เหนือตาย เหนือกรรม เหนือการเกิดใหม่

Page 1



ห เ น อ ื ย ก า รร ม ต อ ื น ห เ

à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ระดมธรรม นำสันติสุข ชาตกาล ๒๗ พ.ค. ๒๔๔๙ มรณกาล ๘ ก.ค. ๒๕๓๖

“ธรรมทานมีผลมากกวาทานอื่นๆ จริงๆ วัตถุทานก็ชวยกันแตเปนเรื่อง มีชีวิตอยูรอด อภัยทานก็เปนเรื่องมีชีวิตอยูรอด แตมันยังไมดับ ทุกข มีชีวิตอยูรอดอยางเปนทุกขนะมันดีอะไร ? เขาใหมีชีวิตอยู แตเขาไดรับทุกขทรมานอยู นี้มันดีอะไร มันดีอะไร เมื่อรอดชีวิต แลวมันจะตองไมมีความทุกขดวย จึงจะนับวาดีมีประโยชน ขอนี้สำคัญดวยธรรมทาน มีความรูธรรมะแลว รูจักทำใหไมมี ความทุกข รูจักปองกันไมใหเกิดความทุกข รูจักหยุดความทุกข ที่กำลังเกิดอยู ธรรมทานจึงมีผลกวาในลักษณะอยางนี้ มันชวย ใหชีวิตไมเปนหมัน วัตถุทานและอภัยทานชวยใหรอดชีวิตอยู บางที ก็เฉยๆ มันสักวารอดชีวิตอยูเฉยๆ แตถามีธรรมทานเขามาก็จะ สามารถชวยใหมีผลดีถึงที่สุดที่มนุษยควรจะไดรับ เพราะฉะนั้น ขอใหสนใจในเรื่องธรรมทาน”


คำนำ เรื่อง “ความตาย” เปนเรื่องที่คนสวนใหญมีความหวาดกลัว และวิตกกังวลเปนอยางมาก บางก็ประมาท ไมเคยคิดถึงความตายเลย แมสักครั้งเดียว ทั้งๆ ที่ในความเปนจริงแลวความตายเปนสิ่งที่ทุกคนตอง ประสบพบเจออยางแนนอน ไมวันใดก็วันหนึ่ง ...ไมเวนแมแตองคสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจา ! คุณเคยคิดถึงความตายบางไหม ? แลวคุณเคยถามตัวเองบางไหม วา เรากลัวตายไหม ? แลวถาเราตองตายตอนนี้ละ จะทำอยางไร ? บุญ บาป กรรม และการเวียนวายตายเกิดมีจริงหรือไม ? แลวเรามีความพรอม หรือเตรียมตัวรับมือกับความตายแลวหรือยัง ! ถายังไมเคยคิด หรือยังไมสามารถตอบคำถามตางๆ ขางตนนี้ได ขอใหหยิบหนังสือเลมนี้ขึ้นมาแลวเปดอาน คอยๆ อานทีละหนา ทีละ หัวเรื่อง แลวคุณจะคนพบวา พระพุทธเจาไดทรงมอบวิธีที่จะชนะความ ตายไดอยางแนนอนใหพวกเราแลว เพียงแตเราไมเคยสนใจ และไมเคย คิดที่จะเผชิญหนากับความตายเลย เมื่อขาพเจาไดสัมผัสพระธรรมเทศนาเรื่อง “วิธีชนะความตาย” และ “กรรม การเกิดใหม สังสารวัฏ” ของหลวงพอพุทธทาสในครั้งแรก ขาพเจารูสึกวาไดคนพบสมบัติทางธรรมอันล้ำคาที่จะชวยใหพุทธศาสนิกชนทุกทานไดทำความรูจักกับความตาย รวมถึงวิธีที่จะชนะความตาย ไดดวยตัวของทานเองแลว


พระธรรมเทศนานี้ไดอธิบายถึงเรื่อง ความตาย สาเหตุที่ทำให คนกลัวตาย วิธีที่จะชนะความตาย รวมไปถึงเรื่อง กรรม การเกิดใหม และ สังสารวัฏ ไวอยางละเอียด ตลอดถึงมีการอธิบายเรื่อง วิธีที่จะชนะ ความตายจนสิ้นสุดการเวียนวายตายเกิดในสังสารวัฏไดอยางถาวร ดวย ซึ่งนับวาเปนประโยชนอันสูงสุด นาเสียดายมากหากตองพลาด การอานหนังสือเลมนี้ เมื่อทานเปดหนังสือเลมนี้อาน ขอใหคอยๆ ปลอยวางความกลัว ปลอยใจของทานใหสัมผัสและพินิจพิจารณาธรรมะที่หลวงพอพุทธทาส ไดถายทอดเอาไว ธรรมะที่จะคอยๆ เปลี่ยนความหวาดกลัวใหเปน ปญญา ธรรมะที่จักนำพาทุกทานเขาถึงหนทางสูชัยชนะเหนือความตาย เหนือกรรม เหนือการเกิดใหมอยางแทจริง สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน จึงไดนำพระธรรม เทศนาเรื่องสำคัญนี้มาจัดพิมพใหม โดยไดจัดหนา ทำวรรคตอน ตั้งหัวขอ ใหญ หัวขอยอย ทำบทคัดยอ ใสสีเนนคำ ทำเชิงอรรถ เสริมสาระ อธิบายขอธรรม และใสภาพประกอบ เพื่อใหอานงาย เขาใจงาย หยิบใช ไดทันที มีสุขทันใจ หวังเปนอยางยิ่งวา หนังสือเลมนี้จักเอื้อประโยชนสุขใหกับผูอาน ไดปฏิบัติตนและดำเนินไปสูความพนทุกข เขาถึง “พระนิพพาน” อันเปน บรมสุขไดในชาติปจจุบันนี้ทุกทานเทอญ

โปรดใชเลมนี้ใหคุมสุดคุม & อานแลว -> แบงกันอานหลายทานนะจะ

อานสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝกฝนปญญา พัฒนาการประยุกตใชในชีวิตประจำวัน จิตรูเทาทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สงบ เย็น สำนักพิมพเลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน ปรารถนาใหทุกครอบครัวมีความสุข


สารบัญ ö

“เหนือตาย”

ธรรมะสวัสดี : น้ำตาในมหาสมุทร (นางปฏาจารา หญิงสาวผูสูญเสีย)

÷ð

õò

“เหนือกรรม เหนือการเกิดใหม”

การปฏิบัติเพื่อความเปน ñòó “พระโสดาบัน”

ñôö

สวดมนตกอนนอน

“น้ำมะตูม” บำรุงสุขภาพ เพิ่มสมาธิ ลดความกำหนัด

ñõù


เหนือตาย

ËÒ¡ÁÕ¸ÃÃÁР໚¹¼ÙŒ»ÃÐ¾ÄµÔ´Õ »ÃоĵԶ١µŒÍ§ µÒÁ˹ŒÒ·Õè·ÕèÁ¹ØÉ ¨ÐµŒÍ§»ÃоĵÔáÅŒÇ ¡çÂÒ¡·Õè¨ÐµÒÂä´Œ à¾ÃÒÐà˵ةйÑé¹ ¨Ö§ÊÁ¡Ñº¢ŒÍ·Õè¡Å‹ÒÇäÇŒã¹àÃ×èͧ¹ÕéÇ‹Ò... “¼ÙŒ»ÃСͺ仴ŒÇ¸ÃÃÁÐ äÁ‹ÁÕ¡ÒõÒ ¡‹Í¹¶Ö§ÍÒÂآє ¾Ø·¸·ÒÊÀÔ¡¢Ø. ๖

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


เหนือตาย* ¸ÃÃÁСѹµÒÂÁÕ¨ÃÔ§æ ÍÂÒ¡ÃÙŒ äËÁ¨ Ð ÍÂÒ¡ÃÙŒ¤‹Ð

ÍÂÒ¡ÃÙŒ¤ÃѺ

ÍÂÒ¡ÃÙŒ¤ÃѺ

ÍÂÒ¡ÃÙŒ¤‹Ð

¹âÁ µÊÚÊ À¤Çâµ ÍÃËâµ ÊÁÚÁÒÊÁھطڸÊÚÊ Ï ÍµÚ¶Ô ÍسÚËÔÊÚÊÇԪ⠸ÁÚâÁ âÅࡠ͹صڵâà ʾھʵڵËÔµµÚ¶Ò µí µÇí ¤³ÚËÒËÔ à·ÇàµµÔ ¸ÁÚâÁ Ê¡Ú¡¨Ú¨í âʵ¾Úâ¾-µÔ ณ บัดนี้ จะไดวิสัชนาพระธรรมเทศนา เพื่อเปนเครื่องประดับ สติปญญา สงเสริมศรัทธา ความเชื่อ และวิริยะความพากเพียรของทาน ทั้งหลายผูเปนพุทธบริษัท ใหเจริญงอกงามกาวหนาในทางแหงพระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดาอันเปนที่พึ่งของเราทั้งหลาย กวาจะยุติลงดวย เวลา * พระธรรมเทศนานี้เดิมชื่อ วิธีชนะความตาย แสดงในงานฉลองอายุของอุบาสิกา ผูหนึ่ง เมื่อ ๒๔ มกราคม ๒๕๐๘ ที่จังหวัดเพชรบุรี โดย พุทธทาสภิกขุ ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´


ธรรมะเปนเหมือนผาประเจียด๑ ÃÙŒ¨Ñ¡¸ÃÃÁÐ ·Õè·ÓãËŒ äÁ‹µÒ ¡ç¨ÐäÁ‹µÒ¹Ð

¸ÃÃÁзÕèÇ‹Ò à»š¹Í‹ҧäÃ਌ҤÐ

หัวขอธรรมเทศนาในวันนี้ ดังที่ไดยกขึ้นไวนั้น มีอยูวา...

“ÍµÚ¶Ô ÍسÚËÔÊÚÊÇԪ⠸ÁÚâÁ âÅࡠ͹صڵâÔò ÁÕ㨤ÇÒÁÇ‹Ò ¸ÃÃÁЫÖè§à»š¹àËÁ×͹¼ŒÒ»ÃÐà¨Õ´¹Ñé¹ÁÕÍÂÙ‹ã¹âÅ¡ เนื่องดวยการบำเพ็ญกุศลในวันนี้ เปนการบำเพ็ญกุศลเพื่อความ ยืดยาวของอายุ เปนเหตุใหระลึกนึกถึงสิ่งซึ่งจะอำนวยใหสำเร็จตาม ความประสงคนั้น สิ่งที่จะอำนวยใหสำเร็จประโยชนเชนนี้ มิไดมีสิ่งอื่น นอกจากธรรมะซึ่งเปนเหมือนผาประเจียด ดังที่มีเรื่องเลากันไวในคัมภีรพิเศษบางแหงวา เมื่อเทวดาตนหนึ่ง เดือดรอน เนื่องดวยจะถึงคราวสิ้นสุดลงแหงอายุ ไดดิ้นรนมีประการตางๆ ไมมีใครจะชวยใหความเดือดรอนนั้นระงับไปได ในที่สุดไดเขาไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา พระองคไดตรัสถึงธรรมะขอนี้คือ ขอที่ขึ้นดวยบทวา “อตฺถิ อุณฺหิสฺสวิชโย ธมฺโม โลเก อนุตฺตโร” อันเปนที่รูจักกันทั่วไปใน หมูพุทธบริษัทชาวไทยเรา ๑ ผาประเจียด หมายถึง ผาแดงลงเลขยันต ใชผูกคอหรือตนแขน เปนเครื่องราง ปองกันอันตราย ๒ ดูบทสวด “อุณหิสสวิชยคาถา” หนา ๑๕๕

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ชาวพุทธตองเชื่ออยางมีเหตุผล เรื่องที่กลาวนี้ จะเท็จจะจริงอยางไรไมสำคัญ คือไมตองเชื่อตาม เรื่องนั้นๆ ก็ได หากแตวาจะตองพินิจพิจารณาดูดวยปญญาของตนเองวา เรื่องทำนองนี้จะเปนไปไดหรือไม นี้เปนกฎเกณฑของพุทธบริษัททั้งหลาย

¾Ø·¸ºÃÔÉÑ··Ñé§ËÅÒÂäÁ‹àª×è͵ÒÁ·ÕèºØ¤¤ÅÍ×蹺͡ ¡Ò÷Õè໚¹´Ñ§¹Õé ¡çà¾ÃÒл¯ÔºÑµÔµÒÁ¤ÓÊÑ觢ͧ¾Ãоط¸à¨ŒÒ·ÕèÇ‹Ò “Í‹Òàª×è͵ÒÁºØ¤¤ÅÍ×è¹” ´Ñ§·Õè»ÃÒ¡¯ÍÂً㹺ÒÅÕ àª‹¹ ¡ÒÅÒÁÊÙµÃñ ໚¹µŒ¹ «Öè§ÁÕ¤ÓµÃÑÊäÇŒÇ‹Ò Í‹Òàª×èÍ´ŒÇÂà˵طÕèÇ‹Ò ¼ÙŒ¹Õé໚¹¤Ã٢ͧàÃÒ ËÃ×ÍÍ‹Òàª×èÍâ´Âà˵طÕèÇ‹Ò ¤Ó¡Å‹ÒǹÕéÁÕÍÂÙ‹ã¹» ®¡ เราควรจะคิดดูใหดีวา การที่พระพุทธองคไดตรัสไวดังนี้ มีความ มุงหมายอยางไร “อยาเชื่ออะไรโดยที่ไมมีเหตุผล แตเพียงวาผูนี้เปนครู ของเรา” นี้ยอมหมายความวา แมพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจาก็เปนครู ของเรา แตเหตุใดพระพุทธองคจึงตรัสไมใหเชื่อ ขอนี้เปนหลักของพุทธศาสนาซึ่งเปนอยางนั้นเอง ๑ กาลามสูตร (อานวา กา-ลา-มะ-สูด) พระสูตรหรือคำสอนทีท่ รงแสดงแกชาวกาลามะ วาดวยหลักที่ควรยึดถือกอนจะตัดสินใจเชื่อ ๑๐ ประการ คือ อยาเพิ่งเชื่อเพราะ ๑.ฟงตามกันมา ๒.ถือสืบตอกันมา ๓.คำเลาลือ ๔.อางตำรา ๕.ตรรกะ ๖.อนุมาน ๗.นึกคิดตรองตามแนวเหตุผล ๘.ถูกกับทฤษฎีที่ตนคิดไวแลว ๙.มีรูปลักษณที่ควร เชื่อได ๑๐.ผูพูดเปนครูบาอาจารยของตน ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´


แมคำของพระพุทธองค ก็หามเชื่อ หากยังไมไดพิจารณาจนเห็นจริง ªÒǾط¸µŒÍ§ÂÖ´¶×Í ËÅÑ¡¡ÒÅÒÁÊٵà µŒÍ§àª×èÍÍ‹ҧÁÕà˵ؼŠ¹Ð¤ÃѺ

ÊÒ¸Ø ÊÒÃպصÃ

¢ŒÒ¾Ãоط¸à¨ŒÒ¨Ñ¡àª×èÍ àÁ×èÍàËç¹á¨Œ§´ŒÇµ¹àͧ

เมื่อพระพุทธองคยังทรงมีชีวิตอยูไดตรัสไวในทำนองนี้ จนถึงกับ มีการถือกันเปนหลักทั่วไป แมพระสารีบุตรก็ยังไดยืนยันขอนี้แกพระพุทธเจาในที่เฉพาะพระพักตรวา “ขาพระพุทธองคมิไดเชื่อพระผูมีพระภาคเจาดอก แตจักเชื่อความเห็นแจงของตนเอง ดวยตนเอง” พระพุทธองคไดทรงสาธุ และขอที่ตรัสวา อยาเชื่อเพราะเหตุวาขอความนี้มีในปฎก (ไมได พูดถึงไตรปฎก เพราะวายังมิไดมีการจัดเปนพระไตรปฎก จึงไดตรัสแต เพียงวา อยาเชื่อเพราะเหตุที่ขอความนี้มีในปฎก) ขอนี้ก็เหมือนกันกับที่ ตรัสวา...

Í‹Òàª×èÍáÁŒáµ‹¾ÃÐͧ¤ àͧµÃÑÊ㹷ѹ·Õ ¨ÐµŒÍ§¾Ô¨ÒóҴÙãËŒàËç¹µÒÁ·Õè໚¹¨ÃÔ§ àª×èÍ´ŒÇÂʵԻ˜ÞÞҢͧµ¹ áŌǨ֧àª×è͵ÒÁ·ÕèµÃÑʹÑé¹ ËÃ×͵ÒÁ·ÕèÁÕÍÂÙ‹ã¹» ®¡·Ñé§ËÅÒ เปนอันวา ขอแรกที่สุด เราจะตองพินิจพิจารณาดูวา สิ่งนี้จะเปน อยางไร จะควรเชื่อหรือไม ๑๐

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ความตาย ปองกันได ดวยการพิจารณาธรรม ¸ÃÃÁл‡Í§¡Ñ¹µÒ ÁÕ¨ÃÔ§

ขอที่กลาววา เทวดาเดือดรอนดวยการที่จะตองสิ้นอายุ แลวไป ทูลขอวิธีที่จะระงับความเดือดรอนนี้ พระพุทธองคไดตรัสคำดังกลาวนี้ จะเปนสิ่งที่เปนไปไดเพียงไรนั้น...

àÃÒµŒÍ§¾Ô¨ÒóҴ٠¶ŒÒ¶×ÍÇ‹ÒàÃ×èͧ¹Õé໚¹àÃ×èͧ·Õèä´ŒÁÕ¢Ö鹨ÃÔ§æ ¤Ó¡Å‹ÒǹÕé¡çÃкتѴÍÂÙ‹ã¹µÑÇáÅŒÇÇ‹Ò “¸ÃÃÁЫÖè§à»š¹àËÁ×͹¼ŒÒ»ÃÐà¨Õ´¹Ñé¹ ÁÕÍÂÙ‹ã¹âÅ¡¹Õé” ¸ÃÃÁЫÖè§à»š¹àËÁ×͹¼ŒÒ»ÃÐà¨Õ´ ËÁÒ¤ÇÒÁÇ‹Ò ¸ÃÃÁЫÖè§ÊÒÁÒö¨Ð»‡Í§¡Ñ¹ÍѹµÃÒ áÁŒ¡ÃзÑ觤ÇÒÁµÒ ธรรมะ เปน ปจจัตตัง คือ เปนสิ่งที่รูไดเฉพาะตน ปฏิบัติเอง พิจารณาเอง รูเอง เห็นเอง เขาถึงเอง พนทุกขเอง ไมสามารถใหใคร ปฏิบัติแทนได พระพุทธองคจึงตรัสวา “ทานจงมาดูเถิด” วาสิ่งที่พระพุทธองคตรัสสอนนั้นเปนความจริงไหม พนทุกขไดจริงไหม เปนเหตุเปนผลจริงไหม เมื่อเขามาศึกษา ปฏิบัติ และพิจารณาดวยตนเองแลว ก็จะไดคำตอบ ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๑๑


ปองกันความตาย ทำได ๒ แบบ เมื่อพูดถึงสิ่งซึ่งปองกันความตาย คนก็จะพากันสงสัยวา จะ ปองกันไดอยางไร สิ่งซึ่งจะปองกันความตายนั้น มีอยู ๒ ความหมาย ๑. ความหมายหนึ่งก็คือ อยาใหตายกอนอายุขัย นี้หมายความ วาใหอยูไปจนถึงสิ้นอายุขัยเทาที่จะอยูไดเพียงไร นี้ก็อยางหนึ่ง ๒. อีกอยางหนึ่งนั้น เปนการปองกันโดยสิ้นเชิง คือ ไมใหมีความ ตายโดยประการทั้งปวง นี้เปนธรรมะสูงสุด

àÁ×èÍࢌҶ֧¸ÃÃÁÐÊÙ§ÊØ´¹Ñé¹áÅŒÇ ¤¹¹Ñ鹨ÐäÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁà¡Ô´ äÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁá¡‹ äÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁµÒ à¾ÃÒж͹ÍØ»Ò·Ò¹Ç‹Ò “àÃÒ” Ç‹Ò “µÑÇàÃÒ” ËÃ×Í “¢Í§àÃÒ” àÊÕÂä´Œ äÁ‹ÁÕµÑÇàÃÒ äÁ‹ÁÕÊÑµÇ äÁ‹Áպؤ¤Å µÑǵ¹¢Í§àÃÒ ËÃ×ͧ͢à¢ÒÍ×è¹ àÁ×èÍ໚¹´Ñ§¹Õé ¡çäÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁµÒ ໚¹¼ÙŒÍÂÙ‹à˹×ͤÇÒÁµÒ ¾Œ¹¨Ò¡¤ÇÒÁµÒÂâ´ÂÊÔé¹àªÔ§ อุปาทาน คือ ความยึดมั่นถือมั่นวาเปนตัวกู เปนของกู ซึ่งเปน เหตุแหงทุกขทั้งปวง อานเพิ่มเติมไดในธรรมบรรยายของหลวงพอพุทธทาส ในหนังสือ คูมือมนุษย ๓ ฉบับอานงาย เขาใจงาย : อุปาทาน ๔ (อำนาจ ของความยึดติด) โดย สำนักพิมพเลี่ยงเชียง

๑๒

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ปองกันความตาย ตองอาศัยธรรมะ ¸ÃÃÁТͧ¾Ãоط¸à¨ŒÒ ໚¹¡ØÞá¨ÊÓ¤ÑÞ ·Õè¨Ð·ÓãËŒ äÁ‹µÒÂ

ธรรมะเปนเครื่องกำจัดเสีย หรือปองกันเสียซึ่งความตาย มีอยู สองความหมายดังนี้ แตเหมือนกันตรงที่เรียกวา “ธรรม” เหมือนกัน

ñ) ¨Ð»‡Í§¡Ñ¹¤ÇÒÁµÒÂä´Œ ªÑèÇ·Õè¨ÐãËŒÍÂً仨¹¶Ö§ÍÒÂآѹÑé¹ ¡çµŒÍ§ãªŒ “¸ÃÃÁД ò) ¨Ð»‡Í§¡Ñ¹äÁ‹ãËŒµÒÂàÅÂâ´Â»ÃСÒ÷Ñ駻ǧ ¤×Í ¡ÅÒÂ໚¹¼ÙŒÃÙŒ¨Ñ¡ËÃ×Ͷ֧¤ÇÒÁäÁ‹µÒ·ÕèàÃÕÂ¡Ç‹Ò “¹Ô¾¾Ò¹” 仹Õé ¡çµŒÍ§ãªŒÊÔ觷ÕèàÃÕÂ¡Ç‹Ò ¸ÃÃÁ เพราะฉะนั้น ควรจะไดพิจารณากันถึงสิ่งที่เรียกวา “ธรรม” นี้ วามีอะไรบาง และจะปองกันความตายไดอยางไร อาตมาอยากจะใหทานสาธุชนทั้งหลาย ไดทราบถึงความหมาย ของคำวา “ธรรม” ไวใหสมบูรณที่สุด เพื่อประโยชนแกการศึกษาธรรมะ ตอไปขางหนา ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๑๓


“ธรรม” คำสั้นๆ แตมหัศจรรยดวยความหมาย ¸ÃÃÁÐ ¤×Í ·Ø¡ÊÔ觷ءÍ‹ҧ¤‹Ð

ä»ËÒËÅǧ»Ù†ÁÒ ä˹ºÍ¡áÁ‹ÊÔÇ‹Ò ¸ÃÃÁФ×ÍÍÐäÃ

คำวา “ธรรม” โดยความหมายทั่วๆ ไปนั้นมีทางที่จะพิจารณาได ดังนี้ ตามภาษาบาลีคำคำนี้นับวาเปนคำประหลาดพิเศษที่สุด หรือจะถือ วาพิเศษ ประหลาดที่สุดในโลกก็ยังได เพราะ...

¤ÓÇ‹Ò “¸ÃÃÁ” ¤Óà´ÕÂÇÊÑé¹æ ËÁÒ¶֧ ·Ø¡ÊÔè§äÁ‹Ç‹ÒÍÐäÃËÁ´ ã¤Ã ã¹ÀÒÉÒä˹ ÁÕ¤Óઋ¹¤Ó¹Õ麌ҧ ¤×Í ¤Óà´ÕÂÇËÁÒ¶֧ ÊÔ觷ءÊÔè§äÁ‹Ç‹ÒÍÐäÃËÁ´ แตในภาษาบาลีนี้มี และเราก็รับเอามาใชในภาษาไทยของเรา โดยไมตองแปล เรียกวา “ธรรม” ไปตามเดิม ตามภาษาบาลี “เราตองเรียนธรรมะตัวจริงจากรูป นาม กาย ใจ” จากหนังสือพุทธทาสตอบคำถาม, พุทธทาสภิกขุ

๑๔

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


“ธรรม” ความหมายที่ ๑ คือ ตัวธรรมชาติ หรือสภาวธรรม

¤ÓÇ‹Ò “¸ÃÃÁ” ÁÕ ó ¤ÇÒÁËÁÒ ¨Óä´Œ äËÁ

¨Óä´Œ¤ÃѺ ñ. µÑǸÃÃÁªÒµÔ ò. ¡®¸ÃÃÁªÒµÔ ó. ˹ŒÒ·Õè·Õ赌ͧ»¯ÔºÑµÔ µÒÁ¡®¸ÃÃÁªÒµÔ¤ÃѺ

เมื่ออยากจะทราบวา คำวา “ธรรม” ไดเล็งถึงอะไรแลว ก็มี ทางที่จะพิจารณาได ดังนี้

¹ÑÂÍѹáá ¤ÓÇ‹Ò “¸ÃÃÁ” ¹Õé ËÁÒ¶֧ ¸ÃÃÁªÒµÔ·Ø¡ÊÔ觷ءÍ‹ҧ «Öè§ã¹·Ò§ÇÑ´ÇҢͧàÃÒ ÁÑ¡¨ÐàÃÕÂ¡Ç‹Ò “ÊÀÒǸÃÃÁ” ¸ÃÃÁ·Õè໚¹ÍÂÙ‹àͧ ËÃ×ÍÊÔ觷Õè໚¹ÍÂÙ‹àͧ ¶ŒÒàÃÕ¡â´ÂÀÒÉÒªÒǺŒÒ¹ ËÃ×͹ѡÈÖ¡ÉÒÍ‹ҧ»˜¨¨ØºÑ¹ ¡çµŒÍ§àÃÕÂ¡Ç‹Ò “¸ÃÃÁªÒµÔ” นัยทีแรกหมายถึงตัวธรรมชาติทั้งหลาย ทุกสิ่งทุกอยางไมยกเวน จะเปนรูปธรรม นามธรรม หรือความคิดความนึกอะไรก็ตาม ซึ่งมีอยู แกสัตวทั้งหลายตามธรรมชาติแลวเรียกวาธรรมชาติทั้งนั้น แตภาษาบาลี เรียกวา “ธมฺม” เฉยๆ ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๑๕


“ธรรม” ความหมายที่ ๒ คือ สัจธรรม หรือกฎของธรรมชาติ ¹Ñ·Õè ò ¤ÓÇ‹Ò “¸ÃÃÁ” ËÁÒ¶֧ ¡®¢Í§¸ÃÃÁªÒµÔ ¸ÃÃÁªÒµÔ·Ñé§ËÅÒ ‹ÍÁÁÕ¡®ÍÂÙ‹ ¢Ö鹪×èÍÇ‹Ò ¸ÃÃÁªÒµÔ·Ñé§ËÅÒ 㹵ÑÇÁѹàͧ ‹ÍÁÁÕ¡®ÍÂÙ‹ã¹µÑÇÁѹàͧ ઋ¹ ÊÔ觷ÕèàÃÕÂ¡Ç‹Ò ¸ÒµØ´Ô¹ ¸ÒµØä¿ ¸ÒµØÅÁ ¸ÒµØ¹éÓ àËÅ‹Ò¹Õé໚¹¸ÃÃÁªÒµÔ ᵋã¹ÊÔ觹Ñé¹æ ÁÕ¡®¢Í§¸ÃÃÁªÒµÔNjҨеŒÍ§à»š¹Í‹ҧäà เชน ถูกความรอนเขาจะเปนอยางไร ถูกความเย็นเขาจะเปน อยางไร หรือวาสังขารรางกายของเราหรือของสัตวทั้งหลายก็ตาม แม ที่สุดแตตนไมที่เปนของธรรมชาติก็ตาม ยอมมีกฎเกณฑอยูในสิ่งนั้นๆ วา รางกายนี้จะตองเปนอยางนั้นจะตองเปนอยางนี้ ตนไม ภูเขา กอนอิฐ กอนหิน ทุกสิ่งทุกอยางก็มีกฎเกณฑวาจะตองเปนอยางนั้นอยางนี้ สวน ที่เปนกฎเกณฑนี้เราเรียกวา กฎของธรรมชาติ แตกฎธรรมชาติชนิดนี้ใน ภาษาบาลีก็คงเรียกเพียงสั้นๆ วา “ธมฺม” หรือ “ธรรม” เฉยๆ อยาง เดียวกัน หรือที่เรามักจะเรียกกันตามภาษาวัดวาอารามนี้วา “สัจธรรม” เมื่อเราเรียกวา สภาวธรรม เราหมายถึงตัวธรรมชาติ เมื่อเราเรียกวา สัจธรรม เราหมายถึงกฎเกณฑธรรมชาติ ๑๖

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


“ธรรม” ความหมายที่ ๓

คือ หนาที่ที่ตองปฏิบัติใหถูกตองตามกฎของธรรมชาติ ¼ÙŒÃٌᨌ§¡®¸ÃÃÁªÒµÔ »¯ÔºÑµÔ ãËŒ¶Ù¡µŒÍ§µÒÁ¡®¸ÃÃÁªÒµÔ ‹ÍÁ¶Ö§¤ÇÒÁ¾Œ¹·Ø¡¢

¹Ñ·Õè ó ¹Ñé¹ ¤ÓÇ‹Ò “¸ÃÃÁ” ËÁÒ¶֧ ˹ŒÒ·Õè·ÕèÁ¹ØÉ ¨ÐµŒÍ§»ÃоĵԻ¯ÔºÑµÔãËŒ¶Ù¡µŒÍ§ µÒÁ¡®¢Í§¸ÃÃÁªÒµÔ Í‹ҧ¹ÕéàÃÒàÃÕÂ¡Ç‹Ò “»¯Ô»˜µµÔ¸ÃÃÁ” นั่นเอง

แตภาษาบาลีก็คงเรียกวา “ธมฺม” หรือ “ธัมมะ” เฉยๆ อยู

มนุษยเกิดมามีกฎของธรรมชาติครอบงำอยู มนุษยมีหนาที่ที่จะ ตองปฏิบัติใหถูกตามกฎเกณฑของธรรมชาตินั้นๆ นับตั้งแตหนาที่ที่จะแสวง หาอาหารใหมีชีวิตเปนอยู ตลอดถึงหนาที่ตางๆ ที่จะตองประพฤติปฏิบัติ ตอสัตว ตอบุคคลที่มาเกี่ยวของดวย จนกระทั่งถึงหนาที่สูงสุด คือ กระทำ ตนใหพนจากความทุกขโดยประการทั้งปวง การปฏิบัติใหถูกตองตามกฎของธรรมชาติ สามารถปฏิบัติไดดวย “การเจริญวิปสสนา” คือ การพิจารณาเห็นความเปนจริงของสรรพสิ่ง วาเปน “ไตรลักษณ” อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จนเกิดปญญารูแจงความ เปนจริง อานเพิ่มเติมไดใน คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๖ และ ๗ โดย สำนักพิมพเลี่ยงเชียง ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๑๗


การปฏิบัติเพื่อนิพพาน เปนหนาที่ของมนุษย ¡Òû¯ÔºÑµÔà¾×èͤÇÒÁ¾Œ¹·Ø¡¢ ࢌҶ֧¾ÃйԾ¾Ò¹ ໚¹Ë¹ŒÒ·ÕèÍѹÊÙ§ÊØ´ ¢Í§Á¹ØÉ ¹ÐâÂÁ¹Ð

¾Ç¡àÃҨеÑé§ã¨ÈÖ¡ÉÒ áÅл¯ÔºÑµÔ¸ÃÃÁ à¾×èͤÇÒÁ¾Œ¹·Ø¡¢ ¤‹Ð

ÊÒ¸Ø

áÁŒ·ÕèÊشᵋ¡Òû¯ÔºÑµÔà¾×èÍãËŒÅض֧¾ÃйԾ¾Ò¹ ¡çÂѧàÃÕÂ¡Ç‹Ò Ë¹ŒÒ·Õè¢Í§Á¹ØÉ ÍÂÙ‹¹Ñè¹àͧ áÅÐ˹ŒÒ·Õè·Ñé§ËÁ´¹Õé Ōǹᵋ¨ÐµŒÍ§Í¹ØâÅÁãˌ໚¹ä»µÒÁ¡®¢Í§¸ÃÃÁªÒµÔ ¨Ð½„¹¡®¢Í§¸ÃÃÁªÒµÔäÁ‹ä´Œ การที่มนุษยมีความทุกข ก็เปนไปตามกฎธรรมชาติ การที่มนุษย มีหนาที่ที่จะตองเอาชนะความทุกขใหได จึงตองเปนไปตามกฎของธรรมชาติดวย ไมวาจะเปนไปในทำนองตรงกันขาม ดังนั้น ขึ้นชื่อวา “หนาที่” แลว จะตองอนุโลมตามกฎของ ธรรมชาติทั้งนั้น “นิพพาน ในภาษาธรรมะนั้นหมายถึง ความดับสิ้นสุดลงแหงกิเลส และความทุกขโดยประการทั้งปวงอยางแทจริง เมื่อใดมีการดับแหงกิเลส และความทุกขอยางแทจริง เมื่อนั้นเปนนิพพาน” จากหนังสือธรรมะ ๙ ตา, พุทธทาสภิกขุ

๑๘

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ธรรมะที่แปลวา “หนาที่” มีความสำคัญกวาคำแปลอื่นๆ ดังนั้น เปนอันวา คำวา “ธรรม” หรือ “ธรรมะ” เพียงคำเดียวนี้ หมายถึงของ ๓ อยางโดยสมบูรณ คือ ตัวธรรมชาติ อยางหนึ่ง, กฎ ของธรรมชาติ นั้นอยางหนึ่ง, หนาที่ที่ตองปฏิบัติตามกฎธรรมชาติ นั้น อีกอยางหนึ่ง ทานสาธุชนทั้งหลายพิจารณาดูเองก็แลวกันวาคำคำนี้ เปนที่นา ประหลาดมหัศจรรยสักเทาไร เพราะวาไดรวมสิ่งทุกสิ่งไวในคำเดียว ที่ สำคัญที่สุดก็คือสิ่งที่เรียกวา หนาที่ที่มนุษยจะตองปฏิบัติตามกฎของ ธรรมชาติ ดังนั้น ถาเราจะศึกษาดูถึงตำราอันวาดวยถอยคำ แมที่มีอยูตั้งแต กอนพุทธกาลโนน คำวา “ธรรม” นี้ เขาก็แปลกันวา “หนาที่” หรือ อีกอยางหนึ่งก็วา ถาไมเอาศาสนาเปนเกณฑ เอาเพียงภาษาพูดโดยทั่วๆ ไปเปนเกณฑ ถามวา “ธรรมะ” คืออะไร ในปทานุกรมเกาๆ เหลานั้น ก็แปลคำวา “ธรรม” วา “หนาที่” ขอนี้ทำใหเราเห็นไดวา...

㹺ÃôҤÓá»Å ËÃ×ͤÇÒÁËÁÒ¢ͧ¤ÓÇ‹Ò “¸ÃÃÁ” ·Ñé§ÊÒÁÍ‹ҧ¹Ñé¹ ¤Óá»ÅÍ‹ҧÊØ´·ŒÒ ¤×Í·Õèá»ÅÇ‹Ò “˹ŒÒ·Õè” ¹Ñé¹ ÊÓ¤ÑÞ¡Ç‹Ò¤Óá»Å·Ñé§ËÅÒ à¾ÃÒÐà˵ØÇ‹Ò àÃÒ¨ÐÃÍ´¨Ò¡¤ÇÒÁ·Ø¡¢ àÍÒª¹Ð¤ÇÒÁ·Ø¡¢ ä´Œ ¡çà¾ÃÒСÒ÷ӵÒÁ˹ŒÒ·ÕèãËŒ¶Ù¡¡®¢Í§¸ÃÃÁªÒµÔ ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๑๙


จะปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติไดถูกตอง ตองรูเรื่องธรรมชาติและกฎธรรมชาติ ãËŒ¾Ô¨ÒóÒàËç¹·Ø¡ÊÔè§à»š¹ ͹Ԩ¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ ¨¹à¡Ô´»˜ÞÞÒ áÅÐÂÍÁÃѺµÒÁ¤ÇÒÁ໚¹¨ÃÔ§¹Ð

แตถึงอยางนั้น เราก็ตองรูเรื่องของธรรมชาติ จะตองรูกฎเกณฑ ของธรรมชาติไวดวย เราจึงจะสามารถปฏิบัติใหถูกตองตามกฎธรรมชาติ แลวเอาชนะทุกขได เมื่อเปนดังนี้ จะเห็นไดทันทีวา...

¶ŒÒàÃÒ»¯ÔºÑµÔ¶Ù¡µŒÍ§ ¡çËÁÒ¤ÇÒÁÇ‹Ò àÃÒÁÕ¤ÇÒÁÃÙŒàÃ×èͧ¸ÃÃÁªÒµÔ áÅÐàÃ×èͧ¡®à¡³± ¢Í§¸ÃÃÁªÒµÔä»´ŒÇÂã¹µÑÇ â´ÂäÁ‹µŒÍ§Ê§ÊÑ คอย ๆ อาน คอย ๆ คิด

คราคิดติดขัด หยุดพักสักนิด ทำจิตใหสงบ จักพบทางออก

๒๐

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ยกตัวอยางเชน เรารูจักทำมาหากิน ประกอบอาชีพใหลุลวงไป ไดดวยดี อยาไดเขาใจวาเรามีความรูเพียงหนาที่อันนี้ แทจริงในความรู อันนั้นมันมีความรูเรื่องธรรมชาติรวมอยูดวย แตความรูหนาที่ที่จะตอง ปฏิบัตินั้นเปนสวนสำคัญ เราจึงเพงเล็งกันแตความรูเรื่องหนาที่ หรือทำ หนาที่ใหสำเร็จก็แลวกัน อยางนี้ใชไดในกรณีอยางโลกๆ ทั่วๆ ไป แตถาในกรณีที่เกี่ยวของกับความทุกข หรือความดับทุกขในขั้น สูงสุดแลว จะตองสนใจเรื่อง ตัวธรรมชาติ และ เรื่องตัวกฎเกณฑของ ธรรมชาติ ใหมากเปนพิเศษ ดังนั้น เราจึงไดศึกษาเรื่องขันธ๑ เรื่องธาตุ เรื่องอายตนะ หรือ อะไรทำนองนี้ซึ่งเปนตัวธรรมชาติกันอยางละเอียดลออ แลวก็ศึกษากฎ ของธรรมชาติ เชน เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กันอยางละเอียดลออ แลวจึงศึกษาเรื่องการปฏิบัติเพื่อพนทุกขตามกฎธรรมชาตินั้นๆ เชน เรื่อง อริยมรรคมีองคแปด๒ เปนตน กันอยางละเอียดลออ เราจึงสามารถ เอาชนะความทุกขไดเปนลำดับๆ จนกระทั่งบรรลุถึงธรรมะสูงสุด คือ “นิพพาน” ดังนี้ นี่ เราจะเห็นไดวา “ธรรม” คำเดียว เปนคำประหลาดมหัศจรรย อยางไร และจะเปนสิ่งที่มีอานุภาพอยางยิ่ง ถึงกับสามารถปะทะความ ตาย เปนเหมือนผาประเจียดตอสูกับมัจจุราชทั้งหลายไดอยางไร ก็จะได ดูกันตอไป ๑ ขันธ ๕ คือ รางกายและจิตใจ (รูปธรรม นามธรรม) ติดตามอานหัวขอนี้ไดใน คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๕ : เบญจขันธ (คนเราติดอะไร) โดย สำนักพิมพเลี่ยงเชียง ๒ อริยมรรคมีองค ๘ เปนการปฏิบัติเพื่อความพนทุกข สรุปโดยยอ คือ “ไตรสิกขา” ศีล สมาธิ ปญญา ติดตามอานหัวขอนี้ไดใน คูมือมนุษย ฉบับอานงาย เขาใจงาย เลม ๔ : ไตรสิกขา (ขั้นของการปฏิบัติศาสนา) โดย สำนักพิมพเลี่ยงเชียง ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๒๑


ความเปนความตายของมนุษยขึ้นอยูกับ การปฏิบัติหนาที่ใหถูกตองตามกฎธรรมชาติ คนเรา ถาไมทำหนาที่ที่เรียกวา “ธรรม” แลว จะตองตาย เชน ไมหาอาหารกิน ก็จะตองตาย ไมวาจะเปนสัตวมนุษย หรือสัตวเดรัจฉาน การไมทำมาหากินเปนการไมปฏิบัติธรรมะอยางยิ่ง หรือเปนการปฏิบัติ ผิดธรรมะอยางยิ่ง ในเมื่อธรรมะแปลวาหนาที่ตามกฎของธรรมชาติ ผูที่ ไมทำมาหากินจึงตองตาย นี้เรียกวา ไมมีธรรมะจึงตองตาย แตถามีธรรมะเขามา คือทำหนาที่ของตนใหบริสุทธิ์บริบูรณแลว ไซร เขาก็ไมตองตาย นี้เรียกวาธรรมะเปนเหมือนผาประเจียด สามารถ ปะทะกับความตาย ยังบุคคลนั้นใหมีชีวิตรอดอยูได ดังนี้ ทีนี้การประพฤติทางธรรมจรรยาทั่วๆ ไปที่เกี่ยวกับสังคมก็เหมือน กันอีก เปนหนาที่ที่แตละคนจะตองประพฤติปฏิบัติ เมื่อไมประพฤติ ไมปฏิบัติ ก็คือไมมีธรรมะ

äÁ‹ÁÕ¸ÃÃÁÐ ¡çàËÁ×͹äÁ‹ÁÕ¼ŒÒ»ÃÐà¨Õ´ ÊÓËÃѺ»Ð·Ð¡Ñº¤ÇÒÁµÒ à¢Ò¨Ö§µŒÍ§µÒ ºÒ§·Õ¡çµÒÂâ´Â·Ò§Ã‹Ò§¡Ò ºÒ§·Õ¡çµÒÂâ´Â·Ò§ÇÔÞÞÒ³ ¤×Í µÒ¨ҡ¤Ø³¤ÇÒÁ´Õ คือ ไมมอี ะไรเหลืออยู ทีจ่ ะเปนความดีสำหรับเปนมนุษยอกี ตอไป นี้ก็เรียกวา ความตาย รวมความแลวก็วา ขาดธรรมะแลว ก็จะตองตาย ๒๒

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ทำหนาที่ตามธรรมะ ชนะการตายดวยโรคภัย ทีนี้ ก็มาถึงเรื่องโรคภัยไขเจ็บ

¶ŒÒ¤¹àÃÒÁÕ¸ÃÃÁР㹤ÇÒÁËÁÒ·ÕèÇ‹Ò à»š¹Ë¹ŒÒ·ÕèµÒÁ¸ÃÃÁªÒµÔáÅŒÇ ¤¹¹Ñ鹡çÂÒ¡·Õè¨ÐÁÕâäÀÑÂ䢌à¨çº ËÃ×ÍÂÒ¡·Õè¨ÐµÒ´ŒÇÂâäÀÑÂ䢌à¨çº สิ่งที่เรียกวาโรคภัยไขเจ็บนั้น เมื่อกลาวโดยทั่วๆ ไปแลว ยอมพอ ที่จะกลาวไดวามีอยู ๒ อยางคือ โรคทางกาย และ โรคทางวิญญาณ โรคทางกาย นั้นไดแก ความเจ็บไขทางกายทั่วๆ ไป นั้นอยางหนึ่ง รวมทั้งความเจ็บไขที่เนื่องดวยโรคเกี่ยวกับจิต ที่เราตองไปสงโรงพยาบาล โรคจิต นี้อีกอยางหนึ่ง ทั้งสองนี้ก็รวมเรียกวา “โรคทางกาย” หรือถาไมอยากเรียกรวมกัน ก็จะแยกออกเปน ๓ อยางก็ได โรคทางกายอยางหนึง่ โรคทางจิตอยางหนึง่ โรคทางวิญญาณอีกอยางหนึง่ โรคทางกายก็รักษาที่โรงพยาบาลตามปกติ โรคทางจิตก็ไปโรงพยาบาล โรคจิต สวนโรคทางวิญญาณนั้น ตองไปโรงพยาบาลของพระพุทธเจา โรคทางวิญญาณ หมายความวา รางกายก็สบายดี จิตใจก็ปกติดี มีอนามัยแข็งแรงดี มีทรัพยสมบัติ เกียรติยศชื่อเสียงพอตัว แตแลวก็ยัง ตองน้ำตาไหลอยูบอยๆ สวนนี้เรียกวา “โรคทางวิญญาณ” ตองไปรักษา ที่โรงพยาบาลของพระพุทธเจา แตแลวก็ไมมีอะไรอื่นนอกจาก ธรรม ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๒๓


เพราะทำผิดหนาที่ตามธรรมชาติ จึงมักเจ็บปวย âä·Ò§¡Ò áÅÐâä·Ò§¨Ôµ ÃÑ¡ÉÒä´Œ´ŒÇ¸ÃÃÁйФÃѺ

àÎŒÍ...¨¹ à¤ÃÕ´ á¶Áà¨çº»†ÇÂ໚¹âäÌÒÂÍÕ¡ ªÕÇԵየÃÔ§æ

ทีนี้เรามาคิดกันดูใหม สำหรับโรคที่เรียกกันวา...

âä·Ò§¡Ò ËÃ×Í âä·Ò§¨Ôµ ¹Ñé¹ ¡çÁÕÁÙÅÁÒ¨Ò¡ ¡ÒâҴ¸ÃÃÁ´ŒÇÂàËÁ×͹¡Ñ¹ áÅШÐËÒÂä´Œ´ŒÇ¡ÒÃÁÕ¸ÃÃÁ ÂÔ觡NjҡÒáԹËÂÙ¡¡Ô¹ÂÒâ´Âṋ¹Í¹ ¤×ÍÇ‹Ò ¤¹àÃÒ¨Ðà¨çº»†Ç ÍÐäâÖé¹ÁÒ ¡çà¹×èͧ¨Ò¡¡Ò÷ӼԴ˹ŒÒ·ÕèµÒÁ¸ÃÃÁªÒµÔ ยกตัวอยางตั้งตน ตั้งแตเพราะไมระวังจึงไดมีการเจ็บปวย เปน บาดแผลอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น นี้เรียกวาขาดสติสัมปชัญญะ ก็ตอง เจ็บเนื้อเจ็บตัว เรียกวาขาดธรรมที่ชื่อวา “สติสัมปชัญญะ” ซึ่งเปน หนาที่ที่มนุษยจะตองมี ทีนี้คนเรายังมีโรคอื่นอีกหลายอยาง นับตั้งแตที่เรารูจักกันมากๆ เชน โรคประสาท โรคความดันโลหิตสูง แมโรคเบาหวาน โรคกระเพาะ อาหาร เขามักจะคิดกันเสียวา นั่นมันเปนโรค แลวก็จะตองรักษาตามวิธี ของการรักษาโรค เขาลืมไปเสียวาอาการชนิดนั้นเกิดขึ้นมาเพราะขาดธรรม ๒๔

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


จิตเศราหมอง กายเกิดโรค เพราะขาดธรรม »†ÇÂ໚¹âäÌÒ ¡ÅÑǵÒ¨ѧàÅ ¸ÃÃÁШЪ‹ÇÂä´ŒàËÃÍ ?

»†ÇÂ˹ѡ¤ÃÑ駹Õé¶×Í໚¹âÍ¡ÒÊ ·Õè¨Ðä´ŒàÃÕ¹ÃÙŒ¤ÇÒÁ·Ø¡¢ áÅÐÇÔ¸Õª¹Ð¤ÇÒÁµÒ¹ФÃѺ Åͧ´Ù¹Ð¤ÃѺ

คนเราเปนโรค โรคกระเพาะอาหารเพราะขาดธรรมะ ขอนี้ไมได หมายความแตเพียงวา เปนผูไมระมัดระวังอาหารการกิน แตขอนี้ หมายความวา...

¤¹â´ÂÁÒ¡àÁ×èÍ¢Ò´¸ÃÃÁÐáÅŒÇ Â‹ÍÁÁÕ¨Ôµã¨àÈÃŒÒËÁͧ ÁÕ¨Ôµã¨ÇÔµ¡¡Ñ§ÇÅ ÇÔµ¡¡Ñ§ÇÅ´ŒÇ¤ÇÒÁÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹ ã¹àÃ×èͧµÑǵ¹ËÃ×ͧ͢µ¹ÁÒ¡à¡Ô¹ä» ¹Í¹ËÅѺäÁ‹Ê¹Ô· ¡ÃзÑ觹͹äÁ‹ËÅѺ ¡ÃзÑè§ÍÂÙ‹´ŒÇ¤ÇÒÁÇÔµ¡¡Ñ§ÇŠ໚¹¡Ò÷¹·ÃÁÒ¹ ¤ÇÒÁÇÔµ¡¡Ñ§ÇŹÕé ·ÓãËŒ¹Í¹ËÅѺÂÒ¡ áÅÐàÁ×èÍ໚¹ä»ÁҡࢌÒæ ¡çÁռŷҧËҧ¡Ò ·ÓãËŒà¡Ô´âä นับตั้งแตโรคกระเพาะอาหารเปนตนไป เพราะวาความวิตกกังวล นั้น ทำใหเสียโลหิตที่หลอเลี้ยงรางกายไปเปนอันมาก เพราะไปถูกทำลาย เสียมากมายที่สวนสมอง สวนกระเพาะที่จะยอยอาหารก็ขาดแคลนโลหิต นานเขากระเพาะอาหารก็ผิดปกติ คนเราก็เปนโรคกระเพาะอาหารชนิดที่ รักษาไดแสนยาก เหลือที่จะรักษาไดโดยงาย จนหมดศรัทธาจนตายไปก็มี ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๒๕


ไมรักษาดวยธรรม จึงปวยซ้ำซาก à¾ÃÒÐâä·Ò§ÇÔÞÞҳ໚¹µŒ¹à赯 ¨Ö§à»š¹âä·Ò§¡ÒÂàËÃÍ ? µŒÍ§ÅͧÈÖ¡ÉÒ áÅл¯ÔºÑµÔ¸ÃÃÁ´Ù«ÐáÅŒÇ Ç‹Ò¨Ðª‹ÇÂä´Œ¨ÃÔ§äËÁ

นี่ไมใชโรคทางกายลวนๆ พิจารณาดูจะเห็นไดวา เพราะขาดธรรม เพราะโรคทางวิญญาณเปนตนเหตุ เราจึงเปนโรคทางกาย เชน โรค กระเพาะอาหาร เปนตน หรือวา ถาความวิตกกังวลนั้นไดทำใหเราวิกลจริต ตองสงไป โรงพยาบาลโรคจิตหรือโรงพยาบาลทางประสาทก็ตามนี้ มันก็ไมใชเรื่อง ทางกายลวนๆ มันเปนเรื่องของโรคทางวิญญาณที่ทำใหเกิดอาการชนิด นั้นขึ้นมา ตองวิกลจริต ตองไปโรงพยาบาลประสาทอยางซ้ำๆ ซากๆ ไมมีวันหาย ก็เพราะวาตนเหตุอันแทจริงไมไดรักษา คือไมไดรักษาโรค ทางวิญญาณใหเปนคนหยุดวิตกความกังวลเสีย ดังนั้น...

¨ÐÃÑ¡ÉÒâä»ÃÐÊÒ· ËÃ×Íâä¤ÇÒÁ´Ñ¹âÅËÔµ¡Ñ¹ÊÑ¡à·‹ÒäÃæ Áѹ¡çäÁ‹ÁÕ·Ò§ËÒÂä´Œ àÇŒ¹àÊÕÂᵋNjҨÐä´ŒÃÑ¡ÉÒâä·Ò§ÇÔÞÞÒ³ ¤×Í ÁÕ¸ÃÃÁÐ໚¹à¤Ã×èͧ¡Ó¨Ñ´¤ÇÒÁÇÔµ¡¡Ñ§ÇÅàÊÕÂä´Œ äÁ‹µŒÍ§¡Ô¹ÂÒÍÐäà âäÀÒ¹͡àËÅ‹Ò¹Ñ鹡çËÒÂä»àͧ໚¹Í‹ҧ¹Õé นี้เรียกวาโรคทั้งหลายมีมูลมาจาก โรคทางวิญญาณ คือ การ ขาดธรรม นั่นเอง ๒๖

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


หากมีธรรมะ จะปวยยาก หายงาย ËÒÂã¨à¢ŒÒ...¾Ø· ËÒÂã¨ÍÍ¡...⸠ã¨Ê§º 㨵×è¹ÃÙŒ 㨼‹Í§ãÊ ÃÙŒÊÖ¡´Õ¨Ñ§

¡ÒÃá¡Œä¢âä㹷ҧÇÔÞÞÒ³¹Ñé¹ à»š¹Ë¹ŒÒ·Õè Á¹ØÉ ÅÐàÅÂ˹ŒÒ·Õè ¨Ö§µŒÍ§ä´ŒÃѺâ·É ¤×Í ¤ÇÒÁ·Ø¡¢ ËÃ×Í ¤ÇÒÁµÒ ᵋ¶ŒÒäÁ‹ÅÐàÅÂ˹ŒÒ·Õè ¤×Í ÁÕ¸ÃÃÁÐã¹Ê‹Ç¹¹ÕéáÅŒÇ ¡çäÁ‹à»š¹âäáÅÐäÁ‹µÒ ดังนั้น จะพิจารณากันเทาไรๆ ก็จะพบไดวาโรคทั้งหลายเกิดมา จากการที่มนุษยทำผิดหนาที่ตามธรรมชาติทั้งนั้น ไมวาโรคอะไร แมที่สุดแตทำมีดบาดมือใหเปนแผลเจ็บปวดขึ้นมา ก็เพราะทำผิด หนาที่ที่จะตองมีสติสัมปชัญญะดังที่กลาวแลว นับตั้งแตโรคอยางต่ำที่สุด จนถึงโรคอยางสูงที่สุด ลวนแตเปนเรื่องทำผิด เพราะไมมีสติสัมปชัญญะ บาง เพราะความเขาใจผิดอยางใดอยางหนึ่งบาง เพราะความไมรูในสิ่ง ที่ควรรูเสียเลยโดยประการทั้งปวงบาง นี้เรียกวาเปน โรคทางวิญญาณ ทั้งนั้น ถาเราเอาใจใสใหมากที่สุดในหนาที่ของตนในสวนนี้ คือมีธรรมะ ในสวนนี้แลว คนเราก็จะเจ็บไขไดปวยยากที่สุด และเมื่อคนเราเจ็บไข ไดปวยแลวก็จะหายไดโดยงายที่สุด ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๒๗


เขาถึงความจริงของธรรมชาติ แคลวคลาดจากความตายเพราะโรคภัย à¡Ô´ á¡‹ à¨çº µÒ ¤ÇÒÁ¾ÅÑ´¾ÃÒ¡ ¤ÇÒÁäÁ‹ÊÁ»ÃÒö¹Ò Ōǹ໚¹·Ø¡¢ ½„¹ºÑ§¤ÑºäÁ‹ ä´Œ ໚¹¸ÃÃÁ´Ò¢Í§Áѹઋ¹¹Ñé¹àͧ

ÊÒ¸Ø... àÍÒ¤ÇÒÁ·Ø¡¢ Ê͹¨ÔµµÑÇàͧ ઋ¹¹ÕéáÅ àÁ×èͨԵÂÍÁÃѺ ¤ÇÒÁäÁ‹à·Õ觢ͧâÅ¡ áÅÐËҧ¡Ò ¨Ôµ¨Ð»Å‹ÍÂÇÒ§ ¤ÇÒÁÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹ä´Œ ã¹·ÕèÊØ´

เดี๋ยวนี้เรามีความเจ็บความไข แลวเราไมรูจักรักษาอยางไร ไมรูจัก กำจัดโรคนั้นออกไปไดโดยวิธีใด เพราะไมรูธรรมะ เพราะไมรูหนาที่ หารู ไมวาโรคภัยทั้งหลายเกิดจากความวิตกกังวล แลวก็ไมไดกำจัดความวิตก กังวล ตัวเปนโรคกระเพาะอาหาร เพราะมีความวิตกกังวลเปนตนเหตุ แตแลวก็ไมสนใจที่จะรักษาโรคกระเพาะอาหารดวยการทำลายความ วิตกกังวล กลับไปสรางความวิตกกังวลในดานกิจการงาน การเงิน การ อะไรตางๆ ใหมากขึ้นอีกทางหนึ่ง มันก็ไมมีทางจะหายได

âä·Ñé§ËÅÒÂÁÕÁÙÅÁÒ¨Ò¡¤ÇÒÁäÁ‹à»š¹»¡µÔ ¢Í§Ê‹Ç¹»ÃСͺ¢Í§Ã‹Ò§¡Ò«Öè§à»š¹¸ÃÃÁªÒµÔ áÅÐ໚¹ä»µÒÁ¡®¸ÃÃÁªÒµÔ·Ñ駹Ñé¹ äÁ‹Ç‹ÒâäÍÐäà ©Ð¹Ñé¹ ¶ŒÒ¼ÙŒã´ä´Œà¢ŒÒ¶Ö§¤ÇÒÁ¨ÃÔ§¢ŒÍ¹Õé ÁÕ¸ÃÃÁСѹ¨ÃÔ§æ ã¹¢ŒÍ¹ÕéáÅŒÇ ¡çÂÒ¡·Õè¨Ðà¨çºä¢ŒËÃ×ÍÂÒ¡·Õè¨ÐµÒÂä´Œ ๒๘

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ธรรมะเปนเครื่องปะทะความตาย จากโรคภัยและการถูกฆา ÁÕᵋ¢‹ÒÇäÁ‹´Õ º¹Ë¹ŒÒ˹ѧÊ×;ÔÁ¾ ·Ø¡ÇѹàÅÂ

¢Ò´ÈÕÅ ¢Ò´¸ÃÃÁ Êѧ¤Á¨Ö§ÇØ‹¹ÇÒÂ

¶Ù¡áÅŒÇÅ‹Ð ¾Ç¡àÃÒÁÒµÑé§ã¨ÈÖ¡ÉÒ áÅл¯ÔºÑµÔ¸ÃÃÁ áŌǪ‹Ç¡ѹÃдÁ¸ÃÃÁ ÊÙ‹Êѧ¤Á¹Ð

นี่แหละ คือขอที่มีธรรมะเปนเหมือนผาประเจียด ที่จะปะทะ มัจจุราชทั้งหลายไว ไมใหครอบงำบุคคลนั้น นี้เรียกวาปะทะมัจจุราช ในดานที่เปนโรคภัยไขเจ็บ ทีนี้จะพิจารณากันถึงความตายที่จะมีมาโดยทางสังคม เชน จะ ถูกเขาฆาตาย การจะถูกเขาฆาตายนั้นลองคิดดูเถิดวามีมูลมาจากอะไร ถาไมใชจากการขาดธรรมะ เพราะ...

¡ÒâҴ¸ÃÃÁйÑé¹ ·Óãˌ໚¹¼ÙŒ»ÃоĵÔÍ‹ҧÊÐà¾Ã‹Ò ¨¹à¡Ô´àÃ×èͧà¡Ô´ÃÒǶ١à¢Ò¦‹ÒµÒ ËÃ×Í¡ÒâҴ¸ÃÃÁйÑé¹ ·Óãˌ໚¹à¨ŒÒâ·ÊÐ ä»·ÐàÅÒÐÇÔÇÒ· ·ÓãËŒà¢Ò¶Ù¡¦‹ÒµÒ ËÃ×ÍÇ‹Ò¡ÒâҴ¸ÃÃÁйÑé¹ ÊÌҧàÇÃÊÌҧÀÑ ´ŒÇ¡ÒÃàºÕ´àºÕ¹¼ÙŒÍ×è¹ àÍÒà»ÃÕº¼ÙŒÍ×è¹ ¢‹Áà˧¼ÙŒÍ×è¹ à¾ÃÒТҴ¸ÃÃÁйÑé¹ ¨Ð·ÓãËŒ¶Ù¡à¢Ò¦‹ÒµÒ ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๒๙


ธรรมะเปนเครื่องปองกัน ไมใหตายกอนสิ้นอายุ ¸ÃÃÁзÓãˌࢌÒã¨âÅ¡ µÒÁ¤ÇÒÁ໚¹¨ÃÔ§ ¤ÇÒÁ»†ÇÂËÃ×ͤÇÒÁµÒ ¡çäÁ‹ 㪋àÃ×èͧ¹‹Ò¡ÅÑÇÍÕ¡µ‹Íä» ¢ÍãËŒ·Ø¡·‹Ò¹ÅͧÈÖ¡ÉÒ áÅл¯ÔºÑµÔ¸ÃÃÁ¡Ñ¹¹Ð¤Ð

ÊÒ¸Ø

และยังมีอีกมากมายหลายอยางหลายประการ นับตั้งแตเปนคน ไมกตัญูกตเวทีตอบุคคลผูมีพระคุณ ก็ยังเปนเหตุใหบุคคลสาปแชงและ ทำผิดเรื่อยไป จนถูกคนใดคนหนึ่งฆาตาย แมแตสุนัขที่เลี้ยงไวนั่นเอง ก็ยังจะกัดบุคคลชนิดนี้โดยไมตองสงสัย นี้เรียกวา เพราะขาดธรรมะ จึงเปดโอกาสแหงความตาย อันจะมีมาจากทางสังคมดวยเหตุนี้

ËÒ¡ÁÕ¸ÃÃÁР໚¹¼ÙŒ»ÃÐ¾ÄµÔ´Õ »ÃоĵԶ١µŒÍ§ µÒÁ˹ŒÒ·Õè·ÕèÁ¹ØÉ ¨ÐµŒÍ§»ÃоĵÔáÅŒÇ ¡çÂÒ¡·Õè¨ÐµÒÂä´Œ à¾ÃÒÐà˵ةйÑé¹áËÅÐ ¨Ö§ÊÁ¡Ñº¢ŒÍ·Õè¡Å‹ÒÇäÇŒã¹àÃ×èͧ¹ÕéÇ‹Ò ¼ÙŒ»ÃСͺ仴ŒÇ¸ÃÃÁÐ äÁ‹ÁÕ¡ÒõÒ ÍѹÁÔ㪋¡ÒÅÐ ¤×Í ÂѧäÁ‹¶Ö§ÍÒÂآѹÑè¹àͧ นี่เรียกวาความตายโดยทั่วๆ ไปตามธรรมดา พวกที่เขามีธรรมะ เปนหลักประกันยอมมีความเชื่อมั่นในใจวาจะอยูไปจนถึงที่สุดแหงอายุขัย สุดเหตุสุดปจจัยของสังขารดวยกันทั้งนั้น ๓๐

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ÊÒ¸Ø ¸ÃÃÁÐàÍÒª¹Ð¤ÇÒÁµÒ 䴌¨ÃÔ§æ ¤‹Ð ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºÑµÔ¸ÃÃÁ ¤×Í ¡ÒÃÊÌҧ¼ŒÒ»ÃÐà¨Õ´¤ØŒÁµÒ ࢌÒ㨡ѹáŌǹзء¤¹

การปฏิบัติธรรมะ คือ การสรางผาประเจียดคุมตาย เปนอันวา...

¸ÃÃÁÐ ¤×Í Ë¹ŒÒ·Õè·ÕèÁ¹ØÉ ¨ÐµŒÍ§»¯ÔºÑµÔãËŒ¶Ù¡µŒÍ§ µÒÁ¡®à¡³± ¢Í§¸ÃÃÁªÒµÔ¹Ñé¹ à»š¹àËÁ×͹¼ŒÒ»ÃÐà¨Õ´·Õè¨Ð»Ð·ÐÍѹµÃÒ ¤×Í ÁѨ¨ØÃÒª â´ÂµÃ§ä´Œ คำวา “ผาประเจียด” ในที่นี้อาตมาหมายถึงเครื่องรางอันศักดิ์สิทธิ์ที่บุคคลมีแลวจักปองกันตัวใหปราศจากอันตรายแมแตความตาย ดัง ที่บุคคลเขาใสผาประเจียดแลวก็ทำการตอสูกันเพื่อเอาชัยชนะ ดวยหวัง วาผาประเจียดนั้นจักเปนเครื่องคุมครอง แตนั่นเปนเรื่องของเด็กอมมือ ผาประเจียดชนิดนั้นยังไมยึดถือเปนสาระอะไรไดมากนัก แตผาประเจียด คือธรรมะนี้ คุมไดจริงๆ นี่เรียกวาคุมความตาย ตามความหมาย ตาม ธรรมดาไดสวนหนึ่งแลว ทีนี้ก็ยังเหลือแตสวนสูงสุด คือจะทำใหไมมีความตายโดยประการ ทั้งปวงเสียเลย ซึ่งเปนธรรมะชั้นสูงอันเราจะตองศึกษากันตอไป ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๓๑


เพราะยึดมั่นในรางกาย ความตายจึงกอทุกข »†ÇÂ˹ѡ¤ÃÑ駹Õé ¶×Í໚¹âÍ¡ÒÊ·Õè¨Ðä´ŒàÃÕ¹ÃÙŒ ¤ÇÒÁ·Ø¡¢ áÅÐÇÔ¸Õª¹Ð¤ÇÒÁµÒ Åͧ͋ҹ´Ù¹Ð¤ÃѺ

äÁ‹Í‹Ò¹ànj ! ¼ÁÁÕà§Ô¹ÁËÒÈÒÅ ËÁ͵ŒÍ§·ÓãËŒâä¼ÁËÒ ãËŒ ä´Œ !

ความเกิด ความแก ความเจ็บ ความตาย ของสัตวทั้งหลายนั้น เกิดมีขึ้นมาเพราะอำนาจอวิชชา ตัณหา อุปาทาน การกลาวอยางนี้ ทานจะหมายเอาความตายอยางไหนก็ไดทั้งนั้น คือจะหมายเอาวาถามี อวิชชา ตัณหา อุปาทานแลว เราก็ตองเวียนวายตายเกิดในวัฏสงสาร มีความตายไมมีที่สิ้นสุด เมื่อดับอวิชชา ตัณหา อุปาทานแลว คนเรา ก็บรรลุนิพพาน ไมมีการเวียนวายในวัฏสงสารอีกตอไป อยางนี้ก็ได แตอาตมาอยากจะขอรองใหทานสาธุชนทั้งหลายสนใจไปในแงหนึ่ง มุมหนึ่งซึ่งนาสนใจกวานี้ คือขอที่วา...

¶ŒÒàÃÒÂѧÁÕÍÇÔªªÒ ÁÕ¤ÇÒÁËŧÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹Êѧ¢ÒÃËҧ¡Ò¹Õé Ç‹Ò໚¹µÑǵ¹ ËÃ×Í໚¹¢Í§¢Í§µ¹ÍÂÙ‹áÅŒÇ ¤ÇÒÁµÒ¡ç¨ÐÁÕ»˜ÞËÒ ¤×Í ¨Ð·ÃÁÒ¹¨Ôµã¨¢Í§àÃÒÍÂÙ‹ ·Ø¡àÇÅÒ¹Ò·Õ·Õà´ÕÂÇ áµ‹¶ŒÒàÃÒà¾Ô¡¶Í¹¤ÇÒÁÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹ÊÔ觵‹Ò§æ â´Â¤ÇÒÁ໚¹µÑÇàÃÒËÃ×ͧ͢àÃÒáÅŒÇ ¤ÇÒÁµÒ¡ç໚¹¢Í§¹‹ÒËÑÇàÃÒÐàÂÒÐÍ‹ҧ˹Öè§à·‹Ò¹Ñé¹àͧ äÁ‹ÁÕ¤ÇÒÁËÁÒÂÍѹã´Áҡ仡NjҹÑé¹ ๓๒

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ตองใชสติปญญา เพื่อละความยึดมั่นถือมั่น ËÁͺŒÒ ! àÍÒ˹ѧÊ×ͤÇÒÁµÒÂÁÒãËŒ ¹Õè¨Ð᪋§ãËŒ¼ÁµÒÂàËÃÍ ! ÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹áºº¹Õé »˜ÞÞÒà¡Ô´ÂÒ¡ µŒÍ§»Å‹ÍÂÇÒ§

ทานทั้งหลายลองกระทำโดยประการที่ความตายจะกลายเปน ของเด็กเลนนาหัวเราะเยาะอยางหนึ่งดูบางเถิด จะไดรับสิ่งที่เรียกวาธรรมะ สวนที่เปนเหมือนผาประเจียดไดถึงที่สุดทีเดียว ทำอยางไรจึงจะเปนเชนนั้น ได นี้ก็...

µŒÍ§ÍÒÈÑÂʵԻ˜ÞÞÒ¾Ô¨ÒóҢͧµ¹àͧ ໚¹ËÅÑ¡ÍÕ¡àËÁ×͹¡Ñ¹ ¨Ðàª×èͧÁ§ÒµÒÁºØ¤¤ÅÍ×è¹äÁ‹ä´Œ à¾ÃÒÐÇ‹ÒÊÔ觹ÕéäÁ‹ÊÓàÃ稴ŒÇ¤ÇÒÁàª×èÍ äÁ‹ÊÓàÃ稴ŒÇ¾ԸÕÃյͧ ᵋÊÓàÃ稴ŒÇ»˜ÞÞÒÍѹ᷌¨ÃÔ§ โดยมาศึกษาใหรูใหเห็นตามที่เปนจริงวา “เรา” ประกอบขึ้นมา ดวยอวิชชาทีไร จิตใจนี้ก็มีตัวตน มีของตนขึ้นมา และมีความทุกขทุกที ตองเขาใจเสียกอนวา สิ่งที่เรียกวา กิเลส หรือ ความทุกข นี้ ไมใชเกิดอยู เปนพื้นฐาน สิ่งที่เรียกวากิเลส หรือความทุกขนี้ เพิ่งเกิดเปนครั้งคราว ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๓๓


กิเลสเปนเพียงผูมาเยือน อยายึดมั่น ÂÖ´¡ÔàÅʪÑèǤÃÒÇ ·Ø¡¢ á·Œæ 㪋àÅ ÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹ã¹Ã‹Ò§¡Ò ¨Ö§µŒÍ§·Ø¡¢ ¨ÃÔ§æ

พระพุทธเจาทานจึงตรัสวา “ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเวจิตฺตํ ดูกอน ภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ประภัสสร อาคนฺตุเกหิ อุปกิเลเสหิ อุปกิลิฏํฺ แตวา จิตนี้เศราหมองแลว เพราะกิเลสที่เปนอาคันตุกะเขามา”

¤ÓÇ‹Ò ¡ÔàÅÊ ·Õè໚¹ÍҤѹµØ¡ÐࢌÒÁÒ ËÁÒ¤ÇÒÁÇ‹Ò ¡ÔàÅʹÕé ÁÔä´ŒÁÕÍÂً໚¹¾×é¹°Ò¹ ã¹°Ò¹Ð໚¹à¨ŒÒ¢Í§ºŒÒ¹ ÁÕ»ÃШÓÊѧ¢Ò÷Ñé§ËÅÒÂÍÂً໚¹»¡µÔ ᵋNjÒà¾Ô觨Ðà¡Ô´ÁÕÁÒÍ‹ҧÍҤѹµØ¡Ð ËÃ×ÍᢡÁÒ໚¹¤ÃÑ駤ÃÒÇ รูไดดวยบาลีที่เปนหลักสำคัญ เชน บาลี ปฏิจจสมุปบาท๑ เปนตน วา เมื่อใดตาไดกระทบรูป หูไดกระทบเสียง เปนตน เปน “ผัสสะ” ขึ้นมาแลว เมื่อนั้นจึงจะมีสิ่งที่เรียกวา “เวทนา” คือรูสึกเปนสุขบาง ทุกขบาง เมื่อมีเวทนาแลวจึงจะมี “ตัณหา” คือความอยากอยางนั้น อยางนี้ไปตามเวทนานั้น เมื่อมีตัณหาแลวจึงจะมี “อุปาทาน” คือความ ยึดมั่น สำคัญมั่นหมายวาสิ่งนั้นเปนเรา สิ่งนั้นเปนของเรา ๑ ปฏิจจสมุปบาท (อานวา ปะ-ติด-จะ-สะ-หมุบ-บาด) คือ การอธิบายถึงการที่ทุกข เกิดขึ้นเพราะอาศัยเหตุปจจัยสืบเนื่องกันมา

๓๔

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ตัณหา อุปาทาน ผานมาเมื่อใด ความมีตัวตนก็เกิดขึ้นในใจเมื่อนั้น

¼Á໚¹¹Ñ¡¡ÒÃàÁ×ͧãËÞ‹ ÃèÓÃÇÂÂȶҺÃôÒÈÑ¡´ÔìÁËÒÈÒÅ ¼Á¨ÐµÒÂäÁ‹ ä´Œ¹ÐËÁÍ !

àÁ×èÍÁÕ¤ÇÒÁÂÖ´ÁÑè¹ÊÓ¤ÑÞÁÑè¹ËÁÒÂâ´Â¤ÇÒÁ໚¹µÑÇàÃÒáÅŒÇ ¡çàÃÕÂ¡Ç‹Ò ÁÕµÑÇàÃÒ µÑ³ËÒ ËÃ×Í Íػҷҹ ¹ÕèáËÅÐ ¤×Í¡ÔàÅÊâ´ÂÊÁºÙó áÅеÑÇàÃÒ¡çà¾Ôè§ÁաѹµÍ¹¹Õéàͧ จึงเรียกวา มีภพ มีชาติ กันตอนนี้เอง เมื่อยังไมมีอาการอยางที่ กลาวนี้ เรียกวาไมมีภพไมมีชาติที่แทจริง มีแตภพแตชาติตามที่ปากตลาด เขาวากัน เชนวา พอเกิดมาจากทองมารดาแลว ก็มีภพมีชาติอยางนี้ พระพุทธเจาทานไมไดวา พระพุทธเจาทานวา เมื่อมีผัสสะแลวมีเวทนา มีเวทนาแลวมีตัณหา มีตัณหาแลวมีอุปาทาน มีอุปาทานแลวมีภพ มีภพ แลวมีชาติ ทุกคราวที่มีการกระทบทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ หกอยางนี้แลว มีเวทนา มีตัณหา อุปาทานนั้น เรียกวา มีกิเลส มีภพ มีชาติ มีตัวเราเกิดขึ้น ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๓๕


เมื่ออุปาทานเกิดขึ้น จึงมีตัวตน ËÅǧ»Ù†ÊÍ¹Ç‹Ò µÑǵ¹ÁÔä´ŒÁÕÍÂÙ‹µÅÍ´¡ÒŠᵋà¡Ô´ÁÕàÁ×èÍà¡Ô´Íػҷҹ µÑÇ¡Ù-¢Í§¡Ù¹Ð¤ÃѺ

ถาจิตไมไดมีความรูสึกอยางนี้ มันก็มีคาเทากับไมมีกิเลส ก็ไมมี ตัวเรา ก็ไมมีแมแตสักวารางกาย จิตใจตามธรรมชาติไมมีความรูสึกวา เปนตัวเราแลว มันก็ไมมีความหมายเปนตัวเรา เพราะฉะนั้น เมื่อใดเรามีความโง ความหลง เกิดขึ้นมาเปนพักๆ วามีตัวเรา มีของเรา เมื่อนั้นแหละจึงจะเรียกวามีตัวเรา มีกิเลส มีตัณหา ที่เปนเหตุใหเกิดทุกขนี้ ทำใหเรากลาวไดวาแมแตสิ่งที่เรียกวา ตัวเรา ก็มิไดมีอยูตลอดเวลา สิ่งที่เรียกวา “ตัวเรา” มีอยูเปนคราวๆ เปนพักๆ ตามที่อุปาทานเกิดขึ้นวาตัวเรา สวนนอกนั้นมันก็มีแตดิน น้ำ ลม ไฟ ขันธ ธาตุ อายตนะ ไปตามสภาวธรรม เปนธรรมชาติลวนๆ

µ‹ÍàÁ×èÍã´ ÁÕ¡ÒáÃзº áÅÐ à¼ÅÍÊµÔ áÅŒÇà¡Ô´ÍÇÔªªÒ µÑ³ËÒ Íػҷҹ ÃÙŒÊ֡໚¹ µÑÇ¡Ù-¢Í§¡Ù ¢Ö鹤ÃÒÇ˹Öè§æ ¹Ñè¹áËÅÐ àÃÕÂ¡Ç‹Ò ÁÕµÑÇàÃÒà¡Ô´¢Öé¹ÁÒ¤ÃÒÇ˹Öè§ ดังนั้น จึงถือวา สิ่งที่เรียกวา ตัวเรา นี้ มิไดมีอยูตลอดกาล มีอยู ตอเมื่อมีอุปาทานเกิดขึ้น ๓๖

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


ไมเผลอสติ กิเลสไมเกิด ËÁÑè¹à¨ÃÔÞÊµÔ à¨ÃÔÞÇÔ»˜ÊÊ¹Ò ãËŒàËç¹ÊÃþÊÔè§à»š¹Í¹Ô¨¨Ñ§ ·Ø¡¢Ñ§ ͹ѵµÒ 㨨лŋÍÂÇÒ§ ÂÍÁÃѺ¤ÇÒÁ໚¹¨ÃÔ§

ทีนี้ กิเลส ตัณหา อุปาทาน นั้นก็เหมือนกัน มิไดมีอยูตลอดกาล แตมีเฉพาะตอเมื่อมีอารมณมากระทบทางตา เปนตน แลวเผลอสติ จึง จะเกิดขึ้น

¶ŒÒ໚¹¼ÙŒäÁ‹à¼ÅÍÊµÔ à¾ÃÒÐä´Œ¿˜§¸ÃÃÁТͧ¾ÃÐÍÃÔÂà¨ŒÒ à¢ŒÒã¨á¨‹Áᨌ§ÍÂً໚¹»ÃШÓáÅŒÇ ¡ÔàÅÊ µÑ³ËÒ ¡çäÁ‹ÁÕ·Ò§·Õè¨Ðà¡Ô´¢Öé¹ä´Œ แมวาวันหนึ่งจะไดกระทบผัสสะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย มากมายสักเทาไร สักกี่ครั้ง ก็ไมอาจจะเกิดตัณหา อุปาทาน ซึ่งเปนกิเลสนั้นได เรียกวาเราอยูดวยความสงบสุขเปนพื้นฐาน มีจิตวาง จากกิเลส เปนประภัสสรอยูเปนพื้นฐาน เปนที่ควรชื่นชมยินดีอยางยิ่ง เพราะปราศจากโรคทางวิญญาณ ไมเปนทางใหเกิดโรคทางกาย หรือโรค ทางจิต พระพุทธเจาตรัสสอนใหฝกรูลมหายใจเขา-ออกเพื่อเปนการเจริญสติ เพื่อใหจิตมีฐานที่มั่น เพราะเมื่อเกิดการกระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ความรูสึกหรืออารมณตางๆ จะเกิดขึ้นที่ “ใจ” ใหคอยดูอารมณที่เกิดดับ ไมวาจะความสุข ความทุกข หรืออารมณใดๆ ก็ตาม ลวนไมเที่ยง ผานมาผานไป เพียงชั่วคราว (ศึกษาวิธีปฏิบัติ หนา ๑๓๙-๑๔๓) ºÃÔÉÑ· Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ ¨Ó¡Ñ´

๓๗


ละความยึดมั่นในตัวตนได ความตายก็เปนเรื่องนาขัน ËÅǧ¾‹Í¤ÃѺ àÃҨЪ¹Ð¤ÇÒÁµÒ 䴌Í‹ҧääÃѺ ?

ÈÖ¡ÉÒáÅл¯ÔºÑµÔ¸ÃÃÁ ¨¹ÅФÇÒÁÂÖ´ÁÑ蹶×ÍÁÑè¹ã¹µÑǵ¹ä´Œ ¤ÇÒÁµÒ¡ç໚¹àÃ×èͧ¸ÃÃÁ´Ò

นี่แหละ เรียกวาเราสามารถที่จะกำจัดโรคทางวิญญาณใหหายไป ไมมีความสำคัญมั่นหมายวา เปนตัวเรา เกิดขึ้นมาทั้งวันทั้งคืน แลว ความตายจะมีมาแตไหน คือวาความคิดนึกถึงความตายในฐานะเปนปญหา นั้นจะไมมี เราจะมีแตจิตชนิดหนึ่ง ซึ่งเต็มไปดวยสติปญญาหัวเราะเยาะ ความตายไดอยูเสมอ นี่เรียกวา...

¤ÇÒÁµÒÂäÁ‹ÁÕ ´ŒÇÂà˵طÕèàÃÒÁÕ¸ÃÃÁÐ àËÁ×͹¼ŒÒ»ÃÐà¨Õ´ ¤Ò´ÍÂÙ‹·Õè˹ŒÒ¼Ò¡¢Í§àÃÒÍÂً໚¹»ÃÐ¨Ó คือ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณในความรูเรื่องธรรมชาติ หรือ สภาวธรรม ในความรูเรื่องกฎของธรรมชาติ คือสัจธรรม และในความรู เรื่องหนาที่ที่เราจะตองปฏิบัติตามธรรมชาติ อันเรียกวา ปฏิบัติธรรม “สิ่งที่เรียกวา ตน นั้นมันไมมี แลวอะไรที่จะเปนของตนนั้น มันจะมีมาแตไหน” จากหนังสือพุทธทาสตอบคำถาม, พุทธทาสภิกขุ

๓๘

เหนือตาย เหนือกรรม à˹×Í¡ÒÃà¡Ô´ãËÁ‹


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.