จดหมายข่าว
www.thaiyogainstitute.com
คุยกันก่อน ปฏิทนิ กิจกรรม กิจกรรมของเครือข่าย คุณถาม เราตอบ แลกๆ เล่าๆ จดหมายจากศิษย์ แนะนาหนังสือ จดหมายจากเพือ่ น โลกอาสนะ เกร็ดความรูโ้ ยคะ ประชาสัมพันธ์
วิถชี วี ติ เพือ่ สุขภาวะ
ฉบับเดือน มีนาคม 2554
2 โยคะพืน้ ฐาน, โยคะในสวนธรรม, ... 2 ปรัชญาเชน หลักสูตรภาคฤดูรอ้ น 2 ลมหายใจหยุด 3 สวาธยายะ 4 หลังจากได้ฝึกโยคะ 6 โยคะกับการพัฒนมนุษย์ 6 ่ เมือ่ ฉันไปโครงการ อาสาเติมใจผูป้ วย 7 อาสนะดีไซน์เนอร์ 8 กล้ามเนื้อของการหายใจ 9 อบรมครูโยคะ หลักสูตร 250 ชัวโมง ่ ปี 2554 12
จดหมายข่าว โยคะสารัตถะ วิถชี วี ติ เพือ่ สุขภาวะ ที่ปรึกษา แก้ว วิฑรู ย์เธียร ธีรเดช อุทยั วิทยารัตน์ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภริ มย์ศานติ ์ นพ.สมศักดิ ์ ชุณหรัศมิ ์ กองบรรณาธิ การ กวี คงภักดีพงษ์, จิรวรรณ ตัง้ จิตเมธี, จีระพร ประโยชน์วบิ ลู ย์, ชนาพร เหลืองระฆัง, ณัตฐิยา ปิยมหันต์, ณัฏฐ์วรดี ศิรกิ ุลภัทรศรี, ธนวัชร์ เกตน์วมิ ตุ , ธัญยธรณ์ อรัณย์ชลาลัย, ธีรนิ ทร์ อุชชิน, พรจันทร์ จันทนไพรวัน, รัฐธนันท์ พิรยิ ะกุลชัย, วรรณวิภา มาลัยนวล, วัลลภา ณะนวล, วิสาขา ไผ่งาม, วีระพงษ์ ไกรวิทย์, ศันสนีย์ นิรามิษ, สมดุลย์ หมันเพี ่ ยรการ, สุจติ ฏา วิเชียร
สถาบันโยคะวิชาการ มูลนิธหิ มอชาวบ้าน 201 ซอยรามคาแหง 36/1 บางกะปิ กทม.10240 โทรศัพท์ 02 732 2016-7, 081 401 7744 โทรสาร 02 732 2811 อีเมล์ yogasaratta@yahoo.co.th เว็บไซท์ www.thaiyogainstitute.com
สิ่ งตีพิมพ์
สารัตถะ มีนาคม 54 1
สวัสดีเดือนมีนาคม วันทีเ่ ขียนทักทายนี้ กาลังมีขา่ ว จิตมนุษย์ ซึง่ สร้างความเสียหายต่อชีวติ มากกว่าข่าวแรกที่ แผ่นดินไหวใหญ่ทเ่ี มืองไครสท์เชิรช์ ประเทศนิวซีแลนด์ และ เป็ นภัยธรรมชาติตงั ้ เยอะ ดูขา่ วแล้วก็รสู้ กึ ว่า พวกเราเร่งฝึก ทีต่ ดิ กัน เป็ นข่าวการลุกฮือของประชาชนขึน้ ขับไล่รฐั บาล โยคะ เร่งพัฒนาจิตกันเถอะ เอาศักยภาพอันยิง่ ใหญ่ของจิต ประเทศลิเบีย ข่าวหลังนัน้ มีสาเหตุมาจากความปรุงแต่งของ มานาพาเราไปสูค่ วามสงบเย็นกันดีกว่า ____________________________________________________________ จิ ตสิ กขา วันเสาร์ท่ี 19 มีนาคม 9.00 – 12.00 น. คุยกันเรื่อง จิตของแต่ละคนในช่วง 1 เดือนทีผ่ ่านมา” ทีส่ านักงาน ของ “สมุทยั ” พร้อมกับ “แลกเปลีย่ นประสบการณ์การพัฒนา สถาบันฯ ซอยรามคาแหง 36/1 --------------------------------------------------------โยคะอาสนะขัน้ พืน้ ฐานเพือ่ ความสุข จัดขึน้ ในวันอาทิตย์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สุขมุ วิท ที่ 20 มีนาคม 2554 เวลา 9.00-15.00 น. ทีห่ อ้ ง 262 ชัน้ 6 23 (ซอยประสานมิตร) ---------------------------------------------------------เชิญอัพเดทข่าวสถาบันฯ เป็ น fan ในเฟสบุ๊คที่ http://www. และทาง Twitter ที่ http://twitter.com/yogathai facebook.com/pages/thaiyogainstitute/208189084154 --------------------------------------------------------โยคะในสวนธรรม เชิญเข้าร่วมกิจกรรม “โยคะในสวน 26 มี.ค. โยคะเพื่อการเรียนรูต้ นเอง โดย รุ่งศศิธร เอกปญั ญา ธรรม” ปี 2554 นี้ ทุกวันเสาร์ทส่ี ข่ี องเดือน เวลา 10.00 – ชัย (ครูเหมียว) และ เพื่อนครูรุ่น 10 ไม่เสียค่าใช้จา่ ย มีการตัง้ กล่องรับบริจาค เพื่อช่วย 12.00 น. และ ทุกเย็นวันพุธทีส่ าม ของเดือน เวลา 17.00 – และค่าเดินทาง 18.30 น. ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส สวนวชิรเบญทิศ ถ. สมทบค่าสาธารณูปโภคให้กบั ฝา่ ยอาคาร วิทยากร วิภาวดีรงั สิต (หลังตึก ปตท. ห้าแยกลาดพร้าว) 16 มี.ค. โยคะสลายเครียด รัฐธนันท์ – กฤษณ์ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------ร่วมกันบาเพ็ญประโยชน์ เพื่อผูป้ ว่ ยทีร่ อรับกาลังใจ โครงการ “อาสาเติ มใจผูป้ ่ วย: ศิ ลปะภาวนาบนถุงผ้าชาย จากทุกท่าน ผ้าเหลืองข้างเตียง” ครังที ้ ่6 ชีวติ สิกขา เครือข่ายเพื่อการเรียนรูแ้ ละเข้าใจชีวติ วันอาทิตย์ท่ี 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 10.00-15.00 น. ณ เชิญชวนทุกท่านร่วมฝึกสมาธิกบั การปกั ผ้าด้วยลวดลายต่างๆ ลานอเนกประสงค์ ชัน้ 1 หอจดหมายเหตุพทุ ธทาส (ในสวน โดยมีชายผ้าเหลืองพระ เป็ นส่วนประกอบบนถุงผ้าทีจ่ ะนาไป รถไฟ) สอบถามรายละเอียดเพื่อเติม และ/หรือ แจ้งความ ใส่หนังสือธรรมะ / หนังสือสวดมนต์เพื่อส่งมอบให้ผปู้ ว่ ยในกิจ ประสงค์บริจาคหนังสือธรรมะ/บทสวดมนต์ได้ท่ี เครือข่าย ชีวติ สิกขา: ครูดล 087-678-1669 ครูแดง 089-983-4064 กรรมคลินิกธรรมะตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ......................... เรียนทุกวัน จันทร์ – เสาร์ เวลา 8.30 – 12.30 น. ที่ ปรัชญาเชน หลักสูตรภาคฤดูรอ้ น 25 เม.ย. – 13 พ.ค. 54 จัดโดย โรงเรียนนานาชาติเชนศึกษา International ห้องสัมนา ชัน้ 5 สถาบันวิจยั ภาษาและวัฒนธรรมฯ มหิดล School for Jain Studies (ISJS) ร่วมกับ ชุมชนเชน กรุงเทพ ศาลายา ค่าลงทะเบียน 1,000 บาท รับนักเรียน 20 คน สนใจติดต่ออาจารย์โสภนา sophana@gmail.com Bangkok Jain Community และ สถาบันวิจยั ภาษาและ โทร 086 168 - 5475 วัฒนธรรมแห่งเอเซีย มหาวิทยาลัยมหิดล
สารัตถะ มีนาคม 54 2
สนใจติดต่ออาจารย์โสรัจ hsoraj@chula.ac.th โทร 089 686 - 6331 ทัง้ 2 หลักสูตรข้างต้น ผูส้ อนได้แก่ Prof. Shugan Jain ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านศาสนาเชนจากประเทศอินเดีย สอนเป็ น ภาษาอังกฤษทัง้ หมด นอกจากอาจารย์ของทัง้ 2 มหาวิทยาลัยแล้ว ผูส้ นใจสามารถติดต่อขอข้อมูลได้ท่ี คุณ ปราโมท เอ็ม เชน pmjain@hotmail.com โทร 081 821 – 1739 ปิ ดรับสมัครวันที่ 28 ก.พ. แต่ผทู้ ส่ี นใจก็น่าจะลอง ติดต่อดู ขออภัยที่ จดหมายข่าวลงข่าวนี้ไม่ทนั ฉบับทีแ่ ล้ว
อหิ งสาและวัฒนธรรม Shramanika ของเชน หลักสูตร ภาคฤดูรอ้ น 25 เม.ย. – 13 พ.ค. 54 จัดโดย โรงเรียนนานาชาติเชนศึกษา International School for Jain Studies (ISJS) ร่วมกับ ชุมชนเชน กรุงเทพ Bangkok Jain Community และ ภาควิชาปรัชญา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียนทุกวัน จันทร์ – เสาร์ เวลา 14.30 – 17.30 น. ทีห่ อ้ ง 614 อาคารบรมราชกุมารี คณะศิลปะศาสตร์ จุฬา ค่าลงทะเบียน 1,000 บาท รับนักเรียน 20 คน ..........................................................................................
โดย กอง บ.ก. ประเด็นทีส่ องทีน่ ามาพิจารณาคือเรื่อง ความรูต้ วั ลมหายใจหยุด ความรูส้ กึ ตัว ซึง่ ในทีน่ ้กี ค็ อื ความรับรูถ้ งึ การหายใจ เอาเข้า ครูคะ ่ วันนี้เมื่อเช้าระหว่างทีก่ าลังล้างแก้วน้าอยู่ สังเกตว่า จริงๆ มีเพียงไม่กห่ี ว้ งขณะหรอก ทีเ่ ราให้ประสาทสังการมา ลมหายใจได้หยุดชัวขณะราว ่ 1 วินาที แล้วกลับมาหายใจใหม่ กากับการหายใจ เช่นตอนฝึกปราณายามะ ฯลฯ ส่วนเกือบ เป็ นอยู่ประมาณ 2-3 ครัง้ สังเกตอีกว่าลมหายใจปกติ และลม ตลอดเวลาทีเ่ หลือ ประสาทอัตโนมัติ คอยทาหน้าทีห่ ายใจให้ ่ ไ่ ม่ได้จดจ่ออยู่กบั ลมหายใจ หายใจยาวค่ะ ทัง้ สองเหตุการณ์น้มี นั เกิดขึน้ เอง โดยไม่ได้ไป เรา หมายความว่า คนทัวไปที บังคับมัน คราวนี้มาถึงคาถามว่าเพราะเหตุใด ลมหายใจถึงได้ แทบจะไม่มกี ารรับรูถ้ งึ การหายใจเลย ไม่ว่ามันจะหายใจเข้า จะหายใจออก หรือจะหยุดหายใจ กล่าวคือ ร่างกายมันอาจจะ เป็ นแบบนี้ อยากรูจ้ งั เลยค่ะ หยุดหายใจของมันอยูบ่ ่อยๆ ก็ได้ เพียงแต่เราไม่เคยใส่ใจ ตอบ การทีพ่ วกเราผูส้ นใจโยคะจริงจัง ปรับเปลีย่ นชีวติ ขอออกตัวว่า ผูต้ อบไม่ใช่ผเู้ ชีย่ วชาญเฉพาะทางแต่ อย่างใด การตอบนี้ถอื ว่าเป็ นการแลกเปลีย่ น ทัง้ ยังยินดีรบั ตนเอง ผนวกการฝึกโยคะเข้าเป็ นส่วนนึงในวิถี จิตได้รบั การ ่ ่กบั กาย-ใจตนเองได้ คาแนะนา ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจยิง่ ขึน้ พัฒนา ทาให้มสี มาธิดขี น้ึ (จิตตัง้ มันอยู บ่อยขึน้ ) ทาให้สติเกิดถีข่ น้ึ จึงเป็ นไปได้ ทีท่ าให้ ณ ห้วงขณะ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ไปเพิม่ ความสับสน ประเด็นแรก ผมมองเรื่องกลไกการหายใจ ซึง่ เป็ น ของกิจวัตรปกติ (กาลังล้างแก้วน้า) เรารับรูถ้ งึ การหายใจ จึง ธรรมชาติในการรักษาชีวติ ของมนุษย์และสัตว์ทงั ้ หลาย (ไม่ ได้มโี อกาสรูว้ ่า อ้อ นี่มนั กาลังหยุดหายใจอยู่นะ (ซึง่ มันก็อาจ ่ ขออ้างไปถึงพืช ซึง่ แม้มชี วี ติ แต่ต่างจากสัตว์อย่างพวกเรา เป็ นมาบ่อยๆ ของมันนันแหละ) สิง่ ทีอ่ ยากแลกเปลีย่ นเพิม่ คือ อยากให้มองไปที่ ตรงทีไ่ ม่มรี ะบบประสาท ซึง่ พุทธศาสนาไม่นบั พืชเป็ นสัตว์ โลก เพราะพืชไม่มจี ติ ) สัตว์ทงั ้ หลายนัน้ หายใจเพราะ ความรูส้ กึ ตัว หรือ สติ ด้วย ไม่ใช่มองเพียงแค่ปรากฏการณ์ ต้องการออกซิเจนเข้าไปใช้เป็ นพลังในการสันดาป และขับ ของการหยุดหายใจ อย่างในกรณีของคาถามนี้ ผูถ้ ามอาจจะ คาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เพื่อการดาเนินชีวติ ซึง่ ถ้าเรา ลองประมวลชีวติ ในช่วงนี้ ว่านอกจาก เห็นตัวเองหยุดหายใจ มองตามเหตุ-ผลว่า ธรรมชาติไม่ทาอะไรพร่าเพรื่อ เมื่อไรที่ ยังได้เห็นความละเอียดอ่อนอื่นๆ ทีเ่ ราไม่เคยเห็นหรือเปล่า เราต้องการอากาศ เราจะหายใจ หมายความว่าเมื่อไรทีเ่ ราไม่ เช่น เท่าทันอารมณ์ตวั เองเร็วขึน้ เห็นการทางานของจิต ถ้ามีปรากฏการณ์ ต้องการอากาศ เราจะไม่หายใจ ดังนัน้ ในวิถชี วี ติ ของเรา ถ้า ตัวเองชัดขึน้ อย่างทีไ่ ม่เคยเห็นมาก่อน ขณะนัน้ ร่างกายผ่อนคลาย ใช้พลังงานน้อยมาก และอากาศ ทานองนี้เกิดขึน้ ด้วย ก็มแี นวโน้มว่า สติเราดีขน้ึ และการ ่ แต่ถา้ ทีเ่ หลือยู่ภายในเพียงพอ เราก็ไม่น่าจะหายใจนะ สรุปว่า ที่ พบว่าตัวเองหยุดหายใจก็เป็ นเพราะสติดขี น้ึ นันเอง สังเกตเห็นตัวเองไม่หายใจ หายใจยาว อยูใ่ นคาอธิบายตาม ปรากฏการณ์อ่นื ๆ ไม่มี มีแค่เฉพาะเรื่องหยุดหายใจเรื่อง ่ ตอ้ ง ธรรมชาติได้ครับ เพียงแต่อาจจะไม่คนุ้ ชินนัก เพราะความ เดียว งัน้ อาจจะเป็ นทีต่ วั กลไกการหายใจล้วนๆ ซึง่ นันก็ รับรูข้ องเรานัน้ เชื่อว่าเราหายใจมาตลอดเวลาไม่เคยหยุดเลย มาหาสาเหตุกนั ต่อไป ฝากพิจารณาครับ
สารัตถะ มีนาคม 54 3
..............................................................................................................
ฉบับนี้ ยกเรื่องสวาธยายะซึง่ อาจารย์ธรี เดช อุทยั วิทยารัตน์ (พีเ่ ละ) นาเสนอแง่มุมทีล่ กึ และละเอียด จากนัน้ เป็ นเมล์ทพ่ี เ่ี ละแลกเล่าถึงเพื่อนครูคนหนึ่ง ในหัวข้อเดียวกัน สวาธยายะ ไหนๆ ก็พดู ถึงเรื่องของสวาธยายะแล้ว พีเ่ ลยนึกขึน้ ได้ว่ายังติดค้างเกีย่ วกับเรื่องนี้อยู่ ไม่รวู้ ่าคนถามลืมไปหรือยัง ว่า เคยถามพีโ่ ดยอ้างถึงเมลทีพ่ เ่ี คยคิดดังๆ ให้พวกเราอ่านว่า อายุรเวทแนะนาว่า หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ให้เราสารวจ ตรวจสอบตัวเอง ซึง่ เราอยากให้ขยายความเรื่องนี้อกี นิด
โดย ธีรเดช อุทยั วิทยารัตน์ เช่น แทนทีจ่ ะคิดว่ายมะกับอาสนะเป็ นคนละองค์ ของโยคะทีด่ คู ล้ายจะแยกขาดจากกัน เราสามารถประยุกต์ เอาบางแง่มุมของยมะมาใช้ในการฝึกอาสนะได้ เช่น ในการ ฝึกอาสนะเราต้องซื่อสัตย์กบั ตัวเองว่าเรามีความยืดหยุ่น และ ความแข็งแรงทีจ่ ากัด อีกทัง้ บางคนอาจมาเริม่ ฝึกอาสนะในวัน วัยทีเ่ ลยครึง่ หนึ่งของชีวติ ไปแล้ว ทาให้เราอาจไม่สามารถ ทาท่าทีห่ นักหน่วงได้เท่ากับคนทีร่ ่างกายอ่อนหยุ่น และแข็ง แรงกว่าเรา อย่างทีค่ รูของพีจ่ ะใช้ประโยคว่า “เราต้องเห็นและ ยอมรับตัวเราอย่างทีเ่ ราเป็ น และเริม่ จากจุดหรือสภาวะทีเ่ รา เป็ น” จากนัน้ ด้วยการอภยาสะ(แปลว่าการฝึก การปฏิบตั )ิ ที่ สม่าเสมอ ร่างกายย่อมปรับเปลีย่ นได้(แต่มากหรือน้อยเป็ น นัน้ เป็ นอีกเรื่องหนึ่ง ซึง่ เราก็ตอ้ งยอมรับมัน)
เรื่องของเรื่องก็คอื ในทางอายุรเวทจะแนะนาให้เรา ตื่นนอนขึน้ มาก่อนรุ่งอรุณ หรือพูดอีกอย่างว่าตื่นขึน้ มารับ อรุณ เพราะช่วงก่อนพระอาทิตย์ขน้ึ เป็ นห้วงยามทีส่ รรพชีวติ การเห็นตัวเราอย่างทีเ่ ราเป็ น และเริม่ จากทีเ่ ราเป็ น ในธรรมชาติเริม่ เข้าสูว่ ฏั จักรแห่งวันใหม่ (ยกเว้นชีวติ ในสปีชสี ์ ทีก่ ลับตาลปตั รกับชีวติ ทัวไป ่ คือผ่อนพักตอนกลางวัน และตื่น ใช่หรือไม่ว่าก็คอื ความซื่อสัตย์กบั ตัวเองหรือ “สัตยะ” อีก แบบบหนึ่ง ซึง่ เป็ นหนึ่งในยมะ และหากินกลางคืน ซึง่ คนเราไม่น่าจะจัดอยูใ่ นสปี ชสี น์ ้ี) และการยอมรับให้ได้ว่า แม้เราจะฝึกฝนอย่างสม่า การตื่นขึน้ มาตอนเช้าตรู่เท่ากับเราทาตัวให้สอดรับ เสมอ ร่างกายเราก็อาจจะพัฒนาความยืดหยุ่นได้ไม่เท่ากับอีก กับจังหวะของธรรมชาติ หลายๆ คน โดยเฉพาะในกรณีทเ่ี รามาเริม่ ฝึกอาสนะในวัยที่ อายุรเวทยังแนะนาอีกว่า หลังจากตื่นนอนในตอน เลยครึง่ ชีวติ มาแล้ว กรณีน้กี น็ ่าจะเข้าข่ายของ “อปริเคราะห์” เช้า(ตรู่)แล้ว ให้เราลองสารวจตรวจตราตัวเองว่าเป็ นอย่างไร ซึง่ เป็ นอีกแง่มมุ หนึ่งของยมะ บ้าง พูดในทางรูปธรรมก็น่าจะประมาณว่า ลองสารวจ(ซึง่ นี่คอื ตัวอย่างของการปรับใช้องค์อ่นื ๆ ในองค์ทงั ้ ไม่ใช่คดิ )ว่าเรารูส้ กึ สดชื่นหรือไม่ รูส้ กึ ร่างกายโล่งโปร่งสบายดี ไหม เราพร้อมทีจ่ ะเผชิญหรือเริม่ ต้นชีวติ ในวันใหม่หรือยัง แปดของโยคะเข้ามาอยู่ในองค์แห่งร่างกาย คือ อาสนะ เอวังก็มดี ว้ ยประการฉะนี้แล ก่อนทีจ่ ะลุกขึน้ เริม่ ต้นก้าวแรกของชีวติ ในวันใหม่ จากคาแนะนาข้างต้น พีค่ ดิ ว่าหากคิดจากมุมมอง ของโยคะ ก็น่าจะเข้าข่ายสิง่ ทีเ่ รียกว่า “สวาธยายะ” ซึง่ เป็ น หนึ่งใน “นิยมะ” นันเอง ่
คาถามจากเพือ่ นครูคนหนึ่ ง วันนี้หนูมสี อนเด็ก ไปโรงเรียน.ตัง้ แต่ 7 โมงครึง่ รอ สอน 9 โมง สงสัยนังนานเกิ ่ น ฟุ้งซ่านค่ะ มันรูส้ กึ ว่า บางทีเรา ก็เหมือนจะรูอ้ ะไรๆ ดี เช่น รูเ้ รื่องโยคะ รูเ้ รื่องโยคะเด็ก อยากสอนเด็ก สนุกกับการสอนเด็ก แต่ทาไม บางทีเราก็รสู้ กึ เหมือนเราไม่รอู้ ะไรเลย หรือ ไอ้ทว่ี ่ารูน้ ่ะ รูจ้ ริงรึเปล่า ทาไมล่ะ คะ (แต่พอคิดแล้วซึมๆ อยู่ พอถึงเวลาสอน เจอหน้าเด็กๆ แล้ว มันก็สดชื่นค่ะ ความคิดลบก็เลยคลีค่ ลายไป)
พีต่ งั ้ ใจทีจ่ ะใช้คาว่า “สวาธยายะ” ในหลายๆ ครัง้ ด้วยเหตุผลดังทีพ่ เ่ี คยแลกกับพวกเราทัง้ ในคลาสวินยาสะและ ทีเ่ ขียนแลกและเล่าผ่านทางเมล์เป็ นระยะๆ ว่า เราสามารถ บ่มเพาะตัวเองให้นามุมมองหรือแง่คดิ ในประเด็นต่างๆ ของ การฝึกอาสนะและโยคะมาประยุกต์ใช้ หรือกระทังอธิ ่ บาย ปรากฏการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจาวัน (การกระทาซ้าบ่อยๆ ั จริงๆ หนูคดิ วิธแี ก้ปญหานี ้ของตัวเองไว้บา้ ง ด้วย อาจเรียกในทางโยคะและอายุรเวทว่า สัมสการะ) ซึง่ จะทาให้ การ หมันหาความรู ่ เ้ รื่องโยคะตลอด ไปเข้ากลุ่มโยคะกับเพื่อน เราเกิดความคุน้ ชินทีจ่ ะทาเช่นนี้ (อย่างทีพ่ เ่ี รียกติดปากว่า ครูดว้ ยกันเพื่อหล่อเลีย้ งและรดน้าพรวนดินเรื่องนี้ไว้ เขียน “วาสนา” ซึง่ แปลคร่าวๆ ว่า “สิง่ ทีต่ ดิ ตัว”) บันทึกหลังการสอนอย่างสม่าเสมอหรืออย่างน้อย ไอ้ทต่ี งั ้ ใจ เขียนหนังสือโยคะเด็ก ก็ลงมือทาซะ และทีส่ าคัญทีส่ ดุ ตัวเอง
สารัตถะ มีนาคม 54 4
ต้องฝึกเป็ นประจาสม่าเสมอ ฝึกมากฝึกน้อยก็ตอ้ งฝึก ซึง่ ตัง้ แต่คุยกับพีเ่ มื่อวันศุกร์ กลับมาก็ตงั ้ ใจและทาตามนัน้ ค่ะ หวังว่ามันจะทาให้ความเชื่อมันกลั ่ บมาเหมือนเดิม สม่าเสมอ ตอบ
ขืนเขียนไปแบบนี้ รอยย่นทีห่ ว่างคิว้ ของเราคงจะเพิม่ อีกสอง รอยเป็ นแน่แท้ จากคนสวยจะกลายเป็ นคนทีเ่ คยสวยไป(ฮา) เอาเป็ นว่าพีเ่ ล่ารายละเอียดให้อา่ นก็แล้วกัน
เรื่องของเรื่องก็คอื คนไข้คนนี้มปี ญั หาเรื่องระบบ เท่าทีซ่ กั ประวัติ เรื่องทีบ่ ่นๆ แกมสงสัยว่า "ทาไมล่ะคะ" ซึง่ คง ย่อยอาหารทีแ่ ปรปรวนซึง่ เป็ นมานาน หมายถึงว่า ทาไมบางทีรสู้ กึ เหมือนรู้ บางทีกไ็ ม่แน่ใจว่ารูจ้ ริง ย้อนกลับไปถึงวัยเด็ก ทาให้ได้ขอ้ สันนิษฐานว่า ส่วนหนึ่งเกิด ไหมนัน้ ดูเหมือนว่าเราก็รคู้ าตอบอยู่แล้วนะ นันก็ ่ คอื เราน่ะมี จากการรับประทานอาหารไม่สม่าเสมอ คือบ่อยครัง้ ทีค่ นไข้ ทัง้ ทีร่ บู้ า้ ง ซึง่ ไอ้ทร่ี นู้ นั ้ ก็รมู้ ากบ้างน้อยบ้าง ในขณะเดียวกัน คนนี้กนิ อาหารเพราะความอยากบ้าง กินเพราะคิดว่าถึงเวลา ส่วนทีไ่ ม่รกู้ ค็ งมีอยู่ เช่นเดียวกับพีท่ ม่ี ที งั ้ รูม้ ากบ้างน้อยบ้าง ต้องกินบ้าง เมื่อถามว่าเวลาทีก่ นิ อาหารนัน้ หิวหรือเปล่า เจ้า ตัวอิดเอือ้ นชัวขณะก่ ่ อนจะยอมรับว่าบ่อยครัง้ ทีก่ นิ โดยไม่รสุ้ กึ และไอ้ทไ่ี ม่รกู้ ม็ ี ส่วนทีเ่ ราเกิดอาการซึมนัน้ เป็ นไปได้ไหมว่า พอเรา หิว แล้วเธอก็เลยเล่าให้ฟงั ว่า มีอยู่ครัง้ หนึ่งทีถ่ งึ เวลาที่ รูส้ กึ สงสัยว่าเรารูจ้ ริงหรือเปล่า มันก็เลยเหมือนมีอะไรมาตี แสกหน้าตัวเอง เสร็จแล้วเมือมีอะไรมาดึงดูดความสนใจ ปกติจะกินอาหาร(เช้า)แ้้ลว้ (ซึง่ บ่อยครัง้ ก็กนิ เวลานี้ทงั ้ ทีไ่ ม่ อารมณ์กห็ ายไป ซึง่ ก็เป็ นเรื่องธรรมดานะ รูส้ กึ หิว) แต่เนื่องจากต้องออกไปซือ้ ของ ก็เลยไม่ได้กนิ ข้าว แต่หากจะใช้ประสบการณ์ทางอารมณ์น้ี ให้เป็ น เช้า แต่หลังจากเดินซือ้ ของได้สกั พัก ก็รสู้ กึ ว่าไม่มแี รง ตอนที่ ประโยชน์ พีค่ ดิ ว่าอย่างน้อยเราก็เกิดคาถามคือไม่แน่ใจว่าเรา เล่านัน้ เหมือนเธอต้องการสะท้อนว่า ในกรณีแช่นนี้อาจมี รูแ้ ค่ไหน ซึง่ ก็คงต้องทา "สวาธยายะ" (มาอีกแล้วพระเอก ความจาเป็ นต้องกินทัง้ ทีไ่ ม่รสู้ กึ หิว ไม่เช่นนัน้ จู่ๆ เกิด ความรูส้ กึ หิวขึน้ มาแบบฉับพลันถึงขัน้ หมดแรงก็จะแย่ ของเรา" พูดง่ายๆ คือสารวจตรวจตราให้ลกึ ลงไป(โดยต้องตัด แวบแรกทีฟ่ งั พีต่ งั ้ ข้อสังเกตแบบเร็วๆ (ไปนิด)ว่า ความรูส้ กึ ซึมๆ เซื่องๆ จากความสงสัยว่าเราจะรูไ้ ม่จริง ด้วย การยอมรับความจริงไปว่าเรารูไ้ ม่จริง จริงๆ ด้วย ปญั หาอยู่ท่ี เท่าทีเ่ ล่ามา คล้ายกับว่าเจ้าตัวจะจับสัญญาณว่าร่างกายหิว เราทาใจยอมรับความเป็ นจริงในข้อนี้ได้ไหม)ว่า ทีร่ นู้ นั ้ รูแ้ ค่ ไม่ได้ มารูส้ กึ ตัวอีกทีกห็ วิ จนหมดแรงแล้ว แต่เกิดฉุกคิดอะไร บางอย่าง ก็เลยซักรายละเอียดเพิม่ เติม เธอจึงให้ขอ้ มูลอีกว่า ไหน หรือเรารูอ้ ะไรบ้างในเรื่องนัน้ ๆ ตอนทีห่ มดแรงนัน้ ก็ยงั ไม่หวิ อยู่ดี พีก่ เ็ ลยตัง้ ข้อสังเกตใหม่ว่า เช่น กรณีของการสอนอาสนะให้เด็ก เรารูอ้ ะไรบ้าง อาการหมดแรงนี้เป็ นไปได้ว่าเกิดจากการทีร่ ่างกายใช้พลังไป เกีย่ วกับเรื่องนี้ ซึง่ อาจจะทบทวนหวนคิดถึงทัง้ ความรูใ้ นทาง กับการเดิน จนเกิดการเผาผลาญในระดับเนื้อเยื่อ พีบ่ อกเธอ หลักการและประสบการณ์การสอน ลองใคร่ครวญดูว่าทีผ่ ่าน ว่าหากเป็ นกรณีเช่นนี้ วิธที ด่ี คี อื ควรเติมสารอาหารให้ร่างกาย มามีครัง้ ใดบ้างทีก่ ารสอนของเราไม่ราบรื่น และสาเหตุเกิด แบบทีไ่ ม่ตอ้ งไปเสียเวลาย่อยในกระเพาะ เช่น เครื่องดื่ม จากอะไร หากเป็ นเรื่องของความไม่จดจ่อ (เช่น กังวลเรื่อง ร้อนๆ ฯลฯ เพื่อทีส่ ารอาหารจะได้ถูกดูดซึมไปหล่อเลีย้ ง นัน้ เรื่องนี้)ก็อาจไม่เกีย่ วกับความรูแ้ ละประสบการณ์ แต่ถา้ เนื้อเยื่อทีก่ าลังต้องการพลังงาน ชัดเจนว่าเรายังมีความแม่นยาในเรื่องท่วงท่าและการ อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจสงสัยว่าพีเ่ ขียนเล่าเรื่องนี้ ประยุกต์ใช้ไม่พอ ก็สะท้อนถึงความรูท้ อ่ี าจจะยังจากัด พีว่ ่า ่ ะสิ พีก่ ็ การคิดในเชิงรายละเอียดแบบนี้ จะทาให้เรารูว้ ่าควรจะ ทาไม และมันเกีย่ วอะไรกับประเด็นทีเ่ รายกมา นันน่ สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าเขียนมาทาไม(ฮา) ล้อเล่นจ้า เรื่อง เพิม่ พูนความรูใ้ นเรื่องใดบ้าง การเขียนบันทึกไม่ว่าจะสัน้ หรือยาว พีว่ ่าจะเป็ น ของเรื่องก็โยงกับทีเ่ ราเล่าถึงการเขียนบันทึก พีค่ ดิ ว่าหากเรา ประโยชน์อย่างมาก เหมือนอย่างทีพ่ เ่ี คยเอามาเล่าๆ แลกๆ พยายามฝึกตัวเองให้ฉบั ไว ไม่ว่าจะเป็ นในเรื่องของสายตาที่ มองท่าทาง บุคลิก วิธกี ารเคลื่อนไหว ฯลฯ หรือหูทจ่ี บั น้าเสียง ทางเมลในระยะหลัง ฯลฯ เราอาจจะได้ขอ้ มูลอะไรบางอย่าง จากนัน้ ควรฉับไวใน กระทังวั ่ นนี้ พีม่ คี นไข้คนหนึ่ง ระหว่างทีค่ ุยๆ กัน มี การคิดหรือตัง้ ข้อสังเกตโดยอย่าเพิง่ รีบสรุป บางประเด็นทีส่ ะกิดใจ พีก่ ค็ ดิ ดังๆ ให้คนไข้ได้ยนิ ไปด้วย พีว่ ่าถ้าทาอย่างทีว่ ่าได้ เราจะได้แง่คดิ มุมมองต่อ หลังจากประเมินดูแล้วว่าเขาน่าจะเข้าใจ อีกทัง้ เป็ นประเด็นที่ ผูค้ น เหตุการณ์ ซึง่ สามารถเอามาประยุกต์ใช้ได้ อย่างน้อยๆ สืบเนื่องกับปญั หาสุขภาพของเขา
สารัตถะ มีนาคม 54 5
ในกรณีของพี่ สามารถเอามาใ้้ชท้ งั ้ ในเรื่องของการฝึก อาสนะของตัวเองและการแนะนาคนอื่นๆ ไปจนถึงการดูและ พูดคุยกับคนไข้
กับสิง่ ทีเ่ ราสังเกตเห็น - จากหลายๆ มุมมอง จะเป็ นประโยชน์ อย่างมาก เอวัง (อีกที) ก็มดี ว้ ยประการฉะนี้แล ขอเอาใจช่วยให้เราร่ารวยประสบการณ์และความรู้
พีม่ กั แลกและย้ากับพีๆ่ น้องๆ ที(่ หลงผิด)ไปเข้า คลาสวินยาสะว่า หากต้องการจะเป็ นคนแนะนาการฝึกอาสนะ จ้ะ ทีด่ ี การฝึกฝนตนเองในเรื่องการสังเกตและการตัง้ ข้อสังเกต ...........................................................................................
แท้จริงแล้วการฝึกโยคะนัน้ เป็ นการฝึกทีจ่ ติ ใจมากกว่าร่างกาย หลังจากได้ฝึกโยคะ เมื่อจิตใจเข้าใจความเป็ นไปของร่างกายแล้ว ก็จะปฏิบตั ติ ่อ สวัสดีค่ะครู..งานยุ่งมัย้ คะ ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยทีเ่ มลล์ตอบช้ามาก พอดีทา ร่างกายได้อย่างเหมาะสม ส่วนข้อด้อยนัน้ ยังมองไม่เห็นค่ะ เมลล์ทค่ี รูให้ไปหาย ประกอบกับกลับต่างจังหวัด ก็เลยเพิง่ จะ และ หลังจากเข้าไปฝึกมาก็มโี อกาสนาวิธกี ารเกร็งคลายแปด ั ให้น้องที่ OPD ส่งเมล์มาให้ใหม่ จากคาถามขอตอบแบบรวม จุดไปเล่าให้แม่ฟงและแนะนาให้แม่ทาก่อนนอน ส่วนผลลัพธ์ คงต้องรอดูกนั ต่อไป ๆ แล้วกันนะคะ โดยภาพรวมแล้วรูส้ กึ ดีมากค่ะทีไ่ ด้เข้าฝึก เหมือนจะ หลังจากได้ฝึกโยคะแล้วก็รสู้ กึ เกิดความเข้าใจศาสตร์ ด้านนี้มากขึน้ เมื่อก่อนเคยหัดเล่นโยคะเอง เวลาทาท่าใด ๆ เข้าใจร่างกายของตนเองมากขึน้ ทัง้ ๆ ทีม่ นั ก็อยู่กบั เรามา ก็มกั จะเกร็งไปด้วย เพราะเข้าใจว่า โยคะคือการฝึกดัดตนเอง นานแล้วแต่ไม่เคยสังเกตมันจริงจังซักที ขอบคุณมากนะคะ ปุ๋ย ทาให้บางครัง้ ก็ฝืนจุดทีร่ ่างกายรับได้ พอมาเรียนจึงทาให้รวู้ ่า ...................................................................................................... โดย กองบรรณาธิการ
โยคะกับการพัฒนามนุษย์ อ.วีระพงษ์ ไกรวิทย์ บรรณาธิการ สังซื ่ อ้ ได้ทส่ี ถาบันโยคะฯ เป็ นหนังสือรวบรวมบทความ ทีว่ ่าด้วยคุณค่า– ประโยชน์ของโยคะต่อมนุษย์อย่างเป็ นองค์รวม โดยเน้นไปยัง กลุ่มผูอ้ ่านทีเ่ ป็ นครูโยคะ รวมทัง้ ครู อาจารย์ บุคลากร ทางด้านการศึกษา โยคะวิชาการทีพ่ วกเรากาลังศึกษานี้ มีทม่ี าจาก สวามีกุลวัลยนันท์ (คศ. 1883 – 1966) ผูก้ ่อตัง้ สถาบันไกวัลย ธรรม ประเทศอินเดีย พืน้ เพของท่านเป็ นครูทางด้าน physical education (พลศึกษา) ต่อมาท่านมีโอกาสได้เรียน ได้ฝึกโยคะจนตระหนักถึงคุณค่าของภูมปิ ญั ญาโบราณนี้ ก็ พยายามทีจ่ ะผลักดันให้โยคะเข้าไปสูร่ ะบบการศึกษา ผลักดัน ให้โยคะทาหน้าทีเ่ ป็ นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนามนุษย์ ใช้
สารัตถะ มีนาคม 54 6
โยคะเป็ นเครื่องมือสร้างยุวชนอินเดียให้เคารพตนเอง อันเป็ น ส่วนหนึ่งของการต่อสู้ เรียกร้องอิสรภาพคืนจากอาณานิคม อังกฤษ โดยสิง่ ทีส่ วามีกุลวัลยนันท์ทาคู่ขนานกันมาตลอดคือ ศึกษาเจาะลึกลงไปถึงเอกสารอ้างอิง - ตาราโบราณภาษา สันสกฤต พร้อมๆ กับความพยายามทีจ่ ะอธิบายศาสตร์ โบราณนี้อย่างเป็ นวิทยาศาสตร์ ใช้ภาษาร่วมสมัยของ ศตวรรษที่ 20 ไม่ว่าจะเป็ นแพทยศาสตร์ สรีรวิทยา-กายวิภาค ฯลฯ เมื่อสวามีกุลวัลยนันท์จากไป ศิษย์คนสาคัญคือ ดร. ฆาโรเต (ค.ศ. 1931 – 2005) ได้สานต่อภารกิจของท่านกว่า 40 ปี ดร.ฆาโรเตมีครูฮโิ รชิ ฮิเดโกะ ไอคาตะ เป็ นศิษย์คน สาคัญช่วยสืบทอดภารกิจ และ เป็ นผูแ้ นะนาให้สงั คมไทยให้ รูจ้ กั โยคะวิชาการ หนังสือประกอบด้วย 16 บทความ แบ่งเป็ น หมวดหมู่ดงั นี้ หมวดว่าด้วย ดร.ฆาโรเต ครูโยคะชาวอินเดียซึง่ เป็ นแบบ อย่างของการทาโยะคะวิชาการ knowledge-based yoga บทที่ 1 ราลึกถึง ดร.กาโรเต้ และ บทที่ 2 ชีวประวัติ ของท่าน
หมวดว่าด้วย องค์กรทีท่ าโยคะวิชาการในบ้านเรา หมวดว่าด้วย ประวัตศิ าสตร์ บทที่ 4 ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะ บทที่ 14 ประวัตศิ าสตร์โยคะ มนุษยศาสตร์ มศว บทที่ 5 สถาบันโยคะวิชาการ และแนะนาหนังสือโยคะทีน่ ่าสนใจในบทที่ 15 หมวดว่าด้วย แนวทางการการสอนโยคะในสถาบันการศึกษา บทความทัง้ หลายในหนังสือนี้ชว่ ยเปิ ดโลกทัศน์ของ บทที่ 7 หลักสูตรโยคะในโรงเรียนในมหาวิทยาลัย ครูโยคะ กล่าวคือ ครูโยคะวิชาการจะมองโยคะกว้างกว่าแค่ บทที่ 8 การส่งเสริมการสอนโยคะใน การฝึกท่าอาสนะให้สขุ ภาพแข็งแรง เพื่อให้เราได้รบั สถาบันการศึกษา และ บทที่ 9 การอุดหนุน ประโยชน์จากโยคะอย่างทีค่ วรจะเป็ น การปฏิบตั ติ อ้ งขยาย งบประมาณการสอนโยคะในมหาวิทยาลัยของ กว้างไปยังเรื่องของการมีจติ ใจมันคง ่ มีคุณธรรม และ มีวถิ ี ประเทศอินเดีย ชีวติ ทีง่ ดงาม โดยถึงทีส่ ดุ การฝึกโยคะต้องเป็ นไปเพือ่ หมวดว่าด้วย คุณค่า-ประโยชน์ของโยคะ ยกระดับเป้าหมายของมนุษย์ขน้ึ สูจ่ ุดสูงสุดคือ เป็ นอิสระ หลุด บทที่ 3 เป็ นปาฐกถาของนพ.ประเวศ วะสี เรื่อง พ้น ในขณะเดียวกัน หนังสือเล่มนี้แนะนาครูโยคะให้ชว่ ยกัน ั โยคะกับสุขภาพและปญญา บทที่ 6 ความจาเป็ น ยกระดับศาสตร์น้ใี ห้เป็ นทีย่ อมรับของนักวิชาการ ยกระดับ ของโยคะในการพัฒนาคน และบทที่ 10 โยคะกับ การเรียนการสอนให้เป็ นระบบ มีมาตรฐาน อันเป็ นหนทาง การส่งเสริมสุขภาพ เดียวทีจ่ ะรักษาศาสตร์โบราณนี้ให้อยู่ค่กู บั การพัฒนามนุษย์ได้ หมวดว่าด้วย เทคนิคโยคะ อย่างยังยื ่ น บทที่ 11 หลักการของอาสนะ บทที่ 12–13 หลักการ ฝึกปราณายามะ ------------------------------------------------------------------------------------------โดย กองบรรณาธิการ ผ่านมา ทีต่ วั เองเป็ นฝา่ ยทีเ่ ลือกเดินออกมา และถามตัวเองว่า เมื่อฉันไป โครงการ “อาสาเติ มใจผูป้ ่ วย” นี่เรากาลังทุกข์หรือเปล่านี่... ของเครือข่ายชีวิตสิ กขา จากนัน้ ฉันรีบโทรตามเพื่อนๆ ให้มาร่วมทาบุญกัน ฉบับนี้ เรานาจดหมายจากเครือข่ายมาแบ่งปนั กัน เพื่อไม่ให้จมจ่อมอยู่กบั ความรูส้ กึ นี้ เมื่อมาถึงทีส่ ถานทีจ่ ดั อ่าน หากเราต้องนอนในโรงพยาบาล ไหนจะทุกข์ทเ่ี กิด กิจกรรม ได้เห็นผูค้ นมากหน้าหลายตา กาลังช่วยกันสรรสร้าง จากร่างกาย และยังพาลทาให้ใจหม่นหมอง คงเป็ นการดีไม่ ศิลปะบนผืนผ้าอยู่ เนื่องจากตัวเองไม่ได้ถนัดด้านนี้อยู่แล้ว ช่วงแรกจึงทาได้เพียงแต่คอยร้อยด้ายเตรียมไว้ให้เพื่อนๆ แต่ น้อย หากเราได้กาลังใจทีด่ ๆี ทีอ่ ยู่ขา้ ง ๆ เตียงของเรา โครงการอาสาเติมใจผูป้ ว่ ย เป็นโครงการศิลปะการ เมื่อเห็นผูอ้ ่นื ทาได้ เราเองก็ควรทาได้ จึงขอให้เพื่อนๆ ช่วย ปกั ผ้าแนบชายผ้าเหลือง สาหรับใส่หนังสือสวดมนตร์และ สอนปกั แล้วฉันก็เริม่ นาถุงผ้าขาว และชายผ้าเหลือง มาคิด หนังสือธรรมะ เพื่อนาไปวางข้างเตียงผูป้ ว่ ย เพื่อให้กาลังใจใน ยามจิตหม่นหมองจากความไม่สบายของร่างกาย ซึง่ อักษรที่ พิจารณาว่า จะวางในรูปแบบใดดี จะสรรหาคาทีเ่ ป็ นกาลังใจ ให้กาลังใจ จะถูกถ่ายทอดผ่านจากอาสาสมัครทีเ่ ป็ นจิตอาสา ให้ผอู้ ่นื อย่างไรดี จึงมองย้อนกลับมาทีต่ วั เองว่า ตัวเองขณะนี้ ต้องการกาลังใจอย่างไรบ้าง ก็ได้คาสัน้ ๆ ออกมาผ่านเส้นด้าย มาเติมกาลังใจให้กบั ผูป้ ว่ ย ฉันได้ไปโครงการนี้ เพราะเพื่อนกัลยาณมิตรได้สง่ ว่า “เบิกบาน” “สู”้ และภาพคนกาลังยิม้ แทนตัวอักษร จากนัน้ ข้อความมาเมื่อตอนดึกให้ไปร่วมกิจกรรมข้างต้น ซึง่ ตัวเอง ก็เริม่ บรรจงปกั อย่างตัง้ ใจ ขณะทีก่ าลังปกั ใจจดจ่อกับเข็มที่ เป็ นคนทีไ่ ม่ถนัดด้านเย็บปกั ถักร้อยเอาเสียเลย แต่กค็ ดิ ว่า แทงขึน้ และลงสูเ่ นื้อผ้า เส้นด้ายทีร่ อ้ ยออกมาเป็ นถ้อยคาสัน้ ๆ ทีใ่ ห้กาลังใจ มันทาให้ฉนั คลายความรูส้ กึ ทีห่ นักอึง้ ออกไป อาจจะช่วยด้านอื่นจึงตกลงใจไปร่วมด้วย พอรุ่งเช้าขณะทีเ่ ตรียมตัวไปนัน้ ก็ได้ทราบข่าวว่า เพราะจิตใจจดจ่อกับงานทีอ่ ยูต่ รงหน้า แต่บางขณะทีค่ วามคิดได้แล่นออกไปก็ทาให้ฉนั ต้อง คนทีเ่ คยมีความรูส้ กึ ทีด่ ๆี ให้ต่อกัน กาลังจะแต่งงาน ขณะนัน้ จับความรูส้ กึ ได้ว่ากาลังกระเทือน และทาให้นึกถึงเหตุการณ์ท่ี เจ็บตัวจากการโดนเข็มทิม่ นิ้วจนเลือดออก 2-3 ครัง้ ด้วยกัน ซึง่ ทาให้ตอ้ งหันมาอยู่กบั สิง่ ทีอ่ ยูต่ รงหน้าใหม่ ตัง้ ใจปกั ใหม่ ดู ความเคลื่อนไหวของสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ข้างหน้าอย่างมีสติ สารัตถะ มีนาคม 54 7
และเมื่อผลงานทีบ่ รรจงสร้างให้ผอู้ ่นื เสร็จสิน้ แล้ว มาร่วมกันส่งความรักเติมกาลังใจผูป้ ว่ ยด้วยกัน ทุก จานวน 4 ชิน้ งาน ฉันก็ยม้ิ น้อยๆ อย่างภูมใิ จ ว่าตัวเองก็ วันอาทิตย์ท่ี ๑ ของเดือน ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส สวน สามารถทาได้ แม้ว่าเป็ นงานง่ายๆ แต่กอ็ อกมาจากแรง โมกข์กรุงเทพฯ (ในสวนรถไฟ) ชัน้ ๑ โถงกิจกรรม โดย บันดาลใจ ความตัง้ ใจ แต่สงิ่ ทีต่ วั เองได้มองเห็นและตระหนัก โครงการชีวติ สิกขาจะจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ในการทาศิลป คือ การทางานเพื่อผูอ้ ่นื การทางานด้านศิลปะ หรือการมี ภาวนา เติมใจผูป้ ว่ ย ตัง้ แต่เวลา ๑๐.๐๐-๑๕.๐๐ น. สมาธิจดจ่อกับสิง่ ใดสิง่ หนึ่ง และรายล้อมด้วยกัลยาณมิตรที่ เชิญชวนบริจาคเข็มรูใหญ่หรือทีร่ อ้ ยด้าย เพื่อใช้ใน สอนงาน ให้กาลังใจข้างๆ ในขณะทีไ่ ด้ร่วมกิจกรรมนี้ ทาให้ กิจกรรม และหนังสือสวดมนต์/หนังสือธรรมะ เล่มเล็กขนาด ฉันได้ดงึ ตัวเองออกมาจากความคิด การยึดติดต่าง ๆ ไม่เกิน A5 เพื่อใส่ในถุงผ้าและนามอบให้ผปู้ ว่ ยในโครงการ แท้จริงแล้ว...กลับคิดได้ว่า โครงการอาสาเติมใจ คลินิกธรรมะ ทีโ่ รงพบาบาลเด็กและโรงพยาบาลภูมพิ ล และ ่ ผูป้ วยนี้ จริงๆแล้ว ตัวเองต่างหากทีเ่ ป็ นผูป้ ว่ ยในวันนี้ และ โครงการอบรม "ธรรมะและโยคะเพื่อผูป้ ว่ ย" ได้ท่ี : ครูดล ธน ได้รบั การบาบัดจากกิจกรรม ซึง่ มาเติมใจให้หายปว่ ย (ใจ) วัชร์ เกตน์วมิ ุต ชีวติ สิกขา : เครือข่ายเพื่อการเรียนรูแ้ ละ ขอขอบคุณกิจกรรมในวันนี้ ขอบคุณเพื่อนๆ เข้าใจชีวติ 159/70 ซ.วิภาวดีรงั สิต 62 ถ.วิภาวดีรงั สิต หลักสี่ ขอบคุณผูป้ ว่ ยทีท่ าให้เราสร้างสรรค์งานค่ะ กทม. 10210 .................................................................................................... สมดุลย์ หมันเพี ่ ยรการ โลกอาสนะ ๓๖๐ องศา.. ประสบการณ์เรียนรูแ้ บบ East Meets West บทที่ ๑๐ ชุดฝึกอาสนะดีไซน์เนอร์ เราได้เรียนรูเ้ ทคนิค รวมถึงผลทีเ่ กิดกับโครงสร้าง ร่างกาย ลมหายใจ และจิตใจ ไปตามทิศทางการเหยียดยืดใน อาสนะต่างๆแล้ว ตอนนี้กไ็ ด้เวลาอันเป็ นมงคลฤกษ์ทเ่ี ราจะมา ออกแบบตัดเย็บชุดฝึก(อาสนะ) ด้วยการทาตัวเป็ นอาสนะดี ไซนเนอร์ ให้กบั Tailor-made Asana ของเรา นันคื ่ อพีเ่ ละกาลังจะพาเราเปิ ดมุมมอง ให้พวกเราดิง่ ด่ากับความหมายของวินยาสะกรม ก็คอื การจัดวาง หรือ เรียงลาดับการฝึกอาสนะ การวางแผนหรือการออกแบบการฝึกอาสนะ อาจ แยกพิจารณาได้เป็ น การวางแผนการฝึกระยะยาว เช่น เป็ น ช่วงเวลาแรมเดือน แรมปี แรมกีค่ ่าขึน้ กีค่ ่า(ค่อยฝึกกันสักที) หรือการวางแผนการฝึกเฉพาะครัง้ ก็ว่ากันไป ก่อนเริม่ ต้นการฝึกอาจเริม่ จากการสวาธยายะ หรือ นึกทบทวนถึงวิถชี วี ติ เพือ่ ค้นหาสิง่ แรกทีบ่ รรดาอาสนะ ดีไซน์เนอร์ทงั ้ หลาย ต้องคานึงถึงก็คอื เป้าหมายในการฝึก ขยายความด้วยการยกตัวอย่างสักนิด เช่น เราฝึก เพื่อส่งเสริมสุขภาพทีด่ ี หรือเพื่อพัฒนาความแข็งแรงและ ความยืดหยุ่นของร่างกายแต่ละส่วน เช่น คนทีต่ วั อ่อนมาก มี ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อค่อนข้างสูง อาจเลือกฝึกอาสนะที่ เน้นพัฒนาด้านความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมากขึน้ บางครัง้ เราอาจฝึกอาสนะเพื่อจัดปรับให้เข้ากับวิถี ชีวติ การทางาน เช่น ออกแบบการฝึกอาสนะสาหรับโรคสุด
สารัตถะ มีนาคม 54 8
ฮิป ออฟฟิศซินโดรม หรือดีไซน์การฝึกไปตามการใช้งานแต่ ละส่วนของร่างกายเพื่อแก้ไขอิรยิ าบถบางอย่างของเรา รวมถึงอาจต้องลองสารวจตัวเอง ให้ลกึ ซึง้ ถ่องแท้ว่า ทีก่ าลังฝึกหรือคิดจะฝึกนัน้ เป็ นไปเพียงเพื่อสนองความ ต้องการ อยาก(ทา)ได้ อยากเป็ นเหมือนเพื่อนในคลาสหรือ ภาพทีเ่ ห็นตามสือ่ อยากทาท่าสวยๆ เริด่ ๆ โดยอาจลืมนึกถึง ศักยภาพทีแ่ ท้จริงในตัวเรา อารมณ์ทอ่ี าจเรียกได้ว่า แคร์สอ่ื มากกว่า แคร์สขุ นันเอง.. ่ ยุคนี้แล้ว อย่าได้แคร์ ! ั ย เมื่อเรากาหนดทิศทางการฝึกของเราได้แล้ว ปจจั แวดล้อมต่างๆทีค่ วรนามาพิจารณาร่วมด้วยก็คอื เวลา ทีท่ าการฝึก เช่น อาสนะทีฝ่ ึกในตอนเช้า หรือ ตอนเย็นก็อาจต้องการผลทีต่ ่างกัน รวมถึง ระยะเวลาในการ ฝึกแต่ละครัง้ เช่นฝึกครัง้ ละกีน่ าที กีช่ วโมง ั่ เราทาอะไรมา ก่อนเริม่ ฝึก และหลังจากฝึกเสร็จแล้วจะไปทาอะไรต่อ นอกจากนี้ ยังต้องคานึงถึงช่วงเวลาในบริบทของการฝึกแบบ ระยะยาวด้วย ศักยภาพของร่างกาย และลมหายใจ เป็ นอีกปจั จัยที่ อาสนะดีไซน์เนอร์ทงั ้ หลาย ไม่ควรละเลยมองข้าม อย่างทีร่ ๆู้ กันอยู่แล้วว่า ลมหายใจ นี่แหละทีเ่ ป็ นดัชนีชว้ี ดั สาคัญทีจ่ ะ สะท้อนว่าวินยาสกรมทีเ่ ราจัดมานัน้ เหมาะสมสอดคล้องกับ สภาพร่างกายของเราหรือไม่อย่างไร การใช้ลมหายใจเป็ นตัว กาหนดการเคลื่อนไหว หรือใช้การหายใจแบบอุชชายีร่วม ด้วยขณะฝึกเพื่อเพิม่ ความตระหนักรูจ้ ดจ่อ ซึง่ ตรงจุดนี้ถา้ ร่างกายใครทีย่ งั ฟิตไม่พอ อาจหอบ(แฮ่กๆ)เอาได้ง่ายๆ
ความต่อเนื่องในการฝึก ทัง้ ในส่วนทีเ่ กิดจากการ ในแง่การฝึกอาสนะก็คงเช่นกัน แต่ละคนซึง่ มี เรียงร้อยแต่ละท่วงท่าให้สอดประสานกลมกลืนกันไป เหมือน ข้อจากัดทัง้ ความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของร่างกายต่าง ฟงั ดนตรีออเคสตร้าวงใหญ่ ทีน่ วั บรรเลงได้ใจซะเหลือเกินใน กัน คงต้องอาศัยดีไซน์เนอร์มาจัดปรับให้เหมาะสมกับตัวเรา การฝึกแต่ละครัง้ หรือในบริบทของความต่อเนื่องสม่าเสมอใน ถ้าเราเปรียบอาสนะแต่ละท่วงท่า เป็ นเหมือนเสือ้ การฝึก หลายคนแอบสงสัยว่า ถ้าสม่าเสมอฝึกทุกวันวาเลน กางเกงแต่ละชิน้ ทีป่ ระกอบขึน้ มาเป็ นชุดฝึกให้เราสวมใส่ ไทน์ต่อเนื่องกันทุกปี อย่างนี้มนั จะเวิรก์ ไหมครับพี(่ เละ) ปจั จัยต่างๆทีเ่ ล่าๆมาก็คงเป็ นเหมือนองค์ประกอบ เช่น นอกจากนัน้ แล้ว สภาวะของลมหายใจ และจิตใจ เนื้อผ้า ปก กระดุม ตะขอ ตะเข็บ คัตติง้ ต่างๆทีจ่ ะมาตัดเย็บ บางครัง้ ก็ตอ้ งเก็บมาเป็ นข้อมูลประกอบการดีไซน์ของเราด้วย เป็ นชุดฝึกแต่ละชุด สภาวะใจทีเ่ ต็มไปด้วยรชัส หรือไฮเปอร์ หรือถูกความเครียดจู่ ซึง่ ชุดฝึกของเราในวันนี้ อาจจะเหมาะกับเรา ณ โจมถาโถม อาจลดทอนเวลาฝึกอาสนะให้น้อยลงแล้วเน้นการ ขณะนี้ แต่เมื่อเหตุปจั จัยแวดล้อม ลมฟ้าพยากรณ์ ทิศทางลม ภาวนาหลังฝึก หรือฝึกเน้นเรื่องการหายใจออก แต่ในวันที่ หรือกาลเทศะทีแ่ ปรเปลีย่ นไป เราก็อาจจะต้องปรับลุคแปลง ซอกมุมในอารมณ์ ถูกความเฉื่อยเนือยเข้ามากระชับพืน้ ที่ คง โฉมเสียใหม่ให้เข้ากับสถานการณ์นนั ้ ๆ อย่างน้อยผมคงไม่ ต้องเลือกดีไซน์ชุดฝึกทีเ่ น้นการหายใจเข้า เพื่อเพิม่ รชัสในตัว เอาผ้าพันคอวินเทอร์คอลเลกชันมาพันผูกท่ามกลางเปลวแดด ขึน้ เช่นนี้เป็ นต้น แผดร้อนเพราะเผลอนึกว่าตัวเองอินเทรนด์เป็ นสาวกเค-ป๊อป ด้วยความทีเ่ ป็ นคนรูปร่างไม่ค่อยสมส่วน จึงมักมี การเลือกชุดฝึก บางครัง้ ก็เหมือนเราใส่เสือ้ ยืดไซส์ ปญั หากับการเลือกซือ้ เสือ้ ผ้าอยูเ่ นืองๆ ผมเคยไปลองเสือ้ เอส ของยีห่ อ้ นี้แล้วเหมาะพอดี แต่อกี แบบนึงอาจต้องไซส์เอ็ม ยีห่ อ้ หนึ่ง พอลองเสร็จก็หนั ไปบอกกับเพื่อนว่า “เสือ้ ตัวนี้ไม่ แต่กล็ ว้ นเป็ นเสือ้ ทีม่ วี างขายอยูแ่ ล้ว เหมือนฝึกอาสนะแต่ละ สวยว่ะ" น้องพนักงานขายได้ยนิ ดังนัน้ สวนกลับมาทันควัน ท่าซึง่ มีรปู แบบการทาเป็ นมาตรฐานอยู่ ซึง่ สะท้อนแง่มมุ แบบ (แบบผมไม่ทนั ตัง้ ตัว) ด้วยน้าเสียงกึง่ เหยียดหยามกึง่ ตุง้ ติง้ ว่า ลักษณะร่วม หรือสามานยะ แต่บางคราวเราอาจต้องจ้างช่าง “สวย..แต่ไม่เหมาะ” โชคดีทค่ี วามกริว้ ยังไม่ทนั จะทางาน สัจ มาวัดตัวตัดให้เป็ นพิเศษ หรือวิเศษะ คือดัดแปลงท่วงท่าให้ ธรรมบางอย่างชิงลอยมาปะทะห้วงความคิดเข้า (อย่างจัง) เหมาะกับเราโดยเฉพาะ เสียก่อน จึงฉุกคิดขึน้ มาได้ว่า เออ..จริงแฮะ! เสือ้ เค้าน่ะดีไซน์ จะมิกซ์แอนด์แมทช์ ชุดฝึกกันอย่างไร เป็ นศาสตร์ มาดีแล้ว เริด่ แล้ว ผิดอยูท่ เ่ี ราหุ่นมันไม่เหมาะกับเสือ้ ของเขา และศิลป์ทว่ี ่ากันไม่จบในชาติน้ี เอ๊ย ฉบับนี้ ขอยกยอดไปต่อ เอง คราวหน้าครับ ...................................................................................................... ณัฏฐ์วรดี ศิ ริกลุ ภัทรศรี, สันสนี ย์ นิ รามิ ษ แปลและเรียบเรียง กล้ามเนื้ อของการหายใจ การหายใจเข้าจะเกิดขึน้ เป็ นผลจากการทีก่ ล้ามเนื้อ ทางานขยายช่องซีโ่ ครงให้ใหญ่ขน้ึ ไม่เหมือนกับการหายใจ ออกทีป่ อดมีพน้ื ทีเ่ ล็กลงเพราะกล้ามเนื้อหยุดทางาน มันคลาย ตัว ทาให้ทงั ้ ปอด และช่องซีโ่ ครงหดตัวเล็กลง อย่างทีเ่ คย กล่าวไว้ ขนาดของปอดจะขึน้ อยู่กบั ขนาดของช่องทรวงอก อะไรก็ตามทีท่ าให้ทรวงอกขยายและหดตัว ก็จะทาให้ปอด ขยายและหดตัวตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็ นการยกขึน้ หรือบีบอัด ของซีโ่ ครง, ช่องกระบังลมต่าลงหรือยกตัวขึน้ , การปล่อยท้อง พองหรือท้องแฟบ หรือปอดมีการหดตัวเข้าข้างในช่องอก วิธกี ารทางานของกล้ามเนื้อหายใจนัน้ มีความซับ ซ้อนกว่าความสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ ทีท่ าให้เกิดการเคลื่อน ไหวตามข้อต่อต่างๆ มีกล้ามเนื้อหลัก 3 ชุดทางานเมื่อคุณ หายใจ นันคื ่ อ กล้ามเนื้อระหว่างกระดูกซีโ่ ครง (Intercostal
สารัตถะ มีนาคม 54 9
Muscles), กล้ามเนื้อท้อง (Abdominal Muscles) และ กล้ามเนื้อกระบังลม (Respiratory Diaphragm) กล้ามเนื้ อระหว่างกระดูกซี่โครง (The Intercostal Muscles) ขณะทีเ่ ราหายใจ โดยเฉพาะเน้นการหายใจทีช่ ่องอก กล้ามเนื้อ intercostal (ยึดระหว่างกระดูกซีโ่ ครง) จะเป็ นส่วน หนึ่งทีท่ าให้หน้าอกขยายขึน้ หรือหดตัวลง (ตามรูป 2.5 และ 2.9) ประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อ 2 ชัน้ บนซีโ่ ครง (กล้ามเนื้อชุด หนึ่งอยู่ถดั จากอีกชุดหนึ่ง) กล้ามเนื้อยึดระหว่างซีโ่ ครง ชัน้ นอก (External Intercostal Muscles) จะอยู่ระหว่างซีโ่ ครง ในทิศทางเดียวกับกล้ามเนื้อหน้าท้องชัน้ นอก เป็ นส่วนใหญ่ (ตามรูป 2.7 และ 2.9) กล้ามเนื้อนี้จะยกและขยายซีโ่ ครงเพื่อ หายใจออก การเคลื่อนไหวเหมือนเครื่องสูบน้าสมัยก่อนทีจ่ ะ
ถูกยกขึน้ จากจุดพัก กล้ามเนื้อยึดระหว่างซีโ่ ครงชัน้ ใน (Internal Intercostal Muscles) แนวของกล้ามเนื้อจะนี้พาด ตัง้ ฉากกับกล้ามเนื้อ external intercostal กล้ามเนื้อนี้จะดึง ซีโ่ ครงเข้ามาใกล้กนั ขณะหายใจออก (คือการตัง้ ใจหายใจ ออก) ถ้าคุณวางมือลงตรงกลางหน้าอกให้น้วิ ชีล้ ง จะเป็ น ตาแหน่งโดยประมาณของแนวกล้ามเนื้อ external intercostal ถ้าคุณวางมือลงตรงกลางหน้าอกให้น้วิ ชีข้ น้ึ จะเป็ นตาแหน่ง โดยประมาณของแนวกล้ามเนื้อ internal intercostal (ตามรูป 2.5) กล้ามเนื้อ external intercostal ไม่ได้ทาหน้าทีใ่ นการ ขยับเคลื่อนซีโ่ ครงเสมอไป ระหว่างทีห่ ายใจเบาๆ กล้ามเนื้อ external intercostal จะคอยพยุงซีโ่ ครงจากการยุบเข้าข้างใน ขณะทีก่ ระบังลมสร้างพืน้ ทีเ่ พื่อนาอากาศเข้าสูป่ อด กล้ามเนื้ อท้อง (The Abdominal Muscles) ขณะทีเ่ ราหายใจ หน้าทีห่ ลักของกล้ามเนื้อท้องจะ เกีย่ วข้องกับการยุบเข้าเพื่อหายใจออก ดังเช่นเวลาทีค่ ณ ุ ่ ่ พยายามเปาลูกโปงให้ได้ภายในลมหายใจเดียว กล้ามเนื้อจะ รวมตรงทีศ่ นู ย์กลางอย่างรวดเร็ว กดผนังท้องเข้าข้างในซึง่ ทา ให้อวัยวะภายในท้องดันขึน้ ไปต้านกระบังลมทีผ่ ่อนคลายอยู่ ถ้ารวมกันกับปฏิกริ ยิ าของกล้ามเนื้อ internal intercostal แล้ว การออกแรงนี้จะลดขนาดของโพรงหน้าอก ทาให้ไล่ อากาศออกจากปอด คุณสามารถรับรูถ้ งึ การทางานของ กล้ามเนื้อท้องได้ดว้ ยการห่อปากให้เล็กลง พร้อมทัง้ หายใจ ออกให้อากาศผ่านรูปากเล็กๆทีเ่ หลืออยู่ กล้ามเนื้อท้องนัน้ มี ความสาคัญต่อการฝึกโยคะเพื่อการหายใจอย่างสงบ และยัง เป็ นปจั จัยสาคัญของการฝึกหายใจในหลายๆแบบอีกด้วย กะบังลม เพราะว่าการหายใจด้วยกะบังลมนัน้ จะถูกซ่อนอยู่ ข้างในตัวเรา คนส่วนมากเข้าใจเพียงพืน้ ฐานว่ามันมีรปู ร่าง อย่างไรหรือมีการทางานอย่างไร วิธที จ่ี ะอธิบายได้ง่ายทีส่ ดุ คือ กระบังลมจะมีลกั ษณะเป็ นแผ่นทรงกลมทีป่ ระกอบไปด้วย กล้ามเนื้อและเอ็นยึดซึง่ สามารถขยายไปได้ทงั ้ ตัว และเป็ น ส่วนกัน้ ของโพรงหน้าอกกับโพรงช่องท้อง (ตามรูป 2.6-2.9) ขอบของกระบังลมด้านหน้าจะติดกับฐานของซีโ่ ครง และด้าน หลังจะติดกับกระเบนหน็บ กระบังลมมีลกั ษณะคล้ายร่ม หรือถ้วยทีค่ ว่าลง ยกเว้นจะมีสว่ นทีเ่ ว้าเข้าไปอยูใ่ นตาแหน่งทีเ่ หมาะสม กับแนว กระดูกสันหลัง กะบังลมประกอบไปด้วย central tendon, costal portion และ crural portion central tendon จะอยู่ ด้านบนสุดของกะบังลมซึง่ จะลอยอยู่อสิ ระ จะมีแค่เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อของ costal และ crural portion เท่านัน้ ทีต่ ดิ อยู่กบั
สารัตถะ มีนาคม 54 10
ซีโ่ ครง ดังนัน้ central tendon เป็ นเพียงเอ็นเดียวในร่างกายที่ ไม่มกี ารยึดติดโดยตรงกับโครงกระดูก ส่วนทีใ่ หญ่ทส่ี ดุ ของ กะบังลมคือส่วน costal portion ซึง่ เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อกระจาย ออกมาจาก central tendon และมีสว่ นทีต่ ดิ อยู่รอบๆขอบ ด้านล่างของซีโ่ ครง (ตามรูป 2.7-2.9) crural portion ของ กะบังลมประกอบด้วย right crus และ left crus ซึง่ ติดอยู่กบั ส่วนโค้งด้านหน้าของกระเบนเหน็บ (ตามรูป 2.7-2.8) ถูกแบ่ง โดยเส้นเลือดแดงใหญ่ทผ่ี ่านจากช่องอกจนถึงช่องท้อง ดังนัน้ สถาปตั ยกรรมของกะบังลม ทาให้เกิดการเคลื่อน ณ ส่วนบน ของ central tendon, ฐานของซึโ่ ครง และ กระเบนเหน็บ หรือการผสมผสานของทัง้ สามส่วนนี้ รูป 2.6 ภาพด้านหน้าของหน้าอก ผ่าให้เห็นถึงกระดูกซีโ่ ครง 6 ซี่ แรก, กระดูกไหปลาร้า และ กระดูกสันอก ซึง่ เห็นถึงอวัยวะ ภายในประกอบไปด้วย กล่อง เสียง, หลอดลม, ปอด และโพรง เยือ่ หุม้ ปอด ทีม่ เี ส้นเลือดสาคัญ ข้างใน, โพรงเยือ่ หุม้ หัวใจ, และเส้นใยของเยือ่ หุม้ หัวใจ เป็นภาพส่วนบน ด้านหน้าของระบบการหายใจ และด้านซ้ายและขวาของเส้นประสาท กะบังลม โพรงเยือ่ หุม้ ปอดเปรียบเหมือนแผ่นบางๆสีขาวระหว่างปอด และผนังของร่างกาย และระหว่างปอดและกะบังลม
คุณสามารถหาตาแหน่งของ costal portion ทีต่ ดิ อยู่ ได้โดยการเกีย่ วนิ้วของคุณไปทีใ่ ต้ซโ่ี ครง costal portion จะ อยู่ทข่ี อบด้านล่าง costal portion ด้านหน้าทีต่ ดิ กับกระดูกสัน อกจะอยู่ตาแหน่งทีส่ งู ซึง่ หากลองเลื่อนมือจับไปตามแนวข้าง ของซีโ่ ครง ก็จะสัมผัสกับ costal portion ได้เช่นกัน แต่คุณ จะไม่รสู้ กึ ถึง costal portion ทางด้านหลัง เพราะมีกล้ามเนื้อ หลังส่วนลึกบังอยู่ เป็ นครัง้ คราวทีค่ ุณอาจจะรูส้ กึ ได้ถงึ crus ทัง้ สองข้างของกะบังลม ทีต่ ดิ อยู่กบั กระดูกสันหลังส่วนเอว ขณะทีห่ ายใจ โดยเฉพาะคนทีม่ รี ปู ร่างผอมจะรูส้ กึ ได้เมื่อนอน ราบอยู่กบั พืน้ เพราะบางครัง้ เอวจะโค้งงอประมาณ 1 นิ้ว หรือไม่กร็ สู้ กึ ทีผ่ นังหน้าท้อง นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า กะบังลม สามารถเว้าเข้าไปหาแนวกระดูกสันหลังได้มาก เท่าไร รูป 2.7 แสดงถึงภาพของ ระบบหายใจด้วยกะบังลม มันเปรียบเสมือน ชามที่ คว่าลง ทีด่ นั เข้าไปด้าน หนึ่ง ด้านทีถ่ ูกดันเข้าไป จะเป็นรอยยุบ ของลา กระดูกสันหลัง ส่วนก้น
ชามจะเป็นช่องโหว่ทเ่ี ปิดไว้สาหรับหลอดอาหาร, หลอดเลือดดา และ หลอดเลือดแดง ตาแหน่งช่องว่างใหญ่ของโค้งตรงกลางคือ Central tendon ของกะบังลม เส้นใยกล้ามเนื้อของกะบังลมจะอยู่รอบๆ central tendon เส้นใยของ costal จะติดอยูร่ อบฐานของกระดูกซีโ่ ครง ด้านซ้ายและขวาของ crura จะติดอยูก่ บั กระดูกสันหลังช่วงเอว (ระหว่าง และด้านหน้าของจุดเกาะต้นของกล้ามเนื้อ Psoas)
กะบังลมเป็ นหนึ่งในกล้ามเนื้อทีน่ ่าสนใจและซับซ้อน มากทีส่ ดุ ของร่างกาย เพราะมันเป็ นแผ่นกล้ามเนื้อบางๆ สามารถรองรับอวัยวะรอบข้าง เช่น กระดูกซีโ่ ครง, หัวใจ, ปอด และอวัยวะภายในช่องท้อง ทัง้ การทางานของกะบังลม ยังขึน้ ต่ออวัยวะต่างๆ เหล่านี้ เช่นในกรณีของความสัมพันธ์ ระหว่างกะบังลมกับผนังหน้าอก ฯลฯ ถึงแม้ว่า costal portion ของกะบังลมขยายไปจนถึงฐานของกระดูกซีโ่ ครง ปอดทัง้ 2 ข้างก็ไม่เคยถูกดึงให้ต่าลงมาก พืน้ ทีท่ ป่ี อดไม่เคยไหลลงมา เรียกว่า เขตปรปกั ษ์ zone of apposition (ตามรูป 2.9) พืน้ ที่ ส่วนใหญ่ของ costal portion จะสัมผัสตรงกับพืน้ ผิวภายใน ของกระดูกซีโ่ ครง โดยมีเพียงแนวเล็กๆของโพรงเยื่อหุม้ ปอด ทีข่ วางระหว่างกลาง หากพืน้ ผิวของกะบังลมไม่ล่นื มันจะไม่ สามารถขยับเคลื่อนไปตามกระดูกซีโ่ ครงได้โดยง่าย และ หลังคาของกะบังลมก็ไม่สามารถเคลื่อนขึน้ หรือลงได้อย่าง ราบลื่นขณะทีเ่ ราหายใจ
หลังคาของกะบังลมจะดึงขึน้ ขณะทีม่ กี ารหายใจออก การยืดหยุ่นของปอดเพื่อขับอากาศออกสูภ่ ายนอก
โดยมี
รูป 2.9 แสดงถึงอวัยวะ ภายในท้อง กะบังลม และ กระดูกซีโ่ ครงทีถ่ ูกตัดออก แสดงให้เห็นถึงเขตปรปกั ษ์ ซึง่ ปอด จะไม่เคลือ่ นลงมา จนถึงฐานซีโ่ ครง แม้จะสูด หายใจเข้าเต็มปอด
เมื่อไหร่กต็ าม ทีห่ น้าอกและกระดูกสันหลังอยู่กบั ที่ ซึง่ จะเกิดขึน้ ขณะหายใจอย่างสงบในท่านอนหงาย ขณะ หายใจเข้า ด้านโค้งบนของกะบังลมจะถูกดึงลงตรงๆเหมือน ลูกสูบ ในขณะทีผ่ นังหน้าอกเปรียบเสมือนกระบอกสูบ เนื้อเยื่อของกะบังลมจะหดตัวเข้าสูศ่ นู ย์กลางและ central tendon ถูกดึงลง ขณะทีน่ อนหงายหายใจออกเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อคลายออกจากศูนย์กลาง ขนาดจะยาวขึน้ central tendon จะถูกดันจากด้านล่าง พร้อมๆกับมีแรงดึงจากด้านบน แรงดันจากด้านล้างนัน้ มาจากอวัยวะภายในช่องท้อง ส่วน แรงดึงจากด้านบน มาจากความยืดหยุ่นตัวของปอดทีด่ งึ ตัว กลับ ผนังหน้าท้องทีผ่ ่อนคลายอยู่นนั ้ เมื่อเราหายใจเข้า รูป 2.8 แสดงถึงกะบังลมและ หน้าท้องจะพองขึน้ เพราะกะบังลมเคลื่อนตัวลง เมื่อเราหายใจ กล้ามเนื้อชัน้ ลึกของร่างกาย ผู้ ออก หน้าท้องจะแฟบเข้าหาตัว เพราะกะบังลมผ่อนคลาย วาดดึงเอาอวัยวะภายในออก ตัด เคลื่อนตัวขึน้ มีเพียงท่านอนหงายและท่ากลับหัวเท่านัน้ ทีจ่ ะ ลิน้ ปี่และซีโ่ ครงส่วนล่างออก ทา ทาให้เราเห็นการทางานของกะบังลมได้อย่างชัดเจน ให้เห็นลักษณะโค้ง คล้ายชามคว่า การหายใจเป็ นไปได้เพราะกะบังลม แต่คนเรียกชื่อ อย่างชัดเจน มันว่า การหายใจด้วยท้อง (abdominal breathing) หรือ การ หายใจด้วยหน้าท้อง เพราะเราเห็นและรูส้ กึ ได้ถงึ การ การทางานของกะบังลม ในการวิเคราะห์จุดเกาะต้น และจุดเกาะปลายของ เคลื่อนไหวของท้อง บ้างเรียกว่า การหายใจอย่างลึกด้วย กล้ามเนื้อทีม่ ลี กั ษณะคล้ายร่มทีเ่ ว้าเข้าไปอาจจะเป็ นเรื่องยาก กะบังลม (deep diaphragmatic breathing) สอดคล้องกับผล สักนิด แต่เป็ นสิง่ ทีเ่ ราต้องทาเพื่อให้เข้าใจว่าการทางานของ ทีเ่ กิดขึน้ บริเวณท้องน้อย หรือ เราอาจจะเรียกว่าเป็ น การ กะบังลมขณะทีห่ ายใจและฝึกอยูใ่ นท่าเป็ นอย่างไร เราจะเริม่ หายใจด้วยหน้าท้องและกะบังลม (abdomino-diaphragmatic จากเหตุการณ์ทง่ี ่ายทีส่ ดุ ซึง่ จะเห็นได้จากท่านอนหงาย ฐาน breathing) เพื่อบ่งบอกถึงการเคลื่อนลงของกะบังลม ซึง่ ไม่ใช่ ของกระดูกซีโ่ ครงและกระดูกบริเวณเอวเปรียบเสมือนจุดเกาะ เพียงการสูดอากาศเข้าสูป่ อดเท่านัน้ แต่ยงั เป็ นการดันผนัง ต้นทีเ่ คลื่อนไหวไม่ได้ของกะบังลม ส่วน central tendon จะ ท้องด้านล่างให้พองขึน้ ด้วย การหายใจด้วยกะบังลมอีกชนิดหนึ่ง จะทางาน เปรียบเสมือนจุดเกาะปลายทีเ่ คลื่อนไหวได้ หลังคาของถ้วย (รวมถึง central tendon) จะเคลื่อนลงมาและอยู่ในแนวราบ แตกต่างกันอย่างมาก Galen (แพทย์โรมันในศตวรรษแรก ขณะทีห่ ายใจเข้า มีแรงกดลงไปทีท่ อ้ งและสร้างทีว่ ่างเล็กๆใน และผูศ้ กึ ษากลไกชีวภาพ) ได้อธิบายกลไกการหายใจแบบนี้ ช่องอกเพื่อทีจ่ ะเอาอากาศเข้าไปในปอด ในทางกลับกัน ไว้เมื่อเกือบ 200 ปี ทแ่ี ล้วได้อย่างแม่นยา ระหว่างทีห่ ายใจเข้า การทางานแรกของการหายใจแบบนี้ ไม่ใช่การดึงของกะบัง
สารัตถะ มีนาคม 54 11
ลมเพื่อขยายปอด แต่ฐานของหน้าอกจะยกขึน้ และขยายออก เชื่อมต่อของ costal ทัง้ สองข้างจะอยู่ทก่ี ระดูกซีโ่ ครง ส่วนจุด ทัง้ ทางด้านข้าง, ด้านหลัง และด้านหน้า ซึง่ หากมีการตึงที่ เชื่อมต่อของ crural จะอยู่ทก่ี ระดูกสันหลังซึง่ เปรียบเสมือน ผนังหน้าท้องล่างแม้เพียงเล็กน้อย ความตึงนี้จะกีดขวางการ ตาแหน่งจุดเกาะต้น มีเพียงบางส่วนของกะบังลมทีส่ ามารถ เคลื่อนลงของกะบังลม ความตึงนี้จะขัดขวางการบีบตัวของ เคลื่อนได้ (ซึง่ หมายถึงจุดเกาะปลาย) คือ central tendon อวัยวะในท้อง แทนทีอ่ วัยวะภายในท้องจะหลีกทางให้กบั กะ ของกะบังลม ซึง่ สามารถเคลื่อนลงมาระหว่างหายใจเข้า และ บัลง มันกลับทาหน้าทีเ่ ป็ นจุดคานงัด เป็ นคานบังคับกะบังลม เคลื่อนขึน้ ไปทางศีรษะระหว่างหายใจออก เทียบกับการ ให้ดนั กระดูกซีโ่ ครงเคลื่อนออกไปด้านนอก เคลื่อนฐานซีโ่ ครง หายใจด้วยกะบังลม central tendon จะอยู่กบั ทีเ่ พราะมีแรง ไปด้านหน้า, ด้านหลัง และด้านข้าง ในเวลาเดียวกันก็จะดึง ตึงของผนังหน้าท้องอยู่ และทาหน้าทีห่ ลักเหมือนเป็ นจุด อากาศเข้าสูป่ อดส่วนล่าง เราเคยเปรียบการหายใจด้วย เชื่อมต่อระหว่างจุดเชื่อมของ crura ทีก่ ระดูกสันหลัง ซึง่ จะทา ั ้ กล้ามเนื้อซีโ่ ครงเสมือนกับปมน้าทีม่ แี ขนโยก การหายใจด้วย หน้าทีเ่ ป็ นจุดเกาะต้นทีอ่ ยู่นิ่ง ส่วนจุดเชื่อมของ costal ทีฐ่ าน กะบังลมจะเหมือนกับการหิว้ หูจบั ของถังน้าขึน้ จากเดิมทีม่ นั ของซีโ่ ครงจะทาหน้าทีเ่ ป็ นจุดเกาะปลายทีเ่ คลื่อนไหวได้ พิงพักอยูข่ า้ งถัง ถ้าไม่มแี รงต้านจากอวัยวะของช่องท้อง โดยสรุปแล้ว การหายใจเข้าด้วยกะบังลมจะทาให้ กะบังลมจะไม่สามารถทางานในลักษณะนี้ได้ โดยกล้ามเนื้อ กระดูกซีโ่ ครงขยายขึน้ จากฐานล่าง ต่างกับการหายใจด้วย intercostal จะทาหน้าทีเ่ พียงแค่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของ หน้าท้องและกะบังลม กระดูกซีโ่ ครงจะอยู่กบั ที่ เราอาจเรียก กะบังลม ไม่ถงึ กับยกและขยายหน้าอก แต่พยุงไม่ให้กรง การหายใจแบบนี้ว่า การหายใจด้วยอกและกะบังลม ซีโ่ ครงปล่อยลงระหว่างการหายใจเข้า (thoraco-diaphragmatic breathing) พึงระลึกว่า ชื่อเรียก จุดเกาะต้น และจุดเกาะปลายของกะบังลมสาหรับ การหายใจด้วยกล้ามเนื้อท้อง, การหายใจด้วยหน้าท้อง, การ การหายใจเข้าด้วยหน้าท้อง จะต่างกันกับการหายใจเข้าด้วย หายใจด้วยกะบังลมอย่างลึก และการหายใจด้วยกะบังลม นัน้ กะบังลม ถ้าจะเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของการทางาน ใช้เรียกการหายใจตามปกติทวไปมาเป็ ั่ นเวลานานแล้ว แต่ช่อื เหล่านี้ จะต้องอธิบายความแตกต่างระหว่างการหายใจของทัง้ เรียก การหายใจท้อง-กะบังลม การหายใจทรวงอก-กะบังลม 2 ประเภท การหายใจด้วยท้องในท่าศพและท่าหกกลับ จุด ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนหน้านี้ ...................................................................................................... เดือน กุมภาพันธ์ 2554 มีผบู้ ริจาคสนับสนุนการทางานของสถาบันฯ ดังนี้ ครูปญั ญวีร์ ชัยยะศิรสิ วุ รรณ โรงพยาบาลจุฬา 1,000.- บาท คุณอุบลพรรณ ฉัตรเจริญชัยกุล 1,000.- บาท คุณพรทิพย์ อึงคเดชา เปิ้ ล รุ่น 10 บริจาครายได้จากการจาหน่ายผ้าพันคอ 1,430.- บาท ผูเ้ ข้าร่วมฟงั บรรยาย กิจกรรมของสวามีเวทะ ภาราตี ร่วมบริจาค 17,050.- บาท เพื่อนครู ทีเ่ ข้าร่วมกิจกรรมจิตสิกขาประจาเดือนกุมภาพันธ์ 500.- บาท ทีมงานสานักงาน บริจาคให้สถาบันฯ 10,000.- บาท สรุปยอดบริจาคประจาเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ทัง้ สิน้ 30,980.- บาท สถาบันฯ ร่วมกับ ภาควิ ชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มศว จัด หลักสูตรครูโยคะ 250 ชัวโมง ่ ปี 2554 (รุน่ ที่ 11) ทาความเข้าใจวิชาการโยคะ ตาราดัง้ เดิมว่าไว้อย่างไร ท่าอาสนะทีเ่ ราฝึกมาจากไหน อาสนะในมุมมองของสรีรวิทยากายวิภาค ปฏิบตั วิ ถิ โี ยคะ โยคะบนเสือ่ และ โยคะนอกเสือ่ เพื่อเข้าถึงหัวใจแห่งโยคะคือ การพัฒนาจิต ให้เป็ นสมาธิ ศึกษาวิจยั โยคะ ทาความเข้าใจโยคะผ่านหัวข้อ คาถามวิจยั ของตนเอง การสอน การถ่ายทอด การเผยแพร่โยคะ ฯลฯ พุธ 29 มิ.ย.17.30 – 20.00 น. ปฐมนิเทศ ที่ มศว คณะมนุษยศาสตร์ ชัน้ 6 ห้อง 262 ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 1 – 3 ก.ค. เข้าค่ายวิถแี ห่งโยคะ ทีส่ วนสันติธรรม ลาลูกกา คลอง 11 จันทร์ พุธ พฤหัส เสาร์ 4 ก.ค. – 26 ต.ค. ฝึกปฏิบตั ิ เรียนทฤษฎี ที่ มศว วันธรรมดา 17.30 – 20.00 เสาร์ 800-1300 น. ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ 28 – 30 ต.ค. เข้าค่ายกริยาโยคะ ทีส่ วนสันติธรรม รับผูเ้ รียนไม่เกิ น 28 คน ค่าลงทะเบียน 29,000 บาท (รวมค่าค่ายทัง้ 2 ครัง้ และ ตาราเรียน)
สารัตถะ มีนาคม 54 12