เกิดมาทำไม

Page 1



เกิดมาทำไม ? เกิดมาเพื่อศึกษาให้รู้เรื่องที่สูงสุดประเสริฐสุดของมนุษย์ ให้ได้พบสิ่งที่สูงสุดประเสริฐสุดของมนุษย์ ให้จบสิ้นสุดลง ตรงสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ ไม่มีอะไรดียิ่งไปกว่า

................................................................................... ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................................. ................................................................................... ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล

บุญกุศลนี้แผ่ไปให้ไพศาล ถึงบิดามารดาครูอาจารย์ ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน คนเคยร่วมทำงานการทั้งหลาย มีส่วนได้ในกุศลผลบุญฉัน ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัญ ขอให้ท่านได้กุศลผลนี้เทอญ


เกิดมาทำไม ?

บรรณาธิการสาระ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัตย์ สรรค์สาระ : ณัฐพันธ์ ปิ่นทวีเกียรติ ออกแบบปก/รูปเล่ม : ธเนษฐ สัคคะวัฒนะ ภาพประกอบ/ภาพหน้าปก : ธนรัตน์ ไทยพานิช พิสูจน์อักษร : อรัญ มีพันธ์, อรทัย คำแพง

ISBN 978-616-268-146-2

สร้างสรรค์และลิขสิทธิ ์ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 105/95-96 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-7667 เชิญร่วมเผยแผ่เป็นธรรมทาน

สาขาทุง่ ครุ : โทร. 02-872-9191, 02-872-8181, 02-872-7227, 02-872-9898 สาขาสำราญราษฎร์ : โทร. 02-221-1050, 02-221-4446 LC2YOU@GMAIL.COM, LC2YOU@HOTMAIL.COM

WWW.LC2U.COM, WWW.พุทธะ.NET

พิมพ์ที่ : หจก. แอลซีพี ฐิติพรการพิมพ์

105/66-67 ถนนประชาอุทิศ ซอย 45 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140 โทร./แฟกซ์ 02-872-9577 www.thitiporn.com


เกิดมาทำไม ? เกิดมาเพื่อศึกษาให้รู้เรื่องที่สูงสุดประเสริฐสุดของมนุษย์ ให้ได้พบสิ่งที่สูงสุดประเสริฐสุดของมนุษย์ ให้จบสิ้นสุดลง ตรงสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้ ไม่มีอะไรดียิ่งไปกว่า


คำนำ

คนส่ ว นใหญ่ ไ ม่ เ คยถามตั ว เองเลยว่ า “เราเกิ ด มาทำไม ?”

บางคนก็อาจจะเคยสงสัยและเคยตัง้ คำถามทีว่ า่ นีก้ บั ตัวเองบ้างเหมือนกัน แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถหาคำตอบที่แท้จริงให้กับตัวเองได้เสียที แล้วเราเกิดมาทำไม ? เราเกิดมาเพื่อเรียนหนังสือ ท่องเที่ยว ทำงานทำการ หาเงิน แต่งงานมีครอบครัว มีลูกมีหลาน แล้วก็ตายไป จากโลกนี้ แค่นเี้ องหรือ มันไม่เป็นเรือ่ งไร้สาระไปหน่อยหรือ ? เอาเป็นว่า หากคุณไม่เคยสงสัย ไม่เคยถามตัวเอง หรือยังหาคำตอบให้ตัวเอง

ไม่ได้ ขอให้คุณสละเวลาอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วคุณจะพบกับคำตอบ ที่แท้จริงว่า “เราเกิดมาทำไม ?” ดังนี้แล้ว สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จึงได้นำ ธรรมบรรยายเรื่อง เกิดมาทำไม ? จากหนังสือ “คุณพระไม่ตาย” ของ หลวงปู่ พุ ท ธทาสมาจั ด พิ ม พ์ ใ หม่ โดยในการจั ด พิ ม พ์ ค รั้ ง นี้ ยั ง คงบท

ธรรมบรรยายไว้เหมือนเดิม แต่ได้เพิ่มเติมในส่วนของบทคัดย่อ ใส่สี

เน้นคำ ทำเชิงอรรถ เสริมสาระ อธิบายข้อธรรม และใส่ภาพประกอบ เพื่อให้อ่านง่าย เข้าใจง่าย ช่วยย่นระยะเวลาในการอ่าน เข้าถึงแก่นแท้ ของธรรมะ และหยิบใช้ได้ทันที มีสุขทันใจ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้ จักเอื้อประโยชน์สุขให้กับ

ผู้ อ่ า นได้ ป ฏิ บั ติ แ ละดำเนิ น ตนไปสู่ ค วามพ้ น ทุ ก ข์ ตราบเท่ า เข้ า สู่

“พระนิพพาน” อันเป็นบรมสุขได้ในชาติปัจจุบันนี้ทุกท่านเทอญ โปรดใช้เล่มนี้ให้คุ้มสุดคุ้ม & อ่านแล้ว -> แบ่งกันอ่านหลายท่านนะจ๊ะ

อ่านสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝึกฝนปัญญา พัฒนาการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช้ เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สงบ เย็น สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ปรารถนาให้ทุกครอบครัวมีความสุข


สารบัญ

เกิดมาทำไม ? ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง หน้า ๗-๔๙ เกิดมาทำไม ? ตอน ๒ การเดินทางด้วยปัญญา หน้า ๕๑-๙๕ ธรรมะจิ๊กซอว์ ประเภทของพระอริยบุคคล หน้า ๙๖-๙๘ การ์ตูนธรรมะ “เจ้าแมวน้อยตัวสีดำ” หน้า ๙๙-๑๒๒ เรียนรู้ ฝึกจิต คิดสนุก พัฒนาสมอง หน้า ๑๒๔-๑๓๒ สวดมนต์เสริมบุญบารมี หน้า ๑๓๔-๑๕๗


ท่านสาธุชน ผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย

เกิดมาทำไม ?

เกิดมาเพื่อหยุดเสียซึ่งสังสารวัฏฏ์ ให้ถึงที่สุดของความทุกข์ คือไม่มีทุกข์เลย นี้เรียกว่า “นิพพาน” อย่างนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ลึกลับมหัศจรรย์เหลือวิสัยของคน หรือว่าเป็นสิ่งที่จะได้ต่อตายแล้ว


เกิดมาทำไม ?* ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมา สมฺพุทฺธสฺส ฯ สงฺขารา ปรมาทุกฺขา นิพพฺ านํ ปรมํ สุขํ เอตํ ตฺวา ยถาภูตํ สนฺติ มคฺคํ ว พฺรูหเยติ ธมฺโม สกฺกจฺจํ โสตพฺโพ - ติ.

ณ บัดนี้จะได้วิสัชนาพระธรรมเทศนา เพื่อเป็นเครื่องประดับ

สติปัญญา ส่งเสริมศรัทธาความเชื่อและวิริยะความพากเพียรของท่าน ทั้งหลายผู้เป็นพุทธบริษัท ให้เจริญงอกงามก้าวหน้าในทางแห่งพระศาสนาของสมเด็ จ พระบรมศาสดา อั น เป็ น ที่ พึ่ ง ของสั ต ว์ ทั้ ง หลาย

กว่าจะยุติลงด้วยเวลา ธรรมเทศนาเป็นพิเศษในวันนี้ จักได้กล่าวถึงธรรมะในพระพุทธศาสนาที่เป็นพุทธภาษิต ซึ่งอาจจะตอบปัญหาของคนทั่วไปที่มักจะถาม กันว่า เกิดมาทำไม ? ดังนี้ได้ *ธรรมบรรยาย “เกิดมาทำไม ?” จากหนังสือ คุณพระไม่ตาย (หนังสือชุดหมุนล้อธรรม-

จักร ของพุทธทาสภิกขุ) บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 7


เกิดมาทำไม ? คำถามของคนที่ยังรู้ธรรมะไม่ถึงที่สุด ใช่ครับ เราเกิดมา กำลังสงสัยว่า

เกิดมาทำไม ใช่ไหม ?

ทำไมครับหลวงปู่

นั่นสิคะ หลวงปู่

ข้อแรกที่สุด จะต้องระลึกให้กว้างกันไปสักหน่อยว่า คนธรรมดาทั่วๆ ไป มีปัญหาอยู่ในใจว่า เกิดมาทำไม ? จริงหรือเปล่า

ปัญหาข้อนี้ถือกันว่าทุกคนสนใจและสงสัย แม้กระนั้นก็อาจจะ มีบางคนมีเล่ห์เหลี่ยมที่จะเยาะเย้ยว่า ก็พระพุทธศาสนาสอนถึงความ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา คือไม่มีใครเกิด ดังนี้แล้วเหตุใดจึง

มีปัญหาว่าเกิดมาทำไมด้วยเล่า ถ้าผู้ใดถามซักไปในทำนองนั้น เราจะต้องถือว่าเขาอาศัยหลัก ของพระพุ ท ธศาสนาชั้ น สู ง สุ ด คื อ ชั้ น ว่ า ด้ ว ยความหลุ ด พ้ น มาพู ด

สำหรั บ คนธรรมดาสามั ญ ที่ ยั ง ไม่ มี ค วามหลุ ด พ้ น เป็ น เรื่ อ งที่ ไ ม่ ถู ก

ไม่ตรง คือไม่ถูกฝาถูกตัว เพราะว่า... 8

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


ตามธรรมดาของคนที่ยังไม่รู้ธรรมะถึงที่สุดแล้ว จะต้องมีความรู้สึกว่าตนกำลังเกิดอยู่ และตนมีปัญหามากมายที่จะต้องทำ กระทั่งไม่รู้ว่าเกิดมานี่เพื่อทำอะไรกัน โดยทั่วๆ ไป ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ ถึงที่สุดแห่งธรรมในพระพุทธศาสนาแล้วเท่านั้น ที่จะรู้สึกว่ามิได้มีการเกิดอยู่ในบัดนี้ ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตนของใครที่เป็นผู้ที่เกิดอยู่ในบัดนี้ ดังนั้น ปัญหาที่ว่าเกิดมาทำไมจึงไม่มีแก่พระอรหันต์ แต่สำหรับ บุคคลที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ แม้ที่ยังเป็นพระอริยเจ้าในขั้นต้นๆ เช่น พระโสดาบันก็ดี ก็ยังมีความรู้สึกว่ามีตัวตนของตนและตนกำลังเกิดอยู่ ทั้ ง นั้ น จึ ง จั ด ได้ ว่ า เป็ น ผู้ ที่ ล้ ว นแต่ มี ปั ญ หาอยู่ ใ นใจว่ า เกิ ด มาทำไม

ด้วยกันทุกคน โดยเหตุนขี้ อให้สรุปใจความของปัญหานีส้ นั้ ๆ ว่า เกิดมาทำไม ?

และว่าเป็นปัญหาของคนทั่วไปที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ การเกิด ย่อมมีอยู่ร่ำไป สำหรับผู้ที่ยังไม่ถึงที่สุดแห่งธรรม

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 9


คนส่วนใหญ่คิดว่า เกิดมาเพื่อตาย แล้วเกิดใหม่

วงจร ชีวิต

ทีนี้เราจะพิจารณาถึงความรู้สึกที่เกิดอยู่เองในใจของคน ซึ่ง

ต่างคนก็มักจะมีความคิดเป็นของเขาด้วยทั้งนั้นว่าเขาเกิดมาทำไม ? ถ้าจะถามเด็กๆ ดูก็จะตอบว่า เกิดมาเพื่อเล่นกันให้สนุกสนานทีเดียว ถ้าจะถามคนหนุ่มคนสาวก็คงจะตอบว่า เกิดมาเพือ่ ความสวยงาม ความรืน่ เริงบันเทิงกันในระหว่างเพศ ถ้าจะถามคนที่สูงอายุขึ้นไปในวัยเป็นพ่อบ้านแม่เรือน ก็คงจะตอบกันเป็นส่วนมากว่า เกิดมาเพือ่ สะสมทรัพย์สมบัตไิ ว้กนิ ต่อแก่เฒ่าและให้ลกู ให้หลาน

ดังนี้เรื่อยๆ ไปด้วยกันทั้งนั้น ครั้นอยู่ไปจนถึงแก่ชรา แก่หง่อม เมื่อถามดูว่าเกิดมาทำไม ? คงจะงง และคงจะคิดว่าเกิดมาเพื่อตายไป สำหรับจะเกิดใหม่ต่อๆ ไป มากกว่าอย่างอื่น 10

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


ตายแล้ว ไปไหนดีนะ ?

สวรรค์

นรก

ข้อนีน้ อ้ ยคนทีจ่ ะคิดว่าเกิดมาแล้วก็สนิ้ สุดกันเพียงตาย เพราะว่า ได้ถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกถึงเรื่องโลกอื่น ถึงเรื่องชาติอื่น หลังจากตายแล้ว จนฝังอยู่ในจิตใจด้วยกันแทบทั้งนั้น สำหรับผู้ที่มีวัฒนธรรมที่รับมาจากชาวอินเดีย ไม่ว่าจะนับถือ พุทธศาสนา ศาสนาพราหมณ์ หรือศาสนาอื่นๆ ส่วนมากมีความเชื่อ

ไปในทางตายแล้วเกิดใหม่ คนแก่ๆ คนชราหมดปัญญาที่จะนึกคิดอะไร แล้ว ก็คงจะตอบว่าเกิดมาเพื่อตายแล้วไปเกิดใหม่ดังนี้ นี่หลักใหญ่ๆ ทั่วๆ ไปก็ตอบได้แค่น ี้ พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า อย่าฝืนโลก อย่าฝืนธรรม อย่าประมาทในชีวิต ให้ คิดถึงความตาย ฝึกจิตให้พร้อมรับความตายไว้เสมอ แล้วจิตจักเป็นสุข เพราะร่างกายที่เห็น อยู่นี้ เป็นสมบัติของโลก ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ร่างกายมันเสื่อมโทรมลงทุกวัน บังคับให้มันทรงตัวไม่ได้ ทำได้เพียงดูแลมันไปตามหน้าที่ เมื่อร่างกายตายแล้ว จิตของเรา เท่านั้นที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีใครสามารถเอาร่างกายและทรัพย์สมบัติทางโลกไปได้ ให้หมั่นพิจารณาและยอมรับความจริงจนเห็นความเป็น “ธรรมดา” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 11


คนส่วนใหญ่เกิดมาเพือ่ กิน กาม เกียรติ

เดี๋ยวฉันจะหลอก ให้หมดตัวเลยคอยดู อิอิ

หล่อๆ รวยๆ เป็นดาราดังอย่างเรา สาวๆ ติดตรึม อิอิ

ไม่คิดว่าจะได้เจอ ดาราชื่อดัง ถูกใจสุดๆ คริคริ

ถ้าจะพิจารณาดูกันอีกทางหนึ่งในส่วนรายละเอียดปลีกย่อย คนบางคนก็คงจะตอบว่าเกิดมาเพื่อกิน เพราะมักมากในการกิน และ บางคนก็คงจะตอบว่าเกิดมาเพื่อกินเหล้า เพราะว่าเป็นทาสของเหล้า อยู่ตลอดเวลา ไม่บูชาอะไรยิ่งไปกว่าเหล้า ดังนี้ก็มี บางคนเกิดมาเล่นไพ่ จนถึงกับมีคำกล่าวว่ายอมหย่าผัว ไม่ยอม หย่ า ไพ่ ดั ง นี้ ก็ ยั ง มี บางคนยั ง หลงใหลในสิ่ ง อื่ น ๆ ในอบายมุ ข อื่ น ๆ

แม้กระทัง่ ของเล่น จนเห็นว่าเป็นสิง่ ทีส่ งู สุดในสิง่ ทีเ่ ขาควรจะได้อย่างนีก้ ม็ ี โดยทั่ ว ๆ ไป คนที่ เรี ย กว่ า ได้ รั บ การศึ ก ษาดี นั้ น มั ก จะนิ ย ม หลงใหลในเรื่องเกียรติ คือ อยากจะมีเกียรติว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ให้สูงสุดขึ้นไป เพราะเกิดมาเพื่อจะสร้างเกียรติ เท่าที่กล่าวมานี้ พอจะสรุปได้ว่า เกิดมาเพื่อ “กิน” เกิดมาเพื่อ “กาม” และ เกิดมาเพื่อ “เกียรติ” 12

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


พวกที ่

กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่

เพื่อกินนะเพื่อน ฮ่าๆๆ

เกิดมาเพือ่ “กิน” หลงติดใจในรสของอาหาร

เกิดมาทั้งที

ต้องกินให้เต็มที่ ฮ่าๆๆ พวกเราเกิดมาเพื่อกิน ฮ่าๆ มีความสุขจริงๆ เอิ๊กๆ

พวกที่ ๑ คือ เรื่องกิน นั้นเป็นของจำเป็น ครั้นไป ติดในรสของอาหารเข้า ก็หลงใหลในเรื่องของการกิน ดูคนสมัยนี้สนใจในเรื่องการกินกันมากยิ่งๆ ขึ้นทุกที ตามหน้า หนังสือพิมพ์ก็ดี หรือเครื่องมือสื่อมวลชนอย่างอื่นก็ดี มีโฆษณาเรื่องกิน อย่างมีศลิ ปะกันยิง่ ขึน้ จนเป็นทีเ่ ชือ่ ได้วา่ คนจำนวนไม่นอ้ ยหลงใหลบูชา

ในเรื่องการกิน เกิดมานี้ก็เพื่อกิน นี่เป็นพวกที่ ๑

“เราตามใจกิเลสมากี่ปีแล้ว ?” เคยลองตั้งคำถามเล่นๆ แบบนี้กันบ้างไหม ?

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 13


๒ พวกที ่

เกิดมาเพื่อ “กาม” หลงในความสุข ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

กินเสร็จแล้วก็มัวแต่เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ไม่ได้อ่านหนังสือสอบ ผลสอบเลยออกมาเป็นแบบนี้

พวกที่ ๒ ที่ เ รี ย กว่ า เรื่ อ ง กาม นั้ น หมายถึ ง ความสนุกสนาน เอร็ดอร่อยทางตา ทางหู ทางจมูก ทาง ลิ้น ทางกายทุกชนิด เพราะว่ า เมื่ อ เสร็ จ จากเรื่ อ งกิ น แล้ ว คนก็ หั น มาเรื่ อ งความ สนุกสนานทางอายตนะเป็นส่วนใหญ่ นี้เรียกว่าเป็นเรื่องกาม กลายเป็น คนที่ตกอยู่ใต้อำนาจของสิ่งเหล่านี้ ถึงขนาดที่เรียกว่าเป็นทาสด้วยกัน ทั้งนั้น แม้ที่สุดแต่อบายมุขต่างๆ ที่กล่าวนามมาแล้วนั้นก็รวมอยู่ในเรื่อง กาม คือความรู้สึกเอร็ดอร่อยทางจิตใจ ซึ่งเป็นอายตนะที่ ๖ เป็นเรื่อง หลงใหลได้ถึงที่สุดด้วยกันทุกอย่าง นี้เรียกว่าคนเหล่านี้เกิดมาเพื่อสิ่งที่เรียกว่ากาม คือวัตถุอันเป็น ที่ ตั้ ง ของความใคร่ อั น อาศั ย อายตนะคื อ ตา หู จมู ก ลิ้ น กาย ใจ

เป็นเครื่องมือ นี่เป็นพวกที่ ๒ 14

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


พวกที ่

เกิดมาเพื่อ “เกียรติ” หลงในชื่อเสียง เกียรติยศ

ขอแสดงความยินดี ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ

ผลงานของเราได้รางวัล ระดับโลก อีกแล้วโว้ย ดีใจสุดๆ

พวกที่ ๓ เกิดมาเพื่อเกียรติ นี้ได้รับการอบรม สั่งสอนมาให้บูชาเกียรติ แม้ชีวิตนี้ก็สละได้เพื่อเกียรติ ถ้ า หนทางที่ ต นถื อ เอาสำหรั บ แสวงเกี ย รติ นั้ น เป็ น ไปเพื่ อ ประโยชน์ผอู้ นื่ หรือประโยชน์ตนรวมกันไป ก็ยงั นับว่าเป็นประโยชน์อยูม่ าก ไม่เป็นที่ตั้งแห่งการติเตียนตามวิสัยชาวโลกทั่วๆ ไป แต่ในทางธรรมะ นั้น ถ้าหลงใหลถึงขนาดตกเป็นทาสของสิ่งที่เรียกว่าเกียรตินี้แล้ว ก็ยัง ถือกันว่าเป็นสิ่งที่น่าเวทนาสงสาร คือยังไม่ดับทุกข์นั่นเอง เพราะฉะนั้น เรื่องกินก็ดี เรื่องกามก็ดี เรื่องเกียรติก็ดี จึงมีไว้ สำหรับเป็นเครื่องหลงใหลอย่างยิ่งได้ด้วยกันทุกอย่าง

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 15


คนมากมายหลงใน กิน กาม เกียรติ เพราะไม่ได้ฟังธรรมของพระอริยเจ้า

เราต้องทำงานเยอะๆ จะได้มีเงินไปซื้อของที่อยากได้ อย่างที่เราได้ยินได้ฟังอยู่มากกว่าอย่างอื่นในหมู่คนที่ยากจนว่า จำเป็ น ที่ จ ะต้ อ งประกอบอาชี พ เพื่ อ ได้ วั ต ถุ ม าเลี้ ย งชี วิ ต แต่ แ ล้ ว ก็ ดู เหมือนว่า ไม่ได้คิดว่ามีสิ่งอื่นซึ่งสำคัญหรือจำเป็นยิ่งกว่าเรื่องทำมาหากิ น จึ ง ถื อ เอาเรื่ อ งทำมาหากิ น เป็ น เรื่ อ งใหญ่ ที่ สุ ด ในชี วิ ต ของตน

จนกลายเป็นว่าเกิดมาก็เพื่อทำมาหากิน ทำไร่ ทำนา ค้าขาย หรืออะไร

ก็แล้วแต่ถนัด ทำอย่างนี้เรื่อยจนเน่าเข้าโลงไปทีเดียว ก็ยังไม่มีจุดที่

ถือได้ว่าเพียงพอ นี้ เรี ย กว่ า เกิ ด มาเพื่ อ ทำมาหากิ น แท้ ๆ ไม่ เ คยนึ ก ว่ า มี สิ่ ง ใดที่ สำคัญไปกว่า เพราะเหตุว่า... “ธรรมะ” เป็น ปัจจัตตัง คือ เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ปฏิบัติเอง พิจารณาเอง

รู้เอง เห็นเอง เข้าถึงเอง พ้นทุกข์เอง ไม่สามารถให้ใครปฏิบัติแทนกันได้ พระพุทธองค์

จึงตรัสว่า “ท่านจงมาดูเถิด” ว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสสอนนั้นเป็นความจริงไหม พ้นทุกข์ได้จริง ไหม เป็นเหตุเป็นผลจริงไหม เมื่อเข้ามาศึกษา ปฏิบัติ และพิจารณาด้วยตนเองแล้ว ก็จะได้ คำตอบ 16

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


คนเหล่านั้นไม่ได้นั่งใกล้พระอริยเจ้า ไม่ได้ฟังธรรมของพระอริยเจ้า* คงนั่งใกล้แต่เพื่อนปุถุชนด้วยกัน ฟังคำของปุถุชนด้วยกัน นับว่าเป็นสิ่งที่น่านึกน่าคิดตรงที่ว่า เขาถือว่าเป็นการถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ถงึ ทีส่ ดุ เพียงแค่นน ั้ แต่ที่แท้แล้วมันจะเป็นการถูกต้องเพียงครึ่งเดียวหรือไม่ถึงครึ่ง ด้วยซ้ำไป เพราะว่าคนเรานั้นมีวัตถุประสงค์มุ่งหมายในการเกิดมา

มากไปกว่าที่จะเกิดมาเพียงเพื่อทำมาหากิน

ธรรมะมีอยู่ทุกที่ แม้ในการทำมาหาเลี้ยงชีพ ผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมเข้าถึง ธรรมนั้นได้

*ลำดับขั้นของพระอริยบุคคล ได้แก่ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และ

พระอรหันต์ (อ่านรายละเอียด หน้า ๙๖-๙๘) บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 17


ชีวิตที่เกิดมา มีสิ่งสำคัญกว่าสะสมทรัพย์

เราต้องใช้ชีวิตแบบ โลกไม่ให้ช้ำ ธรรมไม่ให้เสีย นะครับ นี่แหละ คือข้อที่ทุกคนจะต้องสนใจศึกษากันให้เป็นที่เข้าใจ อย่างแจ่มแจ้ง ว่าการเกิดมาเพือ่ ทำมาหากินให้มชี วี ติ อยูน่ ี้ อยูไ่ ปทำไมกัน ? ต่อเมื่อมีความเข้าใจอันถูกต้องว่า มีชีวิตอยู่ไปนี้ จะอยู่เพื่ออะไรในที่สุดแล้ว จึงจะรูว้ า่ การทำมาหากินนีเ้ ป็นเพียงเรือ่ งทีส่ องรองลงมา จากเรื่องที่ใหญ่ที่สำคัญเรื่องหนึ่ง คือเรื่องที่ว่าเกิดมาเพื่ออะไรนั่นเอง เราทำมาหากินนี้สำหรับจะได้เลี้ยงชีวิต เพื่อมีชีวิตอยู่ แล้วจะ

ได้ทำสิ่งอื่นที่ดีกว่านี้ หรือว่าการทำมาหากินนี้สำหรับจะได้สะสมทรัพย์ สมบัติไม่มีขอบเขต เท่าที่เห็นกันอยู่โดยมากเป็นไปในทำนองทำมาหากินเพื่อสะสมทรัพย์สมบัติอย่างไม่มีขอบเขต ไม่ได้ทำมาหากินเท่าที่ จำเป็นจะต้องทำ เช่น ทำเพียงเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีความ เป็นอยู่ผาสุก ไม่มีความยากลำบาก ให้มีการก้าวหน้าไปตามทางของ

คนธรรมดาทั่วๆ ไป 18

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


เครียดจัง... กำไรแค่ 500 ล้าน ไม่ถึงเป้าที่วางไว้สักที คนโดยมากเฝ้าสะสมทรัพย์เท่าไรไม่พอ ไม่มขี อบเขต จนกระทัง่ ตัวเองก็บอกไม่ได้ว่าจะเอาไปทำอะไร อย่างนี้ก็มีอยู่มากมายในโลกนี ้ การกระทำของบุคคลประเภทนี้ ตามทางศาสนาถือว่าเป็นการทำบาป

อยูใ่ นตัว โดยตรงบ้างโดยปริยายบ้าง ศาสนาคริสเตียนถือว่าการแสวงหาทรัพย์เกินกว่าจำเป็นนั้น เป็นบาปโดยตรง ในศาสนาอื่นก็ยังมีว่าอย่างนั้น ในศาสนาพุทธเรานี้

ก็ มี ห ลั ก การในทำนองนั้ น คื อ ว่ า ผู้ ที่ มั ว คอยสะสมทรั พ ย์ ส มบั ติ ไ ม่ มี ขอบเขตนั้นมีความหลง ความโง่ ความเขลา อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่

ขึ้นชื่อว่าความหลงแล้วก็เป็นบาปอยู่ในตัว แม้ไม่ใช่บาปอย่างฆ่าสัตว์

ตัดชีวิตเขา ก็ยังเป็นบาปชนิดใดชนิดหนึ่ง ดั ง นั้ น ควรจะยุติกันสักทีว่าคนเราไม่ ค วรจะเกิ ด มาเพื่ อ การ สะสมทรั พ ย์ ส มบั ติ อ ย่ า งไม่ มี สิ้ น สุ ด ควรจะนึ ก ถึ ง เรื่ อ งอี ก เรื่ อ งหนึ่ ง

ซึ่งดีกว่านั้น หมายความว่าเราสะสมทรัพย์ก็เพื่อซื้อความสะดวกแก่การ เป็นอยู่ในทุกประการ แล้วก็แสวงหาสิ่งอื่นที่ดีไปกว่าทรัพย์สมบัติให้ได้ สิ่งนั้นได้แก่อะไร ก็ควรจะได้คิดดูเอาเองตามชอบใจไปพลางก่อน บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 19


คนที่ลุ่มหลงแต่เรื่องกาม ชีวิตก็ต่ำทรามเสมอเดรัจฉาน

สวยจริงๆ ด้วย ไปสนุกกันต่อเถอะ เฮ้ ยๆนั่นไง เพื่อนเลิฟ ฮ่าๆๆ สาวๆสวยๆ ปล่อยผมนะ ผมไม่รู้จักคุณ เฮ้อ... เมื่อปราศจากธรรมะ คนกับสัตว์ก็ไม่ต่างกัน ทีนี้มาถึงข้อที่ว่า คนที่เกิดมาลุ่มหลงในทางกามนั้นน่าจะระลึก นึกถึงภาษิตโบราณสักบทหนึ่งว่า อาหาร นิทฺทา ภยเมถุนญฺจ สามาญฺเมตปฺปสุภิ นรานํ - การ แสวงหาความสุขจากการกินอาหารก็ดี การแสวงหาความสุขจากการ นอนก็ดี การแสวงหาความสุขจากเมถุนธรรมก็ดี และการรู้จักขี้ขลาด ต่ อ อั น ตรายหนี ภั ย ก็ ดี สี่ อ ย่ า งนี้ มี เ สมอกั น ในระหว่ า งสั ต ว์ ม นุ ษ ย์ กั บ

สัตว์เดรัจฉาน ธมฺโม หิ เตสํ อธิโก วิเสโส - แต่ว่าธรรมะเท่านั้นที่จะทำคน

ให้ผิดแปลกแตกต่างจากสัตว์ ธมฺเมน หีนา ปสุภิ สมานา – เมื่อปราศจากธรรมะแล้ว คนกับ สัตว์ก็เสมอกัน 20

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


เจอเหยื่อ แล้วโว้ย ฮ่าๆๆ นี้เป็นคำกล่าวที่มีมาแต่โบราณกาลก่อนพระพุทธเจ้า และแม้ใน ยุคพระพุทธเจ้าก็ยังคงยอมรับภาษิตนี้ และในพุทธศาสนาเราก็ถือว่า คำกล่าวนี้ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาด้วย เป็นอันว่า เท่าที่เกิดมาตามธรรมดาสามัญนี้... คนเรามีความรู้สึกเหมือนกับสัตว์ ในเรื่องกิน เรื่องนอน เรื่องเมถุนธรรม และหนีภัยอันตราย โรคภัยไข้เจ็บศัตรูอะไรก็ตามเหล่านี ้ เป็นเรื่องที่สัตว์ก็ทำเป็นเหมือนกับคน ดังนั้น การที่จะเกิดมาเพื่อบูชาสิ่งที่เรียกว่ากามคุณ ทางตา ทาง หู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจนี้คงจะไปไม่รอด คือแสดงว่ายังไม่รู้ อะไรอยู่ บ างอย่ า งหรื อ มากอย่ า ง จึ ง ได้ ไ ปลุ่ ม หลงสิ่ ง ซึ่ ง แม้ ธ รรมดา

สัตว์เดรัจฉานก็ทำเป็นดังที่กล่าวมาแล้ว บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 21


กามไม่ใช่ที่สุดของความสุข เพราะในสวรรค์ก็ยังร่ำหาสุขที่ยิ่งกว่ากาม

ตายแล้วขอไปเกิด เป็นเทวดา มีนางฟ้าสวยๆ เป็นเมียด้วยเถิด เนื่องจากเหตุที่สิ่งที่เรียกว่าวัตถุกามนั้น เป็นมูลเหตุดึงดูดใจ

ถึงที่สุด ยากที่สัตว์ตามธรรมดาจะมองเห็นแล้วถอนตนออกมาได้ เราจึง ถือว่าสัตว์ตามธรรมดาไม่ใช่บุคคลสูงสุด ไม่ใช่บุคคลที่ถึงที่สุดแห่งการ เกิดมาเป็นคน เป็นเพียงผู้ที่กำลังลุ่มหลงอะไรอยู่ในระหว่างทางครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้นเอง ถือเอาเป็นประมาณไม่ได้ และถ้าสิ่งที่เรียกว่ากามคุณเหล่านั้นเป็นสิ่งสูงสุดแล้ว คนก็ตาม สัตว์ก็ตาม ย่อมจะเรียกได้ว่าต่างอยู่ในฐานะถึงสิ่งที่สูงที่สุดแล้วด้วยกัน ทั้งนั้น บัดนี้เรายอมรับกันแล้วว่า... 22 เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


แม้แต่พวกเทวดาประเภทกามาวจร ซึ่งอยู่ในสวรรค์ประเภทนั้น ก็ยังไม่ใช่คนดีวิเศษอะไร ยังมีความทุกข์ร้อน ยังมีความสกปรกเศร้าหมอง เพราะประพฤติกรรมที่ไม่สมควรทางกาย ทางวาจา และทางใจ อยู่เป็นประจำ พวกเทวดาเหล่านั้นเมื่อสำนึกตัวขึ้นมาได้ทีไรก็ร่ำหา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ตลอดไป นี้จึงเป็นอันว่าเรื่องสูงสุด

แม้ในทางกามนั้น ยังไม่ใช่สิ่งสูงสุดของมนุษย์เลย ไม่ควรถือว่ามนุษย์ เกิดมาเพื่อสิ่งเหล่านั้น พวกท่านอย่าได้หลงใหล ในการเสวยผลกรรมดีในสวรรค์นี้ จงเร่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นเถิด สาธุ การเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม ล้วนไม่เที่ยง เพียงแค่ชั่วคราว เมื่อหมดบุญก็ต้อง เวียนว่ายตายเกิดต่อไปตามกรรม ตามบุญบาปที่ได้กระทำไว้ ตายแล้วอาจจะไปเกิดใน

อบายภูมิก็ได้ นี่คือความน่ากลัวของสังสารวัฏฏ์ พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนให้ปฏิบัติธรรมเพื่อ

“พระนิพพาน” บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 23


เรื่องกิน กาม เกียรติ ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดที่จะต้องแสวงหา

ฉันอยากได้ตำแหน่ง คุณหญิงไฮโซ

ฉั นต้องทำให้ได้ ทีนี้ก็มาถึงเรื่องเกียรติ ถ้าจะคิดว่าคนเราเกิดมาเพื่อเกียรติ ก็คง จะเป็นสิ่งที่น่าสงสารมาก เพราะว่าดูจะเป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ โดยเหตุที่ สิง่ ทีเ่ รียกว่า “เกียรติ” นัน้ ต้องมีมลู มาจากคนเหล่าอืน่ หรือคนจำนวนมาก อุปโลกน์ให้ นิยมยกย่องให้ เป็นเรื่องอุปโลกน์กันผิดๆ โดยไม่รู้สึกตัวก็มี เมื่อคนส่วนมากนั้นเป็นคนโง่ คนเขลา คนหลง คนพาล ไม่รู้จักธรรมะ แล้ว สิ่งที่เขาหลงนิยมยกย่องให้เป็นเกียรติแก่กันนั้น ก็ต้องเป็นเรื่องธรรมดาๆ สามัญ ตามประสาที่คนเหล่านั้นชอบนั่นเอง หาใช่เป็นเรื่องที่พระอริยเจ้าท่านสรรเสริญ หรือสั่งสอนแต่ประการใดไม่ 24

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


ยิ่งในสมัยที่คนลุ่มหลงเรื่องเกียรติกันมาก ก็ดูจะยิ่งเป็นสิ่งที่

น่า สมเพชยิ่ ง ๆ ขึ้นทุกที อย่างว่าใครจะออกไปนอกโลกได้ ถื อ เป็ น เกียรติสูงสุด มันก็ยังไม่มีอะไรดีไปกว่าที่จะทำมนุษย์ทั้งหมดนี้ให้มีความ สุขมากขึ้นได้ มีแต่เรื่องยุ่งเหยิงสับสนอลหม่านมากขึ้นกว่าเก่าเท่านั้น นี้เป็นตัวอย่างของสิ่งที่เรียกว่าเกียรติของปุถุชนคนธรรมดา ทั่วไปซึ่งมีอยู่ในโลกนี้ ดังนั้น ถ้าจะถือว่าเกิดมาเพื่อเกียรติ ก็คงจะ

น่าหัวเราะเท่าๆ กันกับที่จะเกิดมาเพื่อกามหรือแม้แต่เพื่อกิน อันอยู่ใน ระดับที่น่าสงสารเท่าๆ กัน แล้วแต่ว่าถูกอบรมสั่งสอนกันมาอย่างไร รวมความแล้ ว เป็ น อั น ว่ า ทั้ ง เรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ

สามเรื่องนี้ยังไม่ใช่สิ่งสูงสุดที่พุทธบริษัทจะพึงปรารถนาเป็นแน่นอน

เรื่องกิน กาม เกียรติ ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด ที่จะต้องแสวงหานะโยมนะ

เมื่อแรกเกิดมาก็มาตัวเปล่า เวลาตายก็ไปตัวเปล่า ขณะมีชีวิตอยู่เราสะสมทรัพย์ สมบัติอะไรไว้มากมาย บ้างก็สะสมไว้มากจนไม่มีที่จะเก็บ (เพราะตกเป็นทาสของความ อยาก) แต่ เราเคยได้ คิ ด พิ จ ารณากั น บ้ า งไหมว่ า ตายแล้ ว เราเอาทรั พ ย์ ส มบั ติ ข องโลก

ไปได้ไหม ? (แม้กระทั่งร่างกายที่เรายึดมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา) นี่เราเกิดมาเพื่อทำเรื่อง

ไร้สาระพวกนี้หรือ ? หากยังไม่เคยพินิจพิจารณา ขอให้อาศัยช่วงเวลาของการอ่านหนังสือ เล่มนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อตัวของท่านเอง บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 25


ความทุกข์ยอ่ มเกิดร่ำไป หากไม่หยุดปรุงแต่ง

เฮ้อ...หล่อ รวย มีรถ มีบ้าน ฐานะดี แต่ทำไมหาแฟน ไม่ได้สักทีนะ ที นี้ จ ะกล่ า วถึ ง พระพุ ท ธภาษิ ต ที่ เ ห็ น ว่ า จะช่ ว ยให้ เราเข้ า ใจ คำตอบของปัญหาว่าคนเราเกิดมาทำไมนี้ได้ กล่าวคือ พระพุทธภาษิต

ที่ได้ยกขึ้นไว้เป็นนิเขปบทข้างต้นที่เรียกว่า สงฺขารา ปรมาทุกฺขา สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ - นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เอตํ ตฺวา ยถาภูตํ สนฺติ มคฺคํ ว พฺรูหเย - เมื่อรู้ความจริงข้อนี้อย่าง ถูกต้องแล้ว บุคคลควรพอกพูนหนทางแห่งสันติ ดังนี้ ข้อแรกที่ว่า สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง นั้นจะต้องเข้าใจคำว่า

“สังขาร” กันให้ดีๆ เพราะสิ่งที่เรียกว่าสังขารนั้นมีอยู่หลายความหมาย สังขารหมายถึงรูปและนาม คือร่างกายกับจิตใจนี้ก็มี สังขารอย่างนี้

เป็นทุกข์ต่อเมื่อมีอุปาทานเข้าไปยึดมั่นถือมั่นโดยความเป็นของตน ลำพังสังขารล้วนๆ ไม่ถือว่าเป็นทุกข์ชนิดที่เป็นเครื่องทรมานใจ หรือ ทำความทนยากให้แก่บุคคล 26

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


ทำยังไงดี เราไม่อยากแก่ ไม่อยากตาย เราอยากกลับไปเป็นสาวอีก ฮือๆ สังขาร โดยศัพท์แล้วแปลว่า “ปรุง” คือกระทำครบถ้วนอย่างที่ เราเรียกกันว่าปรุง ถือเอาตามรูปศัพท์ตรงๆ อย่างนี้จะดีกว่า โดยจำกัด ความลงไปว่า การที่ “ปรุง” เรื่อยนั้น เป็นความทุกข์อย่างยิ่ง คำว่า ปรุงในที่นี้หมายความว่าไม่มีการหยุด มีการปรุงให้เกิดขึ้นใหม่ๆ เรื่อย และ... สิ่งที่เรียกว่า “ปรุง” นี้ หมายถึง กิเลส เป็นผู้ปรุง ต่อเมื่อมีอวิชชา ความโง่ ความหลง ซึ่งเป็นต้นเหตุของกิเลสเหล่าอื่น เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้นแล้ว ก็มีการปรุง คือปรุงจิตใจให้ยึดมั่นถือมั่น เป็นนั่นเป็นนี่ มีนั่นมีนี่ เรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 27


สิ่งใดถูกปรุง สิ่งนั้นย่อมเป็นทุกข์

จะพัก (จากการปรุงแต่ง) คิดถึง “พุทโธ” นะครับ คำว่า “ปรุง” ในที่นี้หมายถึงมีความยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน รวมอยู่ด้วยเสร็จ จึงจะเรียกว่าเป็นการปรุง ถ้าไม่มีอุปาทาน ไม่มีกิเลส ตัณหาอุปาทานเข้าไปรวมอยู่ด้วยแล้ว การเกิดขึ้นเหล่านั้นไม่เรียกว่า การปรุงในที่นี้ คือไม่เรียกว่าการ “ปรุง” ในประโยคที่ว่า สงฺขารา ปรมาทุกฺขา สงฺขารา ปรมาทุกฺขา ของปรุงหรือเครื่องปรุงทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง หมายความว่า

มันปรุงจนเป็นกิเลสตัณหา จนเป็นอุปาทาน มีความยึดมั่นถือมั่นแล้ว อะไรๆ ก็เป็นทุกข์ไปหมด ถ้าไม่ปรุงในทำนองนี้แล้วก็ไม่มีความทุกข์ การปรุงในทำนองนี้มีความทุกข์ และเป็นความทุกข์อยู่ในตัวการปรุงนั่นเอง 28

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


เพราะปรุงไม่หยุด จึงทุกข์อย่างยิ่ง

การปรุงทำนองนี้แหละที่เรียกว่า “สังสารวัฏฏ์” คือวนเวียนอยู่ในลักษณะ ๓ อย่าง กล่าวคือ กิเลส เป็นเหตุให้กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป เมื่อกระทำแล้วเกิดผลขึ้นมา ก็มีกิเลสที่จะยินดียินร้าย เพื่อทำซ้ำหรือทำอย่างอื่นต่อไปอีก

วนเวี ย นอยู่ในเรื่องกิเลส เรื่องกรรม และเรื่ อ งผลของกรรม เรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด นี้คืออาการที่เรียกว่าเป็นการปรุงโดยแท้จริง ใน ประโยคที่ว่า สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง คือความปรุงไม่หยุด นั่นเองเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

“วัฏสงสารมีอยูอ่ ย่างน่ากลัวในจิตใจ ในชีวติ ประจำวันของแต่ละคน รีบออกมาเสีย ด้วยการทำลายกิเลส พอหมดกิเลสแล้ววัฏสงสารมันก็หมุนไม่ได้” – จากหนังสือ พุทธทาส ตอบคำถาม, พุทธทาสภิกขุ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 29


หยุดปรุงได้เท่าไร นิพพานก็เกิดได้เท่านั้น

ข้อที่ ๒ ที่ว่า นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ - นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

นั้น นี้เป็นคำกล่าวอย่างโวหารชาวบ้าน เพื่อให้รู้สิ่งที่ตรงกันข้ามกับ สังขาร นิพพาน ก็คือ ไม่ปรุง

ไม่ปรุงเมื่อไรก็เป็น “นิพพาน” เมื่อนั้น ไม่ปรุงเด็ดขาดก็เป็นนิพพานจริง ไม่ปรุงชัว่ คราวก็เป็นนิพพานชัว่ คราวหรือนิพพานชิมลอง เมื่อผู้ใดรู้เรื่องการปรุงว่าเป็นอย่างไรถึงที่สุดแล้ว ก็ยอ่ มจะเข้าใจสภาพทีต่ รงกันข้ามคือไม่ปรุง ได้โดยไม่ยากนัก โดยเทียบเคียงกันในฐานะเป็นสิ่งตรงกันข้าม นิพพานนี้แปลว่า ดับ ก็ได้ แปลว่า หยุด ก็ได้ แปลว่า เย็น คือ ไม่ร้อนก็ได้ แปลว่า ไม่ขบกัดเสียบแทง ก็ได้ ความหมายเหมือนกันหมด ตรงที่ว่ามันหยุดคือไม่ปรุง ปรุงก็คือไม่หยุด จะต้องเป็นไปในลักษณะที่ เร่าร้อน เป็นทุกข์ เสียบแทงทนทรมานเสมอไป คำว่า นิพพาน ให้ถือ เอาความหมายตรงกันข้ามจากสังขาร คือไม่ปรุงในลักษณะดังกล่าว 30

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


พระพุทธเจ้าทรงมุ่งหมายให้มนุษย์ เกิดมาพอกพูนทางแห่งนิพพาน

ทีนขี้ อ้ ที่ ๓ คำกล่าวต่อไปทีว่ า่ เอตํ ตฺวา ยถาภูตํ สนฺติ มคฺคํ ว พฺรูหเย - บุคคลรู้ความจริงข้อนี้อย่างถูกต้องแล้ว พึงพอกพูนทาง แห่งสันติ นี้หมายความว่า เมื่อรู้ความจริงข้อนี้แล้วให้พอกพูนหนทาง แห่งสันติคือนิพพานนั่นเอง คำว่านิพพานนั้นบางทีก็เรียกว่าสันติ ซึ่ง แปลว่า ความสงบเย็น ใช้แทนกันได้กับคำว่านิพพาน การพอกพูนทางแห่งสันติ ก็คือการพอกพูนทางของนิพพาน หมายความว่าให้ทำทุกอย่างทุกประการ ที่จะให้คนเราใกล้ชิดสิ่งที่

เรียกว่าสันติหรือนิพพานนั้นยิ่งขึ้นไปทุกที

เพียงเท่านี้ ท่านทั้งหลายก็คงจะได้เค้าเงื่อนบ้างว่า พระพุทธเจ้าท่านทรงมุ่งหมายให้คนรู้ความจริง เกี่ยวกับความทุกข์และไม่ทุกข์ แล้วให้เริ่มพอกพูนหนทางที่จะดำเนินไปสู่ความไม่มีทุกข์ โดยประการทั้งปวง คือ “นิพพาน” พูดสั้นๆ ก็ว่า คนเราควรจะเกิดมาเพื่อพอกพูน หนทางแห่งนิพพานนั่นเอง หนังสือเล่มนี้บรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าและพระอริยสงฆ์

โปรดใช้หนังสือเล่มนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าที่สุด เมื่อไม่อ่านแล้ว กรุณาส่งต่อผู้อื่นเพื่อเป็นการเผยแผ่ธรรมและบำเพ็ญทานบารมีแก่ตน

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 31


คนปัจจุบันไม่พอกพูนทางแห่งนิพพาน เพราะยังไม่เห็นว่าชีวิตเป็นทุกข์

เห็น “ทุกข์” แล้วจะเห็น “ธรรม” นะจ๊ะ

แต่ถ้าคนไม่รู้เอาเสียเลยว่ามีนิพพาน หรือนิพพานเป็นสิ่งที่ควร ปรารถนาอย่ า งยิ่ ง เพราะเป็ น ความดั บ ทุ ก ข์ อ ย่ า งยิ่ ง แล้ ว คนก็ ไ ม่ ปรารถนานิพพาน และไม่พอกพูนหนทางแห่งนิพพานอยู่นั่นเอง ต่อเมื่อคนรู้จักว่า การที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง แล้วอยากจะได้สิ่งตรงกันข้ามเท่านั้นแหละ คนจึงจะสนใจในเรื่องของนิพพาน และพอกพูนหนทางไปสู่นิพพาน

ทุกคนที่เกิดมามีร่างกายซึ่งประกอบไปด้วยธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ อันเป็นสมบัติ ของโลก ไม่มีผู้ใดเอาไปได้ ล้วนหนีไม่พ้นสัทธรรม ๕ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องพลัดพราก จากของรักของชอบใจ มีความไม่สมปรารถนาเหมือนกันทุกคน สิ่งเหล่านี้เรียกว่า “ความ ทุกข์” ให้พิจารณาตามความเป็นจริงจนจิตยอมรับความเป็น “ธรรมดา” 32 เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


เมื่ อ เป็ น ดั ง นี้ เขาก็ จ ะต้ อ งพิ จ ารณาดู ภ าวะของตนเองให้ ดี

ให้ละเอียดให้ลึกซึ้ง ว่าสภาวะที่กำลังเป็นอยู่ของตนนี้เป็นสังขารหรือไม่ คนที่ทำกรรมไปตามอำนาจของกิเลส โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำชั่ว เช่น การกินเหล้าเมายา การฆ่า การฟัน การขโมย หรืออะไรต่างๆ ที่ถือกัน ว่าเป็นความชั่วนั้น มันเป็นการ “ปรุง” ของอวิชชา ความโง่ ความหลง เรื่อยๆ ไป จนเกิดความเอร็ดอร่อย สนุกสนานเพลิดเพลินแก่บุคคล

ผูก้ ระทำ ได้รบั ทุกข์แล้วก็ยงั อยากจะแก้ทกุ ข์ดว้ ยกระทำซ้ำอย่างเดียวกัน หรือให้ยิ่งขึ้นไปอีก นี้เรียกว่าเป็นการปรุงอย่างยิ่งขึ้นไปอีก จนกว่าเขาจะมองเห็นว่านี่เป็นการทนทรมาน จึงจะหยุดชะงัก แล้วเหลียวไปดูทิศทางอื่น เพื่อจะสอดส่ายหาให้พบสิ่งที่ไม่เป็นความ ทนทรมาน ไม่ต้องตกเป็นทาสของเหล้า ของการพนัน ของการทำชั่ว หรือของการประพฤติผิดนานาประการอีกต่อไป พระพุทธเจ้าทรงมุ่งหมาย ให้ทุกคนเกิดมาพอกพูนหนทาง แห่งนิพพานนะ ดิฉันเห็นทุกข์ และไม่ต้องการทุกข์ อีกแล้วเจ้าค่ะ สาธุ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 33


ปรุงดี ปรุงชั่ว ล้วนแต่ทำให้เป็นทุกข์ทั้งสิ้น

คนดีก็เป็นทุกข์แบบคนดี คนชั่วก็เป็นทุกข์อย่างคนชั่ว ปรุงแต่งแบบไหน

สาธุ ก็ทุกข์ทั้งนั้นแหละโยม ทีนี้จะมองดูในกรณีผู้ที่ทำดี หรือไม่ทำชั่วทำนองนั้น แต่ว่าทำ สิ่งที่เขาเรียกกันว่าดีอยู่ทุกๆ เวลา ได้รับผลสมจริงตามสิ่งที่เขาเรียกกัน ว่าดี เช่น มีเงิน มีชื่อเสียง มีอะไรทุกๆ อย่างตามที่คนดีเขาต้องการกัน แต่วา่ เมือ่ มามองดูความสุขทุกข์ทางใจแล้ว เขาก็ยงั ต้องร้องไห้ระทมทุกข์ เท่ากับที่มีเงินมาก มีเกียรติมาก มีชื่อเสียงมากอยู่นั่นเอง คนมีเกียรติมากก็รอ้ งไห้บอ่ ยๆ เพราะเกียรตินนั้ คนมีทรัพย์มาก

ก็ร้องไห้บ่อยๆ เพราะทรัพย์นั้น คนมีลูกก็ร้องไห้เพราะลูก คนมีหลาน

ก็ร้องไห้เพราะหลาน หรือมีอะไรที่ตนรักตนพอใจก็ต้องร้องไห้เพราะ

สิ่งนั้น แม้ที่สุดบางคนก็ต้องร้องไห้เพราะวัวเพราะควายเป็นต้น อย่างนี้ ก็ยังมี นี้ล้วนแต่แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่า... “จิตนั้นมันมีภาวะที่รู้สึก รับรู้ คิดนึกอะไรก็ได้ ถ้ามันไปปรุงแต่งกันผิดเข้า มันก็ เป็นวัฏสงสาร ถ้าปฏิบัติถูกต้อง มันก็เป็นพระนิพพานขึ้นมาในจิตดวงเดียว” – จากหนังสือ พุทธทาสตอบคำถาม, พุทธทาสภิกขุ 34

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


แม้ว่าจะได้กระทำไปในทางที่ดี ไม่มีผิด ไม่เป็นบาป ไม่เป็นอกุศลแล้ว ก็ยังไม่ถึงที่สุดแห่งการดับทุกข์ ยังต้องเป็นทุกข์ตามแบบของคนดี คนชั่วเป็นทุกข์ตามแบบคนชั่ว คนดีเป็นทุกข์อย่างละเอียดลึกซึ้งตามแบบคนดี ในเมื่อมีความรู้สึกยึดมั่นถือมั่นว่าตนเป็นคนดี ดังนั้น เมื่อมองดูในลักษณะของธรรมชาติล้วนๆ แล้วจะพบว่า คนชั่ ว ที่ ก ำลั ง เสวยผลของความชั่ ว วนเวี ย นๆ อยู่ นั้ น ก็ เ ป็ น การปรุ ง

คนดีทกี่ ำลังได้รบั ผลของความดีวนเวียนๆ อยูน่ นั้ ก็เป็นการปรุง ทัง้ สองพวก เป็นการปรุงด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีหยุด จะต้องไหลเรื่อยไปไม่มีหยุด มีการ คิ ด การทำ ได้ รั บ ผลของการทำ แล้ ว ก็ มี ก ารคิ ด ต่ อ ไป นี้ เรี ย กว่ า

“สังสารวัฏฏ์” เป็นการปรุงอย่างยิ่ง ปริยัติ  รู้จัก, ปฏิบัติ  รู้จริง, ปฏิเวธ  รู้แจ้ง ดำรงชีวิตตามพระสัทธรรมเช่นนี้ มีผลทำให้เป็นคน รู้ดี ทำดี มีคุณภาพ (จริงหรือไม่ ? ใคร่พิจารณา) บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 35


คนจะสนใจนิพพาน เมื่อเห็นความทุกข์จากการปรุงแต่ง

เงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ ช่วยให้พ้นทุกข์ไม่ได้ แสงแห่งปัญญา จะพาพ้นทุกข์ มีแต่ธรรมะนี่แหละที่ช่วยได้ ตื่นรู้จากอวิชชานะครับ พอมานึกได้อย่างนี้ คนก็จะสนใจสิ่งที่ตรงกันข้าม คือเห็นว่าเงิน ก็ช่วยไม่ได้ ชื่อเสียงก็ช่วยไม่ได้ สิ่งเท่าที่เรามีมาหมดแล้วนี้ช่วยไม่ได้

เราควรจะมีอะไรหรือได้อะไรที่ดีกว่านี้ เมื่อนั้นแหละเขาจะเริ่มชะเง้อหา สิ่งที่ดีกว่าสูงกว่าไปในทิศทางอื่น จนกระทั่งไปพบพระอริยเจ้า นั่งใกล้ พระอริยเจ้า ฟังธรรมะของพระอริยเจ้า จึงได้รู้เรื่องสิ่งซึ่งตรงกันข้าม

กับสิ่งต่างๆ ที่ตนมี ตนเป็น ตนกระทำอยู่ นั่นก็คือเรื่องพระนิพพาน หรือเรื่องหนทางของพระนิพพานนั่นเอง 36

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


เพราะมีพระพุทธเจ้า

เราจึงได้รู้ว่า ชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อ พอกพูนทางนิพพาน เขามีความแน่ใจว่า นี่แน่แล้วเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะได้ควรจะถึง และคนทุกคนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้แน่แล้ว เพราะว่า สิ่งอื่นๆ ทั้งหมดนั้น ไม่เป็นความดับ ความเย็น ความสงบ ยังเป็นความสับสนวุ่นวาย คือปรุงแต่งอยู่นั่นเอง เขาจึงได้สนใจเรื่องของพระนิพพาน ในลักษณะที่จะพอกพูนหนทางของพระนิพพาน โดยถือว่าคนเราเกิดมาเพื่อพอกพูนหนทาง ของพระนิพพานนั้น “นิพพาน ในภาษาธรรมะนั้น หมายถึง ความดับสิ้นสุดลงแห่งกิเลสและความ ทุกข์โดยประการทั้งปวงอย่างแท้จริง เมื่อใดมีการดับแห่งกิเลสและความทุกข์อย่างแท้จริง เมื่อนั้นเป็นนิพพาน” – จากหนังสือธรรมะ ๙ ตา, พุทธทาสภิกขุ บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 37


เพราะยึดมัน่ อารมณ์ทชี่ อบ จึงอยากเกิดอีก

สิ่งที่ควรจะคิดมีอยู่อีกนิดหนึ่งว่า การที่เกิดมานี้เราต้องการ

หรือไม่ ? เราพอใจหรือไม่ ? โดยที่แท้แล้วคนทุกคนไม่เคยรู้สึกเรื่องนี้ ว่าไม่ได้เคยอยากเกิดโดยตรง แต่ว่ามันได้เกิดมาแล้ว แต่พอเกิดมาแล้ว ได้พบสิ่งซึ่งเป็นอารมณ์ที่ถูกใจ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หลงใหลพอใจในสิ่งเหล่านี้จึงได้อยากเกิด หรืออยากเป็นอยู่ อยากให้

มีอยู่เพื่อจะได้บริโภคสิ่งเหล่านี้ หรือเมื่อได้ยินได้ฟังว่าทำบุญให้มาก ตายไปแล้วจะมีสิ่งเหล่านี้ ชั้นดีกว่านี้ ประณีตกว่านี้ สูงสุดกว่านี้ ก็มีความอยากเกิดยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อจะให้ได้สิ่งเหล่านี้ มีใจความสำคัญอยู่ตรงที่ว่า เพราะได้เกิดมา จึงได้บริโภค รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ์ ซึ่งถูกอกถูกใจ เป็นเหตุให้ยึดมั่นถือมั่น เป็นตัวตนเป็นของตนขึ้นมา เป็นการเกิดขึ้นมา แล้วก็พอใจยินดีในการเกิด กลัวความดับหรือความตายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าจะต้องพลัดพรากจากสิ่งเหล่านี ้ นี้เรียกว่าโดยเนื้อแท้แล้วคนไม่ได้เกิดมาเองได้ หรือไม่ได้ตั้งใจ จะเกิดมาด้วยเจตนาของตน มันเป็นมาตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่มี การสืบพันธุ์ 38

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


ครั้นเป็นคนขึ้นมาแล้ว จึงได้รับการอบรมที่ให้เกิดความรู้สึก

คิดนึกไปในทางที่อยากเกิดในลักษณะที่กล่าวมานี้ ถ้าปล่อยไปตาม ธรรมชาติจริงๆ หรือเอาสัตว์เดรัจฉานเป็นเกณฑ์กนั แล้ว ความอยากเกิด

จะมีน้อยมาก และจะไม่มีปัญหายุ่งยากเหมือนมนุษย์ด้วยซ้ำไป เดี๋ยวนี้ มนุ ษ ย์ จ ะยอมรั บ ว่ า เราเป็ น ผู้ อ ยากเกิ ด และเกิ ด มาเพื่ อ จะทำอะไร

สักอย่างหนึ่ง อย่างนั้นจริงหรือไม่ ? ถ้าจะถือว่าเราอยากเกิดมาเพื่อจะมาทำอะไรที่ดีที่สุดที่มนุษย์ ควรจะทำ ตอนนี้ฟังดูแล้วก็คล้ายๆ กับว่าเป็นความโง่ ความหลง หรือ ความเสือกกระโหลกอยู่มากเหมือนกัน เพราะว่าถ้าเลือกเอาในทางที่

ไม่เกิดได้แล้ว มันก็ไม่ควรจะเกิดมาตั้งแต่ทีแรก ทำไมจะต้องอยากเกิด ขึ้นมาเพื่อจะต้องสร้าง ต้องทำ ต้องเดินทางไปกว่าจะถึงที่สุดถึงนิพพาน อีกเล่า ?

รักแผ่นดินไทย ส่งเสริมเด็กไทยให้ได้ใกล้ชิดธรรมะ ด้วยการพิมพ์หนังสือเล่มนี้ แจกเป็นธรรมทานแก่เด็ก โรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้องสมุด สถานพยาบาล ร้านค้า โรงแรม ประจำบ้าน ฯลฯ เพื่อให้เด็กได้อ่านเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม สนใจติดต่อ : ๐๒-๘๗๒-๙๑๙๑, ๐๒-๘๗๒-๗๒๒๗

บริษัท สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ จำกัด 39


เกิดเป็นมนุษย์ เป้าหมายสูงสุดคือ ดับทุกข์ได้สิ้นเชิง

เรื่ อ งไม่ เ กิ ด มั น ก็ ดี อ ยู่ แ ล้ ว ทำไมจะเกิ ด มาเพื่ อ ให้ เ ป็ น ภาระ

ด้วยเล่า นี่แหละ คือปัญหาหรือต้นเงื่อนของปัญหาที่เป็นตัวอวิชชา หรืออย่างน้อยก็มีมูลมาจากอวิชชา ที่ว่าคนเราเกิดมาเอง หรือว่ามีอะไร บังคับให้เกิดมา และว่าเมื่อเกิดมาแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง คนโดยมากไม่คิดมากถึงอย่างนั้น จะคิดตัดบทสั้นๆ แต่เพียงว่า ที่กำลังเกิดอยู่เดี๋ยวนี้จะต้องทำอะไร พอเห็นว่าเกิดมาเพื่อสะสมทรัพย์ ก็สะสมทรัพย์เรื่อยๆ ไปก็แล้วกัน หรือถ้าเกิดมาเพื่อกิน เพื่อเกียรติ

ก็ทำไปเพื่อกิน เพื่อเกียรติอีก แล้วก็ถือว่าพอแล้ว มีชื่อเสียงมาก พอใจ แล้ ว กายเป็ น สุ ข แล้ ว อย่ า งนี้ ก็ เรี ย กว่ า เป็ น ความถู ก ของบุ ค คลนั้ น

อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ที่ถือเอาเพียงสั้นๆ เท่านั้น แต่ เ ดี๋ ย วนี้ ค นเราได้ รั บ การศึ ก ษา มี ก ารอบรมให้ รู้ จั ก คิ ด นึ ก มากกว่านั้น จนกระทั่งมองเห็นว่าการทำอย่างนั้น การได้เป็นอย่างนั้น การได้ทำจนถึงที่สุดของความเป็นอย่างนั้น ก็ยังไม่เป็นที่พอใจเราเลย ยังมีอะไรที่เรารู้สึกว่าซ่อนเร้นอยู่ เราจำใจจำทำเท่าที่นึกได้เพียงเท่านั้น เราอาจจะถูกหลอกถูกลวงอย่างไรก็ได้ ค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ คิด คราคิดติดขัด หยุดพักสักนิด ทำจิตให้สงบ จักพบทางออก อ่านแล้วคิด คิดให้เข้าใจ เข้าใจแล้วลงมือทำ ทำด้วยสติสัมปชัญญะ ทำวันนี้ เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ อย่ารอช้า อย่าผัดวัน อย่าประมาท คิดเร็ว สุขเร็ว ทำช้า ทุกข์มาก ทุกข์ยาวนาน 40

เกิดมาทำไม ? : ตอน ๑ เกิดมาเพื่อเดินทาง


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.