catalogue book
2009 PUSH2010 FALL2011
CREATIVE PROJECT DE-SIGN O-PERCEPTION MEDIA ETHNOGRAPHY WEB DESIGN SOUND DESIGN INTERACTIVE MEDIA AUDIOVISUAL MEDIA INFORMATION DESIGN EXPERIMENTAL IMAGE DIGITAL GRAPHIC DESIGN
A grotesque festival and an eccentric manifesto
madiFESTO
1
2
madiFESTO
madiFESTO
3
P.28
P.10
P.46 Live Like BedRoom one speaking out Media virtual reality It’s not just a coffee maker T O B E N U M B E R O N E (คิดเอง ไม่ได้ลอกใคร)
P.58
P.140
4
madiFESTO
P.52
P.172
P.166
Marginal
P.70 P.82 madiFESTO
5
6
madiFESTO
A grotesque festival and an eccentric manifesto will be introduced through a unique art scene in the country where technologies are used senselessly; and social truths are canningly twisted, deceived, and concealed. The non-sensencial will be revealed by artists and designers to create the prologue for revolutionary media art based culturalists. The radical and H.I.P versus the murky-shiny-fooly-brillian ideas; the serious versus the absurd ideas; the beneficial versus the unfavorable ideas; the visible versus the invisible ideas; and the stunning versus the disgusting ideas will be all demonstrated with love, care and pondering about through arts, design, and information media. เทศกาลพิลึกพิลั่นแถลงการณ์สะท้านโลก อุบัติขึ้นด้วยศิลปการณ์พิเศษในประเทศที่เทคโนโลยีถูกใช้อย่างไร้สาระ และปัญหาทาง สังคมในหลากมิติถูกบิดเบือน หลอกลวงซ่อนเร้นอย่าง ไร้สาระพอๆ กันความไร้สาระเหล่านี้ถูกนำ�เสนอโดยศิลปิน และนักออกแบบ เพื่อสร้างเป็นปฐมบทสำ�หรับนักปฏิวัติวัฒนธรรมสื่อศิลปะ ความคิดขบถ ความคิดแนวความคิดวิ้งวิ้ง ทั้งซีเรียส หน่อมแน้ม มี ประโยชน์ ไร้ประโยชน์มีตัวตนไร้ตัวตนทั้งน่าสนใจและทั้งน่ารังเกียจจะถูกสำ�แดงร่วมกัน ด้วยความรักและคิดถึงในหลากรูปแบบ ผ่านศิลปะงานออกแบบและสื่อสารสนเทศ
madiFESTO
7
8
madiFESTO
“PUSH”, as a verb, is to apply pressure or to force against something for the purpose of moving or for abstract and objective outcome.Though PUSH also means the act of pushing or is symbolically represented with the button, it is generally somehow defined the interaction of distinguished things. An interpretation of pushing under dynamic condition gives rise to unpredictable product. In various contexts, “PUSH” shares no absolute definition. Its product not only reveals on the concrete surface, but also on the abstract possibility which creates some level of the vibration of its previous unruffled definition where humans existence and capability are strictly confined. “PUSH” The diversity, the clash of thinking, and critical knowledge are inevitable crucial as a tool to levitate humanís creativity and to widen its opportunity through reflection, interpretation and question our visible and invisible surrounding; or speakable and unspeakable circumstances. PUSH is a magical capture. Once again, holy art, knowledge, information technology, and designing modification are sublimely, intelligently, ambiguously, desperately, puzzlingly, delusively, senselessly, pathetically, and hopelessly presented through old/new deconstruction and destruction technique in pre/mid/post-modernism content. Unfortunately, PUSH may not establish any advantage to art or conventional society. Nevertheless, creativists attempt to offer the audiences more than just juicy entertainment or temporal brain orgasm, they strive to “PUSH” the human value and sometimes they must lay it on the line or embarrass themselves to cherish and to conserve such an ideal. (If there is still left) Stay tuned แปลความเชิงกริยา หมายถึง การส่งสัญญาณหรือแรง อย่างจงใจทำ�ให้ เกิดปฏิ กริยาการเคลื่อนไหวหรือผลลัพธ์ บางอย่างทั้งทางรูปธรรมและนามธรรม แม้ ความหมายแบบคำ�นามจะหมายถึงแต่โดยการปรากฏ ของคำ�ว่าทุกครั้งมักหมาย ถึงการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างกันอยู่เสมอ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ไม่ อาจคาดเดาความหมายอย่างแน่นอน ได้เสมอไปผ่านการตีความภายใต้เงื่อนไข อย่างมีพลวัตร ในหลากบริบท “PUSH” จึงไม่มีความหมายในตัวเองอย่างตายตัวโดยสมบูรณ์ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจจะมิได้แสดงออกเชิงรูปธรรมเพียงเท่านั้นยังก่อให้เกิด ความเป็นไปได้ในระดับนามธรรมทำ�ให้เกิดอาการสั่นไหวของความหมายที่หยุด นิ่งก่อนหน้าอีกด้วยไม่มากก็น้อย ที่ซึ่งความเป็นมนุษย์ ถูกจำ�กัดหรือไม่สามารถ แสดงศักยภาพที่จะเป็นมนุษย์อย่างเต็มที่ได้ กระบวนการความหลากหลายและ การปะทะ ตะลุมบอน ทางความคิดความรู้เชิงวิพากย์วิจารณ์เป็นสิ่งที่จำ�เป็น อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ในฐานะกิจกรรมที่จะช่วยยกระดับความเป็นมนุษย์ที่สร้างสรรค์ให้เป็นไปได้กว่า เดิมที่เป็นอยู่ผ่านการสะท้อน แลกเปลี่ยนรอบตัว ที่ทั้งมองเห็น และมองไม่เห็น พูดได้ และพูดไม่ได้ปฏิบัติการณ์ กระซับพื้นที่ อภินิหาร ปฏิรูปพระเดช พระคุณ ทางศิลปะ ความรู้ สื่อสารสนเทศ และการออกแบบจึงกลับมาอีกครั้ง (ไม่เข็ด) ผ่านชั้นเชิงเทคนิค เก่า-ใหม่ เนื้อหาทั้งก่อน-กลาง-หลัง สมัยใหม่ รื้อสร้าง รื้อ
ทิ้ง ตั้งแต่ฉลาดคมคาย กำ�กวมกล้ำ�กลืน งงงวย จอมปลอม สิ้นคิด แร้นแค้น ป่วยไข้ กระทั่งห่วยแตกไม่มีชิ้นดีและอาจไม่ก่อเกิด ประโยชน์ คุณค่าใดๆ ทางศิลปะหรือสังคม “ที่เน้นความปกติ” ในระดับสามัญสำ�นึก เป็นที่ตั้งมากนัก แต่กระนั้นนักสร้างสรรค์ ทั้ ง หลายมิ ไ ด้ ทำ � หน้ า ที่ เ พี ย งสร้ า งความ หฤหรรษ์บันเทิงหรือสำ�เร็จ ความใคร่ทาง ความคิดชั่วครู่ชั่วยามเพียงเท่านั้น แต่ได้มี ความพยายาม “PUSH” คุณค่าแห่งความ เป็นมนุษย์ และบางครั้งต้องยอมเสี่ยง (หรือ ยอมอาย) เพื่อรักษาอุดมคติดังกล่าวไว้
madiFESTO
9
คุณวรเทพ อรรคบุตร ศิลปิน / นักวิจารณ์อิสระ
ดำ�เนินรายการโดย อาจารย์ทัศนัย เศรษฐเสรี คุณอนุสรณ์ ติปยานนท์ จาก มหาวิทยาลัยศิลปากร
คุณปรัชญา พิณทอง จาก Ver Gallery, BKK
คุณ นรเศรษฐ์ ไวศยกุล จาก มหาวิทยาลัยนเรศวร
ทัศนัย เศรษฐเสรี : ก่อนที่จะได้รับฟังแนวคิดหรือว่าทัศนคติจากวิทยากรทั้ง ๔ ท่าน ผมในฐานะผู้ดำ�เนินการเสวนาก็ต้องขอใช้ สิทธิ์ในการพูดก่อน คือในประเด็นหัวข้อที่ตั้งไว้ในวันนี้คือ “สื่อใหม่ โลกใบเก่า : ทางเลือก…ฤาจะพายเรือในอ่าง” เป็นความตั้งใจ ในการตั้งชื่อเพื่อที่จะทำ�ให้เกิดคำ�ถามที่มีความขัดแย้งในตัวเอง แม้กระทั่งชื่อ Title ของการเสวนาเอง ซึ่งในความขัดแย้งมันจะนำ� ไปสู่การสนทนาในมิติที่หลากหลายและนำ�ไปสู่ข้อสรุป ซึ่งน่าจะเปิดปลายและเกิดความเข้าใจได้ในหลายระดับ มากกว่าการตั้ง ชื่อในการอภิปรายหรือการเสวนาที่มีแต่การชื่นชมกันเอง หรือการตั้งใจที่จะวิจารณ์ ซึ่งมันจะขาดองค์ประกอบที่ทำ�ให้เกิดการแลก เปลี่ยน การสร้างความเข้าใจ หรือการสร้างคำ�ถาม และหาคำ�ตอบจากคำ�ถามต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงเสวนา ประเด็นในวันนี้ที่จะพูด ในส่วนที่เชิญวิทยากรมาบรรยายให้เราฟังและนำ�ไปสู่การสนทนา ในภาพกว้างว่าด้วยเรื่องสื่อใหม่ สื่อสมัยเก่า และสิ่งที่เกิดขึ้น เป็น Social Perception หรือว่าสำ�นึกทางสังคม ที่เป็นรูปแบบของการรับรู้ในสังคมไทยเอง แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดของสื่อไม่ได้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาตั้งแต่ต้น เรามีคำ�ว่า “สื่อ” ที่เรียนกันอยู่ในสถาบันการศึกษา เราหยิบยืมมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก ตะวันตก ถึงแม้ว่าคำ�ว่าสื่อจะไม่ใช่แค่ในโลกตะวันตกเท่านั้นที่ผลิต มันมีชุดอารยธรรม มีวัฒนธรรมและก็มีการเข้าใจสื่อและการ สร้างสื่อ ในรูปแบบของวิถีชีวิตของตัวเองอยู่เสมอๆ “สื่อ” ในที่นี้ คือสื่อในความหมายกว้างซึ่งไม่ใช่ในความหมายเพียงแค่สื่อสาร มวลชน ที่เป็นสิ่งพิมพ์ พวกโปสเตอร์ บิลบอร์ด วิทยุ ทีวีอะไรพวกนั้น แต่อาจจะหมายถึงเหตุการณ์ พิธีกรรมของบุคคล สิ่งที่เกิด ขึ้นในพิธีกรรม หรือสิ่งต่างๆ ที่มันส่อแสดงความหมายได้ สังคมไทยเองก็มีรูปแบบของการเข้าใจและการรับรู้สื่อในแบบหนึ่ง แต่สิ่ง ที่มันเกิดขึ้นก็คือการปะทะกันระหว่างแนวคิดของสื่อสมัยใหม่ กับสิ่งที่มันเป็นความเข้าใจเรื่องสื่อในวัฒนธรรมแบบของเราเอง ซึ่ง เป็นประเด็นหลักที่เราจะพูดกันในวันนี้ ในตอนต้นผมขอเริ่มต้นด้วยงานเขียนของ วอลเตอร์ เบนจามิน (Walter Benjamin ) มีงานเขียนชิ้นสำ�คัญที่ว่าด้วยเรื่องศิลปะในยุค ของการผลิตซ้ำ�เชิงกลไก The Work of Art in the Age of Mechanical Reproduction ในผลงานชิ้นนี้มีท่อนหนึ่งกล่าวไว้อย่าง น่าสนใจว่า “การเปลี่ยนแปลงของกระบวนทัศน์ของมนุษย์ต่อการรับรู้เร่ืองสื่อ รวมทั้งนวัตกรรมของสื่อในยุคสมัยต่างๆ มันนำ�มา ซึ่งอิทธิพลหรือว่าผลกระทบทางการเมือง ที่ไม่อาจจินตนาการหรือคาดการณ์ไว้ก่อนได้ เพราะฉะนั้นกระบวนทัศน์ที่เปลี่ยนไปของ การเข้าใจเรื่องสื่อและเทคโนโลยี มันเป็นโครงงานทางการเมืองในนัยยะหนึ่ง” เดี๋ยวเราลองมาดูว่าในสังคมไทยมันมีนัยยะอย่างที่ เบนจามินบอกหรือไม่
10 madiFESTO
ประเด็นเรื่องสื่อในทางวิชาการโลกตะวันตกมันจะมี keyword สำ�คัญอยู่ 2 คำ� คือคำ�ว่า Immediacy ซึ่ง หมายความว่า มนุษย์ รับรู้อะไรต่อโลกที่ปรากฏ ในขณะที่ตัวเองมีความรู้สึก รับรู้ว่าตัวเองอยู่ในโลกนี้ ใน Moment ในขณะตรงนั้น ในแต่ละครั้ง มนุษย์ รับรู้อะไรจากสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมที่ส่งเแสดงความหมาย ผ่านสถาปัตยกรรม ผ่านเสื้อผ้า ผ่านอะไรทั้งหลายแหล่ มนุษย์รับ รู้อย่างไรใน Moment ในชั่วขณะตรงนั้น และอีกคำ�หนึ่งก็คือคำ�ว่า Mediation คือสิ่งที่มันรายล้อมชีวิตของมนุษย์ มันเชื่อมโยง ความเข้าใจของตัวมนุษย์เองกับตัวสิ่งแวดล้อมนั้นอย่างไร (Mediate ก็คือการเชื่อมโยง) ฉะนั้นแล้วคำ�สองคำ�นี้มันนำ�มาสู่ประเด็น สำ�คัญๆของสื่อสมัยใหม่ ที่เรียกว่า “New Media” (ไม่ใช่ Cool Media ไม่ใช่ Mass Media) ก็คือการเข้าไปตั้งคำ�ถามกับระบบ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ในประเด็นเรื่อง Subject and Object ซึ่ง Subject ก็คือ มนุษย์รับรู้อย่างไรกับโลกที่เป็นวัตถุซึ่งก็คือ Object และความท้าทายของ New Media หรือสื่อสมัยใหม่มันนำ�มาซึ่งความเข้าใจหรือกระบวนทัศน์ใหม่ต่อทั้งเรื่องสื่อเองและโลก ทัศน์ จักรวาลทัศน์ที่มนุษย์อาศัยอยู่ ภายใต้ประเด็นเช่น การทำ� HyperMedia หรือ HyperLink (การเชื่อมโยงหลากมิติ) ซึ่งแต่เดิม มนุษย์มีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่ค่อนข้างจะมีไม่กี่มิติ แต่ปัจจุบันเรามีการเชื่อมโยงสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงกับแนวคิด เชื่อม โยงกับสิ่งต่างๆที่มันมีหลากมิติมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในโลก Internet เราสามารถที่จะเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับคนที่เราสนทนา ด้วยซึ่งอยู่ในมุมโลกต่างๆ ได้ในเวลาเดียวกัน พร้อมๆกัน และในขณะเดียวกันเราก็มีกิจกรรมอื่นๆบน Window เดียวกัน บนหน้า จอคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้น มันทำ�ให้เกิดความท้าทายต่อการเข้าใจกระบวนทัศน์แบบสมัยใหม่ ที่มีการเชื่อมโยงในหลากมิติที่ มากยิ่งขึ้น และการเชื่อมโยงหลากมิติที่ว่านี้ มันทำ�ให้สื่อเปลี่ยนสถานะของตัวเอง คือ สื่อในสมัยก่อนจะเป็นผู้ส่งสารไปสู่ปลาย ทางก็คือตัวผู้รับสาร มันเป็นการปฏิสัมพันธ์กันระหว่าง ตัวสื่อ-ผู้ส่งสาร-การตีความ และการย้อนกลับของสารไปสู่ผู้ฟังอื่นๆ ที่เรา เรียกว่า Participation คือ การมีส่วนร่วม ในการพัฒนาของการสร้างกรอบความเข้าใจต่อเนื้อหาที่สื่อส่งมา เพราะฉะนั้นสื่อไม่ได้ ทำ�หน้าที่ในการสื่อสารเพียงทางเดียวอีกต่อไป ประเด็นต่อมาก็คือ มันไม่ใช่การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีตัวใหม่ๆ แต่มันหมายถึงมโนทัศน์ทางสังคมในเรื่องอื่นๆที่เปลี่ยนคล้อยตาม ไปด้วย เช่น สำ�นึกต่อเรื่อง “ความชั่วคราว” ชั่วคราวในเรื่องต่างๆ เช่น วัฒนธรรมกิ๊ก หรือวัฒนธรรมชั่วคราวในเรื่องต่างๆ สิ่งเหล่า นี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความว่างเปล่า ไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่มันเกิดขึ้นจากกระบวนทัศน์ของสังคมที่เปลี่ยนไป ที่เรียกว่า Temporality คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แล้วมันทำ�ให้เกิดข้อขัดแย้งของสำ�นึก กับการใช้ชีวิตของมนุษย์ในสังคมต่อ เรื่องเวลา ที่เรียกว่า Paradox จึงก่อให้เกิดประเด็นอื่นๆตามมา อย่างมโนทัศน์ที่มันเกิดคำ�ถามต่อเรื่องเวลา เราจะเห็นว่ามันมี ความขัดแย้งที่มันซ้อนๆกันอยู่ในหลายประเด็น เช่น ประเด็นเรื่อง Real Time เราแชทออนไลน์อยู่ เราใช้เวปแคม เราสื่อสารกับคน ที่เราสื่อสารด้วยในฝั่งตรงข้ามแบบ Real Time ในขณะเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการสื่อสาร มันมีการ Delay ล่าช้าออกไป Real Time มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เวลาตรงนั้น โดยฉับพลันตอนนั้น แต่ในช่วงของการ Transmit หรือการส่งสัญญาณมันมีการ Delay มันมีการ Record มีการบันทึก มีการฝังรหัสต่างๆในโลก Cyber ในโลก Internet แล้วมันนำ�เราไปสู่ Route ถนนหนทางหรือว่าวิถี อื่นๆ อย่างการเปิดใช้ Internet ตอนแรกตั้งใจจะ Search หาข้อมูลทำ�การบ้าน แต่ซักสี่ทุ่มก็เริ่มเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาไปเวปนู้นเวปนี้ นี่คือความหมายของ Route คือมันเปิดทางเลือกให้เรา มันมารบกวนสิ่งที่เราจะโฟกัสได้ หมายความว่า Real Time คือมโนทัศน์ เรื่องการมีชีวิต ที่เห็นประจักษ์ได้ ณ เวลาตรงนั้น แต่ในขณะเดียวกันมันมีโอกาสของการ Delay ในการส่งสัญญาณ Transmition การเปลี่ยนผ่าน สิ่งเหล่านี้มันเป็นความขัดแย้งระดับมโนทัศน์ของสังคมร่วมสมัย ให้เปลี่ยนคล้อยตามกับเทคโนโลยีร่วมสมัยมัน เหมือนกับมาดึงสำ�นึกของมนุษย์กลับไปสู่ก่อนยุค Pre Modern ประเด็นที่จะพูดในวันนี้ ก็คือในกรณีของสังคมไทย ในขณะที่มโนทัศน์เรื่องเวลา ที่เปลี่ยนคล้อยตามไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั่ว โลกเนี่ย มันสร้างสำ�นึกใหม่ๆ สร้างรูปแบบของกิจกรรมใหม่ๆ แล้วสำ�นึกทางสังคมแบบไทยๆนั้นมีลักษณะอย่างไร เปลี่ยนคล้อย ตามไปกับมโนทัศน์ของโลกหรือไม่ ต่อเรื่องเวลาก็ดี ต่อความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีก็ดี การสร้างสื่อก็ดี และถ้ามันเปลี่ยนอย่างนั้น New Media ที่มันไปสร้างรูปทรงใหม่ๆของกิจกรรม ในระดับชีวิตประจำ�วันก็ดี หรือในระดับของกิจกรรมทางศิลปะก็ดี มันมีส่วนใน การเปลี่ยนสังคมแบบไทยๆหรือไม่ หรือว่าสื่อสมัยใหม่มันไม่ได้ทำ�หน้าที่ในการเข้าไปเปลี่ยนรูปทรงของกิจกรรมหรือสำ�นึกต่างๆ ของผู้คนในสังคมไทย แล้วมันทำ�หน้าที่อะไร ภายใต้อุดมคติอะไร ภายใต้การขับเคลื่อนของวาทกรรมความรู้อะไร ประเด็นทางวิชาการต่อเรื่องสื่อสมัยใหม่มันมีคำ�ถามอยู่เสมอในลักษณะที่ว่าอะไรที่จะกำ�หนดว่ามัน “ใหม่” หรือกำ�หนดตามอายุ ของสื่อ ตามพ.ศ.ของมัน หรือตามสิ่งที่มันควรจะทำ�งาน เราต้องทำ�ความเข้าใจกับตรงนี้ก่อนว่า คำ�ว่า สื่อใหม่ ปรัชญาสมัยใหม่ ศิลปะสมัยใหม่ หรืออะไรก็ตามที่มันเป็นเรื่องใหม่ ที่เป็นเรื่องใหญ่ๆเนี่ย เพราะมันมีการเปลี่ยนของกระบวนทัศน์ คือมันทำ�หน้าที่ ในการเปลี่ยนมโนทัศน์ทางสังคม มันไม่ใช่อายุของศิลปะ ไม่ใช่ปีพ.ศ. ไม่ใช่รูปแบบของมัน แต่ถ้ามันจะใหม่ได้ มันต้องเข้าไป
madiFESTO
11
เปลี่ยนหรือท้าทายกระบวนทัศน์เก่าๆ ศิลปะสมัยใหม่ก็เช่นเดียวกัน หลายคนก็บอกว่าเรอเนซองส์ (Renaissance) มันก็ใหม่ เพราะมันใหม่กว่าโกธิค (Gothic) คือ มันจะใหม่ได้ก็ต่อเมื่อมันเปลี่ยนกระบวนทัศน์อย่างยิ่งใหญ่ทางสังคม ในการทำ�ความเข้าใจสื่อสมัยใหม่ นักวิชาการด้านสื่อปัจจุบันบอกว่าเราสามารถศึกษาย้อนกลับไป เพื่อดูประเพณีหรือขนบทาง ความคิดในโลกตะวันตกได้ และคำ�ว่าสื่อสมัยใหม่ที่เราเข้าใจ ณ พ.ศ.นี้ ที่จริงแล้วมันเริ่มส่อเค้าโครงร่างของแนวคิดและนำ� ไปสู่การพัฒนาของเทคโนโลยี ตัวประดิษฐกรรม นวัตกรรมสมัยใหม่ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของยุคเรอเนซองส์ คือมันเปลี่ยน กระบวนทัศน์ของโลกทั้งหมดในตะวันตก เรอเนซองส์มันทำ�ให้เกิดคุณค่าทางสุนทรียศาสตร์ในรูปแบบใหม่ ซึ่งศิลปะในอดีตก่อน เรอเนซองส์ไม่เคยทำ�หน้าที่อย่างนี้มาก่อน ลักษณะที่เด่นชัดของศิลปะเรอเนซองส์ก็คือมันทำ�ให้เกิด Logic หรือตรรกวิทยาของ ความชัดแจ้ง ผมไม่รู้จะแปลคำ�ว่า Transparency ยังไง คือการทำ�ให้ทุกอย่างมันมีความชัดแจ้ง มีความใสสะอาด ปรากฏตัวได้ อย่างชัดเจน ก็คือตรรกวิยาของการเปิดเผย ผ่านความรู้ที่มนุษย์ไม่เคยมีมาก่อน คือความรู้เรื่อง Perspective Perspective มันทำ�หน้าที่อะไร นักวิชาการบอกว่ามันมีหน้าที่ 2 อย่าง กล่าวคือ ทำ�หน้าที่เป็น Eraser คือทำ�หน้าที่ลบ ลบสิ่งที่ มันคลุมเครือ สิ่งที่เป็นเรื่องขมุกขมัวให้ชัดเจน ลบมันออกไป ทำ�ให้ทุกอย่างมันชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยมีคำ�ว่า Linear Perspective ก็คือการเข้าใจโลกและจักรวาลที่มนุษย์มโนภาพขึ้นมาเองในช่วงเรอเนซองส์ ทำ�ให้เปลี่ยนความเข้าใจของมนุษย์ต่อเรื่อง ใหม่ๆและสิ่งแวดล้อมโดยทั้งมวล แต่ก่อนมนุษย์ยังไม่มีความเข้าใจเรื่องสามมิติ เรื่อง Dimension เรื่องมิติ รวมไปถึงความ สัมพันธ์เรื่องเวลาด้วย เราลองนึกถึงการยิง Perspective เราสามารถเห็นการซ้อนกันของวัตถุจากข้างหน้าไปสู้ข้างหลัง และ เราสามารถวัดได้ว่าระยะห่างของวัตถุแต่ละชิ้น เสาไฟก็ดี ตึกก็ดี ความกว้างของห้องก็ดีมีขนาดเท่าไร ซึ่งชั่งตวงวัดได้อย่างเป็น มาตรฐาน นี่คือสิ่งใหม่ในโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งมันไป Erase หรือไปลบความขมุกขมัวของการเข้าใจโลกแบบสองมิติ ซึ่งแต่เดิมที่มนุษย์เข้าใจ คือ อุปมาอุปมัยโดยการสร้างภาพแทนโลกที่ตัวเองรู้จักเป็นแบบสองมิติเหมือนภาพเขียนจีน มีการ ซ้อนกันของวัตถุ เราอนุมานว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้า คือสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรา แต่ก็ไม่สามารถวัดเป็นมิติได้ว่ามันมีความกว้าง ความลึก เท่าไร ซึ่งหลักการของ Perspective มันไปลบความคลุมเครือของสิ่งที่ไม่สามารถชั่ง ตวง วัดได้เหล่านี้ แล้ว ทำ�ให้มันเป็นสาม มิติแล้วทุกอย่างจะถูกจัดการได้ สามารถคำ�นวณหรือคาดคะเนได้ และนี่คือสิ่งที่เป็นเรื่องที่ทำ�ให้สื่อสมัยใหม่ แนวคิดศิลปะแบบ สมัยใหม่ (Modern Art) มันก่อรูปขึ้น โดยปรัชญาแล้ว ตามรากศัพท์ละตินเดิมมันก็บอกตัวมันเองอยู่แล้ว คำ�ว่า Perspective แปลว่า Seeing Through คือการมองทะลุเห็นโดยทั้งหมด มันหมายความว่าอะไร แนวคิด Seeing Through มันนำ�ไปใช้เพื่อ ที่จะจรรโลงอำ�นาจของผู้ครอบครองการมองเห็น ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบถนนช็องเซลีเซ (The Champs Élysées) การ ออกแบบพระราชวังในฝรั่งเศส ในเยอรมัน ที่พระราชวังเป็นศูนย์กลางของอำ�นาจ เป็นจุดศูนย์กลางของการมองเห็นโดยทะลุทั้ง เมือง ในซอยเล็กๆต้องถูกเปลี่ยนให้หมด ถนนต้องกว้าง ต้องสามารถมองเห็นทะลุหมด ใครจะมาแห่ม็อบ แห่เสื้อแดงไม่ได้ คือ ควบคุมได้ สามารถมองเห็นได้หมด คือ Seeing Through และนำ�ไปสู่วิชาการเรื่องสำ�มะโนประชากร เราต้องมีบัตร ID Card มี สำ�มะโนครัวที่ระบุตัวบุคคล ที่อยู่อาศัย บ้านเลขที่อะไรได้ และอื่นๆอีก ซึ่งวิธีคิดนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนักวิชาการบอกว่า มันเป็นต้นเค้าของความเข้าใจสื่อสมัยใหม่ในเวลาปัจจุบัน การวัดเชิงปริมาตรของเคหวัตถุซึ่งเป็นหลักสากล เราเข้าใจแนวคิดของ Space คือพื้นที่ ที่มันเป็นคณิตศาสตร์ ไม่ใช่พื้นที่ที่เป็น อุปมาอุปมัย มนุษย์แต่เดิมเข้าใจพื้นที่ในฐานะที่เป็นอุปมาอุปมัย ก็เช่นบ้านนา ก. ใกล้กับบ้านนา ข. เราจะรู้ได้ไงว่าขอบเขต ของบ้านอยู่ตรงไหน ก็เอาต้นโสนบ้าง ต้นสักบ้างเป็นเขตหลัก แต่มันไม่มีการเข้าใจ Space ที่มันเป็น Mathematics ที่วัดเป็น ไร่ เป็นตารางวา เป็นภูมิศาสตร์ เป็นขอบขัณฑสีมาหรือเป็นขอบเขตของประเทศ หรือความเข้าใจในการเขียนแผนที่โลกก็ไม่เคย มีมาก่อน ตรงนี้คือเทคนิคด้านหนึ่งของการเข้าใจโลก ซึ่งเป็นมโนทัศน์ไม่ใช่ความจริง ในช่วงเรอเนซองส์ หลังจากในยุคปัจจุบัน ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ ทั้งหลักการ หรือความเข้าใจในการจำ�ลองโลกภายนอกคือความจริงชุดหนึ่ง ความจริงมันเป็นแค่ความรู้ชุด หนึ่งเท่านั้นที่ถูกผลิตขึ้น อีกด้านหนึ่งนักวิชาการบอกว่ามันเป็นเทคนิคของการควบคุมบุคคล เหมือนที่ฟูโกต์เขียนไว้ ภายใต้ ประเด็นเรื่อง Disciplinary Society สังคมบัญญัติ สังคมที่ถูกควบคุมจากมโนทัศน์ของการมองเห็น ผ่านกล้อง CCTV ก็ดี ผ่าน สายตาของผู้ที่จับจ้องบุคคลในสังคมอยู่ตลอดเวลาก็ดี และแนวคิดเรื่องพื้นที่หรือมโนทัศน์เรื่องเวลาที่มันเป็นคณิตศาสตร์มาก ยิ่งขึ้นเนี่ย น่าแปลกที่มันเกิดขึ้นพร้อมๆกับปรัชญาสมัยใหม่ของ Rene Descartes ที่แยกความรู้สึก สำ�นึก อารมณ์ภายในของ มนุษย์ออกจากเหตุผล และดูเหมือนว่ามนุษย์จะมีลักษณะที่เป็นมนุษย์ผู้ที่มีความสามารถในการใช้เหตุผล เป็นผู้ที่คิดได้ ลัทธิ ปัจเจกชน ลัทธิมนุษยนิยมก็เริ่มเกิดขึ้น ณ เวลานั้น คือมนุษย์เป็นมาตรฐานของการชั่ง ตวง วัดทุกสิ่งทุกอย่าง และอย่างที่บอก ทั้งหมดทั้งมวลที่เป็นมรดกของยุคเรอเนซองส์ นักวิชาการหลายคนว่ามันถูกใช้และถูกพัฒนามาเรื่อยๆ และพัฒนาถึงขั้นสูงสุด ในช่วงการมาถึงของลัทธิสมัยใหม่ (Modern World) และเทคนิคเหล่านี้เป็นเทคนิคของการควบคุมบุคคล ผ่านกิจกรรมต่างๆ
12 madiFESTO
รวมทั้งศิลปะสมัยใหม่ด้วย (Modern Art) แบบไหน? คนที่เรียนศิลปะหรือเรียนการออกแบบจะได้เรียนวิชา Composition ว่าด้วย เรื่องการวาง จังหวะที่สมดุล ที่พอเหมาะ ของรูปทรง พื้นผิว เส้น น้ำ�หนัก อะไรก็ตาม ภายใต้การจัดวางภูมิศาสตร์แบบ Grid คือ เป็นตาราง ทุกอย่างสามารถวิเคราะห์ได้ ว่ามันสมดุลแค่ไหน แค่ไหนพอ แค่ไหนไม่พอเช่นเดียวกับชีวิตทางสังคมของเราที่ถูกวาง เป็น Grid บ้านก็มีการจัดโซนนิ่ง (Zoning) หากมองจาก Google Earth มาก็จะเห็นได้เลยว่าบ้านหลังนี้อยู่ในตำ�บลอะไร หมู่ไหน มี ประชากรเท่าไร คนเหล่านี้เป็นฐานเสียงของพรรคอะไร สะสมอาวุธหรือไม่ สามารถมองเห็นได้ นั่นก็คือเทคนิคของการควบคุมด้วย มรดกทางความรู้ของยุคเรอเนซองส์ กรณีตัวอย่างก็คือการกำ�หนดชีวิต กำ�หนดกิจกรรม ภายใต้ Grid แต่อย่างไรก็ตาม มนุษย์ใน ปัจจุบัน เราจะเห็นว่าการมาถึงของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่เกริ่นมาตั้งแต่ตอนแรกว่า มันทำ�ให้สังคมของมนุษย์โดยทั้งมวล มันหวน กลับไปสู่โลกยุค Pre Modern ที่มีการเชื่อมโยงกิจกรรมและสำ�นึกต่างๆของผู้คนหลากมิติ ที่มันเป็น HyperMediation เป็น HyperLink มากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้มันนำ�ไปสู่ความท้าทายต่อการจับจ้อง ต่อการจองจำ�ของมนุษย์ภายใต้แนวคิด Grid ตามหลัก Perspective และ Mathematics มาสู่แนวคิดเรื่องการ Beyond The Grid หรือการก้าวข้าม Grid เราจะเห็นว่าศิลปะในปัจจุบัน เราไม่ค่อย พูดถึง Grid หรือพยายามทำ�อะไรให้มันไม่ค่อยสมดุล เพราะความสมดุลคือความน่าเบื่อ มีการ Overlap ของ Grid กันมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราเข้าใจมันในฐานะของคำ�ว่า Social Network หรือเครือข่ายทางสังคม ที่มีการทับซ้อนกันของหลายเครือข่าย เกิดแนวคิดของ การสร้างกิจกรรมที่อยู่นอก Grid อยู่นอกบรรทัดฐาน ยกตัวอย่างเช่นพวก Anarchist พวกปฏิเสธ Grid ปฏิเสธรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธ นายกฯอภิสิทธิ์ ศิลปะสมัยใหม่ที่เป็นมรดกความรู้ของเรอเนซองส์ถูกท้าทายเชิงกระบวนทัศน์ มันนำ�ไปสู่การทำ�ความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ทั้ง สิ่งแวดล้อมของเมือง ในการจัดผังเมืองก็ดี สิ่งแวดล้อมของเทคโนโลยีก็ดี รวมทั้งสิ่งแวดล้อมของอาชีพ สังคม ศิลปะ และทฤษฎี ความรู้ต่างๆอย่างมหาศาล และนี่คือสิ่งที่เราจะพูดกันในวันนี้ แล้วมันท้าทายอย่างไร และมันมีตัวอย่างอะไรบ้างที่ทำ�ให้เกิดการ กัดเซาะของอำ�นาจ (Dominant) อำ�นาจที่มีอิทธิพลของศิลปะสมัยใหม่ ซึ่งนักวิชาการหลายคนเห็นว่าศิลปะสมัยใหม่มันถูกนับรวม ว่าเป็นการกำ�หนดระบบคุณค่าโดยบรรทัดฐานของแนวคิดยุคชนชั้น คือมีการวางศิลปะระดับสูง แบ่งศิลปะที่ได้รางวัล ไม่ได้รางวัล ศิลปะที่ดีและศิลปะที่ไม่ดี การวางสิ่งใดก็ตามที่มีความเป็นลำ�ดับชั้น ที่นักวิชาการเรียกว่ามันมีนัยยะของความเป็นชนชั้นอยู่นั้น แสดงว่ามันมีมาตรฐานของการกำ�หนดกฏคุณค่าที่ชั่ง ตวง วัดได้ผ่านความเป็นสากล แต่ถ้าสังคมมันเปลี่ยนไป แล้วตัวมาตรฐาน หรือตะแครงข่ายของการกำ�หนดระบบคุณค่าเหล่านี้ถูกระเบิดออกซะล่ะ มันก็ทำ�ให้เกิดการสั่นคลอนของแนวคิดเรื่องชนชั้นตามไป ด้วย เพราะฉะนั้นแนวคิดหรือประเด็นที่เราจะพูดกันในวันนี้ เป็น “สื่อใหม่ โลกใบเก่า : ทางเลือก…ฤาจะพายเรือในอ่าง” มันไม่ใช่แค่ การมาสาธยายในเรื่องเชิงปรากฏการณ์ แต่มันเต็มไปด้วยความซับซ้อนของประเด็นเยอะแยะไปหมดเลย ทั้งมิติทางสังคม ศิลปะ กิจกรรมทางการเมือง ซึ่งจากนี้ต่อไปจะโยนภาระให้วิทยากรทั้งสี่ท่าน วรเทพ อรรคบุตร : ผมว่าไอ้ที่ผมจะพูด อาจารย์ทัศน์ได้พูดไปหมดแล้ว (ฮา) แล้วหัวข้อที่พูดถึงการคาดทำ�นายที่จะมีต่อสิ่งที่เรา เรียกว่า New Media มันจะเป็นยังไงนั้น ผมว่ามันเป็นภาระของนักสร้างสรรค์ แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนที่อยู่ระหว่างสองโลก ก็คือ โลกการขบคิด การเขียนและการสร้างงานที่เป็นภาพ คือทำ�งานทัศนศิลป์ควบคู่ไปด้วย ผมคิดว่าโจทย์หนึ่งที่ผมสวิงกลับ คือ เราจะ ไม่รีบผลีผลามเดินไปสู่สิ่งที่เรียกว่าสื่อสมัยใหม่ แต่จะเป็นการเรียกว่าพายเรือย้อนหลังไปดู สื่อที่เป็นสื่อที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่ คำ� ว่า “สมัยใหม” ในที่นี้ผมหมายถึง ในบริบทของยุค 1870 เป็นต้นมาจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งอาจมีการติดป้ายว่ามันเป็นยุคสารสนเทศ ยุคของโลกาภิวัฒน์ ยุคของ Post Industrialism หรือว่าอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นควบคู่ไปด้วยกันก็คือว่า กระบวนการใน การสร้างสรรค์ด้วยวิธีการแบบสมัยใหม่ก็มีอยู่ หรือกิจกรรมนามธรรมก็ยังเกิดขึ้นอยู่ เพียงแต่ว่ามันเปลี่ยนไปในแง่ของจุดประสงค์ ในการใช้งานแล้วก็เรื่องของการติดตั้ง แล้วก็เรื่องของผู้ใช้และผู้ผลิต เรื่องนี้ผมจะพูดถึง “สื่อ” ในความหมายตามความเข้าใจ ของผมเอง ความหมายของ “สื่อ” มันถูกนำ�ไปใช้ในสาขาวิชาต่างๆ ไมว่าจะในเรื่องของการสื่อสารมวลชนหรือถูกใช้ในฐานะของ Hardware เช่น อุปกรณ์ที่เป็นสื่อกลางในการดูดคลื่น ส่งคลื่นอะไรบางอย่างออกมา หรือว่าจะเป็นเรื่องของตัวกระบวนการหรือว่า เทคนิคทางศิลปะ เช่น สื่อประติมากรรม สื่อภาพพิมพ์ สื่อผสม เป็นต้น แต่ในสังคมไทยเรา การก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วมาสู่การ มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เนี่ย อย่างสื่อเก่าที่เราเคยมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมุขปาฐะ เรื่องเล่าหรือว่าการร่ายรำ� การออกท่าออกทาง หรือว่าการร้องรำ�ทำ�เพลงในระหว่างประกอบพิธีกรรม ประกอบมหรสพ เราก็ถือว่ามันเป็นสื่อซึ่งเราคิดว่ามันน่าจะเดินทางต่อไป ได้ในฐานะที่เป็นสื่อพื้นบ้านซึ่งไม่ได้มีความซับซ้อนหรือว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับชีวิตประจำ�วันของเรา แล้วก็ในเรื่องของสื่อกับเรื่อง ของความเป็นจริงในสังคม ผมคิดว่า มันก็มองออกเป็นความเข้าใจได้สองแบบ หนึ่ง ก็คือ สื่อประเภทที่ทำ�หน้าที่บันทึกความจริง ได้ไดยไม่มีการบิดเบือนหรือการตัดแต่งโดยผู้บันทึกหรือตัวผู้สร้างสื่อ ซึ่งมันเป็นความคิดที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นความคิดต้นๆที่มันถูก นำ�ไปสู่การวิพากษ์ว่าสื่อหรือภาพที่เราเสพทุกวี่ทุกวัน มันมีการประกอบสร้างหรือมีการตีความยังไง นอกจากความหมายเบื้องต้น ว่า สื่อมันคือภาพสะท้อนหรือเป็นหน้าต่าง อย่างในกรณีที่อาจารย์ทัศนัยยกตัวอย่างของจิตรกรรมยุคเรอเนซองส์ซึ่งมันพัฒนามา
madiFESTO
13
จากวิทยาศาสตร์ของการมอง โดยวิทยาศาสตร์ของการมองมันคือการจำ�ลองโลกสามมิติ ให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมีความสมจริง สมจังเหนือกว่าระนาบสองมิติ แล้วมีอีกประการหนึ่งก็คือว่า การมองว่าสื่อมันมีหน้าที่อ้างอิง ถ่ายทอดหรือว่าพรรณนาลักษณะของโลก สังคม ถามว่าสื่อที่เราพูดถึงตรงนี้ มันพูดกว้างมาก เพราะมันเป็นนวนิยาย เป็นบทละคร เป็นบทกวี เป็นงานศิลปะ จิตรกรรม วรรณกรรม ภาพถ่าย แต่ว่าทั้งสองสิ่งนี้ผมว่าเราไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด เพราะผมว่าสื่อต่างๆมันมีการประสานกันเกิดขึ้น อย่างเช่น จิตรกรรมที่ประกอบไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ หรือประติมากรรมที่มีสีหรือมีการโปรเจคภาพออกไปที่เราเห็น ในการแสดงงาน madiFESTO ซึ่งผมอยากจะอธิบายประเด็นเรื่องของ Transparency ที่อาจารย์ทัศนัยพูดถึงตั้งแต่ตอนแรก สิ่งหนึ่งที่ ทำ�ให้เกิดการ Transparency ขึ้นในสื่อปัจจุบันซึ่งเป็นสื่อที่มีช่องทางในการเดินทางมาจากหลากแหล่งหลากที่ ไม่ว่าจะเป็นสื่อเสียง สื่อ ภาพ สื่อที่เป็น Text สื่อที่เป็นการ Interactive มันมีลักษณะของการ Convergent คือ เราสามารถรับส่งข้อความหรือสามารถโหลดเสียง เอาก็ได้ สามารถพูดคุยไปพร้อมกับการพิมพ์งานแล้วก็ดูภาพเคลื่อนไหว หรือโหลดภาพไปพร้อมกันก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสื่อเก่าหรือสื่อใหม่ เราอาจจะมีความหวังว่าสื่อจะสะท้อนโลกความจริงอย่างการใช้กล้องถ่ายภาพ หรือการบันทึกเสียงก็ตาม แต่ผมคิดว่าสื่อเองก็มีอิทธิพล หรือพลังในการโน้มน้าวให้เราเห็น ให้เราเข้าใจได้แตกต่างจากการที่เราไปยืนอยู่ตรงกลางสถานการณ์นั้นจริงๆ ขอยกตัวอย่างคำ�พูดของ Jean-Luc Godard ที่ว่า “This is not a just image, this is just an image.” ซึ่งมันแฝงนัยยะหรือ จริยะเชิงการเมืองทางสังคมเฉพาะรูป แบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะภาพที่สื่อมวลชนหรือสาธารณะสร้างขึ้นมา และในขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้สะท้อนว่าภาษาคือความจริง ของบุคคลหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ณ เวลาหนึ่งใด สิ่งที่เราเห็นคือภาพ ภาพก็คือความแบนราบมันไม่สามารถเป็นตัวแทนของสิ่ง อื่นใดจริงแท้ได้ นอกจากสิ่งที่เราเห็น ฉะนั้นมันก็คือความโกลาหลอย่างที่อาจารย์ทัศนัยบอก ว่าทั้ง Transparency ที่มันไร้ขีดจำ�กัดและ เรื่องของระบบ HyperLink เรื่องของสื่อซึ่งมัน Convergent คือผมพูดถึงสื่อในแง่ที่ว่าเราต้องมีการใคร่ครวญ มีวิธีในการวิเคราะห์ เพื่อที่ จะได้รู้เท่าทันสิ่งที่สื่อมันกำ�ลังจะโน้มน้าวหรือประกอบสร้างแนวโน้มความจริงชุดใดชุดหนึ่งให้กับเรา (โชว์ภาพตัวอย่าง) ขอยกตัวอย่าง งานจิตรกรรมสีน้ำ�มันของศิลปินในศตวรรษที่ 18 ที่อยากพูดถึง หนึ่งคือเรื่องของ Traditive และก็เรื่องของภาพตัวแทนของ Traditive ที่ มันถูกตั้งคำ�ถามผ่านภาพ คือในยุคนั้นไม่มีกล้องอัดภาพหรือไม่มีเครื่อง Xerox หรือว่าการไม่มีภาพส่วนบุคคลหรือชีวิตประจำ�วันรอบตัว สิ่งที่คนชนชั้นสูงหรือคนที่มีสตางค์สามารถซื้อได้ก็คือภาพเขียนสีน้ำ�มัน และในภาพนี้มันก็สามารถสะท้อนถึงค่านิยมและสิ่งที่ต้องการ จะเน้นขึ้นมาได้ อย่างเช่น ทำ�ไมผู้ชายต้องยืน ผู้หญิงต้องนั่งและทำ�ไมผู้หญิงต้องใส่กระโปรงสูงแบบวิคตอเรียนและต้องนั่งด้วยกิริยา มารยาทที่ต้องเคยผ่านการฝึกฝนฝึกปรือมา เป็นต้น ซึ่งสื่อในแต่ละประเภทในแต่ละยุคสมัยมันมีการคัดสรรหรือมีการเน้นอะไรบางอย่าง ซึ่งจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม เราไม่มีทางจะละเลยที่จะไม่วิเคราะห์สื่อทางประวัติศาสตร์ของเครื่องไม้เครื่องมือเหล่านี้ได้ แล้วก็เรื่องของ การเปลี่ยนแปลงทางด้านชนชั้น หลังจากที่ยกตัวอย่างนี้ไป มันก็จะมีคำ�ถามเกี่ยวกับการศึกษาสื่อหรือการสร้างความจริงจากสื่อซึ่งเรา คิดว่ามันคือ Window หรือหน้าต่าง หรือมันคือความเป็นจริง ความโปร่งใส ผมไม่เห็นว่าสื่อมันจะเป็นกระจกสะท้อนความจริง ในอีกทาง หนึ่ง สื่อมันต้องทำ�หน้าที่ตอบโต้แล้วก็ทำ�หน้าที่สื่อสารแสดงความเป็นไปของสังคม สองเป็นวิธีการที่เกิดจากความเข้าใจพื้นฐานที่ว่าสื่อมันมีพลังบางอย่างที่พยายามจะโน้มน้าวหรือให้คำ�แนะนำ�หรืออธิบายว่าคุณควร คิดควรเชื่อหรือปฏิบัติตนแบบใด แสดงว่าสื่อเนี่ยก็ประกอบสร้างค่านิยมให้กับเรา ไม่ว่าสื่อหรือสารที่สื่อพยายามส่งถึงตัวเรามันต้องมี เครือข่าย ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา เช่น คุณไป Starbucks คุณก็คงไม่อ่าน คู่สร้างคู่สม หรือถ้าคุณมี iPhone คุณก็คงไม่ฟัง ตั๊กแตน ชลดา คุณอาจจะฟัง Beyonce เป็นต้น…. ทัศนัย เศรษฐเสรี : โดยสรุปแล้ว อาจารย์วรเทพเปิดประเด็นไว้น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวอย่างของภาพเขียนในศตวรรษที่18 ที่ พยายามให้เห็นว่ามโนทัศน์ต่อเรื่อง Window ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งทางวิชาการที่มีการเปลี่ยนไปด้วยพร้อมกันกับมโนทัศน์ร่วมสมัย เหมือนกับภาพเขียนอันหนึ่งก็เป็นเหมือนหน้าต่างสะท้อน หรือบอกถึงว่ามนุษย์ในยุคต่างๆมองเห็นอะไร การมองเห็นหรือกรอบของการ มองเห็นนั้นเป็นการเฟรม (Framing) มันก็คืออุปมาอุปมัยของความเข้าใจเรื่อง Window ซึ่งปัจจุบันมันถูกพัฒนามาเป็นจอคอมพิวเตอร์ และมีความหมายที่หลากมิติ การทับซ้อนกันของเลเยอร์ต่างๆที่มากยิ่งขึ้น อย่าง Window ในอินเตอร์เน็ตก็สามารถเปิด Window ซ้อนๆ Window ได้ แต่กระบวนทัศน์ต่อการเข้าใจเรื่อง Window ของการมองเข้าไปข้างในของมนุษย์ แล้วก็จินตนาการตัวเองว่าตัวเองมีสำ�นึก รู้เรื่องพื้นที่ มีการใช้เหตุผลตามหลักปรัชญาสมัยใหม่ของเดคาร์ท (Rene Descartes) คือการมองเห็นตัวเองภายในและมโนภาพภายใน ผนังกะโหลกของตัวเอง คล้ายๆกับท้องฟ้าจำ�ลอง ผนังกะโหลกภายในของเราทำ�หน้าที่เป็นจอรับภาพ ต่อสิ่งที่เรามโนทัศน์หรือสร้างเป็น จินตนาการขึ้นมา แล้วก็ทำ�ให้มนุษย์หมกมุ่นอยู่กับเรื่องตัวเอง และนั่นคือแนวคิดเรื่อง Self หรือความเป็นตัวตนที่เกิดขึ้น ซึ่งเกิดขึ้น ในมิติของศาสนา ถ้าคุณไปพวกโบสถ์วิหารของฝรั่ง บรรยากาศเหล่านั้นมันกำ�หนดให้คุณอยู่ในโลกภายใน แล้วก็สำ�รวจดูตัวเอง ด้วย กระจกสี แสงที่ส่องมาจากข้างนอก บรรยากาศการประดับประดาทั้งหลาย เหมือนเราอยู่ในโลกภายในของตัวเอง ซึ่งมโนทัศน์เรื่อง Window มันเริ่มเปลี่ยนไป อย่างน้อยในศตวรรษที่ 18 แล้วเริ่มชัดเจนขึ้นในศตวรรษที่ 19 ภายใต้ลัทธิโรแมนติก (Romanticism) ซึ่งมนุษย์ ออกไปเผชิญโลกภายนอกได้มากขึ้น ในช่วงเวลานี้มีชุดเขียนที่เปิดโลกทัศน์ของธรรมชาติที่อยู่ภายนอก มนุษย์เคยกักขังตัวเองอยู่ภาย
14 madiFESTO
ใต้โลกที่ตัวเองมโนทัศน์ขึ้น ในจิตวิญญาณก็ดี ในโบสถ์วิหารก็ดี ออกไปสำ�รวจโลกภายนอก ใช้ Perspective ที่กว้างขึ้น แล้วก็เกิดรูป เขียนแบบ Landscape เยอะแยะไปหมด สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่แค่ทักษะของช่างเขียน และไม่ใช่แรงบันดาลใจของช่างเขียนที่เขียน Landscape แต่มันเกิดขึ้นจากมโนทัศน์ต่อความเข้าใจเรื่องโลกที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นประเด็นที่ดีที่อาจารย์วรเทพเปิดไว้อย่างน่าสนใจ ปรัชญา พิณทอง : คือจริงๆแล้วผมชอบเรื่อง Perspective ที่อาจารย์ได้พูดไว้ รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่อง Perspective เนี่ย ผมคิดว่ามัน เกี่ยวกับเรื่องทางวิทยาศาสตร์ด้วย มันเปลี่ยนแปลงการรับ รู้ของเรา ขอยกตัวอย่างที่ครั้งหนึ่งผม ได้ไปดูมิวเซียมหนึ่งที่ ปารีส ซึ่งมันเป็น Museum of Innovation มันมีการประดิษฐ์ คิดค้นอะไรต่างๆ เยอะเลย แล้วมันมีห้องโถงห้องใหญ่ ห้อง มันจะยาวมาก ยาวไปเรื่อยๆ เหมือนเราเดินผ่านมิติของ กาลเวลาเข้าไป สิ่งแรกที่เราเจอ คือ ตัวหนังสือ เป็นตัว หนังสือที่ถูกจารึกขึ้น แล้ววิธีการที่จะนำ�ไปเผยแพร่ต่อไปก็ คือวิธีการคิดค้นการพิมพ์ ก็ได้เริ่มคิดค้นแท่นพิมพ์ขึ้นมา พอพิมพ์เสร็จตัวหนังสือก็ถูกเผยแพร่ออกไป แล้วมันเป็น Parallel กัน 2 ด้าน ก็คือด้านซ้ายเป็นตัวหนังสือกับด้านขวา เป็นภาพ การคิดค้นการเก็บภาพมาได้คือการแทนสายตา ของเรา และตัวหนังสือก็คือการที่พูดถึงความหมายต่างๆ นานา เมื่อสองอันมารวมกันมันก็เกิดเป็นหนังสือพิมพ์ เกิด เป็นวัฒนธรรมการพิมพ์ และเกิดการเผยแพร่ต่อมา หลัง จากนั้นเขาก็คิดค้นไปเรื่อยๆ มันมีสีด้วย เก็บสีได้ Transmit ออกไปในพื้นที่ที่มันห่างไกล แล้วก็ใช้ในสงคราม การต่อสู้ การรบ เมื่อภาพมันเคลื่อนไหวได้ ภาพและเสียงมันรวมกัน นั่นคือมิติของเทคโนโลยี วิธีการที่เราพยายามจะเคลื่อนที่ หมายถึ ง ว่ า คนยุ ค นั้ น ที่ พ ยายามจะใช้ เ ทคโนโลยี ที่ มั น สัมพันธ์กับชีวิตโดยทั่วไปปรกติหรือช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับ สงคราม โดยเฉพาะเรื่องของการใช้ Media ไปในทางที่ควร จะต้องเป็น ด้วยเงื่อนไขของการเมืองและของอำ�นาจ ต่อ มาเมื่อเผยแพร่ออกไปมันก็จะมีการแลกเปลี่ยน ถ่ายโอน และวิธีการจัดเก็บมันก็เปลี่ยนแปลงไปหลังจากศตวรรษที่ 20 วิธีการอะไรก็ตามที่มันเยอะแยะ มันก็จะเล็กลงเรื่อยๆ มันก็จะมีอำ�นาจและจะยิ่งใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม อย่างการ บรรจุข้อมูลลงในแผ่น Laser Disc มาจนถึงทุกวันนี้ เราก็ ใช้ เวลาที่ผมเดินผ่านพวกนี้ไป วิธีการอธิบายของมัน คือให้ เราเป็นตัวเดินผ่านกาลเวลา พอไปถึงจุดหน่ึงที่มันเป็นจุด ท้ายของ Hall เราก็รู้สึกว่ามันผ่านมาแบบง่ายๆและเร็วมาก แล้วมันก็ผ่านไปถึงตรงจุดที่เราคิดว่าสิ่งพวกนี้มันแวดล้อม
ตัวเราในปัจจุบัน แล้วเราพยายามที่จะทำ�ความเข้าใจคนอื่น มันกลับกลายเป็นว่ามันมีตัวตนกับคนอื่นอยู่ เมื่อเรามองเห็น คนอื่นได้ชัดเจนมากขึ้น เราก็พยายามทำ�ความเข้าใจมาก ขึ้น เราก็เดินทางมากขึ้น เดินทางในมิติไหนก็ตามแต่ เพราะ ฉะนั้นมันก็เหมือนประเด็นในเรื่อง Transparency ในความคิด ของผม Perspective มันเลยรวบยอด ทำ�ให้เกิดการมองเห็น ผ่าน ผ่านแล้วสะท้อนกลับแล้วพอเกิดมิตินี้ขึ้นมา มันก็ทำ�ให้ เกิดการ Share มากยิ่งขึ้น แต่ตรงนี้มันก็อยู่ที่ว่ารูปแบบไหนที่ แต่ละยุคสมัยใช้กันต่อมา จนวันนี้ก็มาถึง Facebook ในความ คิดของผม ผมคิดว่า Perspective วิทยาศาสตร์และการส่งต่อ มันทำ�ให้เกิดมุมมองวิธีคิดที่ว่าจนมาถึง Exhibition หากเรา ต้องการที่จะ Communicate กับคนอื่นด้วยมิติทางความคิด หรือ Concept ที่เราได้รับ อะไรที่มันเป็นข้อมูล เป็น Source เป็นสิ่งที่เราได้มาด้วยความกะทันหัน หรือว่าไปหามาโดยไม่ ตั้งใจก็ตามแต่ เมื่อไรที่เราได้สิ่งเหล่านั้นมา เราจะทำ�ยังไงให้ มันเกิดกระบวนการที่จะนำ�มาปรุงหรือมาทำ�ให้มันเกิดรสชาติ ให้มันเกิดเป็นความคิดที่สามารถจะส่งต่อไปได้ ทำ�ให้มันเกิด มุมมองที่พิเศษ อาจจะเป็นวิธีการเดียวกันกับที่เขามองโลกใน ช่วงเรอเนซองส์ก็ได้ บางทีผมก็รู้สึกว่ามันมีปัญหาเร่ืองความ คิดในยุคสมัยพอสมควร หรือเรื่องประวัติศาสตร์ เรื่องปรัชญา อะไรต่างๆนานา แต่ว่าบางทีผมก็คิดง่ายๆว่า เราทำ�ยังไงเพื่อ ที่จะย่อยข้อมูลเหล่านี้ที่เราได้มาอยู่ทุกวัน ตลอดเวลา ตั้งแต่ ทุกเช้า ทุกเย็น ทุกเวลาที่เราคุยกับเพื่อนหรือทำ�อะไรก็ตาม ให้เกิดมี Objective มีสิ่งที่เราต้องการจะนำ�เสนอ หรือว่าที่ เราแสดงออกให้กับสังคม เพื่อสังคมหรือว่าอ้างอิงกับส่วนที่ เกี่ยวข้องกับสังคมก็ตาม เพราะฉะนั้นการถ่ายโอนจากความ ดิบหรือจากข้อมูลเพียวๆ มาเป็นข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่เราจะ นำ�เอามาปรุงแต่ง หรือว่าส่งต่อ เราจะทำ�ยังไงให้มัน Success ในสิ่งที่เราคิดได้ ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี อย่างใน Exhibition ที่เราทำ�กันอยู่ หรือว่าการที่เราวิเคราะห์ วิจารณ์ ผมคิดว่ามัน ค่อนข้าง Productive ที่จะเห็นว่า เออ มันมีการเดินทางของ ความคิดแต่ละคนว่าเราเหลือเท่านี้ เรากำ�ลังทำ�อยู่ที่นี่ และเรา กำ�ลังจะทำ�อะไรต่อไป
นรเศรษฐ์ ไวศยกุล : ด้วยความที่ตัวเองเป็นทั้งศิลปินและเป็นคนที่อยู่ในแวดวงการศึกษาด้วย อย่างที่คุณปรัชญาพูดถึงการนำ�เสนอ แบบตะวันตกที่มันจะแยกให้เห็นเป็นส่วนๆ ที่นี้ผมมองตรงประเด็นที่ว่าผมสนใจ วิธีคิดของการเสนอแบบตะวันออก ผมเริ่มสังเกตวิธี คิดแบบในสังคมเรา คือเราอยู่ในสังคมที่เป็นตะวันออกใช่ไหมครับ และวิธีคิดของเรา ผมว่ามันรวมกัน มันไม่แยก จริงๆแล้วเหมือนจะ แยกแต่มันไม่แยก เราสังเกตได้จากจิตรกรรมไทย วิธีการนำ�เสนอไอเดียของจิตรกรรมฝาผนัง มันไม่แยกเป็นส่วนๆ ไม่แยกเป็นช่องๆ เหมือนการ์ตูน แต่มันก็เล่าเรื่องราวให้เราเข้าใจได้ โดยมีกลวิธีบางอย่าง เขามีกระบวนการยังไงต่อโลกเขาถึงเขียนรูปฝาผนังที่ไม่แยก เป็นช่อง ทำ�ไมเขาไม่แยกเป็นเรื่องๆตอนๆ แต่ว่าเขาทำ�ผสมปนเปกัน ทำ�ให้เวลาในนั้นมันถูก Blend เข้าหากัน ตรงนี้ทำ�ให้ผมมองเห็น madiFESTO
15
ว่าหัวข้อที่เรากำ�ลังพูดถึง สื่อใหม่ ในโลกเก่า มันมีความลักลั่นกันอยู่เยอะในสังคมของเรา ที่เราพยายามอธิบายโดยใช้สื่อใหม่ ผมมักจะพูดกับเพื่อนอยู่เสมอว่า เจอล่ะ! ผมเจอคำ�ที่จะอธิบายล่ะว่าทำ�ไมคนมันไม่จอดรถบนถนนโดยไม่ชิดให้ดี ทำ�ไมมอเตอร์ ไซต์มันไม่จอดแอบวะ มันจอดตั้ง แล้วกูก็จอดรถต่อไม่ได้ ผมขอใช้คำ�ว่า “สำ�นึกชนบท” ที่ใช้เครื่องมือของสมัยใหม่ มันเหมือนกับ การมีถนน คือเราเอาความเป็นเมืองเข้ามาให้กับคนชนบท ฟุตบาทมันก็ยังเป็นคันนา ถนนมันก็ยังเป็นท้องนาอยู่ ดังนั้นเวลาเขา ขับรถปิ๊กอัพเหมือนต้องขี่ควาย เขาอยากจะจอดตรงไหนเขาก็จอด คือมันเป็นสำ�นึกแบบนั้นอยู่ใช่มั้ยครับ ผมคิดว่ามันค่อนข้างจะ ชัดเจน คือเราคิดเราหาเหตุผลไม่ได้ เราหาเหตุผลในวิธีคิดของการศึกษาแบบสมัยใหมของเราไม่ได้่ เราเรียนปริญญาตรี ปริญญา โท เราด่าคนว่าทำ�ไมคนมันคิดยังงี้ ทำ�ไมคนไทยมันไม่ Develop คือมันไม่ตอบคำ�ถาม คือเราไม่ได้มองให้เห็นว่าจริงๆแล้วเขามี วิธีคิด มีกระบวนทัศน์ยังไงต่อโลก ตรงนี้มันโยงไปถึงเรื่องการศึกษาของเรา อันนี้อาจจะแอบพาดพิงนิดหน่อย คือผมว่าการศึกษา เรามันแยกย่อยเกินไป มันแยกเป็นส่วนๆเป็นเรื่องๆ ทำ�ให้คนที่เรียนหมอก็คิดอย่างหมอ คนที่เรียนศิลปะก็คิดอย่างศิลปะ คนที่ เรียนสังคมศาสตร์ก็คิดอย่างสังคมศาสตร์ อันนี้ยังไม่รวมถึงคนที่ไม่อยากเรียนนะครับ ถึงเรียนก็แค่ให้จบๆไปก็มีเยอะ ผมว่ามัน น่ า สนใจที่ เ ราจะลองมอง คนหรื อ ปรากฏการณ์ ที่ มั น เกิดขึ้นในสังคม จริงๆแล้ว สั ง คมชนบทมั น เริ่ ม จะหาย ไป ด้วยความที่ผมเป็นครู อยูู่ต่างจังหวัด มันทำ�ให้เรา เห็นวิถีชีวิตที่มันชัดขึ้น คน ส่วนใหญ่ของประเทศกำ�ลัง คิดอะไรอยู่ จริงๆแล้ว คือ เราคิดเอาเองว่าเขาคิดอะไร คิ ด เอาเองว่ า เขาเป็ น อย่ า ง นี้ แสดงอย่างนี้ เพียงแต่ ว่ า ความที่ เ ราอาจยั ง ไม่ ไ ด้ อยู่ในสถานะที่เท่าๆกัน ผม ยกตั ว อย่ า งตอนที่ ผ มบวช เมื่อปีก่อน ตอนที่ผมบวช ผมก็บวชในวัดธรรมดา วัด ใกล้ๆนา ไม่ใช่วัดป่าอะไร ดั ง นั้ น มั น ก็ ไ ม่ มี อ ะไรมาก ครับ ก็พยายามอ่านหนังสือ ธรรมะ ในวัดเราก็ไม่ได้ ศึ กษาไม่ ไ ด้ เ รี ย นรู้ อ ะไรเป็ น พิเศษ ผมก็ได้คุยกับหลวง ตารูปหนึ่ง ซึ่งแกก็เรียกได้ว่า ชอบอดีตนายกฯ คือพูดกับ เราหมดในแบบที่ว่าเราเป็น พระเหมือนกัน ไม่ใช่เราเป็น อาจารย์แล้วไปสัมภาษณ์ซึ่ง ทำ � ให้ ผ มได้ ข้ อ มู ล อี ก อย่ า ง หนึ่ง อันนี้ผมรู้สึกเองนะครับ คือ เรามีสถานะเท่ากับเขา แล้วเราไปนั่งคุยกับเขา พูด ง่ า ยๆคื อ เขาเป็ น คนราก หญ้า เขาเป็นชาวนาที่ไม่มี สตางค์ก็เลยบวช มันทำ�ให้ เห็นสังคม ผมจึงเชื่อมโยง วิธีคิดที่ผมคิดออกว่า เออ! จริงๆแล้วปรากฏการณ์ที่มัน เกิดขึ้นในสังคมเราเนี่ย คน ส่วนใหญ่จริงๆ แม้กระทั่ง คนที่เรียนจบปริญญาตรีทุก วันนี้มันยังมี “สำ�นึกชนบท” มันไม่ใช่คำ�ด่านะครับ ผม ไม่รู้จะใช้คำ�ว่าอะไร มัน คือ “สำ�นึกชนบท” ในการ จอดควายไว้ริมคันนา หรือ แม้ ก ระทั่ ง ทิ้ ง เรื อ ไว้ ก ลาง นาเลยเหมือนกับจอดรถอยู่ กลางถนน ไม่ได้สนใจอะไรเพื่อที่จะลงไปซื้อของ มันมีปรากฏการณ์อย่างนี้อยู่เยอะในสังคมส่วนใหญ่ของเราจริงๆ ที่ผมพูดเชื่อม โยงกับการศึกษาเพราะผมรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยมัน Isolate ออกจากสังคมจริงๆ ด้วยความรู้ ด้วยความที่เราอยู่บนยอดหอคอย เรารู้จักทุกสิ่งทุกอย่าง เราอ่านหนังสือ Text ภาษาอังกฤษเยอะแยะมากมาย มันทำ�ให้เรากันตัวเองออกจากวิธีคิดของคนที่อยู่ใน สังคมส่วนใหญ่ ไม่ได้บอกว่าใครดีใครไม่ดีเพียงแต่ว่าเราไม่รู้จักกันน่ะ เราไม่ได้รู้จักว่าเขาคิดอะไรจริงๆ ที่นี้ผมคิดว่าตรงนี้มันค่อน ข้างจะเป็นปัญหาเพราะว่าเราไม่เข้าใจ ที่ผมเล่าเรื่องตอนที่ผมบวชเพราะว่าถ้าผมไม่บวชผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาพูดกับผม ในฐานะที่เราเท่ากัน มันทำ�ให้เราเข้าใจได้ แต่ว่าถ้าเรากลับไปอีกทีในฐานะอาจารย์ เขาก็จะพูดกับเราอีกแบบหนึ่ง ตรงนี้มันก็มี ปัญหาเยอะเหมือนกันในการทำ�ความเข้าใจกัน ผมก็มีภารกิจต้องเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อไปสอนหนังสือทำ�ให้มีโอกาสได้นั่งรถทัวร์บ่อยๆ ผมก็สังเกตว่า คำ�ว่า New Media ในโลก เก่า เหมือนกับที่อาจารย์วรเทพพูดถึงเรื่องของการใช้ iPhone ถ้าใช้ iPhone เราอาจจะไม่ได้ยินเพลงของตั๊กแตน ชลดา อันนี้ผม ขอเถียงนะครับ เพราะว่าผมเองนั่งรถบ่อยมากจนเฮ้ย..เทคโนโลยีของรถยนต์ที่เปิดเพลงลูกทุ่งตลอดเวลา แต่เครื่องมือที่เขาใช้เปิด มันไฮเทคมาก คือ ใช้ Thumbdrive เสียบ ไม่ต้องใช้ CD แล้ว มันก็เข้าคอมพิวเตอร์แล้วก็ลิสต์เพลงลูกทุ่งเพียบเลย คือตรงนี้มันก็
16 madiFESTO
ย้อนกลับไปที่ผมสังเกตว่ามีการใช้รถปิ๊กอัพ รุ่นใหม่เหมือนควายน่ะครับ คือจะขี่เพื่อให้ไปถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง เหมือนกับเพลงลูกทุ่ง ที่เขาอยากฟังผ่านทรานซิสเตอร์ ตอนนี้มันมีแบบเครื่องเล่น DVD แบบ Mini DVD หรืออะไรที่มันถูกมากแล้ว เขาก็ซื้อมา แต่ Content ที่อยู่ในนั้นมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย มันทำ�ให้เห็นว่าวิธีคิดจริงๆ วิธีการมองโลก การใช้ชีวิตของคน จริงๆมันไม่ได้ขยับไปมากนัก มันยังอยู่ในโลกเดิมๆ แต่แค่เครื่องมือ แค่เทคโนโลยีเท่านั้นเองที่มันไป ผมว่าตรงนี้เนี่ยถ้าเราสังเกตให้ดีหรือลิงค์ให้ดีมันจะช่วยให้ เราหลุด gap ตรงนี้ได้ ทัศนัย เศรษฐเสรี : ประเด็นที่คุณปรัชญาและอาจารย์นรเศรษฐ์พูด มีเนื้อหาที่ร่วมกันอย่างหนึ่ง ก็คือการทับซ้อนกันของความ เข้าใจ และการใช้งานของสื่อสมัยใหม่ ซึ่งมันมีเนื้อหาเรื่องวัฒนธรรมเคลือบแฝงอยู่เสมอ เราใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่เหมือนฝรั่ง แน่ๆ เหมือนกรณี iPhone มันทำ�ให้ผมนึกถึงกรณีของเพื่อนผมคนหนึ่ง สนุกมากเลย มันไม่มีปัญญาซื้อโทรศัพท์ 3G หรือโทรศัพท์ 2 ซิม แต่ว่ามันใช้โทรศัพท์ 2 เครื่อง แล้วเอาเทปกาวสองหน้าแปะเข้าหากัน (หัวเราะ) มันเป็นการเอาตัวรอดและมันก็กลายเป็น โทรศัพท์ 1 เครื่องที่มี 26 ปุ่ม ใช้ได้ 2 ซิม แต่ปัญหาก็คือเวลาคนโทรเข้า มีเสียงเรียกเข้าพร้อมกันสองเครื่อง มันจะต้องพลิกไป พลิกมา นึกออกไหมรับสายหนึ่ง พอมีอีกสายหนึ่งเข้าก็ พลิกโทรศัพท์มารับอีกสายหนึ่ง (หัวเราะ) ซึ่งมันก็เป็นวิธีการ Adapt ใช้ แรงปรารถนาของการมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ คือเหมือนกับในกรณีที่อาจารย์นรเศรษฐ์ได้พูดถึงว่าพวกเราได้ใช้นวัตกรรม หมาย ถึงที่เราเห็นโดยทั่วไปนะครับ มีความเข้าใจคล้ายๆกับการขี่ควาย ขี่วัวอยู่ เราจึงไม่ค่อย Concern หรือเป็นห่วงสิทธิในการใช้ถนน ร่วมกับคนอื่น ๆ เพราะแต่เดิมมันไม่มีถนน และทุ่งนามันกว้าง จะจอดควายตรงไหนมันก็เรื่องของเราน่ะ สำ�นึกนี้มันก็ยังอยู่ เราใช้ เทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่สำ�นึกอื่นๆเราไม่เอามาด้วย อย่างเช่นการเคารพกฏจราจรก็ดี อะไรก็ตาม เราไม่ได้เอามาด้วย เพราะฉะนั้น มันเลยเกิดการซ้อนกันของปรากฏการณ์ระหว่างการใช้งานและการทำ�ความเข้าใจเรื่องสื่อ อนุสรณ์ ติปยานนท์ : โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยไว้ใจสื่อ สื่อเป็นสืิ่งที่มีอิทธิพลมากในความรู้สึกผม แม้แต่ชื่อมันจริงๆ คือ Media มันก็มาจากราชินี Media ซึ่งฆ่าลูกตัวเอง ในประวัติศาสตร์กรีกโบราณ เพราะฉะนั้นเนี่ยไม่ควรไว้ใจนะครับ เพราะขนาด ลูกตัวเองยังไม่เอาไว้เลย (ยิ้ม) สื่อทุกอย่างเลยมันมีปัญหา ปัญหาก็คือว่าเวลาพูดถึงสื่อในบ้านเรามันมี 2 นิยาม 2 Definition ใน ความรู้สึกผม อันหน่ึงก็คือสิ่งที่เป็นสื่อจริงๆ อย่างที่อาจารย์ทัศนัยพูด มันเป็นสื่อที่ส่งสาร หรือรับสาร อะไรก็แล้วแต่ อีกอันหน่ึงมี ความหมายในเชิงกว้าง เชิงเทคนิค เวลาเราพูดว่า เฮ้ย คุณใช้มีเดียอะไร ก็คือคำ�เดียวกับคำ�ว่าคุณใช้เทคนิคอะไร ศิลปกรรมแห่ง ชาติทะลึ่งไปใช้คำ�ว่า Mix Media เป็น สื่อผสม คือความหมายของ สื่อผสม ของศิลปกรรมแห่งชาติ ไม่ได้เป็นสื่อนะ มันคือ เทคนิค ผสมน่ะ คือมันเป็นนิยามที่เห็นชัดเลยว่ามันใช้คำ�ว่ามีเดียในความหมายของ ”เทคนิค” มันมีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำ�หรับผมที่จะโฟกัส เรื่องคำ�ว่า “สื่อ” อาจารย์ทัศนัยยกตัวอย่างได้ดีมากเลย คือย้อนกลับไปสมัยเรอเนซองส์ ที่พูดถึง Perspective ซึ่งผมก็คิดว่าใน ศิลปกรรมแบบตะวันออกเนี่ยเราไม่เคยให้ค่าของคำ�ว่า Perspective เลยนะ จะพัฒนาก็พัฒนาไป คำ�ถามว่าจนถึงบัดนี้ เราถือว่า Perspective มันมีอยู่ แต่ Ideology หรืออุดมทัศน์ที่เรามีต่อศิลปะไทยมันเข้ามาสู่ Perspective ไหม ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เข้ากัน เลย พูดให้เป็นวิชาการมากขึ้นก็คือว่าศิลปกรรมไทยจำ�นวนมาก ใช้ Space อีกแบบหนึ่ง ที่เราเรียกว่า Relative Space เราไม่ได้ใช้ Perspective Space นะครับ Relative Space ไม่ได้ต่างจากภาพเขียนจีน ภาพเขียนญี่ปุ่น ก็คือเราเซต ว่ามันมีอำ�นาจจำ�นวนมาก ซ้อนอยู่ในพื้นที่ว่าง จะเห็นว่าในประติมากรรมฝาผนังในวัดพระแก้ว ทศกัณฑ์จะสามารถปรากฏตัวอยู่พร้อมๆกันในระนาบยาว แล้วก็มีพระรามอยู่ มีสุครีพ มีหนุมานปรากฏตัวอยู่พร้อมๆกันใน Space นั้น โดยที่มีสิ่งหนึ่งซึ่งสำ�คัญมากก็คือจุดสนใจ เรียกว่า Central Point ไอ้การที่เราไม่มีโฟกัสใน Space ในวัดของไทย มันก็เป็นความหมายเดียวกับเราไม่มีโฟกัสในเรื่องการป้องกัน Space ก็คือเรื่องเดียวกัน ดังนั้นเมื่อเราไม่มีจุดสนใจในพื้นที่ว่าง เราไม่มีจุดสนใจอะไรเลย เราไม่ได้ให้คุณค่าในพื้นที่ว่างเท่าไร เราก็ไม่ได้ให้คุณค่าในเรื่องเวลาเท่านั้น เราอาจจะนัดหมาย 6 โมง แต่เราจะเริ่มซักทุ่มหนึ่งก็ได้ เราจะนัดหมายซักทุ่มหนึ่ง แต่เรา เริ่มสองทุ่มก็ได้ เราจะนัดหมายที่หอประชุมแต่เราจะพูดกันในสวนแสดงงานก็ได้ ผมจะค่อนข้างซีเรียสเพราะว่า ผมยกตัวอย่าง ง่ายๆ วันหนึ่งผมพบกับ Graphic Designer ท่านหนึ่งแล้วเราก็สนทนากัน เป็น Forum เล็กๆ ที่หอศิลป์ฯ กรุงเทพ ของงาน Thai Graphic Designer ผมยกตัวอย่างที่เราไม่โฟกัสเรื่องเวลาเนี่ย มันแสดงชัดเจน ในกรณีของหนังสือพิมพ์ไทย ผมพูดให้เป็นรูปธรรม ก็คือวันไหนก็ตามที่คุณทะลึ่งตื่นสาย เกินเที่ยง แล้วคุณไปตระเวณหาหนังสือพิมพ์ฉบับวันนั้น คุณจะไม่มีวันได้เจอ มันจะมีแต่ หนังสือพิมพ์ฉบับวันรุ่งขึ้นให้คุณต้องอ่าน คุณจะซื้อหนังสือพิมพ์วันเสาร์ แต่เที่ยงวันเสาร์ ฉบับของวันเสาร์ไม่มี มีแต่ฉบับวัน อาทิตย์ มันมีประเทศไหนในโลกที่มีหนังสือพิมพ์ล่วงหน้า มันเป็น Ideology ที่น่าสนใจมากๆเลย หนึ่งก็คือว่าทำ�ไมเรายอมรับให้ เราอยู่ในอนาคต แสดงว่าเราไม่ได้โฟกัสในเรื่องเวลา ผมตื่นมาบ่ายวันเสาร์ผมได้เห็นรูปดารานุ่งน้อยห่มน้อยหน้าหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ คือผมอยากอ่านฉบับวันเสาร์ ผมไม่มีสิทธิ์ ผมต้องนั่งรถออกมาไกลมาก จากกรุงเทพ ผ่านปทุมธานี เพื่อจะซื้อหนังสือพิมพ์ ฉบับวันเสาร์ เพราะสายส่งเพิ่งส่งของวันอาทิตย์ พูดประเด็นง่ายๆก็คือว่าเราดำ�รงอยู่ในอนาคตโดยที่ผมคิดว่าคนจำ�นวนมากไม่รู้
madiFESTO
17
ว่าทำ�ไม ก็ขอเล่าย้อนไปนิดหนึ่ง ก็คือสมัยของคณะปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ มันต้องเซนเซอร์หนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่จะออก แล้วถ้ามัน เสียเวลาเซนเซอร์ หนังสือพิมพ์ก็ออกไม่ทัน หนังสือพิมพ์ก็เลยออกล่วงหน้า เพื่อถูกเซนเซอร์แล้วจะได้ออกทัน ซึ่งสิ่งนี้ มันทำ�ให้เห็นว่า Political Scence คือการมีอยู่ของการเมือง มันมีอิทธิพลต่อการกำ�หนด Time ค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นเมื่อไรก็ตามที่คนดำ�รงอยู่ใน เวลาที่มันออกในอนาคต มันทำ�ให้เกิดสองอย่างซึ่งผมคิดว่าน่าสนใจมากเลยในฐานะของคนทำ�สื่อ มันเหมือนภาวะที่เราเรียกว่า “เบลอ” หรือภาวะ “เลือน” เกิดขึ้น และผมว่าการที่เราบริโภคอนาคตข้างหน้า มันไม่ได้มีแค่หนังสือพิมพ์ ในประเทศนี้เรามีนิตยสารหรือวารสาร หรือจะเรียกว่าแมกกาซีนเฉพาะกิจที่ลงเรื่องย่อของละครทีวีจนจบแล้ว วางขายเรียบร้อย แล้วก็ยังมีคนนั่งดูทุกคืนทั้งๆที่รู้ว่าตอนจบเป็น ยังไง แสดงว่าเราอยู่บริโภคเวลาเกินความเป็นจริง ไอ้ภาวะเบลอเนี่ย มันเกิดสองอย่าง อันหนึ่งมันเกิดสิ่งที่เรียกว่า Split Image คือการ แตกของ Image หรือจะเรียกว่า Multiple Image ก็ได้ อันที่สองมันทำ�ให้ตัว Tracing หรือตัวร่องรอยมันสำ�คัญกว่าตัว Original ซึ่งวันนี้ เราก็น่าจะได้วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งต่อไปว่าการที่สื่อใหม่ ในแง่หนึ่งมันเคยทำ�หน้าที่ว่า มันเป็นความจริง แต่ ณ ปัจจุบัน เมื่อมันไม่เกิด โฟกัส คือ หนึ่ง มันทำ�หน้าที่เป็นการตัดสิน ในกรณีของฟิล์มและแอนนี่เนี่ยชัดเจน สื่อไม่ได้ทำ�หน้าที่แสดงความจริง แต่สื่อทำ�หน้าที่ ตัดสิน ทุกวันสื่อค่อยๆแทรกความคิดของการตัดสินชีวิตฟิล์มและแอนนี่ให้คนเรื่อยๆ ตัดสินว่า วันนี้สื่อก็บอกว่าฟิล์มถูกตัดสิทธิ์การไป ร่วม Music Festival ที่เกาหลี ฟิล์มถูกตัดออกจากภาพยนตร์ เพื่อเรียกร้องความสนใจมาที่ฟิล์ม หลังจากครั้งหนึ่งเคยเทคะแนนไปให้กับ แอนนี่ สื่อทำ�หน้าที่ตัดสินกลายๆ สองคือสื่อทำ�หน้าที่ Propaganda อันนี้น่าสนใจมากในช่วงเหตุการณ์ที่ผ่านมา Media ทำ�หน้าที่ Propaganda จะฝ่ายไหนก็แล้วแต่ และอันสุดท้ายนี่นะครับ Media ได้ทำ�หน้าที่สอดส่อง กระบวนการสอดส่องเนี่ยยกตัวอย่าง นิยาย ของ จอร์จ ออร์เวลล์ ในเรื่อง 1984 ซึ่งเราเรียกว่า “Big Brother” ในที่สุดมันก็กลายเป็น Trend ก็คือเหมือนกับว่าในขณะที่ผมเสนอความ จริงหรือจะเป็นความลวงให้คุณก็แล้วแต่เนี่ย ผมก็ตรวจสอบด้วยว่าคุณ React ต่อสิ่งที่ผมนำ�เสนอไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าสิ่ง เหล่านี้เราไม่เคยพูดกันในกระบวนการของสื่อไทย เพราะว่าจริงๆแล้วคุณกำ�ลังตรวจสอบผมนะ หลายๆอย่างเนี่ยมันไม่ได้เป็นกระบวน การนำ�เสนออย่างเดียว มันเป็นกระบวนการตรวจสอบย้อนมาถึงคนที่บริโภค ยกตัวอย่างง่ายๆ กรณีนักเล่าข่าวซึ่งเกิดขึ้นจำ�นวนมากใน สังคมไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นปราการขั้นสุดท้ายของกระบวนการใช้สื่อในการตัดสินผู้อื่น การเลือกที่จะสัมภาษณ์หรือไม่ สัมภาษณ์ใคร หรือการเลือกที่จะลบใครออกไปจากวงจรนี้มันคือการตัดสินกลายๆ เพราะฉะนั้นมันไม่มีคำ�ว่าความเที่ยงตรงในสื่ออีกต่อ ไป ยิ่งในสังคมไทยซึ่งเราทลายสิ่งที่เราต้องโฟกัสไปเสียแล้วเนี่ย กระบวนการที่เราไม่โฟกัส หรือเราไม่เพ่งลงไปก็คือเราไม่เชื่อ กระบวนการ Perspective เพราะ Perspective มันต้องมีโฟกัส Perspective ต้องมีจุดสนใจ จะเป็นสองจุด สามจุด หรือหลายจุดก็แล้ว แต่ มันต้องมีจุดสนใจ ผมคิดว่าการทลายกระบวนการไม่สนใจ มันก็เป็นสิ่งหนึ่งเหมือนกันซึ่งย้อนกลับมาถึง สิ่งที่นักศึกษาจำ�นวนมาก พยายามจะบอกว่าเราถูกสื่อยัดเยียด คำ�ถามก็คือว่ากระบวนการที่สื่อยัดเยียดนี้มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าคุณเองไม่ปล่อยให้ถูกบริโภค หรือถูกตรวจสอบย้อนกลับ ผมคิดว่าอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากก็คือคำ�ว่า Information ซึ่งเราแปลว่าข้อมูล ถ้าเราตั้งสติดีๆ แล้วเราแยก มัน เราจะเห็นว่ามันกำ�ลังพูดถึงงานศิลปะกลายๆอยู่ คือเราแยกคำ�ว่า Information คำ�ว่า formation มันแปลว่า “กระบวนการก่อรูป” ใน ขณะที่ In แปลว่า “การแทรกเข้าไปข้างใน” ฉะนั้น Information มันหมายถึงการแทรกเข้าไปในกระบวนการก่อรูป เช่นผมบอกว่า อาจารย์ทัศนัยกำ�ลังฟอร์มตัวเอง หรือ Formation ตัวเอง งั้นใน Information ก็คือการตรวจสอบกระบวนการก่อรูปของอาจารย์ทัศนัย ฉะนั้นข้อมูลที่มันจะถูกส่งให้คุณเนี่ย มันก็ไปตรวจสอบกระบวนการก่อรูปของคุณ คืิอผมจะนอกเรื่องนิดหนึ่ง ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่า ตอน ที่ผมเจออาจารย์ทัศนัยเมื่อสองสามเดือนก่อน ก็วิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องการเมืองรุนแรง ไม่คิดมาก่อนว่าหลักสูตรนี้มันเป็นหลักสูตรที่ว่า ด้วย New Media จริงๆ ผมเองก็คิดว่ามันเป็นหลักสูตรในเชิงทดลอง เออ..เรากำ�ลังหาดูซิว่ามีเทคนิคอะไรใหม่ๆในการทำ�ศิลปะ เมื่อวาน ที่ผมดู มันไม่ได้พูดถึงแต่เรื่อง New Media แต่ มันพูดถึงการตอบโต้ของ Information ด้วย ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ผมโชคดีมากที่ครั้งหนึ่งมีโอกาสได้เจอคุณจอห์น มาเอดะ (John Maeda) คือกระบวนการ New Media Lab ในโลกนี้ Lab หนึ่งที่ดัง มากๆ มีชื่อเสียงมากๆอยู่ที่ MIT ถูกก่อตั้งหรือถูกร่วมดำ�เนินโดยนักวิชาการตะวันออกที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น อเมริกันชื่อ จอห์น มาเอดะ ซึ่ง มาแสดงงาน Digital Design ที่ Gallery ที่ ICA London ที่ที่ผมได้เจอ จอห์น มาเอดะคือเขาก็พูดทำ�นองนี้เหมือนกันว่า ทำ�ยังไง เราจะรู้ เท่าทันสื่อ หรือพูดง่ายๆ ในหนังสือ Digital Design ของ จอห์น มาเอดะ มันกลับไปสู่สิ่งที่เรียกว่า Zero-One Code มากๆเลย เวลาเรา พูดถึง Digital Media เราจะนึกถึงเซนเซอร์ เราจะนึกถึงจอ เราจะนึกถึงซอฟแวร์ แต่จอห์น เมดะ กลับนึกถึงสิ่งที่เรียกว่า Binary Code นั่นคือ Zero-One มันคือกระบวนการให้และรับ ให้คุณ React ตอบต่อสิ่งนั้นยังไง เพราะฉะนั้น Media Lab เนี่ยมันไม่ได้พูดถึงว่าคุณ High Technology เท่าไร มันพูดถึงว่าคุณเข้าสู่กระบวนการตีความ Information หรือกระบวนการก่อรูปของฟอร์มมากน้อยแค่ไหน ไม่ ว่าคุณจะปั้นดินขึ้นมาก็ได้ ถ้าคุณบอกว่า Information ของตัวเนี่ย คุณได้เข้าไปวิเคราะห์มันอย่างลึกซึ้ง ผมจึงคิดว่า Idea ที่น่าสนใจของ การ Develope งาน ในแง่ของ New Media ก็คือว่าเราต้องอย่าไปยึดติดกับสิ่งที่เราเรียกว่า Tools แต่เราควรกลับมาสู่กระบวนการก่อรูป ของข้อมูลที่คุณรับ เราเคยตรวจสอบมั้ยว่ามันผลิต Status เท่าไร เราเคยตรวจสอบมั้ยว่าวันหนึ่งเรากด Like เท่าไร เราให้เวลากับการ บริโภคสื่อมากน้อยแค่ไหน เราให้เวลากับการนอนที่คุณว่า 8 ชั่วโมง แล้วเราให้เวลากับการบริโภคมากน้อยแค่ไหน ผมคิดว่ากระบวนการ ระหว่าง Information และมีเดีย ในฐานะของสืื่อและในฐานะของเทคนิคเนี่ย คือโจทย์ที่น่าสนใจมากเลยสำ�หรับการที่เราจะวิเคราะห์ต่อ ไปว่าเราจะทำ�ยังไงกับตัวสื่อในประเทศนี้ ในการศึกษานี้ หรือตัววิธีคิดที่เรากำ�ลังถกกันอยู่นี้
18 madiFESTO
ทัศนัย เศรษฐเสรี : ก็มีหลายอย่างที่อาจารย์อนุสรณ์ได้สรุปเรื่องที่วิทยากรทั้ง สามท่ า นหรื อ ผมเองได้ เ สนอไว้ ตั้ ง แต่ ต อนแรกได้ ดี ม ากที เดียว อันหน่ึงก็คือ สิ่งที่อาจารย์อนุสรณ์กำ�ลังบอกว่า ในสิ่ง แวดล้ อ มของสื่ อ ถึ ง ความเข้ า ใจร่ ว มสมั ย มั น เปิ ด โอกาสให้ เราพร้อมที่จะเป็นนายเหนือตัวเองหรือพยายามที่จะตีความ หรือว่าสร้างสื่อ ส่งสารย้อนกลับมาที่ตัวสื่อเอง คำ�ถามก็คือ เราจะทำ�หรือเปล่า มันเป็นมโนทัศน์ของการสื่อสารแต่เดิม ที่ผมได้เกริ่นไว้ในตอนแรก มันเหมือนกับมันเป็นการสื่อสาร ที่ให้ข้อมูล และเป็นการให้ข้อมูลแกมบังคับ มีลักษณะของ การออกคำ�สั่ง ให้เชื่อตามที่อาจารย์อนุสรณ์สรุป ในการ ทำ�งานของสื่อ ในบรรยากาศของสังคมไทยที่ทำ�หน้าที่สั่ง ได้ อย่างในโฆษณา Propaganda สองคือทำ�หน้าที่สอด ส่อง ยิ่งไปกว่านั้น มันตัดสินด้วย ดังนั้นตัวเราในบรรยากาศ ของสื่อที่โดยสิ่งแวดล้อมของมัน โดยตรรกวิทยาของการส่ง สารหรือธรรมชาติของ Information ก็ดี มันเอื้ออำ�นวยให้ เราไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมหรือโฟกัส หรือแม้แต่ตัวเรา เอง เราสามารถที่จะเลือกโฟกัสด้วยในทางกลับกัน แต่ถาม ว่าเราจะทำ�หรือไม่ ไอ้มโนทัศน์เรื่องการโยกย้ายตัวเอง คือ ถูกดึงออกไปจากที่อยู่ที่ยืนของตัวเองนี่ ที่ผมได้สาธยายไป แล้วว่ามันนำ�มาสู่แนวคิดเรื่อง Self ในปรัชญาตะวันตกใน ตอนเริ่มต้น แล้วก็สะท้อนในด้านของการเข้าใจสิ่งต่างๆ ในระดับภววิทยา ที่เป็นเส้นตรงที่มีลักษณะการดำ�เนิน เชื่อมต่อ เป็น Progress คือ Moving into Space คือตัว เราต้องเคลื่อนย้ายตัวเองไปสู่ Space ที่ถูกจัดวาง ถูกจับ จ้องและถูกกำ�หนดไปเรื่อยๆ นี่คือวิถีทางของประวัติศาสตร์ และอารยธรรม ที่เราไม่เคยตั้งคำ�ถามกับธรรมชาติต่อ พัฒนาการเหล่านี้เลย หลังปี 50 เป็นต้นมาในโลกตะวัน ตก โลกที่มันเปลี่ยนไป ซึ่งแนวคิดเรื่อง Moving Into หรือ การเคลื่อนย้ายตัวเองไปสู่จุดอื่นๆที่มันเป็นเส้นตรง มันถูก เปลี่ยนแนวคิดเป็น Being หรือการเป็นอยู่ ณ เวลาเฉพาะ คือ Being in Flux คืออยู่ในเวลาหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ มันเคลื่อนย้ายตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างที่คุณปรัชญาพูดเปิด ประเด็นไว้ว่าบางครัง้ทำ�ให้เราสับสนและมีปัญหาเพราะมัน ไม่รู้จะโฟกัสอะไร ทุกอย่างเคลื่อนย้ายตลอดเวลา แต่ใน ทางกลับกันอาจารย์อนุสรณ์บอกว่ามันเป็นโอกาส เพราะ มันมีโฟกัสหลายจุดที่เราจะเลือกเอง เมื่อมันเกิดการปะทะ กันของมุมมอง ถ้าเราบอกว่าโฟกัสก็คือมุมมอง แล้ว มันก็ เกิดการปะทะกันของ Information ของการก่อรูปของความ เข้าใจ Information ด้วยในทางเดียวกัน และสิ่งแวดล้อมที่ ตัวเองอยู่ ถ้าเราพยายามที่จะก้าวข้ามคำ�วิจารณ์แบบชุ่ยๆ ว่าสังคมหรือโลกมันเป็นความโกลาหล มิฉะนั้นแล้วเนี่ยเรา ก็กลับมาโฟกัสเรื่องความเป็นตัวตนหรือ Self อีกครั้งหนึ่ง เพราะมันเป็นมโนทัศน์แบบก่อนเรอเนสซองค์ หรือเป็นมโน
ทัศน์แบบเกษตรกรรมเดิม มันจะดีเสียกว่าที่เราจะเข้าใจสิ่ง แวดล้อมที่มันเคลื่อนย้ายต่่างๆรอบตัวเรา เราไม่ได้ปฏิเสธ มัน แต่พยายามที่จะหาโฟกัส ที่เปลี่ยนได้ของตัวเราเองไป เรื่อยๆ แล้วมันจะทำ�ให้เกิดการปะทะ แลกเปลี่ยน เกิดรอย ต่อกับโฟกัสอื่นๆ จุดเน้น จุดสนใจอื่นๆอีกด้วย ถ้าเราบอก ว่าสื่อแต่เดิมเนี่ยมันทำ�หน้าที่การโฆษณา การตัดสิน แล้วก็ การสอดส่อง ไอ้แนวคิดตรงนี้ก็น่าจะค่อยๆถูกกัดกร่อนลงไป เรื่อยๆ แล้วตัวเราเองนั่นแหละคือสื่อ แล้วเราก็แพร่เชื้อโรค และก็แพร่ความคิดอื่นๆให้คนต่อมา นี่คือข้อสรุปที่อาจารย์ อนุสรณ์ได้ม้วนไว้อย่างดี
วรเทพ อรรคบุตร : ในฐานะที่ ผ มทำ � งานด้ า นสื่ อ ด้ ว ย นะครับ ผมคิดว่าเครื่องไม้เครื่องมือหรือวิธีการในการผลิต งานศิลปะเนี่ยมันไปด้วยกัน ตามที่ผมปูพื้นมานะครับ เรื่องของการประกอบสร้างความจริง การตีความผ่านภาพ ผ่าน Text เพื่อจะโยงไปสู่สิ่งที่อาจารย์ทัศนัยได้พูดไว้เรื่อง Transparency เรื่องของ Convergent รวบทุกอย่างเข้า ด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Text เป็น Audio เป็นอะไรก็ตาม ใน แง่หนึ่งเนี่ย ศิลปะในช่วงต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นงานภาพยนตร์ ของกลุ่มคนทำ�ภาพยนตร์ในรัสเซีย หรือพวกที่ทำ�เทคนิคที่ เรียกว่า Photo Montage หรือ Photo Collage ก็ตามแต่ เนี่ย มันจะทำ�ให้เห็นเรื่องของการรวมกันอย่างอิสระของสิ่ง ที่มาจากต่างที่ต่างทาง ไม่ว่าจะเป็นรูปโป๊มารวมกับ Font จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หรือลายผ้ามารวมกับอะไรก็ตาม ซึ่งมันมาจากต่างที่กันเลย มันทำ�ให้เห็นว่าในโครงสร้าง พื้นฐานหรือสิ่งที่เราเห็นรอบๆในโลกสมัยใหม่เนี่ย ทุกอย่าง มันต้องการความรวดเร็ว มันทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ เราคาดเดาไม่ได้ แล้วเมื่อเราคาดเดาไม่ได้เนี่ย คำ�อธิบาย เกี่ยวกับชีวิตเรามันจะเปลี่ยนไป ในขณะที่ความแม่นยำ� มันสำ�คัญมากแต่อุบัติเหตุมันก็รุนแรงมากเช่นกัน ซึ่งตรง นี้มันคือคำ�อธิบายการรวมกันของสิ่งซึ่งอยู่ต่างที่ต่างทาง มั น จึ ง นำ � มาสู่ ก ระบวนการในการสร้ า งสรรค์ ง านในช่ ว ง ต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะงาน Collage หรือผลงาน ภาพยนตร์ที่มี Politic of Play หรือการเมืองของการเล่น
madiFESTO
19
ทัศนัย เศรษฐเสรี : ก็มาถึงอีกประเด็นหน่ึง เป็นประเด็นที่เชื่อมโยงกับที่อาจารย์อนุสรณ์ได้พูดไว้ตอนแรก แล้วอาจารย์แคน (คุณวรเทพ) ก็ทำ�ให้เราเห็นว่าพัฒนาการของสื่อศิลปะสมัยใหม่ ซึ่งมันทำ�ให้เกิดรอยแยก แล้วก็เกิดศิลปะที่เป็นรูปแบบของ ศิลปะร่วมสมัย ในยุคสมัยที่สำ�คัญก็คือการเกิดขึ้นของเทคนิค Collage และ Montage มันหมายถึงความเปลี่ยนไปของมโนทัศน์ ทางสังคมต่อเรื่องเวลาและพื้นที่ ที่มันมีลักษณะของการเชื่อมโยงผ่านมิติมากยิ่งขึ้น รูปวัตถุที่ถูกดึงมาตัดปะจากหลากที่ ต่าง เวลา ถูกรวบรวมมาไว้ที่เดียวกัน ทำ�ให้มันสะท้อนถึงความเข้าใจทางสังคมต่อเรื่องเวลากับพื้นที่ที่เปลี่ยนไปและก็นำ�ไปสู่รูปแบบ ของศิลปะที่เปลี่ยนไปในเวลานั้นด้วย ซึ่งมันก็สอดคล้องกับสิ่งที่อาจารย์อนุสรณ์พูดไว้ตอนแรกว่าความโกลาหลหรือการ Erase คือการไม่อยู่ใน Order ในเวลาที่โฟกัสเนี่ย มันคือโอกาสในการก่อรูป Formation ใหม่ที่ไม่รู้จักจบ คือสิ่งต่างๆมันแขวนลอยอยู่ อยู่ที่เราจะไปหยิบจับอะไรมาผสมผสานกันใหม่ เป็น Formation ตัวใหม่ และก็นำ�ไปสู่แนวคิดที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ต่อ มนุษย์ในการเข้าใจเรื่องภาพแทนหรือการนำ�เสนอภาพแทน เพราะว่าภาพแทนคงไม่มีความหมายเชิงเดี่ยวอีกต่อไป เช่นเห็น บุคลิกภาพของคนคนหนึ่งเราจะตัดสินเขาได้เลย จากสิ่งในอดีตว่าเขาเป็นใคร เราจะนึกถึงกิจกรรมที่เขาทำ� อาหารที่เขากิน คือมันมี Uniform หรือรูปแบบของแพคเกจของการทำ�ความเข้าใจบุคคลได้ แต่ปัจจุบันเราจะเห็นว่า ลักษณะของอัตลักษณ์ที่ ปรากฏอยู่ทั่วไป เราไม่สามารถที่จะเข้าใจบุคคลที่จะเป็นคำ�อธิบายในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพียงเท่านั้นอย่างเดียวได้ เขาเรียก ว่าเรามีการครอบงำ�ภาวะหลายๆอย่าง คือสังคมมันมีลักษณะของการเหลื่อมซ้อนกันมากยิ่งขึ้น มีลักษณะของการแยกสลาย ส่วนต่างๆที่เคยเป็นองค์รวม หรือเป็นสิ่งเดียว หนึ่งเดียวมากยิ่งขึ้น และนำ�ไปสู่โอกาสของการก่อรูปใหม่ คือ Reformation ซึ่งมัน เหมือนกับที่อาจารย์อนุสรณ์พูดไว้ตอนแรกว่า ตรงนี้มันน่าจะเป็นโอกาสของปัจเจกชนในการหลุดจากกรอบของ Grid หลุดจาก กรอบของการจัดวางชีวิตที่มันเป็นผลผลิตของเรอเนซองค์ก็ดี โมเดิร์นก็ดี ซึ่งอาจารย์อนุสรณ์ได้บอกว่าในสังคมไทยเรามีลักษณะ ของการคร่อมติดกันอยู่แล้ว ซึ่งอาจารย์นรเศรษฐ์ก็บอกว่า เรามีถนนหนทางมีรถยนต์ แต่เราก็ใช้กันแบบไทยๆ เช่นเดียวกับเรามี รถยนต์แล้วเราก็เอาไปให้หลวงพ่อเจิม เราใช้คอมพิวเตอร์เราก็รักมันเหมือนลูก เหมือนเป็นสิ่งมีีชีวิต เหมือนเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ซึ่งฝรั่งเขามีมโนทัศน์ในการใช้เทคโนโลยีอีกอย่างหนึ่งก็คือถ้ามันใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็ไม่ต้องไปรักมัน ก็โยนมันทิ้งไป ซึ่งมันก็น่า จะนำ�ไปสู่ประเด็นที่ผมตั้งไว้ตอนแรก คือประเด็นว่า แล้วสังคมไทยล่ะ มีสถานะอย่างไร ต่อความเข้าใจในเรื่องที่เราพูดมาทั้ง หมดเนี่ย รวมความเข้าใจต่อเรื่องมีเดียด้วย
ทีนี้เรามาสู่ช่วงที่ 2 ซึ่งจะสโคปลงมา ในสิ่งที่เราเป็นอยู่ในสังคมไทย ใกล้ตัวมากยิ่งขึ้นและก็ในช่วงที่ 2 ก็จะว่าด้วยเรื่องสังคมไทย อยู่ในจุดไหน? ในช่วงแรกเราพูดถึงบรรยากาศของประเด็น บรรยากาศของโลกที่มันเปลี่ยนไปต่อความเข้าใจเรื่องสื่อ ในความ สัมพันธ์กับโลกที่เป็นอยู่ ได้เห็นความคิดและประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้น ทีนี้ในสังคมไทย เนื่องจากทุกคนคงต้องมีประสบการณ์มาก บ้างน้อยบ้างเกี่ยวกับส่ือในมิติต่างๆ สื่อสาธารณะหรือสื่อศิลปะก็ตาม ผมขอรวบช่วงที่ 2 เป็นการสนทนากันระหว่างวิทยากร
20 madiFESTO
ในช่วงต้นและผู้ฟัง ตอนนี้เราอยู่ในสถานะเดียวกันแล้ว ถูกละลายไป ในช่วงนี้เราจะพูดถึงสถานะของสังคมไทยต่อบรรยากาศ ของสื่อก็ดี สื่อสมัยใหม่ ความเข้าใจเรื่องสื่อสมัยใหม่ก็ดี ในมิติของสื่อสาธารณะหรือสื่อศิลปะก็ดี เราอยู่ในจุดไหน? เรามีอะไรที่ เปลี่ยนไป? หรือคล้อยตามสิ่งที่ได้พูดกันมาตั้งแต่ตอนแรก แล้วอะไรคือปัญหาของมัน หลายคนอาจจะช่วยสะท้อนจากสถานะที่ ตัวเองเป็นอยู่ จากในมิติของการศึกษา ในมิติของหน้าที่การงานที่เป็นศิลปิน ผู้ทำ�สื่อหรือนักวิชาการก็ตาม ในช่วงนี้คนขอโยนให้ กับอาจารย์อุทิศนะครับ อุทิศ อติมานะ : อย่างที่อาจารย์ทัศนัยตั้งคำ�ถามว่า เราอยู่ในยุคหลังสมัยใหม่ เราอยู่ในยุค New Media จากที่ยกตัวอย่าง ภาพยนตร์ ยกตัวอย่างของงานศิลปะ ว่ามันถูกสร้างจาก Multiple Reality ความจริงจากหลายที่หลายมุม โดยสะท้อนความหลาก หลาย ความซับซ้อน ทั้งวิถีชีวิต ทั้งวีธีคิดทางการเงิน ทั้งระบบเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ทั้งการใช้ Sensation หรือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา ในการเปิดรับรู้โลกซึ่งโลกยุคใหม่เนี่ย ถ้าสังเกตจากโลกยุคสิ่งพิมพ์ที่เมื่อก่อนมันจะผลักดันให้เราใช้แต่สายตา แต่ยุคใหม่ มันเป็นยุคของดิจิตอลเทคโนโลยี เป็นยุค Interactive Culture ดังนั้น Sensation หรือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของคนรุ่นใหม่ ก็จะ ถูกฝึกมาให้มีศักยภาพ ดีกว่าคนในยุคก่อนสังคมสงครามโลกครั้งที่ 1 อะไรแบบนี้ แต่สิ่งต่างๆทั้งหมด หากสังเกตจากสิ่งแวดล้อม ประเทศไทย แล้วก็จะพยายามที่จะสะท้อนให้เป็นกระบวนทัศน์ของวิถีชีวิตโลก และแน่นอนคนที่นั่งอยู่ที่นี่ เราเป็นคนไทย และเรา ก็เป็นคนของโลกส่วนหนึ่ง ในบุคคลคนหนึ่งเนี่ย อิทธิพลที่ form เราที่นั่งอยู่เนี่ย ผมเชื่อว่ามันไม่มีคนไทยอยู่ 100% เพราะว่าใน โลกยุคใหม่ New Media มันสร้างให้เราเป็นคนของโลก อิทธิพลของเศรษฐกิจ การเมือง สังคม วิธีคิดอะไรทั้งหลายมันสร้างมา ไม่มากก็น้อย แต่มันอาจจะน้อยไปนิดนึง เพราะว่าคนไทยเราอาจจะไม่ใช่โลกที่หนึ่ง สถาบันของสังคมเรายังไม่ใหญ่พอที่จะผลัก ให้คนไทยเป็นคนของโลกเต็ม 100% Import ความรู้วิชาการ คนไทยส่วนใหญ่ที่ Multiple Reality ที่มีความคิดที่หลากหลาย ซับ ซ้อน เวลานึกถึงการเมืองก็จะเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ของทฤษฎีการเมืองเต็มหัว เวลาพูดถึงศาสนาก็เต็มไปด้วยความเป็นไป ได้ของวิธีคิดทางศาสนาร้อยแปด เวลาพูดถึงโมเดลธุรกิจก็เต็มไปด้วยความหลากหลายของความเป็นไปได้ของวิธีคิดธุรกิจ เวลา พูดถึงศิลปะก็เต็มไปด้วยทฤษฎีวิชาการของนักคิด ศิลปิน ศิลปะทั่วโลกอะไรอย่างงี้ เวลาพูดถึงดีไซเนอร์ทั่วโลก ก็เต็มไปด้วย ตัวอย่างอะไรทั้งหลาย คือผมมองว่านี่คืออิทธิพลของโลกยุคใหม่ โลกที่มีความซับซ้อนหลากหลาย มีการให้นิยามที่หลากหลาย แล้วยิ่งบวกกับเรื่องของการเมืองยุคใหม่ แนวคิดของฟูโกต์ให้คาถาสำ�คัญมากสำ�หรับมนุษยชาติ คือคาถาที่ทำ�ให้เรามองอำ�นาจ ของยุคก่อน ว่าในยุคสมัยใหม่ อำ�นาจของคนยุคใหม่ที่ต้องมี Skill ใหม่ ก็คือ Skill ที่ให้มองอำ�นาจในแบบ Micro ก็คืออำ�นาจใน ระดับที่มันซ่อนตัว ไปอยู่ใน Subculture กลุ่มต่างๆ ใน Lifestyle ในแฟชั่น ในอุตสาหกรรมอะไรเยอะแยะเลย แต่อย่างน้อยนัก วิชาการทางด้านปรัชญาและด้านสังคมศาสตร์สมัยใหม่ก็ให้ข้อมูลพวกเราว่า เราต้องมองอำ�นาจแบบน้ีและรู้เท่าทันและต่อรอง มันก็เลยเป็นเครื่องมือสำ�คัญที่ทำ�ให้เราสร้าง Subculture เยอะแยะ ทำ�ให้เราสร้าง Lifestyle เยอะแยะ จากเมื่อก่อน Lifestyle ก่อนยุคร้อยปีที่แล้วมันจะมี ยี่สิบ สามสิบ Lifestyle แต่ปัจจุบันก็ไปเกือบร้อยแล้ว เรื่องเพศ จากเมื่อก่อนมี 2 เพศ อาจจะมี 3 เพศ ยุคกรีก ยุคโรมัน ยุคกลางยิ่งหนักอะไรอย่างงี้ ปัจจุบันนี่มีซัก 10 เพศได้มั้ง นี่เป็นบรรยากาศว่าเราเป็นคนของโลก ผมสังเกตเห็น คาแรคเตอร์ของคนไทยอย่างหนึ่งที่ มันก็ไม่ค่อยเหมือนชาติอื่นนะ อย่างเช่นความหลากหลายในวิธีคิด เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราก็ไม่ฉลาดซักเท่าไร แต่มี 2 เหตุผล เหตุผลแรกก็คือว่า เราไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษกันเท่าไรด้วย เพราะความรู้ที่ซับซ้อนที่ฝึก ให้เรามีความรู้ของโลก ส่วนใหญ่มันจะอยู่ในโลกของภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้น Alternative Idea เราก็มีไม่เยอะ ไม่เก่งอย่างโลก ที่ 1 อีกอย่างหนึ่งก็คือสถาบันทางสังคม เราฟันธงไปเลยนะว่า สังคมไทยเราเป็นสังคมที่เป็นนัก Conservative มันไม่ใช่ผิด ไม่ใช่ ถูก มันเป็นจุดยืนของวัฒนธรรม คือวัฒนธรรมเราเลือกได้ บางวัฒนธรรมเลือกที่จะเป็นแนว Conservative บางวัฒนธรรมเลือก ที่จะเป็น Futurism ถ้าเป็นอิตาลีเขาก็ประกาศตัวว่าเป็น Futurism ถ้าเป็นอเมริกันเขาจะเน้นเรื่องของเสรีนิยม เรียกว่าสังคมแห่ง โอกาส มีเดียอะไรทุกอย่างก็ให้เสรีภาพเต็มที่ เราไปดูทีวี ของเราก็มีช่อง 3 5 7 9 แต่ในอเมริกาก็มีเป็นร้อยเป็นพันช่อง สิ่งเหล่า นี้ พอนึกถึงสังคมไทย มันมี Boundary หรือขอบเขตบางอย่างสะท้อนความเป็นชาติ มนุษยนิยม แต่ถามว่าขนาดเกาหลีเหนือหรือ พม่ามั้ย ก็คงไม่ขนาดนั้น แต่มีขอบเขตบางอย่าง ไม่เหมือนพม่าหรือเกาหลีเหนือ แต่ก็ไม่เหมือนอเมริกัน มีขอบเขตบางอย่างที่ สถาบันทางสังคมเราสร้างขึ้นมา ก็ขีดความเป็นบุคลิกของเราบางอย่าง ที่ทำ�ให้เรามีเปอร์เซนต์ของความเป็นคนของโลก มีความ หลากหลาย แต่ Sense ผมก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนตะวันตกเท่าไร ลองนึกมาถึงเรื่องวงการศิลปะ แน่นอนเราเรียน Modern Art เรามี มหาวิทยาลัย เรามีการศึกษาแบบตะวันตก แต่ถามว่าวงการศิลปะของไทยเรามีความหลากหลายซับซ้อนอะไรมากมายมั้ย คือผม ก็เห็นว่ามันก็ดีขึ้นนะ ในแง่ของบุคคล บางคนผมก็เห็นว่ามันลึกซึ้ง ซับซ้อน ความฉลาดมันก็เท่ากับตะวันตก แต่โดยภาพรวมผมก็ เห็นว่าเราก็ไม่ได้ซับซ้อนเท่าไร ผมยกตัวอย่างล่าสุดไปดูมหาวิทยาลัย ABC ไม่บอกชื่ออ่ะนะ เค้ามีนิทรรศการเรื่อง New Media ในสิ่งที่เข้าใจในโลกวิชาการที่ตะวันตกพยายามอธิบาย เราก็จะเข้าใจอีกแบบหน่ึงว่า New Media แปลว่ากระบวนทัศน์สังคมที่ มันเปลี่ยนไป เราถูกสร้างจากสังคมที่ซับซ้อน เราถูกฝึกให้มี Sensation ตา หู จมูก ที่ซับซ้อน จากความซับซ้อนเหล่านั้นก็เลยทำ� มีเดียที่ซับซ้อน ทฤษฎีที่ซับซ้อน พูดถึงเรื่องที่ซับซ้อน อะไรอย่างนี้ แต่พอมาดูศิลปะ New Media ในบ้านเรา ผมก็ยังรู้สึกว่า วงการ
madiFESTO
21
ศิลปะในบ้านเราที่ประกาศตัวเป็น New Media แต่ตัวซอฟท์แวร์หรือตัวอะไร มันก็ยังไม่ใช่ New Media ก็ยังเหมือนคนยุคกลาง บ้าง เหมือนคนยุคโมเดิร์นบ้าง คือยังมีวิธีคิดเดิมๆที่เราเดาได้ คือผมทำ�งานมา 50 ปี เรียนศิลปะมาด้วย แล้วก็ไอ้วิธีคิดนี้ คอนเซปต์ ประมาณนี้ ผมก็เห็นยี่สิบ สามสิบปีที่แล้ว ไอ้คนรุ่นใหม่ รุ่นลูกผมแล้วนะ ไอ้ความคิดอย่างนี้มันยังมีอยู่ มันก็ยังคงคอนเซปต์อย่างนี้ แต่สิ่งที่ผมเห็นเปลี่ยนก็คือ เริ่มจากเมื่อก่อนยุคผมนี่เป็นประติมากรรม เป็น Drawing หรือไม่ก็เป็น Painting แต่ปัจจุบันมันทำ�ด้วย วีดีโอ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือมันไม่ค่อยสามัคคีกันระหว่าง Content กับ Form แต่ก็ไม่ได้บอกว่าดีหรือเลวนะ เราก็มีบางอย่างที่ไม่ เหมือนตะวันตกชัดเจน แต่ถามว่าคำ�อธิบายเหล่านั้น มันถูกอธิบายในเชิงวิชาการรึยัง มันก็ไม่ได้ถูกอธิบาย เพราะเนื่องจากว่า การ ศึกษาของเราส่วนใหญ่ มหาวิทยาลัยไทยส่วนใหญ่ที่จะสามารถผลิตองค์ความรู้ที่อธิบายตัวมันเอง และเป็นพลังทางวิชาการที่มัน เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนโลก เราก็ยังไม่ขนาดเยอรมันหรือญี่ปุ่น ที่ผลิตองค์ความรู้ระดับที่มีพลังทางวิชาการ ขนาดที่เข้าไปต่อยอด ชมุชนทางวิชาการของโลก แล้วก็กลายเป็น Case Study ให้คนทั้งโลกได้เรียน เราก็มีแต่ก็ยังมีไม่มาก เพราะฉะนั้นคำ�อธิบายทาง สังคมศาสตร์ของสังคมไทยในเรื่องนี้ ผมคิดว่าคงต้องขอจากห้องนี้นะ เพราะมันค่อนข้างจะเป็นคำ�อธิบายปลายเปิด ซึ่งเป็นข้อดีนะ อาจจะเป็นข้อดีสำ�หรับ ถ้าสมมุตคุณเป็นคนนิวยอร์ค แล้วคุณจะอธิบายปรากฏการณ์ New Media ในนิวยอร์ค ผมว่าพวกคุณจะตัว เล็กทันทีเลย เพราะมันจะมีคนแย่งอธิบายทฤษฎี ศิลปะในนิวยอร์ค New Media ผ่านมุมตรงนั้น ผ่านมุมตรงนี้ มีคนอ่านหนังสือมา อย่างลึกซึ้ง คุณแทบจะไม่ต้องใช้จิตนาการมาก คุณแค่อ่านหนังสือทำ�คล้ายทำ�เหมือน คุณก็เข้าใจแล้วว่าปรากฏการณ์ของสังคม ศิลปะ New Media ในนิวยอร์คมันประมาณไหน แต่บ้านเราในเชียงใหม่ ในประเทศไทยผมมองว่ามันค่อนข้างปลายเปิดนะ เล่าใน ประสบการณ์ของผมที่ยังไม่มีคำ�ตอบ คำ�ตอบขึ้นอยู่กับคนในห้องนี้ จักรกริช ฉิมนอก (ศิลปิน) : คือผมมองมีเดียแล้วก็นึกว่ามันคืออะไร มองง่ายๆก็คือว่าพอ เราพูดถึงมีเดียปุ๊บเรามักจะมองไปถึงเรื่องของตัวเทคโนโลยี สิ่งที่เราควรทบทวนก็คือ เราใช้ เทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีใช้เรา แต่ทำ�ไมเราไม่พูดถึงความหมายของสิ่งที่มันจะนำ�เสนอต่อ สาธารณชนเยอะพอสมควร เพราะว่าเวลาเราจะพูดให้ประชาชนฟัง คือสิ่งที่เราจะพูดออกไป เนี่ย มันคืออะไรที่คนฟังจะได้ยิน มันกลายเป็นเครื่องมือที่นำ�ความหมายบางอย่างจากคน หน่ึงไปสู่อีกคนหน่ึง ไม่ว่าจะด้วยกระบวนการหรือรูปแบบใดก็ตาม แต่ในปัจจุบันผมมองว่า มันมันเป็นเทคโนโลยีกับคนสองอย่างที่มันทำ�ให้เกิดความหมาย ตัวเทคโนโลยีมันผลิตของมัน ไปเรื่อยๆ แต่ศักยภาพคนที่จะนำ�ออกมา มันอยู่ที่ว่าคนได้เรียนรู้มากน้อยแค่ไหนในสิ่งที่มี อยู่ มันก็คือศักยภาพของคนนั้นมันไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยี แต่่เทคโนโลยีมันมีอยู่ มันเหมือนกับเชื้อโรคหรือโรค ที่มันมีอยู่แล้วแต่ เราเพิ่งไปตรวจพบเพราะว่ามันไม่มีใครเคยเห็น เพราะฉะนั้น คือความหมายของสื่อหรือว่าเทคโนโลยีที่นำ�เสนอมันต้องการเสนอ อะไร คือสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นในนิทรรศการนี้นะครับ หนึ่งคือมันเป็นเรื่องของเทคโนโลยี เครื่องมือ สองคืออะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจะ สื่อ มันก็เหมือนกับว่าถ้าคุณไม่สามารถพูดกับเรารู้เร่ือง เราก็จะมองถึงแต่เรื่องเทคโนโลยีมากกว่า สุดท้ายก็คือคุณถูกเทคโนโลยี ควบคุม สุดท้ายก็คือคุณอาจจะมีซอฟแวร์หรือฮาดแวร์ก็ตามใช้ แต่คุณไม่สามารถที่จะควบคุมและสื่อสารกับคนให้รู้เรื่อง สิ่งที่คุณ สื่อ คุณพยายามสื่อเรื่องอะไร แต่มันทำ�ให้เห็นชัดว่า สื่อหรือว่ามีเดียในปัจจุบันมันทำ�ให้คนแยกออกและกลับเข้ามารวมกัน หมาย ถึงว่า ไม่ได้รวมกันทางกายภาพนะครับ แต่คือมารวมกันทางความคิดและรูปแบบที่มันสามารถเห็นได้หลากหลายมากกว่า แต่ว่า ศักยภาพของคนมันก็ถูกรวมกลุ่มว่าใครเข้าถึงความเป็นสารสนเทศได้มากน้อยแค่ไหน คือสื่อกำ�หนดคนที่จะเข้าไปใช้งาน ถ้าคน ที่มีศักยภาพพอที่จะใช้มันและควบคุมมันได้ มันก็จะมีศักยภาพที่จะสามารถสื่อสารออกไปถึงคนอื่นได้มากขึ้น และควบคุมมันได้ มากขึ้น แต่ถ้าคนที่ไม่สามารถควบคุมมันได้ ก็จะกลายเป็นสิ่งที่มันถูกควบคุม หรือมันแสดงศักยภาพของตัวมันเองที่ไม่ได้เกี่ยวกับ คน หรือไม่ได้เกี่ยวกับสารที่คนจะสื่อ ที่ผมมองว่า มีเดียได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยมนุษย์เริ่มคลอดออกมา แล้วก็เริ่มรู้จักติดต่อสื่อสาร กัน ไม่ว่าจะยุคใดก็ตาม มีการสื่อสารกันแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของร่างกาย การใช้มือ มันต้องใช้ความรู้ชุดหนึ่งที่จะทำ�ให้คน เข้าใจได้ตรงกัน มันอาจจะเป็นเทคโนโลยีแบบบ้านๆ ก็ได้ เอาเข้าจริงๆแล้ว สาระสำ�คัญของมันอาจจะอยู่ที่ว่า เราให้ความสำ�คัญ กับตัวมีเดียคือตัวเทคโนโลยีมากกว่าสารที่เราได้รับมากน้อยแค่ไหน คามิน เลิศชัยประเสริฐ (ศิลปิน) : ต้องออกตัวก่อนว่ามึนงง เรียบเรียงอยู่ว่า คือผมฟังแล้วผมพยายามจะสรุปว่าจริงๆแล้วเราคุย เรื่องอะไร ผมต้องถามก่อนว่าเราคุยเรื่อง New Media ที่มีผลต่อสังคมไทยใช่มั้ย คือผมมองว่า New Media หรือว่ามีเดียที่เราใช้ ในโลกปัจจุบันมันก็คือเทคนิคอย่างหนึ่ง เหมือนสีน้ำ�มันในยุคก่อนที่เขียน Realistic เพราะกล้องไม่มี แล้วก็พอกล้องถ่ายรูปมา ตัว นั้นก็ตกไป ความสำ�คัญมันมาอยู่ที่การถ่ายภาพ เพื่อที่จะเป็น Realistic แล้วช่างฝีมือก็ตกไป แต่ในขณะเดียวกันมันไม่ได้ตกจริงๆ พอมันมาถึงจุดจุดนึงมันอธิบายไม่พอ มันก็ไปเป็น Installation เอาอะไรเข้ามาเพื่ออธิบายความคิดเชิงนามธรรมของยุคสมัยนั้น ที่
22 madiFESTO
จะตอบโจทย์อะไรบางอย่างที่เป็นปรัชญา พอมันอธิบายไม่พอก็ก้าวกระโดดไปเป็น Conceptual ก้าวไปเป็น Rational Aesthetics คือ ทุกอย่างมันสัมพันธ์กับปัญหาและปัญญาของมนุษย์ในแต่ละยุคเพื่อผลิตสื่อ สำ�หรับผมแล้ว New Media อย่าง Painting ก็คือ New Media ใน 200 ปีก่อน สำ�หรับผมแล้วมันไม่ต่างกันระหว่างคอมพิวเตอร์กับทุกอย่าง และผมมองว่าปัญหามันไม่ได้ถูกแก้เลย เราเคย อดอยากเราก็ผลิตอาหารขึ้นมาใส่กระป๋องแล้วก็เก็บไว้กินได้ จนทุกวันนี้เราก็มีอาหารพร้อมทุกอย่าง แต่ในโลกอีกครึ่งหน่ึงก็ไม่มีข้าว กิน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ Norm ไม่ได้อยู่ที่ความรู้ หรือ New Media ปัญหาคือทำ�ยังไงให้คนมีสำ�นึกในการแบ่งปันสิ่งที่มีอยู่ เช่น Knowledge ให้เขาออกไปทำ� ผลิตอาหารใส่กระป๋องได้เอง ต้นทุนต่ำ� ยาโรคเอดส์คุณสามารถผลิตได้ในประเทศคุณ เอา Knowledge แชร์กัน ได้มั้ย New Media อันนี้ผมว่าเรากำ�ลังพูดแค่เทคนิค ผมฟังก็งง เดี๋ยวประวัติศาสตร์ ซึ่งจริงๆแล้วผมเป็นคนโง่ประวัติศาสตร์ แต่โชคดี ที่ผมโง่ผมเลยมองมันอย่างง่ายๆ แล้วผมพยายามจะบอกว่าปัญหาของเราตรงนี้มันไม่ได้อยู่ที่เทคนิคหรือ Knowledge ไปดวงจันทร์ไป ไหนๆเราไปได้หมดแล้ว ปัญหาของเราคือจะทำ�ยังไงให้เรามีสำ�นึกในการแบ่งปัน Knowledge เรามองคนอื่นให้เหมือนกับเรา และผม คิดว่าเราไม่มีไทย ไม่มีอเมริกัน ไม่มีรัสเซีย ไม่มีประเทศอีกแล้วในโลกสมัยใหม่ ถ้าคุณยังคิดว่าคุณเป็นคนไทยนี่ตลก ผมว่าเราต้องคิด ว่าเราเป็นมนุษย์คนหนึ่งในโลกใบนี้ เพราะโลกแม่งเล็กมาก เราสามารถคำ�นวนได้ว่าโลกมีพื้นที่เท่าไหร่ มีแมลงกี่ตัว มีเชื้อโรคกี่ตัวบน โลกใบนี้ เรารู้หมดทุกอย่างตอนนี้ แต่เราไม่เคยแก้ปัญหาโดยการเป็นอยู่ หรือว่าเพื่อนมนุษย์ที่เราอยู่ด้วยกัน เอาง่ายๆแค่เพื่อนเรา มึง แบ่งปัน มึงรับฟังเวลามันทุกข์ได้มั้ย เอาง่ายๆ เริ่มต้นง่ายๆ ยังไม่ต้องไปพูดถึงปัญหาของประเทศ หรือเสื้อแดงเสื้อเหลือง หรือที่มันใหญ่ เกินไปตรงนั้น ผมว่าเราต้องกลับมาที่สำ�นึกบางอย่างในตัวเราก่อนว่าเราเคยสร้างสำ�นึกตัวเองมั้ย แล้วผมว่าตรงนี้โคตรจ New Media เลยสำ�หรับผม แม่งก้าวไกลกว่าไอ้ตัวคอมพิวเตอร์ หรือสื่อ เพราะไม่ว่ายังไงเราไม่สามารถจะไปควบคุมความจริงของสื่อได้ เพียงแค่ ว่าควบคุมว่ามึงจะเลือกรับหรือไม่รับ ทำ�ยังไงให้คนมีความรู้เท่าทันว่าสิ่งที่เค้ารับมันเป็นดาบสองคม คือทุกอย่างมันเป็นดาบสองคม ทั้งหมดในโลก ตั้งแต่เราเกิดมาจนเราตาย เพียงแค่ว่าสำ�หรับเราเนี่ย ผมคิดว่าเราหลงกับ New Media หลงกับเทคนิค เราทำ�ศิลปะก็ เพราะหลงแต่เทคนิค เราปกครองแล้วเราก็หลงแต่คำ�ว่าประชาธิปไตยและเสรีภาพ ผมไม่คิด ผมว่าผมมองข้ามตรงนั้น ถ้าฆ่าก็คือฆ่า ไม่ เห็นเป็นอะไร มึงยังฆ่าไก่กินได้เลย คือผมว่าเรามองกันเพียงแค่รูปแบบกับเทคนิคกับคำ�นิยาม แล้วแม่งก็เป็นกับดักเราทั้งชีวิตเลย แล้ว เราก็ติดกับดักเพราะว่ากูเป็นคามิน กูเป็นฤกษ์ฤทธิ์ เราต้องติดกับดักกับชื่อที่เราสูงอยู่ กับคนที่มอบให้เราว่ามึงเป็นศิลปินนะ มึงห้าม ทำ�บ้าๆบอๆนะ เราลืมไปเลยว่าเราก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ที่บางครั้งก็ทำ�ผิดบ้าง บางครั้งก็ทำ�ถูก ก็เรียนรู้มันสิ แล้วปัญหามันอยู่ ที่ว่า ปัญหาของโลกใบนี้ผมว่า เพียงแค่เราสร้างสำ�นึกได้มั้ย ในตัวเราก่อน แล้วเราก็พยายามสร้างสำ�นึกตัวนี้ให้กับคนอื่นที่อยู่รอบข้าง เรา และสำ�นึกตัวนี้มันจะส่งต่อได้ แล้วผมว่าถ้าเราไปดูเพียงแค่ผลกับมัน รูปแบบ หรือพฤติกรรมเนี่ย เราก็จะติดกับดัก กับไอ้คำ�นิยาม ทุกอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อ ทั้งเทคนิค ทั้ง New Media ผมว่าเราต้องก้าวข้ามตรงนั้นไป และผมคิดว่า Knowledge ที่เราได้สำ�หรับสังคม ไทยคือวิปัสสนา ผมพูดได้ว่าอันนี้แม่งโคตร New Media เลย แล้วทำ�ไมเราไม่รู้เรื่องเทคโนโลยี เพราะว่ามันสุดยอดแล้วไง ในการที่จะ กลับเข้ามาสร้างจิตสำ�นึกของตัวเองได้ รู้เท่าทันจิต รู้เท่าทันกิเลส รู้เท่าทันความเห็นแก่ตัว ความไม่แบ่งปัน และผมว่ามันเป็นเทคนิค เดียวที่ทำ�ให้มนุษย์ Down on Earth คือกลับเข้ามาวิพากษ์ตัวเอง แล้วสื่อทุกอย่างมันไม่เคยวิพากษ์ตัวเองเลย ผมไม่เคยสร้างสำ�นึกว่า ทำ�ไมบางอย่างสำ�นึกคุณแม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย กูไม่อยากจะทำ� กูอยากทำ�เพื่อลูกเมีย อยากทำ�เพื่อกู เพราะมันมีสำ�นึกบางอย่างที่เรา ไม่มองว่า เฮ้ย กูไม่ใช่มนุษย์นะ ไม่ใช่คามิน กูเป็นแค่มนุษย์คนหน่ึงซึ่งเหมือนกับมึง ซึ่งบางครั้งกูก็ต้องเป็นแบบมึง บางครั้งถ้ากูชั่วกูก็จะ เป็นแบบนี้ ถ้ากูมีโอกาสทำ�ดีกูก็จะทำ�แบบนี้ คือมันทำ�ให้เราได้เกิดการเรียนรู้และเปิดตัวเองจากจุดที่เราคิดว่าตัวเองเป็นคามิน และผม ว่าไอ้เนี่ย โคตร New Media เลย ผมขอฝากแค่นี้ อุทิศ อติมานะ : คือผมมองอย่างนี้ว่า จากที่เราเริ่มคุยกันเรื่อง New Media ในความหมายเชิงเทคนิค แล้วมันลามมาสู่ New Media ในความหมายเชิงนามธรรม เป็นวัฒนธรรม ซึ่งผมก็มานั่งคิดว่า จริงๆแล้วเราก็มีการตั้งคำ�ถามกันเรื่องความเป็นไทย ก็มีความขัดแย้ง ระหว่าง ทำ�ไมต้องตามตะวันตก ทำ�ไมต้องอะไรต่างๆ แล้วผมก็มานั่งคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น อารยธรรมของมนุษย์ในสังคมไทย สังคมโลก มันมีอะไรที่ร่วมกันรึเปล่า ถ้าตามความเห็นของผม ผมมองว่าอารยธรรมของมนุษยชาติมันมีแรงโน้มถ่วงบางอย่าง ที่เป็นแรงโน้มถ่วง สากล ที่ทุกวัฒนธรรมอยู่ภายใต้ แต่เราต้องมีข้อมูลต้องลงรายละเอียด แล้วก็แรงโน้มถ่วงของอารยธรรมที่ผมมองทุกประเทศทุกชาติ ก็ คือแรงโน้มถ่วงเรื่องทำ�ยังไงจะให้มนุษยชาติมีเสรีภาพมากยิ่งขึ้น และอยู่ร่วมกันอย่างมีความเสมอภาค ปฏิบัติร่วมกันอย่างมีความชอบ ธรรม ซึ่งผมมองว่ามันเป็นหลักการพื้นฐาน ผ่านคุณค่าวัฒนธรรม ความดี ความจริง ความงาม เพราะว่ามันเป็นพื้นฐานของอารยธรรม ของมนุษย์ แล้วก็อารยธรรมเกือบหมื่นปี มันก็ล้มลุกคลุกคลาน เดี๋ยวก็เข้ามา เดี๋ยวก็กลับไป เดี๋ยวตกลงกันได้ เดี๋ยวมีการต่อรอง คือ เราก็จะเห็นแรงกระเพื่อมตรงนี้ อย่างยุคกรีก โรมันเราจะเห็นการจัดการระบบความสัมพันธ์เชิงอำ�นาจ แล้วถามว่าเรามาเถียงกันเร่ือง New Media อยู่จุดไหน พยายามแก้ปัญหาในจุดนี้ ผ่านทฤษฎีต่างๆ ยกตัวอย่างทฤษฎีมาร์ค ยกตัวอย่างทฤษฎีฟูโกต์ ผมพบว่านี่คือ ความพยายามแก้ปัญหาหลักการ ว่าทำ�ยังไงเราจะเข้าถึงสิ่งนี้ได้ ทำ�ยังไงเราถึงจะมีเสรีภาพ ทำ�ยังไงเราจะได้รับความชอบธรรม เพราะ มนุษย์มันขี้เหม็น ถ้าเราไม่ร่วมกันจัดความสัมพันธ์เชิงอำ�นาจ ไม่ช่วยกันมองและไม่ช่วยกันทั้งหลาย สักพักความมั่งคั่งก็จะกระจุกตัว เป็นวงกลม ซึ่งอารยธรรมจะสอนเราว่านี่คือภาระของทุกคน เมื่อไรก็ตามที่เห็นว่ามันเป็นภาระของแค่คนบางคน อำ�นาจมันก็จะกระจุก madiFESTO
23
ตัว เราก็เห็นตัวอย่างตั้งเยอะตั้งแยะ ตั้งแต่กษัตริย์กรีกมีเมียหลายคน มีความมั่งคั่งยังไง มีบริวารเป็นหมื่นคนพันคน ท่ามกลาง คนจนนอกกำ�แพงที่อดข้าวตายอดน้ำ�ตาย เมื่อก่อนเรามีเรื่องทาสแต่เดี๋ยวนี้เราไม่มี เมื่อก่อนสิทธิเสรีภาพของคนเราไม่เท่ากัน เรา ต้องขอบคุณนักปรัชญาอังกฤษ เราต้องขอบคุณนักปรัชญาเยอรมัน เราต้องขอบคุณนักปรัชญาอินเดีย คือผมมองว่านี่คือสิ่งที่เรา จะต้องสำ�นึกว่าเราถูกสร้างจากสังคม เราแยกจากสังคมไม่ได้ ผมเชื่อว่ามีเดีย New Media อะไรทั้งหลาย เราต้องเรียน มันมี Need ในการแก้ปัญหา ทำ�ยังไงให้มนุษย์มีเสรีภาพ เราต้องมีความเสมอภาค เขาเรียกว่ามีเดียเป็นการแสดงออกในการเลือกพูด ภาษา พูดมันซับซ้อน แล้วก็มีภาษาเขียนแล้วก็มีสิ่งพิมพ์ ผมเพิ่งอ่านหนังสือ Facebook Marketing แล้วสิ่งหนึ่งซึ่งผมนั่งตกใจก็คือว่า คน เขียนเขาบอกว่า Facebook Marketing จะกลายเป็นเครื่องมือที่สร้าง Interactive Culture แล้วก็สร้างสังคม Utopia อย่างแท้จริง เพราะเขาบอกว่า Facebook มันคืนอำ�นาจให้กับสังคม มันทำ�ให้ทุกคนเป็นนักข่าว มันทำ�ให้ทุกคนเป็นนักการเมือง แล้วก็มันจะ ทำ�ลายสถาบันทางสังคม มันเลยคืนอำ�นาจสู่สังคมเนื่องจากว่า New Media มันทำ�ให้ทุกคนเป็นสถาบันทางสังคม มีปรากฏการณ์ อีกอันหนึ่งที่ผมมีความหวังว่าอารยธรรมจะเริ่มดีขึ้น การกระจายอำ�นาจเริ่มดีขึ้น ศิลปะวัฒนธรรม ที่จะบอกว่าประเทศเราถูกกด แต่ก็ยังมีอำ�นาจที่ต่อรอง นี่คือความงดงามของมนุษยชาติ อนุสรณ์ ติปยานนท์ : คืออย่างนี้ครับ เวลาเรายกประเด็นคำ�ถามว่าเหตุใดไฉนเล่าคนในชุมชนถึงไม่ใช้ทรัพยากรในชุมชนที่มี อยู่ แล้วก็หยิบยืมทรัพยากรจากชุมชนอื่นมา คุณไม่มีรู้สึกถึงศักดิ์ศรี ความเป็นอารยธรรมอะไรมากมายของคุณ คุณถึงต้องไปหยิบ ยืมคนอื่น ผมว่าผมมีเหตุผลโต้แย้งนะ คือมันเก่ามากแล้วนะ คือมันพ้นไปไกลมากพอสมควรแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ คือแรงปะทะทาง อารยธรรมมันพังไปหมดแล้ว หรือคุณอยากจะสนับสนุนความเป็นตะวันออกก็ต้องมองว่ามันมีอะไรที่ควรเชื่อถือบ้าง คือประเด็นว่า ไทยไม่ใช้ประเด็นไทยเนี่ยมันคือปัญหา ไม่ใช่เรื่องดี เรื่องที่เราพยายามศึกษาความเป็นไทยให้มาก มันทำ�ให้ข่าว 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ไม่มีที่ยืน หรืออาจจะทำ�ให้ล้านนาไม่มีที่ยืนด้วยซ้ำ� คือวิปัสสนามันไม่ใช่ของเรามันเป็นของอินเดีย และถ้าจะพูดให้ลึกไป อีกเนี่ย ณ ปัจจุบัน อินเดียไม่มีวิปัสสนาอยู่แล้วนะครับ วิปัสสนาที่คุณใช้เนี่ยมันถูกสร้างพร้อมๆกับรัฐไทยที่สร้างมาหลัง 2475 ก็ คือศาสนจักรเนี่ยก็ไปรับเอาระบบความเชื่อมาเพื่อเป็นระบบที่จะเซตคนให้อยู่ใน order ก็ส่งคนไปพม่าแล้วไปเอาระบบวิปัสสนา พม่ามาใช้และเผยแพร่ผ่านทางวัดมหาธาตุและก็ดึงเอาคนใหญ่คนโตทั้งหลายซึ่งไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมศิลปากร หรือสมเด็จย่า มาเรียนและปรากฏว่ามันล้มเหลว ไม่ได้เจริญเติบโตงอกงามอะไรเลย ยุบหนอพองหนอเนี่ย วิปัสสนาที่มันเคยคือวิปัสสนาสาย หลวงปู่มั่น ซึ่งก็ไม่ได้มาจากอาณาจักร เป็นสายของระบบซึ่งเกิดจากการที่กลุ่มพระกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเองมีความเห็นว่าเราควรจะ เริ่มต้นจากการหาคุณค่าใหม่ และก็มีกลุ่มวิปัสสนาของพระรูปอื่นๆเกิดขึ้น คงอยู่อีกมากมาย เพราะจริงๆคุณเห็นได้ว่าเวลาคุณพูด ถึงวิปัสสนาเนี่ยมันก็เป็นประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้างเหมือนกันและก็ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากมาย ส่วนคุณจะไป Receive คุณค่าอะไร มันก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล มันมี Argument ใหญ่ครั้งหนึ่งระหว่าง พุทธทาส กับ คึกฤทธิ์ ว่าด้วย “สุญญตา” หรือ “จิตว่าง” นะ ครับ สำ�หรับคนที่สนใจก็ไปหาอ่านกันมีในอินเตอร์เน็ตมากมาย คือ ท่านพุทธทาสก็รับคติแบบเว่ยหลาง ฮวงโป คือเซนบอกว่า คือ คุณสามารถทำ�งานด้วยจิตว่างได้นะ คือการพูดถึงจิตเดิมแท้ที่ฮวงโปพูดหรือเว่ยหลางนำ�เสนอก็คือจิตที่เป็นพุทธะ แล้วคึกฤทธิ์ใน ความที่เป็น Conservative หรือนักอนุรักษนิยมก็ตั้งคำ�ถามว่า งี้ผมก็นอนกับเมียด้วยจิตว่างได้ซิ ยังงั้นผมก็สามารถ Corruption ด้วยจิตว่างได้ซิ คือ “จิตว่าง” มันมี Grand Narrative ที่มันใหญ่ที่คลุมอยู่ นี่คือจุดหนึ่งที่ผมเห็นว่า Argument หรือคำ�โต้แย้งมันก็ จะเกิดขึ้นเสมอในเวลาเสวนา สาเหตุก็เพราะว่า คนที่มีปัญหาก็คือคนที่พยายามจะโฟกัสว่ามันต้องมีชุดคำ�ตอบหนึ่งซึ่งมันใช้ได้กับ ทุกคน ในขณะที่เราไม่ต้องเชื่อ Post Modern หรอก เราแค่เชื่อภาพเขียนแบบตะวันออกน่ะว่าทุกอย่างเราถือว่ามันเป็น Relative Space นะ อาจารย์นรเศรษฐ์พูดดีมากเลยว่า ไปถึงต่างจังหวัดแค่ครูไปพูดคุยกับชาวบ้าน ชาวบ้านก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ยิ่ง ลงไปทำ�วิจัย เขายิ่งให้ความสำ�คัญ เพราะว่าชาวบ้านเขาไม่ได้มองในเนื้อที่ร้อยเปอร์เซนต์ เขามองจาก Relative ไปหมด ว่าคนนี้มี ตำ�แหน่ง มี Position ในความนึกคิดเขายังไง เพราะฉะนั้นที่เราคุยกันวันนี้ เรากำ�ลังคุยกันแบบ Relative นะ อันไหนที่มันพอใช้ได้ พูดง่ายๆคือเรากำ�ลังหากรอบความคิดชุดหนึ่งใช่ไหมที่จะอธิบาย New Media ที่นักศึกษาพอจะใช้ได้ เราผู้พูดพอจะใช้ได้ และคน จำ�นวนมากพอจะใช้ได้ ฉะนั้นกรอบตรงนี้ที่ผมเสนอก็คือคำ�ว่า New Media มันก็มีความหมายในฐานะที่เป็นสื่อจริงๆและสอง มัน มีความหมายที่เป็นเทคนิค ผมยกตัวอย่าง เรื่องแม่ค้าคนหนึ่งที่อยุธยา ซึ่งมัน New Media มากๆเลยคือ Screen รูปอภิสิทธิ์กับสุ เทพไปอยู่บนรองเท้าแตะ แล้วก็ถูกจับ ถ้าเราโต้แย้งสิ่งเหล่านี้ในฐานะ Cultural Jaming ก็คือ การป่วนวัฒนธรรม คือมันเป็นการ ต่อยอดมาจากที่คุณสมบัติพูดว่าเราไม่ต้องมีแกนนำ�อีกต่อไปล่ะ เรามีแค่แกนนอนก็พอล่ะ ทุกคนพูดว่าความขัดแย้งมีอยู่แต่น้อย คนที่จะออกแบบวิธีออกจากความขัดแย้ง นี่คือปัญหา เราไม่เคยพูดถึงว่ามี Model อะไรไหมที่จะออกจากความขัดแย้ง ทุกคนบอก ว่า “เฮ้ย! ต้องสู้” แล้ว “สู้” เป็น Model อะไรล่ะ ทุกคนก็บอกว่า “ก็สู้สู้ไป” สู้ยังไงไม่รู้แต่ก็สู้สู้ไป อย่างงาน ‘บังเกอร์’ ไม่รู้คนทำ� ยังอยู่ไหม เขาพยายามจะอธิบายงานเขามากเลยนะเมื่อวาน คือ ผู้ชมบอกว่า ทหารหรืออำ�นาจเนี่ยมันคุมสื่อ มันมีคอมพิวเตอร์อยู่ ข้างในบังเกอร์ ในขณะที่ตัวเรื่องของคนทำ�มันเป็นคนละเรื่องกันเลย นั่นเป็นคำ�ถามหนึ่ง เป็นรอยแยกที่น่าสนใจระหว่างตัวคำ�ว่า
24 madiFESTO
“ศิลปะ” กับ “การรับรู้” ก็คือว่าคนทุกคนมี Code ที่อยู่ข้างใน คือเขาพยายามทำ�เรื่องสื่อออนไลน์ที่ถูกปกคลุมในโลกส่วนตัว แต่ เขาเลือกใช้บังเกอร์ ซึ่งบังเกอร์มันเป็นสัญลักษณ์ทหาร มันทำ�ให้สามารถคิดได้ว่าสื่อกำ�ลังถูกครอบงำ�ด้วยทหาร ถูกไหม? เป็นสิ่งที่ ควรมองให้เห็นว่า Perception ของคน เมื่อใดก็ตามที่คุณเปลี่ยนของออกไป การถูกผลิตซ้ำ�ทางความรู้สึกนึกคิดของคนมันอาจจะ ไม่เหมือนกับที่คุณตั้งใจหรือมีเจตนารมณ์นะ และก็จะต่อมา ในกรณีว่า New Media เนี่ย มันน่าสนใจตรงที่ว่า ในที่สุดแล้วเราเปิด มากเลยที่จะเกิดการกระบวนการในการตีความหมายได้ ในขณะที่ สมัยก่อนที่ Media โบราณเนี่ย รูปภาพของพระพุทธเจ้าก็ตาม รูปใดก็ตามไม่เปิดโอกาสให้ตีความ มันมีตำ�แหน่งแห่งที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ในขณะที่ปัจจุบัน ศิลปะมีตำ�แหน่งแห่งที่ที่เลื่อนไหล ระบบ Hierarchy คือระบบอำ�นาจมันสลายลงไป ศิลปินไทยจำ�นวนมากที่มีปัญหาก็คือพยายามจะเซตตัวศิลปะให้มีตำ�แหน่งแห่ง ที่มากพอสมควรแล้วก็ไม่ยอมรับในตำ�แหน่งแห่งที่อื่น ทัศนัย เศรษฐเสรี : ในช่วงสุดท้ายนี้ผมก็รู้สึกยินดีที่วันนี้เรามาค่อนข้างไกล โดยที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาไกลถึงขนาดนี้ จากการตั้งหัวข้อการเสวนาที่ค่อนข้างมีความขัดแย้งในตัวเอง อย่างที่บอกว่าจะนำ�ไปสู่บทสนทนา เกิด Dialogue เกิดการถกเถียง เกิดการให้ความคิดเห็นต่างๆ ซึ่งตกลงแล้วเนี่ย สถาการณ์ของคำ�ว่าสื่อและสื่อสมัยใหม่กับโลกที่เราเป็นอยู่ ไม่รู้เรียกว่าโลกใบเก่า หรือเปล่านะ ทั้งที่เรามีรถไฟฟ้า เรามีอะไรต่อมิอะไรที่เพิ่มมากขึ้น ตกลงแล้วเนี่ยมันเป็นทางเลือกหรือมันเป็นความหวัง คือผมคิด ว่าบทสนทนาต่างๆทั้งโดยวิทยากร ทั้งผู้ร่วมเสวนาก็ไม่ได้มีคำ�ตอบอะไรที่นำ�ไปสู่ทิศทางที่สรุปอะไรได้ตรงกัน แต่มันนำ�ไปสู่การ คิดต่อ ซึ่งผมจดไว้เยอะทีเดียวที่เราต้องเอาไปคิดต่อที่บ้าน ว่าตกลงแล้วเนี่ยเราภายเรือในอ่าง มันเป็นความหวังหรือว่ามันก็เป็น เหมือนกับสิ่งที่เป็นมาในสังคมไทย คือมีความแปลกของรูปแบบมากยิ่งขึ้น แต่ลึกๆแล้วมีความกลวงโบ๋ของเนื้อหาต่างๆอยู่ และ มีข้อขัดแย้งในวิธีคิดเยอะ อย่างไรก็ตามเถอะ สถาณการณ์หรือปรากฏการณ์ในสิ่งแวดล้อมของศิลปะ ที่สร้างสรรค์ผ่านสื่อสมัย ใหม่ ซึ่งผมว่าน่าจะเข้าใจได้ตรงกันว่า คำ�ว่าใหม่เนี่ย ไม่ได้หมายถึงอายุของสื่อ หรือว่าวันเวลาของมัน ว่ามันมีวันหมดอายุเหมือน กับยาทั่วๆไป ที่มีวัน Expired Date ติดอยู่ข้างกล่อง เราคงไม่ได้ใหม่พิจารณาสื่อและสื่อสมัยใหม่ในฐานะทางออกโดยทั่วๆไป แต่ ว่าผมชื่นชมกับแนวคิดหลายๆแนวคิด คำ�ว่าสื่อที่มันให้ Feedback หรือว่าให้ผลกระทบในมิติทางการเมืองก็ตาม ในมิติของการ เปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ทางสังคมก็ตาม ตรงนั้นมันน่าจะเป็นจุดตัดของโลกสมัยใหม่ ถึงแม้ตัวมันเองจะใช้ทักษะหรือว่าเป็น รูปแบบของความเก่า แต่ว่ามันให้คุณค่าใหม่กับวิถีชีวิต คุณค่าใหม่กับความคิด ตรงนั้นต่างหากที่เราอยากจะเรียกว่าเป็นการ ทำ�งานที่สำ�คัญ เราเรียกว่ามันเป็นสื่อสมัยใหม่ได้ เพราะมันทำ�หน้าที่ใหม่ ถึงแม้จะรูปทรง รูปแบบเดิมก็ตามเถอะ อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นว่า สื่อศิลปะที่ผลิตจากสื่อสมัยใหม่ในสังคมไทย ก็เช่นเดียวกับนวัตกรรมใหม่ๆอื่นๆ ในอดีตที่ผ่านมาในสังคมไทยและ สังคมอื่นๆด้วย ซึ่งการมาถึงของมัน ครั้งแรกก็ไม่มีใครรู้เรื่อง เราก็ค่อยๆพัฒนาความรู้ของเรา ค่อยๆเรียนรู้อะไรต่างๆ ถึงจะเข้าใจ มัน หลังๆมันถึงมีกรอบคิด มีทฤษฎี บวกกับความเข้าใจคำ�ว่าศิลปะแบบของเราเอง ต่อโลกแห่งศิลปะร่วมสมัยแบบไทยๆในเวลา ปัจจุบัน เช่นเดียวกับสื่อสมัยใหม่ ผมเองอยู่ในวงการนี้ ผมก็ต้องยอมรับนะผมไปดูสื่อสมัยใหม่ ผมก็ไม่เข้าใจเนื้อหาไม่เข้าใจสิ่งที่ เขาต้องการแสดง เพราะบางครั้งชุดความรู้ที่ผมได้มีเป็นจิ๊กซอว์ในการสร้างประกอบความเข้าใจด้วยตนเองมันมีไม่พอ มันไม่ใช่ ปัญหาของสื่อ บางทีมันก็ต้องโทษตัวเราเองด้วยว่าเราอาจจะมีไม่พอ เพราะฉะนั้นแล้วมันก็ต้องมีกระบวนการเรียนรู้ใน 2 ทาง ทั้ง ผู้ส่งสารว่าส่งสารได้ดีแค่ไหน และผู้รับสารด้วย ไม่ใช่ไปเหมารวมเอาว่า “กูไม่รู้ กูดูไม่รู้เรื่องแสดงว่ามันไม่มีคุณค่า” แล้วเราจะเห็น ว่าทฤษฎีของสื่อสมัยใหม่ มีหนังสือจำ�นวนมากทีเดียว มันใหม่ เพราะฉะนั้นมันจึงมีการตีความจากทฤษฎี เก่า และมีการเขียนทฤษฎีขึ้นใหม่ด้วยเนี่ย มีการอ่าน กันน้อยมากในสังคมไทย ซึ่งมันก็นำ�ไปสู่ข้อจำ�กัดใน การเข้าใจสื่อสมัยใหม่ เช่นเดียวกับศิลปะสมัยใหม่ใน ตอนเริ่มต้น แล้วก็ใช้เวลานาน กว่าเนื้อหาเชิงทฤษฎี และบทความเหล่านี้จะถูกแพร่กระจายในสังคมไทย งานเขียนอย่าง Gilles Deleuze คือก็ไม่ได้ใหม่ แต่ว่า ถูกตีความใหม่ อธิบาย Perception หรือว่า Process มโนทัศน์ใหม่เรื่องเวลาและพื้นที่ งานแบบนี้ถูกอ่าน ในวงจำ�กัด ในปัญญาชน หรือว่าในนักสร้างสื่อก็ตาม ฉะนั้นแล้วมันก็ให้ความไม่แปลกใจที่เราจะไม่เข้าใจ ปรากฏการณ์ของสื่อสมัยใหม่
madiFESTO
25
ประเด็นต่อมา เราพายเรือในอ่างหรือทางเลือกเนี่ย ก็มีเสียงสะท้อนมาหลายตัวมาก แน่นอนทีเดียวเราต้องเข้าใจสิ่งที่เราเป็น อยู่ในสังคมไทย แล้วก็คงเป็นเรื่องที่มันพ้นสมัยไปแล้วในการแบ่งแยกตะวันตกและตะวันออก เพราะเราก็เห็นจากเหตุการณ์ จากเนื้อหาในประวัติศาสตร์ต่างๆว่าความเป็นไทยของเราไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย และก็รวมถึงคนอื่นๆด้วย แม้กระทั่ง ความเป็นตะวันตก ที่แต่ก่อนเราเคยพูดกันหยาบๆว่าไอ้พวกฝรั่ง หรือปัญญาชนฝรั่งหัวแดง ซึ่งผมไม่เคยเห้นว่าปัญญาชนที่ มีชื่อเสียงหลังๆมาเนี่ย ส่วนใหญ่มันเป็นจีนบ้าง เป็นเชื้อสายอัลจีเรียนบ้าง ผมไม่เข้าใจคำ�ว่าฝรั่งคืออะไร George Bush หรือ ว่า Arnold Schwarzenegger หรือว่าอะไร คือต้องเข้าใจรายละเอียดในชีวิตมากขึ้น โดยไม่ตีขลุมแบ่งโลกแบบมั่วๆซั่วๆ แล้ว เหวี่ยงแหมันไปเรื่อย แล้วมันจะทำ�ให้เราเข้าใจสาระของชีวิตในภาพกว้างที่หยาบคาย รวมทั้งเข้าใจสาระของชีวิต จากระดับ เล็กๆรอบๆตัวที่หยาบคายตามไปด้วย เราก็พูดตามๆตูดคนอื่นที่เขาพูดๆกันโดยที่เราไม่เคยพิจารณาด้วยตัวเราเอง เพราะ ฉะนั้นแล้ว การศึกษาทฤษฎีและความรู้ใหม่ๆ หรืองานเขียนใหม่ๆ ที่ว่าด้วยเรื่องสื่อสมัยใหม่มันต้องถูกพัฒนาคู่ขนานไปกับ การทำ�ความเข้าใจวัฒนธรรมแบบสังคมไทยเราเอง ซึ่งเป็นดาบสองคม คือเข้าใจในความหมายที่ว่า เข้าใจมันและรับรู้มัน อาจจะเห็นถึงปัญหาของมันแล้วลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ด้วยไหม หรือเพียงที่จะเข้าใจแล้วยอมศิโรราบ และผลิตซ้ำ�ชีวิตตัว เองภายใต้สิ่งที่ตัวเองเข้าใจ และแล้วไอ้กระบวนการตรงนี้ การเรียนรู้คนอื่น หรือจะเรียกว่าคนที่เขาทำ�การบ้านมาก่อนเรา แล้วเราศึกษาจากเขาเนี่ย ขณะเดียวกันก็เรียนรู้สิ่งที่เราเป็นอยู่ มันมี reflect ในด้านของการวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งสิ่งที่เราเรียน รู้ข้างนอกและสิ่งที่เป็นตัวเราที่เราเรียกว่าเป็นภายในด้วย ตรงนี้มันเปิดโอกาสให้กับความเป็นปัจเจกชน ไม่ตามแบรนด์เนม หรือโลโก้อะไร ไม่งั้นแล้วเราก็จะมืดบอดกันไปเรื่อย ว่าอะไรที่ติดป้ายฉลากว่าเป็นไทยหนือตะวันออกมันดีกว่าฝรั่ง หรือคน อื่นๆไม่มีปัญญาพอที่จะมีเทคโนโลยีของการหยั่งรู้ภายใน เพราะเขาไม่ได้ใช้คำ�ว่าวิปัสสนา คิดว่าคนชาติพันธ์อื่นๆไม่มีวิธี คิดในการพิจารณาชีวิตด้วยเทคนิคอื่นๆ แต่ไอ่การยกหางตัวเองมากเกินไป เพราะว่าการศึกษาคนอื่นน้อยเกินไป จะทำ�ให้ เกิดกำ�แพง เกิดการปิดล้อมตัวเอง กระชับวงล้อม กระชับพื้นที่ของตัวเองแล้วก็นำ�ไปสู่การมองเห็นตัวตนภายในหรือ Self ที่ มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ภาษาวงการติสต์ เขาเรียกว่า “Ego” แล้วก็ไม่นำ�พาเราไปเข้าใจอะไรเลยนอกจากสิ่งที่เราหลับตาแล้วเห็น ด้วยตัวของเราเอง เพราะฉะนั้นแล้วผมว่าตรงนี้แหละที่เปิดประเด็นไว้หลายๆคน ท่านผู้ร่วมเสวนา หลายคนก็บอกไว้ว่า คือ สิ่งที่เราพูดมันไม่ใช่แค่ในเชิงเทคนิคหรือความเก่าใหม่ของเทคนิค แต่สิ่งที่เราพูดวันนี้มันปะปนไปด้วยมิติต่างๆของการเมือง ศิลปะ สังคม ปัญหา ศาสนา ทั้งเรื่องที่มันซับซ้อนถึงขั้นเมตาฟิสิกส์ เรื่องปรัชญา เรื่องพื้นที่ Space อะไรเต็มไปหมดเลย เราลองเรียง Keyword เป็นหนังสือผมว่ามีทั้งห้องสมุดเลย ครบทุก Section เลยตั้งแต่ เมตาฟิสิกส์ (Metaphysics) จนมา ถึงฟิสิกส์ (Physics) มาถึงปรัชญาสมัยใหม่ ปรัชญายุคกลาง ศาสนา ศิลปะสมัยใหม่ อะไรทั้งหมดเลย มันซับซ้อนมากๆ แต่ เมื่อไรก็ตามที่เราไปพิจารณาปรากฏการณ์ของสื่อสมัยใหม่ในฐานะแค่กิจกรรมและการแสดงงาน เราก็พัฒนาได้แค่เทคนิค และความสำ�นึกในส่วนเทคนิคว่ามันทำ�งานแค่ไหน เราก็จะตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปเลย แต่มีเรื่องอื่นๆอีกที่เราละมันไว้ในวงเล็บ ว่าเพราะเวลามันมีจำ�กัด เราต้องไปกระชับพื้นที่อีก (หัวเราะ) คือเป็นเรื่องที่สำ�คัญ เช่นหลักสูตรของการศึกษาและหน้าที่ของ สถาบันการศึกษา ทำ�หน้าที่อย่างไร ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนของประเด็นต่างๆในสังคมที่มากยิ่งขึ้น มันผลิตบุคลากร หรือผลิตนักศึกษา หรือปัญญาชนในอนาคตที่มันมีความซับซ้อนที่จะมองสังคมที่มันซับซ้อนได้ต่อไป ท่าน ผู้บรรยายท่านหนึ่งก็บอกว่าในการแบ่งแยกของสังคมไทย ก็คือการปิดล้อมของศัพท์ตัวเอง คนเป็นศิลปินก็ “ติสต์จ๋า” “หัว ศิลป์” อยู่นั้น คนเป็นนักวิทยาศาตร์ก็คงต้อง”วิทย์จ๋า” ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร คนหัววิทย์อ่ะ นักธุรกิจก็ “เงินจ๋า” มันก็เลยทำ�ให้ เราไม่ Cross Boundary ที่อาจารย์อนุสรณ์ได้นำ�เสนอเอาไว้คือ Cross ทั้ง Time และ Cross ทั้ง Space และแม้กระทั่งกล้า ที่จะก้าวข้ามตัวเราเองด้วย
26 madiFESTO
madiFESTO
27
28 madiFESTO
ในฐานะพลเมืองยุคโลกสมัยใหม่ที่เติบโตและอาศัยอยู่ในสังคมที่เรียกร้องและเน้นความสามัคคี กับหน้าที่อย่างล้นปรี่ตั้งแต่เกิดจนตาย สังคมที่ไม่อนุญาต และไม่มีความอดทน ให้กับการโต้แย้ง การเรียกร้อง และ การแสวงหาความจริง สังคมที่ขลาดกลัวความขัดแย้ง และจัดการความขัดแย้ง ไม่ค่อยเป็น สังคมที่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าการตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์เป็นเรื่องพื้นฐานในสังคมประชาธิปไตย(?) สังคมที่เน้นยํ้าศีลธรรมส่วนบุคคล และการปลุกจิตสำ�นึกอย่างทะลักทลายอันเป็นคุณสมบัติอันจำ�เป็นของ “ผู้อาศัย” ที่สังกัดขึ้นตรงต่อ “เจ้าของ” ผู้มีอำ�นาจควบบารมีในความสัมพันธ์แนวดิ่ง มากกว่าสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันจำ�เป็นของปัจเจกชนและสังคม.... เราพอจะสร้างสรรค์อะไรได้บ้าง? หรือไม่? การสร้างสรรค์คงมิใช่เพียงความพยายามสร้างและผลิตความคิดหรือเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สังคมและชีวิต ดีขึ้นเพียงเท่านั้น แต่การเรียนรู้และพยายามทำ�ความเข้าใจถึงความสลับซับซ้อน เงื่อนไขข้อจำ�กัด และสภาวะของการ เปลี่ยนแปลงซ้อนทับในมิติต่างๆ ของสังคม การเมือง และวัฒนธรรม ที่ปฏิบัติการอยู่ทุกอณูของปรากฏการณ์ในระดับ ชีวิตประจำ�วันและอุดมการณ์ ก็เป็นสิ่งสำ�คัญที่ควรกระทำ�ควบคู่กันไปด้วย ฉะนั้นการวิพากษ์วิจารณ์รวมทั้งการแลก เปลี่ยนความคิดเห็นจึงจำ�เป็นอย่างยิ่งแม้บางครั้งอาจกลายเป็นความขัดแย้ง แต่ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาในโลกเสรี ที่เชื่อและเคารพในสติปัญญา ความสร้างสรรค์ และการเรียนรู้ของมนุษย์ อันจะนำ�พาไปสู่โลกที่ดีกว่าเดิม มิใช่หรือ? และถ้าไม่ใช่? เราจะเปลี่ยนแปลงปัจจุบันไปสู่สิ่งที่ดีกว่าอย่างไร? สภาวะแห่งการ สะดุด ล้ม ตกลง สูญเสีย ร่วงหล่น พังทลาย ลดลง เสื่อมสลาย ของธรรมชาติ ที่เปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวคือความจริงที่ไม่เปลี่ยนไป นั่นเป็นสิ่งที่ควรตระหนักความ คลางแคลงต่อสิ่งที่เผชิญไม่ว่าสิ่งนั้นจะเลวทราม อัปมงคล หรือดีงาม สูงส่ง ศักดิ์สิทธิ์ เจ็บปวด หรือสวยงาม เพียงใด น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสร้างสรรค์ทางหนึ่ง การเปิดโอกาสในการแสดงออกถึงความจริงอันแตกต่างหลากหลาย และการแยกแยะให้เห็นถึงความลักลั่น ขัดแย้ง บิดเบือน ในมิติต่างๆ ทะลุกรอบ กับดักต่างๆ คลี่คลาย ถอดชั้น ถึงสาเหตุและเงื่อนไขของปัญหา จะช่วยเปิดพื้นที่ของ การสร้างสรรค์ใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงคนกลุ่มเดิม แต่หมายถึงการยอมรับมนุษย์กลุ่มอื่นๆ ที่ล่องหนเป็นปีศาจ หรือถูกกดขี่ ให้ได้รับโอกาสมีชีวิต ในฐานะมนุษย์ ที่มีคุณค่าและศักดิ์ศรีอย่างเท่าเทียม และพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่าร่วมกันได้ ท่ามกลางกระบวนการลดทอนความเป็นมนุษย์อย่างสุดขีด เราดำ�รงความเป็นมนุษย์อยู่ได้ด้วยวิธีการอย่างไร? เราจะ เงียบต่อความเลวร้ายและโง่เขลาที่เกิดขึ้น หลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร จนกว่าจะตายแล้วเกิดใหม่ อย่างนั้นหรือ? รสนิยมสร้างสรรค์ กับ ชีวิตที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
madiFESTO
29
30 madiFESTO
As the citizens in the modern world who grew up and live in the society, overwhelmingly calling for unity and duties; not permitting and being intolerant of dispute, demand and search for truth; fearing conflicts and being incapable of managing them; not understanding of criticism,a fundamental element in the democratic society; repeating personal ethics and raising awareness, the essential qualification of the “Tenant” who directly belongs to the “Landlord” who possesses power, coupled with privilege, in a vertical relationship, rather than right, freedom and equality which are the essential qualities of individuals and society,…… is there anything we can create? Creation should be an effort not onlyto construct and produce ideas or innovative technologies for better society and life, but also to learn and understand complexity, limitation and changes that are overlapped in several dimensions of society, politics and culture, and permeate all parts of phenomena in our daily life and ideals. Thus, criticism, as well as discourse, is crucial, even though it can cause conflicts. Is not this common in the Free World which believes in and respects intellect, creativeness and the learning process of humans that, in turn, lead to a better world? If not so, how can we change the present to a better future? The state of stumbling, fall, lose, collapse, decline and disintegration of changing and moving nature is unchangeable truth. This is, hence, something to be aware of. Skepticism of confronting issues, no matter how bad or unfavorable, good or favorable, or agonizing or aesthetic, they are can be a building block of creativeness. Providing an opportunity for expression of various truths and differentiation of inequality, conflict and distortion in all dimensions beyond the shackles is to gradually unfold and dismantle causes and conditions of problems which, in turn, help to open a space of creativity not only for the same groups of people, but also for the other invisible and oppressed groups so they can have access to a chance to live as a human being who possess equal value and prestigeand to jointly develop a better world. How can we still maintain our humanity amid the extreme dehumanization processes? Should we continue to keep silent on wickedness and foolishness by always giving ourselves an excuse that‘It is all right’? Creative decency is not the same as creative life.
madiFESTO
31
32 madiFESTO
Asek Petfuang date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
การประกอบสร้างของสิ่งที่บุคคลเลือกมาเป็นภาพแทนของตัว เอง “อัตลักษณ์” มีความไหลเลื่อนมากกว่าที่จะเป็นผลผลิต สำ�เร็จรูปจากวาทกรรม และไม่สามารถซ้อนทับกับปัจเจกภาพ ได้อย่างสนิทแน่น ความเป็นปัจเจกถูกเน้นในฐานะที่เป็นกระ บวนการทางสังคมของการสร้างอัตลักษณ์ มากกว่าที่จะเป็น แก่ น แกนของคุ ณ สมบั ติ บ างอย่ า งที่ มี ลั ก ษณะตายตั ว ซึ่ ง เป็ น เพี ย งภาพลวงตาที่ เ กิ ด จากผลกระทบของชุ ด วาทกรรมต่ า งๆ เท่านั้นเอง
The composing of personal identity is flowing rather than being the instant outcome but it’s mutually exclusive to disclosure. The disclosure is emphasized as of the social identity creation, not just being the fixed element which seems to be illusion that is formed by the effect of personal. madiFESTO
33
34 madiFESTO
madiFESTO
35
Atikom Mukdaprakorn CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
คำ� และ คำ� และ คำ� และ คำ� และ คำ� ร้อยเรียงให้กลายเป็นคำ� จรุงขวัญ ปลุกจิต พาใจ ไปสู่ “ที่หมาย” ที่บางครั้งก็มั่นใจได้ใน ความมีอยู่และบางทีก็เป็นเพียงปรารถนาที่ยังมาไม่ถึง หรืออาจ ไม่มีทางมาถึงแต่อย่างน้อยเมื่อพูดออกมา ”คำ�” เหล่านั้น ปัก หลักวางจุดให้เราวิ่งหมุนเหวี่ยงวนจนรู้สึกได้ถึงแรงกระทำ�บาง อย่างต่อตัวตน รับรู้ถึงการมีอยู่จากความรู้สึกต่อแรงเหวี่ยงนั้น แม้คำ�อาจว่างเปล่า และแรงกระทำ�อาจเป็นการรู้สึกไปเองแต่แค่ ได้พูดตามๆ กันไป... ก็ยังเป็นปีติแก่ชีวิตกลางสุญญากาศทาง อุดมการณ์ของสังคมได้... บ้างแหละ
Word and word and word and word and word being arranged into words, nurtures the spirit, wakes up the mind and leads to the destination that once can ensure its existence and sometimes is just only upcoming desire or the desire that is never be true. At least the uttered words have set us swung until we feel an affected pressure towards the self and such existence. Though the words are empty and the occurring emotion are all self generated, the spiral words, arouses the happiness within the vacuum and social ideology.
36 madiFESTO
madiFESTO2011 Design Department CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
โปรเจคท์รวมผลงานส่วนกลางของ madiFESTO 2011 โดยทีมดีไซน์
Puttimon Tantithananont Chavatepol Boonsiri CREATIVE PROJECT anywhere, anytime
contact us : meemaiartloans@thaimail.com
โกยมาทั้งผลงานที่ล้มหล่นตามแรง กระเพื่อมของความอ่อนล้าและงานที่ ร่วงโรยราตามยถากรรมของแรงโน้มถ่วง
madiFESTO
37
date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER filmSPACE
Escalate students’ experience through the experimentation of motion pictures and sounds in exploring new directions of creative works on different platform such as virtual Space / cyberspace network, games, audio broadcast, and mass communication. The interactive features allow audiences to influence content, image and sounds through narrative structure, social critiques, significant analysis, and concept design along with design principle and techniques such as lighting, editing, composition and aesthetics. 38 madiFESTO
Charn Chaipongpun
CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ณ ช่วงเวลาหนึ่งมีความตายปรากฏขึ้นมากกว่า 20 ล้านชีวิต โศกนาฏกรรมครั้งนี้มีหลายชีวิต ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพียงเพื่อต้องการที่จะมีชีวิต รอด รอดเพื่อไม่รอด รอดเพื่อถูกควบคุม รอด เพื่อปลดปล่อย รอดเพื่ออิสระ การรอดครั้งนี้ ธรรมชาติได้คัดสรรค์ความลงตัวอย่างเหมาะ สม สุดท้ายเขาคือมนุษย์ผู้ฝ่าฟัน กฎระเบียบอัน งดงามและความแข็งแกร่งซึ่งเป็นแบบฝึกหัด จากธรรมชาติ
Once upon a time, there were the death of more than 20 million lives. Many lives fight for there survive. Survive to be death... Survive to be controlled... Survive to be free... This survival is appropriately chosen by nature. Finally, he is a mandkind who, survived from the rules. This is a tough and beautiful etude from the natural.
madiFESTO
39
Josh Dick CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
The Following sequence was shot in the medium of Fes, Morocco over a period of 74 minutes. The camera was set up on a tripod in a locked position, pointed directly at the cross section of a “T- Intersection” by choosing a simile background and location off the main street of the medina, my goal was to caption the essence of the people inside the medina and strip the market atmosphere.
40 madiFESTO
Morakot Ketklao CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ผัสสะแห่งการมองเห็น ความงาม ความน่ากลัว และความเป็นจริง ทำ�ให้เราต้องเผชิญหน้ากับ ความจริงนั้น บางเวลาเราต้องการที่จะเดินออก จากเรื่องราวของความจริงที่เป็นอยู่ หยุดพัก... ควรหยุดพัก... หยุดมอง... หยุดเห็น.........
Sense-Data, aesthetics, fearfulness and the truth that makes us face up to the “REAL” sometime we would like to leave our real situation behind. take a rest... should take a rest... close your eye... see nothing.........
Kamin Lertchaiprasert CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
madiFESTO
41
Bundit Puangthong CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
This piece of work consists of a variety of stencil, which is a technique that is hugely popular in Melbourne, Australia and other parts of the world and a technique I use a lot in my Artwork. Despite the obvious western influence in my artwork, my stencil making skills were developed in Thai temples while learning traditional Thai mural painting. This collection of stencil starts with motifs similar to Thai temple painting and gradually move into loud, modern imagery similar to that which fills the laneways and streets of Melbourne and other cities. I have chosen to paint directly on to the wall of the gallery because both traditional temple art and street art are done of the wall and I like the idea of bringing both art forms from their usual setting and onto gallery wall. I also like to think of it as a way of me marking my mark (literally) on the same walls in which it all began during my arts training at Chiang Mai University 1989-1994. My way of saying “I’m back!!!” 42 madiFESTO
Nimman Canal Group CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
การวิพากษ์ถึงความล้มเหลวและความผิดพลาด ของคนอื่นคงเป็นเรื่องสนุกสำ�หรับปถุชนคนทั่วไป คล้ายกับคนในอดีตชอบดูถูกคนอื่นถูกลงโทษ ถูก ตัดคอประหารชีวิตในที่สาธารณะ ณ จัตุรัสกลาง เมือง ถือเป็นความบันเทิงของคนในยุคนั้น ผู้ที่มีสิทธิ์วิพากษ์คนอื่นได้ น่าจะเป็นคนที่มีความ ประพฤติและจิตใจอยู่เหนือกว่าคนที่เขาวิพากษ์ เช่น ไม่เคยทำ�ผิดเลย ไม่เคยล้มเหลว ไม่เคย โกหกตอแหล หรือเคยน้อยที่สุด ผลงานชิ้นนี้ต้องการนำ�เสนอให้ความผิดพลาด เป็นครู เพราะ ขึ้นชื่อว่า “คน” คนเรามันพลาด กันได้ ตัวข้าพเจ้าเองก็เคยพลาดตั้งหลายอย่าง “กิ้งกือยังสะดุดเท้าตัวเอง”
Kade Javanalikikorn CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
madiFESTO
43
Wansawang Yensabydee Arnont Nongyao Surajate Tongchua Paphonsak La-or CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER & Baan Tuek Art Center
เป็นโครงการที่พยายามควานหาจุดเชื่อม หรือรอยต่อระหว่างพื้นที่ทางศิลปะและ พื้นที่สาธารณะ ในทางที่จะทำ�ให้เกิด แง่มุมต่อสังคมและผู้ที่จะเข้าร่วมใน โครงการนี้ โดยทีมผู้สร้างหวังว่าการเชื่อม ต่อพื้นที่ต่างๆในครั้งนี้นั้นจะช่วยสะท้อน กระตุ้น และผลักดันให้พื้นที่ต่างๆเกิดแง่ มุมและความมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
This project is trying to grope for points or boundaries between art and public space. In a way that will lead to social aspects. The makers hope to connect different areas of this will help stimulate and encourage reflection on aspects of space and more lively.
44 madiFESTO
Surajate Tongchua CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ความตลบตะแลงในคามซื่อสัจของคามคิดที่บ่ง บอกดังจุดยืน ความเป็นตัวตน ที่ปากตนพูดอยู่ ปาวๆว่าเราจริง ว่าเราพร้อมที่จะรับใช้ทุกๆคน อย่างซื่อสัจ (สัตว์) และความซื่อ(สัตว์)ก็ยังคง ขึ้นอยู่กับสันดานของตนอยู่เสมอมา ว่าตัวพร้อม ที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่ใครก็ตามที่ให้ประโยชน์ และไม่มีความเห็นต่าง (ขัดขา) แต่นั่นแหละ คนเราก็ยังพร้อมที่จะเลือกใช้คนซื่อสัจ (สัตย์) มาทำ�งานแทน มาตรวจสอบแทน มาควบคุม กำ�หนด ครอบงำ� ฯลฯ หรือพูดง่าย นโยบายนั้น แหละ ขนาดพวกมันยังตอแหลตัวตนมันเองได้ แล้วทำ�ไมเราจะทำ�ไม่ได้
อีกอย่าง ประเทศเรายังมี ความซื่อ(สัตว์) ที่ยิ่งใหญ่อยู่นะ
madiFESTO
45
Araya Rasdjarmrearnsook CREATIVE PROJECT date 26.09.2011 venue CMU ART CENTER
46 madiFESTO
‘กิจจดจ่อสามัญ’ เคลื่อนมาสู่พื้นที่ศิลปะ ทอดไมตรีต่อสาธารณะ เชิญชวน ‘สำ�นึกอื่น’ ให้เข้าร่วมภวังค์เดียวกัน ภวังค์ซึ่งละทิ้ง ‘ฉัน’ สู่ ‘ความเป็นเรา’ แบ่งปัน ‘พวกเรา’ กับ ‘ตนอื่น’ การเคลื่อนไหว ไม่มีทางผ่าน ไม่มีเป้าหมาย เวลาไม่ถูกเทียบเคียงไปกับสิ่งใด แม้กับตัวเวลาเอง
“A common meditative act” moves into an art space rendering hospitality to the public and inviting “the other conscience” to join in. The reverie that left “I” to the “us being” sharing “us” with “other being”. Moving with no passageway, no goal. Time without comparison even with itself.
madiFESTO
47
CREATIVE PROJECT
Peter Gente
date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
การย้อนพินิจ ที่มาพร้อมกับการจัดวางหนังสือ เสียงเพลง การสนทนา อาหารว่าง และบรรยากาศท่ามกลางงานศิลปะ เหตุผลของ การจัดครั้งนี้ตามที่โทมัส แบน์นฮาร์ดเคยกล่าวไว้ว่า “เพลงก็คือปรัชญา และในทางกลับกัน” (จาก Ja) สำ�นักพิมพ์แมร์เว (Merve Verlag) ได้จัดพิมพ์หนังสือไปมากกว่า 350 ชื่อเรื่องภายในเวลา 40 ปี และได้ค้นพบและนำ�เสนอผลงาน ของนักคิด-นักประพันธ์เหล่านั้นได้ เพราะผลงานของเขาหลายต่อหลายคนที่ยังเป็นที่ชื่นชอบ ยังได้รับความสนใจจากนักอ่าน และ ยังมีการกล่าวอ้างอิงผลงานเหล่านั้น อยู่อย่างสมํ่าเสมอ บุคคลเหล่านั้น ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “ตำ�นานไป แล้ว ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณและชื่นชม ผลงานของสำ�นักพิมพ์แมร์เว” ดังที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เยอรมันได้เคยกล่าวไว้แล้วครั้งหนึ่ง ผลงานเพลงที่จะมีการนำ�เสนอมี มีเพลงของ Robert Ashley, Jean Deleuze, DNA, Marcel Duchamp, Feld, Gagaju-Musik, Chales Mes Qin-Musik, Residents, Arnold SchThaemlitz, Walfischgesange, Anton
มากกว่า 50 เพลง ในจำ�นวนนี้จะ Baudrillard, Johm Cage, Gilles Neubauten Einsturzende, Morton , Gyorgy Ligeti, Harry Partch, oenberg, James Tenney, Terrer V. Webern
นับตั้งแต่ พ.ศ.2517 เป็นเวลาต่อเนื่อง มาตลอด 28 ปีที่ไฮดี ปารีส (Heidi Paris) และเปเตอร์ เจนเต้ (Peter Gente) ได้ร่วมกันดำ�เนินกิจการของ สำ�นักพิมพ์แมร์เว ไฮดี ปารีส ได้ถึงแก่ กรรมเมื่อปี พ.ศ.2545 และเปเตอร์ เจนเต้ก็ต้องหันหลังให้กับกิจการของ สำ�นักพิมพ์ด้วยเหตุผลทางสุขภาพ หลังจากที่ได้วางแนวคิดร่วมกับ มันเฟรด เคลาสส์ (Manfred Klauss) และเอลิซ่า บาร์ธ (Eliza Barth) ปัจจุบันเข้าพำ�นักอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ การนำ�เสนอครั้งนี้เป็นไปตามแนวคิดของ ธีโอดอร์ อดอร์โน ( Theodor W. Adomo) ที่ว่า “รูปร่างของ อุดมคติทางศิลปะในปัจจุบันก็คือสร้างสิ่งที่ขึ้นมาที่เราเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร” (จาก Quasi una fantasia)
48 madiFESTO
Supachai Sartsara CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ปัจจุบัน โลกต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง ไม่ ว่าจะเป็นสภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวน อันเป็นผลกระทบจาก สภาวะโลกผิดเพี้ยน ฉะนั้นมนุษย์เป็นปัจจัยหลักในการสร้าง ปัญหานี้ เนื่องจากมนุษย์มีความต้องการด้านวัตถุ สิ่งอุปโภค และบริโภคหลาย ๆ ด้าน รวมถึงการใช้รถยนต์ และเชื้อเพลิงที่ เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันนี้ ซึ่งก่อเกิดปัญหามลภาวะเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อลดภาวะโลกร้อน ปัญหามลพิษ และเพื่อการพัฒนา ความสมดุลให้แก่โลกใบนี้
madiFESTO
49
Smitchai Lertanan CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
“พระองค์ทรงทำ�การเหมือนมิอาลัยแก่ชีวิตองค์เอง และไม่ห่วงคนเคียงข้าง หม่อมชั้นทิ้งบ้าน ทิ้งเมืองมาก็หาใช่จะมาเพื่อรอชมพระองค์สิ้นพระชนม์ ชีพกลางศึก มาเพื่อถวายงานและถวาย ใจให้กับราชันย์ที่ยังมีลมหายใจ มิได้มาเพื่อถวายนํ้าตาให้มหาราชในพระบรมโกฏิ”
“He has made it like not feel sorrowful and not concern anyone. I left the house, leaving the city, I don’t need to wait to watch him die in battle. I come to offering and sacrifice to alive royal lineage, not come to cry front of the grave.”
50 madiFESTO
Nara Sirayanon CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ข้อมูลจากงานวิจัยที่ซับซ้อนถูกนำ�มาปรับเปลี่ยนแปลงร่าง ให้เป็น infographic ที่แหวกกฏแหกกรอบความงามของงาน ในรูปแบบเดิมๆที่เคยมีมา ซึ่งถูกสรุปไว้ด้วย infographic ที่ ชื่อว่า infographic of infographics แผนภาพ แผนที่ ตาราง ต่างๆ จะถูกนำ�มาใช้เป็นภาพแทนในการนำ�เสนอค่าทางสถิติ และคำ�ตอบที่ได้จากงานวิจัย ผ่านการผสมผสานการใช้วัสดุ และสื่อต่างๆ และแสดงออกมาในรูปแบบของงาน Installation Infographic โดยยังคงเป้าประสงค์ของการนำ�เสนอให้ผู้ดู สามารถรับรู้และเข้าใจได้โดยง่าย
The complicated research outcome has been adapted and presented in infographic breaking the rules of aesthetic of the previous concept of beauty, recognized as “Infographics of Infographics”. Pictorial map, maps and tables represents statistics, collected data and conclusions from the research through combining materials and media presenting in the installation infographic aiming at bringing the understandable perceptions and concepts for the audiences.
madiFESTO
51
Thirathep Chonmaitree CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
52 madiFESTO
Life-long learning in Thailand? Can we do it? In the system? Out of the system? Which one is good for the Thai educational system? What would be fit in the society right now? As we enter the new era of Thailand economy and political issues. Thai Education System tries to promote Life-long learning in the education system throughout the year. Now, high competition in Thai society drives Thai students to gain as much information as they can. The out-of-system educational concept ever since the last parliament had put all the teachers and students struggle through the whole new process which promise in delivering and sharing a better standard of education. It is more that students would need to rely on themselves more than any other era. At the same time, Thai students are still not good in English as a second language. As increasing demand to speak one foreign language in order to work in a good company, drive the demand for international school in the rocket high with higher standard from the international cities around the world and become one of the ASEAN countries in 2015. While they are studying in high school, they also need to attend intensive school whose teacher came from university that each student would like to enroll. This Information design would like to introduce Thai Education system along with Thai Life Cycle explaining the Life-Long learning concept. This information design will show how Thai Education System can support Life-Long Learning in the future or cannot. Studying, these day, can be tough if you cannot catch important knowledge fast enough through your learning in class and learning new knowledge by yourself throughout the course of your study.
madiFESTO
53
Udom Chimpakdee CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ความคิดที่ไหลพรั่งพรูจากการปฏิบัติจาก ดวงใจของแต่ละท่านเป็นเช่นไร สิ่งที่ท่าน กำ�ลังเห็นอยู่ตรงหน้าก็คือการทำ�หน้าที่ อย่างหนึ่งในธรรมชาติของสัตว์ตัวเล็กๆ กลไกการมีชีวิต กิน อยู่ ถ่าย สืบพันธุ์ ตาย กลับมาทำ�งานแบบเดิมๆอีกครั้งในรุ่นต่อๆ ไป สิ่งที่ท่านอยากจะจดปลายนิ้วเขียน ผ่านผงฝุ่นไม้ที่เกิดจากตัวมอด ลองเขียน ความคิดที่เป็นปัจจุบันขณะของคุณดู หรือ ลองวาดรูปด้วยปลายนิ้วดูว่าท่านมีความ รู้สึกเช่นไร
54 madiFESTO
Padungsak Kochsomrong CREATIVE PROJECT date 26.09.2011 venue CMU ART CENTER
ข้าพเจ้าต้องการตั้งคำ�ถามกับคำ�ว่า ”ปรองดอง” ใคร ต้องปรองดองกับใคร แล้วใครคือคนที่ได้ประโยชน์กับ การปรองดอง โดยผ่านผลงาน Performance art
madiFESTO
55
Mit Jai-Inn CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-01.10.2011 venue CMU ART CENTER
112 ในมิติทางวัฒนธรรม ปัญหาของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือที่เรียกกันว่า “กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” มิได้มีเพียงการถูกนำ�ไปใช้ใน การกล่าวหาหรือการเปิดโอกาสให้เกิดการกล่าวหา การกระทำ�ที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหา กษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทหรือผู้สำ�เร็จราชการแทนพระองค์และทำ�ให้เกิดการปิดกั้นการแสดงออกทางความคิดเห็นที่เป็นสุจริตใน ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับราชการแผ่นดิน หรือพระมหากษัตริย์ในฐานะที่เป็นองค์กรเอกชนตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น เนื้อหาทางกฎหมายในมิติทางนิติศาสตร์ทำ�ให้เกิดการปิดกั้นอิสรภาพของชีวิตทางวัฒนธรรมในวงเขตที่กว้างขวาง หากวัฒนธรรมหมาย ถึงวิถีชีวิต วิถีชีวิตแบบไทยๆ อยู่ภายใต้กรอบกำ�หนดและกรอบกำ�หนดดังกล่าวนี้ทำ�ให้การมีชีวิตไปตามยถากรรมเป็นสิ่งปกติและไม่มี ความจำ�เป็นที่จะต้องมีสิทธิเสรีภาพอะไร หรือหากชีวิตจะต้องมีสิทธิเสรีภาพต้องเป็นไปตามกฎหมายซึ่งถูกเขียนขึ้นโดยมีผลบังคับใช้ในสองมิติ 1. มิติความหมายของคำ�ว่า “เสรีภาพ” ที่กฎหมายนั้นๆ อนุญาตให้มี 2. มิติของกรอบความเข้าใจชีวิตทางวัฒนธรรม ภายใต้ขนบแบบไทยๆ ชุดหนึ่ง ดังนั้นทั้งสิทธิ เสรี ภ าพตามที่ ก ฎหมายอนุ ญ าตให้ มีและขนบความเป็นวัฒนธรรมไทย มี สิ่ ง ที่ เ ชื่ อ มโยงกั น คื อ การไม่ เ ปิ ด โอกาสให้ เ กิ ด ข้ อ ถกเถี ย งต่ อ คำ � ว่ า “สิทธิ และเสรีภาพ” ในมิ ติ แ รกมี ปั ญ หามากมายตาม ที่ ท ราบกั น บ้ า งแล้ ว จากประเด็ น ปัญหาและข้อถกเถียงต่างๆ ในทาง นิติศาสตร์ แต่ในมิติที่สองคือมิติ ทางวั ฒ นธรรมนี้ ส่ ง ผลกระทบอย่ า ง มหาศาลในระดั บ วั ฒ นธรรมและ ผลกระทบนี้ กิ น ความอย่ า งกว้ า ง ขวางและลึ ก ซึ้ ง มากต่ อ ความหมาย ของสิ ท ธิ แ ละเสรี ภ าพในการดำ � รง ชี วิ ต ประจำ � วั น ซึ่ ง อาจจะไม่ เ กี่ ย ว กั บ ปั ญ หาของข้ อ กฎหมายหมิ่ น พระบรมเดชานุภาพโดยตรง แต่มัน ได้ ส ร้ า งกรอบหรื อ จิ น ตนากรรมต่ อ ภาพของวิ ถี ชี วิ ต ตามยถากรรมที่ ทำ � ให้ ป ระชาชนไม่ ส ามารถมองเห็ น ถึ ง สาระสำ � คั ญ ของคำ � ว่ า อิ ส รภาพ และเสรีภาพหรือ ไม่ส ามารถที่ จ ะตั้ ง คำ�ถามต่อข้อจำ�กัดของอิสรภาพและ เสรีภาพที่ส่วนหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นจากผล พวงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากข้อกำ�หนด ทางกฎหมายในมาตรา 112 และ มาตราอื่นในกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยว เนื่องกันได้เลย ดังนั้นปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงส่งผลกระทบที่ซับซ้อนในหลายมิติ และประเด็นข้อถกเถียงที่ เกี่ยวข้องกับกฎหมายมาตรานี้ และมาตราที่เกี่ยวข้องจึงเกิดจากการเคลื่อนไหวของคนในหลายๆ กลุ่มซึ่งเป็นผลพวงของปัญหาในชีวิต ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายที่เห็นว่าการปัญหาในระดับประจำ�วันของตนเป็นสิ่งที่แก้ไขได้ และดำ�เนินไปตามยถากรรม หากแต่เกิดขึ้น จากการถูกทำ�ให้เชื่อว่าตนเองไม่มีสิทธิเสรีภาพที่จะพูดถึงปัญหาเหล่านั้นได้ ตรงนี้มันได้สร้างภาพให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่มีปัญหา เป็นลักษณะของ สังคมที่ปิดเงียบ ในขณะที่ปัญหาในระดับชีวิตประจำ�วันยังคงรุมเร้าผู้คนและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และยังไม่ได้รับ การเหลียวแลการเป็นสังคมปิดเงียบจึงสร้างภาวะความหวาดกลัวที่จะพูดถึงยถากรรมที่ทุกคนกำ�ลังประเชิญหน้าอยู่ ในอดีตหน้าที่ของหลักปรัชญากฎหมายไทยคือการวางกรอบให้พลเมืองปฏิบัติตามสิ่งที่พระมหากษัตริย์ ชนชั้นนำ� และผู้นำ�ของรัฐใน
56 madiFESTO
สมัยต่างๆ ต้องการ แทบ ไม่ มี ก ฎหมายที่ เ กิ ด ขึ้ น จาก พ ล เ มื อ ง ข อ ง รั ฐ เ อ ง ที่ ใ ช้ เป็ น กรอบข้ อ ตกลงในการ อยู่ ร่ ว มกั น ในสั ง คมสมั ย ใหม่เลย ชีวิตของพลเมืองไทยถูกปล่อยไว้ในจินตนาการที่ต้อง เผชิญยถากรรมแต่เพียงลำ�พัง แต่เมื่อใดก็ตามที่การใช้ชีวิต ตามยถากรรมซึ่ ง ยากแค้ น แสนลำ � เค็ ญ อยู่ แ ล้ ว มี เ รื่ อ งที่ ล ะเมิ ด กรอบการจั ด วางชี วิ ต ที่ เ ป็ น ระเบี ย บเรี ย บร้ อ ยตามหลั ก ปรั ช ญา กฎหมายไทย พลเมืองคนนั้นๆ กลุ่มนั้นๆ ก็จะถูกจัดการจาก ประมวลกฎหมายมาตราต่างๆ ตามลักษณะของกฎหมายที่มี ระดับต่างกัน ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ กฎหมายอาญา พระราชบัญญัติ เทศบัญญัติ ระเบียบ ฯลฯ พลเมืองของรัฐไทยจึงมีชีวิตไปตาม ยถากรรมและอยู่ จิ น ตนาการเรื่ อ งสิ ท ธิ เ สรี ภ าพตามแต่ ก รอบ กฎหมาย และผู้เขียนกฎหมายจะเห็นสมควร
จินตนาการของการดำ�เนินชีวิต กิจกรรมและนิยามความหมาย ของวัฒนธรรมไทยที่เป็นปัญหาในมิติที่ซับซ้อน ปัญหามาตรา 112 ในมิติทางวัฒนธรรมนี้ไม่เพียงสร้างความหวาดกลัว ต่อ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นสาธารณะที่มักถูกใช้เป็นข้อ กล่าวหาในเรื่อง “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” แต่มันได้สร้าง ความหวาดกลัวต่อการดำ�รงชีวิตที่เป็นปกติสามัญภายใต้ขนบ ในยุคที่รัฐ ทุนและระบบตลาด ซึ่งในภายหลังมีความสัมพันธ์ที่ ความเป็นพลเมืองไทยที่ไม่มีสิทธิเสรีภาพในแทบทุกด้านอีกด้วย ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในโลกโลกาภิวัตน์ ชีวิตตามยถากรรมแต่เดิม ที่ถูกอธิบายตามหลักผู้มีวาสนาบารมีและผู้เกิดมาบุญน้อย โดย ดังนี้แล้วเมื่อผลกระทบของมาตรา 112 มีใจความที่กว้างขวาง มีพุทธศาสนาที่ถูกใช้รับรองความไม่เสมอภาคแต่กำ�เนิดเพื่อตอก ในระดับวัฒนธรรม และชีวิตประจำ�วัน ดังนั้นการรณรงค์เรียก ยํ้ า ภาพชี วิ ต ของพลเมื อ งที่ ต้ อ งเผชิ ญ ปั ญ หามากมายแต่ เ พี ย ง ร้องให้เกิดการแก้ไขจนถึงการล้มเลิกกฎหมายมาตรานี้จึงจำ�เป็น ลำ�พังยังคงทำ�หน้าที่สำ�คัญอยู่และยิ่งไปกว่านั้นในโลกสมัยใหม่ ต้องเกิดจากกิจกรรมในพื้นที่ของวัฒนธรรมและพื้นที่ของชีวิต พลเมืองต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตประจำ�วันในมิติทางเศรษฐกิจ เป็นคู่ขนานกันไปกับการถกเถียงในมิติทางนิติศาสตร์ และจุด ที่ทำ�ให้เกิดช้องว่างที่ห่างออกเรื่อยๆ ระหว่างผู้ไม่มีจะกิน และผู้ ประสงค์สำ�คัญในการอดข้าวของมิตร ใจอินทร์ คือการทำ�ให้ ที่รํ่ารวยเกินกว่าปกติมากนัก ภาพของชีวิตที่ถูกนำ�เสนอคือภาพ พื้นที่ของชีวิตสามัญ ชีวิตที่ทุกคนเดินเหินไปมาในกิจกรรมของ ของผู้คนที่ต้องได้รับความช่วยเหลือให้พออยู่ไปวันๆ แบบบอน ชีวิตที่แตกต่างหลากหลายคือเวทีแห่งการรณรงค์เรียกร้องสิทธิ ไซคือไม่ตายแต่เลี้ยงไม่โต ยิ่งไปกว่านั้นความเชื่อเรื่องยถากรรม เสรีภาพในรูปแบบต่างๆ และเป็นเวทีที่แท้จริงในการไต่สวน ในอดี ต ถู ก อธิ บ ายใหม่ ด้ ว ยปรั ช ญาเศรษฐกิ จ ที่ ใ ห้ พ ลเมื อ งรู้ จั ก ความอยุติธรรมทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม ชาติ ประมาณตนและไม่ควรคิดอะไรมาก และไม่ควรคิดถึงสิทธิที่จะ พันธ์ เพศสภาพ และอื่นๆ อย่างกว้างขวาง ด้วยเครื่องมือที่ทุก ลืมตาอ้าปากได้อย่างมีอิสรภาพ ในขณะที่ชีวิตของพลเมืองถูก คนมีเป็นต้นทุนในกระเป๋าของตัวเอง ผูกเข้ากับพันธนาการของข้อเท็จจริงทางเศรษฐกิจในการดำ�รง ชีพที่เต็มไปด้วยหนี้สิน และบุญคุณต่างๆ นาๆ โดยทั้งหมดต้อง ก้มหน้ารับกรรมไปกันเอง แต่เมื่อสังคมมีความรู้ที่มากขึ้นและเริ่มตั้งคำ�ถามว่าทำ�ไมชีวิตจึง เต็มไปด้วยปัญหาที่เชื่อมโยงกันในหลายมิตินี้ และเริ่มเรียกร้อง เพียงสิทธิที่จะพูด ตั้งคำ�ถามและวิจารณ์ ซึ่งจะนำ�ไปสู่ข้อเรียก ร้องการมีชีวิตที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ก็ต้องเผชิญกับกรอบที่ถูก กำ�หนดไว้ในประมวลกฎหมายภายใต้ขนบชุดหนึ่งที่พลเมืองไทย ควรหุบปากและสำ�รวมเจียมตัวอีก ดังนั้นปัญหาของประมวลกฎหมายมาตรา 112 จึงเป็นปัญหา ที่ กิ น ความกว้ า งขว้ า งมากในระดั บ ชี วิ ต ประจำ � วั น ต่ อ เรื่ อ ง
madiFESTO
57
58 madiFESTO
madiFESTO
59
Boonrit Nuntawit | TRA THI THANH NGUYEN | Leela Junsawang | Preenapa Pookkumdee | Saruti Jantrarachai | Pisuttikul Boonmee | Akara Pacchakkhaphati MEDIA ETHNOGRAPHY date 20.09.2011-03.10.2011 venue Dao Deung Village Soi 1, Suthep Road, Chiangmai
บ้านพ่อ บ้านที่ศิวิไลซ์ที่สุดในโลกที่สาม ณ ดาวดึงส์ ซอยหนึ่ง เปรียบพื้นที่โครงสร้างบ้านเป็นภาพแทนบางส่วนของพื้นที่โครงสร้าง ประเทศ ซึ่งภายในพื้นที่โครงสร้างนั้นมีปรากฏการณ์ต่างๆมากมายที่กำ�ลัง ดำ�เนินอยู่และถูกปกปิดบิดเบือนไม่ให้ผู้อยู่อาศัยมองเห็นว่ามันเป็นปัญหา แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ผู้อยู่อาศัยในชายคาทั้งหมดที่จะไม่รู้สึกรู้สาถึงปัญหาที่ แทรกซึมเหล่านั้น นี่จึงเป็นโครงงานที่ต้องการสะท้อนย้อนแย้งให้เห็นว่าใน แต่ละพื้นที่ของโครงสร้างบ้านพ่อมีอะไรเกิดขึ้นบ้างและในระดับของผู้อยู่ อาศัยและผู้มาเยี่ยมเยียนจะมีปฏิบัติการหรือการแสดงออกกันอย่างไร
60 madiFESTO
madiFESTO
61
Boonrit Nuntawit การดำ�เนินชีวิตในประจำ�วันอาจมองเห็นรูปแบบและ ลักษณะของการพ่นกำ�แพงอยู่แทบทุกที่ซึ่งรูปแบบ หรือ ลักษณะดังกล่าวนั้น ถือเป็นการพูดออกมาในพื้นที่ สาธารณะอย่างหนึ่งซึ่งมีความหลากหลายเพื่อแสดง ให้เห็นถึงการพยายามที่จะช่วงชิงพื้นที่ของการต่อรอง อำ�นาจและการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของตัวบุคคลเอง ซึ่งอาจสร้างข้อถกเถียง หรือก่อประเด็นอะไรบางอย่างให้ แก่ผู้ที่พบเห็นหรือสังคม
In everyday life, may can see patterns and characteristics of virtually graffiti in everywhere. Such that regards as one speaking out in public areas. To demonstrate its diversity to try to compete for the area of negotiation power and express the identity of the person and may create criticism or cause some issues for who see or society.
62 madiFESTO
TRA THI THANH NGUYEN
The meaning of cultural symbols always exists in the complex relation of many factors. We cannot recognize the symbols only the outside perception. Therefore in this project I want to describe the multiple meanings of cultural symbols - things created by the change of the social process and negotiations. The instability, the overlapping and the surrounding of symbols meaning used as key ideas of the project. This project uses “Vietnamese craft coffee maker” as a Vietnamese cultural symbol. Each audience would be able to activate and interact with the work. When audiences pour hot water into the “Vietnamese craft coffee maker” coffee’s drop will fall to the bottom glass. When droplets impact on the coffee glass, they will make a change in sound and image of the screen around the work. With the interaction of audiences: the mixing of images and sounds constantly change will contribute to describe the main idea of the project.
madiFESTO
63
Leela Junsawang
ละครโทรทัศน์ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ประกอบสร้างจากหลายชุดความ คิด เพื่อส่งต่อข้อความ ที่กำ�กับด้วยกรอบความรู้ ความเข้าใจของ สังคมยุคนั้นๆ ซึ่งส่งผล ให้เกิดปฏิบัติการ ทางสังคมบางอยางที่ สอดคล้องกัน เพื่อถ่ายทอดแนวคิดทุนนิยมและการบริโภคสัญญะ อย่างแนบเนียน แต่ความคุ้นชินของมนุษย์ที่ดูละครโทรทัศน์ใน ฐานะสื่อบันเทิง ไม่เคยมองเห็นอุดมการณ์ ความเชื่อ หรืออะไร ก็ตามที่อยู่เบื้องหลัง แม้กระทั่งความจริงที่ถ่ายทอดมา เราก็ยังมอง ข้ามไป เหมือนว่ามันไม่ใช่ความจริงที่ปรากฏในสังคม
Television programs is an invention from many set of knowledges. To send the messages which under the cover of social episteme and command social practices in the same way as the capitalism wanted. Normally people watch television as an entrainment media and never ever look aside to understand what ideology is hidden. Besides almost of them pretend that the fact does not the real thing in social.
64 madiFESTO
Saruti Jantrarachai
ห้องนอนคือสถานที่ที่ใช้ในการประกอบกิจกรรมหลายๆอย่างซึ่งมีความ เป็นส่วนตัว แต่กลับไม่สามารถพูดถึงเรื่องส่วนตัวได้ หนึ่งในนั้นคือ กิจกรรมทางเพศ ที่ต้องปกปิดไว้บนความเชื่อของความดีงามที่สังคม ไทยกำ�หนด สิ่งนี้ได้สะท้อนภาพใหญ่ของสังคมไทยโดยรวม ที่เรื่องเพศ (sexual) ไม่อนุญาตให้พูดถึงได้ในพื้นที่สาธารณะถึงแม้จะเป็นเรื่อง ธรรมชาติของพื้นฐานของความต้องการในตัวมนุษย์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มของ ความไม่เข้าใจต่อเรื่องเพศที่แท้จริง และสร้างปัญหาตามมามากมาย ให้กับสังคมไทยปัจจุบัน Bedroom is a private place for many activities. Sometimes
private place cannot talk about private story such as sexual activity in order to keep the idea of a good moral of Thai in society. Bedroom is as one reflection of the whole Thai society that sexual is not allowed to speak although it is the nature of human’s basic needs. In this point, it brings about the misunderstanding of sexual and also creates many problems in Thai society today. madiFESTO
65
Preenapa Pookkumdee
ในชีวิตประจำ�วันแทบทุกอย่างของมนุษย์ในสังคมสมัย ใหม่นี้อยู่ในสภาพเสมือนจริง เพราะแวดล้อมไปด้วย สื่อและสารนานัปการ แล้วที่ว่าสื่อเป็นเสมือนกระจก สะท้อนความจริงนั้น จะอธิบายได้อย่างไร หรือสื่อจะ เป็นกระจกสะท้อนความเหมือนจริงมากกว่า
66 madiFESTO
Lifestyle of the modern human condition is virtual reality because as much media and message. What makes social society can explain that the media is a mirror reflecting reality or the media is a mirror reflecting virtual reality.
Pisuttikul Boonmee
การติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์ ผ่านสังคมเสมือนจริงบน พื้นที่ Facebook เต็มไปด้วยบรรยากาศของการสื่อสาร ผ่านระบบภาษาสัญลักษณ์ และถูกใช้กันอย่างเป็นปกติ วิสัย ซึ่งมีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทั้งตัว สัญลักษณ์เองรวมถึงความหมายที่ผู้ส่งสารบรรจุเข้าไป ยังสัญลักษณ์นั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วเราในฐานะผู้รับสาร ไม่ สามารถรับรู้ถึงเจตจำ�นงของความหมายที่แท้จริงจากผู้ ส่งได้ ทั้งจาก การ comment การกด Like การโพสต์รูป ฯลฯ เพราะทุกอย่างได้ถูกเลือกและบิดเบือนก่อนนำ�เสนอ มาแล้วทั้งสิ้น
Communication between people through a virtual society in Facebook, these communication filled with sign language and used habitually. As audiences, we can not recognize the will of the true meaning of the sender because it has a flow switch quickly from both “commenting” “Like pressing” “Photo posting”.
madiFESTO
67
Akara Pacchakkhaphati หนึ่งในการสะท้อนความน่าหัวร่อเย้ยหยันวาทกรรมตายด้านของเหล่า ชนชั้นนำ� (elite) ที่มักพูดราวจะสำ�เร็จความใคร่บนริมฝีปากเปื้อนนํ้า ลายโดยการเที่ยววิ่งไล่แปะป้ายคำ�สั่งสอนบนกบาลผู้น้อยเพื่อหวัง สุขสมอารมณ์ หมายจะรวบยอดตรรกะความรู้สำ�เร็จรูป และยังเป็น ความต้องการที่จะสะท้อนสร้างความย้อนแย้งคลุมเครือต่อความ ฟุ่มเฟือยทางอารมณ์ของเหล่าชนชั้นนำ�เหล่านั้นที่พยายามผลักดัน ความเป็นที่หนึ่งให้เป็นสิ่งสูงส่งเลอเลิศต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้ามา เพราะเราต้องการจะประกาศว่าวาทกรรมเหล่าใดก็ตามล้วนตายด้าน และพร้อมเป็นหมันได้ทุกช่วงเวลา มันเป็นการชักว่าวทางความคิดที่ ขึ้นอยู่กับความเงี่ยนทางปัญญาภายในตัวหลายตนของใครหลายคน
One of satire and irony idea to reflect the elite’s inefficient discourse that ready to be steriled any moment. They want to summarize the instant knowledge to be only one pattern, so it’s called the thinking masturbation.
68 madiFESTO
ก่อนย้ายถิ่นฐานบ้านพ่อมายังพื้นที่แห่งนี้ ได้มีเรื่องเล่าเกี่ยว กับเด็กคนหนึ่ง ที่เป็นลูกหลานของหัวหน้ากลุ่มคอมมิวนิสต์ ซึ่งถูกกวาดล้างไปเสียหมดสิ้นแล้ว ด้วยเชื่อว่าตอนนั้นเด็ก คนนี้ยังไม่รู้ความ จึงไม่ได้ทำ�การกำ�จัดไปตั้งแต่ต้น แต่พอโต ขึ้นมากลับพบว่า เด็กคนนี้มีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังผู้ หลักผู้ใหญ่ มีความคิดความเชื่อผิดแผกไปจากผู้อื่น เค้าโครง หน้ากระเดียดไปทางตะวันตก แถมยังไม่สามารถระบุเพศได้ ผู้ใหญ่บ้านพ่อเล็งเห็นว่าน่าจะเป็นเพราะเมล็ดพันธุ์ปีศาจร้าย ที่ยังแฝงฝังอยู่ในร่างกายซึ่งตกทอดมาจากต้นตระกูลของเด็ก จึงทำ�การอัญเชิญหมอผีผู้ทรงอิทธิพลมาทำ�พิธีกรรม โดยการ จับเด็กมาและบังคับให้ดื่มยาพิษเพื่อขับดวงวิญญาณร้าย ออกมาจากร่าง พร้อมทั้งแปลงสถานะดวงวิญญาณนั้นให้ กลายเป็นของแข็งและจับกักขังไว้ภายในกล่องสี่เหลี่ยมสีดำ� มืดทึบ เพื่อเป็นการสั่งสอนป้องปรามให้หลาบจำ�ก่อนที่ดวง วิญญาณจะแผ่อิทธิฤทธิ์แห่งมนต์ดำ�ให้สังคมวิปลาสเหมือน เมื่อครั้งพ่อแม่มันทำ�มา ถือเป็นบทลงโทษแก่พวกนอกรีตร่วม สมัยสถานเบาที่ต้องการประทุษร้ายความจริง ส่วนร่างกายก็ ถูกสตาฟแช่แข็งไว้เป็นพลาสติกมวลเบาตั้งบูชายัญ เพื่อให้ เป็นเยี่ยงอย่างของความไม่ถูกต้องสืบต่อไป
ท่านสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตักเตือนเด็กคนนี้ได้โดยการ แปะป้ายสติ๊กเกอร์ที่ส่วนต่างๆของร่างกาย เพราะเมื่อวิญญาณ ของเด็กคนนี้สงบลง ผู้ใหญ่บ้านพ่ออาจจะมีการอภัยโทษ และ คืนสภาพดวงวิญญาณและร่างกายให้เป็นดังเดิม และเด็กจะได้ เห็นว่าคำ�สั่งสอนที่ถูกที่ควรนั้นเป็นอย่างไร
madiFESTO
69
ปรากฏการณ์การขับเคลื่อนในมิติ มุมมอง แง่ต่างๆ ที่ได้ขับเคลื่อน เคลื่อนไหว เตรียมการ จัดวาง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทั้งเป็นผู้ขับเคลื่อน และถูกขับเคลื่อน ให้เป็นไปตามวิถีแห่งการมีชีวิตรอด เต็มไปด้วยความคาดหวัง ความกระหายใคร่อยากต่อการเปลี่ยนแปลงอัตตา และโลกภายนอก ในขณะเดียวกันที่มีการเคลื่อนไหว กลับเป็นทั้ง การเคลื่อนที่และถูกทำ�ให้เคลื่อนที่อย่างไม่ลงรอยกัน เคว้งคว้าง ล่องลอย ท่ามกลางจังหวะที่รุมเร้าอย่างไม่เป็นระสํ่า ขับเคี่ยว เขี้ยวฟัน มันหยดติ๋ง สำ�หรับคนที่แสดงงาน Inconsistently Moved หมายถึงงานของพวกเราที่แสดงความล้ม และไม่ล้ม เพราะทุกสิ่งทุก อย่าง ของเพื่อนๆคือ การเตรียมการ การตั้งอยู่ การเปลี่ยนแปลง ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต Moved ในที่นี้จะ เป็นกิริยาในอดีตก็ได้ จะเป็นความหมายของการถูกกระทำ�ก็ได้ ทุกอย่างล้วนขับเคลื่อนไปด้วยเจตน์จำ�นงค์ทั้งเสรี และไม่เสรี เราขับเคลื่อน ตั้งรับ เตรียมพร้อม เพื่อความตั้งใจในกิจกรรมในแต่ละมิติต่างๆ แต่เราก็คาดเดาไม่ได้ว่าทุก อย่าง ที่เราเห็น เผชิญ เตรียมการ ตั้งรับ ตั้งคำ�ถาม มันจะประสบความสำ�เร็จไหม หรือล้มเหลวไหม ทุกอย่างอยู่บน ความเลื่อนไหล ลักลั่น ของความสัมพันธ์
70 madiFESTO
madiFESTO
71
Rumpueng Artspace
กลุ่มละคร Chiang Mai Troupe อรณิชชา เพ็ญวรรณ วณัฐกานต์ โอชาวัฒน์
CREATIVE PROJECT
“การล้ม สูญเสีย ตกลง ร่วงหล่น พังทลาย คือความจริงที่ ไม่เปลี่ยนไปตลอดเส้นทางชีวิต” แล้วตลอดเส้นทางชีวิตมนุษย์ คิดที่จะเสียสละ จุดประกาย หรือ สร้างสรรค์อะไรไว้ให้เป็นคุณค่าแก่โลกเท่าที่จะทำ�ได้ เฉกเช่น นํ้าตกที่กระแสนํ้าตกลงพร้อมกระเซ็นละอองแห่ง แรงบันดาลใจ ความเสียสละ สร้างสรรค์คุณค่าอเนกอนันต์ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดหรือ
“Fall Fall Fall losses erosion is the fact that it does not change along the path of life.” Along the way human life, sacrifice, inspire or what is the value creation to the world as possible, such as waterfall that flows into water droplets and splashes of infinite value inspiration.
72 madiFESTO
date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
Angkrit Ajchariyasophon CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
“ฝันถึงสันติภาพ” มุ่งหวังในการสร้างความ สงบสุขและสันติภาพให้กับ สังคมไทย แต่ ทว่ามันล้มเหลว
“Imagine Peace” expressing their hopes in restoring peace and harmony to Thailand. But it failed.
madiFESTO
73
Preedaporn Vaidhayagarn CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
website for this project :: http://cumproject.com Cultural Community Mapping Design: Relationship between timeline and the local way of life in Kad Luang, Chaing Mai
ตลาดเป็นการผันกลับของวิถีชุมชน :: หากคุณเคยเหยียบยํ้าความศิวิไลซ์อันเกิดจาก พลวัตรของวิถีทางสู่สภาวะสมัยใหม่ ในสถานที่ที่ปรุงแต่งขึ้นใหม่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ คุณกลับมายืนอยู่ในตลาดอันเติมไปด้วยชนชั้นที่หลากหลาย กลิ่นไอของชีวิตที่มีช่อง ว่างระหว่างกันอยู่มาก จะถูกลดทอนเหลือเพียง “การมีชีวิตอยู่” 1:1 life at Kad นำ�เสนอภาพจากสถานที่จริงในกาด ผ่านการมองในอัตราส่่วนของภาพ เป็น 1:1 สิ่งที่ผู้นำ�เสนอสนใจคืออัตลักษณ์ของกาดหลวงที่ไม่ได้มีการปรุงแต่งเพิ่มเติม แต่เป็นการสะท้อนภาพตรงหน้าที่มีอยู่ และสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากชุมชน กาดหลวงเป็นชุมชนตลาดที่เก่าแก่และมีอิทธิพลอย่างสูงต่อชีวิตคนเชียงใหม่ มาร่วม 100 ปีทั้งในแง่การทำ�มาหากินและการดำ�รงชีวิตอยู่ของผู้คนนับแสนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับกาด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ภาพทั้งหมดเป็นภาพที่ถูกถ่ายขึ้นในปี 2554 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากเวลาที่ล่วงเลย การขยายตัวของชุมชนทำ�ให้ยังมีอาคาร บ้านเรือน, ผู้คน และเรื่องราวในอดีตที่ถูกซ้อนทับกับปัจจุบัน ผสมผสานกันจนกลมกลืน บ้าง แปลกหูแปลกตาบ้าง วงจรชีวิตของชุมชนหลายเชื้อชาติเกิดการผสมผสานทาง วัฒนธรรมที่เป็นเสน่ห์ของกาดหลวงสืบมา
74 madiFESTO
Junvimol Keawsansai CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
การเตรียมพร้อมร่างกาย บุคลิกภาพ สุขภาพทั้งที่เห็นได้จาก ภายในและภายนอก ถูกปรับเปลี่ยนเพื่อบรรลุเป้าประสงค์จาก การใช้งานของร่างกายในวาระต่างกัน ในห้วงเวลาต่างๆอย่าง ตั้งใจ แต่การปรับเปลี่ยนร่างกายนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะ นำ�พาความสำ�เร็จจากความคาดหวังและการเตรียมพร้อมนั้น ได้จริงหรือไม่ ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ การเตรียมพร้อม คาดเดา และตั้งรับ กับความไหลเลื่อนของเงื่อนไขและบริบทรอบตัวที่ เราเป็นผู้กำ�หนดและเกินเอื้อมที่จะควบคุม
Physical preparation, characters or even health both noticeable and unnoticeable are adjusted to achieve life goals in different period of time with the great intention of body’s owners. However, those preparations and adjustments cannot rely on and expect the absolute achievement from such actions. All are equipped body to suit with the flowing conditions and surrounding contexts that are some controllable and some are not.
madiFESTO
75
Kemika Jindawong CREATIVE PROJECT date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
ห้วงเวลาหนึ่งที่สูญเสียความเป็นตัว ของตัวเอง ณ.ขณะหนึ่งในดินแดน อันไม่คุ้นเคยจากความเคยชิน
The duration of the loss of one’s own. At one time in the unfamiliar territory of the habit.
76 madiFESTO
Potjawan Punjinda CREATIVE PROJECT date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
ห้วงเวลาหนึ่งที่รู้สึก ในความนิ่งนึกของพื้นผิว ความใกล้ในกรอบสายตาปรากฏ บอกสิ่งไม่ปรากฏ ความไร้สาระในการพยายามแสดงตัวตน และสื่อสาร ความไร้สาระที่เฝ้ามองดูความสัมพันธ์ -ที่ไม่สัมพันธ์ที่รู้สึกอุ่นใจ เศร้าซึม ว่างเปล่า อาวรณ์ และมีความสุข
In the feeling moment of the stillness of the surface. The approach in the eye doesn’t show anything. Vanity of trying to express themselves and communicate the ridiculous look of a relationship - not relation, feel comfortable, fed up., empty, mourn and happy.
madiFESTO
77
Thunyapruet Fongdawirat CREATIVE PROJECT date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
แรงบันดาลใจจากการยกเลิกหรือเพิ่มเติมบาง สิ่งบางอย่างเข้าไป (หรือออกมาจาก) สังคม และวัฒนธรรมที่อยู่รอบๆตัว นำ�เสนอผ่านรูป แบบการนำ�เสนอโครงการ (Proposal) ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากอาชีพสายวิชาการของข้าพเจ้า
Inspired by the cancellation or addition of something inside (out of) society and culture. Presented through a presentation of the project (Proposal), which has been influenced by my academic career.
78 madiFESTO
Supapong Laodheerasiri CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
หายนะที่ถือว่ารุนแรงที่สุดก็คือความเสียหาย ที่ทำ�ให้ถึงแก่ชีวิต และสิ่งหนึ่งที่พวกเรามักจะ ทำ�ให้แด่ผู้ที่จากไป นั้นก็คือ การกล่าวไว้อาลัย “สู่สุคติ หรือ RIP : Rest in peace” เป็นคำ�ที่ ใช้กล่าวเพื่อไว้อาลัยและภาวนาให้แด่ผู้ที่เสีย ชีวิต และย่อมแสดงถึงความหวังของการได้ไป ยังดินแดนแห่งหนที่ดีขึ้น หรือการไปสู่พื้นที่ทาง อุดมคติ คำ�ถามที่เกิดขึ้นในใจก็คือ ...หรือพื้นที่หลังค วามตายอาจจะเป็นเพียงพื้นที่เดียว ที่พอจะเป็น ความหวังของการเป็นอยู่ที่ดีกว่าในโลกปัจจุบัน?
The most disaster is fatal damage, and one thing that we often make upon those who leave is the memorial speech “RIP : Rest in peace”. It’s represents the hope of getting to the better land or go to the ideal space.
The question arises in mind is, Or after death space may be a space that is the hope of a better world?
madiFESTO
79
Chirada Kayan CREATIVE PROJECT date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
ข้อมูลจากการวิจัยที่คล้ายดังภาพนิ่ง ถูกนำ� มาทำ�ให้มีชีวิต ภายใต้แนวคิด “เหย้า เยือน” การนำ�ข้อมูลต่างๆ มาใช้ และให้ผู้ที่มาชมได้ มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ ภูมิสถาปัตยกรรม ล้านนาแบบเฉพาะตัว
Data from the research that is similar to the picture. Under the concept “Host-Visit”. The information used and the people who come to participate in creating a unique Lanna landscape architecture.
Varinrat Budda-ard CREATIVE PROJECT date 02.10.2011-31.10.2011 venue Rumpueng Art Space
80 madiFESTO
การกระทำ�ของความรู้สึกที่เป็นเหมือนการล่มสลายของรูป คลื่นสัญญาณ หลายสิ่งหลายอย่างวนเวียนภายในจิตใจ ของคุณ โต้ตอบกันไปมา มิได้กล่าววาจา ความจริงที่หลาย หลาก.. บางสิ่งที่ขัดแย้งกับคนอื่น...
The act of Feelings is like the collapse of waveform. So many things are in your mind, interacting with each other, unsaid. Many truths.. some at odds with others..
เมื่อกล่าวถึง ”มนุษย์”มีเรื่องราวที่จะพูดถึงมากมายเหลือเกิน แม้แต่ภายใต้ “FALLED” พงศ์เดช ไชยคุตร ศิลปินผู้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงของศิลปะ ร่วมสมัยของไทย จากงานวาดเส้นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังการแสดงออก และจากงานภาพพิมพ์ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ แม่พิมพ์โลหะ (INTAGLIO) อันมีเรื่องราวเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์ ทั้งๆ ที่ศิลปินท่านนี้มิได้เขียนภาพสีนํ้ามันมาเป็นเวลานานพอควร แต่ด้วย ความมีสปิริต จึงทำ�ให้ต้องจับพู่กันขึ้นมาวาดภาพสีนํ้ามันอีกครั้งหนึ่ง ใน ภาพที่ชื่อ “อุทยานแห่งชาติแม่ปิง” ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถ Pongdej Chaiyakut ทางด้านจิตรกรรมซึ่งศิลปินมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ลักษณะของการป้ายฝี แปรงและสีในบริเวณที่เป็นท้องฟ้าและภูเขา ซึ่งอยู่ในระยะไกล ตลอดจน CREATIVE PROJECT การเขียนบริเวณที่เป็นนํ้า เป็นการแสดงออกซึ่งความรู้สึก (EXPRESSIVE) date การเน้นนํ้าหนักเข้มของภูเขาที่อยู่ใกล้ และลดหลั่นไปในระยะไกลทำ�ให้ 01.10.2011-08.10.2011 venue ภาพดูน่าสนใจ มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น การคลุมโทนของสีซึ่งออกเป็นสีเขียวผสม Prewa Studio ผสานกับสีฟ้านั้น ทำ�ให้ภาพดูมีบรรยากาศที่แปลกไปอีกลักษณะหนึ่ง
Pongdej Chaiyakut is very well known for his contemporary Thai art, especially his giant energetic drawing and etching with intaglio technique. Having put aside his oil painting practice for quite some time, Pongdej - with his admirable artistic spirit - has once again picked up his brush to try his hand in this oil painting titled “Mae Ping National Forest.” And he does not disappoint his admirers for his inherent talent for painting. The brushstrokes and colors of the sky and mountains in the distant background and the water is very expressive. The dark and intense colors of the mountain in the foreground and those further back add movement and liveliness to the picture. The green and blue hues create a sense of mysterious beauty that invites the viewer to linger and gaze upon it. madiFESTO
81
Group Exhibition by The composition 4 course students
Sorrawee Decha | Aeungpairoj Waranya | Aomyoo Tipparat | Banyen Sompong | Beautao Kitsakorn | Boonmee Natchayaporn | Boonpa Prapan | Boonsong Pakkawat | Boontham Supit | Bootkeaw Watchareeya | Chairin Thanatcha | Chaiyong Tirachai | Chareeprasit Kittima | Chatchotikawong Karbpreede | Chattongkum Wanwida | Decha Sorrawee | Deekaew Wanalee | Doonagm Supamit | Dumrongshat Kitsanapun | Intapan Supakrit | Intarajuk Nontanan | Intornpasat Nattarerg | Jalearnwan Jakkapong | Kamphimkam Marisa | Kamput Silasin | Kata Prapan | Kerekunlaya Withaya | Khamphan Narongdate | Khanpanit Pukpiya | Kittipongpaisarn Kittiporn | Kongkapun Vichaya | Krinchai Noplada | Leesuksam Tanasan | Leksomboon Juntanee | Lonklang Warayut | Manthong Nutcha | Matee Pariwat | Meekaew Todsaporn | Monkai Prasya | Muangkum Jariya | Namkunna Yupawan | Ngamjarern Pitchaya | Padthong Oraphun | Phissawong Songphorn | Pornchame Aonrudee | Prathinthong Narakron | Ruttanawong Norrarut | Sangeen Patchadarporn | Sangjan Ratayanon | Sangratsamee Jularat | Sangratsamee Jutharat | Seanckhame Vipawan | Shinshai Kamonporn | Silapat Kittika | Siribunjongsak Dontree | Srijan Sainamphueng | Sriputta Itsaraporn | Sririkunsatean Namchok | Supanrat Nattawit | Supornjak Warasi | Suwapab Pittawan | Tankbarrirakkul Prapagon | Teerametee Thanakorn | Tepsurin Kanjana | Thaisup Patchara | Thammaruk Kittichan | Thongpayong Amorn | Thongsuk Supansa | Wanich Krungpon | Yodpinta Pincha | Yotkhampaeng Chanyaphak CREATIVE PROJECT date 27.09.2011-30.09.2011 venue the Faculty of Fine Arts, Chiang Mai University
82 madiFESTO
Aeungpairoj Waranya I want to present about my studied when I was a child to sit in my class every day. To fell asleep on the table it was habits of boredom as well. We are study the linked between dimensions with the fantasy world while sleep. At the same time the noise in the classroom is linked to the dimension table that contains traces of time. The Scratches writing of a period of feeling tired or even. However, these traces are embedded with charm and memories of people who past that time to missing the old memories. When you are upgrade is along the flow of time. The traces of memories are growing as a person who is more experienced and more over time. So I want to present about imagine the positive aspects of my education over time by use a student desk that I had to sit in the school when a child is an object move as a metaphor for the imagination. I imagine that if such a study would look a lot more fun.
Aumyoo Thipparat Changes in the world today the global consumerism. Like everything is selling the rice fields was changed to the Housing and Shopping mall. Most of the true owner is a foreigner it was no different to the colony in the past at all. The will be different by age but the purpose is the same benefits to grab back the country. It is just a modern colonialism.
Banyen Sompong The idea I want to present a problem in society, in one corner. The problem we nowhave a greater capacity and suffer from these problems, it is less. I want to convey a sense that I have an abortion today. Who do not appreciate life’s small. Areformed.
madiFESTO
83
Boonpa Prapan The project is aim to reflection social to show the complicated of human. Presented by mix media which created element from of art.
Boonmee Natchayaporn The dream in my opinion is that the events that pass through the brain. Some people can remember their dreams. The inspiration of artist is a complex subject. Sometimes it was made by the silence and fall asleep to dream. Anyone who ever dreamed. We all remember our dream. Some people forget when awake. Do not want to ever wake from a dream. We ever wanted to make the dream come true. But what should we do with the dream that we would like to save it and remember it forever.
Boatao Kisskron Language English is the language of the world and almost every country and it is a subject that I have learned since childhood to the present, but it is courses that I know and understand the life of, and I was still confused. with this knowledge.
84 madiFESTO
Boonsong Pakkawat Stimulation from the social circumstances of the present had erosion a human emotions and feelings that make people unable to escape the stress. But everyone can live with stress. If you know how to deal with it.
Boontham Supit The labyrinth has represented the states of human mind on how they react to the different situation whether it’s sorrow or happiness and to remind that those emotions don’t remain forever, neither of them.
Bootkeaw Watchareeya To realize the importance of family, school and society that cause different behavior.
madiFESTO
85
Chairin Thanatcha You are my opponent. We are different clearly. We do anything for winning use intelligence for winning , as human. The anger as fire. The past was gone but our enemy is still here. It’s anger of human.
Chaiyong Tirachai From many wall i’ve seen in many places. they all have their own beauty with specific culturization and their identity that inspired me. to build my own wall with my story and my identity that I called “the wall culture”.
Chareeprasit Kittima Beauty is a mysterious discourse and dynamically varied. Trend of beauty has been changed time after time. What is the genuine esthetic of beauty then? According to the Philebus by Plato, Thaitonic is an art project to answer the question of Thai ideal beauty. The theory said that beauty is in line with a particular proportion. Therefore, the golden ratio leads to speculate the proportion of beauty among Thai ladies who have great admiration of society for Thai ideal beauty.
86 madiFESTO
Chatchotikawong Karbpreede I want to present to the consumer and had many things in everyday life. I have the libido of people in modern times and needs in human life. I don’t know enough. To convoy the idea of my presentation of the media, and observation from daily life and those around me to reflect the result of not enough.
Chattongkum Wanwida A memory from my childhood is about living playing with simple toys which is so different from toys presently. Toys are important for children. They learn how to talk, walk and run. They learn what things are and how they work. They learn about people and the world. They learn all of these things by playing with toys. So, I could say toys are like their representative, show the person what they really are. The personalities could changed by toys, like some turned to an aggressive person. But the social and evolution these day has changed so much in the bad way. Including changing the way toys work which is worse than before.
Chinchai Kamonporn These days,fashion is portrayed to a part of creativity,luxury,and beauty.At time,The variety of fashion drive viewers or consumers to unauoidably spend their money on materials.just because they are attached to the beauty appearing to their eyes.Fashions similar to the four basic needs of hamans and it proples its improvement throughout time.“because fashion “materialism” and “consumerism”,millions people strive to make they’re in luxury live.”
madiFESTO
87
Damrongchart Kitsanapan It is convey to flood problem that cause deforest, lead to damage and trouble to people ,houses and also life.
Deekaew Wanalee Some women are willing to spend a large amount of cash for high-heeled shoes even though they have to endure the pain while they are wearing those shoes. Moreover, some of them even eat nothing just for collecting money for those shoes. However, they are quite proud of what they do because high-heeled shoes make them look great.
Decha Sorrawee Feeling warm and safe while staying at home with our lovely families. It’s a pleasure that cannot find anywhere else. There’s nothing to make us feel happier like “Home” when we distressed. And when we happy there’s no one will be by our side and smiling with us rather than “Mom and Dad”.
88 madiFESTO
Intarajuk Nontanan Under the conditions of the identity of the human unconscious. Every human being under the influence of the unconscious mind as a theory of love, it’s Freud, which we collected and pressed the wish that was not refined until a sense of that vandalism is not lost of the identity of the people, but he fled. In the depths of the mind. I want to express themselves through the subconscious mind freely and without control of reason and my emotions and imagination, become an expression to create a work of imagination and a sense of past and present, that is a feeling on the side. positive and negative, such as love, hope, dreams and fears come in the form of truth which is not based on accurate and rules in nature, focused on demonstrating the imagination that comes from the unconscious into the painting. I hope my fears are kept hidden in the sense that the mind by which we are unaware. The show will instantly recognize the feelings that are true or not. Therefore I was interested in the feelings of the subconscious mind and create the work in the United Eriilli of time. The imagination is a critical component in the creation of a United Eriilli’s time to express love, hope, dreams and fears and to see the relationship between past and present forms. Shadows and colors that convey the atmosphere to a form of thoughts and reality. And it can not be true in reality.
Silapat Kittika Thailand has a democratic government with the King as Head of State was 76 years ago, but there are few people who still do not understand the meaning of the word democracy properly. As a result, the many problems that affect the overall quality of life in society. The political conflicts and other problems, whether economic, social and environmental issues has increased, along with prosperity and material values. Of past and current events in the past as a lesson that seemed clear that Any country that the people of the weak. Lack of unity. Lack of public awareness of the benefits of the country. But regardless of personal gain. Not suffice. In addition, people can not participate fully in politics these things will cause problems. This presentation was shown to reflect society’s attitude to the politics of modern Thailand. The presentation of the bike and video art. The movement of the bicycle as the country moves forward in the effort to develop the country to progress. This presentation is geared to suit the personal attitude toward politics in the country today and to reflect the political problems together and create awareness in the society. madiFESTO
89
Intornpasat Nattarerg Everything, whether good or bad they are extinct, and was made to replace the old. And by the emergence of Buddhism - the fire of life. Are in accordance with the reaction and Spa THB
Jalearnwan Jakkapong Things you are familiar with, you tend to ignore.
Kamphimkam Marisa Media (brochures) in the current era can motivate people to buy them, although many still do not know the quality of theproduct actually is.
90 madiFESTO
Kamput Silasin I have a great impressions about the beauty of nature in my home town which what I’ve seen since I was young. The beauty of the country side of the town and it’s really hard see in such a big city that fulled of unlively life. So, I would like to show and express those impressions to full fill the areas that are destroyed by civilization.To bring them back to life again.
Karinchai Noplada I interested in consuming in the meaning that human consume for living, for happiness and don’t think about their healthiness fatness that can harm them after consume without thinking about effects.
Katha Prapan In fact, our brains are not empty.Anyone, but I thought it was something much more memorableI kept too much. That was his own. And stress.If one of these things already. Everything will be just empty inside the mind and soul.
madiFESTO
91
Kerekunlaya Withaya The idea that coming up with this project is to remind the others about love, how love has occurred, remained and gone. So take care of the one you love before it’s too late
Khamphan Narongdate Soap opera strongly influences on the way people thinks and behaves in many socials.It has changed to be upto-date.In the technology era as present,many Thai soap opera has created some wrong idea of living for Thai people,for instant wasting of money or wasting of technology sources. The Mainframe Computer IBM 1620 soap sculpture imetated the first model of computer which was imported to thailand for education and researching.Presented the using of Technology in the past,just for developing education.Yet,many people,these day,use those modern technology just for avoiding unmodern idea which was created by Thai Soap Opera.
Khanpanit Pukpiya I think all of you used to drunk so I want to show it with my imgine.
92 madiFESTO
Kittipongpaisarn Kittiporn To oppressed about poorly modern culture. The paddy field will lost. Farmers are indigence while many people need to comfortable for life .But they forget tradition of ancestor Thailand.
Kongkapun Vichaya Liberty and right of woman be equal to man right more than old days. We can see from duty and ability agree receive in social such aspolitics ,medical profession, education , executive and government leader. But some part of woman image are manner and artifice. Try to made sexzy dress to be interesting from opposite sex. That made the woman to be the sexzy symbol. How opinion are people thinking about woman ability state. The progress that come because ar!!
Leesuksam Tanasan I refieot passionate of human needed about the thing that I want no matter rignr or wrong. Humar heed is infinity and have in erery one. this passionate ,you can findout in literature, theatre,drama and in every where that you can not imagine. Aii of these reflect the human society every era.
madiFESTO
93
Leksomboon Juntanee The frustration i get each time i see human who turn themselves into robots or salary man or whatever, because i just can’t stand how they live their life in such boring pattern, yeah pattern would be the best word to describe their lives. But in the other hand, some human refuse to live their live like that. So “The Pattern” would be the art work i wanted to reflect the pattern lives of those salary men.
Lonklang Warayut Human are creature that can not resist to passion and mystique. The touch and flavor of temptation libido made an infinities libido of need to all human.
Manthong Nutcha “Great City of Angels,the Supreme Repository for Divine Jewel,the Great Land Unconquerable,the Grand and Prominent Realm,the Royal and Delightful Capital City full of Nine Noble Gems,the Highest Royal Dwelling and Grand Palace,the Divine Shelter and Living Place of the Reincarnated Spirit” Now , Bangkok be the capital of Thailand. The hight valuable progress in everywhere . “The crazy” of Bangkok , civilization of city , the light, sound , the time , the negative pollution . Technology in century of 21 , Bangkok change so fast . People against time with work.The attempt of Bangkok to be travel city in 24 hour. we almost said Bangkok have hight progress more than mind of people in the city. Many problem happen be senseless . Use the oppress life by restless feeling . That cause to be this project.
94 madiFESTO
Matee Pariwat The idea was inspired by wanting to make others happy. And peace of mind without expecting anything. The smile on the face of people who enjoy my work. Just that I was most satisfactory. We think this work is to meet with their own.
ฝรั่งใจ
Meekaew Todsaporn Nowadays Education system have been developed teachnology rapidly because of Information teachnology such as computer , over head projector and IPAD etc.These make our life easier and more corvinent than the past . On the other hand , when I was young , black board was an equipment that used to help us to learn at school and, black board also bea symbol that remind “ The beginning of thai education”
Monkai Prasya One of the things of nature.Then one day I go back to the origins of their own.I like the ax caused the tree. But one day, when tree roots or trees.Be converted into a hatchet.I made it back to the origins of their own but it did not intend it.But on the other hand.The only people who think they are selfish.To cut wood in the forest around their own homes already sold.It originated as a betrayal of their own.
madiFESTO
95
Muangkum Jariya The satirical idea is implied through the Red Translucent in order to reflect the current social issue. This conflict reflection hopes to encourage the distinct vision that way different from usual stereotype. Therefore, the more concern about this impact might be raised as well as the possible social development.
Namkunna Yupawan It can be seen from the news media as rich as the people winning the one they do. Many people totally out of money in a short time. Home until the small house. The grass was a little cottage with thatched roof. Buy they are happy with is that the rich tend to reflect live in a villa. The use of luxury items. Verbosity in the acquisition of Each time I have to buy the brand. The poor people must live in a small house. Use of equipment that has enough capacity. To buy and live the other day.
Ngamjarern Pitchaya I believe that everyone has friends family or special person depend on who or what they are. When we can see the inner self.We may aware of the commitment , the only one that is worth more than anything else.Even if it has hundreds or thousands.Their is no one comparable to what we have just one thing.
96 madiFESTO
Padthong Oraphun Golden section is the idealistic beautiful of structure that is different from the structures we met in our diary life both in materialistic structure like architecture and in the abstract structure like mind ‘s structure.I choose the life ‘s relating issues, the education or in campus related issues and telling it in term of Architecture structure’s models that’s representing the corrupted mind’s structure. It’s reflecting the different mind structure from the old point of view.
Phissawong Songphorn I would like to present to reflect on society and culture. The social and Women know what they’re getting into it. The state as a cultural force. Through the MIX. SCULPTURE in shell form. This perspective focuses on the use of artistic elements.
Pornchame Aonrudee Memories dimmed when back to mind. .. A bright smile of a child filled with innocence. It is time to change to meet the growing maturity and experience would tear me to be happy. It may not be comparable to the purity of his smile again, a little
madiFESTO
97
Sangratsamee Jularat When on thinks of being “twins” one can barely look over the issue of “close relation”, the relation that can make 2 separate persons feel and become one.Most people might feel excited and impressed when they consider of being twins.For those who are twins, it is miles greater than that.It is life that is one It is life that is unseparatable.But in that “one”, there are a lot of differences.The differences that I would like depict in my art work.
Siribunjongsak Dontree I would like to transmit the concept of living together with kinded, regonizing the existanc of life through relationship between grandmother and nephew . In addition, I would like to convey the differences of living ang age.Moreover,this will pass on thire love, care and their deeply concern about the future.Finally, The concept of this work will transit the motion passed from one another and the breath become more and more meaningful when it moves into the time to abandon their last breath.
Sanngeen Ratchadarporn Due to the consumption behavior of Thai people recently, Thai people tend to consume unessential things, such as gadgets, clothes and brand name things. So “ Consumerism” has represented how Thai peoples’ life are.
98 madiFESTO
Prathinthong Narakron Flowing of love and relationship is concerned and needed by soul which mither sends to her child in every moment.
Sangkhame Vipawan The present situations are major aspects in my creation. I would like to show the strangeness of creatures ‘ behavior. They have more instinct to get them to survive and there is no direction in their lives. Everything has changed according to the terrible situations that humans have made unconsciously. Finally , everything relates to each other and if one thing happens ; we all have to responsible for it.
Intapan Supakrit Glass bottles, which are man-made objects.Water, which is naturally created. The glass bottles are arranged. The volume of the object from low to high tones determined by water. When it was hit or get the vibration.I Will have a different sound. It is a dimension of sound.If you knock a stroke. Will make up the music.
madiFESTO
99
Ruttanawong Norrarut Present about deforestation by civilization.
Srijan Sainamphueng “Language” is language of communication for the hearing impaired to use facial expression and attitude. Engage in meaningful communication. And convey emotions, instead of using the voice of ordinary people. Because the hearing can not hear it like a normal person. I can not say. But the eyes of the hearing, it can be seen as normal. I have noticed a different behavior to learn the meaning of behavior, gestures and language of each country, which is different depending on the geographic and cultural traditions such as Chinese language, American Sign Language. Thai language and the language as a second language educators in the education of the hearing have agreed and accepted it. It is a language for communication between the hearing together. And between normal and impaired hearing in English called “Sign Language” or “Manual Communication”.
Sriputta Itsaraporn It’s about falling in some period of emotions and deep state of souls.We all human has feeling, passion, happiness or even sorrow which is come from the entire of our own five senses. But in the meanwhile, there is only period of time, we all become free from realities.
100 madiFESTO
Sririkunsatean Namchok The attitude of life living seems to be more complex due to the pressure of frustration, imperfection, perversity or distortion of an unknown thing among us.
Supornjak Warasi Local industry has been increasingly important in Thai society. Materials used in this industry come from the adaptations of humans. As an example here, the new use of weaving represented in this art work is created in order to illustrate the freshness and the creativity.
Suwapab Pittawan I will introduce this thing by tired the black band around my eye, to blind myself from this world.I choose to pay no more attention for this world, everything around myself, denied the existent of surrounding, the human society, the bad politics and the fake melodramatic that floating around my life.Those thing was a thing that blow my mind and destroy Heart of the person, raping the spirit of humanity, turn their soul to twisted and change a man to be a monster.
madiFESTO
101
Tankbarrirakkul Prapagon In the same event, each person chooses to recognize different forms of it. Both good and bad memories if you remember, in the form of bad memories. May cause stress. But if the ideas remind me to skip forward to the day that memories are precious. And it is within us forever. You were so addictive that any form of memory?
Teerametee Thanakorn I am fascinating in human face structure. In my opinion, we have a different type of our face, because the human face structure would tell us, that you are handsome or ugly. My artworks would like to adapt the human face structure, to make a person looking good. I presented as a painting on vinyl by a digital print to comparison with the photograph of ten friends in composition 4 subject
Thepsurin Kanjana It’s the fact that elderliness is something that each human can’t escape. Person just can’t say no to the wrinkle and the coming of ages. In the other hand, with flawless beauty, they never seem to get older. So, The End of Princess, has represented the truth of growing older that even the cartoon characters, whom believed that have eternal beauty, got those wrinkles on their face just like we do!
102 madiFESTO
Thaisup Patchara I want to create a work of art is emerging from the soil so that we remember the value of “Eart” where we live,And to convey the beauty through The “Earth” we cherish, And beauty of the beginning and the end of all things and human,The the day everything human must return to the land that we on, And this is the beginning and end of us.
Thammaruk Kittichan I writing diary by colour on canvas. I want understand my emotion in 60 days. Angkrew lake is the same mirror reflection my seft.
ฤ จะแทนที่
Thongpayong Amorn The idia is begin from the wonder in Modern thai achitecture. Now aday the many building had change from Traditional Thai western Stlye .Even though modren building are convinion but Thai stly buliding has shown that it is the symbol of being nation and civilization.To see thaihouse inthese day,the owner is not thai anymore but there for foreigner who care about it value.
madiFESTO
103
Thongsuk Supansa Teeth are the strongest bone of the body. I use this work represents a state of deterioration and corrosion of the human body through the surface of the work.
Wanich Krungpon I would like to present my antitude toward alien workers.Some of them have basic education,some do not even have any education.These people been seen as lowest status in the society. However,they can live together with the society.These workers also have knowledge of the profession,and truthful jobs.Is it right that the society accused them as people who have no education and the lowest class of society?
Wongatchariy Atcharee Inspiration I’m interested in Chameleon and I’m particularly interested in the colorful of Chameleon. That made me think that “why this animal is so colorful?” L’d like to present an impression of the colorful of Chamaleon in my style.
104 madiFESTO
Doonagm Supamit My inspiration’s from traveling to the islands. I noticed that the beauty of natural was invasion by the capitalist system too much. Therefore, the beauty of island had become polluted more than nice. So, I would like to do this work in order to reflect to the nature invasion by human.
Yodpinta Pincha I relay symbolic of object and install on this art work about a doubt in my mind between Thai-craft which is very tenderly to create and modern art that had freedom to expressing through art work.
Yotkhampaeng Chanyaphak I have chosen to make a record of my memory into the embroidery.When the needle pins the cloth, as I feel, I concentrate on my story from my mind through those yarns that embroider onto the fabric.
madiFESTO
105
Pandech Saaleewong Wajana Sukaew Pitchaya Petpuang Pisuttikul Boonmee Tana Kriangkraiphet Leela Junsawang Wipoopong Jiraprapoosak INTERACTIVE MEDIA date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ความหมายของพื้ น ที่ ใ ดพื้ น ที่ ห นึ่ ง นั้ น มิ ไ ด้ ถู ก จำ�กัดอยู่เพียงแค่ความหมายเฉพาะของพื้นที่ นั้นๆอีกต่อไป เมื่อพื้นที่สาธารณะหนึ่งสามารถ บรรจุ กิ จ กรรมที่ ห ลากหลายของสั ง คมเข้ า ไว้ ด้วยกัน จึงเกิดการทับซ้อนเชิงความหมายเกิด ขึ้น กลายเป็นความเคลือบแคลงและความขัด แย้งสู่การตั้งคำ�ถามของผู้คนถึงการให้คุณค่า และความหมายต่อพื้นที่สาธารณะนั้นๆ
The meaning of any space not be restricted only specific meaning of those space anymore. When one public space can contain activities of social together, have semantic overlap. Become to ambiguity and conflict to the question of any people to value and means to those public space.
106 madiFESTO
Sompon Kobsuknirun Chanin Sriyoyod Sarun Sriwong Mariya Songpunya Preenapa Pookkumdee Thanyapat Srimarat Waritsara Jitmun INTERACTIVE MEDIA date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ในปัจจุบันทุกคนสามารถสร้างและปลุกปั่นกระแสความ สนใจของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ได้อย่าง ง่ายดาย และรวดเร็วการเริ่มต้นของกระแสความสนใจ อาจจะเริ่มจากคนกลุ่มเล็กๆ หากแต่มีเรื่องของอำ�นาจแฝง เข้ามาเกี่ยวข้อง กระแสของเหตุการณ์นั้นๆ ย่อมถูกฝังให้เข้าไปอยู่ในสำ�นึก ของคนในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ กลบกระแสอื่นๆ ที่ได้รับความ สนใจ น้อยกว่าในช่วงเวลานั้น โดยที่ผู้รับข้อมูลไม่ได้สนใจ ในข้อเท็จจริงใดๆ ของเหตุการณ์ นอกเหนือจากข้อมูลที่ ถู ก บิ ด เบื อ นและความรู้ สึ ก ร่ ว มที่ ไ ด้ เ ข้ า ไปอยู่ ใ นกระแส ความสนใจนั้นๆ
Currently, anyone can create and incite an attention of the events that occurring in society easily and quickly. The attention may have started from a small group. But If there’s latent power was involved, that event is embedded into the consciousness of people in wider. And drown out the other event that be received less attention. By the way, the audiences don’t interest in any fact of the events, They just have feel to be a part of events that be interested, although the fact was distorted.
madiFESTO
107
Atikom Mukdaprakorn CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-02.10.2011 venue CMU ART CENTER
ชีวิตคำ� หลังสลาย วาระการรำ�ลึก สิ่งที่ทำ� เคยทำ� กำ�ลังทำ� ยังมีความหมาย เท่าไหร่? แค่ไหน? นะ คำ�ของเธอ คำ�ของฉัน ที่พลัดพรากจากไปในครู่ที่ก่อ เกิด กลับมาในร่างที่ไม่อาจแน่ใจได้ว่าคุ้นชิน และอาจกลายเป็น คำ�ของใคร ส่งไหลคืนผ่าน เคอร์เซอร์ในสมองของเรา มันอาจไม่ใช่เพียงคำ� และอาจนำ�ให้ฉันไม่เป็นฉัน และเธอไม่อาจเป็นเธอ แต่เรากลายเป็นเรา ที่อดีตและปัจจุบันพบกันใต้ร่มเวลาที่ไม่ได้ถูกนับใน หน้าประวัติศาสตร์ฉบับใด คำ�สลาย เพรียกพา คลับกลาย คล้ายคลา
Word’s Life….after being crumbled… the moment of retrospection… What we do, did and are doing…being puzzled how meaningful they were? Your words... My words.... have gone a moment ago after their first utterance, resurrecting in the unfamiliar bodies and gradually become other’s word flowing back through the brain’s cursor. Such transitions... ‘ME’ isn’t me... ‘YOU’ isn’t you... but the vague ‘WE’ under the same time sphere without being historically recorded. forgetting. longing. nothing. happening.
108 madiFESTO
ONCE TRIP junk meter Trash2Me NorthernCare English on View Internet phenomenon has affected the behavior of information consumers. Media design in the modern world need to be skilled to create a website in response to those different needs. This course is to fulfill the learners with knowledge and make them acquainted to different tools used in designing and analyze a web site such as required principles, process, development including create an infrastructure supporting the creativity in providing suitable services.
Khomsun Chaiwong Supannika Panya Anitha Thipthongdee Patcharaporn Chaiwan Nutchapon Ruttanitut Munthana Tasena WEB DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
เว็บไซต์นี้เป็นเว็บเกี่ยวกับการแนะนำ�สถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา และ สภาพอากาศที่อ้างอิงจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยระบบ สามารถแสดงสถานที่ท่องเที่ยวล่วงหน้าได้ถึง 3 วัน เพื่อให้ผู้ ใช้ได้วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้ไม่เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการท่อง เที่ยว ซึ่งส่งผลให้การท่องเที่ยวในแต่ละครั้งของผู้ใช้สะดวก สบายมากยิ่งขึ้น
http://www.oncetrip.com/ This website present about tourist attraction in Chiang Mai. The content will show depend on time and weather reference from Meteorological Department of Thailand. The system can plan the trip early 3 days. It’s help tourism for save time and money. It effect to value of tourist attraction because it’s so comfortable for tourism.
madiFESTO
109
Akara Pacchakkhaphati Asek Petfuang Eakkachai Thamthitipong Piyapat Uthailert Nanthanut Wanprom WEB DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
In Thailand, There are many population in between http://myweb.cmu.ac.th/539932117/trash2me/ school age to middle age, and this group of population that enormously consume stuff too much, especially the school age populaจากข้อสังเกตที่ว่ากลุ่มประชากรที่มี tion they quite easy to bore, จำ�นวนมากที่สุด a lot of energy, stick with ในประเทศคือกลุ่มประชากรช่วง many friends and accordวัยเรียนจนถึงวัยทำ�งานซึ่งเป็นก ing to the current society. ลุ่มประชากรที่มีการอุปโภคบริโภค So from these observations, ข้าวของเป็นจำ�นวนมหาศาล ยิ่ง we create the “Trash 2 Me” หากเจาะไปที่กลุ่มวัยรุ่นวัยเรียน project. This project wants to ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีความฟุ่มเฟือย create a new fashion trend ในการอุปโภคข้าวของอย่างไม่คิด about exchange of unwanted หน้าคิดหลังจำ�นวนมากที่สุดและ stuff into a cool chic style. In เป็นวัยที่ค่อนข้างเบื่อง่ายหน่าย this website participants can เร็ว เสพสิ่งของ แบบไม่ค่อยยับยั้ง post unused items on our ชั่งใจ พลังงานเยอะ เกาะกลุ่มอยู่กับ website to interchange with เพื่อนฝูงและเป็นช่วงวัยที่คอยตาม each other. We hope this กระแสสังคมอยู่พอสมควร ซึ่งจาก project can create new valข้อสังเกตดังกล่าว กลุ่มผู้จัดทำ�จึง ues and the sense of getting คิดโครงงาน Trash 2 Me นี้ขึ้น โดย rid of the unwanted stuff to โครงงานนี้เป็นโครงงานที่ต้องการ help alleviate the problem of สร้างกระแส fashion ใหม่ในการลด spam overwhelming the city. ปัญหาขยะจากสิ่งของเหลือใช้หรือ Hopefully that will wake the เบื่อแล้วและกำ�ลังจะโยนทิ้ง โดย liveliness of the current reuse ให้มีการนำ�สิ่งของเหลือใช้เหล่านั้นมาโพสต์ไว้ในเว็บไซต์เพื่อทำ�การแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน reduce recycle back to an ต้องการสร้างกระแสการแลกเปลี่ยนให้มันกลายเป็นความเท่ เก๋ เซอร์ กลายเป็นกระแส fasheven more substantial. ion ใหม่ที่กลุ่มเป้าหมายของเราก็คือกลุ่มวัยรุ่นวัยเรียนและกลุ่มวัยทำ�งานที่หัวใจยังทันสมัย อยู่รู้สึกอยากเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโครงงาน ผู้จัดทำ�เล็งเห็นว่าโครงงานนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำ�หรับการแก้ปัญหาขยะล้นเมืองใน ขณะนี้โดยการสร้างค่านิยมใหม่และร่วมเปลี่ยนจิตสำ�นึกในการกำ�จัดของที่ไม่ต้องการ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ของเหลือใช้เหล่านั้น โดยการเพิ่มมูลค่าเชิงสัญญะ (sign value) ให้แก่วัตถุเพื่อส่งเสริมมูลค่าการแลกเปลี่ยน (economic exchange value) และหวังไว้ว่าจะ เป็นการปลุกความคึกคักของกระแส reuse reduce recycle ให้กลับมาอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
110 madiFESTO
Chidchanok Kannarat Supachinee Kamsrimoung Kedsaraporn Kumdee
WEB DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
วัสดุเหลือใช้ที่เกิดจากกิจกรรมอุปโภค บริโภคต่างๆ ของมนุษย์หรือกระบวน การผลิตทางอุตสาหกรรม ซึ่งนิยามจากของที่เกินความ ต้องการหรือไม่ต้องการ เช่น เศษกระดาษ ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก ขวดแก้ว จากปัญหาดังกล่าว จึงทำ�ให้เกิดการสร้างเวปไซด์เพื่อ เก็บสถิติข้อมูลขยะในประเทศไทย ที่สร้างการมีประสบการณ์ร่วมระหว่าง ผู้สร้างขยะ เวปไซด์ และผู้ใช้งานเวปไซด์ และสร้างข้อมูล สถิตเพื่อสามารถเป็นข้อมูลเชิงปริมาณที่นำ�ไปใช้ประโยชน์ในด้านความต้องการของผู้ใช้งานเวปไซด์ อีกทั้งยังสะท้อนผลกระทบของ ปริมาณขยะตามสภาวะพื้นที่และเวลาในรูปแบบการวัดสถิติมิเตอร์ (Meter) แสดงให้เห็นว่าในแต่ละพื้นที่มีกิจกรรมการใช้ขยะประเภท ใดเกิดขึ้นบ้าง
Waste arising from the activities of human consumption or procedure. Manufacturing industry. The definition of the excess demand or need, such as waste paper, plastic bottles, glass bottles, plastic bags from such problems. Thus resulting in a website to collect statistics in the junk. The presence of combined experience during a garbage site, and use the Website. And static data to quantitative data that can be used for the needs of the active site. It also reflects the impact of waste on the condition of space and time in the form of statistical measure meter (Meter) shows that in each area have to waste any kind of damage does occur.
http://myweb.cmu.ac.th/549932132/ madiFESTO
111
Acarima Nanthanasit Geerati Gusawadee Tipwaree Sansuwan Chawagun Panyawong Pranchalee Intha WEB DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ศูนย์กลางของข้อมูลในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสตาม สถานที่ต่างๆในภาคเหนือเช่น ชนเขาเผ่าต่างๆ โรงเรียน ที่อยู่ห่างไกลจากชุมชนเมือง หรือสถานที่ๆขาดอาหาร และอุปกรณ์ที่จำ�เป็นต่อการดำ�รงชีพ และผู้ประสบภัย ต่างๆเช่น อุทกภัย วาตภัย เป็นต้น เราเป็นศูนย์กลาง ของข้อมูลสำ�หรับหน่วยงานและสถานศึกษาที่พร้อม สำ�หรับการช่วยเหลือผู้คนเหล่านี้ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
Of the data center to help the less fortunate places in the north, for example. Tribe and nation. Away from urban schools. Or a lack of food and equipment needed to make a living. Such asflood and hurricane victims, etc. We are a hub of information for agencies and educational institutions that are ready to help them make a better living than it is today.
http://myweb.cmu.ac.th/549932134/
112 madiFESTO
เนื่องจากกลุ่มนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาได้มีแนวคิดที่ จะเปิดโอกาสให้กับกลุ่มเยาวชนทั้งที่อยู่นอกเขตอำ�เภอ เมืองรวมทั้งเยาวชนที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดเชียงใหม่ ได้ มีโอกาสที่จะได้รับความรู้จากสถาบันการศึกษา นอก ระบบที่มีคุณภาพระดับต้นๆ ในรูปแบบการเรียนการสอน ออนไลน์ผ่านทางเว็บไซด์ เพื่อลดภาระของ ผู้ปกครอง และค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเพื่อเรียนกวดวิชาของ เยาวชนที่อยู่ต่างพื้นที่ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่า มีนักเรียนจำ�นวนมากที่ต้องเรียนในเวลา 19.00 – 21.00 ด้วยเหตุที่ต้องเดินทางมาจากรอบนอก บางคนผู้ปกครอง มารับมาส่ง แต่ก็มีบางส่วนที่ขับขี่จักรยานยนต์มาเอง ซึ่ง น่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย
Akkaphon Promwan Arisa Thongtea Gun Ketwech Hataiporn Pattarasettakarn Paphanan Nuikhram WEB DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
http://myweb.cmu.ac.th/549932130/eng/index.html Because students have to learn more and more now a day that is open to youth groups outside the district and city as well as youth who live in Chiang Mai. Have the chance to gain knowledge of the institution. Forms of teaching and learning online through the website. To reduce the burden. Parents, and the cost of travel to school tutoring for youth in different areas, as mentioned above. It can be seen that there are many students who have enrolled in at 19:00 to 21:00 because of the need to travel from the periphery. Some parents have been sent. It has some of the riders and their motorcycles. Which is concerned about security.
madiFESTO
113
Chatchai Suban CREATIVE PROJECT date 26.09.2011 venue CMU ART CENTER
กำ�แพงมีหูประตูไม่มีตา เป็นการสถาปนาให้พื้นที่ทาง ศิลปะและผลงานศิลปะ เป็นพื้นที่แห่งความลับ เป็นพื้นที่ แห่งการเก็บรักษาเรื่องราวที่เปิดเผยไม่ได้ บ่อยครั้งการ เปิดเผยขึ้นของความลับมักทำ�ลายหรือสั่นคลอนความจริง ที่เราเชื่อถืออยู่เดิม รอบตัวเราอาจจะเต็มไปด้วยความลับ มากกว่าความจริง การมีอยู่ของความลับจึงเป็นสิ่งยืนยัน ถึงความจริงที่ยังถูกเก็บงำ�
114 madiFESTO
Walls have ears, Doors no eyes. It is established that the area of art and works of art. It is the area of secret. Often, the disclosure of confidential information destroy our original belief. Maybe around us there are the secret more than the truth. The existence of secret is a guarantee of the truth that was put in a safe place.
Saranya Chaiwan CREATIVE PROJECT date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สื่อใหม่อย่าง อินเทอร์เน็ตสะท้อนถึงภาวะที่เป็นปัญหาของ การสื่อสารในสังคมไทยคือ พื้นที่สาธารณะ ทางการเมือง และ เสรีภาพในการสื่อสาร แม้ สื่อใหม่อย่างอินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนแปลงรูป แบบการแสดงความคิดเห็นของคนไทยจาก เดิมผู้คนมีพื้นที่ที่สามารถแสดงออกได้มาก ขึ้น แต่เมื่อไม่นานมานี้การแสดงความคิด เห็นกลับเต็มไปด้วยข้อจำ�กัดในเนื้อหา สิ่งที่ ถูกแสดงออกมากลับถูกกำ�กับ ควบคุม เป็น
ประเด็นปัญหาในการสื่อสารของการแสดงออก ทางความคิดเห็น ฉะนั้น แม้พื้นที่จะมีมากขึ้น แต่ เสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็นก็ไม่ได้เพิ่ม มากขึ้นตามด้วย การควบคุมการเปิดพื้นที่สื่อใหม่ ในสื่ออินเทอร์เน็ต หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ทางการเมืองนำ�ไปสู่การพยายามรวมตัวเพื่อขยาย พื้นที่สาธารณะสำ�หรับการแสดงความคิดเห็นของ กลุ่ม เกิดการเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองของฝ่าย ประชาชนกลายเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องในสังคม ไทยของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมรูปแบบใหม่ (new social movement)
During the past decade, new media as the Internet reflects a cultural problems in communication, both in social space and political freedom of communication. Even if the internet has changed the way of Thai people show or express one’s opinion, where people are able to express more; however, opinions shown on the internet are still restricted to limited contents. This is a big problem of viewpoint communication. This is to say that, though there is more space of public communication, but that does not mean political freedom of communication is expanding accordingly. Control the opening of new Internet space or unfairness of political conduct to attempt to expand area of the public for showing the comment. Leading to political struggle of citizen, which is continuous process in Thai society of the new social movements
madiFESTO
115
ภาคปฏิบัติการและทฤษฎีทางศิลปะว่าด้วยเสียง การฟัง และการได้ยิน โดยสัมพันธ์กับบริบทอาณาเขต ทางการมองเห็นและวาทกรรมทางศิลปะ และการรับรู้ โดยมีเสียงเข้ามาเป็นตัวผลิตสร้างความหมายทาง ศิลปะเปิดโอกาสในการทดลองและสร้างสรรค์ โดยมีลักษณะแบบ “ข้ามศาสตร์วิทยาการ” ผสมผสาน ประยุกต์รูปแบบผลงานอย่างหลากหลาย ทั้งอนาล็อกและดิจิตอล ธรรมชาติและการประดิษฐ์สังเคราะห์ ขยับขยายสู่อาณาเขตของความเป็นไปได้อื่น ในฐานะ “สื่อใหม่” ทั้งทางรูปธรรมและนามธรรมของ ศิลปะร่วมสมัย ในยุคที่มนุษย์ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ไม่สามารถ “เป็น อยู่ คือ” อย่าง โดดเดี่ยวจากกันได้อีกต่อไป
Adithep Duksukkaew Tanayos Roopkajorn Thanut Gumarn SOUND DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
การเกิดของเสียงในงานการ sound installation ส่วนใหญ่นั้น เกิดจากการที่ผลงานนั้นๆสร้าง เสียงใดเสียงหนึ่งขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบกับผู้เล่น หรือสร้างขึ้นมาเอง ก็ล้วนแล้วแต่มีเสียง ที่ผลงานนั้นๆ สร้างมา จึงเป็นที่มาของงานตามแนวความคิดที่ว่า ในเมื่อผลงานรอบๆนั้นได้สร้าง เสียงมาให้แล้ว และในห้องจัดแสดงเอง นอกจากเสียงที่เป็นเสียงของผลงาน เสียงการโต้ตอบกัน ของผลงานอื่นๆและผู้เข้าชม และเสียงการพูดคุยโต้ตอบกันระหว่างผู้เข้าชมเอง ทำ�ไมเรา จึงไม่สามารถหยิบเองเสียงที่คนอื่นสร้างมาสร้างให้เป็นของตนเอง จึงได้ทำ�การพัฒนา ต่อยอดแนวความคิดมาถึงเรื่องของ ลักษณะเสียงที่น่าจะเกิดขึ้นภายในห้องจัดแสดง ว่า เสียงที่น่าจะเกิดขึ้นภายในห้องจัดแสดงงาน sound installation นั้น น่าจะเป็นเสียงที่ อึกทึก และเกิดการตีกันของเสียงแต่ละเสียงจากผลงานต่างๆมากมาย ดังนั้น หากจะ หยิบเสียงดังกล่าวมาเป็นวัตถุดิบแล้ว น่าจะมีการดัดแปลงให้ออกมาในทิศทางที่ผิด แปลกแตกต่างจากที่มันเป็นอยู่ ถ้าหากเสียงบรรยากาศที่ผ่านผลงานของเราแล้วออก มาไม่แตกต่างกันเสียงบรรยากาศจริงๆ ก็คงไม่มีอะไรพิเศษ จึงได้ทำ�การทดลองการรับ เสียงที่อึกทึกจากบรรยากาศมาแปลงให้กลายเป็นเสียงที่ให้อารมณ์ของความสงบ เยือก เย็น หนืดๆ หน่วงๆ เพื่อให้เกิดความตรงกันข้ามกับบรรยากาศจริง สุดท้ายจึงได้ทำ�ให้ เกิดผลงาน “บรรยากาศ” ขึ้นมา ผลงาน sound installation ที่เป็นเสมือนตัวแปลงเสียง บรรยากาศรอบๆที่อึกทึก ให้กลายเป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกตรงกันข้าม
Almost sound installation artworks make some noise or sound by them self that mean 1 artwork present 1 sound. And every art works need to present their sound only, so in gallery will be very loud and fuzzy from each sound from each artwork, talking sound, others ambient. That’s why we do our work. We was develop our work from loud and fuzzy sound in gallery, we try to get them and change to another feeling like smooth, meditation, psychedelic, peace etc. And then we can hear a new ambient sound by our artwork that make an opposite feeling from a real ambient sound. 116 madiFESTO
Thanavorn chaivarakij Pongtorn Maneekhat Patsorn Na Chiangmai SOUND DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ได้ยินใหม่ฉันอยู่ตรงนี้ , โปรเจ็ค Sound Installation ปลดปล่อยภาษาเหนือ หรือ กำ�เมือง ด้วยอารมณ์วอนหาเรื่อง บ่น โกรธ ออกมาเป็น noise ให้คนสะดุ้งและรู้สึกไม่ สบายใจ แทนที่จะได้นั่งพักสงบอารมณ์
You hear , I’m here : Sound arts Installation powered by Thailand Northern languages with furious ,complain, hate emotions perform by noise , to make people feel uncomfortable.
madiFESTO
117
Tanarat Tanonwong Boonchanin Soodtasom Rattatarm Ngorsorn SOUND DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
Music is not something absolute and complete in itself. It is only through our body and brain that consists of a chemical thing.Sometime, it may also help relieve loneliness, sadness and desire. It is uncertain in itself. Even the writers or marginalized people, They have the right to telling his own personal experience. All of us have the right to live in that deep feelings.
118 madiFESTO
ดนตรีไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนและสมบูรณ์ อยู่ในตัวของมันเอง มันเพียงแค่ผ่าน ร่างกายและสมองของเรา ซึ่งมัน ประกอบด้วยเคมีหลายๆ สิ่ง บางที มันอาจจะช่วยเราคลายความเหงา เศร้าและแรงปรารถนา มันมีความ ไม่แน่นอนภายในตัวมันเอง แม้แต่ นักประพันธ์หรือชายขอบ ก็มีสิทธิ์ ประพันธ์บอกเล่าผ่านประสบการณ์ ส่วนตัวของตัวเอง เราทุกคนมีสิทธิ์ที่ จะอยู่ในความรู้สึกลึกๆ นั้น
Pakorn Pantana Khomsun Chaiwong Akkaphon Promwan SOUND DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
งานปราศรัยเสื้อแดง เป็น Sound interactive installation ที่เสนอสัญญะของกลุ่มสีแดง โต้ตอบทางความคิด เฉพาะกลุ่มสีแดง ที่เกิดจากเหตุผลทางการเมือง ทำ�ให้ ความหมายของสีแดงในสังคมเปลี่ยนไปเกิดขึ้น โดยเสนอ ผ่าน เครื่องหมายที่ใช้ในการปราศรัย เช่น ลำ�โพงนอก สถานที่ ไมโครโฟน กล่องเก็บของสังกะสี โดยเสียงทีเกิด ขึ้นจะชัดเจนเฉพาะผู้คนหรือกลุ่มคนที่มีเสื้อผ้าหรือเครื่อง ประดับเป็นสีแดงเท่านั้น ซึ่งเป็นการเล่นกับสัญญะกับการ รับรู้ของผู้คนหรือกลุ่มคนนั้นๆ
RED is a Sound interactive installation to present sign of Red shirt for democracy. It make a critical thinking about red color because in Thai social meaning of red color is changed from past. This project present pass item of Red shirt for democracy, example outdoor-speaker microphone zinc-box. Sound of this project are clear follow the peoples who come to front of this project, it play with sign and perception of peoples.
madiFESTO
119
Thanut Gumarn DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
พุทธพาณิชย์ ผลประโยชน์จากความเชื่อ วิถีทางพุทธพาณิชย์ ไม่ใช่วิถีแห่งปัญญาตามวิถีทางแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า มุ่ง สู่การเจริญด้านวัตถุ (เครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ) มาเป็นอุบาย สร้างกิเลสมากกว่าการแสวงบุญการทำ�บุญหวังผล การทำ�บุญ อย่างฉาบฉวยในโลกสมัยใหม่ที่เร่งรีบ กลับกลายเป็นกลาย ทำ�บุญเลี้ยงกิเลส ทำ�บุญต่อยอดกิเลสให้มากขึ้นไม่สิ้นสุด วัตถุ บูชาสะท้อนให้เห็นเปลือกนอกของโลกวัตถุนิยม, บริโภคนิยม และทุนนิยม
Commercial of the Buddhist faith. Buddhist way of commerce. It’s not the way of wisdom by way of the Lord Buddha. Towards the growth of the object. (Anchor of the soul) to devise a passion for something aspire to more than a pilgrimage. Philanthropy is roughly in the modern world in a hurry. Become a passion party people. Merit follow-up passion never ends. Sacred objects reflecting surface of the materialism, consumerism and capitalism.
120 madiFESTO
Pongtorn Maneekhat DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ใจขุ่น หมายถึงจิตใจที่แปดเปื้อนไปด้วยสิ่ง เลวร้ า ยที่ ใ จไปยึ ด ติ ด อยู่ กั บ ความชอกชํ้ า ใน อดีตและยังส่งผลมาถึงการกระทำ�ในปัจจุบัน ซึ่งใจได้สร้างกลไกป้องกันตัวเอง เนื่องจากใจ เหลือน้อยเกินกว่าที่จะก่อเกิดเป็นความรักได้ แต่แล้วใจที่เหลือน้อยก็ได้มาเจอกับ หญิงสาว อ่อนวัยที่มาพร้อมกับสายฝน
Jaikoon : Falling rain with Love is the experimental 3D computer game which I apply many ideas from my studied in the first semester Subject : Concept of media design , Graphic design , Sound design and my 3D animation and real time interactive skill to created this game. My broken heart experience inspire me to simulated and perform them by Image, Sound and Text.
Tanarat Tanonwong DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
บางครั้งเราไม่ได้มองเห็นในสิ่งที่มันเป็น แต่เห็นในสิ่งที่เราอยากให้ เป็น คือจะมีรหัสยะอะไรบางอย่างเป็นตัวกำ�หนดซึ่งอาจจะเป็นด้วย สังคมหรือขนบธรรมเนียมประเพณีไทยที่เข้ามาเป็นตัวกำ�กับอยู่
Sometimes we do not see what it is. But what we want it to be. The man that has seen him there will be some code to determine which might be a Thai tradition. madiFESTO
121
Patcharaporn Chaiwan DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ในโลกของการสื่อสารที่ไร้พรมแดน ภาษายังถูกใช้เป็นเครื่องมือใน การสื่อสารไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม ซึ่งวิวัฒนาการของภาษา ยังคงมีความเคลื่อนไหวที่ไม่คงที่อยู่ตลอดเวลา นั่นก็รวมถึงภาษา เขียนที่จัดอยู่ในรูปแบบของสัญลักษณ์เพื่อการสื่อความหมาย การสื่อสารที่อยู่ในรูปแบบสัญลักษณ์นั้น จะถูกทำ�ให้เข้าใจหรือ ตีความหมายไปแบบไหนนั้น ขึ้นอยู่กับบุคคลที่อาศัยอยู่ในสังคม และวัฒนธรรมนั้นๆ ซึ่งความหมายที่ถูกตีความออกมาจะมี ความแตกต่างกัน จึงนำ�มาสู่ผลงาน MYSTIC ที่มีแนวคิดมาจาก สัญลักษณ์ Crop Circle (สัญลักษณ์บนทุ่งหญ้า) ที่มนุษย์ต่าง ตีความหมายไปต่างๆ นานา แล้วนำ�มาดัดแปลงเป็น Font ที่อยู่ใน รูปแบบเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้ชมผลงานได้ตีความหมายกันต่อไป
Communication world no boundary language to use for form of communication, whatever, in the other way of language form, include writting catagorize sign form for communication. sign use to make the way meaning depend people in another society and culture. Different meaning , different opinion, being to this object and from crop circle. Human can be interrupt meaning in surrounded way.
122 madiFESTO
แรงจูงใจ (Motivation) คือ สิ่งซึ่งควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ อันเกิดจากความต้องการ (Needs) หรือ ความปรารถนา (Desires) ที่จะพยายามดิ้นรนเพื่อให้บรรลุผลสำ�เร็จตาม วัตถุประสงค์ ซึ่งอาจจะเกิดมาตามธรรมชาติหรือจากการ เรียนรู้ก็ได้ แรงจูงใจเกิดจากสิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอกตัว บุคคลนั้น ๆ เอง ภายใน ได้แก่ ความรู้สึกต้องการ หรือขาด อะไรบางอย่าง จึงเป็นพลัง ชักจูง หรือกระตุ้นให้มนุษย์ ประกอบกิจกรรมเพื่อทดแทน สิ่งที่ขาดหรือต้องการนั้น ส่วน ภายนอกได้แก่ สิ่งใดก็ตาม ที่มาเร่งเร้า นำ�ช่องทาง และ มาเสริมสร้างความปรารถนา ในการประกอบกิ จ กรรมใน ตัวมนุษย์ ซึ่งแรงจูงใจนี้อาจ เกิ ด จากสิ่ ง เร้ า ภายในหรื อ ภายนอก แต่เพียงอย่างเดียว หรื อ ทั้ ง สองอย่ า งพร้ อ มกั น ได้ อาจกล่าวได้ว่า แรงจูงใจ ทำ � ให้ เ กิ ด พฤติ ก รรมซึ่ ง เกิ ด จากความต้องการของมนุษย์ ซึ่ ง ความต้ อ งการเป็ น สิ่ ง เร้ า ภายในที่ สำ � คั ญ กั บ การเกิ ด พฤติกรรม เมื่อมนุษย์พบกับ ประโยคหรื อ วลี ที่ ต อบสนอง ความต้องการ ความปรารถนาของเค้าก็จะมีแรงจูงใจในการ แสดงความคิดเห็น หรื อเป็ น ส่ วนช่ วยต่ อประโยคเหล่ านั้ น ให้ สมบรู ณ์ ยิ่ ง ขึ้ น หรื อ น่ า สนใจมากขึ้ น พฤติ ก รรมของมนุ ษ ย์ ที่ ปกติ แ ล้ ว จะสามารถถอดรหั ส สิ่ ง ต่ า งๆได้ จ ากการเห็ น ได้ นั้ น เช่น การอ่านตัวอักษรแล้วสามารถแปลความได้ การเห็น สัญลักษณ์ภาพแล้วรู้ถึงความหมายนั้นสัญลักษณ์นั้นได้ แต่ ถ้ามนุษย์เกิดเห็นภาพที่ไม่เข้าใจก็จะพยายามหาคำ�ตอบของ ภาพนั้นให้ได้ เป็นพฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งตรงกับ เทคโนโลยี QR Code ที่มนุษย์ไม่สามารถตีความได้จากการ อ่านด้วยตาต้องใช้อุปกรณ์ในการช่วยแปลให้เป็นภาษาที่อ่าน ได้โดยไม่ยากเย็น
Khomsun Chaiwong DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
Communication is fundamental of every human being. Communication it can happen when have speaker and listener. When listerner interest the communication, affect is back to speaker. This make creative about word and sentence. When sentence together,they will become a poetry. From human behavior about motivated, human think to find a answer about word or sentence to complete. That will become this project Live Poetry, This system show poetry in QR Code. Human can’t decode QR Code by own eyes. It effect to human motivation want to know the poetry.
madiFESTO
123
Supannika Panya DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
การสื่อความหมาย เป็นการถ่ายโยงความคิดหรือความรู้สึกเพื่อให้เกิดความ เห็นพ้องต้องกันของบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง หรือจากกลุ่มบุคคลหนึ่งไป ยังอีกกลุ่มหนึ่ง โดยผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การพูดคุย การแสดงสีหน้า ท่าทาง กริยา ภาษาเขียน ภาษาภาพ การสื่อความเข้าใจระหว่างมนุษย์ด้วยกันนั้น นอกจากการใช้ภาษาพูดโดยตรงแล้ว มนุษย์อาจใช้รูปภาพ ตัวอักษร เป็นสื่อ ในการบอกกล่าวถึงเรื่องราว ความรู้สึกนึกคิดที่ต้องการถ่ายทอดออกมา จึงนำ� มาสู่การนำ�เสนอผลงาน “LINK” เพื่อสื่อความหมายผ่านงานกราฟิกโดยใช้วิธี สื่อสารผ่านตัวอักษรในลักษณะ Perspective ร่วมกับการใช้แสงสีในการสร้าง ความรู้สึกที่แปลกใหม่
Meaning is link idea or feeling to understand by person to another person or community to another community. Through various channels such as speaking, mood, action, written language and picture for human to understanding in the same way. In addition speaking, human can image and alphabet to tell the story. It brings to project “LINK” communicate through the graphics in the perspective light to create a sense of novelty.
124 madiFESTO
Rattatarm Ngorsorn DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
“ความเห็นไทย”คำ�ๆนี้ได้เข้ามามีบทบาทแทรกแซง และแฝงตัวอยู่อยู่ในอุดมคติของคนในสังคมไทย ซึ่งเป็นความเข้าใจร่วมกันของคนในสังคม ผ่านรหัส ญะบางอย่างโดยมี”สื่อ”เป็นเครื่องมือ จากคนรุ่น ก่อนมาสู่คนรุ่นหลังให้ได้รับรู้ จนเกิดเป็นความเชื่อ เพื่อคอยกระตุ้นเร้าและยํ้าเตือนให้คนไทยสำ�นึกถึง ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมแบบแผนของ”ความเห็น ประเทศไทย”ซึ่งฝังตัวอยู่ในรากลึกของคนในสังคม ไทยและเมื่อเกิดปรากฏการณ์ต่างๆที่เป็นข้อพิพาท ของคนในสังคมไทยสิ่งๆ นี้จะกลับมาเพื่อย้อนให้ คนในสังคมไทยตระหนักถึง “ความเห็นไทย” ซึ่ง จะปรากฏขึ้นเสมือนภาพติดตาที่เลือนราง เกิดขึ้น เพียงชั่ววูบแต่จะคงอยู่สืบต่อไป
“Thai hood” this word has meant through and hidden inside Thai ideology something hardly understanding among Thai society has been building with one word called SIGN that take advantage form Media. The heritage from lastgeneration forward the believe to encourage present to recognize the Thai hood in that way. We can say like this is deeply busied behavior and lead to be a conflict topic. I current imaginary in our eyes pop up in few second-minute meanwhile, they’re all gone in few second minute that leave the believe behind.
madiFESTO
125
Nutchapon Ruttanitut DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
สามั ค คี ก ลมเกลี ย วเป็ น หนึ่ ง โดยมี ห ลั ง การที่ต้องการเพื่อให้เห็นถึงการดำ�รงชีวิต และเป็ น อยู่ ค วามรั ก ใคร่ ป รองดองของ กลุ่มคนเสื้อแดงโดยที่มีความต้องการมาก น้ อ ยเพี ย งใดเพื่ อ ทำ � การตอบสนองความ ต้องการของกลุ่มคนเสื้อแดงและยังทำ�ให้ บุคคลทั่วไปได้รับรู้ถึงความต้องการในสิ่ง ต่างๆที่คนกลุ่มนี้ต้องการ โดยงานนี้เป็น งานที่ ไ ด้ ทำ � การออกแบบ เสื้ อ ผ้ า เครื่ อ งแต่ ง กายใน งานแต่ ง งานของกลุ่ ม คน เสื้ อ แดงที่ แ สดงถึ ง ความรั ก ความปองดองของกลุ่ ม คน เสื้อแดง โดยการนำ�เสนอ งานเป็นการเดินแบบ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ชุดแต่งงาน ของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยมา การเดินแบบโชว์ชุด 10 ชุด ในการเปิ ด งานในรั้ งนี้ โดยมี นายแบบนางแบบเดิ น เป็ น งานโชว์ ชุ ด แต่ ง งานกลุ่ ม คน เสื้อแดง
126 madiFESTO
The way Red shirt believe is the way to drive them into the unique harmony way. Their ex<x>pression are shown in public as a voice of differentthinking people. Is the costume designer for the wedding of a group of people. Red represents
love, protection of the pickled red shirt. The presentation of a model. Apparel. Wedding of the red shirt. By walking a series of 10 sets in the opening show in this brace with models walking the show in a red dress. madiFESTO
127
Geerati Gusawadee DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ปฏิบัติการพิสูจน์ตน มุ่งหวังความดี ผ่านการ บำ�เพ็ญเพียรอันหนักหน่วง โดยถือฤกษ์แห่ง มหากาฬเทศกาลเป็นช่วงเวลาการทดสอบ ความเชื่อของเขา เริ่มที่หอศิลป์ฯ และมุ่ง หน้าตามเส้นทางอันเคี้ยวคดสู่ศูนย์กลาง การแสวงหาปัญญาแห่งเมืองเหนือ เผชิญ อุปสรรคอย่างไม่ลดละต่อความดีในมือตลอด 96 ชั่วโมง
Good man? What does the good man mean? Thai Society implants its people to well behave in Thai society and a good man. How society judge people whether which is good or bad? And what is standard of being a good man? Then, how we can compare between Good man and Bad man? If you do this way it means whether it is a good man or bad, we prove from all experiences as the way of meeting, seeing, wearing, saying and behaving although nowadays some have been breaking rules, and traditions.
128 madiFESTO
หลังจากผ่านการล็อคกุญแจและผูกติดอยู่กับ สิ่งที่ผมใช้ เป็น”ตัวแทนความดี” ที่ผมยึดติดอยู่โดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร กันแน่ และเริ่มต้นที่จะหาคำ�ตอบเกี่ยวกับเรื่องความดีวันนี้ เป็นวันเปิดงานที่สภาพร่างกายยังมีพลังอยู่เต็มเปี่ยม ผู้คน มากมายที่เข้ามาร่วมงานพิธีเปิด ได้เข้ามาทักทาย สอบถาม ถ่ายรูป สนใจในความแปลกจากภาพที่ไม่ค่อยที่จะได้ พบเห็นมากนักในสภาวะปกติ แต่จะมีสักกี่คนที่คิดลึกลงไป ถึงว่าผมกำ�ลังทำ�อะไรอยู่ ต้องการจะสื่อสารอะไร ต้องการ จะหาคำ�ตอบอะไร มีจำ�นวนไม่มากนักที่เข้ามาถามว่า concept มันคืออะไร ผมไม่ได้ตอบคำ�ถามนี้อย่างละเอียด ผมตอบสั้นๆ เพียงแค่ว่า “ผมกำ�ลังตามหาความหมายของ ความดีที่ผมได้รับการปลูกฝังจากสภาบันการศึกษาอยู่” คำ� คืนล่วงผ่านไปจนดึกดื่น ผมมีแผนการว่าจะเข้าไปเริ่มการใช้ ชีวิตยังที่แสดงงานหลักที่ผมวางแผนไว้ หลังจากงานพิธีเปิด จบลง แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ฝนตก ผมจึงต้องนอนหลับพักผ่อน ที่คณะก่อนหนึ่งคืน โดยที่คำ�ถามที่ผมอยากรู้ว่า “ความดีคือ อะไร” นั้น ยังไม่ได้คำ�ตอบใดเกี่ยวกับมันเลย...
เช้าวันที่สองตื่นมาพร้อมกับความไม่ชินเนื่องด้วยมีสิ่งที่ไม่คุ้น เคยผูก ล่ามอยู่ตั้งแต่เมื่อวาน ในคณะไร้ผู้คน หลังจากทำ�ภารกิจ ส่วนตัวเสร็จ การค้นหาคำ�ตอบของผมจึงเริ่มขึ้นสถานที่แสดง งานนั้นอยู่ไม่ไกลมากนักเมื่อเวลาปกติ ผมเริ่มออกก้าวเดิน ก้าว แล้วก้าวเล่า แต่ระยะทางนั้นยังคงไกล ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ด้วยรถเข็นคันเล็กที่ผมใช้ในการเคลื่อนที่ “ตัวแทนความดี” ของ ผม ระหว่างทางนั้น ก็มีผู้คน เข้ามาถามถึงสิ่งที่ผมกระทำ�อยู่ ผม ตอบคำ�ถามนั้นเพียงสั้นๆ เช่นเดิม ด้วยความคิดที่ว่า การให้คน ที่พบเห็นได้คิดและตีความการกระทำ�ของผมและภาพที่เห็น ด้วยตนเอง จนมาถึงประตูมหาวิทยาลัย ผมเดินผ่านประตูเข้าไป ด้วยท่าทีปกติและสำ�รวมอย่างที่ควรกระทำ�ในชุดที่สวมใส่ผ่าน ไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จึงถูกสกัดไว้โดยผู้รักษาความปลอดภัยของ มหาวิทยาลัย ผมได้แจ้งวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายที่ผมจะไป และเหตุผล แต่ด้วยระเบียบการพวกเขาจึงไม่สามารถอนุญาตให้ ผมผ่านเข้าไปยังที่แสดงงาน ได้ ผมพยายามทำ�ความเข้าใจและ มองในแง่ดี ไม่สร้างความลำ�บากใจให้เจ้าหน้าที่ จึงขอยืนรออยู่ ใกล้ๆ บริเวณทางเข้า เพื่อรอเพื่อนำ�เอกสารแสดงตัวมาให้เพราะ คาดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากผมเป็นนักศึกษาและเรียน อยู่ภายใต้ชื่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่เพียงแค่หนังสือรับรองว่า ผมเป็นนักศึกษาที่นี่ นั้นไม่เพียงพอ เขาไม่สามารถอนุญาตให้ ผมเข้าไปได้ ผมพยายามยอมรับและกลับมาตั้งต้นที่คณะ แต่ก็ ไม่ลืมที่จะคนหาคำ�ตอบกับเจ้าหน้าที่ว่า “ความดีคืออะไร”เจ้า หน้าที่คนหนึ่งตอบว่า ความดีคือการปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับ มอบหมาย แต่กระนั้นการปฏิบัติตามหน้าที่นั้นอาจจะทำ�ให้ผู้ อื่นไม่พอใจก็เป็นได้... ถ้าเช่นนั้นความดีก็ขึ้นอยู่กับผู้ออกคำ�สั่ง เช่นนั้นหรือ? ถ้าคำ�สั่งที่ออกมานั้นไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าความดี แล้ว การกระทำ�ตามคำ�สั่งเช่นนั้นจะถือเป็นความดีได้หรือไม่? ผมจึง เริ่มออกเดินทางอีกครั้งกลับสู่คณะ ขณะที่เดินกลับมานั้นรับรู้ถึง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่ข้อเท้าและข้อมือ จากการกดทับและ เสียดสีของโซ่ที่ผูกล่ามอยู่ แต่ผมยังก้าวเดินต่อไปโดยมีจุดมุ่ง หมายอยู่ที่คณะ ขณะที่เกือบจะถึงจุดหมาย ล้อรถเข็นที่เป็นสิ่ง ที่ช่วยเหลือในการเคลื่อนย้าย “ตัวแทนความดี”ของผมได้ชำ�รุด จึงต้องใช้กำ�ลังในการไปให้ถึงจุดมุ่งหมายอย่างยากลำ�บาก จาก นั้นจึงได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนในคณะในการนำ�รถเข็นคัน ใหม่มาเปลี่ยน ให้ เพื่อทำ� ให้ผมเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ด้วย คนเอง หรือว่านี่คือความดี? ความดีที่ว่า เป็นการช่วยเหลือผู้ที่ตก อยู่ในสภาวะลำ�บากกว่าเรา วันนี้เหน็ดเหนื่อย และรู้สึกถึงความ เจ็บปวดของร่างกาย แต่สิ่งที่ได้รับนั้นกระตุ้นทำ�ให้เห็นคำ�ตอบใน บางแง่มุมของสิ่งที่เรียกได้ ว่าความดีที่ผมตั้งคำ�ถามขึ้นมาบ้าง...
madiFESTO
129
วันนี้ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด ที่ข้อมือ ข้อเท้า และความหนักของ “ตัวแทนความดี” ของผม ทุก ย่างก้าวที่เดิน วันนี้มีสัมมนาความรู้ในเรื่องต่างๆ ที่คณะ ผมจึง อยู่ฟังเพื่อรับความรู้เหล่านั้น เผื่อว่าจะนำ�ไปเชื่อมโยงกับสิ่งที่ ผมต้องการคำ�ตอบได้ สิ่งที่ได้ยินทั้งหลายในวันนี้ เป็นความรู้ที่ มีค่า และมีจุดร่วมบางจุดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผมพยายามค้นหา คำ�ตอบอยู่ในขณะนี้ เมื่อผ่านการสัมมนาทั้งหมดแล้วนั้น ผม จึงได้พยายามคิดหาค้นหาความหมายของความดีโดยลดความ เจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายไม่ให้เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ นี่คงเป็น สัญชาติญาณในการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิต โดยการตัดเศษ ผ้ามาพันกับโซ่ที่พันธนาการตัวผมอยู่เพื่อลดความเจ็บปวดจาก การ กดทับและเสียดสี ถึงจะไม่ทำ�ให้ความเจ็บปวดที่มีอยู่เดิม หายไป แต่ก็ทำ�ให้ไม่เกิดความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม วันนี้ พยายามหลับตานอนด้วยความเหนื่อยล้าของร่างกายพร้อมกับ ครุ่นคิดถึงความหมายของความดี จนกระทั่งหลับไป...
วันนี้ ตื่นมาด้วยสภาพร่างกายที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน จึงตัดสินใจ ที่จะออกไปค้นหาความหมายของความดีอีกครั้งหนึ่ง เดินทาง ไปยังหอประชุม ซึ่งขณะนี้มีการเข้าค่ายทบทวนความรู้ของ เด็กมัธยม ที่เตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ไปดูถึงวิถีชีวิตของ เด็กที่เชื่อกันว่าจะเป็นอนาคตของชาติต่อไป มีเด็กเข้ามาตั้ง คำ�ถามถึงสิ่งที่ทำ�ไปเช่นเดิม ว่าผมกำ�ลังจะทำ�อะไรอยู่ บาง คนคิดว่าผมผิดปกติทางจิต ไม่กล้าเข้ามาคุย แต่ด้วยความ อยากรู้จึงได้รวมกลุ่มกันเข้ามาถาม วันนี้ผมตอบคำ�ถามไป มากมายถึงสิ่งที่ผมทำ�และค้นหาความหมายและถามกลับ
130 madiFESTO
ด้วยว่า ความดีที่ในความคิดของแต่ละคนคืออะไร เด็กคนหนึ่งได้ กล่าวว่า ความดีคือการทำ�ประโยชน์ให้ตนเองและส่วนรวม ถ้าเช่น นั้นแล้วทหารที่ปกป้องชาติจนตัวตายถือเป็นการทำ�ประโยชน์ให้ ตนเองหรือ ไม่? ทำ�ประโยชน์ให้ประเทศชาติและสังคมส่วนรวม จนตัวตายถ้านั่นนับเป็นความดีนั่นก็ อาจจะเป็นสิ่งที่พอจะนิยาม ได้ แต่ฝ่ายตรงข้ามที่ถูกฆ่าและสังเวยชีวิตของเขาเช่นกัน จะมอง ว่าฝ่ายเราที่เป็นผู้คร่าชีวิตผู้คนของเขาเป็นคนดีด้วยหรือไม่? หลัง จากที่ได้ตอบคำ�ถามและพูดคุยกับกลุ่มนักเรียนได้ระยะหนึ่ง ผมจึง ออกเดินทางต่อ เพื่อจะไปยังจุดมุ่งหมายใหม่ คือ พื้นที่บริเวณหน้า มหาวิทยาลัย โดยที่ไม่ได้มีความคิดจะเข้ามหาวิทยาลัยเพราะไม่ อยากสร้างความลำ�บากใจให้กับ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของมหาวิทยาลัย เพียงแค่เดินผ่านมหาวิทยาลัยเพื่อจะไปยังจุดมุ่ง หมายเนื่องจากเป็นทางที่ ใกล้ที่สุด แต่ก็ถูกสกัดไว้เช่นเดิม ผมถาม ถึงเหตุผลว่าเหตุใดจึงมาสกัดการเดินทางของผม คำ�ตอบที่ได้รับคือ สิ่งที่ผมทำ�มันไม่เหมาะสม “ความเหมาะสม” นั้นคืออะไร? เกณฑ์ การณ์วัดความเหมาะสมใครเป็นผู้กำ�หนด? “การกระทำ�ของผมไม่ เหมาะสมอย่างไร?” เป็นคำ�ถามที่ผมถามขึ้น คำ�ตอบที่ได้รับคือ “ชุด ครุยเป็นของสูง นำ�มาใส่แล้วทำ�การพันธนาการตัวเองกับโซ่เหมือน นักโทษเช่นนี้มันไม่เหมาะสม” นั่นเป็นการตีความอย่างหนึ่งของ คนที่มองเห็นภาพ ผมยอมรับในความคิดของเขาเพราะต่างคนต่าง ความคิด แต่นั่นทำ�ให้เกิดคำ�ถามขึ้นในใจถึงประโยคที่ว่า “ชุดครุย เป็นของสูง” ชุดครุยนั้นถูกใช้ในพิธีการรับปริญญาบัตรก็จริง แต่สิ่ง ที่ผู้จบการศึกษาภาคภูมิใจนั้นคือความรู้และความสำ�เร็จที่ได้รับ จากการศึกษาเล่าเรียนหรือว่าการสวมชุดครุยกันแน่? ชุดครุยนั้น เป็นเพียงวัตถุที่ใครจะหามาเป็นเจ้าของก็ได้ทั้งนั้น แต่ความรู้และ ความภูมิใจที่ได้รับหลังจากจบการศึกษานั้นหาไม่ได้จากตัววัตถุ เหล่านี้ แต่ทำ�ไมถึงยังยึดติดกับตัววัตถุหรือภาพแทนเหล่านี้ โยงไป ถึงเรื่องความดีที่ผมค้นหาความหมายว่าความดีที่ว่านั้นถูกมองเพียง ภาพลักษณ์ภายนอกเหมือนชุดครุย หรือมองลงไปลึกถึงแนวความ คิดและการกระทำ�กันแน่ หรือสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังเรื่องความดีนั้น คือการปลูกฝังให้มองคนเพียงแค่เปลือกนอกว่า แบบไหนดีแบบ ไหนไม่ดี...
วันสุดท้ายของการค้นหาความหมายของความดี ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า พร้อมกับคำ�ถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า สิ่งที่ผมทำ�นั้น เป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ดีเช่นนั้นหรือ และเพราะอะไร สถานที่แสดงงานที่ ตั้งเป้าหมายไว้ในตอนแรกไม่ได้มีผลอะไรกับผมอีกแล้วเมื่อถึงตอน นี้ มีแต่เพียงคำ�ตอบที่ผมอยากรู้ถึงความหมายของความดีว่าคืออะไร และสงสัยว่าผมถูกตัดสินด้วยเกณฑ์อะไร จึงไม่สามารถเข้าไปใน มหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งไม่สามารถเดินผ่านนอกรั้วมหาวิทยาลัย ได้ ผมจึงเดินทางอีกครั้งพร้อมกับหนังสือขออนุญาตจากทางคณะ เมื่อไปถึงประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยผมจึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยถึงความประสงค์ว่าผมต้องการจะมา ยื่นหนังสือขออนุญาต และรอจนกว่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำ�นาจมาชี้แจงว่า ผมควรดำ�เนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ ได้นำ�ตัวผมขึ้นรถกระบะไปยังสถานที่ยื่นหนังสือ เจ้าหน้าที่ฝ่ายวินัย ได้แจ้งถึงกฎระเบียบการใส่ขุดครุยวิริยะฐานะว่า ผมไม่มีสิทธิใส่ชุด ครุยที่สวมใส่อยู่ได้เนื่องจากผมยังไม่ได้จบการศึกษาในระดับปริญญา โท ผมยอมรับผิดโดยดีด้วยความไม่รู้ แต่กระนั้นผมไม่ได้มีเจตนาที่จะ แอบอ้างว่าผมจบการศึกษาแล้ว หรือทำ�ให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเช่นนั้น แต่ ถ้าจะกล่าวว่าการกระทำ�ของผมเป็นสิ่งที่ไม่ดี คงต้องตอบคำ�ถามที่ ว่าความดีคืออะไรให้ได้แน่ชัดก่อนที่จะตัดสินว่าผมดีหรือไม่ดีเพราะ อะไร ถ้าเช่นนั้นแล้วเมื่อผมจบการศึกษาผมคงสามารถกระทำ�การ เช่นนี้ได้โดยไม่ผิดกฎระเบียบข้อใดใช่หรือไม่ จากวันแรกที่ผมทำ�การ ค้นหาความหมายของความดี จนถึงวันนี้ ความหมายของความดีใน ความคิดของผมนั้น ความดีไม่ได้มีความหมายที่แน่นอนตายตัว แต่ แปรเปลี่ยนความหมายไปตามการยอมรับของสังคม สิ่งที่เราคิดว่าดี ถ้าสังคมไม่ยอมรับสิ่งนั้นจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ดี สิ่งไหนไม่ดีในความ คิดแต่ถ้าสังคมยอมรับสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่ดีไปตามสังคมนั้น ใน สภาพสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาความหมายของความ ดีนั้นก็จะแปรเปลี่ยนตาม เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สามารถที่จะบอก ความหมายที่เฉพาะเจาะจงได้ ความดีที่สถาบันการศึกษาพูดถึงและ ปลูกฝังให้เราเป็นคนดีนั้นคงจะมีความหมายว่าให้เรากระทำ�ตัวตาม กระแสสังคมเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ไม่เกี่ยวกับว่าเราจะมีความคิดหรือ ความเชื่อในเรื่องความดีนั้นอย่างไรถ้าไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ก็ไม่ถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีได้ การปลูกฝังเช่นนี้อาจจะเป็นการจำ�กัด กรอบความคิดของนักศึกษา ทำ�ให้ไม่เกิดแนวความคิดใหม่ๆ เพื่อ
สร้างสรรค์สังคม และพัฒนาการของประเทศ เนื่องจาก กลัวการไม่ยอมรับจากสังคมก็เป็นได้ อยากเห็นสถาบัน การศึกษาเป็นสถานที่ที่เปิดกว้างและเป็นอิสระทางความ คิด เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์และการพัฒนาอย่างก้าว กระโดดในอนาคตต่อไป...
madiFESTO
131
Acarima Nanthanasit | Adithep Duksukkaew | Akkaphon Promwan | Anitha Thipthongdee | Arisa Thongtae | Boonchanin Soodtasom | Chawagun Panyawong | Geerati Gusawadee | Gun Ketwech | Hathaiporn Pattarasettagarn | Khomsun Chaiwong | Munthana Tasena | Nutchapon Ruttanitut | Pakorn Pantana | Paphanan Nuikhram | Patcharaporn Chaiwan | Patsorn Na Chiangmai | Pitipong Somboonpon | Pongtorn Maneekhat | Pranchalee Intha | Rattatarm Ngorsorn | Somprattana Sukjai | Supannika Panya | Tanarat Tanonwong | Tanayos Roopkajorn | Thanut Gumarn | Tipwaree Sansuwan | Thanavorn Chaivarakij DIGITAL GRAPHIC DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
Among our lively society we’ve lived even rural or urban space. It was established from different career and different role. Each group drives the society to move forward that followed their abilities. Meantime, they mirror the way society run. The majority communities obviously create the thing called “standard” in direct and indirect way. The state authorizes our standard to preserve profit for niche people or we can say their foe really. The most space of society has been being in hands of mid-class and above people by the physical and mental principle. Nevertheless, the marginal people who hide and being hidden by purpose, but they are still a part of our society. They should reach the public resource as they could have, theoretically, “the marginal people” the word they receive by un-need who been divided them from main stream people and push them to the cliff. They refused career like trash keeper, prostitute, labor or disable people have been looked down and pointed them out to be marginal people. They don’t have their own space, lack of any opportunities, cannot stretch to resource and the education that is the most 132 madiFESTO
madiFESTO
133
important. Meanwhile, they are still able to be one part of our social development that state has to think about social brand image, administration and economy. By the public condition of majority people, we can see their problem and their important of marginal people, we know the way to instruct their idea and their “voice” including principle presentation is trying to understand the “lost people” , when they cannot support majority people’s utilities, so, it might be the main reason to push them away, more apart and barely create their own community to concentrate in the way we live and how they run their life, it may help to develop our society to the right way for equality and agreement.
134 madiFESTO
Marginal digital printing exhibition has been arranged for more marginal people understanding and give them a chance to voice, even some positions of their careers is illegal or un-morality. Actually, if people re-think and backward to see more, all â&#x20AC;&#x153;productâ&#x20AC;? we really refuse, they have been made from our society though intend or by accident. Producing this exhibition is what we believe that this is the way can cure the problem to make things more right even just sparking the point of this problem and keep going to find out the solution.
madiFESTO
135
Barlee Chirpongsuwan | Benya Chongmeesuk | Chanisara Yisu | Chatyukorn Niamnoi | Chawanporn Thidet | Jutinun Ladapornwittaya | Kamonlak Heebkum | Kamonnut Tatiyaporn | Kanittha Pornjaroen | Kattareeya Boonprasert | Kornkanok Tangtong | Kunyakorn Buayen | Kwanhathai Fungfeung | Montana Rodmeephon | Naritsara Kokilawatee | Natayaporn Eakatas | Nateetron Boontheppratan | Nattanop Triteepung | Natthanan Singharn | Netchanok Saikong | Niyada Wannarat | Pana Kantha | Patthawong Soonthonsripinit | Phattarawimon Wongyai | Phoosuda Sanohdontree | Poom Phanbaanlaem | Praoparnduen Wiyaporn | Rhoda Phusitprapha | Settakit Watcharasart | Sirinan Niroram | Siritida Songnoi | Supranee Kanthawong | Suthatip Chooshung | Thanaewat Buapoet | Thanyaluk Aramwiboon | Thosapol Phaovattana | Tiranan Sukkavee | Tunlaya Muanglue | Vasu Phayaphrom | Warongphat Ananchaiphattana | Worachat Yongphanit | Worathep Doungpook | Woraya Woravuthvitaya DIGITAL PHOTOGRAPHY date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
ในยุคโลกาวิวัฒน์ความเจริญทั้งทางด้านความคิด เทคโนโลยีเศรษฐกิจและสังคมนิยมเข้ามามีบทบาท และกระจายอำ � นาจเข้ า สู่ วิ ถี ชี วิ ต ของผู้ ค นมาก ขึ้ น ทำ � ให้ เ กิ ด การเปลี่ ย นแปลงทั้ ง ด้ า นวั ฒ นธรรม คติ ค วามเชื่ อ ขนบธรรมเนี ย มประเพณี ต ลอดจน โครงสร้างทางสังคมเชียงใหม่นับเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนสิ่งที่ ถูกสืบต่อกันมาในสังคมเริ่มเลือนหายและถูกแทนที่ ด้วยระบบทุนนิยมการดำ�เนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ส่ง ผลให้ ค นรุ่ น ก่ อ นๆต้ อ งเรี ย นรู้ ที่ จ ะปรั บ ตั ว และก้ า ว ให้ทันสมัยมากขึ้นจนบางครั้งทำ�ให้เราหลงลืมราก เหง้าความเป็นตัวเอง
136 madiFESTO
In globalization, the civilization of the ideas, economy, technology and socialist take an important role and expand their authority into lives. It’s cause of the changes in cultural, beliefs, traditions, and social structure. Chiang Mai is the good place where we can clearly see the changes. Something that has been inherited in society fading away was replaced by capitalism. The lifestyle of the younger generation affects the older generation. They must learn to adapt and become more modern. Sometimes we forget the roots of ourselves.
madiFESTO
137
Waritsara Jitmun | Wipoopong Jiraprapoosak | Piyapat Uthailert | Chanin Sriyoyod | Mariya Songpunya | Supachinee Kamsrimoung | Sarun Sriwong | Pitchaya Petpuang | Chidchanok Kannarat | Thanyapat Srimarat | TRA THI THANH NGUYEN | Akara Pacchakkhaphati | Leela Junsawang | Asek Petfung | Wajana Sukaew | Kedsaraporn Khumdee | Tana Kreangkraiphet | Sompon Kobsuknirun | Nanthanut Wanprom | Pandech Saleewong | VAN DU NGUYEN | Boonrit Nuntawit | Pisuttikul Boonmee | Preenapa Pookkumdee | Eakkachai Thamthitipong INFORMATION DESIGN date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
การนำ�เสนอข้อมูลของเมืองเชียงใหม่จากภาครัฐ ทั้งข้อมูลการท่องเที่ยว ข้อมูลสภาพแวดล้อม ข้อมูลประชากร หรือข้อมูล ในด้านอื่นๆ อีกมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นการเลือกที่จะเสนอข้อมูลเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือด้านใดด้านหนึ่งเพียงเท่านั้น ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเชียงใหม่อีกมากมาย ที่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อม สภาพสังคมและเศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่ การเข้าไปตรวจสอบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่เชียงใหม่ทั้งพื้นที่ที่รัฐได้หยิบยกขึ้นมานำ�เสนอเป็นปกติ รวมถึงพื้นที่และปรากฏ การณ์อื่นๆที่เกิดขึ้นและน่าสนใจแต่กลับไม่นำ�เสนอผ่านสื่อกระแสหลักและนำ�ข้อมูลเหล่านี้กลับมานำ�เสนอเป็นข้อมูล สารสนเทศในรูปแบบของการออกแบบใหม่ เพื่อให้ข้อมูลนั้นน่าสนใจมากยิ่งขึ้นจึงเป็นหนทางหนึ่งที่นำ�ไปสู่ความเข้าใจ และเกิดข้อโต้แย้งใหม่ในสังคมเชียงใหม่สู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต
138 madiFESTO
Presentation of Chiang Maiâ&#x20AC;&#x2122;s information from government such as traveling information environment information population etc. All of information from government have presented them only one side but in fact Chiang Mai province has many interesting places where Chiang Mai people well know but traveler unseen. These places have effected to environment social and economy in Chiang Mai. This information installation presents and compares between mainstream media and be out of it. The information installation give to you about critical of Chiang Mai current day.
madiFESTO
139
VAN DU NGUYEN Wajana Sukaew Pandech Saleewong Tana Kreangkraiphet Sompon Kobsuknirun Nanthanut Wanprom Kedsaraporn Khumdee INFORMATIVE CULTURE date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
Information Architecture : To plan, design, classify and manage information for rapidly and easily to understand the information and also potentially to acknowledge.
Human-computer interaction speacialist : The study of interactions between humans and computers.Lead to the development of a computer system that interacts with the user. So that users can access what information. Application of a computer system that interacts with the user. Chiangmai city Art & cultural Cantre.
140 madiFESTO
Human Factors Specialist : To study the interaction between human behavior and things, in case of products, services, environment, intention, perception and even in physical limitations and physical optimum with each tools.
Interaction Designer : Working to define and create the specific behavior of features and systems where users interact online, or with software, for products, devices, environments, and services. An interaction designer considers how the user actually manipulates the features of a design (buttons, menus, slider bars,on/off switches, etc.), as well as the system’s response to user input. They are most often found working on websites, on software applications, or in the product design field, the interaction design thought process can come in handy when dealing with information design projects as diverse as how a traveler manages to unfold a map, or how a museum visitor might physically engage with exhibit content.
User Experience Designer : To creation the relationship between design with user’s feeling for creating beautiful experience, impression and user’s recognition. The propose of this design to have a response in short term of apprehension become to knowledge in long term that is on hand with audience or user forever. Usability Specialist : Efficiency and customer satisfaction in the Museum’s media of audience’s experience who joined in museum, including Learning behavior how to solve problem during using on musuem’s media. Plain Language Expert : Recognition of human behavior, culture and language skills to write the data in the design and implementation. The goal is to be easily understood as the first recognition of short sentences, active voice, remove all unnecessary words in everyday life. Vocabulary and style that is easy to get to know of human. madiFESTO
141
Barlee Chirpongsuwan | Benya Chongmeesuk | Chanisara Yisu | Chatyukorn Niamnoi | Chawanporn Thidet | Jutinun Ladapornwittaya | Kamonlak Heebkum | Kamonnut Tatiyaporn | Kanittha Pornjaroen | Kattareeya Boonprasert | Kornkanok Tangtong | Kunyakorn Buayen | Kwanhathai Fungfeung | Montana Rodmeephon | Naritsara Kokilawatee | Natayaporn Eakatas | Nateetron Boontheppratan | Nattanop Triteepung | Natthanan Singharn | Netchanok Saikong | Niyada Wannarat | Pana Kantha | Patthawong Soonthonsripinit | Phattarawimon Wongyai | Phoosuda Sanohdontree | Poom Phanbaanlaem | Praoparnduen Wiyaporn | Rhoda Phusitprapha | Settakit Watcharasart | Sirinan Niroram | Siritida Songnoi | Supranee Kanthawong | Suthatip Chooshung | Thanaewat Buapoet | Thanyaluk Aramwiboon | Thosapol Phaovattana | Tiranan Sukkavee | Tunlaya Muanglue | Vasu Phayaphrom | Warongphat Ananchaiphattana | Worachat Yongphanit | Worathep Doungpook | Woraya Woravuthvitaya EXPERIMENTAL IMAGE
142 madiFESTO
Mr.Feat Chocolate
Packaging Design
Business Card
Mr.Feat Slogan
date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
Angel of Mr.Feat
Mr.Feat Character
Mr. Feat คือโปรเจคซุปเปอร์ฮีโร่ ที่จะ มาปกป้องความรักของคุณให้มีคุณค่าและ ปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยพลัง Love Protection ช่วยให้คุณรอดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ เนื่องจากความรักจะอยู่ไม่ได้ หากขาดการ ดูแลเอาใจใส่ จึงเป็นหน้าที่ของ Mr. Feat ที่ จะมาเป็นสื่อกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์ ของคู่รักให้ลึกซึ้งและปลอดภัยยิ่งขึ้น Mr. Feat มีร่างกายที่เป็นช็อกโกแลตเพื่อให้ผู้คน บนโลกได้ลิ้มลองรสชาติความรักอันแสน หอมหวาน และยังแฝงไปด้วยถุงยางอนามัย เพื่อทำ�ให้คุณมีรักที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
Demonstration of a condom using
madiFESTO
143
Demonstration of a condom using
Chocolate Packaging
Mr. Feat is a super hero project that protects your love and safe sex. With power of love protection will help you being safe from the problem being far away because love canâ&#x20AC;&#x2122;t exist without attention. Therefore, this becomes a mission for Mr. Feat to be an intermedi-
ary linking relationships between couple to be more profound and meaningful. Mr. Featâ&#x20AC;&#x2122;s body is made of chocolate. Everybody can touch and taste of love with the underlined functional meaning of condom in order to gain safe love.
Mr.Feat Display
144 madiFESTO
“Love me – save sex” is a sologan of Mr. Feat, which come from project that protects your love and safe sex. This slogan talks about couple to be more profound and meaningful. Love me – save sex used instead word of women who give Mr. Feat to her couple before having sex.
madiFESTO
145
Supachinee Kamsrimoung | Thanyapat Srimarat | Chidchanok Kannarat | Mariya Songpunya | Chanin Sriyoyod | Waritsara Jitmun | Wipoopong Jiraprapoosak | Piyapat Uthailert | Pitchaya Petpuang | Sarun Sriwong DE-SIGN date 27.09.2011-03.10.2011 venue 10 Soi 4, Charoenmeung Road, Watket, Meung, Chiangmai date 22.11.2011-23.11.2011 venue Pongnoi Art Space 161 Moo 5 Suthep, Chiangmai
การวิเคราะห์วิจารณ์แนวคิดการบริโภคและการใช้ชีวิตในยุคหลังสมัยใหม่ที่มีความหลาก หลายทางวัฒนธรรมโดยเกิดจากกระแสโลกาภิวัฒน์ การบริโภคเชิงสัญญะได้มีการสร้าง แนวคิดรวมไปถึงการสร้างอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมการบริโภคที่มีเสรีภาพโดยไม่ยึดติด กับกรอบของยุคสมัยใหม่มานำ�เสนอผ่านสื่อ new media ที่เป็นสื่อรูปแบบใหม่มีลักษณะ การใช้ information technology เข้ามาเป็นช่องทางให้สื่อสามารถแพร่กระจายออกสู่ สาธารณะ โดยเกิดการปฏิสัมพันธ์โต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับสื่อทำ�ให้เกิดการคิดเชิงวิพากษ์ ต่อเหตุการณ์ร่วมสมัยที่เกิดขึ้นในสังคม เพื่อสร้างแรงถ่วงดุลในโลกยุคใหม่
146 madiFESTO
Supachinee Kamsrimoung
การกินอาหารแบบ slow food แปลตรงตัวก็คือ การกิน แบบช้าๆ ซึ่งรวมไปถึงกระบวนการผลิตและการบริโภค ที่เป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่ทำ�ร้ายสิ่งแวดล้อม ไม่ผลาญ ทรัพยากรเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์เพียงอย่าง เดียว และที่สำ�คัญคือการคำ�นึงถึงสุขภาพของผู้บริโภค วิถีการบริโภคของคนไทยเดิมนั้น มีความพิถีพิถันเป็น ทุนอยู่แล้ว ดังนั้นหากจะถามหาอาหารที่อยู่ในจำ�พวก slow food สำ�หรับการดำ�รงชีวิตประจำ�วันจึงไม่น่าจะ เป็นเรื่องยากเย็น เพราะ slow food ที่ว่าก็คืออาหาร ที่ได้มาจากวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชน ซึ่งเป็นอาหารหรือ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ที่ ผ ลิ ต จากวั ต ถุ ดิ บ ที่ ไ ม่ ทำ � ลายความยั่ ง ยื น หรือมีกระบวนการที่ไม่เอารัดเอาเปรียบแรงงาน และที่ สำ�คัญต้องไม่ทำ�ลายวิถีการผลิตของวัฒนธรรม
“Slow Food” translated directly (into Thai) means slow eating. It includes both the making and eating of food. It is enviromentally friendly, not wasting resources for only human needs, and the most important thing is that it also takes into consideration the health of the consumer. The method of eating for ancient Thai people was very meticulous, thus if we are to ask what foods are “slow foods” for everyday life then it is not difficult to ascertain, since “slow foods” are made from natural ingredients of the local community. So, the ingredients and products of a certain local area are sustainable or does not take advantage of the local work force. Most importantly, it does not destroy the methods of that local culture. madiFESTO
147
Thanyapat Srimarat
เทคโนโลยีการสื่อสารในแต่ละยุคก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางสังคม ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมในการสื่อสารแทบทั้งสิ้น ทั้ง ในระดับปัจเจกบุคคลและระดับสังคมในลักษณะ ที่แตกต่างกัน ในยุคสังคมโลกาภิวัฒน์การสื่อสาร ผ่าน Facebook ได้กลายเป็นเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์มากที่สุด มนุษย์จากทั่วทุก มุมโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลาจนนำ�ไปสู่การ เปลี่ยนแปลงกระแสธุรกิจของโลกตามมาด้วย เนื่องจาก Facebook เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจขององค์กรสามารถขับ เคลื่อนและเลื่อนไหลไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้เองจึง เกิดการวิเคราะห์วิจารณ์แนวคิดเรื่องการบริโภคและการใช้ชีวิต ของมนุษย์ยุคหลังสมัยใหม่ที่มีความเป็นปัจเจกและมีความหลาก หลายทางวัฒนธรรมผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศและวัฒนธรรม Facebook ที่ทำ�ให้เกิดกระแสโลกาภิวัฒน์ เกิดการสื่อสารของ มนุษย์ที่ต้องเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย และหล่อหลอมให้โลกทั้งโลกอยู่ภายใต้สังคมเดียวกัน
148 madiFESTO
Development of communication technology causes the change in society and behavior of communication. It affects both individuals and society in different ways. Globalization, Facebook has become one of the most influential communication methods for humans. People around the world can access to the information equally. This leads to a change in the business world as Facebook has become an important tool to help business grow effectively and efficiency. For this reason, the critical thinking of the consumption concept and the diversity of postmodern culture, that is both individual and cultural diversity have begun. Globalization improves the way people communicate to be faster, easier and more convenient. The critical thinking of contemporary events that occurred in various societies. This might be a way of them to keep pace with the world and keep balance of the postmodernism.
Humans learn to evolve along with technology. New technologies also damage to environment. Not deny that technologies give convenience things to us such as an entertainment, social world ect. Humans accepted technology, to have been changed human’s life and life style include environment all around. The
Chidchanok Kannarat มนุษย์มีวิวัฒนาการเรียนรู้คู่ขนาดพัฒนาไปพร้อมๆ กับเทคโนโลยี ยิ่งมนุษย์เอาใจใส่และให้ความสำ�คัญกับเทคโนโลยีมากเท่าไร ยิ่ง ก่อการทำ�ลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเท่านั้น เทคโนโลยีไม่เพียงสร้าง ความสะดวกสบายแก่ชีวิตประจำ�วันของมนุษย์ยุคโพสโมเดิร์น แต่ เทคโนโลยีนั้นยังสร้างความหฤหรรษ์และกล่อมจิตใจให้มนุษย์หลง ไหลเคลิ้มตามไปกับโลกจริงฉาบฉวยจนกระทั่งเพลิดเพลินไปกับโลก เสมือน เราทั้งนั้นที่ยอมรับและสร้างเทคโนโลยีเพื่อมาเปลี่ยนแปลง การดำ�เนินชีวิตและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เทิดทูนบูชาเทคโนโลยี ต่างๆ เสมือนเป็นพระเจ้า เราต้องการมากจนต้องการครอบครอง การยุบรวมของพื้นที่ เวลา วัฒนธรรม และสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำ� วันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดกระแสนิยม Iphone ซึ่งไม่ ได้เป็นเพียงของใช้เพื่ออำ�นวยความสะดวกอีกต่อไป มันได้เปลี่ยน ฐานะตัวเองเป็นสิ่งทีมนุษย์ให้การยอมรับบูชา
human respect it like a god so that make them want to possession the implosion of space, time, culture and staff that use for routine from old media to new media. Result in Iphonism in the present day. There is not only for calling but it changed itself to accepted and adoration by humans.
madiFESTO
149
150 madiFESTO
Chanin Sriyoyod
ที่ผ่านมา เรามักแนะนำ�ให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารปกติที่มี ประโยชน์เท่าที่จะมากได้ แต่ด้วยสภาวะต่างๆในสังคมที่เกิดขึ้น มัน คงเป็นเองยากที่จะมีการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้ อย่างที่ใจเราต้องการจำ�นวนประชากรที่เพิ่มขึ้นนำ�ไปสู่การดำ�เนิน ชีวิตที่วุ่นวายและทำ�ให้มีเวลาชั่วโมงที่ยาวนานขึ้นและมีเวลาอยู่กับ สมาชิกในครอบครัวคนอนๆน้อยลง ในขณะที่ธุรกิจต้องการผลผลิต มากขึ้นและคนส่วน มากต้องอุทิศเวลาให้ กับการทำ�งานที่เพิ่ม ขึ้น จึงทำ�ให้พวกเขา มีเวลานอกเหนืองาน ลดลงจำ�นวนชั่วโมง นอกเหนืองานที่ลด ลงหมายถึงจำ�นวน ชั่วโมงที่ใช้ในการ เลือกสรรอาหารสดๆ จากสวน การเลือกซื้ออาหารสด และแน่นอนที่สุด การปรุงอาหารที่มาจากของสดต่างๆก็ถูกลดลงไป ด้วยนั่นเองอาหารฟาสต์ฟู้ดมีราคา ถูกหาซื้อง่ายและสะดวกรวดเร็วจึง เข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตในสังคม ที่เร่งรีบเช่นในปัจจุบัน และนี่คือ เหตุผลว่า ทำ�ไมผมถึงเรียกอาหาร พวกนี้ว่าเป็นทางลัดในการบริโภค
In a society that has occurred. It would be di_cult to have ‘s diet is a healthy one thatwe need.Population increases lead busy lives and have longer hours and have time to come. Members of the family and other less. As a business requires a lot more productive. And most people have devoted much time to work out. As a result, they are beyond the lower.In addition to the reduced number of hours means the number of hours used in the selectionof foods fresh from the garden.Buying fresh food. And of course, possible. Cooking from fresh,it’s been reduced to it.Fast-Food Food is cheap, easy and convenient to buy it to play a role insocial life in a hurry, as inNow, here is the reason. Why I call them as shortcuts in food consumption.
madiFESTO
151
Waritsara Jitmun
ปัจจุบันอัตราการเพิ่มจำ�นวนอย่าง รวดเร็วของร้านสะดวกซื้อต่างๆเช่น 7-11 นั้นได้ส่งผลกระทบและก่อ ให้เกิดการลดจำ�นวนลงของร้านค้า ปลีกหรือร้านขายของชำ�มากยิ่งขึ้น เรื่อยๆ อีกทั้งยังก่อให้เกิดปัญหา ต่างๆตามมา เช่น การผูกขาด ทางการบริโภค และ life style ผ่าน การบริโภคสินค้าแบบผลิตซ้ำ� อีก ทั้งยังเป็นการจำ�กัดโอกาสและ สิทธิในการเลือกของผู้บริโภค ผู้จัด ทำ�โครงงานนี้มีจุดประสงค์เพื่อนำ� เสนอทางเลือกในการบริโภคแบบ ใหม่โดยนำ�เสนอสินค้าในร้านค้า ปลีก ,ร้านขายของชำ�หรือที่เรียกกัน ว่า ‘ โชว์ห่วย’ ซึ่งมีคุณสมบัติทาง ด้านการใช้งานที่ตอบสนองความ ต้องการผู้บริโภคได้เทียบเท่ากับ สินค้าในร้านสะดวกซื้ออื่นๆ มานำ� เสนอในรูปแบบที่แปลกใหม่กว่า เดิม รวมถึงมีผสมผสานการทำ�งาน ของเทคโนโลยีเข้าไปด้วย
152 madiFESTO
Nowadays, the increasing rate of convenience store such as 7-11 that’s the main factor of the decreasing rate of grocery shop in Thailand and also ChaingMai causes some problem for example life style standardization , mass consumption , decreasing the consumerr’s ability to choose. The project’s aim is to offer the alterative taste and life style by represents the grocery shop’s products that have the adequate function for customer’s lifestyle fulfillment in the more interesting way and value combined with technology than ever.
Wipoopong Jiraprapoosak
ปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นมีแนวโน้มในการผลิตที่มาก ขึ้น มีตั้งแต่การผลิตในจำ�นวนที่มากไปจนถึงการผลิตที่ มีจำ�นวนน้อย แตกต่างกันไปและกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มบุคคลที่ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความสำ�คัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรม แฟชั่นในปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นในปัจจุบันนี้ได้ให้ความ สำ�คัญกับการแต่งกายของตนเองเป็นอย่างมากเปรียบ เสมือนว่าเครื่องแต่งกายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตนเอง ด้วยการแสดงออกของตัวตน การเสริมสร้างความมั่นใจ การสร้างพื้นที่ของตนเองในสังคมจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ จึงถูกนำ�มาใช้แข่งขันกัน ในพื้นที่นั้นๆ จากหนึ่งคนเป็นสองคน ก่อเกิดเป็นกลุ่มคนและเติบโตขึ้นทำ�ให้เกิด เป็นวัฒนธรรมขนาดย่อยหรือวัฒนธรรมรอง เพื่อแสดงความแตกต่างและความ ไม่ซ้ำ�ซากของตนเองภายใต้การปกคลุมของวัฒนธรรมพื้นฐานหรือวัฒนธรรมหลัก
The fashion industry tends to produce more. Has since been produced in large quantities to produce a small amount. Different groups and youth groups as an important target in the fashion industry today. The youth of today have given priority to their own dress code is very much like an outfit that is part of the body’s own self expression. Building confidence , Creating their own space in society, from clothing to wear can be used to compete. In one of those people who pose a growing group of people and causing a small-scale culture or cultures, secondary To illustrate the differences and not monotonous. Their Under cover of the culture or cultures of primary.
madiFESTO
153
Piyapat Uthailert ตั้งแต่อดีตประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา จนมาถึงปัจจุบัน ปี 2550 (2007) เราก็เล่นเกมออนไลน์มาแล้วหลายเกม แรก ๆ ก็ประเดิมด้วย Ragnarok Online, Mu Online , Gunbound , Fortess , Tai Online , Ran Online , Pangya , BnB , Ts Online , Granado Espada ... ในบางเกมเช่น Ro และ Mu ตอนแรก ก็เป็นช่วงทดสอบ พอเกมดูท่าว่าจะดี มีสมาชิกมีจำ�นวนผู้เล่นสูง ก็เริ่มใช้ ระบบ Commercial ใช้บัตร Air time ในการเติมเงินก็ ทำ�ให้คนส่วนนึงเลิกเล่นกันไป หันไปเล่นเกมอื่นแต่ 2 เกม นี้ สำ�หรับเราตอนนั้นก็คิดว่ากระแสก็แรงพอกันแต่ Ro จะแรงกว่าสักหน่อย เพราะเป็นเกมออนไลน์แรกๆที่เข้า มาในประเทศไทย แต่พอเก็บเงินปุ๊บ เกมที่ดูจะล้มเหลว กว่ากันเมื่อเปรียบเทียบน่าจะเป็น Mu เพราะว่าค่าบัตร แพงเหลือเกิน ... ทำ�ให้ห่างหายกันไป จากตอนนั้นจนถึง ปัจจุบันก็ประมาณ 3 ปี เกมนี้ก็น่าจะไม่ได้ให้บริการไป แล้ว ส่วนเกมอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึง มันจะใช้ระบบที่ให้เล่นฟรี ... แต่ถ้าผู้เล่นต้องการแรร์ไอเท็ม หรือไอเท็มชั้นสูงก็ต้องซื้อ บัตรเติม เพื่อจะได้ไปซื้อไอเท็มเหล่า ๆ นั้น ต้องชื่นชนทีมงานว่าวิเคราะห์เด็กไทยได้ดีในส่วนหนึ่ง ถ้าเด็กไทยติดเกมมาก ๆ เข้าแล้ว การที่จะขอเงินพ่อแม่ หรือไม่ว่าวิธีใดก็ตาม ที่จะได้เงินมาเพื่อนำ�ไปซื้อบัตรเล่น เกม ทางบริษัทก็จะได้กำ�ไรจากตรงนี้ บางเกมราคาก็แพง มาก เหมือนซื้อไอเท็มในเกมด้วยเงินจริง บางชิ้นราคา เป็นร้อยบาทกันเลยทีเดียว
Since the past 3-4 years until the year 2550 (2007), we have several online gaming debut with his first game Ragnarok Online, Mu Online, Gunbound, Fortess, Tai Online, Ran Online, Pangya. , BnB, Ts Online, Granado Espada ... 154 madiFESTO
In some games, such as Ro and Mu is the first test. I seem to be a good game. Have a high number of players. Commercial use began in the pre-paid cards Air time makes people have to stop playing. Turn to play, but two games for us now assume that the flow is strong enough, but Ro is stronger than anyone. It is the first online game in Thailand. But store owner. The game looks better when it fails is because the card is too Mu ... make it go away. From then until now, it’s about 3 years now, but will not provide it. The other games that are not mentioned. It uses a system that allows players to play for free ... but if you want rare items. Or higher is required to purchase the item card. To buy these items then. The team is among the best in this part of Thai children. If the Thai children’s game, then that would be asking for their parents. Whether any way. To get money to buy the game. The Company will also profit from it. Some games are very expensive price. I purchase items in the game with real money. Some of the price is five dollars ever.
Pitchaya Petpuang สังคมชายขอบเปรียบเสมือนมุมมืดเล็กๆมุมหนึ่งที่มีอยู่ใน สังคมไทย เป็นที่ซึ่งแสงสว่างในสังคมส่องแสงไปไม่ถึง การ มอบโอกาสและการช่วยเหลือแม้เพียงน้อยนิดของคนทั่วไปใน สังคมที่มีต่อบุคคลในสังคมชายขอบอาจมีค่าเท่ากับหรือยิ่ง กว่าการมอบแสงสว่างแก่บุคคลเหล่านั้น ผู้ศึกษาในฐานะคนๆ หนึ่งในสังคมไทย จึงคิดมอบแสงสว่างแก่บุคคลในสังคมชาย ขอบผ่านงานแสดงครั้งนี้
Social marginalization liken small hiding in thai social, wherewith the light in social can’t light up. Commendation of a chance and helping even the slightest of people in social for marginal people. Be equal or more providing illumination for them. I’m in a position of thai social people think to give a providing illumination for marginal people through this project.
madiFESTO
155
Mariya Songpunya การสร้างอัตลักษณ์มีส่วนสำ�คัญอย่างมากต่อการบริโภค นิยมยุคสมัยใหม่ เพราะเป็นการสร้างภาพจำ�ลองในจิตใจ สร้างจินตนาการและความรู้สึกเพื่อเชื่อมโยงผู้บริโภคให้ เห็นภาพลักษณ์ของอุตสหกรรมนั้นๆ ได้ตรงกัน ทั้งหมดก็ เพื่อเป็นกรอบให้ผู้บริโภคยอมรับคุณค่าที่ถูกปรุงแต่งขึ้น มา และส่งผลต่อพฤติกรรมและการตัดสินใจในการบริโภค โดยปราศจากการคำ�นึงถึงส่วนของความจริงอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ในพื้นที่เดียวกัน
156 madiFESTO
The creation of identity is extremely important to consumerism in modern world. Because it creates imagination and emotions to connect consumers with the brand image of the industry. So there is a framework to control consumers to recognize the value that being created and affect the behavior and decisions of consumers without consideration of other facts that occurring in the same space.
Sarun Sriwong
สินค้าตามท้องตลาดที่อาจ จะดูว่ามีความหลากหลาย แต่จริงๆ แล้วก็ผลิตออกมา จาก โรงงานเดียวกันคุณภาพ เท่ากัน และวางขายในชั้น เดียวกัน ที่ต่างกันก็จะมีแต่ Packaging ที่เป็นสิ่งที่ทำ�ให้ ผู้บริโภคประทับใจในแรกเห็น (first impression) และตัดสิน ใจซื้อสินค้า
Stock market may see a variety, but actually it’s made from the same factory. Equal quality. And sold in the same class. Packaging is dierent, but that is what makesthe consumer’s rst impression (rst impression) and makes a purchase.
madiFESTO
157
Kosit Juntaratip
in collaboration with
Supakrit Intapan
date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
158 madiFESTO
When ‘something’ collapsed… The phenomenon occurred on the first of September, 2011 is another example of tragedy that represents the fiasco of the art constitution in the nation under the intense power negotiation emerged with unclear intention. The constitution is not simply a building or a place, but a process involving a thinking system in arts, society and culture. The space of arts, which was once an area for critical expression, has now been changed to the unwilling acceptance, replication and being controlled. เมื่อบางสิ่งบางอย่างยุบตัวพังลงมา ทำ�ให้สถานะการณ์ของวันที่ 1 กันยายน 2554 เป็นตัวอย่างอันน่าเศร้าและแสดงออกถึงความล้มเหลวของสถาบันศิลปะ ในประเทศ ภายใต้ความรุนแรงในการการต่อรองเชิงอำ�นาจได้ปรากฏตัวขึ้นจาก เจตนาที่ไม่ชัดเจน สถาบันไม่ใช่อาคาร ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นกระบวนการของ ระบบวิธีคิดในเรื่องศิลปะ สังคมและวัฒนธรรม พื้นที่ทางศิลปะซึ่งเคยเป็นพื้นที่ สำ�หรับการแสดงออกทางการวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่การ ยอมรับ ปฏิบัติตามแบบอย่าง และถูกควบคุม madiFESTO
159
นักศึกษาวิจิตรศิลป์สาขาการถ่ายภาพ Photographic Art Students, Chiang Mai University PHOTOGRAPHY ARTS date 26.09.2011-30.09.2011 venue CMU ART CENTER
หลักสูตรศิลปบัณฑิต สาขาวิชาศิลปะการ ถ่ายภาพเหมาะสำ�หรับนักศึกษาที่มีความ สนใจทางด้านการถ่ายภาพ จุดเด่นของ เนื้ อ หาหลั ก สู ต รคื อ การเรี ย นการสอนที่ ผสมผสานทั้งทางด้านแนวความคิดทฤษฎี เทคนิ ค ปฏิ บั ติ แ ละความคิ ด สร้ า งสรรค์ โดยคณาจารย์ ป ระจำ � ผู้ ท รงคุ ณ วุ ฒิ แ ละ วิ ท ยากรผู้ เ ชี่ ย วชาญทางด้ า นการถ่ า ย ภาพ หลักสูตรศิลปะการถ่ายภาพเน้นยํ้า ถึงความสำ�คัญในการเรียนรู้ที่ตื่นตัว และ การแสดงออกส่ ว นบุ ค คลของนั ก ศึ ก ษา โดยใช้การถ่ายภาพเป็นสื่อกลาง
Bachelor of Fine Arts Program in Photographic Art is designed for those who are interested in photography. Its highlight is the mixture between theory and practice supervised by qualified lecturers and expert guests in the field. This course emphasizes student’s personal expression using photography as a medium.
160 madiFESTO
madiFESTO
161
Udomsak Krisanamis CREATIVE PROJECT date 07.10.2011-15.10.2011 venue 40/32 Oon Aree Village, Sanamkeela Soi 1, Sripoom
การรวบรวมผลงานของเพื่อนๆ ศิลปิน รวมทั้งงานสะสมส่วน ตัวนำ�มาจัดแสดง อยู่ในทุกห้อง ทุกมุม ภายในทาวน์เฮาส์ หลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในซอกซอยของเมืองเชียงใหม่
The collected works of other artists as well as private collections were exhibited. In every room, every corner in a small townhouse. Located in the alley of the Chiangmai city.
162 madiFESTO
madiFESTO
163
Patavee Viranuvat CREATIVE PROJECT date 26.09.2011 venue Plod-Sarn-Pitz Restaurant
I’m not a god, so I can’t tell you what the best form, formula, solution is ? Although I’ve learned ผมยังหาคำ�ตอบไม่ได้ถึงรูปแบบที่ดีที่สุด เหมาะที่สุด ถึงแม้ว่า from many examples in the past, I hope I could ผลลัพธ์นั้นเกิดขึ้นแล้วในอดีตและผมก็มีโอกาสได้เห็นแต่ผมก็ try to make it a little different. Basically, the rule ยังพยายามหาทางทำ�ไม่ให้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน จากหลัก of change will function simply when it changes. การง่าย ๆ ว่า “ถ้าตัวแปรเปลี่ยน ผลลัพธ์ก็เปลี่ยน”ผมสอบตก When I was young, I all subjects that had to do คณิตศาสตร์แบบระเนระนาดสมัยเด็ก แต่ก็เรียนรู้ที่จะเดินออก with calculation, but I roughly remembered how จากห้องสอบก่อนเวลาที่ได้รับอนุญาต โดยไม่ต้องเสแสร้งทำ� to walk out from the examination room without เป็นเติบคำ�ตอบให้เต็มเหมือนที่ถูกบังคับให้ทำ� ผมยังทำ�ซํ้า ๆ pretentiously filling the answer sheet. Of course, อยู่เช่นนั้นกับชีวิตจริง ไม่เคยมีใครเลิกจ้างผม เพราะผมเลิกทำ� there were a lot of problems at the exit. Now, the ก่อน ผมไม่เคยโดนไล่ออก เพราะผมไหวตัวทัน วันสอบปลาย final exam coming, I daily pray that we all won’t ภาคครั้งใหญ่ใกล้เข้ามา ผมภาวนา ขออย่าให้ทุกคนนั่งรอจน plan to sit until the end when they come and jerk เวลาในห้องสอบหมด แล้วถูกยึดกระดาษคำ�ตอบ แล้วยังเพ้อ away your answer sheet, and still dreaming that we could walk out to ask others ‘How was it ?’ ว่าจะมีโอกาสออกมาถามเพื่อนว่า “มึงทำ�ได้รึเปล่าวะ ?”
164 madiFESTO
madiFESTO
165
(ตราบใดที่ยังไม่สามารถบรรลุโลกได้) หรือเรียกได้ว่าเป็นสัญชาติ ญาณที่สำ�คัญของการเป็นมนุษย์ด้วยซํ้าไป เพราะหากไม่มีกาม อารมณ์แล้วเราคงไม่สามารถสืบเผ่าพันธุ์ลูกหลานกันมาถึงขนาด นี้ แต่กามอารมณ์ก็ควรที่จะแสดงออกและใช้อย่างถูกที่ถูกเวลา เท่านั้น ทั้งยังต้องถูกควบคุมอย่างมิดชิด ภายใต้ความถูกต้องและจารีตประเพณี แต่ถึงเช่นนั้นเราก็ไม่สามารถกำ�จัดกาม อารมณ์ที่มีอยู่ในตัวไปให้หมดจดไป ได้ และกามอารมณ์ที่ไม่สามารถสำ�เร็จ เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์นั้นก็มักจะเกิด ด้วยความเหงา หรือทำ�ให้เกิดความเหงา ความเหงามักมีอยู่และ ทวีคูณมากขึ้นด้วยการขาดหายหรือห่างหายของความรู้สึก จาก การสัมผัส ความห่วงหาอาทร ความรักและความใคร่
Arpapun Plungsirisoontorn in collaboration with
Arnont Nongyao
CREATIVE PROJECT date 29.09.2011 venue Roller Space, the abandoned building in Arcade Bus Terminal area
Lust is an emotion that secretly hidden beneath the surface of our social mask but it cannot be denied that we “as human being” we are all ‘มหานคร’ สังคมเมืองที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี แข่งขันกัน driven and forced by lust. เพื่อชีวิตที่อยู่รอดภายใต้ระบบทุนนิยมที่แข่งแกร่ง การบริโภค In the midst of the Metropolis, people are อย่างบ้าคลั่งชดเฉยวิญญาณที่ขาดหาย เติมเต็มกิเลสโหยหา อยากได้อยากมีไม่สิ้นสุด กลายเป็นจินตนาการภาพหลอนหลอก struggling for life, consuming to fulfill their lost หลงลืมความเป็นมนุษย์ ความเจริญและเทคโนโลยีแยกผู้คนออก soul. People are split away from each other by ห่างจากกันไกลออกไปเรื่อยๆทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว เกิดเป็นความ technology and prosperity which makes them being isolated and emotional collapsed. Loneliรู้สึกโดดเดียวอ้างว้างตกค้าง สู่การล้มสลายทางความรู้สึก จึง ness overwhelms those poor metropolitan as ไม่ยากเย็นนัก ที่ความเหงาจะผุดพอกงอกงามในซากอารมณ์ the abandoned buildings which are the statue ของชาวกรุงผู้เหนื่อยหน่ายทั้งหลาย ไม่ต่างจากตึกร้างที่เคยถูก of fake civilization. Those naked architectures สร้าง และทิ้งค้าง ตั้งตระหง่านตาเป็นอนุสาวรีย์แห่งศิวิไลซ์ลวง remind us to the remembrance of hope, the โลกสถาปัตยกรรมเปล่าเปลือยยํ้าเตือนถึงความทรงจำ�แห่งความ evident of existence and wasteful waiting for หวัง หลักฐานของการมีอยู่และถูกละทิ้ง รอคอยวันบูรณะ หรือ restoration or destruction. ทุบทำ�ลายเสีย
166 madiFESTO
Kosit Juntaratip CREATIVE PROJECT date 1 / 8 / 15.10.2011 venue Warm Up Cafe’ Chiang Mai
คุณเป็นคอมมิวนิสต์หรือเป็นทุนนิยมหัวรุนแรง เป็นพวก ฝักใฝ่ในอำ�นาจหรือเป็นพวกนิยมการปลดแอกเพื่ออิสรภาพ คุณเป็นพวกคลั่งศาสนาหรือปัจเจกนิยม เป็นคนดีหรือคน เลว เป็นคนที่สังคมรังเกียจหรือเป็นคนของมหาชน เป็นพวก รักร่วมเพศหรือพวกกามวิปริต เป็นมนุษย์ที่ควรถูกตัดสิน หรือเป็นมนุษย์ที่ตัดสินคนอื่น
you are communist or radical capitalism >> you are interested in a sectary of power or demonstrate worship to the freedom >> you are enthusiast or individualism >> you are the outcast man or the man of the public >> you are homosexual or sexual perversion disorder >> you are the man who was judged or the man who judge.
madiFESTO
167
Prachya Compiranont CREATIVE PROJECT date 27.09.2011 venue CMU ART CENTER
168 madiFESTO
EWANs Project สำ�รวจบทบาทของ “ศิลปิน” และ “ผู้ชม” ในยุค ร่วมสมัยด้วยการแสดงสื่อผสมแบบด้นสด จากนั้นจึงท้าทายผู้ชม ให้สร้างผลงานจากการรับชมเพื่อนำ�มาเป็นวัตถุดิบในการแสดง ผลงานครั้งต่อไป
EWANs Project explores the role of “The Artist” and “The Audience” in contemporary culture by setting up the mixed media spontaneous live performance. It then challenges the audiences who witness the show to produce the works that will later be used as the materials for the next session.
madiFESTO
169
Minimal Gallery CREATIVE PROJECT date 01.10.2011-13.10.2011 venue Minimal Gallery Nimmanhemin Soi 13 Muang Chiang Mai
เมื่อพื้นที่ๆ หนึ่งถูกจัดมาเพื่อคนกลุ่มๆ หนึ่ง บทสนทนาในเรื่องของชีวิต ประสบการณ์ ศิลปะ ได้สร้างแรงบันดาลใจต่อการดำ�รงชีวิต แต่น้อย คนจะรู้จัก ตัวตนอีกด้านหนึ่งของคนๆ นั้น “งานศิลปะ กับ พื้นที่ เป็นตัว เชื่อมที่มากว่าการพูดคุย”
Once the one space has produced for a group of people to share the tale of life, to begin the discussion of experiences,to be free criticize in art that creates human breathing to survive but noone will find the others side of noone.
170 madiFESTO
madiFESTO
171
172 madiFESTO
madiFESTO
173
174 madiFESTO
madiFESTO
175
CMU ART CENTER
239 nimmarnhaemin rd. muang chiang mai 50200
Tel.053-218280, 053-944833 http://www.cmumuseum.org
Faculty of Fine Arts FOFA (Faculty of Fine Arts) was founded in 1982; we offer the unique program of its kind in Lanna Region, the Upper Northern area of Thailand. FOFA offers academic studies (Art history, Art in Theory and Art Criticism) and professional training (studio, production, performance) at graduate and undergraduate levels with emphasis on contemporary Art ( Painting, Sculpture, Printmaking, cultural diversity and community engagement including the integration of the new technologies alongside traditional modes of art theory and practice. http://www.finearts.cmu.ac.th/
31st Century Museum of Contemporary Spirit
Our Body, Our Museum. Spirit is Art. The 31st Century Museum of Contemporary Spirit aims to give people back the freedom of expression, evokes them to realize and strengthen their self-confidence in their hidden ability to create creative activities, gives them back the power to evaluate individual’s expression regardless the mainstream’s cultural or aesthetics’ value. Everyone is an artist, a curator, and an owner of a museum. 100/6, Moo 10, Soi Wat U-mong 11, Suthep Rd., Suthep, Maung, Chiang Mai, 50200 THAILAND
053 811 555 | spirit@31century.org | 31century.org
176 madiFESTO
The CMU Art Center is a contemporary art and culture institution, which provides academic services like alternative learning for art and culture. It promotes and preserves art and culture for their development of the Thai society as means for the aesthetic education of the general public. Chiang Mai University Art Center (CMU Art Museum is founded in 1998, Established in the north region with a purpose of being a center for exhibitions, performances, meetings and seminars and providing services to the community. Beside that it also supports art education of the Fine Arts Faculty. Moreover it intents to be a center of cooperation and collaboration among art and culture organizations and institutions, nationally and internationally, for the purpose of exchanging art and culture information, knowledge and experience. The CMU Art Museum is open officially on 19 January 1999.
Pongnoi Art Space
Since 2008, PongNoi Art Space provides a solution for young generation artists who look for an office space with an exhibition hall. This non-profit gallery provides an opportunity for young artists with a unique space with no fee of any kind. This is truly a space for expressing new ideas and techniques of arts. The artist is provided a one month free space to exhibit their artwork with an advanced publicity campaign, (absolutley free of charge!!) At the end of the year, the cool artists are selected to come back as our honorable guest, and display their work. All artists are welcome, Poetess, Musician, Photographer, Painter, and more. Since 2008, PongNoi Art space has supported the art community in many ways. In the near future we are looking forward to be a part of the young community who can get their hand closer to the arts.
161 MOO 5 THUMBOL SUTHEP, MUANG, CHIANG MAI 50200 THAILAND
EVERY SATURDAY AT 07:00 P.M., 3RD ROOF FLOOR
MEDIA ARTS AND DESIGN | CMU ART CENTER
space for new activities
filmSPACE is an attempt to restore cinema to the public in Chiang Mai. Film enthusiasts can come together and watch films in an open-air theater weekly. Come have a cup of coffee and lie down under the stars and just watch films discussion to follow each screening of feature films and experimental work.
Rumpueng Artspace Art and design, community art space, exhibition space, art and design classes ,workshop, Chiangmai, Thailand http://www.facebook.com/rumpueng.artspace http://rumpeungartspace.blogspot.com/
ย้อนแยงสุนทรียะและสหาย
พินัยกรรมสุนทรียะอาสัญ อำ�ลา อาลัย ย้อนแยงฯ ผู้สิ้นหวังกับ โลกศิลปะร่วมสมัย และจะลาจากด้วยศักดิ์ศรีที่เปี่ยมล้น.... ปิด ตัวย้อนแยงฯ บริษัทอุดมคติที่อยู่ในโลกสิ้นหวัง...ลาก่อน....... facebook.com/yonyang.company
Gallery Seescape
“We drive art” Considering Gallery Seescape as a one square centimetre of the Earth, this self-sustained community of Nimmanhaeminda area, Chiang Mai, it is a tiny coordinate of the world. This might not be visible to naked eyes, nor recognisable from map of Thailand. But if comparing Gallery Seescape to the concept of ‘Art Space’, Seescape community has no fence or wall to obstruct any imagination. This is because the pleasure of the artists and art lovers would have diminished, if someone theorised that “... Art must be list this! ... This is IT!”
The Land Foundation
Initiated in 1998, the land (more direct translation from Thai to English would be, the rice field) was the merging of ideas by different artists to cultivate a place of and for social engagement. The land is located in proximity to the village of Sanpatong, a twenty minutes drive from the center of the provincial capital Chiang Mai. As some rice farmers are having difficult times in the area, due to the levels of floods and high water level, rice farming has not been very productive. Because of this, some rice fields in the area have been offered for development, as the rice farmers are looking to find better areas for the fields. Though initially the action to acquire the rice fields were initiated by two artists from Thailand, the land was initiated with anonymity and without the concept of ownership. The land was to be cultivated as an open space, though with certain intentions towards community, towards discussions and towards experimentation in other fields of thoughts. 25 Sirimangkalajarn Soi 13, Suthep, Muang, Chiang Mai 50200 THAILAND
053 212 220 | theland@thelandfoundation.org | thelandfoundation.org
Seescape art and community insists of design shop, galleries, cake and coffee cafe’ & artist residence 22/1 Nimmanhemind Soi 17, Muang, Chiang Mai, 50200 THAILAND
herndesign@yahoo.com | galleryseescape@gmail.com | seescapechiangmai.blogspot.com
madiFESTO
177
178 madiFESTO