้ั าวหน้า โครงการแหล่งเรียนรู เ้ ศรษฐกิจพอเพียงขนก้ ระดับเครือข่ายพหุชม ุ ชน (ขบวนบุญ) วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่
สนับสนุ นโดย ศู นย ์คุณธรรม (องค ์การมหาชน)
กลุม่ อาสาอิสระ พบปะกันในสังคมออนไลน์ กําลังผสมปูนสร้ างฝายแม่กกั เก็บนําอย่างแข็งขัน
คํานํ า การตักบาตร ถวายภัตตาหาร ถวายสังฆทาน เข้าวัดฟังธรรม สวดมนต์ อาจเป็ นการทําบุญทีคนส่ วนใหญ่ เลือกทีจะปฏิบตั ิเพราะสอดคล้องกับสภาพสังคมเมือง แต่สาํ หรับคนต้นนําแล้ว การปลูกป่ า สร้างฝายต้นนํา ดับ ไฟป่ าเป็ นภารกิจสําคัญยิงในการทําบุญเพือตอบแทนคุณแผ่นดิน นํา ป่ าทีให้ความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูก ข้าว พืชผักผลไม้ เลียงสัตว์ อันเป็ นแหล่งอาหารของชีวิต เพือส่ งต่อให้คนปลายนําได้มีกินมีใช้ทีอาศัยธรรมชาติ ด้วยการอยูร่ ่ วมกันอย่างเกือกูล “ขบวนบุญ” เป็ นเครื องมือเปลียนใจคนชินเล็กๆ ด้วยการพาคนทังต้นนําและปลายนําทําบุญจากการเลือก ซื อผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากฝี มือชาวบ้านทีรักและหวงแหนธรรมชาติในหมู่บา้ นของตน ดําเนินชีวิตตามแนวทาง พระราชดําริ เศรษฐกิจพอเพียงจนมีเหลือกินเหลือเก็บ จึงนํามาแปรรู ปแจกจ่ายและขายในราคา “ต้นทุน” ให้เพือน บ้าน ชุมชนข้างเคียง ได้มีสินค้าคุณภาพ ราคาประหยัดอุปโภคบริ โภค เหนือสิ งอืนใดการนําพาแนวคิดแห่งการให้ การเสี ยสละผ่านการทําบุญกับเพือนมนุษย์และธรรมชาติ คือหัวใจหลักของโครงการเพือสื บทอดสังคมคุณธรรม ความกตัญ ูของประเทศไทย
วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม
สารบาญ
๑ ๓
จุดเริ มต้นของเครื อข่ายเล็กๆ ทียิงใหญ่
เมือคนต้นนําร่ วมมือกับคนปลายนํา “ขบวนบุญ” จึงเกิดขึน
๗ ๖
วิถีขบวนบุญ
พืนทีปฏิบตั ิการ ๕ เขตชุมชน
๔
“แลกเปลียนสิ นค้า” เสริ มพลังคนในเครื อข่ายเข้มแข็ง
๑๑
ปลายทางความสําเร็ จ
่ ่งใหญ่ z จุดเริ่มต้นของเครือข่ายเล็กๆ ทียิ
อาคารเอนกประสงค์ ๒ ชัน เพืออบรมเศรษฐกิจพอเพียงเชิงปฏิบตั ิการ สร้ างจากอิฐดินด้ วยความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้ าน
นับ ตังแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ วัด พระบรมธาตุ ด อยผาส้ ม ได้ริ เ ริ มน้อ มนํา ปรั ช ญาเศรษฐกิ จ พอเพี ย งมา ประยุกต์ใช้จริ งกับหมู่บา้ นใกล้วดั เป็ นแห่งแรก คือบ้านอมลอง ตําบลแม่สาบ อําเภอสะเมิง จังหวัดเชี ยงใหม่ ซึ ง ในอดี ตชาวบ้านส่ วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรเชิ งเดียวอย่างปลูกสตรอเบอร์ รีและพืชผักเมืองหนาว ใช้ปุ๋ย ยา สารเคมีมาก ที “ยิงฉี ด ยิงพ่น ก็ยิงจน ยิงเจ็บ” เมือชาวบ้านเป็ นหนีมากขึน จากราคารับซื อทีไม่แน่นอน จากสภาพ อากาศทีแปรปรวน ผลผลิตจึงไม่เป็ นตามคาด ครันขาดทุนหนักก็กหู้ นี ยืมสิ นมากขึนมาใช้หนีและลงทุนเสี ยงโชค ปลูกพืชเคมีหวังผลต่อ เมือพืชที “ปลูกไม่ได้ขาย ปลูกไว้ไม่ได้กิน” ก็ตอ้ งดินรนหาเงินทองกองสมบัติมาประทัง ชีวิตทีหาได้มีความมันคงไม่ เมือชีวิตตังอยูบ่ นความประมาท และความต้องการไม่รู้จกั พอ ภายใต้การขับเคลือน แนวคิ ดทุ นนิ ยมเสรี กระแสวัฒนธรรมบริ โ ภคนิ ยมที กํา ลังโหมรุ น แรงแผดเผาจิ ต ใจอันดี งามของผูค้ น เป็ น จุดเริ มต้นของทางวัดทีริ เริ มหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็ นเครื องมือเปลียนใจคนจากความโลภเป็ นความไม่ โลภ เปลียนใจทีไม่รู้จกั พอเป็ นพอ ทวนกระแสกิเลส และดํารงชีวิตด้วยความอิมทังกายอิมทังใจ
กิจกรรมพึงพาตนเอง ณ ศูนย์ปฏิบตั ิการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางพระราชดําริ (บวร.) ตังแต่ปี ๒๕๕๑
ด้วยการสนับสนุนจากกัลยาณมิตรของศูนย์คุณธรรมอย่างต่อเนื องกว่าสี ปี ชาวบ้านอมลองจึงเริ มยืนอยู่ ได้บนพืนฐานหลัก ๔ พอ คือ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่ มเย็น จนสามารถสร้ างแหล่งอาหารธรรมชาติ เช่น ข้าว พืชผักพืนบ้าน ไม้ผล พืชสมุนไพร ผลิตของใช้ในครัวเรื อน เช่น ทํานํายาอเนกประสงค์ สบู่เหลวขมิน แชมพู ดอกอัญชัน และผลิตของใช้ในภาคการเกษตร เช่น นําหมักชีวภาพ ปุ๋ ยอินทรี ย ์ สารไล่แมลงจากนําส้มควันไม้ทีได้ จากการเผาถ่าน จนจัดตังเป็ นศูนย์ปฏิบตั ิการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางพระราชดําริ (บวร.) ณ ห้วยบง เป็ น แหล่งเรี ยนรู ้จนเกิดการขยายผลไปอีกกว่า ๒๐ หมู่บา้ นครอบคลุมทังอําเภอสะเมิง
่ ้ z เมือคนต้ นนํ ้ าร่วมมือกับคนปลายนํ ้ า “ขบวนบุญ” จึงเกิดขึน เมือชาวชุมชนเริ มพึงพาตนเองได้ ปลูกทุกอย่างทีกิน กินทุกอย่างทีปลูก พร้อมดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรดิน ต้นนํา ป่ าไม้ให้เอือต่อการเพาะปลูกและอยูอ่ าศัย ชาวบ้านจึงพึงพาตนเองได้อย่างมันคง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ นี ทาง เครื อข่ายเศรษฐกิจพอเพียงวัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม จึงเกิดแนวคิดทีจะพัฒนายกระดับเศรษฐกิจพอเพียงจากขัน พืนฐาน (๔ พอ) ขึนสู่ขนก้ ั าวหน้า หรื อวิสาหกิจชุมชนภายใต้ชือ ขบวนบุญ (Social Enterprise or SE) โดยมี ความเห็นเป็ นสัมมาทิฏฐิ ร่วมกันว่า เราจะใช้เครื อข่ายทีอาศัยแรงความรู ้รัก สามัคคีกนั นี เอง สร้างความพอเพียง ขันพืนฐาน (๔ พอคือ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่ มเย็น) ขยายไปในชุมชนของเครื อข่ายของวัด ให้มากทีสุ ด กํา ไรจากการแปรรู ป แลกเปลี ยนหรื อซื อขาย จะนํา มาเข้า กองกลางที จะสร้ า งความยังยืนให้ก ับชุ ม ชนและ ทรัพยากรธรรมชาติส่วนรวม ไม่คิดเอาเข้ากระเป๋ าตนเอง หลักการแตกต่างจากกลุ่มธุรกิจทัวไปทีผลิตสิ นค้าต่างๆ เพือกําไรของตน จนละเลยถึงอนาคตของสิ งแวดล้อม อนาคตชุมชนสังคม หลักของโมเดลธุรกิจแบบขบวนบุญ จึงเน้นขายสิ นค้าชุมชนในราคาต้นทุน ให้คนต้นนําในเครื อข่ายและ คนปลายนําในเมืองได้มีโอกาสใช้สินค้าคุณภาพดี ราคาประหยัดใช้ ส่ วนเงิ นกําไรหรื อเงิ นส่ วนเกิ นจากการ จําหน่ายยังนําไปสบทบกองทุนเพืออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้ในภารกิจปลูกป่ า สร้างฝายชะลอนํา ทําแนว กันไฟป่ า หรื อสาธารณะประโยชน์ทีต่างกันออกไปในแต่ละชุมชน
กลุม่ จิตอาสา Very good พนักงานจากหลายบริ ษัท สร้ างฝายถวายพ่อหลวงและเป็ นสะพานบุญช่วยนําสินค้ าสูค่ นเมืองกรุง
สิ นค้าชุมชนจึงเป็ นเพียงสื อกลางให้คนทังต้นนําและปลายนําทีต้องอาศัยดิน นํา ป่ าเพือปลูกข้าว ปลูกผัก ให้อากาศบริ สุทธิ ให้ยารักษาโรค สร้างทีอยูอ่ าศัย ทังเป็ นวัตถุดิบในการผลิตสิ งอํานวยความสะดวกมากมาย เกิด ความตระหนักถึงความสําคัญของทรัพยากรธรรมชาติทีให้ชีวิตตังแต่เกิดจนเติบโต จึงต้องตอบแทนคุณกลับคืน ธรรมชาติ
z “แลกเปลี่ยนสินค้า” เสริมพลังคนในเครือข่ายเข้มแข็ง เมือบางชุมชนมีผลผลิตมากแต่ไม่ได้ขาย ขายก็ไม่ได้ราคา เมือบางชุมชนมีกาํ ลังซื อ แต่ผลิตเองไม่ได้ อยากซือผลิตภัณฑ์ชุมชน แต่ไม่มีขาย เราจึงนําผูซ้ ื อผูข้ ายในเครื อข่ายมาพบกัน จนเกิดการแลกเปลียนระหว่าง ชุมชนโดยการบริ หารอุปสงค์และอุปาทานทีไม่เท่ากันในแต่ละชุมชน เกิดกระบวนการพึงพาตนเองเริ มผลิตเอง หรื อเริ มอุดหนุนสิ นค้าในเครื อข่ายทีมีราคาประหยัด ลดค่าขนส่ ง เกิดกระบวนการขับเคลือนเศรษฐกิจพอเพียง สามารถสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนได้จริ ง โดยเน้นในกําลังซื อ/ผลิตผล/ผลิตภัณฑ์จาํ เป็ นทีทุกชุมชนต้องใช้ใน ชีวิตประจําวัน ลดการพึงพาร้านค้าภายนอกในกลุ่มสิ นค้า ๓ หมวด ดังนี หมวดที ๑
ผลิตผลในฐานคนรักษ์แม่พระธรณี คือ ปุ๋ ยอินทรี ยช์ ีวภาพ
หมวดที ๒
ผลิตผลในฐานคนพออยูพ่ อกิน คือ พืชผัก ผลไม้ทีนํามาทํากินเป็ นอาหารประจําวัน
หมวดที ๓
ผลิตผลในฐานคนมีนายา ํ คือ นํายาซักล้างอเนกประสงค์ สบู่ แชมพู
ปุ๋ยอิ นทรีย์ ณ บ้านสนามกีฬา
พืชผักพืนบ้าน ณ บ้านแม่เลย
นํายาเอนกประสงค์ ณ บ้านห้วยหญ้าไทร
แผนผังแสดงอุปาทานและอุปสงค ์ของอาหาร ปุ๋ ยอินทรีย ์และนํ ้ายาทํา ่ ความสะอาด ซึงแตกต่ างก ันทัง้ ๕ เขตงาน
ผลิ ตปุ๋ย และนํายาซัก ล้าง สบู่ แชมพู มากมาย
มีกาํ ลังซือ คนมาอบรม มาก แต่อาหารไม่พอกิ น มีกาํ ลังซือ รายได้มีมาก
เป็ นชาวเขารักษาป่ า รายได้น้อย/ซือทุกอย่าง
จากเกษตรเชิ งเดียว ซือ ทุกอย่าง ไม่ผลิ ตเลย
ผลิ ตปุ๋ยมากแต่ไม่ได้ขาย
มีการผลิ ตนํายา อเนกประสงค์/ปุ๋ยบ้าง
บริ บททุกอย่าง ไม่ผลิ ต เอง ซือทังหมด
ผลิ ตปุ๋ย และพืชผัก อาหารมากได้ขายบ้าง
ของใช้ซือทุกอย่าง
้ ปฏิ ่ บต z พืนที ั ิการ : ๕ เขตชุมชน
เขตที ๑ ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง วัดพระบรม ธาตุดอยผาส้ม – บ้านอมลอง ต.แม่สาบ อ.สะเมิง
เขตที ๒ ชุ มชนบ้านแม่ ยางห้า – ชุ มชน บ้านป่ าเกี ยะนอก –ชุ มชนบ้านสนาม กีฬา ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง + ต.แม่แดดน้อย อ.กัลยาณิ วฒั นา
เขตที ๓ ชุ ม ชนบ้า นแม่ เ ลย – ชุ ม ช น บ้ า น น า ฟ า น – ชุมชนบ้านแม่ปะ ต.สะเมิง เหนื อ + ชุมชนบ้านใหม่ ต้นผึง
เขตที ๕ ชุมชนบ้านป่ าคานอก - บ้านห้วยหญ้า ไทร ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง
เขตที ๔ ชุ ม ชนเทศบาลสะเมิ ง ใต้ – โรงเรี ยนสะเมิงพิทยาคม ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง
z วิถีขบวนบุญ ้ั ผลการดําเนิ นกิจกรรมในโครงการแหล่งเรียนรู เ้ ศรษฐกิจพอเพียงขน ก้าวหน้าระด ับเครือข่ายพหุชม ุ ชน (ขบวนบุญ) ว ัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อําเภอสะเมิง จ ังหว ัดเชียงใหม่
่ จกรรม ชือกิ ๑. ประชุ มเชิงปฏิบัตกิ าร อบรมชีแจงโครงการ โดยจัดการประชุมอธิ บาย นําเสนอสื อวีดีทศั น์ จุด ประกายความคิด และปลูกฝังอุดมการณ์ จนเกิด ความเข้าใจและเกิดความเชือมันให้ดาํ เนินการ กิจกรรมไปได้ตลอดโครงการ
๒. พัฒนาฐานการเรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาฐานการเรี ยนรู ้ทงั ๓ ฐาน คือ ฐานคนรักษ์ แม่ พระธรณี ผลิตปุ๋ ยอินทรี ยช์ ีวภาพ /ฐานคนพออยู่พอ
ผลการดําเนิ นกิจกรรม • ได้แกนนําฝั งตัวในพืนที ๕ เขตที เข้าใจ รายละเอี ย ดแผนการดํา เนิ น งานของ โครงการ และสามรถกลับไปเตรี ยมการ ปฏิบตั ิการได้ทนั ที • ได้ทีมประสานงานกลางทีจะคอยเป็ นที ปรึ กษาให้ก ับ แกนนํา ฝั ง ตัว ทัง ๕ เขต ได้มาพบปะแลกเปลี ยนปั ญหา และหา แนวทางแก้ ไ ขก่ อ นและหลั ง ดํ า เนิ น กิจกรรมย่อยในพืนที • เกิดการพัฒนา ๓ ฐานการเรี ยนรู ้จนถึง ระดับทีพร้อมรับกับการขับเคลือน โครงการในภาพรวม
กิน ปลูกหรื อแลกเปลียนพืชผัก ผลไม้ทีนํามาเป็ น
• เกิดการประชาสัมพันธ์ของทัง ๓ ฐานไป
อาหารประจําวัน/ ฐานคนมีนํายา ผลิตนํายาซักล้าง
ยังกลุ่มเป้ าหมายจนสามารถมาเรี ยนรู ้
อเนกประสงค์ สบู่ แชมพูใช้เอง ลดรายจ่าย พึงพา
เพิมเติมได้และเห็นตัวอย่างความสําเร็จ
ตนเอง
เพือนําไปปรับใช้ในพืนทีของตนได้
๓. อบรมแกนนําเครือข่ ายในฐานการพึงตนเอง (๒ วัน ๑ คืน ๓ รอบ)
• เกิดการเรี ยนรู ้ภายในเครื อข่ายและแกน นําได้ขยายผลจากการเรี ยนรู้สู่คนใน ชุมชน โดยนําองค์ความรู ้ทีได้ปรับใช้ให้
๓.๑ อบรมฐานคนพออยูพ่ อกิน (ตระหนักรู ้คุณค่าผัก พืนบ้านใกล้ตวั ) ณ บ้านแม่เลย ต.สะเมิงเหนือ
เหมาะสมกับสภาพพืนทีจริ งของตนได้ • ได้เครื อข่ายเพือนพึงพาตนเอง เมือเกิด
๓.๒ อบรมฐานคนมีนายาและสุ ํ ขภาพ (ทํานํายา
ปั ญหาจึงสามารถปรึ กษาเพือนข้าม
เอนกประสงค์ และกัวซาขูดพิษ ทํานําคลอโรฟิ ลล์
หมู่บา้ น ในพืนทีใกล้เคียงเกิดการ
ปรับสมดุล นวดกดจุดคลายเส้นด้วยภูมิปัญญาหมอ
แลกเปลียนเรี ยนรู ้ เติมกําลังใจ และได้
บ้านบ้าน) ณ บ้านอมลอง ต.แม่สาบ
แนวทางออกของปัญหาซึ งจะเป็ น
๓.๓ อบรมฐานคนรักษ์แม่พระธรณี (ทําปุ๋ ยอินทรี ย ์ ฮอร์ โมนพืช) ณ บ้านสนามกีฬา ต.บ่อแก้ว ๔. แหล่ งเรียนรู้ เคลือนที ติดตามประเมินผล ของทุก กลุ่มเป้าหมายเครือข่ าย (๒ วัน ๑ คืน ๒ รอบ) เพือแลกเปลียนเรี ยนรู ้บทเรี ยน ปรับปรุ งแก้ไขพัฒนา และเติมกําลังใจในการขับเคลือนกระบวนการ เครื อข่ายเพือการพึงตนเองและกําลังใจตนเองให้ เข้มแข็งว่าจนเกิดผลสําเร็ จ ณ บ้านห้วยหญ้าไทร ต. สะเมิงใต้ / สวนนาฟานอุทยานทิพย์ บ้านนาฟาน ต. สะเมิงเหนือ
บทเรี ยนส่ งต่อให้สาํ หรับสมาชิกใหม่ที จะเข้าร่ วมเครื อข่าย
• ชุมชนทัง ๕ เขตเกิดการเรี ยนรู ้ แลกเปลียนซึงกันและกันในประเด็น ปั ญหาร่ วม และมีการพัฒนาต่อยอด รวมทังสามารถขยายผล จากแหล่งเรี ยนรู้ เคลือนที เข้าสู่ชุมชนให้กว้างและลึก ยิงขึน สุดท้ายได้แผนงานปฏิบตั ิการ ร่ วมกันระหว่างชุมชนเพือนํากลับไปทํา ทันที เกิดความต่อเนืองของงานและ พึงพาตนเองในการดําเนินกิจกรรมต่อ แม้วา่ จะปิ ดโครงการไปแล้ว
๕. ฝังตัวขับเคลือนขบวนบุญในเครือข่ าย และการขยาย พลังของแหล่งเรียนรู้ ชุมชน (๓๐ สั ปดาห์ ) ตลอดโครงกลางต้องอาศัยแกนนําฝังตัวขับเคลือน ขบวนบุญคือ คนในพืนทีปฏิบตั ิงาน ๕ คนต่อ ๕ เขต งานเพือเก็บข้อมูลความต้องการซื อและขายสิ นค้าที มีอยูใ่ นพืนที หรื อต้องการองค์ความรู ้ในการผลิตเพือ
• เกิดการขับเคลือนขบวนบุญภายใน เครื อข่าย คือ การบริ โภคและเริ มผลิต สิ นค้าในชุมชน ทังยังส่งไปแลกเปลียน กันระหว่างชุมชนในเครื อข่ายและสะสม ทุนส่ วนกลางขึนในแต่ละโซน เข้ากอง บุญส่ วนกลางเพือการพัฒนาต่อยอด สิ นค้าหรื อนําไปใช้ในสาธารณะ
วางแผนในการจัดกิจกรรมย่อยให้สอดคล้องกับ ความต้องการและความสนใจของคนในชุมชน และ ขับเคลือนขบวนบุญโดยอาศัยความคุน้ เคยของคน ในชุมชน โดยอาศัยฐานของเศรษฐกิจพอเพียงจาก ต้นทุนทางทรัพยากรทังธรรมชาติทีมีอยูแ่ ล้วใน หมู่บา้ น กําลังการผลิต ความร่ วมมือร่ วมใจของคน ในชุมชน และความร่ วมมือของเครื อข่ายช่วยเป็ นพี เลียง ด้วยวิธีการเก็บข้อมูลในพืนที ระหว่าง ปฏิบตั ิการเพือใช้สรุ ป ประเมินผลโครงการ และ แนะนําการเริ มต้นการลดรายจ่ายอย่างง่าย โดย ส่ งเสริ มให้คนในชุมชนบริ โภคอุปโภคเองก่อน แล้ว พอมีเหลือจึงนําไปจําหน่ายด้วยวิถีแห่งบุญ เงินส่ วน ต่างจะนําเข้ากองทุนสาธารณะของหมู่บา้ นนันๆ จึง เกิดเป็ นกิจกรรมบุญขึนมากมายทัง ๕ เขตงาน
ประโยชน์ของชุมชน • เกิดบทสรุ ปและบทเรี ยนการพัฒนา ชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติและ สิ งแวดล้อมทียังยืนตามแนวคิด “ขบวน บุญ” ทีสามารถเผยแพร่ ต่อและนําไปใช้ ไม่เฉพาะคนในเครื อข่าย แต่กบั ทุกกลุ่ม ในสังคมหรื อในระดับปั จเจกทีสามารถมี ส่ วนร่ วมรับผิดชอบสังคมและ สิ งแวดล้อมทีต้องพึงพิงอาศัยร่ วมกัน
้ั าวหน้าระด ับ แผนภาพแสดงกรอบการดําเนิ นงานโครงการแหล่งเรียนรู เ้ ศรษฐกิจพอเพียงขนก้ เครือข่ายพหุชม ุ ชน (ขบวนบุญ) ว ัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อําเภอสะเมิง จงั หวัดเชียงใหม่
ปั ญหาของเครือข่ ายทัง ๕ เขตงาน
คือ ความไม่มนคงทางอาหารเพื ั อชีวิต ความไม่มนคงทางใจที ั ต้ องอิงกับวัตถุเสมอ
ผลิตเองมากแต่ไม่มีตลาดรับซือ
รายได้ น้อย ผลิตเองบ้ าง ส่วน
ใหญ่จงึ หาเงินเพือซือ
ไม่ผลิตซืออย่างเดียว ชีวติ จึงต้ อง
มีรายได้ มากจากการปลูกพืช
พึงพาเงินเป็ นหลัก
เชิงเดียว แต่ซือทุกอย่าง
สิ นค้ าเป็ นเครื องมือเปลียนใจคน
ขายสินค้ าด้ วยราคาต้ นทุน เงินส่วน
“เศรษฐกิจ จิตใจ แก้ ไขพร้ อมกัน”
เพราะคนทีกล้ าขายด้ วยราคาต้ นทุน
ต่างทีเหลือ (กําไร) นําเข้ ากองทุน
ต้ องเริ มจากใจทีกล้ าเสียสละในสิงที
เพืออนุรักษ์ ป่าหรื อกองทุนบุญ
ตนมี และเหลือพอ ไม่จําเป็ นต้ องรวย หรื อปลดหนีได้ กอ่ น ก็เสียสละได้
สังคมทีมีคณ ุ ภาพ จําเป็ นต้ องมีคน
โมเดลธุรกิจ
ส่วนรวมเพือสาธารณะประโยชน์
“ขบวนบุญ”
ของแต่ละหมู่บ้าน
าเสียสละ กล้
๕. ฝั งตัวอยูใ่ น
๔. แหล่งเรี ยนรู้ ๕ เขตงาน (๑๓ ชุมชน) ผ่าน ๕ กิจกรรม
๑. ประชุมทําความ
เคลือนที ติดตาม
พืนทีปฏิบตั ิการ ๑๓ ชุมชนใน ๕ เขตงาน เป็ นพี
เข้ าใจโครงการ ร่วมกัน
ประเมิน เสริ ม
เลียงให้ กบั
กําลังใจ
ชุมชนและ
๒. พัฒนาฐานการเรี ยนรู้
๓. อบรมแกนนําเครื อข่าย
เศรษฐกิจพอเพียง
ผลผลิต
เกิดแหล่งเรี ยนรู้
มีสมาชิกเข้ าร่วมในแต่
เศรษฐกิจพอเพียงขัน
ละชุมชนแตกต่างกัน
ก้ าวหน้ าระดับเครื อข่าย
มากกว่า ๑๐๐
พหุชมุ ชนจาก ๕ เขต
ครัวเรื อน จาก ๕ เขต
ประสานงานทีม ส่วนกลาง
ผลลัพธ์ ด้ านเศรษฐกิจ เกิดการจ้ างงาน มีรายได้ มาก
ใจคนเปลียน “ใจไม่
ขึน ลดรายจ่าย พึงตนเองได้ สังคม มีเวลา
โลภ” “ใจพอ”จึงเกิด
เหลือให้ กบั ครอบครัวและงานส่วนรวมของ
กิจกรรมบุญอีก
หมู่บ้าน สิงแวดล้ อม กลับมาอุดมสมบูรณ์
มากมายใน
เพราะเป็ นแหล่งรักษาวัตถุดิบสร้ างรายได้
หลากหลายรูปแบบ
z ปลายทางความสําเร็จ ด้ านจิตใจ (คุณธรรม) แกนนําและสมาชิกทีเข้าร่ วมโครงการมีความเห็นถูกคือ ถูก ตามความเป็ นจริ ง จริ งที “ใจพอก็พอ” เป็ นวลีทีพูดง่ายแต่ในทาง ปฏิบตั ิตอ้ งทําอย่างต่อเนืองจะเห็นผล ผ่านกระบวนการเรี ยนรู ้ตลอด โครงการต่างๆ กิจกรรมมากมาย จนใจค่อยๆ เปลียนเอง รวมทังอาศัย พลังเครื อข่ายก่อให้เกิดกําลังใจในการลงมือทําทันที ทําจนสําเร็ จ จึง เกิดหลักการทํางานและหลักการวางใจโดยใช้หลักธรรมะมา ประยุกต์ใช้ได้จริ ง คือ ๑. บุญ -- จงลงทุนบุญคุม้ ค่า คือ ทําบุญไป เสี ยสละให้ส่วนร่ วม ด้วยฤทธิ แห่งผลบุญ บุญจะตอบกลับคืน ๒. พรหมวิหาร -- เมตตา กรุ ณา มุทิตา อุเบกขา คือให้โอกาสทุกคน ปรารถนาให้เขาได้ดี ให้กาํ ลังใจให้อภัยได้ ๓. มีความเพียรอันบริ สุทธิ – จะไม่ทอ้ ถอยจนกว่าจะสําเร็ จ เคยทํา ผิดอย่างไรจะไม่กลับไปทําอีก
ด้ านเศรษฐกิจ ชาวชุ ม ชนในเครื อ ข่า ยมี ร ายได้จ ากกระบวน ผลิตสิ นค้าขบวนบุญ ไม่ตอ้ งออกไปทํางานนอกชุมชน มีเวลาเหลือรวมตัวกันทํากิจกรรมเพือส่ วนรวม โดยนํา งบประมาณจากกองทุ น สาธารณะที ได้ม าจากการ จําหน่ ายสิ นค้าช่ วยดําเนิ นกิ จกรรมพัฒนาหมู่บา้ นของ ตนเอง
ด้ านสั งคม เกิ ดการจ้างงานในชุมชนหลังจากที ทรั พยากรในชุ มชน เช่ น ภูมิ ปั ญญาการทอผ้า สมุนไพรป่ า ข้าวเปลือกดอยทีมีจาํ นวนมาก สามารถ นํา ส่ ง ขายให้ เ กิ ด รายได้ไ ม่ ต้อ งออกรั บ จ้า งนอกชุ ม ชน เกิ ด ความสัมพันธ์ทีดีระหว่างครอบครัวและเพือนบ้านเนืองจากมีเวลาอยู่ ในบ้านและชุมชนมากขึน ความเกือกูลกันระหว่างคนในชุมชนจึงเป็ น ผลที ตามมา เมือพึงตนเองได้แล้วยังแจกจ่ายแบ่งปั น (ข้าวผักผลไม้/ นํายา/ปุ๋ ย)ให้คนอืนพึงตนเองได้ ตามแนวทางเศรษฐกิ จพอเพียงขัน ก้า วหน้ า ทังยัง เป็ นแบบอย่ า งให้ ก ับ ชุ ม ชนอื นได้ ท้า ยสุ ด เกิ ด การ แลกเปลียนองค์ความรู ้ระหว่างชุมชนในเครื อข่าย เสริ มหนุนกําลังใจให้ เครื อข่ายเข้มแข็งขึน ด้ านสิ งแวดล้ อม เมือทรั พยากรธรรมชาติ ทีถูกมองข้ามประโยชน์หรื อความสําคัญกลายมาเป็ นวัตถุดิบสร้ างรายได้ เช่ น ข้าวขาว ข้าวกล้อง ฝ้ าย กล้วย ภูคาว ลูกยอ สมอ มะแตก มะขามป้ อม มะเฟื อง ขมิน ข่า บอระเพ็ด มะรอท เศษ อาหาร เศษใบไม้ นําแปรรู ปเป็ น ข้าวกล้องดอย ข้าวกล้องงอก ผ้าฝ้ ายทอมือ กล้วยทอดกรอบ ปุ๋ ยหมักชี วภาพ แชมพูสบู่ ลูกประคบสมุนไพร หรื อนําหมักเอนไซม์รักษาโรค ทําให้ชาวชุมชนเริ มเห็นความสําคัญของทรัพยากร ใกล้ตวั จึงเกิดความหวงแหนทีจะรักษาหรื อปลูกทดแทนขึน ทรัพยากรดิน นํา ป่ า ซึ งเกียวเนื องกับพืชผัก สมุนไพรทีก่อให้เกิดรายได้ จึงถูกให้ค่าความสําคัญมากขึน หลายหมู่บา้ นจึงเริ มสร้างฝายต้นนํา/รื อฟื นพิธีบวชป่ า/ปลูกหญ้าแฝกป้ องกันหน้าดินชะล้างทลาย/ต่อท่อรดนําให้ ป่ าให้ชุ่มชืนลดความรุ นแรงของไฟป่ า ซึ งเกิดจากจิตอาสาและพลังชุมชนทีเห็นตรงกันว่าต้องอนุรักษ์ทรัพยากร ส่ วนรวมเพือวิถีพึงพาตนเองอย่างมันคงยังยืน
“คือขบวนบุญที่เชื่อมร้อยต่อกันด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ของคน เล็กๆ จํานวนมาก เชื่อมจากป่าสู่เมือง แล้วย้อนกลับคืนสู่ป่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดทุกคนสามารถมีสว ่ นร่วมในขบวนบุญ เพื่อดูแล รักษาป่าเยียวยาธรรมชาติ ความสุขในใจ
และผลแห่งบุญนี้จะคืนกลับมาเป็น
ความแข็งแรงของชุมชนและสังคม
สมบูรณ์ของแผ่นดินในวันนี้และวันข้างหน้า”
ศู นย ์ปฏิบต ั ิการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริ (บวร.) ้ น อําเภอสะเมิง จ ังหว ัดเชียงใหม่ ๕๐๒๕๐ ว ัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม ตําบลแม่สาบ/ยังเมิ ติดต่อ : doiphasom@gmail.com / 081 169 7983 www.watdoiphasom.org www.facebook.com/watdoiphasom
ความอุดม