Saratta 1307

Page 1

¨´ËÁÒ¢‹ Ò Ç

ÊÒÃѵ¶Ð

http://www.flickr.com/photos/svjetlost/8000747781/

¡Ã¡®Ò¤Á 2556

www.thaiyogainstitute.com


ÊÒÃѵ¶Ð ÊÒÃºÑ Þ

¤Ø  ¡Ñ ¹ ¡‹ Í ¹ »¯Ô · Ô ¹ ¡Ô ¨ ¡ÃÃÁ ¡Ô ¨ ¡ÃÃÁà¤Ã× Í ¢‹ Ò Â ของฉั น ...ป น เป น บุ ญ

â¤Р¸ÃÃÁÐ ÊÁ´Ø Å ªÕ Ç Ô µ หนึ ่ ง วั น ...ในไม ก ี ่ ว ั น ที ่ เ หลื อ ซึ ่ ง ไม ใ ช เ รื ่ อ งบั ง เอิ ญ

ÍÐá¹ÇâµÁÕ ่

ความตื ่ น รู  จ ากข อ จำกั ด สู  อ ิ ส ระแห ง การเคลื ่ อ นไหว

http://beingtherapies.co.uk/#/price-list/4546585402

§Ò¹ÇÔ ¨ Ñ Â §Ò¹ÈÖ ¡ ÉÒ ÇÔ ¨ Ñ Â

2 2 3 4 6

โยคะช ว ยให ค วามจำ ความคิ ด ความอ า นดี ข ึ ้ น

10

มั ช ฌิ ม นิ ก าย อุ ป ริ ป  ณ ณาสก อานาปานสติ ส ู ต ร

11

นิ ย มะ๕ กั บ ผลต อ ร า งกายและจิ ต ใจ

14

ต น ไม แ ห ง ความว า ง

17 19

¾ÃÐäµÃ» ® ¡á¡‹ ¹ ¸ÃÃÁ µÓÃÒâÂ¤Ð´Ñ ้ § à´Ô Á º·¡Å͹

àÃ× ่ Í §àÅ‹ Ò ¨Ò¡ÍÔ ¹ à´Õ Â

·Õ ่ » ÃÖ ¡ ÉÒ

กวี คงภั ก ดี พ งษ แก ว วิ ฑ ู ร ย เ ธี ย ร ธี ร เดช อุ ท ั ย วิ ท ยารั ต น นพ.ยงยุ ท ธ วงศ ภ ิ ร มย ศ านติ ์ นพ.สมศั ก ดิ ์ ชุ ณ หรั ศ มิ ์

¡ÃÃÁ¡ÒÃ

กฤษณ ฟ ก น อ ย ชนาพร เหลื อ งระฆั ง ชุ ต ิ ม า อรุ ณ มาศ วรพจน คงผาสุ ข วรรณวิ ภ า มาลั ย นวล วิ ล ิ น ทร วิ ภ าสพั น ธ สมดุ ล ย หมั ่ น เพี ย รการ

ÊÓ¹Ñ ¡ §Ò¹

พรทิ พ ย อึ ง คเดชา วั ล ลภา ณะนวล สุ จ ิ ต ฏา วิ เ ชี ย ร

¡Í§ºÃÃ³Ò¸Ô ¡ ÒÃ

จิ ร วรรณ ตั ้ ง จิ ต เมธี ณั ต ฐิ ย า ป ย มหั น ต ณั ฏ ฐ ว รดี ศิ ร ิ ก ุ ล ภั ท รศรี ธนวั ช ร เกตน ว ิ ม ุ ต ธี ร ิ น ทร อุ ช ชิ น พรจั น ทร จั น ทนไพรวั น วิ ส าขา ไผ ง าม วี ร ะพงษ ไกรวิ ท ย ศั น สนี ย  นิ ร ามิ ษ สุ จ ิ ต ฏา วิ เ ชี ย ร

ÈÔ Å »¡ÃÃÁ

กาญจนา กาญจนากร


¤Ø  ¡Ñ ¹ ¡‹ Í ¹

ÊÒÃѵ¶Ð ฉบับนี้ครูเปลลาไปปฏิบัติธรรมทางสำนักงานก็เลยตองเขามาขัดตาทั พ ชวยทำหนาที่รวบรวมบทความ นำเสนอในสารัตถะนี้ ใหเครือขายครูไดอาน ไดติดตามขาวคราวความเคลื่อนไหว ที่เกิดขึ้นในโยคะวิชาการ

»¯Ô · Ô ¹ ¡Ô ¨ ¡ÃÃÁ

â¤ÐÍÒÊ¹Ð¢Ñ ้ ¹ ¾× ้ ¹ °Ò¹à¾× ่ Í ¤ÇÒÁÊØ ¢ ÊÓËÃÑ º ¼Ù Œ à ÃÔ ่ Á µŒ ¹ ÇÑ ¹ ÍÒ·Ô µ  · Õ ่ 28 ¡Ã¡¯Ò¤Á àÇÅÒ 9.00 – 15.00 ¹.

ที่ชั้น 6 หอง 262 คณะมนุษยศาสตร มศว ประสานมิตร คาลงทะเบียน 650 บาท สนใจโทร.สอบถามรายละเอียดไดที่ สถาบันโยคะวิชาการ â¤Ðã¹Êǹ¸ÃÃÁ ³ Ëͨ´ËÁÒÂà赯 ¾ Ø · ¸·ÒÊ ¿ÃÕ ·Ø ¡ àÂ็ ¹ ÇÑ ¹ ¾Ø ¸ áÅÐ ¾ÄËÑ Ê àÇÅÒ 17.00 – 18.30 ¹. áÅÐ ÇÑ ¹ àÊÒà · Õ ่ 27 ¡Ã¡¯Ò¤Á àÇÅÒº‹ Ò Â 2– 4 âÁ§àÂ็ ¹

รวมสมทบคากิจกรรมไดดวยการบริจาค ลงทะเบียนรวมกิจกรรมไดที่ www.bia.or.th

â¤ÐÊÃŒ Ò §ÊØ ¢ ³ ËŒ Í §ÍÒÈÃÁÊØ ¢ ÀÒÇÐ ÊÊÊ ·Ø ¡ ÇÑ ¹ ¾ÄËÑ Ê àÇÅÒ 17.00 – 18.30 ¹. áÅÐ ÇÑ ¹ àÊÒà àÇÅÒ 10.30 – 12.00 ¹.

สำรองที่เขารวมกิจกรรมไดที่ activity.thc@thaihealth.or.th หรือ โทร.02 343 1500 ตอ 2 และ 081 731 8270 ͺÃÁ¤ÃÙ â ¤Ðà¾× ่ Í ¡ÒÃ¾Ñ ² ¹Ò¨Ô µ ËÅÑ ¡ ÊÙ µ à 230 ªÑ ่ Ç âÁ§ ÃØ ‹ ¹ ·Õ ่ 1 3 ª‹ Ç §àÇÅÒͺÃÁ: 10 ¡Ã¡®Ò¤Á ¶Ö § 2 ¾ÄÈ¨Ô ¡ Ò¹ 2556 àÃÕ Â ¹ : àÂ็ ¹ ÇÑ ¹ ¨Ñ ¹ ·Ã ¾Ø ¸ áÅÐ ¾ÄËÑ Ê / ÇÑ ¹ àÊÒÃ à µ็ Á ÇÑ ¹ ʶҹ·Õ ่ à ÃÕ Â ¹ : ¤³ÐÁ¹Ø É ÂÈÒʵà ÁÈÇ ÊØ ¢ Ø Á ÇÔ · 23 ໇ Ò ËÁÒ¢ͧ¡ÒÃͺÃÁ :

1 ผูเรียนไดฝกปฏิบัติโยคะพื้นฐานอยางสม่ำเสมอ จนเปนสวนหนึ่งของวิถีชีวิต 2 ไดศึกษาโยคะตามตำราดั้งเดิม ตลอดจนเรียนวิชาที่เกี่ยวของ เชน สรีระวิทยา ประวัติศาสตรโยคะ ปรัชญาอินเดีย ทัศนะชีวิต 3 สามารถเผยแพร การปฏิบัติโยคะเพื่อพัฒนาจิต ใหกับผูอื่นได

2


ÊÒÃÑ µ ¶Ð

ÃÒÂÅÐàÍÕ Â ´

- ฝกปฏิบัติ ทาอาสนะพื้นฐาน ปราณายามะ มุทรา พันธะ กิริยา ตามตำราดั้งเดิม - เขาเรียนไมต่ำกวารอยละ 80 - เขาคายวิถีโยคะ 1 ครั้ง และคายกิริยาโยคะ 1 ครั้ง เรียนรูทัศนะชีวิต ผานกิจกรรม และเขียนบันทึกการทำความดีทุกวัน ตลอดชวงการอบรม - ฝกสอนเทคนิคโยคะพื้นฐาน 20 นาที ตอนปลายภาค - เรียนวิชา สรีระวิทยาของเทคนิคโยคะ, ตำราโยคะดั้งเดิม, ประวัติศาสตรโยคะ, ปรัชญาอินเดีย และสอบขอเขียนผาน - ผูเรียนเลือกทำรายงาน หรือวิจัย ในหัวขอที่ตนสนใจ สงตอนปลายภาค พรอมรายงานหนาชั้น ไมเกิน 20 นาที - ทำการบาน เขียนสรุปเนื้อหาจากหนังสือเรียน 14 เลม - ผูที่ผานเกณฑการอบรมจะไดรับประกาศนียบัตร จากทางสถาบันฯ ÃÑ º ¨Ó¹Ç¹¨Ó¡Ñ ´ : 24 ทาน ¤‹ Ò Å§·ÐàºÕ  ¹ : 39,900 บาท/คน ตลอดหลักสูตร

¡Ô ¨ ¡ÃÃÁà¤Ã× Í ¢‹ Ò Â http://www.countryliving.com/antiques/shops-and-shows/ antique-shows-0510#slide-22

»˜ ¹ ¹ํ ้ Ò ã¨ã¹â¤Ã§¡Òà “¢Í§©Ñ ¹ ...»˜ ¹ ໚ ¹ ºØ Þ ”

3

ของรัก ของชอบใจ ของใช ของสะสม หรือของดี ที่เปนของฉัน มารวมแบงปน เพื่อแปรเปลี่ยนเปน...บุญ มูลนิธิพันดารา ขอเชิญทานผูมีจิตเมตตา รวมแบงปนสิ่งของ เสื้อผา หรือของใชที่ยังอยูในสภาพดี เพื่อนำไปเปลี่ยนใหเปนบุญ โดยการประมูลหรือจำหนาย รวมหาทุนในการกอสราง พระศานติตารามหาสถูป สถานปฏิบัติธรรมและพระสถูปเพื่อสันติภาพของสรรพชีวิต ทานสามารถรวมบุญปนสิ่งของไดที่มูลนิธิโดยตรง หรือสงทางไปรษณียถึง มูลนิธิพันดารา 695 ซอยลาดพราว 11 เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900 สอบถามไดที่ 1000tara@gmail.com โทร 0878299387; 0833008119 ขอขอบคุณที่รวมปน รวมแปร และรวมเปลี่ยน เพื่อศาสนติของโลก...รวมกัน


ÊÒÃѵ¶Ð

http://weheartit.com/kadee?page=4&before=2714272012

â¤Р¸ÃÃÁÐ ÊÁ´Ø Å ªÕ Ç Ô µ

Ë¹Ö ่ § ÇÑ ¹ ã¹äÁ‹ ¡ Õ ่ Ç Ñ ¹ ·Õ ่ à ËÅ× Í «Ö ่ § äÁ‹ ã ª‹ à Ã× ่ Í §‘ºÑ § àÍÔ Þ ’

วันนี้ไดนัดหมายเพื่อนจิตอาสา 3 คน กับผูจัดกิจกรรมของเครือขายพุทธิกาอีกคน รวมเปนสี่คนเพื่อไปพูดคุยกับพี่พยาบาลที่โรงพยาบา ลแหงหนึ่ง เมื่อไปถึงตามเวลานัดหมายและไดมี โอกาส พบกับพี่ทุมพยาบาลวิชาชีพที่มีหนาที่ประจำ ในการดูแลผูปวยที่มาทำการฉายรังสี พี่ทุมเลาวาไดอานเรื่องราวอาสาขางเตียง ของเครือขายฯ สนใจจึงโทรเขาไปที่เครือขายโดย ไมไดเคยรูจักมากอนเลย เพียงภาพผูปวยที่พี่ทุม คลุกคลีอยูประจำนั้นสะทอนความรูสึกของตัวเองวา อยากมีโอกาสพูดคุยกับผูปวยใหมากกวานี้ แตดวย ภาระงานที่มีมากและเจาหนาที่ทางการแพทยมี จำนวนนอยไมเพียงพอที่จะมาชวยพูดคุยเยียวยา รักษาใจผูปวยได และการจะทำเรื่องนี้ใหเปน กระบวนการทางสายงานก็มีความซับซอนตองใช เวลามาก จึงเกิดความคิดที่อยากจะให มีอาสามา ชวนผูปวยทำกิจกรรม ซึ่งอาจจะชวยทำใหผูปวย รูสึกลดความกังวลไปไดบาง นี่เลยเปนที่มาใหเรา ไดพบกันในวันนี้ หองพักผูปวยที่พี่ทุมพาเรา ทั้งกลุมเขาไปดูเปนทางแคบๆลักษณะเปน ‘ซอก’ ระหวางตึกเกากับตึกใหมระหวางชองแคบนั้นทาง

เจาหนาที่นำเกาอี้มายาวสีฟาใสมาวางใหหลายตัว เรียงตอกัน ทางเขาทั้งสองดานเปนประตูกระจก จึงทำใหมองดูเหมือนเปนหองขนาดแคไมเกินสอง เมตร แตยาวเปนสี่เหลี่ยมผืนผาดานหนึ่งของประตู มีโตะใชวางทีวีที่กำลังเปดรายการแขงขันรองเพลง อีกดานหนึ่งเปนโตะสำหรับวางกับขาวกับปลา สำหรับผูปวย พัดลมเพดานสองตัวกำลังทำงาน เครื่องแอรที่อยูดานบนปดสนิท พี่ทุมบอกวามันเสีย ใชการไมไดแลว อากาศบริเวณนั้นจึงคอนขาง อบอาว เราพบผูปวยหญิงสองรายกำลังนั่งดูทีวี อีกรายกำลังนอนหลับยาวบนเกาอี้ อีกสองรายเปน ผูชายที่กำลังนั่งอานหนังสือ พี่ทุมแนะนำพวกเราวา เปนจิตอาสาที่จะมาทำกิจกรรมใหกับผูปวยที่นี่ เราเลยไดมีโอกาสนั่งคุยกันสักพักคนที่รออยูในหอง ไดรับการฉายรังสีเสร็จแลวกำลังรอคนที่ยังไมเสร็จ เพื่อกลับพรอมกันในชวงบาย ระหวางนั่งคุยกัน พอถึงเวลา11โมงก็มีอาหารมาสงและผูปวยทุกคน ก็ไปตักอาหารมาทานกัน เวนแตรายที่กำลังนอน หลับเธอลุกขึ้นมาใบหนาดู ซีดเซียวหลังการฉายรังสี พี่ทุมชวนใหทานอาหาร เธอบอกวาเจ็บคอ ทานไมลงแตดวยเมตตาและไมตรี ในน้ำเสียงของพยาบาลอยางพี่ทุม

4


ÊÒÃѵ¶Ð ชวนคุยและโนมนาวใหผูปวยเห็นวาจำเปนที่รางกาย ตองไดรับสารอาหารเพื่อใหการรักษาทำไดในวันตอ ไปนั้นเปนอยางไร เราสังเกตเห็นวา สุดทายผูปวย ทานนี้ ก็ลุกไปตักอาหารมาทานรวมกับเพื่อนๆดวย แววตาที่สดใสมากกวาเดิม พี่ทุมเลาวา ผูปวยเหลานี้ตองเขามาฉาย รังสีทุกวัน คนหนึ่งประมาณ 20-30 ครั้งแลว แตอาการของโรค และผูปวยเปนคนตางจังหวัด ทางรพ.ไมมีที่เพียงพอใหพักคางได ผูปวยจึงตอง เดินทางไปกลับกันเองทุกวัน แตดวยความกรุณา ของคุณหญิงหมอทานหนึ่ง ซึ่งพี่ทุมเองก็ไมทราบ นามของทาน คุณหญิงหมอทานสละบานหลังหนึ่ง ใหเปนที่พักคางของผูปวยกลุมนี้โดยไมคิดคาใชจาย พรอมทั้งประสานงานกับทางรพ.ใหมีรถรับสงผูปวย ในตอนเชา เพื่อใหไดมาฉายรังสีทุกวัน และรับกลับ ไปพัก ที่บานทานในชวงบายและคางคืนในระหวาง วันทำการ ผูปวยจะกลับบานในเย็นวันศุกร และมา ใหมในเชาวันจันทร เปนเชนนี้ไปทุกคนจนกวาจะ ครบคอรสการรักษา ในชวงกลางวันทานขอใหทาง รพ.จัดอาหารใหผูปวยไดทานมื้อกลางวัน คุณหญิง หมอทานนี้สละทรัพยเพื่อผูปวยแบบนี้มานานมาก พอสมควรแลวโดยใชทุนทรัพยสวนตัวรับภาระคาใช จายในเรื่องที่พักและอาหารมื้อเชาและเย็น เรารับฟงเรื่องราวดวยความอิ่มเอิบวา วันนี้ ไดมีโอกาสรับรูเรื่องดีๆ ที่มีคุณคา ทำใหนึกถึง ถอยคำที่เพิ่งอานพบในหนังสือ‘มากกวาคำวา.. อาจารย’ คูมือการดูแลนักศึกษาแพทยในศตวรรษที่ 21 ที่จัดทำโดยคณะแพทยศาสตร ม.มหิดล เพื่อให กับอาจารยที่ปรึกษาของคณะขอความหนึ่งที่วานั้น คือ “ความลับของการรักษาคนไขนั้น คือ ความรัก คนไข” ตอนนั้นนึกยอนกลับมาถามตัวเองวาแลว ความลับของการสอนโยคะคืออะไร? หลังจากที่เรา วางแผนงานกันเสร็จไดเวลาเที่ยงพอดี พี่ทุมบอกวา วันนี้มีพระอาจารยประนอม ทานจะมาบรรยาย ธรรมที่โรงพยาบาลมีใครสนใจจะไปฟงไหมทานจะ

5

เริ่มบรรยายตอนเที่ยงสิบหนานาทีสองคนที่ในกลุม ขอปลีกตัวกลับไปเนื่องจากติดภารกิจ จึงเหลือสามคนรวมพี่ทุมไปฟงพระดวยกัน พี่ทุมพา เรา ไปที่หองประชุมแวะทักทายพระอาจารยที่ทาน มาสอนกรรมฐานใหบุคคลากรที่นี่ และจากนั้นพาเรา ไปหาที่นั่งรับประทานอาหารกลางวันเพื่อฟงไปดวย ทานไปดวยได ระหวางนั้นพระอาจารยประนอมทาน ก็เริ่มบรรยาย เราไดยินเสียงทานผานเครื่องเสียง ชัดเจนทานเรียกผูรวมปฏิบัติธรรมในหองนั้นวา ‘โยคี’ ทานบอกวา ไมไดหมายถึงคนที่ฝกโยคะทำทา ตางๆ จะเรียกวาเปนโยคี แตโยคีคือผูเพียรเผากิเลส เพียรอยางไร ? เสียงพระอาจารยเนิบๆ ทุมๆนาฟง ขยายความตอ เสียงนั้นทำใหตองชะงักการกินไป ชวงหนึ่ง ทานวา ขอแรกคือ โยคีมีความเพียรที่จะ ’ละ’ สิ่งที่ไมดี ไมเปนกุศลที่มีอยูในตนเองออกไป ขอสองคือโยคีมีความเพียรที่จะ ’ระวัง’ สิ่งที่ไมดี ไมเปนกุศลที่ยังไมเกิดวาอยาใหเกิด ขอสามคือโยคี มีความเพียรที่จะ’รักษา’ สิ่งที่ดีและเปนกุศลที่มีอยู แลวในตนใหคงอยู และสุดทายขอสี่โยคีมีความเพียร ที่จะ ‘ทำ’ สิ่งที่ดีและเปนกุศลที่ยังไมมีใหบังเกิดขึ้น ในเวลานั้นนาทีนั้นทำใหรูสึกวา วันนี้ไมใช เรื่อง ‘บังเอิญ’ เลยที่เราถูกชวนใหมาที่นี่ เรื่องราว ของพี่พยาบาลที่รักคนไขและอยากชวยเหลือ เรื่อง ของคุณหญิงหมอที่เราไมเคยรับรูถึงความกรุณาที่ไม มีขอบเขต และเรื่องราวของโยคีที่พระอาจารย เลือก ประเด็นมาพูดคุยในวันนั้น ภาพคนหาคนที่มารวม กลุมกัน เมื่อเชา สองคน...แยกจากไปกอนที่จะไดเจอ พระอาจารย หนึ่งคน...แยกไปชวงครึ่งหนึ่งของการ บรรยายธรรมของพระอาจารย อีกหนึ่งคน...แยกออก ไปเมื่อ กอนการบรรยายจะสิ้นสุด สุดทายเหลือนั่ง อยูคนสุดทายคนเดียวจนจบการบรรยายธรรม นี่คงไมใชเรื่องบังเอิญเชนกัน ที่ใครสักคนจะมีโอกาสไดฟงธรรมบรรยายเรื่องใดเรื่อ งหนึ่งจนจบ และคงไมใชเรื่องบังเอิญที่ ใครสักคน จะได โอกาสเรียนรูโยคะฝกฝนโยคะและไดรับผลแหง การเปนโยคีในที่สุด. ครูออด


ÍÐ’á¹ÇâµÁÕ

http://www.nhotyoga.com

ÊÒÃѵ¶Ð

"Connective Tissue : ¤ÇÒÁµ× ่ ¹ ÃÙ Œ ¨ Ò¡¢Œ Í ¨Ó¡Ñ ´ ÊÙ ‹ Í Ô Ê ÃÐáË‹ § ¡ÒÃà¤Å× ่ Í ¹äËÇ"

“ฝกโยคะเชานี้รูสึกตึงไปทั้งตัว(ยกเวนหนา ที่เริ่ม เหี่ยว) คงเปนเพราะกลามเนื้อถูกจำกัดในที่แคบ จากการนั่ง เครื่องบินแบบไปเชาเย็นกลับ สองวัน ติดตอกัน กรุงเทพ-นครศรีฯ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ทำอาสนะชวงแรกๆ จึงรูซึ้งถึงความสำคัญ ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทั้งเอ็นพังผืดกลามเนื้อสวน ตางๆที่ตึงแสนตึงขณะกำลังถูกเหยียดและยืด ออก เคยสังเกตไหมครับวาทำไมฝกโยคะตอนเชา จึง เหยียดยืดไดนอยกวาฝกชวงเย็นมถามตออีกนิดวา แลวทำไมตำราทุกเลมจึงบอกใหตื่นมาฝกโยคะ แตเชา ชวนกันแชรความเห็นแลวจะเอามุมมองแบบ อนาโตมี มารวมแชรครับ”นั่นเปนขอความที่โพสต ลงไปในเพจ www.facebook.com/iLoveYoga Anatomy ซึ่งมีความเห็นตอบกลับมาอยางนาสนใจ ดังนี้ ความคิดเห็นที่ 1 “ทานอนอาจทำให กลามเนื้อบางมัดอยูใน shorthen length

6


ÊÒÃѵ¶Ð เปนเวลานาน บวกกับขณะนอนกลามเนื้อไมได ขยับจึงลดการไหล เวียนเลือดจาก muscle contraction สงผลให flexibility ลดลง” ความคิดเห็นที่ 2 “ผมวาตอนเชาเห็นอะไรใน รางกาย มากวาตอนเย็นชวยใหเราลดความ พยายาม ชอบเชามากกวาความรูอานาโตมี ไมมีครับ” ความคิดเห็นที่ 3 “ตอนเชาอากาศดี จิตแจมใส ทองไสวาง(เหมาะทำกริยา มุทราพันธะ) ฝกวินัย ใจอดทน(กับความตึง) ฝกเสร็จสามารถ ไปทำภารกิจ ตางๆ ไดอยางมีประสิทธิภาพครับ” ความคิดเห็นที่ 4 “ขณะนอนมีการเคลื่อนไหว นอยหรือมีการยืด ยึด หยุด คางทาเดิมนาน เชาตื่นมา จึงตองมีการยืดเหยียดกลามเนื้อ เอ็น ขอตางๆ อยางถูกวิธี กอนจะเคลื่อนไหวเขาสู กิจวัตรประจำ วัน คลายเปนการวอรมกอนลง สนาม เย็นความยืด หยุนมากกวาจึงยืดเหยียดไดดี กวาแตก็ตองประมาณกำลังอยาใหออนลาเกินไปคะ” ทุกความเห็นลวนชวยขยายมุมมองของ การฝกใหชัดเจนแจมชัดมากขึ้น และคราวนี้ผม ขอแชรในมุมมองแบบ back to the origin of movement ตามสไตล โยคะ อะ’แนวโตมีฉีกแนว ความรูอนาโตมี บนวิถีโยคะ บางครับ เมื่อสองปกอนที่ไดไปเขาคายเวิรกชอปโยคะอะนาโต มี กับ David Keil เขาชวนใหเราเขาใจถึง เนื้อเยื่อ ที่สำคัญที่สุด ของกลไกการเคลื่อนไหวระดับ รากหญา นั่นคือ connective tissue หรือเนื้อเยื่อ เกี่ยวพัน นั่นเอง “ Everything that is physical is related to Connective tissue “ เดวิดโปรยไวในสไลดโชว เขาเริ่มตนอยางนาสนใจวา รางกายเรา เกิดขึ้นมาจากสองสิ่งที่แตกตางกัน คือ สเปรมและไข กอกำเนิดเปนเซลลใหม หนึ่งเซลล จากหนึ่งเซลลนั้นเองที่แบงตัว เติบโตจนกลายเปน รางกายของเราขึ้นมา แลวทำไมเวลาที่เราจะเรียน รูรางกายของเรา เราจึงเรียนรูแบบแยกเปนสวนๆ ทั้งที่มันถือกำเนิดขึ้นมาจากหนอกำเนิดเพียงหนึ่ง

7

เดียว จะดีกวาไหมถาเรามองรางกายอยาง เปนองครวม เขาเริ่มตนบทเรียนโครงสรางรางกาย จากการเชื่อมโยงใหเห็นถึงเนื้อเยื่อที่สำคัญที่สุด ในการเชื่อมตอทุกการเคลื่อน ไหว เนื้อเยื่อที่วา นั่นคือ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน หรือ Connective tissue กลามเนื้อก็คือ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (ชนิดหนึ่ง) กระดูกหรือผิวหนังก็ใช หลอดเลือดเสนประสาทก็มี tendon (เอ็น) คือ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ เกาะเกี่ยวกลามเนื้อไวกับกระดูก ligament คือ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยึดกระดูก แตละชิ้นตรงขอตอเขาไวดวยกัน fascia คือเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ที่เปนเหมือน เปลือกหรือ wrap หุมกลุมกลามเนื้อ ซึ่งอาจ เรียกงายๆไดวาเยื่อหุมกลามเนื้อ cartilage คือ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุม ระหวางขอตอกระดูกสองชิ้น (นึกถึงเอ็นขอไก กรุบๆ ที่เราชอบแทะกันครับ) scar tissue หรือรอยแผลเปน ก็เปนเนื้อ เยื่อ เกี่ยวพันที่รางกายสรางขึ้นมาเพื่อซอม สรางรองรอยแหงการบาดเจ็บ ขยายความใหพอเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น กลามเนื้อแตละมัดจะเรียงตัวกันเหมือนเชือก เกลียวที่เกิดจากดายแตละเสน มามัดรวมกันมีปลอก หรือเปลือกหุมคือ เยื่อหุมกลามเนื้อโอบมัด กลุม กลามเนื้อแตละมัดเอาไว พอเราเอามัดกลามเนื้อมาตัดแบบภาคตัด ขวางเราจะเห็นการเรียงตัวของกลุมกลามเนื้อมีลักษ ณะคลายผลทับทิมที่ ถูกผาซีก เม็ดทับทิมแตละเม็ด ก็คือเสนใยกลามเนื้อแตละมัด เยื่อที่กั้นระหวาง เม็ดทับทิมก็คือ เยื่อหุมกลามเนื้อ (fascia) นั่นเอง ไมตองมองไปอื่นไกล เยื่อหุมกลามเนื้อ ที่วาก็คือพังผืดขาวๆ บางๆ ที่เราเห็นมันหุมซี่โครง หมูตุน นั่นเอง ปลายของกลามเนื้อ คือ เอ็น (tendon) ซึ่งมีความเหนียวกวา เพื่อใหแรงยึดเกาะกับกระดูก ไดดี กลามเนื้อจะไดไมฉีก ขาดหลุดมาจากกระดูก ขณะเคลื่อนไหว สวนขอตอแตละขอ ก็เกาะเกี่ยว กันดวย เอ็นอีกชนิดนึง (ligament)


http://jadebeall.smugmug.com/keyword/yoga%20asana%20photography#!i=1133936733&k=fxfbzGM

ÊÒÃѵ¶Ð การเคลื่อนไหวรางกาย ก็คือการเคลื่อนไหว ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทั้งหมด ไมวาจะเปนกลามเนื้อ เยื่อหุมกลามเนื้อ เอ็น หรือปลอกหุมรอบขอตอ โครงขาย (web) ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพน หรือ connective tissue ที่กลาวมาทั้งหมดนี้เอง ที่เปนเหมือนหนอกำเนิดของ การเคลื่อนไหว รวมถึงอาสนะ เจาะใหลึกลงไปอีกนิด เนื้อเยื่อเกี่ยวพันถูก สรางขึ้นมาจากกลุมโปรตีน 2 ชนิด แบบคูตรงขาม คือ collagen ซึ่งใหคุณสมบัติในเชิงความ แข็งแรง และ elastin ซึ่งมีคุณสมบัติในเชิงความยืดหยุน อิสระในการขยับเหยียดยืด Oh .. My Buddha !!! ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ก็มี สถิระ และสุขะ คุณสมบัติทั้งสองอยางนี้เอง ที่จะมากจะนอย ผันแปรไปตามชนิดตางๆ ของเนื้อ เยื่อเกี่ยวพันวาแบบไหนตองการเดนดานความ แข็งแรง หรือแบบไหนจะเดนเดงดานความยืดหยุน เชน เอ็น จะมีความเหนียวของ collagen มากกวามี ความตานทานตอการยืด หรือพูดงายๆวาเหนียวกวา สวน กลามเนื้อ และเยื่อหุมกลามเนื้อตองการความ ยืดหยุนมากกวา จึงสามารถขยับเคลื่อนไดมาก กวาเอ็น นอกจากนี้ ถานับตามโครงสรางพื้นฐาน กระดูกเอง ก็เปนเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนึ่ง เพียงแตไดรับการพอกพูนดวย แรธาตุเชน แคลเซียม จนมีคุณสมบัติดานความแข็งแรงจนแทบไมเหลือ ความยืดหยุนไวเลยตอนนี้เรามาดูกันตอวา ปจจัยอะไรบาง ที่มีผลตอ การขยับของโครงขายเนื้อเนื่อเกี่ยวพันนี้ กลามเนื้อที่ตึงๆเกร็งๆเปนเพราะการใชงาน กลามเนื้อมากเกินไป มีการหดตัวของไฟเบอร กลามเนื้อ แตแทบไมถูก เหยียดยืดคืนกลับหดคาง อยูอยางนั้น เอ็นที่อยูตรงปลายและขอตอ จึงเกิด ตึงเกร็งเพิ่มขึ้น ที่เรามักไดยินคนบนวา เอ็นขอไหลติด เอ็นรอยหวายตึง สวนเยื่อหุมหรือเปลือกที่หุมกลามเนื้อนั้น ถาไมไดขยับเคลื่อนไหว อยูในอิริยาบถเดิมนานๆ จะเกิดการติดยึด เหมือน คนใสถุงมือที่มีขนาด เล็กกวามือ จะขยับนิ้วก็อึดอัด ติดขัดไมสะดวก 8


ÊÒÃѵ¶Ð ประกอบกับความตึงของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันนี้ ยังขึ้นกับอุณหภูมิ ความเย็นจะทำใหกลามเนื้อ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหดสั้น ตอนตื่นใหมๆ หลังจาก นอนคางในทาเดิมมาแถมเปดแอรฉ่ำปอดมาทั้งคืน นั่นพอจะทำใหเราเห็นภาพแลววา ตื่นมาฝกตอนเชา ทำไมกลามเนื้อมันจึงตึงเกร็งไปหมดทั้งตัวเชนนี้ จะทำใหเอ็นและเยื่อหุมกลามเนื้อไหวเคลื่อนได สะดวก เราก็ตองขยับมันบอยๆ ใหรอบขอตอหลวม และเปนอิสระตอ กันมากขึ้น กลามเนื้อจึงตองอาศัยเวลาวอรมอัพบริหาร ขอตอ ใหพรอมขยับเพื่อรับวันใหม แลวทำไม ยังใหตื่นมาฝกโยคะตั้งแตเชา ?.. ทั้งๆที่ระยะเหยียด ถูกจำกัดเชนนี้ นี่เองเปนกุศโลบาย หรืออุบายอันเปนกุศลที่ ครูบาอาจารยไดแอบซอนนัยยะเอาไว ถาวากันตาม คุณสมบัติของเอ็นแลว ระยะเหยียดของเอ็น สามารถถูกยืดออกไมเกิน 4% ของความยาวของ กลามเนื้อ ที่เหยียดยืดออก สูงกวานั้นจะเกิดการ ฉีกขาด และบาดเจ็บ พูดงายๆวา ถาเรายืดกลาม เนื้อออกไป 10 เซนติเมตร เอ็นจะถูกยืด ไดไมเกิน 0.4 เซน หรือ 4 มิลลิเมตร เทานั้น การฝกโยคะ ภายใตขอจำกัด จึงไมเปนเพียง การปลุกเราใหตื่นจากความขี้เกียจแตยังเปนการปลุ ก ความตื่นรูให เกิดขึ้นในทุกอณูของรางกายดังที่ทาน ไอเยนการไดกลาวไว ในหนังสือประทีปแหงชีวิตวา "เราสามารถเรียนรูจากอาสนะ ไดเหมือนกับ ทุกรูขุมขน เปนดั่งดวงตาภายใน" ยิ่งมีขอจำกัด ยิ่งพยายามจะยืดกลามเนื้อ มากขึ้นยิ่งตองเพิ่มความระมัดระวังกับระยะเหยียด อันแสนจำกัด ของเอ็นที่ ปลายทาง มิเชนนั้นจุดจบ อาจเปนจุดเจ็บ..ที่ไมจบ นับเปนภูมิปญญาแบบ ตะวันออกที่แยบยลไปกับความรูแบบตะวันตกโดยแท

9

แอบเสริมอีกนิดวา การฝกโยคะแตเชา ขณะที่ทองยังวางนอกจากจะเอื้อใหเกิดการกดนวด อวัยวะภายใน และสามารถ ทำเทคนิคเสริมอื่นๆ เชน มุทรา พันธะ ไดดีแลวในแงการเผาผลาญ ยังเปน การดึงแปงและไขมันเดิมที่สะสมไวออกมาใชงานอีก ดวย (ถาฝกหลังรับประทานอาหาร รางกายจะดึง พลังงาน จากมื้อลาสุดที่เพิ่งกินเขาไป ของเกา ไมถูกใช..ยังไงก็ไมมีทางผอม) ถึงแมจะไมใชเปาหมาย หลักของการฝก แตผลทางออมในการลดไขมัน สวนเกิน ก็เปนอีกแรงจูงใจใหใครหลายคนอยาก ตื่นมาฝกโยคะแตเชา เราเรียนรูเรื่องของรางกาย ขอจำกัดทั้งหมด เพื่อเขาใจและเคารพรางกาย ไมใชเอาชนะ เมื่อนั้น เราจะพบกับอิสระ แหงการเคลื่อนไหว (สุขะ) ที่แสน สถิระ (มั่นคง) ในทุกทาที่เคลื่อนไหว สุดทาย ของสามชั่วโมงแรก แหงการเรียนรู ในวันนั้น เดวิดบอกกับเราวา “การฝกอาสนะ จึงเปนการเรียนรูที่จะสรางพื้นที่วางและยืดระยะ เหยียดใหกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพันตางๆ โดยมีเปาหมาย คือ เพื่อเอื้อตอการฝกหายใจ” อันเปนมรรคาหรือ หมุดหมายองกถัดไป ตามที่จดจารไวในตำราแมบท แหงโยคะ ปตัญชลี โยคะสูตร พรุงนี้.. ตื่นแตเชา มาฝกโยคะกันเถอะ !! ธำรงดุล


ÊÒÃѵ¶Ð http://spyspy.tumblr.com/

§Ò¹ÈÖ ¡ ÉÒÇÔ ¨ Ñ Â

â¤Ъ‹ Ç ÂãËŒ ¤ ÇÒÁ¨Ó ¤ÇÒÁ¤Ô ´ ¤ÇÒÁÍ‹ Ò ¹´Õ ¢ Ö ้ ¹

เริ่มหลงๆ ลืมๆ? ลองไปเรียนโยคะดู แค 20 นาที ความจำของคุณจะดีขึ้น และคุณจะมีความคิดที่คมขึ้น นี่คือสิ่งที่นักวิจัยคนพบ การทำโยคะยังสงผลดีตอการทำงานของ สมองเมื่อเทียบกับการไปเตนแอโรบิค 20นาทีจริงๆ แลวเหงื่อที่ไดจากโรงยิมไมไดชวยใหคุณจำไดดีขึ้น ทั้งไมไดชวยใหคุณมีสมาธิเพิ่มขึ้นแตอยางใด ทั้งนี้นักวิจัยของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส ไดทดลองกับนักศึกษาระดับปริญญาตรีเพศหญิง จำนวน 30 คน โดยใหฝกหฐโยคะ 20 นาที ซึ่งมีทั้งการฝกอาสนะ หายใจ แลวมาทดสอบ การทำงานของสมอง เทียบกับ นักศึกษากลุมเดิม ไปวิ่ง ไปเดินบนสายพาน ใหหัวใจเตนเร็วขึ้นรอยละ 70 เปนเวลา 20 นาทีเทากัน แลวมาทดสอบ การทำงานของสมอง ผลที่ไดคือความทรงจำความเร็วในปฏิกริยา ตอบสนอง ความสามารถในการรับรูพัฒนา ขึ้นหลังฝกโยคะ สวนหลังจากการออกกำลังกาย การทำงานของสมองไมมีความเปลี่ยนแปลงแตอยาง ใด (จากJournal of Physical Activity&Health,2013;10: 488-95).

10


ÊÒÃѵ¶Ð

http://pinterest.com/pin/537406168004927065/

http://pinterest.com/pin/240590805065003712/

¾ÃÐäµÃ» ® ¡á¡‹ ¹ ¸ÃÃÁ

¾ÃÐäµÃ» ® ¡ àÅ‹ Á ·Õ ่ ñô (¾ÃÐÊØ µ µÑ ¹ µ» ® ¡ àÅ‹ Á ·Õ ่ ö) ÁÑ ª ¬Ô Á ¹Ô ¡ Ò ÍØ » ÃÔ » ˜ ³ ³ÒÊ¡ ø.ÍÒ¹Ò»Ò¹ÊµÔ Ê Ù µ Ã

จาก http://www.84000.org/tipitaka/ pitaka2/v.php?B=14&A=3924&Z=4181

[๒๘๒] ขาพเจาไดสดับมาอยางนี้สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคประทับอยูที่ปราสาท ของอุบาสิกาวิสาขามิคารมารดา ในพระวิหาร บุพพาราม เขตพระนครสาวัตถีพรอมดวยพระสาวก ผูเถระมีชื่อเสียงเดนมากรูปดวยกัน เชน ทานพระ สารีบุตร ทานพระมหาโมคคัลลานะ ทานพระ มหากัสสป ทานพระมหากัจจายนะ ทานพระมหา โกฏฐิตะ ทานพระมหากปณะ ทานพระมหาจุนทะ ทานพระเรวตะ ทานพระอานนท และ พระสาวกผู เถระมีชื่อเสียงเดนอื่นๆ ก็สมัยนั้นแล พระเถระทั้งหลายพากันโอวาท พร่ำสอนพวกภิกษุอยู คือ พระเถระบางพวกโอวาท พร่ำสอนภิกษุ ๑๐ รูปบางบางพวกโอวาทพร่ำสอน ๒๐ รูปบาง บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๓๐ รูปบาง บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๔๐ รูปบางฝายภิกษุนวกะ

11


ÊÒÃѵ¶Ð เหลานั้น อันภิกษุผูเถระโอวาทพร่ำสอนอยูยอมรูชัด ธรรมวิเศษอยางกวางขวางยิ่งกวาที่ตนรูมากอน ฯ [๒๘๓] ก็สมัยนั้นแลพระผูมีพระภาคมีภิกษุ สงฆหอมลอมประทับนั่งกลางแจง ในราตรีมี จันทรเพ็ญ วันนั้นเปนวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ทั้งเปน วันปวารณาดวย ขณะนั้น พระผูมีพระภาคทรง เหลียวดูภิกษุสงฆ ซึ่งนิ่งเงียบอยูโดยลำดับ จึงตรัส บอกภิกษุทั้งหลายวา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราปรารภ ในปฏิปทานี้ เรามีจิตยินดีในปฏิปทานี้ เพราะฉะนั้น แล พวกเธอจงปรารภความเพียร เพื่อถึงคุณที่ตน ยังไมถึง เพื่อบรรลุคุณที่ตนยังไมบรรลุ เพื่อทำให แจงคุณที่ตนยังไมทำใหแจงโดยยิ่งกวาประมาณเถิด เราจักรออยูในเมืองสาวัตถีนี้แล จนถึงวันครบ ๔ เดือนแหงฤดูฝน เปนที่บานแหงดอกโกมุท (คือวันเพ็ญ) พวกภิกษุชาวชนบททราบขาววา พระผูมี พระภาคจักรออยูในเมืองสาวัตถีนั้น จนถึงวันครบ ๔ เดือนแหงฤดูฝน เปนที่บานแหงดอกโกมุท จึงพา กันหลั่งไหลมายังพระนครสาวัตถี เพื่อเฝาพระผูมี พระภาค ฝายภิกษุผูเถระเหลานั้นก็พากันโอวาท พร่ำสอนภิกษุนวกะเพิ่มประมาณขึ้น คือ ภิกษุผู เถระบางพวกโอวาทพร่ำสอนภิกษุ ๑๐ รูปบาง บางพวกโอวาทพร่ำสอน ๒๐ รูปบาง บางพวก โอวาทพร่ำสอน ๓๐ รูปบาง บางพวกโอวาท พร่ำสอน ๔๐ รูปบาง และภิกษุนวกะเหลานั้น [๒๘๔] ก็สมัยนั้นแลพระผูมีพระภาคมีภิกษุ สงฆหอมลอมประทับนั่งกลางแจง ในราตรีมีจันทร เพ็ญ เปนวันครบ ๔ เดือนแหงฤดูฝน เปนที่บาน แหงดอกโกมุท วันนั้นเปนวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ขณะนั้น พระผูมีพระภาคทรงเหลียวดูภิกษุสงฆ ซึ่ง นิ่งเงียบอยูโดยลำดับ จึงตรัสบอกภิกษุทั้งหลายวา ดูกรภิกษุทั้งหลาย บริษัทนี้ไมคุยกัน บริษัทนี้เงียบ เสียงคุย ดำรงอยูในสารธรรมอันบริสุทธิ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสงฆนี้บริษัทนี้เปน เชนเดียวกันกับบริษัทที่ควรแกการคำนับ ควรแก การตอนรับ ควรแกทักษิณาทานควรแกการกระทำ อัญชลี เปนเนื้อนาบุญของโลกอยางหาที่อื่นยิ่งกวา มิได ภิกษุสงฆนี้บริษัทนี้เปนเชนเดียวกันกับบริษัท ที่เขาถวายของนอย มีผลมาก และถวายของมาก

มีผลมากยิ่งขึ้น ภิกษุสงฆนี้ บริษัทนี้เปนเชน เดียวกันกับบริษัท อันชาวโลกยากที่จะไดพบเห็น ภิกษุสงฆนี้ บริษัทนี้เปนเชนเดียวกันกับบริษัทอัน สมควรที่แมคนผูเอาเสบียงคลองบาเดินทางไปชม นับเปนโยชนๆ [๒๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุใน ภิกษุสงฆนี้ ผูเปนพระอรหันตขีณาสพ อยูจบ พรหมจรรยแลว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแลว ปลงภาระ ไดแลว บรรลุประโยชนตนแลวโดยลำดับ สิ้น สัญโญชนในภพแลว พนวิเศษแลวเพราะรูชอบ แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ผูเปนอุปปาติกะ เพราะสิ้นสัญโญชนสวนเบื้องต่ำทั้ง ๕ จะไดปรินิพพานในโลกนั้นๆมีอันไมกลับมาจาก โลก นั้นอีกเปนธรรมดา แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆ นี้ ผูเปนพระสกทาคามีเพราะสิ้นสัญโญชน ๓ อยาง และเพราะทำราคะ โทสะ โมหะใหเบาบางมายังโลก นี้อีกครั้งเดียวเทานั้น ก็จะทำที่สุดแหงทุกขได แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุสงฆนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ผูเปน พระโสดาบัน เพราะสิ้นสัญโญชน ๓ อยาง มีอันไม ตกอบายเปนธรรมดา แนนอนที่จะไดตรัสรูใน เบื้องหนา แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปน ผูประกอบความเพียรในอันเจริญสติปฏฐาน ๔ อยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ [๒๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลายยอมมีภิกษุในภิกษุ สงฆนี้ที่เปนผูประกอบความเพียร ในอันเจริญ สัมมัปปธาน ๔ อยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ก็มี อยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญอิทธิบาท ๔ อยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญอินทรีย ๕ อยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ

12


http://jolie.fi/moments/page/6/

ÊÒÃѵ¶Ð

13

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญพละ ๕ อยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญโพชฌงค ๗ อยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญมรรคมีองค ๘ อันประเสริฐอยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญเมตตาอยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญกรุณาอยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญมุทิตาอยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญอุเบกขาอยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญอสุภสัญญาอยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุสงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญอนิจจสัญญาอ ยู แมภิกษุเชนนี้ในหมูภิกษุนี้ ก็มีอยู ฯ [๒๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ยอมมีภิกษุในภิกษุ สงฆนี้ ที่เปนผูประกอบความเพียรในอันเจริญ อานาปานสติอยู ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานาปานสติ อันภิกษุเจริญแลว ทำใหมากแลว ยอมมีผลมาก มีอานิสงสมาก ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแลว ทำให มากแลว ยอมบำเพ็ญสติปฏฐาน ๔ ใหบริบูรณได ภิกษุที่เจริญสติปฏฐาน ๔ แลว ทำใหมากแลวยอม บำเพ็ญโพชฌงค ๗ ใหบริบูรณได ภิกษุที่เจริญ โพชฌงค ๗ แลว ทำใหมากแลว ยอมบำเพ็ญวิชชา และวิมุตติใหบริบูรณได ฯ (ยังมีตอ)


ใจความสำคัญตอนที่แลว (โยคสูตรประโยค ที่ ๒:๓๑) กลาวถึงเนื้อหาของยมะในประเด็นที่วา การฝกยมะควรจะประพฤติปฏิบัติดวยสัจจะปฏิญาณ อันสูงสงอยางถึงที่สุด และผูฝกสามารถประพฤติ ปฏิบัติ ยมะไดในทุกสถานการณโดยไมมีขอยกเวน และไมอยูภายใตเงื่อนไขใดๆ ไมวาจะเปนเรื่องชาติ กำเนิดในชนชั้นวรรณะหรือสถานภาพทางสังคมใด หรืออยูอาศัยในพื้นที่ใด และไมขึ้นอยูกับชวงเวลา หรือยุคสมัยใด ประโยคถัดมา ๒:๓๒ ปตัญชลีกลาว ไววา “เศาจะ-สันโตษะ-ตปะ-สวาธยาเยศวระประณิธานานิ นิยมาห” แปลวานิยมะหรือกฎแหง ความประพฤติ ประกอบดวย เศาจะ (ความสะอาด) สันโตษะ (ความพึงพอใจ) ตปะ (ความเครงครัด สมถะ) สวาธยายะ (การศึกษาตนเอง) และอีศวระประณิ ธานะ (การบูชาดวยความออนนอมยอม จำนน) เศาจะหมายถึงความสะอาด ซึ่งอรรถ กถาจารย สวนใหญอธิบายวา เปนการชำระทั้ง รางกายและ จิตใจใหสะอาดบริสุทธิ์แตในที่นี้ ดูเหมือนวา ควรจะ ทำความเขาใจคำๆ นี้ใน เบื้องตนวาเปนความ สะอาดของรางกาย แมคำวา “เศาจะ” “ศุจิตา” ฯลฯ มาจากรากศัพทวา “ศุจ” ซึ่งหมายถึง ทำความสะอาดหรือชำระใหสะอาด บริสุทธิ์

http://pinterest.com/pin/8725793000560408/

http://jolie.fi/moments/page/6/

¹Ô  ÁÐ õ ¡Ñ º ¼Åµ‹ Í Ã‹ Ò §¡ÒÂáÅÐ¨Ô µ ã¨

http://latticelight.tumblr.com/post/27432032658/ 8theye-keep-the-tradition-alive-old-tibetan

ÊÒÃѵ¶Ð

µÓÃÒâÂ¤Ð´Ñ ้ § à´Ô Á

สามารถใชกับเรื่องกระบวนการชำระลางใหสะอาด บริสุทธิ์ทั้งรางกายและจิตใจ ปกติคำวา “เศาจะ” จะใชสำหรับกระบวนการชำระลางที่เกี่ยวของกับ รางกายมากกวา ความจริงแลวเศาจะมีความหมายพิเศษ โดยทั่วไปวา การขจัดของเสีย การขับถายอุจจาระ (ในลำไส) และเปนไปไดมากวา คำนี้จะใชในความ หมายของกระบวนการทำความสะอาดรางกาย ดวย เหตุผลคือ ๑) มีเทคนิคโยคะตางๆ มากมายที่เปน เรื่องของการชำระลางจิตใจ ที่จริงแลววัตถุ ประสงคหลักในเบื้องแรกของระบบโยคะใดๆ ก็คือ การชำระลางจิตใจ หลังจากนั้นความสงบและความมั่นคงของ จิตใจจึงจะเกิดขึ้นได มรรคตางๆ ของระบบโยคะ ของปตัญชลีสวนใหญมีการชำระจิตใจใหบริสุทธิ์เปน วัตถุประสงคลำดับแรก นั่นคือ ยมะทั้ง๕ และนิยมะ อีก ๔ ขอที่เหลือ เทคนิคประณวชปะ(1) และมนสสถิตินิพันธนะ(2) และจิตตประสาทนะ(3) (๑:๒๘ ถึง ๓๙) (1) เทคนิคประณวชปะ การสวดโดยการออกนามของเทพเจาหรือการสวดคำมันตราซ้ำๆ ซึ่งในที่นี้หมายถึงการสวดโอมเพื่อหลอมรวมจิตใหเปนหนึ่งเดียว (Yoga Kosa,P122,189) (2) มนสสถิตินิพันธนะ คือ วิธีการผูกหรือทำจิตใหนิ่ง(ขอมูลจากประโยคที่ ๑:๓๒) (3) จิตตประสาทนะ คือ กระบวนการบรรลุถึงสภาวะอันสุขสงบของจิต (ขอมูลจากประโยคที่ ๑:๓๒)

14


ÊÒÃѵ¶Ð กระบวนการฝกสมาธิของสมาปตติ ธารณา ธยานะ และสมาธิ และแมแตอาสนะ รวมทั้ง ปราณายามะ ทั้งหมดนี้ก็นำไปสูการชำระ ลางจิตใจ ทั้งทางตรงหรือไมก็ทางออม ดังนั้นจึงไมมีเหตุผล และ จุดมุงหมายที่จะกลาว ถึงการชำระลาง จิตภายใตหัวขอเศาจะมากเขา ไปอีก และ ๒) คำวา นิยมะ มีความหมายโดย ทั่วไปวา เปนสิ่งตางๆ ที่ประพฤติปฏิบัติอยาง สม่ำเสมอเปนประจำทุกวัน ดังนั้นสิ่งตางๆ ที่อยูภายใตนิยมะที่จะตองฝกกัน จริงๆ ก็คือ สิ่งที่ตองปฏิบัติโดยรางกาย ยกเวนใน ขอสันโตษะแลว นิยมะทั้ง ๔ ที่เหลือของ ปตัญชลีมีลักษณะธรรมชาติที่ตองปฏิบัติโดยรางกาย ตปส สวาธยายะ และอีศวระ-ประณิธานะทั้งสามขอ นี้เปนองคประกอบของกริยาโยคะ และเปนกิจกรรม ที่ทำโดยรางกายเปนหลัก ไดถูกดึงออกมากลาวให เห็นอยางเดนชัดแลวในประโยคที่๒:๑ เมื่อพิจารณา ตามเหตุผลดังกลาวขางตน เศาจะจึงตองเปน กิจกรรมทางรางกาย หรือการชำระลางรางกาย แมวาปตัญชลีจะไมไดกลาวถึงเทคนิคการชำระลาง พิเศษ เพื่อชำระลางอวัยวะภายในของรางกาย เชน เนติ พัสติ เธาติ ซึ่งทั้งหมดนี้อยูในสวนของ หฐโยคะก็ตาม เทคนิคเหลานี้หรือวิธีการอื่นๆ (เชน อายุรเวท) ที่ใชในการชำระลางรางกายจากภายนอก หรือภายใน ตางก็สามารถนำมารวมอยูในเศาจะได และนำมาใชเพื่อใหมีรางกายที่สะอาดและอยูใน สภาพที่ดีที่สุด สันโตษะหมายถึงความพึงพอใจ การรวมขอ นี้ใหอยูในสวนของนิยมะดูเหมือนจะผิดที่อยูสัก หนอย เพราะสิ่งนี้เปนเรื่องของจิตใจ ขณะที่นิยมะ อีกสี่ขอที่เหลือเปนการกระทำทางรางกายเปนหลัก อรรถกถาจารยของโยคสูตรเลมนี้รูสึกวา ยมะขอ อปริคระหะและนิยมะขอสันโตษะสามารถสับเปลี่ยน ที่กันได (4) เหตุผลเดียวที่อาจอธิบายไดวา ทำไมปตัญชลี จึงจัดวางยมะนิยมะในลักษณะนี้ก็คือ ยมะนิยมะ เหลานี้ไดรับการแจกแจงตามธรรมเนียมของโยคะ โบราณ ซึ่งปตัญชลีไดชี้แจงไวแลวในประโยคที่ ๑:๑

15

อาจกลาวไดวา แมสันโตษะจะเปนเรื่องทาง จิตใจเปนหลัก แตการรวมขอนี้อยูในนิยมะนั้น ปตัญชลีตองการเนนวา การแสรงมีความสุขความ พึงพอใจในสิ่งที่มีที่เปนโดยทางใจอยางเดียวไมเพียง พอสำหรับผูปฏิบัติโยคะ เขาควรควบคุมการกระทำ ในชีวิตของเขาเพื่อที่จะแสดงใหเห็นถึงความพึงพอใจ นี้ในทางปฏิบัติจริงดวย บอยครั้งที่พบผูที่อางวา พวกเขามีความพึงพอใจตอชีวิตและไมมีความอยาก ความตองการทางโลกใดๆ แตในชีวิตจริงการกระทำ ของพวกเขากลับแสดงใหเห็นวา พวกเขายังคงมี ความอยากปรารถนาสิ่งตางๆ เชน ความมั่งคั่ง อำนาจ ฯลฯ นี่เปนสิ่งที่ตองหลีกเลี่ยงอยางแทจริง ทั้งสิ้นสำหรับผูฝกโยคะที่จริงใจ สำหรับสามขอที่เหลือของนิยมะคือ ตปส สวาธยายะ และอีศวระ-ประณิธานะ ซึ่งเปนองค ประกอบของกริยาโยคะนั้น ไดอธิบายไวในประโยค ๒:๑ อยางเพียงพอแลว อยางที่กลาวแลววา นิยมะ หมายถึง สิ่งหรือกิจกรรมอยางหนึ่งที่ตองทำ อยางสม่ำเสมอเปนประจำ การรวมทั้ง ๓ ขอของกริยาโยคะใหอยูภายใตนิยมะนั้น ปตัญชลี ตองการเนนวา ทั้ง ๓ ขอนี้เปนสิ่งจำเปนตองทำ ทุกๆ วัน ในฐานะที่เปนหนาที่ที่ตองรับผิดชอบ ไมตองสงสัยเลยวา การวางจิตใจใหเหมาะสมนั้นควร จะกระทำควบคูไปกับการปฏิบัติทางกายในแตละขอ ของนิยมะดวย เรื่องนี้ไดมีการชี้ใหเห็นแลว ในการอธิบายตอนตนของประโยค ๒:๑ แคการ ปฏิบัติ อยางเปนกลไกของกฎเหลานี้ ในระดับ รางกายนั้น ไมอาจตอบสนองตอวัตถุประสงค ที่แทจริง และไมมีคุณคาที่จะถูกเรียกวาเปนสวน หนึ่งของโยคะได

(4) ดวยเหตุผลที่วา อปริคระหะหรือการไมสะสมสิ่งของวัตถุเปนเรื่องของการควบคุมทางกาย สวนสันโตษะเปนเรื่องทางจิตใจ


วีระพงษ ไกรวิทย และจิรวรรณ ตั้งจิตเมธี

http://www.aufeminin.com/bienetre/ yoga-types-de-yoga-d20251.html

ในประโยคที่ ๒:๑ ไดมีการชี้ใหเห็นถึงความ เชื่อมโยงกับอีศวระ-ประณิธานะวา การบูชาใน รูปแบบของปูชนะ(5) หรือหวนะ(6) ควรจะทำดวย ทาทีที่ยอมจำนนหรือออนนอมตอพระอิศวร แตใน ชวงเริ่มตนทาทีแบบนี้ (ออนนอมยอมจำนน) อาจจะ ยังไมไดพัฒนาขึ้นมาไดงายดายนัก อยางไร ก็ตามหากผูปฏิบัติใสใจระลึกรูวา ทาทีของการ ยอมจำนนอยางสิ้นเชิงตอพระอิศวรนั้นจะตองไดรับ การพัฒนาขึ้นมา และนั่นก็คือวัตถุประสงคสำคัญ ของกิจกรรมทางกายในขอนี้ หลังจากนั้นการ กระทำอยางเปนกลไกในตอนแรกจะเปลี่ยนไปสูการ บูชาอยางแทจริง และทาทีของการยอมจำนน อยางสิ้นเชิงตอพระอิศวรก็จะคอยๆ ไดรับการ พัฒนาขึ้น อยางที่ไดเคยชี้ใหเห็นแลววา นี่คือเหตุผลวาทำไมกริยาโยคะจึงไดรับการแนะนำ ใหเปนจุดเริ่มตนของการปฏิบัติของผูฝกโยคะตาม แนวทางของปตัญชลี ไดเนนไปแลววา คำวา เศาจะ ในนิยมะหมายถึง การทำความสะอาดรางกาย เปนหลัก แตจำเปนตองชี้ใหเห็นอีกครั้งหนึ่งวา วัตถุประสงคของการทำความสะอาดรางกายเหลานี้ ในที่สุดแลวไมไดเปนไปเพื่อรางกายเทานั้น แตเพื่อ การชำระลางและการพัฒนาที่ดีขึ้นของอวัยวะทั้ง หลายของมนุษย รวมถึงบุคลิกภาพของผูปฏิบัติดวย กระบวนการชำระลาง ที่เปนรูปแบบการ ปฏิบัติในเบื้องตนของพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู เชน มันตราจมนะ(7) อฆมรรสณะ(8) ฯลฯ เปนกระบวน การชำระลางขั้นตนที่เกี่ยวของกับรางกาย แตเมื่อ ไดรับการฝกปฏิบัติในลักษณะที่เปนพิธีกรรม (ทางศาสนา) กระบวนการชำระลางทางกาย เหลานี้อาจทำใหเกิดความบริสุทธิ์ในทางจิต-จิต วิญญาณได ดังนั้นแมวาทั้งยมะและนิยมะ จะเปนกฎ ในการควบคุมพฤติกรรมของบุคคลแตเรื่องทางจิตใจ และผลที่มีตอจิตใจเปนแกนหรือสาระสำคัญหลักของ การปฏิบัติยมะ ในขณะที่กิจกรรมทางกาย และกิจกรรมภายนอกที่คลายๆ กันนับเปนเรื่อง รองหรือมีความสำคัญนอยมาก ตรงกันขามกับ การปฏิบัตินิยมะ ผลทางกายมีความสำคัญมากกวา ในขณะที่ผลทางจิตใจเปนเพียงสวนประกอบที่เสริม เขามา

ÊÒÃѵ¶Ð

๑) Karambelkar, P. V. (1986). PATANJALA YOGA SUTRAS Sanskrta Sutras with Transliteration, Translation & Commentary. Lonavla : Kaivalyadhama, p. 253-257. ๒) Philosophico Literary Research Department, (1991). Yoga Kosa. Lonavla : Kaivalyadhama. ๓) The Linga-purana, เลมที่ 6 [online], ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๖. แหลงที่มา http://books.google.co.th/books?id=H0QqAQAAMAAJ&q=mantracamana&dq= mantracamana&hl=th&sa=X&ei=XtXGUarmGojXrQeujYCwCw&ved=0CDUQ6AE wAQ ๔) Sadguru Sant Keshavadas, Gayatri: the highest meditation [online], ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๖. แหลงที่มา http://books.google.co.th/books?id=rb7fL6oCe0C&pg=PA98&lpg=PA98&dq=mantracamana&source=bl&ots=sqP1IBzg-D& sig=N6YTtLU-UWaQYR_dMLI80kN4YpE&hl=th&sa=X&ei=R8_GUdWUN4TTrQ egpID4Cw&ved=0CCgQ6AEwAA#v=onepage&q=mantracamana&f=false

(5) ปูชนะ คือ การบูชาเทพตางๆ ดวยจิตอันสงบอยางเต็มกำลังศรัทธา (ดูขอมูลจากประโยค ๒:๒ หรือ Yoga Kosa, p.68) (6) หวนะ คือ การบูชาไฟหรือการสวดออนวอน (ดูขอมูลจากประโยค ๒:๑) (7) มันตราจมนะ คือ การสวดมันตราซ้ำๆ ในระหวางวัน (ขอมูลจาก http://books.google.co.th/books?id=H0QqAQAAMAAJ&q=mantracamana&dq= mantracamana&hl=th&sa=X&ei=XtXGUarmGojXrQeujYCwCw&ved=0CDUQ6AE wAQ) (8) อฆมรรสณะ คือ เปนกริยาหรือการปฏิบัติอยางหนึ่งที่จำเปนอยางยิ่งตอการชำระลางบาปที่สะสมอยูทั้ งโดยเจตนาและไมเจตนา มีการสวดมันตราประกอบกริยาดวย (ขอมูลจาก http://books.google.co.th/books?id=rb7fL6oCe0C&pg=PA98&lpg=PA98&dq=mantracamana&source=bl&ots=sqP1IBzg-D& sig=N6YTtLU-UWaQYR_dMLI80kN4YpE&hl=th&sa=X&ei=R8_GUdWUN4TTrQ egpID4Cw&ved=0CCgQ6AEwAA#v=onepage&q=mantracamana&f=false)

16


ÊÒÃѵ¶Ð

º·¡Å͹

ตนไมแหงความวาง 1. “จงทำงานทุกชนิดดวยจิตวาง” ฉันนึกถึงถอยประโยคนี้ จากทานพุทธทาส อินทปญโญ เมื่อยืนอยูตอหนาฝาผนังปูนเปลือยอันวางเปลา.. ในรานกาแฟที่เพิ่งสรางใหม 2. แลวใหนึกยอนไปเมื่อหลายเดือนที่ผานมา.. กับการรับปากดวยมิตรภาพวาจะมาเพนทผนังรานใหพี่คนหนึ่ง หากรานกาแฟของเขาสรางเสร็จ แตแลวเมื่อใกลวัน ความกดดันเริ่มตั้งเคาเหมือนมีมวลเมฆกอนมหึมาลอยอยูเหนือจิตใจฉัน และรองแหงความคุนชินเดิมก็พาฉันเดินไปยังเสนทางแหงความกลัวอีกครั้ง ..กลัววาจะทำไดไมดี แลวเมื่อเมฆที่ตั้งเคาอยูเมื่อครูมีฝนตกลงมา.. ก็เปนอันวาฉันจึงตอบปฏิเสธพี่ไป แตมิตรภาพหาใชวาจะหยุดงอกงามเพียงเพราะการปฏิเสธในครานั้น เพราะเมื่อรานเริ่มเปนรูปเปนรางจริงๆ ในวันที่เพื่อนๆ อีกหลายคนไปชวยกัน ฉันจึงยังเปนหนึ่งในนั้นดวย “ไมเปลี่ยนใจหรือ” พี่เจาของรานถามฉันอีกครั้งถึงการเพนทผนัง ฉัน.. ผูซึ่งแมจะไมไดเตรียมตัวเพื่อมาเพนทเลย แตในเมื่อมันคือสิ่งที่รัก และเมื่อมีคนหยิบยื่นโอกาสมาใหครั้งแลวครั้งเลา ..ฉันจึงเริ่มใครครวญอีกครั้ง 3. ทามกลางความกลัว ความประหมา และอีกหลากหลายความรูสึกที่กระเพื่อมอยูภายใน เมื่อยืนอยูตอหนาผนังอันวางเปลานั้น “ถาฉันทำมันออกมาไดไมดีตองแยแนๆ เลย หนารานเขาดวยนะนี่ จะกระทบกับกิจการเขาไหมนะ” “หากฉันวาดเสียจะทำยังไง เสียก็ลบไมไดดวยสิ” “หากวาดไมสวย แลวพี่เขาไมพอใจ เขาจะตำหนิ จะโกรธเราไหมนะ” “จงทำงานทุกชนิดดวยจิตวาง” “………………………….” “………………………….” ประโยคสุดทายที่กองดังอยูในใจ เปนเหตุใหฉันเรียก ‘สติ’ คืนกลับมา แลวทิ้งทุกสิ่งที่ลอยกระจัดกระจายอยูในความคิดกอนหนา เหลือเพียงใจที่วางๆ และรูสึกถึงสัมผัสของดามพูกันที่อยูในมือ แลวจึงพบวา ณ จุดแรกที่ปลายพูกันแตงแตมลงไปบนผนังนั้น แมความคิดมากมายจะยังคงลอยวนเหนือจิตใจอยู แตเมื่อฉันไมไดใสใจมันอีกตอไป วาอีกเดี๋ยวฝนจะตกลงมาอีกไหม

17


ÊÒÃѵ¶Ð ใจฉันเพียงอยูกับปลายพูกัน ผนัง และกระปองสี แคนั้น.. ลวดลายจะออกมาสวยหรือไม ไมไดสนใจอีกตอไป พี่เขาจะชอบหรือไม ไมไดคำนึงอีกแลวแลวฉันก็พบวาลวดลายตนไมจากปลายพูกันคอยๆ งอกงามขึ้นจนเต็มผนังใหญหนาราน ในโลกที่ยังคงดำเนินไปอยางปกติ แตในขณะนั้น.. ฉันรูสึกมีเพียงฉันและตนไม รูตัวอีกที.. เมื่อพี่เจาของรานมายืนมองจากดานหลังแลวบอกวา “ชอบจัง” และอยากใหเพนทขางๆ รานใหดวย หากเปนยามปกติฉันคงรูสึกวานี่คือรางวัลใหญ เพราะเมื่อเราทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ใหและคนที่รับชอบใจ นั่นหมายความวาเราเองก็สุขใจ ในยามนี้แมวาฉันจะยังคงรูสึกวานั่นคือรางวัล หากแตบางความรูสึกบอก ฉันวามันไมใชรางวัลใหญ เพราะรางวัลใหญที่วา คือบทเรียนที่ทำใหฉันไดเรียนรูที่จะอยูและจัดการกับ ความกลัวภายในใจตัวเองตางหากเลา 4. ฉันหยิบกระปองสีและเดินตอไปยังผนังบริเวณขางราน หันกลับมามองตนไมสูงตระหงานที่ปกคลุมหนารานอีกครั้ง นึกถึงคำที่พี่เจาของรานถามวา “นี่ตนอะไร” ในตอนนั้นฉันตอบพี่ไปพรอมรอยยิ้มวาไมรูเหมือนกัน แตภายในใจแลว.. ฉันรูดี เพราะฉันรูจักทุกเสนสายลายใบแตละใบที่แตกหนออยูบนตนไมชนิดนี้ รู.. วาเปลือกจะแข็งหรือออน จะหนาหรือหยาบไดแคไหน ในเวลาใด ทีสุดแลวฉันรู.. วารากของมันหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจฉันแคไหน และไมตนนี้งอกงามไดดวยสิ่งใด ฉันไดแตตอบพี่เจาของรานอยูในใจ “ตนไมแหงความวาง”

อนัตตา

18


ÊÒÃѵ¶Ð

àÃ× ่ Í §àÅ‹ Ò ¨Ò¡ÍÔ ¹ à´Õ Â

µ‹ Í ¨Ò¡©ºÑ º ·Õ ่ á ÅŒ Ç

สวัสดีคะ เตยมาเลาตอเรื่องทริปกับครูฮิโรชิคะ จากโลนาฟลาเรานั่งรถไปสถานีรถไฟที่มุมไบ อดใจหายไมไดเหมือนกันที่ตองจากไกวัลยธรรมไป เตยตองแบกขาวของไปหมดเลยเพราะขากลับมาจะ ไมไดกลับมาที่ไกวัลเหมือนคนอื่นเขา แตจะตรงไปที่ อาศรมนิศาโกปจาร เพื่อเขาคอรสธรรมชาติบำบัด อีกสองอาทิตย นั่นหมายความวาตองแบกกระเปา เดินทางรวมสามสิบโล หอบหิ้วไปตลอดทริป (คือชอปปงเสื้อผาเอย ตัดเสื้อผาเอย ซื้อหนังสือเอย กระเปาเลยใหญเบงมาก) เราเดินทางถึงสถานีรถไฟที่มุมไบสถานีรถไฟ ใหญโตโออา คลายๆ กับหัวลำโพงบานเรา แตใหญ กวา คนเยอะกวา รถไฟเยอะกวายาวกวา สวนเรื่อง ความสะอาดอันนี้คิดวาพอสูสีกันนะโชคดีที่ครูฮิโรชิ ซื้อตั๋วชั้นสอง ซึ่งหมายความวาเราจะไดใชหองพัก รับรองแขก มีทีวีใหชมเพลินๆ มีหองน้ำที่คอนขาง สะอาดทีเดียว การไดเขาใชหองน้ำสะอาดๆ ในอินเดียนี่ทำใหปลื้มปริ่มอิ่มเอมจริงเชียวนะนี่ ไดเวลาเราก็ขนขาวของไปที่รถไฟขบวนราชธานี มุมไบ-เดลี เราเดินกันไปไกลหนอยเพราะรถไฟยาว มาก

19

อยางที่บอกไปขางตนคือ ตูนอนที่จองไวเปน แบบสามชั้น นอนเรียงกันเปนแซนดวิช อยางที่เห็นในรูปครูฮิโรชิอยูชั้นสาม พี่จูนอยูตรง กลาง สวนพี่กลวยอยูอีกฝงนึงเตยอยูฝงตรงขามคะ เปนการเดินทางที่สนุกสนานทีเดียวเชียวถามาเยือน อินเดีย ไดลองขึ้นรถไฟสักครั้งก็เปนประสบการณ ที่นาประทับใจมิใชนอย ครูฮิโรชิบอกวา รถไฟตูนอนดีนะ มีอาหาร เสิรฟตลอด เดี๋ยวแจกอาหารวาง ตอดวยอาหาร คาว ตามดวยไอศกรีม แหม ไมผิดหวังจริงๆคะครู ตอนเรานั่งกันไดครูเดียวก็มีพนักงานมาแจกกาน้ำ รอนใหคนละกาพรอมกับชาหนึ่งถุง น้ำตาลหนึ่ง ซอง ครีมเทียมหนึ่งซอง และถวยพลาสติกหนึ่งใบ วิธีการทำไจหรือชาแบบแขกก็งายมากคะ เอาชา ใสแกว ฉีกซองครีมเทียมกับน้ำตาลเทลงไป หมุนกา น้ำรอนเทน้ำรอนๆ ลงไป เอาชอนพลาสติกคนเปน อันเสร็จสรรพ ชื่นใจ เอ เตยไดบอกไปหรือยังคะวา การเดินทาง ดวยรถไฟของพวกเราในคราวนี้เบ็ดเสร็จแลว 18 ชั่วโมง ใชแลวคะ อานไมผิดหรอก 18 ชั่วโมง เพราะวาระยะทางจากมุมไบไปเดลีประมาณ 1,430 กิโลเมตร ประมาณเชียงรายไปสุราษฎรคะ


ÊÒÃѵ¶Ð ระหวางนั่งรถไฟก็ไดมีโอกาสคุยกับครูฮิโรชิหลาย เรื่อง ครูมาอยูอินเดียนานมาก รูจักอินเดียกวาเรา เยอะ ครูบอกวารูจักไวนะดีใหมีระยะหาง ที่เหมาะสม การที่เรามาจากคนละวัฒนธรรม เรา อาจจะไมเขาใจเขา คอยๆเรียนรูไป สวนเรื่องโยคะ ครูบอกวา คนอินเดียสวนใหญก็ฝกอาสนะ แบบที่ ไกวัลยธรรมสอนหรือแบบที่สถาบันโยคะที่ซานตา ครูซสอน ที่เปนแบบ Relaxation based, Experienced based ใหกลับมารับรูความรูสึกภายใน แบบที่ปจจุบันชาวตะวันตกเอาไปประยุกตก็แพร หลายขึ้นในมุมตางๆ ของโลก แตครูเชื่อวาการ เรียนรูโยคะตามตำราดั้งเดิมนั้นจะยั่งยืนเราจะรู ที่มาที่ไป เพราะการจะเรียนรูอะไรสักอยาง ควรจะเริ่มจากจุดเริ่มตน บรรยากาศการนั่งไปรถไฟไปกับครูและ เพื่อนๆ คราวนี้ตางไปจากการนั่งรถไฟในชีวิต ที่ผานมามีครูเหมือนมีเอ็นไซโคลพีเดียโยคะเดินทาง ไปดวย จำไดวา คุยกันเรื่องภาษาสันสกฤต เตยเคย เขาใจวาภาษาสันสกฤตเปนภาษาที่ตายไปแลว ไมมีคนใช ครูฮิโรชิบอกา เปลาเลย คนยังใชอยู วาแลวครูก็ควักเอาหนังสือมาเปดใหดูพรอมอาน ออกเสียงใหฟง เตยถามไปวาจริงเหรอที่เขาบอกวา ถึงแม จะแปลจากสันสกฤตมาเปนภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นก็ไมสามารถเก็บความหมายของสิ่งที่ พูดถึงไดหมด ครูบอกวาจริงภาษาสันสกฤตมีความ ลึกซึ้ง หลายคำไมสามารถใชภาษาอื่นอธิบายออก มาไดครบถวนบริบูรณ เพราะแวดลอมดวย บริบทที่เราอาจจะไมมีองคความรูจะทำความ เขาใจไดเลย ภาษาสันสกฤตมีถึงสามเพศ แปลง กริยาไดอยางซับซอน มีตัวอักษร 49 ตัว แบงเปน พยัญชนะ 34 ตัว สระ 14 ตัว เอาเปนวาพอฟง แคนี้ เตยก็เริ่มจะใบกิน คิดวาอานตัวอักษรโรมัน เอา แลวคอยๆ ศึกษาโยคะสูตรไปเรื่อยๆ แลวกัน พอตกค่ำเราเขาแยกยายกันเขานอนบนรถไฟฉึกฉัก ตอนเชาตื่นขึ้นมา มองไปที่หนาตางเห็นหมอกลอย เอื่อยอยูแนวเดียวกับสายตาหมอกฟุงไปทั่วบังตนไม และอาคารบานเรือนจนแทบมองไมเห็น แสดงวาอากาศวันนี้คงหนาวไมนอย ตอน ตื่นมาเลยเดินออกไปแปรงฟน พอเปดประตูตูรถไฟ

รูสึกไดถึงลมเย็นเฉียบ สวนน้ำในกอกไมตองพูดถึง เรียกไดวาอุณหภูมิเดียวกันกับน้ำในตูเย็นยังไงยังงั้น การแปรงฟนโดยยาสีฟนที่มีเมนทอลและลางปากดวย น้ำเย็นเจี๊ยบจึงทำใหตาสวางโดยพลัน ครูฮิโรชิดูชิลๆ มากกับบรรยากาศแบบนี้ ในขณะที่เตยและชาวคณะออกจะตื่นเตน และตื่นเตนขึ้นไปอีกเมื่อรูวารถไฟจะดีเลยออกไปอยา งนอยหนึ่งชั่วโมง แตดูทาครูฮิโรชิคงจะชินกับเรื่อง แบบนี้ในอินเดียแลวกระมังถึงไดสายหัวกระดุก กระดิกแบบแขกไมมีผิดเพี้ยน ครูบอกใหอุเบกขานะ อยูอินเดียนะ ระหวางนั่งรถยามเชาเห็นคุณปาคนหนึ่ง นั่งนับลูกประคำ แตคุณปาเอาผามาบังไวนะ เตยตาดีแอบเห็นมือคุณปาขยุกขยิกอยูใตผาเลยถาม ครู ครูบอกวาเวลาเขาสวดมนต เขาจะไมเลื่อนลูก ประคำใหเห็นกันโตงๆ เขาจะเอาผาบังไวแบบนี้ละ ใกลจะสิบเอ็ดโมงเชา ในที่สุดเราก็เดินทางถึงเดลี บอกไดคำเดียววาหนาวคะ หาองศาเทานั้น ดีที่เตรียมเสื้อหนาวตัวเบงมาจากเมืองไทย ไมงั้นซี้แหงแก พอลงรถไฟแลวก็เดินทางไปYWCAกัน เรามาพักที่เดลีไดสองวัน ทองเที่ยวนิดหนอย พอกรุบกริบแลวเตรียมตัวเดินทางตอนั่งรถไฟไป หริทวาร ซึ่งเปนเมืองที่มีนักแสวงบุญ ชาวฮินดู มาชำระบาปกันมาก เปนเมืองสำคัญ 1 ใน 4 เมือง ของศาสนาฮินดู จะมีพิธีบูชา เรียกวา พิธีอารตีบูชา ที่ทาน้ำในตอนเย็นของทุกวัน พอถึงหริทวารแลว เรายังตองนั่งรถปุเลงๆ ตอไปอีกเพื่อไปอาศรม ดายานันดาที่ษีเกศคะ ระหวางทางเจอฝูงวัวบาง อะไรบางก็รอกันไปตามประสาแตสุดทายเราก็เดิน ทางถึงอาศรมจนได แปลกมากที่พอขามผานประตู รั้วอาศรมก็รูสึกเหมือนเปนอีกโลก ความจอแจขาง นอก พลันหายไป เหลือเพียงความสงบเงียบ ถาพอ ไปขางหนาไกลๆ จะเห็นแมน้ำคงคาอยูขางหนา วิวสวยสุดใจเหมือนอยูอีกโลกนึงเลย เรามีเวลา อยูกับโลกที่เนิบชาแบบนี้หาวันเต็ม ออหลายคนอาจ จะสงสัยวาอาศรมสอนอะไร ที่นี่เขาเนนสอน เวทานตะและสันสกฤต ภควัทคีตาและคัมภีรอุปนิษัท

20


ÊÒÃѵ¶Ð

ครูฮิโรชิกับครูฮิเดโกะก็มาลงเรียนที่นี่อยูเปนประจำ พระและเจาหนาที่ที่นี่คุนเคยกับครูทั้งสองทานเปน อยางมาก ทำใหเราก็ไดอานิสงคไปดวย ไดรับการ ดูแลและเอาใจใสอยางดี เรื่องที่สำคัญอีกเรื่อง หนึ่งเลยคือ อากาศ ตอนนี้หนาวมากนาจะต่ำกวา หาองศา อาคารที่พักรางผูคนเพราะไมใชฤดู ทองเที่ยว พื้นในหองทำจากหินออน นัยวาชวย นำความเย็นมาใหในหนารอน แตเมื่อมาอยูในหนา หนาวเรียกไดวาอยูในหองหนาวกวาอยูนอกหองคะ นอนแทบไมไดเลยสุดทายเราตองออกไปซื้อฮีทเตอร แบบที่มีเหล็กสีแดงๆ สองอันนะคะ น้ำรอนก็อาบ มากไมได เพราะมีถังน้ำรอนในหองอาบน้ำ ถาใชน้ำมาก ตอนเพื่อนเราอาบอาจจะเจอน้ำเย็น ระหวางอาบก็เปนไดเพราะน้ำรอนเกลี้ยงถัง พูดถึงอาหาร ถามวาทานไดไหม เตยปลาบปลื้มนะ (จุๆ อยาเอ็ดไป เตยวามีรสชาติกวาที่ไกวัลยธรรม เยอะเลยแหละ) เขาใจวาอากาศทางเหนืออาจจะ ตอง มีเครื่องเทศเยอะหนอยจะไดชวยใหรางกาย รอน สวนที่ไกวัลยธรรมเปน Health care center ที่ตองทำอาหารใหผูปวย อาหารรสชาติคอนขาง ออนทีเดียว แตก็เปนอาหารสัตวิกทั้งสองที่ “อาหารสัตตวิก คืออะไร อาหารสัตตวิก ไดแก

21

อาหารสดใหม รวมไปถึงอาหารที่ปลูกแบบ ไมใชสารเคมี ไมใสปุย อาหารที่ไมปรุงรส ไดแก ผักสด ผลไมสด เมล็ดธัญพืช พืชตระกูลถั่ว ซีรีล และนม อาหารดังกลาวทำใหสมองปลอดโปรง มีปญญา มีสมาธิ ทั้งยังใหพลังงาน เพิ่มความ มีชีวิตชีวา ทำใหเรามีความปติ รื่นรมย และสงบสุข เราควรกินอาหารประเภทสัตตวิกควบคูไป กับการฝกโยคะ ลองลดความหลากหลายของ อาหารในแตละมื้อ ใหตัวเราเองไดมีโอกาส คนพบวา ความสุขไมไดขึ้นกับการกินอาหารอรอย หลายๆอยาง ลองควบคุมความอยากอาหารโดยไม สูญเสียความสมดุล ชวงขณะกินอาหารก็เปน เรื่องสำคัญ โยคะถือวาการกินอาหารเปนพิธีกรรมชนิดหนึ่ง พยายามกินอาหารในที่เงียบๆ ทามกลางบรรยา กาศที่ใหความสงบทางใจมีสติกำหนดรูอยูกับอาหาร ที่กำลังกิน ใหรางกายไดทำการยอยอยางเต็มที่ ความเครียด การไมใสใจในการกิน (เชน กินไปดูโทรทัศนไป) ลวนไมเปนผลดีตอการกิน พื้นฐานความคิดเรื่องอาหารนี้เปนพื้นฐาน เดียวกันกับเรื่องวิถีชีวิต เปาหมายรวมก็เพื่อจัด ชีวิตใหมีระเบียบ ชีวิตที่สงบสุข ทำใหบรรยากาศ รอบตัวเราสะอาด รื่นรมยอยางเรียบงาย” (ขอบคุณขอมูลจากเว็บไซตมูลนิธิหมอชาวบาน)


ÊÒÃѵ¶Ð ชาวคณะมีความสุขดีกับอาหารที่อาศรม ตัวเตยเองชอบไปเขารวมพีธีสวดมนตในตอนเชาตีหา ครึ่ง หองทำพิธีจะอยูติดกับแมน้ำคงคา มีกระจกกั้นไว แต...กั้นไมหมดนะคะ ลมหนาวยังพรูเขามาไดอยางงายดาย เพราะฉะนั้น ยามที่อุณหภูมิต่ำกวาหาองศา สิ่งที่ชวยเราไดนั่นก็คือ ฮีทเตอรนั่นเอง แสงสวางสีสมที่เรืองออกมาจากฮีทเตอรทำใหเรายัง สามารถนั่งไดตลอดพิธี ครูฮิโรชิกับครูฮิเดโกะจะถือหนังสือสวดมนตมาดวย ครูสวดไดหมดเลยคะ สวนเตยฟงไมออกก็ไดแตนั่งเงียบๆ ฟงไป ครูบอกวา เวลาฟงบทสวดใหนั่งหลังตรง รับรูความรูสึกตลอดชวงแนวกระดูกสันหลังดู ก็เปนความรูสึกที่แปลกดีคะ วูบๆวาบๆ ขึ้นๆลงๆ ระหวางทำพิธีพระจะสวดมนตพรอมสั่นกระดิ่งกรุง กริ๊งไปดวย เสร็จพิธีแลวใหเราไปรับน้ำจากพระที่ใสบนมาบนมือ แลวยยกขึ้นดื่ม พรอมกับประสาด คือ อาหารที่ถวายตอเบื้องพระพักตรของเทวรูปหรือ ภาพวาดของพระองค ชาวฮินดูเขาเรียกวา ประสาด (Prasad) ซึ่งเปนอาหารประเภทเดียวที่เทพเจาทรงรับจาก มนุษย คำวา “ประสาด” เปนคำที่มาจากภาษาสันสกฤตที่หมายถึง “ของขวัญแหงพระเจา” ประสาดแตละวันก็แตกตางกันไป บางวันเปนแปงอุนๆ ทานแลวสบายทอง บางวันก็รสชาติแปลกๆ แบบที่เราไมคุนเคย แตครูฮิโรชิบอกวาอรอยดี ทานหมดทุกทีเลยแฮะ สงสัยเรายังไมคุนลิ้น วันรุงขึ้นเราไปเที่ยวกันคะ นั่งกระเชาขึ้นเขาไปวัดฮินดู ขออภัยจำชื่อวัดไมไดจริงๆ รูแตวาหนาวมาก หนาวจนลิงตองนั่งใหไออุนกัน (อันนี้เตยก็มโนไปเอง อันที่จริงนองลิงอาจจะแคนั่งหาเห็บกันอยูก็ได)

เตลอดทางที่ขึ้นกระเชาฝาสายลมหนาว ตองนั่งกอดกันกลม มีผาอะไรพอจะพันหนาปดปากไดก็ตองทำ พอลงจากกระเชาแอบดูอุณหภูมิ เห็นวาลดลงเหลือแคสองจุดเจ็ดองศา แลวแทบอยากกรีดรอง เพราะเราตองถอดรองเทาและถุงเทาเพื่อเขาชมวัด ถอดรองเทานี่ไมเทาไหร พอทำใจได แตถอดถุงเทานี่สิเหลือทน วินาทีแรกที่วางเทาเปลาๆ สัมผัสพื้นแทบดิ้น แตก็ตองเก็บอาการไวอยางแนบเนียนตลอดการเขา ชมวัด ถึงวินาทีนั้นแทบไมมีอารมณถายรูป นิ้วมือไมทำงาน กดปุมไมไหว แตรูสึกถึงศรัทธาของชาวฮินดูจริงๆ อากาศขนาดนี้ยังมีคนมาไมขาดสาย เอาละเขาเรื่องดีกวา เหตุผลที่ทำใหเตยไดมาอยูที่ษีเกศเพราะครูฮิโรชิ และครูฮิเดโกะมารวมพิธีลอยอังคารของเพื่อน ชื่อคุณยูโก ซาโต เปนชาวญี่ปุนและเปนผูกำกับภาพยนตรเรื่อง รามายณะ พอเราถึงบริเวณปากแมน้ำ พราหมณจะเชิญญาติของผูที่จากไปนำอังคารมาทำ พิธี พิธีเปนไปอยางสงบ เรียบงาย ทามกลางอากาศเย็น แมน้ำคงคาใสไหลเย็นและคอนขางเชี่ยว ริมแมน้ำมีตะแกร็งเหล็กกั้นไวไมใหผูที่ลงมาอาบน้ำ หรือทำพิธีพลัดตกลงไปในแมน้ำ ชาวฮินดูถือวาการเดินเพื่อกิน นอน อาบน้ำที่แมน้ำคงคาถือเปนการชำระลางบาปของตน เอง อันเปนความเชื่อที่ไมเคยเปลี่ยนเลยนับพันๆ ป จากนั้นวันรุงขึ้นครูฮิโรชิ ครูฮิเดโกะ และเพื่อนครูชาวญี่ปุนไดเปนเจาภาพงานพันดารา เหมือนกับการนิมนตพระมาตักบาตร จะมีพระรอยรูปมานั่งบริเวณลานกวาง ทางอาศรมจัดอาหารใหเจาภาพมาตักอาหารใหพระ แตละรูป

22


ÊÒÃѵ¶Ð มีเพียงผูชายเทานั้นที่จะตักอาหารใหพระได สวนผูหญิงใหยืนรออยูดานขาง ภาชนะทำดวยใบตองแหงกลัดไม มีแกวน้ำแสตนเลสสำหรับใสน้ำดื่ม และถวยสำหรับบัตเตอรมิลค พิธีเปนไปอยางเรียบงายแลวรวดเร็ว ไมนานนัก พระทั้งรอยรูปก็กลับไป ลานกวางที่เต็มไปดวยผูคนนับรอยก็กลับมาวาง เปลาอีกครั้ง วันรุงขึ้นครูฮิโรชิเปนเจาภาพเลี้ยงอาหาร อาหารเลยเยอะและหนาตาดีกวาทุกวัน เราสามารถเปนเจาอาหารกลางวันได โดยไปแจงความจำนงและจายเงินใหทางอาศรมจัด อาหารใหเรา สวนวันที่เหลือครูพาเตยและชาวคณะ ไปชมบรรยากาศในษีเกศที่นี่มีสตูดิโอสอนโยคะ และอาศรมเยอะมาก มีโยคะหลากหลายรูปแบบ อยางไรก็ตาม ครูฮิโรชิออกจะไมเห็นดวย ครูบอกวาษีเกศเปนที่แหงจิตวิญญาณ เปนเมืองแหงนักพรตมาตั้งแตสมัยโบราณ ตั้งอยูริมฝงแมน้ำคงคา ทามกลางปาเขาที่สงบวิเวก ในอดีตเปนที่รวมของษีและโยคีผูที่สละทางโลก ออกแสวงหาความหลุดพนดวยการบำเพ็ญตบะและ ปฏิบัติโยคะ ปจจุบันผูคนมากมายจากทั่วโลก เดินทางาที่ษีเกศ เพื่อศึกษาเวทานตะ คัมภีรอุปนิษัท และถาเราจะมาษีเกศ ก็ควรเลือกอาศรมใหดี อินเดียไมไดมีสำนักสงฆมา ควบคุมเหมือนเมืองไทย ดังนั้นเราตองพิจารณา จากวัตรปฏิบัติของพระรูปนั้นเอา เอง บายวันหนึ่งครูฮิโรชิพาชาวคณะไปที่อาศรม สวาม ศิวะนันทะ ประวัติโดยคราวๆสวามีศิวะนันทะ เกิดในป ค.ศ. 1887 ในวัยหนุมเขาเลือกเรียน แพทย เพื่อออกมาชวยผูคนผูยากไร แตหลังจากที่ทำหนาที่แพทยอยางทุมเท ไปไดพัก ใหญเขาคนพบวาผูคนของเขาปวยทางจิตวิญญาณ เสียยิ่งกวาการปวยทางกาย ประกอบกับตัวเขา ไดมีประสบการณทางวิญญาณ เมื่ออายุได 37 ป เขาจึงตัดสินใจทิ้งอาชีพหมอ ที่มีอนาคตรุงโรจนรอ อยูขางหนา ผันตัวมาเปน โยคี ที่เมืองษีเกศ

23

ในป ค.ศ. 1924 หลังจากที่ตัวเขาไดทุมเทชีวิตจิตใจ ทั้งหมดของเขา อุทิศใหกับการฝกโยคะ อยางจริงจัง และตอเนื่องเปนเวลาถึงแปดปเต็ม ในที่สุดเขาก็ฝก วิชาโยคะตามแนวทางเวทานตะ (Vedanta) ไดเปนผลสำเร็จในป ค.ศ. 1932 เขาตัดสินใจกอตั้งสำนักปฏิบัติธรรมของเขาชื่อ “ศิวะนันทาศรม” (Sivanandashram) ขึ้นในปเดียวกันนั้น และกอตั้ง “สมาคมชีวิต ศักดิ์สิทธิ์” (The Divine Life Society) อันมีชื่อเสียงไปทั่วโลกขึ้นในป ค.ศ. 1936 เขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับโยคะและปรัชญาเวทานตะ ออกมากวา 300 เลม และมีลูกศิษยอยูทั่วโลก กอนเขาไปในฮอลลครูฮิโรชิบอกวา ผูที่มาเรียนที่นี่ ตองเปนผูชายเทานั้น ก็เปนความรูใหมที่เตยเพิ่งเคย ไดทราบ พอเดินเขาไปภายในฮอลล มองเห็นสาธุ นั่งสวดมนตอยูบางเล็กนอย รอบหองจะมีปายบอก เลาประวัติของสวามีศิวะนันทะ และมีรูปใหเราเขา ไปทำความเคารพ หลังจากเยี่ยมชมอาศรมของสวามีศิวะนันทะ แลว ตอนเย็นเราไดไปรวมพิธีคงคาอารตี ริมฝงน้ำคงคาม หานที บริเวณขั้นบันไดคราคร่ำ ไปดวยชาวฮินดูและนักทอง เที่ยวชาติตางๆ พอจับจองที่นั่งไดแลวก็นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศตรง หนา ฟงเสียงสวดมนตแบบฮินดูพรอมกับเครื่อง ดนตรีที่ บรรเลง มีเสียงกระดิ่งประกอบเปนระยะ พราหมณจะใชตะเกียงอารตีในพิธี ตะเกียงอารตีมีหลายรูปแบบ แตตามประเพณี ดั่งเดิมใชถาดใสขาวสาร ใบพลูหรือกลีบดอกไม หรือผงกำยานหรือกำยานเปยก วางดวยการบูรแทง หรือกอน ตะเกียงนี้เรียกวา กรฺปูรฺอารตี จุดไฟที่การบูร อันนี้เปนแบบโบราณประเพณี ถือวา ไฟจากการบูรเปนไฟสะอาดมีกลิ่นหอม เมื่อพราหมณ นำตะเกียงมาให เราเอามือทั้งสองโบกควันไฟ ศักดิ์สิทธิ์ เขาสูตัวเอง โดยโบกเหนือไฟ แลวแตะที่ใบหนา ดวงตาหรือหนาผาก โดยถือวาเปนพรที่พระเปนเจาประทานใหเรา


ÊÒÃѵ¶Ð ในขณะที่นั่งอยูทามกลางชาวฮินดูที่กำลังสวด สรรเสริญพระเจาในพิธีคงคาอารตี เตยรับรูไดถึงพลังอยางหนึ่งที่สะกดผูคนใหรวมใจ เปนหนึ่งเดียวกัน เปนความสุข ความจริงและความงดงามของชีวิต รอยเรียงผานพิธีกรรม ผานบทสวดบทแลวบทเลา ผานทวงทำนองที่งดงาม ซึ่งเพียงแคพูดถึง เสียงหีบเพลงและเสียงที่ออนหวานในวันนั้นยังลอย มากระทบหูจนถึงวันนี้ เหลืออีกหนึ่งวันที่เราจะไดอยูที่อาศรมดายานันดา ครูบอกวาเราจะนาไดสนทนากับพระฮินดูจะไดรูจัก ศาสนาฮินดูมากขึ้น เตยขอไมลงรายละเอียดแลวกันนะคะ แตมีเรื่องหนึ่งที่อยากแบงปนจากการสนทนาในวัน นั้น มีคนถามทานวาถาเราอยากชวยใหคูชีวิต ของเรา แปรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นจะทำอยางไร (ในทางที่เราเห็นวาดี) ทานตอบกลับมาวาเปลี่ยน ตัวเองนะยากใชไหม เปลี่ยนคนอื่นนะทั้งยากทั้งเจ็บ ยิ่งถาเขาไมอยากเปลี่ยนเราจะเจ็บอีกหลายเทา แลวเราจะเอาอยางไร ก็ตองหาวิธีสื่อสารดับคนๆ นั้น ไมทิ้งเขา เกื้อกูบกันไป เตยฟงแลวก็คิดตาม เออ จริงนะ เปลี่ยนตัวเองนะยากตองอาศัย แรงใจมหาศาล เปลี่ยนคนอื่นนี่อยาไดคิดเลย เปลี่ยนที่ตัวเราดีกวา และแลวเวลาหาวันก็ผานไปราวกับโกหก แผนที่วางไววาจะนั่งรถไฟไปตอรถยนตก็ไดเปลี่ยน เปนการนั่งรถยนตรวดเดียวแปดชั่วโมงไปขึ้นเครื่อง บินที่เดลีเลยดีกวา ที่จริงระยะทางก็ไมไดไกลมาก แตอยาลืมวาเราอยูอินเดีย ดั้งนั้น กันไวกอนดีกวา เครื่องบินออกตอนเย็นๆ พอไปถึงสนามบินเตยมี อาการเหมือนหายใจไดไมเต็มปอด รูสึกทรมาน เหมือนกลับมาเปนโรคภูมิแพอีกครั้ง อันที่จริงเมื่อคืนกอนก็รูสึกวาอากาศแหงมาก ฮีตเตอรคงดึงเอาความชื้นออกไปหมด ตื่นมา ตอนเที่ยงคืน หายใจแทบไมเขาปอด เลยลุกขึ้นมาดื่มน้ำก็ดีขึ้น แตผื่นก็เริ่มขึ้นที่ขา คันคะเยอ แถมตอนนี้ก็มีอาการก็แยลงหายใจตื้น มาก เลยไปปรึกษาครูฮิโรชิครูบอกวาใหทำ กปาลภาติดู เปนการบริหารกะบังลมดวย

เวลากะบังลมหดเกร็งอาจทำใหเราหายใจไดไมเต็ม ปอดพอลองทำดูไปไดสักพักก็ดีขึ้น หายใจสบายขึ้น เรื่องตางๆ ดูเหมือนจะดำเนินไปดวยดี เพราะเตยกำลังจะไปรักษาตัวแบบธรรมชาติบำบัดที่ จริงไมไดเปนแบบนั้น เพราะแควันที่สองก็เกิดเรื่อง ผื่นขึ้นคันคะเยอะเละเทะ หนาเยินไปหมด รายละเอียดจะเปนยังไง แลวสุดทายจะหายไหม รอติดตามอานฉบับตอไปนะคะ เตย

24


ʶҺѹâ¤ÐÇÔªÒ¡ÒôÓà¹Ô¹¡ÒÃâ´ÂÁÕÃÒÂä´Œ¨Ò¡

คาลงทะเบียนกิจกรรม จากการจำหนายผลิตภัณฑตางๆ สถาบัน ฯ ยินดีรับการสนับสนุนจากผูสนใจรวมเผยแพร เพื่อนำเงินมาใชดำเนินการใหบรรลุวัตถุประสงคตามที่ตั้งไว เชิญบริจาคเขาบัญชีออมทรัพย ธนาคารไทยพาณิชย สาขา The Mall 3 รามคำแหง ชื่อบัญชี มูลนิธิหมอชาวบาน (สถาบันโยคะวิชาการ) เลขบัญชี 173-232-9491

à´×͹ ÁԶعÒ¹ 2556 ÁÕ¼ÙŒºÃԨҤʹѺʹع¡Ò÷ӧҹ¢Í§Ê¶ÒºÑ¹Ï ´Ñ§¹Õ้

คุณอัจฉรา ปรีชา คุณจิรสุภา ชูบุญ ครูสุรียพร ประยงคพันธุ (ครูนายT12) สอนที่สวนโมกข (29/5/56) เงินสมทบกิจกรรมโยคะในสวนธรรม 29/5/56 ครูวราภรณ ดวงมณี (ครูดุT12) สอนที่สวนโมกข (12/6/56) เงินสมทบกิจกรรมโยคะในสวนธรรม 12/6/56 เงินสมทบกิจกรรมจิตสิกขา เดือน พ.ค. ผูไมประสงคออกนาม ครูหญิง สิรินาถ ปนเจริญ ครูวิไลวรรณ สุพรม (ครูเปT12) สอนที่สวนโมกข (13/6/56) เงินสมทบกิจกรรมโยคะในสวนธรรม 13/6/56 บานสวนสุขภาพ อ.กิติ ยิ่งยงใจสุข จากตูบริจาค ในสำนักงาน รวม

àªÔÞÍÒÊÒª‹Ç·ӧҹ

500 540 200 550 50 400 200 3,000 10,000 200 370 5,000 1,000 1,525 23,535

1. ผูมีความถนัดในการติดตอสื่อที่สามารถเปนชองทางในการเผยแพร ประชาสัมพันธหลักสูตร และ กิจกรรมสถาบันฯ 2. ผูสนใจรวมพัฒนา web page ของสถาบันโยคะวิชาการ


Ê¶ÒºÑ ¹ â¤ÐÇÔ ª Ò¡Òà ÁÙ Å ¹Ô ¸ Ô Ë ÁͪÒǺŒ Ò ¹ 201 «ÍÂÃÒÁ¤Óá˧ 36/1 ºÒ§¡Ð» ¡·Á.10240 â·ÃÈÑ ¾ · 02 732 2016-7, 081 401 7744 â·ÃÊÒà 02 732 2811 ÍÕ à ÁÅ yoga.thaiyga@gmail.com àÇ็ º ä«· www.thaiyogainstitute.com


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.