เรียบเรียง : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัทธ์
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี บรรณาธิการ/เรียบเรียง : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัทธ์ ออกแบบปก : อนุชิต คำ�ซองเมือง รูปเล่ม : สุกัญญา ศรีสงคราม ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา, ธนรัตน์ ไทยพานิช พิสูจน์อักษร : อรทัย คำ�แพง, หนูคล้าย กุกัญยา
ISBN : 978-616-268-187-5 พิมพ์ครั้งแรก : มกราคม ๒๕๕๙
สร้างสรรค์และลิขสิทธิ์ บริษัท สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำ�กัด 105/95-96 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-7667 เชิญร่วมเผยแผ่เป็นธรรมทาน สาขาทุ่งครุ : โทร. 02-872-9191, 02-872-8181, 02-872-7227, 02-872-9898
LC2YOU@GMAIL.COM, LC2YOU@HOTMAIL.COM
WWW.LC2U.COM, WWW.พุทธะ.NET
สาขาสำ�ราญราษฎร์ : โทร. 02-221-1050, 02-221-4446
พิมพ์ที่ : หจก. แอลซีพี ฐิติพรการพิมพ์
105/66-67 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140
โทร./แฟกซ์ : 02-872-9577 www.thitiporn.com
ค�ำน�ำ การสวดนพเคราะห์เพื่อสะเดาะเคราะห์ต่อชะตานี้ เป็น พิธีกรรมที่สืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณ มีมาก่อนพระพุทธศาสนา เป็ นพิ ธี กรรมของพราหมณ์ฮินดู ซึ่งเขาเชื่ อว่ า ชะตาชี วิตของ คนเรานั้นมีเทพทั้ง ๙ ที่เรียกว่า เทพนพเคราะห์ คอยก�ำหนด ดูแลรักษาอยู่ ช่วงไหนทีช่ ะตาชีวติ ตกตำ�่ และประสบทุกข์ภยั จะต้อง มีการบูชาบวงสรวงเทพพระเคราะห์นั้นๆ เพื่อให้เทพพอใจ ช่วย ขจัดโพยภัยและดลบันดาลให้ชีวิตมีสุข ประสบสิ่งที่ปรารถนา ต่ อ มาเมื่ อ พระพุ ท ธศาสนาถื อ ก�ำเนิ ด เกิ ด ขึ้ น มี ช าวฮิ น ดู จ�ำนวนมากหั น มานั บ ถื อ พระพุ ท ธศาสนา เมื่ อ หั น มานั บ ถื อ พระพุทธศาสนาแล้วก็ได้น�ำเอาความเชือ่ ขนบธรรมเนียม ประเพณี และพิธีกรรมดั้งเดิมของตนเข้ามาในพระพุทธศาสนาด้วย จึงเกิด การผสมผสานกันระหว่างขนบธรรมเนียม ประเพณี ของสองศาสนา และพระพุทธศาสนาก็มีการประยุกต์หลักค�ำสอนให้เข้า กับความเชื่อเดิมของพราหมณ์ด้วย ทั้งนี้เพื่อเชื่อมโยงหลักค�ำสอน ทางพระพุทธศาสนาให้เข้ากับความเชื่อของเขา ซึ่งเป็นอุบาย ที่ท�ำให้พระพุทธศาสนาเผยแผ่ได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ดังนั้น ขนบธรรมเนียม พิธีกรรมบางอย่างทางพระพุทธศาสนา จึงมีพิธีกรรมทางพราหมณ์สอดแทรกอยู่ด้วย การสวดมนต์ บู ช านพเคราะห์ นี้ ก็ เ ป็ น หนึ่ ง ในพิ ธี ก รรม หลายอย่ า งที่ พุ ท ธรั บ มาจากพราหมณ์ จุ ด เด่ น อย่ า งหนึ่ ง ของ พระพุ ท ธศาสนา ก็ คื อ เมื่ อ รั บ เอาขนบธรรมเนี ย ม ประเพณี
พิธีกรรมเข้ามาแล้วจะไม่รับเอามาทั้งหมด แต่จะประยุกต์ให้ เข้ากับหลักค�ำสอนทางพระพุทธศาสนาอีกต่อหนึ่ง จะเรียกว่า รั บ มาดั ด แปลงก็ ว ่ า ได้ ดั ง เช่ น การสวดนพเคราะห์ นี้ ของ พราหมณ์ ดั้ ง เดิ ม จะเป็ น การสวดบู ช าเทพพระเคราะห์ ทั้ ง ๙ ล้วนๆ แต่พระพุทธศาสนาน�ำมาประยุกต์โดยปรับบทสวดจากบูชา เทพพระเคราะห์เป็นสวดบูชาคุณพระรัตนตรัยหรือสวดบทสวด ทางพระพุทธศาสนาแทน การสวดนพเคราะห์ ต ามหนั ง สื อ เล่ ม นี้ ได้ ยึ ด ตามแบบ การสวดนพเคราะห์ของพระเดชพระคุณ พระมงคลโมลี (วิ) (หลวงพ่อบุญ โสภโณ) แห่งวัดทุ่งเหียง ต.หมอนนาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุ รี ซึ่ ง เป็ น รู ป แบบเฉพาะที่ ท ่ า นก�ำหนดขึ้ น และใช้ ส วด มานาน เป็นที่รู้จักทั่วไปอย่างแพร่หลาย การสวดนพเคราะห์ ต่อชะตาในหนังสือเล่มนี้ มิได้มุ่งเน้น ให้เชื่อและหลงงมงายในเรื่องชะตาราศีหรือเทพเจ้าแต่อย่างใด แต่จุดมุ่งหมายอยู่ที่ต้องการให้ชาวพุทธได้ท�ำความดีด้วยการ สวดมนต์ เพื่อเสริมบุญบารมีของตนให้มากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อมี บุญบารมีที่มากเพียงพอแล้ว โชคชะตาวาสนาก็จะดีขึ้นมาเอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือ สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี เล่มนี้ จักเอื้อประโยชน์แก่ท่านไม่มากก็น้อย ด้วยความปรารถนาดี ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัทธ์ บรรณาธิการ/เรียบเรียง ๑๐ มกราคม ๒๕๕๙
สารบัญ สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี นพเคราะห์คืออะไร นพเคราะห์เกี่ยวกับชะตาชีวิตอย่างไร ชะตาชีวิตตามหลักพุทธศาสนา จุดประสงค์ของการสวดนพเคราะห์ พุทธ พราหมณ์ วัฒนธรรมเชื่อมโยงกัน สวดมนต์สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตาได้จริงหรือ ? พลังพระปริตรพิชิตเคราะห์ร้าย เหตุที่ท�ำให้การสวดมนต์ไม่ได้ผล สวดบทไหนจึงดี บทสวดนพเคราะห์ต่อชะตา
๙ ๑๑ ๑๓ ๑๕ ๑๖ ๑๘ ๒๑ ๒๔ ๒๗ ๓๐-๙๑
วิธีท�ำจิตก่อนตาย ให้ได้ไปสวรรค์ อารัมภบท ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวส�ำหรับทุกชีวิต การเอาชนะความตายมีกล่าวไว้ในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าช่วยเด็กให้พ้นจากความตาย อิทธิบาท ๔ สูตรต่ออายุ หนีความตายไม่ได้ แต่เลือกตายดีได้ คนกลัวตาย ๔ ประเภท ท�ำอย่างไรจึงจะไม่กลัวตาย ท�ำอย่างไรจึงจะตายดี จะเกิดดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับจิตสุดท้ายก่อนตาย เคล็ดลับช่วยคนใกล้ตายให้ตายดี วิธีท�ำจิตให้ดีงามก่อนตาย พระนิพพาน ปลายทางแห่งความดับทุกข์
๙๔ ๙๖ ๙๘ ๑๐๐ ๑๐๑ ๑๐๒ ๑๐๔ ๑๐๘ ๑๑๑ ๑๑๕ ๑๑๖ ๑๒๒ ๑๒๗
หนังสือสวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี เล่มนี้ เป็นหนังสือที่ดีมาก เหมาะส�ำหรับผู้ที่ต้องการ สะเดาะเคราะห์และต่อชะตา หรือมีไว้สวดป้องกันโรคาพยาธิ และภยันตรายต่างๆ พระมงคลโมลี (วิ) (หลวงพ่อบุญ โสภโณ) วัดทุ่งเหียง ต.หมอนนาง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
นพเคราะห์คืออะไร ก่อนทีท่ า่ นทัง้ หลายจะได้สวดนพเคราะห์ เพือ่ สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตาให้แก่ตน ขอท�ำความเข้าใจเกี่ยวกับการสวดนพเคราะห์ เป็นเบือ้ งต้นก่อนว่า นพเคราะห์คอื อะไร ? เกีย่ วข้องกับชะตาชีวติ ของคนเราอย่างไร ? และเหตุใดต้องสวดนพเคราะห์ ? นพเคราะห์ (อ่านว่า นบ-พะ-เคราะห์) มาจากค�ำว่า นว ที่แปลว่า เก้า, หรือ ใหม่, แปลง ว เป็น พ, จาก นว จึงเป็น นพ, นว หรือ นพ จึงมีความหมายว่า เก้า และ ใหม่ เหมือนกัน แต่ค�ำว่า นพ ในที่นี้ท่านเจาะจงเอาความหมายที่บ่งบอกถึงจ�ำนวน คือ เก้า ส่ ว นค�ำว่ า เคราะห์ มี ค วามหมายเป็ น ๒ อย่ า ง คื อ อย่างที่หนึ่ง เคราะห์ หมายถึง ดาวพระเคราะห์ ๙ ดวง อันได้แก่ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัสฯ ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ ดาวราหู และดาวเกตุ ซึ่งถือกันว่า ดาวทั้ง ๙ นี้แต่ละดวง มีเทวดาประจ�ำอยู่ ซึ่งตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ และตาม ความเชื่อของพราหมณ์เชื่อว่า เทพพระเคราะห์ทั้ง ๙ นี้ เป็นผู้ ก�ำหนดชะตาชีวิตของคนแต่ละคนให้โชคดี โชคร้าย แตกต่างกันไป ในแต่ละช่วงจังหวะของชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าพระเคราะห์องค์ใด เข้าเสวยอายุและแทรก ดังนั้นค�ำว่า เคราะห์ ในความหมายแรกนี้ จึงหมายถึง ดาวพระเคราะห์ ๙ ดวง และรวมถึงเทพพระเคราะห์ ๙ องค์ที่กุมชะตาชีวิตของคนแต่ละคน สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
9
พระอาทิตย์ ๖
พระศุกร์ ๒๑
พระราหู ๑๒
พระจันทร์ ๑๕
พระอังคาร ๘
พระเกตุ ๙
พระพุธ ๑๗ พระเสาร์ ๑๐
พระพฤหัสบดี ๑๙
เคราะห์ ในความหมายที่ ๒ หมายถึง สิ่งที่น�ำผลมาให้ โดยไม่ ไ ด้ ค าดหมาย ถ้ า ผลที่ ไ ด้ รั บ นั้ น เป็ น สิ่ ง ที่ ดี ก็ เรี ย กว่ า “เคราะห์ ดี ” แต่ ถ ้ า ผลที่ ไ ด้ รั บ เป็ น สิ่ ง ที่ ร ้ า ย ก็ จ ะเรี ย กกั น ว่ า “เคราะห์ร้าย” แต่โดยมากนิยมใช้ไปในทางที่ไม่ดี เช่น หาก หมอดูทักว่าช่วงนี้ชะตาชีวิตของคุณก�ำลังมีเคราะห์ ดังนี้ ก็มัก เข้าใจว่า ชะตาชีวิตของคนคนนั้นจะเกิดเรื่องไม่ดี หรือเกิดโชคร้าย ค�ำว่า เคราะห์ ในค�ำว่า นพเคราะห์ นี้ ท่านหมายเจาะจง เอาเคราะห์ ใ นความหมายที่ ๑ คื อ ดาวพระเคราะห์ หรื อ เทพพระเคราะห์ที่กุมชะตาชีวิตคน
ดังนั้น ค�ำว่า นพเคราะห์ จึงแปลว่า ดาวพระเคราะห์ ๙ ดวง, หรือ เทพพระเคราะห์ ๙ องค์ นั่นเอง 10
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
นพเคราะห์
เกี่ยวกับชะตาชีวิตอย่างไร ตามความเชื่อของพราหมณ์เชื่อว่า ในโลกของเรานี้ มีเทพ ทีเ่ รียกว่า เทพพระเคราะห์ประจ�ำอยูใ่ นทิศต่างๆ คอยดูแลรักษาโลก ตรวจตราความเป็นไปของโลก รวมถึงชะตาชีวิตของคนทุกคน บนโลกใบนี้ด้วย และยังเชื่ออีกว่า ชะตาชีวิตของคนเราแต่ละคน มีเทพประจ�ำตัวตามวันเกิดของตน เช่น คนเกิดวันอาทิตย์ก็มี เทพพระอาทิตย์ประจ�ำตัว คนเกิดวันจันทร์ก็มีเทพพระจันทร์ ประจ�ำตัว คนที่เกิดวันอื่นๆ ก็เช่นกัน จะมีพิเศษแตกต่างจากวันอื่นๆ ก็คือวันพุธที่แยกเป็นวันพุธ กลางวันกับวันพุธกลางคืน คนที่เกิดวันพุธกลางวัน เทพที่ดูแล ประจ�ำตัวคือพระพุธ ส่วนคนที่เกิดวันพุธกลางคืน เทพที่ดูแล ประจ�ำตัวคือพระราหู ด้วยอาศัยความเชื่อดังกล่าวนี้ จึงเป็นที่มาของศาสตร์แห่ง การท�ำนายโชคชะตาชีวิตของมนุษย์ที่เรียกว่า “วิชาโหราศาสตร์” ดังจะเห็นได้จากการท�ำนายโชคชะตาจะต้องอาศัย วัน เดือน ปีเกิด เป็นหลักในการท�ำนาย ไม่ว่าจะเป็นการท�ำนายอุปนิสัย การพูด การเจรจา อาชีพการงาน ความเจริญก้าวหน้า สุข ทุกข์ ดังเช่น หลักวิชาโหราศาสตร์ที่ว่าด้วยพระเคราะห์เสวยอายุและแทรก ซึ่งหลักวิชานี้จะท�ำนายชะตาชีวิตจากการตรวจดูว่า ผู้นั้นเกิด สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
11
วันอะไร มีอายุเท่าไร และในช่วงนั้นมีพระเคราะห์ใดเสวยอายุและ พระเคราะห์ตัวใดเข้าแทรก ซึ่งการเข้าเสวยอายุและเข้าแทรกของ พระเคราะห์แต่ละดวงจะส่งผลดีและร้ายแตกต่างกันไป กล่าวคือ ถ้าพระเคราะห์ที่เข้าเสวยอายุและแทรกเป็นมิตรกัน ก็จะ ส่งผลดีแก่ผู้นั้น เช่น ได้ลาภ สมหวังในสิ่งที่ต้องการ ร�่ำรวย มีความเจริญก้าวหน้า ได้เลื่อนยศเลื่อนต�ำแหน่ง เป็นต้น แต่ถ้าพระเคราะห์ที่เสวยอายุและแทรกเป็นศัตรูกัน ก็จะ ส่ ง ผลร้ า ยแก่ เจ้ า ของชะตา ท�ำให้ ป ระสบอุ บั ติ เ หตุ สู ญ เสี ย ทรัพย์สินเงินทอง ถูกใส่ร้าย มีเหตุให้ต้องคดีความ หรือไม่สมหวัง ในสิ่งที่ต้องการ เป็นต้น ตามความเชื่อดังกล่าวนี้ นพเคราะห์ จึงเกี่ยวข้องกับชะตา ชีวิตของคนเราทุกคน ในฐานะเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อความเป็นไป ของชีวิต กล่าวคือ ชีวิตของเราจะดีหรือร้าย สุขหรือทุกข์ เจริญ หรือตกต�่ำ ก�ำไรหรือขาดทุน ขึ้นอยู่กับอิทธิพลของดาวนพเคราะห์ ทั้ง ๙ ดวง ดาวพระเคราะห์ทั้ง ๙ นี้ จึงถูกอปโลกน์ยกฐานะขึ้น เป็นเทพเจ้าที่คอยดลบันดาลชะตาชีวิตของคน และจัดให้มีพิธีการ บวงสรวงบูชา ทั้งนี้เพื่อให้เทพแต่ละองค์พอใจ จะได้ดลบันดาล ชะตาชีวิตของผู้นั้นให้โชคดี ขอบคุณค่ะ สวดตามนี้ ดวงดีแน่ค่ะ
12
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
ชะตาชีวิตตามหลักพุทธศาสนา ทัง้ หมดทีว่ า่ มานี้ ได้กล่าวตามหลักความเชือ่ ของพราหมณ์ หรือ ตามความเชือ่ ทางโหราศาสตร์ แต่ถา้ มองในแง่ของพระพุทธศาสนา แล้ว พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม และเชื่อ ในหลักของเหตุและผล ชะตาชีวิตของคนเราจะดีจะชั่ว จะรุ่งเรือง หรือตกต�่ำล้วนเป็นไปตามกรรม คือการกระท�ำของตน ถ้าหากมองในแง่นแี้ ล้ว หลักโหราศาสตร์กบั หลักกฎแห่งกรรม ทางพระพุทธศาสนาดูเหมือนจะขัดแย้งกัน เพราะฝ่ายหนึ่งให้ เชื่อว่าชะตาชีวิตของคนเราขึ้นอยู่กับอิทธิพลของดวงดาวซึ่งเป็น ปัจจัยภายนอก แต่พระพุทธศาสนาสอนให้เชือ่ กรรม คือการกระท�ำ ของตนเอง ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยที่เราเองเป็นผู้สร้างขึ้น หากมองแบบ ผิวเผินก็เหมือนว่า ทั้ง ๒ ความเชื่อจะขัดแย้งกัน แต่ถ้าหากมอง ให้ลึกแล้วไม่ขัดแย้งกันเลย ที่ว่าไม่ขัดแย้งกันก็เพราะว่า โหราศาสตร์เป็นการท�ำนายผล ทีเ่ กิดจากกรรมทีผ่ นู้ นั้ ได้สร้างไว้ซงึ่ จะส่งผลในปัจจุบนั เช่น ในประวัติ ของพระพุทธเจ้าในต�ำรากล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระองค์ประสูติได้ ๕ วั น พระบิ ด าได้ เชิ ญ พราหมณ์ ๑๐๘ คนมาเลี้ ย ง และคั ด พราหมณ์ ๘ คนที่มีความช�ำนาญในวิชาโหราศาสตร์เข้าท�ำนาย พระลักษณะ ซึ่งพราหมณ์ทั้ง ๘ คนได้ท�ำนายเป็นเสียงเดียวกัน ว่า “พระราชกุมารนี้ หากอยู่ครองฆราวาสจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ถ้าออกบวชจักได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสดาเอกของโลก” สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
13
การที่พราหมณ์ทั้ง ๘ ท�ำนายเช่นนี้ เพราะดูจากลักษณะ วัน เดือน ปีเกิด และเวลาตกฟาก ซึ่งในกาลต่อมาเจ้าชายได้เสด็จ ออกบวชและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ซึ่งเราจะเห็น ได้ว่า พราหมณ์ทั้ง ๘ ได้ท�ำนายชะตาชีวิตของพระองค์ได้อย่าง ถูกต้อง นี่ย่อมยืนยันได้ว่า หลักวิชาโหราศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์ที่ เชื่อถือไม่ได้ เพียงแต่อย่าเชื่อถือมากจนเกินไป จนเป็นเหตุให้ตน อ่อนแอไม่ยอมช่วยเหลือตัวเอง อีกประการหนึ่งที่เราต้องมองให้ลึกก็คือ การที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้นั้น มิใช่เพราะพระองค์เกิดในวัน เดื อ น ปี หรื อ ดิ ถี ที่ ดี แ ต่ อ ย่ า งใด แต่ ที่ พ ระองค์ ท รงตรั ส รู ้ เ ป็ น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้นั้น เป็นเพราะได้ทรงบ�ำเพ็ญบารมีสะสม กรรมดีมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าหาใครเทียบเท่าหรือยิ่งกว่า พระองค์ไม่มี ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ชะตาชีวิตของพระองค์ถูกก�ำหนดมา แล้วจากกรรมดีทที่ รงสะสมมาแต่ปางก่อน และกรรมดีทสี่ ร้างไว้นนั้ ส่งผลหรือจัดสรรให้พระองค์มาเกิดในฤกษ์ดี ยามดี มีพระลักษณะ ที่ดีถูกต้องตามหลักโหราศาสตร์ จึงสรุปได้ว่า ชะตาชีวิตของคนเรา แม้จะเชื่อว่าเป็นไป ตามอ�ำนาจของดวงดาวหรือเทพเจ้าอยู่บ้าง แต่พึงระลึกไว้ เสมอว่า อ�ำนาจของดวงดาวนั้นเป็นเพียงผลพวงที่เกิดจาก อ�ำนาจกฎแห่งกรรมที่ตนสร้างไว้มิใช่อย่างอื่น
14
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
จุดประสงค์ของการสวดนพเคราะห์ การสวดนพเคราะห์นี้ เดิมทีมีเป้าหมายเพื่อบูชาเทพพระเคราะห์ทั้ง ๙ ที่เข้าเสวยอายุในชะตาชีวิตช่วงนั้นๆ เพื่อให้เทพ ที่เสวยอายุและแทรกในขณะนั้นเกิดความพอใจช่วยขจัดปัดเป่า สิ่งที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นให้หมดไป และช่วยดลบันดาลประทานพรให้ ชะตาชีวิตประสบแต่ความสุขความเจริญ สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา การสวดนพเคราะห์จึงเป็นการสวดบูชาเทพพระเคราะห์ เพื่อเปลี่ยนชะตาชีวิตที่ร้ายให้กลายเป็นดี และเสริมชะตาที่ดี อยู ่ แ ล้ ว ให้ ดี ยิ่ ง ๆ ขึ้ น ไป ซึ่ ง จะนิ ย มสวดกั น ในช่ ว งที่ ช ะตาไม่ ดี ที่เรียกว่า ชะตาตก หรือชะตาขาด หรือในช่วงที่เกิดเรื่องร้ายๆ แก่เจ้าของชะตา เช่น ประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ เป็นต้น อีกอย่างทีน่ ยิ มสวดกันมากก็คอื สวดในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เพื่อเป็นเคล็ดในการละทิ้งสิ่งชั่วร้าย เสนียดจัญไร ต่างๆ ให้หมดสิน้ ไปกับปีเก่า และต้อนรับสิง่ ใหม่ๆ ทีจ่ ะเข้ามาสูช่ วี ติ ในวันใหม่ปีใหม่ สรุปว่า การสวดนพเคราะห์ มีจดุ ประสงค์หลัก ๒ ประการ คือ ๑. สวดเพื่อสะเดาะเคราะห์ คือ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่มีอยู่ หรือที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าให้หมดสิ้นไป ๒. สวดเพื่ อ ต่ อ ชะตา คื อ เสริ ม พลั ง บุ ญ บารมี ข องตนให้ กล้าแกร่งขึ้น บังเกิดสิริมงคล เสริมส่งดวงชะตาให้รุ่งเรืองดีงาม ต่อบุญต่อกุศลต่อความสุขให้ยืนยาวตลอดไป ด้วยจุดประสงค์ทั้งสองประการนี้ ท่านจึงเรียกการสวด นพเคราะห์นี้ว่า สวดสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
15
พุทธ พราหมณ์
วัฒนธรรมเชื่อมโยงกัน ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ศาสนาพุทธเกิดขึ้นในท่ามกลาง กลุ่มชนที่นับถือศาสนาพราหมณ์หรือศาสนาฮินดู ซึ่งมีมาก่อน พระพุ ท ธศาสนานั บ พั น ปี ด้ ว ยเหตุ นี้ การประกาศพระพุ ท ธศาสนาจึงจ�ำเป็นต้องมีการประยุกต์หลักค�ำสอนและพิ ธีกรรม ให้ ส อดคล้ อ งกั บ ขนบธรรมเนี ย ม ประเพณี และวั ฒ นธรรม ของคนในยุคนั้น เป็นการปรับตัวเพื่อสร้างศรัทธาให้เขาหันมา นับถือพระพุทธศาสนา การปรับตัวของพระพุทธศาสนาเช่นนี้ ท�ำให้ขนมธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ตลอดถึงความเชื่อบางอย่างของศาสนา พราหมณ์เข้ามาผสมผสานในศาสนาพุทธเป็นอันมาก ซึ่งขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมบางอย่างก็ยากที่จะแยกได้ว่า อันไหนเป็นพุทธ อันไหนเป็นพราหมณ์ เช่ น เดี ย วกั บ ที่ พ ระพุ ท ธศาสนาเข้ า มาสู ่ ป ระเทศไทย ซึ่ ง บรรพบุรุษไทยเดิมทีนับถือผีมายาวนาน ภายหลังเมื่อคนเหล่านั้น หันมานับถือพระพุทธศาสนาแล้วก็หาได้ละพิธีกรรมการบูชาผี ของตนไปแต่อย่างใด แต่กลับน�ำเอาพิธกี รรมการบูชาผีมาประยุกต์ เข้ากับพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นจากการถวายข้าวพระพุทธในงาน ท�ำบุญทั่วไป ที่นิยมจัดส�ำรับถวายพระพุทธเจ้า ในท�ำนองเป็นการ บูชาดวงวิญญาณของพระองค์ นีย่ อ่ มสะท้อนให้เห็นการผสมผสาน กันระหว่างพิธีกรรมของคนพื้นถิ่นกับพระพุทธศาสนา 16
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
การสวดบูชานพเคราะห์นกี้ เ็ ช่นเดียวกัน เดิมทีเป็นธรรมเนียม ปฏิบัติของพราหมณ์ ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นก็รับเอา พิธีสวดบูชาพระเคราะห์เข้ามาด้วย โดยปรับการสวดจากเดิมที่ เป็นบทสวดแบบพราหมณ์ทมี่ เี นือ้ หากล่าวบูชาต่อเทพพระเคราะห์ ล้วนๆ มาเป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ และ บทสวดอื่นในทางพระพุทธศาสนาแทน หรือบางที่บางแห่งจะแต่ง บทสวดขึ้นมาใหม่ โดยผสมความเชื่อทางพระพุทธศาสนาและ ความเชือ่ ทางพราหมณ์เข้าด้วยกัน ซึง่ เนือ้ หาก็จะออกมาในท�ำนอง แสดงความเคารพต่ อ พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ์ และขอ อ�ำนาจแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมถึงอ�ำนาจของ เทพพระเคราะห์ทั้ง ๙ จงดลบันดาลให้ตนพ้นจากเคราะห์ร้าย เสนียดจัญไร เภทภัยต่างๆ และให้ประสบแต่ความสวัสดีทกุ ประการ จึงกล่าวได้ว่า
การสวดบูชานพเคราะห์ เป็นพิธีกรรมผสมผสานเชื่อมโยงกัน ระหว่างพราหมณ์ พุทธ และโหราศาสตร์โดยแท้ พราหมณ์กับพุทธ มีความเชื่อมโยงกัน ทางด้านวัฒนธรรม มานาน
สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
17
สวดมนต์สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตาได้จริงหรือ ? กับค�ำถามเบื้องต้นนั้น ขอแยกตอบเป็น ๒ ส่วน คือ ๑. ค�ำตอบในแง่ของศาสนาพราหมณ์ ๒. ค�ำตอบในแง่ของศาสนาพุทธ ๑. ค�ำตอบในแง่ของศาสนาพราหมณ์ ผู้ที่นับถือศาสนา พราหมณ์เขาเชื่อทุกอย่างเกี่ยวกับเทพเจ้า และเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่า เทพพระเคราะห์มีจริง และการสวดบูชาเทพพระเคราะห์นี้ สามารถแก้ เ คราะห์ ต ่ อ ชะตาได้ ที่ เขาเชื่ อ เช่ น นั้ น เพราะถู ก ปลูกฝังความเชื่อเช่นนั้นมาอย่างยาวนาน และน่าจะมีการจด จารึกไว้ในคัมภีร์ไตรเพท หรือคัมภีร์ที่ส�ำคัญของพราหมณ์ด้วย หรื อ ไม่ ก็ มี ก ารสื บ ทอดพิ ธี ก รรมบู ช านพเคราะห์ นี้ กั น มาอย่ า ง ยาวนาน จึงเป็นความเชื่อที่ฝังแน่นในใจ เหมือนกับที่คนไทย เชื่อเรื่องผี บูชาผี หรือเลี้ยงผีเอาไว้ใช้งาน ย่อมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าผีมีจริง และเชื่อว่าผีสามารถดลบันดาลในสิ่งที่ตนต้องการได้ หากเลี้ยงดูบูชาดี ๒. ค�ำตอบในแง่ของศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธเป็นศาสนา แห่งเหตุผล ท�ำอะไรต้องสามารถอธิบายได้ มีเหตุและผลรองรับ และสามารถพิสูจน์ได้ ดังนั้น ค�ำถามที่ว่า สวดมนต์สามารถ สะเดาะเคราะห์ต่อชะตาได้จริงหรือ ? จึงต้องตอบอย่างมีเหตุผล โดยเบื้องต้นต้องเข้าใจกับค�ำว่า “เคราะห์” เสียก่อน 18
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
เคราะห์ หมายถึง ความโชคร้ายที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ตามหลั ก ของพระพุ ท ธศาสนา คื อ ผลที่ เ กิ ด จากกรรมที่ ต น กระท�ำไว้ในอดีตทั้งในชาตินี้และชาติที่แล้ว ดังนั้น คนที่มีเคราะห์ ก็คือคนที่เคยท�ำชั่วอย่างใดอย่างหนึ่งเอาไว้แล้วกรรมชั่วนั้นตาม มาให้ผล ซึ่งจะร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลกรรมที่ ท�ำไว้ ด้ ว ยเหตุ นี้ พระพุ ท ธศาสนาจึ ง สอนให้ ช าวพุ ท ธทุ ก คน ละเว้นกรรมชั่ว ประกอบแต่กรรมดี และหมั่นช�ำระจิตใจของตน ให้ผ่องใส เพราะการไม่ท�ำชั่วย่อมเป็นการตัดเหตุแห่งเคราะห์ ตั้งแต่ต้น คือเมื่อเหตุไม่มี ผลก็ไม่เกิด แต่ในกรณีที่พลาดไปแล้ว คือประกอบเหตุท�ำกรรมชั่วไว้แล้ว การแก้ไขก็ยังคงใช้หลักการ ๒ ประการ คือ ๑. ให้ ล ะเว้ น จากการท�ำความชั่ ว เพิ่ ม เติ ม พึงเข้าใจว่า การที่เรามีเคราะห์นั้น เป็นเพราะผลแห่งกรรมชั่วที่เราเคยท�ำไว้ ในอดี ต ก�ำลั ง ตามให้ ผ ล คนที่ มี ก รรมไม่ ดี ใ นอดี ต คอยติ ด ตาม ให้ผลอยู่ ถ้าหากไปก่อกรรมท�ำความชั่วในปัจจุบันเพิ่มเติมเข้าอีก ก็เป็นการเพิ่มพลังให้กับบาปกรรมเก่าให้มีก�ำลังมากขึ้น ให้ผล เร็วขึ้น รุนแรงขึ้น เพราะขณะใดก็ตามที่กรรมชั่วมีโอกาสให้ผล แสดงว่าขณะนัน้ บุญบารมีของเราเหลือน้อย ถ้าหากเราท�ำความชัว่ เพิม่ เติมเข้าไปก็เป็นการท�ำลายบุญบารมีทมี่ อี ยูใ่ ห้หมดไป เปิดโอกาส ให้กรรมชั่วส่งผลแก่เราได้อย่างเต็มที่ สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
19
๒. ให้รีบเร่งท�ำความดีให้มากยิ่งๆ ขึ้น เพื่อเสริมบุญบารมี ที่มีอยู่ให้พอกพูนมีก�ำลังขึ้น เพื่อเป็นเครื่องป้องกันหรือบรรเทา เคราะห์กรรมที่จะเกิดขึ้นหรือที่ก�ำลังเกิดขึ้น ไม่ให้ส่งผลได้เต็มที่ เป็นการผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือหากบุญกุศลคุณความดีที่สร้าง นั้นมีผลานิสงส์มากกว่าเคราะห์กรรมที่ติดตามให้ผล ก็จะท�ำให้ตน พ้นจากเคราะห์กรรมนั้นๆ ได้ ซึ่งการประกอบกรรมดีที่จะเกิด เป็นบุญนั้น ในทางพระพุทธศาสนา ท่านจ�ำแนกไว้ ๓ ทางด้วยกัน เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ ๑) ทานมัย บุญส�ำเร็จด้วยการถวายทาน ๒) สีลมัย บุญส�ำเร็จด้วยการรักษาศีล ๓) ภาวนามัย บุญส�ำเร็จด้วยการเจริญภาวนา การท�ำความดีเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยกลับเคราะห์ร้ายให้ กลายเป็นดี การสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย รวมถึงการสวดมนต์ ทั่วไปจัดเป็นการท�ำความดีในส่วนของภาวนามัย ซึ่งถือว่าเป็น ส่วนที่ผู้ท�ำจะได้บุญมาก อานิสงส์มาก กล่าวกันว่ามากยิ่งกว่า การให้ทาน รักษาศีล ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า การสวดมนต์นพเคราะห์นี้ สามารถแก้ไขเคราะห์รา้ ย และต่อชะตาให้ผู้ที่สวดได้จริง
20
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
พลังพระปริตรพิชิตเคราะห์ร้าย การสวดมนต์ นี้ นอกจากจะเป็ น การสร้ า งความดี ส ะสม บุญบารมีให้กับตนเองแล้ว อ�ำนาจของพระปริตรที่น�ำมาสวดนั้น ก็มีพลังก�ำจัดโรค ก�ำจัดภัย ก�ำจัดเสนียดจัญไรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี เป็นการผนวกพลังสองส่วนให้บังเกิดมีภายในตนเอง คือ ๑. พลังแห่งบุญที่เกิดจากการสวดมนต์เจริญภาวนา ๒. พลังแห่งบทสวดที่น�ำมาสวดสาธยาย ซึ่ ง พลั ง ทั้ ง สองนั้ น ถื อ เป็ น พลั ง ด้ า นบวกที่ จ ะช่ ว ยต่ อ ต้ า น ภัยพิบัติ และขจัดอุปัทวันตรายให้หมดสิ้นไป ดังในสมัยหนึ่ง ได้เกิดเหตุเคราะห์ร้ายขึ้นที่เมืองไพศาลี ส่งผลให้ชาวเมืองต้องประสบกับภัยพิบัติถึง ๓ ประการ คือ ๑) ทุพภิกขภัย ภัยจากความอดอยากสืบเนื่องมาจากฝน ไม่ตกต้องตามฤดูกาล ๒) พยาธิภยั ภัยจากโรคระบาด มีคนล้มตายเป็นจ�ำนวนมาก ๓) อมนุสสภัย ภัยจากภูตผีปีศาจ เหล่าเจ้าลิจฉวีผู้ปกครองเมืองไพศาลีจึงได้ปรึกษาหารือ เพื่อหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ที่สุดตกลงกันได้ว่า ให้ กราบทูลเชิญพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นบุคคลที่มีบุญญาธิการสูงสุดมายัง เมืองไพศาลี เพราะหากพระพุทธองค์เสด็จมา ด้วยอ�ำนาจบารมี ของพระองค์จักท�ำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ปกติสุขได้ จึงได้ส่งทูต สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
21
เมืองไพศาลี กลับคืนสู่ปกติสุขอีกครั้ง เพราะอำ�นาจแห่ง พุทธคุณแท้ๆ พระเจ้าข้า
ไปกราบทูลเชิญพระพุทธเจ้าจากเมืองราชคฤห์มายังเมืองไพศาลี ในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จมา ขณะพระบาทแรกสัมผัสกับแผ่นดิน เมืองไพศาลี ท้องฟ้าก็มืดครึ้ม เมฆใหญ่ตั้งเค้า และเทฝนกระหน�่ำ ลงมาอย่างต่อเนื่องจนน�้ำสูงขึ้นเพียงเข่า ชะล้างพื้นดินและพัดพา ซากศพไหลลงสู่แม่น�้ำใหญ่ ล�ำดับนั้น พระพุทธองค์ทรงให้พระอานนท์เรียนเอามนต์ บทหนึ่ ง เรี ย กว่ า “รั ต นสู ต ร” หรื อ “รั ต นปริ ต ร” ไปสวดท�ำ น�้ ำพระพุ ท ธมนต์น�ำไปประพรมทั่วพระนคร บรรดาชาวเมื อ ง ที่ เจ็ บ ไข้ ไ ด้ ป ่ วย เมื่อได้รับน�้ำพระพุทธมนต์ ก็ ห ายจากโรคร้ า ย ในทันที ส่วนพวกอมนุษย์ที่แอบซ่อนอยู่ตามซอกบ้าน ก�ำแพงเมือง เมื่อถูกต้องน�้ำพระพุทธมนต์ก็ทนอยู่ไม่ได้ พากันหนีเตลิดเข้าป่าไป ท�ำให้เมืองไพศาลีกลับคืนมาปกติสุขอีกครั้ง เรื่องนี้เป็นข้อยืนยันได้ว่า การสวดมนต์มีผลช่วยก�ำจัด ทุกข์ โศก โรค ภัยได้จริง 22
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
อีกตัวอย่างหนึง่ มีพราหมณ์คนหนึง่ ได้พาภรรยาและบุตรชาย ที่พึ่งคลอดของตนไปหาดาบสที่เป็นเพื่อนกัน ซึ่งมีความช�ำนาญ ในการหยั่ ง รู ้ ช ะตาชี วิ ต คน ขณะที่ พ ราหมณ์ แ ละภรรยาแสดง ความเคารพ ดาบสได้อ�ำนวยอวยพรให้มีอายุยืน อยู่เย็นเป็นสุข แต่เมื่อพราหมณ์น�ำบุตรมาให้แสดงความเคารพ ดาบสกลับนิ่ง ไม่อ�ำนวยอวยพร พราหมณ์นึกสงสัยจึงได้ถาม ดาบสตอบว่า ลูกชายของท่านชะตาขาด จักตายภายใน ๗ วันนับจากนี้ พราหมณ์ผู้เป็นพ่อ เมื่อฟังดังนั้นก็ตกใจและไถ่ถามถึงวิธีแก้ ดาบสแนะน�ำให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะมีเพียงพระพุทธเจ้า พระองค์เดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้ พราหมณ์ ไ ด้ พ าลู ก และภรรยาไปเข้ า เฝ้ า และทู ล ขอให้ พระพุทธองค์ทรงช่วยเหลือลูกของตน พระพุทธเจ้าทรงแนะน�ำให้ พราหมณ์กลับไปจัดปะร�ำพิธีส�ำหรับสวดพระปริตรที่บ้าน จากนั้น ได้รับสั่งให้พระสงฆ์ผลัดกันไปเจริญพระพุทธมนต์ตลอด ๓ วัน ๓ คืน ติดต่อกัน โดยในวันที่ ๓ พระพุทธเจ้าเสด็จประทับนั่ง เป็นประธานและสวดพระปริตรด้วยพระองค์เอง หมู่เทพเทวาทั้งที่มีศักดิ์น้อยใหญ่ทั้งหลายต่างมาประชุมกัน ณ ที่นั้น เป็นเหตุให้ยักษ์ที่เป็นคู่เวรกับลูกชายของพราหมณ์ไม่มี โอกาสเข้าไปเอาชีวิตของเด็ก และล่าถอยหนีไป ครั้นสวดพระปริตรจบลง พราหมณ์ได้อุ้มบุตรมาเข้าเฝ้า พระพุ ท ธเจ้ า พระพุ ท ธองค์ ต รั ส ว่ า บุ ต รของท่ า นได้ พ ้ น จาก เคราะห์ร้ายแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไปเขาจะเจริญอายุวัฒนา ๑๒๐ ปี จากนั้นทรงอ�ำนวยอวยพรแก่พราหมณ์และบุตรแล้วเสด็จกลับ สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
23
เหตุที่ท�ำให้การสวดมนต์ไม่ได้ผล จากตัวอย่างที่ยกมาเล่าทั้งสองเรื่อง เป็นหลักฐานยืนยัน ได้ว่า การสวดเจริญพระพุทธมนต์นั้นมีพลังอ�ำนาจที่จะช่วยขจัด ปัดเป่าเคราะห์ร้ายต่างๆ ได้จริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย ๓ ประการ ดังค�ำที่พระนาคเสนทูลตอบแก่พระเจ้ามิลินท์ ใน หนังสือมิลินทปัญหาว่า “อาหารตามปกติแล้วเป็นสิ่งรักษาชีวิต แต่หากทาน เกินขนาด และธาตุไฟหย่อนไม่ยอมเผาผลาญแล้ว เป็นเหตุ ให้ถึงตายได้ อาหารจึงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้เสมอไป พระปริตรที่ สวดก็เช่นกันบางทีก็รักษาได้ บางทีก็รักษาไม่ได้ เพราะมีเหตุ ๓ ประการ คือ ๑. ถูกแรงกรรมปิดกั้น ๒. ถูกกิเลสปิดกั้น ๓. มีจิตไม่เชื่อในพระปริตร” ๑. ถู ก แรงกรรมปิ ด กั้ น หมายความว่ า คนเราทุ ก คนที่ เกิ ด มา ต่ า งมี ทั้ ง กรรมดี แ ละกรรมชั่ ว ติ ด ตั ว มาด้ ว ยกั น ทั้ ง สิ้ น มากบ้ า งน้ อ ยบ้ า งแตกต่ า งกั น ไป คนที่ มี ก รรมดี ติ ด ตั ว มามาก เมื่อเกิดมีภัยหรือเคราะห์ร้ายเข้ามาเบียดเบียน ด้วยอ�ำนาจกรรมดี ที่ มี อ ยู ่ ก็ จ ะช่ ว ยพยุ ง ประคั บ ประคอง ป้ อ งกั น หรื อ บรรเทา เคราะห์ร้ายนั้นให้เบาบางลง และเมื่อได้มาสวดมนต์ท�ำความดี เพิ่มเติมกรรมดีที่มีอยู่เดิมแล้ว ก็จะช่วยขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้าย 24
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
เสนียดจัญไรให้หายได้โดยง่าย ดังที่พระเดชพระคุณพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ิตธมฺโม) แห่งวัดอัมพวัน จังหวัด สิงห์บุรี ได้กล่าวไว้ว่า “คนบางคนบารมียังขาดอยู่ ๕-๑๐ เปอร์เซ็นต์ การสวดพุทธคุณจะช่วยได้ แต่ถ้าขาดมากช่วยไม่ได้” แต่ในทางตรงกันข้าม คนที่มีบาปกรรมติดตัวมามาก แถมใน ปัจจุบันก็ยังท�ำบาปท�ำกรรมสะสมเพิ่มเติมอยู่เนื่องๆ เมื่อถึงคราว เคราะห์ หรือเวรกรรมเก่าตามมาถึง ก็ไม่มีบุญหรือความดีอะไร ช่วยป้องกัน มีแต่บาปช่วยซ�้ำเติม ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วการสวดมนต์ ก็ไม่อาจช่วยเหลือหรือป้องกันอันตรายได้ เหมือนกับเรามีบ้าน ที่ เ สื่ อ มโทรมผุ พั ง ไม่ แข็ ง แรง เมื่ อ ลมพายุ ใ หญ่ พั ด กระหน�่ ำ มา แม้จะหาไม้มาช่วยค�้ำพยุงแต่ที่สุดก็ต้องพังทลายไปฉันนั้น ชะตา ชีวิตของคนที่ขาดความดีก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้จะสวดมนต์ภาวนา สั ก แค่ ไ หน ถ้ า เจอผลกรรมชั่ ว ที่ แรงกว่ า หรื อ หนั ก กว่ า ก็ ย ่ อ ม พังทลายเช่นเดียวกัน ๒. ถูกกิเลสปิดกั้น หมายความว่า ขณะสวดจิตของผู้สวด มีกิเลสเข้ามาปะปน ท�ำให้จิตไม่สงบ หรือผู้สวดสวดด้วยอ�ำนาจ แห่งความโลภ โกรธ หลง มีจิตฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิ การสวดมนต์ จะบังเกิดผลหรือไม่ ปัจจัยส�ำคัญอยู่ที่จิตที่เป็นสมาธิ เพราะจิต ที่เป็นสมาธิเป็นจิตที่มีก�ำลัง มีพลัง จิตที่มีก�ำลังมีพลังเมื่อน�ำมาใช้ ในการสวดมนต์ ย่อมท�ำให้การสวดมีพลังมีอานุภาพดลให้บงั เกิดผล ตามที่ต้องการได้ สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
25
๓. มีจิตไม่เชื่อในพระปริตร หมายความว่า ผู้สวดสวดด้วย ใจที่ไม่เชื่อมั่น ไม่มีศรัทธาต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือ ต่อพิธกี รรมการสวดมนต์วา่ จะช่วยให้ตนพ้นจากเคราะห์ได้ ท�ำการ สวดมนต์แบบไม่เชื่อมั่นเต็มร้อย คือสักแต่ว่าสวดไม่มีความจริงใจ ปัจจัยทั้ง ๓ ประการนี้ แม้มีเพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ท�ำให้การ สวดมนต์ไม่บังเกิดผล ด้วยเหตุดังนี้แล้ว ผู้ที่ต้องการจะสวดมนต์ เพื่อแก้ไขดวงชะตาของตนจ�ำต้องมีองค์ประกอบทั้ง ๓ ประการให้ ครบถ้วน คือ ๑. ต้องหมั่นสร้างความดี ให้ทาน รักษาศีล และเจริญ ภาวนาอย่ า งสม�่ ำ เสมอ อย่ า งน้ อ ยก็ ๑๕ วั น ก่ อ นท�ำการสวด ต้องรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ด้วยความตั้งใจ ๒. ขณะสวดต้องพยายามรักษาจิตให้เป็นสมาธิ ไม่ให้ ความคิดฟุ้งซ่าน ความโลภ ความโกรธ ความหลง เข้ามาครอบง�ำ จิตใจ ให้สวดด้วยจิตที่มีเมตตาไม่คิดเบียดเบียนหรือท�ำร้ายใคร ๓. ต้ อ งมี ค วามเชื่ อ มั่ น ในอานุ ภ าพของพระพุ ท ธเจ้ า พระธรรม พระสงฆ์ มีความเชื่อมั่นในพิ ธีก รรมการสวดมนต์ และเชื่อในพลังอานุภาพของบทสวด และเชื่อมั่นว่าการสวดมนต์ เป็นการท�ำความดี และความดีนี้สามารถช่วยเราให้รอดพ้นจาก เคราะห์ร้ายต่างๆ ได้ หากถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบทั้ง ๓ นี้ เชื่อเหลือเกินว่า การสวดมนต์ของท่านจะบังเกิดผลส�ำเร็จดังที่ใจปรารถนาอย่าง แน่นอน 26
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
สวดบทไหนจึงดี ในการสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ต่อชะตานี้ มีการก�ำหนด บทสวดแตกต่ า งกั น ไปตามแบบฉบั บ ของครู บ าอาจารย์ แ ต่ ล ะ ท่ า น ในหนั ง สื อ เล่ ม นี้ ได้ ยึ ด รู ป แบบการสวดตามแบบของ พระเดชพระคุ ณ พระมงคลโมลี (วิ ) (หลวงพ่ อ บุ ญ โสภโณ) วั ด ทุ ่ ง เหี ย ง ต.หมอนนาง อ.พนั ส นิ ค ม จ.ชลบุ รี ซึ่ ง พระเดช พระคุ ณ หลวงพ่ อ ได้ มี เ มตตามอบต้ น ฉบั บ หนั ง สื อ “บทสวด นพเคราะห์ สืบดวงชะตา” ซึ่งจัดพิมพ์เนื่องในวันฉลองครบรอบ อายุ ๖๕ ปีของหลวงพ่อ ในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ ให้กับ คุณไชยภัทร แก้วนิล เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ให้มาจัดพิมพ์ เผยแผ่ เ พื่ อ ให้ ส าธุ ช นได้ ส วดกั น อย่ า งแพร่ ห ลาย ซึ่ ง รู ป แบบ การสวดนพเคราะห์นี้เป็นของเก่า และหลวงพ่อได้ใช้เป็นแบบ ในการพาญาติโยมสวดมนต์ข้ามปีมาอย่างยาวนานก่อนที่จะมี กระแสการสวดมนต์ข้ามปีในปัจจุบันนี้เสียอีก บทสวดตามรูปแบบของพระเดชพระคุณ พระมงคลโมลี (วิ) ท่ า นก�ำหนดไว้ เ ดิ ม มี ๑๙ บทด้ ว ยกั น ภายหลั ง เพิ่ ม เติ ม บท ธารณปริ ต ร และบทอิ ติ ป ิ โ สรั ต นมาลาเข้ า มาด้ ว ย รวมเป็ น ๒๑ บท และเพื่ อ ให้ ห นั ง สื อ มี ค วามสมบู ร ณ์ ยิ่ ง ขึ้ น ผู ้ เขี ย นได้ เพิ่ ม บทแผ่ เ มตตาให้ ต นเอง บทแผ่ เ มตตาให้ ส รรพสั ต ว์ และ บทอุทิศบุญ อธิษฐานบุญ เข้ามาด้วย ตามล�ำดับที่น�ำเสนอไว้ ในหนังสือเล่มนี้แล้ว ซึ่งทุกบทที่น�ำมาสวดล้วนเป็นบทสวดที่มี พลังอานุภาพในอันที่จะขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง และ สร้างเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
27
ณ โอกาสบัดนี้ ขอเชิญท่านทั้งหลายจงตั้งจิตให้แน่วแน่ ร�ำลึกถึง คุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า
ยังจิตของตนให้เป็นสมาธิ อย่าได้ฟุ้งซ่าน และจงสวดพระพุทธมนต์ ด้วยจิตที่เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา ตามล�ำดับเถิด
๑. บทนมัสการพระพุทธเจ้า
เป็นบทสวดแสดงความเคารพต่อองค์พระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งขณะสวดจบแรก ให้ผู้สวดร�ำลึกถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ได้ เคยตรัสรู้มาแล้วในโลก, เมื่อสวดจบที่สอง ให้ร�ำลึกถึงพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ที่เกิดขึ้นในภัทรกัปนี้ ได้แก่ พระกกุสันโธ พระโกนาคมโน พระกัสสโป พระโคตโม รวมถึงพระศรีอาริยเมตไตรย ที่จะ เสด็จอุบัติขึ้นในอนาคตด้วย, เมื่อสวดจบที่สาม ให้ร�ำลึกถึงคุณ ของพระพุทธเจ้าของเรานี้ การน้อมจิตระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า แม้เพียงชั่วครู่ย่อมเกิดสิริมงคลมหาศาลยิ่ง ขอทุกท่านน้อมจิตกล่าวค�ำนมัสการ ด้วยจิตศรัทธาดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ.
๒. บทไตรสรณคมน์ เป็นบทสวดแสดงตนยอมรับเอาพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์เป็นที่พึ่งตลอดชีวิต ถือเป็นบทปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ อย่างแท้จริง ขณะสวดพึงสวดด้วยความตั้งใจประหนึ่งว่าตนก�ำลัง สวดบทนี้ต่อพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า มีอานิสงส์ยังจิต ให้ยึดมั่นแน่วแน่ในความเป็นพุทธศาสนิกชนและจักได้รับการ คุ้มครองจากพระรัตนตรัย 30
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
พุทธัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ. ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ. สังฆัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ. ทุติยัมปิ พุทธัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ. ทุติยัมปิ ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ. ทุติยัมปิ สังฆัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ. ตะติยัมปิ พุทธัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ. ตะติยัมปิ ธัมมัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ. ตะติยัมปิ สังฆัง อายุวัฑฒะนัง เม* ชีวิตัง ยาวะ นิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ.
* ถ้าสวดให้ผู้อื่น เปลี่ยน เม (แก่เรา) เป็น เต (แก่ท่าน) สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
31
๓. บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย เป็ น บทสวดสรรเสริ ญ คุ ณ ของพระพุ ท ธเจ้ า ๙ ประการ คุณของพระธรรม ๖ ประการ และคุณของพระสงฆ์ ๙ ประการ อานิสงส์ของบทสวดนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในธชัคคสูตรว่า เป็น บทสวดป้องกันภัย และขจัดความสะดุ้งหวาดกลัวต่างๆ ก่อให้เกิด ความอาจหาญในการท�ำความดี ขณะสวดพึงยังใจให้เกิดความ เลื่ อ มใสในพระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้ ว ยการระลึ ก ถึ ง คุณความดีที่มีในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยไร้ข้อสงสัย
ÍÔµÔ»Ô âÊ ÀФÐÇÒ ÍÐÃÐËѧ ÊÑÁÁÒÊÑÁ¾Øท⸠ÇÔªªÒ¨ÐÃгÐÊÑÁ»Ñ¹â¹ ÊؤÐâµ âÅ¡ÐÇÔทÙ ÍйصµÐâà »ØÃÔÊÐทÑÁÁÐÊÒÃÐ¶Ô Êѵ¶Ò àทÇÐÁйØÊÊҹѧ ¾Øท⸠ÀФÐÇÒµÔ Ï ÊîÇÒ¡¢Òâµ ÀФÐÇÐµÒ ¸ÑÁâÁ ÊѹทÔ¯°Ôâ¡ ÍСÒÅÔâ¡ àÍËÔ»ÑÊÊÔâ¡ âͻйÐÂÔâ¡ »Ñ¨¨ÑµµÑ§ àÇทԵѾ⾠ÇÔญญÙËÕµÔ* Ï ÊػЯԻѹ⹠ÀФÐÇÐâµ ÊÒÇСÐÊѧ⦠ÍتػЯԻѹ⹠ÀФÐÇÐâµ ÊÒÇСÐÊѧ⦠ญÒÂлЯԻѹ⹠ÀФÐÇÐâµ ÊÒÇСÐÊѧ⦠ÊÒÁըԻЯԻѹ⹠ÀФÐÇÐâµ ÊÒÇСÐÊѧ⦠ÂÐทÔ ทѧ ¨ÑµµÒÃÔ »ØÃÔÊÐÂØ¤Ò¹Ô Íѯ°Ð»ØÃÔÊлؤ¤ÐÅÒ àÍÊÐ ÀФÐÇÐâµ ÊÒÇСÐÊѧ⦠ÍÒËØà¹Ââ »ÒËØà¹Ââ ท¡Ñ ¢àÔ ³Ââ ÍÑญªÐÅิ¡ÐÃгÕâ ÍйصµÐÃѧ »ØญญѡࢵµÑ§ âÅ¡ÑÊÊÒµÔ Ï * อ่านว่า วิญญูฮีติ
32
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี
๔. บทชัยมงคลคาถา เป็นบทสวดสรรเสริญชัยชนะของพระพุทธเจ้าที่มีต่ออริชน คนพาลทั้งหลาย ทั้งหมดมี ๘ วรรค ๘ เหตุการณ์ด้วยกัน คือ ทรงเอาชนะพญามารด้ ว ยพระบารมี ๓๐ ทั ศ , ทรงเอาชนะ อวฬกยักษ์ที่ดุร้ายด้วยขันติธรรม คือความอดทน, ทรงเอาชนะ ช้างตกมันด้วยเมตตา, ทรงเอาชนะขุนโจรองคุลิมาลด้วยฤทธิ์, ทรงเอาชนะการถูกใส่ร้ายด้วยความสงบ, ทรงเอาชนะคนอวดดี ด้วยปัญญา, ทรงเอาชนะพรหมที่เห็นผิดด้วยการชี้แจงให้เห็น ความจริง, ผู้ที่สวดบทนี้ย่อมได้รับอานิสงส์คือมีชัยชนะเหนือ สิ่งเลวร้ายทั้งปวง
๑) ¾ÒËا ÊÐËÑÊÊÐÁÐÀÔ¹ÔÁÁÔµÐÊÒÇظѹµÑ§ ¤îÃÕàÁ¢ÐÅѧ ÍØทÔµÐâ¦ÃÐÊÐàʹÐÁÒÃѧ ทÒ¹ÒทÔ¸ÑÁÁÐÇÔ¸Ô¹Ò ªÔµÐÇÒ ÁعԹâท µÑ¹àµªÐÊÒ ÀÐÇÐµØ àÁ* ªÐÂÐÁѧ¤ÐÅÒ¹Ô Ï ๒) ÁÒÃÒµÔàáÐÁÐÀÔÂت¬ÔµÐÊѾ¾ÐÃѵµÔ§ â¦ÃÑÁ»Ð¹ÒÌÐÇСÐÁÑ¡¢ÐÁжÑท¸ÐÂÑ¡¢Ñ§ ¢Ñ¹µÕÊØทѹµÐÇÔ¸Ô¹Ò ªÔµÐÇÒ ÁعԹâท µÑ¹àµªÐÊÒ ÀÐÇÐµØ àÁ* ªÐÂÐÁѧ¤ÐÅÒ¹Ô Ï * ถ้าสวดให้ผู้อื่น เปลี่ยน เม (แก่เรา) เป็น เต (แก่ท่าน) สำ�นักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
33
๓) ¹ÒÌÒ¤ÔÃÔ§ ¤ÐªÐÇÐÃѧ ÍеÔÁѵµÐÀٵѧ ทÒÇѤ¤Ô¨Ñ¡¡ÐÁÐÊйÕÇÐ ÊØทÒÃسѹµÑ§ àÁµµÑÁ¾ØàÊ¡ÐÇÔ¸Ô¹Ò ªÔµÐÇÒ ÁعԹâท µÑ¹àµªÐÊÒ ÀÐÇÐµØ àÁ* ªÐÂÐÁѧ¤ÐÅÒ¹Ô Ï ๔) ÍØ¡¢ÔµµÐ¢Ñ¤¤ÐÁеÔËѵ¶ÐÊØทÒÃسѹµÑ§ ¸ÒÇѹµÔâªйлжѧ¤ØÅÔÁÒÅÐÇѹµÑ§ ÍÔท¸ÕÀÔÊѧ¢ÐµÐÁÐâ¹ ªÔµÐÇÒ ÁعԹâท µÑ¹àµªÐÊÒ ÀÐÇÐµØ àÁ* ªÐÂÐÁѧ¤ÐÅÒ¹Ô Ï ๕) ¡ÑµîÇҹР¡Ñ¯°ÐÁØทÐÃѧ ÍÔÇÐ ¤Ñ¾ÀÔ¹ÕÂÒ ¨Ôญ¨ÒÂÐ ทد°ÐÇШйѧ ªÐ¹Ð¡ÒÂÐÁѪଠÊѹ൹РâÊÁÐÇÔ¸Ô¹Ò ªÔµÐÇÒ ÁعԹâท µÑ¹àµªÐÊÒ ÀÐÇÐµØ àÁ* ªÐÂÐÁѧ¤ÐÅÒ¹Ô Ï ๖) ÊѨ¨Ñ§ ÇÔËÒÂÐ ÁеÔÊѨ¨Ð¡ÐÇÒทÐࡵا ÇÒทÒÀÔâûԵÐÁйѧ ÍеÔÍѹ¸ÐÀٵѧ »ÑญญÒ»ÐทջЪÐÅÔâµ ªÔµÐÇÒ ÁعԹâท µÑ¹àµªÐÊÒ ÀÐÇÐµØ àÁ* ªÐÂÐÁѧ¤ÐÅÒ¹Ô Ï * ถ้าสวดให้ผู้อื่น เปลี่ยน เม (แก่เรา) เป็น เต (แก่ท่าน)
34
สวดมนต์นพเคราะห์ ต่อชะตา เสริมบารมี