คู่มือมนุษย์ เล่ม 9 พุทธศาสนากับคนทั่วไป

Page 1



ขอมอบธรรมะเลมนี้ แด ...................................................................................... ...................................................................................... ...................................................................................... ......................................................................................

ขาพเจาขอตั้งจิตอุทิศผล ถึงบิดามารดาครูอาจารย คนเคยรวมทํางานการทั้งหลาย ทั้งเจากรรมนายเวรและเทวัญ

บุญกุศลนี้แผไปใหไพศาล ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน มีสวนไดในกุศลผลของฉัน ขอใหทานไดกุศลผลนี้เทอญ.


บทอธิษฐานขออโหสิกรรม กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม. กรรมใดๆ ไมวา จะเปนกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทีข่ า พเจา ไดทําลวงเกินแกผูใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไมไดตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอใหเจากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษใหเปนอโหสิกรรมแก ขาพเจา อยาไดจองเวรจองกรรมตอกันอีกเลย แมแตกรรมใดทีใ่ ครๆ ทําแกขา พเจาก็ตาม ขาพเจาขออโหสิกรรม ใหทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจาเปนอภัยทาน ขอจงดลใจใหเขาเหลานั้น กลับมีเมตตาจิต คิดเปนมิตรกับขาพเจา เพื่อจะไดไมมีเวรกรรมตอกัน ตลอดไป ดวยอานิสงสแหงอภัยทานนี้ ขอใหขาพเจาพรอมทั้งครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ผูมีอุปการคุณของขาพเจา พนจากความทุกขยาก ลําบากเข็ญใจ ความทุกขอยาไดใกล ความเจ็บไขอยาไดมี ขอใหมี ความสุขสวัสดีมีชัย เสนียดจัญไรและอุปทวันตรายทั้งหลายจงเสื่อมสิ้น หายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใดที่เปนไปโดยชอบประกอบดวยธรรมแลว ขอใหสิ่งนั้นจงพลันสําเร็จ จงพลันสําเร็จ จงพลันสําเร็จเทอญ

นิพพานะปจจะโย โหตุ


Dhamma Guide : D.G. ณัฐพันธ ปนทวีเกียรติ บรรณาธิการสาระ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุสัตย ออกแบบปก : อนุชติ คำซองเมือง บรรณาธิการศิลปะ : อนุชิต คำซองเมือง ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา รูปเลม/จัดอารต : ทศพร ธรรมกุล


¤íÒ¹íÒÊíҹѡ¾ÔÁ¾ì ธรรมบรรยายชุด “คู  มื อ มนุ ษ ย ” ของพระเดชพระคุณ พระธรรมโกศาจารย (พุทธทาส อินฺทปฺโ) หรือหลวงปูพุทธทาสภิกขุ แหงสวนโมกขพลาราม อําเภอไชยา จังหวัดสุราษฎรธานี เปนหนึ่งใน ผลงานซึ่งถือวาเปนเพชรนํ้าเอกที่ไดรับการยอมรับและเปนที่นิยมชมชอบ จากชาวพุทธอยางกวางขวางจนมีการนําไปแปลเปนภาษาตางๆ ในหลาย ประเทศ ทั้งนี้ก็เพราะหลวงปูพุทธทาสภิกขุไดบรรยายเรื่องสําคัญที่สุด ทีม่ นุษยทกุ คนควรจะตองรู และควรจะตองปฏิบตั ติ ามใหจงได เพือ่ ความ เปนมนุษยที่สมบูรณแบบอยางแทจริง ธรรมบรรยายชุดนี้ หลวงปูพุทธทาสไดบรรยายอบรมผูที่จะรับ การโปรดเกลาฯ เปนตุลาการ รุนป ๒๔๙๙ ณ หองบรรยายของเนติบัณฑิตยสภา ระหวางวันที่ ๒-๒๒ พฤษภาคม ๒๔๙๙ รวมทั้งหมด ๑๐ ครั้ง ๑๐ หัวเรื่อง ดังนี้ ครั้งที่ ๑ : ใจความสําคัญของพุทธศาสนา (พุทธศาสนามุงชี้อะไรเปนอะไร) (๒ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๒ : ไตรลักษณ (ลักษณะสามัญของสิ่งทั้งปวง) (๔ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๓ : อุปาทาน ๔ (อํานาจของความยึดติด) (๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๔ : ไตรสิกขา (ขั้นของการปฏิบัติศาสนา) (๘ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๕ : เบญจขันธ (คนเราติดอะไร) (๙ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๖ : สมาธิและวิปสสนาตามธรรมชาติ (การทําใหรูแจงตามวิธีธรรมชาติ) (๑๑ พ.ค. ๒๔๙๙)


ครั้งที่ ๗ : สมาธิและวิปสสนาตามหลักวิชาในรูปเทคนิค (การทําใหรูแจงตามหลักวิชา) (๑๔ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๘ : อริยบุคคลกับการละกิเลส (ลําดับแหงความหลุดพนจากโลก) (๑๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๙ : พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน) (๑๗ พ.ค. ๒๔๙๙) ครั้งที่ ๑๐ : ตุลาการตามอุดมคติแหงพระพุทธศาสนา (ภาคสรุปความ) (๒๒ พ.ค. ๒๔๙๙) ดวยทาง สํานักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน ไดเล็งเห็น คุณคาและประโยชนสุขที่ผูอานจะพึงไดรับ จึงไดนําธรรมบรรยายชุด “คูมือมนุษย” ทั้ง ๑๐ หัวเรื่องมาจัดพิมพใหม โดยจัดแยกเปน ๑๐ เลม ตามหัวขอ เนนใหเปนฉบับที่อานงาย เขาใจงาย เพื่อความสะดวกในการ ศึกษาแกผูอาน โดยไดเพิ่มภาพประกอบพรอมคําการตูน ชูคําเดน เนน ขอความ ตั้งหัวขอใหญ หัวขอยอย แบงวรรคตอน ซอยยอหนาใหม ใสสีสัน เสริมธรรมใหผูอานอานไดเขาใจงายยิ่งขึ้น เมื่ออานไปทีละเลม ทีละหัวเรื่องแลว จะทําใหเราเขาใจหลักธรรมคําสั่งสอนและหลักปฏิบัติ ที่ถูกตองทางพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้น หนังสือ “คูม อื มนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เรือ่ ง พุทธศาสนา กับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)” เลมนี้ จัดเปนธรรมบรรยายลําดับที่ ๙ มีเนื้อหาสาระสําคัญที่มุงเนนใหผูอานไดเห็นชัดวา สิ่งที่เรียกวา พุทธศาสนา นั้น มีลักษณะหลายเหลี่ยมหลายคู แลวแต ทรรศนะของผูมอง แมแตพิธีกรรมตางๆ ก็ยังไมใชตัวแทของพุทธศาสนา ตั ว แท ข องพุ ท ธศาสนา คื อ การปฏิ บั ติ ด  ว ยกาย วาจา ใจ


เพื่อทําลายกิเลสใหสิ้นไปเทานั้น ถาผูใดดํารงชีวิตถูกตองตามศิลปะ แหงการครองชีวิตของพุทธศาสนา จะมีความบันเทิงเริงรื่นอยูตลอดเวลา คือเปนผูมีชัยชนะอยูเหนือสิ่งทั้งปวง ไมมีความทุกขอีกตอไป ดังคํากลาวของหลวงปูพุทธทาสภิกขุที่วา...

“ผู้ท่ดี ํารงชีวิตถูกต้องตามศิลปะแห่งการครองชีวิต ของพุทธศาสนา จะมีความบันเทิงเริงรื่นอยู่ตลอดเวลา คือ เปนผู้มีชัยชนะอยู่เหนือสิ่งทั้งปวง กิริยาที่เปนฝายชนะอารมณ์ทั้งปวงนี้ น่าจะเปนที่บันเทิงเริงรื่นสําหรับคนทั่วไปด้วยเหมือนกัน” ดังนั้น จึงหวังเปนอยางยิ่งวาหนังสือเลมนี้จะเปนคูมือชวยชี้ทาง ใหเราทุกคนไดพบเจอแสงสวางแหงชีวิต เพื่อมุงสูเสนทางแหงการดับทุกข อยางสิ้นเชิง สมกับที่ไดเกิดมาเปนมนุษยในที่สุด ขออนุโมทนา สํานักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน

โปรดใชเลมนี้ใหคุมสุดคุม & อานแลว -> แบงกันอานหลายทานนะจะ

อานสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝกฝนปญญา พัฒนาการประยุกตใชในชีวิตประจําวัน จิตมีสติสัมปชัญญะ รูเทาทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สุข สงบ เย็น เฉกเชนพระนิพพาน สํานักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน ปรารถนาใหทุกครอบครัวมีความสุข


ÊÒúÑÞ ๑. “ทบทวน” เนื้อหาคูมือมนุษย ๑-๘

ø

๒. “ความกลัว” เปนมูลเหตุที่ทําใหเกิด “ศาสนา”

ññ

๓. “พุทธศาสนา” คือ ศาสนาของผูรู เปนศาสนาที่อาศัยสติปญญาเพื่อทําลายความทุกข

ñø

๔. พุทธศาสนามีหลายเหลี่ยม เหลี่ยมที่ตองสนใจที่สุด คือ “การดับทุกข”

òò

๕. เมื่อเขาถึงตัวแทของพุทธศาสนา จะบันเทิงธรรมตลอดเวลา ไมเบื่อ ไมหวาดกลัว

ôù

๖. ตัวแทของพุทธศาสนา ตองเปนการปฏิบัติ ดวยกาย วาจา ใจ จนกิเลสสิ้นไปในที่สุด

õö

แวะเลาชาดก : คุย โม โออวด

õù


¾Ø·¸ÈÒʹÒÊ͹ÈÔŻСÒÃ໚¹¤¹* ñ. ·º·Ç¹à¹×éÍËÒ¤ÙèÁ×ÍÁ¹ØÉÂì ñ-ø ¢ÍãËŒµÑé§ã¨ÈÖ¡ÉÒ áÅйíÒä»»¯ÔºÑµÔ¹Ð

ทานที่จะเปนผูพิพากษาทั้งหลาย อาตมาไดบรรยายหลัก แหงพุทธศาสนามาโดยลําดับๆ วา

“พุทธศาสนา” คือ วิชาและระเบียบปฏิบัติ เพื่อใหรูถึงสิ่งทั้งปวงถูกตองตามที่เปนจริง วาอะไรเปนอะไร๑ สิง่ ทัง้ ปวงนีม้ สี ภาพตามทีเ่ ปนจริง คือ ไมเทีย่ ง เปนทุกข เปนอนัตตา๒ แตสัตวทั้งหลายหลงรัก หลงยึดถือสิ่งทั้งปวง เพราะอํานาจของอุปาทาน๓ บรรยายอบรมผูที่จะเปนผูพิพากษา ณ หองบรรยายของเนติบัณฑิตยสภา ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๙๙ ขณะนัน้ ทานพุทธทาสภิกขุดาํ รงสมณศักดิท์ ่ี พระอริยนันทมุนี ๑ ติดตามอานหัวขอนี้ไดใน คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๑ : ใจความ สําคัญของพุทธศาสนา (พุทธศาสนามุง ชีอ้ ะไรเปนอะไร) โดย สํานักพิมพเลีย่ งเชียง ๒ ติดตามอานหัวขอนีไ้ ดใน คูม อื มนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๒ : ไตรลักษณ (ลักษณะสามัญของสิ่งทั้งปวง) โดย สํานักพิมพเลี่ยงเชียง ๓ ติดตามอานหัวขอนีไ้ ดใน คูม อื มนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๓ : อุปาทาน ๔ (อํานาจของความยึดติด) โดย สํานักพิมพเลี่ยงเชียง *

8

คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


ในพุทธศาสนามีวิธีปฏิบัติ เรียกวา “ศีล สมาธิ ปญญา๑” เพื่อจะตัดอุปาทานนั้นเสีย อุปาทานนั้นมีที่ลงเกาะหรือจับยึดที่ขันธทั้งหา๒ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เมื่อรูจักขันธหาตามที่เปนจริง ก็สามารถจะเขาใจสิ่งทั้งปวง จนถึงกับเบื่อหนายคลายกําหนัด ไมยึดถือดวยอุปาทาน และเราควรจะมีชีวิตอยูอยางที่เรียกวา “เปนอยูชอบ” คือ ใหวันคืนเต็มไปดวยปติและปราโมทยอันเกิดมาจากการกระทําดี ที่งาม ที่ถูกตองอยูเปนประจํา แลวเกิดความระงับแหงจิต เกิดสมาธิ เกิดความเห็นแจงไดเรื่อยๆ ไป จนกระทั่งเกิด นิพพิทา วิราคะ วิมุตติ และ นิพพาน ไดความเหมาะสมของสิ่งแวดลอม ๑

ติดตามอานหัวขอนีไ้ ดใน คูม อื มนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๔ : ไตรสิกขา (ขั้นของการปฏิบัติศาสนา) โดย สํานักพิมพเลี่ยงเชียง ๒ ติดตามอานหัวขอนี้ไดใน คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๕ : เบญจขันธ (คนเราติดอะไร) โดย สํานักพิมพเลี่ยงเชียง บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

9


Åͧ»¯ÔºÑµÔµÒÁ ·Õè¾Ãоط¸à¨ŒÒµÃÑÊÊ͹ áŌǨÐÊÔé¹Ê§ÊÑ ¹Ð¤ÃѺ

หรือถาเราจะรีบเรงทําใหเร็วกวานั้น ก็มีแนวปฏิบัติที่เรียกวา “วิปสสนาธุระ*” นับตั้งแตมีศีลบริสุทธิ์ มีจิตบริสุทธิ์ มีทิฏฐิบริสุทธิ์ เรื่อยขึ้นไปจนถึงมีญาณทัสสนะบริสุทธิ์ ในที่สุดก็จะตัดสังโยชนตางๆ ได เรียกวา การบรรลุมรรคผล ทัง้ หมดนี้ นับวาเปนการแสดงแนวสังเขปทัง้ หมดของพระพุทธศาสนาแลวตั้งแตตนจนปลาย ใหเห็นวาหลักพระพุทธศาสนามีอยู อยางไร พรอมกันกับหลักปฏิบัติไปในตัว สําหรับโอกาสสุดทายที่เหลืออยูอีก ๒ ครั้ง ในวันนี้อาตมา เห็นวาควรจะไดชใี้ หเห็นแนวคิด หรือขอสังเกตทีเ่ กีย่ วกับพุทธศาสนา ทั่วๆ ไป นับตั้งแตวาอะไรเปนมูลเหตุสําคัญที่ทําใหเกิดสิ่งที่เราเรียก วาศาสนา เปนตน เพื่อใหเขาใจสิ่งที่เรียกวาพุทธศาสนาในแงทั่วๆ ไป อยางทั่วถึง เปนการปองกันการเขาใจผิดพลาดไดอีกชั้นหนึ่ง *

ติดตามอานหัวขอนี้ไดใน คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๖ : สมาธิ และวิปส สนาตามธรรมชาติ (การทําใหรแู จงตามวิธธี รรมชาติ) และ คูม อื มนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๗ : สมาธิและวิปส สนาตามหลักวิชาในรูปเทคนิค (การทําใหรูแจงตามหลักวิชา) โดย สํานักพิมพเลี่ยงเชียง

10 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


¾Ç¡àÃÒ¡ÅÑÇáÅŒÇ Í‹ҷíÒÍÐäþǡàÃÒàÅ Î×Íææ

ª‹Ç´ŒÇÂæ ·‹Ò¹à·¾à¨ŒÒ Î×Íææ

ò. “¤ÇÒÁ¡ÅÑÇ” ໚¹ÁÙÅà˵طÕè·íÒãËŒà¡Ô´ “ÈÒʹҔ เมือ่ ถามขึน้ วา อะไรเปนมูลเหตุใหเกิดสิง่ ทีเ่ รียกวาศาสนาแลว นักศาสนาทั้งหลายมีคําตอบที่ยุติกันวา

ศาสนาทั้งหมดของโลกทุกๆ ศาสนา นับตั้งแตชั้นตํ่าที่สุด จนถึงระดับที่สูงที่สุดก็ตาม ถือกันวามีมูลดั้งเดิมรวมกันมาจากความกลัว กลาวสั้นๆ ก็วา ความกลัวเปนมูลเหตุใหเกิดศาสนา แตนักศาสนาเหลานั้นเพงเล็งถึงความกลัวอยางตํ่าๆ ของคน ในสมัยที่ยังไมเจริญ คือมักจะระบุความกลัวปรากฏการณของธรรมชาติที่ดุรายหรือลึกลับ วาเปนมูลเหตุของศาสนา การกลาวเชนนั้น ก็ถูกตองเหมือนกัน แตสิ่งที่เรียกวาความกลัวนั้นยังมีอยูอีกหลายชั้น ซึ่งเราจะไดพิจารณากันตอไป บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

11


ตัวศาสนาแท คือ การกระทําเพื่อใหรอดพน จากอันตรายในทางจิต âÍ ! ·Ø¡ÈÒÊ¹Ò à¡Ô´¨Ò¡¤ÇÒÁ¡ÅÑǹÕèàͧ

การทีเ่ ราจะเขาใจวาศาสนามีมลู มาจากความกลัวไดอยางไรนัน้ เราจะตองพิจารณาถึงตัวกิริยาอาการที่เรียกวา ศาสนา กันเสีย ชั้นหนึ่งกอน ตัวศาสนาแทๆ ก็คือตัวการดิ้นรนเพื่อใหรอดจาก อันตรายในทางจิต เมื่อกลาวอยางนี้ ก็เปนการครอบคลุมไปทุกๆ ศาสนา แมจะกลาวอยางที่อาตมาเคยกลาวมาแลววา พุทธศาสนา คือ วิชาและหลักปฏิบัติเพื่อใหรูวาอะไรเปนอะไร ก็ยังหมายความวา รูเพื่อใหเอาตัวรอดจากอันตรายไดอยูนั่นเอง ฉะนั้น ถาจะกลาว ใหกินความกวางคลุมศาสนาทุกศาสนาทั่วๆ ไป ตั้งแตชั้นตํ่าที่สุด ในสมัยโบราณ ซึ่งมนุษยยังไมมีความเจริญ ก็พอจะกลาวรวบยอด ไดอีกอยางหนึ่งวา

ศาสนา คือ ตัวการดิ้นรนกระทําเพื่อใหรอดพนจากอันตราย หรือสิ่งที่ตนถือวาอันตรายในทางจิตนั่นเอง เมื่อเปนเชนนี้ เรายอมกลาวไดวามันมีมูลมาจาก สัญชาตญาณแหงความกลัวนั่นเอง 12 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


อันตรายในทางภายนอก เชน สัตวรา ยหรือขาศึกศัตรูเหลานี้ คนเราก็มคี วามกลัวและดิน้ รนตอสู หรือหลบหนีตามสมควรแกโอกาส นั่นเรียกวาความกลัวและการหลบหนีอันตรายทางกายหรือภายนอก ทีนี้ เมื่อเกิดมีสิ่งที่นากลัวหรืออันตรายที่เรียกวาภายใน หรือทางจิตขึ้นมาอีกสวนหนึ่ง ซึ่งชั้นแรกที่สุดก็ไดแก ความรูจัก คิ ด นึ ก ถึ ง สิ่ ง ที่ มี อํ า นาจเหนื อ หรื อ ยิ่ ง ไปกว า ธรรมดา แม จ ะเป น ปรากฏการณของธรรมชาติ เชน ฟาผาฟารองหรือสิ่งที่นากลัวอื่นๆ ทํานองนั้น ความคิดเกิดขึ้นวานี้เปนของนอกเหนือไปกวาธรรมดา คือจะวิ่งหนีหรือตอสูเหมือนทํากับสัตวรายหรือขาศึกนั้นไมมีหนทาง เพราะฉะนั้น จึงเกิดความคิดใหม มีระเบียบวิธีอันใหมสําหรับจะ ตอสูหรือหลบหลีกสิ่งที่นากลัวเหลานั้น ขอนีก้ ค็ อื เกิดวิธปี ฏิบตั สิ าํ หรับเอาตัวรอดจากสิง่ ทีก่ ลัวในทาง จิตขึ้นนั่นเอง และพอจะถือไดวาเปนมูลเหตุอันแรกแหงการเกิดขึ้น ของสิ่งที่เราเรียกกันวา “ศาสนา”

คนทัว� ไปมักวิตกกังวลเกี�ยวกับภัยอันตรายทีอ� ยู่นอกตัว เช่น นํา� ท่วม แผ่นดินไหว ฯลฯ ทัง� ๆ ทีภ� ยั อันตรายทีน� ่ากลัวทีส� ุดนัน� อยู่ท�ี ใจ ของเราเอง ดังทีพ� ระพุทธองค์ตรัสสอนว่า “ในวันหนึ�งๆ ไม่มใี ครทําร้ายเราได้มากเท่า อารมณ์จติ ตนเองทําร้ายจิตของตนเอง” และ “ภัยทีร� า้ ยแรงทีส� ุดในโลกก็คอื ภัยจากอารมณ์ จิตของเราเอง” ให้พากันพินิจพิจารณา

บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

13


¡ÃÒºææ

෾਌ÒàÁµµÒ ¾Ç¡àÃÒáÅŒÇ Î×Íææ

¾Ç¡àÃÒµŒÍ§¨Ñ´¾Ô¸ÕºÙªÒ ෾਌ÒáÅŒÇ à‹ææ

äËnj͌͹Ç͹ ·‹Ò¹àÃçÇ

มนุษยรูจักกลัวไดสูงขึ้นๆ ตามสติปญญา ศาสนาจึงเลื่อนสูงไปตามสติปญญาของมนุษย ถ าเราเปดดูหนังสือ ทุก เลม ที่เขาเขี ย นกั น ในสมั ย ป จ จุ บั น อันวาดวยมูลเหตุของการเกิดแหงศาสนาแลว ก็จะเห็นวาเขียนไว เหมือนๆ กันหมด คือ ไปยุติลงที่...

คนปาสมัยหิน กลัวฟาผาฟารอง กลัวความมืด กลัวพายุ กลัวสิ่งตางๆ ที่อยูเหนือความเขาใจ และความตานทานของคนปาเหลานั้น แลวก็ถือเอาความกลัวนั้นๆ วาเปนมูลของการเกิดขึ้นแหงศาสนา วิธีที่จะตอสูหรือหลบหลีกอันตรายของคนเหลานั้นก็คือ การแสดงอาการยอมแพ หมอบราบ ออนวอน บูชา แลวแตคนที่ฉลาดที่สุดในสมัยนั้นเห็นวาจะตองทําอยางไร ครูบาอาจารยของคนสมัยนัน้ ไดสอนใหหมอบราบ หรือใหบชู า โดยวิธตี า งๆ ตามทีต่ นนึกวาสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิห์ รือผีเหลานัน้ จะชอบใจ นีน่ บั วาสิง่ ทีเ่ รียกวาศาสนา เกิดขึน้ มาในโลกดวยอํานาจของความกลัว และ การปฏิบัติไปตามความกลัว 14 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


ตอมาความกลัวนั้นไดเขยิบสูงขึ้นมาตามความเจริญของวิชา ความรูของมนุษย ความกลัวเลื่อนขึ้นมาจากความกลัวภัยธรรมชาติ เชนนั้น มาสูความกลัวชนิดอื่นที่แยบคายหรือสูงขึ้นไปกวา ศาสนาทีม่ กี ารบูชาสิง่ ทีต่ นกลัว เชน ภัยธรรมชาติ กระทัง่ ผีสาง เทวดาเหลานัน้ จึงกลายเปนของขบขันในทีส่ ดุ มีคนเขียนภาพการตนู ลอ เปนคนหมอบกราบฟาคะนองฟาผาอยู แลวเขียนสุนัขหรือแมว ซึ่งไมเคยทําอาการอยางนั้นเลย เรื่องเลยกลายเปนวาการหมอบราบคาบแกวตอผีสางเทวดานั้น ทําเปนแตคนเทานั้น สุนัขและแมวเปนตน ทําไมเปน นี่กลายเปนวาเปนของขบขันไป หรือเปนของนาหัวเราะ นาเวทนาสงสารไป

ความกลัวของคนชั้นหลังๆ เลื่อนสูงขึ้นมาถึง ความกลัวความทุกขชนิดที่อํานาจทางวัตถุชวยเหลือไมได เชน ความเกิด ความแก ความเจ็บ ความตาย หรือแมแตความทุกขทเี่ ปนไปตามปรกติ เชน ความหมนหมอง เรารอน มืดมัว เพราะอํานาจของราคะ โทสะ โมหะ ซึง่ แมจะมีอาํ นาจ มีเงินเทาไหร ก็ไมสามารถจะระงับอาการอันโหดรายของความเกิด แก เจ็บ ตาย หรือความแผดเผาของราคะ โทสะ โมหะได พระพุทธเจาตรัสวา สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การใหธรรมะเปนทาน ชนะการใหทั้งปวง ไมมีทานใดจะยิ่งใหญและมีอานิสงสมากเทา เพราะการใหทานดวยธรรมะ เปนการชวยคนใหมีปญญา ใหเปนคนดี พนทุกข มีสุข จึงควรใหธรรมทาน บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

15


¾Ç¡àÃÒµŒÍ§ËÒ·Ò§àÍÒª¹Ð ¤ÇÒÁà¡Ô´ á¡‹ à¨çº µÒÂ

¾Ç¡àÃÒ àËç¹´ŒÇ¤ÃѺ

ศาสนาสูงขึ้นไปในทางปญญา เพราะมนุษยกลัววาจะไมไดสงที่ดีที่สุดที่จะพึงไดรับ ประเทศอินเดียซึ่งเปนประเทศที่เจริญดวยนักคิด นักคนควา ผูมีสติปญญา จึงไดกาวหนาจากคอยแตไหวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหลานั้น มากลายเปนคนหาวิธีที่จะเอาชนะความเกิด ความแก ความเจ็บ ความตาย หรือเอาชนะราคะ โทสะ โมหะ เปนตนใหได

นี่นับวาเปนบอเกิดของศาสนาที่สูงขึ้นไปในทางปญญา ถาจะกลาวใหสูงกวานั้นขึ้นไปอีกก็กลาวไดวา เพราะมนุษยกลัววาจะไมไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยจะพึงไดรับ จึงไดพยายามคนหาสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะไดรับ ในที่สุดก็พบวิชาที่จะทําใหเอาชนะความเกิด แก เจ็บ ตาย หรือชนะกิเลสได ความกลัวที่วาจะไมไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะไดรับก็หายไป 16 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


พุทธศาสนาเกิดจากความกลัวเชนเดียวกัน แตเปนความกลัวในความเกิด แก เจ็บ ตาย และ กิเลส àÃÒ¨ÐÍÍ¡ºÇª à¾×èÍáÊǧËÒ·Ò§¾Œ¹·Ø¡¢ ä´Œâ»Ã´¡ÅѺÇѧà¶ÍÐ ¾Ãоط¸à¨ŒÒ¢ŒÒ

สํ าหรั บพระพุทธศาสนา ก็อาจกล า วได ว  า มี มู ลมาจาก ความกลัวเหมือนกัน แตไมใชความกลัวอยางโงเขลา เชน กลัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กลัวผี กลัวเทวดา ซึ่งเชื่อกันวาเปนเจาของปรากฏการณ ของธรรมชาติ หรือวากลัวเทวดาทีม่ อี าํ นาจบันดาลสิง่ ตางๆ ในทองฟา เหลานี้เปนตน ก็หามิได แตหมายถึง...

กลัวสิ่งที่ควรกลัวยิ่งไปกวานั้น คือ ความบีบคั้นแผดเผาหุมหอของราคะ โทสะ โมหะ ตลอดถึงปญหาตางๆ ที่เกิดมาจากอิทธิพลของ ความเกิด ความแก ความเจ็บ ความตาย ในที่สุดก็เกิดบุคคลประเภทที่เราเรียกกันวา “พระพุทธเจา” ขึ้น เปนผูพบวิธีที่จะเอาชนะสิ่งที่กลัวไดเต็มตามความประสงค และเกิดวิธีปฏิบัติเพื่อดับความทุกขชนิดที่เรียกวา “พุทธศาสนา” บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

17


ó. “¾Ø·¸ÈÒʹҔ ¤×Í ÈÒʹҢͧ¼ÙŒÃÙŒ ໚¹ÈÒʹҷÕèÍÒÈÑÂʵԻ˜ÞÞÒà¾×èÍ·íÒÅÒ¤ÇÒÁ·Ø¡¢ “พุทธศาสนา” แปลวา ศาสนาของผูรู เพราะ พุทธะ แปลวา ผูรู หรือ ผูตื่น คือ ไมหลับ เปนผูเบิกบาน คือ ไมหุบหรือไมมืด แตรูความจริงของสิ่งทั้งปวงวาอะไรเปนอะไร จึงสามารถปฏิบัติถูกตอสิ่งทั้งปวง ไมเปดโอกาสใหสิ่งทั้งปวงเกิดเปนปญหา หรือเปนที่ตั้งแหงความหลงใหลยึดถือ จนกระทั่งทําใหเกิดความทุกขแกผูที่เขาไปยึดถืออีกตอไป เพราะฉะนัน้ พุทธศาสนาจึงเปนศาสนาทีอ่ าศัยสติปญ  ญา หรือ อาศัยวิชาความรูโดยเฉพาะ เพื่อเปนเครื่องทําลายความทุกข หรือ ตนเหตุของความทุกข 18 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


พุทธศาสนาปฏิเสธการบูชาออนวอน แตสอนใหปฏิบัติถูกตอสงทั้งปวง การที่จะทําพิธีรีตองเพื่อบูชาบวงสรวงออนวอนนั้น ไมใชพุทธศาสนา คือ ไมถูกรับเขามาในพระพุทธศาสนา กลายเปนสิ่งที่นาขบขันหัวเราะ และถือเอาเปนที่พึ่งไมได พระพุทธเจาทรงปฏิเสธการกระทําเชนนั้นโดยสิ้นเชิง การบู ช าอ อ นวอนสิ่ ง ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ การทํ า พิ ธี ร ดนํ้ า อาบนํ้ า สระเกลาดําหัวเหลานี้ ลวนแตถือวาเปนการกระทําที่ไมอาจจะเปน ที่พึ่งได แมที่สุดแตเทวดาที่ยึดถือกันวาเปนผูบันดาลสิ่งตางๆ เปน เจาของดวงดาวในทองฟา ดาวนั้นดาวนี้ มีเทวดาองคนั้นองคนี้ มีอิทธิพลบังคับมนุษยอยางนั้นอยางนี้ ก็เปนสิ่งที่ถูกปฏิเสธสิ้นเชิง โดยบุคคลประเภทพระพุทธเจา จนถึงกับมีคํากลาวในพระพุทธศาสนาวา “ความรู  ความฉลาด ความสามารถที่ ทํ า ให สํ า เร็ จ เป น ประโยชนนนั่ แหละ เปนตัวฤกษทดี่ อี ยูใ นตัวเองแลว ดวงดาวทัง้ หลาย ในทองฟาจะทําอะไรได ประโยชนที่ควรปรารถนาจะผานพนคนโงๆ ที่มัวแตนั่งคํานวณดวงดาวในทองฟาไปเสียสิ้น”* ดังนี้เปนตน *

อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ กึ กริสฺสนฺติ ตารกา นกฺขตฺตํ ปฏิมาเนนฺตํ อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคา บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

19


พุทธศาสนาสอนใหรูวาอะไรเปนอะไร แลวประพฤติตอสงนั้นใหถูกตอง หรือวาถานํ้าศักดิ์สิทธิ์จะทําใหคนหมดบาปหมดทุกขไดแลว พวกปลา พวกเตา ปู หอย ที่อาศัยอยูในแมนํ้าหรือสระศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็จะหมดบาปหมดทุกขไปไดดวยนํ้านั้นเหมือนกัน หรือถาหากวา ความพนทุกขจะสําเร็จไดดวยการบูชาออนวอนเอาๆ แลว ในโลกนี้ ก็จะไมมีใครที่มีความทุกขเลย เพราะวาใครๆ ก็บูชาออนวอนเปน ไมใชของทํายาก

โดยเหตุที่ยังมีคนที่มีความทุกขอยู ทั้งที่ทําการบูชาหรือทําพิธีรีตองตางๆ อยู จึงถือวายังไมเปนหนทางที่จะเอาตัวรอดได จะตองมาพิจารณาโดยละเอียดลออ ใหรู ใหเขาใจ วาอะไรเปนอะไร ใหถูกตองตามที่เปนจริง แลวประพฤติตอสิ่งนั้นใหถูกใหตรง ตามความจริง จึงจะสามารถเอาตัวรอดได นี้เปนขอบเขตของพระพุทธศาสนาที่เราควรจะเขาใจไววา เราไมเกีย่ วของลงไปถึงการกราบไหวบชู าสิง่ ทีน่ า อัศจรรยตา งๆ เหลานัน้ และเราไมเชื่อ ไมรับนับถือพิธีรีตอง เชน การรดนํ้าศักดิ์สิทธิ์ เปนตน เราไมหวังพึง่ ปจจัยภายนอก เชน เทวดาบนสวรรค หรืออํานาจดวงดาว บนทองฟา เปนตน แตเราจะกระทําเอาดวยสติปญญา ความสามารถ ของเราเอง 20 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


พุทธศาสนาสอนใหใชสติปญญาตริตรองกอนเชอ นี่เปนการแสดงใหเห็นวาพุทธศาสนานั้นอยูในระดับหนึ่ง ซึ่ง เปนวิถีทางที่จะทําใหรอดพนจากอันตรายในทางใจดวยเหมือนกัน แตวาไมเหมือนกับศาสนาบางศาสนา ซึ่งมีพิธีหรือมีหลักการเปน อยางอื่น ดังที่ไดกลาวมาแลวขางตน

พุทธศาสนามีแตวิธีที่จะใชปญญา ใหรูวาอะไรเปนอะไร ใหถูกตองตามที่เปนจริง แลวปฏิบัติตอสิ่งนั้นๆ ใหถูกตอง ตามกฎที่แทจริงของสิ่งเหลานั้นเทานั้น เราไมประสงคจะคาดคะเนหรือทําอยางที่เรียกวา เผื่อวาจะเปนอยางนั้น เผื่อวาจะเปนอยางนี้ เราตองการจะทําลงไปตรงๆ ตามที่มองเห็นอยูดวยปญญาของตัวเอง โดยไมตองเชื่อคนอื่น แมจะมีคนอื่นมาบอกใหทีแรก ก็ไมไดหมายความวาตองเชื่อ เราจะตองฟงและพิจารณาจนเห็นวาเปนสิง่ ทีเ่ ปนไปได แลวจึงจะเชือ่ และพยายามกระทําใหปรากฏผลดวยตนเอง นี้เปนความหมายของ พุทธศาสนาที่แตกตางกันอยูในระหวางศาสนาทั้งหลาย นับจําเดิม ตั้งแตแรกเริ่มมีขึ้นมาในโลก จนกระทั่งถึงมีพระพุทธศาสนา อานใหรู รูแลวลงมือทํา ทํา ทํา ทํา เทานั้น จึงจะเปนสุข

สุข ทุกข อยูที่ใจ ใจใคร ใจเขา อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ ตนแลเปนทีพ ่ ง่ึ ของตน ทีพ ่ ง่ึ ของตนทีด่ ที ส่ี ดุ คือ ความดี คิดดี ทําดี พูดดี สิ่งดีๆ จะตามมา พาพนทุกข สุขทุกขณะ สาธุ สาธุ สาธุ

บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

21


ãˌʹ㨡Òû¯ÔºÑµÔ à¾×èͤÇÒÁ´Ñº·Ø¡¢ ¹Ð ¾Ç¡àÃҨеѧé 㨻¯ÔºµÑ Ô à¾×èʹѺ·Ø¡¢ ¤‹Ð ÊÒ¸Ø

ô. ¾Ø·¸ÈÒʹÒÁÕËÅÒÂàËÅÕèÂÁ àËÅÕèÂÁ·Õ赌ͧʹ㨷ÕèÊØ´ ¤×Í ¡ÒôѺ·Ø¡¢ สิ่งที่เรียกวาศาสนาๆ นั้น หรือโดยเฉพาะพระพุทธศาสนาก็ตาม ยอมมีอยูหลายแงหลายเหลี่ยม มันเหมือนกับของหลายเหลี่ยม ที่เราดูเหลี่ยมหนึ่ง มันก็ไปอยางหนึ่ง ดูอีกเหลี่ยมหนึ่ง มันก็ไปอีกอยางหนึ่ง เราอาจดูผิดเหลี่ยม คือไมถูกเหลี่ยมที่ควรดูก็ได เหมือนอยางวาจะสังเกตดูภเู ขาลูกหนึง่ ไมวา ลูกไหน ดูไปจาก ทิศตางๆ สมมติวามี ๘ ทิศ เราจะเห็นวาภูเขาลูกนั้นมีรูปรางตางกัน แมพระพุทธศาสนาก็เหมือนกัน ถาจะดูดวยสายตาของบุคคลที่มี แง คิ ด หรื อ ความคิ ด หรื อ หลั ก สํ า หรั บ คิ ด ตามที่ ไ ด เ คยอบรมมา แตกาลกอน แลวแตวาบุคคลนั้นจะถือหลักการคิดในแนวไหน ก็จะ เห็นพุทธศาสนาในลักษณะที่แตกตางกันได 22 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


ถาเอาสติปญญาที่ตางกันมาดูพุทธศาสนา จะเกิดความคิดเห็นแตกตางกันไป ÊÔ觷ÕèÊíÒ¤ÑÞ㹡ÒôѺ·Ø¡¢ ¤×Í ¡Òû¯ÔºÑµÔ “äµÃÊÔ¡¢Ò” ÈÕÅ ÊÁÒ¸Ô »˜ÞÞÒ ¾Ò¾Œ¹·Ø¡¢ ໚¹¼ÙŒÃÙŒ ¼ÙŒµ×è¹ ¼ÙŒàºÔ¡ºÒ¹¹ÐâÂÁ

คนเราย อ มเชื่ อ ความคิ ด ความเห็ น ของตั ว เพราะฉะนั้ น ความจริงหรือสิ่งที่เรียกวา สัจจะ สําหรับบุคคลหนึ่งๆ นั้น มันอยู ตรงที่เพียงวาเขาเขาใจและมองเห็นไดเทาไรเทานั้นเอง ไมมากไป กวานั้น เพราะฉะนั้น

สิ่งที่เรียกวา “ความจริง” ของคนเรา จึงไมเหมือนกัน เพราะวาคนเราเขาถึงตัวจริงของสิ่งซึ่งเปนปญหานั้นไดตื้นลึกกวากัน หรือดวยทาทางลักษณะที่ตางกัน และสติปญญาที่ตางกัน สิ่งใดที่อยูนอกเหนือสติปญญา ความรู ความเขาใจของตน ตนยังเขาใจไมได คนนั้นก็ไมอาจจะเอามาเปนความจริงของเขาได “ธรรมะ” เป็ น ปัจจัตตัง คือ เป็ นสิง� ทีร� ูไ้ ด้เฉพาะตน ปฏิบตั เิ อง พิจารณาเอง รูเ้ อง เห็นเอง เข้าถึงเอง พ้นทุกข์เอง ไม่สามารถให้ใครปฏิบตั แิ ทนกันได้ พระพุทธองค์จงึ ตรัสว่า “ท่านจงมาดูเถิด” ว่าสิง� ทีพ� ระพุทธองค์ตรัสสอน นัน� เป็ นความจริงไหม พ้นทุกข์ได้จริงไหม เป็ นเหตุเป็ นผลจริงไหม เมือ� เข้ามาศึกษา ปฏิบตั ิ และพิจารณาด้วยตนเองแล ้ว ก็จะได้คาํ ตอบ บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

23


¼ÁàËç¹Ç‹ÒÈÒÊ¹Ò ¡Ñº»ÃѪÞÒ¡çàËÁ×͹¡Ñ¹¹Ð µŒÍ§´ÙãËŒ´Õæ ¹Ð¤ÃѺ à¾ÃÒоط¸ÈÒÊ¹Ò ÁÕËÅÒÂ᧋ÁØÁ¤ÃѺ

ถาเขาจะพลอยวาจริงไปตามผูอ นื่ เขาก็รสู กึ อยูแ กใจวาไมเปน ความจริง ความจริงของคนคนหนึ่งนั้น จะมีอยูเทาที่เขามีความเขาใจ ถึงทีส่ ดุ ในขณะนัน้ เพียงเทาไรเทานัน้ “ความจริง” ของคนในระดับนี้ จะเดินไดเสมอ คือเดินไปเรื่อยๆ ตามสติปญญาความรูความเขาใจ ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน จนกวาจะถึงความจริงขั้นสุดทาย

คนเราในปจจุบันนี้มีการศึกษามาตางๆ กัน และมีหรือสรางหลักสําหรับศึกษาพิจารณา สําหรับจะเชื่อนั้นตางๆ กัน ฉะนั้น ถาเขาเอาสติปญญาที่ตางๆ กันนั้น มาดูพุทธศาสนา มาจับพุทธศาสนาขึ้นดูวาอะไรเปนอะไร ก็จะเกิดความคิดเห็นแตกแยกแตกตางกันไป ทั้งนี้เพราะวา พุทธศาสนาก็มีอะไรๆ ใหครบทุกอยางอยู เหมือนกัน ยิ่งโดยเฉพาะสิ่งที่เรียกวา “พุทธศาสนา” ในสมัยหลังนี้ ดวยแลว มันมีอะไรเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก มากจนนาเวียนหัว 24 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


แมพระไตรปฎกยังถูกเพิ่มเติมจากตัวแทตามกาลเวลา Í×Áæ áÁŒáµ‹ ¾ÃÐäµÃ» ®¡¡ç¶Ù¡ ᵋ§à¾ÔèÁ¢Öé¹ÁÒ´ŒÇÂËÃ×͹Õè

àËÁÕÂÇ¡çà¾Ôè§ÃÙŒ

ดังที่ไดกลาวมาแลววา

สิ่งที่เรียกวา “พุทธศาสนา” โดยใจความก็คือ วิธีปฏิบัติเพื่อเอาตัวรอดจากความทุกข โดยการทําใหรูความจริงวาอะไรเปนอะไร ตามที่พระพุทธเจาทานทรงทําไดกอน และไดทรงสอนไวเทานั้น แตทีนี้ในคัมภีรทางศาสนานั้น มีอะไรๆ เพิ่มขึ้นๆ ทุกคราว ที่มีโอกาสที่คนชั้นหลังเขาจะเพิ่มขึ้นไดดวยกันทุกศาสนา พระไตรปฎกของเราก็ตกอยูในฐานะอยางเดียวกัน จึงมีเรื่องอะไรมากไปกวานั้น ถึงแมมีขอความที่พระพุทธเจา ทานตรัสเอง ซึ่งไมเกี่ยวของกับเรื่องดับกิเลส ดับทุกข เปนมรรคผล นิพพานโดยตรงก็ยงั มี เนือ่ งจากมีผมู าทูลถามปญหาอยางโลกๆ ในชัน้ ตนๆ ตํ่าๆ พระองคก็ไดทรงใหคําตอบที่เหมาะสมไปดวยเหมือนกัน บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

25


¸ÃÃÁеÑǨÃÔ§äÁ‹ä´ŒÍÂÙ‹ã¹µíÒÃÒ áµ‹ÍÂً㹡ÒÂã¹ã¨¢Í§àÃÒ ·Ø¡¤¹¹Ð¤ÃѺ

เพราะฉะนัน้ เรือ่ งทีเ่ ปนขัน้ โลกๆ เชน คิหปิ ฏิบตั แิ ละศีลธรรม สากลทั่วๆ ไปนั้น จึงมีอยูในพระไตรปฎกดวย แมคําที่ผูอื่นที่เปน บัณฑิตนักปราชญกลาวกันมาแตกาลกอน หรือขณะนั้นในยุคนั้นก็ดี เปนสาวกภาษิตก็ดี เปนฤาษีภาษิต เทวดาภาษิตก็ดี ถาไมขัดกับหลัก ศีลธรรมสากล คือ เปนไปเพือ่ ละความชัว่ ทําความดีแลว พระพุทธองค ก็ทรงอนุมตั วิ า เปน “คํากลาวทีด่ ”ี ดวย คือเปนธรรมะดวยเหมือนกัน เลยถูกบรรจุไวในพระไตรปฎกดวยในอันดับตอมา

ขอความที่คนชั้นหลังเพิ่มเติมปนเปเขาไป ตามความเห็นวาจําเปนในยุคนั้นๆ เพื่อจะชวยใหคนมีศรัทธามากขึ้น หรือกลัวบาปรักบุญมากขึ้น และมากขึ้นเกินขอบเขต จนกระทั่งเกิดเมาบุญอยางนี้ก็มีมาก ซึ่งมีเพิ่มเขาในพระคัมภีรทั้งพระบาลีและอรรถกถา “เราต้องเรียนธรรมะตัวจริงจากรูป นาม กาย ใจ” – จากหนังสือพุทธทาส ตอบคําถาม, พุทธทาสภิกขุ

26 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


พิธีรีตองเกิดมีขึ้น จนถูกเขาใจวาเปนตัวพุทธศาสนาแท ครั้นตกมาถึงขั้นนี้

แมแตพิธีรีตองตางๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น เกี่ยวเนื่องกันกับพระพุทธศาสนาเพียงเล็กๆ นอยๆ ก็ถูกนับเขาเปนพุทธศาสนาไปดวย พิธรี ตี องตางๆ ก็เกิดเพิม่ ขึน้ อยางทีเ่ รียกวานาสมเพช เชน การจัด สํารับคาวหวานทํานองเซนวิญญาณพระพุทธเจา ทีเ่ รียกวาถวายขาวพระ อยางนี้เปนตน ซึ่งเปนสิ่งที่จะมีไมไดในหลักของพุทธศาสนา การที่จะ เซนวิญญาณของพระอรหันตใหบริโภคอาหารคาวหวาน ผลหมากรากไม หรืออะไรทํานองนี้ เปนสิ่งที่เปนไปไมได แตพวกที่เปนพุทธบริษทั บางพวก ก็ไดพยายามจะเขาใจวานีเ่ ปนพุทธศาสนา และก็ไดถอื วา นี่เปนพระพุทธศาสนากันอยูอยางเครงครัดในคนบางหมูบางเหลา

พิธีรีตองตางๆ ทํานองนั้น เกิดขึ้นอยางหนาแนนมากมาย จนหุมหอของจริง หรือความมุงหมายเดิมใหสาปสูญไปเลย ยกตัวอยางเชน เรื่องการบวชนาค จะตองมีพิธีทําขวัญนาค เชื้อเชิญแขกเลีย้ งดูกันอยางเมามายเอิกเกริก ทําพิธีทงั้ ที่วดั ทัง้ ทีบ่ าน บวชไมกี่วันก็สึกออกมา เปนคนเกลียดวัดยิ่งกวาเดิมไปก็มี บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

27


นี่ขอใหคิดดูเถิดวาสิ่งที่ไมเคยมีในครั้งพุทธกาลทั้งนั้น ไดมีมา ไดเกิดขึ้น เพราะวาถาเปนการบวชครั้งพระพุทธเจา ก็หมายความวา บุคคลนั้นไดรับอนุญาตจากบิดามารดาแลว จะปลีกตัวจากบาน จากเรือน เปนคนที่ทางบานตัดบัญชีทิ้งได ไปอยูกับพระพุทธเจา หรือพระสงฆ มีโอกาสเหมาะเมื่อไร ทานก็บวชใหเปนพระองคหนึ่ง โดยไมพบเห็นบิดามารดาญาติโยมอะไรเลยจนตลอดชีวิตก็ยังมี แมบางรายจะกลับมาเยี่ยมบิดามารดาบางก็ตอโอกาสหลัง ซึ่งเหมาะสม แตก็มีนอยเหลือเกิน เพราะเปนธรรมเนียมของนักบวช ครั้งโบราณจะไมมาเยี่ยมบานเปนอันขาด นักบวชบางชนิดบางนิกาย ก็ยังคงมีอยูกระทั่งทุกวันนี้ ที่วาบวชแลวจะมาบานไมไดเปนอันขาด ไม ว  า ในกรณี ใ ดๆ การมาบ า นถื อ ว า เท า กั บ ทํ า ลายการเป น พระ ของตัวหมด จึงไมมาบานจนตลอดชีวิต แมบิดามารดาจะเจ็บจะปวย จะตายอะไรก็ไมมีทางทราบ แตในพุทธศาสนายังมีระเบียบวินัยวา มาไดในเมื่อมีเหตุผล สมควร ถึงอยางนั้นก็พึงทราบวาพวกที่บวชนั้นไมไดเวียนมาบาน ไมไดบวชในที่ตอหนาบิดามารดา แลวก็ฉลองกันเปนการใหญ แลว ไมกี่วันก็สึก สึกแลวก็ไมมีอะไรดีขึ้นกวาเดิม อยางนี้เปนตน แมเปนเชนนี้ เราก็ยงั เรียกการทําขวัญนาคและการทําพิธตี า งๆ ตลอดถึงการฉลองและอะไรๆ เหลานัน้ วาเปนพุทธศาสนา แลวก็นยิ ม ทํากันอยางยิ่ง จะหมดเปลืองทรัพยของตนหรือแรงงานประเทศชาติ เทาไรก็ไมวา

28 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


àÃҢͶÇÒÂÍÒËÒà ો¹Ã‹Ò§·Ã§ËÅǧ»Ù†à¨ŒÒ¤‹Ð

ª‹Ç·íÒãËŒ¾Ç¡àÃÒ ºÃÃÅØàÃçÇæ ¹Ð¤ÃѺ

ËÖæ ¾Ç¡¹Õé ËÅÍ¡§‹Ò¨ÃÔ§æ

ÊÒ¸Øææ

“พุทธศาสนา” โดยทํานองนี้เกิดขึ้นใหมๆ เกิดเปนพุทธศาสนาแบบใหมๆ อยางนี้มีมากมาย แทบจะทั่วไปทุกแหง ธรรมะหรือของจริงที่เคยมีมาแตกอนอยางไรนั้น ถูกหุมหอโดยพิธีรีตองจนมืดมิดหมดสิ้นไป เกิดเปนสิ่งที่มีความมุงหมายอยางอื่นไปใหม เชน พิธบี วชนีก้ ก็ ลายเปนเรือ่ งสําหรับเพียงแตแกหนาเด็กหนุม คนนั้น ที่เขาจะหาวาเปนคนดิบ หาเมียยากอะไรเหลานี้ เปนตน ตลอดถึงเปนโอกาสที่จะชุมนุมแขกเหรื่อ ในบางถิ่นบางแหงกลายเปนที่ หรือเปนโอกาสสําหรับรวบรวมเงินที่จะมีผูนํามาชวย เปนการรุมรวย กันเสียคราวหนึ่งอยางนี้ก็มี ถึงอยางนั้นเขาก็เรียกกันวาพุทธศาสนา ถาใครไปตําหนิติเตียนเขา ก็จะถูกหาวาเปนมิจฉาทิฏฐิ ไมรูจักพุทธศาสนา บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

29


พิธีที่มีมาแตสมัยพุทธกาล ถูกทําจนผิดวิธีและผิดความมุงหมายเดิม ÍÔÍÔ »‚¹Õéä´Œà§Ô¹·Í´¡°Ô¹ ÁÒ¡¨ÃÔ§æ àÍÒ仫×éÍöËÃÙæ »ÃдѺºÒÃÁÕ´Õ¡Ç‹Ò ÍÔÍÔ

ในเรื่องตางๆ อยางอื่นๆ แทบทุกเรื่อง ก็เปนไปในทํานอง เดียวกัน ยกตัวอยางอีกเรื่องหนึ่ง เชน เรื่องกฐิน ของเดิมไมมีความ มุงหมายและวิธีการอยางที่คนสมัยนี้ทํากันอยู กฐินนั้นพระพุทธองค ทรงมีความมุงหมายจะใหพระภิกษุทําจีวรใชเองเปนดวยกันทุกรูป และไดพรอมเพรียงกันทําจีวรใชเองดวยมือของตัวเองในเวลาอัน รวดเร็ว ถาผาที่ชวยกันทํานั้นมีผืนเดียว ก็มอบใหองคใดองคหนึ่ง ซึ่ง ไมจําเปนจะตองเปนเจาอาวาสหรือสมภาร แตเปนภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ซึ่งสงฆเห็นวามีคุณสมบัติในตัวสมควรจะใชสอย หรือขาดแคลนผา จะใชสอย ใหเปนผูใชสอยจีวรผืนนั้นแทนในนามสงฆทั้งหมด มีความ มุงหมายวาจะใหพระทุกรูปหมดความถือเนื้อถือตัว 30 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


จะเปนพระเถระ จะเปนพระหนุม หรือจะเปนสมภารเจาวัด หรือจะเปนผูมีศักดิ์มีเกียรติอะไรก็ตาม ตองลดตัวเองกลายมาเปน กุลีกันไปหมดในวันนั้น เพื่อจะมาระดมกันทําการกะผา ตัดผา เนาผา เย็บผา ยอมผา ผาฟน ตมนํ้า ตมแกนไมทําสียอมผาและอะไรๆ ทุกสิ่ง ทุกอยาง ทีจ่ ะทําใหจวี รนัน้ สําเร็จไดในวันเดียวนัน้ มันเปนการรวบรวม เอาเศษผาจากกองขยะมูลฝอย หรือทางใดทางหนึ่งมาปะติดปะตอ กันเขา หรือเอาเศษผาชิ้นเล็กชิ้นนอยที่ชวยกันสะสมไวในระยะเวลา ที่ทรงอนุญาตมาทําจีวรใช นีเ่ ปนการแกกเิ ลสตัณหา ทีเ่ ปนการถือตัวถือตน ทีไ่ มเปนความ พรอมเพรียง ที่เปนความโงเงาชวยตนเองไมได เชน เย็บจีวรใชเอง ไมเปนอยางนี้เปนตน พระพุทธเจาทานทรงมุงหมายใหสิ่งที่เรียกวา กฐิน เปนอยางนั้น คือไมตองเกี่ยวกับฆราวาสเลยก็ได ไมเกี่ยวกับ ฆราวาส หมายความวาไมตองเอาไปจากฆราวาสก็ได แตเดี๋ยวนี้กฐินกลายเปนเรื่องมีไวสําหรับประกอบพิธีหรูหรา เอิกเกริก เฮฮา สนุกสนาน พักผอนหยอนใจ โดยไมไดรับผลสมความ มุง หมายอันแทจริง แตกลับใชเวลามาก เปลืองมาก ยุง ยากมาก กระทัง่ กลายเปนเวลาสําหรับสํามะเลเทเมา คือ กินเหลากินปลากันสนุกสนาน ไปก็มี เหลานี้เปนตน รักแผนดินไทย สงเสริมเด็กไทยใหไดใกลชิดธรรมะ ดวยการพิมพหนังสือเลมนี้ แจกเปนธรรมทานแกเด็ก โรงเรียน มหาวิทยาลัย หองสมุด สถานพยาบาล รานคา โรงแรม ประจําบาน ฯลฯ เพื่อใหเด็กไดอานเสริมสรางคุณธรรมจริยธรรม

บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

31


¸ÃÃÁеÑÇá·ŒÂѧÁÕÍÂÙ‹ äÁ‹ËÒÂä»ä˹

ÍÂً㹡ÒÂã¹ã¨ ¢Í§·Ø¡¤¹¹Ñè¹àͧ

“พุทธศาสนาเนื้องอก” ปดบังแกนแทของพุทธศาสนา พุทธศาสนา “เนื้องอก” ทํานองนี้ มีขึ้นใหมๆ มากมาย หลายสิบหลายรอยอยาง โดยไมตอ งระบุชอื่ เพราะมากจนระบุไมไหว แตอาตมาอยากจะใหชื่อวาพุทธศาสนาเนื้องอก คือ เปนเนื้อรายชนิดหนึ่งซึ่งงอกขึ้นๆ แตก็ยังไดชื่อวาพุทธศาสนาอยูนั่นเอง เปนการงอกออกมาปดบัง หอหุมเนื้อดีหรือแกนแทของพุทธศาสนาใหคอยๆ ลบเลือนไป ดวยเหตุฉะนี้แหละ สิ่งที่เราเรียกกันวาพุทธศาสนาๆ จึงมีเพิ่มขึ้นมากมายหลายประเภทจากตัวแทของพุทธศาสนาที่มีอยูเดิม ลักษณะอาการเชนนี้ เปนทีเ่ ชือ่ ไดวา มีกนั อยูท กุ ศาสนา จะเปน ศาสนาคริสตัง หรือเปนศาสนาอิสลามอันเครงครัดของพระมูฮัมหมัด หรือศาสนาอื่นๆ ก็ตาม ยอมถูกสาวกสาวิกาในยุคหลังๆ นี้ ทําใหเกิด เนื้องอกดังที่วานี้ขึ้นตามมากตามนอย แตสําหรับพุทธศาสนาเรานั้น เรารูดีวามีอะไรบาง เพราะเกี่ยวของอยูทุกวัน จึงอาจนํามากลาวใหเปน เครื่องสังเกต 32 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


สงเกตเห็นสวนที่ยุงเหยิงได เราก็จะไมฉวยเอาพุทธศาสนาแบบผิดๆ ควรตัง้ ขอสังเกตไววา สิง่ ทีเ่ รียกวาพุทธศาสนานัน้ มีความหมาย ที่ถูกเปลี่ยนแปลงแกไขกวางขวาง ยุงเหยิงซับซอนเหลือประมาณ ในสมัยหลังนี้เกิดเปนนิกายใหญๆ และนิกายยอยๆ อีกตั้ง ๒๐–๓๐ นิกาย ที่กลายเปนพุทธศาสนาอยางตันตระ เนื่องกับกามารมณไปก็มี

จําเปนที่เราจะตองสนใจคนควาแยกแยะใหรูจัก ตัวพุทธศาสนาเดิมแทไวเสมอ และโดยเฉพาะอยางยิ่งก็คือ การที่ไมหลงใหลงมงายยึดถือเอาเปลือกที่หุมภายนอก ไมติดแนนในพิธีรีตองตางๆ จนเปน สีลัพพตปรามาส* ยิ่งขึ้น แตจะยึดเอาการทํากายวาจาใหบริสุทธิ์ เปนที่ตั้งของจิตอันบริสุทธิ์ มีปญญารูวาอะไรเปนอะไรที่ถูกตอง แลวประพฤติปฏิบัติไปตามนั้น *

สีลัพพตปรามาส (อานวา สี-ลับ-พะ-ตะ-ปรา-มาด) คือ การประพฤติปฏิบัติ ขอวัตรอันงมงาย โดยเชื่อวาขลัง วาศักดิ์สิทธิ์ สามารถแกไขไดงายๆ โดยการ ปฏิบัติตามที่พระพุทธเจาตรัสสอนวา ใหละเวนจากการทําความชั่ว ใหทําแต ความดี และทําจิตใจใหผองใสจากกิเลส ดวยการตั้งใจรักษาศีล ๕ หรือศีล ๘ (สําหรับฆราวาส) ใหบริสุทธิ์ เพราะมรรคหรือหนทางสูความพนทุกขที่พระพุทธองคตรัสสอน คือ “ไตรสิกขา” ศีล สมาธิ ปญญา เมื่อดําเนินมรรคถูกตอง จักพนทุกขได บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

33


¾Ø·¸ÈÒʹÒá·Œæ äÁ‹ãª‹áºº¹Õé¹Ð¤ÃѺ

´Ô©Ñ¹¢ÍãËŒÁÒ¡¡Ç‹Ò ¼ÙŒªÒ¤¹¹ÕéÍÕ¡à·‹ÒµÑÇ à¨ŒÒ¤‹Ð

àÍŒÒæ ã¤Ã·íÒºØÞÁÒ¡¡Ç‹Ò ¨Ðä´ŒºØÞÁÒ¡¡Ç‹Ò¹Ð ÍÔÍÔ ¼Á¢ÍãËŒÁÒ¡¡Ç‹Ò »‡Ò¤¹¹Õé¤ÃѺ

อยาไดเขาใจไปวา ถาเขาวาพุทธศาสนาแลวก็พุทธศาสนา เนื้องอกนั้นไดงอกออกมาแลว ตั้งแตหลังจากวันที่พระพุทธเจา ปรินิพพานแลวดวยเหมือนกัน และงอกเรื่อยๆ มา กระจายไปทาง ทิศเหนือทิศใต จนถึงกระทั่งบัดนี้ มีเนื้องอกกอนโตๆ อยางมากมาย เราจะไปอางเอา “พุทธศาสนาเชนนั้น” มาถือวาเปนพุทธศาสนาไมได หรือคนในศาสนาอื่นจะมาชี้กอนเนื้องอกเหลานั้นวา เปนพุทธศาสนา และกลาวหาวามีอยูอยางนาบัดสี นาละอาย เชนนั้น ก็ไมไดเหมือนกัน ไมเปนการยุตธิ รรม เพราะวาสิง่ นัน้ ไมใชพทุ ธศาสนา ที่แทจริงดั้งเดิม แตเปนพุทธศาสนาเนื้องอก

พวกเราที่จะชวยกันจรรโลงพระพุทธศาสนา เพื่อเปนที่พึ่งแกคนทั้งหลายก็ตาม หรือเพื่อประโยชนแกตัวเราเอง โดยเฉพาะก็ตาม จะตองรูจักจับฉวยใหถูกตัวพุทธศาสนา ไมไปถูกชิ้นพุทธศาสนาเนื้องอก ดังที่กลาวแลว 34 คูมือมนุษย ๙ เรื่อง พุทธศาสนากับคนทั่วไป (พุทธศาสนาสอนศิลปะการเปนคน)


แมพุทธศาสนาแท ก็มีหลายแงหลายมุม เราอาจจับไมถูกใจความก็ได àËÅÕèÂÁ·Õ赌ͧʹ㨷ÕèÊØ´ ¤×Í¡ÒôѺ·Ø¡¢ ¹ÐâÂÁ

ÊÒ¸Ø ¡‹Í¹Ë¹ŒÒ¹Õé ¼ÁÁͧäÁ‹àË繾ط¸ÈÒÊ¹Ò ã¹ÁØÁÍ×蹤ÃѺ

ยิง่ กวานัน้ ยังมีแงหรือนัยอันละเอียด ทีเ่ ราควรจะตัง้ ขอสังเกต ใหละเอียดลออยิ่งขึ้นไปอีก ขอนี้คือ

แมวาพุทธศาสนาตัวแท หรือคําสอนที่เรียกไดวาเปนของเดิมๆ ที่เราสงเคราะหเรียกกันวาพระไตรปฎกนี้ ก็ยังมีหลายแงหลายมุม ที่จะทําใหเกิดการจับฉวยเอาไมถูกใจความแทของพุทธศาสนาก็ได อาตมาอยากจะชี้ระบุใหเห็นบางอยางบางประการ เทาที่ เห็นวาจําเปน คือ หลักธรรมตางๆ ในพระพุทธศาสนานั้น มีเหลี่ยมคู ตางๆ ที่เมื่อมองดูกันในเหลี่ยมไหนแลวก็จะไดรูปรางหรือลักษณะ ในเหลี่ยมนั้น บริษัท สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จำกัด

35


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.