สรุปผลการศึกษา การนำเสนอภาพผูลี้ภัย โดยสื่อมวลชนไทย ระหวาง 1 เมษายน 2553-30 เมษายน 2554
สรุปผลการศึกษา การนำเสนอภาพผูลี้ภัย โดยสื่อมวลชนไทย
ระหวาง 1 เมษายน 2553-30 เมษายน 2554
มูลนิธิเพื่อนไรพรมแดน
คณะทำงาน “แอบมองสื่อ” ประกอบไปดวย จริยา คนซื่อ, เดชา นอยมะลิวัน และพรสุข เกิดสวาง
การศึกษาการนำเสนอภาพผูลี้ภัยโดยสื่อมวลชนไทย มีวัตถุประสงคเพื่อ ใหไดมาซึ่งขอมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการรับรูและทัศนคติของสื่อมวลชนไทยตอผูลี้ภัย และประเมินการรับรูของสาธารณชนผูรับสื่อ เพื่อนำมาซึ่งแนวทางพัฒนาการ ทำงานรวมกับสื่อมวลชนไทยในการสงเสริมทัศนคติที่ดีของประชาชนไทยตอผูลี้ภัย คำวา “ผูลี้ภัย” ในการศึกษานี้ อิงจากนิยามในอนุสัญญาวาดวย สถานภาพผูลี้ภัย (1951) และพิธีสารตอทาย 1967 อนุสัญญาองคการเอกภาพ อัฟริกัน และปฏิญญาคารทาฮีนา ซึ่งเปนเครื่องมือระดับสากลในการใหความ คุมครองผูลี้ภัย กลาวโดยรวมคือ ผูลี้ภัยในการศึกษานี้ หมายถึงบุคคลที่หนีจาก ประเทศตนไปยังอีกประเทศหนึ่งดวยความหวาดกลัวภัยการประหัตประหาร และ รวมถึงผูที่หนีจากภัยคุกคามถึงชีวิตอันมาจากเหตุการณไมสงบ หรือการละเมิด สิทธิมนุษยชนอยางกวางขวาง โดยในเนื้อหาขาวหรือบทความอาจไมไดใชคำเรียก กลุมคนนี้วาผูลี้ภัย และรัฐอาจไมไดยอมรับวาคนกลุมนี้เปนผูที่จะตองใหความดูแล คุมครองก็เปนได นอกจากนี้ ในการศึกษายังรวมถึง “ผูแสวงหาการลี้ภัย” และผูที่มีแนวโนมวาจะเปนผูลี้ภัย ซึ่งหมายถึงผูที่ขอลี้ภัยหรือกลาววาตนมีเหตุที่ จำเปนตองมาลี้ภัยในประเทศอื่น โดยที่ยังไมไดมีการพิสูจนทราบขอเท็จจริงไวดวย การศึกษาเจาะประเด็นผูลี้ภัยดำเนินการในระยะเวลา 13 เดือน โดยได ศึกษาสือ่ บางรายตลอดชวงเวลาดังกลาว และบางรายในเพียงชวงระยะเวลาหนึง่ ได ทั้งนี้ สื่อมวลชนที่ไดรับการติดตามศึกษา ไดแก 1. สื่อกระแสหลัก คือ 1.1 หนังสือพิมพรายวันระดับประเทศ ไดแก ไทยรัฐ มติชน ตลอด 13 เดือน และหนังสือพิมพผูจัดการ ASTV (1 ก.ย. 53 - 30 เม.ย.54) 1.2 หนังสือพิมพรายวันทองถิ่น ไดแก เชียงใหมนิวส (1 เม.ย. - 31 ส.ค. 53) ไทยนิวส (1ก.ย.53 - 30 เม.ย.54) 1.3 วารสารขาวรายสัปดาห ไดแก เนชั่นรายสัปดาห และมติชน รายสัปดาห ตลอด 13 เดือน 2. สื่อทางเลือก ไดแก เว็บไซทขาวประชาไท ตลอด 13 เดือน ขอคนพบจากการศึกษา ไดแก
03
04
1. การใหพื้นที่สื่อ ตอผูลี้ภัย
เบื้องตนพบวา วารสารขาวเนชั่นรายสัปดาหมีสัดสวนการนำเสนอ บทความเกี่ยวกับผูลี้ภัยมากที่สุด (0.16 บทความตอเลม) โดยหนังสือพิมพไทยรัฐ ไดใหพื้นที่ขาวแกผูลี้ภัยรองลงมาคือ 0.12 ขาวตอฉบับ/วัน ทั้งนี้ หนังสือพิมพ ทองถิ่นของจังหวัดเชียงใหมคือ เชียงใหมนิวสและไทยนิวส ซึ่งเปนพื้นที่ที่มีผูลี้ภัย ทั้งในและนอกคายพักพิงชั่วคราว กลับนำเสนอเรื่องราวผูลี้ภัยนอยมากคือ 0.03 ขาวตอวัน ในขณะที่มติชนรายสัปดาหไมมีเลย สำหรับสื่อทางเลือกที่ศึกษาคือ เว็บไซทขาวประชาไทนั้น มีบทความเกี่ยวกับผูลี้ภัย 28 ครั้งจากจำนวน 396 วัน ซึ่งลักษณะของเว็บไซทสำนักขาวทางเลือกจะไมสามารถนำมาเปรียบเทียบเชิ ง สัดสวนกับหนังสือพิมพรายวันได เนือ่ งจากเว็บไซทไมไดเปลีย่ นหนาขาวทัง้ หมด ทุกวัน หากโดยปกติจะขึ้นขาวใหมเพียงวันละ 1 - 4 ขาว และขาวหนึ่งจะขึ้นอยู เปนเวลานานหลายวัน เมื่อเปรียบเทียบการนำเสนอเรื่องราวของผูลี้ภัยและแรงงานขามชาติแลว ผูล ภ้ี ยั ไดรบั การนำเสนอในสือ่ เปนสัดสวนนอยกวาแรงงานขามชาติถงึ ราว 1 ตอ 5 อีกทั้งในเนื้อหาที่นำเสนอนั้น เกือบรอยละ 30 (29.40) เปนการนำเสนอ เรื่องราวอื่น ๆ เชนสงคราม การเมือง โดยแตะประเด็นผูลี้ภัยอยูเพียงเล็กนอยหรือ เพียงประโยคเดียว ไมไดนำเสนอเรื่องผูลี้ภัยโดยตรง นอกจากนี้ การนำเสนอ สวนใหญยังเปนรูปแบบขาวทั่วไปโดยเฉพาะขาวสั้น โดยมีที่เปนสารคดีหรือ บทความเชิงลึกที่จะใหรายละเอียดแกผูอานนอยกวากันมาก บทความลักษณะนี้ สวนใหญจะอยูในสื่อทางเลือกคือเว็บไซทขาวประชาไท และจำนวนไมนอยเปน บทความที่เขียนโดยองคกรเอกชนหรือนักสิทธิมนุษยชนที่ทำงานดานผูลี้ภัยเอง อยางไรก็ดี ในชวงที่ผานมา ผูลี้ภัยไดโอกาสขึ้นขาวหนาหนึ่งอยูบอยครั้ง โดยทั ้ ง หมดเป นกรณี ก ารหลั ่ ง ไหลของผู ล ี ้ ภ ั ย เป น หลั ก หมื ่ น หรื อ หลั ก พั นจาก เหตุการณสูรบในฝงพมา
05
แผนภูมิวงกลมที่ 1 ประเภทพื้นที่ในการนำเสนอเรื่องราวผูลี้ภัย
06
จากผลการศึกษาดานการใหพื้นที่สื่อแกผูลี้ภัย ประเมินไดวาสาธารณชน ผูรับสื่อมีโอกาสรับรูวามีผูลี้ภัยอยูในสังคมไทยนอยมาก โดยจะรับรูแตการอพยพ หลั่งไหลเขามาจากเหตุสงครามเปนหลักเพราะเปนขาวหนาหนึ่งที่ไดพื้นที่เดน นอกจากนี้จะมีโอกาสไดรับรูเขาใจในเชิงลึกไมมากนัก เนื่องจากพื้นที่สวนใหญจะ เปนขาวสั้น ๆ ที่ไมใหรายละเอียดใด ๆ แตผูเสพขาวจากสำนักขาวทางเลือก เชน ประชาไท จะมีโอกาสไดรับรูขอมูลเชิงลึกไดมากกวา นอกจากนี้ ขอสังเกตที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ บทความและขาวที่ให รายละเอียดในเชิงลึกจำนวนไมนอ ยเปนบทความทีเ่ ขียนโดยองคกรเอกชนทีท่ ำงาน ดานผูลี้ภัย หรือเปนการทำรายงานขาวหรือบทความจากการจัดกิจกรรมประชุม สัมมนา และการใหขา วขององคกรเอกชนหรือนักสิทธิมนุษยชนทีท่ ำงานดานผูล ภ้ี ยั แมสื่อมวลชนจะไมมีบุคลากรจะทำงานเจาะลึกในประเด็นนี้เอง สื่อบางฉบับก็ไดให พื้นที่แกงานเขียนหรือกิจกรรมลักษณะดังกลาวพอสมควร
07
2. ผูลี้ภัยในสื่อ
08
เมื่อพิจารณาตัวตนของผูลี้ภัยที่ไดรับการนำเสนอในสื่อโดยแบงตาม ประเทศตนทางแลว พบวาผูลี้ภัยจากพมาไดรับการนำเสนอมากที่สุด รองลงมา ไดแกผูลี้ภัยจากเกาหลีเหนือ ลาว จีน และอื่น ๆ เชน บังคลาเทศ ปากีสถาน กัมพูชา เปนตน โดยในกรณีกัมพูชาจะเปนการกลาวถึงผูลี้ภัยในอดีต และในกรณี นอกเหนือจากพมาและกัมพูชา สื่อมักไมไดนำเสนอวาบุคคลดังกลาวเปนผูลี้ภัย หากมักเปนขาวการถูกจับกุมขอหาเขาเมืองผิดกฎหมายเทานั้น
แผนภูมิวงกลมที่ 2 ประเทศตนทางของผูลี้ภัย
เมือ่ พิจารณาการนำเสนอกลุม ผูล ภ้ี ยั ตาง ๆ จะพบวาสือ่ นำเสนอผูล ภ้ี ยั ที่ อยูในพื้นที่พักพิงในการดูแลของกระทรวงมหาดไทยรวมถึงพื้นที่พักพิงชั่วคราว ในชุมชนชายแดนที่มีเจาหนาที่ทหารมาดูแลในชวงสั้น ๆ เปนหลัก กรณีผูที่อยู นอกพื้นที่พักพิงในเขตเมืองและในชุมชนทั่วไปมักเปนขาวที่คนเหลานี้ถูกจับกุม ในขอหาเขาเมืองผิดกฎหมาย นอกจากนี้ มีการกลาวถึงผูลี้ภัยที่คืนถิ่นฐานแลว หรือไปตั้งถิ่นฐานใหมในประเทศที่สามแลวอยูบางเชนกัน โดยในทุกกรณีที่มิใช เปนผูลี้ภัยในพื้นที่พักพิง สื่อจะไมเรียกบุคคลหรือกลุมคนดังกลาววาเปนผูลี้ภัย ผูอพยพ ฯลฯ เลย หากจะมองเปนประเด็นผูเขาเมืองผิดกฎหมาย เชน โรฮิงยา เกาหลีเหนือ หรือมองเปนประเด็นชนกลุมนอยในไทย เชน ลาวอพยพ เปนตน
09
แผนภูมิวงกลมที่ 3 แสดงกลุมผูลี้ภัยที่ไดรับการนำเสนอ
เมื่อพิจารณาเนื้อหาที่สื่อนำเสนอเรื่องราวผูลี้ภัย จะพบวา เปนเนื้อหาที่ เกี่ยวของกับการอพยพลี้ภัยและการสงกลับผูลี้ภัยโดยตรงมากที่สุด รองลงมา จะเป น เรื ่ อ งราวเกี่ยวกับสงครามและการเมื องซึ ่ ง มี เรื ่ อ งของผู ล ี ้ ภ ั ย เป น ส วน ประกอบเล็ก ๆ และการใหความคุมครอง สิทธิ กฎหมาย นโยบาย ตามลำดับ โดยผูลี้ภัยไดรับการนำเสนอในเนื้อหาดานสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การศึกษา นอยที่สุด เชน ขาวการเตรียมงานปใหมชาวกะเหรี่ยงที่ผูลี้ภัยในพื้นที่พักพิงไม สามารถมารวมงานได หรือขาวไขหวัดใหญระบาดในพื้นที่พักพิง เปนตน
10
แผนภูมิวงกลมที่ 4 ประเภทเนื้อหาที่ผูลี้ภัยไดรับการนำเสนอ
ที่นาสังเกตก็คือ เว็บไซทขาวประชาไทซึ่งเปนสำนักขาวทางเลือกไดให ความสำคัญตอประเด็นการใหความคุมครองสิทธิและนโยบายมากถึงรอยละ 42.86 และไมไดนำเสนอผูลี้ภัยในเนื้อหาประเภทอาชญากรรมเลย ตางจากสื่อ กระแสหลักซึ่งนำเสนอเรื่องราวการใหความคุมครองสิทธิเพียงรอยละ 16.93 และ นำเสนอผูลี้ภัยในเนื้อหาเชิงอาชญากรรมไวรอยละ 13.71 โดยมักเปนขาวคดี เขาเมืองผิดกฎหมาย ประเด็นการคุมครองสิทธิและนโยบายนี้สวนใหญจะมาจาก การใหขาว เขียนบทความ หรือจัดกิจกรรมโดยองคกรเอกชนหรือนักกิจกรรม ที่ทำงานดานสิทธิผูลี้ภัย ซึ่งเว็บไซทสื่อทางเลือกจะมีพื้นที่เปดใหบทความของ ผูเขียนทั่วไปที่ไมใชผูสื่อขาวหรือนักเขียนของตนมากกวา
จากผลการศึกษาดานตัวตนของผูลี้ภัยในสื่อ ประเมินไดวา สาธารณชน ผูรับสื่อจะรูจักแตกรณีผูลี้ภัยจากพมาที่อยูในพื้นที่พักพิงที่มีเจาหนาที่รัฐดูแลเปน หลัก โดยจะไมไดรับรูวามีผูลี้ภัยอื่น ๆ อยูในสังคมไทยดวยมากนัก ซึ่งในกรณี ที่สื่อไมไดกลาววาบุคคลดังกลาวเปนผูลี้ภัย หรือผูอพยพ ฯลฯ ผูอานก็จะไมได ตระหนักถึงความเปนคน “ลี้ภัย” ของบุคคลนั้นดวย แมในเนื้อหาอาจกลาวถึง สาเหตุการเดินทางเขาประเทศไทยไวก็ตาม นอกจากนี้ แงมุมที่จะไดรับรูเรื่องราว ของผูลี้ภัยจะเปนเพียงกรณีการอพยพเขามา ผูอานจะไมไดรับรูเรื่องราวหรือ สภาพปญหาอื่น ๆ มากนัก อยางไรก็ดี ในชวงที่ผานมา สาธารณชนอาจได รับทราบถึงสาเหตุการอพยพมากขึ้น เนื่องจากมีขาวการสูรบในชายแดนพมาที่ เชื่อมโยงกับการหลั่งไหลของผูคนเขามามากขึ้นกวากอน
11
12
3. มุมมอง และความเขาใจ ของสื่อตอผูลี้ภัย
แผนภูมิวงกลมที่ 5 แสดงการใชคำเรียกผูลี้ภัยของสื่อกระแสหลัก 13
แผนภูมิวงกลมที่ 6 แสดงการใชคำเรียกผูลี้ภัยของสื่อทางเลือก
นอกจากความเขาใจของสื่อตอผูลี้ภัยไดสะทอนใหเห็นผานการนำเสนอ ของสื่อที่มักไมไดนำเสนอภาพผูลี้ภัยนอกพื้นที่พักพิงวาเปนผูลี้ภัยแลว การใชคำ เรียกประชาชนที่ตองหลบลี้หนีภัยจากประเทศตนไปยังประเทศอื่นก็นับวามีนัยยะ แสดงถึงทัศนคติและความเขาใจของผูเรียกตอคนกลุมนั้น รวมถึงความตระหนัก ตอสิทธิมนุษยชนของคนกลุมดังกลาวที่ไดรับการรับรองในระดับสากลดวย จากการศึกษาพบวา วารสารเนชั่นรายสัปดาหและเว็บไซทประชาไทจะใช คำวา “ผูลี้ภัย” เปนหลัก ซึ่งคำวา “ผูลี้ภัย” นี้ เปนคำที่ถอดมาจากเครื่องมือ/ กฎหมายระหวางประเทศที่ใชคุมครองผูลี้ภัย และเปนคำที่หนวยงานรัฐจำนวน ไมนอ ยปฏิเสธจะใชเนือ่ งจากถือวาเปนคำทีม่ นี ยั ยะทางสิทธิทจ่ี ะไดรบั ความคุม ครอง ตาง ๆ พวงติดมา สื่อกระแสหลักมักใชคำเรียกทั่ว ๆ ไป เชน ผูอพยพ ผูพลัดถิ่น ผูหนีภัย ผูอพยพหนีภัย ฯลฯ เปนหลัก และมีสวนหนึ่งที่ใชคำวา ตางดาว หรือ ผูหลบหนีเขาเมือง ทั้งนี้ ไมพบการใชคำวา “ตางดาว” ในสื่อทางเลือกเลย
14
เมือ่ พิจารณาทัง้ สือ่ ทางเลือกและสือ่ กระแสหลักรวมกัน จะพบวา สวนใหญ สื่อจะใช คำวา ผูอพยพ ผูพลัดถิ่น ผูหนีภัย ฯลฯ ซึ่งเปนคำทั่ว ๆ ไปมากกวา “ผูลี้ภัย” รองลงมาคือการไมระบุวาเปนคนกลุมใด โดยจะเลาเนื้อหาที่มาของ คนกลุมดังกลาวเฉย ๆ และชี้วาเปน ชาวพมา กะเหรี่ยง โสมแดง ฯลฯ และ อีกสวนหนึ่งจะใชคำวาผูหนีภัยจากการสูรบ ตามเอกสารทางการของรัฐไทยที่ ตีกรอบไววาจะใหความดูแลตามหลักมนุษยธรรมแกผูหลบหนีการสูรบเทานั้น โดยผูหลบหนีการสูรบนี้ไมถือวาเปนผูลี้ภัยที่จะตองไดรับการคุมครองสิทธิตาง ๆ ตามหลักสากล ขาวหรือบทความที่ใชคำวา “ผูลี้ภัย” มักเปนโคตคำพูดของ องคกรเอกชน หรือนักสิทธิมนุษยชนที่ทำงานดานผูลี้ภัย หรือเปนบทความจาก องคกรเอกชนเอง
15
แผนภูมิวงกลมที่ 7 แสดงการใชคำเรียกผูลี้ภัย ที่นาสังเกตในกรณีการใชคำเรียกผูลี้ภัยก็คือ การไมใชคำเรียกใด ๆ ที่มี อยูในสัดสวนไมนอยนั้น มองในแงมุมหนึ่งคือการไมตีตราหรือแปะปายกลุมคน คือ บอกวาเปนชาวพมา ชาวกะเหรี่ยง ชาวโรฮิงญา เปนตน แตอีกแงมุมหนึ่งก็คือ ทำใหสาธารณชนผูรับสื่อไมไดตระหนักวา มีเหตุการณการอพยพลี้ภัยและมีผูลี้ภัย ในสังคมไทย นอกเหนือจากกลุม ทีเ่ ปนขาววาหลบหนีภยั สงครามมาเปนจำนวนมาก เมื่อปลายปกอนถึงตนปนี้นั่นเอง
แผนภูมิวงกลมที่ 8 แสดงบทบาทของผูลี้ภัยในเรื่องราวในสื่อ
16
เมื่อพิจารณาบทบาทของผูลี้ภัยที่ไดรับการนำเสนอในสื่อ พบวาผูลี้ภัย ไดรับการนำเสนอในฐานะเปนผูถูกกระทำหรือไดรับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งเมื่อ เปรียบเทียบกับแรงงานขามชาติแลวพบวา ผูลี้ภัยไดรับการนำเสนอในแงมุมนี้ มากกวาแรงงานขามชาติถงึ ราว 3 เทา โดยแรงงานขามชาติไดรบั การนำเสนอ วาเปนผูกระทำผิดมากกวาผูลี้ภัยถึง 4 เทา ในกรณีการกระทำผิดนั้น ผูลี้ภัยมัก ไดรับการนำเสนอวากระทำผิดในขอหาหลบหนีเขาเมือง ยาเสพติด และกอความ เดือดรอนใหแกชมุ ชนรอบดาน ทีน่ า สังเกตก็คอื ผูล ภ้ี ยั ยังไดรบั การนำเสนอวาเปน ผูท ไ่ี ดรบั ประโยชนในสัดสวนใกลเคียงกันกับการเปนผูกระทำผิด และไมไดรับการ นำเสนอวาเปนผูทำประโยชนเลย ในกรณีที่เปนผูไดรับประโยชนนั้น สวนหนึ่ง จะเปนการนำเสนอในเชิงลบ คือกลาววาเปนภาระ ซึง่ การนำเสนอวาผูล ภ้ี ยั เปนภาระ และกอความเดือดรอนใหแกชุมชนนั้น ทั้งหมดเปนการโคตคำพูดของเจาหนาที่รัฐ ฝายตาง ๆ สำหรับรูปแบบการใชสำนวนภาษาในการนำเสนอ พบวาสวนใหญแลว สื่อจะนำเสนอภาพผูลี้ภัยอยางเปนกลาง กลาวคือ ใชภาษาในการรายงานขาว อยางตรงไปตรงมา รองลงมาจะเปนการนำเสนอโดยใชสำนวนภาษาและเลาเรื่อง ในเชิงบวกวากลุมเปาหมายนาเห็นใจ อยางไรก็ดี มีการนำเสนอดวยสำนวนภาษา ในเชิงลบอยูดวยไมนอย โดยมักเปนการใชถอยคำที่ทำใหเกิดความรูสึกรุนแรง ให ความรูสึกวาผูลี้ภัยนากลัว เปนภัยอันตราย หรือเปนภาระ เชน “เกาหลีเหนือ ทะลัก” “ลั่นไมเปดศูนยอพยพ เหตุเพราะแบกรับไมไหว” เปนตน นอกจากนี้ยังพบ การนำเสนอโดยใชภาษาเรียกผูลี้ภัยวา “ตางดาว” หรือนำเสนอวา “ทหารไทย
เขาควบคุมผูลี้ภัยชาวพมาที่หลบหนีการสูรบมา” ซึ่งการใชคำวาควบคุมมีนัยยะ วากลุมคนดังกลาวตองไดรับการ “ควบคุม” เพราะเปนอันตราย หรืออาจกอ ความวุนวาย อยางไรก็ดี ที่นาสนใจก็คือ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหวาง สื่อกระแสหลักและสื่อทางเลือกแลว ไมพบสื่อทางเลือกนำเสนอผูลี้ภัยในรูปแบบ การใชสำนวนภาษาที่เปนลบเลย
แผนภูมิวงกลมที่ 9 แสดงรูปแบบการใชสำนวนภาษานำเสนอ ที่นาสังเกตคือความผิดพลาดของขาวที่มาจากพาดหัวขาวกับเรื่องไมตรง กัน เชน พาดหัววา UNHCR ระบุปดศูนยอพยพ แตในเนื้อขาวไมไดมีเนื้อหา ดังกลาว เปนเพียงวา ตัวแทน UNHCR ตอบวาตนไมเกี่ยวของกับการที่รัฐบาล ไทยกลาววาจะปดศูนย หรือ พาดหัวขาววาชาวบานกะเหรี่ยงไทยไมพอใจผูลี้ภัย แตในตัวขาวกลับเปนการใหสัมภาษณของชาวบานในทวงทำนองเห็นอกเห็นใจ และเขาใจปญหาของผูลี้ภัย ทั้งนี้ ในสื่อทางเลือก จะไมพบการใหบริบทขอมูลที่ผิด จากผลการศึกษามุมมองและความเขาใจของสื่อตอผูลี้ภัย พบวา สื่อมวลชนที่นำเสนอขาวยังขาดความเขาใจในประเด็นและขาดความออนไหวใน การใชชื่อเรียก จึงประเมินไดวา สาธารณชนผูรับสื่อจะมีความคุนเคยและเขาใจ ผูลี้ภัยนอยมากเชนกัน เวนแตผูที่ติดตามสื่อทางเลือกเชนเว็บไซทขาวประชาไท นอกจากนี้ สาธารณชนจะไดรับมุมมองที่สะทอนผานการนำเสนอของสื่อวา ผูลี้ภัยเปน “เหยื่อ” หรือผูพึ่งพา ซึ่งแมไมมีพิษภัยแตก็เปนภาระที่ไมไดสราง ประโยชนตอสังคม ในขณะที่อีกดานหนึ่งก็อาจไดรับมุมมองที่สะทอนนัยยะของ ความเปน “อันตราย” ของผูลี้ภัยที่ทะลักหลบหนีเขาเมืองมาและตองถูกควบคุม ไวดวย
17
18
4. ขอเสนอแนะ ตอองคกรเอกชน ที่ทำงานดานผูลี้ภัย
เมือ่ องคกรเอกชนเขาใจขอจำกัดและทิศทางของสือ่ มวลชนแลว ก็สามารถ ดำเนินการไดสามทิศทาง คือ ทิศทางที่จะพยายามสรางสัมพันธกับสื่อมวลชน กระแสหลัก ทิศทางทีจ่ ะใชประโยชนกบั สือ่ ทางเลือกตาง ๆ และทิศทางทีจ่ ะทำงาน สื่อสารสาธารณะของตนเอง การทำงานกับสื่อมวลชนในเชิงสรางสรรคและเปนมิตร อาจเนนการให ขอมูล อำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่ โดยเฉพาะเพื่อหาชองทางใหสื่อได เขาถึงตัวผูลี้ภัย และไดรับฟงความคิดเห็นของผูลี้ภัย อันเปนประเด็นหลักที่มัก ขาดหายไปในสื่อ อีกทั้งอาจหาหนทางทำงานรวมกับชมรมวิชาชีพสื่อมวลชน เพื่อ เผยแพรความรูความเขาใจดานผูลี้ภัยตอสื่อมวลชนรุนใหมและสื่อทองถิ่น ซึ่งเปน งานที่ตอ งกระทำโดยสม่ำเสมอ เนือ่ งจากผูส อ่ื ขาวมักจะเปลีย่ นหนาไปเรือ่ ย ๆ การสานสัมพันธเชิงรุกกับสื่อมวลชนบางฉบับหรือ บางรายมีความจำเปนเพื่อ จะไดคอยใหขอมูลและติชมอยางสรางสรรคในกรณีสื่อใหขอมูลผิดพลาด หรือใช ถอยคำไมเหมาะสม อยางไรก็ดี สื่อกระแสหลักก็ยังติดขัดกับการนำเสนอขาวที่จะตองเนน ความหวือหวาและเปนกระแส องคกรเอกชนจึงอาจใชชองทางสื่อทางเลือกให เปนประโยชนดว ย แมผรู บั สารของสือ่ ทางเลือกจะมีจำนวนและความหลากหลาย
19
จำกัดกวา แตก็เปนพื้นที่ที่เปดใหมีการเผยแพรขอมูลระดับลึกและขอมูลเชิงบวก การใชชองทางสื่อทางเลือกนั้นสวนใหญแลวองคกรเอกชนตองทำชิ้นบทความ ไปดวยตนเอง ดังนั้นหมายความวา องคกรเอกชนจะตองใหความสำคัญกับงาน สื่อสารเพียงพอที่จะมีเจาหนาที่ที่สามารถผลิตบทความรูปแบบตาง ๆ ออกมาได สม่ำเสมอ ประการสุดทาย การพึ่งพาสื่อไมวากระแสหลักหรือสื่อทางเลือกก็มีขอ จำกัดมากมาย เนื่องจากพื้นที่ที่มีใหมักตองเปนประเด็นที่ทันตอสถานการณ และขึ้นอยูกับความสนใจของผูสื่อขาวหรือผูบริหารของสื่อนั้น ๆ ดวย สื่อมวลชน เองก็ถือเปนหนึ่งในสาธารณชนที่รับขอมูลขาวสารในสังคม ดังนั้น องคกรเอกชน ควรมีงานสือ่ สารของตนเอง โดยมีเปาหมายเปนสาธารณชนและบุคลากรสือ่ มวลชน เพื่อโนมนาวใหสื่อหันมาสนใจงานดานผูลี้ภัย
20
งานสื่อสารที่จะโนมนำใหผูคนหันมาสนใจงานผูลี้ภัย อาจมิใชเพียงขาว หรือบทความที่เขมขนดวยเนื้อหา หรือการจัดกิจกรรมประชุมสัมมนา หากยังมี การสื่อสารหลายชองทาง ทั้งที่เปนลายลักษณอักษร เสียง ภาพ หลายรูปแบบ ทั้งที่เปนเชิงวิชาการ ศิลปะวัฒนธรรมหรือบันเทิง และเนื้อหา ทั้งในเชิงลึกเพื่อ กระตุนใหเกิดการรับรู (aware) หรือใหรูสึก (feel) กับประเด็นดวย บทเรียนความ ลมเหลวของการสื่อสารสาธารณะปญหาสังคมกับสังคมไทยโดยใชกระบวนการที่ “หนัก” คือเปน “ขาว” และ “เปนวิชาการ” ควรไดรับการนำมาวิเคราะหและ ปรับแก เพื่อนำไปสูการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ องคกรเอกชนจะตอง ใหความสำคัญกับงานสื่อสารสาธารณะเปน “งานหลัก” ควบคูไปกับการผลักดัน เชิงนโยบาย งานมนุษยธรรม และงานเชิงพัฒนารูปแบบตาง ๆ เนื่องจากความ เขาใจอันดีของสังคมไทยเปนปจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนการทำงานเพื่อสิทธิของ ผูลี้ภัยทั้งปวง