Manifestation of human virtues: PROPHET MUHAMMAD ALI FATIMAH HASAN AND HUSAIN

Page 1


ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้เมตตาเสมอ

ศาสดามุฮัมหมัด อะลี ฟาฏิมะฮ์ ฮาซันและฮูเซน (อ.) แบบฉบับ แห่งคุณธรรม Manifestation of human virtues:

PROPHET MUHAMMAD ALI FATIMAH HASAN AND HUSAIN

แปลและเรียบเรียงโดย : เชคกุลามอะลี อบอซัร ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 1


‫مظاهر فضائل انسانیت‬ )‫محمد(ص)علی(ع)فاطمه(س)حسن(ع) حسین(ع‬ ชื่อหนังสือ : ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี TITLE : ผู้เขียน : เชค มุฮ์ซิน ชะรีอัต Author : MUHSIN SHARIA’T (‫ محسن شریعت‬: ‫)مولف‬ ถอดความหมายภาษาไทย : เชคกุลามอะลี อบอซัร TRANSLATOR : SHIEKH GHULAMALI ABAZAR )‫ شیخ غالم علی اباذر‬: ‫( مترجم به زبان تای‬ ปีที่พิมพ์ : ครั้งแรก พ.ศ. 2556 YEAR OF PUBLICATION : FIRST EDITION 2013 จ�ำนวนพิมพ์ : 5,000 เล่ม CIRCULATION : 5,000 COPIES จัดพิมพ์โดย ------------------------------------------ออกแบบรูปเล่มและศิลปกรรม ส�ำนักพิมพ์ 14 พับลิเคชั่น สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม 8/7 หมู่ 1 ถนนเสรีไทย ซอยเสรีไทย 6 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10240 โทร 0-2732-5563 โทรสาร 0-2732-5564 อีเมล์ : thaqalayn12@gmail.com

2 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


สารบัญ

หน้า

ค�ำน�ำผู้เขียน ........................................................................ 4 ศาสดามุฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ...................................................... 6 อิมามอะลี (อ.) .....................................................................65 ฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ .............................................................76 อิมามฮาซัน (อ.) ..................................................................80 อิมามฮูเซน (อ.) ...................................................................84 สาส์นถึงมาลิก อัชตัร ..........................................................101

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 3


คำ�นำ�ผู้เขียน ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ผู้ทรงกรุณาปรานีผู้ทรงเมตตานิรันดร มีบางคนเนือ่ งจากความโปรดปรานทีม่ าจากอัลลอฮ์ พวกเขาสามารถ ไปถึงสถานพภาพทีใ่ กล้ชดิ อัลลอฮ์ และพวกเขากลายเป็นตัวอย่างและแบบ อย่างของประชาติในอดีต ท่านศาสดามูฮมั มัด และอะฮ์ลลุ บัยตืของท่านคือ กลุม่ ชนดังกล่าว ชีวติ และและค�ำสอนของพวกเขา มีอทิ ธิพลอย่างส�ำคัญต่อ ชีวิตมนาย์ และช่วยเหลือพวกเขาให้ไปถึงความสูงส่ง แต่สิ่งนี้จะเป็นไปไม่ ได้ จนกระทั่งผู้คนได้เรียนรู้ค�ำสอนและแบบบับของพวกเขา ในความเป็น จริง ความสุส่งของผุ้คนสามารถไปถึงวิทยากรและความรู้ วัตถุปหระสงคืของหนังสือนี้ต้องการแนะน�ำแบบฉบับและค�ำสนอข ของพวกท่านต่ผทุ้ ไี่ ม่ใช่มสุ ลิม ทีใ่ นความจริงหนังสือนีเ้ ป็นเพียงหยดหนึง่ จาก มหาสมุทรแห่งความรูแ้ ละค�ำสอนของท่านศาสดามุอมั มัด และข้าพเจ้าหวังว่า หนังสือเล่มนีส้ ามารถช่วย ในการเพิม่ พุนความรูเ้ กีย่ วกับท่านศาสดามุฮมั มัด หนังสือเล่มนี้ ได้รับการจัดพิมพ์ในภาอังกฤษเป็นครั้งแรก หลังจาก นั้น เชคฆุลาม อะลี อบอซัร แปลเป็นภาษาไทย เพื่อให้ผู้สนใจวิชาการชาว ไทยได้ใช้ประโยชน์ ณ ที่นี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่าน และความอุตสาหะ พยนายมของท่าน ท้ายที่สุดนี้ข้าพเจ้าใคร่ปรารถนาจากท่านผู้อ่านทุกท่านหากมีข้อ แนะน�ำใด กรุณามีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าด้วยอีเมล์นี้ Mohsen.shariat@gmail.com มุฮ์ซิน ชะรีอัต 4 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 5


6 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด

บทน�ำ ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณา ผู้ทรงเมตตานิรันดร์ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ศาสดาแห่งความเมตตา ความส�ำเร็จทางวัฒนธรรมและอารยธรรมของมวลมนุษย์ทั้งหลาย รวมถึงองค์ประกอบในเชิงบวกในชีวิตทางสังคมของมนุษย์ แต่ที่เหนือ ไปกว่าทุกสิ่ง เราได้เป็นหนี้บุญคุณในความเสียสละและการอุทิศตนของ บรรดาผูท้ รงเกียรติซงึ่ มีจติ อันประเสริฐในการน�ำมวลมนุษย์ไปสูก่ ารสร้างให้ เกิดความยุตธิ รรม ความถูกต้อง อิสรภาพ ความเจริญก้าวหน้า จิตวิญญาณ อันเป็นอมตะและความเป็นจริงที่นอกเหนือจากโลกที่มีตัวตนอย่างแท้จริง เพือ่ ทดแทนเหตุอนั ไม่พงึ ปรารถนาของชีวติ มนุษย์ดว้ ยอุดมการณ์ใหม่ พวก ท่านได้อุทิศชีวิตของท่านและทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านครอบครอง บรรดาผู้มี เกียรติผซู้ งึ่ การประพฤติตนและวิถชี วี ติ ของพวกท่านได้รบั การพิสจู น์แล้วถึง ความชอบธรรม ท่านเหล่านัน้ คือบรรดาผูท้ ถี่ กู ทิง้ ไว้เบือ้ งหลังของการพัฒนา ทางสังคมที่มีความลึกซึ้งและยั่งยืน การสร้างความถูกต้องและวัฒนธรรม ที่แท้จริงที่ยังผลให้ชีวิตส่วนตัวและชีวิตทางสังคมก้าวไปสู่ระดับที่ดีเยี่ยม อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฉากที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ มนุษย์ได้ถกู สร้างขึน้ จากความอุตสาหะและการอุทศิ ตนอันทรงคุณค่าของ บุคคลผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตาเหล่านี้ และหากปราศจากการงานของ ท่านทัง้ หลายแล้ว ชีวติ มนุษย์กจ็ ะกลายเป็นหนองน�ำ้ ทีส่ ง่ กลิน่ เหม็น ซึง่ เต็ม ไปด้วยการกดขี่ข่มเหงและความเห็นแก่ตัวของผู้ที่ชอบกดขี่และเห็นแก่ตัว ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 7


มุฮัมมัด หนึ่งในลักษณะของผู้ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์อย่างมากและผู้ที่ สร้างค�ำจ�ำกัดความใหม่ของชีวิตคือ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ผู้ที่ถือ ก�ำเนิดมาประมาณ 1,400 ปีที่แล้ว อาวุธของท่านนบีมุฮัมหมัดคือความ ชาญฉลาด และอ�ำนาจของท่านคือความรัก ซึ่งท�ำให้ท่านสามารถมีอิทธิ ผลต่อสังคมมนุษย์ทั้งหมดอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งขยายขอบเขตออกไปจน ปัจจุบันนี้ ประชาชนมากกว่าหนึ่งพันล้านหรือครึ่งหนึ่งเป็นสาวกที่เลื่อมใส ในทัศนคติ จรรยามารยาท และเจตนารมณ์ของท่าน แม้ว่าในทุกๆ ช่วงเวลาที่ส�ำคัญในชีวิตของบุคคลผู้ทรงเกียรติทั้ง หลายถือเป็นการเรียนรูท้ ที่ รงคุณค่า แต่บางครัง้ บุคลิกและคุณลักษณะของ บุคคลนั้นก็มีความสง่างามและน่านับถือมาก ซึ่งเราต้องการกล่าวถึงเรื่อง ราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของท่านแม้แต่ในช่วงวัยเด็ก โดยมักไม่มีการกล่าวถึง ชีวิตของบุคคลผู้เป็นอัจฉริยะทั้งหลาย ผู้น�ำทางสังคมหรือบรรพ-บุรุษของ แต่ละอารยธรรม ซึ่งเราอาจได้พบกับความน่าสนใจและความประหลาด ใจของข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ต่างๆ อย่างมาก ชีวิตของพวกท่านตั้งแต่ วัยเด็กจนกระทั่งเสียชีวิตเต็มไปด้วยความลับมากมาย ในหนังสือเล่มนี้ เราต้องการกล่าวโดยสังเขปเกี่ยวกับลักษณะ ทัศนคติและวิถีการด�ำรงชีวิต รวมถึงค�ำสอนอันประเสริฐยิ่งของศาสดามุ ฮัมหมัด บุตรของ อับดุลลอห์ (ซ็อลฯ) ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิสลาม และผู้สืบทอด ต�ำแหน่งต่อจากท่านศาสดามุฮัมหมัด บุตรของ อับดุลลอห์ (ซ็อลฯ) คืออิ มาม อะลี บุตร อบูตอลิบ (ขอความสันติจงประสบแด่ท่าน) และท้ายที่สุด เราจะกล่าวถึงลักษณะและเหตุผลทีอ่ ยูเ่ บือ้ งหลังการเคลือ่ นไหวส�ำหรับวัน อาชู-รออ์ของอิมามฮุเซน (ขอความสันติจงประสบแด่ท่าน) หวังว่าผลงาน ชิ้นนี้จะถูกน�ำไปใช้ส�ำหรับนักวิชาการและนักวิจัยทุกท่าน จากทุกศาสนา เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับบุคลิกภาพและคุณลักษณะของบุคคลผู้ท 8 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด เกียรติเหล่านี้มากขึ้น

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 9


มุฮัมมัด

ศาสดาแห่งศาสนาอิสลาม ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เป็นที่รู้จักกันในนามผู้ก่อตั้งศาสนา อิสลามและเป็นศาสดาของชาวมุสลิมทั่วทั้งโลก ซึ่งถือก�ำเนิดในปีคริสต ศักราช 570 ที่เมืองเมกกะ ตั้งอยู่ในคาบสมุทรอาหรับทางตะวันตกเฉียงใต้ ของทวีปเอเชีย โดยคาบสมุทรนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3 ล้าน ตารางกิโลเมตร ซึ่งหนึ่งในสามของดินแดนเป็นพื้นที่ที่มีความแห้งแล้ง มี พื้นพันธุ์ขึ้นอยู่น้อยหรือไม่มีเลย เมกกะตั้งอยู่ใกล้กับทะเลแดง ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหนึ่งที่มีชื่อเสียง มากของโลกและเป็นสถานทีห่ นึง่ ทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ ในการประกอบพิธกี รรมของ ชนชาวมุสลิมทั้งหลายที่เรียกกว่า พิธีกรรมการบ�ำเพ็ญ “ฮัจญ์” ส�ำหรับการ ประกอบพิธี “ฮัจญ์” ในทุก ๆ ปีจะมีชาวมุสลิมประมาณสามล้านคนเดินทาง ไปประกอบพิธีดังกล่าวที่เมืองนี้ เราสามารถอ่านในหนังสือประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่มีขึ้นพร้อมกับ การเกิดของมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ซึ่งมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นมากมาย อาทิ ไฟในวัดของลัทธิโซโรแอสเตรียนดับ เทวรูปในวิหารกะอ์บะห์ (ก่อน อิสลาม) ทรุดตัวก้มลง สิ่งก่อสร้างภายใน Kasra Arch (Taqe Kasra, Eyvane Madaen) ถูกท�ำลาย เมื่อท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้ถือก�ำเนิด ขึน้ ทันใดนัน้ ก็เกิดแสงไฟปรากฏขึน้ บนท้องฟ้าและแผ่นดิน ทัง้ ทางทิศตะวัน ออกและตะวันตกเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรขณะนัน้ บิดาของท่าน (อับ ดุลลอห์) ได้เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้น อ�ำนาจในการเลี้ยงดูท่านจึงเป็นของปู่ 10 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ของท่านคืออับดุลมุฏฏอเล็บ เมื่อท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ็อลฯ) มีอายุได้หกปี มารดาของท่าน (อามีนะห์) ได้เสียชีวติ ลง และเมือ่ อายุได้แปดปี ท่านนบีมุ ฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ก็ได้สูญเสียผู้เป็นปู่ผู้เป็นผู้ปกครองของท่าน จากนั้นท่าน ได้ถูกเลี้ยงดูโดยลุงของท่าน (อะบูฏอเล็บ)บิดาของท่านอิมามอะลี (อ.)

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 11


มุฮัมมัด

เรื่องราวทางวัฒนธรรม และสังคมของเมืองเมกกะ ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) ได้ถอื ก�ำเนิดมาในช่วงทีช่ าวเมกกะยังไร้ซงึ่ อารยธรรมและโครงสร้างทางสังคม การกระท�ำอันไร้เหตุผลและโง่เขลาของ ประชาชนท�ำให้เกิดการสังหารหมู่ การใช้เวลาไปกับการท�ำสงคราม เล่นการ พนัน ค้าประเวณี เสพสิง่ มึนเมาและดืม่ สุรา หากจะกล่าวถึงบรรดาลักษณะ เด่นทางวัฒนธรรมอื่นๆ ของประชาชนเหล่านั้น สิ่งที่เราสามารถกล่าวถึง ได้คือ การโอ้อวดที่ไร้ค่า ปริมาณของวัฒนธรรมที่เป็นศูนย์กลาง การเชื่อ ในโชคลางอันเป็นผลมาจากการบิดเบือนศาสนา ยึดถือต�ำนานเก่าแก่และ เรื่องราวของต�ำนาน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้แสดงถึงความโง่เขลาของพวก เขาและความเลวร้ายของสังคม พวกเขาเชื่อว่าเด็กผู้หญิงเป็นแหล่งของ ความอัปยศ และแม้กระทัง่ พวกเขาจะฝังลูกสาวของเขาทัง้ เป็น พฤติกรรม และการกระท�ำอันโหดร้ายดังกล่าวนี้ได้ถูกสันนิษฐานว่าเป็นยุคแห่งความ โง่เขลา ซึง่ น�ำมนุษย์ไปสูก่ ารท�ำลายล้างทัง้ หลาย ซึง่ แตกต่างจากพืน้ ทีอ่ นื่ ๆ ในคาบสมุทรอาหรับที่ยังคงปลอดภัยจากการเผชิญหน้ากันของบรรดาผู้ พิชิตในยุคเก่า และปัจจุบันนี้ คุณไม่สามารถพบอนุสาวรีย์หรือสิ่งก่อสร้าง โบราณจากอารยธรรมของอาณาจักรโรมันในตอนเหนือ หรืออารยธรรมของ อาณาจักรเปอร์เซียในตอนใต้ของคาบสมุทรอาหรับ เนื่องจากวัฒนธรรม ดัง้ เดิมของผูค้ นทีอ่ าศัยอยูใ่ นคาบสมุทรดังกล่าว รวมถึงดินแดนทีแ่ ห้งแล้ง ซึ่งไม่เป็นที่สนใจของอาณาจักรโบราณใดๆ เลย 12 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด

ท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ็อลฯ) ในช่วงวัยเด็กและวัยหนุ่ม เนื่องจากอะบูฏอเล็บ (ลุงของท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ็อลฯ)) มีรายได้ไม่ เพียงพอ ท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ็อลฯ)จึงต้องช่วยท�ำงานเป็นคนรับจ้างเลี้ยง แกะ และเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นในบางครั้ง ท่านอะบูฏอ เล็บจึงได้เสนอให้ท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ็อลฯ)ไปท�ำงานค้าขายให้หญิงหม้าย ชือ่ คอดีญะห์ ซึง่ ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ)เป็นทีร่ จู้ กั ดีในนามของผูท้ มี่ คี วาม ซือ่ สัตย์ ท่านนบีมฮุ มั หมัด(ซ็อลฯ)ยอมรับข้อเสนอของนาง และหลายคราที่ ท่านต้องเดินทางไปท�ำการค้าขายกับกองคาราวานสินค้าของคอดีญะห์ ซึง่ เป็นที่น่าสนใจยิ่งเมื่อทราบว่า สถานที่หนึ่งในที่ท่านต้องเดินทางไปค้าขาย คือประเทศซีเรีย ซึ่งมีพระชาวคริสเตียนคนหนึ่งชื่อบะฮีรอ ได้เห็นท่านนบีมุ ฮัมหมัด(ซ็อลฯ)และจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้งพร้อมกับกล่าวว่า “ชายหนุ่มผู้นี้จะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างมากและเขาจะได้เป็น ศาสดาเช่นที่กล่าวไว้ในคัมภีร์แห่งพระเจ้า เขาคือผู้น�ำสารของพระผู้เป็น เจ้า และเขาจะเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ไปยังทั่วทั้งโลกนี้ ข้าพเจ้าสามารถมอง เห็นได้ในตัวมุฮมั หมัดชายหนุม่ คนนี้ สัญญาณเหล่านีไ้ ด้ถกู ระบุไว้ในคัมภีร์ แห่งพระผู้เป็นเจ้าของเราและด้วยความเคารพต่อศาสดาผู้ที่พระผู้เป็นเจ้า ได้ให้ค�ำสัญญาไว้” ถือเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนซึ่งในช่วงวัยรุ่นอาจจะมีการเบี่ยง เบนทางกายภาพและศีลธรรม แต่ในคาบสมุทรอาหรับ พวกผูใ้ หญ่มกั มัว่ สุม ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 13


มุฮัมมัด เกีย่ วข้องกับการกระท�ำชัว่ และการกระท�ำอืน่ ๆ ทีเ่ ป็นสิง่ ผิดศีลธรรมกันอย่าง น่าละอาย แต่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ยังคงรักษาศีลธรรมและจรรยา มารยาทของเขา รวมถึงความซื่อสัตย์ของเขาท�ำให้เขาได้รับฉายานามว่า “อัลอามีน” คือผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์ในเมืองเมกกะ เมื่อท่านอายุ ได้ 20 ปี ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้เข้าร่วมในสนธิสัญญาอัลฟุฎูล ซึ่ง ช่วยเหลือผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหงที่ได้ลี้ภัยอยู่ในเมกกะ เนื่องจากการความอคติ ได้แพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ท�ำให้พวกเขาถูกทารุณกรรมและ คุกคามโดยชาวเมืองเมกกะ ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) ได้ถอื ว่าการเข้าร่วม ในสนธิสัญญาดังกล่าวของเขาถือว่าเป็นเกียรติให้กับตนเอง ท่านหลีกเลี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของการยั่วยวนและความสุขทาง โลก และใบหน้าของท่านแสดงให้เห็นว่าท่านเป็นนักคิดที่ลึกซึ้ง เพื่อให้อยู่ ห่างจากการทุจริตและการท�ำชัว่ ทีแ่ พร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ท่าน ได้หลบไปอยู่ที่ภูเขาและในถ�้ำเสมอ เมื่อท่านอยู่คนเดียว ท่านจะท�ำการ ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสองเรื่อง ดังนี้ 1. การสร้างแผ่นดินและท้องฟ้า และต้นก�ำเนิดของสิ่งมีชีวิตและ การด�ำรงอยู่ของมัน จากนั้น ท่านก็ได้รับความรู้จากอ�ำนาจและสิ่งที่ลี้ลับ จากพระผู้เป็นเจ้า 2. ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบอันหนักหน่วงในการแก้ไขความ เชื่อและการกระท�ำของผู้คนที่อยู่ในสังคมอันตกต�่ำ เลวร้ายและลุ่มหลงใน โลกีย์ ท่านพบว่า ถึงแม้วา่ จะมีความเป็นไปได้ทจี่ ะแก้ไขสังคม แต่กถ็ อื เป็น สิ่งที่ยากมากและต้องใช้ความพยายามอย่างสูงสุด การรู้เห็นถึงการแพร่ขยายออกไปอย่างกว้างขวางของความลุ่ม หลงในโลกีย์ การกระท�ำอันทุจริต การกดขี่ข่มเหง ความหยิ่งยโส ความ เหลาะแหละ การเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์และกราบไหว้รูปปั้น ท่านได้กล่าว 14 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด กับตนเองว่า “มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งและมีค่ามากที่สุดบนแผ่นดิน และสิ่ง ที่ท่านรังสรรค์ขึ้นมานั้นจะถูกน�ำมาแทนที่ตามจุดประสงค์ของพระผู้เป็น เจ้า และท่านต้องการที่จะก้าวไปสู่วิวัฒนาการของพระผู้เป็นเจ้าผ่านทาง เส้นทางของพระองค์ที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่เราได้เห็น ในปัจจุบันนี้” แต่เราจะคาดหวังอย่างไรกับสังคมทีเ่ ต็มไปด้วยการลุม่ หลงในโลกีย์ การผิดประเวณี กระหายความร�่ำรวย และการกดขีห่ ม่ เหง ให้สามารถก้าว ไปยังเส้นทางของพระผู้เป็นเจ้าได้

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 15


มุฮัมมัด

การสื่อสารกับเทวทูต (มะลาอิกะฮ์) และภารกิจของพระผู้เป็นเจ้า ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ไม่ได้อยู่ในหมู่ปัญญาชนหรือผู้ที่ได้รับ การศึกษา และไม่เคยผ่านหลักสูตรการศึกษาใด ๆ ดังนั้น ท่านจึงถูก เรียกว่า “อุมมี” ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ไม่มีการศึกษา แต่ภายในภูเขาเป็น ที่ๆ ท่านได้รับการฝึกฝนภูมิปัญญา บุคลิกภาพและคุณลักษณะอันสูงสุด ของมนุษย์เมื่อตอนอายุสี่สิบปี ด้วยความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรง เดชานุภาพ พระองค์ได้ทรงส่งเทวทูตมาปรากฏต่อหน้าท่าน เทวทูต(มะลา อิกะฮ์)นัน้ มีชอื่ ว่า เกเบรียล (ญิบรีล) และได้นำ� ภารกิจแห่งพระผูเ้ ป็นเจ้ามา โดยเฉพาะบุคคลอย่างท่านนบีผู้ซึ่งสามารถให้ได้อย่างแท้จริงเท่านั้นและ ท�ำให้จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งสามารถที่พบกับเทวทูตแห่งพระผู้เป็น เจ้า ผู้ทรงเดชานุภาพได้ ซึ่งท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ็อลฯ)ได้รับความพร้อมนั้น แล้ว โดยการพิจารณาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับจักรวาล และโดยความบริสุทธิ์ แห่งจิตวิญญาณของเขาต่อหลุมพรางแห่งโลกีย์ ต่อมาพระผูเ้ ป็นเจ้า ผูท้ รง เดชานุภาพได้แต่งตัง้ ให้เขา เป็นผูน้ ำ� สารของพระองค์ และหลังจากทีท่ ตู เก เบรียล (ญิบรีล) ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เทวทูต ได้กล่าวว่า “จงอ่าน” จากนั้น มุฮัมหมัดผู้ซึ่งไม่มีการศึกษาตอบว่า 16 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด “ข้าพเจ้าอ่านไม่ได้” เทวทูตได้เข้ามากอดรัดมุฮัมหมัดและกล่าวกับท่านอีกครั้งว่า “จงอ่าน” ต่อมาท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ก็สามารถอ่านได้ เกเบรียลได้เข้า มากอดรัดท่านอีกครั้ง และบอกให้มุฮัมหมัดอ่านตามเขา และเขากล่าวว่า “อ่านด้วยพระนามของพระเจ้าผูท้ รงสร้าง ! พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ มาจากก้อนเลือด จงอ่านเถิด และพระองค์ทรงใจบุญยิ่ง พระองค์ได้ทรง สอนการใช้ปากกา ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้” การมองมาที่เกเบรียล (ญิบรีล) และสารของพระผู้เป็นเจ้าของเขา ก�ำหนดให้ “ท่านนบีมุฮัมหมัด(ซ็อลฯ) เจ้าเป็นผู้น�ำสารของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเดชานุภาพ และข้าคือเทวทูตของพระองค์” จากนั้นท่านนบีมุฮัม หมัด(ซ็อลฯ)ได้ออกมาจากถ�้ำฮิรอด้วยความปิติอย่างสูงสุด พร้อมกับมอง ขึ้นไปทั่วทุกมุมบนท้องฟ้าที่ปรากฏแสงของพระผู้เป็นเจ้า ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) พิจารณาและค้นหาแหล่งก�ำเนิดของการ ด�ำรงอยู่ของทุกๆ สิ่งในพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงสมบูรณ์แบบและไร้ มลทิน เมื่อท่านอยู่ล�ำพังเขาจะพูดกับพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) เช่นเดียวกับ ที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงแต่งตั้งโมเสสแห่งยูดายและศาสดาอื่น ๆ อีก หลายพันคนเป็นผู้น�ำสารของพระองค์ เพื่อที่จะแก้ไขการกระท�ำต่างๆ ของ ประชาชาติเพื่อน�ำพวกเขาไปสู่พระเจ้าที่แท้จริงการให้เอกภาพและความ สูงส่งเหนือสิ่งใดๆ ทั้งปวงแก่พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) การสื่อสารเพื่อเปิดเผยความจริงระหว่างท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) กับพระผูเ้ ป็นเจ้า ผูท้ รงเดชานุภาพกินเวลานานถึง 23 ปี จวบจนกระทัง่ ท่าน นบี มุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)ได้เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 63 ปี โองการศักดิ์สิทธิ์ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 17


มุฮัมมัด ทั้งหมดเหล่านี้ได้ถูกรวบรวมอยู่ในคัมภีร์แห่งพระผู้เป็นเจ้าที่เรียกว่า “อัลกุ รอาน” คัมภีร์แห่งพระผู้เป็นเจ้าที่เป็นแนวทาง เพื่อน�ำมนุษยชาติทั้งหลาย ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองอันแท้จริง คัมภีร์แห่งพระผู้เป็นเจ้าที่รวบรวมด�ำรัส ของพระองค์ผู้ทรงเดชานุภาพที่ได้แจ้งแก่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ผู้น�ำ สารของพระองค์ เพื่อที่จะถ่ายทอดให้แก่มนุษยชาติต่อไป

18 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด

ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) กับการเชิญชวนไปสู่ พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ครั้งแรก ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)ได้รับมอบหมายภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์โดย พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเดชานุภาพ มาตามล�ำดับ เช่นเดียวกับศาสน-ทูตแห่ง พระผู้เป็นเจ้าท่านอื่นๆ ในยุคก่อนหน้านี้ ในการถ่ายทอดสารของพระผู้ เป็นเจ้าไปยังมนุษยชาติและเชิญชวนพวกเขาไปสู่เอกานุภาพ ซึ่งเรียกว่า “เตาฮีด” แต่ความแตกต่างระหว่างท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) กับศาสนทูต ก่อนนี้ ตามข้อเท็จจริงคือท่าน ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนทูตท่านสุดท้าย ของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเดชานุภาพ บนโลกนี้และไม่มีศาสนทูตอื่นต่อจาก ท่าน แนวทางในการเชิญชวนประชาชนได้มโี องการมายังท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) ว่า : ِ ‫ْاد ُع ِإ َلى َسب‬ ‫ِك بِا ْل ِح ْك َم ِة َوا ْل َم ْو ِع َظ ِة ا ْل َح َس َن ِة‬ َ ‫ِيل َر ّب‬ )125 ‫َح َس ُن (نحل‬ ْ ‫َو َجا ِد ْل ُه ْم بِا َّل ِتي ِه َي أ‬ “จงเชิญชวนไปสู่หนทางแห่งพระเจ้าของเจ้าด้วยสติปัญญาและค�ำ สอนที่ดีและโต้แย้งกับพวกเขาด้วยวิธีที่ดีที่สุด" จากนั้น ค�ำแรกส�ำหรับการเชิญชวนมนุษยชาติไปสู่พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเดชานุภาพของเขา คือ : (‫ قولوا ال إله إال اهلل تفلحوا‬،‫)أيها الناس‬ “พวกเจ้าจงกล่าวว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ต้องเคารพภักดีนอกจาก ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 19


มุฮัมมัด พระองค์อัลลอฮ์ เพียงองค์เดียวเท่านั้น จึงจะถือว่าส�ำเร็จ” ดังค�ำกล่าวที่ทรงคุณค่าว่า "ศาสนาทุกศาสนามีหลักของตนเพือ่ ให้มนุษย์หลุดพ้นจากบาป เช่น ส�ำหรับลัทธิโซโรแอสเตรียน การพ้นจากบาปของมนุษย์จะต้องยึดมัน่ อยูใ่ น หลักของ “การคิดดี พูดดีและท�ำดี” ในนิกายหรือศาสนาอื่นๆ เชื่อว่า “สันติสุข” ถูกก�ำหนดให้เป็นการ พ้นจากบาปของมนุษย์ หมายถึงการพ้นจากบาปของมนุษย์จะผ่านทาง “สันติสุข” ส่วน “สันติสุข ” คือการตระหนักว่าเราเข้าใจในสาเหตุแห่ง “ความทุกข์” และการเข้าใจสาเหตุแห่ง “ความทุกข์” เราต้องได้รับความ สามารถในการจ�ำแนกแหล่งที่มาของความทุกข์ ความสามารถนั้นเรียกว่า “ปัญญา” และปัญญานั้นคือความรู้ที่ว่า ความทุกข์ทั้งหลายนั้นเกิดจาก การเชื่อมโยงกัน และการเชื่อมโยงกันของตัวมันเองเกิดจากความกระหาย และความปรารถนาในสิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ ดังนัน้ รากฐานของศาสนาและลัทธิตา่ งๆ เหล่านั้นคือ มนุษย์มีความต้องการอยู่ตลอดเวลา เขาต้องการคู่ครองและ ทายาท ต้องการทรัพย์สนิ ความมัง่ คัง่ และอ�ำนาจซึง่ ไม่มที สี่ นิ้ สุด ต่อมาเขา ได้ค้นพบหลักนี้คือการเชื่อมโยงกันตามมาด้วยการแยกจากกันอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้ และการแยกจากกันมีรูปแบบเดียวกับความทุกข์ ดังนั้น เพื่อ ให้มนุษย์สามารถก�ำจัดความทุกข์ออกไปได้ เขาต้องรูจ้ กั จ�ำแนกสาเหตุของ มัน และพื้นฐานของนิกายดังกล่าวคือ มนุษย์จะปราศจากความต้องการ ในทุกสิ่งเพื่อให้บรรลุถึงสันติสุขชั่วนิรันดร์ และความหลุดพ้นนั้นเช่นเดียว กับเสรีภาพทางจิตวิญญาณ หรือตัวอย่างในศาสนาคริสต์ทไี่ ด้ถกู เผยแพร่ในปัจจุบนั นี้ ปัจจัยหลัก ในการพ้นจากบาปของมนุษย์ที่ตกอยู่ในกิเลส ความรักและเสน่หาโดยน�ำ มาจากนิกายนี้ คุณต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็น 20 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ผู้ที่เมตตาต่อท่านหรือผู้ที่ท�ำไม่ดีกับท่าน จากนั้นโลกจะเต็มไปด้วยความ เมตตากรุณาและทุกคนก็จะปลอดภัย หลักของนิกายทั้งหมดที่ได้กล่าวมาสามารถน�ำไปประยุกต์ใช้โดย มีเงื่อนไขว่า เขาจะต้องยึดถือหลักการให้เอกภาพ หากปราศจากการให้ เอกภาพ “เตาฮีด” ความเห็นอกเห็นใจอาจจะเปลี่ยนเป็นความเสื่อมเสีย และความอัปยศ และหากเราแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้กดขี่ข่มเหง และคนที่เป็นทาส มันก็จะกลายเป็นปรัชญาและความอ่อนน้อมถ่อมตน หรือเป็นไปได้ว่าความเห็นอกเห็นใจและความเมตตากรุณาจะเปลี่ยน เป็นความสัมพันธ์ทางอารมณ์ที่เข้าใจได้ยากระหว่างผู้คนบนพื้นฐานของ ความปรารถนา โดยไม่ค�ำนึงถึงความสามารถและบุญกุศล ถ้าเราทุกคน รักซึ่งกันและกันและแสดงความเห็นอกเห็นใจกัน ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้กดขี่ ข่มเหงหรือถูกกดขี่ข่มเหง ดีหรือเลว ด้อยกว่าหรือสูงส่งกว่า แล้วความเห็น อกเห็นใจจะถูกเปลีย่ นเป็นเพียงความสวยงามบนผลประโยชน์ของผูท้ ำ� ชัว่ และความสูญเสียของผูท้ ำ� ดี บนพืน้ ฐานเดียวกัน ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) เชือ่ ว่า แนวคิดทัง้ หมดเหล่านัน้ อาจจะถูกต่อต้าน เว้นแต่ผคู้ นทัง้ หลายจะเข้า ร่วมและยึดหลักการของ “เตาฮีด” หรือการให้เอกภาพต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) คือการกล่าวว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) เพียงองค์เดียว” ดังนัน้ การเชิญชวนไปสูอ่ สิ ลามครัง้ แรกและครัง้ ส�ำคัญทีส่ ดุ ของ ท่าน นบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) คือ เตาฮีด โดยการกล่าวว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) เพียงองค์เดียว” เนือ่ งจากประชาชนทีอ่ าศัยอยูใ่ นคาบสมุทรอาหรับนัน้ เคารพบูชารูป ปัน้ และคุน้ เคยกับการเชือ่ โชคลางเป็นระยะเวลานาน อย่างไม่ตอ้ งคาดหวัง ใดๆ เลย การเชิญชวนไปสู่พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ไม่เป็นที่ยอมรับของพวก ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 21


มุฮัมมัด เขาอย่างแน่นอน ดังนั้น ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ทราบว่า อุดมการณ์ และความคิดทีด่ เี ป็นสิง่ ส�ำคัญอันดับแรกส�ำหรับวัฒนธรรมทีห่ ยัง่ รากลึกทัง้ หลาย ดังนั้น อันดับแรกจะต้องไม่มีการเชิญชวนไปสู่ศาสนาอิสลามอย่าง เปิดเผยไปยังพวกเขา และเป็นระยะเวลาสามปีทที่ า่ นท�ำการเชิญชวนอย่าง ลับๆ และได้แอบเชิญชวนบุคคลเพียงไม่กี่คนไปสู่ศาสนาอิสลาม หลังจากสามปีต่อมา ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้รับค�ำสั่งให้เชิญ ชวนผู้คนไปสู่ศาสนาอิสลามอย่างเปิดเผย และท่านได้เรียกผู้ที่ใกล้ชิดใน ครอบครัวมาเป็นแขกที่บ้านของท่านและเชิญชวนพวกเขาไปสู่ศาสนา อิสลาม จากนั้นวันหนึ่งในตอนเช้า ท่านได้ไปยังภูเขาศ่อฟา ในเมืองเมกกะ และได้เชิญชวนให้ผู้คนมารายล้อมท่าน และท่านได้กล่าวกับพวกเขาว่า “ถ้าข้าพเจ้าบอกว่า มีศตั รูกำ� ลังเข้ามาต่อสูก้ บั พวกท่านในเช้านีห้ รือ ในเย็นนี้ พวกท่านจะเชื่อข้าพเจ้าไหม” ทุกคนตอบว่า “เชื่อ เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินความเท็จจากท่าน" จากนั้น ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้กล่าวต่อไปว่า “ข้าพเจ้าเป็นเช่นผู้เฝ้ายามที่พบเห็นศัตรูจากระยะไกล และได้รีบ เข้ามาเตือนผูค้ น ข้าพเจ้าเตือนพวกท่านให้ตอ่ สูก้ บั ความเลวและสิง่ ชัว่ ร้าย พร้อมกับเชื้อเชิญท่านไปสู่ความดี” วัตถุประสงค์หลักเบื้องหลังการเชิญชวนไปสู่พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) จุดประสงค์หลักเบือ้ งหลังการเชิญชวนไปสูพ่ ระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) ที่ แพร่ขยายออกไปโดย ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ที่รวบรวมมามีดังนี้: 1. “ข้าพเจ้าเป็นศาสนทูตของพระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) ผูท้ รงเดชานุภาพ พระองค์ทรงแต่งตั้งข้าพเจ้ามาเพื่อน�ำท่านไปสู่พระองค์ และประณามการ 22 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด บูชารูปปั้นต่างๆ” 2. “ในภารกิจหลักของข้าพเจ้าคือการแสดงความเห็นอกเห็นใจไป ยังครอบครัว (บิดาและมารดา) เป็นส�ำคัญยิ่ง” 3. “ข้าพเจ้าถูกแต่งตัง้ ให้เป็นมนุษย์ทปี่ ราศจากการท�ำผิด ความชัว่ และการกระท�ำที่ไม่ดี” 4. “ในศาสนาของข้าพเจ้า การฆ่าทารกเนือ่ งจากกลัวความยากจน ถือเป็นที่ต้องห้ามและถือเป็นความต�่ำช้าอย่างสูงสุด” 5. “ ในศาสนาของข้าพเจ้า การสังหารภายใต้ความเท็จและความอ ยุติธรรมถือเป็นที่ต้องห้ามอย่างแน่นอน” 6. “ศาสนาของข้าพเจ้ายึดถือความยุติธรรมเป็นพื้นฐาน” 7. “ภาษาและค�ำพูดที่ออกมาจากมนุษย์สะท้อนถึงจิตวิญญาณ และศีลธรรมของเขา ดังนั้น เขาจะต้องใช้มันในแนวทางที่ถูกต้องและพวก เขาต้องแสดงความจริงออกมา แม้ว่าจะน�ำความสูญเสียมาสู่ผู้พูดก็ตาม” 8. “มนุษย์เป็นอมตะ เมื่อเขาเสียชีวิต เขาเพียงแค่ถูกถ่ายโอนไป ยังอีกโลกหนึ่ง ดังนั้น จงท�ำความดีเพื่อให้แน่ใจว่า ท่านจะมีความเจริญ รุ่งเรืองนิรันดร์” ผลกระทบที่ เ พิ่ ม ขึ้ น ของด� ำ รั ส ในคั ม ภี ร ์ อั ล กุ ร อานและตรรกะที่ แข็งแกร่งเบื้องหลังท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักส�ำคัญ สามประการ ได้แก่ ก. “เคารพภักดีต่ออัลลอฮ์ (ซบ.) เลิกบูชากราบไหว้รูปปั้น (เตาฮีด)” ข. “สนับสนุนจุดประสงค์หลักของเนือ้ หาทีส่ อื่ สารออกไปของการให้ เอกภาพต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)” ค. “การพ้นจากบาปและความเจริญรุง่ เรืองอันเป็นนิรนั ดร์ของมนุษย์ หมายความว่า ร่างกายของมนุษย์จะสลายไปแต่จติ วิญญาณของเขาจะคง ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 23


มุฮัมมัด อยู่เพื่อความดี (การฟื้นคืนชีพ)” มุมมองดังกล่าวดึงดูดผูค้ นไปสูม่ ติ ทิ างสังคมในการเชิญชวนแห่งพระ ผู้เป็นเจ้า แต่ ณ จุดเริ่มต้นมีเพียงไม่กี่คนที่ด�ำเนินตามท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) บางคนเริม่ ใคร่ครวญถึงการเชิญชวนของท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) แต่บางคนในหมู่ชนชั้นขุนนางยืนกรานต่อต้านท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) พวกที่ต่อต้านท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) อุทิศตนเพื่อคุณค่าแห่งโลกีย์และ ยินดีตามสิง่ ทีต่ นพึงใจ พวกเขาคิดว่าตนเองอยูเ่ หนือคนอืน่ ๆ และชนชัน้ ต�ำ่ ของสังคมนัน้ ไร้คา่ ดังนัน้ พวกเขาจึงเริม่ ต่อต้านท่านนบีมฮุ หั มัด (ซ็อลฯ) ผูท้ ี่ เปล่งเสียงออกมาเพือ่ ความยุตธิ รรมในการช่วยเหลือผูท้ ขี่ าดแคลนและเป็น ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้ยึดถือความยุติธรรม โดยกระจายความมั่งคั่งไปในหมู่ชนที่ เชื่อในอภินิหารต่าง ๆ ทรมานและราวีสหายของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) จนเสียชีวิต โดยไม่สนใจถึงระบบของสังคม โดยหลังจากนั้นบางครั้งได้มีการท�ำสนธิสัญญาฉบับหนึ่งร่วมกัน ระหว่างบรรดาศัตรูของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) กับเผ่าที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ ในเมกกะ พวกเขาได้ขับไล่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)และสหายของท่าน ออกไปยังหุบเขาทีม่ คี วามแห้งแล้ง ซึง่ รูจ้ กั กันในนามของหุบเขาอะบูฏอเล็บ เป็นระยะเวลาสามปี โดยสัง่ ห้ามท�ำการค้าขายใดๆ ห้ามคบหาสมาคมและ แต่งงานกับพวกท่าน โดยสามารถอธิบายสภาวะทีท่ า่ นและสหายของท่าน ถูกบีบบังคับ โดยยกเอาค�ำพูดของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ที่กล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีหนิ ถ่วงอยูท่ ที่ อ้ งเสมอเพือ่ ปัดเป่าความเจ็บปวดจากความ หิว และบางครั้งพวกเราได้แบ่งอินทผลัมเพียงหนึ่งผลให้กันกิน” จึงเหมาะสมแล้วที่จะกล่าวว่า ภายใต้ภาวะที่ไม่เอื้ออ�ำนวย ไม่มี อนาคตและไม่มีจุดจบในความทุกข์ทรมานของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) 24 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด และสหายของท่าน ซึ่งไม่สามารถจินตนาการได้และปราศจากซึ่งแสงแห่ง ความหวังใดๆ ดังนั้น สามปีแห่งการต่อต้านและต่อสู้กับศัตรูของอิสลาม ภายใต้ความหิวและสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายถือเป็นความยุติธรรม ส�ำหรับความเชื่อในความศรัทธาของพวกท่านและความเชื่อในความถูก ต้องของแนวทางทีพ่ วกท่านรับมาเท่านัน้ เมือ่ ศัตรูพบว่าการทรมานร่างกาย และจิตใจไม่ส่งผลกระทบต่อความตั้งใจอันแรงกล้าของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) พวกเขาจึงพยายามเกลี้ยกล่อมท่าน พวกเขาบอกกับลุงของท่าน คืออะบูฏอเล็บให้พูดกับท่าน (ซ็อลฯ) ว่า “ถ้าท่านนะบีละทิง้ การเชิญชวนไปสูศ่ าสนาอิสลาม พวกเขาจะให้เงิน ต�ำแหน่งที่สูงส่ง และทองค�ำจ�ำนวนมากตามที่ท่านต้องการ” แต่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ตอบว่า “หากพวกเขาสามารถวางดวงอาทิตย์ลงในมือขวาของข้าพเจ้าและ วางดวงจันทร์ลงในมือซ้ายของข้าพเจ้าได้ ข้าพเจ้าจะละทิ้งมันทั้งสอง ถึง แม้ พระองค์อัลลอห์ (ซบ.) จะทรงให้ข้าพเจ้าได้รับชัยชนะหรือท�ำให้ ข้าพเจ้าพินาศจากการเชิญชวน ข้าพเจ้าก็จะไม่ละทิ้งมัน” แต่บรรดาศัตรูก็ยังคงยืนยันการกระท�ำของพวกบูชาเจว็ด ส�ำส่อน และอยุติธรรม อีกประการหนึ่งคือ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้เน้นย�้ำ เสมอว่า “ต้นก�ำเนิดของการสร้างโลกที่กว้างใหญ่และสวยงาม รวมถึงสิ่งมี ชีวิตต่างๆ ซึ่งไม่จ�ำกัดแค่เพียงก้อนหิน ไม้หรือวัตถุทางกายภาพที่มีขีดจ�ำ กัดอื่นๆ และพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) เป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง และเราไม่ สามารถมองเห็นพระองค์ได้ เพราะพระองค์ไม่ใช่วตั ถุแต่พวกท่านสามารถ ที่จะเห็นพระองค์ด้วยจิตใต้ส�ำนึก ด้วยปัญญาและด้วยส่วนลึกหัวใจของ พวกท่านที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างท่านกับพระองค์” ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 25


มุฮัมมัด

ไม่มีการบังคับในศาสนาอิสลาม ถึงแม้ว่าท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) จะแน่วแน่ในการเชิญชวนแห่ง พระผูเ้ ป็นเจ้าของท่าน แต่ทา่ นไม่เคยบังคับใครให้ยอมรับในศาสนาอิสลาม ในช่วงชีวิตของท่านเลย ท่านมักจะยืนยันว่า เนื่องจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพ ทรงเน้นย�้ำว่า ‫الاكراه فی‌الدین‬ "ไม่มีการบังคับให้นับถือศาสนาอิสลาม” ท่านเพียงถูกแต่งตั้งจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพให้ เชิญชวนผู้คนไปสู่ศาสนาอิสลาม ซึ่งแน่ใจได้ว่า ผู้นั้นจะได้รับความเจริญ รุ่งเรืองอันเป็นนิรันดร์ และไม่มีการบังคับเพื่อจุดประสงค์นี้ ในคัมภีร์อัลกุ รอาน พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพได้ตรัสว่า : ِ ‫ِما َش‬ )3/‫ورا (االنسان‬ َ ‫السب‬ َ ‫ِما‬ ً ‫ك ُف‬ َّ ‫اك ًرا َوإ‬ َّ ‫ِيل إ‬ َّ ‫ِإ َّنا َه َد ْي َنا ُه‬ “เราได้แสดงให้เขาเห็นหนทางน�ำ แต่เขาอาจเป็นผู้กตัญญูหรือ ผู้ เนรคุณ”

26 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด

ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในมุมมองของ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)เชื่อในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยกล่าว ว่า พระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) ผูท้ รงเดชานุภาพให้พรแก่มนุษย์ให้มคี วามเฉลียว ฉลาด ความมุ่งมั่น และมีความเป็นผู้น�ำ และกล่าวโดยสังเขปว่า ทุกสิ่งใน โลกถูกสร้างมาเพื่อมนุษย์ และในอัลกุรอาน พระองค์ได้ทรงตรัสว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างถูกสร้างมาเพื่อมนุษย์และมุฮัมหมัดเป็นผู้แทนของ อัลลอห์ ผู้ทรงเดชานุภาพบนแผ่นดิน” ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ)ได้กล่าวเกีย่ วกับการเคารพไว้เช่นเดียวกัน ว่า “และการเคารพไม่ได้ให้แก่บุคคลแค่บางกลุ่มเท่านั้น แต่ทุกคนจะ ได้รับเกียรตินั้นจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพ เท่าเทียมกัน ซึ่งรวมถึงทุกเพศ ทุกเชื้อชาติ ทุกสีผิว และความมั่งคั่งไม่ท�ำให้คนหนึ่งสูง กว่าคนอื่น" และพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)ทรงตรัสไว้อีกว่า บุคคลที่เคร่งครัดใน อิสลามเท่านั้นที่จะได้ใกล้ชิดกับพระองค์ ‫اك ْم‬ ُ ‫ك ٍر َوُأن َثى َو َج َع ْل َن‬ ُ ‫اس ِإ َّنا َخ َل ْق َن‬ َ ‫اكم ِّمن َذ‬ ُ ‫َيا َأ ُّي َها ال َّن‬ ِ َّ‫ند ه‬ ‫اك ْم‬ ُ ‫الل َأ ْت َق‬ ْ ‫ِن أ‬ َّ ‫ار ُفوا إ‬ َ ‫َك َر َم ُك ْم ِع‬ َ ‫ُش ُعو ًبا َو َق َبا ِئ َل ِل َت َع‬ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 27


มุฮัมมัด )31/ ‫(حجرات‬ “เราสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากชายและหญิงคู่หนึ่ง และท�ำให้พวกเจ้า แพร่พนั ธุอ์ อกไปเป็นหมู่ เป็นเผ่า ซึง่ พวกเจ้าอาจรูจ้ กั กับอีกหมูช่ นหนึง่ อย่าง ไม่ตอ้ งสงสัยใดๆ ผูท้ ไี่ ด้รบั การยกย่องสูงสุดในบรรดาพวกเจ้าในสายตาของ พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) คือผู้ที่เคร่งครัดในศาสนาอิสลามมากที่สุด” ดังนั้น จึงไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ เหนือจากผู้อื่น เช่น พลัง ความมั่งคั่ง และต�ำแหน่งหน้าที่ที่สูงส่งกว่า

28 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด

บรรดาสตรีในมุมมอง ของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เน้นย�้ำเสมอว่า เพศชายไม่ได้อยู่เหนือ กว่าเพศหญิง สิ่งนี้เกิดขึ้นในระบบสังคมของคาบสมุทรอาหรับในขณะนั้น บรรดาสตรีไม่มีที่ยืนในสังคม และผู้ชายทุกคนที่มีลูกเป็นทารกเพศหญิง จะรู้สึกเสียศักดิ์ศรีมาก ดังนั้น จึงพยายามฆ่าลูกตนเองทั้งเป็น แม้ในบาง ลัทธิก็มองว่า ผู้หญิงทุกคนถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นลางร้ายและชั่วร้าย และ แม้ในชาวคริสเตียนบางคนยังเชื่อว่า เพศหญิงเป็นตัวน�ำพวกเขาไปยังการ ท�ำความชัว่ โดยยึดตามจ�ำนวนหลักฐานอ้างอิงเช่นเดียวกันกับบรรดาลัทธิ เหล่านั้นซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่า บรรดาสตรีก็เป็นมนุษย์ ดังนั้น เพื่อต่อสู้กับ ความโง่เขลานั้น ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) จึงพยายามประกาศค�ำอวยพร ที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)ทรงให้แก่บรรดาสตรี และได้น�ำมาถ่ายทอดดังนี้ เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้รับการแจ้ง เกีย่ วกับซูเราะห์ในนามของสตรี (ซูเราะห์อนั นิซาอ์) ด้วยจุดประสงค์ในการ เน้นย�้ำถึงคุณค่าที่แท้จริงของสตรี รวมถึงสิทธิ์ของพวกเธอในสังคม ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ยังได้กล่าวถึงเหตุที่ได้มีซูเราะห์นี้ขึ้นมา ดังนี้ * พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพได้แสดงถึงความเมตตา ที่มีต่อสตรีมากกว่าบุรุษ * ข้าพเจ้าชอบสามสิ่งในโลกนี้มากกว่าสิ่งอื่นใด คือ บรรดาสตรี ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 29


มุฮัมมัด เครื่องหอมและการนะมาซ * บรรดาบุรุษที่ดีที่สุดคือผู้ที่เป็นสามีที่ดีที่สุดส�ำหรับภรรยาของเขา และข้าพเจ้าเป็นสามีที่ดีที่สุดส�ำหรับบรรดาภรรยาของข้าพเจ้า * เป็นสิง่ ทีด่ สี ำ� หรับผูช้ ายทุกคนทีจ่ ะซือ้ ของขวัญให้แก่ภรรยาและลูก ๆ ของเขา และจะดีกว่าหากเขาให้ของขวัญกับบรรดาลูกสาวของเขาก่อน * ผู้หญิงทุกคนเปรียบได้กับดอกไม้ * เมื่อใดที่เจ้าให้ความสุขต่อ(ครอบครัว)ลูกสาวของตน เท่ากับเจ้า ท�ำการปล่อยทาสให้เป็นไท * สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้าของบรรดาสตรี ตามข้อเท็จจริงแล้ว อิสลามแสดงบทบาทเป็นผู้ปฏิวัติทางสังคม การเมื อ งและสติ ป ั ญ ญา เพื่ อ ปรั บ ปรุ ง ขนบธรรมเนี ย มประเพณี แ ละ บรรทัดฐานทางสังคมทั้งหลายเกี่ยวกับสตรีในพื้นที่เหล่านั้น ศาสนาอิสลามได้พิจารณากฎหมายเกี่ยวกับผู้หญิง โดยยึดตาม ความสามารถทางกายภาพและทางสังคมของพวกเธอ และเพื่อเคารพใน ศักดิ์ศรีและสิทธิ์ของผู้หญิงซึ่งถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิงในช่วงยุคแห่งความ โง่เขลา ได้มีการออกระเบียบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการแต่งงาน ตาม ระเบียบเหล่านี้ ในทุกๆ บ้าน ผู้หญิงเป็นผู้รับผิดชอบในการเลี้ยงดูบุตรแต่ เพียงผู้เดียวและต้องตอบสนองความต้องการทางเพศให้แก่สามีของเธอ และผู้ชายไม่ได้รับความเห็นชอบให้บังคับให้ภรรยาของตนท�ำงานในบ้าน และตระเตรียมอาหาร โดยการท�ำงานในบ้านไม่เป็นหน้าที่และความรับ ผิดชอบของเธอ และหากสมมุติว่า ผู้หญิงท�ำงานในบ้าน มันจะต้องเกิด ขึ้นโดยความเห็นชอบและความพึงพอใจของเธอเอง เช่นเดียวกัน หาก สตรีให้นมลูกๆ ของเธอ เธอมีสิทธิ์ในการเรียกร้องสิ่งตอบแทนในรูปของ เงิน หรือสิ่งอื่นๆ และในทางตรงกันข้าม สามีต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการ 30 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ตอบสนองความต้องการของภรรยาของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องนุ่งห่ม ทีอ่ ยูอ่ าศัยและอาหาร อีกทัง้ เขาต้องให้ความเคารพภรรยาของเขาว่าภรรยา ของเขาเป็นมนุษย์ที่มีอิสระ และหากภรรยาของเขาชื่นชอบในรายได้อิสระ เขาก็ไม่ได้รบั อนุญาตให้ใช้เงินของเธอ ท่านนบีมฮุ หั มัด (ซ็อลฯ) ได้ให้ผหู้ ญิง มีลักษณะที่มีคุณค่าซึ่งเป็นสิ่งส�ำคัญในการได้รับความเคารพและรักใน สิทธิมนุษยชนทุกประการ มีความเท่าเทียมกับผู้ชาย และให้ข้อเท็จจริงที่ ว่า เธอเป็นสัญลักษณ์ทางการศึกษาอันสูงส่ง และเธอเป็นผู้รับผิดชอบใน การฟูมฟักบรรดาลูกๆ หลานๆ ของมนุษย์ ตามขอบเขตทั้งหมดของสังคม ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) ได้เลีย้ งดูลกู สาวของท่าน คือพระนางฟาติ มะห์ อย่างดีและเป็นตัวอย่างที่มีคุณค่าในการให้ความนับถือต่อประชากร สตรี คราใดที่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) พบกับลูกสาวของท่าน ท่านจะ ลุกขึ้นยืนให้เกียรติและท่านจะก้มลงจูบมือของเธอ และกล่าวว่า “พ่อของ เธอพร้อมที่จะตายเพื่อเธอ” เมื่อไรก็ตามที่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)กลับ จากการเดินทาง สิ่งแรกที่ท่านจะท�ำคือรีบไปหาลูกสาวของท่าน คือ พระ นางฟาติมะห์ ท่านเน้นย�้ำเสมอว่า “ผู้ใดที่โปรดปรานฟาติมะห์ แท้จริง เขาได้โปรดปรานข้าพเจ้าด้วย และผู้ใดที่ไม่โปรดปรานเธอ แท้จริงเขาก็ไม่ โปรดปรานข้าพเจ้าเช่นกัน” แต่ในโลกของเราทุกวันนี้ ภายใต้ขอ้ อ้างของการฟืน้ ฟูสทิ ธิ ลักษณะ ของสตรีและคุณค่าของมนุษย์ รวมถึงลักษณะทีถ่ กู เมินเฉยในรูปแบบพวก นิยมความรุนแรง ปัจจุบันนี้อุปนิสัยของผู้หญิงซึ่งรวมถึง พรสวรรค์ ความ สามารถ รวมถึงความต้องการทางกายภาพและทางจิต ท�ำให้ผู้หญิงแตก ต่างจากผู้ชายซึ่งถูกปฏิเสธภายใต้ความคล้ายคลึงและมุมมองของผู้หญิง และเพือ่ จุดประสงค์เดียวกัน ความคล้ายคลึงซึง่ น�ำประโยชน์ทเี่ กีย่ วข้องกับ ผู้หญิงถูกจ�ำกัดคุณค่าทั้งทางโลกและทางกายภาพ การเหยียดหยามพวก ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 31


มุฮัมมัด เธอให้เป็นเช่นเครื่องมือในการสร้างรายได้ การขายและการเป็นตัวตอบ สนองความต้องการของผู้ชาย โดยการแพร่กระจายของวัฒนธรรมในการ เปลือยกายและการส�ำส่อนทางวัฒนธรรมถูกน�ำมาใช้ในนามของของสิ่งที่ เรียกว่า “ผู้หญิงมีความเป็นอิสระจากผู้ชาย” เช่นเดียวกันในบางสังคม ผู้ หญิงถูกบังคับให้ท�ำงานที่ใช้ความอุสาหะอย่างสูงและงานหนัก (งานของ ผูช้ าย) และแม้วา่ พวกเธอจะถูกบังคับให้ขายตัวและค้าประเวณีเพือ่ หาราย ได้เพิ่มเติมก็ตาม ค�ำสอนอันประเสริฐของศาสนาอิสลามซึง่ ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) ได้เตือนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับผู้หญิง การลวนลามทางเพศและภาพโป๊ เปลือย โดยถือว่ามันเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของผู้หญิง ซึ่งจะน�ำพวกเขาไป สู่จิตใจที่ผิดปกติและใฝ่ต�่ำ และแนะให้พวกเขาด�ำเนินบทบาทส�ำคัญของ พวกเขาในครอบครัวในการดูแลเอาใจใส่และเลี้ยงดูคนรุ่นใหม่ที่บริสุทธิ์ ผุดผ่อง เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้กระตุ้นเตือนว่า “ผู้ หญิงเปรียบเสมือนดอกไม้ และพวกเธอไม่ได้ถกู สร้างมาเพือ่ ให้ทำ� งานหนัก และต้องใช้ความอุสาหะอย่างสูง” ซึ่งแน่นอนว่าศาสนาอิสลามไม่ได้ใช้ให้ ผู้หญิงและผู้ชายยึดในความสันโดษและชีวิตแบบนักบวช และไม่ปฏิเสธ ความยินดีในความสุขทางโลก การกล่าวอ้างทีส่ �ำคัญของท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) คือการกระตุ้นเตือนว่า “ศาสนาอิสลามไม่มีนักบวช” ดังนั้น ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)จึงได้แต่งงานและส่งเสริมให้ผู้คน แต่งงาน ค�ำพูดที่ส�ำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่รวบรวมมามี ดังนี้ “การแต่งงาน เป็นซุนนะห์ของข้าพเจ้า ผู้ที่ปฏิเสธซุนนะห์ของข้าพเจ้า ก็ไม่ใช่พวกของ ข้าพเจ้า” ท่านไม่ถือว่าการแต่งงานนั้น (เพื่อการตอบสนองความต้องการ ทางเพศ) เป็นอุปสรรค์ขัดขวางการส่งเสริมความเชื่อทางจิตวิญญาณและ ความสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณของจิตใจมนุษย์ ท่านเชื่อว่า ผู้ที่ไม่แต่งงาน 32 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ก็สามารถประสบความส�ำเร็จในการเข้าถึงความเชื่อทางจิตวิญญาณและ โลกแห่งพระผู้เป็นเจ้าได้จากน้อยไปมาก มุสลิมทุกคนต้องด�ำรงและรักษา ความสมดุลในทุกแง่มุมของชีวิตของเขา จากค�ำสอนหลักของท่านต่อ บรรดาสหายของท่าน คือ “มุสลิมทุกคนจะต้องรักษาความสมดุลในการ งานทุกอย่างในชีวิตของเขา” เรียกว่าต้องไม่ “อิฟรอต (เกิน)” หรือ “ตัฟ รีต” (ขาด) ท่านถือว่าการละเว้น(การควบคลุม)เป็นเครื่องมือในการเสริม สร้างจิตวิญญาณให้มคี วามเข้มแข็งในความโปรดปรานการท�ำความดีและ ละเว้นการกระท�ำชั่ว ดังค�ำพูดที่หยิบยกขึ้นมาคือ “ผูใ้ ดออกห่างจากการท�ำชัว่ เป็นเวลาสีส่ บิ วัน เขาจะได้รบั พรจากพระ ผู้เป็นเจ้าผู้ทรงภูมิและทรงรอบรู้” ศาสนาอิสลามส่งเสริมให้ประพฤติตนเรียบง่าย สุภาพ ยึดมั่นใน ความยุติธรรม และกระท�ำตนให้มีความสมดุลในหนทางที่ถูกต้อง จูงใจให้ มนุษย์ทกุ คนท�ำตามความรับผิดชอบและภาระหน้าทีข่ องตน เกีย่ วกับเรือ่ ง นี้ในอัลกุรอานได้ระบุไว้ว่า : ‫بر َوال َّت ْق َوى‬ ِّ ‫اونُوْا َع َلى ا ْل‬ َ ‫َو َت َع‬ ِ ‫إل ْث ِم َوا ْل ُع ْد َو‬ )2/‫ان (مائده‬ َ ‫َو‬ ِ ‫اونُوْا َع َلى ا‬ َ ‫ال َت َع‬ “ให้รว่ มมือกันในการท�ำความดีและย�ำเกรงต่อพระองค์อลั ลอฮ์ และ ห้ามร่วมมือกันในการท�ำบาปและไม่ย�ำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์” และหากสิง่ ทีถ่ กู กล่าวไว้ในอัลกุรอานคือ การเชือ่ ฟังและการท�ำความ ดี ซึ่งมันอยู่ในหัวใจและท�ำให้คนๆ หนึ่งรอดพ้นจากความชั่วและความ เสื่อมโทรม อิสลามได้สอนให้มนุษย์กระท�ำความดีและมีทัศนคติที่ดีเสมอ อัลกุรอานได้ยกย่องท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) มาก ต่อคุณลักษณะและ มารยาทอันสูงส่ง เนื่องจากท่านนีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เป็นศูนย์รวมแห่ง มารยาทที่เป็นแบบฉบับอันดีงามซึ่งมีกล่าวในอัลกุรอานว่า : ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 33


มุฮัมมัด (4/ ‫يم (قلم‬ ٍ ‫ك َل َعلى ُخل‬ َ ‫َوِإ َّن‬ ٍ ‫ُق َع ِظ‬ “และเจ้านั้นอยู่บนมาตรฐานอันสูงส่งของบุคลิก(มารยาท)” ตอนนี้เราขอกล่าวถึงตัวอย่างลักษณะอันทรงคุณค่าของท่านนบีมุ ฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ดังนี้ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) และการรณรงค์เกี่ยวกับผู้ที่ต่อต้านการ ไม่รู้หนังสือของท่าน หนึ่งในเป้าหมายหลักของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) คือการส่งเสริม ให้ผู้คนรู้หนังสือ ท่านตระหนักดีต่อการแพร่ขยายไปอย่างกว้างขวางของ การไม่รู้หนังสือในหมู่ชนของท่าน ซึ่งถือว่าการไม่รู้หนังสือเป็นเหตุผลหลัก ของเบื้องหลังการทุจริตต่างๆ การออกนอกลู่นอกทางและความอยุติธรรม ท่านได้หยิบยกค�ำพูดที่ว่า : ‫طلب العلم فریضة علی كل مسلم ومسلمة‬ “การแสวงหาความรู้เป็นสิ่งที่จ�ำเป็นส�ำหรับมุสลิมชายและหญิงทุก คน” ท่านส่งเสริมแม้กระทั่งให้มุสลิมหาความรู้และศาสตร์จากผู้ที่ไม่ใช่ มุสลิมในประเทศอื่นๆ ‫اطلبوا العلم ولو بالصین‬ “จงแสวงหาความรู้แม้กระทั่งอยู่ในประเทศจีน” หรือท่านส่งเสริมให้ชาวมุสลิมแสวงหาความรูแ้ ม้กระทัง่ จากคนนอก ศาสนาและคนที่ไม่ใช่มุสลิม เพือ่ ทีจ่ ะส่งเสริมให้ผทู้ มี่ คี วามรูเ้ ผยแพร่ความรูใ้ ห้หมูช่ นของตนต่อไป ดังที่ท่านเรียกว่า การสอนหนังสือเป็นการให้ทานแก่ผู้อื่น : ‫العلم صدقة ان یعلم المرء علما ثم یعلمه اخاه‬ “ความรู้จะถือเป็นทานได้โดยที่ คนหนึ่งได้รับวิชาความรู้มา และ 34 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด น�ำไปสอนให้แก่พี่น้องมุสลิมของเขา” ความรู้คือสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งส�ำหรับท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ดังนั้น ท่านจึงสั่งให้สหายของท่านปล่อยตัวเชลยสงครามที่สอนมุสลิมให้อ่าน ออกและเขียนได้ จริยธรรมและการกระท�ำของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)ในการเข้า สังคม ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) จะร่าเริงและยิ้มแย้มเสมอเมื่อท่านอยู่ กับผู้อื่น แต่เมื่อท่านอยู่เพียงล�ำพัง ท่านจะตกอยู่ในด้านที่เศร้าหมองและ ครุ่นคิด ท่านจะลดสายตาลงต�่ำเสมอและไม่จ้องหน้ากับบุคคลอื่น ท่าน กล่าวทักทายกับผู้อื่นก่อนเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กๆ ท่านไม่เคย เหยียดขาของท่านออกไปเมื่อท่านนั่งอยู่กับผู้อื่น ท่านมักจะสมาคมกับคนยากคนจนและคนขัดสนและแบ่งปันอาหาร ของท่านให้แก่พวกเขา ขณะรับประทานอาหาร ท่านไม่เคยพิงหรือนั่งบนที่ สูงหรือสิง่ อืน่ ใด ท่านรังเกลียดผูท้ ยี่ นื ขึน้ เพือ่ เคารพท่าน เมือ่ ท่านมาถึงทีใ่ ดที่ หนึง่ ท่านจะนัง่ ลงตรงทีท่ มี่ ที วี่ า่ งก่อน ท่านจะไม่ขดั เมือ่ ผูใ้ ดก�ำลังพูดอยู่ อีก ทั้งท่านจะพูดน้อยแต่มีสาระ ท่านจะพูดอย่างแคล่วคล่องและใจเย็น และ ท่านไม่เคยดูถูกคน ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) มักไปเยี่ยมเยียนคนป่วย เสมอ ท่านเป็นผู้ที่มีร่างกายและเสื้อผ้าที่สะอาดที่สุด และท่านท�ำความ สะอาดผมของท่านด้วยสมุนไพรใบพุทราและชโลมน�้ำมันลงบนผมซึ่งปก มาถึงใบหูของท่าน ท่านใช้ชะมดและน�ำ้ มันสกัดจากปลาวาฬเพือ่ ท�ำให้รา่ งกายของท่าน มีกลิน่ หอม ไม่วา่ ท่านจะอยูท่ ใี่ ด ท่านก็จะมีกลิน่ กายทีห่ อมตลอดเวลา ท่าน ส่งเสริมให้ผู้คนจ่ายเงินเพื่อซื้อน�้ำหอมมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ซึ่งการจ่าย เงินเพื่อซื้อน�้ำหอมเป็นจ�ำนวนมากๆ ไม่ถือว่าเป็นการฟุ่มเฟือย(อิสรอฟ) ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 35


มุฮัมมัด เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ในการใช้เงินของ ท่านเพื่อซื้อเครื่องหอมและใส่มันมากกว่าเงินที่ท่านใช้จ่ายเพื่อซื้ออาหาร ของท่าน การแปรงฟันถือเป็นสิ่งหนึ่งในการดูแลตนเองให้มีสุขภาพดี ท่าน นบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้ให้ความส�ำคัญกับสุขภาพช่องปากและการแปรง ฟัน ดังกล่าวนั้น ฟันของท่านจึงขาวและสะอาดอยู่เสมอ และท่านส่งเสริม ให้ผู้คนท�ำเช่นเดียวกับที่กล่าวว่า “ท�ำให้ปากของท่านมีกลิ่นหอมโดยการแปรงฟังของท่านเถิด” ท่านให้ความส�ำคัญต่อการสร้างจิตวิญญาณให้มั่นคงและถูกต้อง มากเท่ากับที่ท่านให้ความส�ำคัญกับสุขภาพที่ดีและร่างกายที่สะอาด และ ท่านยังได้กล่าวว่า “ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นสัญลักษณ์ของ คนดี” ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ชื่นชอบดอกไม้ต่างๆ มาก อิมามอะลีได้ อ้างถึงโดยการกล่าวว่า “วันหนึ่งศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ขณะที่ท่านถือดอกกุหลาบไว้ใน มือของท่าน ท่านได้มาหาข้าพเจ้าและให้ดอกกุหลาบทั้งหมดแก่ข้าพเจ้า พร้อมกับกล่าวว่า กุหลาบเป็นดอกไม้ที่ดีที่สุดในสวรรค์” ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ยังได้ด�ำรัสว่า “เมือ่ ไรก็ตามทีท่ า่ นได้รบั ดอกไม้เป็นของขวัญ ให้ดมกลิน่ ของมันและ วางมันไว้ในสายตาของท่าน” การให้ของขวัญแก่ผอู้ นื่ เป็นสิง่ ทีส่ ำ� คัญส�ำหรับท่าน และท่านได้กล่าว เสมอว่า เมือ่ เจ้าออกเดินทางและเมือ่ เจ้าเดินทางกลับ เจ้าต้องน�ำของขวัญ มาฝากครอบครัวของเจ้า ถึงแม้วา่ ของขวัญนัน้ จะเป็นเพียงก้อนหิน ตัวท่าน เองก็ยอมรับของขวัญชิน้ นัน้ เสมอแม้มนั จะเป็นนมเพียงแค่หนึง่ จิบท่านนบี 36 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด มุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เป็นผู้มีเมตตาธรรมอย่างยิ่งและให้อภัยต่อผู้ที่กระท�ำ ชั่วและเคยแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อท่าน ท่านเลือกที่จะให้อภัย มากกว่าทีจ่ ะแก้แค้น และท่านได้เชิญชวนให้ผคู้ นให้อภัยต่อผูท้ ที่ ำ� ผิด ตาม ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เป็นสัญลักษณ์แห่งการให้ อภัย วันหนึ่งหลังจากปีที่ท่านและสหายของท่านจ�ำนวนหนึ่งหมื่นสองพัน คนพิชิตเมกกะและกลับมายังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เพื่อเป็นการตอบสนอง ต่อเสียงเรียกร้องของหนึ่งในสหายของท่าน เพื่อท�ำการแก้แค้นชาวเมกกะ ในสิ่งที่พวกเขาท�ำผิด ท่านได้กล่าวว่า “วันนี้เป็นวันแห่งการให้อภัยและให้พร” ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ)กล่าวกับบรรดาผูท้ ปี่ ระพฤติชวั่ และทรมาน ท่านและสหายของท่าน รวมถึงผู้ที่สังหารสหายของท่าน ซึ่งยืนอยู่ต่อหน้า ท่านในขณะที่เป็นผู้ถูกพิชิตพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าทรมานข้าพเจ้าและสหายของข้าพเจ้าในเมืองนี้และเจ้าได้ ท�ำการล้อมกรอบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงกับพวกเราในหุบเขาชาบี อะบีฏอเล็บ และการกระท�ำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อข้าพเจ้าและสหาย ไม่มี สิ่งใดที่ข้าพเจ้าจะกระท�ำกับเจ้าหรือ” ค�ำตอบของชาวเมกกะคือการขอความเมตตาจากท่าน จากนัน้ ท่าน นบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) กล่าวว่า : ‫انتم الطلقاء الي اهلل‬ “พวกเจ้าทั้งหมดเป็นอิสระ จงผินหน้าของพวกเจ้าไปยังพระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพเถิด” และท่านอภัยโทษให้กับพวกเขาทั้งหมด เหตุการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้น เสมอในช่วงสงคราม ฝ่ายชนะจะถือไฟเพื่อต้อนฝ่ายที่แพ้ให้รวมเป็นกลุ่ม ก้อน แต่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)เป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตาและ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 37


มุฮัมมัด การให้อภัยต่อศัตรูผู้พ่ายแพ้และถูกพิชิต ท่านได้แสดงถึงพลังแห่งความ เป็นผู้น�ำที่คงอยู่ในการรับใช้มวลชนในสังคมส�ำหรับความโปรดปรานการ พัฒนาของพวกเขา และความเป็นผู้น�ำจะไม่ท�ำให้ตกเป็นเหยื่อแห่งความ เป็นกลางทางการเมืองของตนและความเห็นแก่ตัว ส�ำหรับบุคลิกและ ลักษณะที่ดีเลิศของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เลโอ ตอลส์ตอยนักเขียน และนักปราชญ์ชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียง กล่าวว่า “ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)เป็นศาสดาที่ดีที่สุดของศาสนาอิสลามที่ ควรค่าแก่การเคารพและให้เกียรติ ศาสนาของท่านจะแผ่กระจายไปทัว่ โลก ขอบคุณต่อพันธะสัญญาที่พร้อมด้วยความปราดเปรื่องและชาญฉลาด” ศาสตราจารย์ วิลล์ ดูแรนต์ นักเขียนและนักประวัติศาสตร์ชาว อเมริกา ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า “ถ้าเราประเมินผลผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อผู้คน เราขอกล่าวว่า ศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ มวลมนุษยชาติ ท่านพยายามที่จะยกระดับความรู้และจริยธรรมของคน ที่ป่าเถื่อน (ในภูมิภาคที่มีอุณหภูมิสูงและความแห้งแล้งของทะเลทราย) ท่านได้บรรลุความส�ำเร็จดังกล่าวนี้ที่เป็นมากกว่าความส�ำเร็จใดๆ ใน การปฏิรูปสังคมโลก เราแทบจะพบผู้ซึ่งได้เติมเต็มมูลเหตุแห่งศาสนา อย่างท่านได้น้อยมาก ท่านประสบความส�ำเร็จตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ศาสนทูต ท่านได้รวบรวมเผ่าที่ไม่เลื่อมใสในศาสนาเพื่อจัดตั้งเป็นอุมมะห์ (ประชาชาติที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน) ท่านได้แจ้งถึงหลักการพื้นฐานที่ชัด แจ้งและแข็งแกร่ง และความเชื่อทางศาสนาที่ยึดถือความกล้าหาญและ การเห็นคุณค่าในตนเองซึ่งทรงคุณค่ามากกว่าศาสนายิว ศาสนาคริสต์ และบรรดาศาสนาเก่าๆของดินแดนอาระเบียกลุ่มชนรุ่นต่อไปของอุมมะห์ 38 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ประชาชาติอิสลามผู้ครอบครองชัยชนะเหนือศัตรูในการสู้รบ 100 ครั้ง ได้ สร้างจักรพรรดิผยู้ งิ่ ใหญ่ในช่วงหนึง่ ศตวรรษและในยุคร่วมสมัยเป็นอ�ำนาจ ที่แข็งแกร่งที่สุด"

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 39


มุฮัมมัด

การดูแลบรรดาเด็กๆ และเด็กก�ำพร้า ศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เป็นผู้ที่มีความเมตตาอย่างยิ่งต่อบรรดา เด็กๆ และท่านกล่าวเสมอว่า “จงให้ความเมตตาและความรักต่อบรรดาเด็กๆและเยาวชนของเจ้า” วันหนึ่งเด็กกลุ่มหนึ่งเห็นศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) และเด็กๆ ได้เข้ามาราย ล้อมอยู่รอบตัวท่านและพูดกับท่านว่า “โอ้ ศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ท่านไม่เคยให้สิทธิ์แก่พวกเรา” ท่านตอบว่า “สิทธิ์อะไรที่พวกเธอพูดถึง” พวกเขากล่าวว่า “ท่านแสดงความเมตตาต่อหลานชายของท่านคือฮะซันและฮุเซน และท่านแบกพวกเขาไว้บนบ่าของท่านและท่านไม่เคยแบกพวกเราไว้บน บ่าเลย” ถึงแม้ว่าศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) จะเป็นศาสดาแห่งอิสลามและ เป็นผู้น�ำชุมชนมุสลิมทั้งหมด แต่ท่านบอกให้เด็กๆ ปีนขึ้นไปบนบ่าของ ท่านทีละคนและพาพวกเขาเดินไปตามถนน ท่านให้ความสนใจเป็นพิเศษ แก่เด็กก�ำพร้าในสังคมที่ซึ่งพวกเขาถูกดูถูกดูแคลน ท่านสอนให้ผู้คนดูแล เด็กก�ำพร้าและรับเป็นผูป้ กครองของพวกเขา นอกเหนือจากทีม่ กี ล่าวไว้ใน คัมภีร์อัลกุรอาน ท่านศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้กล่าวว่า “ผู้ที่เลี้ยงดูเด็กก�ำพร้าจะได้อยู่ใกล้ชิดกับข้าพเจ้าในสรวงสวรรค์ดัง เช่นนิ้วมือทั้งสอง” 40 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด

ความเคร่งครัดในศาสนา และความน่าเลื่อมใส ศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้จ�ำกัดตนเองออกจากสิ่งที่ไม่จ�ำเป็น ในการด�ำรงชีวิต ท่านนั่งบนเสื่อฟางและมีหมอนที่บรรจุด้วยเส้นใยจาก ต้นอินทผลัม อาหารของท่านส่วนใหญ่เป็นเพียงขนมปังและผลอินทผลัม เท่านั้น ท่านไม่เคยมีอาหารเพียงพอส�ำหรับบริโภคสามวันติดต่อกัน และ ได้รบั การกล่าวจากภรรยาของท่านว่า บางครัง้ ไม่มอี าหารหลงเหลือเพือ่ จะ น�ำมาปรุงเป็นเวลาหนึง่ เดือนเต็ม ท่านได้ขมี่ า้ หรือสัตว์อนื่ ทีใ่ ช้สำ� หรับขีโ่ ดย ปราศจากอาน และตัวของท่านมักซ่อมแซมเสื้อผ้าและรองเท้าของท่าน และรีดนมแพะด้วยตัวของท่านเสมอ ท่านเชื่อว่า โลกเป็นที่แห่งความยาก ล�ำบากและความอุตสาหะอย่างแสนสาหัส เนื่องจากท่านได้รับการบอก กล่าวจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพ ว่า )4/‫ك َب ٍد(البلد‬ َ ‫ان ِفي‬ َ ‫نس‬ َ ِ ْ‫َل َق ْد َخ َل ْق َنا الإ‬ “แน่นอน เราได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาให้อยู่ในความยากล�ำบาก” หรือ ในด�ำรัสอีกประการหนึ่งที่บอกว่า : (5/‫َفِإ َّن َم َع ا ْل ُع ْس ِر ُي ْس ًرا (الشرح‬ “แท้จริงพร้อมกับความยากล�ำบากนั้นก็มีความง่าย” กล่าวคือ มนุษย์สามารถได้รับการบรรเทาในการกลับมามีชีวิตครั้ง ต่อไป สิ่งนี้ได้มีการกล่าวถึงสองครั้งในคัมภีร์อัลกุรอานซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึง ความส�ำคัญที่ก�ำหนดโดยพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพว่า โลก เป็นที่ส�ำหรับสร้างความแข็งแกร่งให้แก่จิตวิญญาณเพื่อเป็นการเตรียม ตัวส�ำหรับโลกหน้า ศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) กล่าวกับอัครสาวกของท่าน ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 41


มุฮัมมัด เสมอว่า ความยากล�ำบากจะน�ำไปสู่จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของมนุษย์ ท่านได้เพิ่มเติมว่า : ‫الفقر فخري‬ ความยากจนเป็นเกียรติแก่ข้าพเจ้าเสมอ ท่านสอนให้สหายของท่านช่วยเหลือคนยากจนและผูข้ ดั สน ศาสดา มุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ให้คุณค่าแก่ความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันและความ เมตตาในหมู่ชนและท่านส่งเสริมให้ผู้คนไปมาหาสู่และเยี่ยมเยียนญาติ เพื่อนบ้านของเขา รวมทั้งผู้ป่วยและช่วยเหลือคนยากจนและขัดสน ท่าน ได้ไปเยีย่ มเยียนผูป้ ว่ ยทีไ่ ม่ใช่มสุ ลิมเสมอ กุรอานคัมภีรแ์ ห่งพระผูเ้ ป็นเจ้าซึง่ แจ้งแก่ศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ซึ่งถือเป็นแหล่งที่ศักดิ์สิทธิ์แหล่งหนึ่งเพื่อ ส่งเสริมมิตรภาพและความเป็นพี่น้องกันระหว่างหมู่ชน ค�ำสอนทางด้าน จริยธรรมทั้งหมดของศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) น�ำมาจากที่เดียวกัน ณ ที่นี้ เราอ้างถึงจ�ำนวนบทและค�ำสอนใน อัลกุรอาน ที่กล่าวไว้เช่นเดียวกัน ดังนี้ 1. การนินทาว่าร้าย ‫ك َل‬ ُ ‫ك ْم أَن َي ْأ‬ ُ ‫َح ُد‬ َ ‫َولاَ َي ْغ َتب َّب ْع ُض ُكم َب ْع ًضا َأ ُي ِح ُّب أ‬ ِ ‫َل ْح َم أ‬ )21/ ‫ُمو ُه (حجرات‬ ُ ‫َخي ِه َم ْي ًتا َف َك ِر ْهت‬ และบางคนในหมู่พวกเจ้าอย่านินทาซึ่งกันและกัน คนหนึ่งในหมู่ พวกเจ้าชอบที่จะกินเนื้อของพี่น้องของเขาที่ตายไปแล้วกระนั้นหรือ 2. ความริษยา การประณามการอิจฉาริษยากันในหมู่ชน พระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพ ตรัสว่า จงแสวงหาที่พักพิงแห่งพระผู้เป็น เจ้า (พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) โดยการระมัดระวังจากความริษยากัน” 3. ความเห็นแก่ตัว ในมุมมองของอัลกุรอาน ความเห็นแก่ตัวเป็นสิ่ง ร้ายกาจและเป็นลักษณะที่ชั่วร้ายที่น�ำมาซึ่งสิ่งเลวร้ายอื่นๆ มากมาย ซึ่งมี อยูห่ ลายบททีอ่ ลั กุรอานได้กล่างถึงเรือ่ งนี้ ความเห็นแก่ตวั เกิดขึน้ เนือ่ งจาก 42 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด แรงจูงใจต่างๆ อันรวมถึงอ�ำนาจ ความมั่งคั่งและความงามที่ถูกประณาม และอัลกุรอานยังบอกว่า ลักษณะที่ชั่วร้ายนี้จะน�ำมาซึ่งความเป็นปฏิปักษ์ ต่อกันและความเกลียดชังกันเสมอ ในหลายๆ บทของอัลกุรอานมีการกล่าวถึงระดับของการกล่าวหาที่ เป็นเท็จ การโกหก การนินทาและการเย้ยหยันที่เป็นสิ่งต้องห้าม เนื่องจาก สิ่งดังกล่าวมานี้น�ำมาซึ่งการเป็นปฏิปักษ์ต่อกันในหมู่มนุษย์ และการกระ ท�ำทัง้ หลายทีส่ ง่ เสริมความเมตตาและความมีนำ�้ ใจในหมูช่ น (ดังเช่น ความ ซื่อสัตย์ การให้อภัย การผ่อนปรนและการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่าง คนทั้งสองหรือระหว่างสองเชื้อชาติ)ถือเป็นสิ่งที่จ�ำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าการบอกกล่าวความเท็จจะเป็นที่ถูกประณามในศาสนาอิสลาม แต่ หากเป็นการปรับปรุงเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนก็ถือเป็นที่ อนุมัติ ครั้งหนึ่ง ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) กล่าวกับกลุ่มชนของท่านว่า “คนใดในหมูพ่ วกเจ้าทีท่ ำ� สิง่ ดังต่อไปนีจ้ ะเป็นผูม้ เี กียรติและมีสถานะ ที่สูงส่ง ณ พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพ ก. ให้อภัยแก่ผู้ที่กระท�ำไม่ดีต่อเจ้า ข. สร้างสัมพันธ์ใหม่กับผู้ที่เคยตัดสัมพันธ์กับเจ้า ค. แสดงความเอือ้ เฟือ้ เผือ่ แผ่กบั ผูท้ กี่ ระท�ำการสิง่ หนึง่ สิง่ ใดกับเจ้า เนื่องจากความประมาทและความโง่เขลาของเขา 4. สั่งห้ามการดื่มไวน์ (เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์) ซึ่งได้มีค�ำสั่ง ห้ามจากอายะห์ต่างๆ ในอัลกุรอาน ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ถือว่าการ ดื่มไวน์ (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์) เป็นเหตุแห่งการสูญเสียจิตใจ สติ และได้ กระตุ้นให้หมู่ชนของท่านหลีกเลี่ยงการดื่ม (ไวน์) ท่านกล่าวว่า “พระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพ ทรงขังความชั่วร้ายไว้และการดื่มเครื่อง ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 43


มุฮัมมัด ดื่มที่มีแอลกอฮอล์ถือเป็นกุญแจส�ำหรับไขล็อคออก”

44 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด

การอพยพ (ฮิจเราะห์)

ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้พยายามที่จะพัฒนาชาวเมืองเมกกะ โดยการเชิญชวนพวกเขาไปสู่การพัฒนาจากภายนอกและภายใน (ไปสู่ ความสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณ) โดยหลีกเลีย่ งการนองเลือด ประณามและ ความเสื่อมเสียใดๆอันที่จะเกิดขึ้นได้ หลังจาก 13 ปีของการเผยแพร่ศาสนาอิสลามได้ผ่านไป ผู้น�ำของ ชาวกุเรชต้องผิดหวังในการขัดขวางท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ในการเชิญ ชวนเรียกร้องไปสู่ศาสนาอิสลาม พวกเขาตัดสินใจที่จะสังหารศาสดาแห่ง อิสลามในเวลากลางคืน คนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่เคยสร้างความเจ็บปวด ให้แก่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) และสหายของท่านเป็นเวลา13 ปี แต่พระ องค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพทรงท�ำให้ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) สามารถล่วงรู้อุบายของศัตรูผ่านทางเทวทูต (มะลาอิกะห์) และสั่งให้ท่าน อพยพออกจากนครเมกกะในเวลากลางคืน ดังนัน้ ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ศ,ล.) จึงเรียกท่านอะลี บุตรอบูตอลิบสาวกผูภ้ กั ดีของท่านและเป็นคนแรกทีแ่ สดง ความภักดีต่อศาสดา พร้อมทั้งได้บอกแผนการลับให้ท่านอะลีทราบและ กล่าวกับเขาว่า “เจ้าพร้อมที่จะนอนบนเตียงของข้าฯแทนข้าฯ ไหม” ท่านอะลีถามว่า “และจากนั้น ท่านจะปลอดภัยและได้รับการปกป้องใช่ไหม ?” และท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ตอบว่า “ใช่ ข้าฯอยู่ในอุ้งพระหัตถ์อันปลอดภัยแห่งพระผู้เป็นเจ้า” จากนั้นท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) จึงอพยพออกจากเมืองเมกกะไป ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 45


มุฮัมมัด ยังเมืองยัสริบตั้งอยู่ในระยะทาง 400 กิโลเมตรจากนครเมกกะ โดยศัตรูได้ รีบรุดไปยังบ้านของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) และวาดดาบในมือของพวก เขามายังเตียงนอนของท่าน แต่ต้องประหลาดใจเมื่อพบท่านอะลีนอนอยู่ บนเตียงของท่านแทน พวกเขาถามท่านอะลีว่า “มุฮัมหมัดอยู่ที่ไหน ?” ท่านอะลี ตอบว่า “พวกท่านมอบหมายให้ข้าพเจ้าเฝ้าดูท่านนบีมุฮัมหมัดหรือ ?” ทันใดนัน้ พวกเขาได้ไล่ตามท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ไป แต่ทา่ นได้ เข้าไปหลบภัยอยู่ในถ�้ำใกล้กับเมืองเมกกะ ด้วยพระประสงค์ของพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพ ท�ำให้ทางเข้าถ�้ำถูกขวางกั้นด้วยใยแมงมุมและมีนกพิราบป่าวางไข่ไว้ บริเวณปากถ�้ำ ศัตรูที่ตามล่าท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ตามรอยเท้าของ ศาสดาแห่งอิสลามมายังปากถ�้ำและเมื่อพวกเขาเห็นใยแมงมุมและนก พิราบ เขาจึงกล่าวกับพวกของตนว่า “แมงมุมและนกพิราบจะไม่ท�ำรังของพวกมันหากมีคนอยู่ในถ�้ำ อีก ทั้งถ้าใยแมงมุมมีอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว จะต้องถูกท�ำลายหากมีผู้ใดเข้าไปในถ�้ำ ดังนั้น แสดงว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ไม่มีผู้ใดเข้าไปในถ�้ำนี้เลย จากนั้น พวกเขาได้เดินทางออกไปและท�ำให้ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ปลอดภัย สองถึงสามวันหลังจากนั้น ท่านได้ออกจากถ�้ำไปยังเมืองยัสริบ เนื่องจาก ว่า ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) ได้สง่ ผูแ้ ทนของท่านนามว่ามัสอับ บุตรอุมยั ร์ (‫ )مصعب بن عمير‬ไปยังเมืองยัสริบเป็นเวลาสองปีมาแล้ว จึงท�ำให้ ประชาชนในเมืองนั้นค่อนข้างเตรียมพร้อมที่จะเข้ารับศาสนาอิสลาม เมื่อ ท่านเดินทางเข้าไป แต่ละเผ่าทีท่ า่ นเดินทางผ่าน ปรารถนาทีจ่ ะให้เกียรติใน การมาของท่านและพยายามให้เครื่องเทียมกับอูฐของท่านและให้ท่านพัก 46 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด อยู่กับพวก-เขา หลังจากนั้นไม่นาน บรรดาสหายของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้อพยพไปยังเมืองยัสริบและชื่อของเมืองนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นเมือง มะดีนะตุล้ นะบี (มะดีนะห์) มีความหมายว่า “เมืองของศาสดาแห่งศาสนา อิสลาม” เพื่อให้ชาวมุสลิมมารวมตัวกันและท�ำการนะมาซของพวกเขา

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 47


มุฮัมมัด

การสร้างสันติภาพ และความสมานฉันท์ ในเมืองมะดีนะห์ หลังจากที่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมือง มะดีนะห์ ได้มกี ารเชิญชวนชาวเมืองมะดีนะห์ทขี่ ดั แย้งและทะเลาะวิวาทกัน เป็นเวลาหลายปีมาสู่สันติสุข และท่านได้สร้างมิตรภาพและความเมตตา ให้เกิดขึ้นระหว่างชาวเมืองมะดีนะห์ทั้งหลาย และถึงแม้ท่านจะสั่งสอนให้ มุสลิมทุกคนอยู่ในความสงบร่วมกับชาวยิวที่อาศัยอยู่ในมะดีนะห์ และ กล่าวกับสหายของท่านว่า “ชาวยิวมีอิสระในการเลือกที่จะเข้ารับอิสลาม ไม่มีความแตกต่าง ระหว่างชาวมุสลิมและชาวยิว เนือ่ งจากศาสนาอิสลามถือว่ามนุษย์ทกุ คน ไม่วา่ จะมีเชือ้ ชาติหรือนับถือศาสนาใดๆ มีความเท่าเทียมกันตามกฎหมาย แห่งรัฐอิสลาม และในแง่มุมของศาสนาอิสลาม ประชาชนทุกคนมีสิทธ์ที่ จะเติบโต ได้รับความเจริญรุ่งเรือง และข้าพเจ้า ศาสดาแห่งอิสลามเป็นผู้ แสวงหาความเจริญรุ่งเรืองและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกคน”

48 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด

สงครามต่อต้านศาสดา แห่งศาสนาอิสลาม สงครามเป็นหนึ่งในลักษณะส�ำคัญของทุกๆ สังคม โดยไม่ค�ำนึงถึง วัฒนธรรม ภาษา นิกายหรือศาสนา แม้กระทัง่ สัตว์ยงั มีเครือ่ งป้องกันตนเอง จากบรรดาศัตรูของมัน ศาสนาอิสลามเชื่อว่า ปัญหาความขัดแย้งและข้อ พิพาทระหว่างมนุษย์ไม่สามารถแยกออกจากลักษณะและสาระส�ำคัญของ พวกเขา อัลกุรอานให้เหตุผลว่า เหตุผลส�ำคัญเบื้องหลังความขัดแย้งและ สงครามระหว่างมนุษย์คอื วิธกี ารทีก่ า้ วร้าวของพวกเขา ความโง่เขลา ความ รุนแรง ความอกตัญญู ความหยิ่งยโสและเชื่อฟังความชั่วร้ายของพวกเขา มนุษย์ที่มีเหตุผลทุกคนจะประณามการท�ำสงคราม ความรุนแรงของมัน และผลกระทบที่เลวร้ายของมัน ในแง่มุมของความสันติและความสงบสุข ที่มนุษย์สามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดมุ่งหมายที่ส�ำคัญของการสร้าง ตามความ แตกต่างทางศาสนาและเทววิทยาในหมู่มวลมนุษย์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ ความถูกต้องของสงครามและความขัดแย้งได้ รวมถึงการที่สหายนับถือ ศาสนาและนิกายทีแ่ ตกต่างกันสามารถอยูร่ ว่ มกันอย่างสงบสุขและเคารพ ในสิทธิ์ของผู้อื่นดังที่ท่านได้อยู่ร่วมกับชาวยิว และชาวคริสต์อย่างสงบใน เมืองมะดีนะห์ และไม่บังคับให้พวกเขาเข้ารับอิสลาม ดังที่ท่านนบีมุฮัม หมัด (ซ็อลฯ) ได้หยิบยกมาจากพระด�ำรัสของพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรง เดชานุภาพ ในอัลกุรอานว่า “อะลุ้ลกิตาบ (ยิว คริสต์ โซโรแอสเทรียนส์) พวกเราจงยึดมั่นในค�ำ สอนที่ถูกต้องซึ่งใช้ร่วมกันระหว่างเราและเชื่อมโยงเรากับศาสนาอื่น” ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 49


มุฮัมมัด และในอีกอายะห์หนึ่งของอัลกุรอาน กล่าวว่า “ดังนัน้ เจ้า (มุฮมั หมัด) จงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของข้าเถิดว่า บรรดา ผูท้ สี่ ดับฟังค�ำกล่าวและปฏิบตั ติ ามอย่างดีทสี่ ดุ ชนเหล่านีค้ อื บรรดาผูท้ พี่ ระ องค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) ทรงชีแ้ นะทางน�ำทีถ่ กู ต้องให้แก่พวกเขา และชนเหล่านัน้ แหละ คือผู้ที่มีสติปัญญาใคร่ครวญ” ฉะนั้น หากเราลองตรวจสอบดูทุกช่วงชีวิตของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เราจะพบว่าในช่วง10 ปีของช่วงที่ท่านพ�ำนักอยู่ที่นครมะดีนะห์ ท่านและสหายต้องเผชิญกับการท�ำสงครามมากกว่า 70 ครั้งในนครอัน ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และส�ำหรับสงครามเหล่านั้นล้วนเกิดขึ้นเพื่อต่อต้านชาว มุสลิมทั้งสิ้น แต่ในทางตรงกันข้ามท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ไม่เคยเป็น ฝ่ายเริ่มสงครามก่อนเลย และถึงแม้ว่าท่านได้หลบหนีจากบรรดาศัตรูของ ท่านในนครเมกกะห์ บรรดาพวก นอกรีตยังคงท�ำความล�ำบากและสร้าง ความทรมานให้แก่บรรดาสหายผู้บริสุทธิ์ของท่าน โดยการยึดทรัพย์สินอัน น้อยนิดของพวกเขา และในทางตรงกันข้ามได้มีการวางแผนที่จะสั่งห้าม กองคาราวานเข้าออกเมืองส�ำคัญเศรษฐกิจของนครมะดีนะห์เพื่อป้องกัน ไม่ให้มกี ารส่งออกอาหารไปยังเมืองนี้ หนึง่ ในหัวหน้าของพวกนอกรีตมีชอื่ ว่าอะบูยะฮัล เขาได้สง่ จดหมายทีม่ คี วามหยาบคาบมายังท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) เพือ่ เตือนท่านให้เตรียมตัวส�ำหรับการโจมตีโดยชาวกุเรช หลังจากที่ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้รับจดหมาย ท่านก็ได้รับการแจ้งจากพระองค์ อัลลอฮ์ ผู้ทรงเดชานุภาพโดยตรัสว่า “พวกเขาเหล่านั้นได้รับการแจ้งถึงการโจมตีและการบุกรุกสามารถ ป้อง กันได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง และพระองค์อัลลอฮ์ ผู้ทรงเดชานุภาพ จะทรงช่วยกลุ่มชนผู้ซึ่งถูกขับไล่ออกไปจากบ้านและเมืองของพวกเขา ส�ำหรับความศรัทธาในพระองค์อัลลอฮ์ ผู้ทรงเดชานุภาพของพวกเขา” 50 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด กองทัพแห่งนครเมกกะเริ่มออกเดินทางไปยังนครมะดีนะห์และ สงครามนี้เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “สงครามบะดัร” ในปีที่สองของฮิจเราะห์ ศักราช ได้ขับไล่ศาสดาแห่งอิสลามออกนอกเขตนครมะดีนะห์ ซึ่งจบลง ด้วยชัยชนะของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)และสหายของท่าน อย่างไร ก็ตาม หนึ่งปีหลังจากสงครามบะดัร ชาวเมกกะได้รวบรวมไพล่พลจัดตั้ง เป็นกองทัพใหญ่ขึ้นอีกครั้งหนึ่งและเดินทางมุ่งหน้าไปยังนครมะดีนะห์ เพื่อท�ำลายชาวมุสลิม ศาสนาและศาสดาของพวกเขา เมื่อศาสดาแห่ง พระเจ้าได้รับแจ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านได้เรียกชุมนุมชาวมุสลิมทั้งหมดใน มัสญิดและปรึกษาหารือกับพวกเขาถึงวิธีการป้องกันนครแห่งนี้ และควร จะเผชิญหน้ากับศัตรูภายนอกเมืองนีห้ รือไม่ บรรดาสหายจ�ำนวนมากบอก กับท่านว่า พวกเขาเห็นควรให้ตอ่ สูก้ บั ชาวเมกกะนอกเมือง เพือ่ ทีว่ า่ จะได้ไม่ เกิดอันตรายใด ๆ แก่ภรรยาและครอบครัวของพวกเขา ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เห็นชอบตามนั้นและการต่อสู้ซึ่งชาวเมกกะเป็นผู้โจมตี ถูกตีแตก บนภูเขาอุฮุด ชาวมุสลิมมากกว่า 70 คนถูกฆ่าตายในการสู้รบ รวมถึงลุง ซึ่งสืบเชื้อสายทางบิดาของท่านศาสดา คือ ท่านฮัมซะห์ บุตร อับดุลมุฏฏอ ลิบ ซึ่งศพของเขาถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ โดยศัตรู เมื่อท่านศาสดาเห็นสภาพ ศพของลุงของท่าน ท่านร�ำ่ ไห้อย่างขมขืน่ และรูส้ กึ เจ็บปวดอย่างยิง่ แต่หลัง จากนั้นผู้ที่สังหารลุงของท่านได้เข้ามอบตัวแก่ท่าน และท่านศาสดา(ซล) ก็ได้ตัดสินใจให้อภัยแก่เขา มีการสูร้ บและสงครามอืน่ ๆ ทีเ่ กิดขึน้ ในช่วงสิบปีทที่ า่ นนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) พ�ำนักอยู่ในนครมะดีนะห์ซึ่งเป็นการป้องกันทุกครั้งและมุ่งที่จะ รวบรวมแกนส�ำคัญของความสันติและความสงบสุข ในสงครามเหล่านั้น ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) ยึดมัน่ ในการหลักการและคุณค่าแห่งมนุษยธรรม เช่น การปกป้องสิทธิข์ องผูบ้ ริสทุ ธิ์ สตรีและเด็กๆ รวมถึงปฏิบตั กิ บั นักโทษ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 51


มุฮัมมัด ด้วยความเคารพ ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นักโทษที่ถูกจับมานั้นจะได้รับ การส่งเสริมให้สอนวิธกี ารเขียนและอ่านแก่ชาวมุสลิม วิธนี เี้ หล่านักโทษจะ ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระเมือ่ พวกเขาเสร็จสิน้ การสอนแล้ว อะบูอะซีซ หนึง่ ใน บรรดานักโทษจากสงครามบะดั๊ร กล่าวว่า “พวกมุสลิมจับข้าพเจ้าเป็นนักโทษและน�ำตัวไปยังนครมะดีนะห์ ระหว่างทาง มีหลายคนถูกมอบหมายให้ดูแลข้าพเจ้าโดยเป็นค�ำสั่งของ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ว่าเมื่อไรหรือที่ใดก็ตามที่พวก เราหยุดพัก ข้าพเจ้าจะได้รับอาหารและน�้ำ พวกเขาดูแลข้าพเจ้าอย่าง เมตตาและเคารพ ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกละอายใจมากส�ำหรับสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ กระท�ำกับพวกเขาก่อนหน้านี้ ดังนั้น บางครั้งข้าพเจ้าจะคืนขนมปังให้กับ พวกเขาอย่างไม่ละอาย” ตัง้ แต่เข้ามายังมะดีนะห์ ท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) ได้ลงนามในสนธิ สัญญาแห่งการอยูร่ ว่ มกันอย่างสันติกบั ชาวยิวในเมืองแห่งนัน้ และประกาศ ว่า ชาวมุสลิมและยิวเป็นดังเช่นคนชาติเดียวกันที่อาศัยอยู่ร่วมกัน และ สามารถปฏิบัติศาสนกิจของตนได้อย่างเสรี ตามสนธิสัญญาดังกล่าว ชาว มุสลิมและยิวสามารถให้ความช่วยเหลือซึง่ กันและกันในกรณีทพี่ วกเขาถูก คุกคามโดยผูอ้ นื่ อย่างไรก็ตามและภายใต้ขอ้ อ้างต่างๆ นานา สนธิสญ ั ญา ดังกล่าวมาข้างต้นได้ถูกท�ำลายลงโดยชาวยิว และในที่สุด พวกเขาได้ร่วม เป็นพันธมิตรกับเผ่านอกศาสนาของนครเมกกะ ซึง่ ท้ายทีส่ ดุ ก็นำ� มาซึง่ การ สู้รบในสมรภูมิ การสู้รบครั้งนี้ มุสลิมเป็นผู้ครองชัยชนะ จากนั้น ชาวยิว หวังทีส่ งั หารท่านนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) อย่างทารุณเพือ่ ฉีกสนธิสญ ั ญาแห่ง ความสันติ จึงร่วมมือกับบรรดาศัตรูของท่าน แต่เมื่อท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เป็นศาสดาแห่งความปรานีและความเมตตา ท่านศาสดา(ซล)จึง 52 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ได้ให้อภัยแก่พวกเขา นี่คือเหตุผลว่า ท�ำไม (จอร์จ) เบอร์นาร์ด ชอว์ หนึ่งในนักเขียนและ นักวิชาการชาวอังกฤษที่ส�ำคัญได้กล่าวไว้เกี่ยวกับท่านศาสดา(ซ็อลฯ) ดัง ต่อไปนี้ “หากศาสนาใดมีโอกาสได้เข้าครอบครองประเทศอังกฤษและทวีป ยุโรปภายในหนึ่งศตวรรษต่อจากนี้ ศาสนานั้นควรเป็นอิสลาม” “ข้าพเจ้ามีความเชื่อในศาสนาของศาสดามุฮัมหมัดเสมอมาด้วย ความเคารพอย่างสูง เนื่องจากพลังในความอยู่รอดอันวิเศษของศาสนา ดังกล่าว เป็นเพียงศาสนาเดียวที่ปรากฏแก่ข้าพเจ้าท�ำให้สามารถครอบ ครองสิ่งที่คล้ายคลึงกับพลังกายและพลังใจที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงมุม มองในการใช้ชีวิต ซึ่งสามารถท�ำให้ตัวของมันเป็นที่น่าสนใจในทุกๆ ยุค สมัย ข้าพเจ้าได้ศกึ ษาเกีย่ วกับท่านบุรษุ ผูเ้ ลิศเลอ และในความคิดเห็นของ ข้าพเจ้าซึง่ ห่างไกลจากผูท้ ตี่ อ่ ต้านพระคริสต์ แต่ทา่ นสามารถถูกขนานนาม ได้ว่า ผู้ช่วยไถ่บาปให้แก่มวลมนุษยชาติ” “ข้าพเจ้าเชื่อว่า หากคนที่เหมือนกับท่านยอมรับระบบเผด็จการ แห่งโลกสมัยใหม่ เขาจะต้องประสบความส�ำเร็จในการแก้ไขปัญหานั้น ด้วยวิธีที่จะน�ำมันไปสู่ความสันติและความสุขที่เป็นสิ่งจ�ำเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้าสนับสนุนเกี่ยวกับความศรัทธาต่อศาสดามุฮัมหมัด ที่มันจะเป็นที่ ยอมรับในวันพรุ่งนี้ของทวีปยุโรป ดังเช่นที่มันเริ่มต้นเป็นที่ยอมรับในทวีป ยุโรปในวันนี้”

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 53


มุฮัมมัด

การแต่งตั้งผู้สืบทอดของท่าน หลังจากเสร็จสิ้นจากการจาริกแสวงบุญครั้งสุดท้าย (กลับมาจาก การประกอบพิธีฮัจญ์) ท่านศาสดาเริ่มต้นเดินทางไปมะดีนะห์ ระหว่าง ทางของท่าน ณ ฆ่อดี๊รคุม เสียงจากสวรรค์ร้องเรียกว่า “โอ้ ศาสนทูตเอ๋ย! จงเผยแพร่สิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระ ผูอ้ ภิบาลของเจ้า และถ้าเจ้ามิได้กระท�ำ เจ้าก็มไิ ด้เผยแพร่สารของพระองค์ เลย และพระองค์อลั ลอฮ์นนั้ จะทรงคุม้ ครองเจ้าให้พน้ จากมนุษย์(ทีช่ วั่ ร้าย) แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงให้ทางน�ำแก่บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา” ทันใดนัน้ ศาสดามุฮมั หมัด (ซ็อลฯ) ได้สงั่ ให้บลิ าลท�ำการเรียกบรรดา มุสลิมทีก่ ำ� ลังเดินมุง่ หน้าไป ผูท้ อี่ ยูห่ ลังท่านและผูท้ เี่ ดินทางกลับไปยังบ้าน ของพวกเขาตรงทางแยกให้กลับมารวมตัวกัน ซึ่งบรรดามุสลิมขณะนั้นมี จ�ำนวนถึง หนึง่ แสนสองหมือ่ คนได้มารวมกัน ณ ฆ่อดีรคุม แล้วท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้จับมือท่าน อะลียกขี้นพร้อมกับกล่าวว่า “ใครก็ตามทีข่ า้ พเจ้าเป็นหัวหน้า อะลีคอื หัวหน้าของพวกเขา โอ้พระ องค์อัลลอฮ์ทรงรักบรรดาผู้ที่รักอะลีและทรงเป็นศัตรูกับศัตรูของอะลี ทรง ช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลืออะลีและทรงทอดทิ้งผู้ที่ทอดทิ้งอะลี” และอีกคราหนึ่งได้มีเสียงจากสวรรค์ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “วันนี้ข้าได้ให้ความสมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้วซึ่งศาสนาของพวกเจ้า และข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งความเมตตากรุณาของข้า และข้า ได้ยินยอมให้อิสลามเป็นศาสนาส�ำหรับพวกเจ้า” ดังนั้น ท่านอะลีเป็นคนแรกที่เข้ารับอิสลามและเป็นสหายที่ดีที่สุด 54 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ของศาสดามุฮัมหมัด(ซ็อลฯ) เป็นเวลา 23 ปีที่ท่านอะลีได้รับใช้ท่านนบีมุ ฮัมหมัด (ซ็อลฯ)และศาสนาอิสลามมาโดยตลอด ท่านอะลีได้ถูกเลือกให้ เป็นผู้สืบทอดต�ำแหน่งผู้น�ำอณาจักรอิสลามต่อจากท่านศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) และบรรดามุสลิมทัง้ หมดทีอ่ ยู่ ณ ทีน่ นั้ (ณ ฆ่อดีรคุม)ให้ความจงรัก ภักดีต่อท่านอะลีด้วย

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 55


มุฮัมมัด

วันสุดท้ายของ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ในปีที่สิบเอ็ดของฮิจเราะห์ศักราชและทันทีที่ท่านเสร็จสิ้นการประ กอบพิธีฮัจญ์ ท่านศาสดารู้สึกไม่สบาย ท่านไปยังมัสญิดด้วยร่างกายอัน อ่อนแอและเรียกชุมนุมมุสลิมทั้งหมด พร้อมกับกล่าวกับพวกเขาว่า “เนือ่ งจากนีค่ อื ช่วงวาระสุดท้ายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการถามว่า “หากในทีน่ มี้ ีผใู้ ดทีข่ า้ พเจ้าเคยท�ำให้เขาได้รบั ความเจ็บปวดในชีวติ บ้าง เพราะหากมี ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะถูกลงโทษส�ำหรับสิ่งที่ข้าพเจ้าท�ำ ในตอนนี้มากกว่าที่จะถูกลงโทษหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว” ทันใดนั้นมีชาย คนหนึ่งตอบรับและกล่าวว่า “โอ้ท่านศาสดา(ซ็อลฯ) วันหนึ่งขณะที่ท่านก�ำลังขี่อูฐ ท่านได้ตี ข้าพเจ้าด้วยไม้เท้าของท่านตรงไหล่ของข้าพเจ้าโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นเป็น สิทธิ์ของข้าพเจ้าที่จะตอบโต้” ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) เรียกชายผู้นั้นให้เดินมาข้างหน้าท่าน โดยการให้เขาใช้ไม้เท้าท�ำเช่นทีท่ า่ นท�ำกับเขา บรรดาผูท้ อี่ ยูใ่ นมัสญิดขณะ นั้นบอกกับชายผู้นั้นว่า “ไม่เห็นหรอกหรือว่าท่านศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) อ่อนแรงและ อ่อนแอมากเช่นไร ท�ำไมเจ้าไม่แสดงความเมตตาต่อศาสดาแห่งอัลลอฮ์” แต่ชายผูน้ นั้ กลับเดินเข้ามาใกล้ทา่ นนบีมฮุ มั หมัด (ซ็อลฯ) และหยิบ ไม้เท้าของท่านมาจากท่าน ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ร้องบอกว่า 56 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด “โปรดตีข้าพเจ้าเถิด” ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้บรรดาผู้ที่อยู่ในมัสญิดร�่ำไห้ ชายผู้นั้นกล่าวว่า “แต่ในขณะที่ท่านตีข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเปลือยกายครึ่งท่อน” ดังนัน้ ท่านศาสดาจึงเปลือยบ่าของท่าน พร้อมกับร้องบอกอีกครัง้ ว่า “โปรดตีข้าพเจ้าเถิด” ทันใดนั้น ชายผู้นั้นได้จูบลงบนไหล่ของท่านศาสดาและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยคิดทีจ่ ะโต้ตอบ ข้าพเจ้าเพียงแต่ตอ้ งการได้รบั โอกาส ทีจ่ ะจูบลงบนบ่าของท่านเท่านัน้ เพือ่ ข้าพเจ้าจะได้รบั การยกเว้นจากความ โกรธกริ้วของพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ” ในไม่ช้า ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 63 ปีใน บ้านของท่านที่นครมะดีนะห์ และร่างอันบริสุทธิ์ของท่านได้ถูกฝังอยู่ที่ นั่นเช่นกัน” ช่วงเวลา 23 ปีแห่งการเป็นศาสดาของท่าน ท่านประสบกับความ ทุกข์และความยากล�ำบากอย่างนับครั้งไม่ถ้วน แต่ท่านเลือกจะท�ำการ เปลี่ยนแปลงชนเผ่าและชีวิตที่โง่เขลาของชาวอาหรับอย่างรุนแรงดังที่ กล่าวให้ทราบ แท้ที่จริงท่านได้แทนที่ระบบต่างๆ ของพวกเขาด้วยระบบ ใหม่ๆทางสังคมตามแบบศาสนาอิสลาม ตัวอย่างเช่น ท่านเรียกการท�ำ ตามบรรพบุรุษอย่างไร้เหตุผลว่า “ความโง่เขลา” และสร้างบุคลิกใหม่ของ มุสลิมซึง่ เป็นอิสระจากลัทธิชนเผ่าหรือความใกล้ชดิ เกีย่ วพันธ์กบั กลุม่ คนที สนใจในเรื่องเดียวกัน นอกจากนี้ท่านยังประณามลัทธิเหยียดสีผิว ลบล้าง ค�ำสั่งที่ปราศจากความยุติธรรม โจมตีและประนามการประพฤติผิดที่ชาว อาหรับผู้โง่เขลายึดถือว่าเป็นความภาคภูมิใจ ขอขอบพระคุณส�ำหรับค�ำสอนเกี่ยวกับอิสลามของท่าน ศาสดา แห่งอิสลามผู้บริสุทธิ์ก�ำหนดและสร้างกฎทางสังคมด้วยความร่วมมือ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 57


มุฮัมมัด และการท�ำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับประชาชน ท่านพยายามเสมอที่จะ ให้กฎหมายและอ�ำนาจในการบริหารมาพร้อมกับจริยธรรมและคุณธรรม ก�ำหนดเงือ่ นไขส�ำหรับการเป็นเจ้าของและพยายามระงับข้อพิพาททางการ เงินและลดปัญหาทางสังคมของผู้คน อีกทั้งท่านยังสอนให้ผู้คนช่วยเหลือ คนยากคนจน และนี่คือเหตุผลว่าท�ำไมท่านศาสดา (ซ็อลฯ)จึงก�ำหนดข้อ บังคับทางด้านภาษีบางประการและก�ำหนดทางเลือกบางประการเพื่อที่ จะให้ความมั่งคั่งกระจายออกไปยังผู้คนในสังคมอย่างยุติธรรม ตั้งแต่ต้น จนจบ ไม่มีผู้ใดพบความขัดแย้งใด ๆ ระหว่างสิ่งที่ท่านพูดกับวิธีการที่ท่าน ท�ำและแม้แต่ศตั รูของท่านยังเรียกท่านว่า ผูท้ มี่ คี วามสัตย์จริงและน่าเชือ่ ถือ ตลอดชีวติ ของท่านจะตัง้ อยูบ่ นพืน้ ฐานของการหลีกเลีย่ งความอิจฉา ริษยา ความโลภ ความตระหนี่ การเสแสร้งและอ้าแขนรับการให้อภัย ความ เมตตา ความเห็นอกเห็นใจ ความถูกต้องและอยูอ่ ย่างสงบเสงีย่ มเจียมเนือ้ เจียมตัวและใช้ชวี ติ ทีเ่ รียบง่าย กฎของท่านถูกก�ำหนดขึน้ ด้วยความยุตธิ รรม ตัวของท่านอุบัติขึ้นจากความยากจน การถ่อมตนอย่างน่าเคารพ นับถือ ท่านมีความเมตตากับเพื่อนๆ ของท่านและไม่เคยเก็บง�ำความขุ่น เคืองใจต่อบรรดาศัตรูของท่าน ในการสู้รบ ท่านไม่เคยลงดาบก่อนที่ศัตรู ของท่านจะท�ำ การเชิญชวนไปสู่อิสามของท่านตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลัก สามประการคือ “ความเฉลียวฉลาด” (ฮิกมัต) “ค�ำสอนที่ดี” และ “ความ มีเหตุมีผล” ในการเผยแพร่ศาสนาของท่าน ท่านจะปฏิบัติตามค�ำขวัญดัง ต่อไปนี้เสมอ ِّ ‫ِك َرا َه ِفي‬ )652/‫ين (البقره‬ َ ِ ‫الد‬ ْ ‫ال إ‬ "จะไม่มีการบังคับใน (การยอมรับนับถือ) ศาสนา” เพราะเป็นสิง่ ทีท่ า่ นระมัดระวังมากทีส่ ดุ ในการเชิญชวนผูค้ นไปสูห่ ลัก เตาฮีด (ได้แก่การให้เอกภาพหรือเคารพนับถือในพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) 58 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด เพียงองค์เดียว) ท่านศาสดา (ซ็อลฯ)ได้อธิบายถึงพระผู้สร้างจักรวาลคือ “เป็นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ให้ก�ำเนิดและถูกให้ก�ำเนิด เป็น ผู้มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ ผู้ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาและกรุณา อยู่ใกล้ชิดกับ เรามากกว่าเส้นเลือดในล�ำคอของเรา เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่มีความงดงาม เป็นที่ประจักษ์ในทุกแห่ง พระองค์ไม่ได้อยู่ในสวรรค์หรือใต้พิภพหรือบน บัลลังก์ของกษัตริย์ แต่พระองค์ทรงมีอยู่ในทุกที่ และพระองค์ไม่ทรงเป็น พวกเผด็จการหรือกดขี่” ท่านศาสดาบอกกับผู้คนให้ยึดถือในสิ่งที่พวกเขาสามารถอธิบาย ส�ำหรับการกระท�ำได้ และกล่าวกับพวกเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้าของข้าฯ บอกกับข้าฯว่าหู ตาและหัวใจของพวกเรา จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อทุกการกระท�ำและสิ่งเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่อธิบายถึง การ กระท�ำของมันหลังจากที่พวกเจ้าได้เสียชีวิตไปแล้ว และพวกเจ้าจะ ได้รับรางวัลหรือถูกลงโทษตามนั้น” หนึ่งในลักษณะที่เด่นที่สุดในชีวิตท่านคือ ท่านหลีกเลี่ยงที่จะครอบ ครองทอง ความมั่งคั่ง อ�ำนาจและสิ่งของที่เป็นวัตถุทุกอย่างเสมอ ใน ความเป็นจริง ไม่มีสิ่งใดเลยในโลกนี้ที่ตรึงสายตาของท่านหรือท�ำให้ท่าน มหัศจรรย์ใจได้ แท้จริง สิ่งที่ท�ำให้ท่านศาสดาได้เข้าใกล้ชิดกับพระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.) เท่านั้นที่จะท�ำให้ท่านดีใจอย่างล้นพ้น “ข้าพเจ้าจะต้องท�ำสิ่งใดกับโลกมนุษย์นี้ซึ่งเป็นเหมือนที่พักพิง ชั่วคราวในวันที่มีพายุ ซึ่งอยู่ได้ไม่นานก็ต้องจากไป” ศาสดาแห่งอิสลามผูบ้ ริสทุ ธิบ์ อกกับเราว่า เราถึงวาระทีจ่ ะถูกท�ำลาย ล้างและท่านเตือนพวกเราให้ตระหนักถึงตัวของพวกเราโดยยึดหลักการการ ใช้และให้เหตุผล อัลกุรอานยังระบุว่า มนุษย์มีจิตวิญญาณอันเป็นนิรันดร์ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 59


มุฮัมมัด และพูดถึงชีวิตหลังความตายที่กินเวลาชั่วนิรันดร์และเป็นสิ่งถาวร ด้วย เหตุด้วยผลจึงสามารถบอกได้ว่า มนุษย์มีจิตวิญญาณแห่งปัจเจกชนและ ความตายไม่ได้เป็นจุดจบของทุกสิ่ง ตามเรื่องแห่งความจริง ศาสนาอิสลามเชื่อว่า เป็นเพียงร่างกาย เท่านัน้ ทีต่ ายและความตายเป็นกระบวนการทีไ่ ม่สามารถหลีกเลีย่ งได้ทจี่ ะ แยกจิตวิญญาณของเราออกจากร่าง โดยธรรมชาตินี้ได้รับการยอมรับจากมนุษย์ทุกคน และความแตก ต่างที่มีอยู่เกิดขึ้นจากความตีความที่แตกต่างกัน ส� ำหรับมนุษย์ทุกคน ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นและพวกเขาพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะมี ชีวิตอยู่ นี่คือตัวบ่งชี้ถึงความจริงที่ว่า โดยเนื้อแท้มนุษย์แสวงหาความเป็น นิรันดร์ แต่มีบางคนยึดถือแนวคิดที่ว่า ชีวิตในโลกเป็นนิรันดร์ ในขณะที่ ศาสนาอิสลามบอกเราว่า เช่นเดียวกับมนุษย์ ชีวิตนี้เหมือนกับผู้โดยสาร ที่เดินทางผ่านและก้าวจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่งเท่านั้น และจึงไม่มีอะไร เป็นนิรันดร์ อัลกุรอานเฝ้ามองไปที่จักรวาลด้วยวิธีเดียวกัน และเชื่อว่าสิ่ง ทีถ่ กู สร้างทัง้ หมดจะต้องกลับไปยังพระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) ผูท้ รงเดชานุภาพ ตามข้อเท็จจริง จักรวาลและโลกแห่งวัตถุนยิ มนีเ้ ป็นเรือใบล�ำใหญ่ที่ แล่นอยูใ่ นมหาสมุทรแห่งธรรมชาติ เรือล�ำนีไ้ ม่สามารถแล่นใบไปได้ตลอด ต้องมีการทิง้ สมอจอดทีท่ า่ เรือ ในท�ำนองเดียวกัน โลกของเราในวันหนึง่ ก็จะ ต้องมาหยุด ณ ที่ที่หนึ่งที่เรียกว่า “ดารุ้ลอาคิเราะห์” ซึ่งเป็นวันแห่งการฟื้น คืนชีพ และเป็นจุดที่ผู้สร้างและผู้ถูกสร้างได้มาพบกันอีก ดังนั้น ท่านศาสดาแห่งอิสลามผู้บริสุทธิ์ ได้กล่าวไว้เสมอว่า “หากพวกเจ้าแสวงหาความเมตตาและความสุขอันเป็นอมตะจาก พระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) พวกเจ้าต้องทราบว่า ชีวติ นีส้ นั้ นักและไม่เป็นอมตะ ดังนั้นพวกเจ้าไม่ควรหวังสิ่งใดจากมัน” 60 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ท่านศาสดาไม่ได้จ�ำกัดการเชิญชวนและการงานเพียงแค่ประชาชน ทีอ่ าศัยอยูใ่ นคาบสมุทรอาหรับเท่านัน้ ตามความเป็นจริงแล้ว ท่านต้องการ ให้ค�ำสอนเป็นสากล ดังนั้น ท่านศาสดาจึงส่งตัวแทนไปยังผู้ปกครองและ กษัตริยใ์ นหลายส่วนแตกต่างกันในโลก ตัวแทนแต่ละคนจะมีสารเพือ่ เชิญ ชวนเข้ามาเป็นมุสลิมและจ�ำนนต่อศาสนาของพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) สาร เหล่านี้ทั้งหมดนั้นจะมีใจความเดียวกัน นั่นคือการเชิญชวนไปสู่การให้ เอกภาพและความภราดรภาพแก่ศาสนาอิสลาม ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ได้เสียชีวิตลง แต่อัลกุรอานซึ่งเป็นที่รวม รวบค�ำด�ำรัสของพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)ผู้ทรงเดชานุภาพ ที่เปิดเผยแก่ท่าน ถูกทิง้ ไว้เบือ้ งหลัง เพือ่ ใช้เป็นโคมไฟส่องทางให้แก่มนุษยชาติ ปัจจุบนั นี้ นัก วิชาการอิสลามและผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดเชื่อว่า “อัลกุรอานฉบับปัจจุบันที่อยู่ในความครอบครองของบรรดามุสลิม ทั้งหลายนั้นเป็นกุรอานฉบับเดียวกับที่ถูกส่งมายังท่านศาสดา(ซ็อลฯ)เมื่อ พันกว่าปีที่ผ่านมา” วอชิงตัน เออร์วิง (3 เมษายน ค.ศ. 1783 – 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1859) นักประพันธ์ชาวอเมริกัน นักเขียน นักเขียนชีวประวัติ และนัก ประวัติศาสตร์ ในยุคต้นศตวรรษที่ 19 ได้หยิบยกมาพูดว่า “อายะห์กุรอานทั้งหมดมีความมั่นคงและมีเนื้อหาที่สมบูรณ์ ดังนั้น จะไม่มีเอกสารใดอีกแล้วในโลกนี้ที่จะสร้างความเชื่อมั่นอย่างเต็มหัวใจได้ อีก” นักปรัชญา นักเขียน นักกวีและนักวิชาการชาวเยอรมันที่มีชื่อเสียง เกอเธ่ (ทีไ่ ด้รบั การโหวตให้เป็นชาวเยอรมันทีย่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ ในปี 2011) กล่าว ถึงอัลกุรอานไว้ดังนี้ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 61


มุฮัมมัด “บ่อยครั้งที่เราเข้าถึงอัลกุรอาน มันเป็นเครื่องพิสูจน์เสมอถึงความ จริงที่มหัสจรรย์ว่า มันท�ำให้เคลิบเคลิ้มที่ละเล็กทีละน้อย ท�ำให้ตะลึงและ ในตอนสุดท้ายน�ำมาสู่ความศรัทธาที่มั่นคง” ดังนัน้ นักวิจยั ผูท้ รงความรูแ้ ละศาสตร์ทงั้ หมด กล่าวถึงคัมภีรแ์ ห่ง สวรรค์ว่า “อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ โชคดี ที่อัลกุ รอานได้ถกู แปลเป็นภาษาหลักในโลกทัง้ หมดและถูกแบ่งปันในรูปแบบของ หนังสือและบนอินเตอร์เน็ต” พระนางฟาติมะห์ เชื้อไขเพียงคนเดียวของท่านศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ท่านศาสดามีลูกสาวเพียงคนเดียว คือ พระนางฟาติมะห์ ที่ท่านรัก และให้เกียรติอย่างยิ่งในชีวิตของท่าน พระนางฟาติมะห์ เป็นและยังคงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดและสมบูรณ์ แบบที่สุดส�ำหรับเด็กหญิงและบรรดาสตรีคนอื่นๆ พระนางพยายามที่จะ สลายอคติที่มีต่อผู้หญิงอย่างรุนแรงในยุคของพระนางและแสดงให้โลก เห็นว่า สตรีต้องมีศักดิ์ศรี พระนางเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เป็นบุตรีที่มีความกตัญญูอย่างสูงต่อ บิดาของพระนาง ชีวิตของพระนางสั้นแต่มักจะต่อสู้ในแนวทางของพระ ผู้เป็นเจ้าและด้วยจิตวิญญาณที่แทนที่วัตถุนิยมเสมอ พระนางพยายาม อย่างยิง่ ทีจ่ ะปกป้องตัวเองจากความปรารถนาทางกามารมณ์ วัตถุทงั้ หลาย สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเงินทองและทรัพย์สินทางโลก ครั้งหนึ่ง พระนางฟาติมะห์ กล่าวเกี่ยวกับบิดาของพระนางไว้ดังนี้ “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในประชาชาติของข้าพเจ้าคือ บรรดาผู้ที่ยึดมั่นใน ความสุขทางโลก บรรดาผู้ที่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตเพียงแค่ได้กินอาหารที่ดี 62 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


มุฮัมมัด ที่สุด สวมใส่เสื้อผ้าที่ดีที่สุด และพูดแต่ไม่กระท�ำ” ลักษณะของพระนางฟาติมะห์ อีกประการหนึง่ คือพระนางปรารถนา ความหิวเพื่อท�ำให้ผู้อื่นอิ่ม พระนางเชื่อในการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและ เจียมเนื้อเจียมตัว แต่คงท�ำงานหนักและช�ำนาญอย่างมากในการท�ำงาน บ้านต่างๆ รอบๆ บ้าน กล่าวอีกนัยหนึง่ ว่า ขณะทีพ่ ระนางฟาติมะห์สามารถ ที่จะมีชีวิตที่มั่งคั่งและไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างล�ำบากได้ แต่พระนางกลับเลือก ความเรียบง่ายด้วยความสมัครใจของพระนางเอง แท้จริงพระนางใช้เงินและทรัพย์สินของพระนางทั้งหมดเพื่อคนยาก คนจน แม้ว่าในคืนวันวิวาห์ของพระนาง เมื่อพระนางถูกร้องขอจากคน ยากจน พระนางได้ให้ชดุ แต่งงานของพระนางเป็นของขวัญแก่เขา นีเ่ ป็นการ แสดงถึงวิธีการเสียสละของพระนางอย่างเต็มใจ พระนางไม่ได้เป็นเพียงผู้หญิงเพียงที่เคร่งครัดในศาสนาและเกรง กลัวต่อพระเจ้าเท่านัน้ แต่เป็นผูม้ สี ว่ นร่วมในกิจกรรมและการพัฒนาสังคม เสมอ นัน่ แสดงว่าท�ำไมหลังจากสิน้ พระบิดาของพระนางไปแล้ว พระนางยัง ยืนหยัดป้องกันการออกนอกลูน่ อกทางและการปลุกระดมให้ตอ่ ต้านความอ ยุตธิ รรมในสังคมด้วยค�ำกล่าวและโอวาทอันเผ็ดร้อน ส่วนสามีของพระนาง คือท่านอะลีหนึ่งในผู้ที่ได้ถูกขนานนามว่า ผู้สืบทอดต�ำแหน่งของท่าน ศาสดา (ซ็อลฯ)โดยการแต่งตั้งของท่านศาสดาเอง พวกเขามีบุตรสี่คนเป็น ชายสองคนคือฮะซันและฮุเซนและหญิงสองคนคือไซหนับและอุมมุกลุ โซม พระบิดาของพระนางฟาติมะห์ได้เลี้ยงดูเธอในภาวะที่ยากล�ำบาก และยากจน แต่ทา่ นได้ให้การสอนศาสนาทีล่ กึ ซึง้ และมหัศจรรย์แก่พระนาง บุคลิคภาพของพระนางมีความแตกต่างกับสุภาพสัตรีคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง พระนางสมบูรณ์แบบในทุกทางและเป็นสัญลักษณ์แห่งบุตรีที่ดีของบิดา ภรรยาที่ดีของสามี และมารดาที่ดีที่สุดต่อลูกๆ ของพระนาง พระนางฟาติ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 63


มุฮัมมัด มะห์ได้เสียชีวติ ในวัยสาวซึง่ เกิดขึน้ สามเดือนหลังจากท่านศาสดาพระบิดา ของพระนางได้จากไป การจากไปของพระนางยังความโศกเศร้าและเสียใจ เป็นอย่างมากแก่ทา่ นอะลี เขารักพระนางฟาติมะห์มาก มากเท่ากับสถานะ ภาพในอิสลามที่สูงส่งของท่านเอง

64 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 65


อะลี

วิถีชีวิตที่เป็นแบบฉบับ อันประเสริฐของ ท่านอิมามอะลี (ร่อฎิยัลลอหุอันหุ) ท่านอิมามอะลีอะลี (ร่อฎิยัลลอหุอันหุ) สัญลักษณ์แห่งความเที่ยง ธรรมและความบริสุทธิ์ ท่านอิมามอะลีอะลี (อ.) เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ)และถูกเลี้ยงดูมาโดยท่าน เขาเป็นลูกศิษย์ที่ซื่อสัตย์และเป็นดังเช่น น้องชายที่ดีที่สุดของท่านศาสดา อีกทั้งยังเป็นคนแรกที่เชื่อในความเป็น ศาสดาของท่าน ทั้ง 23ปีของการเผยแพร่ศาสนาอิสลามท่านอิมามอะลี อะลี (อ.)จะอยูเ่ คียงข้างกับท่านศาสดาเสมอและหลายคราทีเ่ ขาได้เสียสละ ในการช่วยเผยแพร่คำ� สอนของท่านและปกป้องชีวติ ท่านต่อภัยคุกคามของ ศัตรูแห่งอิสลาม ท่านอิมามอะลี (อ.) สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน แม้แต่ผู้ที่มีคารม คมคายมากที่สุดยังพ่ายแพ้ต่อการบอกกล่าวถึงความยิ่งใหญ่และพรรณา ถึงความจริงของเขาได้ ไม่มผี ใู้ ดทีจ่ ะสามารถหยัง่ รูถ้ งึ ความลึกซึง้ ของความ รูท้ เี่ ขามีได้ เป็นสิง่ ทีเ่ กินพอส�ำหรับคนทีจ่ ะค้นพบความรูเ้ พียงส่วนเล็กๆ ของ ความรู้มากมายของเขา ดังที่นักกวีได้กล่าวไว้ว่า ‫ها علی بشركیف بشر‬ “อะลีคือทุกสิ่งทุกอย่างและคุณค่าของมนุษย์ทุกประการสามารถ พบได้ในตัวเขา” 66 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี นักเขียนคริสเตียน ชาวเลบานอน ชื่อ คอลีล จิบรอน คอลีล ผู้ซึ่ง หลงใหลในบุคลิกภาพของท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเขา ได้เขียนเกี่ยวกับท่านอิมามอะลี (อ.)ว่า “ข้าพเจ้าไม่สงสัยเลยว่าในยุคหนึง่ ทีม่ อี ฉั ริยะภาพได้เกิดขึน้ บนโลกนี้ ด้วยความเชือ่ และความเลือ่ มใสอย่างแรงกล้าของข้าพเจ้า ข้าฯ ว่าท่านอะลี บุตรอะบูฏอเล็บไม่เหมาะกับยุคสมัยของท่านกล่าวคือยุคสมัยนัน้ ไม่เหมาะ กับท่านมากกว่า (เพราะว่าความเป็นอัฉริยะชนของท่านอยูเ่ หนือยุคสมัยที่ ท่านเกิด) ท่านเป็นชาวอาหรับคนเดียวทีม่ จี ติ วิญญาณทีส่ มบูรณ์แบบและ เป็นชาวอาหรับคนแรกทีม่ รี มิ ฝีปากทีม่ เี สียงเรียกอันดังก้องของเพลงแห่งจิต วิญญาณที่สมบูรณ์ที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน นั่นคือเหตุผลที่ว่า ท�ำไม บุคคลซึ่งก่อนหน้านี้โง่เขลาโดยสิ้นเชิงต้องประหลาดใจเมื่อเห็นแสงที่หลั่ง ไหลออกจากส�ำนวนของ อิมาม อะลี (อ.)" เชบลี ชาเมล หนึ่งในผู้บุกเบิกแห่งส�ำนักลัทธิวัตถุนิยมแห่งหนึ่ง กล่าวว่า “ท่านอะลี บุตรอะบูฎอเล็บเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งหลาย และไม่ว่าด้านตะวันตกหรือตะวันออกก็ไม่เคยพบใครเช่นเขา” มิคาเอล ไนยมา นักประพันธ์ นักกวีและนักเขียนชาวคริสเตียนกล่าว เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ของท่านอะลี (อ.) ว่า “ความคิดและการกระท�ำของชาวอาหรับผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ยังคงหาที่ เปรียบไม่ได้ วิธคี ดิ และการปฏิบตั ขิ องเขาจะเป็นส่วนหนึง่ ในประวัตศิ าสตร์ ของมนุษยชาติตลอดไป” มีนกั วิชาการจ�ำนวนมากทีส่ ารภาพถึงความด้อยความสามารถของ เขาในการอธิบายถึงท่านอะลี(อ.) ว่า “เขาเป็นบุคคลที่ไม่เคยคิดร้ายโดยแรงจูงใจของโลกนี้และไม่เคย ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 67


อะลี ท้อแท้ต่อการเอาชนะและความยากล�ำบาก เขาเป็นอิสระจากทุกสิ่งทุก อย่างที่เป็นวัตถุ ดังที่เขาได้กล่าวไว้ว่า “โอ้โลกนี้! ไปให้ไกลจากข้าและ จงไปหลอกลวงผู้อื่นเถิด” และเขาได้กล่าวไว้อีกว่า “โอ้พระผูเ้ ป็นเจ้า แม้ขา้ ฯ ได้รบั อาณาจักรแห่ง (ดาว) ทัง้ เจ็ดดวงและ ทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้มือของข้า เพื่อที่จะให้ข้าไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า และ เพื่อที่จะให้ข้าฉกชิงข้าวบาร์เลย์หนึ่งเมล็ดจากมดตัวหนึ่งข้าพเจ้าจะไม่ท�ำ เช่นนั้น ส�ำหรับข้าพเจ้าแล้ว โลกนี้เบากว่าใบไม้ที่อยู่ในปากของตั๊กแตนที่ ก�ำลังเคี้ยวมัน อะลีจะท�ำอะไรกับอ�ำนาจจอมปลอมที่จะมลายหายไปและ ความสุขที่ไม่คงทนเล่า” ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ความจริงได้มากกว่าเขาและความรู้อันไร้ขอบเขต ของเขาถูกส�ำแดงออกมาในหนังสือของเขาทีต่ งั้ ชือ่ ว่า “หนังสือนะห์ญลุ บะ ลาเฆาะห์ ” ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นผู้ชาญฉลาดมากอย่างแท้จริง ซึ่งบางครั้ง ท่านได้เคยคุยเกี่ยวกับความรู้บางประเภทที่ถูกซ่อนหรือเป็นความลับว่า “ข้าพเจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ที่ถูกซ่อนเอาไว้ หากข้าพเจ้าได้ แบ่งปันมันกับเจ้า แม้แต่เพียงบางส่วนของความลับที่น้อยที่สุดที่ข้าพเจ้า ทราบ เจ้าจะสั่นดังเช่นสายเครื่องดนตรีอย่างแน่นอน” หรือเคยพูดกับบรรดาสหายของท่านว่า “จงถามข้าพเจ้าเกี่ยวกับสิ่งใดก็ได้ที่เจ้าชอบก่อนที่ข้าฯจะจากพวก เจ้าไป อันความรู้ของข้าฯเกี่ยวกับชั้นฟ้าและสวรรค์นั้นมีมากกว่าสิ่งที่อยู่ บนโลกนี้”

68 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี

ความเคร่งครัดในศาสนา ของท่านอิมามอะลี (อ.) คนๆ หนึ่งสามารถอ้างว่า ระดับสูงสุดของผู้ที่นิยมชมชอบวัตถุนิยม สามารถพบได้โดยมันจะแอบอยู่ในฝ่ายปกครองของผู้ปกครอง หากเมื่อ ใดผู้ปกครองได้ครอบครองเงินทองและอ�ำนาจ จากนั้นเขาจะใช้อ�ำนาจ ทางวัตถุนิยมของเขาแสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมาเพื่อสนองความ ส�ำส่อน (หากเขารับเอาความปรารถนาทางกามารมณ์) นั่นแสดงให้เห็น ว่า ผู้ปกครองที่เผด็จการและผู้แสวงหาทางโลกไม่มีความปรารถนาใดๆ เลย นอกจากการได้เป็นผู้ปกครองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านอะมีร อัลมุมินีน (หนึ่งในค�ำน�ำหน้าชื่อของ ท่าน อิมามอะลี (อ.) ซึ่งมีความหมายว่าหัวหน้าของบรรดาศรัทธาชน”) ได้กล่าวปราศรัยเป็นครั้งแรกขณะ และนั่งอยู่บนต�ำแหน่งผู้ปกครองมุสลิม ว่า “ถ้าไม่มีการชุมนุมเรียกร้องจากฝูงชนของบรรดาผู้สนับสนุนให้ข้าขึ้น เป็นผู้น�ำแล้วไซ้ข้าก็จะไม่ขอรับมัน และถ้าไม่ไช่พันธะสัญญาที่ข้ามอบไว้ กับพระผู้เป็นเจ้าทีจ่ ะไม่นั่งดูความตะกละของผู้กดขี่และความหิวโหยที่ถกู เผาผลาญของคนยากจนที่ถูกกดขี่อย่างนิ่งเฉยแล้วไซ้ ข้าฯก็จะโยนเชือก แห่งผู้น�ำทางศาสนาที่อยู่บนบ่าของตัวเอง (ถูกปฏิเสธการยอมรับเป็นผู้น�ำ ทางศาสนา)ออก แต่ข้าฯจะยังคงให้การดูแลแก่พวกอ่อนแอเป็นเช่นเคย เพราะว่าต�ำแหน่งและอ�ำนาจทีพ่ วกเจ้ายิบยืน่ ให้ขา้ ฯนัน้ ในมุมมองของข้าฯ (ส�ำหรับข้าพเจ้า) เปรียบได้ดังภาพลวงตา ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 69


อะลี ดังนั้น สิ่งเดียวเท่านั้นที่ดึงดูดให้ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นผู้น�ำทาง ศาสนาคือโอกาสที่ท่านจะได้ขึ้นบริหารความยุติธรรมและแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ ถูกต้องแก่ผู้ที่ถูกกดขี่ นั่นแสดงให้เห็นว่า ท�ำไมท่านถึงเป็นผู้ปกครองดิน แดนมุสลิมทีม่ คี วามแตกต่างกับผูน้ ำ� คนอืน่ ๆทัง้ หมด อย่างไรก็ตามท่านยัง คงใช้ชวี ติ อย่างเรียบง่ายและสวมใส่เสือ้ ผ้าทีช่ ำ� รุดทรุดโทรม และบริโภคแต่ ขนมปังที่ท�ำจากข้าวบาร์เลย์ตากแห้งเท่านั้น ท่านอิมามอลี(อ.)กล่าวว่า “หากข้าพเจ้าปราถนาที่จะหาความสุขทางโลกนี้ ข้าพเจ้าสามารถ ที่จะหาทางที่จะน�ำไปสู่ (ความสุขทางโลกด้วยการบริโภค) น�้ำผึ้งบริสุทธิ์ ข้าวสาลีชั้นเยี่ยมและเสื้อผ้าที่ท�ำจากผ้าไหม แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถยอม ให้กิเลสและความโลภน�ำทางข้าพเจ้าได้” ท่านยังได้กล่าวไว้ในหนังสือนะห์ญุลบะลาเฆาะห์อีกว่า “ข้าพเจ้าขอสาบานต่อพระผูป้ น็ เจ้า ผูท้ รงเดชานุภาพว่า ข้าพเจ้าจะ ยับยั้งความปรารถนาอันรุนแรงของข้าพเจ้า (กิเลสส่วนตัว) ซึ่งการยับยั้ง ความปรารถนาดังกล่าวจะน�ำมาซึง่ ความพึงพอใจแก่ขา้ พเจ้า เมือ่ ข้าพเจ้า พบขนมปังชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งและเกลือไว้รับประทาน” ท่านยังได้กล่าวเกี่ยวกับรอยปะเย็บบนเสื้อผ้าของท่านว่า “จงมองข้าพเจ้าเถิด! เสื้อผ้าของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยรอยปะชุน ซึ่ง ข้าพเจ้ารู้สึกละอายที่จะมอบมันให้กับผู้อื่นเพื่อท�ำการปะชุนอีก โอ้โลกนี้! โปรดออกห่างจากข้าฯ ! เจ้ายังคงเข้ามาหาข้าฯ แต่ข้าฯไม่ต้องการเจ้า ข้าฯได้หย่าขาดจากเจ้าเป็นจ�ำนวนสามครั้ง ดังนั้น เจ้าไม่เคยหลอกลวง ล่อลวง หรือทรยศข้าฯได้เลย” ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้เปรียบเทียบโลกนี้เป็นงูตัวหนึ่งที่มีผิวหนัง นุม่ และเรียบลืน่ แต่เมือ่ ถูกกัดจะมีพษิ ร้ายแรง ท่านยังกล่าวกับบรรดาสหาย ของท่านอีกว่า ส�ำหรับตัวท่านเอง โลกนี้คือ 70 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี “สิ่งที่มีค่าน้อยกว่ากระดูกของสุกรที่อยู่ในมือของผู้เป็นโรคเรื้อน” หรือ “ใบไม้ทไี่ ร้คา่ ใบหนึง่ ในปากของตัก๊ แตน” เพราะ“โลกนีจ้ ะต้องถึงกาล อวสานและผูค้ นในโลกไม่มที างเลือก แต่จะต้องถูกอพยพออกไปในวันหนึง่ ดังนั้น จงพยายามท�ำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อที่จะอยู่ชั่วนิรันดร์ (เช่น ชีวิตหลังค วามตายเถิด)” ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวเกี่ยวกับการติเตียนโลกนี้ ดังนี้ “เริม่ ต้นด้วยความทุกข์ยาก และจบลงด้วยความตกต�่ำ การพิพากษา ถูกก�ำหนดขึ้นส�ำหรับสิ่งถูกต้องที่ได้รับ และการลงโทษจะถูกชี้ขาดให้กับ การท�ำบาป หากผู้ใดเคร่งครัดในการท�ำดี เขาจะรู้สึกปลอดภัย และหาก เขาป่วย เขาจะโศกเศร้า หากเขาร�่ำรวย เขาจะก่อความวุ่นวาย และหาก เขายากจน เขาจะเสียใจ ผู้ใดก็ตามยิ่งวิ่งไล่มัน ยิ่งพลาดจากมัน และ หากผู้ใดก็ตามไม่สนใจมัน เขาจะได้ครอบครองมัน ผู้ใดก็ตามที่เพ่งมอง มัน มันจะท�ำให้เขาตาบอด” ท่านอิมามอะลี (อ.) อธิบายว่า ท่านศาสดามีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ “ขอความสันติจากพระผู้เป็นเจ้า จงประสบแด่ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ผู้ที่เสียชีวิตไปพร้อมกับท้องที่ว่างเปล่า ท่านมีความจริงใจอย่าง ยิ่งและพระผู้เป็นเจ้า ทรงให้พรแก่พวกเราโดยส่งท่านมาเป็นผู้น�ำของพวก เรา ข้าพเจ้าขอสาบานว่า มีรอยปะชุนบนเสื้อผ้าของข้าพเจ้ามากมายจน รู้สึกละลายที่จะมอบให้ผู้ใดท�ำการปะชุนเพิ่มอีก...”

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 71


อะลี

ความยุติธรรม ของท่านอิมามอะลี (อ.) ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นเครือ่ งหมายแห่งความยุตธิ รรมอย่างไร้ขอ้ กัง ขาใดๆ ครั้งหนึ่ง ความยุติธรรมถูกกล่าวถึงโดย จอร์จ จอร์แดค นักวิชาการ ชาวคริสเตียนที่มีชื่อเสียง ได้เขียนหนังสือชุด 3 เล่ม ที่ตั้งชื่อว่า“อิมามอะ ลี เสียงแห่งความยุติธรรมของมนุษย์” (‫االمام علی صوت العداله‬ ‫)االنسانیه‬ ตลอดชีวิตของเขา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้เป็นผู้น�ำทาง ศาสนาของชาวมุสลิม ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นผู้รักในความยุติธรรม เสมอและพยายามอย่างยิ่งที่จะให้การกระท�ำและความคิดของของตั้งอยู่ ในความยุติธรรม นั้นแสดงให้เห็นว่า ท�ำไมความยุติธรรมจึงส�ำแดงออกมา ในทุก ๆ แง่มุมของชีวิตของท่าน ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า “ หากข้าพเจ้าใช้เวลาทัง้ คืนไปถึงรุง่ เช้ายืนอยูบ่ นเศษหนาม และหาก มือและเท้าของข้าพเจ้าถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน(ในวันหนึ่งและถูกลากไปตาม ท้องถนนและตลาด) ข้าพเจ้าจะรู้สึกเต็มใจที่จะให้เกิดเช่นนี้มากกว่าที่จะ ต้องแสดงตนต่อศาลแห่งพระผู้เป็นเจ้าและต่อท่านนบี (ซ็อลฯ) เนื่องจาก ข้าพเจ้ากระท�ำการกดขีต่ อ่ หนึง่ ในสิง่ มีชวี ติ ทีพ่ ระองค์ทรงสร้าง หรือข้าพเจ้า ช่วงชิงและละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น” 72 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี ท่านอิมามอะลี (อ.) ยอมรับและปฏิบตั ติ ามกฎทีก่ �ำหนดขึน้ โดยพระ ผู้เป็นเจ้าและครั้งหนึ่งท่านได้บอกกับผู้คนว่า “ข้าขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า ข้าพเจ้าไม่เคยขอให้พวกเจ้าท�ำ สิง่ ใดก่อนทีต่ วั ข้าพเจ้าจะท�ำเสียก่อน และข้าพเจ้าไม่เคยขอให้พวกเจ้าหลีก เลี่ยงสิ่งใดก่อนที่ตัวข้าพเจ้าจะหลีกเลี่ยงมันเสียก่อน” ดังที่เคยกล่าวมาก่อนหน้านี้ อิสลามคือศาสนาแห่งความยุติธรรม และท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นสัญลักษณ์ของทั้งหมดดังที่ศาสนาเป็นเรื่อง ราวดังต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งความยุติธรรมของท่าน ท่านอิมามอะลี (อ.) ขณะเป็นผูน้ ำ� ทางศาสนาของชาวมุสลิมนัน้ ท่าน ได้น�ำเสื้อเกราะไปไว้กับ ชายชาวยิวคนหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ท่านได้ไปขอ เสื้อเกราะคืนจากชายชาวยิว แต่ได้รับการปฏิเสธ จนกระทั่งเรื่องเป็นคดี ความถึงผู้พิพากษาซึ่งผู้พิพากษาเป็นตัวแทนที่ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้แต่ง ตั้งไว้ ผู้พิพากษาได้เรียกท่านอิมามอย่างเคารพท่านอิมามจึงได้กล่าวกับผู้ พิพากษาว่า เจ้าจงเรียกเขาแบบเคารพอย่างเดียวกับข้าฯ เถิด แม้ผพู้ พิ ากษาของศาลจะเป็นตัวแทนของท่านอิมามอะลี (อ.) ก็ตาม แต่ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้สั่งให้ผู้พิพากษาไม่ต้องสนใจในภูมิหลังของทั้ง สองฝ่ายและก�ำหนดให้เป็นค�ำตัดสินของคณะลูกขุน โดยใช้วธิ เี กีย่ วกับการ พิจารณาของอิสลาม แล้วผู้พิพากษา ได้ถามท่านอิมามว่า “ท่านมีข้อพิสูตร์อะไรที่จะบ่งบอกว่าเสื้อเกราะตัวนี้เป็นของท่าน" อิมามอะลี (อ.)ตอบว่า “ไม่มี” ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าท่านอิมามอะลี (อ.) จะไม่พูดโกหกก็ตาม จึงท�ำให้ ชาวยิวชนะในคดีดังกล่าวต่อผู้น�ำทางศาสนาของมุสลิม แล้วต่างก็ออก จากศาล แต่ส�ำนึกของชายชาวยิวท�ำให้เขารู้สึกผิด เขาประทับใจในความ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 73


อะลี ยุติธรรมของศาสนาอิสลาม จากนั้น เขาได้กลับมายังศาลและสารภาพว่า เสื้อเกราะนี้เป็นของท่าน อิมามอะลี (อ.) จริง พร้อมกับยินดีที่จะคืนมันให้ แก่เจ้าของทีแ่ ท้จริง จากนัน้ ชายยิวได้เปลีย่ นมาเข้ารับนับถืออิสลามในทีส่ ดุ ท่านอิมามอะลี (อ.) จะปฏิบัติทุกสิ่งที่สอนหรือแนะน�ำแก่ผู้อื่นก่อน เสมอ สารที่วิจิตรการอันงดงามของอิมามอะลี (อ.)ที่ส่งไปยังผู้ปกครอง อียิปต์ มาลิค อัลอัชตัร ยังถือเป็นกฎบัตรแห่งความยุติธรรม รวมถึงสิทธิ ส�ำหรับทุกย่างก้าวในชีวิตในส่วนของการปกครอง ดังที่จอร์ด จอร์แดค ได้กล่าวไว้ว่า “อีพิสเทิลได้ถูกเขียนขึ้นมามากกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยปีมาแล้ว โดย ปราศจากการปรึ ก ษาหารื อ กั น ของคณะลู ก ขุ น หรื อ นั ก กฏหมายของ มหาวิทยาลัยทางกฎหมายต่างๆ ซึง่ บางประการดีเลิศกว่ากฎบัตรด้านสิทธิ มนุษยชนของสหประชาชาติเสียอีก” (เนื้อความของคัมภีร์อีพิสเทิลดังกล่าวสามารถอ่านได้จากส่วนของ ภาคผนวกของหนังสือนี้) ท่านอิมามอะลี (อ.) ยังคงแน่วแน่และมั่นคงในการบริหารความ ยุติธรรมอย่างเด็จขาด ซึ่งในไม่ช้าท่านก็ได้เป็นผู้น�ำทางศาสนา ท่านเริ่ม การปฏิรูปโครงสร้างทางสังคมและท�ำให้ความยุติธรรมเป็นองค์ประกอบ ที่ส�ำคัญยิ่งและจ�ำเป็นในสังคม ท่านอิมามได้ประกาศอย่างเซ็งแซ่ไปยังประชาชนผู้ซึ่งรวมตัวกันอยู่ เพื่ออ้อนวอนให้เขาเป็นผู้น�ำทางศาสนาว่า “ข้าพเจ้าจะเรียกคืนสิง่ ทีเ่ จ้าอาจจะได้มาจากกองคลังสาธารณะโดย ผิดกฎหมาย หรือสิ่งที่เจ้าครอบครองอย่างไม่ชอบธรรม ซึ่งมันอาจจะถูก รวมในบรรดาสินสอดทองหมั้นของภรรยาของเจ้า” 74 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี ในทุกข้อความและตัวอักษรทีท่ า่ นอิมามได้เขียนถึงผูใ้ ต้บงั คับบัญชา ของท่าน ท่านได้เชิญชวนพวกเขาเหล่านั้นให้เคร่งครัดในปฏิบัติตามหลัก จริยธรรม และปฏิบัติตามค�ำสั่งและพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าเขา เคร่งครัดในเรื่องดังกล่าวมาก โดยเขาจะต�ำหนิผู้ปกครองที่ท่านแต่งตั้งซึ่ง มีชื่อว่าอุษมาน บิน ฮานีฟอย่างรุนแรง เนื่องจากเขาปฏิเสธที่จะร่วม รับประทานอาหารกับคนยากจน ท่านอิมามอะลี (อ.) เป็นเพียงบุคคลเดียวในประวัติศาสตร์ที่มี ลักษณะทีม่ คี วามหลากหลายและขัดแย้งรวมกันอยูใ่ นคนๆ เดียว กล่าวคือ ท่าน เป็นบุคคลเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่เป็นวีรบุรุษและผู้น�ำ และ ในเวลาเดียวกันก็เป็นกรรมกรที่ท�ำงานอย่างหนักที่ขุดหลุมและท่อระบาย น�้ำด้วยมือเปล่าภายใต้อากาศที่ร้อนจัด จากนั้นก็บริจาคเงินที่ท่านได้รับ ให้แก่ผู้ขาดแคลนยากจน นอกจากนี้ ท่านยังเป็นนักปราชญ์ที่มีความคิด ทีส่ ขุ มุ รอบคอบและมีการกระท�ำทีก่ ล้าหาญ เป็นนักการเมืองผูย้ งิ่ ใหญ่ผซู้ งึ่ น�ำสังคมไปสู่ความมั่งคั่ง เป็นแบบอย่างที่แท้จริงของศีลธรรมที่ได้มอบให้ แก่ประชาชนของท่าน เป็นบิดาที่ดีที่สุดส�ำหรับลูกๆ ของท่าน เป็นสหายที่ จงรักภักดี และเป็นสามีหาทีเ่ ปรียบไม่ได้สำ� หรับภรรยาของท่าน นัน่ แสดงให้ เห็นว่าท�ำไมผูค้ นจึงต้องการกล่าวถึงหนังสือทีย่ อดเยีย่ มของท่าน “หนังสือ นะห์ญุลบะลาเฆาะห์” ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมค�ำสั่งสอน สาร ตัฟซีร และ เรือ่ งเล่าทีม่ ชี อื่ เสียงของท่าน และยังได้มกี ารแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย อย่างไรก็ตาม ชายทีพ่ ร้อมด้วยบุคลิกภาพทีย่ อดเยีย่ มเพียงคนเดียว ในสังคมของท่าน และความยุตธิ รรมทีเ่ ทีย่ งตรงของท่านไม่ถกู ยอมรับ เป็น ผลให้ทา่ นอิมามอะลี บุตรอะบูตอลิบถูกสังหารในยามรุง่ อรุณด้วยดาบอาบ ยาพิษ กล่าวคือ ขณะที่ดาบถูกฟันลงมาที่ศีรษะของท่านอิมาม อะลี (อ.) นั้น ท่านได้ตะโกนขึ้นมาว่า ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 75


อะลี

ท่าน”

“โดยพระผู้เป็นเจ้าแห่งกะอ์บะห์ ข้าพเจ้าได้บรรลุถึงชัยชนะแล้ว” จอร์จ จอร์แดค กล่าวว่า “ท่านอะลี (อ.) ถูกสังหารเนื่องจากความยุติธรรมอย่างแท้จริงของ

ใช่! ท่านอิมามได้ถูกสังหารเมื่ออายุ 63 ปี ในฮิจเราะห์ศักราชที่สิบ สี่ จากบรรดาผู้ที่ได้รับผลเสียจากความยุติธรรมของท่าน

76 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 77


ฟาฏิมะฮ์

พระนางฟาติมะห์ เชื้อไขเพียงคนเดียว ของท่านศาสดามุฮัมหมัด (ศล) ท่านศาสดามีลูกสาวเพียงคนเดียวคือพระนางฟาติมะห์ ที่ท่านรัก และให้เกียรติอย่างยิ่งในชีวิตของท่าน พระนางฟาติมะห์ เป็นและยังคงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดและสมบูรณ์ แบบที่สุดส�ำหรับเด็กหญิงและบรรดาสตรีคนอื่นๆ พระนางพยายามที่จะ สลายอคติที่มีต่อผู้หญิงอย่างรุนแรงในยุคของพระนางและแสดงให้โลก เห็นว่า สตรีต้องมีศักดิ์ศรี พระนางเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์ เป็นบุตรีที่มีความกตัญญูอย่างสูงต่อ พระบิดาของพระนาง ชีวิตของพระนางสั้นแต่มักจะต่อสู้ในแนวทางของ พระผูเ้ ป็นเจ้าและด้วยจิตวิญญาณทีแ่ ทนทีว่ ตั ถุนยิ มเสมอ พระนางพยายาม อย่างยิง่ ทีจ่ ะปกป้องตัวเองจากความปรารถนาทางกามารมณ์ วัตถุทงั้ หลาย สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเงินทองและทรัพย์สินทางโลก ครั้งหนึ่งพระนางฟาติมะห์ กล่าวเกี่ยวกับพระบิดาของพระนางไว้ดังนี้ “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในประชาชาติของข้าพเจ้าคือ บรรดาผู้ที่ยึดมั่น ในความสุขทางโลก บรรดาผู้ที่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตเพียงแค่ได้กินอาหาร ที่ดีที่สุด สวมใส่เสื้อผ้าที่ดีที่สุดและพูดแต่ไม่กระท�ำ” ลักษณะของพระนาง ฟาติมะห์ อีกประการหนึง่ คือ พระนางปรารถนาความหิวเพือ่ ท�ำให้ผู้อื่นอิ่ม พระนางเชือ่ ในการใช้ชวี ติ อย่างเรียบง่ายและเจียมเนือ้ เจียมตัว แต่คงท�ำงาน หนักและช�ำนาญอย่างมากในการท�ำงานบ้านต่างๆ รอบๆ บ้าน กล่าวอีกนัย 78 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฟาฏิมะฮ์ หนึ่งว่า ขณะที่พระนางฟาติมะห์สามารถที่จะมีชีวิตที่มั่งคั่งและไม่ต้องใช้ ชีวิตอย่างล�ำบากได้ แต่พระนางกลับเลือกความเรียบง่ายด้วยความสมัคร ใจของพระนางเอง แท้จริงพระนางใช้เงินและทรัพย์สนิ ของพระนางทัง้ หมด เพือ่ คนยากคนจน แม้วา่ ในคืนวันวิวาห์ของพระนาง เมือ่ พระนางถูกร้องขอ จากคนยากจน เธอได้ให้ชดุ แต่งงานของเธอเป็นของขวัญแก่เขา นีเ้ ป็นการ แสดงถึงวิธีการเสียสละของพระนางอย่างเต็มใจ พระนางไม่ได้เป็นเพียง ผู้หญิงเพียงที่เคร่งครัดในศาสนาและเกรงกลัวต่อพระเจ้าเท่านั้น แต่เป็น ผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมและการพัฒนาสังคมเสมอ นั่นแสดงว่าท�ำไมหลัง จากสิ้นพระบิดาของพระนางไปแล้ว พระนางยังยืนหยัดป้องกันการออก นอกลู่นอกทางและการปลุกระดมให้ต่อต้านความอยุติธรรมในสังคมด้วย ค�ำกล่าวและโอวาทอันเผ็ดร้อน ส่วนสามีของพระนางคือ ท่านอะลี หนึ่ง ในผู้ที่ได้ถูกขนานนามว่า ผู้สืบทอดต�ำแหน่งของท่านศาสดา(ศล)โดยการ แต่งตั้งของท่านศาสดาเอง พวกเขามีบุตรสี่คน เป็นชายสองคนคือ ฮะซัน และฮุเซน และหญิงสองคนคือไซหนัและอุมมุกุลโซม พระบิดาของพระนางฟาติมะห์ได้เลีย้ งดูเธอในภาวะทีย่ ากล�ำบาก และยากจน แต่ทา่ นได้ให้การสอนศาสนาทีล่ กึ ซึง้ และมหัศจรรย์แก่พระนาง บุคลิคภาพของพระนางมีความแตกต่างกับสุภาพสัตรีคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง พระนางสมบูรณ์แบบในทุกทางและเป็นสัญลักษณ์แห่งบุตรีที่ดีของบิดา ภรรยาที่ดีของสามี และมารดาที่ดีที่สุดต่อลูกๆของพระนาง พ ร ะ น า ง ฟาติมะห์ได้เสียชีวิตในวัยสาว ซึ่งเกิดขึ้นสามเดือนหลังจากท่านศาสดา พระบิดาของพระนางได้จากไป การจากไปของพระนางยังความโศกเศร้า และเสียใจเป็นอย่างมากแก่ท่านอะลี เขารักพระนางฟาติมะห์มาก มาก เท่ากับสถานภาพในอิสลามที่สูงส่งของท่านเอง ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 79


80 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮาซัน

แบบฉบับแห่งวิถีชีวิต อันประเสริฐ ของท่านอิมามฮะซัน (อ.) บุตรอิมามอะลี (อ.) ท่านเป็นบุคคลที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์และเอื้ออาทรต่อผู้อื่นเสมอ ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในสังคม ท่านเลือกใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายส่วนใหญ่ท่านจะ อยูร่ ว่ มกับหล่าวปวงชนผูอ้ อ่ นแอ ยากจนและขัดสน ท่านให้ความช่วยเหลือ แก่พวกเขาอย่างมากมายจนในที่สุดท่านก็ได้ไปนั่งอยู่ในจิตใจของพวก เขา กล่าวคือท่านไม่เคยท�ำให้ผู้อ่อนแอ ผู้ขัดสนล�ำเค็ญต้องได้รับความผิด หวังกลับออกไปจากบ้านของท่านเลย และยิ่งไปกว่านั้นท่านได้ออกไปหา ผู้ยากจนด้วยตัวของท่านเอง เพื่อมอบอาภรณ์และอาหารรวมทั้งปัจจัย ต่างๆแก่พวกเขา อิมามฮะซัน(อ.)เลือกที่จะปฏิบัติแต่คุณธรรมความดีในทุกสิ่งที่พระ องค์อลั ลอฮ์ (ซบ.)ทรงรักเท่านัน้ แม้กระทัง้ ได้บริจาคทรัพย์สนิ ต่างๆมากมาย ของท่านในแนวทางของพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)ซึ่งการกระท�ำนี้ได้ถูกบันทึก โดยนักประวัตศิ าสตร์และนักค้นคว้าว่าถือเป็นเกียรติอย่างภาคภูมใิ จยิง่ ซึง่ ไม่เคยปรากฏมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์. หลายครั้งที่ท่านอิมามได้ใช้ จ่ายทรัพย์สินของท่านทั้งหมดเพื่อปกป้องคุณธรรม หรือแม้กระทั่งได้เคย แบ่งทรัพย์สินของท่านออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งเป็นของท่านและอีกครึ่ง หนึ่งแบ่งให้คนยากจน มีรายงานว่า ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 81


ฮาซัน “ วันนั้นท่านอิมาม(อ.)ก�ำลังเดินทางอยู่ ได้ผ่านกลุ่มขอทานก�ำลัง ร่วมวงกินอาหารจากเศษขนมปังแข็งๆแล้วพวกเขาก็ได้เชิญท่านอิมามเข้า ร่วมวงกินอาหาร ดังนั้นท่านจึงลงจากหลังม้ามาร่วมรับประทานเศษขนม ปังแข็งๆ กับพวกเขา โดยกล่าวว่าพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)ไม่ทรงรักผู้หยิ่ง ยโส ขณะที่ท่านอิมามรับประทานอยู่กับพวกเขา กลุ่มขอทานได้จ้องมอง ท่านอิมามด้วยความปลาบปลื้ม ท่านอิมามจึงได้เอ่ยเชิญชวนพวกเขาไป ที่บ้านของท่านแล้วได้บริจาคอาหารและเสื้อผ้าอย่างดีแก่พวกเขา" ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้อย่างมากมายถึงบุคลิกภาพของการเอื้อ เฟื่อยเผื่อแผ่อย่างไร้ที่สิ้นสุดของท่านอิมามว่า “มีชายคนหนึง่ มาพบท่านแล้วขอความช่ายเหลือ ท่านอิมามจึงสัง่ ให้ คนรับใช้ไปตรวจดูวา่ มีเงินเหลืออยูเ่ ท่าไรก็จงมอบให้เขาทัง้ หมด ปรากฏว่า มีเงินเหลือประมาณเกือบหนึง่ หมืน่ ดิรฮัม ชายผูข้ ดั สนจึงได้รบั เงินช่วยเหลือ ทัง้ หมด “ด้วยจากคุณธรรมความดี การเสียสละอย่างมากมายท่านจึงได้ถกู ขนานนามว่า “ (ผู้มีจิตเผื่อแผ่)” สุภาษิตของอิมามฮะซัน (อ.) 1. จงปฏิบตั ติ นเพือ่ ชีวติ บนโลกนีข้ องเจ้าเปรียบดัง่ เจ้าจะมีชวี ติ ตลอด กาลและจงปฏิบัติตนเพื่อชีวิตบนโลกหน้าของเจ้าเปรียบดั่งเจ้าจะสิ้นชีวิต วันพรุ่งนี้ 2. ไม่มีทรัพย์ใดจะยิ่งใหญ่เท่าปัญญา ไม่มีความยากจนใดเหมือน ความโง่เขลา ไม่มคี วามเลวร้ายใดเหมือนการหลงตนเอง ไม่มชี วี ติ ทีภ่ ริ มภ์ ใดเหมือนการมีกิริยางาม 3. การเริ่มที่จะให้อภัยและการให้ ก่อนการร้องขอนั้นย่อมเป็นเกีร ยติที่ยิ่งใหญ่ 4. มีรายงานว่า 82 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮาซัน “ท่านอิมามฮะซัน(อ.)ได้ถูกถามว่า "ความเคร่งคัดคืออะไร" ท่านอิมามตอบว่า “ความปราถนาสู่การระมัดระวังตนจากการท� ำบาปและจากการ หลงใหลแสงสีแห่งโลกนี้“ ท่านได้ถูกถามอีกว่า “ขันติคืออะไร ท่านอิมามตอบว่า “ความยับยั้งชั่งใจตนเองและการคลุมจิตใจ “ ท่านได้ถูกถามอีกว่า “การขัดเกลาคืออะไร" ท่านตอบว่า “การปกป้องความชั่วร้ายด้วยคุณธรรม“ 5. แท้จริงขันติคอื เครือ่ งประดับของมนุตย์ชน ความซือ่ สัตย์ตอ่ ค�ำมัน่ สัญญาคือสัญญาลักษ์ของสุภาพชน การรีบร้อน(ในการงานโดยไร้สติ)คือ ความโง่เขลา

ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 83


84 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮูเซน

แบบฉบับแห่งวิถีชีวิตอันประเสริฐ ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) บุตรอิมามอะลี (อ.) ความแวววาวและระยิบระยับของพระราชวังต่างๆ ไม่ได้มีความ หมายใดๆ ต่อพวกเขาเลย บรรดาผู้ที่เกลียดการถูกข่มขู่โดยผู้ปกครองที่ ชอบกดขี่และการชักธงแห่งเสรีภาพที่ท�ำให้ความจริงของพวกเขายังคง อยู่ คนเหล่านั้นที่ได้ค้นหาในทุกซอกทุกมุมเพื่อที่จะตัดมือของพวกทรราช พวกที่โค่นล้มพระราชวังของกษัตย์ฟาโรห์ และลดจ�ำนวนพวกที่กดขี่ ดัง นัน้ พวกเขาจึงลุกขึน้ อย่างกล้าหาญและไม่วา่ อะไรทีจ่ ะท�ำให้เกิดความเสีย หาย พวกเขาจะต่อสู้อย่างไม่ลดละถึงแม้ว่านั่นจะหมายถึงความเสียสละ ทุกสิ่งที่พวกเขามีก็ตาม ท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) เป็นคนทีด่ ที สี่ ดุ ในบรรดาผูท้ ตี่ อ่ ต้านการเผด็จการในยุคของท่าน ท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากใน ประวัตศิ าสตร์ของมนุษยชาติ ท่านเป็นหลานชายแท้ๆของท่านศาสดาแห่ง ศาสนาอิสลามผูซ้ งึ่ เป็นทีร่ จู้ กั กันดีในความกล้าหาญและความเสียสละ รวม ถึงการต่อสู้กับการกดขี่ข่มเหง ท่านเป็นผู้ที่สร้างเรื่องราวของวันอาชูรออ์ ในวันที่ 10ของเดือนมุฮัรรอม ในเมืองที่เรียกว่ากัรบาลาอ์ ในประเทศอิรัก เนื่องจากท่านอิมามและสหายผู้จงรักภักดีทั้ง 72 คนของท่านได้รับความ ทุข์ทรมานอย่างไร้ความปรานีและไร้ซึ่งความยุติธรรมที่นั่น ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 85


ฮูเซน ในปัจจุบนั นีแ้ ละหลังจากเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ มา 1,400 ปีมาแล้ว ผูค้ น นับล้านทั่วโลกจะร่วมกันไว้อาลัยและทุบตีตัวเองที่หน้าอกและศีรษะของ พวกเขาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความโศกเศร้าของพวกเขา อาชูรออ์ อาจดูเหมือนเหตุการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นในเวลาและสถานที่ที่ถูกก�ำหนด ไว้ ที่ซึ่งคนกลุ่มเล็กๆ ต่อสู้กับศัตรูจ�ำนวนมากที่ติดอาวุธทั้งไล่ฟันและคล่า ชีวติ ของพวกเขา แต่อาชูรออ์กเ็ ป็นอมตะ แท้จริงแล้ว เมือ่ เวลาผ่านไป ด้าน ที่น่าอัศจรรย์ของการจลาจลนี้เป็นที่ประจักษ์แก่พวกเรา ศัตรูผู้สังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) อ้างถึงชัยชนะของพวกเขา แต่ พวกเขาเป็นที่รู้จักกันในนามของผู้แพ้อย่างยับเยินในหน้าประวัติศาสตร์ เพราะพวกเขาถูกสาปแช่งนับตัง้ แต่นนั้ เป็นต้นมา เพราะพวกเขาไม่สามารถ หยุดมูลเหตุอันสูงส่งของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ซึ่งท่านได้เริ่มลุกขึ้นยืนหยัด ต่อสู้กับทรราชย์ ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มหากาพย์แห่งอาชูรออ์ (จากประวัติศาสตร์ตั้งแต่ต้นจนจบ) ก�ำเนิด ขึ้นมาจากวิธีการคิดซึ่งเป็นมูลเหตุแห่งมนุษยชาติ ดังนั้น มันจึงถูกท�ำให้ เป็นอมตะ เพราะมันด�ำเนินไปเกินกว่าจะเป็นเพียงความขัดแย้งของพรรค พวกและชาติพันธุ์ ชนกลุ่มน้อยและกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของ มนุษย์กับการกดขี่ข่มเหง เป้าหมายเบื้องหลังการยืนหยัดต่อต้าน ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) เป้าหมายที่ท่านอิมามฮุเซน (อ.)พยายามที่จะให้บรรลุได้เกิดขึ้นใน วันอาชูรออ์อย่างชัดเจน ในยุ ค ของท่ า นอิ ม ามฮุ เ ซน (อ.) ความเชื่ อ ผิ ด ๆในโชคลางและ ไสยศาสตร์เป็นที่แพร่หลายในสังคม ซึ่งท่านมีเจตนารมณ์ที่จะก�ำจัดสิ่ง เหล่านี้เสีย สิทธิและคุณค่าของมนุษย์ถูกละเลยโดยผู้ปกครองของเขา 86 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮูเซน ในช่วงเวลานั้นสิทธิและคุณค่าดังเช่นในยุคสมัยของท่านศาสดามุฮัม หมัด(ซ็อลฯ)ที่เคยมีและการเสียสละอย่างเหลือคณานับแทบจะหมดไป ในสังคม อย่างไรก็ตาม ท่านอิมามฮุเซน (อ.) จดจ่ออยู่กับการปฏิรูปสังคม ใหม่ทั้งหมด ผู้ปกครองอณาจักรอิสลามได้สืบเชื้อสายมาทางราชวงค์และอยู่ ในก�ำมือของพวกขุนนาง ความสัมพันธ์ทางครอบครัวและเชื้อชาติเข้า มาแทนที่คุณธรรมและความสามารถในการกระจายความมั่งคั่งไปยัง ประชาชน ในทางการเมืองผู้น�ำทางศาสนาไม่ได้ดูแลสิทธิส่วนบุคคลหรือ ส่วนรวมแก่ประชาชนและการประจบประแจงเข้ามาแพร่หลายและเข้ามา มีอ�ำนาจในศาลแทน ดังนั้น ท่านอิมามฮุเซน (อ.)จึงลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปฏิรูปสังคม และช่วย ชาวมุสลิมให้ได้รับคุณค่าและอุดมการณ์ที่ท่านศาสดาได้พยายามอย่าง หนักในการผดุงรักษามันไว้กลับคืนมา การลุกขึ้นต่อต้านต่อผู้ปกครองที่เป็นทรราชย์นั้นพวกอิมามไม่ใช่ “พวกนอกกฎหมาย” แท้ทจี่ ริง อิมามได้ถกู ฆ่าโดยบรรดาฆาตกรทีไ่ ด้รบั ค�ำ สัง่ มาจากผูป้ กครองทีก่ ดขีใ่ ห้ทำ� เช่นนัน้ การจลาจลทีต่ ดิ อาวุธได้เริม่ ขึน้ โดย การฉ้อโกงและอาชญากร แต่ทา่ นอิมามฮุเซน (อ.)แตกต่างไปจากนัน้ ท่าน เป็นตัวแทนของความมีนำ�้ ใจต่อผูอ้ นื่ และเป้าหมายของท่านเพียงแค่ปกป้อง พวกเขาจากความโง่เขลาและความมืดมนต์ซึ่งปกคลุมพวกเขาอยู่ นั่นคือ เหตุผลว่าท�ำไมในตอนเช้าของวันอาชูรออ์ และเมื่อทหารจ�ำนวนสามแสน นายพร้อมที่จะต่อสู้กับเขา เขาบอกกับบรรดาสหายว่า “เราจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มการต่อสู้ก่อน แต่เพียงแค่ป้องกันตนเองและ อุดมการณ์ของพวกเราเท่านั้น” จากนั้น เขาได้เริ่มต้นแสดงธรรมแก่ศัตรู แต่ทันใดนั้นศัตรูได้เขวี้ยง ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 87


ฮูเซน เขาด้วยก้อนหิน ท�ำให้หน้าพากของเขาได้รับบาดเจ็บ จากนั้นการต่อสู้จึง เริ่มต้นขึ้น ท่านอิมามฮุเซน (อ.)เป็นสมาชิกในครอบครัวทีป่ ระเสริฐทีส่ ดุ ทีเ่ หลือ อยู่ของท่านศาสดาแห่งอิสลาม แต่ผู้ปกครองอณาจักรอิสลามน�ำโดยผู้ที่ มีชื่อว่า ญะซีดไม่เชื่อตามท่านอิมามและหวังว่าท่านอิมามฮุเซน (อ.)จะ ยินยอมในการทุจริต ความโง่เขลา และการกดขีข่ ม่ เหงของพวกเขาทัง้ หมด แต่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) ไม่สวามิภักดิ์กับญะซีดและยืนหยัดในความเชื่อ และอุดมการณ์ของตนเพือ่ พิทกั ษ์ศาสนาอิสลาม ในวันอาชูรออ์ หนึง่ ในคติ ประจ�ำตัวของท่านอิมามฮุเซน (อ.)คือ «‫»هیهات من الذ له‬ "เราจงออกห่างจากความอัปยศอดสู” เขายังตะโกนขึ้นมาอีกว่า “หากศาสนาของท่านตาของข้าฯ ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) จะได้ ด�ำเนินไปต่อ เว้นแต่ข้าฯจะถูกสังหาร ข้าฯก็จะยอมให้เป็นเช่นนั้น” ท่านลุกขึ้นต่อสู้ครั้งนี้เพื่อจุดประสงค์ที่จะต่อสู้กับการกดขี่ข่มเหง ท่านไม่มีความเกรงกลัว แม้นจะมีจ�ำนวนคนน้อยกว่าศัตรูก็ตามถึงจะถูก สังหารท่านก็พร้อมสละชีพเพือ่ ปกป้องศาสนาอิสลาม จุดประสงค์ทสี่ ำ� คัญ ที่สุดคือท่าน อิมามฮุเซน (อ.)ต้องการที่จะฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ที่แท้ จริงของศาสนาอิสลาม ท่านอิมามฮุเซน(อ.)ได้ต่อสู้อย่างองอาจ แต่บรรดา ศัตรูทมี่ มี ากกว่าได้วาดดาบลงบนตัวของท่านและสังหารท่านอย่างไร้ความ ปรานี พร้อมกับจับกุมครอบครัวของท่านมาเป็นนักโทษ พวกเขาไม่ได้รักษากฎเกณฑ์แห่งคุณค่าของมนุษย์ขั้นพื้นฐานที่ ส�ำคัญเลย ดังตัวอย่างเช่นพวกเขาปฏิเสธไม่ยอมให้น�้ำดื่มแก่ท่านอิมาม และสหายของท่าน ท่ามกลางสภาพอากาศทีร่ อ้ นระอุของอิรกั และเป็นผล 88 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮูเซน ให้ บรรดาเด็กทีร่ ว่ มเดินทางมากับท่านอิมามฮุเซน(อ.) ร้องบอกกันอย่างไม่ หยุดหย่อนว่า “พวกเรากระหายน�้ำ” ท่านอิมามฮุเซน (อ.)มีบุตรชื่อ อะลี อัซกัรที่มีอายุเพียงหกเดือนซึ่ง ก�ำลังจะตายเพราะพวกเขาไม่ยอมให้น�้ำ ท่านอิมามฮุเซน(อ.)ได้อุ้มเขาไว้ ในอ้อมแขนและกล่าวกับบรรดาศัตรูว่า “เด็กทารกน้อยคนนี้ไร้เดียงสา เขา ก�ำลังจะตายเพราะกระหายน�้ำ หากเจ้าคิดว่าข้าฯใช้เขาเป็นโล่มนุษย์ จง น�ำเขาไปและให้นำ�้ แก่เขาเองเถิด” ทันใดนัน้ และก่อนทีท่ า่ นอิมามจะพูดจบ ได้มลี กู ธนู สามแฉกพุง่ เข้ามาปักทีล่ กู กระเดือกของเด็กคนนัน้ ท่านอิมามฮุ เซน(อ.) ได้ซบั เลือดทีพ่ งุ่ ออกมาจากกระเดือกของลูกชายของท่านและโยน ขึ้นไปบนท้องฟ้า พร้อมกับกล่าวว่า “ข้าพเจ้าสามารถแบกรับหายนะนี้ไว้ได้ เพราะมันจะช่วยพลิกฟื้น ความยุติธรรมและศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าได้” แต่บรรดาศัตรูของท่านแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายและป่าเถื่อน อย่างคาดไม่ถึงและไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน เช่น หลังจากที่ได้ตัดศรีษะ ของท่าน อิมามฮุเซน (อ.) และสหายของท่านแล้ว พวกเขาได้เข้าโจมตี กระโจมทีพ่ กั ของครองครัวของท่านอิมามฮุเซน(อ.)และวางเพลิงจนกระโจม ไหม้หมด โทมัส มามาริคได้กล่าวว่า "แม้วา่ นักบวชของเราได้ทำ� ให้ผคู้ นอาลัยต่อพระเยซูคริสต์ โดยเตือน พวกเขาถึงความรักของเขา ความรักที่แท้จริง ก็เปรียบไม่ได้กับหายนะที่ ท่านอิมามฮุเซน(อ.)ได้รับ ซึ่งเสมือนขนนกที่อยู่เบื้องหน้าภูเขาลูกมหึมาซึ่ง เปรียบเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งเลวร้ายที่ ท่านอิมามฮุเซน(อ.)ได้ประสพ" ดังนัน้ ท่านอิมามฮุเซน (อ.)ไม่ได้เป็นเช่นอาชญากรทีฉ่ อ้ โกงทีป่ ฏิวตั ิ และท�ำลายทุกสิง่ บนเส้นทางของท่านเพือ่ บรรลุเป้าหมายทีไ่ ด้วางไว้ ท่านอิ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 89


ฮูเซน มามได้มีค�ำสอนอันสูงส่งซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับโดยผู้น�ำทางศาสนาที่ทุจริต และทรราชย์ในยุคของท่าน ดังนั้น ท่านอิมามและบรรดาสหายของท่าน จึงถูกสังหารหมด อิรฟานของท่านอิมามฮุเซน(อ.) อาชูรออ์มีหลายแง่มุมซึ่งไม่สามารถที่จะสืบค้นมารวบรวมไว้ที่นี่ได้ ทั้งหมด มุมมองทางด้านอิรฟาน ของศาสนาอิสลาม เพราะการเคลื่อนไหว ของท่านอิมามฮุเซน(อ.)เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก อารมณ์อันบริสุทธิ์ขอ งอิรฟาน แท้จริงแล้ว ท่านอิมามฮุเซน (อ.)และสิ่งที่ท่านท�ำในวันอาชูรออ์ คือความเสียสละอย่างสูงสุด การมอบชีวิตด้วยเหตุแห่งพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) คือการเสียสละอย่างสูงสุด เราสามารถสละเงิน สละสิ่งที่เรารักมาก ให้กับการกุศล หรือเวลาอันมีค่าให้กับการศึกษาของบุตรของเราได้ เรา สามารถเสียสละความภูมิใจจอมปลอมในเชื้อชาติ สีผิว ภาษาและชาติ ก�ำเนิด และส�ำหรับนิกายของเราได้ เราสามารถรับชาวมุสลิมคนอื่นเป็น พีน่ อ้ งของเราได้ แต่ทา่ นอิมามฮุเซน(อ.)สามารถท�ำสิง่ ดังกล่าวเหล่านัน้ ได้ และท่านไม่ถามถึงสิ่งตอบแทนใด ๆ อีกด้วย ِ ‫َولاَ َت ُقولُوا ِل َمن ُي ْق َت ُل ِفي َسب‬ ‫َح َيا ٌء‬ ٌ ‫َم َو‬ ْ ‫ِيل ال َّلـ ِه أ‬ ْ ‫ات َب ْل أ‬ ِ ‫َو َل‬ ﴾١٥٤﴿ ‫ون‬ َ ‫ـكن ّاَل َت ْش ُع ُر‬ “และพวกเจ้าอย่ากล่าวแก่ผทู้ ถี่ กู ฆ่าในทางของพระองค์อลั ลฮ์(ซบ.) ว่า พวกเขาได้ตาย หามิได้ พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่าพวกเจ้าไม่รู้สึก” (2:154) ท่านอิมามฮุเซน(อ.)ยังสอนพวกเราว่าให้อยูอ่ ย่างสงบ การใช้อำ� นาจ กดขีข่ ม่ เหงผูอ้ นื่ เป็นสิง่ ผิด หากท่านอิมามฮุเซน(อ.)ได้ให้สตั ย์ปฏิญาณว่าจะ จงรักภักดีต่อผู้ปกครองเผด็จการ ท่านก็จะสามารถรักษาคอของท่านไว้ได้ และดูเหมือนว่าจะได้รบั ต�ำแหน่งอันสูงส่งจากผูป้ กครองทีอ่ ธรรมอีกด้วย ผู้ 90 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮูเซน ซึง่ จะอนุญาตให้ทา่ นท�ำการนะมาซ ถือศีลอด และประกอบพิธกี รรมอืน่ ๆ ได้ แต่ท่านอิมามฮุเซน (อ.) เป็นหลานของศาสดา ผู้ที่กล่าวว่า “หนึ่ ง ในการท� ำ ญิ ฮ าดที่ ยิ่ ง ใหญ่ ที่ สุ ด คื อ การยื น หยั ด ต่ อ สู ้ กั บ ผู ้ ปกครองที่เผด็จการ และกล่าวสานส์แห่งความสัตย์จริง” ดังนั้น หนึ่งในสุนทรพจน์ของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ระหว่างทางไป กัรบาลาอ์ได้กล่าวไว้ว่า “การอยู่ร่วมกับพวกเผด็จการคืออาชญากรรมอย่างหนึ่ง” วิธีนี้แสดงให้แสดงถึงมูลเหตุที่การต่อสู้ของท่านอิมามเป็นอมตะ โทมัส คาร์ไลย์ได้ถ่ายทอดเกี่ยวกับมหากาพย์กัรบาลาอ์ ดังนี้ “บทเรียนที่ดีที่สุดที่พวกเราได้รับจากโศกนาฏกรรมของกัรบาลาคือ ท่าน อิมามฮุเซน (อ.)และสหายของท่านคือผู้มีความศรัทธาอย่างแรงกล้า ต่อพระผูเ้ ป็นเจ้า พวกเขาแสดงให้เห็นว่าความเหนือกว่าในด้านจ�ำนวนคน ที่มากกว่าเหลือคณานับ เมื่อรู้สึกถึงความจริงและความเชื่อที่ผิด อย่างไร ก็ตาม ชัยชนะของท่านอิมามฮุเซน (อ.) ด้วยคนกลุ่มน้อย ท�ำให้ข้าพเจ้า อัศจรรย์ใจมาก” นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน วอชิงตัน เออร์วิง ได้เขียนไว้ว่า “การถูกสังหารของท่านอิมามฮุเซน(อ.)เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าจะหยุด โดยไม่กล่าวถึงไม่ได้ เนือ่ งจากเป็นโศกนาฏกรรมทีส่ ำ� คัญในประวัตศิ าสตร์ อิสลาม ไม่มีสิ่งใดที่เลวร้ายไปกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าการลอบสังหารท่า นอิมามอะลี (อ.) เป็นความโศกเศร้าอย่างแสนสาหัสส�ำหรับมนุษย์แล้ว แต่ชะตากรรมของท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) เป็นสิ่งที่น่าสยอง ขวัญมากกว่าซึ่งท�ำให้ถึงกับเสียวสันหลัง มันคือโศกนาฏกรรมที่น่ากลัว" เออร์วิง กล่าวอีกว่า "จิตวิญญาณแห่งการลุกขึน้ ต่อต้านผูป้ กครองทีอ่ ธรรมจะคงอยูต่ ลอด ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 91


ฮูเซน ไป ท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) สามารถที่จะรักษาชีวิตของท่าน ไว้ได้โดยการยอมจ�ำนนต่อสิง่ ทีญ ่ ะซีดต้องการ แต่ดว้ ยความรับผิดชอบต่อ การเป็นผู้น�ำแห่งการเคลื่อนไหวของศาสนาอิสลามที่ท�ำให้ท่านอิมามไม่ สามารถที่จะยอมให้ญะซีดเป็นผู้ปกครองได้ ท่านเตรียมพร้อมที่จะเผชิญ กับภัยพิบตั อิ นื่ ต่างๆ เพือ่ ทีจ่ ะปลดแอกศาสนาอิสลามออกจากอุง้ มือของรา ชวงค์บะนี อุมัยยะห์ ข้าพเจ้าทราบว่า จิต-วิญญาณของท่านอิมามฮุเซน บุตร อิมามอะลี (อ.) จะยังคงอยูต่ ลอดไปภายใต้ดวงอาทิตย์ทแี่ ผดเผาและ บนพื้นทรายที่ร้อนระอุของแผ่นดินกัรบาลา ข้าพเจ้าขอแสดงความเคารพ ต่อท่าน โอ้นายของข้าพเจ้า บทเรียนที่ฉายแสงแห่งความกล้าหาญและ ความเสียสละ!” ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัฒนธรรมตะวันออกชาวเยอรมัน คาร์บินได้ กล่าวเกี่ยวกับท่านอิมามฮุเซน บุตร อิมามอะลี (อ.) ไว้ดังต่อไปนี้ “ด้วยความเสียสละแก่ประชาชนผูเ้ ป็นทีร่ กั ของท่าน ท่านอิมามฮุเซน บุตร อิมามอะลี (อ.) ได้แสดงให้เห็นว่า การเผด็จการและความชั่วร้ายจะ ไม่คงอยู่นิรันดร์ ท่านอิมามได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความสัตย์จริงและความถูก ต้องจะท�ำให้การเผด็จการและความชั่วร้ายพ่ายแพ้ไม่ว่าพวกเผด็จการจะ แข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตาม” มหาตมะ คานธี (ผู้น�ำทางการเมืองและจิตวิญญาณชาวอินเดีย) ได้ เขียนไว้ว่า “ข้าพเจ้าเรียนรู้จากท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) ถึงวิธีการ ที่จะพิชิตชัยชนะในขณะที่เราถูกกดขี่ข่มเหง และข้าพเจ้ายังได้เรียนรู้จาก ท่านอีกถึงวิธีที่เราถูกอธรรม แล้วยังกลายเป็นผู้ชนะ จงเลียนแบบการตาย และไม่ตอ้ งเกรงกลัวต่อมันในการต่อสูเ้ พือ่ อิสรภาพแห่งแผ่นดินเกิดของพวก เรา ข้าพเจ้าไม่ได้น�ำสิ่งใหม่มาให้ชาวอินเดีย ข้าพเจ้าเพียงน�ำเสนอผลที่ได้ 92 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮูเซน รับจากความเข้าใจของข้าพเจ้าจากบุคลิกของวีรบุรุษแห่งกัรบาลาอ์ พวก เราไม่มีทางที่จะไม่เจริญรอยตาม นอกจากจะท�ำตามทางน�ำของท่านอิ มามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) เท่านั้น” แท้จริงแล้ว วันอาชูรออ์และบทเรียนต่างๆ ที่ได้รับจากวันอาชูรออ์ ยังได้แสดงบทบาททีส่ ำ� คัญในชัยชนะแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เนือ่ ง จากอิมามโคมัยนี (ขอให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุคติ) เป็นผู้ที่ศรัทธา อย่างแรงกล้าต่อความเคลื่อนไหวและการต่อสู้กับการกดขี่ข่มเหงของท่า นอิมามฮุเซน บุตร อิมามอะลี (อ.) แม้หลังจากชัยชนะแห่งการปฏิวัติใน ประเทศอิหร่านและช่วงระยะเวลา แปดปีแห่งสงครามที่เกิดขึ้นในอิหร่าน อิมามโคมัยนีและประชาชนชาวอิหร่านยังคงยึดอาชูรออ์และท่านอิมามฮุ เซน บุตรอิมามอะลี (อ.) เป็นแรงบันดาลใจ หนึ่งในสุนทรพรจ์ที่โด่งดังขอ งอิมามโคมัยนี คือ “ท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) สอนพวกเราทุกวิธีที่จะยืนขึ้น และต่อสู้กับความโหดร้ายและรัฐบาลทรราช ถึงแม้ว่าท่านอิมามจะทราบ ว่า เส้นทางที่ท่านได้เลือกจะต้องเดิมพันด้วยชีวิตของท่าน ชีวิตของบรรดา ศิษย์และวงศ์ญาติของท่าน แต่ทุกคนก็ยอมเสียสละเพื่อศาสนาอิสลาม ท่านอิมามยังทราบถึงผลที่จะตามมาว่า หากปราศจากลุกขึ้นต่อ ต้าน ยะซีดและพลพรรคของเขา ยะซีดจะบิดเบือนอิสลามและน�ำเสนอ อิสลามในรูปแบบที่ผิดๆ เพราะพวกเขาไม่ศรัทธาในศาสนาอิสลามตั้งแต่ ต้น รวมถึงพวกเขาไม่พอใจและอิจฉาริษยาบรรดาวงค์วานท่านศาสดามุ ฮัมหมัด(ซ็อลฯ)ที่ชอบธรรมอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนี้ ตัวอย่างที่ท่านอิมามฮุสเซน (อ.)ได้สอนเราว่า เส้นทาง ของท่านอิมามเป็นเส้นทางที่ถูกต้องในประวัติศาสตร์ทั้งมวล -โดยไม่ต้อง ใส่ใจถึงจ�ำนวนที่ไม่เพียงพอ- มันคือคุณภาพที่ไม่สามารถวัดได้ มันคือ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 93


ฮูเซน คุณภาพแห่งการญิฮาดของบรรดาผู้ที่ได้รับชัยชนะเท่านั้น...” นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน วอชิงตัน เออร์วิง ได้เขียนไว้อีกว่า “การถูกสังหารของท่านอิมามฮุเซน (อ.)เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าจะหยุด โดยไม่กล่าวถึงไม่ได้ เนือ่ งจากเป็นโศกนาฏกรรมทีส่ ำ� คัญในประวัตศิ าสตร์ อิสลาม ไม่มีสิ่งใดที่เลวร้ายไปกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าการลอบสังหารท่า นอิมามอะลี (อ.) เป็นความโศกเศร้าอย่างแสนสาหัสส�ำหรับมนุษย์แล้ว แต่ชะตากรรมของท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) เป็นสิ่งที่น่าสยอง ขวัญมากกว่าซึ่งท�ำให้ถึงกับเสียวสันหลัง มันคือโศกนาฏกรรมที่น่ากลัว" เออร์วิงกล่าวว่า "จิตวิญญาณแห่งการลุกขึน้ ต่อต้านผูป้ กครองทีอ่ ธรรมจะคงอยูต่ ลอด ไป ท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) สามารถที่จะรักษาชีวิตของท่าน ไว้ได้โดยการยอมจ�ำนนต่อสิ่งที่ยะซีดต้องการ แต่ด้วยความรับผิดชอบต่อ การเป็นผู้น�ำแห่งการเคลื่อนไหวของศาสนาอิสลามที่ท�ำให้ท่านอิมามไม่ สามารถที่จะยอมให้ยะซีดเป็นผู้ปกครองได้ ท่านเตรียมพร้อมที่จะเผชิญ กับภัยพิบัติอื่นต่างๆ เพื่อที่จะปลดแอกศาสนาอิสลามออกจากอุ้งมือของ ราชวงค์บะนีอุมัยยะห์ ข้าพเจ้าทราบว่าจิตวิญญาณของท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) จะยังคงอยู่ตลอดไปภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา และบนพื้นทรายที่ร้อนระอุของแผ่นดินกัรบาลาอ์ ข้าพเจ้าขอแสดงความ เคารพต่อท่าน โอ้นายของข้าพเจ้า บทเรียนที่ฉายแสงแห่งความกล้าหาญ และความเสียสละ!” ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัฒนธรรมตะวันออกชาวเยอรมัน คาร์บินได้ กล่าวเกี่ยวกับท่านอิมามฮุเซน บุตร อิมามอะลี (อ.) ไว้ดังต่อไปนี้ “ด้วยความเสียสละแก่ประชาชนผู้เป็นที่รักของท่าน ท่านอิมามฮุ เซน บุตรอิมามอะลี (อ.) ได้แสดงให้เห็นว่า การเผด็จการและความชั่วร้าย 94 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮูเซน จะไม่คงอยู่นิรันดร์ ท่านอิมามได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความสัตย์จริงและความ ถูกต้องจะท�ำให้การเผด็จการและความชัว่ ร้ายพ่ายแพ้ ไม่วา่ พวกเผด็จการ จะแข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ตาม” มหาตมะ คานธี (ผู้น�ำทางการเมืองและจิตวิญญาณชาวอินเดีย) ได้เขียนไว้ว่า “ข้าพเจ้าเรียนรู้จากท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) ถึงวิธีการ ที่จะพิชิตชัยชนะในขณะที่เราถูกกดขี่ข่มเหง และข้าพเจ้ายังได้เรียนรู้จาก ท่านอีกถึงวิธที เี่ ราถูกอธรรม แล้วยังกลายเป็นผูช้ นะ จงเลียนแบบการตาย และไม่ตอ้ งเกรงกลัวต่อมันในการต่อสูเ้ พือ่ อิสรภาพแห่งแผ่นดินเกิดของพวก เรา ข้าพเจ้าไม่ได้น�ำสิ่งใหม่มาให้ชาวอินเดีย ข้าพเจ้าเพียงน�ำเสนอผลที่ได้ รับจากความเข้าใจของข้าพเจ้าจากบุคลิกของวีรบุรุษแห่งกัรบาลาอ์ พวก เราไม่มีทางที่จะไม่เจริญรอยตาม นอกจากจะท�ำตามทางน�ำของท่านอิ มามฮุเซน บุตร อิมามอะลี (อ.)เท่านั้น” แท้จริงแล้ว วันอาชูรออ์และบทเรียนต่างๆ ที่ได้รับจากวันอาชูรออ์ ยังได้แสดงบทบาททีส่ ำ� คัญในชัยชนะแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เนือ่ ง จากอิมามโคมัยนี (ขอให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุคติ) เป็นผู้ที่ศรัทธา อย่างแรงกล้าต่อความเคลื่อนไหวและการต่อสู้กับการกดขี่ข่มเหงของท่า นอิมามฮุเซน บุตร อิมามอะลี (อ.) แม้หลังจากชัยชนะแห่งการปฏิวัติใน ประเทศอิหร่านและช่วงระยะเวลาแปดปีแห่งสงครามที่เกิดขึ้นในอิหร่าน อิมามโคมัยนีและประชาชนชาวอิหร่านยังคงยึดอาชูรออ์และท่านอิมามฮุ เซน บุตรอิมามอะลี (อ.) เป็นแรงบันดาลใจ หนึ่งในสุนทรพรจ์ที่โด่งดังขอ งอิมามโคมัยนีคือ “ท่านอิมามฮุเซน บุตรอิมามอะลี (อ.) สอนพวกเราทุกวิธีที่จะยืนขึ้น และต่อสู้กับความโหดร้ายและรัฐบาลทรราช ถึงแม้ว่าท่านอิมามจะทราบ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 95


ฮูเซน ว่า เส้นทางที่ท่านได้เลือกจะต้องเดิมพันด้วยชีวิตของท่าน ชีวิตของบรรดา ศิษย์และวงศ์ญาติของท่าน แต่ทุกคนก็ยอมเสียสละเพื่อศาสนาอิสลาม" ท่านอิมามยังทราบถึงผลที่จะตามมาว่า หากปราศจากลุกขึ้นต่อ ต้าน ยะซีดและพลพรรคของเขา ยะซีดจะบิดเบือนอิสลามและน�ำเสนอ อิสลามในรูปแบบที่ผิดๆ เพราะพวกเขาไม่ศรัทธาในศาสนาอิสลามตั้งแต่ ต้น รวมถึงพวกเขาไม่พอใจและอิจฉาริษยาบรรดาวงค์วานท่านศาสดามุ ฮัมหมัด(ซ็อลฯ)ที่ชอบธรรมอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนี้ ตัวอย่างที่ท่านอิมามฮุสเซน (อ.)ได้สอนเราว่า เส้นทาง ของ ท่านอิมามเป็นเส้นทางที่ถูกต้องในประวัติศาสตร์ทั้งมวล -โดยไม่ ต้องใส่ใจถึงจ�ำนวนทีไ่ ม่เพียงพอ- มันคือคุณภาพทีไ่ ม่สามารถวัดได้ มันคือ คุณภาพแห่งการญิฮาดของบรรดาผู้ที่ได้รับชัยชนะเท่านั้น...” โองการที่ได้เลือกมาจากอัลกุรอาน ‫َساء َف َع َل ْي َها‬ َ ‫َم ْن َع ِم َل َصا ِل ًحا َف ِل َن ْف ِس ِه َو َم ْن أ‬ (15/ ‫)جاثيه‬ (15) ผู้ใดกระท�ำความดีก็จะได้แก่ตัวของเขาเอง และผู้ใดกระท�ำ ความชั่ว ก็จะตกหนักแก่ตัวของเขาเอง แล้วพวกเจ้าย่อมจะกลับไปหา พระเจ้าของพวกเจ้า )28/‫ال َي ْأ ُم ُر بِا ْل َف ْح َشاء (اعراف‬ َ َّ‫ِن الله‬ َّ ‫إ‬ (28) แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ไม่ทรงใช้ให้กระท�ำสิ่งที่น่า รังเกียจดอก ِ ‫إل ْح َس‬ )90/‫ان(نحل‬ ِ ‫ِن اللهَّ َي ْأ ُم ُر بِا ْل َع ْد ِل َوا‬ َّ ‫إ‬ (90) แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงใช้ให้รักษาความยุติธรรม และท�ำดี ‫آمنُوا لاَ َي ْس َخ ْر َقو ٌم ِّمن َق ْو ٍم َع َسى أَن‬ َ ‫َيا َأ ُّي َها ا َّل ِذ‬ َ ‫ين‬ 96 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮูเซน ‫َي ُكونُوا َخ ْي ًرا ِّم ْن ُه ْم َولاَ ِن َساء ِّمن ِّن َساء َع َسى أَن َي ُك َّن‬ َ ْ‫َنف َس ُك ْم َولاَ َت َن َاب ُزوا ب أ‬ ‫اب‬ ِ ‫ِال ْل َق‬ ُ ‫َخ ْي ًرا ِّم ْن ُه َّن َولاَ َت ْل ِم ُزوا أ‬ ِ‫سا‬ ِ ‫يم‬ ‫ك‬ ُ ‫ال ْس ُم ا ْل ُف ُس‬ َ ‫ُب َفُأ ْو َل ِئ‬ ْ ‫ان َو َمن َّل ْم َيت‬ َ ِ ْ‫وق َب ْع َد الإ‬ َ ‫ِب ْئ‬ )11/‫ون (الحجرات‬ َّ ‫ُه ُم‬ َ ‫الظا ِل ُم‬ (11) โอ้ศรัทธาชนทัง้ หลาย ชนกลุม่ หนึง่ อย่าได้เยาะเย้ยชนอีกกลุม่ หนึง่ บางทีชนกลุม่ ทีถ่ กู เยาะเย้ยจะดีกว่าชนกลุม่ ทีเ่ ยาะเย้ย และสตรีกลุม่ หนึง่ อย่าได้เยาะเย้ยสตรีอกี กลุม่ หนึง่ บางทีกลุม่ สตรีทถี่ กู เยาะเย้ยจะดีกว่า กลุ่มที่เยาะเย้ย และพวกเจ้าอย่าได้ต�ำหนิตัวของพวกเจ้าเอง และอย่าได้ เรียกกันด้วยฉายาที่ไม่ชอบ ช่างเลวทรามจริงๆ ที่บรรดาผู้ศรัทธาเรียกว่า เป็นผู้ฝ่าฝืน ภายหลังจากที่ได้มีการศรัทธากันแล้ว และผู้ใดไม่ส�ำนึกผิด ชนเหล่านั้นคือบรรดาผู้อธรรม ِ ‫ان َف‬ ‫اح َش ًة َو َساء َسبِيلاً (اسراء‬ ِّ ‫ال َت ْق َر ُبوْا‬ َ ‫َو‬ َ ‫الز َنى ِإ َّن ُه‬ َ‫ك‬ )32/ (32) และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการ ลามกและหนทางอันชั่วช้า َ ‫آمنُوْا ِإ َّن َما ا ْل َخ ْم ُر َوا ْل َم ْي ِس ُر َوا‬ ‫اب‬ َ ‫َيا َأ ُّي َها ا َّل ِذ‬ ُ ‫نص‬ َ ‫ين‬ َ ‫أل‬ َ ‫َوا‬ ِ ‫الش ْي َط‬ ‫اج َت ِن ُبو ُه َل َع َّل ُك ْم‬ َّ ‫س ِّم ْن َع َم ِل‬ ُ ‫أل ْزال‬ ٌ ‫َم ِر ْج‬ ْ ‫ان َف‬ ‫ون‬ ْ‫ت‬ َ ‫ُف ِل ُح‬ 90/ ‫مائده‬ (90) ผูศ้ รัทธาทัง้ หลาย ทีจ่ ริงสุราและการพนัน และแท่นหินส�ำหรับ เชือดสัตว์บชู ายัญ และการเสีย่ งติว้ นัน้ เป็นสิง่ โสมมอันเกิดจากการกระท�ำ ของชัยฏอน ดังนั้น พวกเจ้าจงห่างไกลจากมันเสีย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้ รับความส�ำเร็จ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 97


ฮูเซน )275/‫الر َبا(بقره‬ ِّ ‫َح َّل اللهّ ُ ا ْل َب ْي َع َو َح َّر َم‬ َ ‫َوأ‬ (275) และพระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.)นัน้ ทรงอนุมตั กิ ารค้าขาย และทรง ห้ามการเอาดอกเบี้ย ‫يفا‬ ُ ‫يد اللهّ ُ أَن ُي َخ ِّف َف َع‬ ً ‫ان َض ِع‬ ُ ‫نس‬ ِ ‫نك ْم َو ُخ ِل َق ا‬ ُ ‫ُي ِر‬ َ ‫إل‬ )28/‫(نساء‬ (28) พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงปรารถนาที่จะผ่อนผันให้แก่พวก เจ้า และมนุษย์นั้นถูกบังเกิดขึ้นในสภาพที่อ่อนแอ َ)113‫ار(هود‬ َ َ ‫ال َت ْر‬ َ ‫كنُوْا ِإ َلى ا َّل ِذ‬ ُ ‫ين َظ َل ُموْا َف َت َم َّس ُك ُم ال َّن‬ (113) และพวกท่านอย่าเห็นชอบไปกับบรรดาผู้อธรรม ไฟนรกจะ สัมผัสพวกท่านได้ ‫ك َب ٍد َأ َي ْح َس ُب‬ َ ‫ان ِفي‬ َ ‫نس‬ َ ِ ْ‫َل َق ْد َخ َل ْق َنا الإ‬ )4/ ‫َح ٌد (البلد‬ َ ‫أَن َّلن َي ْق ِد َر َع َل ْي ِه أ‬ (4) โดยแน่นอน เราได้บงั เกิดมนุษย์มาเพือ่ เผชิญความยากล�ำบาก เขาคิดว่าไม่มีผู้ใดจะมีความสามารถเหนือเขากระนั้นหรือ วจนะของท่านศาสดามุฮัมหมัด (ซ็อลฯ) ที่คัดเลือกมา แท้จริงเจ้าไม่สามารถดึงดูดผูค้ นให้เข้ามาหาเจ้าได้ดว้ ยทรัพย์สนิ เงิน ทอง แต่จะท�ำเช่นนั้นได้ด้วยนิสัยที่ดีของเจ้า เอาไหมฉันจะบอกให้พวกเจ้าทราบถึงผู้ที่มีอุปนิสัยคล้ายกับฉัน มากที่สุดในหมู่พวกเจ้า ได้ครับ โอ้ท่านร่อซูลของอัลลอฮ์ ท่านกล่าวว่า บรรดาผูท้ มี่ อี ปุ นิสยั ดี มีความอดทนเป็นเยีย่ ม ท�ำดีตอ่ ญาติพนี่ อ้ ง ให้ความ เมตตากรุณากับครอบครัวของเขาและต่อบรรดามุสลิมทั้งหลาย มีศรัทธา ที่แข็งแกร่ง มีความอดทนอดกลั้นต่อความโกรธ และบรรดาผู้ซึ่งให้อภัย ผู้ที่ยิ่งใหญ่คือบรรดาผู้ที่ยับยั้งความปรารถนาทางกามารมณ์ของ เขาได้ 98 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ฮูเซน บรรดาผู้ซึ่งท�ำประโยชน์ให้กับผู้อื่นมากที่สุด คือผู้ที่พระผู้เป็นเจ้า ทรงรักมากที่สุด เจ้าอยู่กับผู้ที่เจ้ารัก ผู้ใดมีหัวใจที่บริสุทธิ์จะเป็นที่โปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า จงแยกบุรุษและสตรีผู้ที่ไม่ความความสัมพันธ์เกี่ยวข้องซึ่งกันและ กันออกจากกัน เพราะหากพวกเขาได้ร่วมประเวณีกันนอกการสมรส โรค ระบาดจะเกิดขึ้นกับสังคมของเจ้า ไม่มีพันธบัตรใดมีค่ามากไปกว่าการสมรสในอิสลาม จงถามค�ำถามต่อบรรดาผู้มีความรู้ พูดคุยกับคนฉลาด และคบค้า กับคนยากจน ศาสนาอิสลามไม่ส่งเสริมให้อยู่เป็นโสดและถือสันโดษ ส่งเสริมให้มุสลิมแสวงหาความรู้ และไปยังที่ใดๆ เพื่อที่จะได้ศึกษา เล่าเรียน เพราะพระผูเ้ ป็นเจ้า ผูท้ รงเดชานุภาพ ได้ประทานความดีเลิศให้แก่ ประชาชาติของเรา หากพวกเขากลายเป็นผู้มีความรู้ ที่ที่เขาพ�ำนักอยู่ก็จะ อยูใ่ นสถานภาพทีด่ ี หากผูม้ คี วามรูเ้ ป็นผูน้ ำ� ของสังคม การปฏิบตั ติ น การก ระท�ำและความชาญฉลาดของเขาจะเป็นทางน�ำในการแก้ปญ ั หาต่างๆ ให้ กับสังคม สุทรพจน์ของท่านอิมามอะลี (อ.) ที่คัดเลือกมา บรรดาผู้ที่ให้อภัยอย่างง่ายดายเป็นผู้ที่ดีกว่าที่จะลงโทษ ความบริสทุ ธิเ์ ป็นคุณธรรมของบรรดาผูท้ ยี่ ากจน และความกตัญญู เป็นคุณธรรมของบรรดาผู้ที่ร�่ำรวย สตรีเป็นเช่นดอกไม้ มิใช่วีรบุรุษส�ำหรับงานที่ยาก ดังนั้น จงดูแล เธออย่างอ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความเมตตา เพื่อที่จะท�ำให้ชีวิตของเจ้า มีความสุข ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 99


ฮูเซน หากเจ้าได้รบั การแจ้งว่า เจ้าจะมีชวี ติ อยูไ่ ด้เพียงสองวัน ก่อนอืน่ เจ้า ใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อแสวงหาจริยธรรม เพื่อเจ้าจะได้ใช้มันยามที่เจ้าตายเป็น อันดับต่อไป

100 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 101


อะลี

สารอิมามอะลี (อ.) ไปยังมะลิกอัชตัร เมื่อท่านอิมามอะลี (อ.) ได้แต่งตั้งให้มะลิกอัชตัรนะคะอี เป็นเจ้าผู้ ปกครองอียิปต์ โดยได้จัดท�ำและส่งสาสน์ที่มีความยอดเยี่ยมและโดดเด่น ไปยังเขาซึง่ เกีย่ วข้องกับหน้าทีแ่ ละพันธกิจของผูป้ กครอง ความรับผิดชอบ ของบรรดาหัวหน้าของเขา ค�ำถามเรียงตามล�ำดับความส�ำคัญเกีย่ วกับสิทธิ์ และพันธกิจ ข้อยกเว้นของความยุตธิ รรม การควบคุมบรรดารัฐมนตรีและ ผู้ใต้บังคับบัญชา การกระจายงานและหน้าที่ในหมู่ประชาชน ....ในสาร ของท่านไปสู่นักรบที่มีความกล้าหาญของอิสลาม ท่านอิมามอะลี (อ.) ได้ ก�ำหนดไว้ดังนี้ ข้าฯ ขอสัง่ เจ้า มะลิกอัชตัรนะคออี จงเก็บความเกรงกลัวต่อพระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.)ไว้ในจิตใจของเจ้าเสมอ ให้ความเคารพต่อพระองค์เสมอ และ จงเชือ่ ฟังค�ำสัง่ สอนของพระองค์มากกว่าทุกสิง่ ในชีวติ จงปฏิบตั ติ ามค�ำสัง่ ใช้และละเว้นในสิง่ ทีพ่ ระองค์ทรงห้ามตามทีบ่ อกไว้ในคัมภีรแ์ ห่งพระผูเ้ ป็น เจ้าและแบบฉบับของท่านศาสดาอย่างระมัดระวังและด้วยความศรัทธา เพราะความส�ำเร็จของคนๆ หนึ่งจะน�ำมาซึ่งความสุขทั้งในโลกนี้และโลก หน้าโดยขึ้นอยู่กับการกระท�ำเหล่านี้ และความล้มเหลวในการปฏิบัติตาม ดังกล่าวจะน�ำมาซึ่งความล้มเหลวในโลกทั้งสอง ข้าฯขอสั่งเจ้าให้ใช้สติ ปัญญา หัวใจ มือและลิ้นของเจ้าในการ ช่วยเหลือสิ่งที่พระองค์อัลลอหฮ์ (ซบ.) ทรงสร้าง เพราะพระองค์อัลลอฮ์ 102 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี (ซบ.) ผู้ทรงเดชานุภาพ ถือว่าท่านทรงรับผิดชอบในการช่วยเหลือบรรดาผู้ ซึ่งพยายามอย่างดีที่จะช่วยท่านด้วยความเคารพ พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ยังทรงสัง่ อีกว่า เจ้าจงเก็บความปรารถนาของเจ้าอยูภ่ ายใต้ความควบคุม จงเก็บตัวของเจ้าอยูภ่ ายใต้การหักห้ามใจเมือ่ เกิดความปรารถนาทีฟ่ มุ่ เฟือย ความโหยหาใฝ่ต�่ำที่เกินปรกติ และความกระหายที่จะผลักดันเจ้าไปยัง ความชั่วร้ายและเลวทราม เพราะ “ตัว” ของเจ้าเองมักจะพยายามที่จะ ชักน�ำและฉุดเจ้าไปสูก่ ารกระท�ำทีช่ วั่ ร้ายและการสาปแช่ง เว้นแต่พระผูเ้ ป็น เจ้าผู้ทรงเมตตาจะให้ความช่วยเหลือเจ้า เจ้าต้องรู้ว่า คนดีและบริสุทธิ์เป็นที่รู้จักและยอมรับด้วยความดีเมื่อ ได้กล่าวถึงเขา และการสรรเสริญซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) บันดาลให้เขา ได้รับจากคนอื่นๆ ดังนั้น จงท�ำให้จิตใจของเจ้าให้เป็นแหล่งแห่งความคิด เจตนารมณ์ และการกระท�ำที่ดี สิ่งนี้เท่านั้นที่จะท�ำให้เราประสบความ ส�ำเร็จโดยการตั้งอยู่ในการควบคุมความปรารถนาและความกระหายของ ท่านอย่างรัดกุม อย่างไรก็ตาม แต่พวกมันจ�ำนวนมากอาจพยายามที่จะ กระตุน้ และบีบบังคับเจ้า จงจ�ำไว้วา่ วิธที ดี่ ที สี่ ดุ ทีจ่ ะให้ความยุตธิ รรมแก่ตวั ของเจ้าที่อยู่ภายในและเพื่อให้ออกห่างจากความชั่วร้ายคือการยับยั้งมัน จากความชัว่ ร้ายและจากสิง่ ซึง่ ตนปรารถนาอย่างเลยเถิดและไม่เหมาะสม มะลิกอัชตัร นะคออี! เจ้าต้องสร้างความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความรักให้เกิดในจิตใจของเจ้าเพื่อประชาชนของเจ้า อย่าปฏิบัติต่อ พวกเขาเช่นเจ้าเป็นคนละโมบและสัตว์ที่หิวกระหาย โดยความส�ำเร็จของ เจ้าตั้งอยู่ในการกลืนกินพวกเขา จงจ�ำไว้ มาลิกอัชตัร นะคออีว่า ในบรรดาประชาชนของเจ้า แบ่ง ออกได้เป็นสองประเภทคือ บรรดาผู้ที่นับถือศาสนาเดียวกับเจ้า พวกเขา นับเป็นพี่น้องกับเจ้า และบรรดาผู้ที่นับถือศาสนาแตกต่างจากเจ้า พวก ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 103


อะลี เขาเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเจ้า คนในแต่ละประเภทก็มจี ดุ อ่อนและไร้ความ สามารถเช่นเดียวกัน คือ มนุษย์ทงั้ หลายจะถูกโน้มน้าว พวกเขาจะท�ำบาป หลงระเริงในความชั่วร้าย ทั้งโดยเจตนาหรือด้วยความโง่เขลา และโดยไม่ ตัง้ ใจโดยไม่ทราบถึงความร้ายกาจในสิง่ ทีต่ นกระท�ำ เจ้าจงให้ความเมตตา และความเห็นอกเห็นใจต่อพวกเขาจงช่วยชีวติ และช่วยเหลือพวกเขาด้วยวิธี เดียวกันและในระดับเดียวกัน ดังเช่นที่เจ้าหวังจากพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ให้พระองค์ทรงแสดงความเมตตาและให้อภัยแก่เจ้า มะลิกอัชตัรนะคะอี! เจ้าต้องไม่ลมื ว่า หากเจ้าเป็นผูป้ กครองพวกเขา เหนือกว่าผูน้ ำ� ทางศาสนาเป็นผูป้ กครองเหนือจากเจ้า และพระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) คือพระเจ้าสูงสุดเหนือกว่าผู้น�ำทางศาสนา ห้ามกล่าวกับตนเองว่า “ข้าคือพระเจ้าของพวกเขา เป็นผู้ปกครอง พวกเขา และเป็นทั้งหมดของทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา และข้าพเจ้าจะ ต้องได้รับการเชื่อฟังอย่างอ่อนน้อมและเจียมตัว เพราะความคิดเช่นนี้จะ น�ำมาซึ่งความไม่สมดุลในจิตใจของเจ้า จะท�ำให้เจ้าเป็นคนทะนงตัวและ หยิ่งยโส จะท�ำให้ความศรัทธาในศาสนาของเจ้าอ่อนแอลง และท�ำให้ เจ้าแสวงหาความช่วยเหลือจากอ�ำนาจอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากพระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.) หากเจ้าเคยมีความรู้สึกภาคภูมิใจ หรือทะนงตนในอ�ำนาจ และกฎที่เจ้าวางเหนือประชาชนของเจ้า เจ้าจงพิจารณาถึงอ�ำนาจสูงสุด และกฎของพระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก ขอบเขตการสร้างของพระองค์ อ�ำนาจสูงสุดของพระผูเ้ ป็นเจ้า ผูท้ รงเดชานุภาพและทรงเกียรติ พลังอ�ำนาจ ของพระองค์ในการสร้างสิ่งที่เจ้าไม่เคยนึกฝันที่จะท�ำและการควบคุมของ พระองค์อยูเ่ หนือกว่าทีเ่ จ้าจะสามารถควบคุมสิง่ ต่างๆ รอบๆ ตัวเจ้า ความ คิดเช่นนี้จะช่วยเยียวยาจิตใจที่อ่อนแอของเจ้า จะช่วยคุ้มกันเจ้าให้ออก ห่างจากความหยิ่งยโสและการกบฏ (ต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)) จะช่วย 104 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี ลดความทะนงตนและความโอหัง และน�ำเจ้ากลับไปสูค่ วามปกติสขุ ซึง่ เจ้า ละทิ้งไปอย่างโง่เขลา จงดูแลไม่ให้คิดที่จะน�ำตนเองไปเปรียบเทียบกับพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ไม่ให้คิดที่จะเปรียบเทียบพลังอ�ำนาจของเจ้ากับพระองค์ และไม่ แข่งขันกับพระผู้ทรงเกียรติ และไม่อวดอ้างว่า เจ้าครองครองอ�ำนาจและ พลังเช่นพระองค์ เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเกียรติจะให้ความยากจนกับ ทรราชผู้ไร้ความเมตตาและจะปลดบรรดาผู้ที่เสแสร้งต่อพลังและอ�ำนาจ ของพระองค์ จนถึงทุกวันนี้ บรรดาการงานของเจ้า หรือการงานของบรรดาญาติ และเพื่อนของเจ้า เจ้าจงเข้มงวดดูแลว่า เจ้าจะไม่ละเมิดหน้าที่ที่พระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงก�ำหนดให้แก่เจ้า และไม่ช่วงชิงสิทธิ์ของมนุษยชาติ เป็นกลางและให้ความยุตธิ รรมแก่พวกเขา เพราะหากเจ้าละเลยความเสมอ ภาคและความยุตธิ รรมแล้ว เจ้าจะกลายเป็นทรราชและผูก้ ดขีข่ ม่ เหงอย่าง แน่นอน และผูใ้ ดก็ตามทีเ่ ผด็จการและกดขีส่ งิ่ ทีพ่ ระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) ทรง สร้าง จะเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) และได้รับความเกลียด ชังจากบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่ และใครก็ตามที่ได้รับการลงโทษจากพระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.) จะสูญเสียโอกาสทั้งหมดในการหลุดพ้นจากบาป และเขา จะไม่ได้รับการอภัยโทษในวันแห่งการพิพากษา พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) เจ้าต้องทราบว่า ประชาชนที่เจ้าปกครอง ได้ถูกแบ่งเป็นชนชั้นและระดับต่างๆ ซึ่งความอยู่ดีกินดีและสวัสดิการของ แต่ละชนชั้นของสังคมต้องพึ่งพาสวัสดิการของชนชั้นอื่น ๆ อย่างมากทั้ง โดยเอกเทศและโดยรวม ซึ่งสิ่งที่ก�ำหนดขึ้นมานี้แสดงให้เห็นถึงตาข่ายที่ ถักทอขึน้ มาอย่างแน่นหนา และในท�ำนองเดียวกัน ชนชัน้ หนึง่ ไม่สามารถ อยู่อย่างสันติ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข และไม่สามารถท�ำงาน ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 105


อะลี โดยปราศจากการสนับสนุนและความปรารถนาดีของผู้อื่นได้ ในหมูป่ ระชาชน จะมีบรรดาทหารแห่งกองทัพของพระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) ผู้ซึ่งปกป้องสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง ชนชั้นต่อมาคือบรรดารัฐมนตรี ของรัฐ ผู้ซึ่งมีหน้าที่ในการเขียนหรือออกค�ำสั่งพิเศษหรือทั่วไป กลุ่มที่สาม คือกลุ่มของผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่ดูแลความยุติธรรม กลุ่มที่สี่คือเจ้าหน้าที่ผู้ที่ดูแลกฎหมายและค�ำสั่ง ดูแลความสงบและความ เจริญของประเทศ จากนั้นคือประชาชนธรรมดา ชาวมุสลิมผู้จ่ายภาษีที่ เรียกเก็บโดยรัฐบาล และประชาชนทีไ่ ม่ใช่มสุ ลิมทีจ่ า่ ยภาษีทเี่ รียกเก็บโดย รัฐบาล และประชาชนทีไ่ ม่ใช่มสุ ลิมทีจ่ า่ ยส่วยให้กบั รัฐ (แทนภาษี) จากนัน้ ก็มาถึงชนชัน้ ของประชาชนผูท้ ปี่ ระกอบอาชีพต่างๆ และท�ำการค้าขาย และ สุดท้ายแต่ไม่ทา้ ยทีส่ ดุ คือคนยากจนและผูด้ อ้ ยโอกาสทีถ่ อื เป็นชนชัน้ ต�ำ่ สุด ของสังคม พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรงเมตตาได้ก�ำหนดสิทธิและหน้าที่ ของแต่ละชนชัน้ ไว้ โดยได้มรี ะบุไว้ทงั้ ในคัมภีรข์ องพระองค์และผ่านทางค�ำ สอนของท่านศาสดา กฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์แบบที่เราจะต้องรักษาไว้ ส�ำหรับสิ่งที่กังวลเกี่ยวกับบรรดาทหาร พวกเขาปฏิบัติตามค�ำ บัญชาของพระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.)ให้ปอ้ งกันป้อมปราการและจุดยุทธศาสตร์ และปกป้ อ งบรรดาประชาชนและรั ฐ พวกเขาเป็ น เครื่ อ งประดั บ ของผู ้ ปกครองและประเทศ พวกเขาให้พลังและการป้องกันศาสนา พวกเขาเป็น ผู้เผยแพร่และรักษาความสงบในมวลมนุษยชาติ แท้ที่จริงแล้ว พวกเขาคือ ผู้พิทักษ์ความสงบอย่างแท้จริงและโดยพวกเขาจึงท�ำให้การบริหารงาน ภายในยังคงด�ำเนินไปด้วยดี ค่าใช้จ่ายและค่าบ�ำรุงกองทัพขึ้นอยู่กับภาษี ที่เรียกเก็บโดยรัฐ ซึ่งนอกเหนือจากสิ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ก�ำหนดให้ เป็นส่วนแบ่งแก่พวกเขา ด้วยเงินจ�ำนวนนี้ พวกเขาน�ำมาใช้เพือ่ สนองความ ต้องการของพวกเขา เพือ่ บ�ำรุงและดูแลอาวุธให้อยู่ในสภาพทีส่ มบูรณ์เพือ่ 106 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี ใช้ในการปกป้องศาสนาและความยุติธรรม กองทัพและคนทัว่ ไป (พลเมืองธรรมดาผูซ้ งึ่ จ่ายภาษีและส่วย) เป็น สองชนชั้นที่มีความส�ำคัญ แต่ในสวัสดิการของรัฐ ความเป็นอยู่ของพวก เขาไม่ได้รับการรับประกัน ปราศจากการด�ำเนินงานและการบ�ำรุงจากชน ชั้นอื่นๆ อย่างเหมาะสม ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ ระดับสูงของรัฐและเจ้าหน้าทีใ่ นฝ่ายอืน่ ๆ ผูท้ เี่ รียกเก็บรายได้ตา่ งๆ ผูท้ ดี่ แู ล กฎหมายและระเบียบต่างๆ รวมถึงดูแลความสงบและสัมพันธภาพระหว่าง ชนชัน้ ทีแ่ ตกต่างกันของสังคม พวกเขายังมีหน้าทีด่ แู ลความถูกต้องและสิทธิ์ ประโยชน์ของพลเมืองและดูแลการท�ำหน้าที่ต่างๆ ของทุกๆ คนและทุกๆ ชนชั้น รวมถึงความเจริญของระบบที่เราจัดตั้งของมานี้ยังขึ้นอยู่กับพ่อค้า และผู้ประกอบอุตสาหกรรม ซึ่งพวกเขามีบทบาทเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ บริโภคกับผู้จัดหาสินค้า พวกเขาเป็นผู้รวบรวมความต้องการต่างๆ ของ สังคม พวกเขาออกแรงในการผลิตสินค้า พวกเขาเปิดร้านค้า ตลาด และ ศูนย์การค้า ซึ่งพวกเขาตระเตรียมสิ่งที่จ�ำเป็นให้กับบรรดาผู้บริโภค พวก เขาช่วยบรรเทาความต้องการของประชาชนโดยการวิ่งไล่ตามสิ่งที่จ�ำเป็น ของชีวิต พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) จงจ�ำไว้ว่า พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ผู้ทรง เดชานุภาพจะไม่ละเว้นโทษให้กับผู้ปกครองใดๆ จากพันธกิจของเขา เว้น แต่เขาจะพยายามท�ำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุดด้วยความจริงใจ ร้องขอต่อ พระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ให้ประทานความช่วยเหลือในการบริหารงานของ เขา ยึดมัน่ และบากบัน่ ในหนทางแห่งความถูกต้องและความยุตธิ รรม และ จงยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้ไว้ แม้ว่าการท�ำหน้าที่นั้นจะเป็นที่น่าพอใจหรือเป็น ที่น่าเกลียดชังแก่เขา ส�ำหรับความกังวลในเรื่องกองทัพคือ หัวหน้าและผู้บัญชาการ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 107


อะลี ของกองทัพควรเป็นบุคคลซึ่งเคารพและศรัทธาในพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) บรรดาศาสดา และบรรดาอิมามผู้เคร่งครัดในศาสนาอย่างยิ่ง เป็นผู้ซึ่ง ขึ้นชื่อในด้านความอดทน ความเมตตากรุณาและความอ่อนโยน ผู้ซึ่งไม่ สะบัดสะบิ้งและโกรธง่าย ผู้ซึ่งท�ำการขอโทษและยอมรับค�ำขอโทษอย่าง จริงใจ ผูซ้ งึ่ เมตตาและเห็นอกเห็นใจต่อผูท้ อี่ อ่ นแอ แต่รนุ แรงกับผูท้ แี่ ข็งแรง และมีอ�ำนาจโดยปราศจากความผูกพยาบาทซึ่งอาจน�ำไปสู่ความรุนแรง หรือปมด้อย หรือจิตใจที่อ่อนแอ ซึ่งจะท�ำให้พวกเขาหมดหนทางและเศร้า สลด จงค้นหาและคัดเลือกบุคคลดังกล่าวนั้น เจ้าอาจท�ำการติดต่อกับ ครอบครัวที่เคร่งศาสนาและมีเกียรติ มีอุดมคติสูงส่งและมีคตินิยมที่น่า ยกย่อง ครอบครัวที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเก่งกล้า ความกล้าหาญ ความใจ กว้าง และความเอือ้ เฟือ้ เผือ่ แผ่ บรรดาบุคคลเหล่านีค้ อื ผูซ้ งึ่ ถือได้วา่ เป็นต้น ก�ำเนิดของบุคลิกทีม่ คี วามสง่างามและความประเสริฐและเป็นสุดยอดแห่ง ความเคร่งครัดในศาสนาและการประพฤติดี เมื่อเจ้าได้พบและได้คัดเลือกบรรดาบุคคลเช่นนี้แล้ว จากนั้นจง สอดส่องดูพวกเขาเช่นเดียวกับที่พ่อแม่ดูแลลูกๆ ของเขา ซึ่งเจ้าจะได้เห็น หากมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นกับพฤติกรรมของพวกเขา ดูแลพวก เขาด้วยความเมตตาและความเห็นใจ ห้ามอิจฉาในความเห็นอกเห็นใจทีผ่ ู้ อื่นมีให้แก่พวกเขา (หากพวกเขาสมควรที่จะได้รับ) และห้ามปฏิเสธความ กรุณาเล็กๆ น้อยๆ การดูแลด้วยความเมตตานี้จะสร้างให้เกิดการเข้าหา ซึ่งกันและกันในหมู่พวกเขา และพวกเขาจะไว้ใจเจ้าและจะศรัทธาในตัว เจ้า ภายใต้ความประทับใจที่เจ้าได้ให้ความใส่ใจต่อสิ่งจ�ำเป็นและความ ต้องการหลักของพวกเขาอย่างเพียงพอ ห้ามปิดหูปิดตาต่อสิ่งจ�ำเป็นและ ความต้องการเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเขา เพราะของขวัญเพียงเล็กน้อยน�ำ มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่กระนั้นการเอาใจใส่อย่างรอบคอบต่อสิ่งจ�ำเป็น 108 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี หลักก็ถือเป็นสิ่งที่ส�ำคัญมาก ในหมู่เจ้าหน้าที่ทหาร พวกเขาควรได้รับ ความเคารพอย่างสูงสุดและให้ความสนใจในสิ่งที่เขาต้องการอย่างสูงสุด ภายใต้การบังคับบัญชาของเจ้าผู้ซึ่งจะต้องออกโรงช่วยเหลือเหล่าทหาร ด้วยทรัพย์สินส่วนตัว เพื่อน�ำทหารไปสู่ชีวิตที่มีความสุขและเกิดความพึง พอใจ พร้อมทั้งอาจช่วยสร้างหลักประกันอันสมบูรณ์แบบให้แก่อนาคต ของครอบครัวและลูกๆ ของพวกเขา เมือ่ ทหารเกิดความพึงพอใจและปลอดจากความวิตกกังวลแล้ว พวก เขาจะเผชิญหน้ากับความขัดแย้งอย่างกล้าหาญและด้วยความเต็มใจ การ ดูแลเอาใจใส่อย่างคงทีข่ องเจ้าแก่เจ้าหน้าทีแ่ ละบรรดาทหารจะท�ำให้พวก เขารักเจ้ามากยิ่งยิ่งขึ้นไป สิ่งที่สร้างความยินดีให้กับหัวใจของผู้ปกครองคือข้อเท็จจริงที่ว่า รัฐบาลของเขาตั้งอยู่ในกฎเกณฑ์ของความเท่าเทียมและความยุติธรรม และประชาชนของเขารักเขา ซึง่ ประชาชนของเจ้าจะรักเจ้าเมือ่ พวกเขาไม่มี ความคับข้องใจต่อเจ้า ความเคารพและความภักดีของพวกเขาจะได้รับ การพิสูจน์เมื่อพวกเขามารายล้อมอยู่รอบตัวเจ้าเพื่อสนับสนุนรัฐบาลของ เจ้า เมื่อพวกเขายอมรับในอ�ำนาจของเจ้าโดยไม่ถือว่ามันเป็นภาระที่พวก เขาต้องแบกไว้บนศีรษะ และเมื่อพวกเขาไม่แอบหวังให้การปกครองของ เจ้ามาถึงจุดสิ้นสุด ดังนั้น จงน�ำพวกเขาไปสู่ความหวังที่มีต่อเจ้ามากมาย ทีส่ ามารถเป็นจริงได้ดงั ทีพ่ วกเขาสามารถเติมเต็มในสิง่ เหล่านัน้ ได้มากมาย เท่ากับที่เจ้าสามารถจะท�ำได้ จงกล่าววาจาที่ดีกับบรรดาผู้ที่สมควรได้ รับค�ำสรรเสริญจากเจ้า ซาบซึ้งในการท�ำดีของพวกเขาและน�ำการกระท�ำ นั้นไปเป่าประกาศให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะ เมือ่ เจ้าเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ ซึง่ เจ้าไม่สามารถทีจ่ ะหาทางออก ได้ หรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากล�ำบากจากสิ่งที่เจ้าไม่สามารถที่จะ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 109


อะลี หลีกเลี่ยงได้ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้และตกอยู่ ในความสงสัยซึ่งท�ำให้เจ้าสับสนและงงงวย ให้เจ้าหันหน้าเข้าหาพระองค์ อัลลอฮ์ (ซบ.) และบรรดาศาสดาของพระองค์ เพราะพระองค์ได้ทรงบัญชา ถึงบรรดาผู้ซึ่งต้องการทางน�ำ วิธีหันเข้าหาพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) คือการ ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามที่ได้มีบัญชาอย่างชัดเจนและแจ่มแจ้งดังที่ ระบุไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ และหันเข้าหาบรรดาศาสดาของพระองค์ ซึ่ง หมายถึงให้ปฏิบัติตามค�ำสอนของพวกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ว่า ไม่มีข้อ สงสัยหรือความคลุมเครือใดๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับ และจะได้รับการยอมรับ โดยทั่วไปเมื่อได้มีการบันทึกอย่างถูกต้อง ณ ขณะนี้ ข้าพเจ้ายังมีความกังวลในเรื่องการให้ความยุติธรรม เจ้า จงระมัดระวังให้มากในการคัดเลือกเจ้าหน้าที่ต่างๆ เจ้าจงเลือกบุคคลผู้มี ลักษณะอันยอดเยีย่ ม มีสติปญ ั ญาและความสามารถสูง พร้อมด้วยประวัติ ทีน่ า่ สรรเสริญ พวกเขาต้องมีคณ ุ สมบัตดิ งั นี้ คดีมากมายและความยุง่ ยาก ซับซ้อนของมันไม่ท�ำให้เขาเสียอารมณ์ เมื่อพวกเขาส�ำนึกได้ว่า พวกเขาท�ำการตัดสินคดีผิดพลาด พวกเขา จะต้องไม่ยนื ยันในความผิดพลาดและต้องพยายามแก้ไขมันให้ถกู ต้อง เมือ่ ความจริงได้ถกู ท�ำให้ประจักษ์แก่พวกเขา หรือเมือ่ ทางทีถ่ กู ต้องเปิดออกข้าง หน้าพวกเขา พวกเขาจะไม่ถอื ว่าเป็นการเสียศักดิศ์ รีสำ� หรับการแก้ไขข้อผิด พลาด หรือลบล้างความผิดที่พวกเขาได้ท�ำไป พวกเขาจะต้องไม่ท�ำการ ทุจริต ละโมบหรือโลภ พวกเขาต้องไม่พึงพอใจเพียงแค่การสืบสวนโดย ทัว่ ไปหรือแค่การพิจารณาคดี แต่จะต้องท�ำการพิจารณาถึงข้อดีขอ้ เสียใน ทุกๆ ขั้นตอนอย่างถี่ถ้วน พวกเขาต้องตรวจสอบทุกแง่ทุกมุมของปัญหา อย่างรอบคอบ และไม่ว่าเมื่อไรหรือที่ใดก็ตามที่พวกเขาพบจุดที่น่าสงสัย หรือคลุมเครือ พวกเขาจะต้องหยุดเพือ่ หาข้อมูลเพิม่ เติม ขจัดข้อสงสัยและ 110 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี ความคลุมเครือ หลังจากนั้นก็ด�ำเนินการตัดสินใจ พวกเขาต้องผูกติดกับ เหตุผล ข้อโต้แย้งและหลักฐานที่ส�ำคัญที่สุด พวกเขาจะต้องไม่ล้าต่อการ อภิปรายหรือการโต้แย้งที่ยืดยาว พวกเขาจะต้องแสดงความอดทนและ ความเพียรในการตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ ในการทดสอบประเด็นที่ ถูกน�ำเสนอว่าถูกต้อง ในการกลั่นกรองข้อเท็จจริงจากเรื่องโกหก และ เมื่อความจริงได้ถูกเปิดเผยมายังพวกเขา พวกเขาต้องท�ำการตัดสินโดย ปราศจากความกลัว การล�ำเอียงหรืออคติใดๆ พวกเขาจะต้องไม่หยิ่งและทะนงตนเมื่อได้รับค�ำชมเชยและการ สรรเสริญเยินยอ พวกเขาจะต้องไม่ถูกชักน�ำไปในทางที่ผิดโดยค�ำเยินยอ และการหลอกลวง แต่โชคร้ายทีบ่ คุ คลทีม่ ลี กั ษณะดังกล่าวนีม้ จี �ำนวนน้อย หลังจากที่เจ้าได้คัดเลือกคนเช่นนี้ให้ท�ำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาของเจ้า จง ก�ำหนดจุดประสงค์ในการท�ำการตัดสินให้แก่พวกเขาและตรวจสอบการ ด�ำเนินงานของพวกเขา จ่ายค่าตอบแทนให้พวกเขาอย่างงดงาม เพือ่ ทีพ่ วก เขาจะได้รับความพึงพอใจอย่างเต็มที่จากสิ่งที่พวกเขาต้องการ และพวก เขาจะได้ไม่มีความต้องการที่จะขอหยิบยืมหรือท�ำการทุจริต ให้เกียรติยศ และต�ำแหน่งหน้าที่ในรัฐของเจ้าซึ่งไม่มีประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ใดในรัฐ ของเจ้าจะสามารถมีอ�ำนาจเหนือพวกเขาได้ หรือไม่สามารถท�ำอันตราย ต่อพวกเขาได้ จงให้ศาลเป็นสิ่งที่อยู่เหนือแรงกดดันหรืออิทธิพลของฝ่าย บริหารทุกประการ รวมถึงความกลัว หรือความล�ำเอียง หรืออุบาย หรือ การทุจริตดังที่กล่าวมาข้างต้น จงให้การสอดส่องดูแลอย่างพิถีพิถันทุก ประการในทุกด้านเพราะก่อนทีเ่ จ้าจะก่อตัง้ รัฐนี้ ซึง่ รัฐนีเ้ คยอยูภ่ ายใต้การ เอนเอียงไปในทางทุจริต การใช้เวลาไปอย่างสูญเปล่าและบรรดาคนฉวย โอกาสที่ละโมบในความมั่งคั่ง ผู้ซึ่งเสเพล ละโมบและชั่วร้าย และผู้ซึ่งไม่ ต้องการสิ่งใดจากรัฐ นอกจากเจตนารมณ์อันชั่วร้ายในการสะสมความ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 111


อะลี มั่งคั่งและความสุขให้แก่ตนเอง ต่อไปมาถึงบรรดาเจ้าหน้าทีใ่ นรัฐของเจ้า เจ้าจะต้องดูแลการท�ำงาน ของพวกเขา พวกเขาจะต้องได้รบั การตรวจสอบความสามารถและลักษณะ อย่างรอบคอบก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้ง โดยการแต่งตั้งบุคคลเหล่านี้จะ ต้องมีการทดลองงานโดยทัว่ ไปก่อน ซึง่ จะต้องปราศจากการล�ำเอียง หรือ อิทธิพลที่บังคับให้ยอมรับโดยทรราช การทุจริตและการปกครองที่ชั่วร้าย จะเข้าครอบง�ำรัฐของเจ้า ขณะที่คัดเลือกเจ้าหน้าที่ของเจ้าให้คัดเลือก บุคคลทีม่ ปี ระสบการณ์และมีความซือ่ สัตย์ เป็นสมาชิกของครอบครัวทีน่ า่ นับถือซึง่ รับใช้อสิ ลามมาตัง้ แต่ตน้ เพราะบุคคลเหล่านีม้ กั มีลกั ษณะอันทรง เกียรติและมีชื่อเสียงในทางที่ดี พวกเขาจะต้องไม่โลภและถูกติดสินบนได้ โดยง่าย โดยสิ่งที่พวกเขาต้องมีมาก่อนที่กล่าวมาข้างต้นคือผลของความ คิดและการกระท�ำทีด่ ขี องเขา จงให้คา่ ตอบแทนทีส่ งู แก่เขา เพือ่ เขาจะได้ไม่ ถูกล่อลวงไปยังจรรยาบรรณที่ต�่ำกว่ามาตรฐาน และเขาจะไม่ยักยอกเงิน ของรัฐ เนื่องจากพวกเขาตั้งมั่นอยู่ในความไว้เนื้อเชื่อใจ และหากหลังจาก ที่เขาได้รับค่าตอบแทนอย่างงดงามแล้ว เขายังแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์ จากนั้นเจ้ามีสิทธิ์ที่จะลงโทษพวกเขา ดังนั้น จงสอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด ในระบบการท�ำงานและกฎเกณฑ์ของพวกเขา เจ้าอาจแต่งตั้งบุคคลที่มือสะอาดและซื่อสัตย์ช่วยในการดูแลสอด ส่องกิจกรรมการท�ำงานของเจ้าหน้าที่เหล่านี้ โดยให้สอดส่องดูแลพวกเขา อย่างลับๆ เพือ่ ให้บรรดาเจ้าหน้าทีห่ ลุดพ้นออกจากการทุจริต การละเมิดกฎ การกระท�ำผิด และการกดขี่ประชาชน จงปกป้องรัฐบาลของเจ้าจากเจ้า หน้าที่ที่ทุจริต หากเจ้าพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดทุจริต และหน่วยสืบราชการ ลับของเจ้ายืนยันถึงการทุจริตของเขา เจ้าจงลงโทษเขา ซึง่ อาจจะเป็นการ ลงโทษทางร่างกาย รวมถึงเลิกจ้างและเรียกคืนทุกสิ่งที่เขาทุจริต เขาต้อง 112 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี อับอายขายหน้าและจะต้องถูกท�ำให้ส�ำนึกถึงการกระท�ำที่ชั่วช้าของเขา ความอับอายและการลงโทษเขาจะต้องถูกท�ำต่อหน้าสาธารณชน เพื่อจะ เป็นบทเรียนและเพื่อให้คนที่ได้เห็นยับยั้งชั่งใจเมื่อจะกระท�ำตามพวกเขา จงระมัดระวังในเรื่องสวัสดิการของคนยากคนจน ห้ามหยิ่งยโสและ ทะนงตนต่อพวกเขา จงจ�ำไว้วา่ เจ้าจะต้องให้การดูแลเป็นพิเศษแก่คนทีไ่ ม่ สามารถเข้าถึงเจ้าได้ คนที่ยากจนอย่างหนัก คนป่วยที่เป็นโรคที่อาจเป็น ที่น่ารังเกลียดจากเจ้า และผู้ที่สังคมรังเกลียด ชิงชังและดูถูก เจ้าจงเป็น แหล่งก�ำเนิดแห่งการปลอบโยน ความรัก ความเคารพในพวกเขา จงแต่ง ตั้งผู้ที่เคร่งครัดในศาสนา ที่มีความซื่อสัตย์และน่านับถือ คือผู้ที่เกรงกลัว ในพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)และผู้ที่สามารถดูแลพวกเขาได้อย่างดี ออกค�ำ สั่งให้เขาหาข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับบรรดาบุคคลที่กล่าวมาข้างต้น และส่งรายงานให้แก่เจ้า จากนั้น จงดูแลคนยากคนจนเช่นเดียวกับที่เจ้าจะสามารถสารภาพ เรือ่ งราวทีส่ มั ฤทธิผ์ ลต่อพระพักตร์ของพระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.)ในวันแห่งการ พิพากษา เนื่องจากในบรรดาประชาชนของเจ้าทุกชนชั้น ชนชั้นนี้สมควร ที่จะได้รับการดูแลเอาใจใส่ ความเห็นอกเห็นใจและการกระท�ำที่ยุติธรรม มากที่สุด แม้วา่ คนยากจนทุกคนสมควรทีจ่ ะได้รบั ความเห็นอกเห็นใจจากเจ้า และจะต้องสร้างความยุตธิ รรมตามค�ำสอนของพระองค์ให้สำ� เร็จ เพือ่ จะได้ รับความโปรดปรานจากพระองค์ ดังนัน้ เจ้าจงให้การดูแลเอาใจใส่ตอ่ เด็ก ก�ำพร้าและคนชราทีอ่ อ่ นแอ ซึง่ พวกเขาทัง้ หลายไม่ได้รบั ความช่วยเหลือใด ๆ และไม่สามารถออกไปขอทานได้อย่างง่ายดาย พวกเขาไม่สามารถเข้า ถึงเจ้าได้ ดังนั้น เจ้าจงเข้าหาพวกเขาแทน ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 113


อะลี จงจ�ำไว้ว่า จงบรรลุพันธกิจและหน้าที่นี้ที่ถือว่าเป็นภาระที่น่าเบื่อ หน่ายส�ำหรับผูป้ กครองส่วนใหญ่ แต่พวกเขาเหล่านัน้ ปรารถนาทีจ่ ะท�ำให้ ส�ำเร็จ ค�ำอวยพรและการเข้าไปในอาณาเขตของเขา แม้วา่ งานของเขาจะ ดูเหมือนเบาและเป็นทีพ่ อใจ พวกเขาจะต้องแบกรับมันด้วยความสุข อย่าง มีความรับผิดชอบ และอย่างจริงใจ พวกเขาจะพบความยินดีจากมันและ พวกเขาจะต้องเชื่อในค�ำสัญญาที่ให้ไว้กับพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) นอกเหนือจากเวลาท�ำงานของเจ้า เจ้าจงก�ำหนดเวลาส�ำหรับผูร้ อ้ ง ทุกข์และส�ำหรับบรรดาผูท้ ตี่ อ้ งการบอกกล่าวถึงสิง่ ทีค่ บั ข้องใจของพวกเขา ในช่วงเวลานัน้ เจ้าไม่ควรท�ำงานอืน่ นอกจากฟังและให้ความสนใจกับการ ร้องทุกข์และความคับข้องใจของพวกเขา เพื่อจุดประสงค์นี้ เจ้าจะต้องจัด ให้มผี ฟู้ งั สาธารณะส�ำหรับพวกเขาในการรับฟังนี้ ส�ำหรับเป้าหมายของพระ องค์อลั ลอฮ์ (ซบ.) คือ ดูแลพวกเขาด้วยความเมตตากรุณา จรรยามารยาท และด้วยความเคารพ ห้ามให้ทหารและต�ำรวจของเจ้าอยู่ในห้องรับฟังใน เวลาดังกล่าว เพือ่ ทีว่ า่ ประชาชนผูม้ คี วามคับข้องใจในระบอบการปกครอง ของเจ้าจะได้พดู กับเจ้าอย่างอิสระ อย่างปราศจากข้อสงสัยและความกลัว เจ้าจะต้องดูแลโดยตัดตัวของเจ้าออกจากความเป็นรัฐบาล ห้ามใช้ ม่านอันเป็นเกียรติยศจอมปลอมกัน้ ระหว่างเจ้าและบรรดาผูท้ เี่ จ้าปกครอง การเสแสร้งและแสดงการโอ้อวดและทระนงตนเป็นการแสดงให้เห็นถึง ความด้อยออกมาอย่างเด่นชัดและความหยิ่งยโสอย่างแท้จริง ผลจากการ มีทศั นคติเช่นนีค้ อื เจ้ายังคงโง่เขลาต่อสภาพของประชาชนของเจ้าและต่อ ปัจจัยตามจริงส�ำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ จงคงความยุตธิ รรมในการให้ความยุตธิ รรม จงลงโทษผูท้ สี่ มควรถูก ลงโทษ ถึงแม้วา่ พวกเขาจะเป็นญาติใกล้ชิดหรือเพือ่ นสนิทของเจ้า และถึง แม้การกระท�ำนั้นอาจท�ำให้เจ้าเกิดความเจ็บปวดจากความโศกเศร้าและ 114 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี


อะลี ความอาลัย จงอดทนและหวังในรางวัลจากพระเจ้า ข้าพเจ้ามั่นใจว่าเจ้า จะได้รับผลลัพธ์ที่ดี เนื่ อ งจากมาตรการอั น เคร่ ง ครั ด ของเจ้ า ประชาชนเกิ ด ความ หวาดระแวงในการกระท�ำของเจ้าที่ดูเหมือนพวกทรราชและผู้กดขี่ข่มเหง ให้ออกมาต่อหน้าพวกเขาและอธิบายอย่างเปิดเผยถึงเหตุผลในการกระท�ำ ของเจ้าและให้พวกเขาได้ดขู อ้ เท็จจริงด้วยตัวของพวกเขาเอง และเข้าใจถึง ความจริง นีค่ อื การฝึกฝนจิตใจของเจ้า ให้ประพฤติปฏิบตั ดิ ว้ ยความเมตตา กรุณาต่อประชาชนของเจ้า และด้วยความไว้เนือ้ เชือ่ ใจ ดังนัน้ จงท�ำให้พวก เขาเชื่อใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือด้วยความยุติธรรมและความถูกต้อง ขณะทีเ่ จ้าจะบรรลุจดุ สิน้ สุด เนือ่ งจากเจ้าได้ให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา ด้วยรากฐานแห่งความเป็นจริง “โอ้ ผู้ปกครอง! เจ้าก�ำลังคิดถึงอะไร ดาบของเจ้าและพลังอ�ำนาจ ของเจ้าในการฆ่าผู้บริสุทธิ์ไหล หรือบริโภคทรัพย์สินของคนยากคนจน กระนั้นหรือ” และเจ้าจะไม่สามารถบรรลุสงิ่ นีไ้ ด้ เว้นแต่เจ้าจะจดจ�ำให้เป็นนิตย์วา่ เจ้าจะต้องกลับไปยังพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)และความเกรงกลัวในพระองค์ เท่านั้นที่จะเอาชนะอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เจ้าต้องพยายามจดจ�ำไว้เสมอว่า การท�ำความดีและสิง่ ทีม่ ปี ระโยชน์ ในอดีต การกระท�ำที่ยุติธรรมระบอบการปกครองด้วยความเมตตากรุณา การประพฤติดที เี่ กิดจากมัน กฎหมายดีทถี่ กู ประกาศใช้ ค�ำสอนของบรรดา ศาสดา ค�ำบัญชาของพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.)ที่บันทึกไว้ในคัมภีร์แห่งพระ ผู้เป็นเจ้า และสิ่งต่าง ๆ ที่เจ้าได้เห็นข้าพเจ้าท�ำ หรือได้ยินข้าพเจ้ากล่าว ถึง จงปฏิบัติตามการกระท�ำที่ดีและแนะน�ำสิ่งที่เจ้าพบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใน ท�ำนองเดียวกัน จงปฏิบัติตามค�ำแนะน�ำต่างๆ ที่ได้รวมอยู่ในค�ำสั่งเหล่านี้ ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี 115


ท่ามกลางพวกเขา ข้าพเจ้าพยายามที่จะสอนเจ้าทุกสิ่งที่สามารถจะสอน ได้เกี่ยวกับระบอบการปกครองที่ดี ข้าพเจ้าได้ท�ำหน้าที่ของข้าพเจ้าต่อ เจ้าแล้ว เพือ่ ทีว่ า่ เจ้าจะได้ไม่หลงผิดและจิตใจของเจ้าอาจจะไม่ตอ้ งการใน ความปรารถนาอันต�่ำช้า หากได้กระท�ำ เจ้าจะไม่มีค�ำแก้ตัวใด ๆ ต่อพระ องค์อัลลอฮ์ (ซบ.)เลย ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซบ.) ว่า ด้วยความเมตตา อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและเดชานุภาพอันสูงส่งของพระองค์ พระองค์โปรดทรง ประทานให้แก่บรรดาผู้วิงวอนขอ ซึ่งทางน�ำพวกเราทั้งสองไปสู่ความพึง พอพระทัยของพระองค์ ทางน�ำไปสูค่ วามส�ำเร็จในการแก้ต่างการท�ำต่างๆ ของพวกเราต่อพระองค์ ทางน�ำไปสู่การแจ้งถึงการกระท�ำของพวกเราต่อ มวลมนุษย์ ทางน�ำไปสูช่ อื่ เสียงทีด่ ี ทางน�ำไปสูผ่ ลลัพธ์ทดี่ จี ากการปกครอง ที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาและเที่ยงธรรมของเราที่ทิ้งไว้ โดยยังความ เจริญรุ่งเรืองและสวัสดิการของประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และทาง น�ำมาสู่จุดจบของพวกเราดังผู้ยอมสละชีวิตและผู้เคร่งครัดในศาสนา ดัง ที่พวกเราต้องกลับไปยังพระองค์เท่านั้น ขอความสันติจากพระองค์อลั ลอฮ์ (ซบ.)จงประสบแด่บรรดาศาสดา และบรรดาอิมามของท่านทุกท่านที่ได้ถูกเลือก

116 ศาสดามุฮัมหมัดและวงค์วานแบบฉบับแห่งมนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยคุณงามความดี



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.