ขอมอบหนังสือเล่มนี้ แด่ ...............................................................................
ธรรมบรรณาการ จาก ...............................................................................
นะโม พุทธัสสะ
ความดีที่เกิดจากหนังสือเล่มนี้ ขอถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา
ดวงดีไม่มีขาย อยากได้ต้องท�ำเอง
เสริมลาภ เสริมยศ เสริมโชค รวยบุญ รวยลาภ รวยสุข ด้วยบทสวดมนต์เสริมสิริมงคลประจ�ำวัน โดย กฤษดา รามัญศรี หนังสือคุณภาพในเครือเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
บรรณาธิการ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัทธ์ เรียบเรียง : กฤษดา รามัญศรี ออกแบบปก : อนุชิต คำ�ซองเมือง รูปเล่ม/จัดอาร์ต : สุกัญญา ศรีสงคราม ภาพวาด : ธนรัตน์ ไทยพานิช, อนันต์ กิตติกนกกุล, เทิดเกียรติ ปลูกปานย้อย ภาพถ่าย : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัทธ์ พิสูจน์อักษร : อรทัย คำ�แพง, หนูคล้าย กุกัญยา ISBN : 978-616-268-166-0 ราคา ๖๐ บาท พิมพ์ครั้งแรก : มิถุนายน ๒๕๕๘
สร้างสรรค์และลิขสิทธิ์
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด 105/95-96 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-7667
เชิญร่วมเผยแผ่เป็นธรรมทาน
สาขาทุ่งครุ : โทร. 02-872-9191, 02-872-8181, 02-872-7227, 02-872-9898 LC2YOU@GMAIL.COM, LC2YOU@HOTMAIL.COM WWW.LC2U.COM, WWW.พุทธะ.NET สาขาสำ�ราญราษฎร์ : โทร. 02-221-1050, 02-221-4446
พิมพ์ที่ : หจก. แอลซีพี ฐิติพรการพิมพ์
105/66-67 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140
โทร./แฟกซ์ : 02-872-9577 www.thitiporn.com
โชค ลาภ วาสนา บารมี ความสุข ความร�่ำรวย ความมีสุขภาพ กายสุขภาพใจที่แข็งแรง ล้วนเป็นที่ปรารถนาของมนุษย์ทุกคน แต่จะมี สักกี่คนที่ได้สมดังปรารถนา ตามหลักพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้วา่ สรรพสิง่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุปัจจัยท�ำให้เกิด การที่เราจะมีโชคลาภ ถูกหวย รวยทรัพย์ มีสุขหรือทุกข์ โง่เขลา ฉลาด สมหวังหรือผิดหวัง ต่างก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ได้ท�ำไว้ทั้งสิ้น หากว่ า ได้ ท�ำเหตุ ป ั จ จั ย ที่ ดี เ อาไว้ ผลที่ ดี ย ่ อ มเกิ ด ขึ้ น ตามมา แต่ถ้าท�ำเหตุปัจจัยที่ไม่ดีเอาไว้ ผลที่ไม่ดีก็จะตามมาเช่นเดียวกัน การที่ สรรพสิง่ ทุกอย่างเกิดขึน้ ตามเหตุปจั จัยนี้ ท่านเรียกว่า กฎแห่งกรรม หรือ กฎแห่งการกระท�ำ “ท�ำดีได้ดี ท�ำชั่วได้ชั่ว” ถ้ามนุษย์เราทุกคนเข้าใจและตระหนักถึงกฎดังกล่าวด้วยความ เคารพอย่ า งแท้ จ ริ ง แล้ ว เชื่ อ เหลื อ เกิ น ว่ า คงไม่ มี ใ ครต้ อ งประสบ กับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาอย่างแน่นอน แต่ที่มนุษย์ต้องพานพบกับสิ่งที่ เป็นทุกข์ ความอาภัพอับโชค หรือสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ นั้น ก็เพราะว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ปรารถนาผลอย่างหนึ่ง แต่กลับไปประกอบเหตุอีก อย่างหนึ่ง เช่น คนที่อยากรวยควรที่จะตั้งใจขยันท�ำงาน ประกอบ อาชี พ สุ จ ริ ต ประหยั ด อดออม ซึ่ ง เป็ น เหตุ แ ห่ ง ความรวย กลั บ ไป เล่นหวย เล่นการพนัน ประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมาย หรือใช้จ่าย ฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นเหตุแห่งความจน เช่นนี้จะรวยได้อย่างไร
ท�ำนองเดี ย วกั น คนที่ อ ยากโชคดี อยากดวงดี แต่ ไ ม่ เ คย ประกอบกรรมที่ท�ำให้บังเกิดโชคดีเลย แล้วจะโชคดีได้อย่างไร ที่หนัก กว่านั้นคือ บางคนหันไปประกอบกรรมท�ำชั่วซึ่งไม่เฉพาะแต่จะท�ำลาย ความโชคดีเท่านั้น แต่ได้ซ�้ำเติมความโชคร้ายให้มากยิ่งขึ้น พระพุทธเจ้าทรงชี้ให้เห็นกฎแห่งกรรม ซึ่งเป็นกฎแห่งสัจธรรม ว่า “ท�ำดีได้ดี ท�ำชั่วได้ดี” ดังนั้น ค�ำตอบง่ายๆ ส�ำหรับคนที่ต้องการ ให้ สิ่ ง ดี ๆ เกิ ด ขึ้ น กั บ ตนเอง คื อ ต้ อ งลงมื อ ท�ำความดี และความดี ที่ท�ำนั้น ต้องเป็นความดีที่ประกอบด้วยปัญญา อย่าให้เป็นการท�ำ ความดี แ บบหลงงมงายในรู ป แบบพิ ธี ก รรมอย่ า งไสยศาสตร์ เช่ น การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา ลอดโบสถ์ นอนโลงศพ หรือสวดมนต์ เพื่อการอ้อนวอน เพราะการท�ำความดีหรือท�ำบุญในลักษณะอย่างนี้ นอกจากจะไม่ได้บุญแล้วอาจได้บาปและบางครั้งก็ท�ำให้เสียทรัพย์ไป โดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย หนังสือ สวดทุกวัน ดีทุกวัน เล่มนี้ ได้รวบรวมบทสวดพระปริตร ประจ�ำวันเกิดเอาไว้ครบทุกวัน พร้อมค�ำแปล ประวัติความเป็นมา พร้อมหลักธรรมทีแ่ ฝงไว้ในบทสวดนัน้ ๆ ออกมาเป็นความเข้าใจ เพือ่ ให้ ผู้สวดน�ำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและดับทุกข์ สร้างสมความดี ให้แก่ตน และครอบครัวต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จักเอื้อประโยชน์และความสุข ให้แก่ท่านในการสะสมความดีด้วยการสวดมนต์ได้อย่างเต็มที่ ขออนุโมทนาสาธุ กฤษดา รามัญศรี
สารบัญ บุญ บาป คือโชคชะตาของมนุษย์............................................... ๙ เปลี่ยนกรรม คือ เปลี่ยนชะตา.................................................... ๑๑ สวดมนต์ หนึ่งความดี พลิกวิถีโชคชะตา..................................... ๑๓ เทคนิคการสวดมนต์ให้เกิดอานุภาพ........................................... ๑๙ ค�ำถามเกี่ยวกับการสวดมนต์....................................................... ๒๓ สวดมนต์ประจ�ำวัน คืออะไร....................................................... ๒๙ ล�ำดับการสวดมนต์..................................................................... ๓๔ บทบูชาครู :..................................................................... ๓๖-๓๘ บูชาพระรัตนตรัย, กราบพระรัตนตรัย, ฯลฯ โมรปริตร : บทสวดประจ�ำวันอาทิตย์............................... ๓๙ อภยปริตร : บทสวดประจ�ำวันจันทร์.................................. ๔๙ เมตตปริตร : บทสวดประจ�ำวันอังคาร................................. ๕๖ ขันธปริตร : บทสวดประจ�ำวันพุธกลางวัน......................... ๖๗ อาฏานาฏิยปริตร : บทสวดประจ�ำวันพุธกลางคืน................. ๗๔ รตนปริตร : บทสวดประจ�ำวันพฤหัสบดี............................ ๘๕ ธชัคคสูตร : บทสวดประจ�ำวันศุกร์.................................... ๙๖ อังคุลิมาลปริตร โพชฌังคปริตร : บทสวดประจ�ำวันเสาร์..... ๑๐๙ บทส่งท้าย : ค�ำแผ่เมตตาให้ตนเอง........................................................... ๑๒๓ ค�ำแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์...................................................... ๑๒๓ ค�ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล....................................................... ๑๒๕ ค�ำขออโหสิกรรมและอธิษฐานบุญ......................................... ๑๒๗
สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ
การให้ธรรมะเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง ขณะที่ ท�ำต้ น ฉบั บ นี้ ทางคณะผู ้ จั ด ท�ำได้ มี ค วามพากเพี ย ร พิถีพิถันอย่างเต็มที่ และท�ำด้วยจิตอันเป็นกุศล นอบน้อม เคารพต่อ พระรัตนตรัย มุง่ ให้เกิดประโยชน์แก่ผอู้ า่ นถึงทีส่ ดุ หากมีขอ้ ผิดพลาด อันใดจะพึงมีในหนังสือเล่มนี้ ทางคณะผู้จัดท�ำขอน้อมรับและพร้อม ตรวจสอบปรับปรุงให้ถูกต้องในโอกาสต่อไป 8 สวดทุกวัน ดีทุกวัน
บุญ บาป
คือ โชคชะตาของมนุษย์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้เดินทางไปบรรยาย ธรรมะให้กับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครฟัง ในหัวข้อ เรื่อง “ผีในวิถีชีวิตของคนไทย” ในเย็นวันนั้นได้รับแจ้งข่าวจาก ภรรยาว่า พ่อของเพื่อนที่ท�ำงานถูกล็อตเตอรี่รางวัลแจ๊คพอตเป็น เงิน ๒๐ ล้าน กลายเป็นเศรษฐีคนใหม่ชวั่ ข้ามคืน และต่อมาในเดือน พฤษภาคม น้องชายซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของข้าพเจ้าก็โพสต์ลงใน เฟสบุ๊คว่า ถูกหวย 466 สามตัวทั้งเต็งทั้งโต๊ดได้เงินมา ๘ แสนกว่า บาท ช่างต่างจากตัวเองนักที่ซื้อเท่าไรไม่เคยถูกเลย พระพุ ท ธเจ้ า ตรั ส ว่ า คนเราเกิ ด มามี บุ ญ -บาปติ ด ตั ว มา ไม่เหมือนกัน บางคนมีบญ ุ ติดตัวมามาก บางคนมีบญ ุ ติดตัวมาน้อย ผู้ที่มีบุญติดตัวมามาก ท�ำการสิ่งใดย่อมประสบผลส�ำเร็จ มีชีวิตที่ เจริญรุง่ เรือง และมีลาภผล ส่วนผูม้ บี ญ ุ ติดตัวมาน้อย ท�ำบาปมามาก จะลงมือท�ำอะไรก็มากไปด้วยอุปสรรค ท�ำอะไรก็ไม่กา้ วหน้า บางครัง้ อุตส่าห์ถูกหวยกับเขาทั้งที เจ้ามือก็กลับหนีหายไม่จ่ายซะงั้น ด้ ว ยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงตรัสว่ า ปุ พฺ เ พ กตปุ ญฺ ตา เอตมฺมงฺคลมุตตฺ มํ การเป็นผูไ้ ด้สร้างสมบุญเอาไว้ในชาติกอ่ น เป็น มงคลสูงสุดของชีวิต บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
9
ข้าพเจ้าเคยนึกสงสัยมาก่อนหน้านี้ว่า เหตุใดคนเราจึงเกิดมา มีรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ และชะตาชีวิตที่แตกต่างกัน และเชื่อ เหลือเกินว่า ที่มนุษย์มีความแตกต่างกันนั้นเป็นเพราะพรหมลิขิต จนกระทัง่ ได้มโี อกาสบวชเรียนและศึกษาพระธรรมค�ำสอนจึงได้พบ ค�ำตอบว่า สาเหตุทที่ �ำให้คนเรามีโชคชะตาแตกต่างกันก็คอื “กรรม” นั่นเอง กรรมดี ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า “บุญ” ส่วนกรรมชั่ว หรือกรรมไม่ดี เรียกว่า “บาป” ทุกกรรมหรือทุกการกระท�ำของเรา ย่อมส่งผลต่อความเป็นไปของชีวิตเสมอ รวมถึงความโชคดี ถูกหวย รวยทรัพย์ด้วย ดังนั้น บุญและบาป จึงเป็นผู้ก�ำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์ หาใช่พรหมลิขิตดังที่ใครหลายคนเข้าใจไม่
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลก ย่อมเป็นไปเพราะกรรม กมฺมุนา วตฺตตี ปชา หมู่สัตว์ ย่อมเป็นไปเพราะกรรม พระพุทธพจน์ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ ข้อ ๓๘๒
10
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
เปลี่ยนกรรม คือ เปลี่ยนโชคชะตา
ข้าพเจ้ามีความเลือ่ มใสในค�ำสอนของพระพุทธเจ้าทีว่ า่ ชะตา ชีวติ ของคนล้วนเป็นไปตามผลกรรมทีต่ นสร้างเอาไว้ เพราะข้าพเจ้า เห็นว่าเป็นค�ำสอนที่ยุติธรรมที่สุดแล้วที่จะท�ำให้มนุษย์รับผิดชอบ ชะตาชีวิตของตนด้วยตนเอง ดีกว่าจะยกให้พระเจ้าหรือพระพรหม บนฟ้าเป็นผู้ลิขิต เพราะนัน่ เท่ากับมนุษย์ได้ปดั ความรับผิดชอบผลของการกระท�ำ ทั้งหมดให้พระเจ้าหรือพระพรหม โดยที่ตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ อะไร จะท�ำดีหรือท�ำชั่วอะไรก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะสิ่งที่ตน ท�ำนั้นท�ำตามบัญชาของพระเจ้า หรือท�ำตามที่พระพรหมท่านลิขิต เอาไว้ ซึ่งไม่ยุติธรรมกับพระเจ้าหรือพระพรหมเลย อีกอย่าง ข้าพเจ้าไม่ค่อยเห็นด้วยกับความเชื่อที่ว่า พระเจ้า หรือพระพรหมเป็นผู้สร้างโลก หรือเป็นผู้ก�ำหนดชะตาชีวิต เพราะ ถ้าเป็นเช่นนัน้ เหตุใดพระเจ้าหรือพระพรหมท่านจึงเสกสรรปัน้ แต่ง คนให้แตกต่างกัน ให้มีดีมีเลว มีรวยมีจน เหตุใดไม่สร้างคนให้ เท่าเทียมกันหมดเล่า เพราะถ้าเสกสรรปั้นแต่งมนุษย์ทุกคนให้เป็น คนดีเท่าเทียมกันหมดแล้ว ความทุกข์ ความเดือดร้อน ความยุง่ เหยิง ต่างๆ คงไม่มีอย่างที่เป็นอยู่ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
11
ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงให้น�้ำหนักกับค�ำสอนของพระพุทธเจ้า ที่สอนให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ท�ำดีได้ดี ท�ำชั่วได้ชั่ว และเราเป็น ผู้รับผิดชอบชะตาชีวิตของตัวเอง การเชื่อในกฎแห่งกรรม ท�ำให้เราสามารถขีดเขียนชะตาชีวิต ให้กบั ตนเองได้ โดยด�ำเนินตามกฎแห่งกรรมทีว่ า่ ท�ำกรรมดี ย่อมได้ รับผลดี ท�ำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว หากยึดตามหลักการนี้ ถ้าเรา อยากให้ดวงเราดี อยากให้ชีวิตมีความสุข มีความเจริญรุ่งเรือง ก็ท�ำได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนกรรม กล่าวคือ เปลี่ยนจากกรรมไม่ดี ทีเ่ คยท�ำหันมาท�ำแต่กรรมดีอย่างต่อเนือ่ งและจริงจัง เท่านีช้ ะตาชีวติ ของเราก็จะเปลี่ยน และเปลี่ยนได้ในปัจจุบัน โดยไม่ต้องรอผล ชาติหน้าด้วย
บุคคลใดเคยท�ำกรรมชั่วไว้ (กลับตัวได้) หันมาท�ำดีปดิ กัน้ บุคคลนัน้ ย่อมท�ำให้โลกแจ่มใส เหมือนดังดวงจันทร์ อันพ้นจากเมฆหมอก พระพุทธพจน์ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ ข้อ ๒๓
12
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
สวดมนต์หนึ่งความดี พลิกวิถีโชคชะตา กฎแห่งกรรม เป็นหลักแห่งเหตุและผลที่สามารถอธิบายด้วย หลักวิทยาศาสตร์ พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า สรรพสิ่งทุกอย่างที่ เกิดขึ้นล้วนแต่มีเหตุปัจจัยท�ำให้เกิด ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นลอยๆ โดย ไม่มีเหตุ เมื่อมีเหตุต้องมีผล และเมื่อมีผลก็ต้องมีเหตุ โชคดี ถูกหวย มีสุข มีทุกข์ ร�่ำรวยหรือยากจน โง่หรือฉลาด ก้าวหน้าหรือถอยหลัง ทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย หากอยากได้ผลดี ก็ต้องประกอบเหตุที่ดี หรือหากไม่อยาก ประสบกับผลที่ไม่ดีก็ควรละเลิกหลีกเลี่ยงการท�ำเหตุที่ไม่ดี ความดีที่เป็นเหตุให้เกิดผลดีนั้นมีมากมายหลายประการ ซึ่ง เชื่อว่า ทุกคนต่างรู้จักดีว่าอะไรคือความดี รวมถึงคนที่ท�ำไม่ดีทุก คนด้วย ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะคนท�ำชั่วโดยส่วนใหญ่ ที่ท�ำไปไม่ใช่ เพราะไม่รู้ว่าเป็นความชั่ว แต่ที่ท�ำเพราะหักห้ามใจตนเองไม่ได้ ต่างหาก เช่น นักการเมืองทีท่ จุ ริตคอรัปชัน่ คดโกงบ้านเมือง ทีท่ �ำนัน้ เพราะไม่ใช่ไม่รู้ แต่ที่ท�ำเพราะหักห้ามความโลภไม่ได้ ไม่มีความ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป ความดีนี้แม้จะเป็นสิ่งที่เราท่านทั้งหลายทราบดีอยู่แล้ว และ สามารถแยกแยะได้ด้วยสามัญส�ำนึกของตนก็ตาม แต่ความดีตาม สามัญส�ำนึกนั้นบางครั้งอาจผิดพลาดหรือไม่ถูกต้อง เพราะคน ส่วนใหญ่จะแยกแยะว่าอะไรดีอะไรชัว่ โดยถือเอาความชอบใจของตน บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
13
เป็นหลัก ดังนั้น จึงต้องมีศาสนาหรือสังคมเป็นผู้ก�ำหนดรูปแบบ ความดีเอาไว้ให้ปฏิบัติ ซึ่งถ้าว่าตามหลักพุทธศาสนาแล้วท่านก็ได้ ก�ำหนดรูปแบบการท�ำความดีเอาไว้มากมายหลายอย่าง การสวดมนต์ เป็นรูปแบบการท�ำความดีอย่างหนึง่ ทีช่ าวพุทธ ยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยพุทธกาล ๒,๖๐๐ กว่าปีจนถึงปัจจุบัน การสวดมนต์เป็นการท�ำความดีด้วยใจ เป็นอุบายท�ำจิตให้ สงบปราศจากความกังวล เร่าร้อน อันเกิดจากกิเลสหรืออารมณ์ ฝ่ายต�่ำทั้งหลาย ผู้ที่สวดมนต์เป็นประจ�ำย่อมท�ำให้ความดีพอกพูน ในจิตใจมากยิ่งขึ้น เมื่อความดีพอกพูนมากขึ้น ชะตาชีวิตที่ว่า โชคร้ายก็จะกลายเป็นดี เท่านั้นยังไม่พอ หากผู้สวดมนต์สวดด้วย ความเข้าใจ คือใช้สติปัญญาพิจารณาเนื้อธรรมไปตามเนื้อหาอย่าง ลึกซึ้งแล้ว ย่อมสามารถรู้แจ้งสัจธรรมเข้าถึงความหลุดพ้นได้ ดูกอ่ นภิกษุทงั้ หลาย ภิกษุในธรรมวินยั นี้ ย่อมถึงความ หลุดพ้นเพราะเหตุ ๕ ประการ คือ ๑. ย่อมหลุดพ้นด้วยการฟังธรรม ๒. ย่อมหลุดพ้นด้วยการแสดงธรรม ๓. ย่อมหลุดพ้นด้วยการสาธยายธรรม (สวดมนต์) ๔. ย่อมหลุดพ้นด้วยการพิจารณาธรรม ๕. ย่อมหลุดพ้นด้วยการเจริญภาวนา เก็บความจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๑ หน้า ๒๐๔ ข้อ ๓๐๒
14
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
ก�ำลังใจจาก...พระสุปฏิปันโน
การสวดมนต์ เป็นการระลึกถึง
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
เมื่อจิตมีที่พึ่งคือคุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความหวาดสะดุ้งก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี ภัยอันตรายใดก็ดี จะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั้นแล สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรัหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ สมเด็จ ๕ แผ่นดิน บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
15
พระพุทธมนต์นั้น ใครสวดก็ตาม จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์ เช้า-เย็น หรือชาวพุทธทุกคนสวดพุทธคุณ ระลึกในใจ มีอานุภาพ
แผ่ไปได้หมื่นจักรวาล พูดสวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพ แผ่ไปได้แสนจักรวาล สวดมนต์เช้า-เย็นธรรมดา มีอานุภาพ แผ่ไปได้ โกฏิจักรวาล สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้ อนันตจักรวาล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร อาจารย์ใหญ่สายพระป่า
16
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
การสวดมนต์ท�ำความดี ก็อย่าได้ ใจร้อน อย่าโลภท�ำไปเรื่อยๆ ถึงคราวบุญกุศลที่ท�ำไว้ก็จะจัดสรร ให้ร�่ำรวย เป็นสุขเอง โดยไม่ต้องอ้อนวอนขอให้เหนื่อย หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
17
การสวดมนต์ไหว้พระเป็นธรรมประจ�ำชีวติ เป็นข้อคิดประจ�ำชีวติ เกิดผลผลิเพื่องอกงามสร้างความดี ให้แก่ตน ผลก�ำไรเป็นความดี เพือ่ มอบแก่เพือ่ นร่วมชาติ ร่วมโลก ได้อยูด่ ว้ ยความโชคดีทกุ ๆ ท่าน ขอให้ท่านพร้อมสมาชิกในครอบครัว ได้สวดมนต์กันทุกคน ทุกครอบครัว เพื่อเป็นมงคลในชีวิต จะเกิดฐานะดี มีปัญญา จะได้ มีความสุข ความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปในชีวิต พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
18
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
เทคนิคการสวด
ให้เกิดอานุภาพ ท่ า นที่ ส วดมนต์ โ ดยมาก มั ก มี ค วามต้ อ งการหรื อ หวั ง ผล ที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนสวดเพื่อให้เกิดโชคลาภ บางคนสวด เพื่อสะเดาะเคราะห์ บางคนสวดเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองจาก พุทธคุณ บางคนสวดเพื่อรักษาโรค บางคนสวดเพื่อเสริมบารมี บางคนสวดเพื่อบูชาสิ่งที่ตนเคารพเพื่อบันดาลในสิ่งที่ตนต้องการ และอีกหลายเหตุผล ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง การสวดมนต์นั้น จะเกิดอานุภาพมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ความเชื่อมั่นในบทสวดและความตั้งใจของผู้สวดเป็นส�ำคัญ เพราะ พระพุ ท ธมนต์ แ ต่ ล ะบทล้ ว นมี อ านุ ภ าพและความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ อ ยู ่ ในตัวแล้ว เพียงแต่ว่าใครจะสามารถน�ำออกมาใช้ให้เกิดผลได้มาก หรือน้อยกว่ากันเท่านั้น หัวใจของการปลุกพระพุทธมนต์ให้เกิด ฤทธานุภาพนั้นมีอยู่ ๕ ประการ เรียกว่า พละ ๕ คือ ๑. ศรัทธา คือ ความเชื่อมั่นในอานุภาพของพระรัตนตรัย
เชือ่ มัน่ ในอานุภาพของบทสวด เชือ่ มัน่ ในอานุภาพแห่งความดี เชือ่ มัน่ ว่าการสวดมนต์เป็นการท�ำความดี และเชือ่ มัน่ ว่า เมือ่ ตนท�ำความดี ด้วยการสวดมนต์แล้ว ความดีจกั คุม้ ครองตนให้ปลอดภัย ท�ำให้ชวี ติ มีความสุขเจริญรุ่งเรือง บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
19
๒. วิริยะ คือ มีความเพียร กระท�ำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น
ต่อเนื่อง ท�ำให้ได้ทุกวันจนติดเป็นนิสัยกลายเป็นความเคยชิน เป็นอัตโนมัติ อาจต้องฝืนความรู้สึก เพราะเกียจคร้าน แต่หาก ท�ำจนได้ อั ต โนมัติแล้วก็จะกลายเป็นความอิ่ ม เอิ บ เป็ น สุ ข เมื่ อ ลงมือท�ำ ๓. สติ คือ มีจิตจดจ่ออยู่กับทุกอักขระตัวอักษรในบทสวด
ไม่ปล่อยใจให้ลอยออกไปคิดเรื่องอื่น เพราะหากเผลอสติจะท�ำให้ สวดผิดได้ ขณะสวดหากรูต้ วั ว่าจิตก�ำลังลอยออกไปก็ตงั้ สติดงึ ใจกลับ มาอยูก่ บั บทสวดอย่างเดิม การสวดอย่างมีสติจะท�ำให้การสวดไม่ผดิ คล่องปาก คล่องใจ และจดจ�ำบทสวดได้เร็วขึ้น ๔. สมาธิ คือ การที่เราสามารถรักษาสติให้จดจ่ออยู่กับ
บทสวดอย่างต่อเนือ่ งในเวลานาน โดยไม่วอกแวกออกไปคิดเรือ่ งอืน่ จิตของเราก็จะตั้งมั่นแนบแน่นในบทสวด ภาวะที่จิตแนบแน่น ในบทสวดนี้เรียกว่า “จิตเป็นสมาธิ” จิตที่เป็นสมาธิย่อมสงบนิ่ง เบาสบาย แต่ ห นั ก แน่ น สดชื่ น เบิ ก บาน และมี ค วามเอิ บ อิ่ ม เต็มไปด้วยพลังที่สร้างสรรค์ ๕. ปัญญา คือ การใช้สติปญ ั ญาพิจารณา ตรึกตรองเนือ้ หา
ของธรรมในบทสวดให้เกิดความรู้ความเข้าใจว่าบทสวดนั้น ท่าน กล่ า วสอนเรื่ อ งอะไร มี ธ รรมข้ อ ไหนที่ ส ามารถน�ำมาประยุ ก ต์ ใช้ ใ นการด�ำเนิ น ชี วิ ต ได้ เพราะบทสวดทุ ก บทล้ ว นแฝงไว้ ด ้ ว ย หลักธรรมค�ำสอนที่ทรงคุณค่ายิ่ง หากเราตรึกตรองด้วยสติปัญญา 20
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
ขบคิดพิจารณาบ่อยๆ ก็จะท�ำให้เข้าใจธรรมได้แจ่มชัดขึ้น เห็น ประโยชน์ของการปฏิบัติธรรมมากขึ้น ทีส่ �ำคัญคือเมือ่ เรามีความรูค้ วามเข้าใจในธรรม และตระหนัก ถึงคุณค่าด้วยปัญญาแล้วก็จะเป็นแรงสนับสนุนให้เรามีศรัทธามาก ขึ้น เมื่อศรัทธามากขึ้นก็ท�ำให้มีวิริยะมากขึ้น เมื่อวิริยะมากขึ้น สติ มากขึ้น ก็เกื้อหนุนให้สมาธิแก่กล้าขึ้น เมื่อสมาธิแก่กล้าขึ้นปัญญา ก็เฉียบแหลมมากขึน้ เกือ้ หนุนกันให้ยงิ่ เข้มข้นเป็นวัฏจักรแห่งก�ำลัง น�ำพาสู่ความเจริญสุขอย่างทวีตรีคูณ ถ้าท�ำได้ครบทั้ง ๕ ข้อนี้แล้ว เชื่อเหลือเกินว่า การสวดมนต์ ของท่านจะไม่เปล่าประโยชน์เลย เพราะการสวดมนต์ที่ประกอบ ด้วยศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา แม้จะไม่บังเกิดผลในแง่ของ อิทธิปาฏิหาริย์ที่บันดาลโชคลาภดังประสงค์ แต่พึงระลึกไว้เสมอว่า ทุกครั้งที่เราตั้งใจสวดมนต์นั้น เราได้ช�ำระกิเลส คือความโลภ โกรธ หลง ที่มีอยู่ในใจให้เบาบางลงทุกขณะ ซึ่งจะท�ำให้ใจสะอาดขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น ใจที่ปราศจากกิเลสแม้จะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง ก็เป็นบุญมหาศาลแก่ตน ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะอนุโมทนาสาธุแก่ตนเป็นอย่างยิ่ง
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
21
ข้อแนะน�ำในการสวด ๑. การสวดนั้นสามารถสวดได้ทุกที่ทุกเวลาไม่จ�ำกัด เพียงแต่ต้องมีความตั้งใจจริงเท่านั้น ๒. ก่อนสวดให้หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อน หายใจออกช้าๆ ผ่อนคลายร่างกาย ปล่อยวางทุกอย่าง ตัง้ จิต อยู่กับการสวดมนต์นั้นอย่างเดียว ๓. ให้สวดเสียงดังพอประมาณ การสวดออกเสียงจะช่วย ให้สติมั่นคงมากกว่าการสวดในใจ ทั้งยังช่วยให้ปอดขยายและ ท�ำงานได้ดีอีกด้วย ๔. ไม่ตอ้ งรีบเร่งสวดเพือ่ จะให้จบเร็วๆ พึงตัง้ ใจสวดให้ได้ จังหวะที่พอดี ๕. ส�ำ หรั บ ผู ้ ที่ ไ ม่ คุ ้ นเคยกั บ บทสวดที่เป็น ภาษาบาลี อาจจะสวดผิดบ้างถูกบ้างไม่เป็นไร ให้ตงั้ ใจสวดต่อไป ไม่นาน ก็จะเกิดความช�ำนาญขึ้นมาเอง ๖. การสวดมนต์จะสวดค�ำแปลด้วยก็ได้ เพื่อจะได้เข้าใจ เนือ้ หาทีส่ วด หากเข้าใจเนือ้ หาดีอยูแ่ ล้วจะไม่สวดค�ำแปลเลยก็ได้ ๗. เมื่อสวดมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรท�ำสมาธิ แผ่ เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ตนได้เคยเบียดเบียน ทั้งในชาตินี้และอดีตชาติ ขอให้อยู่เป็นสุขและอโหสิกรรมให้แก่ ตนเอง
22
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
ค�ำถามเกี่ยวกับการสวดมนต์ ในการสวดมนต์มกั เกิดข้อสงสัยต่างๆ มากมาย ทัง้ จากผูท้ สี่ วด อยู่เป็นประจ�ำ ผู้ที่ก�ำลังเริ่มสวด หรือแม้กระทั่งผู้ไม่เคยสนใจที่ จะสวดมนต์เลยก็ยังมีข้อสงสัย เพื่อเป็นการกระตุ้นศรัทธาของ ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใสในการสวดมนต์ให้เกิดความเลื่อมใส และเพื่อ เสริมสร้างศรัทธาแก่ผทู้ มี่ ศี รัทธาเป็นทุนเดิมอยูแ่ ล้วให้มากยิง่ ขึน้ จึง ขอน�ำข้อสงสัยในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสวดมนต์มาตั้งเป็น ค�ำถาม และให้ค�ำตอบเป็นข้อๆ ไปตามล�ำดับ ดังนี้ ๑ สวดมนต์คืออะไร ท�ำไมต้องสวดมนต์ ?
สวดมนต์ คือ การท่องบ่นมนต์หรือบทสวดต่างๆ ให้เป็นท่วง ท�ำนอง มนต์หรือบทสวดนัน้ แบ่งได้หลายประเภทตามวัตถุประสงค์ เช่น บทสวดเพือ่ บูชาคุณในสิง่ ทีค่ วรบูชา บทสวดเพือ่ ให้เกิดปาฏิหาริย์ ป้องกันและรักษาภัยอันตราย บทสวดที่เป็นพระธรรมค�ำสอน ที่มาของบทสวดบางบทแต่งขึ้นโดยพระพุทธเจ้า บางบทแต่งโดย พระอรหันตสาวก บางบทแต่งขึ้นโดยอาจารย์ผู้ทรงความรู้รุ่นหลัง สาเหตุของการสวดมนต์ ก็แบ่งได้เป็น ๓ ประการใหญ่ๆ ตาม ประเภทของบทสวดมนต์คอื ๑) เพือ่ บูชาสิง่ ทีค่ วรบูชา เช่น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ๒) เพื่อให้เกิดฤทธิ์ปาฏิหาริย์ป้องกันคุ้มครอง ภัยอันตรายแก่ตน ๓) เพื่อศึกษา รักษา และเผยแผ่พระธรรม ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
23
๒ บทสวดมนต์มีหลายบท แต่ละบทก็ว่าดีด้วยกัน ทั้งนั้น เราควรจะเลือกสวดบทไหนดี ?
ในเบื้องต้น อยากให้ท่านเข้าใจเอาไว้ก่อนว่า บทสวดมนต์ ทุกบทล้วนแต่มดี ดี ว้ ยกันทัง้ นัน้ ดังที่ หลวงปูด่ ู่ พรัหมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้กล่าวเอาไว้ว่า “บทสวดมนต์แต่ละบทนั้น ไม่ว่าจะบทไหน ในเจ็ดต�ำนาน ก็ดี สิบสองต�ำนานก็ดี ทีอ่ นื่ ก็ดี ทุกบทล้วนแต่ดที งั้ นัน้ เพราะบทสวด ทุกบทเป็นค�ำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จึงมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว อนึ่ง บทสวดแต่ละบทนั้นจะเกิดความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ ไม่ได้อยูท่ บี่ ทสวดแต่ขนึ้ อยูก่ บั จิตของผูส้ วดว่า มีศรัทธาและ มีสมาธิมากน้อยแค่ไหน เพราะหากจิตเปี่ยมด้วยศรัทธา มากด้วย สมาธิแล้ว จะสวดบทไหนก็ขลังและศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น” และถ้าหากเราตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า การสวดมนต์เป็นการ ท�ำความดี และที่เราสวดมนต์นี้ก็เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้สั่งสม ความดีให้แก่ตัว มิได้มุ่งเพื่อให้เกิดฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไรที่เกินจริง คิดแค่วา่ เพียงแค่เราได้สวดมนต์ ความดีทเี่ กิดจากการสวดมนต์นี้ ก็จะปกป้องคุม้ ครองและน�ำพาเราให้เจริญรุง่ เรืองเอง เพราะกรรม มีกฎตายตัวอยู่ว่า ผู้ท�ำดีย่อมได้ดี ผู้ท�ำชั่วย่อมได้ชั่ว
24
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
๓ สวดมนต์อย่างเดียว ไม่ท�ำความดีอย่างอื่น จะ เพียงพอช่วยท�ำให้ชวี ต ิ เจริญรุง่ เรือง หรือแก้ปญ ั หา ได้หรือไม่ ?
ชีวิตของคนเราจะเจริญรุ่งเรืองได้ ต้องประกอบด้วยปัจจัย หลายๆ อย่าง พระพุทธเจ้ากว่าจะได้ตรัสรูเ้ ป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ก็ต้องบ�ำเพ็ญพระบารมีมากมายนับไม่ถ้วน อาหารจะอร่อยก็ต้องใส่เครื่องปรุงหลายอย่างจนครบเครื่อง ส้มต�ำจะใส่แค่พริกอย่างเดียว ไม่ใส่มะนาว น�้ำปลา ปลาร้า หรือ เครื่องปรุงอย่างอื่นให้ครบเครื่อง ไฉนเลยจะมีรสชาติที่อร่อยได้ ฉันใด การสวดมนต์แต่เพียงอย่างเดียวก็ฉันนั้น ไม่อาจน�ำพาชีวิต ของคนให้เจริญรุ่งเรืองหรือแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ต้องอาศัยการ ท�ำความดีอย่างอืน่ อีกมากมายทีค่ วรจะท�ำ เช่น ความกตัญญูกตเวที ต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ ความเคารพอ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรอ่อนน้อม ความซื่อสัตย์ ความขยัน ความอดทน ความมีจิตเมตตา การตั้งอยู่ ในศีล การเจริญสมาธิ ความมีสติปัญญา และอื่นๆ จึงจะสามารถ น�ำพาตนให้รอดพ้นจากความทุกข์และมีความสุขได้
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
25
๔ การสวดมนต์จ�ำเป็นต้องรู้ความหมายหรือไม่ การแปลท�ำให้บทสวดเสือ ่ มความศักดิส์ ท ิ ธิจ์ ริงหรือ ?
เดิมทีการสวดมนต์นั้น ไม่นิยมแปลความหมาย เหตุที่ไม่นิยม แปลเพราะผู้ที่สวดมนต์ส่วนใหญ่เป็นพระภิกษุสามเณร ซึ่งมีความ รู้ความเข้าใจในบทสวดนั้นๆ ดีอยู่แล้ว คือสวดเฉพาะบาลีก็เข้าใจ เนื้อหาของบทสวดได้ทั้งหมด ต่อมาภายหลังพระภิกษุที่มีความรู้ เรื่องบาลีน้อยลง ประกอบกับบทสวดต่างๆ ได้กระจายออกไปสู่ ฆราวาสมากขึ้น จึงได้มีการแปลบทสวดเป็นภาษาไทย ทั้งนี้ เพื่อให้ ผู้สวดเข้าใจและเข้าถึงเนื้อหาของธรรมในบทสวดต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึง่ เป็นฐานให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งในธรรม สามารถน�ำไปประยุกต์ใช้ ในการแก้ปัญหาและด�ำเนินชีวิตให้มีความสุขได้ ดังนั้น การรู้ค�ำแปลของบทสวดจึงมีความส�ำคัญและจ�ำเป็น อย่างมาก ส�ำหรับการศึกษาและเรียนรู้ธรรมะ การแปลบทสวด ไม่อาจท�ำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของบทสวด เสื่อมแต่อย่างใด มีแต่จะช่วยให้บทสวดมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ มากขึ้น เพราะคุณค่าและความศักดิ์สิทธิ์ของบทสวดมนต์ที่แท้จริง ก็คือ ความเข้าใจในหลักธรรมค�ำสอนและสามารถน�ำไปปฏิบัติให้ เกิดผล คือดับทุกข์ให้กับตนเองได้ ส่วนความขลังความศักดิ์สิทธิ์ของคาถานั้นหากไม่เป็นไปเพื่อ ความดับทุกข์แล้ว ก็หาใช่เป้าหมายและผลอันแท้จริงของมนต์บท นั้นๆ ไม่ 26
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
๕ การสวดมนต์ท�ำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้จริงหรือไม่ ?
การสวดมนต์ ท�ำให้เกิดปาฏิหาริยไ์ ด้จริงหรือไม่ ตอบว่าได้จริง มีเรือ่ งยืนยันมากมายทัง้ ในอดีตและปัจจุบนั ในอดีต เช่น พญานกยูง สวดมนต์แล้วท�ำให้พน้ จากการจับกุมของนายพรานได้ ครัง้ หนึง่ เมือง เวสาลีเกิดโรคระบาดมีคนล้มตายเป็นจ�ำนวนมาก และมีอมนุษย์ เข้าไปเบียดเบียนมนุษย์เป็นจ�ำนวนมาก พระพุทธเจ้าทรงให้พระอานนท์สวดบทรตนปริตรและท�ำน�้ำมนต์ประพรมไปทั่วนคร ขับไล่ ภูตผีปีศาจและโรคร้ายทั้งปวงให้หมดไป ปัจจุบันก็ที่พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ิตธมฺโม) เล่าไว้ในหนังสือ “กรรมฐานแก้กรรม” ล�ำดับที่ ๖ ว่า เศรษฐีนี คนหนึ่ง เป็นชาวคริสต์ กลุ้มใจเรื่องลูกชายเกเร หลวงพ่อแนะน�ำ ให้สวดมนต์บทพาหุงมหากาฯ และอิติปิ โส เท่าอายุ + ๑ บังเกิดผล ลูกกลับตัวเป็นคนดี หรือเรื่องจ่าคนหนึ่งจะสอบนายร้อยมาขอให้หลวงพ่อช่วย หลวงพ่อแนะน�ำให้ไปสวดมนต์เช่นกัน พอไปสอบ ผลปรากฏว่า สอบได้ นี่เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น แต่เหตุที่บางคนสวดแล้วไม่เกิด ปาฏิหาริย์ก็เพราะมีเหตุ ๓ อย่าง คือ
๑) มีแรงกรรมมาปิดกั้น ๒) ผู้สวดสวดด้วยจิตมีกิเลส ๓) ผู้สวดไม่มีศรัทธาในบทสวด
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
27
28
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
สวดมนต์ประจ�ำวัน
คืออะไร
การสวดมนต์ประจ�ำวันนั้น เป็นการประยุกต์ความเชื่อทาง โหราศาสตร์ เชื่ อ มโยงเข้ า กั บ หลั ก ค�ำสอนทางพระพุ ท ธศาสนา กล่าวคือตามความเชื่อทางโหราศาสตร์เชื่อว่า ชีวิตหรือดวงชะตา ของคนเราจะเป็นไปตามอ�ำนาจของดาวพระเคราะห์ทั้ง ๘ ดวง คือ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ และดาวราหู ซึ่งดาวทั้ง ๘ นี้จะผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันเข้าเสวยอายุและแทรกในแต่ละช่วงอายุของแต่ละคน ช่วงใดที่ดาวพระเคราะห์ที่เป็นมิตรกันเข้าเสวยอายุและแทรก ก็จะเกิดผลดีแก่เจ้าชะตา แต่ถ้าช่วงใดเป็นดาวที่เป็นศัตรูกันเข้า เสวยและแทรกก็จะเกิดผลร้าย ท�ำให้เจ้าชะตามีเคราะห์ ซึ่งเมื่อ มี เ คราะห์ แล้วจะต้องท�ำการสะเดาะเคราะห์ เพื่ อ ขจั ดปั ดเป่ า เคราะห์ร้ายให้หายไป การสะเดาะเคราะห์แต่เดิมนั้นจะท�ำตามพิธีพราหมณ์หรือ ตามความเชือ่ เดิมของแต่ละท้องถิน่ ต่อมาเมือ่ คนไทยยอมรับนับถือ เอาพระพุทธศาสนามาเป็นหลักในการด�ำเนินชีวิต ก็ได้ประยุกต์ เอาหลักค�ำสอนทางพระพุทธศาสนาเข้ามาเป็นหลักปฏิบัติในการ สะเดาะเคราะห์ เช่น มีการก�ำหนดให้บูชาพระพุทธรูปปางประจ�ำ วันเกิดบ้าง ก�ำหนดให้สวดพระพุทธมนต์ตามวันเกิดบ้าง บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
29
พระพุทธรูปประจ�ำวัน วันอาทิตย์
ปางถวายเนตร
วันจันทร์
ปางห้ามพยาธิิ
วันอังคาร
ปางไสยาสน์
วันพุธกลางวัน
ปางอุ้มบาตร
วันพุธกลางคืน
ปางป่าเลไลยก์
วันพฤหัสฯ
ปางสมาธิ
วันศุกร์
ปางร�ำพึง
วันเสาร์
ปางนาคปรก
30
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
บทสวดประจ�ำวัน บทสวด
อานุภาพ
วันอาทิตย์
โมรปริตร
ป้องกันภัยจากศัตรู
วันจันทร์
อภยปริตร
ขจัดเสนียดจัญไร
วันอังคาร
เมตตปริตร
ป้องกันภัย จากอมนุษย์
วันพุธ กลางวัน
ขันธปริตร
ป้องกันภัย จากสัตว์รา้ ย
วันพุธ กลางคืน
อาฏานาฏิยปริตร
ป้องกันภัย จากภูตผีปีศาจ
วันพฤหัสฯ
รตนปริตร
ขับไล่ภตู ผีและโรคร้าย
วันศุกร์
ธชัคคสูตร
ขจัดความกลัว
วันเสาร์
อังคุลิมาลปริตร โพชฌังคปริตร
คลอดง่าย คลายความเจ็บป่วย
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
31
รูปแบบการสวดมนต์ประจ�ำวัน ค�ำว่า สวดมนต์ประจ�ำวัน นี้ที่นิยมสวดกันในปัจจุบันมี ๓ ลักษณะ คือ
๑) สวดมนต์ประจ�ำวันเกิดของตน หมายความว่ า ตนเองเกิ ด วั น อะไรก็ ใ ห้ ส วดมนต์ บ ท ประจ�ำวันนัน้ เช่น ผูท้ เี่ กิดวันอาทิตย์กส็ วดเฉพาะโมรปริตร หรือ ผู้ที่เกิดวันจันทร์ก็ให้สวดอภยปริตร เป็นต้น
๒) สวดมนต์ประจ�ำวันในหนึ่งอาทิตย์ หมายความว่า ไม่ว่าผู้สวดจะเกิดวันอะไรก็ตามไม่ถือเป็น ส�ำคัญ ถือแค่ว่าวันที่สวดนั้นเป็นวันอะไร เช่น เป็นวันจันทร์ก็ให้ สวดมนต์บทประจ�ำวันจันทร์ ถ้าเป็นวันอังคารก็ให้สวดมนต์บท ประจ�ำวันอังคาร เป็นต้น
๓) สวดแบบบูชาพระเคราะห์ คื อ สวดตามพระเคราะห์ ที่ เข้ า เสวยอายุ แ ละแทรก ในดวงชะตา ณ ช่วงนั้นของแต่ละคน เช่น คนเกิดวันอาทิตย์ อายุ ๒๕ ปี อยู่ในช่วงพระอังคารเสวยอายุพระราหูแทรก เคราะห์ไม่ดี ก็ให้สวดบทสวดประจ�ำวันอังคารและพุธกลางคืน เป็นต้น 32
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
ควรสวดมนต์แบบไหนดี การสวดมนต์ทั้ง ๓ แบบนั้น ถ้าถามว่าสวดแบบไหนดีกว่ากัน ก็ขอตอบว่า ดีด้วยกันทั้ง ๓ แบบ เพราะถ้าว่าไปแล้วที่ท่าน ก�ำหนดการสวดประจ�ำวันออกมาเป็น ๓ แบบนัน้ ก็เพือ่ เป็นอุบาย ชักจูงให้ชาวพุทธหันมาสวดมนต์ท�ำความดีแก่ตนให้มากขึ้น คือ ก�ำหนดรูปแบบไว้เพื่อสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ที่ ต้องการสวด ดังนั้น จุดมุ่งหมายที่ส�ำคัญของการสวดมนต์จึงไม่ใช่อยู่ที่ รูปแบบของการสวด แต่ส�ำคัญอยู่ที่ต้องการให้ผู้สวดได้ท�ำความดี ให้ได้มากๆ และเป้าประสงค์ที่เป็นแก่นสารที่แท้จริงของการสวดมนต์ ประจ�ำวั น ก็ ไ ม่ ใช่ เ พื่ อ สะเดาะเคราะห์ ห รอก แต่ ที่ ท ่ า นยกเอา เรื่องเคราะห์มาอ้างนั้นก็เพื่อใช้เป็นสะพานเชื่อมคนที่มีความเชื่อ ทางโหราศาสตร์ให้ได้ท�ำความดี และศึกษาค�ำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเชื่อมโยงใจของเขาให้ได้อยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ยังดี ประการส�ำคัญ คือ ให้เขาได้ท�ำความดีสะสมบารมีแก่ตน ซึ่งการได้ท�ำความดีนี้ก็เป็นการแก้เคราะห์ให้กับเขาไปในตัวด้วย
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
33
ล�ำดับการสวดมนต์ประจ�ำวัน การสวดมนต์ ประจ�ำวัน ให้ปฏิบัติตามล�ำดับ ดังต่อไปนี้
๑) อาบน�้ำช�ำระร่างกาย สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ๒) ประณมมือ กราบพระ ๓ ครั้ง ๓) เปิดหนังสือแล้วสวดมนต์ไปตามล�ำดับดังนี้ บทบูชาครู ประกอบด้วย ๑) บทบูชาพระรัตนตรัย (หน้า ๓๖) ๒) บทกราบพระรัตนตรัย (หน้า ๓๗) ๓) บทนอบน้อมพระพุทธเจ้า (หน้า ๓๗) ๔) บทไตรสรณคมน์ (หน้า ๓๗) ๕) บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย (หน้า ๓๘) 34
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
บทสวดประจ�ำวัน ส่วนนีใ้ ห้เลือกสวดเฉพาะบททีต่ รงกับวันเกิด หรือตรงกับวันที่ จะสวด หรือตรงกับพระเคราะห์ทเี่ สวยอายุและแทรก ประกอบด้วย : ๖) โมรปริตร วันอาทิตย์ (หน้า ๔๐) ๗) อภยปริตร วันจันทร์ (หน้า ๕๐) ๘) เมตตปริตร วันอังคาร (หน้า ๕๗) ๙) ขันธปริตร วันพุธกลาวัน (หน้า ๖๘) ๑๐) อาฏานาฏิยปริตร วันพุธกลางคืน (หน้า ๗๕) ๑๑) รตนปริตร วันพฤหัสบดี (หน้า ๘๖) ๑๒) ธชัคคสูตร วันศุกร์ (หน้า ๙๗) ๑๓) อังคุลิมาลปริตร วันเสาร์ (หน้า ๑๑๐) โพชฌังคปริตร (หน้า ๑๑๑) บทส่งท้าย ประกอบด้วย ๑๔) บทแผ่เมตตาให้ตนเอง (หน้า ๑๒๓) ๑๕) บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ (หน้า ๑๒๓) ๑๖) บทอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล (หน้า ๑๒๕) ๑๗) บทขออโหสิกรรมและอธิษฐานบุญ (หน้า ๑๒๗)
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
35
บทบูชาครู ๑. บทบูชาพระรัตนตรัย อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ. อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ. อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ. ข้าพเจ้าขอบูชาเฉพาะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วย เครื่องสักการะนี้ 36
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
๒. บทกราบพระรัตนตรัย อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ. (กราบ) ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ. (กราบ) สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ. (กราบ)
๓. บทนอบน้อมพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ.
๔. บทไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
37
๕. บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชา-
จะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุรสิ ะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ. ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ. สุปะฏิปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชปุ ะฏิปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลิกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. เมือ่ สวดจบบทนีแ้ ล้วถือว่าผูส้ วดได้สวดบูชาครูเสร็จเรียบร้อย แล้ว ซึ่งครูของเราในที่นี้ หมายถึง พระรัตนตรัยอันเป็นสิ่งสูงสุด ในพระพุทธศาสนา สวดเพื่อน้อมร�ำลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยให้ ใจเกิดความเชือ่ มัน่ ศรัทธา และมีพลังในการทีจ่ ะสวดมนต์บทส�ำคัญ หรือบทเฉพาะต่อไป เป็นการเตรียมใจให้พร้อมนั่นเอง
38
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
บทสวดประจ�ำวันอาทิตย์ บทโมรปริตรนี้ เป็นบทสวดทีน่ กยูงทองพระโพธิสตั ว์ใช้สวดบูชา พระอาทิตย์ทุกเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และทุกเย็นตอนพระอาทิตย์ ก�ำลังอัสดง เพือ่ น้อมบูชาคุณของพระพุทธเจ้าในอดีตทุกพระองค์ให้ ช่วยปกปักรักษาทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยการกล่าวพระปริตรนี้ เป็นประจ�ำท�ำให้นกยูงทองรอดพ้นจากการถูกนายพรานดักจับเป็น เวลานานถึงบริ๑๒ ปี ษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด 39
โมรปริตร
บทสวดเพื่อความแคล้วคลาดปลอดภัย (ส�ำหรับสวดตอนเช้า)
อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง เย พîราหîมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง โส ปะริตตัง กัตîวา โมโร จะระติ เอสะนา ฯ
ค�ำแปลโมรปริตร ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระอาทิตย์ผเู้ ป็นดวงตาของโลก เป็นเอกราช มีสีเพียงดังสีแห่งทอง ยังพื้นปฐพี ให้สว่างอุทัยขึ้นมา ข้าพเจ้าอันท่านคุ้มครองแล้วในวันนี้ พึงอยู่เป็นสุขตลอดวัน ขอพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ถึงซึ่งเวทในธรรมทั้งปวง จงรับความ นอบน้อมของข้าพเจ้าและโปรดจงรักษาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระโพธิญาณ ท่าน ผู้หลุดพ้นแล้ว และวิมุตติธรรม นกยูงสวดพระปริตรบทนี้แล้ว จึงเที่ยวไปแสวงหาอาหาร 40
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
(ส�ำหรับสวดตอนเย็นก่อนนอน)
อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะ คุตตา วิหะเรมุ รัตติง เย พîราหîมะณา เวทะคุ สัพพะธัมเม เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พุทธานัง นะมัตถุ โพธิยา นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมัง โส ปะริตตัง กัตîวา โมโร วาสะมะกัปปะยีติ ฯ
ค�ำแปลโมรปริตร ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระอาทิตย์ผเู้ ป็นดวงตาของโลก เป็นเอกราช มีสีเพียงดังสีแห่งทอง ก�ำลังอัสดงไป ข้าพเจ้าอันท่านคุ้มครองแล้วในวันนี้ พึงอยู่เป็นสุขตลอดราตรี ขอพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ถึงความรู้ ในธรรมทั้งปวง จงรับความ นอบน้อมของข้าพเจ้าและโปรดจงรักษาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระโพธิญาณ ท่านผู้ หลุดพ้นแล้ว และวิมุตติธรรม นกยูงสวดพระปริตรบทนี้แล้ว จึงพักผ่อนหลับนอนแล
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
41
ต�ำนานโมรปริตร ในอดีตกาล พระโพธิสตั ว์เกิดเป็นพญานกยูงมีขนสีทองสวยงาม อาศัยอยู่บนเขาทัณฑกหิรัญบรรพต โดยปกติแล้วนกยูงทองมีนิสัย ระวังตัว ไม่ประมาท ทุกเช้า-เย็นนกยูงทองจะบินไปที่ยอดเขาเพื่อ ร่ายมนตร์คุ้มครองตน เมือ่ พระอาทิตย์ขนึ้ นกยูงจะร่ายมนตร์นมัสการพระอาทิตย์วา่ “อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา” อีกทั้งยังกล่าวบูชาพระพุทธเจ้า ที่เสด็จปรินิพพานไปแล้ว และตอนเย็นนกยูงก็ยังไปที่ยอดเขา เพื่อกล่าวนมัสการพระอาทิตย์ที่ก�ำลังจะตกดินว่า “อะเปตะยัญจักขุมา เอกะราชา” อีกทั้งกล่าวบูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ ปรินิพพานไปแล้ว ที่นกยูงต้องกล่าวคาถาทั้งเช้า-เย็นนี้เพื่อเป็น เครื่องคุ้มครองตนให้ปลอดภัยทั้งในเวลาหาอาหารตอนกลางวัน และช่วงที่ตนเองนอนในเวลากลางคืน นกยูงท�ำเช่นนี้เป็นกิจวัตร ทุกวันท�ำให้ตนแคล้วคลาดปลอดภัยตลอดมา 42
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
วันหนึ่งมีพรานเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ และได้เห็นนกยูงทองบน ยอดเขาโดยบังเอิญ เมื่อกลับถึงบ้านจึงได้เล่าเรื่องของนกยูงทองให้ ลูกของตนฟัง เวลาต่อมาพระราชเทวีของเจ้าเมืองพาราณสีซงึ่ มีพระนามว่า เขมาราชเทวี ทรงสุบินพบนกยูงทองได้มาแสดงธรรมให้ตนเองฟัง เมื่อตื่นบรรทมได้ทรงทูลเรื่องดังกล่าวแก่เจ้าเมืองพาราณสีให้ทรง ทราบ และทูลว่าอยากฟังธรรมจากนกยูงทองตัวนั้น เจ้าเมืองพาราณสีจงึ ตรัสถามเหล่าอ�ำมาตย์วา่ เคยเห็นนกยูงทอง หรือไม่ แต่เหล่าอ�ำมาตย์ไม่ทราบจึงทูลว่าเหล่าพราหมณ์คงจะทราบ พระราชาจึงทรงตรัสถามเหล่าพราหมณ์ พราหมณ์ทูลว่านกยูงทอง มีจริง แต่ไม่รู้ว่านกยูงทองอาศัยอยู่ที่ไหน จึงทูลต่อไปว่าเหล่าพราน น่าจะทราบ เมื่อได้ยินดังนั้นพระราชาจึงรับสั่งให้มีการประชุม เหล่าพราน ในที่ประชุมนั้นมีบุตรของพรานป่าผู้ที่เห็นนกยูงทอง อยู่ด้วย จึงทูลพระราชาไปตามจริง พระราชาจึงสัง่ ให้บตุ รของพราน ไปจับนกยูงทองตัวนั้นมาถวายให้พระองค์แบบเป็นๆ บุตรพรานป่านั้นเที่ยวตามหานกยูงทองจนเจอ และได้วาง กับดักเอาไว้ แต่ด้วยอานุภาพของมนต์ที่นกยูงทองได้ท่องเป็น ประจ�ำท�ำให้บว่ งไม่คล้องขาของนกยูงทองเลย ถึงแม้จะเหยียบเข้าที่ กับดักนั้นก็ตาม พรานป่าพยายามจับนกยูงทองหลายต่อหลายครั้ง ล่วงเลยมาถึง ๗ ปี สุดท้ายพรานก็ตายอยู่กลางป่านั่นเอง ด้านพระนางเขมาราชเทวีเมื่อไม่ได้ฟังธรรมจากนกยูงทอง ตามที่ทรงปรารถนาก็ทรงตรอมพระทัยจนสิ้นพระชนม์ เจ้าเมือง พาราณสีมีจิตอาฆาตต่อนกยูงทองตัวนั้น จึงรับสั่งให้จารึกบนแผ่น ทองค�ำว่า บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
43
มีนกยูงทองตัวหนึ่ง อาศัยอยู่บนยอดเขาทัณฑกหิรัญบรรพต หากผู้ใดกินเนื้อของมัน จะมีชีวิตยืนยาวไม่แก่และไม่ตาย เมื่อพระราชาสิ้นพระชนม์พระราชาองค์ต่อมาทรงทราบ ถึงข้อความบนจารึกเรือ่ งนกยูงทอง จึงรับสัง่ ให้พรานไปจับนกยูงทอง มาถวาย ถึงแม้ว่าพรานจะพยายามจับสักเท่าใดก็ไม่สามารถจับ ได้เลย จึงท�ำให้พรานต้องจบชีวิตกลางป่าเหมือนกับพรานคนก่อน เรื่องราวเป็นแบบเดียวกันนี้ต่อมาถึงพระเจ้าแผ่นดิน ๖ พระองค์ ครั้ น ถึ ง สมั ย พระราชาองค์ ที่ ๗ หลั ง ทรงทราบข้ อ ความ บนจารึกแล้วรับสั่งให้พรานไปจับนกยูงทองตัวนั้น แต่นายพราน คนนี้ไม่เหมือนกับพรานคนก่อนๆ เพราะเป็นคนที่มีปัญญา ฉลาด หลักแหลม พรานได้ซุ่มดูพฤติกรรมของนกยูงทองอยู่หลายวัน จนรู้ว่าที่ไม่สามารถจับได้เพราะนกยูงทองร่ายมนตร์ป้องกันตัว เอาไว้ พรานจึงคิดอุบายจับนกยูงตัวเมียไปเลี้ยงจนเชื่อง ฝึกฟ้อนร�ำ จนสวยงาม และอุ้มเข้าป่าไปอีกครั้งหนึ่ง พรานรอจนรุ่งสาง เมื่อพระอาทิตย์ก�ำลังขึ้นก่อนที่นกยูงทอง จะออกมาร่ายมนตร์ พรานปล่อยนกยูงตัวเมียออกไปร�ำแพนส่งเสียง ร้องอยู่กลางป่า เมื่อนกยูงทองได้ยินเสียงร้องของนกยูงตัวเมีย จึงเกิดความ กระวนกระวายกระสับกระส่ายด้วยอ�ำนาจของกิเลส จึงบินไปหา 44
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
นกยูงตัวเมียอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ถูกพรานเจ้าปัญญาจับตัวไป ถวายพระราชา เมื่อพระราชาทอดพระเนตรนกยูงทองแล้ว ทรงโปรดปราน เป็นอย่างมาก ลืมเรือ่ งเสวยเนือ้ นกยูงจนหมดสิน้ พร้อมกับเตรียมที่ ให้นกยูงทองอาศัยอีกด้วย นกยูงทองทูลถามพระราชาถึงเหตุผลทีจ่ บั ตน ครัน้ ทราบเรือ่ ง ทีพ่ ระราชาจับตนมาเพราะมีจารึกในแผ่นทองว่า ใครกินเนือ้ ของตน แล้วจะเป็นอมตะ นกยูงทองจึงทูลว่า “มหาราชาเจ้า ผูใ้ ดกินเนือ้ ข้าพระองค์แล้วไม่ตาย แต่ขา้ พระองค์ สิต้องตาย” พระราชาตรัสตอบว่า “ใช่แล้ว เจ้าต้องตาย ถ้าเจ้าไม่ตายจะ กินเจ้าได้อย่างไร” นกยูงทองทูลว่า “หากข้าพระองค์ตายแล้ว เหตุใดผู้ที่กินเนื้อ ของข้าพระองค์จะไม่ตายเล่า การที่ข้าพระองค์มีขนสีทองนี้ไม่ใช่ เรื่องบังเอิญ ในอดีตชาติข้าพระองค์เคยเกิดเป็นพระราชาที่เมืองนี้ ในตอนนั้นข้าพระองค์รักษาศีล ๕ เป็นนิจ อีกทั้งชักชวนราษฎรให้ รักษาศีลอีกด้วย เมื่อตายไปก็ได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อ สิ้นอายุในภพนั้นด้วยอานิสงส์ที่ข้าพระองค์รักษาศีลในชาติก่อนจึง ท�ำให้มาเกิดเป็นนกยูงทอง” พระราชาเมื่ อ ได้ ยิ น ดั ง นั้ น ก็ รู ้ สึ ก แคลงใจ จึ ง ตรั ส ถามว่ า “เจ้าบอกว่าเคยเกิดเป็นพระราชาที่เมืองนี้ เราจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร มีใครเป็นพยานในเรื่องนี้ได้บ้าง” บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
45
นกยูงทองทูลว่า “ข้าแต่มหาราชาเจ้า ตอนที่ข้าพเจ้าเป็น พระราชาอยู่เมืองนี้ ข้าพเจ้านั่งรถที่เหาะบนอากาศได้ และประดับ ด้วยแก้ว ๗ ประการ และรถคันนั้นข้าพเจ้าได้ฝังเอาไว้ใต้สระ โบกขรณี พระองค์จงรับสั่งให้กู้รถคันนั้นขึ้นมาเถิด” พระราชาจึงรับสัง่ ให้เอานำ�้ ออกจากสระแล้วกูร้ ถทีน่ กยูงทอง กล่าวขึ้นมา จึงทรงเชื่อค�ำของนกยูงทอง นกยูงทองจึงแสดงธรรมแก่พระราชาว่า “นอกจากพระนิพพาน แล้ว สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่คงทนถาวร ล้วนเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้น ย่อมเสื่อมไปตามธรรมชาติ และทูลขอให้พระองค์ตั้งตนอยู่ใน ศีล ๕” เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว พระราชาทรงเลื่อมใสเป็นอย่างมาก และทรงยกพระราชสมบัติให้นกยูงทอง นกยูงทองรับและคืนให้ พระราชา นกยูงทองได้อยู่ที่พระราชวังอีก ๒-๓ วัน และได้ถวายโอวาท แก่พระราชาเรือ่ งตัง้ ตนอยูใ่ นความไม่ประมาท หลังจากนัน้ ก็บนิ กลับ สู่ป่าทัณฑกหิรัญบรรพตที่อยู่อาศัยของตน
เสริมธรรม “หากทำ�กรรมดีไว้มาก เมื่อถึงเวลาสิ้นชีพ ดวงจิตก็จะไปสถิตอยู่สุคติภพ ด้วยผลแห่งกรรมดี ช่วยส่งเสริมหนุนนำ�พาไปยังสถานที่ดีงาม” หลวงพ่อเงิน พุทฺธโชติ 46
สวดทุกวัน ดีทุกวัน
คุณธรรมที่ควรน�ำมาประยุกต์ใช้ โมรปริตรนี้ในด้านความขลังเป็นมนต์ป้องกันภัยอันตราย นกยูงโพธิสัตว์รอดจากอันตรายด้วยอ�ำนาจแห่งความนอบน้อมต่อ พระอาทิตย์ ซึ่งแสดงออกถึงความเคารพความกตัญญูต่อธรรมชาติ ที่ตนได้อาศัยท�ำมาหากิน อ�ำนาจความนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ผหู้ มดสิน้ กิเลส นอบน้อมต่อธรรมทีท่ �ำให้ถงึ ความหลุดพ้น จะเห็ น ได้ ว ่ า คุ ณ ธรรมที่ คุ ้ ม ครองรั ก ษานกยู ง ทองให้ ร อด ปลอดภัยก็คือ ความเคารพต่อสิ่งที่ให้คุณแก่ตน ความเคารพ นบน้อมในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยบุคคลทั้งหลาย การระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และการระลึกถึง คุณสิ่งที่ดีงามเช่นนี้ ทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า อนุสสติ คือการ เจริญสติด้วยการระลึกถึงสิ่งดีงาม
จงเปลี่ยนจิตที่คิดแต่ ในเรื ่ องโลภ โกรธ หลง ในแต่ละวัน มาระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณศีล คุณทาน คุณภาวนา บ้างเถิด อย่างน้อยในตอนเช้าเมื่อตื่นนอนและก่อนนอน ชีวิตเราก็จะปลอดภัยดี มีสุข
บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด
47
ธรรมเสริมโฉลกวันอาทิตย์ เคราะห์ของคนเกิดวันอาทิตย์ ๑) อุปนิสัยใจร้อน โมโหและหงุดหงิดง่าย อารมณ์มาก่อน สติเสมอ วิธีแก้เคราะห์ ให้ฝึกควบคุมสติ ท�ำสมาธิ และเจริญเมตตา บ่อยๆ หัดปล่อยวางในบางเรื่อง หากปล่อยวางได้ทุกเรื่องยิ่งดี และ ฝึกการให้อภัยอยูเ่ สมอ ให้คดิ ไว้ในใจว่า “ขอให้สตั ว์ทงั้ หลาย จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด” ๒) ท�ำคุณกับคนไม่ขนึ้ หมายความว่า ท�ำดีกบั ใครแล้วเขามัก มองไม่เห็นคุณ หรือไม่ส�ำนึกในบุญคุณ วิธีแก้เคราะห์ ฝึกท�ำความดีอย่าหวังผล กล่าวคือเมื่อจะท�ำดี กับใครแล้วจงท�ำด้วยความเต็มใจ อย่าท�ำเพื่อหวังผลตอบแทน ให้ ระลึกในใจอยู่เสมอว่า เราท�ำดีเพื่อความดี คือท�ำดีด้วยจิตที่คิดว่า สิ่งที่เราท�ำนั้นเป็นความดีที่มนุษย์ควรท�ำต่อมนุษย์ด้วยกัน ส่วนเขา จะส�ำนึกถึงบุญของเราหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องส�ำคัญ ข้อดีและหลักธรรมของคนเกิดวันอาทิตย์ มีความเป็นผูน้ �ำ มีความขยันหมัน่ เพียร หากตัง้ ใจจะท�ำสิง่ ใดแล้ว ก็จะมานะบากบั่นจนส�ำเร็จ ซื่อสัตย์ จริงใจ และยึดมั่นในความ กตัญญูกตเวที คุณธรรมทั้งหมดนี้ เป็นคุณสมบัติที่ต้องรักษาไว้และ พอกพูนให้มากยิง่ ขึน้ ซึง่ จะน�ำพาชีวติ ให้มสี ขุ ร่มเย็น ก้าวหน้าสืบไป 48
สวดทุกวัน ดีทุกวัน