CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
AikidoCMU NEWSLETTER ฉบับยุติความรุนแรงตอสตรี พบกับ
ผูหญิง กับทางเลือกตอความรุนแรง ศิลปะการตอสูปองกันตัวในมุมมองของนักสุขภาพจิต มา-ไอ..... หางใหพอดี และ ไอคิโดในความคิดของผม
จัดทำโดย ชมรมไอคิโด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อาคารกิจกรรมนักศึกษา (อ.มช.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม ถ. สุเทพ อ.เมือง จ. เชียงใหม่ ๕๐๒๐๐ ตืดต่อได้ท ี่ Email:
เจตน์ ๐๘๙-๘๕๕๗๒๒๕
ป๋อม ๐๘๙-๗๐๑๗๖๘๖
aikidoCMU@yahoogroups.com
กบ ๐๘๔-๐๔๗๔๓๔๔
หน้า
1
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
สารบาญ
ศัพทไอคิโด เซนเซ!อาจารย เซมไป !รุนพี โคไฮ! รุนนอง ่โดโจ ! สถานที่ฝกซอมบูโด !
(ไมจำกัดเฉพาะไอคิโด)
บูโด!
ศิลปะการตอสูแบบนักรบโบราณ (ไมจำกัดเฉพาะไอคิโด)!
!
บูชิโด! วิถีนักรบ หรือวิธีการที่จะเปนนักรบ ไอคิโดกับชีวิต: มา-ไอ...หางใหพอดี .......ดร.สมบัติ ตาปญญา ๓ AIKIDO STUDENT HANDBOOK : โดโจคืออะไร? ๕ ศิลปะตอสูปองกันตัวในมุมมองนักสุขภาพจิต ...อ.ธีระรัตน บริพันธกุล ๗ ผูหญิงกับทางเลือกตอความรุนแรง ...นฤมล ธรรมพฤกษา (กบ) ๑๑ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับเยาวชน การปองกันพฤติกรรมรุนแรงทางเพศใน นักเรียนมัธยมในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ๒๕ การฝกไอคิโดในความคิดของผม ....น.พ.กฤษณชัย ไชยพร ๒๘ AIKIDO FAMILY ๓๒ ปฏิทินกิจกรรม ๓๒
(นอกจากจะมีศิลปะการตอสูแบบนักรบแลว ยังตองมีจิตใจที่เขมแข็งเด็ดเดี่ยวอีกดวย)
นักเขียนในฉบับ ดร.สมบัติ ตาปัญญา อ.ธีระรัตน์ บริพันธกุล นายแพทย์ กฤษณชัย ไชยพร นฤมล ธรรมพฤกษา
หน้า
2
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
ไอคิโดกับชีวิต
มา-ไอ
หาง...ใหพอดี ในการฝกไอคิโดเราจะพูดถึงเรื่องระยะ หางระหวางบุคคล ซึ่งเรียกเปนภาษาญี่ปุนวา มา-ไอ หรือ มาย (ma-i) เสมอ โดยมีความ หมายวาในการตอสูหรือรับมือการโจมตีจากคู ฝกนั้น หากจะใหมีประสิทธิภาพเราจะตองรักษา ระยะหางใหพอดี หากใกลเกินไปจะใชเทคนิค ไอคิโดไมไดดี และอาจเกิดอันตรายจากการ ทำรายของคูฝกไดงายอีกดวย (เพราะหลบหลีก ไมทัน) แตถาอยูหางเกินไปก็จะทำอะไรไมไดอีก และก็ไมมีเหตุผลที่จะตองทำอะไรดวย เพราะ การโจมตียอมมาไมถึงตัวเรา ระยะหางที่พอดีในการฝกไอคิโดจึง ถือเอาชวงแขนเปนเกณฑ คือเมื่อทั้งสองฝาย ยืนประจันหนากันแลวยื่นมือออกมาคนละขาง ปลายมือจะสัมผัสกันพอดี หรือถาเปนการฝก ดาบก็จะถือเอาระยะที่ทั้งสองคนยื่นดาบออก มาแลวปลายดาบแตะกันไดพอดี จะวาไปแลวในสงครามและการใช อาวุธ ไมวาจะเปนการแทงดวยมีด ฟนดวย ดาบ พุงหอก ยิงธนู ปน
หรือแมแตขีปนาวุธนิวเคลียรที่อิหรานและ เกาหลีเหนือกำลัง ฮึ่มๆ อยูตอนนี้ก็ตาม ก็จะ ตองคำนึงถึงระยะที่เหมาะสมเสมอ หากใกล ไปก็ ใ ช ไ ม ถ นั ด หรื อ อาจเป น อั น ตรายต อ ตนเอง ไกลไปก็อาจไมมีประสิทธิภาพ ในการมี ป ฏิ ส ั ม พั น ธ ร ะหว า ง บุคคลในชีวิตประจำวัน เราสามารถเอาหลัก การรั ก ษาระยะห า งที ่ พ อดี ข องไอคิ โ ดมา ใชไดเชนเดียวกัน ทุกครั้งที่เพื่อนหรือคนใกล ชิดเราพูดไมเขาหูหรือไมถูกใจ หากเราโกรธ เกรี้ยวหรือหูอื้อเพราะเลือดขึ้นหนาทันที หรือ เสียใจ นอยใจจนแอบไปรองไห ก็อาจเปน สัญญาณบอกใหรูวาเรา “เขาใกล” เรื่องที่ กำลังพูดกันอยูเกินไปแลว คือ เราถือเอามา เปนเรื่องสวนตัว มองวาเขาโจมตีหรือ ประสงครายตอเรา ทั้งๆ ที่เขาอาจไมมี เจตนาเชนนั้นเลยก็ได
หน้า
3
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
แตในทางกลับกัน หากไมวาใครจะ พูดอะไร ทำอะไร เราก็ “ไมรูสึกรูสา”ใดๆทั้ง สิ้น ก็อาจเปนขอบงชี้วาเรา “ทิ้งระยะหาง” หรือมีใจหางเหินกับบุคคลนั้นหรือเรื่องนั้น มากเกินไป จนไมสามารถที่จะมีปฏิกิริยาใดๆ กับเขาได และแนนอน เขายอมมองเห็นวาเรา ไมแครหรือไมหวงใยความรูสึกเขาเลย มุมมองเชนนี้อาจนำมาประยุกตใช กับสถานการณหรือความสัมพันธในชีวิตได หลายรูปแบบ เชน ในการพิจารณาเรื่อง ราวบางอยางที่เกิดขึ้น หรือในการแกไข ปญหาชีวิต หากเราเกิดอารมณรุนแรงกับมัน มากเกินไป (“เขาใกล” ทางอารมณมากเกิน ไป) เราก็จะแกปญหาไดไมดี มองไมเห็นภาพ รวมของปญหาหรือสถานการณ หากจะแกให ไดเราอาจตองถอยหางออกมาสักนิด ถาเปน ความสัมพันธกับคนใกลชิดในชีวิต ไมวาจะ เปนคูรักหรือคนในครอบครัวเชน พอแม พี่ นอง ญาติ ก็เชนเดียวกัน
หากเราเขาใกลทางอารมณมากเกินไป ความ สัมพันธนั้นก็จะมีปญหา เชน ติดแมเปนลูก แหง หรือติดตามแฟนไปทุกที่ คอยควบคุมหรือ สอดแทรกเขาไปในทุกเรื่องของชีวิตเขา มีอารมณรุนแรงกับทุกเรื่อง จนเขาอึดอัดเพราะ ไมมีความเปนสวนตัวเหลืออยูเลย จนในที่สุด เขาอาจเตลิดหนีไปโดยไมหวนกลับมาอีกก็ได การรั ก ษาระยะห า งที ่ พ อดี จ ึ ง เป น ศิลปะที่ละเอียดออน จำเปนตองใชอยูเสมอ ไม วาจะอยูบนเบาะไอคิโดหรืออยูนอกเบาะก็ตามK K K
หน้า
4
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
Aikido Students Handbook เขียนโดย Greg O’Conner แปลโดย ไอกิ
“โดโจ” คืออะไร?
! เราสามารถใหคำนิยามของคำวา “โดโจ” ดังนี้ • สถานที่เพื่อฝกวิถีชีวิต (คำวา “โด” แปลวา วิถีหรือเสนทางการดำเนินชีวิต “โจ” แปลวา สถานที่ ในที่นี้คำวาโดหมายถึงวิถีของไอคิโด) • สถานที่สำหรับการหลอมรวมรางกายและจิตใจใหเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน • สถานที่แหงการบรรลุรูแจง
>>
โดโจไมใชเปนเพียงแค “โรงยิม” หรือ “หองออกกำลัง” เทานั้น มันมีความหมายมาก ไปกวาเพียงแคอาคารหลังหนึ่ง โดโจเปนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งยากเกินกวาที่จะใหคำนิยามโดย อาศัยเพียงที่ตั้ง ความสูงของกำแพง หรือคุณคาของสิ่งของที่อยูภายใน “โดโจ” ถือกำเนิดมาจาก การหลอมรวมกันของจิตวิญญาณของสรรพสิ่ง อันไดแก จิตวิญญาณภายในของแตละคน ของทุก คนรวมกัน และขยายไปถึงจิตวิญญาณอันเปนสากล เราจะมองเห็นคุณคาของโดโจไดก็ดวยจาก หัวใจของแตละคนเทานั้น การเขาสูโดโจ เมื่อกาวเขาสูสถานฝก สิ่งแรกที่ทานพึงทำก็คือ ควรถอดรองเทาของทานออกเสียกอน ซึ่งการปฏิบัติเชนนี้เปรียบเสมือนวาทานกำลังปลอยวางเรื่องราวทุกอยางที่ทานประสบมาทั้งวัน รวม ทั้งความยึดมั่นถือมั่นในตนเอง ปลอย “ปญหาทุกๆอยางไวที่หนาประตู” นั่นเอง นอกจากนี้แลวยัง เปนการรักษาโดโจใหสะอาดอยูเสมอ ใหปราศจากฝุนผงและรอยเหยียบย่ำอีกดวย
หน้า
5
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
องคประกอบของโดโจโดยทั่วไปมีดังนี้ กามิซา Y เมื่อทานเดินเขาสูโดโจ หากทานกวาดสายตามองไปรอบๆ ทานอาจจะดึงความ สนใจไปสูจุดหนึ่งซึ่งเปนศูนยรวมของโดโจ คือ ณ บริเวณหัวเบาะ ซึ่งบริเวณนี้เราอยูจักกันใน นามของ “กามิซา” หรือ “โชเม็ง” (ดานหนา) Y กามิซาคือสถานที่ดานหนาของโดโจ สำหรับการเคารพสักการะทานปรมาจารย (มอริเฮอิ อูเยชิบะ) และ จิตวิญญาณ (คามิ) แหง ไอคิโด ซึ่งโดยปกติแลวในสวนนี้จะประกอบไป ดวยรูปของทานปรมาจารย์ และอักษรภาษา ญี่ปุนเขียนดวยพูกันซึ่งมีความหมายที่สรางแรง บันดาลใจในการฝกซอมแกนักไอคิโด ในบาง แหงอาจจะมีระฆังเพื่อประกอบการใหสัญญาณ ในการทำสมาธิกอนฝกซอม บางครั้งอาจมีแทน วางดาบไมสำหรับฝก หรืออาจมีการประดับดวยดอกไม้ที่จัดไวอยางสวยงามที่หรือ อาจเปนบอนไซตั้งรวมอยูดวยเพื่อใหเกิดความสมดุลในสวนของสถานฝกและการบมเพาะจิต วิญญาณของนักไอคิโดอีกดวย ทุกครั้งที่จะเขาหรือออกจากโดโจ หรือทุกครั้งที่จะขึ้นหรือลง จากเบาะตองทำความเคารพหันหนาไปทางกามิซากอนเสมอ รวมไปถึงการเริ่มหรือการจบชั้น เรียนไอคิโด ครูผูนำฝกและนักเรียนจะทำความเคารพรวมกันไปทางกามิซา เบาะ Y พื้นที่เบาะเปนสถานที่สำหรับการฝกฝนไอคิโด ซึ่งควรไดรับการทำความสะอาด อยางสม่ำเสมอ เปนการไมสมควรอยางยิ่งที่จะสวมรองเทาขึ้นสูเบาะ กอนที่ทานจะกาวเขาสู บริเวณเบาะนั้นทานตองแนใจวาทานไดทำความสะอาด เทา มือ หนาตา และชุดฝกของทาน เรียบรอยแลว
Y
Y
Y
Y
หน้า
6
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
ศิลปะตอสูปองกันตัว ในมุมมองของนักสุขภาพจิต อ.ธีระรัตน บริพันธกุล1 เราทุกคนคงเคยชมภาพยนตรที่พระเอกของเรื่องใชศิลปะตอสูปองกันตัวชนิด ครบเครื่อง “อัด” ผูรายจนตองพายแพในตอนจบกันแลว ผูที่ชมแลวก็ไดแตบอกเลาตอๆ กันมาวา ภาพยนตรเรื่องนั้นชาง “มัน(ส) สะใจดี” ภาพยนตรที่เกี่ยวกับศิลปะปองกันตัวที่สังคมสรางขึ้นโดยผานสื่อภาพยนตรเชน นี้ ทำใหศิลปะแขนงนี้ถูกมองไปวาเปนเรื่องของความกาวราว และเปนวิธีแกไขปญหาโดย ปราศจากเหตุผล โดยมองขามกันไปวา แทที่จริงแลว ศิลปะการตอสูแขนงนี้มุงใหพัฒนา ทั้งทางดานจิตใจ จริยธรรม และจิตวิญญาณ การที่คุณคาที่แทจริงของศิลปะแขนงนี้ถูกทอด ทิ้งไปเชนนั้น เกิดจากสาเหตุสองประการคือ อุปสรรค ดานภาษาและอุปสรรคทางดานแนวคิดในเชิงปรัชญา ตะวันออกที่ไมสามารถสื่อความหมายไดอยางครบถวน ใหกับชาวตะวันตกที่มีแนวคิดเชิงวัตถุนิยมได อยางไรก็ตาม จากความลึกซึ้งหรือความ “ลุมลึก” ของศิลปะแขนงนี้ก็ไดรับการยอมรับวาเปนสิ่งที่ มีคุณประโยชนตอการฝกฝนและพัฒนาทางดานจิตใจ อยางยิ่ง เชน กอใหเกิดสภาวะที่ผอนคลาย การทำงานรวมกันของรางกายและจิตใจ กอ ใหเกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง ความสามารถคุมจิตใจได ตลอดไปจนถึง เปนแหลงที่สราง ความสงบทางใจ 1 ภาควิชาจิตเวชศาสตร คณะแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใม
แปลและเรียบเรียงจาก Journal of Medical Psychology. Martial Art And Psychological Health หน้า
7
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
[ และจากมุมมองของนักสุขภาพจิตมองวา ศิลปะการปองกันตัว เปนสิ่งที่มี ระเบียบแบบแผนของการฝกฝน เพื่อใหผูฝกนำเอาศักยภาพของตนเองออกมาใชไดมาก ขึ้น ซึ่งแนวทางดังกลาวนี้ ก็เปนแนวทางที่สอดคลองกับที่นักสุขภาพจิตปฏิบัติกันอยูแลว นั่นก็คืองานที่มุงพัฒนาคนและปองกันปญหาสุขภาพจิต หัวของานวิจัยที่เกี่ยวของกับศิลปะการปองกันตัว บุคลิกภาพกับศิลปะการปองกันตัว [ บุคลิกภาพ ถูกคิดวาเปนสิ่งสำคัญที่จะมีผลตอ การเลือกฝกฝนศิลปะการปองกันตัว อาจมีคนกลาว วา คนที่เลือกเรียนศิลปะแขนงนี้ก็เนื่องจากเขาเปน คนกาวราว หรือชอบ “บู” มากกวาคนที่เลือกเลน กีฬาประเภทอื่นๆ [ การศึกษาของ Kroll & Carlson (1967) ได ใชแบบทดสอบบุคลิกชื่อ 16 PF ทดสอบคนที่เรียน คาราเตที่มีความสามารถในระดับตางๆกัน ผลที่ไดก็ พบความแตกตางระหวางกลุมผูฝก ในขณะที่บุคลิกภาพของนักเรียนที่เพิ่งจะฝกใหมๆก็ไม แตกตางกับบุคลิกภาพของประชากรโดยทั่วไป [ Kroll ไดศึกษาเรื่องนี้ตอมาก็พบวา ถาศึกษาเปรียบเทียบกับกีฬาบางประเภท ที่มีการแขงขัน เชน มวยปล้ำหรืออเมริกันฟุตบอล พบวา ผูที่ฝกคาราเตจะมีลักษณะเปน คนที่มีความพอใจตนเอง มีความสงบ และเปนคนรักสันโดษกวาพวกที่ชอบเลนกีฬาที่มี การแขงขัน [ Duthie ไดใชแบบทดสอบชื่อ Gougt’s Adjective Checklist เพื่อวัดความแตก ตางของนักศิลปะปองกันตัวที่มีฝมือปานกลางกับคนที่มีความสามารถสูงๆ (เชน คนที่ได สายดำ) พบวา กลุมที่มีความสามารถสูงจะมีลักษณะเปนคนที่เชื่อมั่นในตนเองและบรรลุ ความสำเร็จมากกวาอีกกลุมหนึ่ง [ Rothpearl (1979 - 1980) ไดใชแบบทดสอบ Buss – Durkee Hostility Inventory (เปนแบบสำรวจความกาวราว) ทดสอบนักเรียนคาราเตสามกลุม คือ กลุมที่ เริ่มเรียน กลุมที่เรียนมาแลวปานกลาง และกลุมที่เรียนมานานหรือมีความสามารถสูง ผลการศึกษาพบวา แมทั้งสามกลุมจะมีแนวโนมของการแสดงความกาวราวอยางตรงไป ตรงมา แตในกลุมที่ฝกฝนมานานๆ จะมีคะแนนของความวิตกกังวลและความกาวราวใน ระดับที่ต่ำกวากลุมอื่นๆ ซึ่งก็บงชี้วา ผูที่ฝกฝนจนมีฝมือมากๆ จะไดรับประโยชนในการ ควบคุมอารมณโกรธของตนเองไดดีกวาอีกสองกลุม หน้า
8
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
[ ความกาวราว [ ความสัมพันธกับศิลปะการปองกันตัวกับความกาวราว เปนหัวขอที่นักวิจัยตาง พากันใหความสนใจกันมาก นักศิลปะการปองกันตัวเชื่อวา การฝกจะชวยลดความ กาวราวลงได ในขณะที่กลุมของนักสังคมวิทยากลับเชื่อวา การฝกจะทำใหความกาวราว เพิ่มขึ้น เนื่องจากจะทำใหการควบคุมอารมณลดลง และไดรับแรงเสริมใหแสดงความ กาวราวจากการแขงขัน [ จากการทดสอบดวยแบบทดสอบทางจิตวิทยาและการสัมภาษณเพื่อวัดระดับ จินตนาการที่เกี่ยวกับความกาวราวในนักเรียนคาราเต 42 คน ไดคาสหสัมพันธในเชิงลบ ระหวางระดับของความชำนาญกับความกาวราว ซึ่งก็บงวา ถาคนยิ่งมีความชำนาญมาก ขึ้นก็ยิ่งมีความกาวราวลดลง Paul (1980) ไดใชการสังเกตุแบบภาคสนามในโรงเรียนสอนศิลปะการปองกัน ตัว 34 แหงที่เปดสอนในแคลิฟอรเนีย พบวา ในโปรแกรมการฝกยูโดนั้น นอกจากจะมี การสอนเทคนิคที่อาจกอใหเกิดอันตรายแลว ผูเรียนยังตองเรียนรูการควบคุมจิตใจและ การสรางความคิดในเชิงบวกดวย ดังนั้น คนที่เรียนยูโดจึงมีความกาวราวนอยกวาพวกที่ เลนกีฬาอยางอื่น ผูศึกษากลาววา ตัวกลางที่ทำใหความกาวราวลดลงอาจเกิดจากการฝกที่ตอง ใชการสัมผัสกันมาก ซึ่งกลไกที่เปนสื่อกลางที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ จะไดกลาวถึง ตอไปในการวิเคราะหศิลปะการปองกันตัวแบบไอคิโด ซึ่งจะอยูในตอนทายของบทความนี้2 อิทธิพลทางสังคม Konzack & Boudreau (1984) มองศิลปะการปองกันตัววาเปน “กระบวนการเรียนรูทางสังคมอีกครั้งหนึ่ง” กลาวคือ ผูฝกจะตองเรียนรูการทำสมาธิ การ หายใจอยางมีจังหวะ ฝกการผอนคลายจนเขาถึงสภาวะการสะกดจิตดวยตนเอง การยึด มั่นในคุณธรรม การชวยเหลือซึ่งกันและกัน และความผูกพันกับกลุมอยางเหนียวแนน เพื่อบรรลุเปาหมายและอุดมการณเดียวกัน การฝกฝนที่ถูกตองจะทำใหผูฝกมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในการชวยตนเองใหพัฒนา ตนไดสูงยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถที่จะตอสูกับความเครียดและอุปสรรคที่ตองเผชิญในชีวิต ประจำวันได 2 บทความนี้แบงเปนสามตอน เรื่องไอคิโดจะอยูในตอนที่ 3
หน้า
9
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
การวิจัยนี้กลาววา ศิลปะการตอสูปองกันตัวเปนกิจกรรมรูปแบบหนึ่งที่มี ความสำคัญทางสุขภาพจิต James & Jones (1982) นักสังคมวิทยาไดศึกษาผลการเปลี่ยนแปลงของ บุคลิกภาพที่เกิดจากการฝกฝนคาราเต เขาไดกลาววา “เพื่อที่จะเปนนักคาราเต ผูเรียนจะตองเรียนรูที่จะเปนตัวของตัวเอง ซึ่งการ เปนตัวของตัวเองไดนั้น จะตองผานกระบวนการมีความสัมพันธกับผูอื่น โดยการที่ผูเรียน ตองแสวงหาเอกลักษณดานสังคมใหกับตนเองใหม เรียนรูบทบาทและพฤติกรรมที่ เหมาะสมใหม และยอมรับความคาดหวังของสังคมที่เขาเขาไปอยูรวมดวย” [ การเรียนศิลปะการปองกัน ตัว นอกจากจะเปนการฝกฝนทักษะ ทางกายใหมๆแลว ผูเรียนจะเกิดการ เปลี่ยนแปลงการรับรูตนเองและคน อื่นใหม รวมทั้งเรียนรูความเชื่อตลอด จนคานิยมใหมๆดวย [ อยางไรก็ตาม James & Jones ก็ไดใหขอคิดวา การที่ผูฝกมี การเปลี่ยนแปลงเพื่อรวมตัวกับกลุม ไดนั้น อาจเรียกไดวาเปน “คาใชจาย เพื่อการยอมรับจากสังคม” มากกวา จะเปนการเติบโตทางจิตใจอันเปนผล มาจากการฝกฝนโดยตรง ! (โปรดติดตามตอนตอไปฉบับหนา)
หมายเหตุ บทความนี้ตีพิมพใน “วารสารจิตวิทยาคลีนิค” กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๓๕ /ปที่ ๒๓ ฉบับที่ ๒ หน้า
10
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
ผูหญิง กับทางเลือกตอความรุนแรง∗ นฤมล ธรรมพฤกษา
๑
เฮ เฮ !! เสียงโหรองกองถนน สายหลักใกลจตุรัสบาคอร กรุงลาซา ดวยความใครรู เราสามคนมุดฝูงชน กลุมใหญที่กำลังมุงเสีียงเอะอะ ดวย ความหวังวานาจะมีของดีของธิเบตให ไดดู เราจึงพยายามแทรกตัวจนถึง ใจกลางกลุม แตก็ตองผงะกับภาพที่ ปรากฏตรงหนา หญิงวัยกลางคนกำลัง กรีดรองเสียงลั่น ปะปนสับสนกับเสียง อื้ออึงของผูคนที่มุงดู ประสานกับเสียง ตะคอกของผูชายสองคน พรอมมือไมที่ รุมฟาดลงไปบนใบหนาและลำตัวของ เธอไมยั้ง ใบหนาของเธอบวมเปง มือ ขางขวาฉ่ำไปดวยเลือด
W W ไมตองคิด W ฉั น กระโดดเข า ตะครุ บ มื อ ของเธอ ปากก็ตะโกน W “แอน แจค !! ไปหายา” W ไมตองคิด แอนกับแจคสองสาว กระโดดหายตัวไปในฝูงชนในเสี้ยววินาที เสียงรองของเธอยังดังลั่นผสม กับคำแชงดา ฉันบีบมือของเธอไวแนน เพื่อหามเลือด ชายทั้งสองชะงักงันที่ ฉับพลันก็มีคนมาแทรกตัวอยูตรงกลาง เมื่อทำอะไรไมถนัด ก็ละมือเดินจากไป เสร็จสิ้นการทำแผล ความอื้ออึง คลายเสียงลง ผูคนยังคงมุงดู เราสามคน เดินกลังโรงแรมอยางงุนงงกับสิ่งที่เพิ่งจะ เกิดขึ้น สักพักชนชาวมุงทั้งหลายก็สลาย ตัวไป ทิ้งไวแตถนนที่เกือบจะวางเปลากับ รถราไมกี่คัน เพียงไมกี่นาที ทุกอยางก็ กลับเขาสูภาวะปกติ ราวกับวา ไมเคยมี อะไรเกิดขึ้นที่นั่น
∗ บทความนี้พิมพครั้งแรกใน “ปาจารยาสาร” ฉบับเดือนมีนาคม - มิถุนายน ๒๕๔๗
หน้า
11
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
๒ W “ผูหญิง” เปนกลุมที่มีความ เสี่ยงสูงตอการตกเปนเหยื่อของความ รุนแรง การใชความรุนแรงตอผูหญิง คือ การที่บุคคล (ซึ่งมักจะเปนเพศชาย) เลือกปฏิบัติดวยความรุนแรงตอเหยื่อที่ เลือกไว (ซึ่งมักจะเปนผูหญิง) ไมวาจะ เปนทางกาย วาจา หรือจิตใจ W ป ญ หาความรุ น แรงเป น ปญหาที่เกิดขึ้น ทุกสถานที่ ทุกประเทศ วัฒนธรรม ชนชาติ ระดับอายุ ศาสนา ระดับการศึกษา ฐานะทางสังคมและ เศรษฐกิจ ตราบเทาที่สังคม วัฒนธรรม ไม ใ ห ค วามเท า เที ย มกั น ระหว า งเพศ อนุญาตใหผูชายไดเปรียบ มีสิทธิที่จะแสดงอำนาจ เหนื อ และควบคุ ม ผู หญิง สวนกฏหมายและ ประเพณีก็สงเสริมการ กดขี่เพศหญิง อีกทั้ง ทั ศ นคติ ข องผู ช ายที ่ ม ี ตอผูหญิงในทางที่ไมให เกียรติ คิดวาผูหญิงเปน เพศออนแอ ตองอยูภาย ใตการปกปองดูแล
W W ทัศนคติที่เห็นผูหญิงเปนวัตถุ ทางเพศได ถ ู ก ตอกย้ ำ ผ า นการโฆษณา สินคาและสื่อลามกตางๆอันนำไปสูการ เลือกปฏิบัติตอผูหญิง การมีมาตรฐานสอง ระดับ (double standard) ในทุกพื้นที่ ไมวา ในครอบครัว ที่ทำงาน สถาบันการศึกษา ศาสนา โดยเฉพาะสถาบันการเมือง W ความรุ น แรงต อ ผู ห ญิ ง ในรู ป แบบที่ชัดเจนที่สุดก็คือ “ภัยทางเพศ” ซึ่ง มีอยูหลายระดับ เริ่มตั้งแต 2 การคุกคามทางเพศ (sexual harassment) นี่คือปญหาใหญที่ผู หญิงแทบทุกคนเคยประสบ การคุกคาม ทางเพศ คือการที่ฝายชายใชอำนาจเพื่อ ลวงเกินทางเพศกับฝายหญิง ไมวาจะเปน การและเล็ม แทะโลม ดวย สายตาและคำพูด ไมวาจะถูกเนื้อ ตองตัวฝายหญิง หรือไมก็ตาม เชน เปาปาก ผิวปาก ยักคิ้วหลิ่วตา สง จูบ แสดงทาสอ นัยยะถึง พฤติกรรมทางเพศ หน้า
12
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
W การตามตื้ออยางไมรูกาละเทศะ การติดตามไปไหนตอไหนโดยไมได รับคำเชิญชวน การสะกดรอยตาม การใชวาจาเยาแหยหรือลวงเกินโดย สอนัยทางเพศ พูดจาลามก พูดสอง แงสองงาม พูดถึงอวัยวะบางสวน บีบบังคับใหผูหญิงตองรับรูเรื่อง ทางเพศ เชน ใหดูรูปภาพ, หนังสือ, ภาพยนตร หรือเวบไซตโปเปลือย วาดรูปหรือเขียนจดหมายลามกสงให ผูหญิง การอวดของลับ การแตะเนื้อตองตัวที่ไมเหมาะสม จับกน โอบไหล จับมือถือแขน กอด รัดฟดเหวี่ยง ไปจนถึงขั้นรุนแรง อยางการขมขืน W นอกจากนั้น การคุกคามทาง เพศที ่ ไ ม ไ ด ก ระทำโดยพฤติ ก รรม ภายนอก แตใชวิธีการควบคุมจิตใจก็ถือ เปนการเอารัดเอาเปรียบทางเพศไดเชน กัน ซึ่งอาจมาในรูปแบบการเสนอผล ประโยชนบางอยางในการทำงานหรือ การเรี ย นโดยแลกเปลี ่ ย นกั บ การตอบ สนองความตองการทางเพศ กระทั่ง เปนการขมขูคุกคามทางจิตใจ ทำให ปฏิบัติงานหรือเรียนไมไดตามปกติ
การประทุษรายทางเพศ (sexual assault)
คื อ การที ่ อ ี ก ฝ า ยใช อ ำนาจที ่ เหนือกวา อาจเปน พละกำลัง อาวุธ หรือ อำนาจหนาที่ในที่ทำงานหรือ สถานศึกษาสรางความกดดัน บังคับใหอีก ฝาย (ไมวาจะเปนหญิงหรือชาย) ตอบ สนองความพอใจทางเพศแกตน อันนำไป สูการรวมกระทำกิจกรรมทางเพศโดยไม เต็มใจ ไมแตเฉพาะกิจกรรมทางอวัยวะ เพศเทานั้น แตรวมถึงการใชปากและ ทวารหนักอีกดวย W รูปแบบที่ชัดเจนที่สุดคือ การ ขมขืน (rape) ไมวาจะเปนวิธีการหลอก ลวง ขูใหยอม ใชยาหรือเหลามอม ทำให ชวยตัวเองไมได หรือใชกำลังทำรายแลว ขมขืน การขืนใจ ไมวาจะเกิดขึ้นในรูปแบบ ไหนก็ถือวาเปนอาชญากรรมทั้งสิ้น ถึง แมวาอีกฝายจะเปนคูรักหรือสามีของเรา ก็ตาม หน้า
13
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
ความรุนแรงในครอบครัว (domestic violence) ก็คือการที่ฝาย ใดฝายหนึ่ง (ซึ่งมักเปนฝายชาย) กระทำ ความรุนแรงทั้งทางรางกาย วาจาและ จิตใจตออีกฝายหนึ่ง (ซึ่งมักเปนผูหญิง และเด็ก) เพื่อควบคุมใหอยูใตอำนาจ เชน ทำรายรางกาย กักขังหนวงเหนี่ยว ขมขู ดวยวาจาใหทำตามที่ตองการ บังคับให ตัดญาติขาดมิตร ทำใหตองอับอายตอผู อื่น จำกัดการใชทรัพยากร เชน พื้นที่ เครื่องมือสื่อสาร การเดินทาง หรือ เงิน การคามนุษย (human trafficking) คือการลดคุณคาของมนุษยใหกลายเปน สินคา มีการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ไมวาจะ โดยการลอลวงหรือสมัครใจ โดยเฉพาะ การบังคับใหคาประเวณี ทั้งในระดับ บุคคล และเปนกลุม ฆาตรกรรม (murder) คือความ รุนแรงอันนำไปสูความตาย ถือไดวาเปน ความรุนแรงสูงสุดที่เกิดขึ้นกับผูหญิง ธนาคารโลก (World Bank) ประมาณวา ความรุนแรงและภัยทางเพศ เปนสาเหตุการตายและความพิการของผู หญิ ง วั ย เจริ ญ พั น ธุ อ ั น มี ค วามร า ยแรง พอๆกับมะเร็งและเปนสาเหตุใหผูหญิง บาดเจ็บและเจ็บปวยไดเทาๆกับอุบัติเหตุ บนทองถนนและโรคมาเลเรียรวมกัน หน้า
14
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
๓ W สมัยเรียนอยูชั้นประถมปลาย ฉั น เริ ่ ม รั ก การอ า นหนั ง สื อ เป น ชี ว ิ ต จิตใจ ธุรกิจครอบครัวคือรานตัดเสื้อผา สตรี แตละวันจะมีลูกคามากมาย โซฟา รับแขกเต็มไปดวยนิตยสารสำหรับผู หญิงทุกประเภท หลังกลับจากโรงเรียน ฉั น ชอบนอนเอกเขนกบนโซฟาตั ว โปรด อานดะตั้งแตคอลัมภผัวเมียละ เหี่ยใจในคูสรางคูสม ตอบปญหากับ ศิราณี ไปจนถึงสารพันปญหาในนิตยา สารชีวิตจริง W ฉันเริ่มเรียนรูจักคำวา “ขมขืน กระทำชำเรา” จากนิตยสารเหลานี้ โดย เฉพาะเรื่องของ “ปูนหอม” เด็กหญิง รุนราวคราวเดียวกับฉันที่ถูก “ชำเรา” จากครูและคนในครอบครัวของเธอเอง W นิ ย ายขนาดยาวหลาย สิบตอนจบเรื่องนี้ทำใหเด็กขาด ความอดทนอยางฉันเลิกติดตาม ฉันหันไปอานเรื่องสั้นๆที่เขมขน ด ว ยรู ป ประกอบจากนิ ต ยสาร “ชีวิตจริง” ซึ่งเต็มไปดวยเรื่อง ราวของพอขมขืนลูก พี่ขมขืน นอง ลุงขมขืนหลาน หรือผูชาย ทั้งบานรุมขมขืนเด็กสาวคนเดียว
W W ฉั น เรี ย นจบชั ้ น ประถมพร อ ม ดวยความรูสึกวา “ฉันตองเตรียมตัวให พรอมเสียแลว เพราะผูหญิงทุกคนโตแลว จะตองถูกขมขืน”
W
๔
ทุกๆหนึ่งชั่วโมง มีผูหญิงไทยหนึ่งคน ถูกทำราย ทุกๆสองชั่วโมง มีผูหญิงไทยหนึ่งคน ถูกขมขืน W นี่เปนสถิติโดยเฉลี่ยในชวงป ๒๕๔๓ ที่คำนวณจากคดีที่ไดรับแจงของ ศูนยขอมูลสารสนเทศ สำนักงานตำรวจ แหงชาติ แตนี่แทบจะเทียบไมไดเลยกับ ประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีสถิติบงบอกวา กรณีขมขืนนั้นเกิดขึ้นทุกๆหนึ่งนาที และ การทำรายผู หญิงเกิดขึ้น ทุกๆ ๕๑ วินาที นั่นหมายความ วา ผูหญิงปละ ประมาณ ๖๘๓,๐๐๐ คน ถูกขมขืนที่ อเมริกา หน้า
15
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
W ผูหญิงอเมริกัน ๑ ใน ๘ คนจะ เคยถูกขมขืนอยางนอยหนึ่งครั้ง คิดเปน ผูหญิงถูกขมขืนประมาณ ๑๒ ลานคน จากทั่วประเทศ W สถิติที่นาสนใจที่สุดคือ ๓ ใน ๔ ของผูขมขืนจะเปนญาติของผูถูก ขมขืนเอง ซึ่งก็ไมตางไปจากคดีขมขืน ในสั ง คมไทยที ่ ป รากฏว า มี จ ำนวนผู กระทำความผิดทางเพศที่ศาลพิจารณา วากระทำความผิดจริงและลงโทษจำคุก อยูในปจจุบัน มากเปนอันดับสี่ของคดี ประเภทตางๆ ซึ่งหมายความวา มีผู หญิงตกเปนเหยื่อของผูกระทำความผิด เหลานี้อยางมากมาย ทั้งที่เปน การถูก ขมขืนแบบตัวตอตัว (single rape) โทรมหญิง (gang rape) ฆาขมขืน (felony rape) ขมขืนภายในครอบครัว (incest) และขมขืนคูรัก (acquaintance rape / date rape) ตามสถิติพบวา การ ขมขืนโดยผูใกลชิดโดยเฉพาะคูรักเปน กรณีที่เกิดขึ้นมากที่สุด
W จากการศึกษาและสังเกต ลักษณะของชายที่มีความโนมเอียงที่จะ ทำรายคูรักและภรรยาของตนเอง พบวามี ลักษณะดังตอไปนี้ พยายามที่จะใกลชิดกับเราอยางรวดเร็ว เกินเหตุ มีอารมณออนไหวเกินควร อารมณเปลี่ยนแปลงฉับพลันทันที มีความหึงหวงรุนแรง มีความคาดหวังในตัวเราเกินจริง ไมวาจะมีปญหาอะไรเกิดขึ้น เขาจะ ตำหนิหรือกลาวโทษคนอื่นไวกอน พยายามใหเราตองเปนฝายรับผิดชอบ ตอความรูสึกของเขา พยายามแยกเราออกจากสังคม พยายามควบคุมชีวิตของเรา แสดงความโหดรายตอสัตวและเด็กๆ ชอบ “หยอก” แรงๆในขณะใกลชิด หรือเวลามีเพศสัมพันธ มีบทบาททางเพศที่เครงครัดตายตัว เคยมีประวัติทารุณผูหญิงมากอน ขูวาจะใชความรุนแรงกับเรา W หากสั ง เกตว า คู ร ั ก ของคุ ณ มี ลักษณะดังกลาว ควรระมัดระวังตัวและ หาทางหนีทีไลหากเกิดเหตุการณที่ไมคาด คิดในอนาคต หน้า
16
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
๕
W เมื่อเริ่มแตกเนื้อสาวเขาสูชั้น มัธยมปลาย ความมีวุฒิภาวะทำใหฉัน เรียนรูวาฉันสามารถปองกันตัวเองจาก ภั ย ทางเพศได ห ากฉั น ลดความเสี ่ ย ง ตางๆออกไป โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงที่ อโคจร การแตงตัวไมใหตกเปนเปา สายตา เดินเหินอยางมั่นใจไมใหดูเปน เหยื่อที่ออนแอ การพึ่งพาตนเองโดย เฉพาะดานการเดินทาง ไมตองใหใคร คอยรับคอยสง W การที่ไมไปอยูในที่เปลี่ยวใน ยามวิกาลนาจะตัดโอกาสที่จะเกิดความ รุนแรงตอผูหญิงได และถาฉันมีการ ศึกษาดี มีงานทำเปนหลักเปนแหลง อยู ในสถาบันที่นาเชื่อถือ ผูคนก็คงจะให ความเคารพและคงไมมีใครกลาทำราย ฉันได W แตฉันคิดผิด ยามเย็นวันหนึ่ง แดดออนตัวลง แตก็ ยั ง คงสาดแสงลงมาบนถนนที ่ เ ต็ ม ไป ดวยรถราขวักไขว ฉันควบมอเตอรไซค ออกจากห อ งสมุ ด พร อ มจะกลั บ บ า น แต ก ็ ต อ งเสี ย จั ง หวะด ว ยสั ญ ญาณไฟ จราจร รถฉันติดไฟแดงอยูที่หนาโรง พยาบาลพรอมกับรถอีกหลายคันที่เรง เครื่องพรอมจะทะยานออกจากแหลง
ความรีบรอนและความรูสึกหิว ถูกรบกวนดวยเสียงรองของผูหญิงมาจาก หน า ประตู โ รงพยาบาลทางด า นซ า ยมื อ ฉันหันขวับ ผูหญิงในชุดพยาบาลกำลัง กรีดรอง พรอมหลบมือไมของหนุมใหญที่ ระดมใสเธอไมยั้ง ทั้งเขาทั้งศอก เขาไมรอ ใหเธอตอบโต ทุ ก คนบนถนนหยุ ด นิ ่ ง ได แ ต มอง ตัวไมไหวติง เสียงอึงคะนึงบนทอง ถนนเงี ย บราวกั บ ถู ก ดู ด ซั บ ไปกั บ เสี ย ง รองไหของเธอ ทุกอยางนิ่ง ไมมีการ เคลื่อนไหว เวนแตเธอที่ทรุดตัวลงบนพื้น ถนนหลังจากช้ำไปทั้งตัว เขายืนหอบแฮก เมื่อสังเกตวามีคนมองอยูก็หันมาตะคอก ใส “มองอะไรวะ ไมเคยเห็นผัวเมียตีกัน หรือไง” ฉันชะงัก
หน้า
17
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
ไฟเขียวราวกับเปนสัญญาณ แหงการปลดปลอย เพียงเสี้ยวนาทีรถ ทุกคันก็แลนออกจากที่นั่นพรอมเสียง ถอนหายใจ ความรีบเรงของรถราทำให ดูเหมือนกับวันทั่วๆไป ราวกับไมเคยมี อะไรเกิดขึ้น เวนแตฉัน ฉันลืมไปแลววาหยุดหายใจ ไปนานเทาไร น้ำตาไหลเปนสายยาวจน ตาพรา มองไมเห็นอะไร ไมไดยินเสียง อะไร แมแต เสียงสะอ้ืนไหของตัวเอง ฉันเริ่มตะหนักวา ความ รุนแรงตอผูหญิง มันไมไดเลือกสถานที่ และเวลา ไมเลือกชั้นวรรณะ สถานภาพ ในสังคม ไมเลือกวาคุณเปนใคร ฉันเพิ่งจะรูตัวเองวา ฉันไร พลัง ไรอำนาจ
๖ W ผู ห ญิ ง มากกว า ครึ ่ ง เคย ประสบหรือพบเห็นเหตุการณรุนแรง ตอผูหญิงมาแลว หลายคนเกิดความ กลัวและหวาดผวา ผูหญิงจำนวนนอย มากที่มีความรู ความเขาใจในเรื่องสิทธิ และกฏหมายที่คุมครองสิทธิของตน
ผูหญิงมีสิทธิที่จะ มีและสามารถแสดงความรูสึกและ ความคิดเห็นของตนเอง ไดรับการปฏิบัติดวยความเคารพและ เสมอภาค ขอในสิ่งที่ตนตองการ ไดรับการฟงและไดรับการปฏิบัติตอบ ดวยความจริงจัง วางเป า หมายและเรี ย งลำดั บ ความ สำคัญดวยตัวเอง ทำผิดพลาดได พูดปฏิเสธโดยไมรูสึกผิด ตัดสินใจ ถามคำถามไดโดยไมรูสึกวาตัวเองงี่เงา สรางเขตแดนที่รูสึกปลอดภัยสำหรับ ตัวเอง หน้า
18
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
W ผูหญิงมีสิทธิที่จะปฏิเสธการ มีเพศสัมพันธ หรือไมยินยอมใหฝาย ชายถูกเนื้อตองตัวแบบสอเจตนาทาง เพศได ผูหญิงมีสิทธิ์จะพูดคำวา “ไม” ซึ่งมีความหมายวา “ไม” อยางหนัก แนนและชัดเจน
W การยุติการใชความรุนแรงตอ ผูหญิงจะเกิดขึ้นไดก็ตอเมื่อ ทุกคนใน สั ง คมจะต อ งไม ย อมรั บ การใช ค วาม รุนแรงไมวาจะในรูปแบบใดก็ตาม ทุก คนตองตระหนักวา ไมมีผูหญิงคนไหน ที่สมควรจะไดรับความรุนแรง ผูหญิงมี สิ ท ธิ ต ามหลั ก ลิ ท ธิ ม นุ ษ ยชนที ่ จ ะอยู ดวยความปลอดภัย และตัวผูหญิงเอง จำเปนตองลมลางมายาคติแบบเกาที่ เกี่ยวกับตัวของเราเอง
W เมื่อเราเกิดมาเปนผูหญิง เราก็ถูก หลอหลอมใหมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับตัว เราเอง มีคำสอนวา สิ่งไหนเราทำได สิ่ง ไหนทำไมได คำสอนเหลานี้แบงแยกใหผู หญิงมีบทบาทเฉพาะตามเพศกำเนิดซึ่งสง ผลตอความคิดความเชื่อ ความรูสึก ทัศนคติ พฤติกรรม และความสัมพันธที่ผู หญิงมีตอตนเองและผูอื่น รวมถึงการ ตัดสินใจกำหนดทิศทางของเราตอสิ่งที่ เกิดขึ้นกับตัวเราหรือกับคนที่เรารัก การ ควบคุมสถานการณ และการเลือกที่จะ กระทำเมื่อเกิดสิ่งไมดีขึ้นในชีวิตของเรา W เพื่อที่จะเปนผูหญิงที่ดี เราเรียน รูที่จะซึมซับและเชื่ออยางไมสงสัยวาเรา ไรความสามารถ ออนแอ นิ่มนวล ออน หวาน เพียงเพราะเราเกิดมาภายใตรางกาย ของผูหญิง เราถูกทำใหเชื่อวาเราปองกัน ตัวเองไมได ผูชายเปนฝายเสนอ ผูหญิง เปนฝายสนอง ผูหญิงตองรองรับความ ตองการของผูชาย ถึงแมวาเขาจะทำราย รางกาย ขืนใจ หรือแมกระทั่งฆาเราก็ได หากเขาตองการ เหลานี้เหมือนกับตอกย้ำ วา “เรามีทางเลือกไมมากนักในฐานะผู หญิงคนหนึ่ง” W บางที บทบาทเหลานี้เราควรคิด พิจารณากันใหม หน้า
19
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
W ผู ห ญิ ง “ขบถ” ใน ประวัติศาสตร ผูที่ตั้งคำถาม ผูที่ ตองการเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ ผูหญิงที่ ไม ไ ด เ ป น ไปตามความคาดหวั ง ของ สังคม ไมวาจะเปน นางกลางเมือง ราง ทรง โสเภณี วีรสตรี หรือราชินีหลัง บัลลังก ก็มักจะถูกลงโทษในรูปแบบ ตางๆ อยางเบาะก็เปนการติฉินนินทา กลาวหา ใสรายวาไมรูจักที่ทางของผู หญิง เปนนางมาร แมมด กระทั่งถูก จับกุม คุมขัง เผาทั้งเปน หรือประหาร ชีวิตเพื่อไมใหเปนเยี่ยงอยาง W ผูหญิงถูกคาดหวังใหเราเปน “ผูหญิง” ซึ่งเราเองตองยกเลิกความ เปนมนุษยอีกครึ่งหนึ่งทิ้งไป เชน เดี ย วกั น กั บ การที ่ ส ั ง คมคาดหวั ง กั บ “ความเปนชาย” ของผูชาย ซึ่งพวกเขา มีทางเลือกแคสองแบบ คือการตัดเอา ความอ อ นโยนทิ ้ ง ไปเพื ่ อ ที ่ จ ะเป น “แมน” เปน “ชายชาตรี” หรือการที่ตอง ถูกตราหนาวาเปนหนาตัวเมียหากเขา ไมหาวหาญ แตกลับออนไหว เขาอก เขาใจคนอื่น W เพื่อใหเปนไปตามความคาด หวังของสังคม ผูชายก็จำเปนตองตัด ความเปนมนุษยอีกครึ่งหนึ่งทิ้งไปเชน เดียวกัน
W ไมวาจะหญิงหรือชาย เราถูก สอนให เ ชื ่ อ ผิ ด ๆเกี ่ ย วกั บ ความเป น ชาย และความเปนหญิงตั้งแตจำความได ความ เชื่อผิดๆเหลานี้ถูกปอนอยางเปนระบบ ผานทางสังคมโดยรวมและผานสถาบัน ตางๆ ทั้งสถาบันศาสนา สถาบันการ ศึกษาฯลฯ โดยเฉพาะสถาบันครอบครัว อันเปนสถาบันแรกสุด ทำใหเราแบกรับ เอาความเชื่อนี้เปนของตน ซึ่งกอใหเกิด ความรุนแรงเชิงโครงสรางที่ฝงรากลึกเกิน กวาจะเยียวยา W ตราบใดที่ความเชื่อนี้ยังคงเอื้อ อำนวยใหผูชายเอารัดเอาเปรียบทางเพศ และใชความรุนแรงตอสตรีอยู ความ ปลอดภัยของผูหญิงจะยังคงหาไมไดงายๆ ในโลกปจจุบัน W ในเมื ่ อ ไม ว า จะดำเนิ น ชี ว ิ ต อยู ที่ไหนก็มีความเสี่ยง กระทั่งในบานของ ตนเอง และถาหากเราพึ่งพาโครงสรางทาง สังคมไดยาก บางทีผูหญิงเราก็คงตองเรียน รูที่จะตองพึ่งพาและปกปองตัวเอง
หน้า
20
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
๗ W สิ่งที่ทาทายก็คือ การที่ผูหญิง ต อ งต อ สู ก ั บ ความเชื ่ อ ผิ ด ๆเกี ่ ย วกั บ รางกายของหญิงชาย เรามักคิดวาเปน ไปไมไดที่จะตอกรกับผูชายที่มีรางกาย ใหญโตกวาและแข็งแรงกวา การเชื่อ แบบนี้ เทากับเรายอมจำนนตอมายาคติ ที่จำกัดตัวเราเอง หลายคนคงแปลกใจที่ เรียนรูวา ทักษะของการตอสูปองกันตัว นั้นไมไดเกี่ยวกับรูปรางหรือความเปน ชายหญิ ง แต ก อ นอื ่ น เราต อ ง เปลี่ยนแปลงความคิดเกี่ยวกับ “ผู ปกปอง” และ “ผูถูกปกปอง” เสียกอน W เราคิ ด เสมอว า ผู ช ายคื อ ผู ปกปองดูแลผูหญิง แมกระทั่งในยุค สมัยปจจุบัน ฉะนั้น การที่ผูหญิง สามารถดูแลตัวเองไดนั้นเปนเรื่องที่ เขย า ความรู ส ึ ก ของเพศชายเป น ส ว น ใหญ การตระหนักวา การอยูรวม กันของชายและหญิงนั้นเปนเรื่องของ “ความรัก” มากกวา “การพึ่งพา” จะ ทำใหผูหญิงไดรับการปลดปลอยทั้งทาง กายภาพ เศรษฐกิจ และจิตใจ สวน ผู ช ายเองก็ ไ ด ร ั บ การปลดปล อ ยจาก ภาระที่ตองเปนผูดูแล “มนุษยที่พึ่งตัว เองไมได”
ในหลายสถานการณที่ผูหญิงตก อยูในภาวะคับขันเพียงลำพัง ผูหญิงตอง ดูแลชวยเหลือตัวเอง การตอสูเปนทาง เลือกหนึ่ง หากเรารูไว ก็จะชวยทำใหเราใช ทักษะอื่นๆรวมปองกันตัวเองไดอยางมี ประสิทธิภาพมากขึ้น การรู ท ั ก ษะการต อ สู ไ ม ไ ด หมายความวาเราตองฮึดขึ้นสู ตรงขาม ทักษะนี้กลับทำใหเราลด “ความตองการ ที่จะสู” และทำใหเราลดความหวาดกลัว เพราะเราสามารถคุมสถานการณและคุม ความรู ส ึ ก ของตนเองได อ ย า งมี ส ติ แ ละ สงบ แมวาสารอะดรีนาลีนกำลังฉีดพลาน ในตัวเรา ความมั่นใจแผขยายจนคนรอบ ขางรับรูได ยิ่งมั่นใจในความสามารถของตัว เองในการหยุดยั้งความรุนแรงไดดีเทาใด ก็ จะมี ค วามสามารถในการประเมิ น สถานการณ สงบสติอารมณและใชความ คิดไดดีเทานั้น และแมวาทางเลือกอื่นๆไมเกิด ผลจนทำใหเราตองเลือกการเผชิญหนา โดยการใชพละกำลัง ทักษะการปองกันตัว ก็จะชวยใหเราเอาตัวรอดไดอยางมีพลัง และเกิดประสิทธิผล อาจถึ ง เวลาแล ว ที ่ ผ ู ห ญิ ง เรา จำเปนตองเรียนศิลปะการปองกันตัว หน้า
21
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
๘ W จนถึงวันนี้ ฉันฝกไอคิโดไดมา เปนเวลาเกือบหาป นับวาเปนเวลาที่ นอยมากสำหรับการฝกฝน เหมือนกับ เด็กหาขวบที่คอยๆเติบโต ซึ่งตองใช เวลาทั้งชีวิตในการฝกฝนและเรียนรู W ฉันมาเรียนไอคิโดไมใชเพื่อไว ปองกันตัวเอง แตเพราะประทับใจใน ทวงทาการเคลื่อนไหวที่สวยงามราวกับ การเตนรำ แตหาปที่ผานมา ฉันเรียน รูมากกวานั้น W W ไอ คือความรัก หรือความ ประสานกลมกลืน W คิ คือ พลัง หรือ ปราณ W โด คือ วิถี W ท า หลั ก ๆของไอคิ โ ดก็ ค ื อ “เทนคันโฮ” หรือการหมุนตัว ไอคิโดจะ ไม ป ะทะแต จ ะหลบออกจากวิ ถ ี ก าร จูโจม และเมื่อเราโตตอบกลับก็เพียงเพื่อ ใหเขาชะงักและเบี่ยงเบนจุดมุงหมาย หรือหยุดการคุกคาม ไมใชเพื่อเอาชนะ หรือทำรายเขา ทั้งที่เรามีโอกาสที่จะ ทำไดแตเราไมทำ เราไมใชความรุนแรง สยบความรุนแรง
W วิธีการฝกของไอคิโดคือ การเกื้อ หนุ น กั น และกั น ฝ า ยหนึ ่ ง เรี ย กว า “นาเงะ” หมายถึงผูที่รับการโจมตีแลวใช เทคนิคหรือกระบวนทาของไอคิโดเพื่อ ปองกันตนเอง หรือจัดการควบคุมฝาย ตรงขามซึ่งเราเรียกวา “อูเกะ” หมายความ วา “ผูลม” W อูเกะไมใชศัตรู แตเปรียบเสมือน กัลยาณมิตรที่ชวยใหเราฝกฝนตัวเองและ เติบโตไปดวยกัน ผูฝกทั้งสองคนจะสลับ บทบาทกันไปเรื่อยๆ เปนทั้งผูรับและผูให W ไอคิโดไมมีการแขงขัน จึงไมมีผู ชนะและผูแพ ไมมีรางวัล มีแตการสอบ เลื่อนสายเปนการวัดการเจริญเติบโตของ ตนเอง สิ่งที่สำคัญ ไอคิโดสอนใหฉัน “ลม” เปน การลมเปนสวนที่สำคัญที่สุด ของการฝกฝน หากลมไมเปนหรือลมไม ถูกทาก็จะทำใหบาดเจ็บได
หน้า
22
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
เราฝกทาซ้ำๆกันเกือบทุกครั้ง ดูเหมือนวาไมมีอะไรใหม แตฉันกลับ เรียนรูอะไรใหมๆทุกครั้งกับทาเดิมๆที่ ทำซ้ำแลวซ้ำเลา ก็เหมือนกับชีวิตที่ตอง มีสติทุกยางกาว จดจอกับปจจุบันขณะ เปดใจเรียนรูสิ่งใหมๆจากสิ่งเดิมๆ เรียน รูที่จะมีชีวิตที่ประสานกลมกลืนกับคน รอบขาง ไอคิโดสอนใหเราหลบแตไม หนี ฝกฝนที่จะเผชิญหนากับปญหา อยางกลาหาญและชาญฉลาด แตเลี่ยง การปะทะ ไมทำรายคนอื่นแมวามี โอกาส มีเมตตาธรรม และถาจำเปนตอง ลม ก็ลมเปน ไมเจ็บมาก และพรอมจะ ลุกขึ้นมาตั้งรับปญหาใหมๆไดทันทวงที ฉันวา จำเปนยิ่งที่เราควรจะ ฝกฝนตััวเรา ทั้งทางรางกาย จิตใจ และ จิตวิญญาณ โดยเลือกหากิจกรรมที่ เหมาะสมกั บ จริ ต และสภาวะของตน เพื่อสรางความสมดุลและปลุกความเชื่อ มั่นในตนเอง สรางความมีชีวิตชีวาและ ศรัทธาในการดำเนินชีวิต ผู ท ี ่ ฝ ก ทั ก ษะต า งๆไม ว า จะ เปนศิลปะการปองกันตัว กีฬา การฝก สมาธิ ผู ค นเหล า นี ้ เ รี ย นรู ท ี ่ จ ะ เคลื ่ อ นไหวจากจุ ด ศู น ย ก ลางของ รางกาย ซึ่งเปนสิ่งที่สำคัญอยางยิ่งใน
การนำพาพลังจากภายในสูภายนอก ไมวา จะยืนหรือนั่ง การเคลื่อนไหวก็จะออกจาก จุดศูนยกลาง จุดศูนยกลางไมใชสิ่งที่ลึกลับ เหนือจริง ทุกคนมีจุดศูนยกลาง ศูนยกลาง ของรางกายซึ่งเปนศูนยกลางของแรงโนม ถวงจะอยูประมาณ ๒ นิ้วต่ำกวาสะดือ จุด นี้เองชาวญี่ปุนเรียกวา “ฮาระ” ภาษาจีน เรียก “ทันเถียน” หลายคนมักเคลื่อนไหวโดยใช สวนอื่นของรางกายเปยจุดศูนยกลาง เชน อก ศรีษะ หรือสะโพก ทำใหไมมั่นคง ลม ไดงาย แตถาเราฝกฝนใหการเคลื่อนไหว ออกจากจุดศูนยกลางของรางกาย การ เคลื ่ อ นไหวของเราจะมี ส มดุ ล และ ประสานสัมพันธกันทุกสวน ทำใหมีความ มั่นคง มีพลัง และสงผลตอจิตใจทำใหมี ความมั่นใจและความพรอมที่จะตั้งรับสิ่ง ตางๆที่จะเขามาในชีวิตโดยไมหวั่นแกรง อยางไรก็ตาม การเคลื่อนไหว รางกายที่มั่นคงก็ไมไดเปนหลักประกันวา จะหลี ก เลี ่ ย งการคุ ก คามทางเพศได ร อ ย เปอรเซนต แตมีการศึกษาวิจัยที่สรุปวา มี ตัวบงชี้วาผูหญิงที่มีการเคลื่อนไหวอยาง มั่นคง มั่นใจ จะมีแนวโนมวาถูกคุกคาม ทางเพศนอยลงอยางมีนัยสำคัญ หน้า
23
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
๙W
W หลายครั้งเรามักเคยไดยินคำ แนะนำวา “ใหยอมซะ จะไดไมเจ็บตัว” W การสมยอมเป น ทางเลื อ ก หนึ่ง แตก็ไมไดหมายความวาจะไมถูก ทำรายหรือพรากชีวิต การแนะนำให สยบยอมอีกนัยหนึ่งอาจหมายความวา “ผูหญิงสูไมเปน ดังนั้นก็ไมควรลองสู” โดยลืมไปวาการสูกลับก็เปนทางเลือก หนึ่งที่อาจประสบความสำเร็จ ซึ่งผู หญิงวันนี้จำเปนตองเรียนรู W การเลือกที่จะ “ไมสู” ควรเกิด ขึ้นเมื่อเราประเมินสถานการณแลววา เปนยุทธวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม คุมที่จะเสี่ยงสู แตเราไมควรเลือกที่จะ ไมสู เพียงเพราะเรา “สูไมเปน” W การเรียนรูศิลปะการปองกัน ตัวเปนการอนุญาตใหตัวเรามีทางเลือก เพิ่มขึ้นที่จะตอบสนองตอสถานการณ ตางๆดวยการเลือกของตัวเราเอง W แตก็มีบางครั้งที่ความรุนแรง ประเภทตางๆเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ทั้ง ที่เราพยายามหลีกเลี่ยง ตอสู หรือสยบ ยอมแลวก็ตาม จำไวเสมอวา สิ่งเลวราย เหลานั้นไมไดทำใหคุณคาของเราลด นอยลงเลย ความเปนมนุษยทุกประการ ยังคงมีอยูในตัวเราอยางเต็มเปยม
W เหตุการณรายแรงที่เกิดขึ้นนั้น ก็ ไมควรถูกทำใหลืมเลือนไปราวกับวาไม เคยมีอะไรเกิดขึ้น เพราะการตอสูนั้นยังไม จบลง ผูหญิงจึงจำเปนตองตอสูกับอคติ ความไมเทาเทียมกันในสังคม ยืนหยัดใน ความถูกตองทางจริยธรรม ไมใชเพื่อ ตนเองเทานั้น แตเพื่อเพื่อนมนุษยคนอื่นๆ และรวมทั้งมนุษยผูชายดวย เราอาจมาถึ ง จุ ด ที ่ ต อ งช ว ยกั น คนหาวิธีการตอสูแบบ “ลูกผูหญิง” ที่ ไมใชการคุกคามทำรายคนอื่น แตเพื่อ ปกปองสิทธิของตนจากความรุนแรงทุก ประเภท ทั้งที่มองเห็นและที่มองไมเห็น การตอสูของ “ผูหญิง” เต็มไป ดวยความรัก ความเมตตาและความเห็น อกเห็นใจ เพื่อชวยกันสรางสังคมที่มีความ เปนมนุษยที่มีความเขาอกเขาใจกันมาก ขึ้น ดวยการไมใชความรุนแรงตอบโตกับ ความรุนแรง เพราะผูหญิงทุกคนมิสิทธิที่จะ เลือกดำเนินชีวิตโดยปราศจากความ รุนแรง [ [ [ [ [ [
[ [
[ [
[ [
หน้า
24
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับเยาวชน การปองกันพฤติกรรมรุนแรงทางเพศใน นักเรียนมัธยมในเขตจังหวัดเชียงใหม หลักการและเหตุผล ! ! ป ญ หาเรื ่ อ งการละเมิ ด และความ รุ น แรงทางเพศจากข า วในหน า หนั ง สื อ พิ ม พ จากสถิติอาชญากรรม และการสำรวจความคิด เห็นในสังคมไทยปจจุบัน เปนที่ตระหนักกันดี และสรางความหวงใยในกลุมผูเกี่ยวของเปนอัน มาก วาปญหาดานนี้พบไดมาก และเกี่ยวของ กั บ ภาวะสุ ข ภาพของประชาชนจำนวนมาก เชน การบาดเจ็บทางรางกาย บาดแผลตอ จิตใจ การตั้งครรภโดยไมพึงประสงค และการ เกิดโรคติดตอทางเพศสัมพันธ เปนตน ! ! ขอมูลลาสุดจากสำนักงานกองทุน สนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อวัน ที่ 23 พ.ค. 2548 กลาวถึงรายงานสุขภาพคน ไทย ประจำป 2548 ซึ่งจัดทำโดย ดร.กฤตยา อาจวนิชกุล นักวิจัยสถาบันวิจัยประชากรและ สังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะ โดยการ รวบรวมดัชนีชี้วัดสุขภาพและสถานการณเดน ประจำป 2547 ซึ่งหัวขอหนึ่งในการสำรวจ คือ เรื่อง “สังคมไทยกับภัยขมขืน” พบวา ในป 2547 ดัชนีชี้วัดถึงสถานการณภัยทางเพศของ ผูหญิงไทยเพิ่มขึ้นกวาปกอนๆมาก ตัวเลขคดี ขมขืนที่มีการแจงความดำเนินคดีทั่วประเทศใน
รอบ 8 ป ที่ผานมา สูงขึ้นถึงรอยละ 35 เมื่อ เปรียบเทียบระหวางป 2540 มีจำนวน 3,741 คดี แตในป 2547 มีจำนวนคดีถึง 5,052 คดี คาดการณ ว า จำนวนคดี ด ั ง กล า วเป น เพี ย ง จำนวนรอยละ 5 ของเหตุการณที่เกิดขึ้นจริง เทานั้น ขณะที่ยังมีผูเสียหายอีกจำนวนมากไม แจงความ ทำใหสถิติอาชญากรรมทางเพศต่ำ กวาความเปนจริง ดวยเหตุผลตางๆ ไมวาจะ เปนเหยื่อรูสึกอับอาย หรือผูกระทำผิดเปนคน ใกลชิด
! สถิติเกี่ยวกับปญหาการละเมิดทางเพศทุก รูปแบบมักแสดงใหเห็นวา ผูกระทำผิดสวน ใหญไมใชคนแปลกหนา แตเปนคนที่ผูถูก กระทำรูจักหรือคุนเคยดี เชน คนในครอบครัว ญาติ ผูรวมงาน เพื่อนที่คบหา เรียน ทำ กิจกรรมตาง ๆ หรือเที่ยวดวยกันเสมอนั่นเอง หน้า
25
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
! เยาวชนวัยรุนจัดวาเปนประชากรที่มีความ เสี่ยงสูงทั้งตอการเปนผูกระทำและถูกกระทำ ความรุนแรงทางเพศ ดวยเหตุปจจัยหลาย ประการ เชน การอยูในวัยที่พัฒนาการทางเพศ กำลังอยูในระยะสมบูรณเต็มที่ มีความสนใจ และมีความตองการทางเพศตามธรรมชาติอยู แลว บวกกับสภาพแวดลอมในสังคมปจจุบันซึ่ง มีอิสรภาพในการใชชีวิตมากขึ้น และสำหรับ บางคนการอยู ไ กลจากสายตาผู ป กครอง อิทธิพลจากการปลุกเราโดยสื่อทางเพศในรูป แบบตาง ๆ โอกาสในการหาความบันเทิงใน สถานที่ซึ่งมีการดื่มสุรากันอยางแพรหลาย และ ความตองการการยอมรับจากกลุม สงผลให เยาวชนจำนวนมากอยู ใ นภาวะล อ แหลมต อ พฤติกรรมการกระทำและถูกกระทำการละเมิด ทางเพศ และเริ่มเปนที่หวงใยกันวาปจจุบัน เยาวชนมีเพศสัมพันธเร็วขึ้นกวาเมื่อกอนมาก ขึ้น ! ปจจุบันสถาบันการศึกษาในหลายประเทศ ซึ่งมีความตระหนักถึงภัยในดานนี้ จึงมีขอ กำหนดใหนักเรียนมัธยมและนักศึกษาชั้นปที่ หนึ่งในมหาวิทยาลัย ตองเขารับการอบรมเพื่อ สรางความตระหนัก ใหความรูและความเขาใจ เกี่ยวกับภัยที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองอันเนื่องมา จากพฤติกรรมเสี่ยงเหลานี้ และผูที่จะทำงานได อยางมีประสิทธิภาพ คืออาสาสมัครซึ่งเปน เยาวชนเองที่ไดรับการเตรียมโดยการฝกฝน อบรมใหเปนวิทยากร (Peer educators) และ สามารถสื่อสารกับคนในวัยเดียวกันไดดี
! โครงการปองกันพฤติกรรมรุนแรงทางเพศ ในเยาวชนจึงไดรับการริเริ่มขึ้นเพื่อใหบริการ แกนักเรียนมัธยมในจังหวัดเชียงใหม โดยชมรม ไอคิโดมหาวิทยาลัยเชียงใหม ซึ่งมีเปาหมายที่ จะใหเยาวชนไดมีโอกาสไดพัฒนาความรูความ เขาใจในเรื่องนี้ เพื่อที่จะไดหลีกเลี่ยงหรือ ปองกันตนเองใหปลอดจากอันตรายดังกลาว วัตถุประสงค ! 1. เพื่อใหนักเรียนไดรับความรู เกิดความ เขาใจ มีทัศนคติที่ถูกตองเกี่ยวกับความเสี่ยง ตอการละเมิดหรือถูกละเมิดทางเพศ ! 2. เพื่อปองกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับ นักเรียนจากพฤติกรรมรุนแรงทางเพศ เชน การตั้งครรภ การติดโรคทางเพศสัมพันธ การ ตกเปนเหยื่อของความรุนแรง และมีผลกระทบ ตอชีวิตและการเรียนในที่สุด หน้า
26
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
! 3. เพื่อปองกันปญหาความรุนแรงในสังคม ในระยะยาว เพราะพฤติกรรมรุนแรงทางเพศใน วัยนักเรียนหากไมไดรับการหยุดยั้งหรือแกไข อาจนำไปสูความรุนแรงในครอบครัว ความ รุนแรงตอเด็ก และขยายวงกวางออกไปใน ชุมชนและสังคมตอไป
ระยะเวลาดำเนินการ วันเสารที่ 25 พฤศจิกายน 2549 ! จัดการอบรมใหกับตัวแทนนักเรียน ! จากโรงเรียนตางๆ พฤศจิกายน 2549 – พฤศจิกายน 2550 ! ทำกิจกรรมในโรงเรียน
เปาหมาย ! นักเรียนมัธยมในจังหวัดเชียงใหม
ผลที่คาดวาจะไดรับ 1. นักเรียนที่ผานการอบรม มีความรู ความ เขาใจ และทัศนคติที่ถูกตองเกี่ยวกับ วิทยากร พฤติกรรมรุนแรงทางเพศ (แสดงใหเห็น ไดจากผลการสำรวจโดยแบบสอบถาม ผูชวยศาสตราจารย ดร.สมบัติ ตาปญญา และ การสัมภาษณ และการเปรียบเทียบผล อ.ธีระรัตน บริพันธกุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร กอนและหลังการดำเนินโครงการ) คณะแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม และ 2. นักเรียนที่เปนอาสาสมัคร สามารถปฏิบัติ อาสาสมัครจากชมรมไอคิโดมหาวิทยาลัย งานใหการอบรมในปตอ ๆ ไป และขยาย เชียงใหม วงกวางออกไปเรื่อย ๆ 3. เกิดความตระหนักและตื่นตัวในโรงเรียน ชุมชน และสังคมเกี่ยวกับเรื่องภัยจาก พฤติกรรมรุนแรงทางเพศ นำไปสูมาตร การอื่นๆ ในการปองกันและแกไขตอไป การติดตามและประเมินผล 1. ประเมินระยะสั้นจากผลการจัดการอบรม 2. ประเมินผลในระยะยาว จากการใช แบบสอบถาม สัมภาษณ เก็บสถิติการเกิด เหตุการณหรือการดำเนินคดี และการจัดการ แกไขปญหาที่เกิดจากพฤติกรรมรุนแรงทาง เพศในกลุมนักเรียนและเยาวชนจังหวัด เชียงใหม
[
[
หน้า
27
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
การฝกไอคิโด ในความคิดของผม โดย นพ.กฤษณชัย ไชยพร
ถารักจะฝกควรมาฝกอยางสม่ำเสมอ เหตุที่จะ ไมมาฝกควรเปนเหตุจำเปนจริงๆ ไดแก ติดเวร,ติดงาน,เรียนไมทัน,ปวย หรือคุณพอคุณแมมา เยี่ยม ฝกใหดี การฝกอาจชวยคุณไดทั้งทางรางกาย,จิตใจและอาจชวยใหคุณผานพนชวง เลวรายมากๆในชีวิตของคุณไปได อยูเชียงใหมจะไปเยี่ยมคนรักเมื่อไรก็ไมยาก ดังนั้นไม ควรใหการไปกับคนรักของคุณเปนเหตุในการขาดการฝกที่มีแคสัปดาหละ ๓ เย็น การมีรางกายแข็งแรงไมใชขอหามหรือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการฝก การมี รางกายแข็งแรงกวาทำใหไดเปรียบถาคูตอสูของคุณมีฝมือพอๆกัน การมีรางกายแข็งแรง และยืดหยุนดี ชวยปองกัน,ลด หรือทำใหสามารถทนการบาดเจ็บไดมากขึ้น ดังนั้นจงฝกใหมี รางกายที่แข็งแรงและยืดหยุน กินใหพอ นอนใหพอ ผมแนใจวารางกายของเราไมไดกิน แสงแดดหรือพลังจักรวาลแทนอาหารและการนอน การมีแรงมากเพียงอยางเดียวแตไมมีความคิดไมมีวิทยายุทธควรเปลี่ยนไปฝกยก กอนหินจะดีกวา ฟงและดูผูแนะนำที่ดี จริงอยูผูมีปญญาเมื่อทำการฝกเพียงพอในที่สุดยอม พิจารณาสามารถพบหนทางและวิธีที่ถูกตองไดดวยตนเอง แตในเบื้องตนถาถูกนำใหหลงทาง ไปก็เสียเวลามากขึ้น ถายิ่งไดรับสิ่งที่ผิดติดตัวไปและไมไดรับการแกไขก็จะติดอยูกับที่ไมไปไหน ไดอีก คำแนะนำที่ถูกตองชวยใหกาวหนาไดเร็วขึ้น แตก็นั่นแหละนะแรกๆใครจะไปรูวาอะไร ถูกอะไรไมถูก จนกวาจะมองออก หวังวาคุณจะมองออกและไมสายเกินไป รับฟงแตอยา เพิ่งเชื่อทั้งหมดจนกวาคุณจะไดปฏิบัติมากพอและพิจารณาอยางถองแทแลว เปนตัวของคุณ เอง มีความคิดที่ถูกตองของคุณเองและรับความคิดที่ถูกตองของผูอื่นดวย ใหความเคารพ นับถือแกผูควรไดรับความเคารพนับถือ ดื้อและตอตานเฉพาะในสิ่งที่ควรดื้อและควรตอตาน ฝกกับคูฝกที่ดีจะกาวหนาเร็วและปลอดภัยกวา เริ่มตนฝกดวยการฝกชาๆ เบาๆกอน ทิศทางการเคลื่อนที่,ระยะ,ทาทาง,ความเร็ว,จังหวะ,ความพอดี,ความ กลมกลืน,ความเหมาะสม ทำใหถูกกอน ความรุนแรงและความเร็วเพิ่มทีหลังได ไมตองรีบ รอน อยาทำลายเพื่อนดวยการมีจิตใจแขงขันเอาชนะในขณะที่เพื่อนเพิ่งเริ่มหัดและยังไมเกง จงชวยเพื่อนและตัวเองพัฒนาการฝกไปดวยกัน แรกๆออนใหเขานิดหนึ่ง พอเขาเกงขึ้นก็ แข็งเพิ่มขึ้น ใหยากขึ้นอีกนิดเพื่อใหเขาเกงขึ้นอีก พยายามดูแลอยาใหเพื่อนบาดเจ็บ หน้า
28
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
[
[
[
[
ยืดเสนยืดสายใหเพียงพอกอนเริ่มการฝกทุกครั้ง ใหมๆอยาดักทางเพื่อน ถาพบวาเพื่อนมี จุดออนแสดงใหเขารูแตตองรูใหแนวานั่นเปนจุดออนจริงๆ ถาไมแนใจบอกเขาวาไมแนใจ ถาไมรูเงียบเสียดีกวา อยาเอาตัวเขาไปเสี่ยงกับคูฝกที่อันตราย เชน พวกที่อัดอยาง เดียว,พวกที่คิดแตจะสูเอาชนะ,พวกที่อยากจะอวด,พวกที่มีแตแรงและออกแรงมากๆโดยไมมี ความคิด,พวกที่ไมสามารถรับรูความเจ็บและอันตรายของคูฝก,พวกไมระมัดระวังความเหมาะ สมระหวางชายหญิง เปนตน ไมคุมคาเลยที่จะฝกแลวบาดเจ็บหรือเสียสุขภาพทั้งในระยะสั้น และระยะยาว คนฝกใหมมีอันตรายมากกวาคนฝกเกาที่มีความชำนาญและมีจิตใจดีคอยชวย ระมัดระวังให คนฝกเกาที่ดีจะทำเบาหรือรุนแรงอยางเหมาะสมตามระดับความสามารถของคู ฝก เมื่อฝกกาวหนาจนถึงที่สุดแลวคุณควรรับมือการโจมตีไดทุกระดับความสามารถ,ทุกรูป แบบ,ทุกวิทยายุทธ แตจะรอดหรือไมนั้นเปนอีกเรื่องหนึ่ง การฝกเปนเหมือนหลักหรือแนวใหคุณคอยๆเกาะ ยืนและคอยๆเกาะเดินในระยะแรก เพื่อที่คุณจะไดเรียนรูที่จะเดิน ดวยตัวของคุณเองในเวลาตอไป ในที่สุดคุณจะตองไปดวยตัวของ คุณเองบนพื้นฐานที่คุณไดฝกมา ในที่สุดคุณควรจะมีวิทยายุทธที่ เปนของคุณเอง ในแตละสถานะการณที่แตกตางกันจะมีรูปแบบ ของวิทยายุทธที่เหมาะสมแตกตางกัน ใหมีสมดุลยที่เหมาะสมระหวางความมั่นคง ความแข็งแกรง ความมีพลัง ความออนตัว ความคลองแคลวใน การเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลง ควรรูและเขาใจหลัก เกณฑทางฟสิกส,กายวิภาค และสรีระวิทยาบาง จงรูวาการฝกกับการตอสูจริงๆนั้นไมเหมือนกัน สูกับคนที่ไมไดตั้งใจจะสูจริงๆ สูกับคนที่ตั้งใจจะสูจริงๆ สูกับ คนที่ขี้ขลาด สูกับคนที่กลาหาญ สูกับคนที่ไมมีวิทยายุทธ สูกับคนมีวิทยายุทธ สูกับคนที่ เปนเหมือนสัตว ลวนแตกตางจากการฝก ในขณะตอสูคุณมีเวลานอยมากที่จะคิด เขาอาจ จะโจมตีคุณอยางดีที่สุดไปจนถึงเลวที่สุด จะเปนการดีถาคุณสามารถอานคูตอสูของคุณออก ไดบาง การฝกที่ดีและฝกมามากจะชวยใหคุณคิดไดเร็วและมีปฏิกิริยาที่เหมาะสมและรวดเร็ว ได ชวยโอกาสรอดของคุณใหดีขึ้น
หน้า
29
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
คูตอสูที่มีรางกายและจิตใจพรอมที่จะตอสูประกอบกับเปนผูมีวิทยายุทธและประสบการณในการ ตอสูจริงจะเปนคูตอสูที่ยากที่สุดของคุณ แตผมจะปลอบใจคุณวาคนแบบนี้หายากมีอยูไมกี่คน ถาคุณตองสูดวยก็นับวาเปนโชคครั้งใหญในชีวิตของคุณ และจริงๆแลวตลอดชีวิตของคน หลายๆคนไมเคยตองมีการตอสูลงไมลงมือกันแบบนี้ อยางไรก็ตามในทางตรงขามผมยืนยัน วาโลกนี้มีดานมืดแนนอนและเหตุการณที่เลวรายนั้นก็มีอยูจริง การตอสูมักหมายถึงเจ็บ หรือตาย ไมมีกรรมการ ไมมีกติกา ไมมีแบบวาครั้งนี้ไมดีขอเริ่มใหม สิ่งที่ทำไปแลวจะตองมี ผลตามมา อยางไรก็ตามหากจำเปนตองสูจงมีจิตใจราเริงที่จะสู พรอมที่จะเปนฝายรุกทันทีที่มี โอกาส สูอยางเต็มกำลังพรอมที่จะตายกันไปขางหนึ่ง สุดทายของบทความนี้ผมหวังวาคุณจะเลือกหนทางที่ถูกตอง ที่จะฝกแตสิ่งที่ ดีงามจนทำไดเปนนิสัยเพื่อประโยชนสุขที่ยั่งยืนและความกาวหนาของตัวคุณเองและคนที่คุณรัก อยาเปดชองทางหรือนำตนไปสูหนทาง,สถานที่,เวลาและบุคคลที่มีอันตราย และความเสื่อมเสีย ! [ “ในการฝกหัด อยารีบรอน อยาคิดถึงตัวเองวาเปนผูรู เปนอาจารยผูสมบูรณแบบ เราควรจะฝกฝนอยางตอเนื่องไปพรอมกับเพื่อนๆและนักเรียนของเรา และพัฒนา ไปดวยกันในศิลปะแหงสันติภาพ”
ปรมาจารย มอริเฮอิ อุเยชิบะ
หน้า
30
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
ขอบคุณที่กรุณาชวยเปนคูซอมใหค่ะ ! ไอคิโดการตูน ดาวนโหลดไดที่ http://www.aikidofaq.com/bilder/humor/ หน้า
31
CHIANG MAI UNIVERSITY AIKIDO CLUB ฉบับที่ ๒ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ (ปีที่ ๑)
AIKIDO FAMILY งานแตงงาน พี่รัตนพล พนมวัน ณ อยุธยา (ไอคิโดสายดำคนแรกของมหาวิทยาลัยเชียงใหม) เสารที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เบื้องหนา
ขอแสดงความยินดีดวย
เบื้องหลัง
ปฏิทินกิจกรรม กิจกรรม
! Y
วัน - เวลา
สถานที่
การอบรมการปองกันภัยทางเพศ (สำหรับนักเรียนมัธยม)
เสาร ๒๕ พฤศจิกายน ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น.
สำนักงานเขตการศึกษา แปด (ใกลหองสมุด ประชาชน)
ฝกพิเศษ (ดาบไม) นำฝกโดยคุณโอลีเวอร ธอรน
ทุกวันอาทิตย ๐๘.๐๐ - ๐๙.๐๐ น.
อางแกว
ฝกเด็กๆบานรมไทร
ทุกวันอาทิตย ๐๙.๓๐ ๑๑.๐๐ น.
ชมรมไอคิโด
ฝกประจำสัปดาห! Y Y Y Y Y Y
จันทร-พุธ-ศุกร ๑๘.๐๐ - ๒๐.๓๐ น.Y สถานที่ฝก ชมรมไอคิโด มหาวิทยาลัยเชียงใหม ใตถุนตึกอาคารกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม หน้า
32