แม่อำไพร: คนตัวเล็กที่ยิ่งใหญ่

Page 1

บทสรุ ปการทํางานเขตที ๕ ชุ มชนบ้ านห้ วยหญ้ าไทร ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่

บ้ านห้ วยหญ้ าไทร: คนเล็กๆกับภารกิจอันยิงใหญ่ เสี ยงครกกระเดืองทีคอยตําข้าวเปลือกให้หลุดออก ก่อนใช้กระด้งกลมใหญ่ฟัดเปลือกข้าวทีเบากว่าปลิวลงพืน ตามใต้ถุนบ้านไม้แบบปกาเกอะญอ (กะเหรี ยง) ไก่จิกจมูกข้าว กินอย่างอิมท้อง และไว้หุงข้าวสารขึนหม้อให้คน เสี ยงครก กระเดืองและบรรยากาศยามเช้าอันเนิบช้าแบบนีไม่มีอีกแล้วในบ้านห้วยหญ้าไทร แม้จะเป็ นหมู่บา้ นปกา เกอะญอลึกลับท่ามกลางหุบเขาสลับซับซ้อน ไม่มีโรงเรี ยน ไม่มีอนามัย ห่างจากตัวอําเภอสะเมิง จังหวัด เชียงใหม่ไม่ถึงยีสิ บกิโล ก็ไม่เป็ นอุปสรรคนักหากจะเดินทาง ข้องแวะ เกียวข้องกันทังไปศึกษา ไปทํางานหรื อ จับจ่ายใช้สอย เมือไฟฟ้ าเข้ามาเกือบยีสิ บก่อน ทีวี ตูเ้ ย็น และเครื องสี ขา้ ว สามอย่างนีจึงเป็ นเครื องอํานวยความ สะดวกหลักของชาวบ้านทีนีไปโดยปริ ยาย แม้วา่ วิถีชีวิตตามแบบอย่างชาวปกาเกอะญอดังเดิมจะเปลียนไปแต่เมือขึนชือว่าเป็ นบ้านเกิดเมืองนอน มี ข้าวมีนาให้ ํ กินให้ใช้จนเติบใหญ่แล้วใครบ้างจะไม่อยากอยูบ่ า้ น ไม่รักบ้านเกิด “มันร้อน และต้องใช้เงินเยอะ อยูบ่ า้ นเราสบายกว่า ปลูกผัก เข้าไร่ เข้านา เข้าป่ ามีให้กิน ไม่ตอ้ งใช้เงิน มาก” แม่อาํ ไพร ประชุมสิ ทธิ ชาวบ้านธรรมดาๆ พวงตําแหน่งผูน้ าํ กลุ่มแม่บา้ นห้วยหญ้าไทรบ่นอุบหลังจาก ทีมงานถามถึงความคิดทีจะไปอยูใ่ นเมือง “ไม่ได้อยากเป็ นผูน้ าํ แต่เพราะไม่มีใครทํา แม่วา่ แม่เสี ยสละได้ ก็ทาํ ได้นาํ ความรู ้อ่านออกเขียนภาษาไทยได้ เวลาทางการมีหนังสื อก็มา ประกาศแจ้งข่าวให้เพือนบ้านเข้าใจ พอทําไปนานเข้ามีเรื องอะไร ชาวบ้านก็มาหาเรา ทางการก็มาหาเราให้เป็ นตําแหน่งมากมาย ไป ประชุมเป็ นตัวแทนชาวบ้าน ก็กลายมาเป็ นคนกลางเกือบทุกเรื อง แม่ก็ ยินดีทาํ ไปช่วยเหลือคนอืน” คําตอบซื อๆ จากคนจบมัธยมหกอย่างแม่อาํ


ไพรเริ มเผยคุณสมบัติคนบุญ (คือ คิดอยากช่วยคนอืนก็ช่วยเลย ไม่ได้หวังผลตอบแทน) เป็ นต้นทุนเดิมตังแต่ยงั ไม่เริ มโครงการ ชีวติ บนดอยอันรีบเร่ งกับการศึกษากระแสหลัก ทุกเช้าแม่อาํ ไพรจะตืนขึนมาเปิ ดหน้าร้านทีทําจาก ํ าง ร้านค้าเล็กๆ ภายใน สังกะสี แผ่นบาง แล้วใช้ไม้คาสองข้ บริ เวณรัวบ้านก็ถูกเปิ ดเป็ นทางการภายในเวลาไม่กีนาที จากนันแม่จะไปก่อฟื นจุดเตาตังหม้อต้มไข่ไก่เกือบยีสิ บ ฟองไว้รอรับลูกค้า บ้างทอดลูกชิน ทอดมัน ไส้กรอกทีซือ มาจากในอําเภอสําหรับเป็ นกับข้าวแสนง่ายเพือให้ทนั ต่อ ชีวิตอันรี บเร่ งท่ามกลางบรรยากาศป่ าครึ ม หมอกจางกับ นําค้างยอดหญ้า ความเงียบของหมู่บา้ นทีล้อมรอบด้วยหุบ เขาทัวทุกทิศ ซึ งดูจะขัดแย้งกับวิถีอนั เร่ งรี บของหมู่บา้ นปกาเกอะญอ เพราะเมือเข็มนาฬิกายังไม่ทนั เดินถึงเลข แปดหมู่บา้ นทังหมู่บา้ นก็เงียบลงอย่างเห็นได้ชดั ลูกหลานออกนังรถไปโรงเรี ยนแต่โมงเช้า พ่อบ้านแม่บา้ นพา กันสะพายกระบุงใบใหญ่ จับมีดและพกห่อข้าวเทียงใส่ยา่ ม ใส่รองเท้าบูท สวมหมวกแล้วเดินเข้าไร่ เข้านากัน หมด เหลือทิงไว้เพียงคนเฒ่าคนแก่กบั ทารกน้อยในบ้าน ความเงียบเรี ยบร้อยก็กลับคืนสู่บา้ นห้วยหญ้าไทรอีก ครัง ไม่ต่างอะไรกับวิถีชีวิตอันเร่ งรี บตามตัวเมืองใหญ่ทีเดินทางสู่เมืองไปหางาน ทํางาน หาเงิน รถจึงอัดแน่น เต็มท้องถนนในช่วงเช้า พอสายบ่ายคล่อยถนนก็โล่งอีกครัง ช่วงเย็นคํารถลาและผูค้ นก็แห่กนั ออกจากตึกอาคาร ทีทํางานมุ่งหน้าตรงกลับบ้าน “ส่ วนใหญ่แม่กจ็ ะอยูท่ ีบ้าน แต่วนั นีเพิงกลับ จากไปล้อมรัวทีนา หน้าฝนนําพัดพังหมด ก็เลยต้อง ชวนพ่อซึ งไปรับจ้างก่อสร้างในตัวอําเภอกลับมาช่วย ส่วนร้านค้าก็ให้ยายดูบา้ ง ถ้ายายไปไร่ ไปนาก็ปิดร้าน ไว้แล้วตอนกลับจากไร่ นาแม่กจ็ ะไปเปิ ดขายใหม่” ขณะแม่เล่าถึงภารกิจประจําวัน กล้วยไข่ลกู สาววัยสิ บ


สามปี ก็หยิบซองบะหมีกึงสําเร็ จรู ปขยําไปมาจนแหลกแล้วค่อยๆเทนําร้อนไปพลางใส่ถุงเท้าไป ยังไม่ทนั เจ็ด โมงเสี ยงรถรับส่งนักเรี ยนก็บีบแตรเรี ยก กล้วยไข่รีบคว้ากระเป๋ าวิงขึนรถ “วันนีไปแข่งทักษะภาษาอังกฤษ ปกติรถมาเจ็ดโมงกว่าโรงเรี ยนก็อยูถ่ ดั ไปอีกหมู่บา้ นไม่ไกลเท่าไร ปกติกก็ ินข้าวกับไข่ทอด ไข่ตม้ ลูกชิน นําพริ กบ้างอย่างเดียวกับทีทอดขายในร้าน กินข้าวทันบ้าง ไม่ทนั บ้าง เพราะรถมารับเช้าต้องไปอีกหลายหมู่บา้ น” ด้วยความรู้เพียงมัธยมหกทีโรงเรี ยนประจําอําเภออย่างสะเมิงพิทยาคม จนไปต่อเทคโนโลยีเชียงใหม่ได้ เพียงเทอมเดียวก็ตอ้ งลาออกมา เพราะขัดสนทางทุนทรัพย์ จึงต้องออกทํางานรับจ้างในเมืองบ้าง ทํางานหน่วย จัดการต้นนําใกล้หมู่บา้ นบ้าง จนสุ ดท้ายแต่งงานมีลกู จึงยึดอาชีพทําไร่ ทาํ นาเป็ นหลักและขายของชําเสริ มรายได้ แม่อาํ ไพรก็อยากให้ลูกเรี ยนจบสูงๆ อย่างคนทัวไป อาจจะไม่ผิดจากความจริ งนักทีการศึกษามอบโอกาสให้กบั ใครอีกหลายคน ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึน จากหน้าทีการงาน จากหน้าตาทางสังคมและแน่นอนจากรายได้ที เป็ นตัวเงินไว้ใช้สอยในชีวิตอย่างไม่ลาํ บากเหมือนทีผ่านมา แต่อีกมุมของคนความรู ้แค่มอหก กับท่าทางถ่อมตน ของแม่อาํ ไพรกลับไม่ได้คิดอย่างนัน “พอลูกแม่ทงสองจบมอสามจะให้ ั ไปต่อทีวัดผาส้มฯ เพราะแม่ไม่มีเงินส่ ง แต่สิงสําคัญกว่าคืออยากเห็น ลูกพึงพาตนเองได้เผือในอนาคตเรี ยนจบมาไม่มีงานทําก็มีกิน ควบคูก่ บั การมีคุณธรรมในใจเขา อย่างน้อยแม่กม็ ี ความเชือว่าสภาพแวดล้อมทีเอือต่อการเรี ยนน่าจะมาจากครู อาจารย์ทีมีคุณธรรม สิ งแวดล้อมเช่นวัดน่าจะช่วยให้ ธรรมะอยูใ่ นใจเขาได้ง่ายกว่าโรงเรี ยนทัวไปทีสอนให้เราคิดเหมือนกัน” แม่อาํ ไพรไม่นอ้ ยเนือตําใจกลับภูมิใจ หากลูกสาวคนโตและลูกชายของเธอจะกลับมาอยูบ่ า้ นเป็ นเกษตรกรทีพึงพาตนเองได้และช่วยกันดูแลรักษาผืน ป่ าของหมู่บา้ นต่อไป

กิจกรรมบุญ ณ บ้ านห้ วยหญ้ าไทร นอกจากบทบาทแม่บา้ นลูกสองแล้ว แม่อาํ ไพร หญิง สาวชาวปกาเกอะญอวัยสามสิ บต้นๆ ยังเป็ นหนึงในผูร้ ่ วม ขบวนบุญของวัดพระบรมธาตุดอนผาส้ม และบทบาทแม่คา้


ขายของชํา ประธานกลุ่มแม่บา้ น คณะกรรมการโรงเรี ยน กรรมการกองทุนหมู่บา้ น อาสาสาธารณสุ ขหมู่บา้ น และอีกหลายบทบาททังงานราษฎร์ งานหลวง งานส่วนตัว หากแม่ปลีกตัวไปได้กข็ ออาสาทําทันทีโดยไม่เคย เรี ยกค่าตอบแทน ทําแล้วสบายใจ เราเข้าใจองค์กรต่างๆ อันไหนดีรับไว้ อยากเห็นคนบ้านเราได้อยูด่ ีมีสุขก็ช่วย ทํา ชักชวนพาทํา ด้วยใจทีเริ มจากความเสี ยสละนีเอง ชาวบ้านจึงไว้ใจ เคารพในการเป็ นผูน้ าํ จึงพร้อมจะทําตามทีแม่ ชักชวน วันนีก็เช่นกันทีทีมงานเลือกเวทีสญ ั จรเพือติดตามผลการดําเนินโครงการ รวมทังรับฟังปัญหาเพือร่ วม หาทางแก้ไข แม่อาํ ไพรชักชวนเพือนจัดเตรี ยมอาคารสถานที ถางหญ้า ปูเสื อทีซึ งชาวห้วยหญ้าไทรเลือกใช้วดั เป็ นสถานทีกลางต้อนรับแขกอย่างทีมงานของพวกเรา กลุ่มแม่บา้ นตืนแต่เช้าเพือนําพืชผักมาออมรวมกัน สําหรับประกอบอาหารตลอดสองวัน บ้างก็อาสาเป็ นแม่ครัว และผูร้ ่ วมกิจกรรมอย่างอุ่นหนาฝาคัง เราจึงเล็งเห็น ถึงความจริ งใจในการทีจะร่ วมมือขับเคลือนขบวนบุญน้อยๆ นีให้เติบโตตามเพือนๆ ในเครื อข่าย เมล็ดพันธุ์นอ้ ยทีกําลังผลิใบอ่อนคู่แรกแห่งชีวิต กําลังดูดซับอาหารจากดินเพือฝังรากแก้วให้ยาวใหญ่ คงเปรี ยบได้กบั การเจริ ญเติบโตของเหล่าผูร้ ่ วมขบวนทีบ้านห้วยหญ้าไทรนีได้ เมือขบวนเวทีสญ ั จรมาเยือน แม่จึงรวบรวมกลุ่มแม่บา้ นวัยทํางานร่ วมยีสิ บกว่าชีวิตจากสี สิ บหลังคา เรื อนของห้วยหญ้าไทร ตอกยําถึงความกระตือรื อร้นในการทํากิจกรรมและไม่ปล่อยโอกาสในการเรี ยนรู ้เขารู ้เรา หลุดลอยไป ครังนีได้เรี ยนรู ้วิธีการทํานํายาอเนกประสงค์ แชมพูและสบู่เหลวสมุนไพรทีมีวตั ถุดิบท้องถินหาง่าย อย่างมะเฟื อง บอระเพ็ดและขิงมาเป็ นส่ วนผสม รวมทังแนวคิดการขายสิ นค้าด้วยราคาต้นทุน เมือจบการอบรม แม่จึงรวมกลุ่มแม่บา้ นนํากลับไปผลิตเองเป็ นนํายาถังแรกของหมู่บา้ น จากทุนตังต้นแรกจากเงินทีแม่อาํ ไพรที ได้รับงบประมาณอุดหนุนด้านอาหาร ด้านอาคารสถานที แม่จึงนํางบตรงนันเป็ นจุดตังต้น กองทุนบุญแรกของ บ้านห้วยหญ้าไทรจึงเกิดขึน


“โน้น นํายาอเนกประสงค์จากมะเฟื อง แชมพูจากขิง แม่แจกให้ทงั คนหมู่บา้ น ให้เพือนบ้านญาติแม่หมู่บา้ นอืน แจกหน่วยป่ าไม้ แจก หน่วยต้นนํา แจกครู แบ่งเขาไปทัวยังไม่หมดลังซักที” แม่อาํ ไพรชี ให้ดูพลางบอกเล่าถึงประสบการณ์การแจกและแบ่งปั นนํายาถังแรก ทีถูกบรรจุใส่ขวดแก้ว ขวดพลาสติก หุม้ พลาสติกบนปากขวดรัดด้วย หนังยางแน่นอีกชันแทนฝาทีหายไป วางเรี ยงรายในกล่องลังกระดาษ ใต้ถุนร้านค้าสังกะสี เล็กๆ ของแม่ ทุกวันนีแม่เล่าอย่างไม่เสี ยดายกําไรแต่กลับภูมิใจทีไม่ตอ้ ง ซื อนํายาล้างจาน ล้างห้องนําและแชมพู ขวดละสิ บบาทยีสิ บบาทจาก ในเมืองมาขายในร้านค้าของตนแล้ว เพราะไม่มีใครซื อ หลังจากที ชาวบ้านพากันใช้นายาที ํ ผลิตกันเองได้ปริ มาณทีมากกว่า และช่วย ขจัดคราบได้เหมือนกัน หากหมดแม่ยงั มีบริ การเติมให้จากขวดใบ เดิมทีเพือนบ้านนํามาซื อ รายได้จึงหมุนเวียนเข้ากองทุนบุญของบ้าน ห้วยหญ้าไทรไม่สินสุด ภารกิจขายนํายาเป็ นเพียงส่ วนงานเล็กๆ ทีช่วยให้ชาวบ้าน อยูร่ อดเริ มลดรายจ่าย พึงพาตนเองจากการผลิตและใช้เอง จึงนําไปสู่ ภารกิจเล็กๆ ทียิงใหญ่ควบคูถ่ ดั มาของแม่คือการพาชวนบ้านปลูก กล้วย ปลูกไผ่ ปลูกฝ้ าย และสร้างฝายต้นนํา


ภารกิจยิงใหญ่ ของคนตัวเล็กเริมขึนแล้ว เขาให้ปลูกก็ปลูกของฟรี ไอเดียนีไม่ เคยมีอยูใ่ นหัวคนใจสูอ้ ย่างอําไพร “ปลูกไป เถอะ เรากินของจากป่ า หาของป่ ามามากแล้ว ตังแต่บรรพบุรุษ เดียวนีหายากขึน ไปปลูกเอง ในสวนตนเสี ยบ้าง ทุกวันพากันไปหาจนหมด ไม่ปลูกทดแทนวันหน้าจะเอาอะไรกิน” นี แหละคมความคิดทีแม่อธิ บายอย่าง ตรงไปตรงมาตามประสาคนอยูป่ ่ าตัวจริ ง “ปลูกให้เรากิน ก็ปลูกให้ป่าด้วย ไม่ ต้องคิดอะไรมาก” เหตุผลสันๆ ทีแม่ใช้จูงใจให้เพือนบ้านหันมาปลูกไม่ได้ให้ประโยชน์เฉพาะตนเอง ครอบครัว แต่ยงั คืนประโยชน์กลับสู่ผนื ไม้แหล่งเกือกูลชีวิตแต่เกิดจนตายให้ขา้ ว ให้นาํ ให้อากาศบริ สุทธิ ให้ไม้ทาํ ทีอยู่ อาศัย ก็ควรให้อะไรคืนบ้าง ภารกิจดูแลผืนป่ ารอบหมู่บา้ นหลายพันไร่ ของอําเภอสะเมิงจึงเริ มต้นขึนจากความคิดธรรมดาๆ แต่มอง การณ์ไกลของแม่ทีอยากป้ อนอาหารให้ลกู หลานแม้ตวั จะไม่อยูแ่ ล้ว บ่อยครังทีคําปรามาสเหมารวมจากคนเมือง ทีว่า “คนบนดอยชอบทําไร่ หมุนเวียน ถางป่ าทําไร่ เผาป่ า หาของป่ าจนหมด ไม่ดูแลธรรมชาติ” เป็ นความจริ ง สวนทางกับภารกิจเล็กๆของคนตัวเล็กๆ สําหรับชาวบ้านไม่กีสิ บคนทีร่ วมตัวกันปลูกพืชอาหารทดแทน ในไร่ ที ปล่อยร้างของตน เมือมีอาหารในไร่ จึงไม่จาํ เป็ นต้องเข้าป่ า บริ เวณป่ าต้นนําก็เป็ นป่ าต้องห้ามของชาวบ้านไม่มี ใครไปยุง่ และสําหรับคนอยูป่ ่ าอาศัยป่ าเป็ นแหล่งอาหารแล้วย่อมไม่เข้าไปทําลายป่ าซึงเปรี ยบเสมือนแหล่ง อาหารแหล่งให้ชีวิต


ขบวนบุญสายนีช่ วยเหลือข้ ามหมู่บ้านในเครือข่ าย การปลูกพืชอาหารโตเร็ ว ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่ วนอย่างกล้วยและไผ่เป็ นหนึงในโครงการของวัดทีจะ ช่วยเสริ มการใช้พืนดินทีมีจาํ กัดให้เกิดประโยชน์มากทีสุด โดยเฉพาะในพืนทีไร่ หมุนเวียนร้างทีชาวบ้านกําลัง ปล่อยให้ดินพักฟื นตัว และยังเป็ นแหล่งเสริ มรายได้ของชาวบ้านด้วยการขายผลิตผลให้เครื อข่ายบุญเช่น กล้วยสู่ บ้านอมลอง อําเภอแม่สาบ ไผ่สู่ตลาดสดเทศบาลสะเมิงใต้ อําเภอเมือง ลําไม้ไผ่ยงั นําไปสร้างพืนบ้าน ฝาบ้าน เพิงหมาแหงนหรื อกระทังสานเป็ นกระบุง กระจาด กระด้ง กระบวย และกระบอกนําพกพาใช้กนั เองในหมู่บา้ น ซึ งจะเป็ นโครงการต่อเนืองหลังจากทีพืชผลเติบโตจนสามารถเก็บเกียวผลผลิตได้ สิ หาพอ : บวชป่ า บวชใจ เกือบสองปี แล้วทีป่ าทิศตะวันตกของหมู่บา้ นผืนนีทีกินอาณาเขตกว่า ร้อยไร่ กลับคืนสภาพความอุดมสมบูรณ์ลบภาพไร่ หมุนเวียนทีโล่งเตียนด้วย ตอไม้สนและการเปิ ั ดหน้าดินใหม่ ด้วยแรงศรัทธาจะรักษาป่ าผืนท้ายๆ ของ หมู่บา้ นซึ งเป็ นแหล่งต้นนําหล่อเลียงชีวิตคนในหมู่บา้ น ทําให้ชาวบ้านกล้า ั า และบวชใจผูใ้ ห้ สละผืนดินทํากินให้ทงบวชป่ “ตอนแรกไม่มีใครยอมแต่พอคนหนึงให้กใ็ ห้ตามๆ กัน” สิ หาพอ กล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนัน วันบวชป่ าที เขาเฝ้ าเตรี ยมงานด้วยตัวคนเดียวนานกว่า หนึงเดือน ปรากฏว่าผูค้ นเรี ยกได้วา่ มายก ทังหมู่บา้ น ผูใ้ หญ่ กํานัน อบต. พระสงฆ์ ทีมาทําพิธีบวชป่ า ผืนป่ ากว้างกลับแคบลงถนัดตา สิ หาพอเป็ นอีกคนหนึงทีกลับมาปลูกกล้วยเป็ นสวนๆ หลังจากปลุก ไฟในใจตนเองติดหลังจากเข้าร่ วมอบรมต้นกล้าคุณธรรมกับทางวัดผาส้ม เมือปี ๕๒ จากนันในหัวของสิ หาพอก็มีแต่คาํ ว่าป่ า ต้นนํา และข้าวทีให้ชีวิต เขาและเพือนบ้าน วันนีเป็ นอีกวันทีเขาพาไปดูตน้ นําทีจะทําฝายหลังจากป่ า ชุ่มดินชําเริ มกลับคืนมา


ใครจะไปคิดถึงเมือหาดทรายขาวขนาดย่อมจะมาตังอยูบ่ นภูเขาสูงนีได้ “ตรงนีทีจะทําฝายชะลอนํา ช่วยผ่อนนําให้ลงหมู่บา้ นและนําเหมืองเข้านาช้าลง ส่ วนถัดไปใกล้คือ ฝาย เดิมเมือปี สี สองของรัฐบาล สร้างใหญ่โตและสูงมาก เสี ยปูนและเหล็กไปนักขนาด” สิ หาพอพาเดินป่ าตามลําห้วยอย่างชําชองชี ตําแหน่งฝายทียังไม่เกิด และทีเกิดแล้วขึนจริ งแล้วเมือ สิ บกว่าปี ก่อน ฝายนีเองได้พดั พาตะกอนทรายมา รวมกันเป็ นคันรถและอาจเรี ยกได้วา่ สร้างเพือทําลาย ธรรมชาติเดิมมากว่า เพราะนอกจากจะพัดตะกอนทราย มารวมกันมหาศาลแล้วยังเปลียนเส้นทางนําธรรมชาติ ให้ไหลเบียงแตกออกเป็ นหลายเส้น สองฝังของลําห้วย เดิมจึงถูกกัดเซาะเพราะแรงนําขนาดใหญ่ทีถูกกันไว้ ด้วยความสูงของฝายบวกกับปริ มาณนําหลากในหน้าฝนนํา จึงไหลเชียวกรากหนัก เซาะลําห้วยเล็กเดิมให้กว้างและลึกไปด้วยแอ่งทราย ปกาเกอะญอหนุ่มวัย๒๘ เป็ นกําลังสําคัญของ หมู่บา้ นนี เพราะจากประสบการณ์หา้ ปี รับจ้างขับรถสิ บล้อ ส่งนําผึงในเมืองคงบอกอะไรเขาไม่นอ้ ยว่าเขาคงขับรถไป ตลอดชีวิตไม่ได้ แต่เลือกทีจะอยูก่ บั ภรรยาและลูกชายวัย กําลังซนได้ และใช้เวลาทีเหลืออยูด่ ูแลรักษาป่ าและนําที หล่อเลียงต้นข้าวของเขาให้เติบโต ชีวิตนียังต้องการอะไรอีก...

เชกวา เชซู เชกอ เสื อปกาเกอะญอความหมายแห่ งชีวติ เชกวา (เสื อสี ขาว) สําหรับเด็กสาวสวมใส่ เชซู (เสื อสี ดาํ ) สําหรับแม่บา้ นแต่งงานแล้ว เชกอ (เสื อสี แดง) สําหรับผูช้ ายทังเด็กเล็กและผูใ้ หญ่ ทําไมต้องขาว ดํา และแดง เด็กหนุ่มสาวปกาเกอะญอหรื อแม้กระทังโตเป็ นผู้


หลักผูใ้ หญ่แล้วน้อยคนนักจะรู ้จกั ทีมาทีไปของสัญลักษณ์ผา่ นสี สนั ของเสื อผ้าฝ้ ายทอมืออย่าง “เช” (ภาษาปกา เกอะญอแปลว่าเสื อ) ซึ งเป็ นอุบายของบรรพชนปกาเกอะญอเพือสอนลูกหลาน เชกวาหรื อเสื อสี ขาวตัวยาวกลอมตาตุ่มสัญลักษณ์แห่งความบริ สุทธิ ของเด็กหญิง ขาวสะอาดทังร่ างกาย และจิตใจของเด็กเป็ นสัญลักษณ์แทนลูกหลานปกาเกอะญอทีจะเติบใหญ่รับช่วงต่อของวัฒนธรรมประเพณี อนั ดี งามจากพ่อแม่ผใู ้ ห้กาํ เนิด เชซูหรื อเสื อสี ดาํ ตัวสันสําหรับนุ่งกับผ้าถุงสี แดง สี ดาํ ของเสื อเสมือนสี ของแม่พระ ธรณี คอยอุม้ ชูชีวิต ให้ขา้ ว ให้นาํ ให้อากาศบริ สุทธิ ให้โอสถและทีพักพิงเสมือนมารดาคอยดูแลบุตรไม่ห่างกาย เชกอหรื อเสื อสี แดง สี เลือดแสดงความกล้าหาญทีจะปกป้ องแผ่นดินและชนเผ่าปกาเกอะญอผูร้ ักสันติภาพ มีวถิ ี ชีวิตเรี ยบง่ายสงบและอ่อนน้อมถ่อมตนกับธรรมชาติผใู ้ ห้ชีวิตสื บมาจนบัดนีจึงต้องรู้จกั ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เผือลูกหลานตนในวันข้างหน้า ตํานานเสื อจบแล้วแต่ชีวิตของชาวบ้านห้วยหญ้าไทรยังดําเนินต่อไป ทุกวันนีกลุ่มแม่บา้ นทอผ้าทีเกิด จากการรวมตัวกันเองราวยีสิ บชีวิตดูจะเป็ นกลุ่มทีเหนียวแน่นสุดในบรรดากลุ่มอืนๆทีทางการจัดตังขึนมา เป็ น ทีมาของกลุ่มคนขบวนบุญ โครงการขบวนบุญของวัดจึงเป็ นเพียงผูพ้ ดั เชือถ่านคลุกกรุ นให้ไฟลุกโชติช่วงอีก ครัง ความพร้อมของกลุ่มคนในท้องถินบวกกับผูน้ าํ ทีเสี ยสละอย่างแม่อาํ ไพรทําให้บรรดาผ้าทอกลับมามี ความหมายในแง่เศรษฐกิจอีกครังและแน่นอนลึกๆ ก็มีความหวังว่าในแง่ของการสานต่อภูมิปัญญาการทอผ้าที พวงมากับตํานานความหมายของเสื อปกาเกอะญอ ตํานานจึงไม่ใช่แค่เรื องเล่าหากแต่หมายรวมรายได้ทีจะช่วย จุนเจือครอบครัวและการให้ค่าความสําคัญของชีวิตทีเป็ นเพียงส่ วนหนึงของธรรมชาติจึงต้องเคารพและใช้อย่าง ระมัดระวัง จึงเป็ นทีมาของโครงการส่ งเสริ มการปลูกฝ้ ายของวัด แน่นอนในแง่ของต้นทุนและระยะเวลาการผลิตตังแต่ปลูกฝ้ าย ต้มฝ้ าย ดึงเส้น กรอเป็ นด้าย ทอมือด้วยกี เอว ย้อมและตัดเย็บจนเป็ นผ้าสักผืน เสื อสักตัวอาจสูเ้ สื อยืดจากโรงงานไม่ได้ แต่ในแง่ของการพึงพาตนเองเทียบ กันชนิดไม่เห็นฝุ่ น เพราะนอกจากจะไม่ตอ้ งซื อจากภายนอก ยังสามารถผลิตเสื อราคาประหยัด คุณภาพดี จําหน่ายให้เพือนในเครื อข่ายบุญได้อีก


นอกจากนันหากมองในระยะยาวภูมิปัญญาการทอผ้าของชาวปกาเกอะญอยังถูกสานต่อจากคนรุ่ นหลัง เพราะสามารถมีอาชีพมีรายได้ในหมู่บา้ น ไม่ตอ้ งรอนเร่ พเนจรหางาน หาเงินนอกหมู่บา้ น และอาจหอบหนีสิ น มาพักกายให้ครอบครัวลําบากใจต่อเป็ นทอด เหนือสิ งอืนใดคุณค่าของการทอผ้าหาใช่แค่เรื องเงินแต่หมายรวมการเคารพธรรมชาติทีมีบุญคุณ ผืนดิน เลียงฝ้ ายเติบโต เลียงข้าวในนา ซับนําให้ดืมแก้กระหาย ให้ความร่ มเย็นสู่กายใจ และการส่ งมอบความหมายของ สี เสื อตามภูมิปัญญาบรรพบุรุษทีแฝงความหมายในการอนุรักษ์ทรัพยากรสู่ลูกหลานในวันข้างหน้า อนาคตผ้ าทอมือปกาเกอะญอบ้ านห้ วยหญ้ าไทร เป็ นทีเล่าขานกันว่าหากหญิงสาวปกาเกอะญอคนใด จะแต่งงานออกเรื อนหากยังทอผ้าไม่เป็ นก็ไม่สามารถทําได้ คงเป็ นกุศโลบายยอดเยียมในการฝึ กฝนเด็กหญิงสักคนที พร้อมจะเติบใหญ่เป็ นแม่ศรี เรื อนในวันข้างหน้า เพราะ สมัยก่อนนันต้องทอทังเสื อ ซิ น ทีนอน หมอน มุง้ ผ้าห่ม ผ้า คลุมไหล่ ซึ งต้องอาศัยความเพียรและความอดทนมาก หาก ไม่มีพร้อมแล้วก็คงไม่มีความอดทนในการดูแลบ้านเรื อน สามีและลูกน้อยได้ เมือกระแสการแลกเปลียนด้วย เงินตราเข้ามา การจะให้เด็กสาวรุ่ นมานังทอผ้าเป็ นสิ งทีพบได้ยากแล้ว ผ้าทอกีเอวแบบฉบับของชาวปกาเกอะญอเป็ นเอกลักษณ์อนั สะดุดตาทีสุ ดหากใครได้มาเยือนหมู่บา้ น ห้วยหญ้าไทรทียังสามารถเห็นภาพกลุ่มแม่บา้ นเหล่านีใส่เชซูสีดาํ นุ่งซินสี แดง บ้างโพกหัวด้วยผ้าขนหนูรวบเส้น ผมยาวเรี ยบร้อย สําหรับชุดเชกวายาวสี ขาวของเด็กหญิงและเชกอสี แดงสําหรับผูช้ ายจะพบแต่เฉพาะช่วงงาน พิธีกรรมสําคัญ ไม่ได้สวมใส่ ทุกวันเหมือนกลุ่มแม่บา้ น กลุ่มแม่บา้ นกลุ่มนีจึงเปรี ยบเสมือนกลุ่มคนท้ายๆ ที ยังคงสื บทอดประเพณี การทอผ้าอยู่ “ส่ วนมากทอเก็บไว้ใช้เอง เป็ นอย่างนีตังแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าของแม่แล้ว แม่และยายไม่เคยปลูกฝ้ ายและปั น ฝ้ ายใช้เอง แม่ทาํ ไม่เป็ น แต่พอได้ไปดูงานทีศูนย์การเรี ยนรู ้วฒั นธรรมทอผ้ากะเหรี ยงอําเภอดอยเต่าทีทางวัดพา ไปก็คิดว่าน่าจะทําได้ ต้องรอให้ตน้ ฝ้ ายทีปลูกไปโตก่อน” แม่อาํ ไพรระเบิดเสี ยงหัวเราะให้กบั มุขส่ งท้ายทําให้ ทีมงานอดใจรอดูผา้ ทอธรรมชาติทงผื ั นไม่ไหวแม้จะนานแต่ทุกคนก็รู้วา่ ผ้าทอทุกผืนมีความหมาย


เราจึ งต้องปรับตัวในยุคเราก็ไม่ได้ปฏิ เสธเงินตราแต่ไม่ได้นาํ เงินวัดค่าความสุ ขของชี วิตแต่เพือให้พอ ดํารงชีพอยูไ่ ด้โดยไม่ลาํ บาก การทอผ้าส่ งขายและผลิตเส้นฝ้ ายจากการลองผิดลองถูกจึงกําลังเริ มก่อตัวขึนแล้ว ผ้าฝ้ ายผืนนีเองจากบ้านห้วยหญ้าไทรจะส่งต่อให้บา้ น อมลองเพือย้อมและตัดเย็บ รวมถึงการทําตลาดในเครื อข่ายซึ ง จะเป็ นสิ นค้าบุญตัวใหม่ ซึงเป็ นการพึงพาตนเองในเครื อข่ายบุญ อย่างแท้จริ ง เพราะจะช่วยเสริ มกิจกรรมการแลกเปลียนซื อขาย สิ นค้าบุญหลักของโครงการขบวนบุญคือ พืชผักผลไม้ ปุ๋ ย อินทรี ยช์ ีวภาพและบรรดาแชมพู สบู่ นํายาอเนกประสงค์ เสื อผ้าเครื องนุ่งห่มจึงเป็ นหนึงในปัจจัยสี ทีทุกคนต้องใช้ เพือน ในเครื อข่ายจึงไม่ตอ้ งสังซื อเสื อผ้าจากข้างนอกเหมือนแต่ก่อน ทังยังช่วยรื อฟื นภูมิปัญญาความสามารถในการ ทอผ้า ตัดเย็บ การย้อมสี ธรรมชาติกลับขึนมามีชีวิตชีวาอีกครัง นอกจากนันนักเรี ยนโฮมสคูลของวัดพระบรมธาตุดอยผาส้มยังสามารถนําวิชาความรู้ทีได้ไปรําเรี ยนฝึ ก ํ นเข้ม) จากสี วิชาเป็ นเวลาหลายอาทิตย์กบั ชาวบ้านปกาเกอะญอจังหวัดลําพูน ทียังคงย้อมผ้าจากใบฮ่อม(สี นาเงิ เปลือกไม้ก่อ (สี แดง) จากลูกมะเกลือ(สี เขียวหม่น) หรื อขมินชัน (สี เหลืองสดใส) เหล่านีมาทดลอง และเผยแพร่ ต่อกับกลุ่มแม่บา้ นอมลองซึงเป็ นเครื อข่ายบุญอยูต่ ิดกับวัด สามารถย้อม ตัดเย็บและจัดจําหน่ายในราคาต้นทุนแต่ กําไรของเราคือ การช่วยเหลือให้เพือนมีเสื อผ้าราคาประหยัดคุณภาพดีใช้ และคืนกําไรคืนสู่ป่าเพราะทุกกรรม วิถีการผลิตเป็ นมิตรกับธรรมชาติ

บ้ านและวัดห้ วยหญ้ าไทรในวันนี ห้วยหญ้าไทรในวันนีอาจไม่สามารถมาถึงจุดนีได้หากขาด กําลังสําคัญอย่างพระอีสานหนุ่มซึ งจําวัตรห้วยหญ้าไทรเป็ นเวลา เกือบสิ บปี


ตุบ๊ ตุบ๊ ตุบ๊ เสี ยงตอกไม้สร้างกุฏิใหม่ขนาดสี คูณสี เมตร ดังมาแต่ไกล ภาพพระหนุ่มนุ่งสบงเหลืองมัด เอวเป็ นโจนกระเบน มือข้างหนึงถือค้อนทะมัดทะแม่ง ข้างหนึงกําลังใช้ดินสอบรรจงทําเครื องหมาย เตรี ยมตอก แผ่นไม้เข้ากับคาน ยังไม่ทนั ทีทีมงานจะเอ่ยถาม หลวงพ่อบรรจงพระเพียงรู ปเดียวประจําวัดห้วยหญ้าไทรก็เริ ม บรรยายถึงกุฏิไม้หลังนีจนเสร็ จสรรพว่าใช้สาํ หรับรับรองแขกทังพระทังโยม โดยใช้ไม้เก่าจากกุฏิเดิมเสี ยดายที ทรุ ดโทรมไปมากหลังจากปลวกมหาศาลบุก คราวนีจึงทานํามันเคลือบนํายาไม่ให้ปลวกมากิน ช่วงพักท่านจึงให้ เวลาพูดคุยกับทีมงานเต็มที “ถามว่ามาอยูท่ าํ ไม ห้วยหญ้าไทรมันมีอะไร ความสงบ ความเงียบ ความเขียวขจรมันถูกจริ ตอาตมา พอ อยูไ่ ปอยูม่ าก็นาํ ความรู ้ทางโลกทีเคยศึกษาพวกกายภาพบําบัด นวดแผนไทย กดจุด การหักจัดกระดูก ตลอดการ กินอาหาร การดูแลรักษาสุขภาพประจําวันอย่างง่ายช่วยชาวบ้าน ก็พาชาวบ้านทํา หมักปุ๋ ยฮอร์โมนฉี ดพ่นพืช หมักยาไว้ดืมรักษาโรคจากเปลือกมังคุด สัปปะรด ลินจี ลําไย ขิง ข่า ขมิน ลูกยอ มะขามป้ อม นําผึงมะนาว ข้าว หมักก็พากันหมัก ไม่หมักเอง อาตมาก็แบ่งให้ วินิจฉัยโรคไป ก็หาพืชผักป่ ามาหมักรักษาชาวบ้าน อยูก่ บั เขา เดินบิณฑบาต ข้าวเขากินก็ตอ้ งช่วยเหลือแบ่งปั นความรู ้ทีมีช่วยเขากลับคืน” บุคลิกกันเอง เปิ ดเผย ตรงไปตรงมานีเองจึงไม่แปลกที ชาวบ้านจะแวะเวียนมาหาขอสูตรนําหมัก มารักษาโรคต่างๆ ทีอนามัย โรงพยาบาลอําเภอก็รักษาไม่หายขาด พระบรรจง จึงเป็ นทังศูนย์รวมจิตใจรักษาโรคใจและหมอรักษาโรคกาย ควบคู่กนั ถึงแม้หว้ ยหญ้าไทรจะไม่มีอนามัยเป็ นของตน แต่มีพระหมอชันครู ทีสอนการดูแลสุขภาพตนเองง่ายๆ เริ มต้นทีบ้าน จะว่าชักชวนให้ทุกคนมาเป็ นหมอรักษาตนเองคงไม่ผดิ แผกไปจากความจริ งนัก เพราะยารักษา โรคนอนรอให้ไปเก็บในป่ าหมดแล้ว ส่ วนการนวด จัดกระดูกให้เข้ารู ปเข้ารอยคงต้องอาศัยหลักความชํานาญ จากพระบรรจงช่วยรักษาในช่วงต้นและขอเรี ยนรู ้เพือไปทําเองทีบ้าน พระบรรจงเน้นยําเสมอว่าการกินทุกวันๆ ของเรานันสําคัญทีสุ ด เพราะกินอะไรผลก็เกิดเช่นนัน กินอะไร กินมากน้อย กินช่วงไหน กินถูกธาตุตวั เองไหม ดูจะเป็ นศิลปะการกินทีทุกคนต้องรู ้และเลือกกินเพือสุ ขภาพทีดีในวันข้างหน้า


พระบรรจงยังรู ้จกั และทํางานร่ วมกับวัดพระบรมธาตุดอยผาส้มมาหลายปี ได้เห็นวัดพาชาวบ้านทํา เศรษฐกิจพอเพียง ปลูกป่ า สร้างฝาย กวนนํายาเอนกประสงค์ ทําปุ๋ ยหมักก็เห็นว่าดีแล้วสําหรับวัดห้วยหญ้าไทร ยินดีตอ้ นรับเครื อข่ายวัดเสมอ การช่วยชาวบ้านให้ความเป็ นอยูด่ ีขึนได้ การจะบอกกล่าวสอดแทรกเรื องธรรมะ ในชีวิตก็จะเป็ นเรื องง่ายตาม “ในเมือเขาท้องอิม นอนหลับสบาย ตืนก็สบาย เพราะพึงตนเองได้แล้ว เขาก็คงอยากกลับมาฟื นฟูบา้ น ฟื นฟูชุมชนและวัดซึงเปรี ยบเสมือนตัวเชือมประสานก็จะทําหน้าทีฟื นฟูจิตใจได้เต็มที เพราะเมือสบายแล้วสุข แล้ว ก็ให้เตรี ยมใจไว้เลยว่าเดียวความไม่สบายกาย ไม่สบายใจหรื อความทุกข์กจ็ ะมาเยือนอีกไม่ชา้ ก็เร็ ว” พระ บรรจงสรุ ปความเข้าใจสิ งทีโครงการกําลังดําเนินอยูค่ ือ ความอิมกาย (มีรายได้เกือหนุนครอบครัวและตนเอง) ความอิมใจ (มีธรรมะรักษาใจ วางใจได้กบั ความไม่แน่นอนของชีวิต) แม่อาํ ไพรเสริ มเรื องเล่าถึงปุ๋ ยหมักทีพระบรรจงสอนให้ทาํ “ปุ๋ ยหมักจากกล้วย ไข่ไก่ เปลือกมะม่วง ขีวัว และกากนําตาลโดยไปขอสูตรจากหลวงพ่อ ทําไว้นานหลายเดือนแล้วก็จะเอาไว้ผสมนําพ่นใบผักแล้วรดโคน ต้นไม้ยนื ต้นช่วยเร่ งให้โตไว หลวงพ่อบรรจงสอนการเกษตรและการดูแลสุ ขภาพทุกๆ วันพระ เทศนาธรรมะไป ด้วยแต่ไม่ค่อยมีคนสนใจ คนอืนไม่ทาํ ไม่เป็ นไรเราทําเอง ก่อนพอได้ผลเดียวคนอืนก็พากันทําตาม” ด้วยหัวใจผูน้ าํ เสี ยสละและกล้าลองในสิ งที แตกต่างของแม่อาํ ไพร ซึ งเปรี ยบเสมือนแกนนําขบวนบุญ ของบ้านห้วยหญ้าไทรทีพร้อมจะขับเคลือนศรัทธาแห่งบุญ นีต่อไป “แม่วา่ บางครังแม่กโ็ ดดเดียวนะเพราะบางทีกท็ าํ คนเดียว พาคนในบ้านทําด้วย หรื อทํากับกลุ่มไม่กีคน แต่พอได้ยนิ ว่าก็มีคนแบบเราตามหมู่บา้ นอืนๆ ในเครื อข่าย เห็นความสําเร็ จจากการพึงตนเองได้ เริ มต้นการคน นํายาใช้เองนีแหละ แม่มีกาํ ลังใจในการจะแบ่งปั นต่อไปนะ” กําลังใจจากเพือนกัลยาณมิตรเป็ นสิ งสําคัญมากสําหรับคนตัวเล็กแต่ทาํ สิ งยิงใหญ่อย่างแม่อาํ ไพร เครื อข่ายบุญหรื อขบวนบุญนีเองทีจะพาคนบุญอีกหลายคนจากต่างพืนทีมารู ้จกั แลกเปลียนองค์ความรู ้ เสริ มแรง


ใจกันเพือให้สายธารแห่งบุญเส้นเล็กนีไหลต่อไปไม่สินสุ ดท่ามกลางแม่นาสายใหญ่ ํ แห่งตัณหาของมนุษย์ทีมีไม่ สิ นสุ ดเฉกเช่นเดียวกัน

บทวิเคราะห์ การขับเคลือนโครงการในชุ มชน “โซนกะเหรียงป่ าคานอก/ห้ วยหญ้ าไทร” แม้ภายนอกชุมชนปกาเกอะญอเล็กๆ อย่างบ้านห้วยหญ้าไทรจะดูเหมือนว่ากระแสสังคมอย่างไฟฟ้ า เทคโนโลยีทดแทนแรงงานคน การศึกษาภาคบังคับ และสื อกระแสหลักจะเข้ามาเปลียนแปลงวิถีชีวิตอันเรี ยบ ง่ายไปบ้าง จากอยูก่ บั ท้องไร่ ทอ้ งนาสู่สงั คมการผลิตเพือการพาณิ ชย์อย่างเต็มตัว แต่ดว้ ยทีตังของหมู่บา้ นในเชิง ภูมิศาสตร์ อยูบ่ นภูเขาสูงชัน เส้นทางเข้าเป็ นถนนลูกรังสลับพืนปูนเป็ นช่วงๆ ทําให้ยากลําบากแก่การสัญจรไป มาโดยเฉพาะหน้าฝน ทําให้บา้ นห้วยหญ้าไทรและบ้านป่ าคานอกซึ งเป็ นชุมชนกะเหรี ยงเล็กๆไม่เกินหมู่บา้ น หมู่บา้ นละสี สิ บหลังคาเรื อน จึงอยูอ่ าศัยแบบพึงพิงธรรมชาติอยูม่ าก แต่กระนันในโซนนียังมีปัญหาและ อุปสรรค ดังต่อไปนี ขาดความเข้าใจเรื องโครงการขบวนบุญเพราะเพิงเริ มปี แรก ปี นีเป็ นปี แรกทีเข้าไปในบ้านห้วยหญ้าไทร ั จรติดตามผลในหมู่บา้ น แต่พอทางทีมงานส่ วนกลางลงพืนทีประสานงานเองบ่อยครังขึน ประกอบกับจัดเวทีสญ ชาวบ้านให้การต้อนรับอย่างบ้านดีและได้แลกเปลียนพูดคุยกันโดยให้ชาวบ้านมีส่วนรวมในการมองปั ญหาของ หมู่บา้ นโดยเฉพาะเรื องเศรษฐกิจเป็ นปั ญหาสําคัญแต่ยงั ถือว่าอยูใ่ นระดับความรุ นแรงไม่มาก กล่าวคือ ชาว ชุมชนมีรายจ่ายจากการซื อสิ นค้าเพือการอุปโภคบริ โภคมากกว่ารายได้ซึงมาจากการรับจ้างและสิ นค้าการเกษตร เชิงเดียวคือ ข้าวโพดเลียงสัตว์ ซึงมีราคารับซือไม่แน่นอน บางรายขาดทุนจึงต้องกูเ้ งินธกส.หรื อเงินกองทุน หมู่บา้ นมา ครังเวทีสญ ั จรขบวนบุญลงพืนทีเพือคืนข้อมูลทีผูป้ ระสานงานได้ไปสํารวจมาเรื องภาวะหนีสิ น รายได้ โดยเฉพาะรายจ่ายมักมาจากการซื อสิ นค้าจากภายนอกทําให้กลุ่มชาวบ้านต้องการจะลดรายจ่ายทันทีจากการทํา นํายาล้างจาน แชมพู สบู่สมุนไพรทีหาได้ง่ายในหมู่บา้ นก่อน จากนันจึงมีแม่อาํ ไพรซึ งเป็ นประธานกลุ่มนําไป แจกจ่าย จนทุกวันนีสามารถนําไปขายภายในหมู่บา้ นได้เพราะมีราคาประหยัด คุณภาพดี ในปริ มาณทีมากกว่า สิ นค้าตลาดทัวไป


สําหรับบ้านป่ าคานอกมีปัญหาคือ ขาดแกนนําฝังตัวเพือเก็บข้อมูลพฤติกรรมผูบ้ ริ โภค บริ บทชุมชนและ ขับเคลือนโครงการ โดยเฉพาะบ้านป่ าคานอกซึงเคยมีแกนนําฝังตัว แต่ขอถอนตัวเนืองจากแกนนําคิดว่า ประสานงานไม่ดีพอและขาดทักษะในการบริ หารจัดการโครงการและการปัญหา ทําให้การขับเคลือนงานล่าช้า ชาวบ้านจึงยังไม่ให้ความสนใจในโครงการเท่าทีควร อย่างไรก็ตามบ้านป่ าคานอกถือเป็ นแหล่งผลิตข้าวโปะโละหรื อข้าวปกาเกอะญออินทรี ยท์ ีสําคัญเป็ น หนึงในสิ นค้าขบวนบุญทีได้รับการตอบรับทีดีจากคนพืนราบ ทุกปี ผลผลิตข้าวของป่ าคานอกมีจาํ นวนมากหลาย ตัน ทําให้เมือสองปี มาแล้วโครงการสหกรณ์ได้ถือกําเนิดขึนโดยการนําข้าวมาออมทุกวันพระและขายให้กบั ทาง วัดพระบรมธาตุดอยผาส้มนําไปแปรรู ปและทําการตลาดบุญ ช่วยให้ชาวบ้านป่ าคานอกมีรายได้จากการขายข้าว ทีผลิตจนเหลือกินทังเป็ นตัวบอกเล่าเรื องราวของคนบนดอยผ่านบรรจุภณั ฑ์ให้คนพืนราบได้รับรู ้วา่ คุณค่าของ ข้าว นํา ป่ าสําคัญต่อชีวิต ซึงโครงการนีกําลังดําเนินต่อไปได้เนืองจากทังชาวบ้านและผูป้ ระสานงานกลางมี ประสบการณ์การทํางานจากหลายปี ทีผ่านมา แม้วา่ ทังสองหมู่บา้ นจะขับเคลือนขบวนได้ชา้ ในช่วงแรกเริ มโครงการ แต่กห็ ยังรากแก้วอ่อน ผลิใบ อ่อนรออยูแ่ ล้วหมายถึงผูน้ าํ กลุ่มหรื อคนเล็กๆ แต่มีใจอยากจะทําเพือประโยชน์ของตนคือพัฒนาตนเองให้มี รายได้เพิมขึน ลดรายจ่ายในครอบครัวก่อนเป็ นเป้ าหมายอันดับแรก ต่อมาจึงแบ่งปั นความรู ้ ทักษะในการผลิต สิ นค้า หรื อในรู ปของสิ นค้า เช่น นํายาล้างจาน แชมพู สบู่สมุนไพร การทอผ้า ปุ๋ ยหมักขีหมูและขีวัว ซึ งจะเห็น ได้วา่ ทังทรัพยากรธรรมชาติและองค์ความรู ้ภูมิปัญญาของชาวปกาเกอะญอทียังหลงเหลืออยูม่ ากเป็ นต้นทุนทํา ให้ขบวนบุญสายที ๕ กะเหรี ยงป่ าคา ห้วยหญ้าไทรขับเคลือนต่อไป

ปัจจัยเกือหนุนการขับเคลือนขบวนบุญ หมู่บา้ นปกาเกอะญอทังสองแห่งมีระบบการพึงพาตนเองเป็ นทุนเดิม คือ วิถีชีวิตทีอาศัยกับป่ าต้นนํา ที เอือประโยชน์ในแง่อาหารสําหรับปากท้อง รายได้และความร่ มเย็นสดชืนของอากาศ และความเป็ นชุมชนทียังมี ระบบเครื อญาติทีใกล้ชิด ทุกๆ บ้านจึงมีความเกียวข้องอย่างพีน้องญาติมิตรไม่ทางใดก็ทางหนึง ทางวัดเพียงเป็ น หน่วยจุดประกายความคิดและสนับสนุนเครื องมือผ่านการพาทํากิจกรรมบุญต่างๆ ให้ขบั เคลือนไปข้างหน้า


อย่างเต็มทีและอย่างมีกาํ ลังใจเกินร้อย จากบทเรี ยนการทํางานพบว่าบ้านปกาเกอะญอมีปัจจุยเอือให้ขบวนบุญ เกิดขึน ดังนี ๑. ผูน้ าํ ทีกล้าเสี ยสละเพือส่วนรวมเพราะมีความเชือในการทําคุณความดีและผลของการกระทํา ๒. กลุ่มคนเล็กๆทีมีใจแน่วแน่ทีจะทําเพือส่วนรวม (กลุ่มแม่บา้ นทอผ้า) คือ กลุ่มเดียวทีทํานํายา ปลูก ไผ่ ปลูกกล้วย นอกจากนันยังมีสิหาพอทีพาชาวชุมชนบวชป่ าและสร้างฝายทันทีหลังทีมงานกลาง ออกจากพืนทีไป ๓. บทบาทของพระบรรจง พระนักพัฒนาในชุมชนช่วยส่ งเสริ มระบบการรักษาสุขภาพตนเองด้วยวิถี ธรรมชาติบาํ บัด และทอดแทรกสอนธรรมะทุกๆ วันศีล ๔. ทรัพยากรธรรมชาติทีเอืออํานวย คือ มีทีทํากิน ป่ าไม้อุดมสมบูรณ์ และมีนาปลู ํ กข้าวในนา ให้ ผลผลิตข้าวทีมากจนเหลือกิน จึงขายให้กบั เพือนในเครื อข่ายในราคาประหยัดสร้างรายได้และได้ ช่วยเพือนทีทุกข์ยาก

ด้ วยปัจจัยเกือหนุนดังกล่ าวจึงเชือมันว่ าแม้ ไม่ มีโครงการกลุ่มคนเหล่ านีจะขับเคลือนขบวนบุญด้วยตัว เขาเอง ...


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.