โครงงานการพัฒนาวีดีโออารต เพื่อสรางมิติเชิงบวกของจังหวัดปตตานี
โดย นายฮาซัน ตาเละ
โครงงานนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบและสรางสรรคสื่อ คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร วิทยาเขตปตตานี ปการศึกษา 2559
โครงงานการพัฒนาวีดีโออารต เพื่อสรางมิติเชิงบวกของจังหวัดปตตานี
ฮาซัน ตาเละ
โครงงานนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบและสรางสรรคสื่อ คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร วิทยาเขตปตตานี ปการศึกษา 2559
คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร วิทยาเขตปตตานี อนุมัติใหโครงงาน เรื่ อ ง“การพั ฒ นาการพั ฒ นาวี ดี โ ออาร ต เพื่ อ สร า งมิ ติ เ ชิ ง บวกของจั ง หวั ด ป ต ตานี ” เสนอโดย นายฮาซั น ตาเละ เป น ส ว นหนึ่ ง ของการศึ ก ษาตามหลั ก สู ต รปริ ญ ญาศิ ล ปศาสตร บั ณ ฑิ ต สาขานวัตกรรมการออกแบบและสรางสรรคสื่อ ………………………………. (ผูชวยศาสตราจารย ดร.วลักษณกมล จางกมล) คณบดีคณะวิทยาการสื่อสาร วันที่.........เดือน.......................พ.ศ........... อาจารยที่ปรึกษาโครงงาน ...................................................... (อาจารยชนกิตติ์ ธนะสุข) ........../.........................../............... คณะกรรมการตรวจโครงงาน ……………………………………………..ประธานกรรมการ (อาจารยบัดรูดิง ขาลี) ........./.........................../............... …………………………………………….กรรมการ (อาจารยเกวภร สังขมาศ) ............/......................../............... ……………………………………………..กรรมการ (ดร.กําธร เกิดทิพย) ............/......................../.............. ………………………………………………กรรมการ (ผูชวยศาสตราจารยสทิ ธิกร เทพสุวรรณ) ............/......................../..............
ค
5620610002 คําสําคัญ ฮาซัน ตาเละ อาจารยที่ปรึกษาโครงงาน
: สาขานวัตกรรมการออกแบบและสรางสรรคสื่อ : โครงงานการพัฒนาวีดีโออารต : การพัฒนาการพัฒนาวีดีโออารต เพือ่ สรางมิติเชิงบวก ของจังหวัดปตตานี : อาจารยชนกิตติ์ ธนะสุข
บทคัดยอ การจัดทําโครงงานเรื่องการพัฒนาการพัฒนาวีดีโออารต เพื่อสรางมิติเชิงบวกของจังหวัด ปตตานี มีวัตถุประสงคในการ ศึกษาแนวทางและการสรางวีดีโอพรีเซนในรูปแบบของวีดีโออารตและ นําเสนอปตตานีในมิติอื่นๆในเชิงบวก ในมุมมองที่แตกตางจากสื่อกระแสหลัก เพื่อสรางภาพลักษณทดี่ ี และเปนแนวทางหนี่งในการสงเสริมการทองเที่ยวของจังหวัดปตตานี แหล ง ข อ มู ล ที่ ใ ช ใ นการจั ด ทํ า โครงงานมาจากการศึ ก ษาค น คว า ข อ มู ล ทั้ ง ภาคเอกสาร วีดีโออารตของตางประเทศ การสัมภาษณผูรูดานการตัดตอวีดีโอ เครื่องมือที่ใชในการจัดทําโครงงานคือการสอบถามความเห็นจากผูเชี่ยวชาญที่ทํางานจริง ดานวีดีโอและอุปกรณการถายทําวีดีโอ ผลงานการทดลองสามารถสรุปออกมาเปนผลงานสื่อผสมดังนี้ วีดีโออารตความยาว 5 นาที 52 วินาที วีดีโอเบื้องหลังความยาว 1 นาที 49 วินาที
ง
กิตติกรรมประกาศ รายงานการทําโครงการฉบับสมบูรณฉบับนี้ สําเร็จไดดวยความชวยเหลือจากบุคคลหลายๆ ท า นเป น อย า งดี ผู จั ด ทํ า ขอขอบพระคุ ณ คณะกรรมการคุ ม สอบโครงงาน คณาจารย ส าขา นวั ต กรรมการออกแบบและสรางสรรค สื่อ คณะวิ ท ยาการสื่ อสาร มหาวิ ท ยาลัย สงขลานครินทร วิทยาเขตปตตานี 1. อาจารยชนกิตติ์ ธนะสุข 2. อาจารยบัดรูดิง ขาลี 3. ผศ.สิทธิกร เทพสุวรรณ 4. ดร.กําธร เกิดทิพย 5. อาจารยเกวภร สังขมาศ 6. อาจารยภักดี ตวนศิริ 7. อาจารยศุภราภรณ ทวนนอย และขอขอบพระคุณผูเชี่ยวชาญ อาจารยรณรงค บุตรทองแกว , ที่เสียสละเวลาใหขอคิดเห็น ใหขอมูล และสัมภาษณทําใหโครงงานครั้งนี้บรรลุวัตถุประสงคไปดวยดี ตลอดจนบุคคลทานอื่นที่ไมได กลาวนามทุกทานที่ไดใหคําแนะนําชวยเหลือในการทําโครงงาน การจัดทํารายงาน และ นําเสนอ ผลงาน เพื่อเปนแนวทางในการปฏิบัติในอนาคต และขอขอบคุณหางหุนสวนจํากัด ไอดีโอซีนีมาโท กราฟฟ ที่เอื้อเฟออุปกรณถายทําภาพยนตร อยางมืออาชีพ ในการถายทําวีดีโออารตครั้งนี้ ขอขอบพระคุณอาจารยชนกิตติ์ ธนะสุข อาจารยที่ปรึกษาโครงงานเปนอยางสูงที่ไดกรุณา ใหคําปรึกษาและคําแนะนําในการทําโครงงานครั้งนี้ ทายนี้ ผูจัดทําโครงงานขอขอบคุณคณาจารยและเพื่อนๆ สาขานวัตกรรมการออกแบบ และ สรางสรรคสื่อ รุนที่ 9 ทุกคน ที่คอยแนะนํา ใหกําลังใจซึ่งกันและกันมาโดยตลอด สิ่งสําคัญที่สุดขอขอบคุณพอ คุณแมและครอบครัว ที่คอยใหกําลังใจและคําแนะนําเสมอมา
ฮาซัน ตาเละ
จ
สารบัญ บท บทคัดยอ กิตติกรรมประกาศ สารบัญ สารบัญภาพ สารบัญตาราง บทที่ 1. บทนํา 1.1 ที่มาและความสําคัญ 1.2 วัตถุประสงคของการศึกษา 1.3 ขอบเขต 1.4 ขั้นตอนการทําโครงงาน 1.5 ระยะเวลาการดําเนินงาน 1.6 ประโยชนที่คากวาจะไดรับ 1.7 ทรัพยากรที่ใชในการจัดทําโครงงาน 1.8 นิยามศัพทเฉพาะ 1.9 ทรัพยากรที่ใชในการทําโครงงาน 2. ทฤษฎีและเอกสารที่เกี่ยวของ 2.1. ขอมูลจังหวัดปตตานี 2.2. ความหมายของวีดโี อ 2.3. ประเภทของวีดีโอ 2.4. วีดีโออารต 2.5. ขั้นตอนการผลิตวีดีโอ 2.6. สัญญะศาสตร 2.7. การกําหนดอารมณของงาน 2.8. ขนาดภาพและมุมกลอง 2.9. การจัดองคประกอบภาพ (Composition)
หนา ค ง จ ช ฌ 1 1 2 2 2 3 3 3 4 4 5 5 17 20 21 22 23 26 31 35
ฉ
3. ขั้นตอนการดําเนินงาน 3.1 ขั้นตอน Pre-Production 3.2 ขั้นตอน (Production) 3.3 ขั้นตอนหลังการถายทํา (Post Production) 3.4 การพัฒนางานจากความคิดเห็นของผูเชี่ยวชาญ 4. ผลการดําเนินงาน 4.1 ผลที่ไดจากการดําเนินโครงงาน 4.2 ผลการวิเคราะหผลงาน 5. สรุปผลและขอเสนอแนะ 5.1 ผลการทดลอง 5.2 ปญหาที่พบ 5.3 ขอเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก ประวัติผูจัดทําโครงงาน
40 41 44 45 49 50 50 53 55 55 55 56 57 59 63
ช
สารบัญภาพ ภาพ
หนา
ภาพที่ 1 ศาลเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว ภาพที่ 2 มัสยิดกลางปตตานี ภาพที่ 3 แหลมตาชี ภาพที่ 4 งานสมโภชเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว ภาพที่ 5 การแสดงปนจักศิลัต ภาพที่ 6 ขาวยํา ภาพที่ 7 มะตะบะ ภาพที่ 8 ฟลมภาพยนตร ภาพที่ 9 Frame rate ภาพที่ 10 กองถาย ภาพที่ 11 วีดีโออารต ภาพที่ 12 สัญญะศาสตร ภาพที่ 13 Mood Board ภาพที่ 14 สัณลักษณ ภาพที่ 15 Mood & tone ภาพที่ 16 Layout ภาพที่ 17 สี ภาพที่ 18 Typography ภาพที่ 19 จุดตัด9ชอง ภาพที่ 20 จุดตัด9ชอง ภาพที่ 20 จุดตัด9ชอง ภาพที่ 21 ชัดลึกและชัดตื้น ภาพที่ 22 Perspective ภาพที่ 23 วีดีโออารต ภาพที่ 24 Moodboard ภาพที่ 25 เบื้องหลังการถายทํา
6 7 9 10 13 15 16 18 19 20 21 23 26 27 28 29 29 30 36 37 37 38 39 41 43 44
ซ
ภาพที่ 26 เบื้องหลังการถายทํา ภาพที่ 27 เบื้องหลังการถายทํา ภาพที่ 28 เบื้องหลังการถายทํา ภาพที่ 29 เบื้องหลังการถายทํา ภาพที่ 30 เบื้องหลังการถายทํา ภาพที่ 31 เบื้องหลังการถายทํา ภาพที่ 32 ขั้นตอนการใส Visual Effect ภาพที่ 33 ขั้นตอนการ Mix เสียง ภาพที่ 34 ขั้นตอนการการแตงสีภาพ ภาพที่ 35 ขั้นตอนการการ Export ภาพที่ 36 ภาพปกผลงาน ภาพที่ 37 ภาพจากชิ้นงาน ภาพที่ 38 ภาพจากชิ้นงาน
44 44 45 45 46 46 47 47 48 48 50 51 52
ฌ
สารบัญตาราง ภาพ ตารางที่ 1 ระยะเวลาในการดําเนินงาน ตารางที่ 2 การวิเคราะหอารมณ ตารางที่ 3 ตารางผลการวิเคราะหผลงาน
หนา 3 42 54
1
บทที่1 บทนํา 1.1 ที่มาและความสําคัญ สังคมปจจุบันผูบริโภคสื่อลวนตกอยูในภายใตอํานาจการโนมนาวของสื่อมัลติมีเดีย อาทิเชน สื่อโฆษณา ภาพยนตร หรือแมแตขาวสารที่นําเสนอ ลวนมีการปรุงแตงเนื้อหาใหดูนาสนใจ จึงทําให เราตองใชวิจารณญาณในการรับสื่อมากขึ้น ท า มกลางกระแสความขั ด แย ง ของสั ง คมและป ญ หาต า งๆ ที่ เกิ ด ขึ้ นอยู ทุ ก วั นนี้ นั บได ว า สื่อมวลชนเขามาเกี่ยวของเสมอและเปนตัวอีกตัวแปรหนึ่งที่จะกําหนดทิศทางของปญหานั้นๆ ซึ่ง ตองยอมรับวาปจจุบันสื่อมีอิทธิพลตอการดําเนินชีวิตของทุกคนเทียบทุกดาน จากปจจัยดังกลาวนี่เอง อิทธิพลของสื่อจึงยอมที่จะกอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงไดในทุกๆ ภาคสวนของสังคมไมวาจะเปนสังคม เมืองหรือแมแตในสังคมชนบทก็ตาม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นยอมที่จะเกิดขึ้นไดทั้งทางที่ดีขึ้นและ ทางที่แยลง ความวุนวา7ยในสังคมไทยทุกวันนี้ อิทธิพลของสื่อก็มีสวนเกี่ยวของไมวาดานการเมือง เศรษฐกิจ สื่อลวนกลายเปนปจจัยสําคัญและบอยครั้งที่สื่อกลายเปนประเด็นสําคัญของปญหานั้นๆ เชนการนําเสนอขาวทามกลางวิกฤตของสังคมเต็มไปดวยความขัดแยงทางดานความคิดและตองการ เอาชนะ ไม ว า จะเป นสถานการณท างภาคใตที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้ นเรื่อ ยๆ ทหาร ตํารวจ ชาวบานทั้งไทยพุทธและมุสลิม ทําใหประชาชนและผูบริสุทธิ์หลายคนตองสังเวยเสียชีวิต จนทําให หลายๆ คนอดที่จะตั้งคําถามไมไดวาเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยของเรา ทําไมเหตุการณในภาคใต นับวันจะรุนแรงและไมมีทีทาที่ยุติ สถานการณในสามจังหวัดชายแดนภาคใต ยังคงเปนเปนประเด็นสําคัญที่สื่อกระแสหลักได นํ า เสนอออกมาในรู ปแบบของข าว ไม ว า จะเป นทางหนั งสื อพิม พหรือช องโทรทัศน เป นประเด็น ที่ ข ายได แ ละคนส ว นใหญ ใ ห ค วามสนใจเป น อย า งมาก จึ ง ทํ า ให ข า วที่ นํ า เสนอออกมาจาก สื่อกระแสหลักจะเปนขาวที่นําเสนอเฉพาะเรื่องความรุนแรงในพื้นที่ จนทําใหรูสึกวาราวกับวาภาคใต ของเราตกอยูภาวะสงคราม ซึ่งเปนตนเหตุที่ทําใหเกิดความอคติของคนนอกพื้นที่ตอ สาม จังหวัดชายแดนภาคใต สงผลใหเศรษฐกิจในสามจังหวัดมีความซบเซาลงอยางมาก ในปจจุบันวีดีโออารตในตางประเทศ ไดรับความนิยมเปนอยางมากในการนําเสนอวิถีชีวิตใน ชุมชน ความสวยงามของสถานที่ ความอรอยของอาหาร ฯลฯ เนื่องจากการเลาเรื่องที่เปนเอกลักษณ ของวีดีโออารตสามารถสรางอารมณรวมใหกับผูชมไดเสมือนไปสัมผัสดวยตัวเอง 1
2
ดวยอิทธิพลของสื่อที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงตอสังคมเรา ผูจัดทําโครงงานจึงใชสื่อวีดอี ารต ในการนําเสนออีกหลายๆมิติของจังหวัดปตตานี อาทิเชน สถานที่ทองเที่ยว ศิลปะการแสดง อาหาร วิถีชีวิต ความหลายหลาย ฯลฯ เพราะจังหวัดปตตานีเปนสวนหนึ่งของสามจังหวัดชายแดนภาคใต ในฐานะคนในพื้ น ที่ เกิ ด ที่ นี่ และเติ บโตที่ นี่ ต อ งการเผยแพรใ ห ค นนอกพื้นที่ ได สั มผั ส กับมิติใหม ของสามจังหวัดชายแดนภาคใตที่พวกเขายังไมเคยสัมผัสมากอน โดยผานการเลาเรื่องในรูปแบบของ วีดีโออารต ซึ่งเปนเทคนิคเลาเรื่องผานภาพเคลื่อนไหวที่สามารถสงความรูสึกผานกระบวนการถายทํา เรียบเรียงภาพอยางลงตัว
1.2 วัตถุประสงค -ศึกษาแนวทางและการสรางวีดีโอพรีเซนในรูปแบบของวีดีโออารต -นําเสนอปตตานีในมิติอื่นๆในเชิงบวก และมุมมองที่แตกตางจากสื่อกระแสหลัก -สรางภาพลักษณที่ดีและเปนแนวทางหนี่งในการสงเสริมการทองเที่ยวของจังหวัดปตตานี
1.3 ขอบเขตโครงงาน 1.3.1 เนื้อหาในจังหวัดปตตานี 1.3.1.1 สถานที่ทองเที่ยว 1.3.1.2 ศิลปะการแสดง การตอสู และการละเลน 1.3.1.3 อาหารที่ขึ้นชื่อ 1.3.1.4 วิถีชีวิต และวัฒนธรรม 1.3.1.5 ศาสนา ความเชื่อ และความหลากหลาย 1.3.2 ความยาวงานประมาณ 4-5 นาที
1.4 ขั้นตอนการทําโครงงาน 1.4.1 Pre-Production 1.4.1.1 คนควาขอมูลเกี่ยวกับจังหวัดปตตานี 1.4.1.2 ศึกษาแนวทางและวิเคราะหวีดีโออารต 1.4.1.3 การสราง Mood Board 1.4.1.4 การออกแบบเคาโครงเรื่อง 1.4.2 Production 1.4.2.1 ถายทํา
3
1.4.3 Post-Production 1.4.3.1 Editing 1.4.3.2 Visual Effect 1.4.3.3 Sound Mix 1.4.3.4 Colorist 1.4.3.5 Final Editing 1.4.3.6 Rendering
1.5 ระยะเวลาการดําเนินงาน ลําดับ
กิจกรรม
1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8.
คนควาขอมูล ศึกษาแนวทางและวิเคราะหวีดีโออารต การออกแบบเคาโครงเรื่อง ถายทํา เรียบเรียง-ตัดตอ ปรับแก ประเมินผลงาน จัดแสดงนิทรรศการ ตารางที่1 ตารางการดําเนินงาน
ส.ค.
1.6 กลุมเปาหมาย -กลุมเปาหมายหลัก คนนอกพื้นที่อายุระหวาง 25-30 ป -กลุมเปาหมายรอง บุคคลทั่วไปที่สนใจจังหวัดปตตานี
1.7 ประโยชนที่ไดรับ -ไดศึกษาแนวทางการสรางวีดีโอพรีเซนในรูปแบบของวีดีโออารต -ผูชมไดสัมผัสมิติใหม ในเชิงบวกของจังหวัดปตตานีที่สื่อกระแสหลักไมไดนําเสนอ -จังหวัดปตตานีมีภาพลักษณที่ดีขึ้น
ก.ย.
ต.ค.
พ.ย.
4
1.8 นิยามศัพทเฉพาะ วีดีโอพรีเซน คือการสื่อสารเพื่อเสนอขอมูลไปสูผูรับสารผานสื่อวีดีโอ วีดีโออารต คือศิลปะการเลาเรื่องดวยภาพเคลื่อนไหว ที่ใชเทคนิคการทําแบบใหมที่เพิ่มความ นาสนใจของเนื้อหาที่นําเสนอมากขึ้น
1.9 ทรัพยากรที่ใชในการทําโครงงาน 1.9.1 ดานฮารดแวร (Hardware) - อุปกรณการถายทํา - คอมพิวเตอรโนตบุค 1.9.2 ดานซอฟทแวร (Software) -Adobe Photoshop CC 2015 -Adobe Illustrator CC 2015 -Adobe Premiere Pro CC 2015 -Adobe After Effects CC 2015 -Adobe Audition CC 2015 -Adobe Media Encoder CC 2015
5
บทที่ 2 ทฤษฎีและเอกสารที่เกี่ยวของ การทําโครงงานครั้งนี้ ผูจัดทําโครงงานเรื่อง การพัฒนาวีดีโออารต เพื่อสรางมิติเชิงบวก ของจั ง หวั ด ป ต ตานี ได ศึ ก ษาเอกสารและงานวิ จั ย ที่ เ กี่ ย วข อ งเพื่ อ ประโยชน ก ารทํ า โครงงาน โดยแบงไดดังนี้ 2.1. ขอมูลจังหวัดปตตานี 2.1.1.ดานสถานที่ทองเที่ยว 2.1.2.ดานวิถีชีวติ และวัฒนธรรม 2.1.3.ดานศิลปะการแสดง 2.1.4.ดานอาหารประจําถิ่น 2.2. ความหมายของวีดโี อ 2.3. ประเภทของวีดีโอ 2.4. วีดีโออารต 2.5. ขั้นตอนการผลิตวีดีโอ 2.5.1.ขั้นตอนกอนผลิต Pre-Production 2.5.2.ขั้นตอนการถายทํา Production 2.5.3.ขั้นตอนหลังการถายทํา Post-Production 2.6. สัญญะศาสตร 2.7. การกําหนดอารมณของงาน (Moodboard) 2.8. ขนาดภาพและมุมกลอง 2.9. การจัดองคประกอบภาพ (Composition)
2.1. ขอมูลจังหวัดปตตานี 2.1.1.ดานสถานที่ทองเที่ยว หาดแฆแฆ อยูหางจากตัวจังหวัดประมาณ 43 กิโลเมตร คําวา “แฆแฆ” เปนภาษามลายู ทองถิ่น (ภาษายาวี) มีความหมายวา อึกทึกครึกโครม อยูในทองที่ตําบลน้ําบอ ตั้งอยูหางจากหาดราช รักษประมาณ 2 กิโลเมตร จุดเดนของหาดแฆแฆคือเปนชายหาดที่มีโขดหินแกรนิตขนาดใหญ ลักษณะ
5
6
แปลกตาสวยงาม บนเนินเขามีศาลาพักผอนและเปนจุดชมทิวทัศนที่สวยแหงหนึ่งของอําเภอปะนาเระ หาดตะโละกาโปร ตั้ ง อยู หา งจากตั ว เมื อ งป ต ตานี ต ามทางหลวงหมายเลข 42 (ป ต ตานี นราธิวาส) เลี้ยวซายเขาอําเภอยะหริ่ง ขามคลองยามูตามสะพานคอนกรีตขนาดใหญ ผานพื้นที่สวน ปาชายเลนและหมูบานไปจนถึงทางแยกเขาสูหาด รวมระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร หาดตะโละ กาโปรเปนหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดปตตานี เคยประกวดแหลงทองเที่ยว 5 จังหวัด ชายแดนภาคใต ไดที่ 2 ประเภทแหลงทองเที่ยวธรรมชาติ ประจําป 2529 หาดตะโละกาโปรเปนหาดทรายขาวสะอาด ขนานกับชายฝงทะเล มีเรือกอและของชาวประมงจอดอยูเปนจํานวนมาก หาดทรายแหงนี้งอกยาว ออกไปเรื่อยๆ เพราะเกิดจากกระแสน้ําพัดเอาตะกอนทรายมาทับถมพอกพูน เหมาะแกการไปนั่ง พักผอนชมความสวยงาม มีทิวสนและตนมะพราวใหความรมรื่นสวยงาม
ภาพที่ 1 ศาลเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว
ศาลเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว หรือ ศาลเจาเลงจูเกียง ตั้งอยูเลขที่ 63 ถนนอาเนาะรู ตําบลอาเนาะ รู เปนศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลักของเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจาแมทับทิม ในวันขึ้น 15 ค่ํา เดือน 3 ของทุกปจะมีงานประเพณีแหเจาแมลิ้มกอเหนี่ยวไปตามถนนสายตาง ๆ ภายในตัวเมือง ปตตานีทําพิธีลุยไฟบริเวณหนาศาลเจาเลงจูเกียง วายน้ําขามแมน้ําตานีบริเวณสะพานเดชานุชิต ใน งานนี้มีผูที่เคารพศรัทธามารวมงานเปนจํานวนมาก
7
วัดชางใหราษฎรบูรณาราม ตั้งอยูที่บานปาไร ตําบลทุงพลา ริมทางรถไฟสายหาดใหญ-สุไหง โก-ลก ระหวางสถานีนาประดูกับสถานีปาไร หางจากตัวเมืองประมาณ 31 กิโลเมตร การเดินทางใช เสนทางหลวงสาย 42 (ปตตานี-โคกโพธิ์) ผานสามแยกนาเกตุ ตรงไปตามเสนทางหลวงหมายเลข 409 (ปตตานี-ยะลา) ผานชุมชนเทศบาลนาประดูและศูนยฝกอาชีพ (วัดชางให) ไปจนถึงทางแยกเพื่อเขาสู วัดชางใหอีกประมาณ 700 เมตร วัดนี้เปนวัดเกาแกที่สรางขึ้นมากวา 300 ปมาแลว แตไมทราบแนชัด วาผูใดเปนผูสรางภายในวิหารมีรูปปนหลวงปูทวดเทาองคจริงประดิษฐานอยู นอกจากนี้ยังมีสถาปตยกรรมของสถูป เจดีย มณฑป อุโบสถ และหอระฆัง ที่งดงามเปนอยาง ยิ่ง หลวงปูทวดวัดชางให เปนผูมีความสามารถในการศึกษาเลาเรียนพระปริยัติธรรมและดา นเวท มนตรคาถาตางๆ เลากันวาทานไดแสดงอิทธิปาฏิหารยเปนที่ประจักษแกสายตาผูคน เชนครั้งที่ทาน เดินทางไปกรุงศรีอยุธยาดวยเรือสําเภา ระหวางทางเกิดพายุ จนกระทั่งขาวปลาและอาหารตลอดจน น้ําดื่มตกลงทะเลไป ลูกเรือรูสึกกระหายน้ํามาก หลวงปูทวดจึงไดแสดงอภินิหารหยอนเทาลงไปใน ทะเล ปรากฏวาน้ําในบริเวณนั้นไดกลายเปนน้ําจืด และดื่มกินได ตั้งแตนั้นมาชื่อเสียงของทานก็ขจร ขจายไปทั่ว และตอมาหลวงปูทวดไดมรณภาพที่ประเทศมาเลเซีย แลวไดนําพระศพกลับมาที่วัดชาง ให งานประจําปในการสรงน้ําอัฐิหลวงปูทวดวัดชางใหคือ แรม 1 ค่ํา เดือน 5 วัดชางใหเปดใหเขาชม ทุกวัน เวลา 08.00 - 17.00 น.
ภาพที่ 2 มัสยิดกลางปตตานี
8
มัสยิดกลางจังหวัดปตตานี ตั้งอยูที่ถนนยะรัง เสนทางยะรัง-ปตตานี ในเขตเทศบาลเมือง ป ต ตานี ซึ่ ง สร า งในป พ.ศ. 2497 ใช เ วลาดํ า เนิ น การสร า งประมาณ 9 ป และทํ า พิ ธี เ ป ด โดย จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2506 เพื่อใหเปนศูนยกลางในการประกอบ ศาสนกิจ ของชาวไทยมุสลิมในภาคใต เปนสถาปตยกรรมแบบตะวันตกมีรูปทรงคลายกับทัชมาฮาลของอินเดีย ตรงกลางอาคารมียอดโดมขนาดใหญและมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยูสองขาง บริเวณดานหนา มัสยิดมีสระน้ําสี่เหลี่ยมขนาดใหญ ภายในมัสยิดมีลักษณะเปนหองโถง มีระเบียงสองขางภายในหอง โถงดานในมีบัลลังกทรงสูงและแคบ ศาลหลักเมืองจังหวัดปตตานี สราง เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2494 สมัยพระยารัตน ภักดีเปนผูวาราชการจังหวัด ศาลหลักเมืองแหงนี้เปนที่เคารพสักการะของชาวเมือ งปตตานี และ นักทองเที่ยว จะพากันไปสักการะเพื่อความเปนสิริมงคลเสมอ มัสยิดกรือเซะ ตั้งอยูริมถนนสายปตตานี-นราธิวาสหรือทางหลวงแผนดินสาย 42 บริเวณ บานกรือเซะ หางจากตัวเมืองปตตานีประมาณ 7 กิโลเมตร ลักษณะการกอสรางมัสยิดแหงนี้เปนแบบ เสากลมกออิฐปูนแบบศิลปะทางตะวันออกกลาง สวนที่สําคัญที่สุดคือหลังคาโดมซึ่งยังสรางไมแลว เสร็จมัสยิดเกาแหงนี้มีตํานานเลาวาเจาแมลิ้มกอเหนี่ยวสาปแชงไวไมใหสรางเสร็จบริเวณใกลเคียงนั้น มีฮวงซุยหรือที่ฝงศพเจาแมลิ้มกอเหนี่ยวมัสยิดแหงนี้สันนิษฐานวาสรางขึ้นสมัยสมเด็จพระนเรศวร มหาราช (พ.ศ.2121–2136) อุทยานแหงชาติน้ําตกทรายขาว เปนสถานที่ทองเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงในจังหวัด ปตตานี ตั้งอยูที่บริเวณตําบลทรายขาว อําเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปตตานี ใชเสนทางตามทางหลวง แผนดินหมายเลข 409 (ปตตานี-ยะลา) เมื่อถึงบานนาประดูบริเวณ กิโลเมตรที่ 28 จากนั้นเดินทางตอ โดยใชเสนทางสายนาประดู-ทรายขาว เขาไปอีก 7 กิโลเมตร ถึงที่ทําการอุทยานแหงชาติ
9
แหลมตาชี ห รื อ แหลม โพธิ์ เปนหาดทรายขาวตอจาก หาดตะโละกาโปร อยู บ ริ เ วณ ปากแม น้ํ า ป ต ตานี กั บ อ า วไทย เกิดจากการกอตัวของสันทรายที่ ยื่นออกไปในทะเลในลักษณะสัน ดอนจะงอย (Sand Spit) ไปใน ทะเลอาวไทยทางทิศเหนือ มีภูมิ ทั ศ น ที่ ส วยงามเหมาะแก ก าร พักผอนหยอนใจ การเดินทางไป แหลมตาชีไปได 2 ทาง คือ ทาง น้ํา นั่งเรือจากปากแมน้ําปตตานี ตรงไปยังแหลมตาชีเลย ใชเวลา ประมาณชั่วโมงเศษ หรือนั่งเรือ จ า ก ท า ด า น อํ า เ ภ อ ย ะ ห ริ่ ง ออกมาตามคลองยามู จ นถึ ง ทะเลในไปจนถึงแหลมตาชี ทาง บก จากอําเภอยะหริ่งขามคลอง ยามูมาตามสะพานไม เป น ถนน รพช. ยามู-แหลมโพธิ์ มีถนนตัด เข า ไปประมาณ 10 กิ โ ลเมตร จนถึงปลายแหลมตาชี ภาพที่ 3 แหลมตาชี 2.1.2.ดานวิถีชีวิตและวัฒนธรรม บานปะเสยะวอ ตั้งอยูที่หมูบานปะเสยะวอ เปนหมูบานที่มีชื่อเสียงในการตอเรือ กอและ ซึ่ง เปนเรือประมงของชาวปตตานีและนราธิวาส มีลักษณะเปนเรือหัวแหลมทายแหลม ระบายสีสันงดงาม การเดินทางไปตามเสนทางเดียวกับทางที่ไปหาดแฆแฆ แลวเดินทางตอไปตามถนนเลียบชายทะเลไป จนถึงบานปะเสยะวอ เรือกอและของชาวบานปะเสยะวอมีทั้งขนาดใหญที่เปนเรือประมงจริงๆ และ ขนาดเล็กที่จําลองขึ้นเพื่อเปนของที่ระลึก ฝมือการตอเรือกอและที่นี่ไดรับการยอมรับวาประณีต
10
งดงามดวยลวดลายที่ผสมกลมกลืนกันระหวางศิลปะไทยและมุสลิม นอกจากนี้บานปะเสยะวอยังมี ชื่อเสียงในการทําน้ําบูดูรสดีอีกดวย ประเพณีชักพระ เปนพิธีรําลึกถึงวันรับเสด็จองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจากลับจากจํา พรรษา และแสดงพระอภิธรรม 7 คัมภีร โปรดพระพุทธมารดา ณ ดาวดึงสในวันแรม 1 ค่ํา เดือน 11 ครั้งพุทธกาล ตอมาจึงไดกลายเปนประเพณีกระทํากัน ทุกป โดยพุทธศาสนิกชนในทองที่อําเภอโคก โพธิ์และใกลเคียงจะชักลากเรือพระที่ตกแตงอยาง สวยงามจากวัดตางๆ ผูรวมขบวนจะแตงกาย อย า งงดงาม มี ก ารฟ อ นรํ า หน า เรื อ พระ มี ก ารนมั ส การเรื อ พระพร อ มกั บ ถวายภั ต ตาหาร พระภิกษุสามเณร ณ สนามหนา ที่วาการอําเภอ และมีงานเฉลิมฉลองเปนเวลา 5 วัน 5 คืน
ภาพที่ 4 งานสมโภชเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว
11
งานสมโภชเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว เปนงานประเพณีที่ทํากันทุกป ในวันขึ้น 15 ค่ํา เดือนอาย ตามจันทรคติของจีน คือหลังวันตรุษจีน 15 วันของทุกป (หรือตรงกับวันเพ็ญ เดือน 3 ตามจันทรคติ ของไทย) มีการสมโภชแหแหนรูปสลักไมมะมวงหิมพานตของ เจาแมลิ้มกอเหนี่ยวและรูปพระอื่นๆ โดยอัญเชิญออกจากศาลมาประทับบนเกี้ยว ตามดวยขบวนแหตางๆ มีการลุยไฟ และแสดงอภินิหาร ตางๆ เพื่อพิสูจนความศักดิ์สิทธิ์ของเจาแม โดยผูรวมพิธีจะตองถือศีลกินเจอยางนอย 7 วันกอน ทําพิธี ในงานนี้จะมีชาวปตตานีและชาวจังหวัด ใกลเคียงมารวมพิธีกันเปนจํานวนมาก มีการเซนไหวและ เฉลิมฉลองกันเปนที่สนุกสนาน งานแขงขันกีฬาตกปลาสายบุรี จะจัดทุกวันเสารและอาทิตยที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมของ ทุกป ที่บริเวณชายหาดวาสุกรี อําเภอสายบุรี กีฬาตกปลาเปนที่นิยมกันอยางแพรหลาย และจาก สภาพ ภูมิศาสตรของหาดที่มีชายฝงทะเลยาวเหยียดอุดมสมบูรณ ไปดวยปลานานาชนิด จึงทําใหกีฬา ตกปลานี้เปนกีฬาที่นาตื่นเตนทาทายอีกรูปแบบหนึง่ เทศกาลฮารีรายอ ในรอบปหนึ่ง ชาวมุสลิม มีวันฮารีรายอ ๒ ครั้ง คือ ๑)วันตรุษอีดิ้ลฟตรีตรงกับวันขึ้น๑ค่ําเดือนเชาวาลซึ่งเปนเดือน๑๐ตามปฏิทินอิสลาม ซึ่งเปนวันออกบวช (ชาวไทยมุสลิมจะถือศีลอดในชวงเดือน ๙ ถึงเดือน ๑๐ เปนเวลา ๓๐ วัน) ๒) วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา ตรงกับวันที่ ๑๐ เดือน ซุลฮิจญะ หรือตรงกับเดือน ๑๒ ของปฏิทินอิสลาม ซึ่ง เปนการฉลองวันออกฮัจญ วันฮารีรายอ เปนวันรื่นเริงประจําป ชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมเยียนพอแม ญาติ พี่ น อ ง เพื่ อ นบ า น เพื่ อ อภั ย ต อ กั น ในสิ่ ง ที่ ผ า นมา เป น วั น ที่ ทุ ก คนมี ค วามสุ ข มาก มุ ส ลิ ม จะมี ก าร ประกอบพิ ธี ก รรมพร อ มเพรี ย งกั น ทั่ ว โลก ในวั น ตรุ ษ อี ดิ้ ล ฟ ต รี มุ ส ลิ ม ทุ ก คนจะต อ งจ า ยซะกาต ฟตเราะห บริจาคทานแกคนยากจนอนาถา สวนในวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา จะมีการเชือดสัตวพลี แลวจะ ทํากุรบัน แจกจายเนื้อเพื่อเปนทานแกญาติมิตร สัตวที่ใชในการเชือดพลี ไดแก อูฐ วัว แพะ เปนการ ขัดเกลาจิตใจของมนุษยใหเปนผูบริจาค เปนการเอื้อเฟอเผื่อแผตอเพื่อนมนุษย
12
ประเพณีแหนก จัดขึ้นเปนเกียรติในงานเทศกาลงานเฉลิมฉลอง หรืองานมงคลทั่วไป เชน พิธี สุหนัดในศาสนาอิสลาม หรือใชเปนขบวนแหตอนรับอาคันตุกะผูเปนแขกบานแขกเมืองคนสําคัญ นอกจากนี้ยังมีประเพณีงานสารทเดือน 10 ระหวางวันแรม 14-15 ค่ํา มีการทําบุญอุทิศสวนกุศล ใหแกผูที่ลวงลับไปแลว กลางคืนมีมหรสพของปกษใตฉลอง เชน ลิเกฮูลู ซึ่งคลายกับลําตัดหรือเพลง ฉอยของภาคกลาง โนรา หนังตะลุง รองเง็ง (คลายรําวง นิยมเลนกันในราชสํานักชวามากอน จึง แพรหลายเขามาทางปกษใต) มะโยง (ละครไทยมุสลิมภาคใต) ซีละ (กีฬาอยางหนึ่งของชาวมลายู ซึ่ง แสดงถึงศิลปะการตอสูที่สงางามและกลาหาญ) ประเพณีลาชัง ประเพณีนี้ชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามเรียกวา "ปูยอบือแน" เปนพิธีฉลอง นาขาว หรือซังขาว ซึ่งทํากันทุกหมูบาน ทั้งไทยพุทธและไทยอิสลาม ประเพณีนี้จะจัดใหมีขึ้นภายหลัง การเก็บเกี่ยวขาวราวเดือน 5 หรือเดือน 6 มีการทําหุนฟางรูปชาย-หญิงจับคูกัน แลวจัดขบวนแหไป วางไว บ นศาลเพี ย งตา พร อ มทั้ ง เครื่ อ งสั ง เวย เช น ข า วเจ า ข า วเหนี ย ว ข า วเหนี ย วห อ ต ม ไข ตม หลังจากนั้นผูอาวุโสในหมูบานทานหนึ่งจะกลาวคําบวงสรวงแตงงานใหแกหุนซังขาว แลวนําหุน ดังกลาวไปเก็บไวในนาใกลๆ ศาลเพียงตา จุดประสงคของการทําพิธีนี้ก็เพื่อขอบคุณเจาแมโพสพ หรือ พระเจาที่บันดาลใหพืชผลอุดมสมบูรณ อาชีพนาเกลือ (เกลือหวานปตตานี) คําวา เกลือหวาน ในสมัยโบราณมีการเปรียบเปรยวาที่นี่ เปนถิ่นเกลือหวาน“ฆาแฆ ตานิง มานิส(Garam Taning Manis)” เกลือปตตานี เปนเกลือที่มีคุณภาพ ดีแตกตางจากที่อื่นแมจะมีรสเค็มเหมือนกัน แตกลมกลอมกวา ชาวบานนิยมนํามาหมักปลาทําน้ําบูดู ทําปลาแหง ดองผัก ผลไม คุณสมบัติพิเศษคือจะไมออกรสขม หากทําสะตอดอง จะไดความกรอบ มัน เนื้อไมเละ เปนที่มาของคําเปรียบเปรยวา ปตตานีถิ่นเกลือหวาน นั่นเองเรือกอและ เดิมเปนเรือที่ชาว พื้นเมืองปตตานีใชเปน พาหนะในการเดินทางและทําการประมงยามวางจากการประกอบอาชีพใน ยามคลื่นลมสงบ และเวลามีงานนักขัตฤกษของทองถิ่นชาวเมืองปตตานี จะนําเรือกอและเขามาใช ประโยชน ใ นการพั ก ผ อ นหย อ นใจ โดยนํ า มาจั ด แข ง ขั น พายเรื อ เพื่ อ ชิ ง ความเป น หนึ่ ง ในด า น ความเร็ว เรือกอและเปนเรือประมงที่ใช ในแถบจังหวัดภาคใตตอนลางมีลักษณะเปนเรือยาวที่ตอ ดวยไมกระดานโดยทําใหสวนหัวและทายสูงขึ้นจากลําเรือใหดูสวยงาม นิยมทาสีแลวเขียนลวดลาย ดวยสีฉูดฉาดเปนลายไทยหรือลายอินโดนีเซีย ซึ่งนํามาประยุกตใหเหมาะกับลําเรือ
13
2.1.3.ดานศิลปะการแสดง
ภาพที่ 5 การแสดงปนจักศิลัต ซีละ เปนการตอสูปองกันตัวแบบหนึ่งของชาวไทยมุสลิม เนื่องจากมีกระบวนทาที่สงางาม ภายหลังจึงจัดใหมีการแสดงซีละเพื่อดูศิลปะทารํา มากกวาจะตอสูจริง ๆ นิยมเลนในงานมงคลทั่วไป โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อตอนรับแขกบานแขกเมือง มะโยง เปนการแสดงเพื่อเฉลิมฉลองหรือเพื่อความรื่นเริง โอกาสที่แสดง มะโยงจะแสดงใน งานเฉลิมฉลองงานเทศกาลหรืองานรื่นเริงอื่น ๆ ตามที่เจางานรับไปแสดงปกติแสดงในเวลากลางคืน โดยเริ่มแสดงราว ๑๙ นาฬิกา เลิกเวลาประมาณ ๑ นาฬิกา รองเง็ง มีวัฒนาการมาจากการเตนรําพื้นเมืองของชาวเสปน หรือโปรตุเกส ซึ่งนํามาแสดงใน แหลมมลายูเมื่อคราวที่ไดมาติดตอทําการคา จากนั้นชาวมลายูพื้นเมืองไดดัดแปลงเปนการแสดงที่ เรียกวา “รองเง็ง” สําหรับในจังหวัดชายแดนภาคใตมี การเต นรองเง็ง มาเป นเวลาชา นาน ตั้งแต สมัยกอนการยกเลิกการปกครอง ๗ หัวเมืองโดยที่นิยมเตนกันเฉพาะในวังของเจาเมือง ฝายชายที่ ไดรับการเชิญเขารวมงานรื่นเริงในวังจับคูเตนกับฝายหญิงซึ่ง เปนบริวารในวังและมีหนาที่เตนร็องเง็ง
14
ไดแพรหลายไปสูชาวบานโดยที่ใช เปนรายการสลับฉากของมะโยง ซึ่งมุงแตความสนุกสานและเงิน รายไดเปนสําคัญไมรักษาแบบฉบับที่สวยงามซ้ํา ยังเอาจังหวะเตนรําอื่น ๆ เชน รุมบา แซมบาน ฯลฯ เขาไปปะปนดวย ทําใหคนที่เคยเตนรองเง็งมาแตเดิมมองเห็นวา รองเง็งไดเปลี่ยนไปในทางที่ไมดี จึง พากันเสื่อมความนิยมไปชั่วระยะหนึ่ง ลิเกฮูลู เปนการละเลนพื้นบานแถบจังหวัดชายแดนภาคใต ที่ไดรับความนิยมมากประเภท หนึ่ง คําวา“ลิเก” หรือ “ดิเกร” เปนศัพทเปอรเซียผูรูบางทานกลาววา ลิเกฮูลูเอาแบบอยางการเลน ลําตัดของไทยผสมเขาไปดวย บางทานเลาวา ในสมัยปกครอง ๗ หัวเมือง ถามีงานพิธีตาง ๆ เชน เขา สุหนัต มาแกปูโละ เจาเมืองตาง ๆ มารวมพิธีและชมการแสดงเชน มะโยง โนรา และละไป ละไปนั้น คือ การรองเพลงลําตัดภาษาอาหรับและเรียก “ซีเกรมัรฮาแบ” การรองเปนภาษาอาหรับ ถึงแมจะ ไพเราะแตคนไมเขาใจ จึงนําเอาเนื้อเพลงภาษาพื้นเมือง รองใหเขากับจังหวะรํามะนา จึงกลายมาเปน ลิเกฮูลูสืบทอดจนถึงปจจุบัน 2.1.4.ดานอาหารประจําถิ่น ไกกอและ เนื้อไกนุมเจือดวยรสกลมกลอมของเครื่องปรุง ซึ่งประกอบดวยหอมแดง กระเทียม พริกหยวกแหง กะป ลูกผักชี น้ําตาลแวนที่ตําจนเขากันผสมกับน้ํามะขามเปยก กะทิ โดยกอนจะนําไป ราดบนไก ตองนําไกทาเกลือแลวยางดวยไฟออน ๆ เสียกอน แลวยางตออีกเล็กนอยก็จะไดไกยางที่มี สีสันแตกตางจากทั่วไป คือ มีสีน้ําตาลอมสม รับประทานไดเลยโดยไมตองมีน้ําจิ้ม เนื่องจากรสชาติจะ กลมกลอมอยูแลว
15
ขาวยําปกษใต เปนอาหารที่เชื่อวาทุกคนตองเคยลิ้มลองกันมาบางแลว เพราะเปนอาหารที่ ขึ้นชื่อของชาวใตจนดูเหมือนจะกลายเปนสัญลักษณอาหาร ปกษใตอีกเมนูหนึ่ง ขาวยําของชาวใต จะ อรอยหรือไมก็ขึ้นอยูกับน้ําบูดูเปนสําคัญ น้ําบูดูมีรสเค็ม แหลงที่มีการทําน้ําบูดูมากคือจังหวัดยะลา และป ต ตานี เวลานํ า มาใส ขา วยํ า ต อ งเอาน้ํ า บู ดู ม าปรุ ง รสก อ น จะออกรสหวานเล็ ก น อ ยแล ว แต ความชอบ น้ําบูดูของชาวใตมีกลิ่นคาวของปลา เพราะทํามาจากปลา กลิ่นคลายปลาราของทางภาค อีสาน แตกลิ่นน้ําบูดูจะรุนแรงนอยกวา เนื่องจากน้ําบูดูมีรสเค็ม ชาวใตจึงนํามาใสอาหารแทนน้ําปลา
ภาพที่ 6 ขาวยํา ที่มา : http://4.bp.blogspot.com/xVRO1Gm2UyQ/UdDitE6i7sI/AAAAAAAAB7Y/WwLzGBGqNLo/s500/South+yum+rice.jpg นาซิดาแฆ อาหารพื้นเมืองที่มีเอกลักษณเฉพาะตัวและอรอยมาก รสชาติ หวาน มัน หอมดวย สวนผสมตาง ๆ บวกกับกรรมวิธีการปรุงที่สะอาดตามแบบฉบับชาวอิสลาม โดยนําขาวเจาและขาว เหนียว ในสัดสวนขาวเจามากกวามาคลุกเคลาจนเขากัน นึ่งจนสุก ใชหางกะทิมาคลุกใหทั่ว จากนั้น ยกไปนึ่งบนเตาอีกครั้ง เสร็จแลวนําหัวกะทิมามูลพรอมกับโรยหอมแดงซอยเปนแผนบาง ๆ และฮาลือ บอ (เครื่องเทศ) นาซิดาแฆ ที่ปรุงเสร็จจะหอมมัน แตหากนํามารับประทาน อยางเดียวลวน ๆ จะ ไมไดรสชาติแบบตนตําหรับ สวนใหญจะนิยมทานกับแกงกะทิปลาโอ แกงกะทิไก และแกงไขไก - ไข เปด โรยหนาดวย ขาวคั่วและมะพราวคั่วที่ตําจนละเอียด
16
รอเยาะ เปนอาหารวางชนิดหนึ่ง มีคุณคาทางอาหารลักษณะเชนเดียวกับสลัด เครื่องปรุง ประกอบดวยเสนหมี่ลวก เตาหูทอดและกุงชุบแปงทอดหั่นเปนชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผาเล็กขนาดนิ้วมือ ถั่วงอก แตงกวาหั่นเปนชิ้นบางๆ ผักบุงลวกหั่นเปนชิ้นเล็ก และไขตม โรตีปาแย สวนใหญชาวปตตานีจะซื้อมารับประทานกับน้ําชา กาแฟ เปนอาหารเชา ปจจุบัน กลางคืนก็มีโรตีขาย บางก็รับประทานเปนอาหารวาง ก็จะไดประโยชนโดยเฉพาะ คารโบไฮเดรต และ ไขมัน บางคนชอบกินโรตีใสไข ก็จะไดโปรตีนไปดวย โรตีมะตะบะ เปนอาหารขึ้นชื่อที่อยูคูกับชาวมุสลิม ใชแปงโรตีหอไสไวภายในจะเปนเนื้อวัว หรือเนื้อไก ผสมเครื่องเทศรสหอมหวานกลมกลอม หากมองใหดีก็จะคลายกับไขยัดไส เมื่อทอดเสร็จ แลวจะทานคูกับอาจาด โรตีน้ําแกง จะเปนแปงโรตีธรรมดาหรือโรตีใสไข แตไมตองใสนมและน้ําตาล นํามาหั่นเปนชิ้นพอดีคํารับประทานกับน้ําแกง โรตีกลวยหอม แบบนี้หลาย ๆ คนอาจจะเคยทานกัน บางแลว คือ โรตีทอด โดยมีเนื้อของกลวยหอมฝานผสมแลวหั่นเปนชิ้น ๆ รสชาติจะหวานหอม แตไม เลี่ยนจนเกินไป อีกแบบหนึ่งก็ คือ โรตีธรรมดาใส นมน้ําตาล แตจะตางจากที่เราทานแหงอื่น ๆ ก็คือ โรตีสวนใหญจะไมทอดจนกรอบ นิยมทอดแบบหนานุมมากกวา
ภาพที่ 7 มะตะบะ ที่มา : http://ed.files-media.com/ud/images/1/140/418054/Roti_Mataba_cover620x392.JPG
17
สะเตะเนื้อ สวนใหญจะเปนสะเตะเนื้อวัวและเนื้อไก ลักษณะคลายกับหมูสะเตะทางภาค กลาง เพียงแตของปตตานีจะตองทานแกลมกับขาวอัดและอาจาด ที่นําไปตมเคี่ยวละเอียดกวนจน แหง นํามาหอดวยผาขาวจนจับตัวเปนกอน แลวหั่นเปนชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคํา ทานกับสะเตะเนื้อวัว ซึ่ง เลือกตรงสวนของเนื้อสันสวย ๆ มาแลเปนชิ้นเล็ก ๆ หมักกับซีอิ้วขาว ตะไคร ขมิ้นผง แลวนําไปยาง ดวยไฟออนๆ จนสุกหอมกรุนและรสชาตินุมนวลจิ้มกับน้ําแกงสูตรเด็ด ซึ่งใชน้ํากะทิผสมกับพริกแดง หัวหอม กระเทียม น้ํามะขามเปยก ถั่วลิสง และเครื่องปรุงรสตาง ๆ จนรสกลมกลอม ที่มา : https://sites.google.com/site/thaukaenoi/home ขอมูลในแตละหัวขอที่เกี่ยวกับจังหวัดปตตานี เปนเนื้อหาที่สําคัญอยางมากในการวิเคราะห อารมณของสถานที่ตางๆ เพื่อนําไปใชทําเปน Moodboard ในการกําหนดอารมณของแตละหัวขอ จากขอมูลขางตนเราสามารถแบงเนื้อหาเปน 5 ประเภทใหญๆ คือ ดานสถานที่ทองเที่ยง, ดานอาหาร พื้นเมือง, ดานศิลปะการแสดง และดานวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
2.2 ความหมายของวีดีโอ วีดีโอคือภาพหลายๆภาพมาตอกันจนทําใหเกินภาพเคลื่อนไหว ซึ่งวีดีโอจะแบงไดเปน 2 ชนิด 1.วิดีโออนาล็อก (Analog Video) เปนวีดีโอที่ทําการบันทึกขอมูลภาพและ เสียงใหอยูใน รูปของสัญญาณไฟฟา มีลักษณะการบันทึกขอมูลที่ใหความคมชัดต่ํา กวาวิดีโอแบบดิจิตอล วิดีโอ อนาล็อกจะใช เทป VHS (Video Home System) หรือ Hi – 8 ซึ่งเปนมวนเทปวีดีโอที่ใชดูกันตาม บาน เมื่อทําการตัดตอขอมูลจะทําใหไดวิดีโอที่มี ความคมชัดต่ํา 2. วีดีโอดิจิตอล (Digital Video) เปนวีดีโอที่ทําการบันทึกขอมูลภาพและ เสียงดวยการแปล สัญญาณคลื่นใหเปนตัวเลข 0 กับ 1 คุณภาพของวิดีโอที่ไดจะมีความใกล เคียงกับตนฉบับมาก ทําให สามารถ บันทึก ขอมูลลงบนฮารดดิสก ซีดีรอม ดีวีดี หรือ อุปกรณบันทึกขอมูลอื่น ๆ และสามารถ แสดงผลบนคอมพิวเตอร ไดอยางมี ประสิทธิภาพ ในการผลิตมัลติมีเดียบน คอมพิวเตอร สามารถ เปลี่ยนรูปแบบของสัญญาณอนาล็อกเปนสัญญาณดิจิตอลได หากผูใชมีทรัพยากรทางดานฮารดแวร และ ซอฟตแวรที่เหมาะสมเทานั้น
18
ภาพที่ 8 ฟลมภาพยนตร ที่มา : http://www.manujarvinen.com/~eternal/images /blogs/blender_aid/asset_library/misc/ref/film/film_04_446.jpg คุณสมบัติของวิดีโอ วิดีโอมีคุณสมบัติที่สําคัญ 3 อยางไดแก Image , Audio , Video 1.Image ประกอบดวยสวนสําคัญ 2 อยางคือ 1.Width คือความกวางของภาพวิดีโอ (pixels) 2.Height คือความสูงของภาพวิดีโอ (pixels) 2.Audio ประกอบดวยสวนสําคัญ 3 อยาง คือ 1.Duration คือ ชวงเวลาของเสียง (00.00.00) 2.Bit Rate คือ อัตราการบีบอัดขอมูลเสียง (มีหนวยเปน kbps) 3.Audio Format คือรูปแบบการเขารหัสไฟลเสียง ( เชน .mp3 , .wma , wav)
19
3.Video ประกอบดวยสวนสําคัญ 4 อยาง คือ 1.Frame Rate คือ ความเร็วในการแสดงผลภาพเคลื่อนไหว โดยมีหนวยเปนเฟรม ตอวินาที 2.Data rate คือ การบีบอัดขอมูลเสียงและภาพวิดีโอ โดยมีตัว เลขบอกเปนกิโลบิต ตอวินาที (Kpbs) หากผูใชงานกําหนดคานี้สูง จะทําใหคุณภาพของ เสียงและภาพมีความ คมชัดยิ่งขึ้น แตขนาด ไฟลก็จะมีขนาดใหญขึ้นดวย 3.Video Sample Size การแสดงผลความละเอียดตอพิกเซล โดยมีหนวยเปนบิต (bit) 4.Video compression เป น เทคโนโลยี ก ารเข า รหั ส ข อ มู ล ซึ่ ง มี ผ ลโดยตรงต อ คุณภาพของวิดีโอ และเปนตัวกําหนดวาวิดีโอนั้นจะใชฟอรแมตใด
ภาพที่ 9 Frame rate ความรูเบื้องตนในการจัดการและตัดตอวีดีโอ คือการทําความรูจ ักกับวีดีโอใน รูปแบบตางๆ เพื่องายตอการตั้งคากลอง เพื่อไดไฟลวีดีโอตามที่เราตองการได ไปจนถึงการ จัดการไฟลที่ไดมาไปตัดตอในโปรแกรมตัดตอในชวง Post-Production ที่มา : www.uniserv.buu.ac.th/km//wp-content/uploads/video
20
2.3 ประเภทของวีดโี อ ปจจุบันสื่อวีดีโอเปนที่สนใจอยางมากในวงการสื่อ และมีเอกลักษณการนําเสนอที่แตกตางกัน ออกไปอาทิเชน -
ภาพยนตร คือการนําเสนอเรื่องใดเรื่องหนึ่งผานการแสดงเพื่อใหผูชมเชื่อ Music Video คือการตีความเพลงใหออกมาเปนพล็อตเรื่อง เพื่อใชประกอบเพลง ภาพยนตรโฆษณา คือการใชการแสดงภาพยนตรในการโนมนาวเพื่อการโฆษณาสินคา สารคดี คือการถายทอดเรื่องจริงบางอยางของเหตุการณท่ีเกิดขึ้นแลวรอยเรียงใหเปน เรื่องราว - ขาว คือการรายงานขอเท็จจริงของเหตุการณที่เกิดขึ้นผานสื่อวีดีโอ โดยไมเนนความ สวยงาม - Animation คือ กระบวนการที่เฟรมแตละเฟรมของภาพยนตร ถูกผลิตขึ้นตางหากจาก กันทีละเฟรม แลวนํามารอยเรียงเขาดวยกัน โดยการฉายตอเนื่องกัน ไมวาจากวิธีการ ใช คอมพิวเตอรกราฟก ถายภาพรูปวาด หรือ หรือรูปถายแตละขณะของหุนจําลองที่คอย ๆ ขยับเมื่อนําภาพดังกลาวมาฉาย ดวยความเร็ว ตั้งแต 16 เฟรมตอวินาที ขึ้นไป เราจะเห็น เหมือนวาภาพดังกลาวเคลื่อนไหวไดตอเนื่องกัน - วีดีโอพรีเซน คือการสื่อสารเพื่อเสนอขอมูลไปสูผูรับสารผานสื่อวีดีโอ ที่มา : itguest.blogspot.com/2014/01/blog-post.html
ภาพที่ 10 หองสตูดีโอ ที่มา : http://f.ptcdn.info/447/015/000/1391920069-a000-o.jpg
21
วีดีโอในแตละประเภทก็มีหนาทีในการสื่อสารกับคนดูแตกตางออกไป รวมไปถึงการ ออกแบบการถายทําก็แตกตางดวยเชนกัน โดยประเภทของวีดีโอที่เราเลือกคือวีดีโอพรีเซน แตเปนการใชเทคนิคการเลาที่นาสนใจกวาวีดีโอพรีเซนปกติ โดยเนนการใชวีดีโอในการดึง อารมณของคนดูได เรียกวา วีดีโออารต
2.4 วีดีโออารต รณรงค บุตรทองแกว Editor บริษัท JAMESDEAN ไดใหสัมภาษณถึงวีดีโออารตวา วีดีโอ อารตคือศิลปะการเลาเรื่องดวยภาพเคลื่อนไหว ที่ใชเทคนิคการทําแบบใหมที่เพิ่มความนาสนใจของ เนื้อหาที่นําเสนอมากขึ้นกวาวีดีโอทั่วไป โดยใชเทคนิคพิเศษในการถายทํา เชน Hyper Laps (การ เคลื่อนกลองในขณะที่ถาย Time laps), Hyper Zoom (การถายสองขนาดภาพที่แตกตางกันแลวมา ตอกัน) และการตัดสลับภาพ (Transition) ในรูปแบบใหม เชน Motion Pan (การ Pan กลองอยาง รวดเร็วเพื่อใหเกิด Motion Blur ในการตัดสลับ), Layer Mask (การตัดภาพพรอมกับ Foreground ที่ผานหนา Frame) เปนตน ในปจจุบันวีดีโออารตในตางประเทศ ไดรับความนิยมเปนอยางมากในการนําเสนอวิถีชีวิตใน ชุมชน ความสวยงามของสถานที่ ความอรอยของอาหาร ฯลฯ เนื่องจากการเลาเรื่องที่เปนเอกลักษณ ของวีดีโออารตสามารถสรางอารมณรวมใหกับผูชมไดเสมือนไปสัมผัสดวยตัวเอง
ภาพที่ 11 วีดีโออารต ที่มา : Watchtower of Turkey on Vimeo
22
2.5 ขั้นตอนการผลิตวีดีโอ 2.5.1 ขั้นตอนกอนผลิต Pre-Production นับเปนขั้นตอนที่มีความสาคัญเปนอยางยิ่งกอนเริ่มทําการผลิตภาพยนตร ไดแกการเตรียม ขอมูล การกําหนดหรือเคาโครงเรื่อง การประสานงาน กองถายกับสถานที่ถายทํา ประชุมวางแผนการ ผลิต การเขียนสคริปต การจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณการถายทํา อุปกรณการบันทึกเสียง หองบันทึกเสียง หองตัดตอ อุปกรณประกอบฉาก อุปกรณแสง การเตรียม ทีมงาน ทุกฝาย การเดิน ทาง อาหาร ที่พัก ฯลฯ หากจัดเตรียมรายละเอียดในขั้นตอนนี้ไดดี ก็จะสงผลใหขั้นตอนการผลิตทาไดงายและรวดเร็ว ยิ่ ง ขึ้ น ดั ง นั้ น Pre Production เป น ขั้ น ตอนที่ ผู อํ า นวยการสร า งหรื อ นายทุ น หนั ง ส ว นใหญ ใ ห ความสําคัญเปน อันดับหนึ่ง เนื่องจากเปนขั้นตอนที่มีสวนอยางมากที่จะชี้เปนชี้ตายไดวาหนังจะ ออกมาดีหรือไมชวง พรี-โพร จะเปนชวงที่หนังเริ่มกอเคาเปนรูปเปนรางจากเรื่องที่ไดรับการอนุมัติ สรางจากนายทุน 2.5.2 ขั้นตอนการผลิต (Production) เปนขั้นตอนการดําเนินการถายทําภาพยนตร(ออกกอง)ทีมงานผูผลิตไดแก ผูกํากับภาพยนตร ชางภาพ ชางไฟ ชางเทคนิคเสียง ชางศิลป ผูแตงหนาทําผม ผูฝกซอมนักแสดง รวมทั้งการบันทึกเสียง ตามที่กําหนดไวในสคริปต ขั้นตอนนี้อาจมีการถายทําแกไขหลายครั้งจนเปนที่พอใจ (take) นอกจากนี้ อาจจําเปนตองเก็ บภาพ/เสีย งบรรยากาศทั่วไป ภาพเฉพาะมุมเพิ่มเติ ม เพื่อใชใ นการขยายความ (insert) เพื่อใหผูชมไดเห็นและเขาใจรายละเอียดมากยิ่งขึ้น 2.5.3 ขั้นตอนหลังการผลิต (Post Production) เปนขั้นตอนการตัดตอเรียบเรียงภาพและเสียงเขาไวดวยกันตามสคริปตหรือเนื้อหาของเรื่อง ขั้นตอนนี้จะมีการใสกราฟกและเทคนิคพิเศษภาพ การเชื่อมตอ ภาพ/ฉาก อาจมีการบันทึกเสียงใน หองบันทึกเสียง เพิ่มเติม อีกก็ได อาจมีการนําดนตรีมาประกอบ เรื่องราวเพื่อเพิ่มอรรธรสในการ รับชมยิ่งขึ้น ขั้นตอนนี้สวนใหญจะดําเนินการอยูในหองตัดตอ มีเฉพาะ คนตัดตอ (Editor) ผูกํากับ ภาพยนตรและชางเทคนิคที่เกี่ยวของเทานั้น ที่มา : http://princezip.blogspot.com/ การทํางาน Production ทั้ง3ขั้นตอน ถือวาเปนขั้นตอนพื้นฐานและเปนความรูสําคัญในการ มองภาพรวมของงานผานทั้ง3กระบวนการนี้ ขั้นตอนการทํางานอยางเปนระบบจึงเปนสิ่งสําคัญ
23
2.6 สัญญะศาสตร
ภาพที่ 12 สัญญะศาสตร ที่มา : http://www.manujarvinen.com/~eternal/ images/blogs/blender_aid/asset_library/misc/ref/film/film_04_446.jpg การศึกษาเรื่องสัญญะและระบบความหมาย มีจุดเริ่มตนมาจากนักวิชาการคนสําคัญ2 คน คือ Ferdinand DeSaussure นักภาษาศาสตรโครงสรางชาวสวิส และ Charles SandersPeirce นักปรัชญาชาวอเมริกัน ซึ่งทั้งสองไดชื่อวาเปนผูบุกเบิกศาสตรใหมที่เรียกวา สัญวิทยา หรือสัญศาสตร (semiology or semiotics) ทั้ง Saussure และ Peirce เสนอวาหนวยที่เล็กที่สุดของภาษาหรือการสื่อสารก็คือ“สัญญะ” (signs) โดย Saussure เสนอวา สัญญะหนึ่ง ๆ นั้น ประกอบดวย 2 สวนคือ“รูปสัญญะ”(signifier หรือ sound image) ซึ่ง หมายถึง สิ่ง ที่แทนสิ่งใดสิ่งหนึ่งและ“ความหมายสัญญะ” (signified หรือ concept) คือความคิดที่หมายถึงสิ่งนั้นๆ ทั้งนี้ความสัมพันธระหวางรูปสัญญะและความหมายสัญญะ นั้นเปนความหมายที่คนกําหนดขึ้น(arbitrary) เชน 1.เนื่องจากคําวา semiotics และ semiology มี ความหมายที่ใกลเคียงกันมาก โดยคําวา semiology เปนคําที่ Ferdinand De Saussure
24
นักภาษาศาสตร ชาวสวิส บัญญัติขึ้นสวนคําวา semiotics เปนคําของ Charles Sanders Peirce นักคิดและนักปรัชญาชาวอเมริกันที่เปนผูบุกเบิกแนวคิดเรื่อง สัญญะและใหความหมายไวคลายๆกัน ดังนั้น จึงนักวิชาการจึงมักใชทั้ง สองคํานี้สลับกันใน ความหมายเดี ย วกั น ได อย า งไรก็ ต ามในการศึก ษาครั้ง นี้ จ ะใช คํา ว าsemiotics หรื อ สั ญ วิ ท ยาใน ภาษาไทย ตลอดทั้งเลม 78 คําวา “มา” ประกอบดวย “รูปสัญญะ” หรือ signifier คือตัวอักษร สระ และวรรณยุกต ที่ประกอบเขาดวยกัน ตามกฎโครงสรางชุดหนึ่ง และ “ความหมายสัญญะ” ก็หมายถึง ความคิดที่ สื่อถึง“สิ่งมีชีวิตประเภทสัตวสี่ขาชนิดหนึ่งที่วิ่งเร็วและแข็งแรง” จะเห็นวารูปสัญญะของ คําวา “มา”ที่ประกอบดวยอักษร “ม” สระ “_า” และวรรณยุกต “โท” ในภาษาไทยนั้นๆ เกิดจาก รหัสหรือกฎเกณฑทางภาษาที่มนุษยสรางขึ้น และมิไดมีความเหมือนหรือรูปรางลักษณะที่เหมือนหรือ คลายคลึงกับ สัตวสี่ขาชนิดหนึ่งที่วิ่งเร็วที่เราเรียกวา “มา” แตอยางใดสวน Peirce นั้น มีแนวคิดใกล เคียงกันกับ Saussure โดยอธิบายความหมายของ“สัญญะ” วาคือ สิ่งที่มีความหมายบางอยางสําหรับ คนๆ หนึ่ ง ในลั ก ษณะใดลั ก ษณะหนึ่ ง (sign is something which stands to somebody for something in some respect or capacity) (Berger, 1991, p. 4) ดั ง นั้ น ในทั ศ นะของ Peirce ทุกสิ่งทุกอยางจึงเปน “สัญญะ” ตราบใดที่มี การใหความหมายกับสิ่งนั้น สัญญะจึงมีอยูมากมายหลาย ลักษณะ เชน สัญญะประเภทขอความ หรือคําพูด (words) ภาพ (images) กลิ่น รสชาติ การกระทํา หรือ วัตถุ อยางไรก็ตาม Peirce แบงสัญญะออกเป น 3 ลักษณะคือ รูปสัญญะที่เปนภาพจํา ลอง (icon) หมายถึ ง รู ป สั ญ ญะที่ มี รู ป ร า งหน า ตาคล า ยหรื อ เหมื อ นกั บ วั ต ถุ ที่ มี จ ริ ง อย า งมากที่ สุ ด (resemblance) เชน ภาพของบุคคล รูปปนของบุคคล เมื่อ เห็นก็ “ถอดรหัส” หรือเขาใจความหมาย ไดทันที เชนภาพถายของผูสมัครตําแหนงทางการเมือง หรือแผนที่ ก็ถือเปนสัญญะประเภทภาพ จําลองเชนกัน รูปสัญญะที่เปนดัชนี (index) หมายถึง สิ่งที่มีความเกี่ยวโยงกันโดยตรงหรือมีความ เชื่อมโยงกันอยูบางกับวัตถุที่มีอยูจริง เชนควันไฟเปนรูปสัญญะแบบดัชนี ของการจุดไฟเทอรโมมิเตอร เปนรูปสัญญะที่เปนดัชนีของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ เมื่อเราเห็นก็พอที่จะมองความหมายออก การถอดรหัสดัชนี จึง ใชการคิด หาเหตุผลเชื่ อ มโยงความสัม พัน ธเ ชิง เหตุผลระหวางดัชนี กับวัตถุ ตัวอยางเชน ภาพของหอไอเฟล เปนดัชนีที่เชื่อมโยงกับเมืองปารีส หรือประเทศฝรั่งเศสรูปสัญญะ ที่เปนสัญลักษณ (symbols) หมายถึงสัญญะที่ไมมีความเกี่ยวพันอันใดระหวางตัวสัญญะกับวัตถุที่ มีอยูจริง หากแตเปนความเกี่ยวพันที่เกิดขึ้นจากการตกลงรวมกัน(convention) ระหวางผูใชเชน ใน คําในภาษา หรือตัวเลข เปนสิ่งที่ไมไดมีรูปรางหนาตาคลายสิ่งที่มีอยูจริงดังในกรณีของสัญญะที่ เป นภาพจําลอง หรื อ มี ค วามเกี่ ยวโยงสัม พันธใดๆ กั บวั ต ถุ ห รือ สิ่ง ที่ มี อ ยู จริง ดังในกรณีของดัชนี
25
แต การที่จะเขาใจหรือถอดรหัสความหมายของรูปสัญญะประเภทสัญลักษณได จําเปนตองอาศัยการ เรียนรูของผูใชสัญญะประเภทนี้เทานั้น (กาญจนา แกวเทพ, 9 2543, น. 21) ตัวอยางเชน ดาวเดวิด หมายถึงชนชาติยิว หรือเครื่องหมายสวัสดิกะ หมายถึงพรรคนาซี หรือพวกสัญลักษณปายจราจรตางๆ ก็เปนรูปสัญญะประเภทนี้ดวยเชนกันอยางไรก็ตาม ในการศึกษาครั้งนี้ จะใชแนวคิดทฤษฎีสัญญะของ Saussureเปนหลักเนื่องจากเปนรากฐานของแนวคิดเรื่องมายาคติของ Barthes ซึ่งเปนอีกแนวคิด หนึ่งที่การวิจัยนี้ใชเปนกรอบในการวิเคราะหในตัวบทประเภทโฆษณาทั้งโฆษณาทางสื่อโทรทัศน ภาพยนตรและสิ่งพิมพนั้น ประกอบไปดวยองคประกอบทางดานภาพ คําพูด ขอความ และเสียงเปนจํานวนมาก ดังนั้น ในการวิเคราะหความหมายตัวบทประเภทนี้ จึงเกี่ยวของกับสัญญะ 2 ประเภทใหญๆ คือ ก. สัญญะประเภทภาษาหรือคําพูด (linguistic signs) ไดแก ประโยคหรือขอความ คําพูด ทั้งที่เปนการเขียน และที่เปนเสียงพูด รวมทั้งเสียงเพลงหรือดนตรี ในตัวบทประเภท โฆษณา ตัวอยางของสัญญะประเภทภาษาไดแก พาดหัว สโลแกน คําขวัญ ขอความทาย (endline) เพลงประกอบ ข. สั ญ ญะประเภทภาพ (visual signs) หมายถึ ง สั ญ ญะที่ มิ ใ ช เ ป น ภาษา (nonlinguistic) ไดแกภาพถาย ภาพวาด การจัดองคประกอบของภาพ การใชสี แสง ที่มา : http://digi.library.tu.ac.th/thesis/jc/1580/09CHAPTER_2.pdf
การใหความหมายสิ่งหนึ่งเพื่ออีกสิ่งหนึ่ง แบงเปนสองประเภท ประกอบดวย สัญญะประเภท ภาษาหรือคําพูดและ สัญญะประเภทภาพ ความรูสัญญะศาสตรจะชวยใหงานที่ออกมาดูมีพลัง และ นาสนใจมากขึ้นดังนั้นกอนการถายทําจริงจําปนตองมีการกําหนดอารมณของงานเพื่อทําใหภาพที่ ออกมาตรงกับความหมายที่เราตองการจะสื่อ
26
2.7 การกําหนดอารมณของงาน (Moodboard) 2.7.1. What is a mood board? มูดบอรด (Mood Board) เปนกระดานที่ใชบรรยาย บรรยากาศหรืออารมณ (ถาเปนสิ่งของ เราใชคําวา บรรยากาศ แตกับมนุษยเราใชคําวา อารมณ)พอไดขอมูลที่เราตองการจากลูกคาครบแลว เราก็คิด concept ของงาน แลวก็ไปหาขอมูล หาแหลงอางอิงวาจะเปนแนวไหนเมื่อตกลง concept ไดแลวเราก็ทํา mood board หรือ concept board เพื่อกําหนดอารมณคราวๆของงาน
ภาพที่ 13 Mood Board ที่มา : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/silpagum/knowledge01.html มูดบอรดมีบทบาทในการสื่อสารอยางสําคัญ เพราะเปนสิ่งที่ใชบอกทีมงานถึงเปาหมาย ใน การทําสไตลที่ตองมีอยูรวมกัน แตถาเปนนามธรรมจนถึงขนาดที่คลุมเครือแลว ก็ไมอาจสื่อสารอะไรได และในทายที่สุดเปนมูดบอรที่ลมเหลว และ Mood board แตละชนิดของการออกแบบ ก็ทําแตกตาง กันเนนกันคนละเรื่อง
27
2.7.2. Organize Your Ideas จัดการกับไอเดีย หรือคอนเซ็ปที่คิดไว โดยเริ่มใหนึกถึงการสื่อสารอารมณ หรือความรูสึก (งานทุกชิ้นตองมีความรูสึกเกิดขึ้น ไมมีงานไหนไรความรูสึก) เชน ความสดชื่น ความสบาย แจมใส หรือรูสึกเครงขรึม จากนั้นก็หา หรือเชื่อมโยง feeling ภาพ บรรยากาศ สิ่งที่ทําใหเกิดความรูสึก หรือ สิ่งที่สัมพันธกัน ตัวอยางที่แสดงขางลางนี้ เปนการรวบรวมวาหากออกแบบงานใหเกิดความรูสึกถึง ความเปนญี่ปุนตองคิดถึงสิ่งใดบาง
ภาพที่ 14 สัณลักษณ ที่มา : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/silpagum/knowledge01.html
28
คนหาภาพเพื่อสื่อความหมาย เนนการถายทอดอารมณและความรูสึกให ลูกคาดูแลวเกิด ความเขาใจรวมกัน โดยหาภาพที่ดแี ละชัดเจน ภาพที่ดีคือภาพที่สื่อความหมายได และควรเปนภาพที่ ควรตีความไดตามความรูสึก เชนตัวอยางดานลาง
ภาพที่ 15 Mood & tone ที่มา : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/silpagum/knowledge01.html
29
2.7.4. Layout สไตลบอรด และการจัดวาง สามารถคิดในทิศทางที่เหมาะสมกับลักษณะงาน แตใหเนน องคประกอบการเลาเรื่องใหไดวาทําอะไร เพื่อใหลูกคาเขาใจ หรือนักออกแบบwfhเกิดแรงบันดาลใจ ใหมๆ จากรูปแบบของสี ของพื้นผิว รูปราง รูปทรงที่นํามาจัดเรียงกัน
ภาพที่ 16 Layout ที่มา : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/silpagum/knowledge01.html 2..7.5. Color สี มี บ ท บ า ท สํ า คั ญ ใ น ก า ร สื่ อ อารมณ ใน Mood Borad ควรกําหนดให ชัดเจน กําหนดจานสีที่แนนอน ผานภาพที่ ใชโดยเลื่อภาพที่มีสีที่เหมาะสม หรือจะยัง สามารถใช จ านสี (swatches)มาเป น ตัวแทนสีก็ได
ภาพที่ 17 สี ที่มา : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/silpagum/knowledge01.html
30
2.7.6. Typography ตัวอักษรถือเปนองคประกอบหนึ่งในการสงเสริมอารมณ และตัวอักษรแตละตัวมีบุคลิกที่ สื่อสารมาอยางชัดเจน เพียงแตตองเลือกสิ่งที่เหมาะสม
ภาพที่ 18 Typography ที่มา : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/silpagum.jpg การกําหนด Mood & Tone ของงานใสลงกระดานไอเดีย เรียกวา Moodboard ซึ่งถาเรามี คอนเซ็ปและทิศทางงานที่ชัดเจนทําใหการถายทํางาย ไปจนถึงกระบวนการตัดตอ โดยไมตองกังวลวา งานที่ออกมาจะหลุดจากรูปแบบที่เราวางใหตั้งแตแรก นอกจากการวางแผนการทํางานที่ดี ขนาดภาพ และมุมกลองก็มีความสําคัญดวยไมนอย ที่มา : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/silpagum/knowledge01.html
31
2.8 ขนาดภาพและมุมกลอง 2.8.1 ขนาดภาพ ขนาดภาพจั ด ว า เป น สิ่ ง ที่ สํ า คั ญ มากอย า งหนึ่ ง ในการถ า ยภาพยนตร เ พราะภาพสามารถ ถายทอดความรูสึก ของนักแสดง บอกเลาเรื่องราวตางๆใหกับผูชมไดเขาใจถึงเนื้อหาของภาพยนตร ขนาดภาพจึ ง เป น ตั ว กํ าหนดสิ่ ง ที่ ตอ ง การนํ า เสนอ ว า ต อ งการให ผู ช มเห็ นรื อ ไมเห็ นสิ่ ง ใดในฉาก องคประกอบตางๆเหลานี้เกิด ขึ้นจากผูสรางภาพยนตรที่จะ เลือกตั้งกลองในมุมใด ระยะหางจากสิ่งที่ ถาย เทาใด และใชภาพขนาดใดเปนตัวบอกเลาเรื่อง ขนาดภาพจึงเปนสิ่งที่ จําเปนมากที่จะตองเรียนรู พอๆ กับเรื่องอื่น ในการสรางภาพยนตรขนาดภาพนั้นไมมีกฏเกณฑที่ตายตัว หลักๆแลวมัก ใชดังนี 2.8.1.1 ขนาดภาพไกลมากหรือระยะไกลสุด (Extreme long shot/ ELS) ไดแก ภาพที่ถายภายนอกสถานที่โลงแจง มักเนนพื้นที่หรือ บริเวณที่กวางใหญไพศาล เมื่อ เปรียบเทียบกับ สัดสวนของมนุษยที่มีขนาดเล็ก ภาพELSสวนใหญใชสําหรับเปดฉากเพื่อบอกเวลา และ สถานที่อาจเรียกวา Establishing shot ก็ไดเปนช็อตที่แสดงความยิ่งใหญของฉากหลัง หรือ แสดง แสนยานุ ภ าพของตั ว ละครในหนั ง ประเภทสงครามหรื อ หนั ง ประวั ติ ศ าสตร ส ว นช็ อ ตที่ใช ตามหลังมักเปน ภาพระยะไกล (LS) แตในภาพยนตรหลายเรื่อง ใชภาพระยะใกล (CU) เปดฉากกอน เพื่อเปนการเนนเรียก จุดสนใจหรือบีบอารมณคนดูใหสูงขึ้นอยางทันทีทันใด 2.8.1.2 ภาพระยะใกล (Long shot/ LS) ภาพระยะใกลเปนภาพที่คอนขางสับสนเพราะมีขนาดที่ไมแนนอน บางครั้งเรียกภาพกวาง (Wide Shot) เปนระยะตอจากระยะไกลมาก (ELS) ถึงภาพระยะใกล (LS) ซึ่งเปนภาพขนาดกวางแต เห็นรายละเอียดของฉากหลัง และผูแสดงมากกวาขึ้นเมื่อเทียบกับภาพไกลมาก ภาพระยะไกล (LS) มีขนาดภาพและตัวละครเทากับ คือสามารถเห็นแอ็คชั่นหรือกริยาของ นักแสดงไดอยาง ชัดเจน เชน หนังของชารลีแชปปลิน(Charlie chaplin) ใชภาพขนาดนี้กับ ภาพปาน กลาง(MS)อารมณตลกจนประสบความาสําเร็จ
32
2.8.1.3 ภาพระยะไกลปานกลาง (Medium long shot/ MLS) เปนภาพที่เห็นรายละเอียดของผู แสดงมากขึ้นตั้ง แตศรีษ ะจนถึ งขา หรือหัวเขาซึ่อบางครั้ ง ก็เรียกวา Knee Shot เปนภาพที่เห็นตัว ผู แสดงเคลื่ อนไหวสั มพันธกั บฉากหลัง หรือเห็นอุ ปกรณ ประกอบ ฉากในฉากนั้น 2.8.1.4 ภาพระยะปานกลาง (Medium shot/ MS) ภาพระยะปานกลางเปนขนาดที่มีความหลากหลายเเละมีช่ือเรียกไดหลายชื่อ แตโดนปกติจะมี ขนาดประ มาณตั้งแตหนึ่งในสี่ถึงสามในสี่ของรางกาย บางครั้งเรียกวา Mid shot หรือ Waist shot ก็ ไดเปนขนาดภาพที่ใชมาก ที่สุดในภาพยนตร ภาพระยะปานกลางนิยมใชในฉากสนทนาและเห็ นแอ็คชั่นของผูแสดง นิยมใชเชื่อมเพื่ อ รักษาความตอเนื่อง ของภาพฉากระยะไกล (LS) กับภาพระยะใกล (CU) 2.8.1.5 ภาพระยะใกล ปานกลาง (Medium close-up/ MCU) เป น ภาพแคบครอบคลุม บริเวณตั้งแตศรีษะไปถึง ไหลของผูแสดง ใชสําหรับในฉากที่มีบทสนทนาเพราะสามารถเห็นอารมณ และความรูสึกของใบหนา นักแสดงจะเดนที่ สุดในเฟรม 2.8.1.6 ภาพระยะใกล (Close-up shot/ CU) เปนภาพที่เห็นศรีษะและใบหนาของผูแสดง มีรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น เชน ริ้วรอย บน ใบหนา าตา น สวนใหญเนนความรูสึกของผูแสดงที่สายตา และแววตา เปนภาพที่นิ่ง มากกวาเปนภาพ ที่มีบทสนทนา โดยใชกลองแทนสายตาคนดูเขาไปหาตัวละครอยาใกลชิด สายตาเปนสวนสําคัญของ ภาพขนาดนี้จึงเปนภาพที่บอกทิศทางการ เคลื่อนไหวที่มักจัดองคประกอบภาพใหอยูดานใดดานหนึ่ง ของ เฟรมเพื่อใหเกิดจังหวะการ เปลี่ยนช็อต 2.8.1.7 ภาพระยะใกล (Extreme close-up shot/ ECU หรือ XCU) เปนภาพที่เนนสวนในสวนหนึ่งของรางกาย เชน ตา ปาก เทา มือ เปนตน ภาพจะถูกขยาย ใหญบนจอเห็น รายละเอียดมาก เปนการเพิ่มการเลาเรื่องในหนังใหไดอารมณมากขึ้น เชน ช็อตของ หญิงสาวเดินทางกลับบานคน เดียวในยามวิกาลบนถนน เราอาจจะใชภาพ ECU ดานหลังที่หูของเธอ เพื่อเปนการบอกวาเธอไดยินเสียงฝเทาที่เดิน ตามเธอมาอยางแผวเบา จากนั้นอาจจะใชภาพระยะนี้ แทนที่สายตาเธอเพื่อแสดงความหวาดกลัว
33
2.8.2 มุมกลอง (Camera angles) ในภาพยนตรโดยทั่วไปการตั้งกลองมิไดวางไวแคเฉพาะตรงดานหนาของนักแสดงเทานั้น แต จะทํามุมกับนัก แสดงหรือวัตถุตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งกลองทํามุมกับผูแสดงมากเทาไหรยิ่งสะดุดความ สนใจมากขึ้นเทานั้น และการใชมุม กลองตองใหสอดคลองกับการเลาเรื่องดวย เหตุผลในการเปลี่ยนมุมมองของกลองใหหลากหลาย เพื่อใชติดตามผูแสดง เปดเผย/ปดบัง เนื้อเรื่อง หีอตัว ละคร เปลี่ยนมุมมอง บอกสถานที่ เนนอารมณและอื่นๆอีกมากมาย ที่ตองการ สื่อ ความหมายบางอยางในฉากของ ผูกํากับ มุมกลองเกอดขึ้นจากการวางตําแหนงคนดูทําใหทํามุมกับตัวละคร หรือวัตถุทําใหมองตัว ละครในองศาที่แตก ตางกัน จึงแบงมุมกลองไดดังนี้ 2.8.2.1 มุมสายตานก (Bird’s-eye view) มุมชนิดนี้มักเรียกทับศัพทจะทําใหเขาใจมากกวา เรียกวามุมดานบนหรือเหนือศรีษะ ทํามุม ตั้งฉากเปนแนว ดิ่ง 90 องศากับผูแสดง เปนมุมมองที่เราไมคุนเคยทําชีวิตประจําวันจึงเปนมุมที่แปลก แทนสายตานกที่อ ยูบนทองฟา มุมกลองที่คลายกับมุม Bird’s-eye view คือ Aerial shot ซึ่งถายมา จากเฮลิคอปเตอรหรือ เครื่องบินบางก็เรียกวา Helicopter shot หรือ Airplane shot เปนภาพที่ ลาน ถายมาจากดานบนทั้งสิ้น 2.8.2.2 มุมสูง (High-angle shot) เป น มุ ม ที่ ก ล อ งอยู ด า นบนหรือ วางไว บนเครน (Crane) ถ า ยกดมาที่ ผูแสดง แต ไ ม ตั้ งฉาก เทากับมุม Bird’s-eye view มุมสูงที่มีองศาประมาณ 45 องศา เปนมุมมองที่เห็นผูแสดงหรือวัตถุอยู ตํากวา ใชแสดง แทนสายตามองไปยังพื้นเบื้องลาง ถาใชกับตัวละครจะมีความรูสึกาต ต อย ไรศักดิ์ศรี ไมมีความสําคัญ หรือ เพื่อใหเห็นลักษณะภูมิประเทศหรือความกวางใหญไพศาลของภูมิทัศนเมื่อใชกับ ภาพระยะไกล (LS)
34
2.8.2.3 มุมระดับสายตา (Eye-level shot) เปนมุมที่มีความหมายตามชื่อคือใชแทนสายตาซึ่งทําใหคนดูมีสวนรวมในภาพดวย ระดับ กลอง ระดับตัว ละคร และระดับสายตา เปนระดับเดียวกัน ถึงแมวามุมระดับสายตาเปนมุมที่เราใช มองในชีวิตประจําวัน แตก็ถือ วาเปนมุมที่สูงกวาหนาอกเล็กนอย 2.8.2.4 มุมตํา (Low-angle shot) คือมุมที่ตํากวาระดับสายตาของตัวละครประมาณ 70 องศา ทําใหเกิดความลึกของวัตถุ หรือ ตัวละคร มี ลักษณะเปนสามเหลี่ยมรูปทรงเรขาคณิต ใหความมั่นคง นาเกรงขาม ทรงพลังอํานาจ ความเปนวีรบุรุษ และ บงบอกถึงความโออา มั่งคั่งของสถานที่แหงนั้น 2.8.2.5 มุมสายตาหนอน (Worm’s-eye view) เปนมุมที่ตรงกันขามกับมุมสายตานก (Bird’s-eye view) กลองเงยตั้งฉาก 90 องศากับตัว ละคร หรือวัตถุ บอกตําแหนงของคนดูอยูตําสุดมองเห็นพื้นหลังเปนเพดาน หลังคา หรือทองฟา เปน มุมแปลกนอก เหนือจากชีวิตประจําวันอีกมุมหนึ่ง 2.8.2.6 มุมเอียง (Oblique angle shot) เปนมุมที่มีเสนระนาบ (Horizontal line) ของเฟรมไมอยูในระดับสมดุล เอียงไปดานใด ดาน หนึ่งเขาหาเสน ตั้งฉาก(Verticalline) ความหมายของมุมนี้คือ ความไมสมดุลลาดเอียงของพื้นที่ บาง สิ่งบางอยางที่อยูใน สภาพไมดีเชน ในฉากชุลมุลโกลาหล แผนดินไหว ถาใชแทนสายตาของตัว ละคร หมยถึงคนเมาเหลา หกลม สับสน ใหคามรูสึกที่ตึงเครียด 2.8.2.7 มุมเฝามอง (Objective camera angle) คือมุมแอบมองหรือเฝามองตัวละคร แอ็คชั่นแหละเหตุการณที่กําลังเกิดขึ้นในหนัง เปนมุม เดียวกันกับ กลองแตมองไมเห็นคนดูซึ่งคนดูจะอยูหลังกลองโดยผานสายตาของตากลอง หรือบางที เปนการถายโดยคน แสดงไมรูตัว เรียกวาการแอบถาย (Candid camera) 2.8.2.8 มุมแทนสายตา (Subjective camera angle) เปนมุมมองสวนตัวหรือเรียกวา มุมแทนสายตาซึ่งเปนการนําพาคนดูเขามามีสวนรวมใน ภาพดวย เชน นัก แสดงมองมาที่กลองซึ่งจะใหความรูสึกเหมือนมองมาที่คนดูหรือพูดกับ กลอง เชน การอานขาว พีธีกรรายการตางๆ เปนตลักษณะของมุมกลองชนิดนี้
35
เปนความสัมพันธกันระหวาง สายตาตอสายตา (Eye-to-eye relationship) แทนสายตาตัว ละคร เปนการเปลี่ยนสายตาขอคนดูจากการเฝามองมาเปนแทน สายตาในทันทีซึ่งคนดูก็ได เห็นรว มกันกับตัวละคร เชน ตัวละครมองไปที่หนาตาง จากนั้นภาพก็ตัดไป เปนมุมแทน สายตาตัวละครที่มองไปนอกหนาตาง 2.8.2.8 มุมมองใกลชิด (Point-of-view camera angle) มุ ม มองใกล ชิ ด นี้ เรี ย กง า ยๆว า มุ ม พี โ อวี (POV) เป นมุ ม กึ่ ง ระหว า งมุ ม Objective กั บมุ ม Subjective สวนใหญขนาดภาพที่ใชมักเปนภาพระยะใกลกับระยะปานกลาง เพื่อใหสามารถ มองเห็น ภาพการแสดงออก ของใบหนาตัวละครไดอยางชัดเจน มุมนี้มักจะใชช็อตผานไหล หรื อ Over-the- shoulder การใช มุ ม กล อ ง ควรคํ า นึ ง ถึ ง พื้ น ที่ ว า ง(Space) และมุ ม มอง (Viewpoint) ซึ่งตองสัมพันธกันทั้งขนาดภาพ มุมมอง และความ สูงของกลอง ที่มา : http://www.oknation.net/blog/i-film/2007/07/03/entry-1 ในแต ล ะขนาดภาพจะทํ า หน า ที่ อ ธิ บ ายความหมาย, อารมณ และบรรยากาศที่ ต า งกั น การเลือกใชขนาดภาพและมุมกลองที่ตางกัน มีผลตออารมณของคนดู ดังนั้นการเลือกใชตองมีความ สอดคลองกับเนื้อหาขอมูลที่เราจะสื่อสารออกไปดวย
2.9 การจัดองคประกอบภาพ (Composition) 2.9.1 การจัดองคประกอบภาพ คือ การจัดองคประกอบภาพ หรือ Composition ขึ้นอยูกับความคิดสรางสรรคซึ่งไมสามารถ กําหนดไดอยางตายตัว หรือไมมีรูปแบบที่แนนอน การวางองคประกอบภาพไดดีกวาก็จะไดเปรียบ และ อาจไดภาพที่สวยกวา การจัดองคประกอบภาพ ในภาพจะเกิดขึ้นจากการรวมสวนประกอบ หลายๆ สวน เขาดวยกัน เชน จุด เสน รูปทรง พื้นที่วางในภาพ พื้นผิว หรือสีซึ่งในแตละสวนจะสื่อ ถึง อารมณของ ภาพดวยกันทั้งสิ้น ขึ้นอยูกับวาผูถายภาพจะสื่อถึงอะไรและจะใชองคประกอบใดบาง เขา มาอยูในภาพ
36
2.9.2 คิดกอนถาย กอนที่เราจะกดถาย ควรจะทราบกอนวาถายภาพอะไร และตองการสื่อถึงอะไร เริ่มคิดวา เราตองการสื่ออะไร อยางนอยเมื่อเรามองภาพที่ถาย ก็จะทราบวาถายเพราะอะไร เชน ถาเราเห็น ดอกไมกําลังแยมกลีบใหมๆ ถาถายภาพ ไมไดคิดอะไรก็คงจะกดถายไดภาพดอกไมมา 1 ดอกที่มี สีสรรคสวยงาม แตถาเราเริ่มคิดอีก ดอกไมนี้แสดงถึงความ สดใส หรือสิ่งดีๆใหมๆที่กําลังจะเกิดขึ้น เราก็อาจจะถาย ดอกไมพรอมหยาดนาคางที่สองแสงสะทอนใหเห็นถึงความ สดใส ซึ่งก็ถือเปนการ พัฒนาไปอีกขั้นสําหรับ การถายภาพ 2.9.3 กฎสามสวน (Rule of Third) กฎสามสวน หรือ Rule of Third คือ การจัดวางตําแหนงหลักของภาพถาย เปน องคประกอบหนึ่งที่สามา รถทําใหเกิดผลทางดานแนวความคิด และความรูสึกไดการวาง ตําแหนงที่เหมาะสม ของจุดสนใจในภาพ เปนอีกสิ่ง หนึ่งที่สําคัญ กฎสามสวนกลาวไววา ไมวาภาพจะอยูแนวตั้งหรือแนวนอน ก็ตาม หากเราแบงภาพนั้นออกเปนสามสวน ทั้งตาม แนวตั้งและแนวนอน แลวลากเสนแบงภาพทั้งสาม เสน จะเกิดจุดตัดกันทั้งหมด 4 จุด ซึ่ง จุดตัดของเสนทั้งสี่นี้ เปนตําแหนงที่เหมาะสมสําหรับการจัดวาง วัตถุที่ตองการเนนใหเปน จุ ด เด น หลั ก ส ว นรายละเอี ย ดอื่ นๆนั้ น เป นส ว นสํ า คั ญ ที่ ร องลงมา การจั ด วาง ตํ า แหนง จุดเดนหลักไมจําเปนจะตองจํากัดมากนัก อาจถือเอาบริเวณใกลเคียง ทั้ง สี่จุดนี้
ภาพที่ 19 จุดตัด9ชอง ที่มา : https://kittituch55540083.files.wordpress.com/2013/09/post-21-1221539650.jpg
37
นอกจากนี้เรายังสามารถใชแนวเสนแบง 3 เสนนี้เปนแนวในการจัดสัดสวนภาพก็ไดอยาง การ จัดวางเสนข อบฟาใหอยูในแนวเสน แบง โดยใหสวนพื้นดินและทองฟาอยูในอัตราสวน 3:1 หรือ 1:3 แตไมควรแบง 1: 1
ภาพที่ 20 จุดตัด9ชอง ที่มา : http://pigusso.com/blog/wp-content/uploads/2015/04/ex_Roleofthird4.jpg
ภาพที่ 20 จุดตัด9ชอง ที่มา:sites.google.com/site/mayoniis/_/rsrc/1324086361940/page2/page/3%20(1).jpg
38
จากตัวอยางจะเห็นไดวา อัตราสวนระหวางพืน้ ดินกับทองฟาเปน 1:3 นอกจากนี้ตําแหนงจุด สนใจยั ง อยู ที่ บ ริ เ วณจุ ด ตั ด ทํ า ให ภ าพดู ส มบู ร ณ แ ละน า สนใจยิ่ ง ขึ้ น และเรายั ง สามารถนํ า ไป ประยุกตใชในการจัดองคประกอบภาพอื่นๆ โดย ใชหลักการเดียวกัน
ภาพที่ 21 ชัดลึกและชัดตื้น ที่มา : http://photonextor.com/home/wpcontent/uploads/2012/04/aperture51.jpg 2.9.4 ชัดลึกและชัดตื้น (Depth of field) ชัดลึกและชัดตื้น หรือ Depth of Field คือระยะระหวางวัตถุภายในภาพที่ยังคงอยู ในระยะโฟกัส โดยระยะนี้จะถูก ควบคุมโดยขนาดรูรับแสงและทางยาวโฟกัสของเลนสโดย ทางยาวโฟกัส ที่มาก Depth of Field ก็จะนอย ทางยาว โฟกัสนอย Depth of Field ก็จะ มาก พูดแบบงายๆก็คือ ซูม มาก เชน ซูมที่ 200 มม. ภาพก็จะชัดตื้น และในทาง กลับกัน ซูมนอยๆ เชน ที่ 18 มม. ภาพก็จะชัดลึกนั่นเอง
39
ชัดลึก คือ ภาพทั้งภาพดูชัดไปหมด ตั้งแตฉากหนาไปจนถึงฉากหลังในภาพ เปน ภาพตองการความชัดลึกสูงก็ คือภาพวิวทิวทัศนเพราะเราตองการนําเสนอสถานที่นั้นๆใหแก ผูชมภาพ ดังนั้นเราจึงควรจะนําเสนอรายละเอียดของ วิวทิวทัศนนั้นใหไดมากที่สุด เพื่อที่ผูชมจะไดรับรูวาสถานที่ นั้นๆมีอะไรบาง วิธีการถายภาพชัดลึกก็คือ ใชขนาดรู รับ แสงแคบๆ เชน f/8 ขึ้นไป และใชระยะโฟกัส สั้นๆ เชน 18 มม.ลงมา การใชรูรับแสง แคบๆนั้นจะตองระวังเรื่องความ เร็วชัตเตอรที่จะตําลงไปดวย เพราะฉะนั้นควรใชขาตั้งกลอง ควบคูไปดวย
ภาพที่ 22 Perspective ที่มา : https://i.ytimg.com/vi/XRrKohWdpeQ/maxresdefault.jpg ชั ด ตื้ น คื อ ภาพที่ มี ส ว นชั ด และส ว นเบลอๆ ไม ไ ด ชั ด ไปหมดทั้ ง ภาพ เป นภาพที่ ตองการเนนจุดสนใจในภาพใหเดนขึ้ นมา เชน ภาพบุคคล เราไมตองการใหอะไรมาแยงซีน ไปจากนาง แบบหรือนายแบบของเรา เพราะฉะนั้น จะตองทําใหพวกเขาเดนขึ้นมา ทําไดโดย ใชรูรับแสงกวางๆ (f/8 ลงมา) และระยะโฟกัสยาวๆ (50 มม. ขึ้นไป) ภาพที่ ไดก็จะเห็น นางแบบคมชัด สวนฉากหลังนั้นเบลอไป บางทีก็มีโบเกแถมมาใหอีกตางหาก เพิ่มความสวย ไดอีกแบบ ที่มา : https://i.ytimg.com/vi/XRrKohWdpeQ/maxresdefault.jpg การเลือกใชกฎการจัดวางองคประกอบศิลปในการถายทําเปนสิ่งที่เราไมควรมองขาม เพราะ จะมี ผ ลกั บงานโดยตรง ถ า เราใช ก ารวางองค ประกอบศิ ล ป ที่ ล งตั ว งานที่ อ อกมาต อ งทํ า ให ค นดู ประทับใจแนนอน
40
บทที่ 3 ขั้นตอนการดําเนินงาน การทําโครงงานการพัฒนาวีดีโออารต เพื่อสรางมิติเชิงบวกของจังหวัด ปตตานี เปนการ นําเสนอมุมมองเชิงบวกของจังหวัดปตตานีเพื่อเปนตัวแทนของภาพลักษณของสามจังหวัด โดยใช รูปแบบการนําเสนอแบบวีดีโออารต โดยมีจุดประสงคเพื่อลบทัศนคติที่เปนลบของคนนอกพื้นที่ที่มีตอ สามจังหวัด ซึ่งกระบวนการทํางานและขั้นตอนการดําเนินงาน ดังนี้ ผังกระบวนการทํางาน คนควาขอมูล
ปรึกษาผูเชี่ยวชาญดานวีดีโอ รวบรวมและวิเคราะหขอมูล
กําหนดอารมณของแตละหัวขอ, ทํา Mood Board และวาง Timeline หยาบๆ ถายทํา เรียบเรียง, ตัดตอ, Visual Effect , Sound Mix, Color Grading, Rendering
Pre-Production Production Post-Production ใหผูเชี่ยวชาญติชมงาน พัฒนางานจากคําติชม ผาน ประเมินโครงการ
สรุปผลการประเมินโครงการ 40
41
3.1 ขั้นตอน Pre-Production นับเปนขั้นตอนที่มีความสาคัญเปนอยางยิ่งกอนเริ่มทําการผลิตภาพยนตร ไดแกการเตรียม ขอมูล การกําหนดหรือเคาโครงเรื่อง การประสานงาน กองถายกับสถานที่ถายทํา ประชุมวางแผนการ ผลิต การเขียนสคริปต การจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณการถายทํา อุปกรณการบันทึกเสียง หองบันทึกเสียง หองตัดตอ อุปกรณประกอบฉาก อุปกรณแสง การเตรียม ทีมงาน ทุกฝาย การเดิน ทาง อาหาร ที่พัก ฯลฯ หากจัดเตรียมรายละเอียดในขั้นตอนนี้ไดดี ก็จะสงผลใหขั้นตอนการผลิตทาไดงายและรวดเร็ว ยิ่งขึ้น 3.1.1 การคนควาขอมูล 3.1.1.1 ขอมูลเกี่ยวกับจังหวัดปตตานี จังหวัดปตตานีเปนจังหวัดที่มีสิ่งที่นาสนใจอยูหลายเรื่อง ที่คนนอกพื้นที่ยัง ไมเห็น ซึ่งผูจัดทําโครงงานไดแบงเปนสี่หมวดใหญๆ ประกอบดวย ดานการทองเที่ยว , ดานวิถีชีวิตและวัฒนธรรม, ดานศิลปะการแสดงและ ดานอาหารประจําถิ่น โดยแต ละอยางก็จะใหอารมณความรูสึกที่ตางกัน 3.1.1.2 ขอมูลเกี่ยวกับวีดีโออารต วีดีโออารตคือศิลปะการเลาเรื่องดวยภาพเคลื่อนไหว ที่ใชเทคนิคการทํา แบบใหมที่เพิ่มความนาสนใจของเนื้อหาที่นําเสนอมากขึ้นกวาวีดีโอทั่วไป โดยใช เทคนิคพิเศษ ในการถายทําและใช Visual Effect เขามาชวยเพื่อเพิ่มความนาสนใจ ใหกับงาน
ภาพที่ 23 วีดีโออารต ที่มา : Watchtower of Turkey on Vimeo
42
3.1.2 การสราง Mood Board 3.1.2.1 วิเคราะหอารมณ สถานที่ทองเที่ยว
วิถีชีวิตและวัฒนธรรม
การละเลนพื้นเมือง อาหารประจําถิ่น
หาดแฆแฆ = ทะเลที่สงบ หาดตะโละกาโปร = ทิวสนและตนมะพราว ศาลเจาแมลิ้มกอเหนี่ยว = ใหอารมณอารมณความขลัง วัดชางให = ใหอารมณความสงบ มัสยิดกลาง = ความสวยงามของสถาปตยกรรม ศาลหลักเมือง = ใหอารมณความสงบ มัสยิดกรือเซะ = ความเกาแก น้ําตกทรายขาว = ความรมรื่น การกุรบาน = ความศรัทธา บรรยากาศตลาดนัด = ความเปนกันเอง การศักการะบูชา = ความศรัทธา การละหมาด = ความศรัทธา เรือกอและ = ความสวยงาม การกุรบาน = ความศรัทธา บรรยากาศตลาดนัด = ความเปนกันเอง การศักการะบูชา = ความศรัทธา การละหมาด = ความศรัทธา เรือกอและ = ความสวยงาม ปนจสิลัต = ความกลาหาญ ดิเกรฮูลู = ความพรอมเพรียง ไกกอและ = ความหอมหวาน ขาวยําปกษใต = ความเขากัน นาซิดาแฆ = ความหอมมัน ชาชัก = ความนุมของฟอง โรตีมะตะบะ = กรอบนอกนุมใน ตารางที่2 การวิเคราะหอารมณ
43
3.1.2.2 วาง Timeline (หยาบๆ) ความยาววีดีโอประมาณ 4-5 นาที โดยวาง Mood ของเรื่องประมาณนี้ Peak
Peak Silent
Silent
Silent
00.00
01.00
02.00
Mood Board
ภาพที่ 24 Moodboard
03.00
04.00
44
3.2 ขั้นตอน (Production) เปนขั้นตอนการดําเนินการถายทําภาพยนตร(ออกกอง)ทีมงานผูผลิตไดแก ผูกํากับภาพยนตร ชางภาพ ชางไฟ ชางเทคนิคเสียง ชางศิลป ผูแตงหนาทําผม ผูฝกซอมนักแสดง รวมทั้งการบันทึกเสียง ตามที่กําหนดไวในสคริปต ขั้นตอนนี้อาจมีการถายทําแกไขหลายครั้งจนเปนที่พอใจ (take) นอกจากนี้ อาจจําเปนตองเก็ บภาพ/เสีย งบรรยากาศทั่วไป ภาพเฉพาะมุมเพิ่มเติ ม เพื่อใชใ นการขยายความ (insert) เพื่อใหผูชมไดเห็นและเขาใจรายละเอียดมากยิ่งขึ้น
ภาพที่ 25 เบื้องหลังการถายทํา
ภาพที่ 26 เบื้องหลังการถายทํา
ภาพที่ 27 เบื้องหลังการถายทํา
45
ภาพที่ 28 เบื้องหลังการถายทํา
ภาพที่ 29 เบื้องหลังการถายทํา
3.3 ขั้นตอนหลังการถายทํา (Post Production) เปนขั้นตอนการตัดตอเรียบเรียงภาพและเสียงเขาไวดวยกันตามสคริปตหรือเนื้อหาของเรื่อง ขั้นตอนนี้จะมีการใสกราฟกและเทคนิคพิเศษภาพ การเชื่อมตอ ภาพ/ฉาก อาจมีการบันทึกเสียงใน หองบันทึกเสียง เพิ่มเติม อีกก็ได อาจมีการนําดนตรีมาประกอบ เรื่องราวเพื่อเพิ่มอรรธรสในการ รับชมยิ่งขึ้น ขั้นตอนนี้สวนใหญจะดําเนินการอยูในหองตัดตอ มีเฉพาะ คนตัดตอ (Editor) ผูกํากับ ภาพยนตรและชางเทคนิคที่เกี่ยวของเทานั้น
46
3.3.1 การเรียบเรียง-ตัดตอ กอนที่จะเริ่มการตัดตอวีดีโอตองเริ่มจากการจัดการไฟลที่เปนระบบ เพื่อการทํางาน ที่ลื่นไหลไปตามขั้นตอนที่ถูกตองตามกระบวนการทํางานจริง จากนั้นก็จะเริ่มเรียบเรียง ฟุตเทจตามโครงเรื่องที่วางใวใน Moodboad แบบหยาบๆ
ภาพที่ 30 เบื้องหลังการถายทํา
ภาพที่ 31 เบื้องหลังการถายทํา
47
3.3.2 ขั้นตอนการใส Visual Effect เทคนิคพิเศษทําใหวีดีโอดูมีความนาสนใจมากขึ้น ซึ่งขั้นตอนนี้เราไมสามารถทําใน โปรแกรม Premiere Pro ได ขั้นตอนนี้เราใชโปรแกรม After Effcet ในการทําเอฟเฟคตางๆ ไมวาจะเปน Transition ที่ดู Smooth กวาเดิม รวมไปถึงการ Compost ภาพตางๆหลังจาก การตัดตอเบื้องตน
ภาพที่ 32 ขั้นตอนการใส Visual Effect 3.3.3 ขั้นตอนการมิกซเสียง ระบบเสียงที่ดีของวีดีโอเปนหัวใจสําคัญของวีดีโอที่ทําใหคนดูเชื่อ และมีอารมณ ร ว มกั บ ภาพที่ ป รากฏ หลั ง จากที่ เ ราใส Visual Effect เรี ย บร อ ยแล ว ก็ เ ป น การจั ด การ ระบบเสียงใหมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ภาพที่ 33 ขั้นตอนการใส Visual Effect
48
3.3.4 ขั้นตอนการแตงสีภาพ เนื่ อ งจากภาพที่ เราถ ายมาเป นภาพที่ม าจากสภาพแสงที่ตางกัน นอกจากนี้แลว เพื่อใหงานมี Mood เดียวกันทั้งงานจึงจําปนตองย อมสีใ หภาพเหมือ นกัน ดังนั้นขั้นตอน สุดทายของการตัดตอวีดีโอ คือการแตงสีภาพทีละคลิป เพื่อความสมบูรณที่สุดของงาน
ภาพที่ 34 ขั้นตอนการการแตงสีภาพ 3.3.5 ขั้นตอน Render&Export หลังจากจัดการทุกอยางแลวก็ทําการ Render&Export เปน Format H.264 ขนาด 1920x1080p ที่ 25fps
ภาพที่ 35 ขั้นตอนการการแตงสีภาพ
49
3.4 การพัฒนางานจากความคิดเห็นของผูเชี่ยวชาญ จากการสอบถาม อาจารยรณรงค บุตรทองแกว ตําแหนง Editor อยูท่ีบริษัท Jamesdeen BKK เห็นวา มีการลําดับเรื่องคอนขางดี อาจจะมีบางสวนที่ยังติดการเปลี่ยนฉาก (Transition) ที่ดูไม คอยเนียน แตภาพรวมเปนไปในทิศทางที่ดี หลั ง จากได รั บ คํ า แนะนํ า จากผู เ ชี ย วชาญ ก็ ไ ด พั ฒ นางานบางส ว นในขั้ น ตอน Post-Production จนไดผลงาน Draft2 ที่สมบูรณมากขึ้นกวาเดิม
50
บทที่ 4 ผลการดําเนินงาน การดําเนินโครงงานการพัฒนาวีดีโออารต เพื่อสรางมิติเชิงบวกของจังหวัดปตตานี ผูจัดทํา โครงงานไดดําเนินการจัดทําโครางงานและทําการวิเคราะหผลงาน ดวยวิธีการทางสถิติและความ คิดเห็นของผูเชี่ยวชาญ โดยจะนําเสนอผลการดําเนินงานดังนี้
4.1 ผลที่ไดจากการดําเนินโครงงาน หลังจากที่ไดศึกษาและวิเคราะหกระบวนการทั้งหมด ผูจัดทําโครงงานก็ไดลงพื้นที่ถายทําจริง ตามแผนที่ไดวางใว จากนั้นก็ไดเรียบเรียงและตัดตอตัวชิ้นงาน รวมถึงการแกไขและพัฒนางานจาก คําแนะนําจากผูเชี่ยวชาญจนไดงานที่เสร็จสมบูรณ
ภาพที่36 ภาพปกผลงาน
50
51
ภาพที่37 ภาพจากชิ้นงาน
52
ภาพที่38 ภาพจากชิ้นงาน
53
4.2 ผลการวิเคราะหผลงาน 4.2.1 การวิเคราะหจากผูเชี่ยวชาญ จากการสอบถาม อาจารยรณรงค บุตรทองแกว ตําแหนง Editor อยูท่ีบริษัท Jamesdeen BKK เห็ น ว า มี ก ารลํ า ดั บ เรื่ อ งค อ นข า งดี อาจจะมี บ างส ว นที่ ยั ง ติ ด การเปลี่ ย นฉาก (Transition) ที่ดูไมคอยเนียน แตภาพรวมของงานแลวเปนไปในทางที่ดี 4.2.2 การวิเคราะหจากกลุมเปาหมาย ผลการประเมินแบบออนไลน จากกลุมเปาหมายทั้งหมด 32 คน
อายุเฉลี่ย อยูที่ 27 ป
54
ตารางผลการวิเคราะหผลงาน รายการ การเขาถึงอารมณของพืน้ ที่ มุมกลอง เสียง ความตอเนื่องของภาพ สีของภาพ การเลาเรื่อง สัมผัสมุมมองเชิงบวกของปตตานี
5 26 32 28 23 26 24 26
4 6 0 4 9 6 8 6
3 0 0 0 0 0 0 0
2 0 0 0 0 0 0 0
1 0 0 0 0 0 0 0
คาเฉลี่ย 4.8 5 4.9 4.7 4.8 4.7 4.8
สรางภาพลักษณใหกับจังหวัด 29 3 0 0 ปตตานี รวม ตารางที่ 3 ตารางผลการวิเคราะหผลงาน
0
4.9 4.8
เกณฑวัดความพึงพอใจ 1.00 – 1.49 หมายถึง ต่าํ มาก 1.50 – 2.49 หมายถึง ต่าํ 2.50 – 3.49 หมายถึง ปานกลาง 3.50 – 4.49 หมายถึง ดี 4.50 – 5.00 หมายถึง ดีมาก
สรุ ป ได ว า ผลการประเมิ น ผลที่ ไ ด้ คื อ อยู่ ใ นเกณฑ์ ที่ ด ีม าก เนื่ อ งจากส ว นใหญ แ ล ว กลุ ม เป า หมายที่ ใ ห ดู เ ป น คนนอกพื้ น ที่ ทํ า ให ง านที่ อ อกมา ดู พิ เ ศษมากขึ้ น เพราะโดยปกติ แล ว คนนอกพื้นที่ก็จะเห็นแตมุมมองของสถานการณความไมสงบเทานั้น อีกทั้งยังชื่นชมการเลาเรื่อง แบบวีดีโออารตที่ดูลื่นไหลไมสะดุดทําใหดึงคนดูใหดูวีดีโอจนจบได
55
บทที่ 5 สรุป และขอเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการดําเนินงาน ผลที่ไดจากการทําโครงงานการพัฒนาวีดีโออารต เพื่อสรางมิติเชิงบวกของจังหวัดปตตานี คือ การนําเสนอขอมูลเชิงสารคดีผานมุมมองและกระบวนการถายทําแบบภาพยนตร เพื่อนําเสนอปตตานี ในเชิงบวก เพื่อสรางภาพลักษณที่ดีใหกับจังหวัดปตตานี เปนวีดีโอความยาว 5 นาที 52 วินาที และ ได ผ ลตอบรั บ จากการเผยแพร ใ ห กั บ กลุ ม เป า หมายหลั ก บางส ว นปรากฏว า อยู ใ นเกณฑ ที่ ดี ม าก เนื่องจากการเลาเรื่องดวยเทคนิคของวีดีโออารตเปนมิติใหมของจังหวัดปตตานีในมุมมองที่แปลกใหม ทําใหทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ดูแลวมีอารมณรวมไปกับเนื้อหาที่นําเสนอไดดี เพราะภาพที่ใชเปน ภาพที่ถายจากสภาพชุมชนจริงๆ จึงทําใหคนดูเขาถึงอารมณของพื้นที่ไดดี มุมกลองที่ใชเปนมุมมอง เป นมุ ม มองของภาพยนตร ทํ าให ไ ด ภ าพที่ แปลกตากว ามุ ม มองปกติ การเสี ย งของวี ดี โ อเป นเสียง ระบบ Sterio Seround ทําใหเสียงที่ไดดูสมจริงและกลมกลืนไปกับภาพ ความตอเนื่องของภาพดี สีของภาพดี ผูชมไดสัมผัสกับมุมมองเชิงบวกของปตตานีตามวัตถุประสงคอยางดี และวีดีโอชิ้นนี้ได สรางภาพลักษณใหกับจังหวัดปตตานีไดดีมาก สรุปไดวา ผลการประเมินที่ได อยูในเกณฑที่ดีมาก เนื่องจากสวนใหญแลวกลุมเปาหมายที่ใหดู เปนคนนอกพื้ นที่ ทําใหงานที่ออกมา ดูพิเศษมากขึ้ น เพราะโดยปกติแลวคนนอกพื้นที่ จะเห็นมุมมองของสถานการณความไมสงบดานเดียว อีกทั้งยังชื่นชม การเลาเรื่องแบบวีดีโออารตที่ทําใหมีความนาสนใจในเนื้อหามากขึ้นไปอีก
5.2 ปญหาที่พบ 5.2.1 ป ญ หาในช ว งถ า ยทํ า (Production) คื อ คนที่ เ รากํ า ลั ง ถ า ยมี ค วามระแวง เนื่องจากเขาไมรูจักเรา ไมรูวาเราถายไปทําอะไรทําใหไมคอยไดรบั ความรวมมือในการถายทํา 5.2.2 ปญหาในชวงตัดตอ (Post-Production) ปญหาเรื่องสภาพแสงที่ตางกันในแต ละ Scene ทําใหตองมาปรับสีทีละคลิปเพื่อคุมภาพรวมของงานใหมีแนวทางเดียวกัน
55
56
5.3 ขอเสนอแนะ การที่เราจะไดชิ้นงานที่มีคุณภาพ มีแนวทางในการปฏิบัติดังนี้ 5.3.1 ควรศึกษาเนื้อหาขอมูลที่เราจะทําใหอยางถี่ถวน และควรหาขอมูลมาจาก หลายๆแหลงสื่อ เพื่อที่เราจะไดขอมูลทีมีคุณภาพมากที่สุด 5.3.2 ทุกครั้งที่ออกไปถายควรใสเสื้อช็อปเพราะเปนการแสดงตนวาเราคือนักศึกษา และ ก อ นที่ เ ราจะถ า ย เราควรไปขออนุ ญ าตและไปคุ ย ทํ า ความรู จั ก กั บ เขาก อ น ทํ า ให ดําเนินการถายทําไดงายขึ้น 5.3.3 เราตองจัดการเก็บไฟลจํานวนมากใหเปนระบบ เพื่อลดปญหาในการหาไฟล ไมเจอและควรสํารองขอมูลเปนสองชุด เพื่อความปลอดภัยของงาน 5.3.4 ควรศึกษาการใชงานโปรแกรม Premiere Pro และ After Effect ใหคลอง กอนที่จะทํางานจริง เพราะชวงเวลาทํางาน Post-Production มีเวลานอยมาก ถาเราเอา เวลาไปศึกษาโปรแกรมดวย ก็อาจจะจบงานนี้ไดยาก 5.3.5 สิ่งที่ควรทําตอจากงานชิ้นนี้ อาจจะเปนการสรางแคมเปญดีดีที่เลาภาพลักษณ เชิงบวกของจังหวัดปตตานี โดยการสรางสื่อหลายๆแบบ แลวทําแผนการประชาสัมพันธท่ีดี นาจะเปนแนวทางทีท่ ําใหไดรับความสนใจจากคนนอกพื้นที่ไมนอย
57
บรรณานุกรม
58
บรรณานุกรม ขอมูลจังหวัดปตตานี. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : https://sites.google.com/site/thaukaenoi/home (วันที่คนขอมูล : 25 สิงหาคม 2559) คุณสมบัติของวิดีโอ. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : 0www.vdolearning.com/vdotutor/videoknowledge/89-what-is-video (วันที่คนขอมูล : 28 สิงหาคม 2559) ขั้นตอนการผลิตวีดีโอ. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://princezip.blogspot.com/ (วันที่คน ขอมูล : 28 สิงหาคม 2559) สัญญะศาสตร. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก :http://digi.library.tu.ac.th/thesis/jc/1580/ 09CHAPTER_2.pdf (วันที่คนขอมูล : 28 สิงหาคม 2559) การสรางมูดบอรด. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://etcserv.pnru.ac.th/pcc/silpagum/kn owledge01.html (วันที่คนขอมูล : 28 สิงหาคม 2559) ขนาดภาพและมุมกลอง. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.oknation.net/blog/ifilm/2007/07/03/entry-1 (วันที่คนขอมูล : 28 สิงหาคม 2559) การจัดองคประกอบภาพ. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://men.kapook.com/view112740.html (วันที่คนขอมูล : 28 สิงหาคม 2559)
59
ภาคผนวก
60
แบบประเมินโครงงานการพัฒนาวีดีโออารต เพื่อสรางมิติเชิงบวกของจังหวัดปตตานี https://goo.gl/069RpG (เขาถึงเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559)
61
62
63
ประวัติผูจัดทําโครงงาน ชื่อ – สกุล รหัสประจําตัว วันเกิด ที่อยู เบอรติดตอ อีเมล
นายฮาซัน ตาเละ 5620610008 2 กุมภาพันธ 2537 3/3 หมู 5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปตตานี 94160 083-659-4702 hasoniostudio@gmail.com
ประวัติการศึกษา ระดับอนุบาลศึกษา ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ระดับอุดมศึกษา
โรงเรียนชุมชนบานปูยุด โรงเรียนชุมชนบานปูยุด โรงเรียนบํารุงอิสลาม ปตตานี สาขานวัตกรรมการออกแบบและสรางสรรคสื่อ คณะวิทยาการสื่อสาร มหาวิทยาลัยสงขลานคริทร วิทยาเขตปตตานี