พุทธทำ�นาย ที่แถลงไข ถึงความเดือดร้อน ในสังคมที่อาจทำ�ให้ ล่มจมถึงขั้นสิ้นโลก
ฤาโลกนี้ จะถึงคราเข้าสู่กลียุค เรียบเรียงโดย... ไพยนต์ กาสี
มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก บรรณาธิการ/เรียบเรียง : ไพยนต์ กาสี ออกแบบปก-รูปเล่ม : เสาวณีย์ เที่ยงตรง ภาพประกอบ : อนันต์ กิตติกนกกุล, เทิดเกียรติ ปลูกปานย้อย พิมพ์ข้อมูล : ธนวรรณ ขันแข็ง พิสูจน์อักษร : มานิตย์ กองษา ISBN 978-616-268-128-8 สร้างสรรค์และลิขสิทธิ์ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด 105/95-96 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-82-7667 เชิญร่วมเผยแผ่เป็นธรรมทาน โทร. 02-872-9191, 02-872-8181, 02-872-7227, 02-872-9898 LC2YOU@GMAIL.COM, LC2YOU@HOTMAIL.COM WWW.LC2U.COM, WWW.พุทธะ.NET
พิมพ์ที่ : หจก. แอลซีพีฐิติพรการพิมพ์ 105/66-67 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-9577 www.thitiporn.com
ไม่อยากให้คำ�ทำ�นายเป็นจริงเร็ววัน ทุกท่านต้องร่วมกันพยุงศีลธรรมให้อยู่คู่โลก พุทธทำ�นาย เป็นคำ�สอนสำ�คัญของพระพุทธศาสนาเรื่อง หนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นความเป็นไปของโลกในกาลข้างหน้า แต่ทว่า การทำ�นายของพระพุทธองค์ จะแตกต่างจากศาสตร์การทำ�นาย ของบรรดานักโหราจารย์ทั้งหลายอย่างสิ้นเชิง เพราะ... นักโหราศาสตร์ จะทำ�นายทายทักจากสภาพปัจจัยภายนอก เช่น ทางเดินของดวงดาว หรือจากลักษณะเด่น-ด้อย ของบุคคล เป็นต้น ทั้งนี้โดยอาศัยองค์ความรู้ที่เรียนมาตามคัมภีร์ พระพุทธเจ้า จะทรงพยากรณ์หรือทำ�นายจากสภาพปัจจัย ภายใน คือ กรรม หรือการกระทำ�เป็นหลัก ดังทีต่ รัสในพุทธทำ�นาย นีเ้ ช่นกันว่า ในคราทีโ่ ลกเสือ่ ม มนุษย์หา่ งไกลศีลธรรมจะทำ�ให้.... ทั้งนี้โดยอาศัยพุทธญาณที่พระองค์ทรงสั่งสมบำ�เพ็ญบารมีมา นับอเนกชาติ จนได้รับพระสมัญญานามว่า โลกวิทู ท่านผู้แจ้งใน โลกทั้งปวง หนังสือ มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก เล่มนี้ ผู้เรียบเรียงนำ� ข้อความเรื่องราวส่วนใหญ่มาจากพระไตรปิฎกและอรรถกถา พร้ อ มทั้ ง เสริ ม สารธรรมที่ คิ ด ว่ า จะช่ ว ยให้ เ กิ ด แนวคิ ด ในการ ป้องกันภัย ที่จะเกิดจากพุทธทำ�นายข้อนั้นๆ ทั้งนี้ มิได้เป็นการ เขียนให้ตื่นตกใจกลัวจนเกินเหตุแต่จุดประสงค์แท้จริงต้องการให้ ผู้อ่านลดละกิเลสที่จะทำ�ให้เกิดผลตามคำ�ทำ�นายในเรื่องนั้น คุณความดีทเ่ี กิดจากการจัดทำ�หนังสือเล่มนี้ ขอน้อมถวาย เป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ขอมอบเป็นกตัญญูกตเวทิตาธรรมแด่บพุ การีมบี ดิ ามารดาครูอาจารย์ รวมทัง้ ท่านผูอ้ า่ นทุกท่าน ด้วยเทอญ. ด้วยศรัทธาและปรารถนาดี ขอบุญบารมีที่ท่านสร้างไว้ เป็นเกราะป้องกันภัยให้ท่าน พ้นเคราะห์กรรม
น.ธ.เอก, ป.ธ. ๖, พธ.บ., น.บ. บรรณาธิการ รวบรวม/เรียบเรียง
สารบัญ เหตุใดคนถึงชอบทำ�นายดวงชะตา ๗ โหราศาสตร์ วิชาทำ�นายของทุกชาติภาษา ๙ การพยากรณ์ในพระพุทธศาสนา ๑๑ การได้รับการพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า ๑๓ ความฝันอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มักนำ�มาทำ�นาย ๒๓ เหตุการณ์ท�ำ นายฝันพยากรณ์ของ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ๒๗ ๑. การพยากรณ์พระสุบินของ พระนางสิริมหามายา ๒๗ ๒. คำ�พยากรณ์พระราชกุมาร ของอสิตดาบส ๓๐ ๓. คำ�พยากรณ์เจ้าชายสิทธัตถะ ของพราหมณ์ทั้ง ๘ ๓๑ ๔. การพยากรณ์มหาสุบิน ๕ ประการ ด้วยพระองค์เอง ๓๓ พุทธทำ�นาย ๑๖ ประการ จากสุบินนิมิตฝัน ของพระเจ้าปเสนทิโกศล ๓๕ ๑๖ สุบินของโกศลราชา ๑๖ บทพระพุทธวจนพยากรณ์ ๔๑ ๑. โคอัญชันจะชนกันแต่ไม่ชน ๔๒ ธรรมชาติวิปริตผิดวิสัย ๔๓ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๔๔
๒. ต้นไม้ออกดอกผลต้นแค่ศอก ๔๖ เยาวชนหญิงชายจะมั่วกาม ๔๗ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๔๘ ๓. แม่วัวออกลูกบังเกิดเกล้า ๕๐ ลูกหยามคุณบิดามารดาน่าอดสู ๕๑ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๕๒ ๔. เอาวัวตัวยังเล็กมาไถนา ๕๔ ผู้ใหญ่ใช้คนไม่ถูกกับงาน ๕๕ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๕๖ ๕. คนช่วยกันป้อนหญ้าม้าสองปาก ๕๘ การตัดสินคดีไม่มีความยุติธรรม ๕๙ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๖๐ ๖. อยากให้หมามานั่งบนถาดทอง ๖๒ คนชั่วจะครองอำ�นาจบาตรใหญ่ ๖๓ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๖๔ ๗. ฟั่นเชือกกองไว้ หมาแอบเข้าไปกัด ๖๖ ภรรยาจะมีชู้คิดนอกใจ ๖๗ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๖๘ ๘. ทวยราษฎร์ตักน้ำ�ใส่ตุ่มใหญ่ ๗๐ จะเกิดความเหลื่อมล้ำ�ในสังคม ๗๑ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๗๒ ๙. น้ำ�ใสๆ กลับไปอยู่ที่ริมสระ ๗๔ คนดีหนีเข้าป่า คนชัว่ ช้าอยูค่ รองเมือง ๗๕ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๗๖
๑๐. ข้าวสามกษัตริย์สุกไม่เท่ากัน ๗๘ คนเห็นดีเป็นชั่ว เห็นชั่วเป็นดี ๗๙ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๘๐ ๑๑. เอาไม้จันทน์มีค่าแลกนมเน่า ๘๒ จักมีนักบุญในคราบคนบาปหนา ๘๓ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๘๔ ๑๒. น้ำ�เต้าแสนเบากลับจมน้ำ�สิ้น ๘๖ ปัญญาชนจะถูกกดขี่ ๘๗ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๘๘ ๑๓. แผ่นภูผาหินใหญ่ลอยน้ำ�ได้ ๙๐ มีผู้นำ�ที่ยกย่องคนชั่วช้า ๙๑ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๙๒ ๑๔. เหตุไฉนงูใหญ่ให้กบจับกิน ๙๔ ภรรยาไม่ย�ำ เกรงสามีตน ๙๕ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๙๖ ๑๕. พญาหงส์สิ้นศักดิ์เข้าพรรคกา ๙๘ ผู้นำ�มีคนชั่วเป็นบริวาร ๙๙ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๑๐๐ ๑๖. พยัคฆาดุร้ายไพร่กลัวสมันน้อย ๑๐๒ ครูอาจารย์ถูกศิษย์เนรคุณ ๑๐๓ เคล็ดธรรมแก้ฝัน ๑๐๔ บทวิเคราะห์พุทธทำ�นาย ๑๐๖ พุทธพยากรณ์พระศรีอริยเมตไตรย ๑๑๑ การทำ�นายคติพระเทวทัต ๑๑๙
จริงหรือครับพ่อหมอ
ดูท่าดวงจะตกนะ
เหตุใดคนถึงชอบทำ�นายดวงชะตา ?
LC
2U
.C
O
M
กล่าวกันว่า บรรดาสิง่ มีชวี ติ ทัง้ หลายในโลกนี้ สิง่ มีชวี ติ ทีไ่ ด้ชอ่ื เรียกว่า “คน” หรือ “มนุษย์” นั้น เป็นสัตว์ที่มีชาติพันธุ์พิเศษกว่า สัตว์โลกประเภทอืน่ ใด เพราะมีไหวพริบสติปญ ั ญาในการแก้ไขปัญหา อุปสรรคนานา รู้จักปรับตัวให้เข้าสภาวการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ มนุษย์เรานัน้ ยังมีคณ ุ สมบัตสิ �ำ คัญประการหนึง่ ก็คอื เรือ่ ง “ความสงสัย” โดยเฉพาะความสงสัยทีเ่ กีย่ วกับความปลอดภัย ในการดำ�รงชีวิตของตนให้เป็นอยู่โดยความสวัสดี มิอยากให้มภี ยันตรายต่างๆ จากรอบด้าน เช่น ภัยพิบัติจากธรรมชาติอันเกิดจาก สภาพของดินฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลหรืออันตราย ที่เกิดจากโรคระบาด เป็นต้น มาเบียดเบียนตน ในขณะที่มชี วี ติ อยู่ 7 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
นัน้ จึงทำ�การจดจำ�บันทึกเหตุการณ์ส�ำ คัญๆ ซึง่ คนแต่ละยุคได้ประสบ แล้วนำ�มาบอกเล่าแก่ลูกหลาน จากรุ่นสู่รุ่น จากยุคสู่ยุค จนกลาย เป็นตำ�นานเล่าขานต่อกันมา เป็นต้นว่าปรากฏการณ์จนั ทรุปราคา ที่ บรรพบุรุษไทยเราเรียกว่า ราหูอมจันทร์ หรือกบกินเดือน เป็นต้น ปรากฏการณ์ดงั กล่าวแม้เกิดขึน้ ตามธรรมชาติ แต่กม็ อี ทิ ธิพล ต่อความคิดและความเชื่อในหลากหลายวัฒนธรรม ตามสังคมของ มนุษย์ยุคนั้นๆ มาเป็นเวลาช้านาน อย่างสมัยโบราณที่มนุษย์เรา มีความใกล้ชิดผูกพันกับธรรมชาติ แต่เมื่อไม่อาจจะหาเหตุผล หรือ ไม่อาจรู้ถึงความจริงของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้ จึงสงสัยว่า สิง่ ทัง้ หลาย เช่น ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า จันทรุปราคา สุรยิ ปุ ราคา ทีเ่ กิดขึน้ นัน้ มันเกิดจากเทพเจ้า ผีสางนางไม้ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิต์ ามความเชื่อที่ ตนนับถืออยู่นั้นมาบันดาลให้เป็นไปหรือเปล่า มนุษย์เรานอกจากความสงสัยเป็นทุนเดิม คุณสมบัตทิ ม่ี เี สริม มาพร้อมกับความสงสัยได้แก่ “การทำ�นาย” คือการคาดคะเนหรือ คาดเดาเอาว่า จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต โดยสิ่งนั้นอาจ เป็นคุณหรือโทษแก่ชวี ติ ตนได้ ดังในปรากฏการณ์ธรรมชาติขา้ งต้นนัน้ มนุษย์กท็ �ำ นายทายทักกันว่า จะนำ�ความเดือดร้อนไม่ปลอดภัยมาสู่ ชีวิตของตนได้ เมื่อเชื่อเช่นนี้ก็พยายามที่จะขจัดปัดเป่าภัยให้พ้นไป จากตน การทำ�นาย จึงช่วยคนให้คลายความสงสัยและช่วยเสริม ขวัญกำ�ลังใจในการดำ�เนินชีวิตให้ดีขึ้น เพราะการทำ�นายมีความใกล้ชดิ กับวิถชี วี ติ มนุษย์มายาวนาน ทำ�ให้มนุษย์ได้พัฒนาการองค์ความรู้นี้มาเป็นศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่า “โหราศาสตร์” 8 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
พระจันทร์ ๑๕
พระอาทิตย์ ๖
พระอังคาร ๘
เทวดา พระเคราะห์ พระศุกร์ ๒๑ พระราหู ๑๒
ประจำ�วันเกิด
พระพุธ ๑๗ พระเสาร์ ๑๐
พระพฤหัสบดี ๑๙
โหราศาสตร์ วิชาทำ�นายของชนทุกชาติภาษา
LC
2U
.C
O
M
โหราศาสตร์ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ค�ำ จำ�กัด ความว่า วิชาพยากรณ์หรือทำ�นายโชคชะตาโดยอาศัยการโคจร ของดวงดาวเป็นหลัก โหราศาสตร์ ถือเป็นศาสตร์ๆ หนึ่งที่มีมาตั้งแต่โบราณ เช่น ทำ�นายชะตาชีวิต ทำ�นายลักษณะนิสัย ทำ�นายทายทักลางสังหรณ์ ที่เกิดจากสัตว์ หรือธรรมชาติ แสดงให้เห็น ทำ�นายฝันต่างๆ เป็นต้น เพือ่ ให้ได้ค�ำ ตอบเป็นทีน่ า่ พอใจแก่คนผูป้ ระสบเหตุการณ์นน้ั ๆ ทีส่ �ำ คัญ การทำ�นายนี้ มีอยูท่ กุ ชนชาติ ทุกศาสนา ทุกภาษา ตามลัทธิความเชือ่ ที่แตกต่างกันออกไป วิชาโหราศาสตร์ของอินเดียเป็นทีเ่ ชือ่ กันว่า เป็นแหล่งกำ�เนิด ของวิชานี้ที่เก่าแก่ที่สุด มีการทำ�นายทายทักได้ผลแม่นยำ�ที่สุดอีก 9 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
M
เช่นกัน เพราะการศึกษาหาความรู้ในทางดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ ของเขานัน้ มีมาแต่ยคุ พระเวท คัมภีรพ์ ระเวททีส่ �ำ คัญอีกเล่มหนึง่ ชือ่ “เวทางคะ” มีจ�ำ นวน ๖ เรือ่ ง หนึง่ ในนัน้ ชือ่ “ชโยติเวทางคะ” ว่าด้วย เรือ่ งดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์ โดยแต่งเป็นร้อยกรอง ประมาณ ๔๐ โศลก มีเนื้อหากล่าวถึง พระอาทิตย์ พระจันทร์ และกลุ่ม ดาวนักษัตรทั้ง ๒๗ กลุ่ม ซึ่งพวกพราหมณ์จะต้องศึกษาโดยเฉพาะ ให้เข้าใจโดยละเอียดถ้วนถี่ดังที่ปรากฏในคัมภีร์ของพระพุทธศาสนา เช่น พระไตรปิฎก หรืออรรถกถา ก็ได้กล่าวถึงคัมภีรท์ พ่ี วกพราหมณ์ ใช้ศกึ ษา คือคัมภีรไ์ ตรเพท หรือคัมภีรม์ หาปุรสิ ลักษณะ ทีพ่ ราหมณ์ ใช้ประกอบในการทำ�นายทายทักองค์พระมหาบุรษุ คือเจ้าชายสิทธัตถะ ไว้หลายแห่งด้วยกัน ความรู้ทางโหราศาสตร์ของอินเดียนี้ ถูกเผยแพร่ออกไป ทัง้ ในและนอกประเทศ จากการแลกเปลีย่ นวัฒนธรรมผ่านอิทธิพล ของศาสนาพราหมณ์ สังเกตได้จากการประกอบพิธกี รรมต่างๆ เช่น จะประกอบการมงคลใดๆ ก็ต้องอาศัยฤกษ์ยาม พิธีกรรมบางอย่าง ก็มีการสั่นกระดิ่ง เป่าสังข์ เบิกแว่นเวียนเทียน เป็นต้น และยังแผ่ อิทธิพลมาถึงหลักวิชาโหราศาสตร์ของไทย เพราะคำ�นิยามศัพท์ทใ่ี ช้ ส่วนใหญ่ เช่น ชื่อของดาวนักษัตรประจำ�ฤกษ์ต่างๆ ก็ใช้ภาษา สันสกฤต หรือชื่อของราศีต่างๆ เช่น ราศีกุมภ์ ราศีเมษ ก็ล้วนมา จากพราหมณ์ทั้งนั้น
LC
2U
.C
O
ผู้สนใจเรื่องโหราศาสตร์ โปรดหาความรู้จากตำ�ราเหล่านั้นโดยตรง ในที่นี้ ผู้เรียบเรียงมีจุดประสงค์เพียงแค่ว่า การทำ�นาย เป็นสิ่งที่มีคู่กับสังคมมนุษย์มาอย่าง ยาวนานเท่านั้น 10 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
การพยากรณ์ในพระพุทธศาสนา
LC
2U
.C
O
M
คำ�ว่า พยากรณ์ ในความหมายโดยทั่วไปนั้น พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ค�ำ จำ�กัดความว่า ทำ�นาย, คาดการณ์, ชื่อคัมภีร์โหราศาสตร์ว่าด้วยการทำ�นาย, พยากรณ์โชคชะตา, ทำ�นายโชคชะตา, ทำ�นายความเป็นไปในชีวิต, พยากรณ์อากาศ, ทำ�นาย หรือคาดการณ์ล่วงหน้า พระเดชพระคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ให้ ความหมายว่า พยากรณ์ หมายถึง ทำ�นาย, คาดการณ์, ทำ�ให้แจ้ง, ตอบปัญหา พันตรี ป. หลวงสมบูรณ์ ให้ความหมายว่า พยากรณ์ หมายถึง การทำ�ให้แจ้ง, การทำ�นาย, การกล่าวทาย, การคาดการณ์, การยืนยัน, เวทางค์ ดังนัน้ มุมมองการพยากรณ์ในทางพระพุทธศาสนาจึงสามารถ แบ่งออกเป็นได้ ๔ แนวทางใหญ่ๆ ด้วยกันคือ 11 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
๑
ทำ�นาย การบอกถึงสิง่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ ในอนาคตเบือ้ งหน้า เช่น พระพุทธองค์ทรงทำ�นายว่า พระเทวทัตจะไปเกิดในนรก เพราะกรรมที่ทำ�ไว้ก่อน ในตอนหลังด้วยผลกรรมที่ถวาย กระดูกคางเป็นพุทธบูชาก็จะได้เกิดเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
๒
คาดการณ์ การบอกถึงสิง่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ โดยอาศัยเหตุปจั จัย ต่างๆ เป็นเครือ่ งประกอบการทำ�นาย เช่น พระทีปงั กรพุทธเจ้า ทำ�นายสุเมธดาบสทีน่ อนทอดกายต่างสะพานให้พระองค์พร้อม พระสาวกเดินข้ามเปือกตม ว่าในอนาคตเบือ้ งหน้านัน้ จักได้เป็น พระโคดมพุทธเจ้า เป็นต้น
๓
2U
.C
O
M
ตอบปัญหา การตอบปัญหาเพือ่ คลายข้อสงสัยของบุคคล ผูท้ ม่ี คี วามสงสัยในเรือ่ งต่างๆ นัน้ เป็นพุทธจริยาวัตรประการหนึง่ ที่ทรงปฏิบัติเป็นประจำ� ผู้เข้ามาถามก็มีทั้งพระสงฆ์สาวกบ้าง เทวดาบ้าง พระราชามหากษัตริย์บ้าง ชาวบ้านบ้าง นักบวช ต่างลัทธิบ้าง แต่ก็มีปัญหาบางอย่างที่แม้จะมีผู้ถามก็ไม่ทรง ตอบ เช่น ถามว่าโลกเทีย่ งหรือไม่เทีย่ ง เป็นต้น เพราะถ้าตอบ ไปข้างใดก็ท�ำ ให้เกิดการแบ่งแยกฝ่ายอย่างชัดเจน อีกอย่างหนึง่ ปัญหาเช่นนัน้ ไม่ใช่ทางที่จะนำ�สู่ความดับทุกข์
LC
๔
ทำ�ให้แจ้ง การแสดงเหตุผล อธิบายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพือ่ ให้เข้าใจตามความเป็นจริง เพราะในทางพระพุทธศาสนา จุดประสงค์ใหญ่คือเรื่องการรู้แจ้งเห็นจริงเพื่อความพ้นทุกข์
12 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
การได้รับการพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า
LC
2U
.C
O
M
การพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งในพระพุทธศาสนา คือ การพยากรณ์พระโพธิสตั ว์ผจู้ ะมาตรัสรูเ้ ป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ตอ่ ไป อันนีเ้ ป็นประเพณีการสืบเชือ้ สายทีเ่ รียกว่า “พุทธวงศ์” ซึง่ ต่างจาก การสืบพระราชสันตติวงศ์ของกษัตริย์ ที่สืบต่อราชวงศ์กันทางสาย โลหิต หรือได้อำ�นาจมาจากการปราบดาภิเษก แต่พุทธวงศ์ เป็น การสืบเชือ้ สาย โดยคัดเลือกจากบุคคลผูไ้ ด้บ�ำ เพ็ญบารมีอย่างยวดยิง่ และได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าในอดีต พระพุทธเจ้าของเราก็เช่นกัน ในสมัยครั้งเสวยพระชาติเป็น สุเมธดาบส ได้แผ้วถางทางร่วมกับชาวเมืองรัมมนครเพื่อรับเสด็จ พระทีปังกรพุทธเจ้า เมื่อทางยังไม่เสร็จดี องค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ได้เสด็จมาถึงสถานที่นั้น 13 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
สุเมธดาบสครั้นเห็นพระพุทธลักษณะ เกิดปีติอย่างแรงกล้า ถึงกับยอมสละชีวิตด้วยคิดว่า “พระผูม้ พี ระภาคเจ้าทีปงั กร อย่าได้ทรงเหยียบทีโ่ คลนตมนี้ ขอทรงเหยี ย บที่แผ่นหลัง ของเราเสด็จไปพร้ อ มกั บ พระสาวก ทั้งปวง เหมือนทรงเหยียบสะพานที่มีพื้นเป็นแก้วผลึกเถิด” จากนั้น จึงปูลาดแผ่นหนัง และผ้าเปลือกไม้ สยายผมนอน ควำ�่ หน้าทอดตัวทับเปือกตมนั้น พร้อมกับตั้งความปรารถนา๑ ว่า “ในอนาคตกาลข้างหน้า ขอให้ขา้ พเจ้าได้เป็นพระพุทธเจ้า เหมือนกับพระทีปงั กรพุทธเจ้าด้วยเถิด” องค์สมเด็จพระทีปังกรพุทธเจ้า ทรงทราบถึงการปรารถนา พุทธภูมิของสุเมธดาบส จึงทรงส่งอนาคตังสญาณไปพิจารณาดูก็ ทราบว่าจักสำ�เร็จดังมโนมัย จึงได้ทรงพยากรณ์แก่หมู่ภิกษุว่า “ดูกรภิกษุทง้ั หลาย นับแต่นล้ี ว่ งไปสีอ่ สงไขย ยิง่ ด้วยแสนกัป สุเมธดาบสผู้นี้ จักได้เป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าโคดม” การตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าจักสำ�เร็จได้ ต้องประกอบด้วยการประมวล ธรรม ๘ ประการ ที่เรียกว่า อัฏฐธัมมสโมธาน คือ ๑. มนุสสัตตะ เป็นมนุษย์ ๒. ลิงคสัมปัตติ เป็นเพศชายเท่านั้น ๓. เหตุ มีอุปนิสัยบรรลุมรรคผลได้ ๔. สัตถารทัสสนะ เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าขณะที่ทรงพระชนม์อยู่ ๕. ปัพพัชชา ออกบวชบำ�เพ็ญเพียรในสำ�นักที่มีความเชื่อเรื่องกรรม ๖. คุณสัมปัตติ ถึงพร้อมด้วยคุณคืออภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ๗. อธิการ มีการกระทำ�ที่ยิ่งใหญ่สละชีวิตเพื่อพระพุทธเจ้าได้ ๘. ฉันทตา มีความพอใจบำ�เพ็ญธรรมเพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า (พุทธการกธรรม)
LC
2U
.C
O
M
๑
14 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
ฝ่ายสุเมธดาบส ครั้นได้ยินพุทธพยากรณ์เช่นนั้นจึงคิดว่า “ธรรมดาพระวาจาของพระพุทธเจ้าทัง้ หลาย ไม่เปลีย่ นแปร เป็นอย่างอื่น เหมือนก้อนดินที่ขว้างขึ้นบนฟ้าย่อมตกลงพื้นปฐพี เหมือนสัตว์ที่เกิดแล้วต้องตาย เราจักได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่แท้” ยิง่ ทำ�ให้แน่ใจจึงได้เลือกเฟ้นพุทธการกธรรม ธรรมทีป่ ฏิบตั ิ แล้วสนับสนุนให้เป็นพระพุทธเจ้า ๑๐ ประการ ตามลำ�ดับดังนี้ คือ ๑. ทานบารมี บำ�เพ็ญบารมีดว้ ยการให้ทาน คือ ผูป้ รารถนา พระโพธิญาณ เมือ่ เห็นใครทีม่ คี วามต้องการไม่วา่ จะเป็นเศรษฐีหรือ ยาจก จงให้ทานโดยไม่เหลือ ดุจหม้อน้ำ�ที่เต็มด้วยน้ำ�เมื่อถูกคว่ำ�ลง ไม่มีน้ำ�หลงเหลืออยู่ ๒. ศีลบารมี บำ�เพ็ญบารมีดว้ ยการรักษาศีล คือ ผูป้ รารถนา พระโพธิญาณจงรักษาศีลให้บริสุทธิ์ทุกเมื่อ ยอมสละได้แม้กระทั่ง ชีวิต ดุจเนื้อจามรีรักษาขนหางของตน เมื่อขนหางติดอยู่ในที่ใด ยอมยืนตายอยู่ในที่นั้น ๓. เนกขัมมบารมี บำ�เพ็ญบารมีด้วยการแสวงหาทาง หลุดพ้น คือ ผูป้ รารถนาพระโพธิญาณ จงเห็นภพเป็นเหมือนเรือนจำ� เกิดความเบื่อหน่ายอยากหลุดพ้นจากภพ ดุจนักโทษที่ถูกจองจำ�ไม่ เกิดความรักในเรือนจำ� เกิดความเบื่อหน่ายอยากออกไปให้พ้น ๔. ปัญญาบารมี บำ�เพ็ญบารมีดว้ ยการแสวงหาความรู้ คือ ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ จงเที่ยวสอบถามความรู้จากบัณฑิต ไม่ว่าเกิดในตระกูลใดๆ ดุจภิกษุเมือ่ เทีย่ วภิกขาจารก็เทีย่ วไปในตระกูล สูงและต่ำ�โดยไม่เลือก ๕. วิรยิ บารมี บำ�เพ็ญบารมีดว้ ยความเพียรอย่างยิง่ ยวด 15 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
คือ ผูป้ รารถนาพระโพธิญาณ จงประคองความเพียรให้มน่ั ในอิรยิ าบถ ทัง้ ปวงในภพนัน้ ๆ ดุจพญาราชสีหม์ คี วามเพียรมัน่ คงในอิรยิ าบถต่างๆ ๖. ขันติบารมี บำ�เพ็ญบารมีด้วยความอดทน คือ ผู้ ปรารถนาพระโพธิญาณต้องอดทนได้ทง้ั ในคำ�ยกย่อง หรือคำ�ดูหมิน่ จากผู้อื่น ดุจแผ่นดินมิได้มีความรัก หรือชังในชนทั้งหลายผู้ทิ้งของ สะอาดบ้างไม่สะอาดบ้างลงบนแผ่นดิน ๗. สัจจบารมี บำ�เพ็ญบารมีด้วยการถือความสัตย์ คือ ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ แม้ถูกฟ้าผ่าลงตรงกลางกระหม่อมก็ไม่มี วันพูดเท็จ ดุจดาวประกายพฤกษ์ไม่วา่ ฤดูกาลใดจะไม่โคจรออกนอกวิถี ๘. อธิษฐานบารมี บำ�เพ็ญบารมีด้วยการตั้งใจมั่น คือ ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ พึงเป็นผู้ไม่หวั่นไหวคลอนแคลนในความ ตั้งใจมั่นของตน ดุจภูเขาหินแท่งทึบไม่หวั่นไหวด้วยแรงลมพายุ ๙. เมตตาบารมี บำ�เพ็ญบารมีด้วยความรักที่ปราศจาก ราคะในสรรพสัตว์ คือ ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ พึงแผ่ความรัก ไปในสรรพสัตว์โดยไม่เลือกทีร่ กั ผลักทีช่ งั ดุจน�ำ้ ย่อมให้ความเย็นแก่ ผู้อาบเสมอกันไม่ว่าผู้นั้นจะดีหรือชั่ว ๑๐. อุเบกขาบารมี บำ�เพ็ญบารมีด้วยการวางตัวให้เป็น กลาง คือ ผู้ปรารถนาโพธิญาณ ต้องดำ�รงตนให้เป็นดุจตราชั่งมี ความเป็นกลางทั้งในสุขหรือทุกข์ ดุจแผ่นดินย่อมวางเฉยในหมู่ชน ที่ทิ้งของสะอาด หรือไม่สะอาดลงใส่ ไม่มีความยินดียินร้าย สุเมธดาบสพิจารณาพุทธการกธรรมเช่นนี้ จึงได้รู้ว่า บารมี ทั้งปวงมี ๓ ระดับ เช่น การบริจาคสิ่งของภายนอก เป็นทานบารมี การบริจาคอวัยวะ เป็นทานอุปบารมี การบริจาคชีวติ ตนเป็นทาน16 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
ปรมัตถบารมี เมือ่ รวมการบำ�เพ็ญบารมีทง้ั ๑๐ จึงเป็นบารมี ๓๐ ทัศ จากนั้นจึงกล่าวสอนตนด้วยคาถาว่า “ธรรมที่เป็นเหตุให้บรรลุโพธิญาณในโลกมีเพียงเท่านี้ ที่สูงยิ่งกว่านี้ไปไม่มี ท่านจงตั้งมั่นอยู่ในธรรมนี้อย่างมั่นคง” สุเมธดาบสโพธิสัตว์ เมื่อรู้ถึงพุทธการกธรรมดังกล่าวแล้ว จึงได้เริ่มบำ�เพ็ญบารมีทั้ง ๓ ระดับ ในภพชาติต่างๆ ถึง สี่อสงไขย แสนกัป ในระหว่างนี้ ในบางชาติของการบำ�เพ็ญบารมีก็เกิดมาทัน ขณะที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ และได้รับการพยากรณ์จาก พระพุทธเจ้าต่อมาอีก ๒๓ พระองค์ ตามลำ�ดับต่อไปนี้ ๑. สมัยพระโกณฑัญญพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติ เป็นกษัตริย์มีพระนามว่า วิชิตาวี ถวายอสทิสทาน แล้วได้รับการ พยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๒. สมัยพระมังคลพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น พราหมณ์มีนามว่า สุรุจิ ถวายทานชื่อว่าควปานะ (ขนมแป้งผสม นมโค) ได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๓. สมัยพระสุมนพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น นาคราชมีนามว่า อตุละ บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดนตรีทพิ ย์ ถวายทาน คูผ่ า้ แด่พระพุทธเจ้าพร้อมพระสาวกรูปละคู่ แล้วได้รบั การพยากรณ์วา่ จักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๔. สมัยพระเรวตพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น พราหมณ์มนี ามว่า อติเทพ กล่าวคาถาบูชาพระพุทธเจ้าพันบท ถวาย 17 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
ผ้าอุตราสงค์ แล้วได้รบั การพยากรณ์วา่ จักเป็นพระพุทธเจ้าพระนาม ว่าโคดม ๕. สมัยพระโสภิตพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น พราหมณ์มนี ามว่า สุชาตะ ถวายมหาทานตลอดไตรมาส แล้วได้รบั การพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๖. สมัยพระอโนมทัสสีพทุ ธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติ เป็นพญายักษ์ เมื่อรู้ว่าพระพุทธเจ้าอุบัติในโลกจึงเนรมิตมณฑปที่ สำ�เร็จด้วยรัตนะ ๗ ถวายทานในมณฑปนั้นแด่พระพุทธเจ้า พร้อม พระสาวกตลอด ๗ วัน ได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่าโคดม ๗. สมัยพระปทุมพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น พญาราชสีห์ เห็นพระพุทธเจ้าทรงเข้านิโรธสมาบัติมีจิตเลื่อมใสอยู่ เฝ้าพระพุทธเจ้าตลอด ๗ วัน ไม่ยอมออกไปหาอาหารแล้วได้รับ การพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๘. สมัยพระนารทพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น ชฎิล เนรมิตอาศรมเพื่อให้พระพุทธเจ้าประทับอยู่พร้อมพระสาวก แล้วนำ�อาหารจากอุตตรกุรทุ วีปมาถวายตลอด ๗ วัน บูชาพระพุทธเจ้า ด้วยจันทน์แดง แล้วได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๙. สมัยพระปทุมตุ ตรพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติ เป็นชฎิลนามว่า รัฏฐิกะ ถวายทานพร้อมจีวรแด่พระพุทธเจ้าได้รับ การพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๑๐. สมัยพระสุเมธพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น 18 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
มาณพมีนามว่า อุตตระ ได้สละทรัพย์ ๘๐ โกฏิเป็นทานแล้วออก บวช ได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๑๑. สมัยพระสุชาตพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ถวายพระราชสมบัติในทวีปทั้ง ๔ พร้อมรัตนะ ๗ ประการ เป็นทานแล้วออกผนวช ได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็น พระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๑๒. สมัยพระปิยทัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ เป็นพราหมณ์มีนามว่า กัสสปะ สละทรัพย์แสนโกฏิสร้างสังฆาราม ถวายในพระพุทธศาสนา ได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่าโคดม ๑๓. สมัยพระอัตถทัสสีพทุ ธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติ เป็นชฎิลมีนามว่า สุสิมะ ได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าบูชาด้วย ฉัตรดอกมณฑารพ แล้วได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่าโคดม ๑๔. สมัยพระธัมมทัสสีพทุ ธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติ เป็น ท้าวสักกเทวราช เสด็จมาบูชาพระพุทธเจ้าพร้อมเหล่าเทวดา ด้วยของหอมและดนตรีอันเป็นทิพย์ แล้วได้รับการพยากรณ์ว่าจัก เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๑๕. สมัยพระสิทธัตถพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น ดาบสมีนามว่า มังคละ บริจาคทรัพย์ทง้ั หมดเป็นทานแล้วออกบวช ได้ฟงั พระธรรมเทศนาเกิดความเลือ่ มใส จึงนำ�ผลหว้าจากต้นหว้าใหญ่ ในชมพูทวีป มาถวายแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวกแล้วได้รับการ พยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม 19 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
๑๖. สมัยพระติสสพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น พระราชามีพระนามว่า สุชาตะ ทรงสละราชสมบัติออกผนวชเป็น ดาบส เมื่อทราบว่าพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติในโลก จึงนำ�ดอกไม้ทิพย์ จากเทวโลกมาบูชา แล้วได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่าโคดม ๑๗. สมัยพระปุสสพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น พระราชามีพระนามว่า วิชิตาวี ภายหลังจากฟังพระธรรมเทศนา เกิดความเลื่อมใสสละราชสมบัติออกผนวช เป็นผู้ทรงพระไตรปิฎก เป็นพระธรรมกถึก แล้วได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่าโคดม ๑๘. สมัยพระวิปสั สีพทุ ธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติเป็น พญานาคมีนามว่า อตุละ เมื่อทราบการเสด็จอุบัติของพระพุทธเจ้า จึงเนรมิตโรงพิธีที่ส�ำ เร็จด้วยรัตนะ ๗ ถวายมหาทานตลอด ๗ วัน และถวายตัง่ ทองคำ�ประดับด้วยรัตนะ ๗ แล้วได้รบั การพยากรณ์วา่ จักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๑๙. สมัยพระสิขีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น พระราชามีพระนามว่า อรินทมะ ได้ถวายมหาทานพร้อมทัง้ ช้างต้น ประจำ�พระองค์ เครื่องกัปปิยภัณฑ์มีน้ำ�หนักเท่ากับน้ำ�หนักช้างต้น ได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ๒๐. สมัยพระเวสสภูพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ เป็นพระราชามีพระนามว่า สุทัสสนะ ได้ถวายมหาทานพร้อมทั้ง สร้างพระคันธกุฎถี วายเป็นทีป่ ระทับ ภายหลังทรงออกผนวชประพฤติ 20 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
มัน่ ในธุดงคคุณ ได้รบั การพยากรณ์วา่ จักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม ๒๑. สมัยพระกกุสันธพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ เป็นพระราชามีพระนามว่า เขมะ เลือ่ มใสในพระพุทธศาสนาได้ถวาย สมณบริขารแด่พระสงฆ์มพี ระพุทธเจ้าเป็นประมุข ภายหลังสละราชสมบัติออกผนวชได้รับการพยากรณ์ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้าพระนาม ว่าโคดม ๒๒. สมัยพระโกนาคมนพุทธเจ้า พระโพธิสตั ว์เสวยพระชาติ เป็นพระราชามีพระนามว่า ปัพพตะ ทราบข่าวการเสด็จมาของ พระพุทธเจ้าจึงเสด็จไปเข้าเฝ้า กราบทูลนิมนต์ให้เสด็จจำ�พรรษาใน เมืองนั้น ทรงปรนนิบัติพระโกนาคมนพุทธเจ้าพร้อมพระสงฆ์สาวก ตลอดไตรมาส ภายหลังได้สดับพระธรรมเทศนาเกิดความเลื่อมใส จึงสละราชสมบัตอิ อกผนวช ได้รบั การพยากรณ์วา่ จักเป็นพระพุทธเจ้า พระนามว่าโคดม ๒๓. สมัยพระกัสสปพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ เป็นมาณพมีนามว่า โชติปาละ ได้ฟงั พระธรรมเทศนาเกิดความเลือ่ มใส จึงออกบวช เป็นผู้ทรงนวังคสัตถุศาสน์ แล้วได้รับการพยากรณ์ว่า จักเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม พระโพธิสตั ว์ ได้บ�ำ เพ็ญบารมีมาเป็นลำ�ดับได้รบั คำ�พยากรณ์ จากพระพุทธเจ้าทั้ง ๒๔ พระองค์เช่นนี้ ในพระชาติสุดท้ายที่เสวย พระชาติเป็นพระเวสสันดรนัน้ ทรงบำ�เพ็ญบารมีครบทัง้ ๑๐ ประการ ในพระชาติเดียว หลังจากสิ้นพระชนม์แล้วจึงได้บังเกิดเป็นสันดุสิต21 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
เทพบุตร สถิตอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดุสิต รอเวลาเสด็จอุบัติในโลกมนุษย์ เพื่อตรัสรู้ต่อไป
LC
2U
.C
O
M
จากคำ�พยากรณ์ของพระพุทธเจ้าในอดีตที่มีต่อพระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันนี้ หากพิจารณาให้ดีจะพบว่า การตั้งความปรารถนา พุทธภูมิของพระโพธิสัตว์นั้น ต้องอาศัยหัวใจที่เด็ดเดี่ยวมั่นคงใน อุดมการณ์และปณิธานของตน ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคปัญหาใดๆ เพราะในการสัง่ สมบุญบารมีบางพระชาติ ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงือ่ แรงกายแรงใจ หรือแม้กระทัง่ ชีวติ กิ ส็ ละได้ และทีส่ �ำ คัญต้องมีความ เพียรบำ�เพ็ญบารมีไปอย่างต่อเนือ่ งไม่หยุดยัง้ ในกลางคัน จวบจนกว่า จะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ ในเราท่านทัง้ หลายเล่า เคยตัง้ ปณิธานหรือความฝันเรือ่ งใด ไว้แล้วได้มีความเพียรที่จะทำ�ตามฝันนั้นให้สำ�เร็จแล้วหรือยัง เพราะหากแม้จะตัง้ ความฝันไว้สงู เพียงใด แต่เมือ่ มีอปุ สรรคปัญหา ก็พากันท้อแท้หวัน่ ไหว ขาดความมัน่ คงในอุดมการณ์ ขาดความ เพียรที่จะสานฝันให้ถึงที่สุดแล้วไซร้ ก็ยากที่จะได้ถึงฝั่งฝัน หรือบางรายนั้นทำ�ความดีเข้าตาผู้ใหญ่ เมื่อท่านอุตส่าห์ให้ กำ�ลังใจว่าทำ�ดีมีโอกาสได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำ�แหน่งเข้าหน่อย แทนที่ จะนำ�สิ่งนี้มาเป็นขวัญกำ�ลังใจทำ�ดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป กลับกลายเป็นว่า มัวแต่ฝันหวานวาดความหวังไว้มากมาย ไม่ยอมทำ�ดีต่อไปสุดท้าย เมือ่ ดีแตกเช่นนี้ สิง่ ทีว่ าดฝันก็เป็นเพียงแค่วมิ านกลางอากาศ พลาด จากประโยชน์ที่ควรมีควรได้ กลายเป็นฝันค้างไปก็มีไม่น้อย 22 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
ความฝัน อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มักนำ�มาทำ�นาย
LC
2U
.C
O
M
คำ�ทีว่ า่ “การนอน เป็นการพักผ่อนทีด่ ที ส่ี ดุ ” นีเ่ ป็นคำ�พูด ของผู้ที่ชอบรักษาสุขภาพพลานามัย โดยเฉพาะการได้นอนหลับ พักผ่อนหย่อนใจภายหลังตรากตรำ�ทำ�งานมาทั้งวัน ถึงกระนั้นใน ระหว่างหลับนอน บางครัง้ ก็ยงั มีเรือ่ งให้สะดุง้ ตกใจตืน่ หรือหวานชืน่ ชุม่ ฉ�ำ่ ดวงจิต ทีเ่ ป็นเช่นนีเ้ พราะผูน้ อนหลับเกิดนิมติ ฝัน อันมีทง้ั ฝันดี และฝันร้าย ความฝันคืออะไร ? ความฝัน คือ การเห็นอะไรเป็นเรือ่ งเป็นราวในขณะทีห่ ลับ นีเ้ ป็นความหมายของความฝันโดยตรง ส่วนความหมายโดยอ้อมได้แก่ การนึกเห็นถึงสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้ในขณะที่ตื่นอยู่ เรียกว่า ฝัน กลางวัน, หรือการคิดฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ เรียกว่า ฝันเฟื่อง 23 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
ทำ�ไมคนเราถึงต้องฝัน ? นิมิตหรือความฝัน ตามหลักการในพระพุทธศาสนากล่าวว่า คนเราถ้าหลับสนิทจริงๆ แล้วจะไม่ฝัน ถ้ามีความฝันแสดงว่า ท่าน หลับไม่สนิท คือหลับๆ ตื่นๆ คล้ายกับลิงหลับ นอกจากนี้ในคัมภีร์ สารัตถสังคหะ ได้อธิบายสาเหตุแห่งความฝันไว้ ๔ ประการได้แก่ ๑. บุพนิมติ ความฝันประเภทนี้ เกิดจากอำ�นาจของกรรมเก่า เข้าดลใจให้ฝนั เป็นเรือ่ งเป็นราว เพือ่ ให้ทราบเหตุการณ์ด-ี ร้ายล่วงหน้า เช่น พระนางสิริมหามายาทรงสุบินนิมิตว่า มีช้างเผือกนำ�ดอกบัว มาถวายแล้วแทรกกายหายเข้าไปในพระครรภ์ ซึ่งฝันนี้เป็นลางดี มีค�ำ ทำ�นายว่า พระนางจะได้พระโอรสผูม้ บี ญ ุ ญาธิการมาประสูตใิ น พระครรภ์ ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นเพราะพระนางทรงเป็นพระมารดา ของพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย ๒. จิตนิวรณ์ ความฝันประเภทนี้ เกิดจากจิตของเราผูกพัน กับสิ่งที่เราเคยได้ยินหรือได้เห็นมาก่อน เป็นต้นว่า พบเห็นเรื่อง น่าประทับใจ ได้ฟงั เรือ่ งทีช่ วนสลดหดหู่ ทำ�ให้เก็บเรือ่ งราวนัน้ ไว้ใน จิตใต้ส�ำ นึก วันดีคืนดีจิตก็ส่งภาพออกมาเป็นความฝัน เช่น เรารัก ใครหรือเกลียดใครสักคน จิตเราก็เฝ้ากังวลคิดถึงแต่คนนัน้ ทำ�ให้เวลา นอนก็ฝันถึงเขาได้ ๓. เทพสังหรณ์ ความฝันประเภทนี้ เกิดจากเทวดา สิ่ง ศักดิส์ ทิ ธิ์ หรือดวงวิญญาณมาดลใจให้ฝนั เพือ่ บอกลางดี-ร้าย คล้าย เตือนให้ผู้นั้นได้ทราบ โดยมากมักเป็นนิมิตทางดีมีโชคลาภดังที่เรา ได้ยนิ ได้ฟงั กันบ่อยครัง้ ว่ามีคนฝันอย่างนัน้ อย่างนี้ แล้วตีออกมาเป็น ตัวเลขนำ�ไปซือ้ หวยซือ้ สลากถูกรางวัลได้เงินกันมากมาย เป็นต้น 24 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
๔. ธาตุก�ำ เริบ ความฝันประเภทนี้ เกิดจากธาตุในร่างกาย คือ ดิน น�ำ้ ไฟ ลม ไม่ท�ำ งานเป็นปกติ ทำ�ให้รา่ งกายจิตใจไม่ปลอดโปร่ง แจ่มใส ในขณะหลับจึงฝันไปต่างๆ นานา หาสาระไม่ได้ เช่น บางคน กินน�ำ้ ก่อนนอนมาก กลางคืนปวดฉีแ่ ล้วฝันไปว่าตนเดินไปฉีท่ ห่ี อ้ งน�ำ้ แต่เจ้ากรรมดันเป็นฉี่รดที่นอน เป็นต้น ความฝันทั้ง ๔ ข้อนี้ ถ้าฝันเพราะจิตนิวรณ์ หรือธาตุกำ�เริบ ท่านไม่ถือเป็นเกณฑ์ทำ�นายเพราะไม่เกิดผลดี-ร้ายอะไรกับผู้ฝัน ถ้าฝันด้วยเหตุเทพสังหรณ์ ท่านว่าให้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะ บางคราเทวดาก็ชอบแกล้งคนเล่นเหมือนกัน แต่ถา้ ฝันเพราะมีบพุ นิมติ ท่านว่ามีโอกาสเป็นจริงตามที่ฝัน นอกจากนัน้ ในหนังสือมิลนิ ทปัญหา พระนาคเสนเถระก็ได้ วิสัชนาเหตุแห่งความฝันที่พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่ามี ๖ อย่าง คือ ๑. ฝันเพราะลมในกายกำ�เริบ ๒. ฝันเพราะดีในกายกำ�เริบ ๓. ฝันเพราะเสมหะในกายกำ�เริบ ๔. ฝันเพราะโรคสันนิบาตในกายกำ�เริบ ๕. ฝันเพราะเทวดาผีสางเข้าดลใจ ๖. ฝันเพราะมีบุพนิมิต ได้แก่ สิ่งที่เคยสั่งสมคือบุญบาป ที่ได้กระทำ�ไว้แต่ก่อนมาเป็นนิมิตในฝันนั้น ความฝันทัง้ ๖ อย่างนี้ ความฝัน ๕ ข้อแรก ไม่ใคร่จะแน่นอนนัก อาจเกิดขึ้นจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่เหตุแห่งฝันข้อ ๖ นั้น ท่านว่ามี โอกาสเกิดขึ้นจริง ไหนๆ ก็วา่ กันถึงเรือ่ งความฝันแล้ว ก็ขอกล่าวถึงเรือ่ งความหมายของฝันโดยอ้อมอีก ๒ ประการ คือ ฝันกลางวัน และฝันเฟื่อง 25 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
เพราะผูเ้ รียบเรียงคิดว่า ความฝันทัง้ ๒ ข้อนีม้ ผี ลร้ายต่อชีวติ ผูฝ้ นั ใน ทันที ทำ�ไมจึงกล่าวเช่นนี้ เพราะในทางพระพุทธศาสนาท่านสอนกัน มาอย่างยาวนานว่า “สิง่ ใดใดในโลกล้วนเป็นอนิจจัง” คือ ไม่มอี ะไร แน่นอนตายตัวลงไปได้ โดยเฉพาะในเรื่องของความคิดความฝัน แต่ตามปกติคนเรามักคิดฝันกันถึงแต่อนาคตที่สวยหรูง ดงาม บางคนก็ฝนั ไปอย่างลมๆ แล้งๆ แล้วก็นอนรอคอยให้ราชรถมาเกย รอให้วาสนามาช่วย ถ้าฝันอย่างนี้ รับรองว่าความซวยความหายนะ จะเยือนชีวติ ท่านอย่างแน่แท้ แต่มใิ ช่หมายความว่าความฝันอย่างนี้ จะไม่มปี ระโยชน์เสียเลย มีประโยชน์อยูเ่ หมือนกัน แต่วา่ ผูท้ ฝ่ี นั ต้อง ใช้สิ่งที่ฝันใฝ่นั้นให้เป็นแรงกระตุ้นตนเองให้รีบเร่งลงมือทำ�ตาม ความฝัน เพื่อสานฝันของตนเองให้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้ พระเดชพระคุณพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙) ผู้เป็นปราชญ์ราชบัณฑิต ได้ให้ข้อคิดเรื่องนี้ไว้น่าฟังว่า “ทุกคนมีฝันเป็นของตนเอง แต่ฝันนั้นจะเป็นจริงได้ ก็ต่อเมื่อผู้นั้นมีความมานะ พยายามต่อสู้ประกอบการงาน สานฝันของตนไปอย่างต่อเนื่อง จนกว่าฝันของตนจะเป็นจริง ถ้าได้แต่ฝนั จะเป็นอย่างนัน้ อย่างนี้ แล้วมีความสุขกับฝันนัน้ ไม่สานฝันให้เป็นจริงขึ้นมา ก็คงไม่ต่างอะไรกับกระต่ายที่มีความสุข อยู่กับการชมจันทร์เท่าไหร่นัก” 26 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
เหตุการณ์ทำ�นาย ฝันพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ในพุทธประวัตขิ องพระพุทธเจ้าองค์ปจั จุบนั ก็มเี หตุการณ์ท่ี เป็นบุพนิมติ ทีต่ อ้ งทำ�นายอยูห่ ลายๆ ครัง้ โดยอาศัยคำ�พยากรณ์ตาม ตำ�ราโหราศาสตร์ของพราหมณาจารย์บา้ ง อาศัยพระญาณเป็นเครือ่ ง หยัง่ รูข้ องพระองค์เองบ้าง แล้วแต่เหตุการณ์ ในทีน่ ป้ี ระมวลมานำ� เสนอเพียงบางเหตุการณ์ เป็นต้นว่า...
๑. การพยากรณ์พระสุบินของพระนางสิริมหามายา
LC
2U
.C
O
M
พระนางสิริมหามายา พุทธมารดา เมื่อทรงเจริญวัยได้ทรง อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสุทโธทนะกษัตริย์ผ้คู รองเมืองกบิลพัสดุอ์ ยู่ ด้วยความสุขเรือ่ ยมา กระทัง่ อีก ๗ วัน จะถึงวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ ประชาชนชาวเมืองพากันเฉลิมนักขัตฤกษ์กันตามประเพณี 27 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
ครัน้ ถึงวันที่ ๗ อันเป็นวันเพ็ญขึน้ ๑๕ ค�ำ่ เดือน ๘ เวลาเช้า พระนางเจ้าทรงสรงสนานพระวรกายด้วยน้ำ�หอม ๑๑ กระออม ทรงบริจาคทานด้วยทรัพย์ ๔ แสนกหาปณะ ทรงสมาทานอุโบสถศีล หลังจากทรงบำ�เพ็ญพระกรณียกิจทั้งวัน ครั้นเวลาค่ำ�จึงเสวยพระกระยาหาร เสด็จเข้าสู่ห้องบรรทมไสยาสน์เหนือพระแท่นบรรทม หยัง่ ลงสู่นิทรารมณ์ ในเวลาใกล้รุ่ง ทรงสุบินนิมิตว่า ท้าวมหาราชทั้ง ๔ มายก พระนางไปพร้อมทั้งพระแท่นไปยังป่าหิมพานต์ วางไว้บนแผ่นหิน มโนศิลาภายใต้ตน้ สาละ จากนัน้ มีเทพธิดามาเชิญเสด็จไปสรงน�ำ้ ใน สระอโนดาต ทรงผลัดฉลองพระองค์ด้วยทิพยภูษา แล้วจึงพากัน เชิญเสด็จขึ้นบรรทมที่วิมานทองอันวิจิตรตระการตา ขณะนั้น มีพญาช้างเผือกเชือกหนึ่ง ชูงวงซึ่งถือดอกบัวขาว กระทำ�ประทักษิณพระนางเจ้าสิน้ ๓ ครัง้ แล้วเสมือนหนึง่ ดังจะเข้าไป สูอ่ ทุ รทางเบือ้ งขวา ก็พอดีวา่ พระนางสิรมิ หามายาทรงตืน่ บรรทมขึน้ 28 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
สุบินของพระมเหสี ของเราเป็นอย่างไรหรือท่านโหรา
LC
2U
.C
O
M
ขณะนั้นพื้นแผ่นดินก็กัมปนาทหวั่นไหว แสงสว่างก็พลัน สาดแสงไปทั่วโลกธาตุ อันเป็นบุพนิมิตธรรมนิยมของการเสด็จลงสู่ พระครรภ์ของพระโพธิสัตว์ ครั้นถึงรุ่งเช้า พระนางเจ้าจึงกราบทูล สุบินนิมิตให้พระสวามีทรงทราบ พระเจ้าสุทโธทนะ จึงตรัสเล่า พระสุบินแห่งพระเทวีให้พราหมณ์ทำ�นายจะร้ายดีประการใด พราหมณ์ผู้ปาโมกข์กราบทูลทำ�นายว่า “พระสุบนิ นิมติ ของพระอัครชายาเป็นมงคลนิมติ พระราชโอรสในพระครรภ์นน้ั จะเป็นอัครบุรษุ ชาติเชือ้ อาชาไนย มีบญ ุ ญาธิการยิ่งใหญ่เป็นที่พึ่งแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง ยากที่จะหาบุคคล ผู้ใดเสมอเหมือนได้พระพุทธเจ้าข้า” 29 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
๒. คำ�พยากรณ์พระราชกุมารของอสิตดาบส
LC
2U
.C
O
M
คำ�ทำ�นายนี้เกิดขึ้นเมื่อพระราชโอรสประสูติได้ ๓ วัน อสิตดาบสซึ่งเป็นที่นับถือของเจ้าศากยราชทราบข่าวนั้น จึงได้มาเยี่ยม เพื่อถวายพระพรชัยพระเจ้าสุทโธทนะ จึงให้เชิญพระราชโอรสมา เพือ่ นมัสการพระดาบส แต่วา่ พระบาททัง้ ๒ ของพระราชกุมารกลับ ขึ้นไปปรากฏบนชฎาของพระดาบสเป็นอัศจรรย์ อสิตดาบสเห็นดังนั้นก็เกิดหวั่นไหว เนื่องจากตนมีญาณที่ หยัง่ รูเ้ หตุการณ์ในอดีตและอนาคตได้ ๔๐ กัปด้วยกัน เมือ่ ส่งญาณนัน้ ไปพิจารณาพระลักษณะของพระราชโอรสก็ทราบว่า ทรงเป็นผู้มี บุญญาธิการมากไม่อาจโน้มพระเศียรลงก้มกราบผู้ใดได้ บริบูรณ์ไป ด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ อันมีคำ�ทำ�นายตามตำ�ราว่า ถ้าอยู่ครองเรือนจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าสละราชสมบัติออก ผนวช จักได้เป็นตรัสรูเ้ ป็นพระพุทธเจ้า แต่ในส่วนตัวเขาแล้วเชือ่ ว่า 30 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
จักออกผนวชจึงหัวเราะด้วยความยินดี แต่เมือ่ พิจารณาถึงอายุสงั ขาร ตนนัน้ พลันก็รวู้ า่ จะมีชวี ติ อยูไ่ ม่ถงึ วันตรัสรูเ้ กิดอดสูใจจึงร้องไห้ออกมา เมื่อพระเจ้าสุทโทธนะตรัสถามถึงสาเหตุก็ทูลถวายพระพรไปตามที่ ตนมีญาณหยั่งรู้เห็นนั้น
๓. คำ�พยากรณ์เจ้าชายสิทธัตถะของพราหมณ์ทั้ง ๘
LC
2U
.C
O
M
หลังจากพระราชกุมารประสูติได้ ๕ วัน พระเจ้าสุทโธทนะ พระราชบิดาโปรดให้พระประยูรญาติประชุมกันเพื่อเฉลิมพระนาม และทำ�นายพระลักษณะ และมีพระดำ�รัสให้เชิญพราหมณ์ผมู้ วี ชิ าด้าน ต่างๆ ๑๐๘ คน มาเลีย้ งโภชนาหารในพระราชวัง แล้วรับสัง่ คัดเลือก ให้เหลือ ๘ คน คือ รามพราหมณ์, ลักษณพราหมณ์, ยัญญพราหมณ์, ธชพราหมณ์, โภชพราหมณ์, สุทัตตพราหมณ์, สุยามพราหมณ์, โกณฑัญญพราหมณ์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านไตรเพทกว่าพราหมณ์อื่นใด เพื่อทำ�นายพยากรณ์พระลักษณะ 31 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
พราหมณ์ ๗ คนแรกตรวจดูแล้ว ลงมติเป็นเอกฉันท์ท�ำ นาย เป็น ๒ ประการว่า ๑. ถ้าพระราชกุมารอยูค่ รองฆราวาสวิสยั จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ มีอาณาเขตครอบคลุมถึง ๔ มหาสมุทร ๒. ถ้าพระราชกุมารออกผนวช จักได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นศาสดาเอกของโลก แต่มพี ราหมณ์คนหนึง่ ชือ่ ว่าโกณฑัญญะ ซึง่ ภายหลังออกบวช เป็นพระสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนาชูนิ้วขึ้นนิ้วเดียวทำ�นายว่า “พระราชกุมารจักเสด็จออกผนวช ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า” จากนั้น จึงเฉลิมพระนามพระราชกุมารว่า “สิทธัตถะ”
32 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
๔. การพยากรณ์มหาสุบิน ๕ ประการด้วยพระองค์เอง
LC
2U
.C
O
M
การทำ�นายนีเ้ กิดขึน้ ก่อนวันตรัสรู้ คือ เมือ่ พระมหาบุรษุ ทรง เลิกการบำ�เพ็ญทุกรกิรยิ าแล้วหันมาบำ�เพ็ญเพียรทางจิต ในราตรีวนั ขึ้น ๑๔ ค่ำ� เดือน ๖ ได้ทรงสุบินนิมิต ๕ ประการ คือ ๑. ทรงบรรทมหงายเหนือพืน้ ปฐพี มีภเู ขาหิมพานต์เป็น พระเขนย (หมอน) พระหัตถ์ซา้ ยหยัง่ ลงสูม่ หาสมุทรทิศตะวันออก ส่วนพระหัตถ์ขวาและพระบาททั้งคู่หยั่งลงสู่มหาสมุทรทิศใต้ ๒. มีหญ้าแพรกงอกออกมาจากพระนาภี (สะดือ) สูงขึน้ ไปถึงท้องฟ้า ๓. มีหมูห่ นอนสีด�ำ บ้าง สีขาวบ้าง ไต่ขน้ึ มาทางฝ่าพระบาท ปกปิดพระชงฆ์ (แข้ง) ทั้งหมด และไต่ขึ้นมาถึงพระชานุ (เข่า) ๔. มีฝูงนก ๔ จำ�พวก และมีสีแตกต่างกัน คือ สีด�ำ สี แดง สีเหลือง สีเขียว บินจากทิศทัง้ ๔ มาจับทีแ่ ทบพระบาท แล้ว กลับกลายเป็นสีขาวไปทั้งหมด ๕. พระองค์เสด็จจงกรมเหนือภูเขาอันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมกลับมิได้แปดเปื้อนพระองค์เลย 33 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
พระมหาบุรษุ เมือ่ ทรงตืน่ จากบรรทม ทรงดำ�ริในพระทัยว่า “ถ้าเป็นเมือ่ ก่อนนี้ อาจเล่าสุบนิ นิมติ นีใ้ ห้พระบิดาฟังเพือ่ ให้รบั สัง่ ให้โหรทำ�นาย แต่เมื่อเสด็จออกไปจากบ้านเมืองแล้วจำ�ต้องใช้ ปัญญาของตนทำ�นายสุบินนิมิตนั้น” จากนั้น จึงทรงเริ่มทำ�นาย พระสุบินนิมิตด้วยพระองค์เองไปทีละข้อดังต่อนี้ ข้อที่ ๑ เป็นบุพนิมิตที่พระองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นผู้เลิศในโลก ๓ ข้อที่ ๒ เป็นบุพนิมิตที่พระองค์จะประกาศธรรมที่ตรัสรู้ นั้นแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ข้อที่ ๓ เป็นบุพนิมิตที่จะมีสมณพราหมณ์ผู้นุ่งขาวห่ม ขาวมาสู่ส�ำ นักของพระองค์ผู้ตรัสรู้แล้ว ข้อที่ ๔ เป็นบุพนิมิตที่ประชาชนชาววรรณะทั้ง ๔ เมื่อ มาสู่ส�ำ นักของพระองค์แล้ว จักรู้ทั่วถึงธรรมที่ตรัสรู้นั้น ข้อที่ ๕ เป็นบุพนิมิตที่พระองค์แม้สมบูรณ์ด้วยอามิสบูชาทีผ่ เู้ ลือ่ มใสน้อมนำ�มาถวาย แต่จกั ไม่ทรงติดอยูใ่ นลาภสักการะ นั้น การพยากรณ์ทง้ั ๔ เหตุการณ์ทว่ี า่ มานี้ เป็นเหตุการณ์ทเ่ี กิด ก่อนจะทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ส่วนเหตุการณ์ที่เสนอต่อไปนั้น อันเป็นไฮไลท์ (Highlight) ของหนังสือเล่มนี้ เป็นเหตุการณ์ตอนที่พระพุทธองค์ตรัสทำ�นาย พระสุบนิ นิมติ ของพระเจ้าปเสนทิโกศล ทีส่ บุ นิ นิมติ ประหลาดในคืน เดียวกันถึง ๑๖ ประการ ก็ขอให้ทา่ นทัง้ หลายโปรดติดตามตอนต่อไป 34 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
พุทธทำ�นาย ๑๖ ประการ จากสุบินนิมิตฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล
LC
2U
.C
O
M
การพยากรณ์ตอนนี้ มีปรากฎในพระไตรปิฎก และอรรถกถา ขุททกนิกาย เอกนิบาต เรื่องมหาสุบินชาดก มีเนื้อความดังต่อไปนี้ สมัยหนึง่ พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงแสดงพระธรรมเทศนา ปรารภถึงมหาสุบิน ๑๖ ประการของ พระเจ้าปเสนทิโกศล เรื่องมีอยู่ว่า ในราตรีคืนหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศลเมื่อเสด็จขึ้นบรรทม หยั่งลงสู่นิทรารมณ์อย่างสบายพระทัย แต่ครั้นในเวลาใกล้รุ่งกลับ ได้ทรงสุบนิ นิมติ (ฝัน) เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดถึง ๑๖ ประการ พลันให้สะดุ้งตกพระทัยตื่นหวาดหวั่น ด้วยทรงเกรงว่านัน่ จะเป็น นิมิตร้ายใหญ่หลวงนัก อันจักให้เกิดอันตรายแก่ตัวพระองค์ หรือ พระมเหสีหรืออย่างไร เพราะไม่เคยทรงนิมิตฝันเป็นเช่นนี้ 35 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
ครั้นราตรีนั้นผ่านพ้นไป ในเวลาเช้า เมื่อพราหมณ์ปุโรหิต และอำ�มาตย์ทง้ั หลายเข้าเฝ้าทูลถามว่า เมือ่ คืนทีผ่ า่ นมาพระองค์ทรง บรรทมสบายดีหรืออย่างไร จึงตรัสตอบออกไปว่า เราจะหาความสุข ทีไ่ หน เมือ่ คืนนีเ้ ราฝันร้ายประหลาดน่าหวาดกลัวนัก พวกพราหมณ์ จึงทูลขอให้ทรงเล่าความฝันให้ฟังตั้งแต่ต้น พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ทรงเล่าสุบินนิมิตนั้นแก่พวกเขา ฝ่าย พราหมณ์เหล่านั้นครั้นฟังความอย่างแจ่มชัด ต่างก็สลัดมือไปมา พระองค์จึงทราบสาเหตุนั้น พราหมณ์ก็กราบทูลว่า อันเรื่องราวใน พระสุบินนี้ บ่งชี้อาเพศเหตุร้ายถึง ๓ ประการ คือ ๑. อันตรายแห่งสิริราชสมบัติ ๒. อันตรายจากโรคาพาธมาเบียดเบียน ๓. อันตรายแห่งพระชนม์ชีพของพระองค์ จึงได้ตรัสถามต่อไปว่า จะพอมีหนทางแก้ไขให้กลับร้ายกลาย เป็นดีหรือไม่ พราหมณ์หัวหน้ากราบทูลว่า ที่จริงลางร้ายครั้งนี้ หมดทาง แก้ไขแน่แท้ แต่เพราะเหตุว่า พวกข้าพระองค์ได้ศึกษาวิชามาเป็น อย่างดีจึงมีวิธีแก้ไขได้ พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงดีพระทัยยิ่งนักที่จักทรงพ้นภัย จึง ได้ตรัสถามถึงวิธีการนั้น พวกพราหมณ์ก็ทูลว่า พระองค์ต้องทรง ทำ�พิธบี ชู ายัญด้วยสัตว์สองเท้าสีเ่ ท้าต่างๆ สัตว์ละ ๔ ชีวติ จึงจะช่วย ปิดกัน้ ขจัดอันตรายนัน้ ให้นริ าศ จึงตรัสต่อไปว่า ถ้าอย่างนัน้ ชีวติ เรา ก็อยู่ในกำ�มือของท่านทั้งหลาย อย่างไรเสียก็ช่วยทำ�ความสวัสดีให้ แก่เราโดยเร็ววัน 36 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
เอาไปบู ชายัญ
LC
2U
.C
O
M
พวกพราหมณ์ครั้นได้รับพระบรมราชานุญาตเช่นนั้น ต่างก็ พากันออกไปจับสัตว์เลี้ยงต่างๆ ของราษฎรเพื่อเตรียมประกอบพิธี อย่างโกลาหล สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วหน้า เพราะว่า พวกเขาได้กวาดต้อนสัตว์ไปเกินจำ�นวนที่ทูลถวาย จึงได้มีเสียงร้อง ครวญครางร่ำ�ไห้ทั้งของคนและสัตว์ พระนางมัลลิกาเทวี พระอัครมเหสีแห่งจอมชนชาวโกศลรัฐ ทรงทราบเหตุจึงเสด็จเข้าเฝ้าพระราชสวามีโดยเร็วพลัน ครั้นแล้วก็ ทรงแสร้งทูลถามว่า หลายวันนี้ เห็นมีพวกพราหมณ์ปโุ รหิตาจารย์ ขยันเข้าเฝ้ากันจริง มีสิ่งอันใดเกิดขึ้นหรือเพคะ พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงตรัสพ้อด้วยความน้อยพระทัยว่า นีเ่ ป็นเพราะพระเทวีมวั เทีย่ วเพลินสุขสบายไม่หว่ งใยในตัวพี่ ทีจ่ กั เกิดมีอนั ตรายถึงสิน้ ชีพติ กั ษัย นีถ่ า้ ไม่ได้พวกโหราจารย์อ�ำ มาตย์ราชมนตรีแนะวิธแี ก้ไขบรรเทาให้ มิแน่วา่ วันนีเ้ จ้าจะได้เห็นหน้าพี่ อยู่หรือไม่ 37 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
ฝ่ายพระนางมัลลิกาเทวีกม็ พี ระราชเสาวนียต์ อบไปว่า ข้าแด่ พระราชสวามีเจ้า หม่อมฉันนีจ้ ะไม่มคี วามรักภักดีในเจ้าพีก่ ห็ ามิได้ แม้แต่ชวี ติ ร่างกายก็พร้อมทูลถวายหากทรงมีพระประสงค์ ตกลงว่า พระองค์ทรงมีพระปริวิตกกังวลในเรื่องใด พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงได้ตรัสเล่าพระสุบินนิมิต และวิธีปลดเปลื้องลางร้ายแห่งชีวิตที่ พวกปุโรหิตาจารย์แนะนำ�ให้พระนางฟังตั้งแต่ต้นจนปริโยสาน ครั้นแล้วพระอัครชายาจึงกราบทูลเตือนพระสติว่า ข้าแด่ พระองค์จอมภูมินทร์ปิ่นกษัตริย์ อันความวิบัติแห่งชีวิตของ สัตว์อื่น เพื่อหยิบยื่นความยืนยาวแห่งชีวิตของผู้ท�ำ พลีกรรมจะ มีแต่ที่ไหน มีแต่จะได้สร้างเวรสร้างกรรมกันไปก็เท่านั้น ปัญหา ในเรื่องเหล่านี้ พระองค์ได้มีโอกาสทูลถาม ท่านผู้เป็นพราหมณ์ ยิ่งกว่าพราหมณ์ในโลกพร้อมทั้งเทวโลกหรือยังเล่าเพคะ พระเจ้าปเสนทิโกศลให้ฉงนในพระทัยยิ่งนัก ที่พระนางอัน เป็นที่รักทักท้วงเช่นนี้ จึงมีพระดำ�รัสตรัสถามว่า ที่พระน้องนางว่า มานั้นคือใครกันที่เป็นสุดยอดแห่งพราหมณ์ทั้งหลาย พระนางมัลลิกาเทวีจงึ ได้ทลู รายงานต่อไปว่า พระองค์ไม่ทรง รูจ้ กั มหาพราหมณ์ผยู้ ง่ิ ใหญ่ในพระนามว่า พระสมณโคดมตถาคต ผู้ทรงหมดกิเลสเหตุเวียนว่าย ผู้ทรงเป็นสัพพัญญูรู้แจ้งในทุกสิ่ง หรือเพคะ ขอพระองค์เสด็จไปทูลถามพระผูม้ พี ระภาคเจ้าด้วยกัน หม่อมฉันเชื่อมั่นว่า พระองค์จะได้รับพยากรณ์ในพระสุบินนั้น และอุบายวิธีป้องกันที่ไม่ต้องก่อเวรกรรมแก่ใคร จักได้ความ ปลอดภัยในราชสมบัติและพระชนม์ชีพอยู่อย่างเป็นสุข พระราชาปเสนทิโกศลทรงเห็นด้วยทุกประการ จึงรับสั่งให้ ทหารมหาดเล็กจัดขบวนเตรียมเสด็จไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ 38 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงมีพระปฏิสันถารธรรมตรัสถาม พระราชาพระเทวี หลังจากที่ทั้งสองพระองค์ถวายอภิวาทบังคม ประทับนั่งแล้วเสร็จว่า ดูกรมหาบพิตร ด้วยราชกิจใดพระองค์ถึง ได้เสด็จมา ดูทรงมีทีท่ารีบด่วนเช่นนี้ ขอถวายพระพร พระราชาจึงประนมพระกรแล้วทูลว่า ข้าแด่พระองค์ผู้ทรง เป็นที่พึ่งของปวงนิกร เมื่อหลายคืนก่อนหน้านี้ หม่อมฉันฝันเห็น เหตุที่ประหลาดถึง ๑๖ เรื่องราวในคราวเดียวกัน ปุโรหิตาจารย์ได้ ทำ�นายฝันว่า จักมีอาเพศเหตุร้ายนัก จำ�จักต้องทำ�พิธีบูชายัญด้วย ชีวิตสัตว์ทั้งหลายอย่างละ ๔ ตัว หม่อมฉันกลัวต่อมรณภัยจึงได้สั่ง ให้เตรียมพิธีบูชายัญเพื่อปัดเป่า แต่พระมเหสีให้มาเข้าเฝ้าพระองค์ เพือ่ ขอทรงมีพระกรุณาชีแ้ นวทางแก้ไข จึงได้มคี �ำ สัง่ ให้ยบั ยัง้ การทำ� พิธีไว้ ขอพระองค์ผู้ทรงเป็นจอมตรัยรู้แจ้งในสามโลกนั้นจงโปรด ทำ�นายผลแห่งสุบินของหม่อมฉันด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระกรุณาต่อชาวประชา จึงทรงมีพระวาจาตรัสตอบว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร พระองค์ 39 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก
LC
2U
.C
O
M
ทรงตัดสินพระทัยได้ดี ที่ยับยั้งการทำ�ผิดอันจะมีผลก่อเวรภัย เพราะในโลกพร้อมทั้งเทวโลกนี้ เว้นอาตมตถาคตเสียนั้น ใครกัน ที่จะสามารถรู้เหตุและผลของพระสุบินนี้ไม่มี ขอมหาบพิตรตรัส เล่าพระสุบินตามที่ทรงเห็นนั้นมา ตถาคตจักเฉลยพยากรณ์ด้วย ญาณอันเกิดแต่พุทธบารมี เมื่อสมเด็จพระชินสีห์ตรัสเช่นนี้ พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงทูล เล่าพระสุบินของพระองค์ถวายให้ฟัง แต่เนื่องจากมีถึง ๑๖ อย่าง จึงทรงตั้งเป็นหัวข้อเรื่องดังนี้ว่า “ข้าแด่องค์พระภควันต์ หม่อมฉันได้ฝนั เห็น โคอุสภุ ราช ๑ ต้นไม้ ๑ แม่โค ๑ โคสามัญ ๑ ม้า ๑ ถาดทองคำ� ๑ สุนขั จิง้ จอก ๑ หม้อน้ำ� ๑ สระโบกขรณี ๑ ข้าวสารหุงไม่สุก ๑ แก่นจันทน์ ๑ น้ำ�เต้าจมน้ำ� ๑ หินลอยน้ำ� ๑ นางเขียดกลืนกินงูเห่า ๑ หงส์ทอง แวดล้อมกา ๑ เสือกลัวแพะ ๑ รวมเป็น ๑๖ ประการดังนี้ จักมี เหตุดีร้ายประการใดหรือไม่ พระพุทธเจ้าข้า” พระพุทธองค์เมือ่ ทรงสดับมหาสุบนิ นัน้ จบลง ทรงพยากรณ์วา่ “ดูกรมหาบพิตร ผลแห่งสุบินนิมิตนี้จะไม่มีอันตรายในชั่วรัชกาล ของพระองค์ ในชัว่ ศาสนาของตถาคต แต่จะปรากฏผลในกาลที่ หมู่มนุษย์เสื่อมถอยจากศีลธรรมทำ�แต่กรรมชั่วช้า ขออย่าได้ ตระหนกพระทัยเลย” แล้วจึงทรงเฉลยพยากรณ์เป็นข้อๆ พระสุบินนิมิต และพระพุทธพยากรณ์ทั้ง ๑๖ ประการ จะ เกิดปรากฏขึ้นเป็นจริงหรือไม่เพียงใดในยุคปัจจุบัน และอะไรกัน เป็นสาเหตุที่ทำ�ให้เกิดขึ้นจริงเป็นสิ่งที่เราควรศึกษาไว้ เพื่อเตือนใจ มิให้ประพฤติอย่างนั้น และเตรียมพร้อมรับมือหากว่ามันจะเกิดขึ้น ได้อย่างมีสติมิประมาท จากนี้จะนำ�สู่เนื้อหาพุทธพยากรณ์ต่อไป 40 มหาศาสดาผู้ชี้ชะตาโลก