โยคะสารัตถะ มิถุนายน 2554

Page 1

จดหมายขาว

www.thaiyogainstitute.com

คุยกันกอน ปฏิทินกิจกรรม กิจกรรมของเครือขาย คุณถาม เราตอบ คุณถาม เราตอบ (2) จดหมายจากเครือขาย ตําราโยคะดั้งเดิม สะกิดสะเกา ประชาสัมพันธ แนะนําหนังสือ แนะนําหนังสือ (2) แลกๆ เลาๆ

2 โยคะในสวนธรรม 2 ธรรมะ โยคะเพื่อผูปวย ครั้งที่ 18 2 ทําไมไมรสู ึกตัว 3 ใชสมาธิไหม 5 เสียงที่ซอนอยูในใจ 5 กริยาโยคะและกิเ ลสทั้ง 5 ของโยคะ 7 หกสิ่งที่จะสูญพันธุไปจากสังคมในยุคเรา 9 อบรมครูโยคะ หลักสูตร 250 ชั่วโมง ป 2554 9 วันที่หวั ใจกลับบาน 10 500 ลาน 500 ไร เปลี่ยนประเทศไทย 10 พักนี้รสู กึ วา ลมหายใจสั้น 13

วิถีชีวิต เพื่อสุขภาวะ

ฉบับ เดือ น มิถุนายน 2554

5 มิถุนายน วันสิ่งแวดลอ มโลก

จดหมายขาว โยคะสารัตถะ วิถีชวี ิตเพื่อสุขภาวะ ที่ปรึกษา แกว วิฑูรยเธียร ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน นพ.ยงยุทธ วงศภริ มยศานติ์ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ กองบรรณาธิการ กวี คงภักดีพงษ, จิรวรรณ ตั้งจิตเมธี, จีระพร ประโยชนวิบูลย, ชนาพร เหลืองระฆัง, ณัตฐิยา ปยมหันต, ณัฏฐวรดี ศิรกิ ลุ ภัทรศรี, ธนวัชร เกตนวิมุต, ธัญยธรณ อรัณยชลาลัย, ธีรนิ ทร อุชชิน, พรจันทร จันทนไพรวัน, รัฐธนันท พิรยิ ะกุลชัย, วรรณวิภา มาลัยนวล, วัลลภา ณะนวล, วิสาขา ไผงาม, วีระพงษ ไกรวิทย, ศันสนีย นิรามิษ, สมดุลย หมั่นเพียรการ, สุจติ ฏา วิเ ชียร

สถาบันโยคะวิชาการ มูลนิธิหมอชาวบาน 201 ซอยรามคําแหง 36/1 บางกะป กทม.10240 โทรศัพท 02 732 2016-7, 081 401 7744 โทรสาร 02 732 2811 อีเมล yogasaratta@yahoo.co.th เว็บไซท www.thaiyogainstitute.com

สิ่งตีพิมพ 1106 1


พอมนุษยทําการปฏิวัติอุตสาหกรรม วัฒนธรรมของ ใหญหลวง แตคราวนี้ผูคนกลับโทษธรรมชาติ โทษแผนดิน โลกเปลี่ยนแปลงไปอยางรวดเร็ว และมนุษยตางภาคภูม ิใจกับ (ไหว) โทษน้ํา (ทวม) โทษลม โทษไฟ ... ผลงานของตน 300 ปใหหลัง มนุษยกําลังเผชิญกับ ภัยอยาง ใจคนนี่ ยากแท หยั่ง ถึง จริงๆ ____________________________________________________________ จิต สิก ขา เดือนมิถุน ายนนี้ กลับ มาอีกครั้งหลังหยุดสงกรานต วันเสารที่ 18 เวลา 9.00 – 12.00 น. พบกัน ที่ สํานักงาน และเดือน พ.ค. ก็ชวนกัน ไปสวนโมกขแทน เดือนนี้ ตรงกับ สถาบัน ฯ รามคําแหง 36/1 --------------------------------------------------------โยคะอาสนะขั้นพื้นฐานเพือ่ ความสุข สําหรับผูเริ่มตน 24 ก.ค. เวลา 9.00 – 15.00 น. ที่ชน้ั 6 หอง 262 คณะ เดือนมิถุนายน เต็มแลว ครั้งถัดไป กรกฏาคม จัดวันอาทิตยที่ มนุษยศาสตร มศว ประสานมิตร คาลงทะเบียน 650 บาท ---------------------------------------------------------เชิญอัพเดทขาวสถาบัน ฯ เปน fan ในเฟสบุคที่ http://www. และทาง Twitter ที่ http://twitter.com/yogathai facebook.com/pages/thaiyogainstitute/208189084154 --------------------------------------------------------โยคะในสวนธรรม ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส สวนวชิร เสารที่ 25 มิ.ย. เวลา 10.00 – 12.00 น. โยคะในสวนธรรม โดย ธนวัชร เกตนวิมุต ครูดล เบญทิศ ถ.วิภ าวดีรังสิต (หลังตึก ปตท. หาแยกลาดพราว) ไมเสียคาใชจาย พุธที่ 15 มิ.ย. เวลา 17.00 – 18.30 น. โยคะสลายเครียด โดย ครูรัฐธนันท – ครูกฤษณ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่ครูออด โทร. 084ธรรมะและโยคะเพือ่ ผูป วย ครั้งที่ ๑๘ โดย ชีวิตสิกขา เครือขายเพื่อ การเรียนรู 643-9245 ครู เงาะ โทร.084-668- 3780 คุณโตง 081-6899075 jivitasikkha@gmail.com และเขาใจชีวิต ณ วิทยาลัยปองกัน ราชอาณาจักร (วปอ.) ถนนวิภ าวดีรังสิต โปรแกรมอบรม วันเสารที่ ๑๘ มิถุน ายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๗.๐๐ น. ๐๘.๓๐ ลงทะเบียน เปดการอบรมและปฐมนิเทศ รวมกุศลสะสมบุญดวยการ ฝกโยคะกับการภาวนา ๐๙.๐๐ ฝกการเจริญสติภาวนาตามแนวทางหลวงพอเทียน : และกระบวนการเรียนรูและเขาใจความจริง ของชีวิต ฝกเจริญ แดเธอผูรูสึกตัว วิถีแหงบัวบาน - วางใจรับมือกับมะเร็งระยะสุดทาย สติภาวนา และรับ ธรรมะในการวางใจเพื่อเยียวยาความ เจ็บปวย ไมมีคาใชจายในการเขารวมอบรม สามารถเขารวม สูการเปลี่ยนผานที่สําคัญที่สดุ ของคุณบัวพระวิทยากร: พระ อธิการครรชิต อกิณจโน วัดปาสันติธรรม จ.ชัยภูม ิ ไดทั้งผูป วย ผูดูแลผูปวย และผูสนใจทั่วไป การเตรียมตัว เตรียมเสื่อหรือผาปูรองนอนเพื่อฝก ๑๑.๓๐ ฝกโยคะภาวนาเพื่อสมาธิ (นําผาปูรองฝกสวนตัว) ๑๓.๓๐ ผอนพักตระหนักรู เรียนรูเทคนิคหายใจเพื่อการรู โยคะ (เครือขายฯ มีเสื่อเตรียมไวจํานวนหนึ่ง) การแตงกายสวมใสเสื้อผาสบายและสะดวกเพื่อการ ตื่น ปลอยวาง และผอนคลายอยางลึก ๑๔.๐๐ กิจกรรม พลังกลุมเพื่อการเยียวยาความเจ็บปวย ฝกโยคะ ไมจําเปนตองใสชดุ ขาว หมายเหตุ ทางเจาภาพจั ดเตรียมอาหารกลางวัน ๑๖.๓๐ สรุป และปดการฝกอบรม รวมทําบุญถวายปจจัยแด พระอาจารย และรับพรกอนกลับบาน (มีมังสวิรัติ) เครื่องดื่ม และของวางตลอดการอบรม …………………………………………………………………..

1106 2


โดย กอง บ.ก. ทําไมไมรูสึกตัว สวัสดีคะทุกๆคน ถามหนอยคะ หนูไดม ีโอกาสไปลองสอนในสตูดิโอ เล็กๆ แหงหนึ่ง ก็สอนทาพืน้ ฐานตามที่เราฝกกันมา คลาส ยาว 1ชั่วโมง 15 นาที ทําอาสนะสลับ ทาพัก มีทางู จรเข ธนู คัน ไถครึ่งตัว คีม ชานุ โยคะมุทรา อูฐ บิดสันหลัง ทายืน ภูเขา ตน ไม กงลอ ซึ่งเพื่อนๆ คงพอนึกออกวาจะจบทุกทาก็ ชั่วโมงเศษพอดี จบดวยทานอนศพผอนคลาย มีฟดแบคกลับมาวา นักเรียนไมชอบอยูในทาพัก บอกอยูนิ่งมากไป อยากจะทําทาใหมากกวานี้ (สวนตัวคิดวา ที่พาฝ กไปก็ใสทาแนน แลวนะเนี่ย) สันนิษฐานวา 1. เคาไมเขาใจการตามความรูสึกแตละสวน ตามที่เราคอ ยๆ บอก ใจจึงไมอยูกะเนื้อกะตัว และกระวนกระวาย ไมอยากจะ อยูเฉยๆ ออกจากความคิดไมได ทั้งๆ กอนเริ่มฝกพยายามจะ บอกแลววา จะฝกแบบเนนการรับ รู เปาหมายไมไดอยูที่ทําทา สวย ทายากซับซอน แตใหม ีสติ และพยามผอนคลาย 2. เขาใจวาโยคะอาจจะตองมีเหงื่อ จึงจะรูสึกวาไดทํา อะไรบางแลว (นี้ไมไดถาม แตเคยไดยิน คนในคลาสคุยกัน วา วันไหนไดเหงื่อก็จะรูสึกดี) หรือเขาใจวาโยคะคือการออก กําลังเอาเหงื่อเปน หลัก จะทํายังไงดี อาทิตยนี้ จะลองไปสอนอีก คิดว าตอง จัดปรับ สัดสวนทาและการพักแตวาใหยังอยูภายในขอบเขตที่ ยังรักษาความรูสึกตัวไวไดชัดเจน ขอความเห็นหนอยคะ 1. เราใหน ักเรียนทํา 2-3 ทาตอกัน แลวคอยพักไดไหมคะ แต ถาหากทําทาตอ เนื่องก็จะหลับตาลําบาก เพราะนักเรียนตอง คอยมองครู แลวคงจะสาธิตชุดทาในขณะที่เคาเพิ่งเสร็จจาก การพักไปทีละชวงๆ ก็เปนหวงเรื่องความตอเนื่องดวยคะ 2. ตองเพิ่มทาเขาไปอีก เพราะเวลาเหลือ ถาจะลองใชพวกทา ยืน นักรบ หรือทาไหวพระอาทิตยเขาไป แตเนนบอกใหตามรู แตละจุด โดยที่เคาไมไดหลับตา....คิดวามันยังเปนโยคะได ถูกไหมคะ 3. เราจะพูดสอดแทรกใหเคาคอ ยๆ รูจักว า โยคะ คือ อะไรกัน แน ตอนสุดทายที่เคานอนพักทาศพสลบไสลไดไหมคะ เพราะ ดูเหมือนวาตอนเริ่มชั่วโมงเคาไมอยากฟงเราพูด เคาอยาก ทําทาๆๆๆกอน หวั่นใจและไมมั่น ใจคะวา จะทําไงดี ใหผูเรียนพอใจ และไดอะไรติดกลับบานไปดวย ขอแชรค วามเห็นหนอยคะ สั้น ๆก็ได ขอบคุณคะ

1106 3

การแลกเปลีย่ นจากเพื่อนคนที่หนึ่ง เทคนิคการสอนนัน้ เปน เรื่องเฉพาะตัว แตสิ่งสําคัญ ที่สุด เราตองรูจักผูที่จะเรียนกับ เรา วาเขาตองการอะไร สิ่งที่ เราเรียนมาเราคิดวาดีที่สุดแลว แตเ ขาคิดวาดีที่สดุ สําหรับ เขา หรือเปลา แลวจะทําใหเขายอมรับ ไดอยางไร จะปรับเปลี่ยน พฤติกรรมเขาไดอ ยางไร นี้คอื ความสนุกในการสอนแตละครั้ง ที่พี่เจอ มันคือสิ่งที่เราตองคนหา และสรางใหเปนการสอน เฉพาะตัวของเราเอง อยาไปบังคับใหเขาเชื่อ แตเราตองใหเขาคอยเชื่อ เราดวยตนเอง นึกถึงวันที่เรามาเรียนสิ พี่วา เราก็ตองมีคําถาม ในใจดวยกันทั้งนัน้ วา 14 ทานี้จะพอเหรอ แตในที่สดุ เราก็ พบวาพอ สิ่งสําคัญคือ เวลา ถาเวลาที่เราสอนมีน อย เราก็ตอง กระชับเนื้อหา ใหครบถวนสั้น และไดใจความในเวลาที่กําหนด ที่เราลืมไมไดคือ เรากําลังแบงปนซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนประสบการณกันและกัน อยาพึ่งไปกลัวหรือวา วิตก แตใหกลับมาลองพิจารณาวา จริง ๆ แลว อะไรคือความ พอดีในการสอนแตละที่ สําหรับทาศพ ไปอานที่ครูกวีตอบไวใน Alumni Page เปน เรื่องที่ดี ใหเขาใจในทาศพมากขึ้น ถาคิดวาเขาไมอยากฟง เราก็ตองกลับ มาดูวา เพราะ อะไร เวลานอย เขาอยากฝก หรือ อยากฟง หรือเราจะพูดไป ฝกไป ใหดูที่เวลา จะเพิ่มทาหรือไมเพิม่ ทา อยูที่เราออกแบบ ลองฝก ดวยตัวเองกอนไปสอน มันพลิกแพลงไดมากมาย จากนอนนั่ง ยืน เปนยืนนั่งนอน หรือตาง ๆ ลองคิดใหสนุก แลวจะพบการ สอนที่ไมใชสอนแตเขา แตสอนเราเองดวย เชื่อวาทุกคนสอนได และสอนไดดี และเชื่อวาโยคะ จะนํามาซึ่งสิ่ง ดีดี ในชีวิต ลงชื่อ … การแลกเปลีย่ นจากเพื่อนคนที่สอง พี่ขอแจมอีกคนนะ พี่วาเรานาจะมีช่อื คลาสนะ เชน โยคะวิปสนา มัน จะ ไดดูแตกตางจากโยคะแบบออกกําลังกาย และมีการถามตอบนักเรียน เพื่อสรางปฏิสมั พัน ธกนั เบื้องตน พรอมทั้ง อธิบ ายถึงที่มาของชื่อคลาส ขอดีของโยคะทั้งสองแบบที่ แตกตางกัน และใหนักเรียนเปดใจลองของใหมนี้ดู พี่สอนพี่สาว เขาก็ทําไปพักนึง หลายวันอยู สุดทาย ก็เขาฟตเนสเหมือนเดิม รูวาดีแตชอบเหงื่องะ


แตเพื่อนที่ออฟฟศบางคนก็ชอบโยคะแนวนี้ และทํา เกือบทุกวัน ก็น านาจิตตัง นึกถึงเราเองตอนแรกที่มาเรียน ดวยความที่เคยเขา โยคะในสตูดโิ อมา ก็ยังไมคอ ยเชื่อวามันดีกวา แตกล็ องเปด ใจและพิสูจน โดยไมออกกําลัง กายอยางอื่นเลย จนเราเห็น ความเปลี่ยนแปลงในตน และที่สาํ คัญ มีคนเขามาทักถึง การ เปลี่ยนแปลง แลวนักเรียนที่หนูสอนครั้งแรก ก็คงตองใชเวลา และ ที่สําคัญความชอบของแตละคนเปนสําคัญ เปน กําลังใจจา คนเรามีจริตและวาสนาตางกันเนอะ ลงชื่อ.... การแลกเปลีย่ นจากเพื่อนคนที่สาม เมื่อวานพี่ไปสอนเด็กอายุ 6-8 ขวบ เด็กๆพลังเยอะ มาก อยากทํานั่นอยากทํานี่ พี่มีโอกาสชวงหนึ่งที่บ ังเอิญกําลัง หาอุปกรณ เลยบอกเด็กๆ ที่น อนเอาขาพิง ฝาแบบคัน ไถครึ่ง ตัวว า คอยครูกอนนะ อดทนอีกนิดนะ เด็กๆอดทนได ครูเชื่อวาหนูทําได หลายคนที่รองวาหนูไมไหวแลวคะครู แตพอไดยิน ครูบ อกวาอดทนอีกหนอย เด็กนอยก็พยักหนารับ แลวสุดทาย ดีใจมากพอครูบ อกว าพอแลว เด็กๆ ทําไดดมี ากเลย ตอ จากนั้น ถามวา ตอนนี้หนูอยากทําทาอะไรอีกคะ เด็กๆ ตอบพรอมกันวา ปลาดาว (ทาศพของเด็ก) แลวพอใหเด็กๆว าดรูป ทาที่ชอบ ก็คือปลาดาวคะ มีเด็กนอย ๖ ขวบคนหนึ่ง บอกวา ครูขาหนูดีใจมาก วันนี้หนูอดทนไดนานกวาอยูที่บานอีกคะ หนูภ ูมิใจ ครูสอนให หนูอดทน พี่เลยชวนสาวนอยคนนี้ใหกลับ ไปบอกคุณแมนะวา วันนี้หนูม าเรียนโยคะ หนูอดทนขึ้น เยอะเลย เธอยิ้มแกม ปริ ครูตัวนอยของพี่เมื่อวานนี้สอนพี่วา 'อดทน' มีคณ ุ คา เสมอคะ ลงชื่อ... การแลกเปลีย่ นจากเพื่อนคนที่สี่ ความคิดเห็น ของพี่นะ พี่คิดวาคนที่นี่สวนใหญเขา ฝกโยคะมานานแลว และเขาเคยชิน ที่จะฝกแบบตอเนื่องและ ทําทานานๆ พี่วา ลองใชทาตอเนื่องกอนดีกวาไหม ใหเขา ยอมรับ การสอนของเรากอน ใชประสบการณจากการฝกจาก สตูดิโอ และจะใหดี ใหถามถึงความตองการหรือจุดมุงหมาย ของแตละคนวา มาฝกโยคะเพื่ออะไร เราตองกลาที่จะถาม และฟง คําตอบของคนที่ม าฝกกับ เรา กอนและหลังการฝก

1106 4

เพื่อเราจะไดปรับ ปรุงใหดีขึ้น มัน อาจจะยากหนอยสําหรับคน ที่เคยทําเร็ว แบบผาดโผน อาจจะใชการคงคางทาที่นาน หนอยและซ้ําทาแบบตอเนื่องบอยๆ กอน ใหดูพอเขาเหนื่อย แลวเราคอ ยใหอยูในทาผอนคลาย แตไมตองนาน สวนการจับ ความรูสึกใหเขาเฝาสังเกตตอนที่เขาคางอยูในทาสุดทาย ที่นิ่ง สบายและใชแรงแตนอย มีสติตามรู ก็นาจะดีนะ อยาลืมที่จะสังเกตปฏิกริ ิยาของคนเรียนดวย ทักษะ ของแตละคนแตกตางกัน อาจจะใชทั้งการนับยาวๆ นานๆ หรืออาจจะบอกคนที่รูสึกวาไมไหวใหพัก เหมือนที่ครูเราสอน สวนที่คนที่อยากคางทานาน ๆ ก็นบั ใหชา หนอย ก็ไดเหงื่อ เหมือนกันแหละ บททดสอบนีน้ าสนใจ เดินหนาตอไปจา จะเปน กําลังใจให สู สู สู ลงชื่อ .... การแลกเปลีย่ นจากเพื่อนคนที่หา ดีใจมากเลย ที่ไดอานเรื่องราวแบบนี้จากพวกเรา ประเด็นที่หนูน ําขึ้นมาชวนคุย ทาทายมากเนาะ ผมชวนเราพิจารณาในแงมุมนีบ้ าง ไมม ีอะไรถูก ไม มีอะไรผิด อันนี้เปนมอตโตป ระจําใจผมเลย ไมรสู ิ ยิ่งอายุมาก ขึ้น ก็ยิ่งเห็น เปนอยางนี้ ถาพวกฝายบุคคลเขาใชคําวา put the right man on the right job ในกรณีพวกเราครูโยคะใชคํานี้ไดไหม Put the right students in the right class และอยาลืม put the right teacher in front of that class too. ผมมองเห็น องคประกอบอยางนอย 3 ฝายแนะ เจาของกิจการ นักเรียน และ ครู มัน จะไมมีปญ  หาเลย ถาเจาของกิจการรูจักโยคะ ถา นักเรียนรูจักโยคะ หนูกจ็ ะไดสอนโยคะ ขาวรายก็คือ มันไม เปน เชนนั้น ในกรณีนี้ เจาของกิจการเขาชัดเจนวาเขาจะเอา ยังไง นักเรียนก็ชดั เจนวา เขาอยากไดอะไร ก็เหลือแควา ครู จะเอายังไง ซึ่งในทีน่ ี้ก็คือหนู ก็เหลือแควา หนูจะเอายังไงนะ ลองดูนะครับ พวกเราบางคนยังไมเห็น ความ หลากหลายของนักเรียนโยคะมากนัก เราคุนเคยแตกบั กลุม ผูสนใจโยคะเชิงวิชาการ และยิ่งถาเรารัก เราชอบในโยคะเชิง วิชาการ พอเราไปเจอสิ่ง แวดลอมที่ตางไปโดยสิ้น เชิง เราอาจ ตั้งรับ ไมทนั ลองดูนะครับ บางทีเราทองจักรวาล (ภายใน) จนลืม เรื่องมิติของกาลเวลาไป แตนักเรียนไมเปน เชนนัน้ จะให


บรรลุไกวัลย (บทที่ 4 ของโยคะสูตร) ใน 75 นาที ก็อาจจะ... นิดนึง ลองดูนะครับ เราพูดไปแลวเนาะวา feeling oriented approach เขาไดยินเราแลวนะ และเขาก็ตอบเรา แลวดวย (วาเขาไมตองการ feeling) อาวงั้น ตกลงใครไมได ยิน เอย...?

หนูเองมีศกั ยภาพในการคิด ลองทําการบานตอนะครับ

ในเชิงตรรกะอยูแลว ชื่อ ....

..............................................................................................................

โดย กอง บก ใชสมาธิไหม? 3.1 การที่เราจดจอ ตั้งมั่น ในเรื่องใดก็ได เชน เด็กหญิงหนอย ไมไดตั้งใจจะทําอะไรแปลกๆ นะคะ เปนการเรียนรู กําลังตั้งใจอานนิยาย ก็เปนสมาธินะ นายสมชายกํ าลังปลน แบบเลน ปนเรียนมากกวา พอดีที่บ านมีสระวายน้ํา นั่งในน้ํา ธนาคาร จอปนไปยังเจาหนาที่ธนาคาร ก็เปนสมาธินะ สมาธิ แรงโนมถวงมันลดลง แรงดันภายในภายนอก รูสึกเหมือน แบบนี้ เปนสมาธิทางโลก แตกตางกัน ไมเทาไร แลวหาตําแหนงที่เรารูสึกเหมือนตัวเรา 3.2 การที่เราจดจอตั้งมั่น “ที่จะรูกายตามความจริง – ที่จะรูจิต เบาที่สดุ ทําใจใหสงบใหนิ่ง ณ จุดนึงรูสึกไมตองการหายใจ ตามความจริง” เชน เราอยูในสระน้ํา แลวสังเกตพบวา ลม แลวเอาจมูกจุมน้ํา รักษาความนิ่งไว มันอยูอยางนั้นนานคะ หายใจตนสงบเปนเวลานาน เกิดความตระหนักถึงความจริง นานจนเอาจมูกขึ้นดีกวา กลัวนิดๆ ของลมหายใจวา มันทํางาน มันหยุดทํางานของมันเองนะ มัน ขณะไมหายใจ จิตนิ่งมาก เมื่อไรใจวอกแวกก็รูสึก ไมไดอยูในอานัติของเรา มัน ไมไดขึ้นกับเราเสมอไป มันไมใช ตองหายใจอีก เราเรียกไดไหมคะวาเปนสมาธิ “ของเรา” อยางนี้ เปน สมาธิกลุมที่ 2 ซึง่ เราเรียกวา ขอบคุณคะ “สัมมาสมาธิ” หรือเราหยุดหายใจไปนานพอสมควร เกิดกลัวขึ้นมา ชอบครับ ผมเชื่อวา การเรียนรูที่ดนี ั้น ควรตั้งบน แลวตระหนักวา ความรูสกึ กลัวนั้นมันเกิดขึ้น มาไดเอง ไมใช ฐานแหงความสุข ภาษาพระใชวา “ความสุข เปน เหตุใกล ให เราไปสั่งใหมันเกิด เห็นความจริงของจิตวา มัน เปน อิสระ มัน เกิดสมาธิ” ทํางานเอง มันไมใช "ของเรา" อยางนี้ เปน สมาธิกลุม ที่ 2 จิตเรามัน มี 3 ระดับนะ เชนกัน 1 ฟุงซาน คิด กังวล วาวุน ระดับ นี้ คนทั่วไปเปน กันมาก ตอนนี้เราพอจะแยกแยะออกไดน ะ วาสิ่งที่เกิดขึ้นกับ 2 สุดโตง ไมฟุงเลย คือ หลับ ไมมีการทํางาน ไมรบั รู อันนี้ เราในสระวายน้ํานัน้ สภาพจิตของเราเปนอยางไร มันเปน ทุกคนทําได ไมตองฝกเชนกัน สมาธิตอนไหน และมันเปนสมาธิแบบไหน 3 ระดับกลางๆ คือ ประคองไว ตั้งจิตไวใหอยูกบั เรื่องใดเรื่อง สมาธิมนั จะเกิดตอเนื่องยาวเปน 5 นาที 10 นาที ก็ มี หรือมันจะเกิดเปนนหวงสัน้ ๆ และ หลุดไป แลวกลับมา เดียว อยูกับสิ่งใดสิ่งเดียว อันนี้หละคือ สมาธิ คําจํากัดความของ สมาธิ คือ “จิตที่ตั้งมั่น” การที่จิต เปน ใหม ก็ไดนะ ลองสังเกตดู การหมั่นสังเกต (การวิ จัย) เปนเครื่องมือนึง ในการ จดจออยูกบั เรื่องใด เรื่องเดียว ทีน ี้ สมาธิ ก็ยัง แยกออกมาไดอีกอยางนอย 2 กลุม พัฒนาจิตครับ ........................................................................................... เสียงทีซ่ อ นอยในใจ... เก็บเสียงที่ตก จากกิจกรรมศิลปะบนถุงผาชาย ผาเหลืองขางเตียง ที่เสถียรธรรมสถาน วันที่ 20 ก.พ. 2554 เราเคยคนหาความจริงของใจเรา ในเสียงที่พูดหรือ ไม? ลองตามรอยเสียงของเราในแตละถอ ยคํา และถามตัวเอง วา

1106 5

ครูแดง ชีวิตสิกขา ในกิจกรรมศิลปะ กับ การภาวนา มันมีอะไรซอนอยูในใจของเรา เพราะเหตุใด เสียง ภายในของเรา บางครั้งมัน แผวเบาลึกๆ จนเราไมรวู ามันมี อะไรอยูตรงนั้นลึกๆ “ไมเอา ไมทํา ไมพูด ดีกวา” “จะทํา จะ พูด จะเอา” “ตองได ตองทํา ตองเปน ตองมี” เสียงหลายเสียง เหลานั้น ที่อยูลึกๆ แลว มันซอนความรูสึกอะไร ธรรมชาติ อะไรในตัวเรา บางครั้งมันก็มีอทิ ธิพลตอชีวิตเรามากมาย และ


ทําใหเราขาดโอกาสที่จะเรียนรู เห็นตัวเอง รูจักตัวเอง เชนเดียวกัน บางครั้งเราก็ไดทําอะไรที่ใหผลเหนือความ คาดหมาย เราพบกับ ความสําเร็จและความสุข เมื่อเราขามพน เสียงลึกๆ นั่นไปได เราลองมาตามรอยเสียง ในกิจกรรมเรียนรูในศิลปะ กับ การภาวนากันดีกวา เสียงที่ไดยิน ในวันนั้น “อยากทํ า แตไมกลา ทําไมได” เปนเสียงผูใหญ “ไมเคยทํามากอน แตอ ยากจะลอง” เสียงของนองสม ทายสุด ของผลงานปรากฏออกมาดีเกินกวา ที่คิดว ากลัวและทําไมได “หนูอยากทํ า” ... “แลวหนูคิดวา หนูทําไดไหม?” “หนูทําได” เสียงเด็กหญิงตัวเล็ก วัย 5 ขวบ ... ผลงานออกมาเบี้ยว “หนูอยากทํ าตรงนี้ ปาแดงชวยหนอย” เสียงนองใบบัว (วัย 6 ขวบ) ตัดสั้นผม นุงผาจงกระเบนไทย ตอนแรกเราก็คิดว าเปน เด็กชาย ตั้งใจนั่งเย็บ อยางตั้งใจ สอนเย็บ ลูกปดไปครั้งเดียว หนูนอยก็สามารถเย็บตามได และมีผลงานแสดงความรักบน ถุงใหแม เราไมป ฏิเสธเด็กหญิงตัวเล็กที่กลาหาญ ที่เปด โอกาสใหตัวเองไดลองทําดู คน พบตัวเอง เพราะหวงใยความ ปลอดภัยสําหรับเด็กเล็ก เด็กยังไมคอ ยรูจักระวัง ตัว ความคม ของเข็มอาจทําใหเกิดอันตรายบาดเจ็บไดในระหวางเวลาเย็บ อาจไปถูกลูกตาได แตเด็กเล็กก็ควรไดรับ โอกาสเรียนรู ลอง ผิดลองถูก “หนูยังเล็ก ไดลองทํานิดหนึ่งก็ดีนะคะ วันหนึง่ ที่โต มากกวานี้จะมาฝกอีกก็ได” นองตาล (นักศึกษาปริญญาตรี ป 3) อาสาสมัคร เสถียรธรรมสถาน เขามารวมกิจกรรมมาปวนเปยนทีบ่ ูธชีวิต สิกขาเกือบทั้งวัน “หนูอยากทําคะ แตไมเคยเย็บมากอน หนู จะลอง” นองตาลแสดงสีหนาทาทางและความรูสึกวาตัวเองมี ความไมมนั่ ใจ แตกอ็ ยากลองทํา “ชวยสอนหนูหนอยนะคะ” เริ่มตนควรเปน อยางไร เริ่มจากเลือกชิ้นผามาวาง บนถุงและเย็บปะใหติดกับตัวถุง แลวจะทําตะเข็บ ลายอะไรดี หนูไมรูจะทําอยางไร .. เอาแบบนี้ดีไหม การเย็บคัดเวิรค ปาแดงเริ่ม สอนใหสองฝเข็ม คราวนี้หนูทําเอง แลว ตาลก็ลองทํามาใหดู “ตรงนี้ หนูเย็บมันผิดนะ ปาแดง“ ไม เปนไร ผิดไมเยอะ พอแกได ก็สามารถเลาะออก แลวตั้งตน ใหม ผิดนิดหนอยก็ผานไป แลวตั้ง ตน ใหม “ไมตองกังวลวาจะ สวยไมสวย งานปกเปนการฝกฝนใหเห็น จิตใจตัวเอง ขอให งานชิ้นนี้เปนบทเรียนของใจ ไดเรียนรูจักตัวเอง แลวงานชิ้น สวยๆ อันอื่น จะคอยเกิดตามมาเอง งานปกเย็บ จะเปนผลจาก ใจที่ปราณีตในแตละฝเข็ม ” ตาลเริ่มเรียนรู ฝกสังเกตแตชวงของฝเข็ม จุดแตละ จุดจะตอเชื่อมโยงกันอยางไร ทําไมฝตะเข็บ ของตาลจึง ตาง

จากฝตะเข็บของปาแดง ไมมีผิด ไมมีถูก แตละฝเข็ม แตละ ตะเข็บ สะทอนใหเห็น ถึงภาวะของใจ ใจที่น ิ่งและมั่น คง ฝ ตะเข็บก็จะมั่นคง และเปนระเบียบตามไปดวย คุณภาพการ เดินทางของใจอยูภ ายใน จะปรากฏพรอมกับ การเดินทางของ เสนไหมที่เกาะลงบนผาเหลืองที่ปะติดบนถุงสีขาว วันนี้ตาลไดทั้งสรางผลงานถุงผาจากฝมือของตัวเอง ไดเรียนรูจักการเย็บ ผาแบบที่ไมเคยไดทํามากอน ไดรูเห็น ใจ ของตัวเอง ตองฝาฟนกับงานที่ไมคนุ ชิน การเย็บแปะผาชาย ผาเหลืองลงบนถุงหนังสือสวดมนต เปน กําลังใจใหกบั เพื่อน มนุษยที่อยูในภาวะปวยกาย นั่งปกอยางมีสมาธิโดยไมรูสึกตัว วาตัวเองกําลังนั่งทํางานทามกลางแสงแดดและอากาศอบอาว วันนี้ตาลมาใชเ วลาสวนใหญที่ชีวิตสิกขา จนคุณครูตอง มาตามหาใหไปชวยงานชวงเวลาหนึ่ง แลวจึงกลับ มาทําตอ ตาลยังไดชวยงานอื่นๆ มาชวยเก็บ ของใหชีวิตสิกขาสงพวก เราขึ้น รถจนหมด เก็บตกเรื่องราวจากผูที่ยางกาวมาทํากิจกรรมถุงผา ชวนใหอยากนํามาแบงปน ผูอา นอาจไดป ระโยชนในฐานะ เปนบทเรียนหนึ่งของชีวิต ที่สะทอนใหเห็นถึงภาวะใจของ คนเราในแบบตาง ๆ โดยเฉพาะ ในเวลาที่เรามักปลอยใหสิ่ง ลึกของความรูสกึ ไมมนั่ คง หรือที่เรียกวา “ความกลัว” มามี อํานาจอยูเหนือเรา แลวมาปดกั้น การเรียนรู ทําใหเราหมด โอกาสที่จะเผชิญกับ อุป สรรค และกาวตอไปสูการเรียนรูสิ่ง ใหมๆ หากเราสังเกตเห็นเด็กเล็กๆ สวนใหญเด็กๆ มีความ บริสุทธิ์ ใจที่ไรคาํ พูดของการทําไมได ใจที่อยากลองเรียนรู ... ในชีวิตเราหลายครั้ง คราว เรามักชอบวิ่งหนี ไมกลาเผชิญ สิ่งที่ มีอยูในใจ มักปฏิเสธกอน เพื่อเขาสูพื้นที่ของใจ ที่ทําใหตัวเอง รูสกึ ปลอดภัย การที่เราเปดโอกาสใหตัวเองไดฝกกลาเผชิญ กับ สิ่งที่มีอยูภ ายใน โดยเฉพาะความกลัว เราควรตั้งสติและ กลับมาถามตัวเองวา "นี่เรากําลังมีความรูสึกอะไรอยู" "นี่เรา กําลังกลัวหรือ?" "เรากลัวอะไร?" "มีสิ่งใดที่ทําใหเรากลัว" เมื่อเราจะเริ่มเห็นตัวรายที่ซ อนในใจ ดวยการฝกกลาเผชิญ ซ้ําแลวซ้ําเลาอยางนี้บ อยครั้งมากเขา ความคุน ชินที่รูทนั ใจ ตัวเองยอมปรากฏ และอาจถามตัวเราเองตอไปวา แลวเราจะ ใหตัวเราถูกกักขังในความกลัวนี้อีกนานเทาไร ถึงเวลาหรือยัง ที่จะเดินออกจากมัน แลวจะไดพบความรูสึกใหม ที่ อาจเปน ความรูสึกอิสระ ที่โปรงเบากวาที่เราเคยเปนที่ผานมา เราแบก พกความกลัวมานานแสนนาน แลวเรายังบม เพาะความกลัว ใหม ีเพิม่ พูนมากมาย จนยากที่จะขัดเกลามัน ใหออกจากใจ .... นี่แหละที่เราตองเรียนรูตลอดชีวิต ความจริง ของชีวิต เรียนรูได จากหองเรียนชีวติ ใน ปจจุบันเวลา

......................................................................................................

1106 6


โดย วีระพงษ ไกรวิทย และจิรวรรณ ตั้งจิตเมธี แปลและเรียบเรียง กริยาโยคะและกิเลสทั้งหาของโยคะ ประโยชนจากอิ ศวรประณิธานะ ซึ่งในทีน่ ี้คือการปฏิบัติบูชา “สมาธิภาวนารถห เกลศ(ะ)ตนูกรณารถัศจะ” (ยชนะ)บางรูปแบบ ในประโยคที่สองนีบ้ อกเปนนัยวา อิศวรปู 2 คือประโยคในลําดับ ถัดมา (๒:๒) ของบทที่กลาวถึง ชนะ บางอยางเปนสิ่งที่จําเปนตองปฏิบัติสาํ หรับ ผูฝกโยคะ ภาคปฏิบ ัติของโยคสูตร มีความหมายวา การฝกกริยาโยคะ ตั้งแตชวงเริ่มตน จนถึงทายที่สุดของการเดิน ทางบนหนทาง นัน้ เปน ไปเพื่อสรางสภาวะดานในที่เอื้อตอการเขาถึงขั้นสมาธิ แหงโยคะ ความกาวหนาบนเสนทางโยคะนี้จะเกิดขึ้น ไดไม (samadhi) และชวยทําใหกเิ ลสออนกําลัง ลง มากนักหากกิเลสตางๆ (ในตัวผูฝก) ไมไดถูกกําจัดหรือทําให ประโยคนี้บอกถึงจุดมุงหมาย หรือผลของการฝก ลดนอยลง อยางที่ไดกลาวไวแลวว าแมแตในมรรควิถีแรกของ กริยาโยคะ เนื่องจากกริยาโยคะนั้น เปน โยคะแหงการกระทํา โยคะหรือ ยมะ3 ก็สามารถนําไปฝกปฏิบัติเพื่อทําใหกเิ ลสออน ทางรางกาย จึงเปนเรื่องที่ชดั เจนวามัน จะตองไดรับการฝก กําลังลง 4ในบางระดับ ไดอยางนาพอใจ ยิ่งกิเลสออนกําลังลง ปฏิบัติ และดวยเหตุที่มัน รวมอยูในนิยมะดวยจึงเปนสิ่งจําเปน มากเทาไร การปฏิบ ัติยมะจะยิ่ง ดีขึ้น และงายขึ้นมากเทานัน้ ที่กริยาโยคะควรไดรับการฝกฝนเปนประจําทุกวัน ซึ่งในเรื่อง กิเลสไมไดเปน เพียงตน เหตุแหงความเจ็บ ปวด และความ นี้ไดกลาวไวอยางเพียงพอแลวในประโยคแรกที่ผานมา (๒:๑) โศกเศราเทานั้น แตมัน ยังเปนตนเหตุแหงอกุศลกรรม จากความหมายในยอหนาแรกขางตน จะเห็น วา ทั้งหลายของมนุษ ยอีกดวย หิงสา (ความรุนแรงและการเขน เปาหมายของกริยาโยคะนั้นมีอยูดวยกัน สองอยาง (คือเอื้อตอ 5 ฆา) มีสาเหตุมาจากราคะ(ความโลภ)และทเวษะ (ความโกรธ) การเขาถึง ขั้นสมาธิและทําใหกิเลสออนกําลัง) ในสวนของ อสัตยะ(การไมพูดความจริงหรือการโกหก)มีตนเหตุม าจากอั ส เตรียมสภาวะของจิตในระดับที่จําเปน ตอการเขาถึง ขั้น สมาธิ มิตา(การมีตัวตน) และราคะ สเตยะ(การลักขโมย) อพรหมจร (samadhi) นัน้ ไมเปนที่สงสัยเลยวาองคประกอบทั้งสามของ รยะ(การประพฤติผิดทางเพศ) และปริครหะ(การรับ สะสม กริยาโยคะมีสวนชวยเตรียมพื้นฐานดังกลาว แตอศิ วร กักตุน วัตถุส่งิ ของ) มีสาเหตุม าจากราคะและอภินิเวศะ(ความ ประณิธานะมีสวนชวยมากที่สุดในการเขาถึง ขั้นสมาธิ ซึ่ง กลัวตาย หรือการเอาตัวรอด) ซึ่งความคิดและการกระทําที่ ประเด็นนี้ไดม ีการชี้แจงแลวในประโยคที่ ๑:๒๓ แตมีการเนน ขัดแยงกับยมะเหลานี้ เปน สิ่งทีไ่ มดีหรือเปนอกุศลที่คนเราทํา มากขึ้น ในประโยคที่ ๒:๔๕ ที่ป ตัญชลีกล าวว า ความสมบูรณ ลงไปดวยแรงผลักดัน ของกิเลสทั้งหลายนั่นเอง ดังนัน้ ถึงแมจะ แบบอันแทจริงของขั้นสมาธิ จะตองอาศัยการฝกอิศวร เปน ชวงเริม่ ตนบนเสน ทางของการฝกอัษฏางคโยคะของปตัญ ประณิธานะ และในประโยคหลังนี้ (๒:๔๕) จําเปน ตองเนน วา ชลี ก็จําเปนตองทําใหกิเลสลดลงอัน เปน การเตรียมตัวใน อิศวรประณิธานะเปนนิยมะนัน่ คือ เปน กิจวัตรประจําวันที่ตอง เบื้องตน และวิธีที่งายและมั่น ใจไดที่จะทําใหกเิ ลสลดนอยลงมี ทําโดยรางกาย ดวยทัศนะของการยอมจํานนอยางสิ้น เชิง อยูทางเดียวก็ คอื การฝกกริยาโยคะ นี่จึงเปน เหตุผลที่ป ตัญชลี (total surrender) ความจริงอันนี้ผูปฏิบัติโยคะจํานวนมากได เริ่มตนบทที่กลาวถึงการปฏิบัติโยคะ ดวยการอธิบ ายถึงกริยา ละเลยไป โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเริ่มรูสกึ วาตนเองไดกาวหนา โยคะซึ่งโดยขอเท็จจริง แลว หากปราศจากกริยาโยคะการกาว บนเสนทางของโยคะแลว ผูฝกโยคะจํานวนไมน อยกลาววา เดินไปบนหนทางแหงโยคะก็ไมอาจเปนไปไดเลย ความ 1 “ตอนนีฉ้ นั ไมป ฏิบ ัติป ูชา (puja) ใดๆ แลว ฉัน จะอุทิศเวลา ใหกับการทําสมาธิหรือธยานะมากขึ้น” แตสองประโยคแรก 2 อิศวรปูชนะ คือ การบูชาเทพตางๆ ดวยจิตอันสงบอยางเต็มกําลังศรัทธา ของบทที่วาดวยการปฏิบัติ (สาธนะ-ปาทะ) ชี้ใหเห็นความจริง วา แมแตโยคีที่เขาถึง ขั้นสมาธิแลวก็จะไดรับ การเอื้อ ซึ่งในตําราอุปนิษัทบางเลมกลาววาตองประกอบดวย ๓ สิ่งคือ ๑) จิตตอง 1

ปูชา (puja) เปนคําในภาษาสันสกฤต (ภาษาบาลีใชคําวา บูชา) หมายถึง พิธีกรรมทางศาสนาที่ปฏิบตั โิ ดยชาวฮินดูตอ เทพเจาทั้งหลาย บุคคลตางๆ หรือ แขกพิเ ศษ ซึ่งทําในโอกาสตางๆ เชน การสวดบูชาเปนประจําทุกวันที่บา น ที่ วัด หรือในเทศกาลสําคัญ หรือในการเริ่มตนสิ่งใหมๆที่มีความเสี่ยง การทําพิธี บูชายังทําในโอกาสพิเศษอื่นๆ ดวย เชน พิธที รุ คาปูชา(การบูชาพระแมอุมา) พิธลี ักษมีปูชา(การบูชาพระแมลักษมี) เปนตน ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Puja_(Hinduism)

1106 7

ปราศจากกิเลส เชนราคะ เปนตน ๒) วาจาตองบริสุทธิ์ ไมเ บียดเบียนทํารา ย ผูอื่น ๓) การกระทําทางกายตองไมเบียดเบียน ไมใชความรุนแรง (Yoga Kosa, p.68) 3

ยมะคือขอควรปฏิบตั เิ พื่อใหเกิดประโยชน เกิดความสงบสุขสันติในตนเอง และตอสังคมรอบขาง 4

การทําใหกิเลสออนกําลังลงในประโยคนี้ใชคําสันสกฤตวา ตนูกรณะ แปลวา ทําใหออนลงหรือนอยลง 5

ทเวษะหรือโทสะในภาษาบาลี


สําคัญอยางยิ่งยวดนี้ก็ไดกล าวไวแลวในประโยค ๒:๑ ซึ่งตาม ธรรมเนียมของการแตงประโยคในโยคสูตร จะหลีกเลี่ยงการ กลาวคําหรือตัวอักษรซ้ําโดยไมม ีความจําเปน นัน่ ก็คอื วา องคประกอบทั้งสามของกริยาโยคะเปน สวนหนึ่งของนิยมะแต ไดรับ การกลาวถึงทั้งในตอนตนของบทนี้ และกลาวถึงอีกครั้ง เปน การเฉพาะในประโยคของนิยมะ ๒:๓๒ (จึงเปนความจง ใจของปตัญชลีที่เห็นความจําเปนตองกลาวซ้ํานัน่ เอง) ประโยคที่ ๒:๓ ปตัญชลีกลาวตอมาว า “อวิทยา’สมิ ตาราคทเวษาภินิเวศาห เกลศาห” หมายความวา อวิทยา อัสมิตา ราคะ ทเวษะ และอภิน ิเวศะ คือ กิเลสทั้งหลาย คําว า อวิทยา เปนคําศัพทเฉพาะทาง จริงๆ แลวคํา นี้ ไมไดม ีความหมายเหมือนกับ ทีม่ ีการแปลในภาษายุโรป อรรถกถาฉบับภาษาอังกฤษสวนใหญ แปลหรือถอดความโดย ใชคาํ วา ความไมรู (ignorance หรือ nescience) ซึ่งเปน 6 ทัศนะที่ไมถูกตอง อวิทยา ไมใชความไมรู ตรงกันขามมันคือ สิ่งที่เราเรียกกัน โดยทั่วไปวา “ความรู” ซึ่งเปน ความรูทางโลก ในเชิงประสบการณ(ความรูที่ไดจากประสาทสัมผัสทั้ง ๕) นัน่ เปน เหตุผลที่วา ทําไมมัน ถึงไดรบั การยกยองสรรเสริญโดย คัม ภีรอปุ นิษัทวา “อวิทยยา มฤตยุม ตีรตวา วิทยยามฤตมัศนุ เต” กลาวคือ การเอาชนะความตายตองอาศัยอวิทยา การ 7 เขาถึงความไมตายจะบรรลุไดดวยวิทยา เปนที่ชดั เจนวาสิ่งที่ สามารถชวยใหเอาชนะความตายได ยอมไมใชหรือไมควรจะ เปน สิ่งที่เรียกว า “ความไมร”ู อวิทยาเปนภาพลวงตาของ ความรูทางโลกซึ่งทําใหมนุษ ยเขาถึง “ความจริง ” ไดยาก และ นัน่ คือเหตุผลที่ปรัชญาเวทานตะกลาวถึงอวิทยา วาเปนมายา หรือภาพลวงตา อัสมิตาตามตัวอักษรแปลว า “การมีตัวฉัน” นัน่ คือ การมีสาํ นึกรูถึง การมีตัวตนที่ป รากฏอยูในทุกๆ คน โดยปกติ แลวคนทั่วไปจะไมเคยสัม ผัส หรือมีประสบการณกับสํานึกรู ของการมีตัวตนอันบริสุทธิน์ ี้ สํานึกรูแหงการมีตัวฉัน 6

อวิทยาหรือ “ความรู” ทางโลกในเชิงประสบการณซึ่งไมตรงกับความจริง แทแตเ รามักเห็นผิดคิดวาความรูนี้คือความจริงแท 7

เอาชนะความตายดวยอวิทยาหรือ “ความรู” ทางโลกในเชิงประสบการณ เชน แมความตายจะเปนเรื่องธรรมชาติของชีวิต แตมนุษยกลับไมยอมรับ ความจริงในเรื่องนี้ จึงมีการคิดคนวิทยาการหรือความรูทางการแพทยให สามารถยืดอายุผูปว ยใหตายชาลงได สวนการเขาถึงความไมตายตองอาศัย วิทยาหรือความเห็นที่ถูกตองตามความเปนจริง และยอมรับวาความตายเปน สวนหนึ่งของชีวิต นั่นคือปฏิบตั โิ ยคะจนเห็นหรือเขาถึงความจริงแทของชีวิต จนกระทั่งไมมีอัตตาตัวตนคือเห็นวาตัวเรานี้ไมมีอยูจริง เปนเพียงการเห็นผิด และการยึดติดของจิตมนุษยเ ทานั้น การเขาถึงความไมตายนั้นถึงจะมีการตาย แตแทจริงแลวไมมีผูตาย (ผูแปล)

1106 8

โดยทั่วไปจะมัวหมอง หรือมีม ลทินอยูเสมอ (ไมบ ริสุทธิ)์ กลาวคือ คนทั่วไปจะมีความรูสกึ อยูเสมอวา “ฉัน เปนนัน่ ฉัน เปนนี”่ นี่ก็คือความหมายของคําวา “อัสมิตา” และเปน ไปได วาบางครั้งปตัญชลีไดใชคําวา “อัสมิตา-มาตระ” (๔:๔) สําหรับ สํานึกรูแหงการมีตัวตนอันบริสุทธิ์ เพื่อใหดูแตกตางจากสํานึก รูแหงการมีตัวตนที่มัวหมอง อัสมิตาในความหมายที่เปนกิเลส อาจจะใชคําวา ego หรือ การมีอัตตา ซึ่งทําใหเกิดปญหาแม ในชีวิตตามปกติ และเปนปญหายิ่งขึ้นในการเดินทางทางจิต วิญญาณ และอีกคําหนึ่งที่ใชแทนกันบอยครั้งคือ “อหังการะ” ดังนัน้ หากมีการใชคําวา อัสมิตา ในความหมายที่เปนกิเลส มัน จะมีความหมายเหมือนกับ คําวา อหังการะ หรือ อัตตา คําว า ราคะ และ ทเวษะ เปนคําที่เขาใจไดงาย เนื่องจากเปนกิเลส ที่ม ีความหมายเหมือนกับ คําในภาษาทั่วๆ ไป ดังนั้นคําทั้งสองนี้สามารถแปลโดยใชคําว า ชอบ และ เกลียด(ไมชอบ) รากศัพท ของคําวา อภิน ิเวศะ คือ นิ เทากับ ลงไปสู + เวศะ เทากับ ทางเขา (มาจากรากศัพทคําวา วิศ แปลวา เขา) นิเวศะ จึงแปลวา ทางเขาไปสู คําอุปสรรค อภิ มี ความหมายวา ความสมบูรณ ความหมายตามตัวอักษรเต็ม ของอภินิเวศะจึงแปลว า ทางเขาอันสมบูรณไปสู หาก เชื่อมโยงความหมายนี้ กับกระบวนการของชีวิตมันบงบอกถึง สิ่งหรือแรงที่เขาไปสูชวี ิตอยางลึกซึ้งของแตละบุคคล ในอีกแง หนึ่งก็คือ แรงผลักดันแหงชีวิตและทําใหการมีชวี ิตอยูน ั้นเปน ไปได แรงผลักดัน นี้คอื “ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู” ซึ่ง หากมองในดานตรงขามก็คอื “การกลั วความตาย” ดังนั้นคําวา อภินิเวศะ โดยปกติแลวจะใชในสองความหมายนี้ ประโยคนี้ (๒:๒) ของปตัญชลีโยคสูตรในบางฉบับมี คําว า ปญจะห เพิม่ เขามากอนคําวา เกลศะห ซึ่งดูเหมือนวา จะเปนการเพิ่ม เติม ขึ้นมาในภายหลัง โดยผูคัดลอกบางคนที่ อาจจะรูสึกหรือมองวา คําวา ราคะและทเวษะ เปนคําผสมและ เปน คําเดียวกัน เพราะบอยครั้งมีการพิจารณาว า ทเวษะ (ความโกรธเกลี ยด) คือ ดานตรงขามของอารมณราคะ (ความชอบ ความรัก) แตคําว า ปญจะห ที่เติม เขาไปใน ประโยคนี้กลายเปนคําซ้ําหรือคําฟุม เฟอยขึ้นมา เพราะปตัญ ชลีชอบจัดกลุม สิ่งตางๆ ออกเปน ๕ อยางอยูแลว และราคะ และทเวษะ ซึง่ ปกติแลวเปนสิ่งตรงขามกัน จึงไมสามารถผสม รวมเปนคําเดียวกันได ยิ่งกวานั้นปตัญชลียังไดพิจารณาคําทั้ง สองนี้แยกกันอยางชัดเจนในประโยคที่อธิบายความหมายของ คําทั้งสองคือ ๒:๗ และ ๒:๘ เอกสารอางอิง :


๑) Karambelkar, P. V. (1986). PATANJALA YOGA SUTRAS Sanskrta Sutras with Transliteration, Translation & Commentary. Lonavla : Kaivalyadhama, p.175-180.

๒) Philosophico Literary Research Department, (1991). Yoga Kosa. Lonavla : Kaivalyadhama. ๓) http://en.wikipedia.org/wiki/Puja_(Hinduism) Kaivalyadhama

..........................................................

โดย สดใส หกสิ่งที่จะสูญพันธุไปจากสังคมในยุคเรา ขึ้น ๆ ดูเหมือนประชาชนกําลังจะไดรับ อิสรภาพ ในการเลือกดู 1 ที่ทําการไปรษณีย จากการที่จดหมายตองเผชิญคูแขง สิ่งที่ตนอยากดู สําคัญอยาง อีเมล ลองสังเกตดูสิ ทุกวันนี้ สิ่งที่สงมาทาง 5 ดนตรี ผูเขียนเองรูสึกเศรามากที่ตองระบุวา ดนตรี ก็กําลัง ไปรษณียจะเหลือแคใบแจงหนี้สาธารณูปโภค และพวก จะจากไป อุตสาหกรรมดนตรีกําลัง ตายอยางชาๆ ทั้งเพราะ โฆษณาขายของเทานั้น ขณะที่พัสดุกม็ ีธุรกิจเอกชนเชน Fed การแอบดาวนโหลด ขาดนวัตกรรมที่จะเชื่อมดนตรีรูปแบบ ใหมๆ กับกลุม ผูฟง รวมทั้งคายเพลงและสถานีวทิ ยุที่เอาแต Ex และ UPS มาใหบริการแขงอยางดุเดือด 2 เช็ค ทางประเทศอังกฤษเขาประกาศยกเลิกการใชเช็คในป ทําลายตนเอง ทุกวันนี้ กวารอยละ 40 ของยอดขายเพลง ค.ศ. 2018 แลวนะ ทุกวันนี้ บัตรเครดิต การโอนเงิน ออนไลน เปนพวกที่มีสังกัด หมายความวาดนตรีทองถิ่น เพลงพื้นเมือง และการ กําลังไดรับความนิยมเพิม่ ขึ้นๆ แลวเมื่อเราชําระเงิน ออนไลน ศิลปะการดนตรีลวนถูกแทรกแซงดวยความโลภ คอรรัปชั่น* กัน หมด ใบแจงหนี้ทางไปรษณียก็สญ ู พันธุดว ยเชน กัน 3 หนังสือพิมพ เด็กรุน ใหมไมม ีใครสนใจใหม อเตอรไซคมาสง 6 ชีวิตสวนตัว ชีวิตสวนตัวไมใชสิ่งที่กาํ ลังจะสูญพัน ธุ จริงๆ หนังสือพิมพตอนเชาแลว และบรรดาหนังสือพิมพยักษใหญ มัน สูญพันธุไปเรียบรอยแลว จากกลองวงจรปดทุกมุมถนน ทั้งหลายก็เริ่ม เปน พันธมิตรกับ บริษัทโทรศัพทม ือถือตางๆ ที่ ในอาคาร กลองในเครื่องคอม และในมือถือ ตลอด 7 วัน วัน ละ 24 ชั่วโมง เขารูหมดวา เราอยูที่ไหน ผานทาง GPS และ เริ่มเชิญชวนใหเราสมัครอานขาวผานมือถือ 4 ทีวี รายไดของสถานีโทรทัศนกําลังลดลง เพราะคนหัน ไปดู กูเกิลสตรีทวิว รูวาเราเปนใคร ทําอะไรอยู ทัน ทีที่เราซื้อของ รายการ ดูหนังจากเครื่องคอม จากที่คนฆาเวลาดวยการนั่งดู สักชิ้น ขอมูลจะถูกบันทึกทันที มัน จะไปดูดเอาโฆษณาตางๆ ทีวี ตอนนี้พวกเขาเหลานั้น ไปนั่งเลน เกมส ทําโนน ทํานี่ ที่น าจะเกี่ยวกัน เขามาโชวหนาจอเนทเรา ตามรสนิยม หนาจอคอม รายการสุดฮิ ตหลังขาวนั้น รายไดตกลงไปต่ํา ความชอบของเราอยางเฉพาะเจาะจง *หาอานเพิ่ม เติมไดจากหนังสือ "Appetite for Selfทะลุพื้นเลย ขณะที่รายการเล็กๆ ทางเคเบิ้ลกําลัง คอ ยๆ ไต Destruction" โดย Steve Knopper และวิดีโอสารคดี "Before the Music Dies." .................................................................................... สถาบันฯ รวมกับ ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร มศว จัด หลักสูตรครูโยคะ 250 ชั่วโมง ป 2554 (รุนที่ 11) ทําความเขาใจวิชาการโยคะ ตําราดั้งเดิมวาไวอยางไร ทาอาสนะที่เราฝกมาจากไหน อาสนะในมุมมองของสรีรวิทยากายวิภาค ปฏิบัติวถิ ีโยคะ โยคะบนเสื่อ และ โยคะนอกเสื่อ เพื่อเขาถึงหัวใจแหงโยคะคือ การพัฒนาจิต ใหเปนสมาธิ ศึกษาวิ จัยโยคะ ทําความเขาใจโยคะผานหัวขอ คําถามวิจัย ของตนเอง การสอน การถายทอด การเผยแพรโยคะ ฯลฯ พุธ 29 มิ.ย.17.30 – 20.00 น. ปฐมนิเทศ ที่ มศว คณะมนุษยศาสตร ชั้น 6 หอง 262 ศุกร เสาร อาทิตย 1 – 3 ก.ค. เขาคายวิถีแหงโยคะ ที่สวนสันติธรรม ลําลูกกา คลอง 11 ศุกร เสาร อาทิตย 16 – 18 ก.ย. เขาคายกริยาโยคะ ที่สวนสัน ติธรรม จันทร พุธ พฤหัส เสาร 4 ก.ค. – 29 ต.ค. ฝกปฏิบัติ เรียนทฤษฎี ที่ มศว วันธรรมดา 17.30 – 20.00 เสาร 800-1300 น. รับผูเรียนไมเกิน 30 คน คาลงทะเบียน 29,000 บาท (รวมคาคายทั้ง 2 ครั้ง และ ตําราเรียน) ........................................................................... 1106 9


โดย กองบรรณาธิการ เหยาเปนเพียงสํานวนหนึ่ง ความสงบที่เกิดขึ้น จากสภาวะจิต เชนนี้ บางทีก็ถูกเทียบวาเปน ‘บานแท’ ของพวกเราทุกคน นี่คือบางสวนจาก ‘หมายเหตุจากผูเขียน’ ซึ่งแทบไม ตองตัดสินใจเลยวาเมื่อไดอานแลว คนที่เริ่ม รูตัววาตัวเอง กําลังหลงทางคนหนึ่งจะรวมเดินทางไปดวยกันไหม ? วันที่หัวใจกลับบาน หนังสือเลมนี้ เปน เหมือนบัน ทึกทางความคิด เสกสรรค ประเสริฐกุล สําหรับคนหลงทางแลว.. จะมีโอกาสอีกสักครั้งไหม ความรูสึก ‘ระหวางการเดินทางกลับ บาน’ ของตัวผูเขียนเอง ที่ผานการตกผลึกแลว หรือบางเรื่องราวก็อยูระหวางการ ที่ไดกลับไปยังที่ที่เรียกวา ‘บาน’ ซึ่งอาจเปนดวยทักษะการเลาอยางมีชั้นเชิงที่เปน ในวันที่รูสกึ วา จิตใจกําลังเรรอนพเนจรอยางไร คน หา จุดหมาย.. ชางโชคดีน ักที่ไดพบกับ หนังสือเลมนี้ “วันที่หัวใจ เอกลักษณ หรืออยางไรก็ไมแนใจนัก หากแตระหวางที่ เดินทางไปดวยกันกับผูเขียนนัน้ รูตัวอีกที ผูอานอยางเราๆก็ กลับบาน” เขียนโดย อ.เสกสรรค ประเสริฐกุล ‘วันที่หัวใจกลับบาน’ เปนวลีที่ผมแปลงมาจากคํา คลายเดิน อยูภายในใจตัวเองเชนกัน ไดเดินทางสํารวจ เพื่อ ยอนคํานึงถึงหลายๆเรื่องราว สอนของฝายมหายานเรื่อง ‘พาจิตกลับ บาน’ คําสอนดังกลาว มีไวเตือนสติปุถุชนคนทั่วไปทีม่ ักปลอยใหจิตใจเรรอนไปตาม ในชีวิต บางเรื่องที่อาจดูธรรมดา แตหากแกวน้ําในหัวใจของ เรื่องราวตางๆจนสงผลใหเจาตัวตองตกคางอยูในหวงอารมณ เรานิ่งพอที่จะมองเห็น เราก็อาจพบวาหลายครั้งหลายครา นานาชนิดตั้งแต โลภ โกรธ หลง ไปจนถึง กลัว กลุม เกลียด คนเราก็เรียนรูที่จะขัดเกลาตัวเองได.. จากตะกอนขุนเหลานั้น นัน่ เอง เครียด กังวล ฯลฯ หนาปกหนังสือ เปนรูปฝาบานทีท่ ําจากไมกระดาน พูดก็พูดเถอะ การที่จิตใจของเราออกไปแสสายโลด แลน อยูกบั ปรากฏการณภายนอก ไมเพียงนําความทุกขรอ น และวางทาบดวยไมพายสีแดง แมไมแนใจนักวาความหมาย เปนเชน ไร มาให หากยังทําใหส ายตาที่เราใชม องโลกพรามัวไปตามอคติ ของภาพปกที่ผูเขียนตองการสื่ออยางแทจริง หรือฉัน ทาคติดวย อันนี้ยิ่งไมยั้งคิด ก็ยิ่งพาใหพลาดจากความ หากแต สําหรับ ผูอานแลว เมื่ออานหนาสุดทายจบลงแลวได จริงไปไดอยางตอเนื่อง กระทั่งนําไปสูการหมุนวนอยูกบั เรื่อง หลับตาเพี ยงชั่วขณะ กอนพลิกดูภาพปกอีกครั้ง ความหมาย ของภาพนัน้ บอกกับ ใจวา.. สมมุติไดทั้งปทั้งชาติ เราทุกคนตางมีบาน และมีไมพายคนละหนึ่ง ดังนัน้ การพาจิตกลับบานจึงเปนหลักหมายเบื้องแรก ของการภาวนา การทําใหจิตกลับมาตั้งมั่น อยูในความสงบได เลม และชางเปนความยุตธิ รรมอยางที่สุดแลว.. ที่เราทุก แมเพียงครั้งคราว ก็นับ วาชวยลดทุกขลง อันที่จริงจิตที่คนื สู คนตางมีสทิ ธิท์ ี่จะไดกลับบาน หากแตจะมีสกั กีค่ นที่จะ ไดกลับไปยังที่แหงนั้น ? ------------------------------------------------------------------------------------------โดย กองบรรณาธิการ

500 ลาน 500 ไร เปลี่ยนประเทศไทย เกียรติวรรณ อมาตยกุล แตละป ผูป กครองของโรงเรียนอมาตยกุลจะไดรับ หนังสือที่อาจารยเกียรติวรรณเขียนขึ้นเปนของขวัญ ปนี้ลูก สาวของฉันรีบเปดกระเปา เอาของขวัญ จากโรงเรียนมาสงให

1106 10

พรอมบอกวา “แมเปดไปหนา 60 คะ มีน ิทาน เลาใหหนูฟง ดวยนะแม” งานเขาแลวสิ หนังสือสีน ้ําเงินสวยเรียบ มีรูป เด็กๆ เปนปก ขนาดกะทัดรัด ตัวอักษรอานสบายตา ชื่อเรื่อง “500 ลาน 500 ไร เปลี่ยนประเทศไทย” ปกดานหลังเขียนไว วา “ระบบทุนนิยม ที่มีเพดานรายไดของประชาชน เปน ระบบ ของการอยูรวมกันของคนในสังคมที่ดที ี่สดุ ” กอนจะถึงคําตอบวา เปลี่ยนประเทศไทยไดอยางไร นัน้ หนังสือเริ่มดวยการฉายภาพใหเราเห็นถึงมหัน ตภัยของ ระบบทุนนิยม (ที่ไมมีเพดานรายได) กอนในบทแรก นัน่ ก็คือ


ความสัม พันธระหวางภาวะวิกฤตของประเทศ ของโลก กับ วิถีทางการดําเนิน ชีวิตแบบทุนนิยม หรือบริโภคนิยม ซึ่งเปน ความสัม พันธแปรผัน ตามกัน ยิ่งมนุษยใชชีวิตอยูในกระแส การบริโภค การแขง ขัน การแยงชิงทรัยพากรธรรมชาติอยาง ไมบ ันยะบันยัง ยิ่งกอใหเกิดภัยพิบ ัติตางๆ ทั้งภัยธรรมชาติ โลกรอนกอใหเกิดน้ําทวม แผน ดิน ไหว คลื่นยักษสึนามิ และ ปญหาสังคม ติดยา ปลน จี้ ฆากัน เพื่อความเปน หนึ่ง ภาวะ วิกฤตดังกลาวเกิดขึ้น ทั่วโลก ผูเ ชี่ยวชาญ นักคิด นักปราชญ โหราพยากรณตางทํานายหรือคาดคะเนไววา ราวปค.ศ. 2012 (พ.ศ.2555) โลกจะเขาสูทางสองแพรง ทางแรกคือเขาสูความ ลมสลายของสังคม ดวยทุนนิยมทีไ่ มม ีเพดานรายได อีกทาง คือเขาสูสังคมที่ราบรื่นสงบสุข ดวยการเปน ระบบทุนนิยมทีม่ ี เพดานรายได จากภาพมหันตภัยที่หนังสืออธิบายไวอยาง ละเอียดนี้ จะพาใหสงั คมของเราลมสลายดวยสาเหตุสาม ประการ คือ โลกจะพินาศจากระบบทุนนิยม (ที่ไมมีเพดาน รายได), ความเหลื่อมล้ําในสังคมจะเกิดขึ้นสูงสุดจากระบบ ทุนนิยม (ที่ไมม ีเพดานรายได), ร่ํารวยเกิน ไปจะไรสขุ บทตอมาหนังสืออธิบ ายใหเรารูวา โลกจะพินาศ จากระบบทุนนิยม (ที่ไมม ีเพดานรายได) ไดอยางไร ดวย บทความของ ชัชริน ทร ไชยวัฒน เรื่อง คําถามไมไดอยูที่วา... จะฉิบหายหรือไม? แตอยูที่วา...จะฉิบหายเมื่อไร??????? เมื่อ “วิถีทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยม” คือตัวการสําคัญที่สุดที่ ทําใหสดั สวนปริมาณกาซคารบอนในชั้นบรรยากาศ เพิ่มขึ้น แบบพรวดพราดจนโลกรอนขึ้นทุกวัน ๆ แตกไ็ มเห็น มีประเทศ มหาอํานาจประเทศไหนที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปจากวิถีน ี้ เลย หนําซ้ํายังพากันแขง ขัน ไลแซงกันเพื่อชวงชิงความเปน มหาอํานาจกันอยูเรื่อยมา เชน ชาวจีน ที่เมื่อกอนเคยถีบ จักรยานไปไหนมาไหน แตทุกวันนี้ชาวจีนดิ้นรนหาซื้อรถยนต มาแทนจักรยานปละไมนอยกวา 4 ลานคัน การเดินหนาตอไป บนวิถีทางทุน นิยมของจีน ไมเพียงแตเปน การพยายาม แขงขันชิงความเปนมหาอํานาจกับสหรัฐอเมริกาเทานั้น แต ยังกลายเปนตัวกระตุนใหประเทศอินเดียไมอาจซุกมือซุกตีน เอาไวในหีบแหงอารยธรรมอันเกาแกไดอกี ตอไป นักการเมือง นักธุรกิจชาวอิน เดีย ตางโดดออกมารวมกันพาอินเดียมุงหนา สูเสน ทางทุนนิยมแบบเต็ม สูบ เพื่อใหเกิดความรุงโรจนเจิด จรัสทางเศรษฐกิจ (India Shining) ลองดูวา เมื่อผูง ตั๊กแตน จํานวนพัน กวาลานในจีน และอีกพัน กวาลานในอินเดีย รวมกัน ราว สามพัน ลานตัวหรือสามพันลานคน หรือเกือบเทา จํานวนประชากรครึ่งโลกเขาไปแลว พากันกระหน่ําแขงขัน เพื่อเปนหนึ่ง ทรัพยากรในโลกจะเปนอยางไร นี่ยังไมน ับฝูง

1106 11

ตั๊กแตนในอเมริกา ยุโรป และประเทศกําลังพัฒนาทั้งหลายที่ วิ่งไลกวดกัน ไปบนเสนทางทุนนิยมดวยกันทั้งสิ้น บทที่สาม ความเหลื่อมล้ําทางสังคมจะเกิดขึ้น สูงสุดจากระบบทุนนิยม ถา Adam Smith มีโอกาสคืน ชีวิต กลับชาติม าเกิดใหม เขาจะตองไมเชื่อเลยวา แนวคิดทุนนิยม ของเขาจะทําใหโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง อยางชนิดพลิ กฟา พลิกแผน ดิน ไดเพียงนี้ เขาตองไมเชื่ออีกวาระบบทุนนิยมที่ เขาคิดคนมานัน้ จะถูกเผยแพรไปทั่วโลกในเวลาสั้นๆ แทบไม มีใครในโลกที่ไมใชชีวติ อยูในกระแสทุน นิยม บริโภคนิยม ใน หนังสือมียกตัวอยางความร่ํารวยของบุค คลมีช่อื เสียง เชน สตี เวน สปลเบิรก มีบานสวยราคา 3 พันลานดอลลาร โอปรา วินฟรีท มีบานราคา 2.4 พัน ลานดอลลาร ติดภูเขาและทะเลที่ สวยงาม สวนบิล เกตต มีบานทีภ่ ายในสระวายน้ําติดตั้ง เสียงดนตรี สามารถวายไปฟงเพลงไป ราคาคฤหาสนน ี้สงู ถึง 53 พันลานดอลลาร ในขณะที่ความแรนแคน การอดมื้อกินมื้อ ยังมีอยูทั่วทุกหัวระแหงในโลกใบนี้ ความรุดหนาไปสูความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ระบบ บริโภคนิยมอัน เฟองฟูทั่วโลก กลับกอใหเกิดปญหานาเศรา เชน การฆาตัวตาย การทํารายตั วเองของวัยรุน การเปนโรค ซึม เศราของเด็กๆ ที่มาจากครอบครัวร่ํารวย นักจิตวิท ยาที่ รักษาผูปวยวัยเด็ กจากครอบครัวคนรวยมากวา 25 ป ยัง สงสัยเลย วาทําไมผูปวยเด็กๆ เหลานี้ซึ่งเปนกลุม คนทีม่ ีฐานะ และโอกาสดีกวาคนทั่วๆ ไป แตกลับมีโรคทางจิตมากมาย ซึ่ง นักจิตวิทยาฟนธงไดจากประสบการณดูแลผูปวยเด็กเหลานี้ วา เด็กรูสึกเหงา วาเหว ไมม ีความสุข อัน เนื่องมาจาก วัฒนธรรมทุนนิยม บริโภคนิยม นิยมวัตถุอ ยางรุนแรง ชอบ เอาชนะอยางรุน แรง ตองเปนอยางที่พอแมคาดหวัง และเด็ก เหลานี้จะมีความเปนสวนตัวสูง ดวยสภาพแวดลอมที่พรั่ง พรอมดวยวัตถุตั้งแตเกิด มีทุกอยางที่ตองการในหองสวนตัว ทวา ความสุขของมนุษยไมไดสรางดวยวัตถุ เพราะมนุษย เปน สัตวสงั คม การมีสมั พันธภาพดานบวกกับคนรอบขาง ตางหาก ที่กอใหเกิดความสุขในชีวิต บทตอมา อาจารยไดยกตัวอยางนิทานไวหลาย เรื่อง เปนนิทานคุณธรรมตามแนว Prout (แนวทางอัน พอเพียง สรางสมดุล คิดคนโดยนักปราชญผูยิ่งใหญชาว อิน เดีย ทาน P.R.Sakar) สมกับที่เปน อาจารยเ กียรติวรรณ ของเด็กๆ นิทานหลากหลายเรื่องที่จะทําใหเด็กๆ ฟงอยาง ตาตั้ง ซึมซับ ความมีจิตใจ ความออนโยนของการเปน มนุษย การชวยเหลือ แบงปนซึ่งกัน และกัน อาทิ เรื่องแอปเปลวิเศษ ถังวิเศษ เคล็ดลับของความสุข ดิน แดนสวรรค ดินแดนนรก ความผิดของใคร เปนตน


บทสุดทาย พาเรามาถึงคําตอบในเรื่องของระบบ ระดับ ชนชัน้ กลางของคนในสังคมปจจุบ ันเลยทีเดียว และ ทุนนิยมที่มีเพดานรายได (ตามแนว Prout) ลองคิดกัน เลนๆ นาจะสามารถมีทรัพยสินอยูในชวง 1 ลาน 1 ไร ไปจนถึง 5 ตั้งเปนตุกตากัน กอนวา หากเรากํ าหนดเพดานความร่ํารวย ลาน 5 ไร ก็เปนได สวนคําถามที่วาแลวการตั้งเพดานรายได ไมเปน ของนายทุน หรือมหาเศรษฐีในประเทศไทยของเราอยูที่ 500 ซึ่งอาจทําใหคนไมมี ลานบาท หรือที่ดนิ ไมเกิน 500 ไร อะไรจะเกิดขึ้นบาง เราลอง การจํากัดสิทธิเสรีภาพหรอกหรือ ดูส ถิตินี้กอน จากนิตยสารฟอรบส เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553 ความสุขก็เปนได อาจารยตอบวา ตรงกันขามครับ การมี ความร่ํารวยของ 5 เศรษฐีเมืองไทยที่ม ีทรัพยสินมากที่สุด เพดานรายไดจะทําใหคนสวนใหญในสังคมมีความสุขมากขึ้น อัน ดับ ที่ 1 มีทรัพยสิน 219,000 ลานบาท เพิ่มขึ้นจากปกอ น มาก โดยเฉพาะคนชั้นกลางและชั้นลาง ที่จะมีโอกาสยกระดับ และทุน นิยมแบบมีเพดาน 160,000 ลานบาท...อันดับที่ 5 มีทรัพยสนิ 54,000 ลานบาท ความเปนอยูของชีวิตใหดีขึ้น ตางจากระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมหรือ เพิ่ม ขึ้น 22,000 บาท ขณะที่คนไทยทั้งประเทศกวา 60% มี รายไดนี้ หนี้สนิ เฉลี่ย 134,699 บาทตอครัวเรือน นอกจากนี้ ตัวเลข คอมมิวนิสตอยางสิ้นเชิง เพราะคงไมมปี ระเทศคอมมิวนิสตใด จากมูลนิธิสถาบันที่ดินแหงประเทศไทย ระบุวาประเทศไทยมี ในโลก ที่อนุญาตใหเอกชนเปน เจาของทรัพยสนิ สวนตัวไดถึง พื้นที่ทงั้ สิ้นประมาณ 320 ลานไร แตประชาชน 90% ของ 500 ลาน 500 ไรหรอกครับ ประเทศที่ใชแนวคิดคลายๆ กับ ประเทศ มีที่ดนิ ถือครองคนละไมถึง 1 ไร ขณะทีม่ ีคนจํานวน Prout ไดแก ประเทศที่เปนรัฐสวัสดิการในแถบสแกนดิเนเวีย มี 10% ถือครองที่ดนิ คนละมากกว า 100 ไร และในบรรดาผูถือ ที่ม ีการเก็บภาษีกา วหนาในอัตราที่สูง ยิ่งมีรายไดสงู ครองที่ดิน 100 ไรนี้ มีถึง 75 % ที่ไมไดใชที่ดินทําประโยชน ทรัพยสินมาก ก็ตองเสียภาษีในอัตราสูงมากๆ การเก็บภาษี แตเปนการซื้อเก็บเก็งกําไร ซึ่งสรางความเสียหายทาง แบบกาวหนา หรือการมีเพดานรายไดของประชาชนแทบจะ เศรษฐกิจกวา 1.27 แสนลานบาทตอป และมีป ระชาชนอีก 10 เรียกไดวาเปนสิ่งเดียวกัน และสง ผลคลายกันมาก คือประเทศ จะมีสวัสดิการดีเยี่ยมใหกบั คนทุกระดับในสังคม ลานคนที่ไมมีที่ดนิ เปนของตนเอง หากเริ่มตนแกไขปญหา เหลานี้ ความเหลื่อมล้ํา ชองวางระหวางคนมีกับคนยาก จะทําให โดยเฉพาะคนที่เปนปลาเล็ก เชน คนชรา คนพิการ ผูม ีรายได ปญหาสังคมลดนอยลง ลองวาเรากําหนดภาษีรายไดและภาษี นอย ฯลฯ ชุม ชนอืน่ ๆ ทีม่ ีแนวคิดคลาย Prout ในเรื่อง ที่ดินแบบอัตรากาวหนา มีน อย เสียนอย มีมาก เสียมาก มี เพดานรายได ไดแก ชุมชนชาวอโศกในประเทศไทย ชุมชน มากๆๆๆๆ เสียมากๆๆๆๆ และมีเพดานรายไดของ อามิชในอเมริกา เปน ตน ตอนทายของหนังสือ อาจารยไดใหรายชื่อหนังสือ ประชาชน ซึ่งจะสงผลโดยตรงใหการโกงกิน คอรรัป ชั่น การ รับสินบนในประเทศไทยลดลงอยางมาก (ใครที่โกงกิน รับ อางอิงเพิ่ม เติม เกี่ยวกับ แนวคิด Prout วาสามารถอานไดจาก สิน บน จนมีเงินหรือที่ดนิ เกิน 500 ลาน 500 ไร จะตองถูก “After Capitalism: Prout’s Vision for a New World” เขียน เรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมาก เงิน ก็จะกลับมาสูป ระเทศอยูดี โดย Dada Maheshvarananda, หนังสือภาษาไทยอานได คนโกงไมรจู ะโกงกินไปทําไม และไมมีแรงจูงใจใหโกง) จาก “เทาทันทุนนิยม”, “หยุดโลกรอนดวย Prout”, และ รัฐบาลจะมีเงินมหาศาล รัฐสวัส ดิการที่เปนธรรมของประเทศ “Super Change (สรางคนรุนใหมเพื่อไปสรางชาติ)” ที่ จะเกิดขึ้น นอกจากนี้นบั เปนโชคดี ที่ประเทศไทยเรามี อาจารยเชียน และที่ website http://www.proutjournal.org ทรัพยากรที่อดุ มสมบูรณ มีที่ดนิ ที่สามารถทําการเกษตรได เพื่อนๆอานถึงบรรทัดนี้ คงทราบแลววาอาจารยเ กียรติวรรณ ไดกรุณามอบหนังสือที่กลาวมาทุกเลมที่ มากมาย มีแหลงทองเที่ยวสวยงามที่สุดแหงหนึ่งของโลก หรืออาจารยตั๋ง อาจารยก็มีความเชื่อวา ถาทรัพยากรของประเทศไทยไดถูก อาจารยเขียนขึ้นและอีกหลายเรื่อง (เรื่องละหลายๆ เลมดวย) แบงปน อยางเหมาะสม ถูกตอง เปนธรรม ดวยระบบการมี ไวที่หองสมุดของสถาบันโยคะวิช าการของเราเสมอมา พวก เพดานรายไดของประชาชน คนชั้น ลาง คนยากคนจน สวน เรามาอานมายืมกันไดที่หองสมุดสถาบันฯ เชนเคยคะ ใหญของประเทศจะตองมีความเปนอยูที่ดขี ึ้นเทียบเทาใน ------------------------------------------------------------------------------------------เดือน พฤษภาคม 2554 มีผบู ริจาคสนับสนุนการทํางานของสถาบันฯ ดังนี้ 1. ธนวไล เจริญ จัน ทรแดง 3,000 บาท 2. จิรสุภ า ชูบ ุญ 800 บาท สรุปยอดบริจาคประจําเดือนพฤษภาคม 2554 ทั้งสิ้น 3,800 บาท

1106 12


สวัสดีครับพี่เละ พักนี้รูสึกวาลมหายใจสั้น หายใจถี่กระชั้น ขึ้น สังเกต วาตัวเองอยากอากาศมากกวาปกติ ยิ่งพอฝกอาสนะ ยิ่งพบวา แตละทวงทาลมหายใจสั้น มากกว าแตกอ นอยางเห็นไดชดั ตื่น มายังรูสึกเหมือนมีไอรอนๆ ออกมาจากตัว กินอาหารแลว รูสกึ ไมคอยยอย ทองผูก จนวันสองวันนีม้ ีความรูสกึ อยาก อาเจียน เหมือนรางกายไมรบั อาหารที่กนิ เขาไป ผมตั้ง ขอสังเกตจากวิถีชีวิตชวงนี้วา ตัวผมเองยุงๆ หลายอยาง งานประจําคอนขางรุม เรา คืออาสารับทําหลายที่ คิวชีวิตก็เลยยุงเหยิงเล็กนอย แตที่ยุงๆจริงๆแลวมัน กลับเปน สิ่งที่ยุงอยูในหัว(สมอง)ซะมากกวา ไมรูวา จะเรียก วาเครียด ไดไหม แตเอาเปนวามันรบกวนอยูในหวงความคิด เพราะมี โปรเจกตอ ยากทําหลายอยาง ทําใหหลังเลิกงานถึงบานก็ราว สองทุม แลว ชีวิตที่เหลือกอนนอนยังจอมจมทองเน็ตเสิรชโนน นีน่ นั่ ทําพรีเซนเทชั่น บางครั้งรูทั้งรูวาควรนอนแลว แต เหมือนระบบประสาทตื่นตัวยังทํางานอยู ก็เลยนอนดึกซะ ติดกัน มาหลายคืน ไมรูวาเกี่ยวกัน ไหมกับอาการที่เปน ชวงนี้ สวนอีกเรื่องคือ เมื่ออาทิตยกอนนองหมอฟนที่ คลินิกชวนไปฝกโยคะ ครูสอนเปนแขกอินเดีย ก็ลองไปดูขําๆ เทาที่สงั เกตก็พบความรูสึกแปลกๆตอนที่ครูแนะนําใหทําทางู โดยตอนจังหวะที่ยกลําตัวขึ้นมานัน้ ครูใหทําในจังหวะหายใจ ออก ซึ่งขัดจากความคุนชินเดิมๆของผมที่ม ักทําทางู หรือทา ที่ม ีการเหยียดยืดรางกายดานหนา หรือแอน ตัวพรอมกับการ หายใจเขา แตพอลองทําตามในครั้งหลังๆก็ไมรูสึกวาขัดจนทํา ไมได แตไมชนิ มากกวา ชวนพี่เละ แลกๆ เลาๆกันหนอยครับ ระลึกถึงเสมอ (โดยเฉพาะตอนที่มีป ญหา หุหุ) สวัสดีครับ อาการลมหายใจสั้น กระชั้นถี่ และอยากอากาศ มากกวาปกติ ทําใหพี่น ึกถึงความรูเรื่องอายุรเวทที่พี่ยังคงเก็บ เล็กผสมนอยไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอาการอยางหลังสุดนั้น จะ เรียกวาอาการ “หอบ” เล็กๆ ก็คงไมผิดนัก เวลาพูดถึงหอบ คนจํานวนหนึ่งอาจคิดวาเปนโรค หอบหืด ทวาในความเปนจริงแลว คนทั่วไปก็สามารถเกิด อาการ “หอบ” (แตไมหืด–ซึ่งนาจะเปน คนละกรณีกับ “หืดขึ้น คอ”) เพราะอาการหอบ จะวาไปก็คืออาการที่เราสูดหายใจเขา แรงๆ ในระหวางหรือหลังจากที่เราออกแรง (ทางรางกาย) แลวปริม าตรของอากาศที่จะเขาไปในปอดตามความถี่และเร็ว ตามอัตราปกติไมทันกับความตองการของรางกายณ ขณะนัน้

1106 13

โดย ธีรเดช อุทัยวิท ยารัตน ในเมื่อการเขาไปของอากาศตามลักษณาการหายใจ ตามปกติ ไมอาจตอบสนองความตองการของรางกายได รางกายจึงตองปรับ ตัวโดยทํ าอยางหนึ่งอยางใด หรือทั้งสอง อยาง คือ เปดชองทางผานของลมหายใจใหกวางโลง ขึ้น กับ เพิ่ม ความเร็วของการหายใจ–โดยเฉพาะหายใจเขา ในกรณีของกลไกแรก คือการเปดชองทางผานของ ลมหายใจใหกวางขึ้นนัน้ ลองนึกภาพวาชองจมูกเราก็มีขนาด แคพอจะสอดนิ้วกอยเขาไปแคะขี้มูกแบบสบายๆ (ไมวาจะ แคะเลนหรือติดพัน จนกลายเปน เพลิดเพลิน และยิ่งแคะยิ่งมัน– ฮา) ถานึกภาพไมออกวาชอง(จมูก)ของตัวเองแคไหน ก็ลอง เอานิ้วกอยแหยเขาไปแคะขี้มูกดูก็ได (หุ หุ) ทวาความเปนจริงมีอยูวา ตอใหเราตั้งใจทําจมูกบาน เพื่อใหลมผานไดมากขึ้น แตจมูกของเราคงไมสามารถบาน ออกไดเหมือนกับเราเปดหนาตางไดตั้ง แต0 จนถึง 180 องศา นีน่ าจะเปนคําอธิบายแบบยาวๆ (ที่พี่กําลังคิดและ เคาะคียบอรดอยูอ ยางมัน ๆ ซึ่งเปนความมันคนละแบบกับ การแคะขี้มูก–วะ) วา ทําไมเวลาเราออกกําลังมากๆ เชน วิ่ง ระยะทางไกลสักสิบกวากาวไปเขาหองน้ํา แลวจึง ตองไปนั่ง หายใจแรงๆ ผานทั้งทางปากและจมูกไปพรอมๆ กัน กลาวอยางรวบรัดก็คือ จมูกสองรูที่ตอใหไมตีบ หรือ ตัน เพราะดัน เปน หวัด ก็ไมอาจอัดอากาศเขาไปไดอ ยางที่ รางกายตองการ คนเราจึงมักตองหายใจทางปากแมใจไม อยากจะหายใจทางนี้ก็ตามที– ในกรณีของคนที่เครงครัดกับ หลักปฏิบ ัติที่วา คนเราไมควรหายใจทางปาก เพราะปากไมมี ที่กรองฝุนละออง(คือ ขนจมูก) การจําเปน ตองหายใจทางปาก ในกรณีที่เราเหนื่อย และรางกายตองการอากาศมากๆ และเร็วๆ นาจะเปนอีก รูปธรรมหนึ่งของกลไกที่เรียกวา involuntary movement ซึ่ง หมายถึง กลไกที่ไมอยูในอํานาจของจิตใจ พรือพูดอีกอยางวา ใจของเราไมอาจสั่งการทั้งสมองและปากไมใหทําทาพะงาบๆ เพื่อรับเอาอากาศเขาไป สวนกรณีหลัง (ลืม หรือยังวาพี่เอยถึงกรณีแรกกรณี หลังของเรื่องอะไร–ฟะ) คือการเพิ่มความเร็วของการหายใจ ก็คือการหายใจ(ทางจมูก)ดวยอัตราเร็วขึ้นกวาปกติ หรือที่ เรียกกันทั่วไปวา หายใจถี่และกระชั้น ที่บ อกวาอาการที่เ ลาไป ทําใหพี่นึกถึงความรูเรื่อง อายุรเวท ก็คอื พี่น ึกถึงอาการหอบหรือหายใจแรงๆ ซึ่งอายุร เวทอธิบ ายวาเปน หนึ่งใน เวคะ หรือ urge ในภาษาอังกฤษ ที่ เราไมควรฝนหรือกลั้น มันไว แตกไ็ มควรไปเรงเรามัน เชนกัน


กิระดังไดยินมาจากครูอายุรเวทคนแรกของพี่ คําวา “เวคะ” อาจแปลวา “เสียงเพรียกแหงธรรมชาติ” หรือกลไก ของรางกายที่คนเราควรปลอยไปตามธรรมชาติ เชน อุจจาระ ปสสาวะ ฯลฯ แนนอนวา “การหอบหรือหายใจแรงๆ“ ก็คืออีกหนึ่ง ในเสียงเพรียกแหงธรรมชาติของรางกาย นอกจากนึกถึงเรื่อง “เวคะ” แลว พี่ยังนึกถึง คําอธิบายในทางอายุรเวทที่พูดถึงอาการที่จะเกิดขึ้น เมื่อเรา ออกกําลัง (กาย) จนถึง จุดที่เราใชพ ลังในรางกายไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งเปนเสมือนดัชนีชี้วา ออกกําลังประมาณนี้ถือวาพอเพียง แลว ถามากไปกวานี้แทนที่จะเปนผลดีกลับ จะเปน ผลเสีย ซึ่ง หลักๆ เลยคือทําใหรางกายเสื่อมโทรม คม ภีรอายุรเวทบอกวา เมื่อคนเราออกกําลังกายถึง จุดหนึ่ง ปราณะที่อยูในหัวใจจะถูกเรงเราออกมาทางปาก นอกจากหัวใจที่เตนเร็วขึ้น พี่คิดวาอาการที่วามานี้ม ีสว น คลายกับการ “หอบ” ดวยชน กัน ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อที่จะทําใหงง(ฮา) เอย! ไมใช ก็เพื่อที่จะทําใหถอนหายใจ อาว! ไมใชอกี แหละ (เฮอ !) ก็เพื่อที่จะบอกเลาเกาสิบ ถึงขอสังเกตของพี่ที่มีตออาการวา รางกายนาจะกําลังเสียสมดุล ซึ่งถาพูดตามตัวอักษรแตไมได หมายความตามนัน้ (???) ก็คงตองบอกวา กําลังเสียตัว(เอง)นี่ หวา (เอะ! ควรจะฮาไหมนะ) พูดงายๆ (แตคงเขาใจยาก–อีกตามเคย)วา แสดงวา รางกาย (นาจะ) เหนื่อยหรือตองการอากาศเร็วขึ้น กวาปกติ เวลาที่เคลื่อนไหว ยิ่งเมื่อคิดแบบหาเรื่อง เอย! คิดแบบเชื่อมโยง(อันนี้ อยากสารภาพวา บอยครั้งที่พี่สงสัยตัวเองวา อัน วาตัวเรานั้น คิดเชื่อมโยงหรือคิดไปเรื่อยเปอย ชวนคนอืน่ เขารกเขาพง (ความคิด)กันแนหวา) กับ อาการที่เลาอีกวารูสึก“เหมือนมีไอ รอนๆ ออกมาจากตัว” บวกกับขอสังเกตที่ตั้งกับตัวเอง– ซึ่งขอสังเกตของ เรามัน ดัน ลม ไปโดนพี่ -วา ชวงนี้คิดชีวิตยุงเหยิง ซึ่งพี่อยากจะ สรุป วา ดูเหมือนเราจะทั้งใชกําลังทางรางกายและพลังทาง สมอง ซึ่งอยางหลังนั้น พีม่ ักตั้งขอสังเกตแบบโฉงฉางใหคน รอบขาง(ที่ถึงคราวซวยไปอยูใกลๆ พี่ขณะที่กาํ ลังถูก ความ คิดเขาสิง)ฟงวา เปนการเผาผลาญในระดับลึกที่เราอาจไมได สูญเสียแคลอรี่ แตเสียพลัง ในทางลึก ซึ่งอาการหลังจากนั้นคือ จะรูสึกสมองตื้อ เหนื่อยใจเสียยิ่งกวาหมดแรงกาย แตรางกาย ดัน กลับไมตองการอาหาร อะไรประมาณนัน้ เหตุปจจัยและอาการที่กล าวมาทั้งหมด ในทาง อายุรเวทเรียกวาเปน อาการของธาตุลมกําเริบ พรอมกันนัน้

ธาตุในรางกายก็พรองลง ซึ่งเปนอาการที่มักจะเกิดขึ้นคูกัน เหมือนกับปาทองโกกบั หมูแฮม เอย! เหมือนปาทองโกกับน้ํา เตาหูอะไรประมาณนัน้ คําว าธาตุ อานวา ธา-ตุ มีความหมายตามรากศัพท วา “ค้ําจุน ” ซึ่งอาจพูดแบบรวมๆ (ซึ่งไมจําเปนตองเปนองค รวม พูดถึง ตรงนี้พี่กเ็ ลยอยากจะตั้ง ขอสังเกตแบบกัดๆวา ปจ จุบัน คนจํานวนหนึ่งมักจะสับสนหรือแอบอางที่จะใชคําว าองค รวม ทั้งที่จริงแลวรายละเอียดในบริบทนัน้ นาจะเปนการ เหมา รวม มากกวา)วา คือโครงสรางหรือเนื้อเยื่อทั้งหมดในรางกาย พูดงายๆ (อีกแลว)วา พอลมมันพรอมใจกันพัดกรู เกรียวไปทั่วรางรวมทั้งในสมองเนื้อเยื่อในรางกายที่เคยชื้น ชุม ดวยสารอาหารก็แหง ผากลง ประหนึ่งทุงนาในหนากอนแลง กระทั่งอาการที่บ อกวา “รูทั้งรูครับวาควรนอนแลว แตเหมือนระบบประสาทตื่น ตัวยังทํางานอยู” กลาวไดวาเปน ผลอีกอยางหนึ่งของการกําเริบ ของธาตุลมเชนกัน ที่วาเปน ผลจากธาตุลมกําเริบก็เพราะ เมื่อลมตื่นตัว และเคลื่อนไหวปน ปวนไปในระบบตางๆ ยอมพัดพาใหเซลล เล็กเซลลน อยระดับยอ ยยิบ พลอยแปรปรวนตามไปดวย สมองของเราก็เลยตื่นตัวอยูตลอดเวลาทั้งที่ปกติมันนาจะเขาสู หวงแหงนิทราแลว นอกจากนี้ อาการนอนไมหลับ พี่มักคิดดังๆ ตาม วาสนาของตัวเองวา สวนหนึ่งเกิดจากการโปรแกรมของเรา ดวยเหมือนกัน โดยเฉพาะในกรณีที่เรานอนดึกติดกันหลาย คืน ยิ่งในกรณีที่ม ักใชเวลากอนนอนทําพรีเซนเตชั่น ซึ่งนาจะ เปน กิจการงานที่นาจะสนุกไปกับมันดวย คือเมื่อถึงเวลา(ที่ ควร)นอนแลว เราทําตัวเองใหตื่นติดๆ กัน ก็เหมือนกับเราคีย คําสั่งไปยังสมองวา เฮย! ตรูยังไมอยากนอนเฟย หรือตรูมี งานคางคาอยู นอนบได ตาก็เลยคาง ทีน ี้พอตาถูกบังคับใหคา งหลายคืนเขา ตอไปก็เลย คางโดยที่ไมตองบังคับ แตที่แยกวานั้นคือ ถึงตอนนี้จะบังคับ ใหมนั หลับ ตามันดันคางจนเคยเสียแลว สรุป จากที่ขยายความมาทั้งหมด ก็คงเปนคําตอบ ของคําถามชวงแรกของดุลในวรรคสุดทายที่ถามวา “ไมรูวา เกี่ยวกัน ไหมครับกับอาการที่เปนชวงนี”้ คําตอบก็คือ ทั้งหมดทั้งมวลลวนเกี่ยวของกัน อยาง แยกไมออก (อานดูเหมือนมัน พันๆกัน อยางไรชอบกลนะ อิ อิ) ขอตอบเฉพาะคําถามในชวงแรกกอนนะ จริงๆ แลว ก็พรอม(ใจ)จะตอบคําถามทั้งหมด แตเกรงวาจะทําใหที่แค รูสกึ วามีความรูสึกอยากอาเจียน กลายเปน “ฟางเสนสุดทาย” ที่ทําใหอาเจียนออกมาจริงๆ (ฮา) ดวยความปรารถนาดี+ระลึกถึง (เวลาที่สงคําถามไป) พี่เละ

..............................................................................................

1106 14


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.