ทุกข์ทีไร กำไรทุกที

Page 1



ทุกข์ที ไร ก�ำไรทุกที คนโง่เห็นว่า เมื่อเป็นทุกข์เสียแล้วก็ไม่มีทางแก้ไข แต่ผู้มีปัญญาหาเป็นอย่างนั้นไม่ สามารถแสวงหาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นทุกข์

................................................................................... ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ...................................................................................

ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล ถึงบิดามารดาครูอาจารย์ คนเคยร่วมทำ�งานการทั้งหลาย ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ

บุญกุศลนี้แผ่ไปให้ไพศาล ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน มีส่วนได้ในกุศลผลบุญฉัน ขอให้ท่านได้กุศลผลนี้เทอญ


ทุกข์ทีไร ก�ำไรทุกที

บรรณาธิการสาระ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัทธ์ สรรค์สาระ : ณัฐพันธ์ ปิ่นทวีเกียรติ ภาพประกอบ : เทิดเกียรติ ปลูกปานย้อย | รูปเล่ม : มรุต จินตนธรรม ภาพหน้าปก : ธนรัตน์ ไทยพานิช | ออกแบบปก : ธเนษฐ สัคคะวัฒนะ พิสูจน์อักษร : อรทัย ค�ำแพง, หนูคล้าย กุกัญยา ISBN 978-616-268-173-8 กรกฎาคม ๒๕๕๘

สร้างสรรค์และลิขสิทธิ์ บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด 105/95-96 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-7667 เชิญร่วมเผยแผ่เป็นธรรมทาน

สาขาทุ่งครุ : โทร. 02-872-9191, 02-872-8181, 02-872-7227, 02-872-9898 สาขาส�ำราญราษฎร์ : 02-221-1050, 02-221-4446

LC2YOU@GMAIL.COM, LC2YOU@HOTMAIL.COM WWW.LC2U.COM, WWW.พุทธะ.NET

พิมพ์ที่ : หจก. แอลซีพี ฐิติพรการพิมพ์

105/66-67 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-9577 www.thitiporn.com


ทุกข์ที ไร ก�ำไรทุกที คนโง่เห็นว่า เมื่อเป็นทุกข์เสียแล้วก็ไม่มีทางแก้ไข แต่ผู้มีปัญญาหาเป็นอย่างนั้นไม่ สามารถแสวงหาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นทุกข์


ค�ำน�ำ “ความทุกข์” เป็นสิ่งไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย “ความสุข” ยังคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่มนุษย์ทุกคนเฝ้าแสวงหา แต่มีใครบ้างที่เกิดมาแล้วไม่เคยประสบพบเจอกับความทุกข์ ? ทุกข์เพราะความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก ความไม่สมปรารถนา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความทุกข์ที่ทุกคนต้องเคยประสบ พบเจออย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ในอนาคตที่จะมาถึง ในเมื่อเราต้องประสบพบเจอกับความทุกข์อย่างไม่มีทางหลีกหนีได้ แล้ว ท�ำไมเราไม่ลองท�ำให้ความทุกข์กลับกลายเป็นความสุขดูล่ะ ว่าไงนะ ? ท�ำให้ความทุกข์กลายเป็นความสุขได้ด้วยหรือ ? ดั ง นี้ แ ล้ ว ส� ำ นั ก พิ ม พ์ เ ลี่ ย งเชี ย ง เพี ย รเพื่ อ พุ ท ธศาสน์ จึ ง ได้ น� ำ ธรรมบรรยาย “ปริเยสนัปปมาทกถา” ปี ๒๕๑๔ ของหลวงปู่พุทธทาส มาจัดพิมพ์ใหม่ โดยในการจัดพิมพ์ครัง้ นี้ ได้คงบทธรรมบรรยายไว้เหมือนเดิม แต่ได้เพิม่ เติมในส่วนของบทคัดย่อ ใส่สเี น้นค�ำ ท�ำเชิงอรรถ เสริมสาระ อธิบาย ข้อธรรม และใส่ภาพประกอบ เพื่อให้อ่านง่าย เข้าใจง่าย ช่วยย่นระยะเวลา ในการอ่าน เข้าถึงแก่นแท้ของธรรมะ และหยิบใช้ได้ทันที มีสุขทันใจ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จักเอื้อประโยชน์สุขให้กับผู้อ่าน ได้ปฏิบัติตนและด�ำเนินตนไปสู่ความพ้นทุกข์ ตราบเท่าเข้าสู่ “พระนิพพาน” อันเป็นบรมสุขได้ในชาติปัจจุบันนี้ทุกท่านเทอญ


ทุกข์ที ไร ก�ำไรทุกที ถ้าเรารู้จักท�ำสิ่งที่ถือกันว่าเป็นความทุกข์ ให้กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เสียได้แล้ว ความทุกข์ก็จะไม่มีแก่บุคคลใดเลย


ทุกข์ที ไร ก�ำไรทุกที* เราสามารถแสวงหาความสุข ได้จากสิ่งที่เป็นทุกข์นะ

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ ณ บัดนี้ จะได้วิสัชนาพระธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อ เป็นเครื่องประดับสติปัญญา ส่งเสริมศรัทธา ความเชื่อ และวิริยะ ความ พากเพียรของท่านทั้งหลายผู้เป็นพุทธบริษัท ให้เจริญงอกงามก้าวหน้า ในทางแห่งพระศาสนา ของสมเด็จพระบรมศาสดา อันเป็นที่พึ่งของสัตว์ ทั้งหลาย กว่าจะยุติลงด้วยเวลา ธรรมเทศนาเนื่องในการเข้าพรรษาในวันนี้นั้น เป็น...

ธรรมเทศนาที่มุ่งหมาย จะให้เกิดความไม่ประมาท แก่ท่านทั้งหลายผู้เป็นพุทธบริษัท

ดังที่ได้ท�ำความเข้าใจในเรื่องนี้มาตามล�ำดับแล้วแต่วันก่อนๆ *พระธรรมเทศนาเดิมชื่อ “ปริเยสนัปปมาทกถา” แสดงเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๑๔

6

บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด


พุทธบริษัทที่ดี ต้องฝึกฝนบังคับตัวเองให้อยู่ในธรรม ดีจัง ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม ตั้งแต่เด็ก

สาธุ

ในวันนี้ก็ยังเป็นธรรมเทศนาที่มีความมุ่งหมายอย่างเดียวกันคือ ว่า ตลอดกาลจ�ำพรรษานี้ เป็นเวลาที่พุทธบริษัทตั้งใจที่จะท�ำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึง่ เป็นวัตรปฏิบตั ขิ องตนให้ดเี ป็นพิเศษ ให้สม�ำ่ เสมอเป็นพิเศษ สมกับทีเ่ ป็น วันเข้าพรรษา อย่างว่าบางคนจะสมาทานการพูดน้อยให้ตลอดพรรษา แม้เพียงเท่า นี้ก็ยังเป็นการดี เพราะว่าคนส่วนมากขี้พูด พูดพร�่ำเพรื่อ ไม่รู้จักมรรยาท ในการพูด นั่งฟังธรรมก็ยังพูดคุยแข่งกันพร้อมกับการแสดงธรรมนี้ก็ยังมี ก็เรียกว่ากิเลสมันครอบง�ำมากเกินไป

จะต้องตั้งใจฝึกฝนให้เป็นพิเศษด้วย คือการบังคับตัวเอง ให้อยู่ ในขอบเขตของธรรมะและวินัย

อย่าได้เห็นว่า แม้แต่การบังคับตัวเองให้พูดน้อยนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย เลย คนที่ไม่รู้จักการบังคับตัว ย่อมไม่รู้ว่าอะไรเป็นเรื่องมาก อะไรเป็น เรื่องน้อย คนขี้พูด พูดพร�่ำเพรื่อ พูดไม่รู้จักกาลเทศะนั้น มันก็แสดงแล้วว่า เป็นผู้ไม่มีสติปัญญาคือเป็นคนโง่ นี้ก็เป็นกิเลสที่เรียกว่า โมหะ ทุกข์ทีไร ก�ำไรทุกที

7


ถ้ายังมีความโง่ ความหลง ก็ยังไม่ใช่พุทธบริษัท ละชั่ว

ท�ำดี

ท�ำใจ ให้บริสุทธิ์ สาธุ

เดี๋ยวนี้พุทธบริษัทในพระพุทธศาสนานี้...

จะต้องเป็นผู้มีแสงสว่าง มีความรู้ ความตื่นจากหลับ และความเบิกบาน ถ้ามีโมหะ ความโง่ ความหลงอยู่ ก็ไม่มีความเป็นพุทธบริษัท

เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม ดังที่จะเห็นได้ว่ามันตรงกันข้าม อย่างไร ? ดังนั้นตามที่ตั้งใจว่า ตลอดพรรษานี้จะสมาทานวัตรอย่างใดอย่าง หนึ่งให้ครบถ้วนบริบูรณ์และสม�่ำเสมอนั้น เป็นการสมควรอย่างยิ่ง ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนแก่สัตว์โลกเพื่อความพ้นทุกข์นั้น พระพุทธองค์ทรง ตรัสสอนว่า ให้เข้ามาพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อน ว่าสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนนั้น เป็นความจริง ไหม ? ปฏิบัติแล้วพ้นทุกข์ได้จริงไหม ? เพราะธรรมะเป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและผู้ปฏิบัติพึงเห็นแจ้งได้ ด้วยปัญญาของตนเองเท่านั้น ไม่มีใครปฏิบัติเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานแทนกันได้ เมื่อเห็นแจ้ง ธรรมะด้วยใจจริงแล้ว จะเกิดความศรัทธาและเข้าถึงพระธรรมอย่างแท้จริง ไม่ใช่การศรัทธาแบบ ผิดๆ งมงาย หรือศรัทธาตามๆ กันมาโดยไม่ได้เข้าถึงตัวธรรมะที่แท้จริง

8

บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด


ผู้มีปัญญา ย่อมแสวงหาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นทุกข์

ข้อดีของความทุกข์ คือสอนให้เราค้นพบ ความสุขอันแท้จริง

สาธุ

ส�ำหรับในวันนี้ จะได้แสดงด้วยข้อธรรมะข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นพระพุทธภาษิตว่า “ผูม้ ปี ญ ั ญาย่อมแสวงหาความสุขได้จากสิง่ ทีเ่ ป็นทุกข์” ขอให้ทา่ น ทั้งหลายทุกคนจงตั้งจิตอธิษฐาน ในการที่ว่าจะประพฤติปฏิบัติให้ตลอด พรรษานี้ โดยหัวข้อที่ว่าจะแสวงหาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นทุกข์ ท่านทั้งหลายจงฟังดูให้ดี ถ้าฟังดูไม่ดีก็จะไม่เห็นด้วย ในข้อที่ว่า เรา จะแสวงหาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นทุกข์

คนโง่ก็เห็นว่า เมื่อเป็นทุกข์เสียแล้วก็ไม่มีทางแก้ไข หรือความสุขกับความทุกข์นี้ จะเอามาใช้แทนกันไม่ได้ แต่ผู้มีปัญญาหาเป็นอย่างนั้นไม่ สามารถแสวงหาความสุขได้จากสิ่งที่เป็นทุกข์ ทุกข์ทีไร ก�ำไรทุกที

9


มีบุญจริงๆ ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้

เราจะใช้ความทุกข์ เป็นธรรมะสอนตัวเอง

นี้มันเป็นหนทางที่ดี หรือดีมากทีเดียว เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จะช่วย ให้มคี วามทุกข์นอ้ ยเข้า หรือถึงกับไม่มคี วามทุกข์เลย แต่ถา้ ฟังไม่ถกู มันก็ไม่มี ประโยชน์อะไร และคงจะคิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่ปฏิบัติไม่ได้ เพราะว่าคนโง่ ทั้งหลายย่อมหวังในสิ่งที่หวังไม่ได้ หรือไม่ควรหวัง ! ยกตัวอย่างเช่นว่า คราวหนึ่งได้พูด ได้เทศน์ให้พิมพ์โฆษณาเรื่อง ซึ่งมีหัวข้อว่า ความเจ็บไข้มาสอนให้เราเป็นคนฉลาด ความเจ็บไข้เกิดขึ้น แก่เรา เพื่อมาสอนเราให้เป็นคนฉลาด คนที่ไม่เข้าใจก็ล้อว่า เขาไม่ต้องการ ความเจ็ บ ไข้ เขาต้ องการลาภอย่า งยิ่ง ที่เกิด มาจากความไม่ เจ็ บไม่ ไข้ อ้างพระพุทธภาษิตขึ้นมาว่า อาโรคฺยปรมา ลาภา - ความไม่มีโรคเป็นยอด แห่งลาภ นี้คือคนโง่ ! ใครบ้างที่ว่า อยู่ในโลกนี้แล้วจะไม่เจ็บไม่ไข้ ? ปัญหามันก็มวี า่ เมือ่ ความเจ็บความไข้เกิดขึน้ แล้วจะต้องท�ำอย่างไร ? จะต้องมาเสียใจ มานั่งบ่นเพ้อว่าเป็นกรรม เป็นเวร เป็นบาป มาถึงเข้าแล้ว บางคนก็รอ้ งไห้กระสับกระส่าย อย่างนีเ้ รียกว่าคนโง่ โง่เพราะไม่รจู้ กั ต้อนรับ ความเจ็บไข้ให้กลายเป็นของที่ไม่ท�ำอันตราย จึงได้กล่าวไว้ให้เป็นหลักฐาน ปฏิบัติว่า ความเจ็บไข้นั้นมาสอนให้เราฉลาด 10

บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด


ถ้าประมาท จะพลาดประโยชน์จากพระธรรม ช่วยผมด้วย ผมทุกข์เหลือเกิน

ใช้ความทุกข์ สอนตัวเองให้ได้นะโยม

ถ้ า เกิ ด ไม่ มี ค วามเจ็ บ ไข้ กั น เสี ย เลยเอาจริ ง ๆ คนก็ จ ะเหลิ ง และ ประมาทยิ่งกว่าที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ทั้งๆ ที่มีความเจ็บไข้อยู่บ่อยๆ ก็ยังเป็นคน ประมาท

ถ้าไม่ประมาท มันก็จะได้รับผลประโยชน์จากพระธรรม หรือว่าจากการที่เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ แต่ถ้าประมาทเสียแล้ว ก็ไม่ได้รับประโยชน์จากอะไรเลย จะได้รับแต่โทษของความประมาทเท่านั้น

ความเจ็บไข้มาเตือนให้ไม่ประมาท กระทั่งมาเตือนให้เราฉลาด ว่าสิ่งเหล่านี้มันต้องเป็นอย่างนี้ ! แล้วเราจะต้องท�ำอย่างไรจึงจะเอาชนะสิ่ง เหล่านีไ้ ด้ ? ความทุกข์ยากล�ำบากทัง้ หลาย ถ้าเรารูจ้ กั ต้อนรับเอา มันก็กลาย เป็นสิ่งที่ท�ำให้เราฉลาดยิ่งขึ้นทุกที ทุกข์ทีไร ก�ำไรทุกที

11


มนุษย์กา้ วหน้า เพราะคิดแสวงหาทางแก้ บ้านมีปัญหาหรือครับ ?

ใช่ครับ ต้องซ่อม เพราะหลังคารั่วครับ

เราดูโดยทั่วๆ ไปก็จะเห็นได้ว่า...

การที่มนุษย์รู้จักท�ำอะไรให้ก้าวหน้า หรือดีขึ้นสวยขึ้น นี้กเ็ พราะว่ามันมีอุปสรรคเกิดขึ้นก่อน จึงได้คิดแก้ไข มันจึงฉลาด ในการที่จะท�ำอะไรให้มันดีขึ้น

แม้ แต่ จ ะขุ ดรูอยู่ เมื่อมันมีความไม่ส�ำ เร็ จ ประโยชน์ ที่ ส ่ วนไหน ก็คดิ แก้ไขให้มนั ดีขนึ้ จนรูจ้ กั ท�ำเพิง ท�ำกระท่อม ท�ำบ้าน ท�ำเรือน ท�ำตึกอยู่ ก็ลว้ น แต่ประสบความยากล�ำบากอย่างใดอย่างหนึง่ มาก่อน แล้วจึงคิดแก้ไขทัง้ นัน้ คนทั่วไปมักวิตกกังวลเกี่ยวกับภัยอันตรายที่อยู่นอกตัว เช่น น�ำ้ ท่วม แผ่นดิน ไหว ฯลฯ ทั้งๆ ที่ภัยอันตรายที่น่ากลัวที่สุดนั้นอยู่ที่ ใจ ของเราเอง ดังที่พระพุทธองค์ตรัส สอนว่า “ในวันหนึ่งๆ ไม่มีใครท�ำร้ายเราได้มากเท่าอารมณ์จิตตนเองท�ำร้ายจิตของตนเอง” และ “ภัยทีร่ า้ ยแรงทีส่ ดุ ในโลกก็คอื ภัยจากอารมณ์จติ ของเราเอง” ให้พากันพินจิ พิจารณา

12

บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด


ทุกข์ครอบง�ำไม่ได้ ถ้าฝึกใจให้เกิดปัญญา ส�ำหรับความเจ็บไข้นี้ก็เหมือนกัน มันเหมือนกับมาเตือนให้รู้ไว้ ล่วงหน้าว่าจะต้องท�ำอย่างไร ถ้ามันเกิดเจ็บไข้มากกว่านี้ หากมันจะต้องตาย ลงไปจริงๆ ก็จะสามารถท�ำจิตได้ถกู ต้อง ไม่ให้ความทุกข์ครอบง�ำมากเกินไป ฉะนั้น เมื่อเจ็บไข้ทีไร...

ต้องรู้จักถือเอาความฉลาด รู้จักพิจารณาและรู้จักสลัดออกไปด้วยสติปัญญา เหมือนกับว่าเป็นการฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง ให้ความทุกข์เพียงเท่านี้ครอบง�ำไม่ได้เรื่อยๆ ไป จนกระทั่งความทุกข์ชนิดไหนก็ครอบง�ำไม่ได้

เมือ่ เราคิดเสียอย่างนี้ ความเจ็บไข้มนั ก็จะพ่ายแพ้ไป แม้วา่ ความเจ็บไข้ นั้นมันจะหนักมากถึงกับจะต้องตาย ก็ยังมีทางที่จะคิดได้ว่าสังขารมันเป็น อย่างนี้เอง ! ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของสังขารทั้งหลาย มันเป็น อย่างนี้เอง ! ถ้าฉลาดถึงขนาดนี้แล้ว ความทุกข์ ความเจ็บไข้ หรือความตาย ชนิดไหน ก็ไม่มาท�ำให้เดือดร้อนได้ หรือถึงกับหัวเราะเยาะได้ เรียกว่าเป็น ผู้ฉลาดเต็มที่ในเรื่องเกี่ยวกับความเจ็บไข้ นี้เป็นหลักส� ำหรับพุทธบริษัท จะต้องมีความรู้ความเข้าใจ ในการที่จะเอาชนะความทุกข์ โลกปัจจุบนั ผูค้ นเริม่ ห่างไกลจากธรรมะออกไปทุกที ทำ�ให้ตอ้ งประสบปัญหา และทุกข์มากมาย เลี่ยงเชียงขอเป็นสื่อกลางปลุกกระแสธรรมให้คนหันมาสนใจ ศึกษาและใช้ธรรมะกันให้มากๆ โดยเริ่มจากตัวเรา คนใกล้เคียง พยายามฝึกการใช้ ธรรมะในชีวิตประจำ�วันให้เกิดสันติสุขแก่ตน คนรอบข้างและขยายออกไปสู่สังคมโลก ทุกข์ทีไร ก�ำไรทุกที

13


ปัญญาของคนธรรมดาไม่อาจดับทุกข์ ต้องอาศัยปัญญาของพระพุทธเจ้าน�ำหน้า

ตถาคตเป็นเพียง แค่ผู้บอกทางเท่านั้น

สาธุ

ทีนกี้ จ็ ะย้อนกลับไปหาหัวข้อข้างต้นทีว่ า่ รูจ้ กั แสวงหาความสุขจาก สิ่งที่เป็นทุกข์ หัวข้อนี้มีทางที่จะอธิบายได้มากมายหลายระดับ แต่ที่ส�ำคัญที่สุด ก็คือ เรื่องความเป็นทุกข์ของสังขาร ในบทที่ว่า สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา – “สังขาร” คือสิ่งที่มีเหตุมีปัจจัยปรุงแต่งทั้งปวงทุกชนิดเป็นทุกข์ หรือว่า “เบญจขันธ์” อันเป็นที่ตั้งของอุปาทานนี้เป็นความทุกข์ แปลว่า ตัวชีวิตนั้น มันเป็นความทุกข์อยู่ตามธรรมชาติ ! ทีนี้ เราจะแสวงหาความสุขจากสิ่งที่เป็นทุกข์นี้ได้อย่างไร ? สติ ปัญญาของคนธรรมดาคงจะท�ำไม่ได้ จึงต้องอาศัยสติปญ ั ญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หนังสือเล่มนี้บรรจุพระธรรมคำ�สอนของพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์

โปรดใช้หนังสือเล่มนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าที่สุด เมื่อไม่อ่านแล้ว กรุณาส่งต่อผู้อื่นเพื่อเป็นการเผยแผ่ธรรมและบำ�เพ็ญทานบารมีแก่ตน

14

บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด


มีบุญจริงๆ ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้

สติปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีมากพอที่จะท�ำให้สามารถ แสวงหาความสุขจากสิ่งที่เป็นทุกข์ เพราะสติปัญญาอันสูงสุดอย่างนี้เอง พระองค์จึงได้นามว่า “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ดังนั้น ขอให้เราทุกคนลองพยายามคิดนึก ศึกษา ตามที่พระองค์ ทรงสอนไว้ ก็ร่างกาย จิตใจ ชีวิตนี้ เมื่อปล่อยไปตามเรื่องตามราวของคนที่ไม่มี ความรู้ มันก็เป็นทุกข์ แต่ถา้ มีปญ ั ญาก็สามารถทีจ่ ะพิจารณา เสาะหาเอาแต่ แง่มุมที่จะไม่ต้องเป็นทุกข์ ลองมาดูว่ามันมีอะไรบ้าง ? จะอ่ า นหนั ง สื อ ธรรมะมากเท่ า ไหร่ ก็ ไ ม่ ล ะเอี ย ดเท่ า กั บ การใช้ จิ ต พิ นิ จ พิ จ ารณา และลงมื อ ปฏิ บั ติ จนจิ ต ของผู ้ ป ฏิ บั ติ รู ้ ธ รรมะของจริ ง ได้ ด ้ ว ยตั ว เอง ดั ง ที่ พ ระพุ ท ธองค์ ตรั ส ว่ า พระพุ ท ธองค์ เ ป็ น ได้ เ พี ย งแค่ ผู ้ บ อกทางสู ่ ค วามพ้ น ทุ ก ข์ เ ท่ า นั้ น และพระธรรมนั้ น เป็ น ปั จ จั ต ตั ง เป็ น สิ่ ง ที่ ผู ้ ศึ ก ษาและปฏิ บั ติ พึ ง เห็ น ได้ ด ้ ว ยตนเอง ต่ อ ให้ ใ ครจะมาบอกให้ รู ้ สักร้อยครั้งพันครั้งก็ไม่เท่ากับจิตของผู้ปฏิบัติรู้ธรรมะนั้นได้ด้วยตนเอง ทุกข์ทีไร ก�ำไรทุกที

15


“ความเกิด” สอนให้เราเข้าใจความทุกข์ ข้อแรกทีเดียว เราก็ได้ยินได้ฟังกันอยู่ว่า ความเกิดเป็นทุกข์ ความ แก่เป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความเศร้าโศกร�่ำไรร�ำพัน ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เหล่านีก้ เ็ ป็นทุกข์ พลัดพรากจากสิง่ ทีร่ กั ก็เป็นทุกข์ ปรารถนาสิง่ ใด แล้วไม่ได้สิ่งนั้นนั่นก็เป็นทุกข์ สรุปความแล้ว เบญจขันธ์ที่มีอุปาทานเป็นตัวทุกข์ ค�ำพูดเกี่ยวกับ เรื่องของความทุกข์มีอยู่อย่างนี้ เป็นหลักทั่วไปในพระพุทธศาสนา ความเกิดเป็นทุกข์ เราจะท�ำอย่างไร ? เราก็ตอ้ งศึกษาเรือ่ งความเกิด ! ถ้าไม่มีความเกิดเราก็ไม่มีอะไรจะศึกษา ฉะนั้น ต้องมีความเกิดมาให้เรา ส�ำหรับเป็นวัตถุแห่งการศึกษา

เมื่อเรามีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับความเกิดนี้อย่างถูกต้องแล้ว ก็สามารถจะท�ำให้ความเกิดนัน ้ หยุดเป็นทุกข์ หรือถึงกับไม่มีความเกิดเอาเสียเลยทีเดียว ศึกษาจนรู้ว่า ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา อย่างนั้นอย่างนี้ มีแต่ สักว่าธรรมชาติล้วนๆ หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป เราได้ความรู้ความเข้าใจ ถึงขนาดนี้แล้ว ความเกิดก็หมดความเป็นทุกข์ แล้วก็ให้สิ่งที่ตรงกันข้ามคือ ความไม่เป็นทุกข์ หรือความสุข บุคคลทีค่ วรบูชา ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่ ครูอาจารย์ การ บูชาแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ การบูชาด้วยวัตถุสิ่งของ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน ข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้าอาภรณ์ การดูแลเอาใจใส่ เป็นต้น, การบูชาด้วยการปฏิบัติ ตามคำ�สั่งสอน คือ ไม่ทำ�ชั่ว ทำ�แต่สิ่งดี ในการบูชาทั้ง ๒ ประเภทนั้น พระพุทธเจ้า ทรงสรรเสริญการบูชาด้วยการปฏิบัติตามคำ�สอนว่าเป็นยอดของการบูชาที่ควร ปฏิบัติอย่างยิ่ง (คัดย่อจาก สวดมนต์พ้นหนี้กรรม : เลี่ยงเชียง) 16

บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด


“ความแก่” สอนให้เราคลายความยึดมั่นถือมั่น เราห้ามความแก่ ไม่ได้นะจ๊ะ จริงไหม ? หลานๆ

โอ้โห !! ยายดูมีความสุขจังเลย

มาถึงความแก่ชรา จะเป็นความแก่ชราอย่างไหนก็ตามใจ ถ้ามีปญ ั ญา พอตัว ก็ใช้เป็นเครื่องมือส�ำหรับศึกษา เป็นบทเรียนส�ำหรับศึกษา ให้รู้ว่า ความแก่มันเป็นอย่างนี้เอง มันก็สอนให้เราฉลาดด้วยเหมือนกัน อย่างน้อย ก็ให้รู้ว่าสังขารทั้งหลายมันเป็นอย่างนี้ ! ก็หัวเราะเยาะได้

ถ้าสามารถประพฤติธรรมะขนาดที่ว่า ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นโดยประการทั้งปวงแล้ว ความแก่ก็ไม่มีความหมาย ไม่ทำ� อันตรายแก่บุคคลใด

แม้จะแก่จนลุกเดินไปไหนไม่ไหว มันก็ไม่มีอะไรที่จะต้องมาท� ำให้ เกิดความทุกข์ใจ จะมองไปในแง่ไหนก็ได้ มันเป็นของธรรมดา เป็นไปตาม ธรรมดา เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ จะฉลาดในเรื่องของขันธ์ ของ ธาตุ ของอายตนะ หรือว่าของธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวง ตามที่มันเป็นจริง ว่ามันเป็นอย่างนี้ ! ถ้าความแก่ไม่มีมา ก็ไม่มีทางจะรู้อย่างนี้ ทุกข์ทีไร ก�ำไรทุกที

17


“ความเจ็บไข้” สอนให้เราเข้าใจความเปลี่ยนแปลง ความเจ็บไข้ มาเตือนให้ฉลาด นะโยมนะ เห็นทุกข์แล้วจะเห็นธรรม จริงๆ ครับ สาธุ

ความเจ็บไข้กอ็ ย่างเดียวกันอีก คืออย่างทีไ่ ด้กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็น ตัวอย่างนั้น

เจ็บไข้ทุกทีก็ย่อมจะฉลาดขึ้นทุกที แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ เจ็บไข้ทุกทีก็ยิ่งโง่เข้าทุกที ยิ่งทุกข์ง่าย มีความทุกข์ง่ายขึ้นทุกที

จนหมดก�ำลังใจทีจ่ ะต่อสูก้ บั ความเปลีย่ นแปลงของสังขารทัง้ หลาย โอกาสแห่งความเจ็บไข้ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการพิจารณาธรรม อย่าปล่อยให้ ขาดทุน ให้พยายามฝึกจิตให้พจิ ารณาเห็นร่างกายตามความเป็นจริง คือ ร่างกายนีไ้ ม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มใี นร่างกาย ร่างกายไม่มใี นเรา ร่างกายนีป้ ระกอบด้วยธาตุ ๔ ดิน น�ำ้ ลม ไฟ และ อาการ ๓๒ เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลสกปรกโสโครก มี ความเสื่อมสลาย ต้องถึงแก่ความตายไปในที่สุด เมื่อพิจารณาเนืองๆ ดังนี้แล้ว จิตจะค่อยๆ คลายการเกาะติดร่างกายไปได้ทีละน้อยๆ จนปล่อยวางร่างกายได้ในที่สุด

18

บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด


ความตายเป็นทุกข์ขึ้นมา ก็เพราะว่าความยึดมั่นถือมั่น

ช่วยด้วย !! ฉันกลัวตาย !!

ทีนี้ก็มาถึงความตาย

ความตายนี้เป็นความทุกข์ขึ้นมา ก็เพราะว่าทุกคนยึดมัน ่ ถือมัน ่ ว่าความตายนี้เป็นของเรา ความตายยังไม่ทันมาถึง ก็มีความทุกข์เหลือประมาณ โดยมากคนเรามีความทุกข์เพราะสิ่งที่ยังมาไม่ถึงแทบจะทั้งนั้น หมายความว่าคิดเอาเอง หวั่นวิตกเอาเอง ยึดมั่นถือมั่นเอาเอง เป็นความ ทุกข์มากมายมหาศาลจากสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น พอถึงคราวที่ตายเข้าจริงๆ หามีเวลาที่จะไปคิดนึกมากอย่างนั้นไม่ ! มีปัญหาเรื่องความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นปีๆ ล่วงหน้า ถึงเวลาจะตาย เข้าจริงๆ ไม่กี่นาทีก็ตายได้ ทุกข์ทีไร ก�ำไรทุกที

19


คลายความยึดมั่นได้ ก็พลิกทุกข์ให้กลายเป็นสุขได้ อาการอย่างอืน่ อีกหลายอย่าง ก็เหมือนกัน ที่เป็นปัญหามากที่สุด ก็คอื ความกลัว หรือความวิตกกังวล คนคนหนึ่งก็มักจะมีเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึง่ เอามาส�ำหรับกลัวหรือส�ำหรับวิตก กังวล มั นก็ ทรมานไปทุกวันทุกคืน โดยแท้ที่จริงนั้นไม่ได้เกิด แต่มันเกิด เพราะเอามาคิด มายึดถือ จนเป็นที่ ตั้งแห่งความวิตกกังวล หรือความ กลัว เป็นต้น โดยเฉพาะเรื่องภายนอก กลัวเหตุการณ์อันตรายภายนอก กลัวยาก กลัวจน กลัวอะไรก็ตาม เอามาคิดส�ำหรับกลัวได้มาก โดยที่แท้จริง ถ้าอย่า มาคิดส�ำหรับกลัวหรือวิตกกังวล คิดไปแต่ในทางที่จะท�ำการท�ำงานให้ลลุ ่วง ไปอย่างไร ให้สนุกสนานไปเสียยังดีกว่า รวมความว่า...

เรื่องอะไรๆ ทีม ่ นุษย์รู้สึกเป็นทุกข์ หรือกลัว วิตกทนทรมานอยู่นี้ เป็นเรื่องที่ไปเอามาคิดด้วยความส�ำคัญผิด ความยึดมั่นถือมั่นทั้งนั้น 20

บริษัท ส�ำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จ�ำกัด


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.