ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

Page 1


การรักษาโรคตามแนวพุทธศาสตร์ และแพทย์แผนไทย ที่จะทำ�ให้หายป่วยและมีอายุยืน

บรรณาธิการ/เรียบเรียง : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์, กฤษดา รามัญศรี ปก : อนุชิต คำ�ซองเมือง รูปเล่ม : เสาวณีย์ เที่ยงตรง ภาพประกอบ : ศิลปกรรมเลี่ยงเชียง พิสูจน์อักษร : อรัญ มีพันธ์


หลักตัดสินก่อนเชื่อ พระพุทธเจ้าได้ให้หลักก่อนตัดสินใจเชื่อหรือยึดถือคำ�สอน หรือคำ�พูดของใครๆ เอาไว้ในกาลามสูตร ดังนี้ “ท่านทั้งหลาย อย่าได้ยึดถือตามที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำ�ที่พูดสืบๆ กันมา อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่าได้ยินว่าอย่างนี้ อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำ�รา อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน อย่าได้ยึดถือโดยตรึกตามอาการ อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตน อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรเชื่อได้ อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา เมือ่ ใดท่านทัง้ หลายพึงรูด้ ว้ ยตนเองว่า ธรรมเหล่านีเ้ ป็นกุศล ไม่มีโทษ ผู้รู้สรรเสริญ เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมือ่ นัน้ ท่านทัง้ หลายควรเข้าถึง (ยึดถือ) ธรรมเหล่านัน้ เถิด” เก็บความจาก เกสปุตตสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ ข้อที่ ๕๐๕ ความดีที่เกิดจากหนังสือเล่มนี้ ขอน้อมถวายบูชาแด่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และมอบเป็นกตเวทิตากุศลแด่มารดา บิดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุกท่าน มอบเป็นบุญทานแด่เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้ง ๓๑ ภูมิ และหากหนังสือเล่มนี้ หมดประโยชน์แก่ท่านแล้ว กรุณาส่งต่อให้กับผู้อื่นต่อไป เพื่อเพิ่มพูนธรรมทานบารมีแก่ตน และร่วมเผยแผ่ รักษาพุทธธรรมคำ�สอนให้ดำ�รงอยู่สืบไป สาธุ


คำ�นำ� มีคำ�พูดอยู่ค�ำ หนึ่งว่า เงินสามารถซื้อความสุขได้ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถซือ้ สุขภาพทีด่ ไี ด้ คำ�พูดทีว่ า่ นีเ้ ห็นจะจริง เพราะต่อให้ รวยล้นฟ้ามีทรัพย์สนิ เงินทองมากมาย หากร่างกายไม่แข็งแรง ป่วย เป็นโรคร้ายสุขภาพทรุดโทรม เงินทองที่มีอยู่ก็คงใช้สร้างความสุข ได้ยาก ด้วยเหตุนก้ี ระมังพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า อโรคฺยปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ผู้ที่จะได้ลาภอันประเสริฐนี้ ก็หาได้ยากยิง่ พอๆ กับการถูกลอตเตอรีร่ างวัลที่ ๑ หรือไม่ก็อาจ ยากยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ เพราะคนที่ถูกรางวัลที่ ๑ นั้นยังพอหาได้ แต่จะหาคนที่ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นคงหายาก ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของคูโ่ ลก เป็นสิง่ ทีท่ กุ ผูท้ กุ นาม จะต้องประสบและไม่อาจหนีพน้ ความเจ็บไข้ได้ปว่ ย พระพุทธเจ้า ตรัสว่ามีสาเหตุมาจากกรรมเก่าที่ตนได้เคยฆ่า เคยทำ�ร้ายหรือเคย เบียดเบียนชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นมาก่อน ดังนั้น การป้องกันแก้ไขไม่ให้ เจ็บไข้ได้ปว่ ยทีด่ ที ส่ี ดุ ก็คอื การไม่ฆา่ สัตว์ตดั ชีวติ ไม่ท�ำ ร้ายเบียดเบียน ผู้อื่นสัตว์อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุที่ความเจ็บไข้ได้ป่วยเกี่ยวพันกับกรรมที่ตนได้เคย สร้างเอาไว้ในอดีตชาติ การรักษาจึงจำ�เป็นจะต้องรักษาด้วยการ แก้กรรมควบคู่ไปกับการรักษาตามวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน


มี ผู้ ป่ ว ยหลายคนที่ เข้ า รั บ การรั ก ษาตามวิ ช าการแพทย์ แผนปัจจุบนั รักษาอย่างไรก็ไม่หาย บางรายแพทย์บอกหมดหนทาง รักษา ให้ทำ�ใจรอได้เลย แต่เมื่อได้ไปปฏิบัติธรรมสร้างกรรมดี อย่างต่อเนื่องจริงจัง กลับหายเป็นปกติ นี่เป็นเรื่องของโรคที่เกิด แต่กรรม หนังสือ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี นี้ได้น�ำ เสนอการรักษาโรค แบ่งเป็น ๔ ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่ ๑ การรักษาโรคกรรมตามแบบพุทธศาสนา ว่าด้วย ๘ สมุฏฐานการเกิดโรค และพุทธวิธีการรักษาโรคที่เกิดจากกรรม มีการรักษาโรคด้วยการสวดมนต์ ทำ�สมาธิ การฟังธรรม เป็นต้น ส่วนที่ ๒ เมนูเด็ดบำ�บัดโรค ว่าด้วยการรักษาโรคด้วย การประกอบอาหารเพื่อใช้เป็นยาในการรักษาโรคต่างๆ เช่น เมนู สำ�หรับผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง โลหิตจาง โรคเกาต์ เป็นต้น ส่วนที่ ๓ มหัศจรรย์การแกว่งแขน ว่าด้วยการบริหาร ร่างกายเพื่อบำ�บัดโรค ซึ่งกำ�ลังเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง ส่วนที่ ๔ สมุนไพรห่างไกลโรค ว่าด้วยการรักษาโรคด้วย การใช้สมุนไพรในครัว และผลไม้ที่หาได้ใกล้ตัว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเกิดประโยชน์แก่ท่าน ไม่มากก็น้อย

a ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์ A (น.ธ.เอก, ป.ธ.๗, พธ.บ.)


สารบัญ โรคและการรักษา ตามหลักพุทธศาสนา

๒๓

วิธีรักษาโรค ตามหลักพุทธศาสนา

เมนูเด็ดบํำ�บัดโรค

๗ ๗๕


๙๕

มหัศจรรย์การแกว่งแขน สมุนไพร ห่างไกลโรค

๑๑๙

๑๐๑

๙ สมุนไพร ห่างไกลเบาหวาน

บรรณานุกรม

๑๒๗


โรคและการรักษา

ตามหลักพุทธศาสนา


สมุฏฐานการเกิดโรค ความเจ็บไข้ได้ป่วยถือเป็นอุปสรรคสำ�คัญยิ่งต่อการดำ�เนิน ชีวิตของคนเรา เมื่อเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยชีวิตก็มักขาดความสุข ความสำ�ราญ เป็นทุกข์ จะกินจะนอนก็ลำ�บาก ดังนั้น จึงไม่มีใคร ปรารถนาอยากจะเจ็บป่วย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครหลีกหนีความ เจ็บป่วยไปได้ ใครที่เกิดมาแล้วมีโรคน้อยหรือไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านจึงถือว่าผูน้ น้ั มีความโชคดี ดังคำ�ทีพ่ ระพุทธเจ้าตรัสไว้วา่ “อโรคยปรมา ลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ด้วยเหตุทไ่ี ม่มใี ครจะหนีความเจ็บไข้ได้ปว่ ยพ้น พระพุทธเจ้า จึงสอนให้พจิ ารณาเตือนสติอยูเ่ สมอว่า “เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไข้ไปได้” เพื่อเป็นอุบายทำ�ใจให้ยอมรับกับ ความจริง เมื่อถึงคราเจ็บไข้ได้ป่วยจริงๆ จะได้ไม่เป็นทุกข์จนเกินไป โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นมีสมุฏฐานแตกต่างกัน ในคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สิวกสูตร ได้บันทึกพระดำ�รัสของพระพุทธเจ้าทีต่ รัสแสดงถึง สมุฏฐานหรือสาเหตุของโรค ๘ ประการ ได้แก่ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

8

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๑. ป่วยเพราะดีเป็นเหตุ ๒. ป่วยเพราะมีเสมหะเป็นเหตุ ๓. ป่วยเพราะมีลมเป็นเหตุ ๔. ป่วยเพราะดี เสมหะ ลม รวมกันเป็นเหตุ ๕. ป่วยเพราะฤดูแปรปรวนเป็นเหตุ ๖. ป่วยเพราะการบริหารร่างกายไม่สมำ�่ เสมอเป็นเหตุ ๗. ป่วยเพราะอุปัทวเหตุเป็นเหตุ ๘. ป่วยเพราะกรรมเป็นเหตุ ในคัมภีรด์ งั กล่าว ไม่ได้อธิบายชัดเจนว่าโรคทีเ่ กิดจากสมุฏฐาน แต่ละอย่างคือโรคอะไรบ้าง แต่พอยกตัวอย่างได้ดังนี้

๑. โรคที่เกิดจาก “ดี” เป็นเหตุ

ดี

คือน้ำ�ที่เกิดจากการที่ตับดึงสารบิลิบินที่เกิดจากการ สลายตัวของเม็ดเลือดแดงแล้วสร้างเป็นน้ำ�ดี จากนั้นจะส่งไปตาม ท่อน้ำ�ดีไปเก็บไว้ในถุงน้ำ�ดี ถุงน้ำ�ดีท�ำ หน้าที่เก็บน้ำ�ดีเพื่อช่วยในการ ย่อยอาหาร อยูบ่ ริเวณชายโครงด้านขวา โรคทีเ่ กีย่ วกับถุงน�ำ้ ดีแบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ โรคทีเ่ กิดกับดีโดยตรง เช่น นิว่ ในถุงน�ำ้ ดี ท่อน�ำ้ ดี เป็นต้น และโรคทีเ่ กิดทางอ้อม กล่าวคือโรคทีเ่ กิดจากระบบการทำ�งาน ของดีผิดปกติอันเนื่องมาจากโรคที่เกิดจากดีโดยตรง เช่น ตับอ่อน อักเสบ โลหิตเป็นพิษ เป็นต้น

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

9

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๒. โรคที่เกิดจาก “เสมหะ” เป็นเหตุ

เสมหะในร่างกายมีหน้าที่ควบคุมต่อมที่เป็นนำ้�ในส่วน

ต่างๆ ได้แก่ เสมหะที่อยู่บริเวณศีรษะ ทำ�หน้าที่ควบคุมการทำ�งานของ ต่อมที่เป็นน้ำ�ต่างๆ ที่ผลิตน้ำ�มูก, เมือก เสมหะบริเวณอก ทำ�หน้าที่ควบคุมเมือกในปอดและน้ำ�ดี เป็นต้น เสมหะบริเวณช่วงล่างของร่างกาย คือตั้งแต่สะดือลงไป ทำ�หน้าที่ควบคุมนำ�เมือกในลำ�ไส้ น้ำ�ในอุจจาระปัสสาวะ เป็นต้น เมื่อการทำ�งานของน้ำ�ในร่างกายผิดปกติก็จะเกิดโรค เช่น หวัดชนิดต่างๆ อาการไอทีม่ เี สมหะปนอยูด่ ว้ ย ไซนัสอักเสบ เป็นต้น ในคั ม ภี ร์ โรคนิ ท านได้ ก ล่ า วถึ ง อาการของโรคที่ เ กิ ด จากเสมหะ เป็นสมุฏฐานไว้วา่ จะมีอาการไข้จบั สัน่ หนาวสะท้าน ขนลุกไปทัง้ ตัว ปากมีรสหวาน กินอาหารไม่ได้ ฝ่ามือฝ่าเท้าขาวไม่มีสี อุจจาระ ปัสสาวะมีสีขาว ผู้ป่วยบางรายมีอาการนอนเพ้อ น้ำ�ลายฟูมปาก มือเท้าเย็น อยากกินเนือ้ ข้อมือข้อเท้าอ่อนแรง เดีย๋ วร้อนเดีย๋ วหนาว อาการเช่นนี้สันนิษฐานได้ว่าเป็นโรคที่เกิดจากเสมหะเป็นสมุฏฐาน

๓. โรคที่เกิดจาก “ลม” เป็นเหตุ

ลมในร่างกายของคนเราสามารถแบ่งเป็น ๓ ชนิด คือ ๑. ลมที่ควบคุมจิตใจ อารมณ์ การเต้นของหัวใจ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

10

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๒. ลมที่ ค วบคุ ม การสู บ ฉี ด เลื อ ดไปเลี้ ย งอวั ย วะต่ า งๆ เมือ่ เกิดความผิดปกติจะทำ�ให้เกิดภาวะขาดเลือด จะรูส้ กึ เจ็บแปลบขึน้ เหมือนถูกของมีคมแทง อาจทำ�ให้หมดสติหรือเสียชีวติ อย่างฉับพลัน เช่น ภาวะหัวใจขาดเลือด เป็นต้น ๓. ลมที่ควบคุมเส้นกลางลำ�ตัว ซึ่งเส้นนี้จะเชื่อมโยงถึง ระบบประสาทควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมือ่ เกิดความผิดปกติ จะทำ�ให้เกิดการเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบประสาท เช่น ลมชัก เป็นต้น ในคัมภีร์โรคสมุฏฐานกล่าวถึงอาการป่วยที่เกิดจากลมไว้ว่า ผู้ป่วยที่มีอาการขมปาก อยากกินแต่ของแสลงโรค รู้สึกเสียวซ่าน เจ็บไปทัว่ ทัง้ ตัว บางครัง้ รูส้ กึ จุกเสียด บางครัง้ หนาวสะท้านบิดปัน่ ป่วน ในท้อง หรือมีไข้หนาวสะท้าน ปากหวาน อาเจียน ขนลุก ปวดหัว เจ็บคอ ปวดเมือ่ ยตามตัว เบือ่ อาหาร หรือไข้ทม่ี อี าการสะอึก ร้อนรน ในจิตใจ อาการทั้งหมดนี้ท่านกล่าวว่าเป็นอาการของโรคที่เกิดจาก ลมเป็นสมุฏฐาน

๔. โรคที่เกิดจาก “หลายสมุฏฐานรวมกัน” โรคชนิดนี้ในพระไตรปิฎกเรียกว่า อาพาธสันนิบาต ก็คือ โรคทีเ่ กิดจากหลายสมุฏฐานรวมกัน เช่น อาจเกิดจากดี เสลด เป็นเหตุ เกิดจากเสลด ลมเป็นเหตุ หรืออาจเกิดจาก ดี เสลด ลมเป็นเหตุ สันนิบาต เป็นคำ�บาลี แปลว่า ประชุมกันหรือรวมกัน ดังนัน้ โรคสันนิบาต ก็คือโรคที่เกิดจากสมุฏฐานหลายอย่างรวมกัน ใน คัมภีร์โรคนิทานกล่าวถึงอาการของโรคสันนิบาตไว้ว่า ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

11

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


“ไข้ใดให้ไอแห้ง ตั้งอยู่ในคอทำ� เล็บมือแลเล็บเท้า ตานั้นก็เขียวไซร้ สาบกลิ่นดังสุนัข นำ�พร้อมด้วยโทษา นามชื่อสันนิบาต ไม่พร้อมดังกล่าวไข

แลให้หอบเสมหะนำ� ให้แพทย์พึงกำ�หนดใน แลลิ้นนั้นก็เขียวไป ดังตาแมวมาติดตา แพะแร้งแลนกกา โทษนั้นเที่ยงอย่าเกี่ยงใจ มาตัดชาติทุกข์ไป แพทย์พอได้จะตามทัน”

หมายความว่า ผูป้ ว่ ยทีม่ อี าการไอแห้ง หอบ มีเสมหะ เล็บมือ เล็บเท้าและลิน้ มีสเี ขียว ดวงตามีสเี ขียวเหมือนตาแมว ตัวมีกลิน่ สาบ เหมือนกลิ่นสุนัข แพะ แร้ง หรือนก สันนิษฐานได้ว่าผู้นั้นเป็นโรค สันนิบาต อีกนัยหนึ่ง “ไข้ใดสะบัดหนาว หน้าผากศีรษะทนต์ เจ็บคอแลขัดอก เรี่ยวแรงบ่มีใน ปัสสาวะให้ขัดข้อง แพทย์จงกำ�หนดหมาย ไข้สามประการนี้ สันนิบาตจงแจ้งใจ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

12

แลสะบัดให้ร้อนรน ให้ปวดร่ำ�กระหน่ำ�ไป กระหายน้ำ�บ่คลายใจ ให้ระทดระทวยกาย ไม่แคล่วคล่องในทางระบาย ให้สถิตเสถียรใจ กำ�หนดมีใช่อื่นไกล กระทำ�ให้พิการกล” บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


ผู้ป่วยที่มีอาการเป็นไข้สะบัดร้อนสะบัดหนาว ปวดศีรษะ ปวดฟัน เจ็บคอ ขัดอก กระหายนำ�้ บ่อย อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ปัสสาวะขัด อาการเช่นนี้ก็สันนิษฐานได้ว่าเป็นโรคสันนิบาตเช่นกัน โรคชนิดนี้มีชื่อตามศัพท์ทางการแพทย์สมัยใหม่ว่า โรคพาร์กินสัน พบบ่อยในผูส้ งู อายุ ผูป้ ว่ ยจะมีอาการสัน่ เกร็งทีก่ ล้ามเนือ้ ทัว่ ร่างกาย ปวดเมื่อยตามตัว เคลื่อนไหวช้า เดินตัวงอ ก้าวสั้นๆ หกล้มง่าย เป็นต้น

๕. โรคที่เกิดจาก “ฤดูที่แปรปรวน”

หมายถึงโรคที่เกิดจากสภาพอากาศภายนอกที่แปรปรวน ไม่คงที่ เดีย๋ วร้อนเดีย๋ วหนาว เดีย๋ วฝนตกเดีย๋ วแดดออก ทำ�ให้รา่ งกาย ปรับอุณหภูมิไม่ทัน ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วย โรคที่ เกิดจากอากาศแปรปรวนก็ได้แก่ โรคหวัด โรคภูมิแพ้ เป็นต้น

๖. โรคที่เกิดจาก “การไม่บริหารร่างกาย” หมายถึงอาการป่วยที่เกิดจากการไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ เช่น ไม่ออกกำ�ลังกาย นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ทานอาหารทีไ่ ม่มปี ระโยชน์ และก่อโทษต่อร่างกาย เช่น อาหารประเภทขนมกรุบกรอบ บะหมี่ กึ่งสำ�เร็จรูป เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และสารเสพติด เป็นต้น ซึ่งการไม่ออกกำ�ลังกาย การนอนดึกจะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ เฉือ่ ยชา เกิดโรคได้งา่ ย ส่วนการบริโภคอาหารขยะ จะทำ�ให้รา่ งกาย ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

13

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


ขาดสารอาหาร ก่อให้เกิดโรค ขาดสารอาหารและเป็นทีม่ าของ โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน และอื่นๆ อีกมากมาย

๗. โรคที่เกิดจาก “อุปัทวเหตุ” หมายถึงโรคหรือความเจ็บป่วย ทีเ่ กิดจากอุปทั วเหตุตา่ งๆ เช่น ประสบ อุบตั เิ หตุตกจากทีส่ งู ตกบันได หกล้ม รถควำ�่ ถูกคนหรือสัตว์ทำ�ร้าย ส่งผล ให้รา่ งกายพิการ เป็นอัมพาต เลือดคัง่ ในสมอง ความจำ�เสือ่ ม เสียสติ เป็นต้น

๘. โรคที่เกิดจาก “ผลกรรม” หมายถึงความเจ็บป่วยที่เกิดจากผลแห่งกรรมที่ตนได้เคย กระทำ�ไว้ในอดีตชาติและในปัจจุบนั ชาติ โรคทีเ่ กิดจากกรรมนีใ้ นทาง วิทยาศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน อาจยอมรับได้ยากว่าจะมีจริง แต่ มี ห ลายกรณี เช่ น กั น ที่ แ พทย์ แ ผนปั จ จุ บั น ไม่ อ าจให้ คำ � ตอบ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

14

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


หรือมีขอ้ วินจิ ฉัยทีช่ ดั เจนได้ในโรคบางอย่าง อาทิ คนไข้บางคนป่วยหนัก คุณหมอวินิจฉัยว่าจะต้องตายภายใน ๑ เดือน หรือ ๒ เดือน แต่คนไข้ไปรักษาศีลปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดที่วัด หรือบางคน สวดมนต์ทง้ั วันทัง้ คืน แผ่เมตตา และอุทศิ บุญให้กบั เจ้ากรรมนายเวร อย่างต่อเนื่อง อาการป่วยที่หมอวินิจฉัยแล้วว่าไม่มที างรักษาหาย กลับหายเป็นปกติ คุณหมอหลายท่านทีเ่ จอกรณีแบบนีก้ ไ็ ม่สามารถ อธิบายได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือบางคนป่วยเป็นโรคประหลาดที่หมอไม่สามารถอธิบาย ได้ดว้ ยวิทยาศาสตร์ เช่น เมือ่ หลายปีกอ่ นทางโทรทัศน์ได้น�ำ เรือ่ งของ เด็ก ม. ๓ คนหนึง่ ทีเ่ มือ่ ถึงวันขึน้ ๑๕ ค�ำ่ ก็จะมีอาการเจ็บปวดตาม ร่างกาย ร้องโอดครวญอย่างทุกข์ทรมาน ซึง่ เป็นติดต่อกันมาหลายปี หรืออีกคนหนึง่ พอถึงวันขึ้น ๑๕ คำ�่ ก็จะมีเลือดไหลซึม ออกจากตา ทั้งสองกรณีคุณหมอไม่อาจ วินจิ ฉัยได้วา่ ป่วยด้วยโรคอะไรและมีสาเหตุ มาจากอะไร ทางพระพุทธศาสนาเรียกโรคเช่นนี้ว่า โรคกรรม คือโรค ทีเ่ กิดจากแรงกรรมทีต่ นทำ�ไว้ตามมาให้ผล ดังพุทธดำ�รัสทีป่ รากฏใน จูฬกัมมวิภังคสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔ ว่า “ผูท้ เ่ี กิดมาอายุสน้ั เพราะในอดีตชาติเคยฆ่าสัตว์ตดั ชีวติ ไว้มาก ผูท้ เ่ี กิดมามีโรคมาก เพราะเคยทำ�ร้ายและเบียดเบียนสัตว์อน่ื ให้ได้รบั บาดเจ็บทุกข์ทรมานมาก” ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

15

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


โรคที่เกิดจากกรรมนี้ไม่อาจจะรักษาให้หายได้ด้วยวิชาทาง การแพทย์ จะต้องรักษาด้วยการทำ�บุญสะสมความดีลบล้างบาป ตามหลักของพระพุทธศาสนาเท่านั้น ซึ่งการรักษาโรคกรรมด้วย กรรมดีน้ี มีตวั อย่างปรากฏทัง้ ในอดีตและปัจจุบนั มากมาย

๑. เจ้าหญิงโรคเรื้อน เรื่องนี้เล่าไว้ในหนังสือพระธัมมปทัฏฐกถา ภาค ๖ ว่า เจ้าหญิงโรหิณี ผู้เป็นพระขนิษฐาของพระอนุรุทธเถระ ป่วยเป็น โรคเรือ้ นเรือ้ รัง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เกิดความทุกข์ทง้ั กายและใจ ทั้งอับอายไม่กล้าออกไปพบปะผู้คน กระทั่งสมัยหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จเมืองกบิลพัสดุ์ พร้อมภิกษุหมู่ใหญ่ เมื่อเสด็จถึงแล้ว เหล่ า พระประยุรญาติต่างมาเฝ้าถวาย สักการะทัง้ หมดยกเว้นแต่เจ้าหญิงโรหิณี ผู้เป็นพระขนิษฐาของพระอนุรุทธเถระ เพียงพระองค์เดียว เมือ่ พระอนุรทุ ธเถระ ถามถึงเหตุทพ่ี ระนางไม่เสด็จมา ก็ทราบ ว่าพระนางทรงละอายที่เป็นโรคผิวหนัง พระเถระจึงให้ไปเชิญพระนางมา แล้วได้แนะนำ�ให้ทำ�บุญเพื่อล้าง กรรมเก่า โดยให้เอาเครื่องประดับของพระนางออกขายแล้วนำ�เงิน ที่ได้ไปสร้างโรงฉันสำ�หรับพระสงฆ์ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

16

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


พระนางได้ขายเครื่องประดับและสร้างโรงฉันจนแล้วเสร็จ ทุกวันพระนางจะเสด็จมาทีโ่ รงฉันเพือ่ ปัดกวาดเช็ดถู ทำ�ความสะอาด ปูลาดอาสนะ จัดเตรียมที่ฉันสำ�หรับภิกษุ ตั้งน้ำ�ใช้น้ำ�ฉันไว้พร้อม ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์เป็นประจำ� ไม่นานนักโรคผิวหนัง ของพระนางก็หาย ต่ อ มาพระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า ได้ เ สด็ จ มาเสวยที่ โรงฉั น ของเจ้าหญิงโรหิณี หลังจากเสวยภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้ า หญิ ง โรหิ ณี ไ ด้ ก ราบทู ล ถามถึ ง สาเหตุ ที่ ทำ � ให้ พ ระนางป่ ว ย เป็นโรคเรื้อน พระพุทธองค์ตรัสว่าการที่พระนางป่วยเป็นโรคเรื้อน ที่น่ารังเกียจนั้น เป็นเพราะบุพกรรมที่ได้กระทำ�ไว้ในอดีตชาติ ตามมาให้ผล จากนั้นจึงทรงนำ�เรื่องในอดีตมาแสดงว่า ในอดีตชาติเจ้าหญิงโรหิณีเกิดเป็นอัครมเหสีของพระเจ้า กรุงพาราณสี มีจติ ริษยานางรำ�คนหนึง่ ของพระราชา จึงเอาหมามุย่ ไปโรยไว้บนที่นอนและผ้าห่มของนาง เมื่อนางขึ้นนอนบนที่นอน พิษหมามุ่ยก็ทำ�ให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรง ผิวพรรณเป็นผื่นคัน เต็มตัวทั่วใบหน้า ทำ�ให้นางได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัสและต้อง ใช้เวลารักษาเป็นแรมปี ด้วยผลแห่งกรรมนี้ทำ�ให้พระนางต้องเป็น โรคผิวหนังในชาติต่อมาอีกหลายร้อยชาติ

๒. พระอรหันต์ร่างเน่า อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นว่าควรนำ �มาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รู้ คือเรื่องของพระปูติคัตตะ ผู้ป่วยเป็นโรคประหลาดรักษาไม่หาย ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

17

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


กล่าวคือ ในสมัยพุทธกาลมีพระสาวกของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ชื่อว่าพระติสสะ อาพาธด้วยโรคประหลาด คืออยู่ดีๆ ก็มีตุ่มผุดขึ้น ตามตั ว เหมื อ นเม็ ด หั ว สิ ว และ แตกออกเป็นหนอง มีกลิน่ เหม็น และได้ ข ยายโตขึ้ น ขนาดเท่ า เม็ดถัว่ เขียว เม็ดถัว่ ดำ� หัวแม่มอื แตกออกเป็นแผลเน่าเหวอะหวะ นำ้ � หนองไหลเยิ้ ม ไปทั่ ว กาย กระดูกขาก็หักแตกเป็นส่วนๆ จนภิกษุทั้งหลายต่างก็เรียกท่านว่า “พระปูติคัตตติสสะ” แปลว่า พระติสสะตัวเน่า ท่านเป็นที่รังเกียจของเพื่อนภิกษุและไม่มีใครพยาบาลดูแล ปล่อยให้นอนจมกองเลือดหนองอยู่เพียงลำ�พัง เมื่อพระพุทธเจ้า ทรงทราบเรือ่ งและได้เสด็จมาปฐมพยาบาล ต้มน�ำ้ ร้อนเช็ดเนือ้ เช็ดตัว ทำ�ความสะอาดบาดแผลและเปลีย่ นจีวรให้ใหม่ ครัน้ พระปูตคิ ตั ตติสสะ รูส้ กึ สบายตัวสบายใจไม่มคี วามกังวลแล้ว จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนา โปรด ท่านได้บรรลุพระอรหันต์และดับขันธ์นิพพานในวันนั้นนั่นเอง ภายหลังมีผู้ทูลถามถึงบุพกรรมของพระปูติคัตตติสสเถระ ว่าท่านได้สร้างกรรมอันใดไว้ จึงต้องมารับกรรมป่วยเป็นโรคร้ายแรง เช่นนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าในอดีตชาตินั้นพระติสสะนี้เคยเกิดเป็น พรานล่านก มีอาชีพจับนกขาย ทีแรกก็ตายและนำ�ไปขายในตลาด วันไหนจับได้มากขายไม่หมด เขาก็ทิ้งซากนกกองกันให้เน่า ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

18

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


ภายหลังเขาเปลีย่ นวิธจี ากจับตายมาจับเป็น โดยนกทีจ่ บั ได้ ถ้าขายไม่หมดเขาก็หักขาหักปีกจับขังไว้ในกรง ทำ�ให้นกเหล่านั้น ได้รับทุกข์ทรมานอย่างมาก ด้วยผลกรรมที่ก่อไว้กับนกเหล่านั้น จึงส่งผลให้ท่านต้องมารับกรรมป่วยเป็นโรคประหลาด ต้องทุกข์ ทรมานอย่างแสนสาหัสในชาตินี้ พระปูติคัตตติสสเถระนับว่ายังเป็นผู้มีบุญวาสนามากที่ได้ พบพระพุทธเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตาบารมี มีโอกาสได้ฟังธรรมและ สำ�เร็จเป็นพระอรหันต์ในชาติน้ี ไม่ตอ้ งทุกข์ทรมานต่อไปอีกในชาติหน้า เมื่อเทียบกับพวกเราแล้วโอกาสที่จะได้พบพระพุทธเจ้าในชาตินี้นั้น ไม่มีทางแล้ว ชาติหน้าหรือชาติต่อๆ ไปก็ไม่แน่ว่าจะได้พบ ดังนั้น เราทัง้ หลายจึงไม่ควรประมาททำ�บาปกรรมอันจะส่งผลให้ตอ้ งเจ็บป่วย และทุกข์ทรมานในอนาคต

๓. โรคกรรมทำ�กับสุนัข

เรื่องนี้พระเดชพระคุณ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อ จรัญ ิตธมฺโม) ได้เล่าไว้ในหนังสือวิปัสสนา สื่อวิญญาณ ว่า “อาตมาขอเจริญพรว่า กฎแห่งกรรม การเจริญกรรมฐาน สามารถทำ�ให้ทเุ ลาเบาบางได้ เราอโหสิกรรมก่อน ก็สรุปในความว่า สวดมนต์เป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำ� อโหสิกรรมก่อนค่อยแผ่ เมตตาเป็นต้น นีส่ ามารถจะแก้กรรมได้ผลแน่ๆ เช่น นายกฯ ยงยุทธ พุทธสมาคมจังหวัดอุทัยธานีโดนรถชนขาเละ แกเป็นนายกสมาคม แล้วก็เป็นสจ.อุทยั ธานีดว้ ย หมอบอกว่าถ้าตัดขาทีเ่ ละนีก่ ค็ งจะไม่ได้นะ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

19

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


มันจะต้องลาม เพราะนายกฯ เป็นเบาหวานอย่างแรง มันก็จะเน่า ขึน้ มา ต้องตัดสะโพกออกเลยจึงจะได้ผล นายกฯ แกก็บอกว่า เอาล่ะ คุณหมอให้ผมได้แก้ตัว ขอตัดสินใจสัก ๓ วันก่อนค่อยตัด สุ ด ท้ า ยแกก็ น อนสวดมนต์ พุทโธ ... ... ทีโ่ รงพยาบาล สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ อิติปิโส เท่าอายุ แล้วก็เจริญกรรมฐาน เพราะ ผงเข้าตาแล้วไม่มีทางออกได้ มีอยู่ ทางเดียวคือตัดสะโพกออกก็จะเดิน ไม่ได้ ภรรยาก็ตอ้ งกรอกข้าวกรอกน�ำ้ ก็เลยสวดมนต์นั่งเจริญกรรมฐาน พอหมอมาตรวจทัง้ หมดแล้ว หมอก็สงสัยว่าเบาหวานมันหาย ไปได้อย่างไร เลยนิมติ เครือ่ งหมายมาบอกกับนายกฯ ว่า ตอนเป็นเด็ก ชอบขว้างหมาชนหมาขาเละ ตอนเป็นหนุม่ รุน่ ๆ ชอบขับรถ เจอหมา เมื่อไหร่ชอบชนหมาให้หมาขาหัก เมื่อตัวเองโตแล้วอายุ ๗๐ กว่า แล้วจึงได้ทราบ นัง่ เจริญกุศลภาวนาเบาหวานหายไปเลย เบาหวาน หายได้ นี่ที่อุทัยธานีเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ตกลงเลยผ่าเอาเหล็กใส่ดาม แล้วก็เดินได้เลย ไม่ต้องตัดขา และเบาหวานก็หายไปได้โดยเด็ดขาด เขาก็ได้พมิ พ์หนังสือเอามาให้ เป็นพันๆ เล่ม”

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

20

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๔. ใช้หนี้กรรม ปวดหัว ๗ วันไม่หาย อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่พระเดชพระคุณ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ิตธมฺโม) เล่าไว้ในหนังสือวิปสั สนา สื่อวิญญาณ เช่นกัน ท่านเล่าไว้ว่า “มีโยมอยูค่ นหนึง่ ชือ่ อะไรจำ�ไม่ได้แล้ว เขาตายไปแล้ว ปวด ศีรษะเจ็ดวันเจ็ดคืนเลย ปวดมาก กินยาก็ไม่หาย เมื่อไม่หาย ก็ก�ำ หนดปวดหนอ... ปวดหนอ... จะตายให้ตายไป... ทุกข์หาย นิมติ มาเลย ตอนที่เป็นเด็กวัดเก้าชั่ง อยู่ทางใต้ของวัดนี้ ตาแป๊ะแกมา จ้างไปยิงไอ้ขย้ี าทีข่ า้ งวัดเตย กำ�ลัง สูบฝิ่นอยู่ (เมื่อก่อนนี้ยังมีโรง ยาฝิน่ อยู)่ ก็เอาปืนให้ไป ปืนแก๊ป เอาไปยิงหัวเขาตาย ค่าจ้างยิง ก็ไม่เท่าไหร่ ๘๐ บาทหรือหนึ่งชั่ง เรื่องมันนานจนลืมไปแล้วนะ กระทั่งแกอายุ ๗๘ ปี แกมาอยู่ที่วัดพรหมฯ นี่ ก็เลยระลึกได้ แล้วแผ่เมตตา หายเลย อย่างนี้เป็นกรรมไม่ใช่ปวดศีรษะธรรมดา ถ้าปวดธรรมดามันก็เหมือนกับคนอืน่ ทุกคน ซึง่ ต้องปวดหัวปวดอะไร ต่ออะไรหรือเป็นไข้บ้างอะไรอย่างนี้ แต่รายนี้มันปวดตลอดไปเลย ปวดอยู่ตลอดเวลา มันไม่หาย ก็กำ�หนดไปตายให้ตาย ก็พรึบขึ้นไป หายได้ เมื่ อ สมั ย ก่ อ นแกก็ เ ป็ น เด็ ก วั ด อยู่ จ นกระทั่ ง บวชเลยนะ เรียนหนังสือก็ที่วัด เรียน ก. ข. ก. กา หลวงตาสินที่วัดเก้าชั่ง ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

21

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


นี่สอนจนกระทั่งโตเป็นหนุ่มใกล้จะบวช ก็ไปยิงเขาที่โรงยาฝิ่นตาย รับจ้างเขามา เพราะว่าไอ้คนกินยาฝิ่นที่ถูกยิงตายมันมาลักข้าว ลักของเขา เขาก็จา้ งเด็กวัดให้ไปยิง ค่าจ้าง ๘๐ บาท ยิงจนเขาตาย แล้วเผาไป จนกระทั่งเป็นหนุ่มมีลูกมีเมียก็ไม่รู้ว่าไปยิงใคร โยมคนนี้นั่งกรรมฐานได้ผลเลย รู้ว่าเป็นเวรกรรมที่ไป ยิงเขามา พอแผ่เมตตาอย่างที่เราแผ่ไปแล้วก็นั่งกรรมฐานให้เขา เขายอมรับ แล้วอาการปวดศีรษะก็หายไป ไม่ปวดอีกต่อไป จนเขา อายุมากเข้า ๘๐ กว่าถึงตาย” การป่วยด้วยโรคกรรมนี้ แม้องค์สมเด็จพระผูม้ พี ระภาคเจ้า ก็ทรงประสบเหมือนกัน เพราะการทีพ่ ระองค์ประชวรด้วยโรคลงพระโลหิต (ถ่ายเป็นเลือด) ก่อนทีจ่ ะเสด็จดับขันธปรินพิ พานนัน้ ก็สบื เนือ่ ง มาจากกรรมในอดีตที่พระองค์เคยเกิดเป็นหมอ แล้ววางยาคนไข้ ที่โกงค่ารักษาจนเขาถ่ายเป็นเลือดและถึงแก่ชวี ติ โรคกรรม โดยมากผูป้ ว่ ยมักจะป่วยเป็นโรคประหลาด รักษา ไม่หายและผูป้ ว่ ยมักได้รบั ความทุกข์ทรมานมาก ถ้าหากจะหายก็มกั หายเพราะการทำ�บุญ เจริญสมาธิ สวดมนต์แผ่เมตตา

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

22

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


วิธีรักษาโรค

ตามหลักพุทธศาสนา


พุทธวิธีรักษาโรค จากสมมติฐานการเกิดโรคทั้ง ๘ ประการตามที่กล่าวมา จำ�แนกออกเป็น ๒ พวกหลักๆ คือ ๑. โรคที่เกิดจากกรรมเก่า ๒. โรคที่ไม่ได้เกิดจากกรรมเก่า อาจมีคำ�ถามตามมาว่า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าโรคอย่างไหน เกิดจากกรรมเก่า อย่างไหนไม่ได้เกิดจากกรรมเก่า ข้อนี้คงจะ วินิจฉัยยาก แต่ถ้าจะถือเอาตามพระพุทธพจน์ที่ว่า ผู้มีโรคมาก เกิดเพราะกรรมทำ�ปาณาติบาตมาก ก็จะได้ขอ้ ยุตวิ า่ โรคหรืออาการ ป่วยทุกอย่างล้วนเกิดมาจากกรรมเก่าทั้งสิ้น เพียงแต่อาการเจ็บป่วยบางอย่างเช่น ไข้หวัด ปวดหัวตัวร้อน หรืออาการป่วยที่ไม่ร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ให้เป็นทุกข์นอ้ ย ก็ท�ำ ให้เราไม่นกึ ว่าเป็นผลของกรรมเก่า แต่ถา้ ป่วย เป็นโรคที่ร้ายแรงรักษาไม่หาย หรือรักษาหายแต่ต้องสิ้นเปลือง ทัง้ เวลาและค่าใช้จา่ ยจำ�นวนมาก หลายคนคงไม่อาจจะปฏิเสธได้วา่ เป็นผลของกรรมที่ตนทำ�ไว้ตามมาทัน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครเที่ยว บนบานศาลกล่าว สวดมนต์ ถวายสังฆทาน ปล่อยนกปล่อยปลา ทำ�บุญเพื่อรักษาโรคกัน ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

24

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความเจ็บป่วยเป็นเรือ่ งธรรมดาทีท่ กุ คน ต้องประสบพบเจอแม้แต่พระองค์เองก็เช่นกัน ข้อสำ�คัญอยู่ที่ว่า เมื่อเกิดมีโรคภัยแล้ว เราจะรักษาอย่างไรและจะปฏิบัติตัวปฏิบัติใจ อย่างไรไม่ให้ทุกข์ต่างหากเล่า ทุกข์มีไว้ให้แก้ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม โรค ก็เช่นกันมีไว้เรียนรู้เป็นบททดสอบของชีวิต ชีวิตต้องประสบทั้งสุข และทุกข์จงึ จะเป็นชีวติ ทีส่ มบูรณ์ ชีวติ ทีม่ แี ต่สขุ จะเป็นชีวติ ทีค่ รบถ้วน ได้อย่างไร วิธีการที่พระพุทธเจ้าใช้ในการรักษาโรคก็คือ การปลุกใจ ให้มีพลัง แล้วใช้ใจที่มีพลังนั้นมารักษาเยียวยาร่างกายอีกทีหนึ่ง เข้าทำ�นองที่ว่ากายป่วยใจไม่ป่วย หลายท่านอาจไม่เชื่อว่าวิธีการ รักษาแบบพระพุทธเจ้านี้ใช้ได้ผล เพราะไม่มีระบุไว้ในตำ�ราแพทย์ แผนใหม่ ยังไม่ได้รบั การยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ ในหลักคำ�สอน ทางพระพุทธศาสนาไม่ได้เน้นให้คนเชื่อตาม แต่เน้นให้ลงมือพิสูจน์ ด้วยตัวเองคือเป็นสันทิฏฐิโก คือให้เรียนรู้ลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเอง ได้ผลหรือไม่ประการใด ขอให้ท่านได้ตัดสินใจเองเถิด วิธกี ารรักษาแบบสมัยพุทธกาลนัน้ แตกต่างจากในสมัยปัจจุบนั มาก การแพทย์สมัยใหม่เน้นการรักษาด้านร่างกายเพียงอย่างเดียว ไม่วา่ เราจะป่วยเป็นอะไรหมอก็ให้แต่ฉดี ยา หนักหน่อยก็ผา่ ตัด ไม่มี การทำ�ให้สุขภาพใจของผู้ป่วยดีขึ้นเลย และในตัวยาสมัยใหม่ยังทิ้ง สารเคมีไว้ในร่างกายของเราอีกด้วย ซึ่งแตกต่างกับสมัยพุทธกาล ที่จะเน้นการรักษาด้านจิตใจเป็นหลัก

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

25

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๕ วิธีรักษาโรคในพุทธศาสนา พุทธวิธีที่พระพุทธเจ้าใช้ในการสร้างจิตให้มีพลังเพื่อใช้ใน การรักษาโรค พอประมวลได้ ๕ วิธีด้วยกัน คือ

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

26

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๑. การรักษาโรคด้วยการสวดมนต์ การสวดมนต์ช่วยรักษาโรคได้อย่างไร ขณะทีเ่ ราสวดมนต์อยูน่ น้ั จิตของเราจะเป็นสมาธิจดจ่ออยูก่ บั บทสวด ช่วงเวลานี้สมองของเราจะไม่คิดเรื่องอื่น ใจก็จะสงบไร้ซึ่ง กิเลสและแข็งแกร่ง เมือ่ ใจแข็งแกร่งร่างกายจักแข็งแกร่งตามไปด้วย ในสมัยพุทธกาลสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พระสงฆ์สาวก สวดมนต์ทุกเช้า-เย็น ซึ่งเป็นอุบายที่พระพุทธองค์ใช้ป้องกันและ บำ�บัดโรคแก่ภิกษุ การสวดมนต์สมัยก่อนพระองค์จะเน้นใหสวด ออกเสียง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้จิตสงบได้เร็วและมั่นคงแล้วยังช่วย ให้ปอดได้ทำ�งานทำ�ให้แข็งแรงรู้สึกสดชื่น มีงานวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่ออกมาว่า การเปล่งเสียง ทำ�ให้กา้ นสมองของคนเราสามารถหลัง่ สารซีโรโทนิน เมือ่ เราเปล่งเสียง ช้าๆ ประมาณ ๑๕ นาทีขน้ึ ไป ซึง่ มีฤทธิค์ ล้ายยานอนหลับ ลดความ เครียด ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ ลดระดับน้ำ�ตาลในเลือด ลดอาการ ซึมเศร้า และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสือ่ ประสาทอืน่ ๆ ซึ่ ง จะช่ ว ยยื ด อายุ ก ารทำ � งานของ เซลล์ประสาท เซลล์ร่างกาย ทำ�ให้ ชีวิตยืนยาวขึ้น เพิ่มภูมิต้านทาน ให้เซลล์ร่างกาย จึงรู้สึกผ่อนคลาย และไม่เครียด

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

27

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


การสวดมนต์แบบเปล่งเสียงทำ�ให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น ลำ�คอ ปอด หัวใจ เกิดการสั่นเคลื่อนไหวทำ�งาน เป็นการ ออกกำ�ลังไปในตัว ซึ่งสามารถบำ�บัดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรค ความดัน เป็นต้น หลังการสวดมนต์ควรแผ่เมตตาและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้ง เพราะอาการเจ็บป่วยของเรานั้น ส่วนหนึง่ มีสาเหตุมาจากการผูกอาฆาตพยาบาทของเจ้ากรรมนายเวร เช่น สัตว์ที่เราฆ่ากินเป็นอาหาร ก่อนตายเขาอาจสาปแช่งผูกโกรธ เราเอาไว้ คำ�สาปแช่งหรือเนื้อสัตว์ ที่ถูกฆ่าขณะที่กำ�ลังโกรธจะมีสาร ที่เป็นพิษส่งผลทำ�ให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ดังนั้น การที่เราแผ่เมตตา และอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเขา เป็นการแสดงให้เขาได้รับรู้ว่าเรายังไม่ลืมเขา ยังนึกถึงบุญคุณและระลึกถึงเขาอยู่เสมอ ซึ่งเมื่อเขาได้รับรู้อย่างนี้แล้วจะทำ�ให้เขายอมให้อภัยแก่เรา ไม่ผกู อาฆาตพยาบาทต่อเรา อันจะเป็นทางบรรเทาโรคภัยของเราให้หายในเร็ววัน

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

28

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


วิธีสวดมนต์เพื่อรักษาโรค

ก่อนสวดมนต์ควรอาบน�ำ้ ชำ�ระร่างกาย สวมเสือ้ ผ้าให้เรียบร้อย จากนัน้ ให้เข้าห้องพระ นัง่ คุกเข่าทำ�จิตให้สงบสักพัก กราบลง ๓ ครัง้ ประนมมือแล้วเริ่มสวดมนต์ไปตามลำ�ดับ การสวดมนต์ควรสวดเสียงดังพอประมาณ การสวดออกเสียง มีประโยชน์ชว่ ยให้ปอดได้ท�ำ งาน เมือ่ ปอดได้ท�ำ งานจะทำ�ให้สขุ ภาพดี และการสวดออกเสียงช่วยรักษาจิตให้เป็นสมาธิอยู่กับบทสวดได้ดี เทวดาได้ยินและร่วมอนุโมทนากับเราด้วย การสวดควรสวดให้ได้จงั หวะพอดีไม่เร็วหรือช้าเกินไป สวดให้ ชัดถ้อยชัดคำ�ไม่อ้ำ�อึ้งอ้อมแอ้ม สำ�หรับบทสวดมนต์นั้นให้สวด ไปตามบทสวดที่เรียงลำ�ดับในหนังสือเล่มนี้ บทสวดที่คัดมาต่อไปนี้ เป็นบทสวดที่ผู้ป่วยหลายคนสวดแล้วได้ผล หากต้องการสวดบทอื่น นอกจากนี้ให้สวดบทนั้นต่อท้ายก่อนแผ่เมตตา

๑. บทบูชาพระรัตนตรัย

อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ.

ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งซึ่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยเครื่องสักการะนี้. ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

29

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๒. บทกราบพระรัตนตรัย อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ. พระผูม้ พี ระภาคเจ้าเป็นพระอรหันต์, ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์ สิ้นเชิง, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง, ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน. (กราบ) ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ. พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว, ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม. (กราบ) สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. พระสงฆ์สาวกของพระผูม้ พี ระภาคเจ้า ปฏิบตั ดิ แี ล้ว, ข้าพเจ้า นอบน้อมพระสงฆ์. (กราบ)

๓. บทนอบน้อมพระพุทธเจ้า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น, ซึ่งเป็น ผู้ไกลจากกิเลส, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง. (๓ จบ) ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

30

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๔. บทขอขมาพระรัตนตรัย

วันทามิ พุทธัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต วันทามิ ธัมมัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต วันทามิ สังฆัง สัพพัง เม โทสัง ขะมะถะ เม ภันเต.

ข้าพเจ้าขอไหว้พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ขอท่าน โปรดงดโทษที่ข้าพเจ้าล่วงเกินทั้งปวงแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด.

๕. บทอาราธนาศีล ๕ อะหัง* ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ*. ทุติยัมปิ อะหัง* ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ*. ตะติยัมปิ อะหัง* ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ*. ข้าแต่ทา่ นผูเ้ จริญ ข้าพเจ้าขอศีล ๕ แยกเป็นข้อๆ พร้อมด้วย ไตรสรณคมน์ เพื่อประโยชน์แก่การรักษาไว้ด้วยดี. แม้ครั้งที่ ๒… แม้ครั้งที่ ๓… (ที่เหลือแปลเหมือนข้างต้น) การสมาทานศีล สามารถสมาทานเองได้ เพราะการรักษาศีล ขึ้นอยู่กับเจตนาและความตั้งใจที่จะรักษา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าขอกับใคร * ถ้าอาราธนาพร้อมกันหลายคน เปลี่ยน อะหัง เป็น มะยัง, ยาจามิ เป็น ยาจามะ

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

31

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๖. บทไตรสรณคมน์ ทุติยัมปิ ทุติยัมปิ ทุติยัมปิ ตะติยัมปิ ตะติยัมปิ ตะติยัมปิ

พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง

สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง

คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ. คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ. คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ.

ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ แม้ครั้งที่ ๒… ฯลฯ แม้ครั้งที่ ๓… ฯลฯ

บทไตรสรณคมน์เป็นบทสวดว่าด้วยการปฏิญาณตนหรือแสดงตน เป็นชาวพุทธ ว่าจะขอน้อมรับเอาพระรัตนตรัยคือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง การที่ต้องว่าถึง ๓ ครั้ง ก็เพื่อให้ผู้กล่าวได้แสดงถึงเจตจํำ�นงที่จะรับเอาไตรรัตน์ อย่างมั่นคงจริงใจไม่โลเล อีกประการหนึ่งเป็นการย้�ํำ ชัดในใจ ของผู้กล่าวว่า บัดนี้ ตอนนี้ เรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแล้ว เราจะต้องดํำ�รงตนให้ถูกต้องดีงามตามพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

32

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


๗. บทสมาทานศีล ๕ ๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ. ข้าพเจ้าของดเว้นจากการฆ่าสัตว์โดยเจตนา ๒. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ. ข้าพเจ้าของดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ๓. กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ. ข้าพเจ้าของดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๔. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ. ข้าพเจ้าของดเว้นจากการพูดปด ๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ. ข้าพเจ้าของดเว้นจากการดื่มสุราเมรัยและของมึนเมาต่างๆ

๘. บทอิส๎วาสุ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ. ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิ โก อะกาลิ โก เอหิปัสสิ โก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. (อ่านว่า วิน-ยู-ฮี-ติ) ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

33

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย, ปาหุเนยโย, ทักขิเณยโย, อัญชะลิกะระณี โย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ.

๙. บทพุทธชัยมงคลคาถา (พาหุง)

พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ค๎รีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ.

ชนะยักษ์ด้วยขันติธรรม

ชนะมารด้วยบารมี

มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ.

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

34

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะสุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ. ชนะสัตว์ดุร้ายด้วยเมตตา

อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติ โยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ.

ชนะโจรด้วยฤทธิ์

กัต๎วานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ. ชนะคนใส่ร้ายด้วยสันติ

สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิ โรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ. ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

35

ชนะคนมักอวดด้วยปัญญา

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะเถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ.

ชนะคนเกเรด้วยส่งสาวกไปปราบ

ชนะพรหมหลงผิด ด้วยชี้แจงให้เห็นจริง

ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พ๎รัห๎มัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต* ชะยะมังคะลานิ.

เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิต๎วานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ.

ผู้สวดชัยมงคลคาถาเป็นประจำ� ย่อมปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง

๑๐. บทชยปริตร (มหากาฯ) มะหาการุณิโก นาโถ ปูเรต๎วา ปาระมี สัพพา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ

หิตายะ สัพพะปาณินัง ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง โหตุ เต* ชะยะมังคะลัง.

* ถ้าสวดให้ตัวเอง เปลี่ยน เต (แก่ท่าน) เป็น เม (แก่ข้าพเจ้า)

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

36

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


ชะยันโต โพธิยา มูเล เอวัง ต๎วัง วิชะโย โหหิ อะปะราชิตะปัลลังเก อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะทักขิณานิ กัต๎วานะ

สัก๎ยานัง นันทิวัฑฒะโน ชะยัสสุ** ชะยะมังคะเล สีเส ปะฐะวิ โปกขะเร อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ. สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง สุยิฏฐัง พ๎รัห๎มะจาริสุ วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะณิธี เต* ปะทักขิณา ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ.

๑๑. บทโพชฌังคปริตร โพชฌังโค สะติสงั ขาโต วิริยัมปีติปัสสัทธิ- สะมาธุเปกขะโพชฌังคา มุนนิ า สัมมะทักขาตา สังวัตตันติ อะภิญญายะ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ

ธัมมานัง วิจะโย ตะถา โพชฌังคา จะ ตะถา ปะเร สัตเต เต สัพพะทัสสินา ภาวิตา พะหุลกี ะตา นิพพานายะ จะ โพธิยา โสตถิ เต* โหตุ สัพพะทา.

* ถ้าสวดให้ตัวเอง เปลี่ยน เต (แก่ท่าน) เป็น เม (แก่ข้าพเจ้า) ** ถ้าสวดให้ตัวเองเปลี่ยนเป็น อะหัง วิชะโย โหมิ ชะยามิ

ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

37

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


เอกัสม๎ งิ สะมะเย นาโถ คิลาเน ทุกขิเต ทิสว๎ า เต จะ ตัง อะภินนั ทิตว๎ า เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ เอกะทา ธัมมะราชาปิ จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ สัมโมทิตว๎ า จะ อาพาธา เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ปะหีนา เต จะ อาพาธา มัคคาหะตะกิเลสา วะ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ

โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ โสตถิ เต* โหตุ สัพพะทา. เคลัญเญนาภิปฬ ี ิโต ภะณาเปต๎วานะ สาทะรัง ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส โสตถิ เต* โหตุ สัพพะทา. ติณณันนัมปิ มะเหสินงั ปัตตานุปปัตติธมั มะตัง โสตถิ เต* โหตุ สัพพะทา.

๑๒. บทสักกัต๎วา บทสวดนี้จะเรียกว่าบทไตรรัตน์โอสถก็ได้ เป็นบทสวด ขออำ�นาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงเป็นดุจโอสถรักษาเยียวยา บรรเทาทุกข์ภยั และโรคร้ายต่างๆ ให้หมดไป หากไม่ตอ้ งการสวดมนต์ บทยาว จะเลือกสวดเฉพาะบทนี้บทเดียวก็ได้ สักกัต๎วา พุทธะระตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง หิตัง เทวะมะนุสสานัง พุทธะเตเชนะโสตถินา นัสสันตุปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เต*. ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

38

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


สักกัต๎วา ธัมมะระตะนัง ปะริฬาหูปะสะมะนัง นัสสันตุปัททะวา สัพเพ สักกัต๎วา สังฆะระตะนัง อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง นัสสันตุปัททะวา สัพเพ

โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง ธัมมะเตเชนะโสตถินา ภะยา วูปะสะเมนตุ เต*. โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง สังฆะเตเชนะ โสตถินา โรคา วูปะสะเมนตุ เต*.

๑๓. บทสัพพมงคลคาถา ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง สัพพะพุทธานุภาเวนะ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง สัพพะธัมมานุภาเวนะ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง สัพพะสังฆานุภาเวนะ

รักขันตุ สัพพะเทวะตา สะทา โสตถี ภะวันตุ เต* รักขันตุ สัพพะเทวะตา สะทา โสตถี ภะวันตุ เต* รักขันตุ สัพพะเทวะตา สะทา โสตถี ภะวันตุ เต*.

๑๔. บทอิติปิ โส เท่าอายุ + ๑ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุรสิ ะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ. ให้สวดเกินอายุ ๑ จบ เช่นอายุ ๒๕ ปี ให้สวด ๒๖ จบ ไร้โรคา อายุยืนหมื่นปี

39

บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.