อโรคยา คาถารักษาโรค

Page 1



บรรณาธิการ/เรียบเรียง : ศักดิส์ ทิ ธิ์ พันธุส์ ตั ย์ บรรณาธิการศิลปะ : อนุชติ คำซองเมือง พิสูจน์อักษร : อรัญ มีพันธ์/อรทัย คำแพง ออกแบบปก/รูปเล่ม : ธิติ สัคคะวัฒนะ


เสียงบุญจากผู้พิมพ์หนังสือแจกเป็นธรรมทาน

ปกติผมสวดมนต์บทคาถาเมตตาใหญ่ทุกคืน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมมีปัญหา และได้เจอคนคนหนึ่ง เขาก็ให้ท่องพระคาถาเมตตาใหญ่ทุกๆ วัน เมื่อครบ ๓ เดือน ทุกอย่างจะดีขึ้น และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมจึงพิมพ์คาถานี้ให้ พ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนที่สนิทท่อง และก่อนหน้านี้ผมเคยอยากพิมพ์หนังสือสวดมนต์ แจกอยู่แล้ว พอได้มาท่องคาถานี้ และเปิดเว็บไซต์เจอว่ามีเป็นรูปเล่มหนังสือแจก ฟรี จึงสนใจอย่างมากในการเผยแพร่คาถานี้เพื่อเป็นธรรมทานแก่มนุษย์ ภาวัต รู้จักหนังสือเรื่อง สุขใจในยามป่วย เมื่อประมาณ ๒ เดือนที่แล้ว ตอนนั้น คุณแม่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบ หนังสือเล่มนี้ที่ 7-11 เห็นชื่อหนังสือและหน้าปกสะดุดตา น่าสนใจก็เลยซื้อมาให้ คุณแม่อ่านระหว่างที่อยู่โรงพยาบาล จากนั้นก็คุยกับคุณแม่ว่าเราพิมพ์หนังสือ ธรรมะแจกกันดีไหม แล้วก็ชวนเพื่อนๆ มาร่วมพิมพ์ด้วยกันคะ สิ่งที่สนใจใน หนังสือคือมีคำสอนจากท่านพุทะทาส มีเกร็ดความรู้อื่นๆ ด้วย เช่น สมุนไพร หรือวิธีกดจุดรักษาโรคต่างๆ และอีกอย่างขนาดตัวอักษรตัวโต ผู้สูงอายุอ่านได้ สะดวก การบริการของสำนักพิมพ์ดีมากคะ มีช่องทางติดต่อหลากหลาย เว็บไซต์ ดีมาก ให้รายละเอียดดี การประสานงานรวดเร็วค่ะ พี่จิตติมา (ปู)

วิธีใช้หนังสือเล่มนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๑. ตระหนักในคุณค่าของหนังสือ ว่านี่คือบ่อเกิดแห่งปัญญาบารมี ๒. ค่อยๆ อ่าน ค่อย ๆ คิด ใช้สติพิจารณาจนเกิดความรู้ความเข้าใจ ๓. นำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประวัน ๔. หมัน่ ทบทวนหมัน่ คิด หมัน่ ประยุกต์ใช้บอ่ ยๆ เกิดความชำนาญ ปัญหาเกิดแก้ไขได้ทนั ที ๕. หากหนังสือเล่มนี้ หมดประโยชน์กับท่านแล้ว กรุณาส่งต่อให้กับผู้อื่น เพื่อเปิดโอกาส

ให้เขาได้พอกพูนความรู้และสั่งสมทานบารมีแก่ตน


คำนำ

ตำรายาสมุนไพรและการใช้มนต์คาถารักษาโรคที่ปรากฏใน หนังสือเล่มนี้ ได้รับการถ่ายทอดจากคุณพ่อเที่ยง ชะนะรัง เมื่อครั้ง

ผู้เขียน พร้อมคุณมณฑน์จิตต์เกษม จงพิพัฒน์ยิ่ง ผู้อำนวยการสำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ พร้อมคณะได้เดินทางไปที่อำเภอ

ท่าแซะ จังหวัดชุมพร พร้อมบุตรชายของพ่อเที่ยง คือคุณสาธร ชะนะรัง ในช่วงเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ ในการไปครั้งนั้นมีเป้าหมายเพื่อเก็บข้อมูล ตำรายาสมุนไพร ตลอดถึงการใช้มนต์คาถาในการรักษาโรค ซึ่งเป็น

ภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าที่พ่อเที่ยงได้รับการถ่ายทอดเป็นมรดกจากรุ่น

ปู่ยาตาทวด โดยเจตนาหวังจะรักษาและสืบต่อภูมิปัญญาดังกล่าวไม่ให้ สูญหายไป เพราะคงน่าเสียดายหากปล่อยให้สูญสลายไปตามกาลเวลา ตำรายาสมุนไพร รวมถึงมนต์คาถาที่กล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้ เป็นตำราที่พ่อเที่ยงยังใช้รักษาลูกหลานและคนในหมู่บ้านอย่างได้ผล

ในปัจจุบัน นั่นหมายความว่าตำรายาสมุนไพรและมนต์คาถาที่ผู้เขียน

นำมากล่าวไว้ในหนังสือเล่มนี้สามารถนำไปใช้ได้ผลจริงแน่นอน ความดีที่เกิดจากหนังสือเล่มนี้ ขอยกให้คุณพ่อเที่ยง ชะนะรัง ตลอดถึงครูบาอาจารย์ผู้เป็นต้นแห่งความรู้และขีดเขียนตำรับตำราและ ครูบาอาจารย์ผู้สืบทอด ถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวสืบต่อๆ กันมาจนถึง ปัจจุบัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จักเอื้อประโยชน์ให้ทุกท่านได้ เป็นอย่างดี โปรดใช้เล่มนี้ให้คุ้มสุดคุ้ม & อ่านแล้ว -> แบ่งกันอ่านหลายท่านนะจ๊ะ

อ่านสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝึกฝนปัญญา พัฒนาการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช้ เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สงบ เย็น สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ปรารถนาให้ทุกครอบครัวมีความสุข


ตำราเก่าอนุสรณ์อันทรงคุณค่ายิ่ง

พ่อเที่ยง ชะนะรัง ผู้เฒ่าวัย ๘๐ กว่าปี ท่าทางสุขุมลุ่มลึก จริงจัง อารมณ์ดี ยิ้มง่าย พูดคุยสนุก และมีความจำเป็นเลิศ สามารถท่องจำ สูตรยาและมนต์คาถาต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่มีผิดเพี้ยน ทำเอา มหาเปรียญเก่าอย่างผู้เขียนที่บวชเรียนมาเกือบ ๑๕ ปี ต้องยอมรับ นับถือ พ่อเที่ยงเล่าให้ฟังว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้ท่านอายุยืนและมีความ จำเป็นเลิศ คือ ท่านถือศีลข้อ ๕ ไม่เคยดื่มสุราหรือข้องเกี่ยวกับของ มึนเมาเลยตั้งแต่สมัยเป็นหนุ่มกระทั่งปัจจุบัน ส่วนหนึ่งมาจากการได้ อยู่กับสิ่งแวดล้อมที่ดี อากาศบริสุทธิ์ไร้มลภาวะ และสิ่งที่พ่อเที่ยงทำมา โดยตลอดนับแต่ออกบวชเป็นศิษย์หลวงปู่สงฆ์ จนฺทสโร แห่งวัดแก้วฟ้า ศาลาลอย ก็คือ การสวดมนต์และเจริญภาวนาก่อนนอนทุกคืน ผู้ที่สวดมนต์ภาวนาติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี จะทำให้มี กำลังใจที่เข้มแข็ง สามารถขจัดภาวะความเครียดจากปัญหาต่างๆ ได้ดี คือจิตใจมีภูมิคุ้มกันทุกข์ได้ดี อารมณ์ดีจิตเบิกบาน ไม่โกรธง่าย ความจำ ดี มีเมตตา เป็นที่รักของลูกหลานด้วย และที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นคือ ลูกหลาน ของพ่อเที่ยงมีความจำดี เรียนเก่งกันทุกคน นี่ ก็ เ ป็ น อานิ ส งส์ แ ห่ ง การเจริ ญ ภาวนาของ

พ่ อ เที่ ย งซึ่ ง ส่ ง ผลมาถึ ง ลู ก หลาน ที่ ส ำคั ญ

ลูกหลานของพ่อเที่ยงทุกคนล้วนแต่เป็นคนดี

มีความกตัญญูกตเวทีและประสบความสำเร็จ พ่อเที่ยง ชะนะรัง 4

อโรคยา คาถารักษาโรค


ในห้ อ งพระของพ่ อ เที่ ย ง นอกจากจะมีพระพุทธรูป รูปภาพของ ปู่เจ้าสงฆ์ จนฺทสโร ครูบาอาจารย์ที่ เคารพยิ่ ง แล้ ว ยั ง มี ต ำรั บ ตำราสมุ น ไพร โหราศาสตร์ มนต์คาถาและอืน่ ๆ อีกมากมายที่ห่อเก็บรักษาไว้อย่างดี วางไว้บนพานเพื่อกราบไหว้บูชาอัน เป็ น การน้ อ มระลึ ก ถึ ง ความดี แ ละ แสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีที่มี ต่อครูบาอาจารย์ผู้เป็นเจ้าของตำรา และผูป้ ระสิทธิป์ ระสาทวิชาความรูแ้ ก่ตน ห้องพระที่บ้านพ่อเที่ยง เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นตำราเก่าวางอยู่บนพานที่โต๊ะหมู่บูชาครั้งแรก ทำให้ข้าพเจ้ารับรู้ถึงความเคารพ ความกตัญญูกตเวทีของพ่อเที่ยงที่มีต่อ ครูอาจารย์ และไม่แปลกใจเลยที่บรรดาลูกหลานของท่านทุกคนต่างก็ ยึดมั่นในความกตัญญูกตเวทีเป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะได้รับอุปนิสัยอันดี งามนี้ ม าจากพ่ อ เที่ ย งนั่ น เอง ซึ่ ง ทำให้ ข้ า พเจ้ า นึ ก ถึ ง คำของพระเดช พระคุณ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ิตธมฺโม) แห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ที่ท่านกล่าวไว้ว่า

“พ่ อ แม่ อ ยากให้ ลู ก ดี ต้ อ งทำดี ใ ห้ ลู ก ดู อยากให้ ลู ก กตั ญ ญู ก็ ต้ อ งกตั ญ ญู ใ ห้ ลู ก เห็ น ” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 5


มองข้ามภูมิปัญญา หลายปัญหาก่อเกิด

พ่อเที่ยงพูดเปรยให้ฟังว่า “ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลง ไปจากเดิมมาก จากที่เคยใช้ชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยตนเองเป็นหลัก ทำนา ทำไร่ทำสวนปลูกผักกินเอง กุ้งหอยปูปลาหาเอาตามลำคลอง แม้ในยาม เจ็บป่วยก็ดูแลรักษากันเองด้วยยาสมุนไพร แต่ทุกวันนี้ทุกอย่างหาได้ ตามร้านค้า อยากกินอยากได้อะไร มีเงินอย่างเดียวก็หาซื้อได้ แม้ยาม เจ็ บ ป่ ว ยก็ ใช้ เ งิ น เข้ า โรงพยาบาล ทั้ ง ที่ โรคบางอย่ า งสามารถรั ก ษา

ให้หายได้ด้วยสมุนไพรรอบบ้านก็ตาม” ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับคำพูดของพ่อเที่ยง วิถีชีวิตของคนปัจจุบัน ไม่ว่าที่ไหนต่างให้ความสำคัญกับเงิน อยากได้อะไรก็ใช้เงินซื้อมา นับ ตั้งแต่ทีวี โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ซึ่งบางครั้งแม้เป็นหนี้ก็ไม่เป็นไร ขอให้ ได้มีเท่าเทียมหรือเหนือกว่าคนอื่นเขาก็พอ ทำให้ต้องเป็นทาสของระบบ บริโภคนิยมและสูญเสียวิถีชีวิตแบบพึ่งพาตนเองไปโดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจมองว่าวิถชี วี ติ แบบพึง่ พาตนเองอย่างพ่อเทีย่ งนัน้ เป็นวิถชี วี ติ ทีล่ า้ สมัย ไม่โก้หรู และพยายามตีตวั ออกห่าง กระทัง่ ลูกหลาน ก็ไม่ได้ใส่ใจทีจ่ ะสืบทอด สิ่งที่พ่อเที่ยงเป็นห่วงคือวิชา ความรู้ที่เป็นมรดกล้ำค่าจะสูญหาย เพราะไม่มีผู้สืบทอด แต่สิ่งที่ข้าพเจ้า เป็ น ห่ ว งและรู้ สึ ก เสี ย ดายมากกว่ า คือวิถีชีวิตแห่งการสร้างคนให้เป็น คนดีด้วยระบบคุณธรรมจริยธรรม คุณยายพาหลานอ่านหนังสือธรรมะ ในครอบครัว ที่มีผู้พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน 6

อโรคยา คาถารักษาโรค


ดังนั้น หากมองในมุมที่กล่าวมา คนรุ่นใหม่ในสังคมบริโภคนิยมนี้ กำลังหลงลืม ละทิง้ และสูญเสียสิง่ ล้ำค่าทีส่ ำคัญ ๒ อย่างไปพร้อมๆ กัน คือ ๑. องค์ความรู้ในระดับที่เป็นภูมิปัญญา อันเป็นมรดกตกทอด มาจากบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นรากเหง้าของคนยุคปัจจุบัน อาทิ การรักษา โรคด้วยสมุนไพร การใช้มนต์คาถารักษาโรค ตลอดถึงวิถีการดำรงชีวิต อยู่กับธรรมชาติ การเคารพธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้กำลังจะเลือนหายไป

ในอนาคตอันใกล้นี้เราคงไม่พบภาพที่คุณปู่เป่ากระหม่อมให้หลานด้วย บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ในยามที่ไม่สบาย หรือใช้เนื้อหมูสับผสม กำมะถันรักษาฟันผุอีกต่อไป เพราะคนเราจะหันไปพึ่งโรงพยาบาลกัน หมด ๒. ระบบการปลู ก ฝั ง คุ ณ ธรรมจริ ย ธรรมภายในครอบครั ว ปั จ จุ บั น สั ง คมไทยกำลั ง ประสบกั บ ความวุ่ น วายต่ า งๆ อาทิ ปั ญ หา ยาเสพติด เยาวชนติดเกม การหย่าร้าง ทำแท้ง เหล่านี้เป็นผลสืบเนื่อง มาจากขาดการอบรมคุ ณ ธรรมจริ ย ธรรมในครอบครั ว คนสมั ย ก่ อ น

ตกเย็ น พาลู ก สวดมนต์ เจริ ญ ภาวนา

วันโกนวันพระ พาลูกเข้าวัดฟังธรรม ทำให้ เด็กได้รับการอบรมขัดเกลาตั้งแต่เยาว์วัย ครั้นโตขึ้นก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดี ต่างจากปัจจุบัน ที่ค่ำมาพ่อแม่พาลูกหลานดูละครน้ำเน่า

ที่ มี แ ต่ ค ำด่ า ทอ ทุ บ ตี ท ำร้ า ย แก่ ง แย่ ง

ชิงคู่นอนกัน หรือไม่ก็พากันเล่นเกมทาง อินเตอร์เน็ต ดูภาพที่ล่อตาล่อใจชักนำไป ในทางที่ผิดๆ ไกลจากธรรม ทำให้สังคม คุณย่าพาหลานเข้าวัดใกล้ชิดธรรม ณ วัดแก้วฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร เดือดร้อนวุ่นวายและเป็นทุกข์ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 7


ภูมิปัญญาในการรักษาโรคมีทุกท้องถิ่น องค์ ค วามรู้ ที่ เ ป็ น ภู มิ ปั ญ ญาชาวบ้ า น ที่ เ น้ น การพึ่ ง พาอาศั ย ตนเองนั้ น มี ห ลายรู ป แบบแตกต่ า งกั น ไป ขึ้ น อยู่ กั บ สภาพแวดล้ อ ม ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี ความเชื่อของคนในแต่ละท้องถิ่น ดังจะ เห็นได้จากประเทศไทยในแต่ละภาค แต่ละจังหวัดมีองค์ความรู้ที่เป็น

ภู มิ ปั ญ ญาแตกต่ า งกั น ไป เช่ น บางจั ง หวั ด เด่ น ด้ า นการปั้ น โอ่ ง บาง จังหวัดเด่นด้านทอผ้าไหม บางจังหวัดเด่นด้านทำมีด เป็นต้น ถึงแม้แต่ละท้องที่จะมีความโดดเด่นแตกต่างกัน แต่มีภูมิปัญญา อย่างหนึ่งที่ถือได้ว่ามีเกือบในทุกท้องถิ่นนั่นคือ การรักษาโรค ไม่ว่าจะไป ท้องถิ่นใด เราก็จะได้รับข้อมูลหรือความรู้แปลกใหม่จากชาวบ้านอยู่ เสมอ โดยเฉพาะการใช้สมุนไพร ดังเช่นครั้งหนึ่งข้าพเจ้ากลับไปเยี่ยม บ้าน เกิดอาการท้องเสียเทียวเข้า ห้องน้ำหลายครั้ง พ่อได้นำใบฝรั่ง กับยอดฟ้าทะลายโจรมาต้มน้ำให้ ดื่ม ช่วยให้อาการท้องเสียดีขึ้น การรักษาโรคนั้นนอกจาก จะใช้ ส มุ น ไพรแล้ ว ยั ง มี วิ ธี ก าร รักษาอีกหลายรูปแบบ เช่น การ ใช้มนต์คาถา การนวด การกดจุด และการฝังเข็ม เป็นต้น กาบมะพร้าวเผาไฟ ยากันยุงแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน

8

อโรคยา คาถารักษาโรค


ของเก่าบางอย่างยังทรงคุณค่าเสมอ ภูมิปัญญาเหล่านี้ทำให้คนรุ่นเก่าเอาตัวรอดมาได้จวบจนถึงยุค ของพวกเรา เพราะการแพทย์ แ ผนปั จ จุ บั น ในสมั ย ก่ อ นยั ง ไม่ เจริ ญ ก้าวหน้าอย่างเช่นทุกวันนี้ จะเดินทางไปหาหมอแต่ละครั้งก็แสนลำบาก ถ้าไม่เจ็บป่วยขั้นรุนแรงหรือหมดทางรักษาจริงๆ คนสมัยก่อนจะไม่ไปหา หมอกัน จะพึ่งพาอาศัยหมอพื้นบ้าน หรือถ้าไม่หนักหนาสาหัสพอที่จะ รักษาตัวเองได้ก็หายาสมุนไพรรักษากันเอง ช่วยประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย และไม่ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาแผนปัจจุบัน ซึ่งมักมี ผลต่อไตหรือเกิดอาการแพ้ยาได้ ดังทีพ่ อ่ เทีย่ งได้กล่าวไว้วา่

“ยาหลวงมันเป็นยาประเภทบังคับให้หาย ซึ่งใช้นานไปจะมีผลข้างเคียง เฉพาะยาที่มีฤทธิ์แรงจะทำให้ไตเสื่อมได้ ไม่เหมือนยาสมุนไพร ใช้แล้วปลอดภัยกว่า ไม่มีสารตกค้าง” โดยเฉพาะโรคบางอย่างที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่อาจวินิจฉัยหรือ รักษาให้หายได้ แต่หมอพื้นบ้านกลับรู้จักโรคนั้นดีและรักษาให้หายได้ อย่างง่ายดาย เช่น โรคไฟลามทุ่ง หรืองูสวัด คนทั่วไปโดยเฉพาะคนต่าง จังหวัดจะรู้ว่าไปหาหมอที่โรงพยาบาลจะหายช้า ต้องไปหาหมอพื้นบ้าน ที่รักษาด้วยการเป่าจะหายเร็วกว่า เป็นต้น บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 9


หรืออย่างเมื่อเร็วๆ นี้ผู้เขียนได้คุยกับญาติท่านหนึ่งของอาจารย์ วันนา มากมาย๑ เป็นคนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีความชำนาญในเรื่องการ ใช้มนต์คาถารักษาโรค ท่านเล่าว่า ตัวท่านเคยใช้คาถาห้ามเลือดเป่าให้ คนที่โดนมีดบาดเกือบนิ้วขาด ทำให้เลือดหยุดไหลและแผลหายดีเกือบ ร้อยเปอร์เซ็นในทันที และพ่อเที่ยงเองก็ได้พูดถึงวิธีการรักษาฝีที่ท่านเคยใช้ได้ผลมา แล้วว่า ถ้าเริม่ เป็นฝีให้ใช้ปนู ทีก่ นิ กับหมาก ผสมกับเหล้าทาบริเวณทีเ่ ป็นฝี ขณะที่ทาให้บริกรรมคาถาสัพพาสี หรือบริกรรมคาถาหัวใจโพชฌงค์ ๗ เป่า ไม่เกิน ๓ วัน๒ ฝีจะยุบ มนต์คาถาที่ใช้ในการห้ามเลือดก็ดี หรือวิธีรักษาฝีของพ่อเที่ยง

ก็ ดี คนสมั ย ใหม่ อ ย่ า งเราฟั ง แล้ ว คงไม่ เชื่ อ ว่ า จะใช้ ไ ด้ ผ ล แต่ ส ำหรั บ

ชาวบ้านทั่วไป เขาเห็นจนชินตาและถือเป็นเรื่องธรรมดา จะเห็นได้ว่า บรรพบุรุษของเรานั้นมีความสามารถอย่างยิ่ง ที่ สามารถคิดค้นการใช้สมุนไพรรักษาโรคแต่ละชนิดอย่างได้ผล โดยเฉพาะ การรักษาโรคด้วยมนต์คาถา ซึ่งเป็นศาสตร์ลึกลับแต่ใช้ได้ผลจริง ความ สามารถเหล่ า นี้ เ ป็ น สิ่ ง ที่ ค นรุ่ น ใหม่ อ ย่ า งเราควรภู มิ ใจและสื บ สานไว้ มากกว่าจะคิดดูหมิ่นไม่ใช่หรือ

หนังสือส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้สงบสุข ยามสำนึกผิดคิดถึงกรรมชั่วที่เคยหลวมตัวทำ หนังสือเล่มนี้ช่วยท่านได้ ยามอยากแนะนำให้ผู้อื่นทำกรรมดี อ่านแล้วอย่าลืมสั่งสมบุญ เพิ่มบุญเพื่อลดกรรมร้ายขยายกรรมดี ๑ พนักงานฝ่ายสร้างสรรค์เว็บไซต์ สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง ๒

ดูรายละเอียดหน้า ๓๙ 10

อโรคยา คาถารักษาโรค


ตำราปรับสมดุลธาตุ

ตำราปรับสมดุลธาตุนี้ ได้รับการถ่ายทอดจากพ่อเที่ยง ชะนะรัง ซึ่งเป็นตำราที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกๆ คน กล่าวคือ ร่างกาย ของเรานี้พระพุทธเจ้าตรัสว่าประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม

ดิน ไฟ

ร่างกาย

น้ำ

ลม ธาตุดิน ได้แก่ อวัยวะส่วนต่างๆ ทั้งที่มองเห็นภายนอก และ ภายในที่ไม่สามารถมองเห็นได้ อาทิเช่น ผม ขน เล็บ หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ตับ ไต ไส้ กระเพาะ หัวใจ ปอด ม้าม เส้นเอ็น ฟัน ลิ้น เป็นต้น บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 11


ธาตุ น้ ำ ได้แก่ ส่วนประกอบที่เป็นน้ำทั้งหมดในร่างกาย มี เลือด น้ำดี เสลด เหงื่อ น้ำลาย น้ำหนอง ปัสสาวะ น้ำมูก น้ำลื่นหล่อข้อ น้ำตา เป็นต้น ธาตุไฟ ได้แก่ ไฟที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น ไฟที่เผาผลาญอาหาร

ให้ย่อย ไฟที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม ธาตุลม ได้แก่ ลมหายใจ ลมที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหว ลมพัด ขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้อล่าง เช่น ลมที่ช่วยขับเคลื่อนอาหารไปตาม ลำไส้ หรือลมที่ช่วยให้หัวใจเต้น สูบฉีดเลือดไปตามเส้นเลือดน้อยใหญ่ เป็นต้น ธาตุทั้ง ๔ นี้ เมื่อมีความสมดุลกันจะทำให้ร่างกายแข็งแรงเป็น ปกติ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แต่ถ้าเมื่อใดธาตุทั้ง ๔ นั้นเสียความสมดุล ร่างกาย ก็จะมีปัญหา เกิดอาการไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้น เหมือนกับเครื่องจักร

ที่อะไหล่ดี ไม่มีอะไรชำรุด เครื่องยนต์ก็ทำงานปกติ แต่ถ้าอะไหล่ตัวใด ตัวหนึ่งเสื่อมสภาพลงไป ก็จะทำให้เครื่องนั้นทำงานติดขัด จนถึงเครื่อง ดับไปเลยก็มี ร่างกายเราก็เช่นเดียวกัน ถ้าธาตุในร่างกายเสียสมดุลไปก็จะทำ ให้ร่างกายมีปัญหา เจ็บไข้ได้ป่วยหนักบ้างน้อยบ้างตามส่วนที่บกพร่อง

เสียธาตุน้ำไปเยอะ ต้องกินยาปรับธาตุแล้วเรา

12 อโรคยา คาถารักษาโรค


ความจำเป็นของการปรับธาตุ พ่อเที่ยงได้อธิบายว่า ตามปกติแล้ว ร่างกายของคนเราประกอบด้วยธาตุ ๔ คือ ดิ น น้ ำ ลม ไฟ ซึ่ ง แต่ ล ะธาตุ จ ะมี ก ำลั ง

แตกต่างกันไปคือ ธาตุดิน ๒๑, ธาตุน้ำ ๑๒, ธาตุลม ๖, ธาตุไฟ ๔, ซึ่งถ้าร่างกายของเรา

มีกำลังธาตุครบตามจำนวนที่กล่าวมานี้ ถือว่า ตำราปรับธาตุที่พ่อเที่ยง ร่างกายมีความสมดุลดี จะไม่เจ็บไข้ได้ป่วย บันทึกด้วยลายมือ แต่ถา้ เมือ่ ใดร่างกายมีกำลังธาตุนอ้ ยกว่าทีก่ ำหนด ระบบต่างๆ ในร่างกาย ก็เสียสมดุลและจะเกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ การที่ ร่ า งกายมี ก ำลั ง ธาตุ ไ ม่ ค รบตามจำนวนปกติ หมอแผน โบราณเรียกอาการนี้ว่า ขาดธาตุ หรือ ธาตุอ่อน อาการขาดธาตุหรือ ธาตุอ่อนนี้ถือว่าเป็นมูลเหตุพื้นฐานของการป่วยด้วยโรคต่างๆ ทั้งหมด ดังนั้น หมอแผนโบราณก่อนที่จะรักษาคนป่วย จึงต้องมีการตรวจเช็ค กำลังธาตุของคนป่วยก่อนว่ามีกำลังธาตุเป็นอย่างไร กำลังธาตุไหนอ่อน มาก อ่อนน้อย จากนั้นจะปรุงยาเพื่อปรับธาตุในร่างกายให้สมดุลก่อน แล้วจึงค่อยทำการรักษาโรคต่อไป พ่ อ เที่ ย งกล่ า วว่ า คนป่ ว ยที่ ไ ด้ รั บ การปรั บ ธาตุ ใ ห้ ส มดุ ล ก่ อ น ทำการรักษา จะทำให้การรักษานั้นได้ผลเร็วและมีประสิทธิผลมากขึ้น คนป่วยที่ไม่ได้รับการปรับธาตุ บางคนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หมอให้ยามารับประทานที่บ้านพอที่จะหายได้แล้วแต่กลับไม่หายขาด หรือเป็นๆ หายๆ อาการเช่นนี้ส่วนหนึ่งมาจากธาตุไม่สมดุลนั่นเอง บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 13


สู ตรคำนวณหาธาตุขาด

อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า การปรับธาตุมีความสำคัญอย่างมาก

ต่อการรักษาคนป่วย เพราะเป็นการปรับสมดุลของร่างกายให้พร้อม ก่อนรักษา ซึ่งจะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น แต่จะทราบได้อย่างไรว่าผู้ป่วยคนนั้นขาดธาตุอะไรและควรจะเพิ่มธาตุ อย่างไร ท่านได้วางหลักของการคำนวณหาธาตุที่ขาดของคนป่วยแต่ละ คนไว้ดังนี้ ๑. ให้เอาอายุของคนป่วยตั้ง แล้วบวกด้วยกำลังของแต่ละธาตุ เช่น ต้องการทราบว่า คนป่วยท่านนั้นขาดธาตุดินไปเท่าไร ก็ให้เอากำลัง ธาตุดินบวก กำลังธาตุดินคือ ๒๑ (กำลังธาตุน้ำคือ ๑๒, กำลังธาตุลมคือ ๖, กำลังธาตุไฟคือ ๔) ๒. เมื่อนำอายุบวกกับกำลังธาตุแล้ว ได้เท่าไรให้เอา ๓ คูณ แล้ว หารด้วย ๗ ได้เศษเท่าไร เศษนั้นจะบอกจำนวนธาตุที่ขาดไป และเป็นตัว กำหนดปริมาณของสมุนไพรที่จะนำมาใช้เพื่อเสริมธาตุ ดังนี้

14 อโรคยา คาถารักษาโรค


เช่น ผู้ป่วยอายุ ๓๕ ปี คิดคำนวณหาธาตุที่ขาดไปได้ ดังนี้ ๑. ธาตุดิน : ให้เอาอายุคือ ๓๕ ตั้ง บวกด้วยกำลังธาตุดินคือ ๒๑, ๓๕+๒๑ = ๕๖, จากนั้นให้เอา ๕๖ X ๓ = ๑๖๘, แล้วเอา ๑๖๘ ตั้งหารด้วย ๗ จะได้เท่ากับ ๒๔ เหลือเศษ ๐, เศษ ๐ ตามตารางข้างต้น บอกว่า ขาดหมด, เท่ากับว่าสูญเสียกำลังธาตุดินไปหมดเลย ซึ่งต้องใช้ ตัวยาสมุนไพรที่ให้กำลังธาตุดินหนัก ๗ บาท/สลึง๑ ๒. ธาตุน้ำ : ก็ให้เอาอายุคือ ๓๕ ตั้ง บวกด้วยกำลังธาตุน้ำคือ ๑๒, ๓๕+๑๒ = ๔๗, จากนั้นให้เอา ๔๗ X ๓ = ๑๔๑, แล้วเอา ๑๔๑ ตั้งหารด้วย ๗ จะได้เท่ากับ ๒๐ เหลือเศษ ๑, เศษ ๑ ตามตารางข้างต้น บอกว่าขาดไป ๖, ก็เท่ากับว่าสูญเสียกำลังธาตุน้ำไป ๖ และต้องใช้ตัวยา สมุนไพรที่ให้กำลังธาตุน้ำหนัก ๖ บาท/สลึง ๓. ธาตุลม : ก็ให้เอาอายุคือ ๓๕ ตั้ง บวกด้วยกำลังธาตุลมคือ

๖, ๓๕+๖ = ๔๑, จากนั้นให้เอา ๔๑ X ๓ = ๑๒๓, แล้วเอา ๑๒๓ ตั้ง หารด้วย ๗ จะเท่ากับ ๑๗ เหลือเศษ ๔, เศษ ๔ ตามตารางข้างต้นบอก ว่าขาดไป ๓, ก็เท่ากับว่าสูญเสียกำลังธาตุลมไป ๓ และต้องใช้ตัวยา

สมุนไพรที่ให้กำลังธาตุลมหนัก ๓ บาท/สลึง ๔. ธาตุไฟ : ก็ให้เอาอายุคือ ๓๕ ตั้ง บวกด้วยกำลังธาตุไฟคือ

๔, ๓๕+๔ = ๓๙, จากนั้นให้เอา ๓๙ X ๓ = ๑๑๗, แล้วเอา ๑๑๗ ตั้ง หารด้วย ๗ จะเท่ากับ ๑๖ เหลือเศษ ๕, เศษ ๕ ตามตารางข้างต้นบอก ว่าขาดไป ๒, ก็เท่ากับว่าสูญเสียกำลังธาตุไฟไป ๒ และต้องใช้ตัวยา

สมุนไพรที่ให้กำลังธาตุไฟหนัก ๒ บาท/สลึง ๑

หนัก ๑ บาท = ๑.๕ กรัม บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 15


ตัวยาสมุนไพรที่ใช้เสริมแต่ละธาตุ

ชะพลู สะค้าน

ธาตุดิน

ธาตุน้ำ ดีปลี

ธาตุลม

เจตมูลเพลิง ธาตุไฟ ตัวยาทั้ง ๔ นี้ เป็นยาสมุนไพรเสริมธาตุแต่ละชนิด กล่าวคือ ชะพลู เป็นยาเสริมกำลังธาตุดิน, สะค้าน เป็นยาเสริมกำลังธาตุน้ำ, ดีปลี เป็นยาเสริมกำลังธาตุลม, เจตมูลเพลิง เป็นยาเสริมกำลังธาตุไฟ, ยาทั้ง ๔ ตัวนี้เป็นตัวยาหลักที่ต้องใช้ในการปรับธาตุ และเมื่อใช้ ต้ อ งใช้ ใ นปริ ม าณที่ พ อเหมาะกั บ อายุ แ ละธาตุ ที่ ข าดไปด้ ว ย โดยคิ ด คำนวณตามสูตรและตารางที่ให้ไว้ในหน้า ๑๔-๑๕ 16

อโรคยา คาถารักษาโรค


เมื่อได้ตัวยาทั้ง ๔ นี้ในปริมาณตามกำหนดแล้ว ให้นำตัวยาอีก ๕ คือ เปลือกมะตูม, หญ้าแห้วหมู, ขิง, พริกไทย ๗ เม็ด, กระเทียม ๗ กลีบ ผสมรวมกันในหม้อขณะที่ผสมคลุกเคล้าตัวยาให้บริกรรมคาถาว่า อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโย ชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ. เติมน้ำพอท่วมตัวยา เสกด้วยคาถาเสกธาตุ ว่า นะ มะ พะ ธะ

๓ จบ จากนั้นต้มให้เดือด ดูว่าเห็นตัวยาออกดีแล้วจึงยกลง กรองเอา น้ำดื่มวันละ ๒ ครั้ง จนกว่าอาการจะค่อยทุเลา ยาปรับธาตุนี้สามารถทานคู่กับยารักษาแผนปัจจุบันอย่างอื่นได้ เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้ปวด เป็นต้น

ข้อควรทราบเกี่ยวกับการปรับธาตุ ๑. ผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า ๓๐ ปี ไม่ต้องใช้สูตรคำนวณหาธาตุ

ตามทีก่ ล่าวไว้ในหน้า ๑๕ ให้ใช้ตวั ยาทัง้ หมดอย่างละเท่าๆ กัน ต้มดืม่ ได้เลย ๒. ตัวยาทั้งหมดหากหาไม่ได้ตามธรรมชาติ สามารถหาซื้อได้ ตามร้านยาสมุนไพรทั่วไป ๓. ยานี้เป็นยาที่ใช้รักษาเฉพาะคน ห้ามใช้ร่วมกัน ยกเว้นผู้ที่มี อายุต่ำกว่า ๓๐ ที่ไม่ได้กำหนดปริมาณตัวยาตามอายุ ๔. เมื่อจะเสกด้วยคาถาให้ตั้งนะโมก่อน ๓ จบ ๕. ห้ามต้มหรือปรุงยานี้ในวันพระ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 17


สูตรยาสมุนไพรรักษาโรคทั่วไป

ตำรายาสมุนไพรที่นำเสนอนี้ เป็นสูตรของพ่อเที่ยงที่ใช้รักษา

ลูกหลานและคนป่วยทั่วไป ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีจึงนำมาบอกต่อ ได้คัด เอาเฉพาะสูตรสมุนไพรทีห่ าได้งา่ ยและเป็นทีร่ จู้ กั กันดีอยูแ่ ล้วคือ

ใบกระท่อม

๑. ยาแก้ท้องเสีย : เคี้ยวใบกระท่อม กั บ เกลื อ มีฤทธิ์ช่ ว ยหยุ ด อาการท้ อ งเสี ย ได้ ชะงั ด นั ก ปริ ม าณที่ รั บ ประทานขึ้ น อยู่ กั บ อาการ แต่ไม่ควรมากเกินไปเพราะจะทำให้ ท้องผูก ๒. ยาแก้เด็กท้องอืด : ใช้ใบพลูที่ใช้ เคี้ยวกับหมาก เลือกเอาใบแก่ๆ นำปูนแดง

ที่ใช้เคี้ยวหมากมาป้าย นำไปลนไฟหรือขยี้ให้ พอมี น้ ำ ติ ด มื อ แล้ ว ลู บ รอบสะดื อ เด็ ก มี สรรพคุณแก้ท้องอืด

ใบพลู

หญ้ายาง

18

๓. ยาถ่าย : ท่านที่มีอาการท้องผูก ไม่ถ่ายมา ๒-๓ วัน จะทำให้มีกลิ่นตัว กลิ่น ปากเหม็น ท่านให้เอาหญ้ายาง (ใบต่างดอก) ๒ ยอด ใส่ เ กลื อ เล็ ก น้ อ ย เคี้ ย วกลื น มี สรรพคุณช่วยให้ขับถ่ายง่าย ถ่ายคล่อง ยานี้ ให้รับประทานตอนบ่ายหรือเย็น จะได้ผลดี

อโรคยา คาถารักษาโรค


เกลือ มะนาว ย่านาง ชบาเลือด ๔. ยาแก้ทอ้ งบิด : ใช้เกลือทีใ่ ส่แกงละลายน้ำหรือผสมกับน้ำปลา ดืม่ ๑ ช้อนโต๊ะ มีสรรพคุณรักษาอาการท้องบิด ถ่ายเป็นมูกเลือดได้ด ี ๕. ยาแก้ปวดฟัน : ใช้ใบมะนาวต้มกับเกลือ อมบ่อยๆ จะช่วย บรรเทาอาการปวดฟันได้ ๖. ยาแก้ฟันผุ : ใช้เนื้อหมูสดกับกำมะถัน ขนาดเท่าเม็ดถั่วแดง อย่างละเท่ากัน สับเข้ากันจนละเอียด แล้วนำไปอุดฟันที่เป็นรู ประมาณ ๓-๔ ครั้ง ครั้งละ ๑-๒ ชั่วโมง อาการปวดฟัน ฟันผุจะหายไป ๗. ยาแก้ร้อนใน : ใช้ใบย่านางต้มเอาน้ำดื่มหรือคั้นเอาน้ำสดๆ ดื่มแทนน้ำ มีสรรพคุณแก้ร้อนในได้ดี ๘. ยาแก้เลือดเสีย : ใช้ชบาเลือดทั้งต้น รวมดอก ใบ ยอด สับ ต้มเอาน้ำดื่ม แก้อาการเลือดเสีย เลือดจาง บำรุงเลือดดี ๙. ยาบำรุงสายตา : ใช้รากเข็มแดง หรือเข็มขาว ต้มกับสาร ส้มดื่ม แก้ตามัว ฝ้าฟางได้ผลดี ๑๐. ยาแก้เบาหวาน : ใช้ต้นหรือกิ่งของมะดัน ตัดเป็นท่อนต้ม เอาน้ำดื่มประจำ แก้โรคเบาหวาน

เข็มแดง

มะดัน

เนื้อหมู

กำมะถัน

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 19


๑๑. ยาแก้ ป วดประจำเดื อ น : ใช้ ใ บ สะเดา ๑ กำมือ ต้มเอาน้ำดื่ม ครั้งละครึ่งแก้ว

มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน สะเดา

๑๒. ยาแก้หวัด : ใช้ฟ้าทะลายโจร ๓-๕ ยอด ต้มหรือชงกับน้ำร้อน ดื่มหรือจิบบ่อยๆ แก้ อาการไอ เจ็บคอ ปวดหัว ตัวร้อน อันเนื่องมาจาก หวัดได้ดี

ฟ้าทะลายโจร

๑๓. ยาแก้ฟกช้ำ : ใช้ใบพลับพลึงย่างไฟ พันบริเวณฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก มีสรรพคุณช่วย บรรเทาอาการฟกช้ำ เคล็ดขัดยอกได้ดี

พลับพลึง

๑๔. ยาแก้ไซนัส : ใช้ใบสดของต้นหนุมานประสานกาย ๑ กำมื อ ต้ ม เอาน้ ำ ดื่ ม หรื อ เคี้ยวกับเกลือ มีสรรพคุณแก้โรคไซนัสได้ดี และยังมี สรรพคุณแก้หวัด หอบ หืด แพ้อากาศ ช้ำในด้วย

หนุมานประสานกาย

๑๕. ยาแก้ริดสีดวงลำไส้ : ใช้สะระแหน่ กับหญ้านมราชสีห์ อย่างละเท่ากัน ต้มเอาน้ำดื่ม

มีสรรพคุณรักษาริดสีดวงลำไส้ดี

สะระแหน่ 20

อโรคยา คาถารักษาโรค


ลิ้นงู ใต้ใบ ต้อยติ่ง นมราชสีห์ ๑๖. ยาแก้เด็กท้องร่วง : ใช้หญ้านมราชสีห์ และหญ้าใต้ใบ อย่างละเท่าๆ กัน ต้มเอาน้ำให้เด็กดื่ม มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการ

ท้องร่วงในเด็กได้ ๑๗. ยาแก้ปากเปื่อย เป็นแผล : ใช้ยางจากหญ้านมราชสีห์ทา ไม่เกิน ๒-๓ ครั้งรับรองหาย ๑๘. ยาแก้ไข้มาลาเรีย : ใช้หญ้าใต้ใบสด ประมาณ ๑ กำมือ ใส่ น้ำ ๓ ส่วน ต้มให้เหลือ ๑ ส่วนกรองเอาน้ำดื่ม หรือนำหญ้าใต้ใบสด ๑ กำมือตำผสมกับเหล้าขาว คั้นเอาน้ำให้ได้ครึ่งแก้ว ดื่ม มีสรรพคุณรักษา ไข้มาลาเรีย ๑๙. ยาแก้ไตอักเสบ : ใช้หญ้าใต้ใบประมาณ ๓-๔ กำมือ ใส่น้ำ กับเบียร์ตราสิงห์ (เบียร์ยี่ห้ออื่นใช้ไม่ได้) อย่างละเท่าๆ กันต้มเอาน้ำดื่ม

มีสรรพคุณรักษาโรคไตได้ชะงัด ๒๐. ยาแก้ไส้ติ่งที่ผ่าตัดไม่ได้ : พ่อเที่ยงบอกว่าโรคไส้ติ่งมี ๒ แบบ คือ แบบที่ผ่าตัดรักษาได้กับผ่าตัดรักษาไม่ได้ ถ้าเป็นไส้ติ่งชนิดที่ ผ่าตัดไม่ได้ ให้ใช้หญ้าลิ้นงูประมาณ ๑-๒ กำมือตากแห้ง ใส่น้ำพอท่วม ยา ต้มเอาน้ำดื่ม มีสรรพคุณแก้โรคไส้ติ่งได้ ๒๑. ยาแก้ปัสสาวะขัด : ใช้หญ้าต้อยติ่ง ต้มกับสารส้ม เอา น้ำดื่ม มีสรรพคุณแก้อาการปัสสาวะขัด บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 21


กระสัง

ลูกยอ

ไมยราบ

ต้อยติ่ง

๒๒. ยาแก้ความดัน มี ๓ สูตรคือ สูตร ๑ : นำผักกระสังสดๆ จิ้มกับน้ำพริกรับประทานบ่อยๆ

มีสรรพคุณแก้โรคความดันได้ดี สูตร ๒ : ใช้ลกู ยอสดๆ จิม้ กับเกลือรับประทาน รสชาติจะเผ็ดขืน่ เล็กน้อย สูตร ๓ : ใช้รากหญ้าไมยราบ กับหญ้าต้อยติ่ง ต้มเอาน้ำดื่ม

มีสรรพคุณแก้ความดันได้เช่นกัน

แห้วหมู

หนวดแมว

กระชาย

ใบกาแฟ

๒๓. ยาแก้ โรคไต : สำหรั บ ท่ า นที่ เ ป็ น โรคเกี่ ย วกั บ ไต เช่ น

ไตอักเสบ ไตพิการ ให้ใช้สมุนไพร ๓ ชนิดคือ หญ้าแห้วหมู ๑ หญ้า หนวดแมว ๑ กระชาย ๑ อย่ า งละเท่ า กั น ต้ ม เอาน้ ำ ดื่ ม ประจำ

มีสรรพคุณรักษาโรคเกี่ยวกับไตดี ๒๔. ยาแก้ ท้ อ งเสี ย : ใช้ ใ บกาแฟต้ ม กั บ เกลื อ เอาน้ ำ ดื่ ม

มีสรรพคุณแก้ท้องเสีย ท้องร่วง 22 อโรคยา คาถารักษาโรค


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.