เมื่อเอาชนะความคลุ้มคลั่งได้ แล้วไยไม่เอาชนะมัน
กลุ้มใจ ไปทำไมกัน ?
ธรรมบรรยายโดย พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) วัดชลประทานรังสฤษฏ์ นนทบุรี
คำนำสำนักพิมพ์
พระเดชพระคุณ พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ) ชื่อว่าเป็นพระเถระผู้สุปฏิปันโนปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ประกอบ ด้วยเมตตาธรรม เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป บทพระ ธรรมเทศนาของท่านเรียบง่ายแต่ลึกเข้าถึงจิตใจของผู้คน สามารถนำไป ปฏิบัติในชีวิตได้เป็นอย่างดี หนังสือ กลุ้มใจไปทำไมกัน ? เล่มนี้ เป็นผลงานที่ทรงคุณค่า อีกเล่มหนึ่งที่พระเดชพระคุณได้ฝากไว้เป็นมรดกธรรม หากได้อ่านและ ศึกษาจนเข้าใจเนื้อหาอย่างละเอียดลึกซึ้งแจ่มแจ้ง และนำไปประพฤติ ปฏิบัติเป็นธรรมประจำชีวิตจิตใจแล้ว ก็จักเป็นประโยชน์สุขทั้งแก่ตนเอง และผู้อื่น ตลอดจนสังคมโลก ทั้งในปัจจุบันชาติและอนาคตกาลภายหน้า ในการจัดพิมพ์ครั้งนี้ สำนักพิมพ์ได้มอบหมายให้ อาจารย์สุภาพ หอมจิตร (น.ธ.เอก, ป.ธ.๗) เป็นผู้คัดสรรเนื้อหา พร้อมทั้งจัดวรรคตอน ย่อหน้ า คิ ด ภาพประกอบ และทีมงานท่านอื่นๆ ช่วยกันคิดสร้างสรรค์
จนสำเร็จเป็นรูปเล่มสวยงามดังปรากฏนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จักช่วยนำทางให้เกิดความคิด
ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยสติปัญญา ส่งเสริมศรัทธาในการศึกษาและ ปฏิบัติธรรมแก่พุทธศาสนิกชน และผู้สนใจทั่วไปได้เป็นอย่างดี ด้วยศรัทธาและปรารถนาดี สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ โปรดใช้เล่มนี้ให้คุ้มสุดคุ้ม & อ่านแล้ว -> แบ่งกันอ่านหลายท่านนะจ๊ะ อ่านสิบรอบ ระดมสมองคิดสิบหน ฝึกฝนปัญญา พัฒนาการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จิตรู้เท่าทันสรรพสิ่ง ฉลาดใช้ เฉลียวคิด ชีวิตจักสนุก สงบ เย็น สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ปรารถนาให้ทุกครอบครัวมีความสุข
เกริ่นนำคำสอน
ความสุ ข และความทุ ก ข์ ข องคนเรานั้ น อยู่ ที่ ก ารทำใจเป็ น สำคัญ สิ่งอื่นเป็นเพียงปัจจัยภายนอกเท่านั้น เช่น มีคนทำให้เราโกรธ เราอาฆาตแค้นเขา เราก็เกิดความกลุ้มใจ ส่วนคนที่เราโกรธนั้น เขาไม่ได้รับรู้อะไร ใจของเราต่างหากที่รับรู้ ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ กล่าวไว้ว่า.... “ความกลุม้ เป็นอาการแห่งทุกข์นนั่ เอง ความทุกข์นเี้ ป็นตัวผลต้องมา จากเหตุ เหตุ คือความอยากในสิ่งต่างๆ เช่น อยากได้ อยากมี อยาก จะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิดความอยากขึ้นแล้ว ความยึดติดพันในสิ่งที่ตนอยากมี
ก็ เ พิ่ ม ขึ้ น เรื่ อ ยๆ อาการร้ อ นใจก็ เ กิ ด ร้ อ นใจเพราะไม่ ส มอยาก หรื อ
สมอยากแล้วแต่มันผ่านไปเร็วนัก อยากให้มันอยู่กับตนนานๆ ก็มิได้สม มุ่งหมาย เพราะไม่ได้สมมุ่งหมายนี้แหละ จึงเกิดความกลุ้มใจ และทำ อะไรหลายอย่างที่คนธรรมดาเขาไม่ทำกัน” สรุปได้ว่า ความกลุ้มใจทำให้เกิดความทุกข์ ถ้าอยากมีความสุข
ก็อย่ากลุ้มใจ วิธีสร้างสุขแก่ใจง่ายๆ คือ ต้องปล่อยวางใจให้ได้ ทำใจให้ได้ ปรับตัวให้ได้ หยุดใจให้ได้ เพราะความทุกข์ส่วนใหญ่มักเกิดมาจากการปล่อยวางไม่ได้ ทำใจ ไม่ได้ ปรับตัวไม่ได้ และหยุดใจไม่ได้ ดังนั้นสุขหรือทุกข์จึงอยู่ที่การทำใจ เป็นสำคัญ ถ้าใจเย็นก็เป็นสุข แต่ถ้าใจร้อนก็ต้องทนทุกข์ตลอดไป
ผู้สรรค์สาระในนามคณาจารย์ สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง
*
กลุ้มใจไปทำไมกัน ? ...
กลุ้มใจ...โรคร้ายทำลายชีวิต
ทุกวันนี้หนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ ได้ลงข่าวเกี่ยวกับการฆ่า ตัวตายของหญิงสาวกับชายหนุ่มบ่อยๆ นานไปการฆ่าตัวตายของคนพวกนี้ จักไม่เป็นข่าวต่อไปแล้ว เพราะมีการฆ่ากันบ่อยๆ จนชินไปเอง เครียด... เครียด... ทำอย่างไรดีน้อ เครียด... ตายดีกว่า เครียดจังเลย นอกจากข่าวการฆ่าตัวตายแล้ว คนที่มีภารกิจมากๆ ได้กลายเป็น โรคสติวิปลาส ต้องไปอยู่โรงพยาบาลก็มี ได้ลองถามหมอทางจิตทราบว่า เดี๋ยวนี้คนไข้ทางใจมีมากขึ้นทั้งหญิงและชาย เพียงระยะปีเดียวเท่านั้น สถิติคนไข้มีเพิ่มขึ้นมาก *ชื่อเดิมคือ ยาแก้กลุ้ม ต้นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง จากหนังสือรวมพระธรรมเทศนา ชุดธรรมครองเรือน
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น... ถามผู้รู้บางคนก็บอกว่า
การครองชีพฝืดเคือง กลุ้มจนเป็นบ้า เศรษฐกิจตกต่ำ ทำมาค้าขายไม่ได้เงิน ลงทุนไปเท่าใดก็จมหายไปหมด หาได้ไม่พอกับรายการจ่าย กลุ้มใจไม่รู้จะแก้ทางใด
คิดมากเข้าประสาทพิการ ทำอะไรลงไปโดยปราศจากความรู้สึก
ผิดชอบ กลายเป็นคนเสียคนไป บางคนพลาดหวั ง ในเรื่ อ งสำคั ญ ของชี วิ ต เช่ น หญิ ง สาวรั ก กั บ
ชายหนุ่ม รักกันมากในขั้นแรกๆ ครั้นต่อมาใกล้ชิดกันมากเข้าก็เกิดการ เบื่อหน่าย ชักจะห่างกันออกไป เพียงแต่ห่างไม่เป็นไร ไพล่ไปหาคู่ใหม่ ต่อไป มันน่าเจ็บใจนัก โกรธขึ้นมาก็น้อยใจตนเอง กลุ้มใจเข้าห้องปิดประตู นอนร้องไห้ระบายความกลุ้มคนเดียว
หนักเข้ายิ่งเกิดความคิดว่า “โลกนี้ไม่น่าอยู่ อย่าอยู่เลย ตายดาบหน้า
ดีกว่า เลยตัดสินใจผิดและทำผิดจนตัวตายไป” กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมในสมัยที่ตามใจกิเลส บาง รายก็ไม่มีเรื่องมากมายอะไร มีการขัดใจกับใครๆ เพียงนิดหน่อยเท่านั้น ใจเร็วตัดสินใจลาโลกไปเสียแล้ว กลุ้มใจว่ะ พกเงินมาสองหมื่นกับอีกสลึง น่าเสียดายในชีวิต ที่กำลังจักก้าวหน้า ยังหนุ่มแน่น จะเป็นกำลังของชาติ บ้านเมืองต่อไป แต่มาแพ้ต่อความกลุ้ม เพียงเล็กน้อย ก็มาด่วนลาโลกไปเสียได้
แต่สลึงนั้นมันหายไปไหนก็ ไม่รู้ กะเอาไว้ทิปเด็ก ทำไงล่ะทีนี้
เครียด
เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที ่ ควรจักช่วยกันหาทางบำบัด ปัดเป่าให้หายไปจากสังคมให้ได้ หลวงพ่อครับ ผมกลุ้มใจจัง ช่วยผมหน่อย ได้ ไหมครับ
คิด หาวิธี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ไหนบอกมาสิว่า กลุ้มเรื่องอะไร
เพราะกลุ้ม...เรื่องเล็กจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่
คนที่มีความกลุ้มเกิดขึ้นในใจ บางทีก็มิใช่เรื่องมากและใหญ่โต ยากเข็ญอะไรเลย เขากลับเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เขาเป็นคนกลุ้มที่สุดในโลกเสียแล้ว ไม่คิดให้เห็นว่ามันเป็นเรื่อง เล็กน้อยเท่านั้น จะไปเจาะสะดือ เจาะจมูก
เจาะลิ้น แม่ ไม่อนุญาตเด็ดขาด ลูกยังเด็กอยู่เลย
ิทีฟ ู แม่ ไม่เซนส น ห ใจ า ้ ข เ ่ ไม ่ แม นี้ ฮือๆ กับเรื่องแบบ
เสริมธรรม
คิดลบ จิตท้อแท้ คิดฟุ้งซ่าน จิตวุ่นวาย คิดบวก จิตสบาย คิดตามเป็นจริง จิตสงบเย็น
เขาปล่อยให้ความกลุ้มครอบงำจิตใจ จนไม่มีช่องทางที่ความจริง จะส่องเข้าไปถึงจิตใจได้เลย ถ้าได้รับความจริง อันเป็นประทีปของชีวิตบ้าง เขาก็คงนึกว่า มันเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว เราคิดมากไปเอง
ในเมื่อแม่ ไม่เข้าใจ จะอยู่ทำไม ตายดีกว่า
คนหนอคน เรื่องนิดเดียว ถึงกับจะฆ่าตัวตาย
กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
ทุกข์ของยสกุลบุตร
ยสกุลบุตร๑ เป็นลูกคนมั่งคั่งในเมืองพาราณสี อยู่ในบ้านที่สบาย มาก วันหนึ่งเขาตื่นขึ้นในเวลาดึก ได้เห็นสิ่งที่เขาไม่นึกว่าจะได้เห็น เป็น ภาพของสาวใช้ที่นอนในท่าแปลกๆ มองดูแล้วก็น่าเกลียด ไม่งามตา
แม้แต่น้อย เขาไม่เคยพบภาพแบบนั้นมา ก็เกิดความอึดอัด เห็นว่าโลกเป็น สิ่งน่าเบื่อหน่าย ทนดูภาพอันน่าเกลียดต่อไปไม่ไหว ก็เดินออกจากบ้าน บ่นพึมพำไปคนเดียวว่า
“ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ”
เหมือนซากศพ ในปาช้าเลย ๑ อ่านประวัติพระยสะเพิ่มเติมได้ในหนังสือเรียนนักธรรมชั้นโท วิชา อนุพุทธประวัติ ฉบับมาตรฐาน บูรณาการชีวิต ; เลี่ยงเชียง, ๒๕๕๐.
เดินบ่นไปโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังเดินไปทางไหน ผลที่สุดก็เดินไปพบ นายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก คือ พระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสบอกกับยสะว่า
“ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง มาเถิด ! ฉันจะบอกยาแก้กลุ้มให้แก่เธอ”
พอได้ยินว่ามียาแก้กลุ้มก็เข้าไปหา ไปไหว้แล้วก็นั่ง ณ ที่ควรส่วน หนึ่ง ได้ฟังธรรมทราบความตื้นลึกหนาบางของชีวิต กลายเป็นคนหมด กลุ้ม และมีความสงบในทางใจต่อไป พระพุทธเจ้าแสดงธรรมชี้ทางพ้นทุกข์แก่ยสกุลบุตร
คนเป็นทาสของกิเลส จึงวุ่นวาย เป็นทุกข์
ช่วยเพื่อนมนุษย์ให้เอาชนะกิ เลส พบสุขได้ ด้วยการพิมพ์หนังสือเล่มนี้แจกเป็นธรรมทาน ยิ่งมาก บุญยิ่งเพิ่มทวี กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
ทุกข์ของนางปฏาจารา
ปฏาจารา๑ เป็นธิดาสาวของท่านเศรษฐีใหญ่ มีความรักกับคนใช้ เรื่องมันจะแดงขึ้นมา ก็พากันหนีไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครจะรู้จัก อยู่กันนาน จนได้ลูกถึงสองคน ทุกครั้งที่คลอดลูกก็ใคร่จะไปคลอดที่บ้านเดิมตามธรรมเนียม แต่ ผัวไม่ยอมไป นางหนีไปคนเดียว บังเอิญไปคลอดกลางทาง ผัวมาทันก็ พากลับ คลอดครั้งที่สองก็ดำเนินวิธีแบบนั้นอีก แต่การคลอดครั้งนี้มีเรื่อง ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนตกหนักพายุจัด ได้รับความลำบากมาก ผัวตามมาทันพอดี ก็ทำการช่วยเหลือ แต่ผัวไปถูกงูกัดตาย ที่จอมปลวก เมียทนหนาวอยู่จนสว่าง ๑ อ่านประวัติของพระนางปฏาจาราเถรีเพิ่มเติมได้ในหนังสือเรียนนักธรรมชั้นโท วิชา อนุพุทธประวัติ ฉบับมาตรฐาน บูรณาการชีวิต ; เลี่ยงเชียง, ๒๕๕๐.
พ่อเจ้าตาย แล้วล่ะลูก แม่จ๋า พ่อไปไหน พอฝนหายก็เดินทางไปบ้านเดิม ถึงแม่น้ำวางลูกคนเล็กไว้บนฝั่งนี้ พาลูกคนโตข้ามไปก่อน ถึงฝั่งก็ปล่อยลูกคนโตไว้ เดินท่องน้ำไปรับลูก
คนเล็ก นกใหญ่ผ่านมาเห็นเด็กนึกว่าชินเนื้อก็โฉบเอาเด็กไป แม่เห็นเข้าก็ ตกใจ ยกมือไล่ร้องตะเพิด ลูกคนโตคิดว่าแม่เรียกตน จึงกระโดดลงในน้ำ กระแสน้ำเชี่ยวพัด พาเด็กไปถึงแก่ความตาย... นางเสียใจมาก ขอให้คิดดู ผัวตาย ลูกคนโตตาย ลูกคนเล็ก
ก็ตาย จักไม่เป็นทุกข์ไหวหรือ กลุ้มใจมาก ไป...ชิ่วๆ แม่เรียกเราแน่เลย
กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
11
เดินไปบ้านเหมือนคนไม่มีใจ ไปถึงบ้านเดิมทราบว่าพายุพัดบ้าน พัง บิดามารดาพี่ชายตายหมด เขาเอาไปเผาที่เชิงตะกอนเดียวกันที่ฝั่ง น้ำโน่นแล้ว ดวงใจน้อยๆ ของหญิงอันเป็นเพศที่อ่อนแอ ได้พบกับความทุกข์ หนักมาสดๆ ร้อนๆ ก็มากระทบความทุกข์แบบใหม่เข้าอีก เป็นภาวะ
อันสุดแสนที่หญิงจะทนได้ หมดความรู้สึกผิดชอบ หมดสติสมปฤดี ล้ม ลงนอนนิ่งไปพักใหญ่ พอตื่นขึ้นก็เดินเซซังไปตามเรื่องไปอย่างไม่มีจุดหมาย จนเขาเรียก กันว่านางบ้า บ้าเพราะการกระทบกระทั่งอย่างแรงในคราวนั้น
12
ชะตากรรมของนางยังไม่หมดเสียทีเดียว จึงเซซังเข้าไปหาพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมเทศนา พบความจริงแท้ของชีวิต... หายกลุ้ม และไม่มีอะไรจะให้กลุ้มอีกต่อไป ปฏาจารา เธอจงปล่อยวาง สรรพสัตว์ทั้งหลาย ย่อมเป็นไปตามกรรม
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทุกข์ของนางกีสาโคตมี
นางกีสาโคตมี๑ ก็แบบเดียวกัน ได้แต่งงานกับสามีที่ถูกใจ ชีวิต ในครอบครัวเป็นของนางแล้ว พยานแห่งความรักคือลูกน้อยที่น่าเอ็นดู
ได้ออกมาดูโลกคนหนึ่ง นางรักลูกน้อยของนางเป็นอย่างมาก ทะนุถนอม ทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกน้อยมีความสุข
แต่ความสุขเป็นมายา มันเที่ยวหลอกคน ให้หลงด้วยประการต่างๆ
ต่อมาบุตรน้อยของ นางถึงแก่ความตาย นาง รักมากไม่ยอมให้ใครเอาไป เผาไปฝัง ยังคิดว่าวันหนึ่ง
บุตรน้อยคงจักตื่นขึ้นมาอีก เหมื อ นคนหลั บ แล้ ว ตื่ น ขึ้ น ฉะนั้น
แล้วนางก็เดินอุ้มลูกไปทุกแห่งเพื่อหายาแก้ความตาย มาพบคน ฉลาดเข้า เขาก็แนะนำให้ไปหาพระพุทธเจ้า นางได้พบความสำเร็จ มิใช่ สำเร็จในการแก้ลูกชาย แต่สำเร็จในการพบความจริง ความจริงที่ไม่ตาย ใครพบแล้วตนก็จักไม่ตายเช่นเดียวกัน กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
13
กลุ้มเมื่อใด ทุกข์ก็กัดกินใจเมื่อนั้น
ชีวิตในปัจจุบันนี้ ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ได้พบกับความวิบัติ อย่างแรง จนเกือบจะเป็นบ้าเป็นหลัง
แต่เขาไม่ถึงกับเป็นเช่นนั้น เพราะเขาได้พบพระธรรม อันเป็นโอสถระงับใจ
พ้นจากความทุกข์ความร้อนไปได้
เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าความกลุ้มใจ เป็นสิ่งที่แก้ได้ มิใช่เป็นสิ่งที่แก้ไม่ได้ แต่ที่แก้ไม่ได้ เพราะเราไม่คิดแก้ ปล่อยให้มันลุกลามใหญ่โต บางคนชอบที่ จ ะแสดงตน เป็นคนกลุ้มเสียด้วย เขาคิดว่าการ แสดงอาการเช่ น นั้ น จะเป็ น การช่ ว ย ให้ได้รับความเห็นใจจากคนอื่น
นั่ น เป็ น ความอ่ อ นแอ ของตนส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้ารู้ความ จริงแล้ว ไม่ควรให้มันมาอาศัย อยู่ ใ นใจอั น ควรจะมี แ ต่ ค วาม เข้มแข็งเลย 14
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
กลุ้มใจไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
คำพูดที่ว่า “กลุ้ม” เล่นโก้ๆ นั้นเป็นคำพูดที่เหลวไหลสิ้นดี อย่า หัดเป็นคนแบบนั้นกันเลย “กลุ้ม-กลัด, กลัด-กลุ้ม” มักเป็นคำพูดที่เดินทางร่วมกันเสมอมา เมื่อวาน ห้องโดนงัด ว่ะเพื่อน
ทีวี พัดลม เครื่องเสียง ฯลฯ
จริงรึ อะไรหาย ไปบ้างล่ะ
อาการของมันก็เกิดจากกลุ้มก่อน แล้วเก็บเอาความกลุ้มไว้ในใจ เหมือนเอาดอกไม้งามแต่เป็นพิษ กลัดไว้ที่หน้าอก ฉะนั้น กลุ้มไม่หาย ก็กลายเป็นกลัด กลัดหนักเข้า ดูนายยังย ไม่เห็นกลุ้ม ิ้มได้ เลย อกกลายเป็นหนอง ถึงแก่ความตายได้
กลุ้มทำไม ห้องก็โล่งขึ้น ค่าไฟก็จะได้ลดลง เสริมธรรม ยอมรับ + ปล่อยวาง = หายกลุ้ม x สุข ไม่ยอมรับ + ไม่ปล่อยวาง = กลุ้ม x ทุกข์
คิดได้แบบนี้ ก็ดีนะ
กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
15
กลุ้มใจโรคร้ายทำลายชีวิต
จิวยี่ ในเรื่องสามก๊ก กลุ้มใจที่ตนมาเสียรู้ขงเบ้งถูกหลอกไปรบช่วย เล่าปี่เสียเป็นนาน เกิดเป็นคนฉลาด เป็นนายทหารชั้นนายพล มาเสียรู้ ขงเบ้งคนธรรมดาได้ จึงน้อยใจในความเขลาของตนเลยอาเจียนเป็นโลหิต ถึงแก่ความตาย ตายเพราะความกลุ้มที่ตนเสียรู้เขา และที่เสียรู้ก็เพราะตนเขลา ถ้าลดตัวเองลงมาว่า “ตนเขลา” เสียเท่านั้น เรื่องมันก็ไม่มี คนเราไม่ยอมโง่ ไม่ยอมลดตัวลงมาให้สมกับกาลเทศะ เรื่องจึงไปใหญ่ถึงปานนั้น
16
แค้นใจ จนอกแตกตาย
หา !..ท่านจิวยี่
ยอมรับ ความจริงไม่ได้ จึงต้องตายเช่นนี้
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ความกลุ้มเกิดแต่เหตุ
ลองมาคิ ด กั น ดู เ พื่ อ เกิ ด ปั ญ ญาสั ก หน่ อ ยว่ า เจ้ า ตั ว ความกลุ้ ม ความกลัดมาจากไหน ใครเป็นตัวการก่อให้มันเกิดขึ้นรบกวนใจเราโดย
ใช่เหตุเล่า ธรรมะสอนเราว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากเหตุ จะดับได้โดยเหตุออกเสียก่อน ความกลุ้ม ก็อาการอันหนึ่งของใจ คงจะมีเหตุเป็นตัวการแน่ๆ ถ้าศึกษาไปค้นไปคงพบได้
กลุ้มเรื่องอะไรรึเพื่อน
ก็หล่ออย่างฉัน ทำไมไม่มีใครสน
หลงตัวเองซะไม่มี เพื่อนเรา
หาหนังสือพุทธฤทธิ์ จิตเมตตา มหาเสน่ห์ ของ สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง มาอ่านสิเผื่อมีสาวติด
กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
17
เหตุของความกลุ้มคือ ความอยาก ความกลุ้ม เป็นอาการของความทุกข์นั่นเอง ความทุกข์นี้เป็นตัวผลต้องมาจากเหตุ เหตุ คือ ความอยากในสิ่งต่างๆ เช่น อยากได้ อยากมี อยากจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง
อยากได้จัง เทรนล่าสุดซะด้วย ฉันก็อยากได้ แต่ว่ายังไม่มีตังค์น่ะ เมื่อเกิดความอยากขึ้นแล้ว ความยึดถือติดพันในสิ่งที่ตนอยากมี
ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาการร้อนใจก็เกิด ร้อนใจเพราะไม่สมอยาก หรือสมอยากแล้วแต่มันผ่านไปเร็วนัก อยากให้มันอยู่กับตนนานๆ ก็มิได้สมมุ่งหมาย เพราะมิได้สมความมุ่งหมายนี่แหละ จึงเกิดกลุ้มใจ และทำอะไร หลายอย่างที่คนธรรมดาเขาไม่ทำกัน 18
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
เกลียดทุกข์แต่มักสร้างเรื่องให้ตนทุกข์
ปัญหามีต่อไปว่า ทำไมคนเราจึงได้กระทำสิ่งที่เป็นทุกข์กันเล่า ความทุกข์ไม่เป็นสิ่งที่ใครๆ พึงประสงค์ แต่ทำไมจึงเที่ยวแส่หามา ใส่ตนกัน ในทางธรรมะสอนว่า เพราะเราขาดสิ่งเหล่านี้ ๑) ความเชื่อในทางที่ถูกต้อง
๒) ความละอายต่อบาปอกุศล ๓) ความเพียรในอันทำตนให้หลุดพ้น ๔) ความรู้ที่ตรงตามเป็นจริง ๕) ความโง่ขาดปัญญาในการรักษาตน
แม่มาประกันผมด้วยนะ ฮือๆ ทำไม ไม่ ฟังแม่บ้าง แม่เป็นทุกข์ ขนาดนี้ จะรู้จักสำนึก บ้างไหมหนอ ในสังคมปัจจุบัน มีเยาวชนมากมายกำลังหลงเดินทางผิด เนื่องจากไม่ได้รับการอบรมที่ดี เราสามารถช่วยเขาเหล่านั้นได้ด้วยการสร้างจิตสำนึกที่ดี ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในใจของเขา ด้วยการพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทาน ให้พวกเขาได้อ่าน
๕ ทางห่างกลุ้ม
๑. มีศรัทธา ความเชื่อมั่นในทางที่ถูก
ความเชื่ อ ในทางที่ ถู ก ต้ อ งเป็ น มู ล ฐานสำคั ญ ของการดำรงชี พ เพราะความเชื่อเป็นบันไดขั้นต้นให้คนก้าวไปสู่การปฏิบัติดีงามต่อไป
ทุกศาสนาจึงมีการสอน ให้เชื่อด้วยเสมอ แต่ความเชื่อที่ปราศจากปัญญานั้น ย่อมไม่อำนวยความสุขอันแท้จริงให้ได้
คนที่ทำความทุกข์แก่ตนมักเป็นคนขาดความเชื่อที่ถูก อย่างแรก
ก็เป็นคนไม่มีความเชื่อในตนเอง ขาดความไว้วางใจตนเอง ทำอะไรลงไปก็มีความหวาดระแวงอยู่เสมอ ไม่แน่ใจว่าการกระทำ ของตนจะถูกต้องและปลอดภัย ทำอะไรลงไปก็เที่ยวถามคนโน้นคนนี้ยุ่งไปหมด เช่น ผู้น้อยที่ขาด ความเชื่อในตนเอง มักถามบ่อยๆ ว่า นายของตนว่าอย่างไรบ้าง นี่ ปัญญา นายจะพาฉัน ไปไหนเนี่ย ไปวัดทำความดี
กลุ้มใจเพราะไร้ความเชื่อมั่น
อันคนที่คอยถามถึงการวิจารณ์ของคนอื่นที่มีต่อตนเสมอๆ นั้น เป็นคนอ่อนแอ ขาดความไว้วางใจตนเอง ทำอันใดแล้วก็มีความกลัดกลุ้ม ตลอดเวลา อีกประการหนึ่ง เขาไม่มีความเชื่อในหลักการและวิธีการของตน ว่า จักก่อให้เกิดผลเป็นเช่นใด ความกลุ้มใจก็เกิดแก่เขาเพราะเหตุนี้
ฉะนั้น เวลาทำอะไรต้องเชื่อมั่นเสียก่อนว่า ตนต้องทำได้แน่ๆ คิดหาวิธีการกระทำต่อไปว่า วิธีใดจะถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ เมื่อแน่ใจแล้ว ก็เดินตามวิธีการนั้นอย่างรอบคอบ
ถ้ า หากมี ก ารพลาดผิ ด ขึ้นบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ ต้ อ งกลุ้ ม ใจในสิ่ ง ที่ ผิ ด ไปแล้ ว เพราะความกลุ้มใจมิได้ช่วยให้ ความผิ ด กลายเป็ น ความถู ก
ขึ้นมาเลย
กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
21
อย่ากลุ้มเมื่อผิด แต่จงคิดหาวิธีแก้
ถ้าผิดก็ค้นหาต่อไปว่า อะไรผิด ผิดเพราะอะไร รีบหาเหตุแก้ไข ทันที พอพบจุดแล้วก็ดำเนินการต่อไป เรื่องความผิดเป็นเรื่องธรรมดาของ ปุถุชน พระพุทธองค์ก่อนเป็นพระพุทธเจ้าก็เดินทางผิดมาแล้ว ทรงเห็นว่า มิใช่ทางถูก ก็กลับเดินใหม่ ความผิดกลายเป็นความถูกทันที จำไว้ว่า
“อย่ากลุ้มเมื่อทำผิด สำนึกได้ก็ดีแล้ว แต่จงรู้ไว้ว่า “ตนผิด” ทีหลังอย่าทำอีก แล้วหาทางแก้ความผิด ให้เป็นความถูกให้ได้”
แม่ฮะ ผมขอโทษ ที่ขโมยเงินแม่ ไป
เรื่องก็ไม่ยุ่ง งานที่ทำก็เรียบร้อย ต่อไปให้เพาะกำลังใจขึ้นไว้ว่า
“เราทำได้ เรามีความสามารถพอ”
ทำได้แล้ว เก่งมากเลย แม่จ๋า แม่จ๋า
22
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
เราลองดูก่อน ผลค่อยว่ากันทีหลัง นี่คือกำลังสำคัญ ของงานที่ทำแล้ว จักก้าวหน้าต่อไป
๒. มีความละอายต่อบาป ความทุกข์เกิดจากการกระทำที่ผิดพลาด การกระทำที่ผิดพลาดส่วนมากเกิดจากใจที่ด้าน ขาดความละอายต่อความรู้สึกอันเป็นแบบของพระ เป็นการด้านต่อความคิดที่ว่าอย่างไหนถูกอย่างไหนผิด พอความอยากเกิดขึ้นในใจแล้ว ดุลยพินิจหรือการหาเหตุผลก็ไม่เกิดขึ้น มีความคิดเพียงประการเดียวว่า ต้องทำต้องเอาให้ได้
ความรูส้ กึ ทีเ่ ป็นพระไม่มใี นใจ มีแต่ผรี า้ ยเข้ามาบงการ ไม่ตอ้ งคำนึงถึง กฎหมายศีลธรรม ศาสนาอะไรทั้งนั้น ยอมตนเป็นทาสความอยากโดยสิ้นเชิง และหมดความรู้สึกว่าตน เป็นอะไร อายุเท่าใด มีเกียรติยศและอำนาจขนาดไหน ลืมหมดทุกอย่าง นี่ครับค่าเหนื่อย ว่าแต่ท่านไม่อายหรือครับ ที่รับสินบน อายก็อดน่ะสิ
กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
23
ไม่อยากกลุ้มต้องรู้จักอายทำชั่ว
ลืมจนกระทั่งความเป็นตนของตน กิเลสหุ้มใจเสียแล้วทำทุกอย่าง เพื่อให้สมใจอยาก แต่ทว่าหาได้สมอยากไม่
เพราะโลกนี้ เป็นโลกของการต่อต้าน ระหว่าง “ความดี” กับ “ความชั่ว” เสมอ
อย่านึกว่าฝ่ายดีเขาจักทำเฉย เขาจะต้องต่อสู้บ้างเหมือนกัน ตนก็ กลุ้มใจในการที่จักต้องผจญกับคนดี กับความดี ตัวก็กลุ้มใจ กินไม่ได้
นอนไม่หลับ บางทีถึงกับร้องไห้ เพราะนึกถึงบาปของตนที่ทำไว้ ความไม่ ละอายแก่ใจ สร้างความทุกข์และความกลุ้มอย่างนี้
ผู้ไม่อยากกลุ้ม จึงควรหัดเป็นคนรู้จักละอายเสียบ้าง อย่าเป็นคนหน้าทนเกินไป จักลำบากในภายหลัง
คนดีอย่างนี้หายาก ขอยืมไปใช้หนี้บอล ก่อนละกัน 24
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
น่าชื่นชม ขอบใจมากนะ พ่อหนุ่ม ช่วยด้วย
๓. ดำรงตนอยู่ในความเพียร ของดีงามและความสุขทั้งหลายในโลกนี้ เป็นสมบัติของคนขยัน คนขยันเท่านั้น ไม่ต้องลำบากใจในความเป็นอยู่ของตน
เพราะการมีชีวิตอยู่ในโลกต้องมีงาน มีเงิน และมีความสุขทีหลัง
ขาดงานหรื อมี งานแล้ว แต่ไม่มีความขยันในการทำงาน ผลที่ได้ก็ไม่ สมบูรณ์ ความทุกข์ย่อมเกิดมาก ในปัจจุบันนี้มีคนเป็นจำนวนมากที่กลุ้มใจเกี่ยวกับการขาดปัจจัย เครื่องยังชีพ และการขาดสิ่งสำคัญนี้นี่แหละ สร้างความกลุ้มใจให้แก่ตนอย่าง ที่สุดทีเดียว เพื่อป้องกันมิให้เกิดความกลุ้มใจ จึงควรจักทำตนให้เป็นคน ขยันในการทำงานอันเป็นหน้าที่ของตน ถึงจะไม่เห็น แต่ เราต้องทำให้เต็มที่ เถ้าแก่ ไม่เห็นหรอก พักก่อนก็ ได้
กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
25
ชีวิตกับงานเป็นของคู่กัน ชีวิตที่ปราศจากงาน เป็นชีวิตที่ไร้ความหมาย คนที่เขาอยู่อย่างไม่ต้องกลุ้มใจนั้น ล้วนแต่เป็นคนขยันมาก่อนทั้งนั้น
โดยเฉพาะพวกเราชาวไทยยังเสียเปรียบคนชาติอื่นอยู่มาก ในข้อนี้ เราสู้เขาไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เรามีอาการสามสิบสองเหมือนเขา แต่เรากลายเป็นคนติดความสุขที่เกิดจากการนอน การเที่ยวเตร่ สนุกสนาน เข้าแบบหนักไม่เอาเบาก็ไม่สู้ ชอบเป็นคนติดฝัน สร้างความ สุขในวิมานบนอากาศ ซึ่งมีผลเป็นความว่างเปล่า ชอบได้ชอบมีในทาง ง่ายๆ กันทั้งนั้น เราจึงกลุ้มกันบ่อยๆ เพื่อป้องกันการกลุ้มจากเรื่องนี้ ขอพวกเราทุกคนจงตื่นตัวจาก ความหลับใหลมัวเมาเสียเถิด แล้วหันเข้าหาวิถีทางที่จะไม่ต้องกลุ้มใจกัน ดีกว่า ของดีๆ งามๆ ก็จักต้องมาเป็นของพวกเราบ้างเป็นแน่ 26
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
๔. มีความเกรงกลัวต่อผลของบาป
คู่กับความละอาย คือความกลัวต่อผลที่เกิดแก่ตน เพราะการ กระทำอันไม่สมควรต่างๆ เพราะหลักมีอยู่ว่า
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ทุกคนจักรับผลกรรมของตน ตนต้องรับผลที่ทำไว้ ไม่ว่าเวลาใดเวลาหนึ่งแน่ๆ “คนทำดี” ก็รับสุขไว้ “คนทำบาป” ก็รับทุกข์ไว้เช่นกัน
ถ้าหากรู้สึกว่าความทุกข์ไม่เป็นที่พอใจของตน ก็ควรนึกกลัวไว้ เหมือนพ่อค้าที่เดินทางไกลซึ่งมีอันตราย ถ้ารู้ว่าตนมีทรัพย์มากมีพวกน้อย
ก็ควรกลัวภัย และเตรียมพร้อมเพื่อรับสถานการณ์ฉุกเฉินไว้เสมอ พระ ท่านว่าเป็นความไม่ประมาท งานนี้จำคุก ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ปีแน่ กรรมตามทัน จนได้ กลุ้มใจไปทำไมกัน ?
27