โยคะแทนคำขอบคุณ

Page 1


1


เคยแอบสงสัยว่าทาไมเวลาอ่านหนังสือเขาชอบเชียนขอบคุณ กันไว้ ด้านใน ๆ เพราะโดย ส่วนตัวแล้ วรู้สกึ ว่า การที่เราจะได้ ข้อมูลต่าง ๆ มาเขียนอะไรสักเรื่ องหนึ่งนั ้น มันช่างต้ อง ได้ รับความรู้ คาสอนและความอนุเคราะห์จากประสบการณ์ที่หลากหลายของแต่ละท่าน ดังนั ้นแล้ ว อยากจะกล่าวคาว่า

“ขอบคุณครับ จากใจ” ขอบคุณพ่อและแม่ที่ให้ โอกาสตัวเองได้ เลือกทาในสิง่ ที่อยากทาและสนับสนุนมา โดยตลอด ขอบคุณสาหรับทุกความรู้ที่ได้ รับจากการ ฝึ กและเรี ยนโยคะ จากครูแต่ละท่านที่ ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็ นที่ Fitness First, Absolute Yoga จนกระทัง่ มาเรี ยน

หลักสูตรครูระยะยาวกับทางสถาบัน โยคะวิชาการ ตลอดจนได้ พบเจอประสบการณ์ต่าง ๆ มากมายจากการเรี ยนการสอน จากนักเรี ยนทุก กลุม่ ที่ได้ มีโอกาสไปสอน ถือได้ ว่าเป็ นครูที่ดีที่สดุ ที่ทาให้ เราเข้ าใจและได้ ปฏิบตั ิจริงมา โดยตลอด นับได้ ว่าเป็ นการแลกเปลี่ยนระหว่างกันที่มีคา่ มากมาย สุดท้ ายต้ องขอบคุณ เพื่อนรุ่น 10 และเพื่อนทุกคนที่มีโอกาสได้ แลกเปลีย่ นความคิดกันมาโดยตลอด 2


ชวนคุย ข้ อเขียนที่ถกู รวบร่วมขึ ้นนี ้ เป็ นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวเล็ก ๆ ที่ได้ รับจากการเรี ยน การฝึ กโยคะ ที่หลากหลายรูปแบบตามสถานที่และเวลาอันเหมาะสม ดังนั ้นแล้ วจึงไม่ อยากให้ ผ้ ทู ี่หลงเข้ ามาเจอแล้ วอ่าน ได้ ยดึ ถือเป็ นแนวทางปฏิบตั ิของคนเอง เพราะว่า โยคะเป็ นเรื่องของปั จเจกบุคคลว่า จะน้ อมรับโยคะเข้ าไปมีสว่ นในชีวติ มากบ้ างน้ อยบ้ าง อย่างไร อย่างที่ทราบกัน คนส่วนใหญ่คิดว่าโยคะนั ้นคือการออกกาลังกาย ทั ้งที่แท้ จริงแล้ วโยคะ มิใช่การออกกาลังกายแม้ แต่น้อยนิด ยิ่งไปกว่านั ้นการฝึ กโยคก็มไิ ด้ มเี ป้าหมายที่จะ เสริมสร้ างให้ กล้ ามเนื ้อของร่ายกายมีความสวยงามแต่อย่างใด เพราะแท้ ที่จริงแล้ วการ ฝึ กโยคะนั ้น เพื่อให้ ผ้ ฝู ึ กเดินทางไปสูจ่ ดุ หมายปลายทางของความหลุดพ้ นทั ้งปวง แต่ทั ้งนี ้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ วา่ สภาวะที่จบั ต้ องได้ อนั เกิดจากการฝึ กโยคะอย่างสม่าเสมอนั ้น คือ ภาพลักษณ์ภายนอกของร่างกายผู้ฝึกโยคะ ที่เป็ นเครื่ องดึดดูดใจเหมือนดอกไม้ งาม ให้ หมูผ่ ึ ้งน้ อยใหญ่บนิ เข้ ามาสูโ่ ลกแห่งการฝึ กโยคะ อย่างเข้ าใจตามแต่ใจปราถนา ดังนั ้นแล้ วข้ อเขียนในหนังสือนี ้ไม่ได้ ชี ้ว่า โยคะแบบใดดีกว่าแบบใด เพราะท้ ายที่สดุ แล้ วผู้ ฝึ กย่อมเป็ นผู้เลือกเองตามความต้ องการว่า ตนนั ้นอยากที่จะเรี ยนรู้และฝึ กโยคะใน รูปแบบใด ขอบคุณครับ

3


เรี ยงร้ อยข้ อเขียน เริ่มต้ นกับสตูดิโอ แกผอมได้ ไง

4

ทาไมมาฝึ กโยคะล่ะ

7

โยคะ คือ อะไร

9

จะฝึ กโยคะที่ไหนดี

11

เราจะฝึ กโยคะได้ ป่าว

13

เริ่มต้ นภาคเรี ยนรู้กบั ไกวัลยธรรม ผ่าน สถาบันโยคะวิชาการ โยคะทัศนคติ

15

แผนที่โยคะ

17

4


แกผอมได้ ไง ? คาถามสุดฮิต ที่คนเคยอ้ วนแล้ วมาฝึ กโยคะอย่างต่อเนื่องจะต้ องถูกถามอยู่เสมอ เพราะ ปั ญหาอ้ วนผอมนี ้เป็ นปั ญหาโลกแตกมาทุกยุคทุกสมัยจริง ๆ แล้ วทาไมการลดน ้าหนักถึง ถูกมาผูกโยงกับการเล่นโยคะได้ ก็เพราะว่ามันเป็ นสภาพร่างกายที่เกิดการเปลี่ยนแปลง และเห็นได้ ชดั ที่สดุ เพราะคนเรามักจะมองเห็นสิง่ ต่าง ๆ ด้ วยตาได้ ชดั เจนกว่าความรู้สกึ และนั ้นคือทาไมคนทัว่ ไปถึงพูดกันว่า “ฝึ กโยคะแล้ วช่วยลดน ้าหนัก” ซึง่ ในความเป็ นจริงมันก็เป็ นอย่างที่กล่าวกันว่าการฝึ กโยคะ มีสว่ นช่วยในการลดน ้าหนัก เพราะโดยส่วนตัวก่อนเล่นโยคะมีน ้าหนักตัวถึง 85 กิโลกรัม เมื่อฝึ กผ่านมา 2 ปี สามารถ ปรับลดน ้าหนักลงมาอยู่ที่ 72 กิโลกรัม แต่ทั ้งนี ้อย่าไปมองว่าฝึ กโยคะแล้ วจะช่วยลด น ้าหนักได้ ในทันที เพราะในช่วงแรก ๆ ของการฝึ กโยคะ ถ้ าหากเรายังไม่เข้ าใจใน หลักการของการฝึ กท่าโยคะ หรื อ อาสนะ นั ้น ก็จะเป็ นช่วงเวลาของความทรมานในการ ฝึ ก ว่าทาไมฉันทาไมได้ ทาไมน ้าหนักฉันไม่ลด ทาไมคนนั ้นทาท่ายากได้ แต่เราทาท่า ไม่ได้ นั ้นจะยิ่งทาให้ เราฝึ กโยคะได้ แย่ลง เพราะเรามัว่ แต่ไปวิตกกังวลถึงแต่ผลลัพธ์ โดย ลืมนึกถึงการวิธีการและแนวทางปฏิบตั ิต่าง ๆ หรื อการฝึ กฝนก่อนที่จะได้ ผลลัพธ์นั ้น คนส่วนใหญ่ที่มาฝึ กโยคะ มักจะมีความตั ้งมัน่ หรื อแม้ แต่ตาม Studio บ้ างแห่ง ก็มกั จะ เอาจุดขายของการลดน ้าหนักมาเป็ นตัวล่อ ซึง่ เป็ นผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ ้นเมื่อไหร่ไม่ร้ ูได้ เพราะโยคะไม่ได้ เคยบอกว่า ฝึ กครบ 30 ครัง้ แล้ ว น ้าหนักจะลดเหลือเท่าไหร่ เพราะโดย ส่วนตัวเอง ในช่วง 2 ปี แรกของการฝึ ก น ้าหนักลดลงมาไม่มากมาย แต่ในช่วง 1 ปี ที่ผ่าน มาน ้าหนักลดเฉลีย่ เดือนล่ะ 1 กิโล สัดส่วนลดลงมาก จากเคยใส่กางเกงเอว 36 ก็ กลายเป็ น 32 ได้ เพราะอะไรและทาอย่างไร เราจะมาคุยกันต่อ ๆ ไป

5


เคยเจอผู้ฝึกโยคะใหม่ ๆ หลายคนที่มีน ้าหนักเกินพิกดั แล้ วตัดสินใจมาเลือกฝึ กโยคะเพื่อ ลดน ้าหนัก ด้ วยความที่คิดว่า โยคะไม่น่าจะเหนื่อยเพราะดูแล้ วท่าโยคะนั ้นเนิ่บนาบไป อย่างช้ า ช้ า ซึง่ ในความเป็ นจริงแล้ วมันไม่ได้ เป็ นอย่างนั ้น เพราะโยคะมีหลักการในการ ฝึ กที่ละเอียด ทั ้งการกาหนดสมาธิ การกาหนดลมหายใจ (ยกเว้ นสายไกวัลยธรรม ที่ไม่มี การกาหนดลมหายใจระหว่างฝึ ก) การกาหนดการเกร็งกล้ ามเนื ้อ และทาให้ ร่างกายต้ อง ใช้ พลังงานมากเหมือนกับการออกกาลังกาย แต่ที่สาคัญ โยคะไม่ใช่การออกกาลังกาย ดังนั ้นแล้ วถ้ าคิดว่าจะมาฝึ กโยคะเพื่อเป็ นการออกกาลังกายโดยมุง่ เน้ นการลดน ้าหนัก โดยตรงแล้ วนั ้น ส่วนใหญ่มกั จะมาไม่เกิน 2 ครัง้ ดังนั ้นแล้ วหากคิดจะฝึ กโยคะ อย่ามอง แต่เพียงแค่ตาที่มองเห็น แต่ต้องทาความเข้ าใจด้ วยว่าโยคะ คืออะไร แล้ วเมื่อปฏิบตั ิแล้ ว เราจะได้ อะไร สุดท้ าย ต้ องทาความเข้ าใจก่อนว่าโยคะไม่ได้ เป็ นการออกกาลังกาย แบบ Aerobic ปั่ น จักรยาน หรื อ วิ่งบนสายพาน ที่มีระยะเวลา เพิ่มความเร็วความช้ าได้ ตาม เสียงเพลง จักรยาน หรื อ เครื่ องวิ่ง แต่โยคะคือความตั ้งใจในการฝึ กฝนอย่างต่อเนื่อง อย่างมีสติ และ รู้ตวั เองเสมอตลอดการฝึ ก มาถึงตรงนี ้ แล้ วมันจะยากไปหรื อเปล่าสาหรับฉัน ค่อย ๆ คุย กันไป แล้ วตัดสินใจด้ วยตัวคุณเองว่า คุณพร้ อมที่จะฝึ กโยคะ หรือไม่

\

6


ทำไมมำฝึ กโยคะล่ ะ คาถามยอดฮิตอันดับสอง นั ้นน่ะสิทาไมถึงมาฝึ กโยคะ ต้ นเหตุของการฝึ กโยคะของแต่ละ คนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนอยากลดน ้าหนัก บางคนอย่างมีหนุ่ สวยงาม บางคนอยาก ฝึ กสมาธิ บางคนเห็นว่ามันเท่ดีเวลาทาท่ายาก ๆ ได้ หรื อบางคนต้ องการดูแลร่างกาย แบบองค์รวม ส่วนตัวแล้ วอยากฝึ กโยคะมานานมากแล้ ว แต่ยงั ไม่ได้ ฝึกสักที ด้ วยเหตุผลทางานไม่มี เวลา (เหตุผลยอดฮิตอีก) และ อื่น ๆ อีกมากมายที่จะเป็ นข้ ออ้ างต่าง ๆ ของคนทางาน จนกระทัง่ เมื่อปี 2551 มีความรู้สกึ เจ็บลึก ๆ ที่สีข้างขวาด้ านหลัง เป็ นระยะ ๆ กดดูที่หน้ า ท้ องด้ านขวา และลองกดจากสีข้างก็ไม่เจ็บที่กล้ ามเนื ้อ เลยตัดสินใจไปตรวจสุขภาพ ประจา ปรากฏว่าตับมีขนาดโตผิดปกติ อันเนื่องมาจากมีชั ้นไขมันแทรกอยูเ่ ป็ นจานวน มาก ประกอบกับตอนนั ้นอ้ วนมาก หนักถึง 85 กิโลกรัม โ ซึง่ แพทย์ที่ตรวจก็บอกว่าอยาก ให้ เริ่มด้ วยการลดน ้าหนักก่อน ถ้ าไม่สาเร็จก็จะต้ องกินยาเพื่อไปช่วยละลายไขมันที่ตบั เพราะถ้ าปล่อยไว้ ต่อไปจะก่อให้ กลายเป็ นตับแข็งขึ ้นได้ เกิดปั ญหามาเราก็ต้องหาทางแก้ คนเรามักจะปั ญหาไม่เกิดปั ญญาไม่มาสักที เมื่อรู้เหตุแล้ ว ก็กลับมานัง่ คิดว่า ตายละตัวเราจะต้ องกินยากันทั ้งชีวติ หรื อนี ้ มันน่าจะมี ทางออกอื่นหรื อเปล่าเพื่อที่เราจะได้ ต้องไม่กินยา คิดได้ ดงั นั ้นก็เริ่มตะลุยหาข้ อมูลใน อินเตอร์ เน็ท ประกอบกับเคยได้ ยนิ ได้ ฟังมาเยอะว่า โยคะ ซึง่ เป็ นส่วนหนึ่งของ ธรรมชาติ บาบัด คือการดูแลร่างกายแบบองค์รวมที่ไม่ต้องใช้ ยา ย ้าว่าไม่ต้องใช้ ยา ไม่ใช่วิตามิน หรื อสารสังเคราะห์ใด ๆ ทั ้งสิ ้น ช่วยปรับความสมดุลย์ของร่างกายได้ เพราะด้ วยท่าทาง ในการฝึ กโยคะนั ้นจะมีสว่ นช่วยในการนวดกด อวัยวะในช่องท้ อง จุดต่าง ๆ ในร่างกาย 7


ตลอดจนต่อมไร้ ท่อ ต่าง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพโดยรวม ในตอนนั ้นก็ไปพบข้ อมูลสาคัญว่า ในร่างกายคนเราเนี ้ยน่ะ อวัยวะสาคัญ ๆ จะอยู่ในช่องท้ องเกือบทั ้งหมด ดังนั ้นในการฝึ ก โยคะ ที่เน้ นการฝึ กให้ สว่ นกลางลาตัวมีความแข็งแรงมากขึ ้นนั ้น จะมีสว่ นช่วยในการกด นวดอวัยวะในช่องท้ อง ให้ มีความแข็งแรงพร้ อมกับการปรับสมดุลย์ และ ล้ างระบบต่าง ๆ ในร่างกายโดยวิธีธรรมชาติไปพร้ อมๆกัน คิดได้ ดงั นั ้น ก็เลยตัดสินใจเริ่มฝึ กโยคะ ประกอบกับ ในขณะนั ้น ฟิ ตเนสที่เล่นอยู่ มีการ เปิ ดสอนโยคะ ก็เลยเริ่มเล่นเป็ นที่แรก ปรากฏว่า ในช่วงแรกที่เล่น สิง่ ที่เห็นได้ ชดั คือ พุงที่ เคยมียบุ ลง และ อาการเจ็บลึก ๆ เริ่มหายไปที่ละน้ อย น ้าหนักค่อย ๆ ลดลง นับจากวัน นั ้นจนวันนี ้ อาการเจ็บลึก ๆ ดังกล่าวก็ได้ หายไปอย่างสิ ้นเชิง และเมือ่ ไปตรวจซ ้า ขนาด ของตับเล็กลงค่าบ่งชี ้ของการตรวจเลือดต่างๆก็เป็ นปกติ สิง่ ที่ได้ ตามมาจากการฝึ กโยคะอย่างสม่าเสมอ ขอย ้าว่า อย่างสม่าเสมอ คือ การไม่ เจ็บป่ วยเป็ นไข้ นอนซม เลยนับตั ้งแต่เล่นโยคะมา อาจจะมีตวั หรุ่ม หรื อ เจ็บคอบ้ าง แต่ เมื่อได้ เล่นโยคะ ร่างกายก็จะปรับสมดุลย์ และ ขับของเสียออกจากร่างกาย ทั ้งทางเหงือ และ การถ่าย ทาให้ ไม่ต้องพึง่ ยาลดไข้ แต่อย่างใด ซึง่ เป็ นผลบวกที่เห็นได้ อย่างชัดเจน จากร่างกายของเราเอง คนเรานั ้นมักจะต้ องรอให้ ปัญหาเกิดถึงค่อยหาทางแก้ ทั ้งที่ใน บางครัง้ เราสามารถที่จะหาทางป้องกันไว้ ได้ ก่อน เช่นเดียวกับการเล่นโยคะ หากเวลามี เวลาน้ อยนิด ลองเริ่มเล่นที่ 15 นาที ต่อวัน เราก็สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวเราได้ อย่างชัดเจนเช่นกัน

8


โยคะ คือ อะไร โยคะ คือ อะไรใครรู้บ้าง ตายแล้ วจะฝึ กเอาขาไว้ บนคอได้ ป่าวเนี ้ย หรือจะต้ องเอาหัวปั ก พื ้นเท้ าชี ้ฟ้า ฉันจะทาได้ ไหม ถ้ าคิดแบบนี ้แปลว่ายังไม่เข้ าใจว่าโยคะนั ้นคืออะไร ง่าย ๆ ไม่ยากเย็นอะไรเลย โยคะ คือ ลมหายใจ อ้ าวอย่างนั ้นที่หายใจอยู่นี ้ก็คือการทาโยคะแล้ ว ล่ะสิ ก็ยงั ไม่ใช่อีก อ้ าวแล้ วยังไงล่ะ จะเข้ าใจได้ ไหมเนีย้ ยากป่ าว อ่านกันมาถึงตรงนี ้ ดูเป็ นปั ญหาโลกแตก แบบไม่ร้ ูว่า ไก่เกิดก่อนไข่ หรื อ ไข่เกิดก่อนไก่ กันแน่ ตามหลักแล้ วการฝึ กโยคะนั ้นคือการฝึ กร่างกายให้ พร้ อมเพื่อการฝึ กสมาธิ แต่ก็ใช่ ว่าโยคะจะฝึ กเหมือนกันไปหมด เพราะในรูปแบบการฝึ กโยคะบางที่อาจจะหมายถึงการ นัง่ สมาธิโดยมีการกาหนดลมหายใจ แต่บางสายโยคะ คือการต้ องปฏิบตั ท่าทางต่าง ๆ ไปพร้ อมกับการกาหนดลมหายใจ เพื่อให้ เกิดสมาธิ จะเห็นได้ ว่าสิง่ หนึ่งเหมือนกัน คือ ลม หายใจ นี ้แหละคือโยคะ ถ้ าจะพูดกันแบบตรง ๆ ก็คือ โยคะ คือ ลมหายใจ มิใช่ท่าทาง โยคะ ไม่ใช่เรื่ องยุ่งยาก ขอเพียงคุณยังหายใจได้ มีลมหายใจ คุณก็ฝึกโยคะได้ ด้ วย หลักการแล้ ว การฝึ กโยคะ คือ การประสานกายและใจให้ เป็ นหนึ่งเดียวกัน บางครัง้ อาจจะบอกว่าให้ จติ สัง่ กาย หรื อ ให้ มีสมาธิร้ ูอยู่กบั ลมหายใจระหว่างการฝึ ก ให้ ร้ ูว่า เรา กาลังทาอะไร และ จะทาอะไรต่อไป นั ้นคือการมีสติ และ สมาธิ ต่อการกระทาให้ ปัจจุบนั ดังนั ้นแล้ ว การฝึ กโยคะ ไม่ใช่เรื่ องยาก แต่มนั ยากที่จะทาอย่างใรให้ จิตนิ่งนั ้นเอง วิธีการ ง่าย ๆ ที่ เหล่า บรรดาโยคี นามาใช่ คือ การตั ้งจิตอยูก่ บั ลมหายใจ ประสานกับการ เคลือ่ นไหวอย่างช้ า ๆ แต่มนั่ คง จึงเป็ นที่มาของการฝึ กหายใจในแบบฉบับโยคะ

9


แล้ วที่ท้องป่ องท้ องแฟบ ประการแรก เพื่อดึงอากาศเข้ าสูร่ ่างกายให้ มากที่สดุ และ ปลดปล่อยอากาศเสียออกจากร่างกายให้ มากที่สดุ เช่นกัน อีกประการก็เพราะว่าใน ร่างกายของเราเมื่อพิจารณาแล้ วจะพบว่า อวัยวะต่าง ๆ นั ้น จะอยู่ในช่องท่องเกือบ ทั ้งหมด การที่เราหายใจแล้ วท้ องป่ องนั ้น เพราะเราดันอากาศให้ เกิดการกดทับให้ อวัยวะ ดันตัวไปข้ างหน้ าเป็ นการนวดอวัยวะในช่องทางทางอ้ อม และเมื่อเราหายใจออก เราก็จะ ดึงอากาศออก แล้ วทาให้ อวัยวะที่ถกู กดทับไปนั ้น คืนตัวกลับมาอยูใ่ นสภาพปกติ เมื่อเรา ทาหลายครัง้ ต่อเนื่องการ ก็จะทาให้ เกิดการบริหารอวัยวะในช่องท้ องอย่างสม่าเสมอ ซึง่ ส่งผลดีตอ่ สุขภาพทั ้งทางตรง และ ทางอ้ อม ซึง่ เห็นได้ จากประสพการณ์สว่ นตัว ที่ อาการ เจ็บตับหายไป ตับลดอาการโต และทาให้ การทางานของตับดีขึ ้น แล้ วท่าล่ะ ท่าโยคะ ไม่ใช่เรื่ องยาก ท่าโยคะจริง ๆ แล้ วเป็ นท่าที่ง่าย ไม่ได้ มีความยากเลย แต่ที่ดวู ่ามันยากแสนยากนั ้น ขึ ้นอยู่กบั พัฒนาการของร่างกายของผู้ฝึก ที่ฝึกจนมีความ ชานาญและสามารถปรับเปลี่ยนท่าด้ วยความเข้ าใจในหลักกายวิภาคของร่างกาย ดังนั ้น แล้ ว ใครก็ฝึกโยคะ ได้ ขอเพียงคุณหายใจได้ และ มีความตั ้งใจที่จะฝึ กโยคะ เพื่อความ สงบและสุขภาพที่ดีต่อร่างกายของทุกคน ลองเปลี่ยนมุมมองโยคะจากโยคะเชิงพาณิชย์ มาสูโ่ ยคะสมาธิ แล้ วคุณจะพบว่า โยคะคือของล ้าค่าที่ทกุ คนมีอยู่ในกายของตนเอง

10


จะฝึ กโยคะที่ไหนดี หากค้ นหาใน อินเตอร์ เน็ท จะพบข้ อมูล สตูดิโอ รายชื่อครูโยคะ มากมาย หลากหลาย เยอะแยะไปหมดจนเลือกไม่ถกู ครูบางท่านก็น่าจะไปเรี ยนด้ วย แต่ไกล ๆ หรื อ สตูดโิ อ บางที่ก็ต้องเสียค่าใช้ จา่ ยสูงจัง ทั ้งนี ้ตามหลักของโยคะ เราต้ องรู้ตวั เองก่อนว่าเราต้ องการ อะไร มีงบประมาณเท่าไหร่ และคิดว่าจะจริงจังแค่ไหน สิง่ แรก ๆ ที่มนั จะเป็ นอุปสรรคของการฝึ กโยคะ คือเรื่ องของเวลา การเดินทาง ซึง่ จะมา บัน่ ทอนความตั ้งใจ อย่างมากมาย สาหรับหลาย ๆ คน ดังนั ้นแล้ วเมือ่ คิดจะฝึ ก ก็ลอง มองหา อะไรที่ใกล้ บ้าน ใกล้ ที่ทางานก่อนดีไหม เพื่อให้ ตดั ปั ญหากวนใจเรื่ องเวลาและ การเดินทางออกไป เพราะตัวเองก็เริ่มจากจุดนี ้ ขอใกล้ บ้าน หรื อ ใกล้ ที่งานไว้ ก่อน เพื่อที่จะได้ เดินทางสะดวก และไม่เครี ยดมากมายจากการเดินทางเพื่อไปฝึ กโยคะ ค่าใช้ จ่ายล่ะ อันนี ้ก็ต้องสอบถาม พร้ อมกับ อยากจะให้ ไปลองเรี ยน ดูกบั ครูสอนโยคะแต่ ละท่านก่อน ว่าเราจะชอบการเรี ยนการสอนแบบไหน เพราะครูโยคะ แต่ละ่ ท่านนั ้น ก็จะ มีการเรี ยนการสอนที่แตกต่างกัน และโยคะเองก็มีการเรี ยนการสอนที่แตกต่างกันออกไป ตามแนวทางต่าง ๆ มากมาย อยากจะบอกว่าอย่าไปสนใจชื่อโยคะ เพราะโยคะ คือ โยคะ แต่โยคะที่มีชื่อ ต่าง ๆ มากมายนั ้น ก็เกิดจากการค้ นพบของผู้คิดค้ นโยคะในแต่ละ แบบ แต่ทั ้งนี ้ ทุกโยคะอยู่บนพื ้นฐานเดียวกัน ไม่มีความแตกต่าง จะช้ า จะเร็ว จะร้ อน จะ เย็น จะนิ่งนาน จะต้ องเล่นเป็ นคู่ ที่สดุ แล้ ว โยคะ คือ โยคะ ดังนั ้นแล้ ว อยากให้ สอบถาม ให้ ชดั ถึงราคา และ ไปลองเรี ยน สักครัง้ สองครัง้ จนกว่าคุณจะพบว่าคุณจะมอบความ ไว้ วางใจให้ กบั ครูท่านใด

11


จริงจังแค่ไหน อย่าคิดสมัครคอร์ สระยะยาว หากคุณยังไม่ร้ ูใจคุณเอง อย่าให้ ราคา เมื่อ หารออกมาแล้ ว ถูกแสนถูก ต่อ 1 ครัง้ เมื่อซื ้อคอร์ สระยะยาว เพราะนั ้นอาจจะทาให้ คณ ุ เสียเงินก้ อนไปโดยไม่ได้ ตั ้งใจ ลองซื ้อคอร์ สสั ้น ๆ หรื อ ซื ้อเป็ นครัง้ ก่อน ทดสอบตัวเอง ว่า จะมีความแนวแน่ในการเรี ยนมากน้ อยแค่ไหน ค่อย ๆ พัฒนาตัวเอง เหมือนกับการฝึ ก โยคะ ที่ไม่มขี ั ้น เริ่มต้ น หรื อ ขั ้นสูง ทุกอย่างอยูท่ ี่ระยะเวลาในการพัฒนาตัวเองเท่านั ้น แล้ วคุณจะค้ นพบเองในที่สดุ ว่า วันหนึ่งโยคะ เป็ นส่วนหนึ่งของชิวติ คุณ บางคนชอบถามว่า จะฝึ กที่ Fitness Studio หรื อ ฝึ กกับครูสว่ นตัวดี อันนี ้จาก ประสบการณ์สว่ นตัว การฝึ กที่ Fitness จะขาดการฝึ กอย่างละเอียด เช่นการหายใจ การ เกร็งกล้ ามเนื ้อ หรื อการสอดประสานท่า เพราะในการฝึ กที่ Fitness จะเน้ นเป็ นการฝึ กใน แนวทางการออกกาลังกาย ซึง่ ตัวเองก็ฝึกใน Fitness มาก่อน แต่พอมาฝึ กตามสตูดโิ อพบ ข้ อแตกต่างที่ชดั เจน คือ การให้ รายละเอียดในการหายใจ การกาหนดการเกร็ งและคลาย กล้ ามหน้ า การเข้ าท่าจากง่ายไปยาก และรายละเอียดอื่น ๆ ซึง่ ครูแต่ละท่านอาจจะให้ ไม่ เหมือนกัน นั ้นก็ต้องขึ ้นอยู่กบั ตัวผู้เรี ยนในการเก็บรายละเอียด การเรียนโยคะ ไม่ใช่การ เรี ยนหนังสือ ที่จะมาจับมือสอนคัดลายมือกันได้ แต่การฝึ กโยคะเป็ นการฝึ กด้ วนตนเอง รู้ ตนเอง และพัฒนาด้ วนตนเอง ครูเป็ นเพียงผู้ชี ้แนะเทคนิคในการฝึ กเพื่อช่วยให้ ผ้ ฝู ึ ก สามารถพัฒนาร่างกายและจิตใจได้ อย่างถูกต้ อง ดังนั ้นแล้ ว คิดจะฝึ กโยคะ อย่าพึง่ ครู แต่ต้องอยู่กบั ตัวเอง ฝึ กกับตัวเอง และ รู้ตวั เอง

12


เรำจะฝึ กโยคะได้ ป่ำว อย่างที่กล่าวมาไว้ ในข้ างต้ น ตราบไหนที่เรายังหายใจได้ อยู่ ก้ มเอนบิดเอียงได้ ตราบนั ้น ทุกคนสามารถฝึ กโยคะ ได้ ถ้วนทัว่ แต่สงิ่ สาคัญ คือ ความตั ้งใจในการฝึ ก เพราะในการ ฝึ กโยคะ หรื อ การจะทาอะไรสักอย่างหนึ่งในชีวิตนั ้น เราก็จะต้ องเริ่มจากความตั ้งใจกัน มาก่อน หากปราศจากความตั ้งใจแล้ ว ก็คงจะทาการใดไม่สาเร็จ จะตั ้งใจอยากสวย อยากผอม อยากสงบ อยากมีสมาธิ อยากบรรลุ อยากเข้ าถึงอนันต์ ก็เอาเถอะ อะไรก็ได้ ขอให้ ตั ้งใจ แล้ วทาไมถึงคิดว่า เราจะฝึ กโยคะไม่ได้ ก็กลับไปที่จดุ เดิม คือ อย่าไปยึดติดกับท่าทาง ต่าง ๆ ของโยคะ เพราะท่าโยคะนั ้น ไม่ว่าจะยาก หรื อ ง่าย ผลลัพธ์ได้ เท่ากัน ดังนั ้นแล้ ว ให้ ดทู ี่วตั ถุประสงค์ก่อนเป็ นหลักว่าแต่ละท่าให้ คณ ุ ประโยชน์อย่างไร แล้ วค่อย เริ่มฝึ ก โยคะจากยากไปหาง่าย เพื่อเป็ นการพัฒนาร่างกาย ต่อไปเรื่ อย ๆ แล้ ว อ้ วนอย่างเราจะฝึ กโยคะได้ หรื อเปล่า ได้ ไม่เป็ นปั ญหา เพราะในการฝึ กโยคะ นั ้น ไม่ใช่วา่ วันแรกคุณจะต้ องก้ มได้ หวั จรดเท้ า หรือ ยกขาได้ สงู ขนานพื ้นเลยขึ ้นไปหัว สิง่ สาคัญอยู่ที่วา่ เราต้ องรู้จกั ตัวเอง รู้จกั ร่างกาย ว่ามีความสามารถในการฝึ กแค่ไหน วันนี ้ เราก้ มได้ แค่นี ้ เราก็ก้มเพียงแค่นี ้ ไม่ฝืนไม่เกร็ง ปล่อยตัวให้ มีความสุขกับการฝึ ก อย่าไปคิดว่า ฉันจะต้ องทาได้ ในวันนี ้วันเดียว เพราะมันเป็ นไปไม่ได้ เนื่องจากสรี ระ ร่างกายของแต่คนย่อมไม่เหมือนกัน แล้ วปล่อยให้ การฝึ กของเราค่อย ๆ ปรับสภาพ ร่างกายของเราไปเรื่ อย ๆ ในที่สดุ เราก็จะทาได้ ดีกว่าเก่า ไม่ได้ บอกน่ะว่าจะทาได้ เหมือน ทุกคน แต่เราจะมีการพัฒนาร่างกาย และ นาไปสูก่ ารเข้ าท่าได้ มากขึ ้น หมายถึง ก้ มได้ มากขึ ้น ยกขาได้ สงู ขึ ้น ซึง่ จะเกิดจากการฝึ กกล้ ามเนื ้อชั ้นในให้ มีความแข็งแรงมากขึ ้น 13


บางคนกลัวว่า ฉันจะหายใจไม่ถกู เข้ าออก ไม่เป็ นไปตามคนอื่น ก็ต้องกลับมาที่ตวั เราเอง หากพึง่ เริ่มฝึ กโยคะ การหายใจของตัวเรานั ้นยังไม่ได้ ถกู ปรับ จึงต้ องค่อย ๆ ฝึ กไป เมื่อ ฝึ กฝนไปเรื่ อย ๆ เราก็จะปรับการหายใจไปได้ เองโดยอัตโนมัติ ดังนั ้นแล้ ว อย่าให้ เกิด ความคิดที่ว่า เราจะทาได้ ไม่เหมือนคนอื่น เราจะทาหายใจไม่ถกู ต้ อง เพราะไม่มีใครรู้กนั ตั ้งแต่กาเนิด แล้ วก็อย่าไปกลัวว่าเราจะไปถ่วงคนอื่นในชั ้นฝึ ก เพราะโยคะเป็ นเรื่ องการ ฝึ กเฉพาะบุคคล ดังนั ้นแล้ ว ในแต่ละชั ้นฝึ ก อาจจะมีคนที่ฝึกมานาน และ คนที่พงึ่ ฝึ กอยู่ ร่วมกัน ดังนั ้นการฝึ กของแต่ละคนไม่มีความเกี่ยวเนื่องกัน ใครทาได้ แค่ไหน นั ้นคือเรื่ อง ของตัวบุคคล แต่สงิ่ ที่เกิดขึ ้นร่วมกัน คือ พลังของความตั ้งใจที่สง่ ระหว่างผู้ฝึกโยคะ เพื่อ เป็ นกาลังใจและพลังแก่กนั เพื่อให้ บรรลุเป้าหมายของการฝึ กแต่ละคน ย ้าอีกครัง้ ว่าโยคะไม่ใช่กีฬาหรื อการออกกาลังกาย ที่คณ ุ จะต้ องมีความสามารถพิเศษ หรื อต้ องมีอวัยวะอะไรเป็ นพิเศษ คนธรรมดาทัว่ ไป สามารถฝึ กโยคะ ได้ เพราะไม่ว่าท่า จะยากหรื อง่าย ทุกอาสนะในการฝึ กให้ ผลประโยชน์เดียวกัน คือ การทาให้ ใจและกาย ประสานเป็ นหนึ่ง รู้ตนเอง มีสมาธิ และเป็ นการดูแลสุขภาพโดยองค์รวม ความสุขที่ สาคัญ คือ การเรี ยนรู้ที่จะฝึ กและรู้จกั ตนเอง แล้ วทุกคนจะพบความสุขจากการฝึ กโยคะ

14


โยคะทัศนคติ ตลอดสามวันที่เข้ าค่าย ครู โยคะ รุ่นที่ 10 ของสถาบันโยคะวิชาการ มีหลายสิง่ หลาย อย่างที่มีทั ้งความเหมือนและความต่าง ดังจะเห็นได้ จากกลุม่ เพื่อนที่เข้ าฝึ กอบรม ที่ เหมือนกันในความตั ้งใจและมุง่ มัน่ ที่อยากจะเรี ยนรู้และฝึ กหัดในศาสตร์ ของโยคะอย่าง ลึกซึ ้ง แต่ก็มีความต่างกันอยู่ตรงที่วา่ จุดเริ่ มต้ นของแต่ละคน นั ้นย่อมแตกต่างกัน ส่วน ใหญ่ต้องบอกว่าร้ อยละ 60 เป็ นเหตุผลของการเจ็บป่ วย นามาซึง่ จุดเริ่มต้ นของการฝึ ก โยคะ รวมทั ้งตัวเราด้ วยด้ วย อีกร้ อยละ 30 ต้ องเรี ยนรู้การนาโยคะมาช่วยให้ หลุดพ้ นจาก ทางโลก และ อีกร้ อยละ 10 ต้ องการเรี ยนรู้ว่าโยคะคืออะไร และ ฝึ กไปแล้ วจะได้ ประโยชน์อะไรบ้ าง นั ้นคือที่มาที่ไปของคน 22 คนจากความหลากหลายทั ้งกายภาพ จิต วิญญาณ และภูมศิ าสตร์ ที่มารวมตัวกันในครัง้ นี ้ ในช่วงแรกของการเข้ าค่าย ครูกวี คงภักดีพงษ์ ได้ กล่าวไว้ อย่างน่าสนใจ เกี่ยวกับทัศนคติ ของเราทุกวันนี ้ว่า “สิง่ สาคัญที่จะเอื ้อต่อการเรี ยนโยคะนั ้นคือทัศนคติของผู้เรี ยน ว่า ผู้เรี ยนมีทศั คติอย่างไรต่อการเรี ยนโยคะ” ซึง่ ขยายต่อไปอีกว่า “หากเรายังมีทศั นคติทาง โลก ซึง่ ปั จจุบนั มีลกั ษณะของการเป็ นโลกผู้เชี่ยวชาญ เราก็จะอยู่ในสังคมปรนัย หรื อ สังคมอุตสาหกรรมบริโภคนิยม ที่ผลิตอุตสาหกรรมความรู้ มีผ้ เู ชี่ยวชาญ สาขาโน้ นนี ้นั ้น มากาหนด และ ค่อยบอกว่าอะไรควรทาไม่ควรทา จนกระทัง่ เราเปรี ยบเสมือนผู้รอรับที่ ไม่ต้องใช้ ปากเคี ้ยวสมองคิด ดาเนินชีวติ ไปวันต่อวัน ทาตามกระแสสังคม ที่ว่าโยคะคือ การออกกาลังกาย ก็จะเวียนว่ายกันไปไม่สิ ้นสุด วันนี ้เรื่ องนี ้ฮิต วันนั ้นเรื่ องนั ้นดัง ก็แห่ โหนกันไปตามกระแส”

15


แต่ทางตรงกันข้ าม ทัศนคติแบบโยคะ คือ การสร้ างความสมดุลทางธรรมชาติอย่างองค์ รวมให้ กบั ชีวิต เพราะทุกคนเกิดมามีเป้าหมายเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน นั ้นคือระบบนิเวศ ไม่ว่าเราจะเป็ นหญ้ า ต้ นไม้ ใหญ่ แมลง นก หรือ คน ต่างมีหน้ าที่และเป้าหมายในการ ดารงอยู่ ทุกสิง่ อย่างมีความเท่าเทียมและยิ่งใหญ่เท่ากัน ไม่มีใครฉลาด หรื อ โง่ไปกว่า ใคร เพราะเราไม่สามารถอยู่ได้ ด้วยตัวเองเพียงลาพัง เพราะเราทุกคนต้ องการศักยภาพ จากทุกอย่างเพื่อเกื ้อหนุนซึง่ กันและกัน และในความเป็ นจริงทีว่า เราถูกสร้ างให้ มีความ เฉพาะตัว ดังนั ้นเราทุกคนมีความสามารถในการสร้ างสรรค์สงิ่ ต่าง ๆ ขึ ้นมาได้ โดยไม่ จาเป็ นจะต้ องเดินตามกัน เพราะเรามีสมองที่สามารถคิดไตร่ตรอง และ ปฏิบตั ิ ได้ นั ้น เพราะชีวิตเราไม่เคยง่าย ไม่เคยสบาย ทุกจังหวะของชีวติ คือความท้ าทายที่ให้ เราค้ นหา ไม่ว่า จะตามกระแส ทวนกระแส หรื อ แสวงหาในตัวเอง เพราะเราจาเป็ นที่จะต้ องเรี ยน รู้อยู่ตลอดเวลา นั ้นคือ ความหวังที่จะบรรลุเป้าหมายสูงสุด ที่แต่ละคนปรารถนา ดังนั ้นแล้ วโยคะทัศนคติ นั ้นคือ การเข้ าใจในสมดุลของตนเองอย่างองค์รวม เพื่อสภาวะ แวดล้ อมที่ดีในชุมชนที่ตนเองอาศัย เพราะหากเราทุกคนคิดดี ทาดี ตามหน้ าที่ของตนเองที่สมควร เราก็ช่วยกันสร้ างสังคมที่ น่าอยูข่ ึ ้นมาได้

16


แผนที่โยคะ จะฝึ กโยคะน่ะ มีแผนที่หรื อยัง อุแม่เจ้ า คิดจะฝึ กโยคะ ต้ องมีแผนที่ด้วย แล้ วเราจะหา แผนที่จากไหนล่ะ ร้ านหนังสือไหนมี หรื อว่า จะโหลดจากอินเตอร์ เน็ท ได้ ป่าว แค่เอาตัว มาถึงค่าย ก็หลงแล้ วหลงอีก ตายแล้ วจะเดินทางไปถึงไม่เนี ้ย นี ้คือความน่าสนใจ ที่ว่า เมื่อเรานึกถึงแผนที่ เรามักจะนึกถึงจุดหมายปลายทางกันเสียก่อน ส่วนจะคดเคี ้ยวเลี ้ยว ลดไปทางไหน เราก็เลือกที่จะเดินทางได้ ด้ วยการดูรายละเอียดเส้ นทางในแผนที่ แต่สงิ่ หนึ่งที่แผนที่ไม่ว่าจะรูปแบบไหนไม่เคยบอก คืออะไร ใครรู้บ้าง นึกออกกันบ้ างป่ าว แผนที่ไม่เคยบอกว่า จุดเริ่มต้ นของเราอยูท่ ี่ไหน เพราะแผนที่มี วัตถุประสงค์ที่เป้าหมายปลายทาง แต่ในวิถีโยคะแล้ ว การคิดถึงแต่เป้าหมายและ เส้ นทางอย่างเดียวนั ้นยังไม่เพียงพอ เพราะสิง่ สาคัญ คือ เราจะต้ องรู้ว่า ณ ขณะนี ้ เราอยู่ ที่ไหน ตรงไหน นั ้นคือ การรู้จกั ตัวเองก่อนอื่น เพราะแผนที่โยคะที่อยูใ่ นตัวเราแต่ละคน เป็ นแผนที่เฉพาะบุคคลที่ไม่มีใครจะลอกเลียนแบบได้ ดังนั ้นแล้ ว เราเองก็ลอกเลียนแบบ ใครไม่ได้ เหมือนกัน ด้ วยแผนที่โยคะของเราแต่ละคน ก็จะนาเราไปสูจ่ ดุ เป้าหมายสูงสุด ของแต่ละคน ดังนั ้นแล้ วด้ วยทัศนคิตแบบเดิมจากโลกผู้เชี่ยวชาญ ก็จะเป็ นกรอบทาให้ เราไม่สามารถ บรรลุถึงเป้าหมายของแต่ละบุคคลได้ เพราะในโลกผู้เชี่ยวชาญนั ้น เราถูกสอนให้ เป็ น เหมือนคนอื่น ๆ ที่ประสบความสาเร็จ กินอยูอ่ ย่างคนดัง ขับรถเพื่อแสดงสถานะ และอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั ้นแล้ วการเรี ยนรู้การใช้ แผนที่โยคะให้ เป็ น จะทาให้ เราเรี ยนรู้ที่จะเขียนแผนที่ในการ ดาเนินชีวิตให้ กบั ตัวเราเองด้ วย เพราะก่อนที่จะเขียนแผนที่โยคะนั ้น เราต้ องรู้จกั ตัวเอง 17


รู้จกั ใจว่าสมาธิเราเป็ นอย่างไร รู้จกั กายว่าร่างกายเรามีความสามารถในการฝึ กแต่ละท่า แค่ไหน เพราะเราแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะสมาธิดี แต่ร่างกายยังไม่ แข็งแรง แต่บางคนร่างกายแข็งแรง แต่ขาดซึง่ สมาธิ นั ้นคือ แต่ละคนยังขาดซึง่ สมดุล มี ความแตกต่าง ดังนั ้นผู้ฝึกแต่ละคน จึงต้ องค้ นหาและสร้ างสมดุลของตนเอง ไม่เกิดการ ลอกเลียน หรื อ เปรี ยบเทียบ เพราะมนุษย์ แต่ละคน ย่อมมีความสามารถที่แตกต่างกัน แค่หน้ าตาเราก็ยงั แตกต่างกันแล้ ว จะเอาอะไรกับสิง่ อื่น ๆ มันก็ยอ่ มมีความต่าง เมื่อเรารู้แล้ วว่าเราอยู่จดุ ใดในแผนที่โยคะของเรา ที่เหลือก็คือ การค้ นหาเส้ นทางโยคะ ที่ เหมาะสมกับตัวเรา เปิ ดใจรับการเรี ยนการสอนการฝึ กฝน เพราะเส้ นทางของแต่ละคนก็ ย่อมแตกต่างกัน ดังนั ้นแล้ วระยะเวลาในการถึงเป้าหมายก็ยอ่ มแตกต่างกัน แต่ถ้าว่า ระหว่างทางเรามัว่ แต่ไปเปรี ยบเทียบตัวเรากับคนอื่น ๆ เราเองก็จะขาดการพัฒนา หยุด จินตนการและขาดซึง่ ความสุข เพราะเมื่อเกิดการเปรี ยบเทียบ เราก็จะมีแต่ทกุ ข์ ว่าทาไม เราถึงไม่เหมือนคนอื่น ทาให้ เสียเวลาหลงทาง และห่างไกลจากเป้าหมายมากขึ ้น นี่คือสิง่ ที่เราได้ จาก คาพูดของ ครูกวี ในวันเปิ ดค่าย ดังนั ้นแล้ วแม้ แต่ชีวิตของเราแต่ละ คน หันมาดูใจดูกายของเราก่อนดีกว่าว่าต้ นทุนจุดเริ่มต้ นของเราอยูท่ ี่ไหน เพื่อเข้ าใจใน ตัวเองและช่วยในการเตรี ยมความพร้ อมในการดาเนินชีวิตได้ เป็ นอย่างดี เพื่อให้ เราถึง เป้าหมายสบายผิดกัน

สถาบันโยคะวิชาการ ซอยราม 36/1

18 โทร. 02-732-2016-17


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.