ปีแรก ดิฉันฟังไฟล์เสียง ท่านทุกวัน ตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ํา แต่งตัว ระหว่างเดินทางไปกลับที่ทํางาน ในรถไฟฟ้า/รถแท็กซี่ หลังทานข้าวเที่ยง กลับ บ้านอาบน้ําตั้งใจฟัง เลิกดูทีวี เลิกดูหนัง ฟังเพลง ใช้เวลานอกจากการทํางานทั้งหมด พยายามทําความเข้าใจในคําสอน และฝึกฝนตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอน จนหลับไป ยกเว้นเวลาทํางาน แต่บางครั้งงานหนักเหนื่อยมาก ก็พักผ่อนด้วยการฟังลพ เทศน์ซักพัก แล้วก็ทํางานต่อ เปรียบตนดั่งฟองน้ําที่แห้งผากได้ดูดซับน้ําเข้าไปทุกวันๆ ตั้งแต่วันๆแรกที่ฟังและเริ่มฝึก ก็ติดเพ่งแน่นแข็งไปหมดในอาทิตย์แรก แต่ก็ผ่านไปได้เพราะสังเกตอาการตัวเองว่าตรงกับ ที่ท่านตอบปัญหาให้โยมที่มาถาม จึงหลุดสภาวะที่ติดขัดไปได้ และอีกหลายๆครั้งที่ผ่านไปได้ เพราะการถามตอบปัญหาที่ ท่านให้กับโยมในไฟล์เสียง ยิ่งฟังยิ่งเกิดความเข้าใจมากขึ้น ซีดีแผ่นเก่า เหมือนเป็นแผ่นใหม่ เพราะความเข้าใจเพิ่มขึ้นเป็น ลําดับ จากคนที่นอนตื่นสาย 8โมงกว่า ด้วยความเบื่อหน่ายที่จะไปทํางาน กลายเป็นคนที่ตื่นแต่เช้า ตี5 ลุกมานั่งทําสมาธิ (เพราะ งานบริษัทเยอะมาก กลับดึก ทําสมาธิแล้วล้าเหนื่อยไม่ไหว) ทั้งที่เริ่มฝึกในเดือนธันวา อากาศตอนเช้าช่วงนั้นเย็นสบายน่า นอนมาก แต่ไม่มีความรู้สึกอยากจะนอนต่อเลย มีแต่ความวิริยะต้องการฝึกให้เกิดความรู้ความเข้าใจในธรรมให้มากที่สุด ในเดือนแรก ได้รู้ว่าตัวเองมีของเก่าติดมา คือ ได้นั่งสมาธิแล้วจิตรวมไปสู่ ฌาน3 และในปีต่อมา รูปฌาน1-4 ดิฉันได้มี โอกาสได้ไปเยือนทั้งหมด จากการฝึกนั่งสมาธิ (แต่มิใช่ผู้ทรงฌาน )
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
54
หลังจากฝึกตามคําสอนอยู่ 8 เดือน ขณะที่นั่งอยู่ที่พื้นบ้าน ในเสี้ยววินาที จิตได้เห็นว่ากายไม่ใช่ตัวเรา และเห็นความ เสียดายในกายตามมา จิตมิได้ตัดสังโยชน์ ได้ไปส่งการบ้านที่สวนสันติธรรม ท่านแนะนําว่าทําถูกแล้ว ให้ไปทําต่อ ล่าสุดเมื่อประมาณเดือน พค 53 หลังจากฝึกฝนครบปีครึ่ง ได้ไปส่งการบ้าน จิตได้แยกรูปนาม ขันธ์ 5 กระจายตัว ความ ทุกข์ ความสุข อยู่ห่างๆ เรื่องที่ทุกข์ที่สุดในชิวตที่กําลังจะสูญเสียบุคคลที่รักไปด้วยโรคร้าย และสุขที่สุดในความโชคดี ทางการเงิน เกิดในเวลาใกล้เคียงกัน สิ่งที่พบคือ สุข ทุกข์นั้นเหมือนเป็นเรื่องที่อยู่ห่างไกลออกไปจากใจ เหมือนอยู่นอกรั้ว บ้าน เหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น คนที่เราไม่สนิทด้วยซ้ําไป มันไม่เข้ามาถึงจิตถึงใจเราได้อีก แต่เรายังเห็นว่ามีสุข ทุกขนั้น อยู่ แปลกแต่จริง โดยไม่ต้องบังคับกดข่ม จิตเขาทําเองเป็นอัตโนมัติ ได้ถวายผลของการปฎิบัติต่อลพ เป็นพุทธบูชา ท่าน เมตตาตอบรับว่า “ลพ ไม่ต้องการอะไร นี่แหละชื่นใจที่สุดเลย ภาวนาเข้านะ เป็นพยานในการสอนให้ลพ ได้อีกคนหนึ่ง” (นึกถึงตอนที่ท่านพูดประโยคนี้ด้วยความเมตตา ดิฉันตื้นตันใจจนน้ําตาซึมเกือบทุกครั้ง) ก่อนหน้านี้ ทุกวัน ดิฉันจะไหว้พระสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ (ถ้าติดงานจะทําอย่างใดอย่างหนึ่งทุกเช้าให้ใจมีกําลัง หรือ เพิ่มตอนเย็นถ้าพอมีเวลา) ถือศีล5 และนานๆครั้ง ถือศีล8 มีวิหารธรรมระหว่างวันด้วยการดูลมหายใจ หรือ บริกรรมพุทธโธ ดูกายเคลื่อนไหว ดูอาการ ของจิต เจริญสติไปทั้งวัน หลงไปบ้าง เผลอไปบ้าง ก็ดูไป ปัจจุบัน ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ดิฉันไม่ได้เจตนาตั้งใจฝึกทําทุกวันอีกต่อไปแล้ว สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดที่เพียรฝึกมา เหมือนเป็นส่วน หนึงที่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวไปกับชิวิตเรา ไม่ได้ทําเพราะเจตนา แต่ทําเพราะเป็นส่วนหนึ่งในชิวิต ธรรมะจริงๆนั้นง่าย และ กลมกลืนไปกับการใช้ชิวิต ดิฉันเริ่มเห็นว่าบางสิ่งที่เป็นความยึดมั่น ความเป็นตัวเรา ความอยากต่างๆเริ่มคลายความรัด แน่นออกไป กราบถามธรรมครูบาอาจารย์สายวัดป่า ท่านต่างตอบความหมายตรงกัน คือ ไม่ได้ภาวนาผิดทาง ทําถูกแล้ว และอย่าหยุดภาวนาเป็นอันขาด (ความหมายเดียวกับองค์หนึ่งที่บอกว่า เมื่อมาถึงจุดนี้ ให้หยุดการทํา รู้ลงปัจจุบันขณะ อย่างเดียว) ในเดือนธันวาคม ปี2553 นี้การภาวนาของดิฉันจะครบสองปีเต็ม ได้ส่งการบ้านที่สวนสันติธรรมทั้งหมด 4ครั้ง ทําบุญใส่ กล่องที่สวนสันติธรรมไปไม่ถึงสองพันบาท ไม่เคยไปเข้าคอร์ส ไปนอนวัดใดๆ ภาวนาที่บ้านตนเองมาโดยตลอด ดิฉันขอ เปรียบการฝึกของตนเองเหมือนขอนไม้ที่ลอยไปติดขอบริมฝั่งน้ําเป็นระยะๆแต่ก็หลุดลอยต่อออกไปได้ในเวลาอันไม่เนิ่นช้า ด้วยการสังเกต ด้วยความเพียร นอกจากโยนิโสมนสิการด้วยการฟังซีดีของลพ เป็นหลักแล้ว ก็ยังมีญาติธรรม กัลยาณมิตร ที่ภูมิจิตภูมิธรรมสูงกว่า ช่วยให้คําแนะนําเป็นระยะๆ อีกด้วย จากคนที่กราบพระสงฆ์ลวกๆ ไม่เชื่อว่าพระพุทธเคยจุติจริงในโลกมนุษย์มาก่อน เวลานี้ ดิฉันรักและเคารพพระพุทธเจ้า ที่สุดในชิวิต กราบพระรัตนตรัยทั้งใจและกาย ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่น ธรรมะของพระพุทธองค์เป็นของจริง ธรรมะที่ลพ สอน เป็นธรรมะแท้จริง ถึงดิฉันจะยังไม่ได้เข้ากระแสธรรม แต่ทุกวันนี้ใช้ชิวิตที่มีสติ ใจไม่ยึดอารมณ์ใดๆไว้นาน อยู่กับชิวิต ที่ไม่เร่าร้อน มีเป้าหมายมองเห็นเส้นทางเดินที่แท้จริงในชิวิต ถือว่าไม่เสียชาติที่ได้เกิดมาแล้ว ขอปฎิบัติถวายเป็นพุทธบูชา หลวงพ่อไปตลอดชิวิตจนกว่าจะจบสิ้นชาตินี้ไป 30/09/2553 โดยคุณ ขัตติยา 846. ที่ผ่านมาดิฉันไม่เคยรู้สึกตัว เผลอตั้งแต่ตื่นจนหลับ ทุกวันนี้ดิฉันเปลี่ยนเป็นคนใหม่เพราะธรรมะของหลวงพ่อที่สอน ให้ "มีสติ รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง" กราบขอบพระคุณหลวงพ่อด้วยจิตศรัทธาอันบริสุทธิ์ค่ะ โดยคุณ ณฐมน
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
55
847. ขอกราบหลวงพ่อด้วยใจบูชา และด้วยศรัทธาที่ตั้งมั่น ดิฉัน นางสาวชัญญาภัค ใจชะลอม เป็นอีกผู้หนึ่งที่ผู้ที่ศรัทธาและปวรณาตนเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช โดยที่มิเคยมีโอกาสได้พบตัวจริงของหลวงพ่อแม้สักครั้ง ดิฉันขอร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์ที่เชื่อมั่นในคุณ งามความดีของหลวงพ่อปราโมทย์ ผ่านโครงการนี้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ค่ะ ดิฉันได้ฟังคําสอนจากซีดีของหลวงพ่อโดยการดาวน์โหลดจากเว็บ Wimutti.net ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 จนถึงปลายเดือนกันยายน ปีนี้ ครบหนึ่งปีเต็มแล้ว แม้การปฏิบัติของดิฉันจะยังไม่ถึงไหน แต่การตามรู้ ตามดูจิตใจ ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต โดยที่เรารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง จากเดิมที่เคยทุกข์ นาน ก็ทุกข์น้อยลง ความสุขก็ไม่ยั่งยืน รู้สึกได้เช่นนั้นจริง ๆ ในเรื่องของการรักษาศีล ไม่น่าเชื่อเลยว่า ศีลที่เรามองว่า เป็นเรื่องของการบังคับ เป็นข้อห้าม แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา เพียงแค่เรามีสติรู้ทัน ศีลจะมาเอง เรารักษา ศีลได้โดยไม่ต้องบังคับตัวเองอีกต่อไป มุมมองของชีวิตในการอยู่ร่วมกันในสังคมเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน กับแม่ ที่ แต่เดิมตัวของดิฉันเองมักจะน้อยใจแม่เสมอ เวลาที่ไม่เข้าใจกัน มองว่าแม่รักลูกไม่เท่ากัน ทั้ง ๆ ที่เราเองเป็นคนที่อยู่กับ แม่ดูแลแม่มาตลอด ตอนนี้ความรู้สึกเช่นนั้นไม่เหลือแม้แต่น้อย มีแต่ความรัก ความปรารถนาที่จะให้แม่ได้พบกับเส้น ทางการปฏิบัติเช่นเดียวกับดิฉัน สําหรับในสังคมของทํางาน การอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก ย่อมมีปัญหาแน่นอน โดย เฉพาะกับคนที่คิดไม่ดีกับเรา แต่เดิมดิฉันจะเอาจิตใจของเราไปจับที่ตัวบุคลนั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว สิ่งเหล่านั้นกลับเป็น แบบฝึกหัดอย่างดีให้กับดิฉันในการที่จะเรียนรู้จิตใจของตัวเองมากขึ้น สภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทําให้ดิฉันรู้ว่าคนที่ร้ายที่สุด ก็คือ ตัวเรานี่เอง กิเลสหยาบ ๆ เป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว กิเลสที่มันละเอียดยิ่งขึ้นไปนี่สิ มันยากนะ แต่ถึงอย่างไรดิฉันก็มั่นใจว่าเดินมาถูกทางแล้ว แม้หนทางมันจะอีกยาวไกลสักแค่ไหน ก็จะไม่ขอหยุดเดิน จนกว่าจะถึงที่สุด แห่งทางเดิน ด้วยแรงศรัทธาในหลวงพ่อเป็นผู้นําทาง เป็นแสงสว่างในการก้าวเดิน และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ท้ายที่สุด ดิฉันขอกราบแทบเท้าหลวงพ่อ ที่ทําให้ดิฉันได้รู้ว่า การมีชีวิตเป็นมนุษย์ที่คุ้มค่าแห่งกายมนุษย์ต้องทํา เช่นไร..และขอขอบคุณ เว็บ Dhammada.net ที่ให้โอกาสดิฉันได้แสดงออกถึงความสํานึกใน “พระคุณของหลวงพ่อ” ได้ในขณะนี้ อยากจะบอกผู้คนอีกมากมาย ที่กําลังค้นหาความจริงของชีวิต หากเปิดใจให้กว้าง แค่ลองทําดู แล้วจะรู้ว่า เส้นทาง ที่หลวงพ่อได้แสดงให้เห็น มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ...แค่ตามรู้ ตามดู ชีวิตยังเปลี่ยนได้ขนาดนี ้ กราบขอบพระคุณค่ะ โดยคุณ ชัญญาภัค : อุตรดิตถ์ 848. ตอนเด็กๆเวลาเรียนวิชาพุทธศาสนาจะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ เพราะ มีการหลักธรรมต่างๆเป็นหมวดหมู่พร้อมคําอธิบาย สั้นๆ ที่จะต้องจําให้ได้แต่ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์และจะนํามาใช้จริงได้อย่างไร ตอนไหนเวลานึกถึงศาสนาพุทธ ก็มีแค่การไป ใส่บาตรที่ตลาด มีพระรับนิมนต์มาทําบุญบ้าน และมีพระตอนสวดศพ พอโตเป็นผู้ใหญ่ คิดอยากจะพุทธศาสนิกชนที่ดี ก็ ไม่รู้ว่าจะต้องเรียนหรือทําอะไร ก็คิดเอาเองว่าคงต้องเข้าคอร์ส ฝึกเดินจงกรม นั่งสมาธิ ระหว่างนั้นมีเพื่อนฝากให้ไปถาม วิทยากรว่าทําอย่างไรถึงจะถึงซึ่งนิพพาน( เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สนใจคําว่านิพพาน) วิทยากรท่านหนี่งตอบว่า “ไม่ต้องไป หวังนิพพานหรอก เราต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏไปอีกเป็นแสนๆชาติ”หลังจากการเข้าคอร์สหลายๆวัน หลายๆคืน ก็มีวิทยากรมาให้ข้อสรุปว่า “เมื่อออกไปใช้ชีวิตตามปกติ ก็ให้รักษาศีล ทําจิตใจให้ผ่องใส และอย่าประมาท มีสติในชีวิต ประจําวัน เดินจงกรมและ นั่งสมาธิ “ ก็เลยสรุปเอาเองว่าศาสนาพุทธมีแค่นี้แหล่ะ พอมีเพื่อนๆแนะนําให้ ฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ ก็คิดว่าท่านคงสอนเหมือนๆกันกับที่รู้มา เราเองก็รู้หลักพุทธศาสนาแล้ว เดินจงกรม(รู้มาตั้ง 5-6 steps) และนั่งสมาธิก็เป็นแล้ว ก็ไม่ได้สนใจฟัง จนวันหนึ่งนั่งทานข้าวกับเพื่อนซึ่งเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และมีฝีมือการ ทํางานเป็นอันดับ 1 ของประเทศพุดว่า “ฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์แล้วอยากออกบวช “ จึงทําให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า หลวงพ่อ ปราโมทย์ท่านเป็นใคร สอนอะไร ทําไมทําให้คนๆหนึ่งที่มีทุกอย่างพร้อมในชีวิตทั้งฐานะ ครอบครัว ชื่อเสียงเงินทองอยาก ออกบวชได้ จึงยอมเปิดใจหาซีดีมาฟัง เมื่อได้ฟังซีดีของหลวงพ่อ ก็ยังมีทิฎฐิ เอาของเก่ามาปนของใหม่ กําหนดจนปวดหัวและเครียดมาก กว่าจะได้ฟังซีดีหลวง พ่อและฟังที่หลวงพ่อสอนเข้าใจ ก็เสียเวลาไป 2 ปีกว่าๆ เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาได้ถึงรู้ว่า ชีวิตที่ผ่านมามันเหมือนความฝัน ฝันมานาน 38 ปี ผู้เขียนได้ลองฝึกตามซีดี และมาส่งการบ้านหลวงพ่อเป็นเวลา 2 ปีครึ่งแล้ว ความก้าวหน้าทางธรรมผู้เขียนยังรู้น้อยจึงไม่สามารถประเมินได้ว่ามีความก้าวหน้าเพียงใด โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
56
แต่การใช้ชีวิตในทางโลกมีการเปล่ียนแปลงไป จากเดิมทีมีมิจฉาทิฏฐิคิดว่าชีวิตคนเรามีชาติเดียว เพราะฉะนั้นต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม ทําทุกอย่างที่อยากทํา เป็นทุกอย่างที่ อยากเป็น มีทุกอย่างที่อยากมี ใครมีอะไร ทําอะไร เราต้องมี ปัจจุบันนี้รู้แล้วว่ามีอะไรก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น ล้วนแต่เป็น ภาระทั้งสิ้น ประกอบกับเห็นจิตเวลามันมีความอยากหรือไม่อยาก มันจะดิ้นๆๆ ในที่สุดความอยากมี อยากเป็นมันก็ค่อยลดละลงเอง โดยไม่ต้องไปคอยทําใจให้เลิกละ เคยกลัวความโสดมาก ตอนนี้รู้แล้วว่าจริงๆแล้วเพราะมันรักตัวเองกลัวไม่มีเพื่อนยามเแก่ ความกลัวลดน้อยลง ปัจจุบันมี ตัวเองและธรรมะเป็นที่พี่ง เคยพยายามอ่านหนังสือ How to หัดเรียนรู้สิ่งต่างๆ ติดตามข่าวสารให้ทันโลก เพื่อที่จะเข้าสังคมให้เป็นที่ยอมรับของ เพื่อนและคนรอบข้าง ปัจจุบันเข้าใจคนอื่นจากการดูจิตตัวเอง และรู้ว่าเรื่องทางโลกมันก็เปล่ียนไปเรื่อยๆ ก็ติดตาม ข่าวสารเท่าที่จําเป็นกับชีวิต เคยอยากมีชื่อเสียงเป็นยอมรับในอาชีพการงาน เวลานําเสนองาน หรือทํางาน ก็จะออกมาในลักษณะงานที่ทําจะต้อ งดูเนี๊ยบ สวย จนคนอื่นทําตามไม่ได้ ปัจจุบันรู้ว่าชื่อเสียงและความรู้ที่สั่งสมมามันเป็นสิ่งชั่วคราวตายไป ก็เอาไปไม่ได้ จึง ทํางานไม่เครียดมาก แต่ยังคงทําเต็มความสามารถ และยังได้หาวิธีถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นให้ลูกศิษย์และผู้เข้าฟัง บรรยาย เข้าใจและทําตามได้ง่ายๆ จนเพื่อนที่บรรยายร่วมกันบอกว่า lectureเปลี่ยนไป วิธีการที่สอนสามารถทําได้ ไม่ใช่ เราทําได้คนเดียว อีกทั้งงานต่างๆก็มีเพ่ิมเข้ามาเอง โดยที่เราไม่ต้องโลภมาก เคยต้องอาศัยพี่งพาคนอื่นตลอดเวลา เวลามีปัญหาในชีวิตก็ต้องโทรปรึกษาเพื่อน ซี่งเราก็จะรู้แนวว่าถ้าโทรหาคนไหนจะ ได้คําตอบอย่างไรตามกิเลสเรา ปัจจุบันเวลามีปัญหา ก็เก็บไว้ดูก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็มาส่งการบ้านกับคุณแม่ชี ซึ่งก็ ทําให้รู้ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าช่วยได้จริงๆ เคยไม่สนความทุกข์ร้อนของแม่และพี่น้อง พอมาภาวนาถึงรู้ว่าโชคดีที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ และที่มีวันนี้ก็เพราะมีแม่ จึงอยาก ให้แม่ไม่มีความทุกข์และสนใจในธรรมะ และก็พบว่าแม่มีความทุกข์จากเรื่องปัญหาหนี้สินของบุคคลในบ้าน จากที่ได้เคย ตั้งใจทําบุญด้วยเงินก้อนใหญ่ให้กับพระพุทธศาสนา ก็เกิดมองย้อนกลับว่าคนในบ้านมีความทุกข์ทําไมไม่ช่วย จึงเข้าไป เคลียร์หนี้สินด้วยเงินเก็บจากการทํางานมา กว่า 16ปี ซึ่งก็ยังไม่พอ ปัจุจุบันเลิกหยิ่ง ทํางานทุกวัน งานเล็ก งานใหญ่ทํา หมด และรู้จักชึวิตที่พอเพียง นอกจากปัญหาเรื่องการเงิน ยังมีปัญหาชีวิตของตัวบุคคลอีก ซ้ําแล้วซ้ําเล่า แรกก็คิดว่าเราเป็นผู้หญิงไม่ใช่หัวหน้าครอบครัว ทําไมต้องแบกภาระที่เราไม่ได้ก่อด้วย แต่แล้ววันหนึ่ง จิตมันก็บอกว่าตัว ที่นอนอยู่นี่เป็นบัญญัติ จิตไม่มีเพศ (ขณะนั้นผู้เขียนไม่เคยได้ยินคิดถึงคําพุดนี้มากก่อน จนในภายหลังมาได้ยินจากคุณดัง ตฤณ) ซึ่งทําให้เลิกคร้ําครวญและน้อยใจแล้วว่าเป็นผู้หญิง(บวชพระก็ไม่ได้) ปัจจุบันปัญหาและความทุกข์ยังมีอยู่เหมือนเดิม และไม่จบสิ้น แรกๆเป็นทุกข์มาก เพราะใจมันไม่ยอมรับและไหลไปจมกับทุกข์ ปัจจุบันยอมรับความจริงได้มากขึ้น แต่ยังเป็นทุกข์อยู่บ้าง ก็่อาศัยรู้ให้ทันไวๆ ประกอบคําแนะนําดูสภาวะและกําลังใจจากครูบาอาจารย์ก็มีส่วนช่วยให้รู้ได้ทันมากขึ้น ทําให้เห็นแล้ว ว่าความทุกข์มีอยู่จริงๆ แต่ไม่ทุกข์มาก มันอยู่ห่างๆออกไป ปัจจุบันเข้าใจแล้วว่าไม่ได้มีชาติเดียว และกลัววิบากจากการทําอกุศลกรรมมาก เพราะมันเห็นผลตั้งแต่ตอนทําและหลังทํา ตั้งใจว่า จะขอรักษาศีลให้ดีเท่าที่มีสติรู้ทัน จะขอเกิดในร่มพระพุทธศาสนา ทําทาน รักษาศีล และภาวนาจนเกิดสัมมาทิฎฐิ และถึงที่สุดแห่งทุกข์คือพระนิพพาน ใน ทุกๆชาติไป
โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
57
ขอร่วมกราบถวายการปฏิบัติเป็นพุทธบูชาและอาจาริยาบูชาแด่หลวงพ่อปราโมทย์ คุณแม่ชีอรนุช และพระอาจารย์ทุกท่าน ค่ะ โดยคุณวไลภรณ์ 849. จากข่าวที่สื่อต่างๆนําเสนออยากขอร่วมเเสดงความคิดเห็นว่า ดิฉันเเละครอบครัวเป็นผู้ชอบทําบุญ ถือศีลเเละฟังธร รมเป๋นประจํามานานมากเเล้ว เเต่ไม่สามารถน้อมคําสั่งสอนของ ครูบาอาจารย์มาปฏิบัติได้ จนได้ฟังซีดีของหลวงพ่อ ปราโมทย์ ปาโมชโช ครั้งเเรกที่ฟังยังไม่ค่อยเข้าใจนัก เเต่มีความสนใจมากกว่าคําสอนของครูบาอาจารย์องค์ทีเคยฟังมา ต่อมาได้มีโอกาสเข้าไปกราบนมัสการพระคุณเจ้า ที่สวนสันติธรรม เเละได้น้อมนําคําสั่งสอนมาปฎิบัติอย่างต่อเนื่องจนถึง ปัจจุบันได้ประมาณ 2 ปี จากจิตใจที่วุ่นวาย กับกิจทางโลกก็ค่อยๆเริ่มเข้าใจธรรมะมากขึ้น จนปัจจุบันนี้ ทุกวันที่ปฎิบัติเดิน จงกรม ฟังซีดีของหลวงพ่อฯ ต้องยกมือขึ้นนมัสการเพื่อเป็นอาจริยบูชาบุญคุณอันหาที่สุดมิได้ หากท่านทั้งหลายจะตั้งใจฟัง คําสั่งสอนของหลวงพ่อฯ เเล้วท่านทั้งหลายจะเเน่วเเน่ในพระธรรมที่หลวงพ่อฯ นํามาสั่งสอนพวกเราที่โง่เขลาปัญญาอย่าง เเน่นอน ขอให้ทุกท่่านจงมีสติตั้งมั่น ยึดพระพุทธ พระธรรมเเละพระสงฆ์เป็นที่ตั้ง ไม่มีจิตใจกวัดเเกว่งไปทางใดทางหนึ่งเเล้ว ท่านทั้งหลายจะรู้ว่า หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช เป็นครูบาอาจารย์ที่มีพระคุณอันสูงสุด จนหาที่เปรียบมิได้ อีกองค์หนึ่ง ดิฉันนึกไม่ออกเลยว่าผู้ที่คิดในทางลบกับหลวงพ่อฯชีวิตในสุดท้ายของเขาเหล่า นั้นจะพบกับอะไร ขอท่านทั้งหลาย จงมีความคิดเป็นของตัวเอง พิจารณาใคร่ครวญด้วยสติปัญญา เเล้วท่านจะพบกับเเสงสว่าง ในชีวิตอย่างเเน่นอน โดยคุณ อัญชลี 850. ดิฉันคุ้นเคยกับการปฏิบัติธรรมมาร่วมสิบปีในแนวพอง ยุบ ธรรมะทําให้ชีวิตเปลี่ยนไปได้อย่างมากจนคิดว่า คงมี เพียงเท่านี้ แต่เมื่อสองปีก่อน ก่อนเดินทางกลับไปเนเธอร์แลนด์ ได้เจอกัลยาณมิตร 3 คน ซึ่งทั้งสามคนนี้ไม่รู้จักกันเลย ได้ แนะนําให้ลองฟังซีดีของหลวงพ่อท่าน ซึ่งเป็นการแนะนําในช่วงเวลาไล่ๆ กันอย่างน่าประหลาดใจ จึงเกิดคําถามขึ้นมาว่า ซีดีของหลวงพ่อปราโมทย์นั้นมีอะไรดีหรือ จึงทําให้ผู้ที่รู้จักทั้งสามคนนี้มาแนะนําพร้อมๆ กันได้ เมื่อกลับไปอยู่ต่างแดน ก็เก็บซีดีท่านไว้หลายเดือน จนกระทั่งตัดสินใจหยิบมาลองฟังเพราะตอนนั้นจิตใจว้าวุ่นเป็นห่วงเมือง ไทยเมื่อคราวเมษา 51 ฟังครั้งแรกก็งง เพราะต่างไปจากความรู้ความเข้าใจที่เราฝึกฝนมา แต่พอฟังครั้งที่ 2 เหมือนมีอะไร บางอย่างซึมเข้าไปในใจ จากนั้นก็ลองปฏิบัติดูจิต ดูกาย สบายๆ เรื่อยมา จนถึงวันนี้ฟังซีดีของท่านแทบทุกวัน แรกๆ ก็ไม่รู้ เลยว่า มีอะไรเปลี่ยนแปลงกับตัวเองหรือเปล่า จนกระทั่งวันนึง สามีเกิด heart attack กระทันหันในเวลาเที่ยงคืน ณ ขณะวิกฤตชีวิตนั้น รู้แต่เพียงว่า ตัวเองนั้นสงบ นิ่ง เห็นเพียงภาพสามีนอนใส่หน้ากากอ็อกซิเจน สายน้ําเกลือ สาย EKG มีรถพยาบาลวุ่นวาย ทุกอย่างเหมือนดูละครสติที่เกิดทําให้เราจัดการทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย หัวเราะได้ ทั้งๆ ที่คนรอบ ข้างตอนนั้นขวัญเสีย เมื่อเหตุการณ์นั้นผ่านไป ถึงได้รู้และเข้าใจอย่างแจ่มชัดกับคําว่า "มีสติรักษาจิต" ก็ด้วยจากการฝึกดูจิตตามแนวทางของ หลวงพ่อทุกวันนี้ เพื่อนสนิทบอกว่า เราเปลี่ยนไป จากที่คิดมาก จมอยู่กับความทุกข์นานๆ กลายเป็นไม่เคยมีความทุกข์ข้าม วัน เปลี่ยนไปจนตัวเองแปลกใจ ธรรมะที่ได้ด้วยเมตตาจากหลวงพ่อ ที่แผ่ไพศาลไปแม้แต่คนแดนไกล ช่วยทําให้ชีวิตจิตใจที่ เคยอ่อนแอ กลับเข้มแข็งขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน เคยอยากไปกราบหลวงพ่อ แต่ไม่ถึงกับขวนขวาย เพราะหลวงพ่อบอกว่า ธรรมะไม่ได้อยู่กับหลวงพ่อ จึงถือโอกาสนี้ขอกราบเท้าหลวงพ่อปราโมทย์ผู้ชี้ทางธรรม และทําให้ชีวิตได้เกิดใหม่ โดยจะขอปฎิบัติเป็นอาจาริยบูชาแด่หลวงพ่อตลอดไปค่ะ ด้วยความเคารพ โดยคุณ ฉัตรวิบูลย์ 851. กราบนมัสการ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช ที่เคารพอย่างสูง เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทําให้ความศรัทธา ของผมลดน้อยลงไปเลย ตั้งแต่ได้เรียนธรรมะที่หลวงพ่อสอน ให้ฝึกหัด ตามดู ตามรู้จิตใจตนเอง ว่าสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่แน่นอน เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง มีเกิดมีดับตลอดเวลา เมื่อรู้ความจริงเป็น อย่างนี้ ทําให้จิตใจมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปตามกระแสและเหตุการ์ณต่างๆ ตามที่หลวงพ่อสอนอยู่เสมอว่าอย่าประมาท ถึง แม้นว่าผมจะปฏิบัติได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนที่ปล่อยให้ชีวิตจิตใจไหลตามกิเลสอยู่ในสิ่งแวดล้อม สังคมที่คอยฉุดดึงให้ไหลไปตามกระแสอยู่ตลอดเวลา ผมจึงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่หลวงพ่อสอนไม่เกินความเป็นจริงเลย เพราะ ทําให้ผมรู้จักอดทนหักห้ามใจได้มากขึ้น และจะปฏิบัติตามแนวทางคําสอนของหลวงพ่อตลอดไป โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
58
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง โดยคุณ มนพ 852. คิดว่าอาจจะไม่ทันแล้วที่จะ ส่ง บทความ เนื่องจาก นิ้วบาดเจ็บ ต้องเย็บหลายเข็ม ทําให้ไม่สามารถจะพิมพ์ คอมพิวเตอร์ได้คล่องนัก รวมถึง กฎของบริษัทฯที่ login อีเมล์ส่วนตัวไม่ได้ ก็เลยไม่ได้ส่งซักที แต่วันนี้คิดว่ายังงัยคงต้องส่งแล้ว ไม่ว่าจะทันหรือไม่ทันก็ตาม ... อย่างไรก็ดี รบกวน อย่าเปิดเผยอีเมล์ของ องค์กร นะคะ เพราะเป็นกฎขององค์กรค่ะ “สําหรับความรู้สึกทั้งหมด จากการเริ่มปฏิบัติ ตามหลักคําสอน ที่ได้ฟังจากจากหลวงพ่อ มา ปี กว่า นั้น แม้ว่า จะ ไม่เคยส่งการบ้านหลวงพ่อเลย ... แต่ก็มีความรู้สึกว่า กาย และใจ เปลี่ยนไป มีสติเกิดในใช้ชีวิตประจําวันมากขึ้น ประกอบ การกับได้รับคําแนะนําจากซีดี หลวงพ่อเสมอ ว่าต้องปฏิบัติตามรูปแบบคือ การสวดมนต์ นั่งสมาธิเป็นประจํา ในแต่ละวัน ความรู้ตัวใน การรับรู้อารมณ์และกริยาของร่างกาย ชัดเจนขึ้น แม้จะไม่บ่อย แต่ผลก็ทําให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจําวัน จาก เมื่อก่อนจะขี้วีนมาก ก็จะน้อยลง เวลาเสียใจก็ไม่ฟูมฟาย มาก เพราะเรามองเห็นความเกิด - ดับ ที่รวดเร็ว และพอจะเข้าใจ ความเป็นสัจธรรมของโลกว่า ไม่มีสิ่งใดแน่นอน ขนาดอารมณ์ และร่างกายยังมีการเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา ก็ ทําให้เริ่มนิ่งขึ้นบ้าง พอนิ่งขึ้น ทําอะไรมีสติมากขึ้น ก็ทําตัวน่ารักขึ้น ก็กลายเป็นที่รักของคนรอบข้าง จึงทําให้พบเจอแต่กัลยาณมิตร อยู่ตลอดเวลา ... ชีวิต ก็มีความสุข “ นี่คือ สิ่งที่หลวงพ่อมอบให้ โดยไม่เคยหวังลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่เคยขอให้เชื่อ หลวงพ่อ ไม่เคยขอให้ทําบุญ เท่านั้น เท่านี ้ แต่ขอให้ปฏิบัติ ให้เชื่อพระพุทธเจ้า ให้กราบพระพุทธเจ้า มันทําให้ รู้สึกปลาบปลิ้มใจ ว่า เราโชคดี มากมายที่ได้เกิดในใต้ร่มพระพุทธศาสนา และโชคดี ที่ได้เจอผู้ถ่ายทอดอันประเสริฐที่ทําให้เราเข้าใจได้นําไปปฏิบัติได้ง่าย ไม่สับสน อีเมล์นี้อาจจะช้าเกินไป สําหรับการบอกเล่าเรื่อง แต่ผู้ส่งก็ยังมีความประสงค์อย่างแรงกล้า ที่จะร่วมบอกเล่า เรื่องราวความรู้สึกให้ทุกท่านได้ทราบ สุดท้าย อยากขอกราบในความกรุณา ของหลวงพ่อ ที่ทําให้ได้เจอทางเดินของชีวิตที่ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรในอนาคต ขึ้นก็ตาม จะขอนําคําสอน ของหลวงพ่อ ที่ถ่ายทอดมาจาก พระธรรมของพระพุทธองค์ ไปปฏิบัติตลอดไป กราบด้วยความเคารพ โดยคุณ Pakkanat 853. "ถ้าเกิดหนูไ่ม่ได้รู้จักหลวงพ่อปราโมทย์ ไม่ได้ฟังซีดี ไม่ได้ฟังท่านเทศน์สอน ไม่ได้อ่านหนังสือธรรมะที่ท่านเขียน หนูคงเป็นคนที่หมกมุ่น จมอยู่กับความทุกข์ และเป็นคนที่โมโหร้ายมาก แต่เพราะได้ศึกษาธรรมะจากท่าน ตอนนี้ ไม่ว่าเจอความทุกข์ใด หนูไม่กลัวค่ะ เพราะรู้ว่า ทุกข์ เป็นเรื่องธรรมดา และเกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เพราะธรรมะที่ท่านเทศน์สอนนั้น หนูสามารถนํามาปฏิบัติใช้ได้จริงในชีวิตประจําวัน อีกทั้ง ยังทําให้หนูกลายเป็นคนธัมมะธัมโม และเป็นคนมีศีลมีธรรมมากขึ้น อยากที่จะศึกษาพระไตรปิฎกมากขึ้น ทั้งๆที่แต่ก่อน ไม่เคยสนใจ เพราะเข้าใจว่า ศาสนาพุทธ สอนแค่ให้เราเป็นคนดี สอนแค่ให้เรามีสมาธิ ด้วยการนั่งสมาธิ เดินจงกรม... เท่านั้น ขอบพระคุณหลวงพ่อ ผู้มีแต่ให้มากค่ะ ที่ทําให้หนูเข้าใจตนเอง และคําว่า 'มนุษย์' มากขึ้น" โดยคุณ น.ส. อรฑาริกา โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
59
854. ขอขอบพระคุณผู้ที่จัดทําเว็บไซด์ dhammada.net อย่างสูง จากใจ ที่ทางผู้จัดทําได้เผยแพร่พระธรรมคําสอน ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ในทางอินเตอร์เนตเผยแพร่แนวทางปฏิบัติที่ เป็นประโยชน์นี้ สิ่งที่ทางทีมงานผู้จัดทําเว็บ dhammada ได้ช่วยกันเผยแพร่นี้ เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กําลังศึกษาและปฏิบัติ เพื่อพาจิตหลุดพ้นที่อาศัยอยู่ต่างแดนเป็นอย่างมาก ดิฉัน อาสัยอยู่ต่างแดน บ้านอยู่ไกลวัด ไม่มีวัดไทยไม่มีพระมาประจําอยู่ที่น(ี่ ที่ประเทศสโลวาเกีย)... แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าห่างไกลจากวัด ไม่ได้ห่างไกลจากพระธรรมคําสอนเลย เพราะมีเว็บไซด์ดีดี นําคําสอนดีดี มีประโยช์ เพื่อพาจิตหลุดพ้นจากอาสวะกิเลสทั้งหลาย ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มาเผยแพร่ให้ดิฉันได้เรียนได้ศึกษา คําสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ที่สอนลูกศิษย์(ที่ไม่เคยพบท่านเลยอย่างดิฉัน)ให้ดิฉันได้ศึกษา คําสอนทองท่านมีคุณค่ามาก สําหรับดิฉัน... ฟังไป สาธุไป ปฏิบัติไป พิจารณาไป...แจ่มแจ้ง ที่สุด ...ขอบคุณบุญที่นําพาให้ดิฉันมาพบคําสอนดีดีเป็นประโยชน์ของหลวงพ่อปราโมทย์...ดิฉันไม่มีอะไรตอบแทนท่าน นอกจากขอน้อมบุญให้หลวงพ่อ ขอบุญบารมีที่ดิฉัน(ที่ดวงจิตนี้)ได้สั่งสมมาแล้วทุกๆบ่อบุญในทุกทุกชาติ ขอบุญนี้ได้ส่งผลให้หลวงพ่อปราโมทย์ มีธาตุขันธ์ที่สมบูรณ์ ปลอดโรค ปลอดภัย ขอให้หลวงพ่อ ชนะมาร ทั้งหลาย ด้วยอานุภาพของบุญ ... ที่สําคัญ ขอบคุณทางทีมงานผู้จัดทํา ทําเว็บไซด์ dhammada.net ทุกท่าน จากใจอย่างสูงค่ะ ถ้าไม่มีพวกคุณ คนไกลบ้านอย่างดิฉันคงไม่ได้เรียนรู้สิ่งดีดีมีประโยชน์แบบนี้ ขอบุญกุศลนี้ ส่งผลให้ทีมงานทุกๆท่าน บรรลุธรรมจนถึงขั้นสูงสุด ให้เข้าถึงพระนิพพานนะคะ โดยคุณ ฐิติรัตน์ แสนทม (ประเทศสโลวาเกีย) โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
60
855. สวัสดีครับ ผมเป็นพยานให้หลวงพ่ออีกที่ คือที่วันสันติธรรม เชียงใหม่ ตอนที่หลวงพ่อมากราบศพหลวงพ่อทองอินทร์ อดีตเจ้าอาวาส วัดสันติธรรม ท่านได้เทศน์โปรดญาติโยม ซึ่งก็ได้รวบรวมปัจจัยถวายท่าน ท่านให้คืนแก่ท่างวัดเป็นค่าใช้จ่ายในงานศพ หลวงพ่อทองอินทร์ ทั้งหมด เชษฐ 856. แค่เริ่มต้นนึกถึงพระอาจารย์ปราโมทย์ ความเมตตาที่ท่านมีต่อเรามันก็ล้นเปี่ยม ปีติกับธรรมะของพระพุทธเจ้าที่พระ อาจารย์ปราโมทย์ได้ถ่ายทอดออกมาให้พวกเราช่างอิ่มเอม ดิฉันไม่เคยสนใจธรรมะมาก่่อน จนได้มาพบและฟังคําสอนของ ท่าน ทําให้ดิฉันได้เข้าใจธรรมะมากขึ้น ดิฉันมีความสุข รู้ทัน เข้าใจ กับกายใจมากขึ้น มีสติเร็วขึ้น บ่อยขึ้น ทุกข์สั้นลง ดิฉัน เป็นเพียงผู้เริ่มต้น และก็มุ่งหวังที่จะปฏิบัติต่อไป คําสอนของท่านที่ถ่ายทอดออกมาช่างฉลาดและล้ําลึก ท่านแปลสิ่งที่เข้าใจ ยากให้เข้าใจง่าย ทําให้คนอย่างดิฉันและคนอื่นที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะมีโอกาสตื่น ขอบพระคุณพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช ผู้ที่เป็นพระอารย์ผู้นําทางสว่างอย่างแท้จริง โดยคุณ น้ําร้อน 857. ผมรับราชการเป็นทหารอยู่ จ.ชลบุรี ครับ ได้ปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอน ฟังครั้งแรกไม่เข้าใจครับ พอฟังและปฏิบัติ จนถึงวันที่ ๗ กายมันโปร่งโล่งเบา บอกไม่ถูก เกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน และรู้สึกมีความสุขขึ้นมาด้วย ผมจึงปฏิบัติ มาเรื่อย ๆ แรก ๆ จะหลงนาน พอรู้สึกตัวก็รู้ว่าหลงไปแล้ว ผมปฏิบัติมาเรื่อย ๆ ผมมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ หลงสั้นลง รู้สึกตัวบ่อยขึ้น หน้าตาผมเปลี่ยนไป คนชอบทักว่าหน้าตาดีขึ้น ไปทําอะไรมา มีผู้คนรักชอบมากขึ้น มีแต่คนดีทั้งนั้น คนไม่ ดีไม่มายุ่งกับผม ตอนนี้ผมศัทธาพุทธศาสนามาก ธรรมะของพระพุทธเจ้าช่างอัศจรรย์แท้ ถ้าผมไม่ได้คําสอนของหลวง ผม คงจะทุกข์และทุกข์ ผมขอป็นกําลังใจให้หลวงพ่อสั่งสอน เพื่อเมตตาต่อผู้มืดบอดทั้งหลายเทอญ คนเปรียบเสมือนบัว ๔ เหล่า ผมปฏิบัติแล้วเป็นตามที่หลวงพ่อท่านสอนจริงครับ ผมขอยืนยัน ผมลองดูแล้ว ๓ เดือน พูดได้แค่ว่า สุขแท้หนอ อัศจรรย์แท้หนอ โดยคุณ วโรดมภ์ 858. หนูเคยเป็นคุณหมอขี้หงุดหงิด จอมวีน และก็คิดว่าตัวเองดีอยู่แล้ว ตั้งแต่หนูได้ฟังธรรมะของพระพุทธองค์ที่หลวงพ่อ เป็นผู้ถ่ายทอด ทําให้หนูทราบว่าตัวหนูเองมีนิสัยแย่ๆมากมาย ต่อมาก็รู้ทันกิเลสก่อนที่จะทําผิดศีลได้มากขึ้นเรื่อยๆ และ หน้าตาก็ผ่องใสขึ้นด้วยค่ะ กราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากค่ะที่ทําให้หนูทราบว่าทําไมคนเราจึงต้องเกิดมา และเกิดมาแล้ว อะไรคืองานหลักของชีวิต และหนูขอถวายการภาวนาเป็นอาจาริยบูชาค่ะ โดยคุณ พ.ญ.วรดา 859. ตั้งใจค้นหาพระสัทธรรม เพื่อน้อมนํามาใช้ให้เกิดผล ถามตัวเองทําอย่างไรเพื่อให้ตน บรรลุมรรคและผลสู่นิพพาน เฝ้าศึกษาหาหนทางการปฏิบัติ อ่านปริยัติเท่าไรไม่เกิดผล พุทโธ พอง ยุบ เดินจงกลม เฝ้าดูลมหายใจภายในตัว ทั้งสัมมาอรหัง เพ่งลูกแก้ว เพื่อให้จิตผ่องแผ้ว ปภัสสร เพื่อให้เกิดปัญญา เลิกพเนจร เพื่อให้มีลูกศร ชี้นําทาง ปฏิบัติไม่ได้ดั่งใจหวัง เกิดกลัวคลั่งกลัวบ้าพาจิตหลอน จึงเลิกหาหนทางที่จะหยุดจร เป็นสัตว์โลก โคจร อยู่ร่ําไป เมื่อบุญพาวาสนามาหนุนส่ง ธรรมมะคง จัดสรร เป็นวันใหม่ ได้ซีดี ที่ไม่รู้ ว่าเป็นใคร ได้มาไว้ข้างกาย ตั้งหลายวัน รู้แค่ชื่อว่าชื่อ พระปราโมทย์ ถือสันโดษ ศรีราชา เป็นเขตขันธ์ รู้ชื่อวัดว่าชื่อ สวนสันติธรรม คงเพราะกรรม ไม่สนใจ ฟังซีดี โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
61
ไปอบรมเจอคนปฏิบัติ ถามประวัติ รู้ว่าศิษย์ ของหลวงพี่ พระปราโมทย์ ปราโมชโช ลองดูซี ให้ซีดี และหนังสือ มาคู่กัน ชื่อหนังสือว่า การปฏิบัติธรรม ใจน้อมนํา พระคําสอน ทําขยัน เหมือนขอทาน ลําบาก ยากอนันต์ ไม่มีวันมีอาหารไว้เลี้ยงกาย กลับมาเจออาหารพระราชา ทั้งโอ่อ่า ผ่าเผย น่าใจหาย โน่นก้อกิน นี่ก้อกิน อย่างไม่อาย ผลสุดท้ายไม่รู้รสที่โอชา ฟังซีดีเท่าไร ไม่รู้เรื่อง เถียงทุกเรื่อง ทุกประโยค ที่เข้าหา ฟังอยู่นาน หลายเที่ยว เกิดปัญญา จิตเข้าใจแล้วหนาในพระธรรม หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช มาเพื่อโชว์ แก่นแท้ พระศาสนา ของเล่น ของเทียม ไม่แยแม้สายตา ทํามิจฉาทิฏฐิ ให้กลับใจ เป็นสัมมาทิฏฐิ สุดประเสริฐ ยอดดีเลิศภพทั้งสาม เป็นไหน ไหน สอนลูกศิษย์ลูกหา เดินทางไป ให้ใช้ใจ ตามรอยบาท พระศาสดา ให้ละ โลภ โกรธ หลง ในสงสาร ฆ่ากิเลส อุปาทาน และตัณหา หมั่นตามดูรู้จิตและกายา ทุกเวลามีค่าต้องอดทน มีสติรู้กายและรู้ใจ ดูลงไปตามความจริงทุกแห่งหน ดูด้วยจิต ที่ตั้งมั่น และมั่นคง รู้ซื่อตรงลงไปให้เป็นกลาง สอนให้ผมมีสติเพื่อตามดู เพื่อให้รู้จิตใจไขกังขา ว่าจิตนี้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นี่แหละหนาความจริงยิ่งกว่าสิ่งใด ปฏิบัติมาซักพักก็เกิดผล รู้ได้เฉพาะตนเป็นไฉน รู้ทุกข์แล้วเป็นสุขนั้นไม่ไกล แค่ใช้ใจดูตามจริงของรูปนาม สอนลูกศิษย์ลูกหาให้ถึงยอด เพื่อให้ปลอดเภทภัยในสังสาร เพื่อให้ศิษย์บรรลุถึงพระนิพพาน แม้สังขารเป็นทุกข์ท่านก็ทน สุดท้ายนี้ขอกราบองค์หลวงพ่อ ศิษย์จะขอ น้อมนํา ให้เกิดผล ปฏิบัติธรรมในชีวิตจนกว่าตน บรรลุมรรคและผลสู่นิพพาน แม้ชาตินี้วาสนาบารมีและอินทรีย์ ไม่หมดจดสดศรีในวัฏฏสงสาร ไม่ได้บรรลุมรรคผลสู่พระนิพพาน ขอติดตามในอนาคตชาติเอย โดยคุณ บารมี 860. ผมได้ขึ้นมาจากโครนตมได้ก็เพราะคําสอนหลวงพ่อครับ ผมจะพยายามรู้ด้วยใจที่ตั้งมั้นและเป็นกลางให้บ่อยที่สุด อย่างที่หลวงพ่อสอนครับ ขอบคุณจริงๆครับที่สอนผม โดยคุณ นายศุภวิทย์
-- จบโครงการหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้ -โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์เพื่อหลวงพ่อผู้มีแต่ให้
D h a m m a d a . n e t!
62