เป้าหมายของการสวดมนต์ คือให้ได้ผลทั้งระดับโลกิยะและโลกุตระ
บรรณาธิการ/เรียบเรียง : ศักดิส์ ทิ ธิ์ พันธุส์ ตั ย์ ออกแบบปก : อนุชติ คำซองเมือง ภาพประกอบ : ธนรัตน์ ไทยพานิช จัดอาร์ต/รูปเล่ม : ธเนษฐ สัคคะวัฒนะ พิสูจน์อักษร : อรทัย คำแพง
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ ชื่อหนังสือ : สวดมนต์ให้เกิดปาฏิหาริย์ทันใจ ผู้แต่ง : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์ (นธ.เอก, ป.ธ.๗, พธ.บ.) จำนวนหน้า : ๑๒๘ หน้า ราคา : ๖๐ บาท ISBN : 978-616-268-112-7 พิมพ์ : ตุลาคม ๒๕๕๖ จัดจำหน่ายโดย : บริษทั สำนักพิมพ์เลีย่ งเชียง เพียรเพือ่ พุทธศาสน์จำกัด ๑๐๕/๙๕-๙๖ ถนนประชาอุทิศ ซอย ๔๕ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ๑๐๑๔๐
ความดีที่เกิดจากหนังสือเล่มนี้ ขอถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และ
มอบเป็นกตเวทิตาคุณแก่มารดาบิดา ครูอาจารย์และผู้มีพระคุณทุกท่าน หากหนังสือเล่ม นี้หมดประโยชน์แก่ท่านแล้ว กรุณาส่งต่อให้กับผู้อื่นต่อไป เพื่อเป็นการเผยแผ่พระธรรม คำสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า และธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
คำนำ ก่อนอื่น ต้องขออนุโมทนาสำหรับท่านที่สวดมนต์ไหว้พระ ทั้งที่สวดเป็นประจำ สวดเป็นครั้งคราว หรือกำลังเริ่มหัดสวดก็ตาม ไม่ว่าท่านจะสวดมนต์เพื่อจุดประสงค์อันใด ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า การสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดีที่ควรปฏิบัติและทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้จริง ไม่เฉพาะแต่จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์บันดาลสุขในระดับโลกิยะ ที่ชาว โลกต้องการ เช่น ความร่ำรวย ความปลอดภัย ไร้โรคา เป็นต้น เท่านั้น การสวดมนต์ยังสามารถทำให้ผู้สวดเข้าถึงสุขในระดับโลกุตระ คือความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ด้วย ดังพระพุทธพจน์ที่ ตรัสไว้ในวิมุตตายตนสูตร (พระไตรปิฎก ภาษาไทย ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๑ ข้อที่ ๓๐๒ หน้า ๒๐๕) ข้อที่ ๓ ว่า “ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้ออื่นยังมีอีก พระศาสดาหรือ เพื่ อ นพรหมจารี อ งค์ ใ ดองค์ ห นึ่ ง ซึ่ ง ควรแก่ ต ำแหน่ ง ครู หาได้ แสดงธรรมแก่ภิกษุไม่เลย แต่เธอกระทำการสาธยายธรรมตามที่ ได้ฟังได้เรียนไว้แล้วโดยพิสดาร ภิกษุนั้นย่อมรู้แจ้งอรรถรู้แจ้ง ธรรมในธรรมนั้น โดยอาการที่ตนกระทำการสาธยายนั้น ความ ปราโมทย์ย่อมเกิดแก่เธอผู้รู้แจ้งอรรถ รู้แจ้งธรรม ความอิ่มใจ ย่อมเกิดแก่เธอผู้ปราโมทย์แล้ว กายของเธอผู้มีใจประกอบด้วย ปีติ ย่อมสงบระงับ เธอผู้มีกายสงบระงับแล้วย่อมเสวยความสุข จิตของเธอผู้มีความสุขย่อมตั้งมั่น นี้แดนวิมุตติข้อที่สาม”
นี่เป็นปาฏิหาริย์แห่งการสวดมนต์ที่เราชาวพุทธทั่วไปไม่ ค่อยได้รู้กัน จะรู้กันแต่เพียงอานิสงส์ในระดับโลกิยะ คือสวดเพื่อ คุ้ ม ครองป้ อ งกั น ภั ย ให้ บั ง เกิ ด ความสุ ข ความเจริ ญ ก้ า วหน้ า ใน หน้าที่การงาน หรือสวดเพื่อให้หายโรคหายภัยเท่านั้น เพราะความที่เราทั้งหลายรู้อานิสงส์ของการสวดแต่เพียง ระดับโลกิยะ เราจึงมุ่งสวดเพื่อให้เกิดผลหรือปาฏิหาริย์ทางโลกีย์ ไม่เข้าถึงผลอันเป็นโลกุตระ ซึ่งเป็นการพลาดโอกาสอันสูงค่าไป อย่างน่าเสียดาย หนังสือ “สวดมนต์ให้เกิดปาฏิหาริย์ทันใจ” เล่มนี้ ได้นำ เสนอบทสวดมนต์และข้อปฏิบัติในการสวดมนต์บทนั้นๆ ให้เกิด ปาฏิ ห าริ ย์ ทั้ ง ในระดั บ โลกิ ย ะและระดั บ โลกุ ต ระ พร้ อ มทั้ ง ยก ตัวอย่างบุคคลที่สวดแล้วได้ผลเพื่อเป็นเครื่องยืนยันให้ผู้สวดเกิด ความมั่นใจและมีกำลังใจในการสวดมากยิ่งขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จักเป็นประโยชน์แก่ท่าน ทั้งหลายในการใช้เป็นคู่มือในการสวดมนต์สร้างความดีและบังเกิด ปาฏิหาริย์สำเร็จผลทั้งในระดับโลกิยะและโลกุตระสืบไป าตุ จิรํ สตํ ธมฺโม ขอพระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงสถิตอยู่สิ้นกาลนาน สิงหาคม ๒๕๕๖
สารบัญ ปาฏิหาริย์ คืออะไร ฤทธิ์ภายนอกไม่ดีเท่าฤทธิ์ภายใน มีบุญก็มีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ของการสวดมนต์ ปาฏิหาริย์ ๒ ระดับ บทสวดมนต์ที่ให้ผลระดับโลกิยะ สวดมนต์บทใหนถึงจะเกิดปาฏิหาริย์ มนต์เกิดปาฏิหาริย์ได้ ต้องสวดบ่อยๆ ปาฏิหาริย์สวดมนต์ได้เงินล้าน สวดคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าค้าขายร่ำรวย ปาฏิหาริย์การสวดนะโม ปาฏิหาริย์การสวดไตรสรณคมน์ ปาฏิหาริย์การสวดพาหุงมหากา ปาฏิหาริย์การสวดเมตตาใหญ่ ปาฏิหาริย์การสวดคาถาชินบัญชร ปาฏิหาริย์สวดมนต์แก้กรรมทำแท้ง ปาฏิหาริย์การสวดโพชฌังคปริตร พิชิตโรค ปาฏิหาริย์การแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ บทสวดมนต์ที่ให้ผลระดับโลกุตระ กายคตาสติภาวนา ปาฏิหาริย์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หนทางสู่ความสำเร็จ
๗ ๘ ๑๐ ๑๒ ๑๔ ๑๗ ๑๘ ๒๑ ๒๓ ๒๖ ๒๘ ๓๒ ๓๙ ๖๒ ๗๗ ๘๗ ๙๒ ๙๘ ๑๐๓ ๑๐๕ ๑๐๗ ๑๒๗
“พระพุทธมนต์นั้น ใครสวดก็ตาม จะเป็นกิจวัตรของพระสงฆ์เช้า-เย็น หรือชาวพุทธทุกคนสวดพุทธคุณ ระลึกในใจ มีอานุภาพแผ่ไปได้หมื่นจักรวาล พูดสวดออกเสียงพอฟังได้ มีอานุภาพแผ่ไปได้แสนจักรวาล สวดมนต์เช้า-เย็นธรรมดา มีอานุภาพแผ่ไปได้โกฏิจักรวาล สวดเต็มเสียงสุดกู่ มีอานุภาพแผ่ไปได้อนันตจักรวาล” หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จากหนังสือ รำลึกวันวาน หน้า ๑๗๐
7
ปาฏิหาริย์ คืออะไร
ปาฏิ ห าริ ย์ คือสิ่งมหัศจรรย์ หรืออำนาจที่ดลบันดาลให้ เกิดเหตุหรือผลบางอย่างขึ้น ซึ่งเกินวิสัยที่คนธรรมดาจะทำได้ เรียก ตามภาษาชาวบ้านว่า เรื่องเหลือเชื่อ พระพุทธศาสนาแบ่งปาฏิหาริย์ออกเป็น ๓ ลักษณะ คือ ๑. อิทธิปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ที่เกิดจากอำนาจแห่งฤทธิ์ ๒. อาเทสนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ที่เกิดจากความสามารถ ในการอ่านความคิด หรือทายใจคนอืน่ ได้ ๓. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ในการแสดงธรรม ที่เมื่อ แสดงแล้วทำให้ผู้ฟังรู้แจ้งเห็นจริง สามารถบรรลุธรรม ยกระดับจาก ปุถุชนคนธรรมดาขึ้นสู่ความเป็นพระอริยบุคคลได้ ในปาฏิหาริย์ทั้ง ๓ ประการนี้ ปาฏิหาริย์ที่ชาวบ้านทั่วไป รู้ จั ก กั น ดี แ ละเป็ น ที่ ป รารถนาของคนทั่ ว ไปก็ คื อ อิ ท ธิ ป าฏิ ห าริ ย์ เพราะเชื่อว่า อิทธิปาฏิหาริย์จะทำให้ผู้นั้นสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
8
ฤทธิ์ภายนอกไม่ดีเท่าฤทธิ์ภายใน
อิทธิหรือฤทธิน์ ี้ สามารถจำแนกได้เป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ
๑. ฤทธิ์ ที่ เ กิ ด จากอำนาจภายนอก คื อ ฤทธิ์ ที่ เ กิ ด จาก อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกดลบันดาล เช่น ฤทธิ์ที่เกิดจากเทวดา บันดาล ฤทธิ์ที่เกิดจากวัตถุมงคลที่ปลุกเสกของผู้มีฤทธิ์ เป็นต้น ๒. ฤทธิ์ที่เกิดจากอำนาจภายใน คือฤทธิ์ที่เกิดจากอำนาจ แห่งคุณงามความดี หรือบุญวาสนาที่ตนได้สะสมเอาไว้ รวมถึงฤทธิ์ อำนาจที่เกิดจากการฝึกจิตจนถึงขั้นสามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ เรียกอีกอย่างว่า ฤทธิ์สร้าง คือฤทธิ์ที่สร้างขึ้นด้วยตัวเอง ในฤทธิ์ทั้ง ๒ ประการนั้น ฤทธิ์ภายนอกสามารถพึ่งพาอาศัย ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่คงทนถาวร แต่ฤทธิ์ที่สามารถพึ่งพาได้ จริงๆ ก็คือ ฤทธิ์ภายใน โดยเฉพาะฤทธิ์ที่เกิดจากคุณงามความดี หรือฤทธิ์แห่งบุญกุศลที่เราได้สะสมไว้ เพราะบุญกุศลหรือความดีนี้ เป็นที่พึ่งได้ทั้งในยามสุขและทุกข์ ดั่งเช่นคำที่ว่า คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ หมายความว่า คนดีแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายใดๆ ก็จะมีปาฏิหาริยช์ ว่ ยให้รอดพ้นได้เสมอ ความดีคือฤทธิ์ภายในที่จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
9
พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน นั่นหมายความว่า พระพุทธองค์สอนให้เราพึ่งพา ตนเองมากกว่าพึ่งพาสิ่งภายนอก เพราะมีเพียงตนเท่านั้นที่จะเป็นที่ พึ่งแก่ตนเองได้ดีที่สุด และเมื่อได้สร้างความดีเป็นฤทธิ์ปกป้องรักษา ตนได้แล้ว ก็มักจะได้รับการคุ้มครองป้องกันจากผู้มีฤทธิ์ภายนอก ด้วย ดั่งคำที่ว่า คนดีผีคุ้ม ต่ า งจากผู้ ที่ ห วั ง พึ่ ง แต่ ฤ ทธิ์ ภ ายนอก แต่ไม่ได้สร้างความดีเอาไว้เป็นทุน คนที่ไม่มี ความดี เ ป็ น ทุ น จะกล่ า วขอสิ่ ง ใดกั บ ผู้ มี ฤ ทธิ์ ย่ อ มสำเร็ จ ผลได้ ย าก เพราะการที่ ผู้ มี ฤ ทธิ์ จะบันดาลให้สมหวังได้ ผู้ขอต้องมีบุญวาสนา บารมีมากพอที่จะช่วยให้สมหวัง หากบุญวาสนาบารมีไม่มีหรือมีแต่ น้อย ผู้มีฤทธิ์ก็ไม่อาจดลบันดาลให้สมหวัง ดังเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) กล่าวไว้ว่า “ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใด เจ้า จะต้องมีทุนของตัวเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมี ของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอา ตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขา หมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่น สร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้า ไม่ได้ ครั้นถึงเวลาทั้งฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดา ฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
10
มีบุญก็มีปาฏิหาริย์ ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินคำว่า “ไม่ถึงคราวตายไม่วายชีวา วาต ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสันต์ หากถึงคราวตายวายชีวาวัน ไม้จิ้ม ฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนเรานั้นถ้ายังมี บุญวาสนาค้ำจุนอยู่ แม้นใครคิดจะฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย แต่ถ้าหมด บุญวาสนาแล้ว นั่งนอนอยู่เฉยๆ ไม่มีใครทำอะไรก็ตายได้ง่ายๆ เมื่ อ ปลายเดื อ นเมษายน ๒๕๕๖
ผู้เขียนได้เดินทางไปประเทศพม่า คุณสาธร ชะนะรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิต ๔ ของ สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ได้ห้อยพระเครื่ององค์หนึ่ง ผู้เขียนถามว่า ห้อยพระอะไร เพราะปกติแล้วไม่ค่อยได้ เห็นคุณสาธรห้อยพระ คุณสาธรไม่ตอบว่า ห้อยพระอะไร แต่เล่าให้ฟังว่า “พระองค์นี้เคยช่วยชีวิตผมไว้อย่าง ปาฏิหาริย์ สองสามปีที่แล้วผมขับมอเตอร์ไซไปประสบอุบัติเหตุล้ม แหกโค้ง หน้าอกไถลไปกับพื้นถนนหลายเมตร คิดว่าคงไม่รอดแน่ และถ้ารอดก็คงเจ็บหนักปางตาย แต่เชื่อไหมว่าผมบาดเจ็บเพียง เล็กน้อย หน้าอกที่ไถลไปกับพื้น ไม่มีแม้แต่รอยถลอก เพราะขณะที่ ไถลไปกับพื้น องค์พระที่ห้อยคอได้มาลองกันหน้าอกผมไม่ให้ถูกับ พื้น กรอบพระถูกับพื้นถนนเกิดประกายไฟแป๊บๆ เลยทีเดียว” การ ที่ ร อดตายมาโดยปลอดภั ย ครั้ ง นั้ น คุ ณ สาธรเชื่ อ ว่ า เป็ น เพราะ อานุภาพของพระเครื่องที่ห้อยคอ ซึ่งผู้เขียนก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
11
แต่ลึกๆ แล้วผู้เขียนคิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ครั้งนี้ก็ คือบุญบารมีของคุณสาธรยังมากอยู่ จึงทำให้เกิดปาฏิหาริย์ช่วยให้ รอดพ้นจากความตาย ที่กล่าวอย่างนี้ อยากให้ทุกท่านเชื่อว่า ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น ได้ต้องมีแรงบุญสนับสนุน ผู้ที่ต้องการให้เกิดปาฏิหาริย์แก่ตน ไม่ว่า จะเป็นปาฏิหาริย์ในด้านใดก็ตาม เช่น ปาฏิหาริย์ทำให้หายป่วย ปาฏิหาริย์ให้ถูกหวยรางวัลที่ ๑ ปาฏิหาริย์ทำให้รอดพ้นจากภัย พิบัติ เป็นต้น ผู้นั้นต้องหมั่นทำความดีสะสมบุญเอาไว้มากๆ และ สะสมอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อบุญมีพลังมากพอย่อมส่งผลให้เกิด ปาฏิหาริย์ดังที่หวังได้ เช่น ที่ป่วยก็หาย ที่ว่าจะตายก็รอด ที่เจอทาง ตันก็พบทางออก ที่ประสบภัยก็พ้นจากภัย เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ คนโบราณรุ่นปู่ย่าตายาย เมื่อใครประสบเคราะห์ กรรมอันใด จึงมักแนะนำไห้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ ความจริงก็ คือให้ไปทำความดีเพิ่มบุญบารมีให้กับตนเอง เพราะ ในช่วงใดทีค่ นเรามีบญ ุ บารมีนอ้ ย ช่วงนัน้ เป็นโอกาสให้ผลกรรม หรือเจ้ากรรมนายเวรเข้าเล่นงานเราได้ บางคนบุญบารมีไม่มตี ดิ ตัวเลย เจ้ากรรมนายเวรก็จะเล่นงานให้ถงึ แก่ชวี ติ ได้ ดังทีเ่ รามักเรียกคนตายว่า “คนหมดบุญ” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
12
ปาฏิหาริย์ของการสวดมนต์ ปาฏิหาริย์ภายในย่อมเกิดจากอำนาจแห่งบุญกุศล แม้แต่สิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่มีฤทธิ์อำนาจจะช่วยเหลือใคร หรือดลบันดาลความสุข สมหวังให้แก่ใครยังต้องดูที่บุญกุศลของผู้นั้นก่อนว่ามีมากพอที่จะ ช่วยเหลือหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ บุญจึงเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิด ปาฏิหาริย์ การสวดมนต์เป็นการทำบุญด้วยใจ จัดเข้าในบุญ กิริยาวัตถุ (วิธีทำบุญ) ข้อภาวนามัย คือบุญสำเร็จด้วย การเจริญภาวนา ซึ่งเป็นการสร้างบุญที่มีอานิสงส์มากกว่า การให้ทานและรักษาศีล
พนักงานเลี่ยงเชียง ร่วมสวดมนต์หมู่ที่โรงพยาบาลสงฆ์ ๗ กรกฏาคม ๒๕๕๖ สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
13
ด้วยเหตุที่การสวดมนต์เป็นการสร้างบุญใหญ่ดังกล่าวแล้ว
ผู้ที่สวดมนต์เป็นประจำ หรือสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจริง จึงมักเกิด สิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์ขึ้นกับตนเองอยู่เสมอ บางรายมีหนี้สินเป็นล้านก็ สามารถใช้หนี้หมดภายในไม่กี่วัน บางรายชีวิตประสบวิกฤตเจอะ เจอทางตันก็พบทางออกแบบปาฏิหาริย์ และที่สำคัญที่สุดการสวด มนต์มิใช่มีปาฏิหาริย์เพียงแค่ให้ความสุขในระดับโลกีย์เท่านั้น แต่ การสวดมนต์ยังมีอานุภาพทำให้ผู้สวดเข้าถึงความหลุดพ้นอันเป็น ความสุขในระดับโลกุตระได้ด้วย ดังพุทธพจน์ในวิมุตตายตนสูตรว่า “ผู้ที่กระทำการสาธยายธรรมตามที่ได้ฟังได้เรียนไว้แล้ว โดยพิสดาร ย่อมรู้แจ้งอรรถรู้แจ้งธรรมในธรรมนั้น โดยอาการ ที่ตนกระทำการสาธยายนั้น ความปราโมทย์ย่อมเกิดแก่เธอผู้รู้ แจ้งอรรถ รู้แจ้งธรรม ความอิ่มใจย่อมเกิดแก่เธอผู้ปราโมทย์ แล้ว กายของเธอผู้มีใจประกอบด้วยปีติ ย่อมสงบระงับ เธอผู้มี กายสงบระงับแล้วย่อมเสวยความสุข จิตของเธอผู้มีความสุข ย่อมตั้งมั่น นี้เป็นทางแห่งความหลุดพ้น” ตามพระดำรัสนี้ แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายหรือปาฏิหาริย์อัน สูงสุดของการสวดมนต์ ในทางพระพุทธศาสนาว่า การสวดมนต์นั้น สามารถนำพาผู้สวดให้เข้าถึงสุข ทั้งในระดับโลกิยะและโลกุตระ ซึ่ง เราท่านทั้งหลายไม่ควรหยุดอยู่ในสุขระดับโลกิยะเท่านั้น แต่ต้อง สวดมนต์ให้ก้าวถึงสุขในระดับโลกุตระให้ได้ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
14
ปาฏิหาริย์ ๒ ระดับ ดั ง ที่ ก ล่ า วมาแล้ ว ว่ า การสวดมนต์ ส ามารถทำให้ เ กิ ด ปาฏิหาริย์ได้ ๒ ระดับ คือ ปาฏิหาริย์ระดับที่เป็นโลกิยะ และ ปาฏิหาริย์ที่เป็นโลกุตระ ปาฏิหาริย์ระดับโลกิยะ หมายถึง ปาฏิหาริย์ที่ทำให้มี ความสุข สมหวัง แบบที่ชาวโลกทั่วไปปรารถนา เช่น ปาฏิหาริย์ที่ ทำให้ร่ำรวยมีเงินมีทอง ปาฏิหาริย์ที่ทำให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ปาฏิหาริย์ที่ทำให้ธุรกิจการงานก้าวหน้า ปาฏิหาริย์ที่ทำให้รอด ปลอดภัยจากอันตราย ปาฏิหาริย์ระดับโลกุตระ หมายถึง ปาฏิหาริย์ที่ทำให้ พบกับความสุขที่เหนือกว่าสุขแบบชาวโลก เป็นสุขที่เกิดจากปัญญา รู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม ไม่เจือปนด้วยกิเลส โลภ โกรธ หลง ไม่เจือ ปนด้วยทุกข์ การแบ่งแยกปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการสวดมนต์ออกเป็น ๒ ระดับเช่นนี้ จะทำให้เราเข้าใจถึงเป้าหมายและวิธีของการสวดมนต์ ได้ ดี แ ละชั ด เจนยิ่ ง ขึ้ น และปั จ จุ บั น หากแยกเป้ า หมายหรื อ จุ ด ประสงค์ของการสวดมนต์ของชาวพุทธก็อาจจำแนกเป็น ๒ กลุ่ม ใหญ่ๆ คือ ๑. สวดเพื่อให้เกิดสุขแบบทางโลก สุขแบบชาวบ้าน ๒. สวดเพื่อให้เกิดสุขแบบพ้นโลก สุขแบบอริยะ สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
15
ซึง่ ถ้าว่าตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว แม้วา่ เป้าหมายสูงสุด ของพระพุทธศาสนา จะอยูท่ กี่ ารเข้าถึงพระนิพพานซึง่ เป็นโลกุตรสุข ในระดับสูงสุดก็จริง แต่พระพุทธศาสนาก็ไม่ได้มองข้ามหรือละทิ้ง ความสุขในระดับโลกียเ์ ลย ดังจะเห็นได้จากคำสอนของพระพุทธเจ้า มากมายทีส่ อนในหลักของการครองเรือน หลักของการหาเงิน หลัก ของการสร้างครอบครัวให้อบอุ่น สอนแม้กระทั่งหลักของการคบ เพื่อน ดังปรากฏในหนังสือนวโกวาท๑ ส่วนคิหิปฏิบัติ (ข้อปฏิบัติ สำหรับผูค้ รองเรือน) และในบทสวดมนต์หากพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วก็พอจำแนกออก เป็น ๒ ประเภท คือ บทสวดมนต์ทใี่ ห้ผลในระดับโลกิยสุข และบทสวด มนต์ทใี่ ห้ผลในระดับโลกุตรสุข ซึง่ พอยกตัวอย่างให้เห็นคราวๆ ดังนี้ บทสวดทีใ่ ห้ผลระดับโลกิยะ อาทิเช่น บทสวดพาหุงมหากา (ว่าด้วย ชัยชนะของพระพุทธเจ้า ๘ ประการ) บทสวดคาถาชิ น บั ญ ชร (ว่ า ด้ ว ยการ อาราธนาให้ พ ระพุ ท ธเจ้ า พระธรรม พระอริยสาวกมาสถิตในร่างกายตน) บทสวดคาถาเมตตาใหญ่ (ว่าด้วยการ แผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ ๑๒ จำพวก) บทสวดวั ฏ ฏกปริ ต ร (คาถานกคุ้ ม ไล่ ไ ฟ) บทสวดโมรปริ ต ร
๑ ง สื อ ว่ า ด้ ว ยศี ล ๒๒๗ และหลั ก ธรรมที่ ค วรศึ ก ษา สนใจติ ด ต่ อ สอบถามที่
หนั สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
16
(คาถานกยูงกันภัย) เป็นต้น ซึ่งบทสวดเหล่านี้จะมีเนื้อหาเป็นไปใน ทำนองอ้อนวอนหรือกล่าวอ้างสัจจะ เพือ่ ให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึง่ ตามที่ตนปรารถนา เช่น ในวรรคสุดท้ายของคาถาพาหุงทุกวรรค
จะลงด้ ว ยคำว่ า “ตั น เตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมั ง คะลานิ ”
แปลความว่า “ด้ ว ยเดชแห่ ง ชั ย ชนะของพระพุ ท ธเจ้ า นั้ น
ขอชัยมงคลทั้งหลาย จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด” หรือบท สวดบางบทจะลงท้ายด้วยคำว่า “เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา” ความว่า “ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอความ สวัสดีจงมีแก้ข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อเถิด” เป็นบทสวดที่มุ่งเน้นให้ เกิดปาฏิหาริย์ บทสวดที่ ใ ห้ ผ ลระดั บ โลกุตระ อาทิเช่น บทสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร บทสวดมงคลสูตร บทสวดอาทิ ต ตปริ ย ายสู ต ร บท กายคตาสติ (บทพิจารณาร่างกาย) เป็ น ต้ น ซึ่ ง เนื้ อ หาของบทสวดว่ า ด้ ว ยข้ อ ปฏิ บั ติ ห รื อ การพิ จ ารณา ความจริง อันจะนำไปสู่การลงมือ ปฏิ บั ติ แ ละเกิ ด ขบวนการทาง ปัญญา ซึ่งเมื่อสวดหรือสาธยายบ่อยๆ จะทำให้เข้าใจแจ่มชัดและรู้ แจ้งในธรรม และก้าวสู่ความหลุดพ้นเป็นพระอริยบุคคลได้ เป็นบท สวดที่มุ่งเน้นให้เกิดปัญญา สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
บทสวดมนต์ ที่ให้ผลระดับโลกิยะ
18
สวดมนต์บทไหนจึงจะเกิดปาฏิหาริย ์ เนื่ อ งจากบทสวดมนต์ ที่ ใช้ ส วดกั น ในปั จ จุ บั น มี ม ากมาย หลายบทด้วยกัน แต่ละบทต่างก็มีผู้กล่าวพรรณนาอานิสงส์ว่าดี อย่างนั้นดีอย่างนี้ ซึ่งทำให้เกิดความสับสนแก่ผู้สวดว่า ควรจะสวด บทไหนดี ข้อนี้ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วั ด สะแก จั ง หวั ด พระนครศรี อ ยุ ธ ยา ได้ กล่าวเอาไว้ว่า “บทสวดมนต์แต่ละบทนั้น ไม่ว่าจะบทไหน ในเจ็ดตำนานก็ดี สิบสอง ตำนานก็ดี ที่อื่นก็ดี ทุกบทล้วนแต่ดีทั้งนั้น เพราะทุกบทเป็นคำสั่ง สอนของพระพุทธเจ้า จึงมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว อนึ่งบทสวด แต่ละบทนั้นจะเกิดความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่บท สวด แต่ขึ้นอยู่กับจิตของผู้สวดว่ามีศรัทธาและมีสมาธิมากน้อย แค่ไหน เพราะหากจิตเปี่ยมด้วยศรัทธามากด้วยสมาธิแล้ว จะสวด บทไหนก็ขลังและศักดิส์ ทิ ธิท์ งั้ นัน้ ” ในสมั ย พุ ท ธกาล มี เ ด็ ก คนหนึ่ ง เป็ น ลู ก ของคนหาฟื น ครอบครัวมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะ ทำอะไร อยูท่ ไี่ หน เด็กคนนีก้ จ็ ะสวดมนต์วา่ นะโม พุทธัสสะๆ อยู่ เสมอ ซึง่ แปลได้วา่ ข้าขอนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้า กล่าวได้วา่ ทุก ลมหายใจของเขามีแต่มนต์บทนี้ สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
19
วันหนึ่ง พ่อได้พาเขาไปเก็บฟืนในป่ามาขาย เมื่อเก็บฟืนได้ เต็มเกวียนแล้ว วัวที่เทียมเกวียนกลับหายไป พ่อได้สั่งให้ลูกอยู่เฝ้า เกวียน และออกตามหาวัวเข้าไปในเมือง กว่าจะหาวัวพบก็มืดค่ำ ประตูเมืองก็ปิด ไม่สามารถออกไปนอกเมืองได้ คืนนั้นเด็กน้อยต้อง นอนในป่าเพียงลำพัง ตกดึกคืนนั้น อสุรกาย ๒ ตนออกหากินและมาพบเด็กน้อย เข้า จึงเข้าไปหมายจะจับกินเป็นอาหาร เด็กน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นด้วย ความตกใจ เห็นว่ามีภัยมาถึงตัวแน่แล้วจึงตั้งจิตสวดมนต์นอบน้อม พระพุทธเจ้าว่า นะโม พุทธัสสะๆๆ ด้วยเสียงอันดัง ทันใดนั้นได้ เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น อสูรทั้งสองไม่สามารถเข้าใกล้และจับต้องตัวของ เด็กน้อยผู้นี้ได้ ต่างพากันหลบหนีไป จะเห็นได้ว่า บทสวดเพียงสั้นๆ หากสวดหรือท่องบ่นจน ขึ้นใจ สวดเป็นประจำและต่อเนื่องอยู่ทุกลมหายใจแล้ว มนต์บทนั้น ย่อมมีพลังอำนาจก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ หลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพ พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง และอาจารย์คน สำคั ญ ของ พระธรรมสิ ง หบุ ร าจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) แห่งวัดอัมพวัน ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า “คาถา (หรือมนต์ต่างๆ) นั้นไม่ ขลังหรอก เขาเอาไว้ท่องเป็นองค์ภาวนาให้จิตเป็นหนึ่งเดียว จิตที่ เป็นสมาธิต่างหากที่ขลัง เปรียบเหมือนจะข้ามแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ต้องอาศัยสะพานข้ามไป จิตจะเป็นหนึ่งเดียวได้ก็ต้องอาศัยการสวด บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
20
การบริกรรมคาถาเข้าช่วย เมื่อจิตเป็นหนึ่งมีพลังมหาศาลแล้ว เรียก ว่า จิตตานุภาพ ฉันจึงไม่ต้องท่องบ่นคาถา แต่ใช้การเจริญจิตให้ เป็นหนึ่งแล้วเป่าลมปราณ อธิษฐานให้เขาสมหวังว่า เพี้ยงดีๆ... ตอนแรกก็ยกระดับจิตขั้นประถมก่อน แล้วภาวนาขึ้นถึงชั้น มัธยม แล้วก็เจริญให้เป็นเอกัคคตารมณ์ (มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว) เมื่อจิตบริสุทธิ์ปราศจากกิเลสทั้งหยาบและละเอียดแล้วจะต้องการ อะไรได้ทุกประการ คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง แต่ตัวหลวงพ่อคิด แต่เมตตาให้เขา ขอให้เขาพ้นเคราะห์ ขอให้เขารวย ขอให้เขาดี ขอ ให้เขามีปัญญา แล้วก็เป่าให้เขาไป ดังนั้น ขอให้ท่องต่อไปเถอะ ทำ จิตให้เป็นเอกัคคตาให้ได้แล้วจะรู้เองว่า เพี้ยงดี ของหลวงพ่อเป็น อย่างไร” จากตั ว อย่ า งของเด็ ก และจากคำพู ด ของหลวงพ่ อ เดิ ม ที่ กล่ า วมาข้ า งต้ น ทำให้ รู้ ว่ า มนต์ บ ทไหนก็ ส ามารถสวดให้ เ กิ ด ปาฏิหาริย์ได้ทั้งนั้น ที่สำคัญต้องจำให้ขึ้นใจและหมั่นสวดมนต์บท นั้นบ่อยๆ มากครั้งที่สุด ยิ่งมากยิ่งดี สวดจนจิตแนบนิ่งเป็นหนึ่ง เดียว เมื่อจิตแนบนิ่งเป็นหนึ่งได้เมื่อไร เมื่อนั้นจะดลบันดาลสิ่งใดที่ เป็นไปในทางที่ชอบแล้ว ย่อมสำเร็จสมหวังเป็นปาฏิหาริย์ สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
21
มนต์เกิดปาฏิหาริย์ได้ ต้องสวดบ่อยๆ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า มนต์ มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน มีความหมายว่า บทสวดมนต์จะขลังหรือไม่ มีอานุภาพหรือเปล่าขึ้น อยู่กับการท่องบ่นเป็นประจำให้ช่ำชองคล่องปากเจนใจ คือท่องจน ติดปากและท่องจนจิตเป็นสมาธิ มีพลัง คนโบราณที่เก่งเรื่องมนต์ คาถานั้น เพราะเขาท่องบริกรรมคาถาเป็นประจำทุกลมหายใจ ทั้ง ก่อนนอนและหลังตื่นนอน บางคนบางท่านแม้หลับไปแล้วก็ยังฝัน ว่า ได้ท่องคาถาบทนั้นในฝัน ในเรือ่ งนีห้ ลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่ อ ฤๅษี ลิ ง ดำ) วั ด ท่ า ซุ ง จังหวัดอุทยั ธานี วัดทีม่ กี ารก่อสร้างศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่และวิจิตรงดงาม เป็นที่ ประทับใจแก่พุทธบริษัทที่แวะเวียนเข้ามา ทำบุญทั้งใกล้และไกล ซึ่งถ้าหากจะประเมินทุนทรัพย์ที่ใช้ในการ ก่อสร้างแล้ว ก็นับเป็นพันๆ ล้าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้เผย เคล็ดลับอันเป็นที่มาของทุนทรัพย์นับพันล้านว่า ได้มาเพราะสวด คาถาเงินล้านเป็นประจำ ซึ่งตามปกติแล้วคาถานี้มีกำหนดให้สวด วันละ ๙ จบ แต่หลวงพ่อท่านสวดวันละหลายร้อยจบ ดังที่ท่าน กล่าวให้ลูกศิษย์ฟังว่า บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
22
“๙ จบน้อยไป อาตมาเองเล่นทีหลายร้อยจบมาหลายปีแล้ว มีอยู่ ๓ ปีเต็มๆ ที่ภาวนาคาถาเงินล้านวันละ ๓๐๐ จบเป็นอย่าง น้อย ภาวนาไป ชักลูกประคำไปจนมือสองข้างด้านเป็นเม็ดเบ้อเร่อ เลย ลูกประคำเส้นนั้นโดนเขาปล้นไปแล้ว เพราะว่าชักมันจนเป็น แก้วไปเลย คิดดูแล้วกัน มือถูกับไม้จนกระทั่งไม้ใสเป็นแก้ว เคยภาวนาอยากรู้ว่า ในแต่ละวัน ถ้าตั้งหน้าตั้งตาภาวนา คาถาเงินล้านแบบช้าๆ มีสติจับอยู่ตลอดทุกคำ ประเภทที่เรียกว่า เน้นคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณจะดูว่าได้เท่าไร ปรากฏว่า ตั้งแต่ตี ๓ ยัน ๑ ทุ่มของแต่ละวัน จะได้ประมาณ ๑,๒๐๐ จบ... ...อาตมาเอาต้นทุน ๓๐๐ นี่ล่อซะ ๓ ปีเต็มๆ เสร็จแล้ว ๑,๒๐๐ จบนี่เล่นอยู่ประมาณ ๓ เดือน แล้วหลังจากนั้นมาเปลี่ยน เป็นนึกได้เมื่อไรก็ว่าเมื่อนั้น ไอ้เรื่องนับจบ เลิกนับแล้ว” ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากการสวดมนต์แบบเอาจริงเอาจังดังที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) กล่าวให้ฟังข้างต้นนั้น ทำให้วัดท่าซุงมีเงินหลั่งไหลเข้าวัดไม่ขาดสาย สามารถสร้างศาสนวัตถุ ศาสนสถาน จัดกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธ ศาสนาในรู ป แบบต่ า งๆ มากมาย ซึ่ ง ต้ อ งใช้ ง บประมาณในการ ก่อสร้างและดำเนินงานกิจกรรมเป็นจำนวนมาก แต่วัดท่าซุงก็ไม่ เคยขาดแคลนในเรื่องทุนทรัพย์ กลับเพิ่มทวีมากขึ้น แม้ปัจจุบันพระ เดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้ละสังขารไปแล้ว แต่ยังมีญาติโยมหลั่ง ไหลเข้าไปทำบุญที่วัดท่าซุงอย่างเนื่องแน่นอยู่เป็นประจำ นี่คือ ปาฏิหาริย์ของการสวดมนต์แบบเอาจริง สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
23
ปาฏิหาริย์สวดมนต์ได้เงินล้าน เมือ่ ได้อา่ นเรือ่ งของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) ที่ท่านสวดคาถาเงินล้านแล้วทำให้วัดมี ทุนทรัพย์ในการพัฒนาวัดเป็นพันล้าน คิดว่าหลายท่านคงสนใจ อยากจะได้คาถานี้ไปท่องบ้าง จึงขอนำมาลงไว้ในที่นี้ด้วย ซึ่งคาถาที่ ว่านั้น ดังนี้ คาถาเงินล้าน (ตั้งนะโม ๓ จบ)
นาสังสิโม. พ๎รัห๎มา จะ มะหาเทวา สัพเพ ยักขา ปะรายันติ. พ๎รัห๎มา จะ มะหาเทวา อะภิลาภา ภะวันตุ เม. มะหาปุญโญ มะหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตพาหุหะติ. พุทธะ มะอะอุ นะโม พุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ ส๎วาโหม. (อ่านว่า สะหวา-โหม) สัมปะติจฉามิ. ตั้งใจ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ. สวดทุกลมหายใจ
รวยทันใจแน่ครับ
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
24
วิธีสวดคาถาเงินล้านให้ได้ผล คาถาเงินล้านนี้ เป็นคาถาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลงิ ดำ) ได้มาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การสวดคาถาเงินล้านท่านให้ท่อง คาถาทั้งหมดนี้เป็นบทเดียว ตั้งแต่ นาสังสิโม ไปจนจบ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤา ๆ ให้สวดวันละ ๙ จบ ถ้าสวดก่อนนอนให้สวดคาถานี้หลัง จากที่สวดมนต์ทั่วไปจบแล้ว โดยสวดทั้งหมด ๙ จบ เสร็จแล้ว ขณะที่นอนให้ภาวนาคาถานี้ในใจไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหลับ ถ้าสวด ตอนเช้าหลังตื่นนอนให้อาบน้ำชำระร่างกายให้รู้สึกสดชื่น จากนั้น จึงสวดคาถานี้ ๙ จบ ตลอดทั้งวันถ้านึกได้เมื่อไรก็ให้ภาวนาเมื่อนั้น ภาวนาบ่อยครั้งเท่าไรก็จะบังเกิดผลเร็วมากเท่านั้น อีกวิธีหนึ่ง ที่ท่านแนะนำและมีคนนำไปปฏิบัติแล้วได้ผลคือ สวดหรือภาวนาคาถาเงินล้านนี้ เช้าหนึ่งชั่วโมง เย็นหนึ่งชั่วโมง ขณะที่สวดหรือภาวนาให้เอาสติไปจับที่ลมหายใจเข้า-ออก อย่าให้ ใจฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น ถ้าทำได้อย่างนี้ต่อเนื่องกันสองเดือน ท่าน ว่าบังเกิดผลแน่นอน ข้อที่ควรระวัง คือ อย่าทำด้วยความโลภ มุ่งอยากได้เงินเป็น ที่ตั้ง จำไว้เสมอว่า ถ้าทำดีหวังผลมักจะพลาดผล เพราะจิตไม่ บริสุทธิ์ แต่ถ้าทำดีโดยไม่หวังผล ทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์ สะอาด เมื่อ ถึงเวลาผลนั้นจะตอบสนองเราเองโดยไม่ต้องร้องขอ เปรียบเหมือน การปลูกกล้วย ปลูกมะม่วง มะนาว ครั้นยังไม่ถึงเวลาที่มันจะออก ดอกออกผล ต่อให้เราใส่ปุ๋ยรดน้ำพรวนดินอย่างไรมันก็ยังไม่ออกผล แต่เมื่อถึงคราวที่มันจะออกผล แม้เราไม่ใส่ปุ๋ย พรวนดิน มันก็ออก ดอกออกผลให้เจ้าของได้ลิ้มรสอยู่ดี ฉันใด ก็ฉันนั้น สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การสวดมนต์ทำความดี ก็อย่าได้ใจร้อน อย่าโลภทำไปเรื่อยๆ ถึงคราวบุญกุศลที่ทำไว้ก็จะจัดสรร ให้ร่ำรวย เป็นสุขเอง โดยไม่ต้องอ้อนวอนขอให้เหนื่อย
26
สวดคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ค้าขายร่ำรวย คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นคาถาบทหนึ่งที่รวมอยู่ในคาถา เงินล้าน เป็นบทสวดที่มีอานุภาพทางด้านการค้าขาย เสกพืชผักที่ ปลู ก ให้ มี ค วามเจริ ญ งอกงามอย่ า งอั ศ จรรย์ ดั ง เรื่ อ งที่ พ ระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) เล่าไว้ว่า “มีอยูร่ ายหนึง่ ชือ่ ตาแจ่ม เป้าเล้งบ้านอยู่อำเภอดำเนินสะดวก แก เป็ น คนจน ทำสวนอยู่ บ างช้ า ง ปลูกพริกขายเป็นอาชีพ แต่พริกที่ ปลู ก ให้ ผ ลผลิ ต ไม่ ดี ทำให้ แ ก ขาดทุนและเป็นหนี้เขาสองหมื่น ซึ่งเป็นเงินก้อนโตในสมัยนั้น ตา แจ่ ม จึ ง มาขอเรี ย นคาถาพระ ปั จ เจกพุ ท ธเจ้ า เมื่ อ ได้ ไ ปแล้ ว วันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากท่องคาถาอย่างเดียวทั้งวันทั้งคืน ทางฝ่ า ยภรรยาของตาแจ่ ม ก็ ดี ไม่ ย อมให้ แ กทำอะไร นอกจากท่องคาถา ภรรยาแกบอกว่า “คาถาบทนี้ เขาสวดแล้วรวย ต้องสวดให้รวยให้ได้” แต่พอพริกออกดอกออกผลถึงเวลาจะขายจริงๆ พริกของตา แจ่มกลับใบหงิกใบงอ แถมเม็ดก็บางตา ต่างจากพริกของเจ้าอื่นที่ ใบงาม พริกแดงสะพรั่งเต็มต้น ดูแล้วคงไม่พ้นขาดทุนเหมือนเดิม แต่มีเรื่องที่มหัศจรรย์เกิดขึ้น คือตอนที่เก็บพริกนั้น เจ้าอื่น สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
27
เก็บพริกได้มากเท่าไร ตาแจ่มกลับเก็บพริกได้มากเท่ากัน จะมาก กว่าเสียด้วยซ้ำ และเมื่อนำไปชั่งขาย ๑ หาบเท่ากัน พริกของตา แจ่มกลับมีน้ำหนักมากกว่าพริกของเจ้าอื่น ยิ่งกว่านั้นก็คือ พริกใน สวนของคนอื่นเก็บกัน ๒-๓ ครั้งเท่านั้นก็หมด ต้องถอนต้นพริก ปลูกใหม่ แต่สวนของตาแจ่มเก็บพริกได้ถึง ๖ ครั้ง แต่ละครั้งที่นำ ไปขายก็ได้น้ำหนักดี ทำให้พ่อค้าที่มารับซื้อให้ราคาสูงกว่าเจ้าอื่น เพราะเห็นว่าพริกของแกมีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้ปีนั้นตาแจ่มมีเงินใช้หนี้สองหมื่นได้หมด แถมยังมีเงินเหลือ เก็บอีกสองหมื่น” นี่คืออานุภาพของการสวดมนต์ อานุภาพของมนต์คาถาที่ สวดแล้วทำให้เกิดปาฏิหาริย์ หากท่านผูใ้ ดต้องการคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไปสวดภาวนาบ้าง ก็สามารถนำไปสวดได้ดังนี้
คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ตั้งนะโม ๓ จบ
พุทธะ มะอะอุ นะโม พุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ ส๎วาโหม. (อ่านว่า สะหวา-โหม)
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
28
ปาฏิหาริย์การสวดนะโม เมื่อเอ่ยถึงบทสวดนะโม เราท่านทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธ ส่ ว นใหญ่ ก็ จ ะรู้ กั น ทั น ที ว่ า หมายถึ ง บทสวด นะโม ตั ส สะ
ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ซึ่งเป็นบทสวดแสดงความเคารพ ความนอบน้อมแด่องค์ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งอันสูงสุดของสัตว์โลก เป็นบท สวดที่ชาวพุทธทุกคนสวดได้คล่องปาก แม้กระทั่งเด็กอนุบาลก็ สามารถสวดได้ ถือเป็นบทสวดมนต์พื้นฐานสำหรับชาวพุทธ อาจ กล่าวได้ว่า ถ้าใครสวดบทนี้ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นชาวพุทธที่เชยมากๆๆ หรือเป็นชาวพุทธที่ห่างไกลพระศาสนาเอามากๆ หรือจะกล่าวว่า เป็นชาวพุทธที่ใช้ไม่ได้เลยก็ว่าได้ หลวงปู่ มั่ น ภู ริ ทั ต โต ได้ อธิบายถึงความหมายอันลึกซึ้งของคำว่า นะโม เอาไว้ ใ นหนั ง สื อ มุ ต โตทั ย ว่ า นะ หมายถึ ง ธาตุ น้ ำ เป็ น ธาตุ ที่ ไ ด้ ม าจาก มารดา โม หมายถึง ธาตุดิน เป็นธาตุที่ได้ มาจากบิดา ซึ่งธาตุทั้งสองนี้ถือเป็นธาตุที่ ก่อเกิดร่างกาย จากนั้น ธาตุไฟกับธาตุลมจึงค่อยเข้ามาประสาน ทีหลัง นะโม จึงหมายถึง ร่างกายของเรา และเมื่อนำเอาพยัญชนะ ตัว น (หนู) กับตัว ม (ม้า) สลับที่กันจากคำว่า นะโม กลายเป็นคำ ว่า มะโน, มะโน ที่แปลว่า จิตใจ หรือดวงจิตนั่นเอง สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
29
เมื่อนำเอาทั้ง นะโม (ธาตุที่ทำให้เกิดร่างกาย) กับ มะโน (จิตใจ, ดวงจิต) ประกอบเข้าด้วยกันก็จะได้เท่ากับหนึ่งชีวิต เพราะ ชีวิตของคนเราประกอบด้วยส่วนสำคัญ ๒ ประการ คือ ร่างกาย และจิตใจ ฉะนั้น คำว่านะโม ตามความหมายของหลวงปู่มั่นจึง หมายถึงตัวเราอันประกอบไปด้วยร่างกายและจิตวิญญาณ และเมื่อ ใดก็ตามที่เรากล่าว นะโม เพื่อแสดงความเคารพหรือนอบน้อมต่อ สิ่ ง ใด นั่ น หมายถึ ง เราเอาชี วิ ต อั น ประกอบด้ ว ยร่ า งกายและจิ ต วิญญาณแสดงความเคารพต่อสิ่งนั้น ดังนั้น ทุกครั้งที่เราสวดบท
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ”
จึงเท่ากับเราแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าหมดทั้งตัวและหัวใจ ให้ความเคารพด้วยชีวิตและจิตวิญญาณ อนึ่ง ในการสวดนะโมแต่ละครั้งนั้นเรานิยมสวดกัน ๓ จบ ด้วยเหตุผลที่ว่า ๑. เพื่ อ เป็ น การเน้ น ย้ ำ ความเคารพในพระพุ ท ธเจ้ า หรื อ แสดงความจริงใจต่อพระพุทธเจ้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. เพื่ อ แสดงความเคารพในคุ ณ ของพระพุ ท ธเจ้ า ๓ ประการ คือ พระกรุณาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระปัญญาคุณ ซึ่ง คุณของพระพุทธเจ้านั้นมีมากมายหลายประการ แต่เมื่อว่าโดยย่อ แล้วก็จัดรวมลงในพระคุณทั้ง ๓ นี้ทั้งสิ้น ๓. เพื่ อ แสดงความเคารพต่ อ พระพุ ท ธเจ้ า ๓ ประเภท พระพุทธเจ้าที่ทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก ในอดีตกาลที่ผ่านมามีจำนวน ไม่น้อยมากมายเป็นหมื่นเป็นแสน (ในบทสวดสัมพุทเธกล่าวว่ามี มากถึง ๓,๕๘๔,๑๙๒ พระองค์) ซึ่งจำแนกเป็น ๓ ประเภท คือ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด
30
พระวิริยาธิกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งด้วยความเพียร ใช้เวลา บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงไขยกับอีกแสนกัปจึงได้ตรัสรู้, พระสัทธาธิกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งด้วยศรัทธา ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๘ อสงไขยกับอีกแสนกัปจึงได้ตรัสรู้, พระปัญญาธิกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า ผู้ยิ่งด้วยปัญญา ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี ๔ อสงไขยกับอีกแสนกัปจึงได้ ตรัสรู้ ตามที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า บทสวดนะโมนี้ เป็นบท สวดที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นประธานของบทสวดทั้งปวง เพราะเมื่อจะ กล่าวบทสวดหรือมนต์คาถาอันใดต้องตั้งนะโม ๓ จบก่อนทุกครั้งไป หากไม่กล่าวนะโมก่อน บทสวดหรือมนต์คาถานั้นจะขาดความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ เสกเป่าอย่างไรไม่ได้ผล มีครูบาอาจารย์หลายท่านกล่าวเอาไว้ว่า “บทสวดนะโมนี้เป็นยอดแห่งมนต์ เป็นประธานแห่ง คาถาทั้งปวง หากผู้ใดหมั่นสวดบริกรรม นะโม ตัสสะ นี้ เป็นประจำ หรือใช้เป็นบทภาวนาอยู่ทุกลมหายใจแล้ว ไม่ จำเป็นต้องไปเรียนมนต์คาถาบทอื่น เพราะเพียงนะโมบท เดี ย วนี้ ก็ ม ี อ านุ ภ าพครอบคลุ ม ป้ อ งกั น ภั ย ทั่ ว จั ก รวาล เพราะไม่มีอานุภาพใดจะยิ่งใหญ่เท่าพุทธคุณอีกแล้ว” หมายเหตุ : อ่านอธิบายเกี่ยวกับ นะโม โดยละเอียด ได้จากหนังสือ นะโมศั กดิ์สิทธิ์ โดยศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์ สำนักพิมพ์เลี่ยงเลี่ียงเชียง ยรเพื่อพุทธศาสน์ หรือ ดูตัวอย่างหนังสือได้ที๋ WWW.LC2U.COM, WWW.พุเพี ท ธะ.NETหรื อ คุ ย กั บ คนเขี ย นได้ ที่ WWW.FACEBOOK.COM/ SSPHANSAT สวดมนต์ ให้เกิด ปาฏิหาริย์ทันใจ
31
เสกนะโมดับพิษไฟ
พ่อเที่ยง ชะนะรัง คุณ พ่ อ ของคุ ณ สาธร ชะนะรั ง หัวหน้าฝ่ายผลิต ๔ สำนักพิมพ์ เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ผู้เฒ่าวัย ๘๐ ผู้มีความชำนาญ ในการรักษาโรคด้วยสมุนไพร และการเสกเป่าด้วยมนต์คาถา ได้บอกมนต์คาถาที่ครูบาอาจารย์รุ่น ก่อนใช้เป่าดับพิษที่เกิดจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ซึ่งปัจจุบันท่านก็ใช้ อยู่และใช้ได้ผลด้วย คาถาที่ว่านั้นคือ นะโม ตัสสะ เพียงสองคำ ก่อนเป่าให้น้อมจิตระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า สำรวมจิตให้มั่น
บริกรรมคาถาว่า นะโม ตัสสะ แล้วเป่าที่แผล จะทำให้อาการปวด แสบปวดร้อนบรรเทาหายไป นอกจากดับพิษไฟแล้วยังใช้บริกรรม เป่ากระหม่อมเด็กที่เป็นไข้ตัวร้อนให้เย็นเป็นปกติได้ด้วย พ่อเที่ยงยังบอกอีกว่า ผู้เฒ่าผู้แก่สมัยก่อน ที่ร่ำเรียนวิชากัน เพื่อไปซื้อวัวซื้อควาย หรือซื้อสัตว์ต่างๆ มา เมื่อมาถึงบ้านจะหักกิ่ง ไม้มาบริกรรมคาถาว่า นะโม ตัสสะ แล้วทิ้งลงบนทางที่มา สัตว์ที่ ซื้อมานั้นจะกลับไปบ้านที่จากมาไม่ได้เลย ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ได้มุ่งให้เชื่องมงาย เพียงแต่นำมาบอก กล่าวให้ทราบ หากท่านใดต้องการนำไปใช้ดูก็ไม่ขัดศรัทธา เพราะ หากว่าใช้ได้ผลก็เป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเอง สำหรับท่านที่ไม่เชื่อก็ ไม่เป็นไร
บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด