อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ สำนักพิมพ์ The Magic Dragon เล่ำเรื่ อง / ออกแบบปก / จัดรูปเล่ม โดย เรนันท์ สุทธิสว่ำงวงศ์ สงวนลิขสิทธิ์ ตำมพระรำชบัญญัติ พ.ศ.2537
1
กล่ าวนา
ควำมทรงจำแรก ที่ย้อนกลับไปได้ ของคุณเกิดขึ ้นเมื่อไหร่กนั คะ นัง่ อยู่บนตักพ่อ รอแม่ไปจ่ำยตลำด, วันแรกที่ร้องไห้ งอแง หน้ ำโรงเรี ยนอนุบำล ควำมทรงจำในวัยเด็ก เป็ นสิ่งที่มีค่ำและสวยงำมเสมอ
คนบำงคน หำยไปจำกกำรมองเห็น แต่ไม่เคยหำยไปจำกควำมทรงจำ
ควำมสุขอำจเกิดขึ ้นในช่วงเวลำสันๆ ้ ช่วงขณะที่นงั่ ดื่มกำแฟตอนเช้ ำที่อำกำศสดใส ช่วงขณะที่แมวน้ อยเดินมำนัง่ บนตัก ช่วงเวลำพักผ่อน ที่ได้ ฟังเพรำะๆ ในบรรยำกำศสบำยๆ ช่วงเวลำดีๆของแต่ละคนล้ วนถูกบรรจุอยู่ในกล่องใบหนึง่ กล่องที่เรี ยกว่ำ “ควำมทรงจำ”
ควำมทรงจำดีๆ ยิ่งเก่ำ ยิ่งสดใส ขอให้ มีควำมสุขกับกำรคิดถึงใครสักคนที่เป็ นคนสำคัญในชีวิตคุณค่ะ
2
ไม่ว่ำอะไรจะเกิดขึ ้น ควำมทรงจำบำงอย่ำง..ก็ไม่สำมำรถถูกแทนที่ได้
3
สารบัญ อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 1 ( สมาธิ ) อากง สอนว่ า อาม่ าสอนไว้ ตอนที่ 2 ( Let it be )
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 3 (เหรียญ 10 ตกเสียงดัง แบงค์ พันตกเสียงเงียบ)
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 4 ( โลกนีไ้ ม่ มีอะไรเป็ นของเรา )
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 5 (ความรัก และ ความยึดมั่นถือมั่น)
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 6 Reaction ของแรงโน้ มถ่ วง
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 6 พลังแห่ งปั จจุบันขณะ
4
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 1 ( สมาธิ ) ในชีวิตแสนสัน้ ของคนเรานัน้ จะมีสกั กี่ครัง้ กัน ที่ได้ เจอกับ คนที่ "เรารัก" และ " รักเรา" ในคราวเดียวกัน เป็ นไปได้ ไหมว่า อันที่จริงแล้ ว พวกเราไม่เคยจากกันไปเลย สิ่งที่เป็ นตัวเราในวันนี ้ ล้ วนหล่อหลอมมาจาก คนที่เรารัก และ คนที่รักเรา แม้ พวกเขาจะจากไปไม่มีวนั กลับมาแล้ วก็ตาม ... เราทุกคน ต่างก็มี ครัง้ แรกในชีวิต น ้าตาหยดแรกของฉัน คงเป็ นแม่ ที่เช็ดให้ รอยไม้ เรี ยว บนน่องครัง้ แรก คงเป็ นพ่อ ที่ฟาดลงไป ความสุข สงบนิ่งในใจครัง้ แรกที่จาได้ เป็ นหญิงชราชาวจีน ที่ฉนั เรี ยกว่า "อาม่า" หยิบยื่นให้ ภาวะของ "สมาธิ" เป็ นมาเยี่ยมฉันแผ่วเบา ประมาณ ป.4- ป.5
จากการที่ อาม่า (คาเรี ยก คุณย่าในภาษาจีน) "จ้ าง" บ้ าง "หลอกล่อ" บ้ าง ให้ ฉนั ช่วยคัดลอกบทสวดมนต์ภาษาจีน(คนจีนแต้ จิ๋วเรี ยกว่า เก็ง) เพราะว่า ตัวหนังสือในนันช่ ้ างเล็กมาก อาม่าแก่แล้ ว ตามองไม่คอ่ ยเห็น ตลอดช่วงปิ ดเทอมใหญ่ ฉันนัง่ คัดลายมือภาษาจีน แทบทุกวัน ซึง่ แน่นอนว่า มันไม่สนุกเลย สาหรับเด็กเล็กๆ แต่เพราะว่า อาม่า ชอบทาตัวน่าสงสาร และ แถมมีสตางค์ มีของเล่น มาหลอกล่อตลอด ฉันก็เลยอดทนทาไป บ่นบ้ าง งอนบ้ าง ตามประสาเด็ก แต่ก็ยงั ทาไปตลอด…
เขียนไปเรื่ อยๆ…ทุกๆ วัน… สุข ก็ทา ทุกข์ ก็ทา (ภาษาทางธรรมเรี ยกว่า อุเบกขา หรื อ การวางเฉย / เพิ่งมาทราบตอนโต) จนในที่สดุ เมื่อจิตนิ่งเข้ าไป ในตัวหนังสือแต่ละตัว ใจก็สงบ และมีความสุข อย่างประหลาด ตอนนัน้ ฉันยังเด็กมาก อธิบายอะไรไม่กระจ่างนัก รู้แต่วา่ พอจาสภาวะได้ แล้ ว หลังจากนัน้ ไม่วา่ จะต้ องทาเรื่ องอะไร จะยาก จะง่าย จะเกลียด จะชอบ แค่ไหน ถ้ ามัน จาเป็ น ฉันก็แค่ ทาไปเรื่ อยๆ เพราะ มัน่ ใจแล้ วว่า ถ้ าจิตและใจ นันนิ ้ ่งกับสิ่งนันๆ ้ ไปเรื่ อยๆ
อีกสักพัก สภาวะ สุข สงบ แบบนัน้ ก็ต้องมาอีกแน่ๆ หรื อที่เค้ าเรี ยก กันว่า สมาธิ นัน่ ล่ะ และ นี่ก็คือ " หัวใจ " ของการเรี ยนเลยทีเดียว ฉันเพิ่งมารู้ซึ ้งในภายหลังว่า อาม่าของ ตัวเองมีจิตวิทยาสูงมาก ที่สอน สมถะกรรมฐาน ทางอ้ อม ให้ แก่เด็กตัวเล็กๆ ให้ ได้ รับไปโดยไม่ร้ ูตวั ต่อมาอีกไม่นาน พอฉันเริ่มหัดเขียนพูก่ นั จีน อาม่า ก็มาอ้ อนให้ เขียน ลอก จาก บทสวดอีกตามเคย ( อ้ างว่า ตัวพิมพ์มนั แข็งทื่อ ไม่สวยเลย อาม่าไม่ชอบเลย ) ถ้ าใคร ที่เคยลองหัดเขียนภาษาจีน หรื อ วาดรูปด้ วยพูก่ นั จีน จะเข้ าใจได้ ดี
ว่าความใจร้ อน หงุดหงิด ของเรา มักจะฟ้องออกมาที่ลายเส้ น และที่โหดร้ าย ก็คือ มันลบไม่ได้ ผิดแล้ วก็ต้องเริ่มต้ นทาใหม่หมด เขียนมาดีๆ ทังหน้ ้ า แต่ถ้ามาเขียนเลอะเทอะ เขียนซึมเอาตัวสุดท้ าย .. ก็จบกัน สิ่งนี ้ เป็ นกระจกสะท้ อนให้ เห็น จิตใจ ของเรา ว่า ขณะนันเป็ ้ นอย่างไร …พลุง่ พล่านแค่ไหน หยาบกระด้ าง หรื อละเอียดพอแล้ ว พอโตขึ ้น เวลาที่ฉนั อยูใ่ นสภาพ ที่ งง เบลอ จิตใจสับสนไม่มนั่ คง ถ้ าไม่ลืม ก็จะหยิบ พูก่ นั กระดาษ และ น ้าหมึก ออกมา แล้ วก็ ละเลง ลงไป … เดี๋ยว ก็เห็นเองล่ะ "จิตใจ" ของเรา
不要向你的身外觅求真理,
因为真理就在你的身体里面,
此外无处可觅。
อย่าหาสัจธรรมจากภายนอก เพราะสัจธรรมที่แท้ จริงนันอยู ้ ภ่ ายในตัวคุณ ไม่สามารถหาได้ จากภายนอก
อากง สอนว่ า อาม่ าสอนไว้ ตอนที่ 2 ( Let it be ) ฉันคงเป็ นเด็กนักเรี ยนประถมที่โชคดีที่สดุ ในโลก ทุกวันเมื่อฉันเดินกลับจากโรงเรี ยน ( โรงเรี ยนประถมของฉันชื่อว่า โรงเรี ยนเผยอิง เป็ นโรงเรี ยนสอน ภาษาจีน ในยุคแรกๆ ตังอยู ้ ่บริเวณถนนเยาวราช ) สิ่งที่ฉนั แน่ใจได้ เสมอ ก็คือ เมื่อกลับถึงบ้ าน อากง และ อาม่า จะรอรับอยู่ที่บ้านเสมอๆ เฝ้าคอยถามว่าหิวไหม เหนื่อยไหม ไม่ร้ ูเบื่อ ซึง่ คนแก่สองคนนี ้ ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน อาม่า ท่านจะพร่ าบ่น ได้ ทกุ ๆ เรื่ อง ส่วน อากง จะสุขมุ และ พูดน้ อยมากๆ เวลาที่ลกู หลานมีเรื่ องที ก็คอ่ ยได้ ยินเสียงอากง สักครัง้ หากแต่ คาพูดที่หลุดออกมาแต่ละคา
ส่วนใหญ่จะ เด็ดขาด แทบจะจบ ทุกปั ญหาเลยก็วา่ ได้ … โดยจะเริ่มด้ วย คาไม่คอ่ ยสุภาพ ภาษาจีน …นามาก่อนเลย อาจพูดด้ วยเสียงดังๆ แต่หน้ านิ่งๆ จนกระทัง่ คาพูดแฝงคติธรรม ตามแบบฉบับ คนจีนยุคเสื่อผืน หมอนใบ บางปรัชญา แบบบ้ านๆ ของอากง จนถึงวันนี ้ ฉันยังไม่ร้ ูเลยว่า คนโบราณ เขาสอนกันมาแบบนันจริ ้ งๆ หรื อว่า อากงแอบแต่งเอง เพื่อมาหลอกเด็กอย่างฉัน กันแน่ คาที่อากงพูดบ่อยๆ ก็คือ " บ่อเซียงกัง " ( 不好意思 ) แปลว่า " มันก็เป็ นเช่นนันเองแหละ ้ " ทุกๆ ความกังวลใจ ขอลูกหลานที่มาเล่าให้ อากงฟั ง จะจบด้ วย คาๆนี ้ " บ่อเซียงกัง"
แล้ วถ้ า อากงไม่ยงุ่ มาก ก็จะเล่าเรื่ องที่คล้ ายๆ กัน แต่ยิ่งใหญ่กว่า... ปั ญหา ที่ใกล้ เคียงกัน แต่หนักหนาสาหัสกว่า... อากง ชอบเล่าเรื่ องแบบติดตลก (ปนคาด่าภาษาจีนเป็ นระยะ) ซึง่ มันทาให้ ฉนั ผ่อนคลาย อมยิ ้ม บางๆ แววตาเป็ นประกาย บางครัง้ ก็ถึงกับหัวเราะออกมาดังๆ และสานึกได้ ว่า เจ้ าสิ่งยิ่งใหญ่ ที่ฉนั กาลังเผชิญอยูภ่ ายในจิตใจ มันก็แค่ เรื่ องเล็ก กระจิดริ ดเท่านัน้ โดยเฉพาะถ้ ามองในมุมของผู้ที่ร้ ูวา่ โลกใบนี ้ เต็มไปด้ วยอุปสรรค และ สิ่งที่ไม่คาดคิด และ แน่นอนว่า มันจะผ่านไป ในไม่ช้าอย่าง... ธรรมดา ... บ่อเซียงกัง ( มันก็เท่านันแหละ ้ )
回家了 就把一切放下 不要抱着烦恼入眠 明天的事
明天再说
กล้ บบ้ านแล้ วก็ปล่อยวางทุกอย่างซะ อย่านาเอาเรื่ องราววุน่ วายใจเข้ านอนไปด้ วย เรื่ องของวันพรุ่งนี ้ พรุ่งนี ้ค่อยว่ากัน
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 3 (เหรียญ 10 ตกเสียงดัง แบงค์ พันตกเสียงเงียบ) เมื่อครัง้ ที่ฉนั เติบโตเข้ าสูร่ ัว้ มหาวิทยาลัยแล้ ว ฉันก็ย้ายตัวเองออกไปสูโ่ ลกภายนอก ทดลองใช้ ชีวิตด้ วยตัวเอง แบบที่คดิ ว่าให้ ความอิสระได้ มากกว่า แต่ที่บ้านก็ยงั คงเป็ นสถานที่ ที่อบอุน่ ที่สดุ อยูเ่ สมอ กลับมาหาอากง ที่บ้านเมื่อไหร่ ก็มกั จะเห็น อากงเปิ ด TV แบบปิ ดเสียง เพราะว่าอากง สนใจดูเฉพาะตัวเลขหุ้น ที่วิ่งเรี ยงๆกันอยู่ด้านล่าง จอภาพ ถึงแม้ อากงจะอ่านภาษาไทยไม่ออกสักนิด แต่ก็ร้ ูจกั ชื่อย่อของหุ้น แทบทุกตัว ท่านเลยได้ รับยกย่อง ให้ เป็ นฐานข้ อมูลสาคัญ ของลูกๆ ทุกคน
ฉันเคย ถามกงว่า อากง สนใจอะไรหนักหนาคะ ไม่เห็นรู้เรื่ องเลย ขอเปลี่ยนช่อง ได้ ไหม แต่ทว่า นอกจากอากงจะไม่ให้ เปลี่ยนไปไหนแล้ ว ยังหันมา พูด ด้ วยหน้ านิ่งๆ อีกประโยคหนึง่ ด้ วยภาษาจีนแปลได้ ความว่า " เหรี ยญสิบ ตกเสียงดัง / แบงค์พนั ตกเสียงเงียบ " แล้ วก็ ไม่สนใจฉันอีกต่อไป ( ถามกลับว่า มันคืออะไร กงก็ไม่ยอมบอก ) สาหรับฉันแล้ ว อากงก็คือ คนแก่แนวๆ คนหนึง่ ในยุคนัน้ ( เป็ นขันกว่ ้ า ของ ผู้ใหญ่แนวอีกที) เป็ นตัวของตัวเอง ไม่เคยคิดตามใคร ไม่เคยเชื่อเรื่ องงมงายใดๆ ตัดสินใจ ด้ วยสัญชาติญาณ ตังแต่ ้ ฉันจาความได้ อากง และ ลูกๆ ( น้ องชาย น้ องสาวของพ่อ ที่ฉนั เรี ยกว่า อาเจ่ก อาโกว อีก 5 คน)
ทาธุรกิจมาแล้ วหลายอย่าง ไล่ตงแต่ ั ้ ขายส่งเหล้ า เบียร์ ตามร้ านอาหาร และ สถานบันเทิง / ขายข้ าวสาร / ขายน ้าตาล /ทาโรงงาน เสื ้อผ้ าส่งออก / ทาร้ าน หมูกระทะ / ซื ้อที่เก็งกาไร / ทาโรงงานกล่อง และอื่นๆ ล้ มลุกคลุกคลาน กัน สนุกสนาน กับประสบการณ์ที่ไม่มีโรงเรี ยนที่ไหนเปิ ดสอน แต่ภาพพจน์ของอาจารย์ใหญ่ที่นี่ (ก็อากงนัน่ ล่ะ) ก็คือ อาแปะ แก่ๆ ผอมๆ ผมขาวทังศี ้ รษะ ใบหน้ านิ่งๆ แฝงรอยยิ ้มลึกๆ ทุกๆ วัน จะมีเครื่ องแบบใส่ ซ ้าๆ กัน อยูแ่ บบเดียว คือ เสื ้อกล้ ามสีขาว ตราห่านคู่ ซื ้อมาแบบยกโหล กับ กางเกงสาม ส่วนแบบสุภาพ ( วันไหนออกนอกบ้ าน ก็เพิ่มเชิ๊ตขาวอีก 1 ตัว ไม่มากกว่านัน้ )
สาหรับประโยค ที่ค้างคาใจฉันมานาน ที่วา่ " เหรี ยญ 10 ตกเสียงดัง / แบงค์พนั ตกเสียงเงียบ " หลังจากที่ อากงเสียไปแล้ วหลายปี ... ฉัน เข้ าสู่ ระบบการทางาน เต็มตัว ได้ ร้ ู ได้ เห็น อะไรมากขึ ้น คาพูดนี ้ กลับย้ อนกลับมาอีกครัง้ เมื่อ ลองประมวล การใช้ ชีวิต และ วิธีคดิ ของอากง แล้ ว ท่าน คงต้ องการจะบอกว่า... ถ้ าคิดจะทาธุรกิจใหญ่ โต ไม่ ต้องคุยโวโอ้ อวด ให้ เป็ นเหมือนแบงค์ พัน ที่มีค่า แต่ ไม่ ส่งเสียงดัง และอีกอย่าง จากที่อากง แสดงให้ เห็นมาตลอดชีวิต ก็คือ ไม่ต้องไปเสียดาย กับ เงินทอง หรื อ สิ่งของอะไรก็ตามที่เราให้ กบั ผู้อื่น โดยเฉพาะ กับลูกน้ อง
แต่ ให้ ระวัง เรื่ อง " ค่าโง่ " จากความ ไม่ร้ ู กับ " ค่านิยม " ปลอมๆ ที่มกั แฝงตัวมาเงียบๆ แต่เราต้ องจ่ายให้ มนั ราคาแพงนักหนา ก็อย่างว่าล่ะ ข้ าวของ เงินทอง นัน้ มักส่ง เสียงดัง เพราะเราเห็นด้ วยตา แต่ความรู้สกึ ต่างๆ ของคนนัน้ สัมผัสได้ เพียงแผ่วเบา ซึง่ เป็ นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ากันมากมายนัก
อากง ท่านสอนไว้ คะ่ :)
不懂时,别乱说 心乱时,慢慢说
เวลาไม่เข้ าใจ อย่าพูดมัว่
懂得时,别多说 没话时,就别说
เวลาเข้ าใจแล้ ว อย่าพูดมาก
เวลาจิตใจสับสน ค่อยๆพูด เวลาไม่มีอะไรจะพูดก็อย่าพูด
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 4 ( โลกนีไ้ ม่ มีอะไรเป็ นของเรา ) กว่าจะเติบโต มาจนป่ านนี ้ เราทุกคน เคยเผชิญกับสภาวะ ของการได้ มา และเสียไป กี่ครัง้ กี่หน กันแล้ วนะ... ตังแต่ ้ วนั แรก ที่เราตื่นลืมตา มาร้ องไห้ งอแง จากที่ไม่เคยมีอะไรเลย... เราก็ได้ มาซึง่ ร่างกาย และส่วนประกอบในขันธ์ ทังหมดที ้ ่ประกอบเป็ นมนุษย์ ทังยั ้ งมีอีกหลายผู้คน มารายล้ อมดูแล หลังจากนัน...ความคิ ้ ด ความรู้สกึ ก็เริ่มเข้ ามามีบทบาทขึ ้นเรื่ อยๆ
พอโต มาหน่อย... ความจา ก็ทาหน้ าที่ของมัน บุคลิก ลักษณะ เริ่มปรากฏชัดเจนขึ ้นเรื่ อยๆ ทังหมด ้ ทังมวลนี ้ ้ ยึดแน่น เกาะเกี่ยว เป็ นตัวเป็ นตน จนดิ ้นไม่ หลุด จนทาให้ เรา ลืมไปแล้ วว่า... อันที่จริง ก่อนหน้ านี ้ เราก็ไม่เคยมีอะไรติดตัวมาด้ วยนี่นา แล้ วทาไมกันนะ การสูญเสียหลายๆ อย่าง มันช่างทรมารใจ มากมายเหลือเกิน . เมื่อวันเวลาผ่านไป ตามเหตุของมัน... เรื่ องใหญ่ๆ เท่านัน้ ที่ยงั คงอยู่ การสูญเสียครัง้ แรก นัน่ ไง ! เรื่ องเล็กๆ แสนยิ่งใหญ่ ที่ฝังอยูใ่ นความทรงจาวัยเยาว์ เรื่ องราวของ " ฟั นน ้านม "
ยังจากันได้ ไหมว่า ฟั นน ้านมซี่แรกของเรานัน้ ตอนนี ้ หายไปอยูท่ ี่ไหนแล้ ว ? ฉันก็นกึ ไม่ออก หรอกว่า เจ้ าฟั นซี่ที่ทาให้ ฉนั สะเทือนใจ ไม่ลืมนัน่ เป็ นซี่ที่เท่าไหร่กนั นะ... รู้แต่ว่า มันเป็ นฟั นล่าง ที่หกั ไปพร้ อมกับความเจ็บปวด เท่าที่ทาให้ เด็กตัวเล็กๆ คนหนึง่ ส่งเสียงร้ องไห้ ไม่หยุด นานหลายชัว่ โมง... ( จนเพื่อนๆดีใจ ที่ไม่ต้องเรี ยนหนังสือกันเลยทีเดียว ^^ ) ฟั นซี่น้อย หักไปกองอยู่ที่พื ้นห้ องเรี ยน พร้ อมกับร่างกายเล็กๆ ที่สะดุดล้ มลง ที่ขอบประตู... ขณะเดียวกันนัน้ ใจของฉัน ก็หล่นวูบไปด้ วยเช่นกัน
ความรู้สกึ แบบนี ้ กระมัง ที่เขาเรี ยกกันว่า " ความสูญเสีย " หลังจากที่รอยเลือด และ รอยน ้าตา จางไปแล้ ว เด็กน้ อย ก็ประคองฟั นซี่เล็กๆ ไปล้ างจนสะอาด แล้ วนามาพักไว้ ในกล่องดินสอใบใหญ่ แอบเอาไว้ จนถึงบ้ าน ไม่บอกใคร และทุกครัง้ ที่กลับมา แน่นอนว่า ฉันต้ องได้ เจอกับ อาม่าที่นา่ รักคนเดิม อาม่าไม่รอช้ า รี บถามว่า ฟั นล่าง หรื อ ฟั นบน ? เด็กน้ อย ตอบว่า " ฟั นล่างค่ะ" ( พร้ อมโชว์ ร่องฟั นหรอ ให้ ดู ) อาม่าถามว่า... จะเก็บเอาไว้ ทาไม ทิ ้งไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไร แต่ฉนั ก็ไม่สนใจฟั ง...สักนิด
วันเวลาล่วงเลยไป… นานจน ฟั นอีกซี่ หลุดออกไปเอง แบบง่ายดาย และ เช่นเคย ฟั นอีกซี่นนั ้ ก็มานอน รวมอยู่กบั ฟั นซี่แรกในกล่องดินสอใบเดิม เมื่ออาม่า มาเห็นเข้ าอีก ก็ร้ ูแล้ วว่า… ยังไงๆ ฉันก็ไม่ยอมทิ ้ง ฟั นน ้านมสุดหวงไปแน่ๆ อาม่า เลยแกล้ งหลอกว่า ( หรื อว่ามันจริงหว่า ?) " ถ้ าเราโยน ฟั นน ้านม ซี่ล่าง ขึ ้นไปบนหลังคา ฟั นแท้ ใหม่ จะงอกขึ ้นมาอย่างสวยงาม" เย็นวันนัน้ อาม่า จูงมือ เล๊ กๆ ของเด็กน้ อย ที่มืออีกข้ าง กอดกล่องดินสอเอาไว้ แล้ วเดินไปที่หลังบ้ าน อีกฝั่ งหนึง่
อาม่า สอนว่า " ในโลกนี ้ไม่มีอะไร ที่เป็ นของเรา วันนี ้แค่ฟันน ้านมหลุด วันข้ างหน้ าเมื่อเราโตขึ ้น ยังมีอีกมากมาย ที่เราต้ องสูญเสียไป เป็ นธรรมดา อย่าไปเสียดาย และ ไม่ต้องเสียใจ " ฟั นซี่แรก ลอยสูงขึ ้นไป ลิบๆ ด้ วยแรงเหวี่ยง จากแขนเล็กๆ ตามมาติดๆ ด้ วยเรง ที่มากขึ ้น ฉันบ๊ ายบาย เจ้ าฟั นน ้านม 2 ซี่นนั ้ " อาม่า ถ้ าเอ๋ขว้ างเบี ้ยว แล้ วฟั น มันจะขึ ้นเบี ้ยวด้ วยไหม อะคะ? " สรุปว่า วันนัน้ ฉันไม่ได้ ร้ ูสกึ อะไรกับที่อาม่าสอนเลยสักนิด แต่ยงั โชคดี ที่ใจความของคาพูดลอยๆ นัน้ ไม่ได้ เลือนหายไปกับกาลเวลา
人生有许多的无奈 如 果 不 能 改 变 什 么 ,那 不 如 顺 其 自 然 随遇而安 能看开的看开 能放下的放下
ชีวิตคนมีหลายเรื่ องราวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้ าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ปลงได้ ก็ปลง ปล่อยวางได้ ก็ปล่อยวาง
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 5 (ความรัก และ ความยึดมั่นถือมั่น) นานมาแล้ ว ที่ฉนั รู้สกึ ว่า มีอะไรสักอย่าง เกิดมาพร้ อมกับร่างกายของฉัน เป็ นมวลอากาศ ที่ใครสักคน คงใส่เกิน มาให้ จนทาให้ ฉนั ราคาญใจ อยูร่ ่ าไป… มวลอากาศที่วา่ นี ้ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า ความ Sensitive หรื อ อาการไวต่อความรู้สกึ (เกินไป) นัน่ เอง ที่นา่ ยินดีคือ ทาให้ เห็นสิ่งแปลกปลอม ที่เคลือบแฝงมาในชีวิตได้ ชดั เจน แต่ที่แย่ ก็คือ เมื่อไหร่ที่ต้องทุกข์ทรมาน
ก็คงทวีคณ ู เช่นกัน…ถ้ าจะให้ เปรี ยบเทียบ ก็คง เหมือนตอนเปิ ดประตูบ้าน เพื่อรับอากาศบริ สทุ ธิ์เข้ ามา คงไม่มีใครทันระวังว่า จะมีอนั ตรายฝุ่ นผง ควันไฟอะไรเข้ ามาด้ วย หรื อไม่ แต่ในเมื่อ Package นี ้ จัดมาเรี ยบร้ อยแล้ ว พร้ อมๆกับ วันที่ฉนั เกิด ก็สมควรที่จะยินดีกบั มัน สิ่งแรกๆ ที่ฉนั พอจะทาได้ สมัยเด็กๆ ก็คือ การค่อยๆเรี ยงก้ อนอิฐขึ ้นมา ทีละก้ อน จนมันสูงขึ ้น สูงขึ ้น ... ฉันสร้ างกาแพง กับทุกๆ สิ่งที่เริ่มรู้สกึ ว่า จะนาพาความทุกข์มาให้ ในสักวัน ...ความรัก ก็เช่นกัน... เมื่อ เริ่มเอะใจ ว่ามันไม่ใช่
ฉันก็ไม่ลงั เลที่จะ ถอนตัวอย่างรวดเร็ว ทุกทีไป ก็คล้ ายๆกับ ประโยคที่ คุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล นักเขียนชื่อดัง ได้ บญ ั ญัติ ไว้ วา่ " ผ่านพบ ไม่ผกู พัน " คานี ้ฉันเพิ่งมารู้ซึ ้งเมื่อผ่านช่วงแรกของวัยรุ่นมาแล้ ว แต่พบว่าคงไม่ใช่ความรักทุกรูปแบบ ที่ใช้ กฎนี ้ได้ ความรักครัง้ แรก ระหว่างชายหนุม่ หญิงสาว ใครเล่า จะเสแสร้ ง ระแวงลง ในเมื่อ ความรัก ต้ องแลกมาด้ วย ความรัก เมื่อเราทาให้ ใครเจ็บปวด เราก็ เอาความเจ็บปวด ของเราไปแลก มาด้ วย เช่นกัน ( ถ้ าทังหมดนี ้ ้ คุณไม่ได้ Fake นะ )
“ อาม่า เย็นนี ้จะพาเพื่อนคนนึง มาแนะนาให้ ร้ ูจกั ล่ะ " น ้าเสียงสดใส และ จริงจัง กล่าวขึ ้นในรุ่งเช้ า ในวันที่ฉนั เรี ยนอยูม่ หาวิทยาลัย ปี 2 เย็นวันนัน้ ฉันพาชายหนุม่ ขาวตี๋ ตัวสูงยาว หน้ าตาไม่จดั ว่าดีมาก แต่มีบคุ ลิกน่ามอง ที่สาคัญคือ มีสมั มาคารวะ ใช่แล้ ว ฉัดพาแฟนคนแรกในชีวิตมาทานข้ าวด้ วยกันที่บ้าน บรรยากาศ น่ารัก อากง อาม่า ไม่ได้ เพ่งเล็งอะไรมาก ทุกอย่าง ผ่านไป อย่างราบรื่ น… รักแรก ... สวยงาม และยาก ที่จะลืม… นักวิทยาศาสตร์ กล่าวหาว่า เพราะ ฮอร์ โมนโดปามีน ผูกมัดไว้ เช่นนัน้
ฉันเพียงคาดเดาว่า พวกเรา เห็นท้องฟ้ า ใน องศาทีใ่ กล้เคี ยงกัน และแล้ว เมื ่อเวลา ความฝั น วันอุ่นๆของวัยรุ่น ทาหน้าทีข่ องมัน รักครัง้ แรก ของฉัน จบลง ในวันที่ ฉันใกล้ จะจบชัน้ ปี 4… ซึง่ ก็คล้ ายๆ กับ Loop แรกๆ ของ หนุม่ สาวทัว่ ไป เราทังสองคนยั ้ งอายุน้อยเกินกว่าที่จะเลิกทดลองสิ่งต่างๆ ไม่เว้ นแม้ แต่เรื่ องที่ไม่ควรล้ อเล่นมากที่สดุ อย่างเช่น “ ความรัก ” สิ่งที่ฉนั สัมผัสได้ นันสวยงาม ้ เหมือนความฝั น แต่ สิ่งเจือปน นันขุ ้ น่ ข้ น เกินไป ทังการ ้ ครอบครอง ความปรารถนา เกมส์การเอาชนะ การกักขังอิสรภาพ ฉันหลงโง่ จับยึดเอาไว้ หมด โดยคิดว่า มันคือ "รัก"
พระท่านว่า " ยึดมัน่ กับสิ่งไหน เราก็ร้องไห้ กับสิ่งนัน้ " แน่ ยิ่งกว่า แน่นอน !!! ฉันร้ องไห้ และ เสียน้ าตาไปหลายลิตร กับอาการที่เรี ยกกันว่า " ใจสลาย " ฟั งเพลงอะไร เข้ าไป ก็ ไหลเป็ นน ้าตา ออกมา ข้ าวปลา ไม่กิน…นอนนิ่งๆ ก็มีแต่ความคิด วิ๊งๆ วนๆ เวียนๆ ความสามารถ ในการประมวลผล ทังสมอง ้ และจิตใจ ขาดห้ วงไป ชัว่ คราว คาว่า " หมดเรี่ ยวแรง ในการดาเนิน ชีวิต " มันเป็ นเช่นนี ้เอง คาพูดปลอบประโลมใจ จากใครๆ จะคม จะชัด แค่ไหน ก็ใช้ การอะไรไม่ได้ ฉันรู้สกึ ว่า ท้ องฟ้าที่เห็นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ ว เมื่อจิตใจไปไม่เป็ น ...ร่างกาย จะทานทน อย่างไรไหว 1 วัน 2 วัน ..5 วัน .... 1 สัปดาห์ผา่ นไป
ฉันพาร่างกายไร้ เรี่ ยวแรง ย้ ายจาก หอพักแสนเงียบเหงา กลับสูส่ ถานที่ ที่ค้ นุ เคย เมื่อฉันผลักประตู เข้ าไป กลิ่นยาหอม ยาหม่อง แบบเดิมๆ ก็ลอยมาแตะจมูก เสียงเพลงสวดมนต์แบบจีน ยังเปิ ดค้ างอยูแ่ ผ่วๆ สมุดอัลบัมภาพ ้ เก่าๆ วางเรี ยงอยูข่ ้ างๆตัว หญิงชรา ที่ค้ นุ ชิน อาม่า หันมา พร้ อมกับรอยยิ ้ม ที่อบอุน่ เช่นเคย เพียงแค่ ท่านมองมาที่นยั ต์ตา ของฉัน ความทุกข์ ความสุข เช่นไร ก็ ไม่สามารถ จะปิ ดบังไว้ ได้ ... น ้าตา ที่ฉนั เก็บกลันเอาไว้ ้ ค่อยๆ หลัง่ ไหล ออกมาอีกครัง้ ไม่เคยเลย ที่ อาม่า จะพูดจา ว่ากล่าว ซ ้าเติม
ถึงแม้ เวลาปรกติ ท่านจะ ชอบพูดพร่ า เจรจา สารพัดเรื่ อง แต่ในเวลาเช่นนี ้ ท่านกลับ ..นิ่งเงียบ.. คาพูด อาจไม่จาเป็ นนัก แต่ฉนั กลับ รู้สึก ว่าในหัวใจที่เหือดแห้ ง เริ่มมีน ้าชุม่ ชื ้น มาหล่อ เลี ้ยงอีกครัง้ " ไอ๊ ขา่ ว จูเ่ ข่า " (ถ้ าอยากร้ องไห้ ก็ร้องซะให้ พอ) เมื่อ แววตาฝ้าฟาง คูน่ นมองเข้ ั้ ามา และ มือนุม่ นิ่มหยาบย่น ค่อยๆ สัมผัสที่เส้ นผม ทังหมด ้ ที่ฉนั พยายาม เข้ มแข็ง ฝื นเป็ นผู้ใหญ่ ก็ ละลาย กลายเป็ นเด็กตัวน้ อยๆ คนเดิม เย็นวันนัน้ อาม่ากาลังนัง่ ดูละครตอนเย็นๆ อยูเ่ หมือนเคย พร้ อม กับทานมันต้ มขิง ที่เป็ นของโปรด ของคนทังบ้ ้ าน
ฉันค่อยๆเลียบเคียงเข้ าไปอยู่ใกล้ ๆ " อาม่า ทาไมคนเราต้ องโตด้ วยนะ เหนื่อยจังเลย " คาพูด ไม่มากคานัก แต่ ความรู้สึกนัน้ พรั่งพรู ในนาทีนนั ้ ความเขินอายคล้ ายจะเกินสะกดกลันไว้ ้ ได้ อาม่าหันมาถามเบาๆ ด้ วยสายตาฝ้าฟาง “ เป็ นอะไรไป ใครทาอะไรเด็กน้ อยของอาม่า บอกมาสิ ” ฉันไม่มีคาพูดหลุดออกมา... ได้ แต่ปล่อย ให้ สายน ้าจากข้ างใน เล่าเรื่ องต่อไป เวลาเย็นจนค่า วันนัน... ้ ในขณะที่ผ้าเช็ดหน้ าผืนน้ อย ไม่สามารถซึมซับอะไรได้ อีกต่อไป เด็กน้ อย ในร่างของ หญิงสาว ก็นอนฟุบหลับไป...
จาได้ แต่เสียงแผ่วๆแหบๆ (ง่วงก็นอนซะ อย่าไป " คิด " อะไรมาก)
...............................................................................................
เป็ นเวลานานเท่าไหร่ ก็ไม่ทราบได้ ... ที่ความฝั น มิได้ ยา่ งกราย... จนแสงแดด ของวันใหม่ ส่องเข้ ามาบางๆ ฉันได้ กลิ่น ของเช้ าวันใหม่แล้ ว แต่ร่างกาย ยังคงสภาพติดที่นอนอยู่ เช่มเดิม เสียงแกรกกราก ที่หน้ าต่าง ดังขึ ้น ฉันเอี ้ยวตัว ไปมอง
" เจ้ าสามสี นัน่ เอง " แมวน้ อยหยุดเกา มุ้งลวด แล้ วส่งสายตา กลมแป๊ ว มาสบ กับสายตา งุนง่วง ของฉัน แล้ วพูดขึ ้นว่า " เมี๊ยววว " รอยยิ ้มแรก รับวันใหม่ ของคนกับแมว ระบาย ขึ ้นพร้ อมกัน ^^ เสียงเรี ยก ของเจ้ าสามสี ฉุดฉันจาก "ความคิด" ของอดีต ให้ มา " รู้ " ถึงช่วงเวลาใน moment นี ้ หากคนเรา ละทิ ้งอดีต ไม่กงั วลกับอนาคต และมีแต่เวลาปั จจุบนั ได้ จริงๆ ก็คงดีสินะ ทิ ้งอคติ ...ทิ ้งกรอบ ทิ ้งเขา ...ทิ ้งเรา ทิ ้งเงา.... ทิ ้งเวลา
ทิ ้ง อาการยึดติดบ้ าใบ้ ไร้ สาระ ทิ ้งสิ่งที่คดิ ว่า ติดตัวกับเรามาแต่ไหนแต่ไร มันจริงหรื อ? ค่อยๆ ฟั งเสียง ที่มีอยู่ เพียงแผ่วๆ ... เบาแสนเบานัน้ เสียงของ ความไม่มีแก่นสาร เมื่อสติ เข้ าครอบครองปั จจุบนั ขณะ เมฆหมอก ทังหลายนั ้ น้ ก็คล้ ายจางหายไป …เช้ านี ้ ดูจะสดใส กว่าทุกวัน ความชื ้นสัมพัทธ ในหัวใจ วัดได้ หลาย % แล้ วล่ะ อาม่า เดินเข้ าห้ องมา ยิ ้มให้ แล้ วเรี ยกให้ ลงไป ทานข้ าวต้ ม ฉันรู้สกึ ว่า ฉันกาลังคุยกับแมว ได้ จริงๆ
" สามสีน้อย เมื่อตะกี ้นี ้ มันคืออะไรกันนะ " ( อาจเพราะ เวลา...อาจเพราะ น ้าตา...อาจเพราะ อาม่า... หรื อ อาจเพราะแววตา ของเหมียวน้ อย... ทังหมดนี ้ ้ ช่วยให้ ผ่อน และ คลาย ขอบใจ มากๆ ) เจ้ าสามสี บอกว่า " เหตุผลไม่มี ตอนนี ้ รู้สกึ ดี ก็พอแล้ วนี่ " เจ้ าสามสี หันไปมอง [ ก้ อนทึมทึบ ] บางอย่าง ที่วางอยูข่ ้ างๆ ตัวฉัน " นัน่ อะไรน่ะ เอ๋น้อย " ฉันหันกลับไปมองบ้ าง… " อ๋อ ไอ้ เนี่ยเหรอ ฉันแบกมาหลายวันแล้ วล่ะ หนักมากเลยนะ " สามสี : " ตอนนี ้มันกองอยูท่ ี่พื ้นแล้ วนี่ "
ฉัน : ใช่ [ ฉันเห็นแล้ ว ] มันยังอยู่ แต่ไม่หนักอีกแล้ วล่ะ ^_^ "อย่าไป คิด มาก" ที่ได้ ยิน แว่วๆ เมื่อคืน ดังขึ ้นอีกครัง้ "ปล่อย วาง อดีต ลง " แล้ วอยูก่ บั ปั จจุบนั ที่มมุ ห้ อง ข้ างๆ ตู้สมบัติประวัตศิ าสตร์ ของอาม่า กล่องดินสอฝุ่ นเกาะ ที่เคย เป็ นที่อยู่ ของฟั นน ้านม 2 ซี่ เข้ ามาร่วมวง สนทนา แล้ ว พูดด้ วยเสียง ของอาม่า ว่า " โลกนี ้ ไม่มีอะไร ที่เป็ นของเรา วันนี ้ แค่ฟันน ้านมหลุด วันข้ างหน้ า เมื่อเราโตขึ ้น ยังมีอีกมากมาย ที่เราต้ องสูญเสียไป เป็ นธรรมดา อย่าไปเสียดาย และ ไม่ต้องเสียใจ " ฉันอุ้มเจ้ าสามสี เข้ ามาในอ้ อมแขน ก่อนจะหันไป ขอบคุณ เจ้ า ก้ อนทึบ และเชิดใส่มนั
ขอบใจมากนะ ที่ชว่ ย ทาลาย กาแพงอิฐ ที่ฉันสร้ างมาแต่เล็กแต่น้อย ตอนนี ้ ฉันซึ ้งแล้ วว่า โลกข้ างนอก มีแต่ความไม่แน่นอน และ ซับซ้ อนเหลือเกิน ฉันสร้ าง กาแพง ด้ วยอะไร ก็ไม่มีทาง กันได้ ้ ทงหมด ั้ แต่เมื่อเช้ านี ้ มันใช้ ได้ ไม่มีอะไรมาก ...แค่ มอง ให้ เห็น และ วาง ให้ เป็ น ปอ ลิง. หลังจากนัน้ เจ้ าก้ อนทึบ ก็คอ่ ยๆ ละลายไป ตาม อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา
ลาก่อน ......
Strength doesn't come from what you can do. Strength comes from overcoming the thing you once thought you couldn't
ความเข้ มแข็งไม่ได้ มากจากสิ่งที่เราทา แต่มาจากการทาในสิ่งที่เราเคยคิดว่าเราทาไม่ได้ / Rikki Rooger 坚强
Jinqiáng ( เจียนเฉียง ) = ความเข้ มแข็ง
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 6 Reaction ของแรงโน้ มถ่วง กาลครัง้ หนึง่ นานมาแล้ ว ยังมี คุณลุงแก่ๆ ผมฟูยงุ่ แถมหน้ าตาง่วงนอน ตลอดเวลา คนหนึง่ ได้ กล่าวขึ ้นว่า " Gravity is not responsible for people falling in LOVE " แรงโน้ มถ่วง ไม่ได้ ดงึ ดูด ให้ ผ้ คู น ตกหลุมรัก ( ลุง ALBERT EINSTEIN ผู้ยิ่งใหญ่ ) ถ้ าคุณลุงยังมีชีวิตอยูล่ ะ่ ก็ ฉันอยาก จะ ส่ง E-mail ไปถาม นักเชียวว่า ถ้ าอย่างนันแล้ ้ ว..... อีกแรงที่ว่า มันเป็ น เรี่ ยวแรง ประเภทไหน กันล่ะคะ ?? ถ้ ามันทาให้ ผ้ คู น ตกหลุมรัก ได้ จริง เรื่ องโรแมนติค ทังหลาย ้ คงไม่จาเป็ น
เคยบ้ างไหม ที่ มีคาถาม ค้ างคา อยูใ่ นใจของเรา รบกวน เราเสมอ เวลาที่หยุดพัก กับสิ่งที่ต้องทาตลอดเวลาที่เรา เผลอไป ทาไมกันนะ … ทาไมกันนะ … เกิดมา แล้ วก็ ตายไป พบเจอ เพื่อ พลัดพราก เริ่มต้ น และ จบลง แล้ ว ระหว่างนันล่ ้ ะ? ชีวิต มัน คืออะไรกันหนอ ? คาถาม และ ถ้ อยคาข้ างบน อาจ ฟั งดูน่ารัก และสบายๆ เบาๆ ในเวลานี ้ แต่เมื่อ ย้ อนไปหลายปี ที่แล้ ว ไม่นา่ เชื่อว่า ฉันเคยหมกมุน่ กับการค้ นหาคาตอบ จะเป็ นจะตาย
โดย Scope คาถาม ให้ ชดั เจน ขึ ้น ตามที่ ระบบการศึกษา จัดทาขันวิ ้ ธี เช่นนี ้มา ฉันเรี ยนวิทยาศาสตร์ มาแล้ ว ครึ่งชีวิต เซอร์ ไอแซก นิวตัน ตังกฎ ้ ในเรื่ องเกี่ยวกับ แรง ให้ แก่โลกไว้ 3 ข้ อ ข้ อที่ฉนั สนใจ คือ ข้ อสุดท้ าย ซึง่ มีใจความว่า Action = Reaction เช่น เอามือไป ต่อยหน้ าเพื่อน แรงที่เราเอามือไปต่อย คือแรง กิริยา ส่วนแรงกระทาย้ อนกลับ จาก ส่วนที่โดนต่อย มาสู่ มือเรา คือ แรงปฏิกิริยา ( ไม่ใช่ แรงที่เพื่อน ต่อยสวนกลับมานะ >< ) และ อีกเรื่ องที่เกี่ยวข้ องกัน ก็คือ เรื่ อง ของ แรงโน้ มถ่วง เรื่ องนี ้ ถ้ าถามพี่กู (เกิ ้ล) ดู คงจะดู เยิ่นเย้ อเกินไป จึงขออนุญาติ ยก พี่วิ (วิกิพีเดีย) มาอ้ าง ดังนี ้ ความโน้ ถ่วงทาให้ ดาวเคราะห์ตา่ งๆ ยังคงหมุนรอบดวงอาทิตย์ ไม่หลุดออกจากวงโคจร
ในทางฟิ สิกส์ ความโน้ มถ่วง หรื อ แรงโน้ มถ่วง คือแรงที่กระทา ระหว่างมวล แรงโน้ มถ่วงเป็ นหนึง่ ในสี่แรงหลัก ซึง่ ประกอบด้ วย แรงโน้ มถ่วง แรงแม่เหล็กไฟฟ้า แรงนิวเคลียร์ แบบอ่อน และ แรง นิวเคลียร์ แบบเข้ ม ในจานวนแรงทังสี ้ ่แรงหลัก แรงโน้ มถ่วงมีคา่ น้ อยที่สดุ ถึง แม้ วา่ แรงโน้ มถ่วงจะเป็ นแรงที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ มากนัก เพราะความเบาบาง ของแรงที่กระทาต่อเรา แต่ก็เป็ นแรงเดียวที่ ยึดเหนี่ยวเราไว้ กบั พื ้นโลก แรงโน้ มถ่วงมีความแรงแปรผันตรงกับมวล ไม่มีการลดทอนหรื อ ถูกดูดซับเนื่องจากมวลใด ๆ ทาให้ แรงโน้ มถ่วงเป็ นแรงที่สาคัญ มากในการยึดเหนี่ยวเอกภพไว้ ด้วยกัน
คาถาม มีอยู่วา่ แล้ ว REACTION ของ แรงโน้ มถ่วง ล่ะ มันคืออะไรกัน ทาไมไม่เคยมีใครพูดถึง ??
พลังงานที่ เทียบเท่ากัน กับ พลังที่ยดึ ดาวเคราะห์ตา่ งๆ ให้ หมุนรอบดวงอาทิตย์ ให้ ไม่หลุดออกจากวงโคจร
หาก แรงโน้ มถ่วงยึดให้ เรา ต่าติดดิน พลัง REACTION ที่ยงั ไม่เคยมีใครตังชื ้ ่อนี ้ อาจทาให้ เรา บินสูงขึ ้นสุดฟ้า พลังงาน ที่ไม่ธรรมดา และมีคา่ อเนก อนันต์ … แรงอะไรกันนะ ที่ทาให้ ดอกไม้ เล็กๆ แตกยอด อ่อน โผล่พ้น ขึ ้น จากพื ้นผิวดิน... แรงอะไรกันนะ ที่ทาให้ ลูกเจี๊ยบ เอาหัวเล็กๆ ผลัก เปลือกไข่ให้ แยกออกเพื่อลืมตา มาร้ อง จิ๊บๆ... แรงอะไรกันนะ ที่สง่ พลังลุกขึ ้นสู้ ให้ กบั วีรบุรุษ ในวินาที ไร้ สิ ้น หนทาง กระทัง่ แลกด้ วยชีวิต ก็ไม่คดิ เสียดาย... เป็ นพลังเดียวกันนี ้ใช่หรื อไม่
ที่สร้ าง ประกายในดวงตา ของเรา ผลักดันเราให้ ดาเนินชีวิต ต่อไปได้ ในโลก ที่ยากขึ ้นทุกวัน... เป็ นพลังเดียวกันนี ้ใช่หรื อไม่ที่ ให้ กาเนิด รุ้งงาม ยามฝนซา ให้ กาเนิด กลิ่นหญ้ า จากไอแดด ให้ กาเนิด ความงดงาม ใน ดวงตา เด็กน้ อย ความไพเราะจับใจ ในท่วงทานองดนตรี สัมผัสที่แผ่วเบา จากปลายเส้ นผม ของคนรัก เพียง ชัว่ ขณะนัน... ้ ขณะเพียง พริบตา ที่เรา ได้ มองเห็นความงาม ที่ภาษา ไม่อาจบรรยาย เมื่อใดก็ตาม ที่ความงามชัว่ ขณะนัน้ บังเกิด ความจริงแท้ ก็อยูต่ รงนันด้ ้ วย
ความจริง ที่ วิชา ฟิ สิกส์ เคมี ไม่มีคาอธิบาย
มันคืออะไรกันนะ ? ในช่วงขณะนัน้ ฉันเรี ยนอยู่ ชัน้ ปี 2 หรื อ 3 ก็จาไม่ได้ ของคณะที่ แข่งกันเรี ยน แข่งกันสอบ มากที่สดุ คณะหนึง่ ในช่วงเวลา ของการสอบ ปลายภาค คาถามนี ้ สร้ างความราคาญใจให้ ฉนั ไม่ใช่น้อย ( ก็เรื่ อง REACTION ของ แรงโน้ มถ่วง นัน่ ล่ะ) และโดยตลอดหลายปี ที่ ครุ่นคิด ถึง หากว่ากัน ทางทฤษฎีแล้ ว ฉันแทบจะเขียน ตารา ( ที่ยงั ไม่ได้ พิสจู น์ ) ออกมาได้ อีกเล่มเลยทีเดียว….
Gravity is not responsible for people falling in LOVE ALBERT EINSTEIN
อากงสอนว่ า อาม่ าบอกไว้ ตอนที่ 7 มองให้ ไกลออกไป ปลายภาคมาเยือนไม่ทนั ตังตั ้ วตามเคย… หนังสือ หนังหา ที่จะสอบ แทบไม่ได้ อา่ น ช่วงนัน้ มีวิชา ประจาคณะ ที่นา่ กลัว อยูว่ ิชาหนึง่ สมมุตวิ า่ ชื่อ Transformers 2 ดูจากชื่อแล้ ว แน่นอนว่า มันเป็ น ภาคต่อ ของวิชา Transformers 1 และแน่นอนอีกว่า หาก ได้ แค่ D+ ในวิชา Transformers 1 เช่นฉัน แล้ วไซร้ วิชาที่ตอ่ กันไป เป็ น ภาค 2 ภาค 3 นัน้ แค่ ไม่ F ก็บญ ุ โขแล้ ว >*< แต่นี่คือ โลกมนุษย์ โลกที่ ความแน่นอน ตังอยู ้ บ่ นความไม่แน่นอน เทอม นัน้ ฉันได้ เกรด A วิชา Transformers 2 อยู่คนเดียว
เนื่องจากว่า ภายในข้ อสอบ นัน้ แทบจะไม่ได้ ถามคาถามที่หาได้ ใน Text ที่เรี ยนมาทังเทอมเลย ้ ( อาจารย์ชา่ งโหดร้ ายเหลือเกิน ) เรื่ องนี ้ กลายเป็ น ที่นา่ สงสัย ในชาวคณะ เป็ นนักหนา ฉันตอบเพื่อนๆ ไปตามตรง ว่า " เราอ่านหนังสือ ผิดเล่ม " แน่นอนว่า ไม่มีใครขา ฉันไล่ให้ ไปถามอาจารย์ คนที่เข้ าใจวิธีเชื่อมโยงได้ ขนาดนี ้ ( หายาก ในหมู่ ดร.บ้ าวิชาการ ทังหลาย ้ ) มันเป็ นวิชา ที่วา่ ด้ วย แรง แต่แฝงไปด้ วย เคมี ล้ วนๆ แน่นอนว่า ฉันเพียงสนใจ แต่เคมี ที่อยูใ่ นแรงบันดาลใจ และดันตรงกับที่ อาจารย์เอามาออกสอบ ใสๆ ย้ อนกลับไป ช่วงที่จาเป็ นต้ องอ่านหนังสือสอบ วิชา Transfomers2 เสียที
หลังจากที่ฉนั มัวแต่ค้นคว้ า อีกคาถาม ( ที่วา่ Reaction ของแรง โน้ มถ่วงคืออะไรกัน ) ที่ไม่มีทางออกสอบ ( แต่สดุ ท้ ายแล้ ว มัน ออกมาโยงกันซะงัน้ ) เมื่อเวลากระชันเข้ ้ ามา ความกดดัน ก็ คูณ 2 เข้ ามาด้ วย เทศกาล สอบ ทุกรอบ ฉันมักมานัง่ สงบจิตใจ ที่บ้านอากง อาม่า และที่นงั่ อ่านตาราประจาตัวก็คือ บนชันลอย ้ ครัง้ นี ้ก็เช่นเคย ... แต่อาการเครี ยด คงปิ ดเอาไว้ ไม่อยู่ ( เวลานอน ไม่ยอมนอน / เวลากิน ไม่ยอมกิน ) เกือบเที่ยงคืน ของ วันที่ 2 ที่ คร่ าเคร่ง กับหนังสือ หนังหา อากง ก็เดินผ่านมาที่หน้ าโต๊ ะ ที่เป็ นทางผ่าน ไปเข้ าห้ องนอน ท่านกล่าวลอยๆ ขึ ้นว่า " จ๊ อนัง๊ อายโทยมิไก๊ ม๊ ายโทย คะกึ๋ง " ( เกิดเป็ นคน เวลาจะมองอะไร อย่ามองให้ มนั ใกล้ มากนัก ) ว่าแล้ ว ก็เดินผ่านไปช้ าๆ หน้ านิ่งๆ ตามสไตล์...
อากง เอาอีกแล้ ว และฉันก็เพียงเข้ าใจตามรูปประโยค ง่ายๆนัน้ อากงคงกลัวว่า ฉันจะสายตาสันกระมั ้ ง แต่ เอ๊ ะ! ฉันก็ออกจะมองตังห่ ้ าง เวลานัน้ ฉันก็เอะใจอยูบ่ ้ าง แต่ก็ไม่มีเวลามาใคร่ ครวญ อะไรมาก จนผลการสอบ ล่วงไปแล้ วนันแหละ ้ มีอยูว่ นั หนึง่ ฉันเล่นทายปั ญหาเชาว์ กับเพื่อนที่ชื่อว่า นาย m เพื่อน m : อะไรเอ่ย อยู่ใกล้ ตา ที่สดุ แต่กลับมองไม่เห็น ฉัน : " ยายที่ตายไปแล้ ว " เพื่อน m : ผิด ฉัน : " ขนตา "
เพื่อน m : ผิด อันนี ้ เราว่า เราเห็นนะ ฉัน : จมูก/ คิ ้ว /หู /ขอบตาล่าง เพื่อน m : "จมูก " ถูกว่ะ ฉัน : อ้ าวววว เพื่อน m : ก็เค้ าเฉลย มาแบบนี ้อะ ฉัน : " อะไรมาอยูใ่ กล้ ๆ มันก็มองไม่เห็น ทังนั ้ นแหละ ้ " ว่าแล้ ว ก็กางฝ่ ามือ เล็กๆ ไปแปะหน้ ามันๆ ของเพื่อน " อย่างนี ้ เราตอบฝ่ ามือ ก็ถกู เหมือนกันสิ " บทสนทนา ยังคงยืดเยื ้อต่อไป...... ในเย็นวันเดียวกันนัน้ เป็ น วันที่ อากาศดี และ ลมแรง เหมาะแก่การ ค่อยๆ เดินทอดน่อง กลับหอ ด้ วยระยะทางไกล ( ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ )
เดินคิดอะไรไปเพลินๆ คาพูดของอากง ก็ลอยขึ ้นมาอีกครัง้ " จะมองอะไรก็ตาม อย่างมองให้ มนั ใกล้ มากนัก " เข้ าใจแล้ ว !! อากง หมายถึง " การบริหาร ระยะห่างในชีวิต " นัน่ เอง กับเรื่ องอะไรก็ตาม ที่เรายึดติดหมกมุน่ กับมันจนใกล้ เกินไป สายตาเรา ก็ไม่อาจมองเห็น ความจริงได้ กับเรื่ องความรัก คงเหมือนกับที่ ฉันเพียงต้ องการ คนๆหนึง่ มายืน อยูข่ ้ างๆกัน ใน ระยะที่มองเห็น ไม่ใช่ เข้ ามาครอบครอง พื ้นที่ภายใน จนมองไม่เห็นตัวเอง กับเรื่ องคาถามที่ค้างคาใจ ฉันมาโดยตลอด จนกลายเป็ นงานวิจยั ขนาดย่อมๆ นันก็ ้ เช่นเดียวกัน …
REACTION ของ แรงโน้ มถ่วง คืออะไรกันน่ะเหรอ คาถามยัง คงทาหน้ าที่ของมันต่อไป จนถึง วันเวลาปั จจุบนั ที่ปลายนิ ้วกาลังสัมผัสแป้นพิมพ์อยูน่ ี ้ สิ่งที่ฉนั แน่ใจคือ คาตอบ นัน้ เกินขอบเขต ของวิทยาศาสตร์ ไปมากแล้ ว หลายครัง้ ที่ฉนั พยายาม ให้ นิยาม แต่ก็ไม่สามารถ สรุปได้ ... เพราะเป็ นไปไม่ได้ เลย ที่เงื่อนไขทางภาษา จะใช้ ได้ กับความรู้ ยิ่งใหญ่เช่นนี ้ สิ่งนันก็ ้ คือ " พลัง แห่ง รักใน ปั จจุบนั ขณะ " หรื อ ที่เรี ยกกันว่า สติ / ปั ญญา / ตัวรู้ / ลมปราณ ก็วา่ กันไป ย่อยไปกว่า อนุภาคที่เล็กที่สดุ ที่วิทยาศาสตร์ เผยแพร่ในปั จจุบนั นักวิทยาศาสตร์ ค้ นไม่พบ
เพราะเป็ นสิ่งที่ไม่ได้ ถูกกาหนดไว้ ด้ วยการพิสจู น์ อย่างหยาบโดย ประสาทสัมผัสทัง้ 5 เหมือนกับเวลาที่เรามองเห็น เมล็ดพืช ซึง่ ศักยภาพ ก็คือ ไม้ ใหญ่ทงต้ ั้ น นักวิทยาศาสตร์ อธิบายได้ เพียงกระบวนการ แต่บอกไม่ได้ วา่ เพราะอะไร
นัน่ คือ สิ่ง ที่ละเอียดอ่อนยิ่ง เมื่อไม่ลว่ งรู้ ปั ญญา ก็ไม่สามารถล่วงรู้ถึง ชีวิต เพราะ ชีวิต ทุกชีวิตนัน้ เริ่มจากการที่ ตัวรู้ นันถู ้ กปลุกให้ ตื่น ตัวรู้นนั ้ ก็คือ ปั ญญา ของสรรพสิ่งนัน่ เอง ดังนันเราทุ ้ กคน ไม่ได้ เกิดมาลอยๆ แต่มีเบื ้องหลังที ้ ่ มีพลังอันยิ่งใหญ่ เป็ นพลังที่สะอาด บริ สทุ ธิ์ ด้ วยความปรารถนา ที่ดีงาม และอยูก่ บั เรา เสมอมา ไม่วา่ ขณะนี ้ หรื อขณะใดๆ ก็ตาม
เพียงแต่ สิ่งรายรอบ มันปกคลุมจิตใจ เราจนขุ่นมัวมากเกินไปเท่า นันเอง ้ วางลง ให้ เป็ น แล้ ว คงมองเห็น ในสักวัน อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็ นเพียง เรื่ องที่ถ่ายทอดจาก คนตัวเล็กๆ คนหนึง่ เท่านัน้
เป็ นเรื่ องราวที่บนั ทึกความทรงจาวัยเยาว์ ไว้ เพื่อราลึกถึง บุญคุณของ ผู้เฒ่า ทังสองคน ้ หาก Ebook เรื่ อง อากงสอนว่า อาม่าบอกไว้ ชุดนี ้ จะสร้ างประโยชน์ หรื อความเพลิดเพลินใจให้ แก่ผ้ อู ่านเพียงสักคน ผู้เขียน ก็พอใจยิ่งแล้ ว ด้ วยรัก และ ขอบคุณ เรนันท์ สุทธิสว่างวงศ์
รู้จกั ผู้เขียน เรนันท์ สุทธิสว่างวงศ์ ชื่อเล่น : เอ๋ วิศวกรเคมี ผู้รักศิลปะ มีความหลากหลายในตัวสูง ซ่อนตัวเขียนหนังสือใจกลางป่ าคอนกรี ต
ปั จจุบนั : Business Development Manager ที่ปรึกษาด้ านพลังงานแห่งหนึง่ ครูสอนโยคะ
FB : Kissrain Aey
ขอให้ เราได้ พบกันใหม่ค่ะ
Tell me the story again
Tell me the story again, Grandfather. Tell me who I am. I have told you many times, Boy. You know the story by heart. But it sounds better when you tell it, Grandfather. Then listen carefully. This may be the last telling. No, no, Grandfather. There will never be a last time. Promise me that. Promise me. I promise you nothing, Boy. I love you. That is better than a promise. And I love you, Grandfather, but tell me the story again. Please. Knots on a Counting Rope Bill Martin Jr. and John Archambault Henry Holt and Company New York, 1966 and 1987