สวดมนต์ พ้นหนี้กรรม

Page 1


อุปสรรค ความทุกขเดือดรอนในปจจุบันชาติ ลวนเกิดแตหนี้กรรมที่กอไว ปลดเปลื้องหนี้กรรมได หากรูวิธี

เรียบเรียง : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุสัตย ออกแบบปก : อนุชิต คำซองเมือง ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา, ธนรัตน ไทยพานิช, ชิชกาน ทองสิงห รูปเลม/จัดอารต : วันดี ตามเที่ยงตรง


¤Ó¹Ó ความเป็นไปของชีวิตของคนทุกคนล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ใคร ทำดีย่อมได้ดี ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ให้ยอมรับผลของกรรมที่ทำไว้ก็จริง แต่มิได้สอนให้เราก้มหน้าก้มตารับกรรมเก่า แต่เพียงอย่างเดียว จุดมุ่งหมายของการสอนเรื่องกฎแห่งกรรมของพระพุทธเจ้า ก็คือ ให้รู้จักใช้สติปญญาแก้ไข เอาตัวรอดจากกรรม ทำชีวิตให้เป็นสุขได้ การที่จะเอาตัวรอดจากกรรมได้นั้น เบื้องต้นเราต้องรู้จักเรื่องกฎแห่งกรรม ให้ชัดเจนเสียก่อน อย่างเช่นปจจุบันยังมีความเข้าใจผิดอยู่ว่า กรรมไม่สามารถ แก้ไขได้ คือทำกรรมอันใดไว้ก็ต้องรับผลของกรรมนั้นเสมอไป ความเป็นจริงแล้ว กรรมทุกอย่างสามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้ เพียงแต่ว่าต้องทำให้ถูกวิธีเท่านั้น หนังสือ สวดมนต์พ้นหนี้กรรม นำพาชีวิตเป็นสุข เล่มนี้ จะช่วยให้ท่าน ได้เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมมากขึ้น และช่วยให้ท่านแน่ใจได้ว่ากรรมนั้นสามารถ แก้ไขได้จริง เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลักๆ คือ ๑) สวดมนต์ พ้นหนี้กรรม ว่าด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับการสวดมนต์ เทคนิคและวิธีแก้กรรมด้วย การสวดมนต์ ๒) การใช้หนี้กรรมอย่างไม่เป็นทุกข์ หนี้กรรมคืออะไร จะใช้หนี้กรรม อย่างไรจึงจะไม่เป็นทุกข์, แนะ ๔๐ วิธีบรรเทากรรมอย่างได้ผล ๓) พุทธทำนาย ว่าด้วยการทำนายความเป็นไปของโลกในอนาคต ๑๖ ข้อของพระพุทธเจ้า ความดีที่เกิดจากหนังสือเล่มนี้ ขอถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา บิดามารดา ครูอาจารย์ และทุกฝายที่ช่วยคิด+สร้างสรรค์อย่างเต็มที่ สานต่องาน เผยแผ่ธรรมของพระพุทธเจ้า และหวังอย่างยิ่งว่าเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ จักเอื้อประโยชน์และก่อเกิดสุขแก่ท่านเป็นอย่างดี ดวยความปรารถนาดี


ÊÒúÑÞ ๑. ความเข้าใจเรื่องสวดมนต์ พ้นหนี้กรรม

ความดีที่ได้จากการสวดมนต์ สวดมนต์ คืออะไร สวดมนต์ทำไม ทำไมต้องสวดมนต์ สวดมนต์แล้วได้อะไร จะเกิดปาฏิหาริย์จริงหรือไม่ สวดมนต์จะสำเร็จผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับบุญบารมีด้วย แนะนำวิธีสวดอย่างได้ผล การจัดโตะหมู่บูชา พระพุทธเจ้าไม่ใช่ผีสาง เทวดา ควรบูชาให้ถูกต้อง ตำนานการค้นพบพาหุงมหากา สวดพุทธคุณแก้เคราะห์ได้ วิธีสวดพาหุงมหากา บุญยิ่งให้ยิ่งได้ ไม่มีหมด สวดพาหุงมหากา ตามด้วยคาถาเมตตาใหญ่ ให้ผลทันใจ สวดมหาเมตตาใหญ่ตัดห่วงโซ่เวรกรรม เทวดาชวนสวดมหาเมตตาใหญ่ กรรมแก้ได้จริงหรือ ลำดับการสวดคาถามหาเมตตาใหญ่ คาถามหาเมตตาใหญ่มีจารึกในพระไตรปฎก อานิสงส์ของการเจริญเมตตา ประเภทของการแผ่เมตตา การแผ่เมตตาโดยไม่เจาะจงผู้รับ การแผ่เมตตาโดยเจาะจงผู้รับ การแผ่เมตตาไปในทิศทั้ง ๑๐

๕ ๖ ๙ ๑๐ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๘ ๒๑ ๒๕ ๔๘ ๕๐ ๕๒ ๕๓ ๕๕ ๕๖ ๕๘ ๖๐ ๖๒ ๖๔ ๖๖ ๖๘


แผ่ให้สัตว์ใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้ปาณชาติใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้ภูตใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้บุคคลใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้ผู้มีอัตภาพใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้เพศหญิงใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้เพศชายใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้ผู้เป็นพระอริยะใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้ผู้ที่ไม่ใช่พระอริยะใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้เทวดาใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้มนุษย์ใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ แผ่ให้สัตว์วินิบาตใน ๑๐ ทิศ ๑๐ รอบ การอุทิศส่วนบุญแก่เจ้ากรรมนายเวร ๒. ความเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม วิธีใช้หนี้กรรมอย่างไม่ทุกข์ ทำกรรมอะไรไว้ถึงได้เป็นเช่นนี ้ สติปัฏฐาน ๔ ปิดประตูอบายภูม ิ สวดมนต์พ้นกรรมที่ทำกับสุนัข ใช้หนี้กรรมปวดหัว ๗ วันไม่หาย พ่อเจ้าชู้ ลูกใช้หนี้กรรม แก้เคราะห์กรรมตามวันเกิด ๔๐ กรรม ๔๐ วิธีบรรเทา

๓. พุทธทำนาย

๖๙ ๗๐ ๗๑ ๗๒ ๗๓ ๗๔ ๗๕ ๗๖ ๗๗ ๗๘ ๗๙ ๘๐ ๘๒

๘๖ ๙๗ ๑๐๗ ๑๑๔ ๑๑๕ ๑๑๖ ๑๒๑ ๑๓๐ ๑๔๖


¤ÇÒÁ´Õ·Õèä´Œ¨Ò¡¡ÒÃÊÇ´Á¹µ ¡ÒÃÊÇ´Á¹µ äËÇŒ¾ÃÐ໚¹¸ÃÃÁ»ÃШӪÕÇÔµ ໚¹¢ŒÍ¤Ô´ »ÃШÓ㨠à¡Ô´¼Å¼ÅÔà¾×èͤÇÒÁ§Í¡§ÒÁ ÊÌҧ¤ÇÒÁ´ÕãËŒ á¡‹µ¹ ¼Å¡ÓäÃ໚¹¤ÇÒÁ´Õ à¾×èÍÁͺãËŒà¾×è͹ËÇÁªÒµÔ ËÇÁâÅ¡ä´ŒÍÂÙ‹´ŒÇ¤ÇÒÁ⪤´Õ·Ø¡æ ·‹Ò¹ ¢ÍãËŒ·‹Ò¹¾ÃŒÍÁÊÁҪԡ㹤Ãͺ¤ÃÑÇä´ŒÊÇ´Á¹µ ¡Ñ¹·Ø¡¤¹ ·Ø¡¤Ãͺ¤ÃÑÇ à¾×èÍ໚¹Áô¡ã¹ªÕÇÔµ ¨Ðà¡Ô´ °Ò¹Ð´Õ ÁÕ»˜ÞÞÒ ÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢ ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞÂÔè§æ ¢Öé¹ä»ã¹ªÕÇÔµ ¢ÍãËŒ·‹Ò¹ªÑ¡ªÇ¹ÅÙ¡ËÅÒ¹·Ø¡æ ¤¹ÊÇ´Á¹µ ¡‹Í¹¹Í¹ ¶ŒÒ·‹Ò¹ ·Ñé§ËÅÒÂÁÕ¤ÇÒÁµÑé§ã¨ ÈÃÑ·¸Ò áÅÐàª×èÍÁÑè¹ ÅÙ¡ËÅҹ䴌ÊÇ´Á¹µ µÒÁ˹ѧÊ×͹ÕéáÅŒÇ ¼Å·Õèä´ŒÃѺ¨Ò¡¡ÒÃÊÇ´Á¹µ ¹Õé ñ. ÅÙ¡ËÅÒ¹¨ÐÁÕÃÐàºÕºÇԹѷÕè´Õ ò. ÅÙ¡ËÅÒ¹¨ÐäÁ‹à¶Õ§ ¨Ðà¤Òþàª×èÍ¿˜§¾‹ÍáÁ‹ à¢Ò¨ÐÃٌNjÒà¢Ò໚¹à´ç¡ ËÃ×ͼٌãËÞ‹ ¨ÐÇÒ§µÑÇä´ŒàËÁÒÐÊÁ ó. àÁ×èÍà¨ÃÔÞÇÑÂ໚¹Ë¹Ø‹ÁÊÒÇ¡ç¨Ð໚¹ÅÙ¡ËÅÒ¹·Õè´Õ¢Í§¾‹ÍáÁ‹ ໚¹¾ÅàÁ×ͧ ·Õè´Õ¢Í§Êѧ¤ÁáÅлÃÐà·ÈªÒµÔ ô. ¼ÙŒ·ÕèÊÇ´áÅл¯ÔºÑµÔ໚¹»ÃШӨÐÃØ‹§àÃ×ͧÇѲ¹ÒʶҾà ¨ÐÃÇ ¨ÐÊÇ ¨Ð´ÕÁÕ»˜ÞÞÒ ¨ÐÊÁ»ÃÐʧ¤ ã¹ÊÔ觷Õè´Õ§ÒÁµÅÍ´·Ø¡»ÃСÒà สวดมนต ดลใหชีวิตมีสุข

¢ÍÍӹǾà (¾ÃиÃÃÁÊԧ˺ØÃÒ¨Òà) ÇÑ´ÍÑÁ¾Çѹ Í.¾ÃËÁºØÃÕ ¨.ÊÔ§Ë ºØÃÕ

Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

5


ÊÇ´Á¹µ ¤×ÍÍÐäà เมื่อพูดถึงการสวดมนต์ คนโดยมากมักเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเป็นพิธีกรรม ที่ทำเพื่อให้เกิดความขลังความศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์บันดาลผลอย่างใดอย่างหนึ่งตาม ต้องการ แต่ความเป็นจริงการสวดมนต์มีความหมายและจุดมุ่งหมายลึกซึ้งกว่าที่ คนทั่วไปเข้าใจกันอยู่มาก คำว่า สวด หมายถึง การท่อง หรือ การว่าออกเสียง การสาธยายเป็น ท่วงทำนอง คำว่า มนต์ มีความหมายตามพจนานุกรมว่า คำศักดิ์สิทธิ์, คำสำหรับ สวด, คำสำหรับเสกเปา แต่เมื่อว่าตามความหมายเดิมแล้วคำว่า มนต์ นี้มาจาก คำบาลีว่า มนฺต ที่แปลว่า ปัญญา หรือ ความรอบรู้ เช่นคำว่า มนตรี ที่แปลว่า ผู้มีปญญา ก็มาจากว่า มนฺต นี้เหมือนกัน ดังนั้น คำว่า มนต์ จึงมีความหมาย ที่สมบูรณ์ว่า ถ้อยคำที่ศักดิ์สิทธิ์และให้ปัญญาความรู้แก่ผู้สวด มนต์ จำแนกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ

Á¹µ ò »ÃÐàÀ· ñ. Á¹µ ã¹¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ñ) ¾Ãоط¸Á¹µ

ñ) äÊÂÈÒʵÃ

ò) ÍÃËѹµÁ¹µ

ò) ¤Ò¶ÒÍÒ¤Á

ó) à¶ÃÁ¹µ 6

ò. Á¹µ ¹Í¡¾Ãоط¸ÈÒʹÒ

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ñ. Á¹µ ã¹¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò จำแนกตามแหล่งที่มาได้ ๓ ประเภท คือ ๑) พระพุทธมนต์ ได้แก่ มนต์ของพระพุทธเจ้า ซึ่งอาจมาในรูปแบบของ พระสูตร (บทสวดประเภทคำสอน) เช่น มงคลสูตร ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หรือ พระปริตร (บทสวดประเภทสวดให้เกิดอานุภาพบันดาลผลอย่างใดอย่างหนึ่ง) เช่น รัตนปริตร (สวดขจัดเสนียดจัญไร) วัฏฏกปริตร (สวดปองกันไฟ) เป็นต้น พุทธมนต์นั้น โดยมากจะเป็นพระพุทธพจน์โดยตรง คือเป็นมนต์ที่ พระพุทธเจ้าตรัสเอง จะมีบ้างบางบทที่มีผู้นำมาทูลถวายเพื่อให้พระองค์พิจารณา และประทานแก่พุทธบริษัทให้สวด เช่น บทอาฏานาฏิยปริตร ที่ท้าวเวสสุวัณ ราชา แห่งอมนุษย์ทูลถวาย เพื่อทรงมอบให้พุทธบริษัทสวดปองกันเหล่าภูตผีปศาจและ อมนุษย์ไม่ให้เข้ามารบกวน เป็นต้น ๒) อรหันตมนต์ ได้แก่ มนต์ของพระอรหันตสาวก มีปรากฏไม่มากนัก และที่นิยมสวดกันจริงๆ มีเพียงบทเดียว คือ บทอังคุลิมาลปริตร ซึ่งเป็นบท ตั้งสัจอธิษฐานของพระองคุลิมาล เพื่อจะช่วยหญิงคนหนึ่งให้คลอดลูกโดยง่าย นอกเหนือจากนี้ก็ไม่นิยมนำมาสวดกัน ๓) เถรมนต์ ได้แก่ มนต์ที่แต่งขึ้นภายหลังโดยพระเถราจารย์ผู้ทรงความรู้ ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งโดยมากเป็นบทสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย และ ขออานุภาพพระรัตนตรัยคุ้มครองปองกันตน เช่น บททำวัตรเช้า-เย็น, บทกราบ พระรั ตนตรั ย (อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ) พระราชนิ พ นธ์ ในพระบาทสมเด็ จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ขณะทรงผนวช, บทพุทธชัยมงคลคาถา สันนิษฐานว่าแต่งโดยสมเด็จพระพนรัตน์ วัดปาแก้ว, บทคาถาชินบัญชร โดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี), บทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก สันนิษฐาน ว่าแต่งขึ้นในยุคสุโขทัย เป็นต้น Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

7


มนต์ทั้ง ๓ ประเภทนี้ถือว่าเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ เพราะ ๑. เป็นพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ๒. เป็นถ้อยคำของพระอรหันตสาวกผู้สิ้นกิเลสแล้ว ๓. เป็นบทหรือถ้อยคำที่แต่งขึ้นเพื่อบูชาและสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ผู้สวดทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า มนต์ในพระพุทธศาสนาทั้งหมดมุ่งสอนให้ เกิดความรู้และสติปัญญามากกว่าความขลังหรือความศักดิ์สิทธิ์ สวดมนต์อย่าติด ความขลัง แต่ต้องเพิ่มพลังแห่งสติและปัญญาให้มากขึ้นๆ

ò. Á¹µ ¹Í¡¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ได้แก่ มนต์คาถาทางไสยศาสตร์ มนต์สำหรับสวดบูชาเทพเจ้า บูชาพรหม เป็นต้น ที่เน้นให้เกิดความขลัง คงกระพันชาตรี หรืออ้อนวอนเทพเจ้าให้บันดาลสิ่ง ที่ต้องการ ไม่ใช้คำสอนที่มุ่งให้เกิดปญญา นำพาตนให้พ้นทุกข์ มีแต่สนองกิเลส จึงสรุปได้ว่า

¤ÓÇ‹Ò ÊÇ´Á¹µ ã¹·Õè¹Õé¡ç¤×Í ¡Ò÷‹Í§º‹¹¤ÓÈÑ¡´ÔìÊÔ·¸Ôì 䴌ᡋ¤ÓÊ͹·Ò§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ÃÇÁ¶Ö§¤ÓÊÃÃàÊÃÔÞ¾Ãоط¸¤Ø³ ¸ÃÃÁ¤Ø³ Êѧ¦¤Ø³ à¾×èÍãËŒà¡Ô´»˜ÞÞÒÃٌᨌ§ã¹¸ÃÃÁ áÅÐÈÃÑ·¸ÒṺṋ¹ã¹¾ÃÐÃѵ¹µÃÑÂ

8

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ÊÇ´Á¹µ ·ÓäÁ ·ÓäÁµŒÍ§ÊÇ´Á¹µ

จุดเริ่มต้นของการสวดมนต์ อันดับแรกก็เพื่อจดจำพระธรรมคำสอนของ พระพุทธเจ้า ในสมัยก่อนไม่มีเครื่องเขียนสำหรับจดบันทึกหรือเครื่องบันทึกเสียง อย่างสมัยปจจุบัน ถ้าจะศึกษาอะไรที่เป็นความรู้แล้วก็จะอาศัยการท่องจำแบบปาก ต่อปาก เรียกว่า มุขปาฐะ ภิกษุในสมัยพุทธกาลก็ใช้วิธีการท่องจำปากต่อปากนี้ ถ่ายทอดและศึกษาเล่าเรียนพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อจำได้แล้ว ก็จะนำมาท่องทบทวนเพื่อให้เกิดความเข้าใจในพระธรรมคำสอนมากขึ้น และใน บางโอกาสหมู่ภิกษุจะประชุมกันสวดคำสอนนั้นพร้อมๆ กันเป็นกลุ่ม เพื่อทบทวน และสอบทานว่า เนื้อความที่ตนท่องนั้นผิดเพี้ยนไปจากคนอื่นหรือไม่ จะได้แก้ไข ให้ถูกต้อง การสวดมนต์จึงเป็นรูปแบบของการถ่ายทอด เผยแผ่ และรักษาไว้ซึ่ง พระธรรมคำสอนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปจจุบัน และถือเป็นกิจที่ศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย ดังนั้น ต่อคำถามที่ว่า สวดมนต์ทำไม นี้ ก็ตอบได้ทันทีว่า สวดเพื่อ ดำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ในรูปแบบภาษาที่พระองค์ ทรงใช้ประกาศศาสนา การสวดมนต์จึงเท่ากับเป็นการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา ให้ยืนยาวต่อๆ กันมา Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

9


ÊÇ´Á¹µ áÅŒÇä´ŒÍÐäà ¨Ðà¡Ô´»Ò¯ÔËÒÃÔ ¨ÃÔ§ËÃ×ÍäÁ‹ ประโยชน์ของการสวดมนต์นอกจากเป็นการรักษาไว้ซึ่งพระธรรมคำสอน ของพระพุทธเจ้าแล้ว ผู้สวดจะได้รับประโยชน์อย่างอื่นในเชิงปาฏิหาริย์หรือไม่ เช่น คนจนสวดแล้วทำให้รวย คนปวยสวดทำให้หายโรค คนจะเดินทางสวดแล้วทำให้ แคล้วคลาดปลอดภัย หรือดวงไม่ดีสวดแล้วทำให้ดวงดีได้หรือไม่ เรื่องปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการสวดมนต์นั้น ขอตอบฟนธงว่า มีจริง เพราะ มีตัวอย่างให้เห็นมากมายทั้งในอดีตและปจจุบัน เช่น มีเรื่องกล่าวไว้ในหนังสือ มังคลัตถทีปนี ว่า ในอดีต ค้างคาวในถ้ำได้ฟังภิกษุกลุ่มหนึ่งสวดสาธยายพระสูตร เกิด ความเพลิดเพลินซาบซึ้งในท่วงทำนองบทสวดจนเผลอตกลงมาตาย ซึ่งหลังจากที่ ตายไปแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ นี่เพียงแค่การฟงยังไม่ได้สวดก็ยังมี อานิสงส์เพียงนี้ อีกเรื่องหนึ่งกล่าวไว้ในธรรมบทว่า มีเด็กคนหนึ่งหลงเข้าไปในปา ตก กลางคืน นอนหลับ มีอมนุษย์ ๒ ตนผ่านมาพบเข้า ตนหนึ่งเข้าไปจับเด็กหมายจะ กินเป็นอาหาร เด็กสะดุ้งตกใจ ได้สวดมนต์ว่า นะโม ตัสสะๆๆๆ ที่ตนท่องอยู่ เป็นประจำ ทำให้มืออมนุษย์ร้อนดังถูกเพลิงไหม้ ร้องลั่นหนีหายไป ในเรื่องของการสวดมนต์แล้วทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อนั้น พระเดชพระคุณ พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ิตธมฺโม) ได้เล่าไว้ใน หนังสือ กฎแห่งกรรม วิปัสสนาสื่อวิญญาณ ไว้หลายเรื่อง ขอยกตัวอย่างสัก ๒ เรื่อง 10

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ñ. ÊÇ´Á¹µ áÅŒÇËÒ¨ҡâäËÑÇã¨ÃÑèÇ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณกุศล นามแก้ว ที่เขียนจดหมายมาเล่าให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฟง ซึ่งหลวงพ่อได้นำมาเล่าไว้ในหนังสือ กฎแห่งกรรม วิปัสสนา สื ่อวิญญาณ (ตอนที่ ๘) ว่า “อานิสงสแหงความมีศรัทธา ตั้งใจแนวแนในการสวดมนต เจริญกุศล ภาวนา ทำใหหายโรคได ทานทั้งหลายจำไวอยางหนึ่งวา ถาคนเขาถึงธรรมเมื่อใด จะหายจากโรคแนๆ เมื่อวานไดรับจดหมายจากหนองคายฉบับหนึ่ง มาจากโยม กุศล นามแกว ปวยเปนโรคหัวใจรั่ว จะตายอยูแลว ทำพืชไรอยูที่อำเภอศรีเชียงใหม จังหวัด หนองคาย เลี้ยงสัตวไวดวย มีเหยี่ยวมารบกวน ขโมยก็มาลักของ เขานั่งกรรมฐาน สวดมนตชวยตัวเองไมตองใหคนอื่นชวย ไมตองใหพระชวย โรคหัวใจนี่ทำอะไร ก็เหนื่อย หากคิดอะไรขึ้นมาละก็ตายเลย หรือถาโกรธก็ตายเลย เขาสวดมนต เจริญกุศลภาวนาอยู ๙ เดือน ขณะนี้โรคหายไป ๙๐% แลว ยังเหลืออีก ๑๐% จึงจะเปนปกติ หมอบอกหายไดอยางไร มีแตจะตายเทานั้น การสวดมนตนั้น สวดเพื่ออะไร สวดเพื่อตองการใหมีสติ ชวยตัวเองได คนที่มาที่นี่มีแตมาใหพระชวย ไมชวยตัวเองเลย ไมสนใจปฏิบัติกรรมฐาน มากัน เพื่อจะปฏิบัติแลกเหมือนแบบพอคาแมคา ไมไดผลสักราย โยมกุศลนี่ตั้งใจจริง ขอเปนกำลังใจ โรคหายไปเลย เขาขอหนังสือ ใหผูที่กำลังปวย ตั้งใจสวดมนต ผลดีจะปรากฏแนนอน “สวดมนตมหาเมตตาใหญ” ๑ วันนี้สงไปใหเขาแลว ตองชวย ตัวเอง ตองพึ่งตัวเอง ตองสอน ตัวเอง” ๑

มีจำหน่ายที่... สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง


ò. ¨‹ÒÊͺ໚¹¹ÒÂÃŒÍÂä´Œà¾ÃÒÐÊÇ´Á¹µ เรื่องนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมสิงหบุราจารย์ เล่าไว้ในหนังสือ กฎแห่ งกรรม วิปัสสนาสื่อวิญญาณ (ตอนที่ ๒) ว่า “จาที่ศูนยปนใหญนี่บอกวา ‘หลวงพอ อีก ๒-๓ ปอายุผมเกินแลว สอบ นายทหารไมได เสียไป ๒ หมื่นก็ไมได’ ‘อยาไปพูดเรื่องเสียเงิน เสียยี่หอทหาร สองคนผัวเมียสวดมนตไดไหม ตองไดแน สวดสองคนเลย’ พวกทหารศูนยปนใหญ เขาบอกสงสัยบานจานี่ทาจะบาแลว พอผัวไป ทำงาน ‘นี่แมอีหนูมาสวดมนตแทน ฉันจะไปทำงาน’ เมียก็สวดใหญ เพื่อนๆ มาเยี่ยม ไปเถอะขาขาด เคยไปเลนไพดวยกัน เลิกเลนมานั่งสวดมนต ในที่สุดสอบได สอบนายทหารได เดี๋ยวนี้เปนพันตรีไปแลว ร่ำรวยมีเงินใหนายทหารกู จาคนนี้ พอสวดมนตมีเงินและมีไรที่อำเภอพัฒนานิคม มีสวนมะพราว มะพราวเยอะแยะ มันเปนความจริงขึ้นมา ไมใชขลังดวยคาถา แตขลังดวยสติ สวดมนตแลวก็มีสติ ขึ้นมา ปญญาก็เกิด สอบเขียนก็ไดเลย ตอนเสียเงิน ๒ หมื่นไมได เขาบอกขอสอบ ใหยังไมได บอกสวดพุทธคุณเขาไดทุกราย อาตมาอบรมนักศึกษานี่ติดตามโดยตอเนื่อง ไมใชไปบอกขอกฐินผาปา ตองการประเมินผล ขอใหเธอทำตาม บางคนบอกวาฉันเรียนสำเร็จครูมา ทำอะไร ไมได บอกหนูไมจำเปนตองเปนครู มานั่งกรรมฐาน สวดมนตเขา มันจะเกิดมีคน อุปถัมภ ชวยเหลือผลักดันไปจนไดโดยวิธีนี้” สามีไปทำงาน เมียสวดมนต ดีแทหนอ

12

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ÊÇ´Á¹µ ¨ÐÊÓàÃ稼ÅËÃ×ÍäÁ‹ ¢Öé¹ÍÂÙ‹¡ÑººØÞºÒÃÁÕ´ŒÇ ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างที่พอจะยืนยันได้ว่า การสวดมนต์นั้นมีอานุภาพ ปาฏิหาริย์บันดาลผลในสิ่งที่ต้องการได้จริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าจะสำเร็จทุกคนไป ขึ้นอยู่กับบุญบารมีของแต่ละท่านด้วย ดังคำที่พระเดชพระคุณพระธรรมสิงห- บุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ิตธมฺโม) กล่าวไว้ว่า

¤¹ºÒ§¤¹ºÒÃÁÕÂѧ¢Ò´ÍÂÙ‹ õ-ñð% ¡ÒÃÊÇ´¾Ãоط¸¤Ø³¨Ðª‹ÇÂä´Œ ᵋ¶ŒÒ¢Ò´ÁÒ¡¡çª‹ÇÂäÁ‹ ä´Œ

สอดคล้องกับคำของพระนาคเสนเถระ ที่กล่าวกับพระยามิลินท์ในหนังสือมิลินทปญหาว่า การสวดพระปริตรบางทีก็ได้ผล บางทีก็ไม่ได้ผล ขึ้นอยู่กับเหตุผล ๓ ประการคือ ๑. ถูกแรงกรรมปิดกั้น คือ ถูกกรรมเก่าขัดขวาง ๒. ถูกกิเลสปิดกั้น คือ ขณะสวดจิตของผู้สวดมีกิเลสเข้ามาปะปน ทำให้ จิตไม่สงบ หรือผู้สวดสวดด้วยอำนาจของความโลภ โกรธ หลง เช่น สวดมนต์ เพื่ออยากให้ตนรวยๆ อยากให้ถูกหวย หรือสวดมนต์เพื่อให้สามีรักสามีหลง เป็นต้น ๓. มีจิตไม่เชื่อในพระปริตร คือ ไม่เชื่อในอานุภาพของบทสวดมนต์ ทำด้วยความไม่เชื่อมั่นว่าจะเป็นไปได้ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

13


á¹Ð¹ÓÇÔ¸ÕÊÇ´Í‹ҧ䴌¼Å ท่านที่สวดมนต์โดยมากมักมีความต้องการหรือหวังผลที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนสวดมนต์เพื่อให้เกิดโชคลาภ บางคนสวดเพื่อสะเดาะเคราะห์ บางคน สวดเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองจากพุทธคุณ บางคนสวดเพื่อรักษาโรค บางคนสวด เพื่อเสริมบารมี บางคนสวดเพื่อบูชาสิ่งที่ตนเคารพเพื่อให้บันดาลในสิ่งที่ตนต้องการ และอีกหลายเหตุผล ซึ่งก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง การสวดมนต์เพื่อให้เกิดอานุภาพหรือบังเกิดผลตามต้องการนั้น สิ่งสำคัญ อยู่ที่ตัวผู้สวดต้องมีคุณสมบัติ ๕ ประการนี้ คือ ๑. มีศรัทธา คือ มีความเชื่อมั่นในบทสวด เชื่อมั่นในพลานุภาพของ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ และที่สำคัญต้องเชื่อมั่นว่า การสวดมนต์ นี้เป็นความดี และผู้ทำดีย่อมได้ดีเสมอ คือเชื่อในกฎแห่งกรรม ๒. ต้องมีวิริยะ คือ ความตั้งใจจริง ไม่โลเลเหลาะแหละ หรือไม่สวดด้วย ความเกียจคร้าน สวดด้วยความเต็มใจ ยินดีและต่อเนื่อง ๓. ต้องมีสติระลึกไปตามบทสวด คือ ขณะสวดต้องมีสติ โดยออกเสียง ให้ถูกต้องตามอักขระ และไม่สวดข้ามวรรคตอนไปมา ๔. ต้องมีสมาธิที่ดี คือควบคุมจิตให้แน่วแน่อยู่กับบทสวด ไม่ปล่อยใจ ให้ล่องลอยไปกับเรื่องอื่น ๕. ต้องใช้ปัญญาคิดตริตรองไปตามเนื้อหาของบทสวดนั้นๆ ด้วย ถ้าทำได้ครบทั้ง ๕ ข้อนี้แล้ว เชื่อเหลือเกินว่า การสวดมนต์ของท่าน จะไม่เปล่าประโยชน์ ดังนั้น จึงขอให้ทุกท่าน ทุกคน ทุกครอบครัว หมั่นสวดมนต์ สวดให้ได้ทุกวัน วันละหลายๆ เที่ยว หลายๆ รอบ บุญบารมีของท่านจะเพิ่มพูน เกิดมงคลผลแก่ชีวิต สิ่งดีๆ ทั้งหลายจะบังเกิดตามมาแน่นอน สาธุ สาธุ 14

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


¡ÒèѴⵠÐËÁÙ‹ºÙªÒ ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ แต่ละบ้านควรมีพระพุทธรูปไว้บูชาประจำ อย่างน้อยหนึ่งรูป การตั้งพระพุทธรูป ถ้ามีห้องพระควรมีโตะหมู่บูชาสำหรับตั้ง พระพุทธรูป จะเป็นหมู่ ๕ หมู่ ๗ หรือกี่หมู่ก็ได้ตามสะดวก การจัดโตะหมู่บูชา ต้องจัดให้เป็นระเบียบและรักษาทำความสะอาดทุกวัน ห้องพระควรเปดประตู หน้าต่าง ให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ควรให้มีกลิ่นอับ นอกจากความสะอาดแล้วการจัดวางตำแหน่งพระบูชาก็ควรให้ถูกต้องลดหลั่นกัน ตามลำดับดังนี้

ò

ó ô

ñ

ó õ

ò

ó ô

๑. พระพุทธรูป ๒. พระอรหันตสาวก ๓. พระเถราจารย์ ๔. พระโพธิสัตว์/ มาลัยดอกไม้ ๕. ธูป เทียน

แต่สำหรับบ้านที่ไม่มีห้องพระ หรือไม่สะดวกที่จะตั้งโตะหมู่ จะจัดทำเป็น หิ้งไว้เหนือหัวนอน หรือที่ใดที่หนึ่งที่เห็นควรก็ได้ การตั้งพระพุทธรูปนิยมตั้งหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ หรือทางทิศ ตะวันออก ไม่นิยมหันไปทางทิศตะวันตก เพราะโบราณถือว่าเป็นทิศไม่ดี เทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น เช่น พระพรหม พระพิฆเนศวร เจ้าพ่อเจ้าแม่ โกฏิบรรพบุรุษที่ต้องถวายเครื่องเซ่น ให้จัดที่ตั้งและที่บูชาแยกจากพระพุทธรูป ต่างหาก Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

15


¾Ãоط¸à¨ŒÒäÁ‹ãª‹¼ÕÊÒ§ à·Ç´Ò ¤Çú٪ÒãËŒ¶Ù¡µŒÍ§ พระพุทธรูปสร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์แทนรูปกายขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อกราบไหว้บูชาและน้อมระลึกถึงคุณของพระองค์ เป็นสื่อน้อมนำจิต ให้เกิดความปติและศรัทธา ให้ผู้ไหว้เกิดแรงใจในอันที่จะสร้างคุณงามความดีและ ละเว้นความชั่ว ปจจุบันเปาหมายของการบูชาพระพุทธรูปได้เปลี่ยนไป คนส่วนใหญ่บูชา พระพุทธรูปก็เพื่อบนบานศาลกล่าวขอให้พระพุทธเจ้าประทานในสิ่งที่ตนต้องการ เช่น ขอหวย ขอลูก ขอให้สอบได้ หนักเข้าก็มีการติดสินบน และมีการแก้บน ตามมา คือปฏิบัติเหมือนกับว่าพระพุทธเจ้าเป็นภูตผีปศาจ หรือทวยเทพเทวดา ที่ต้องการเครื่องเซ่นไหว้ พฤติการณ์เช่นนี้หลวงปูพุทธทาส เรียกว่า “เอาพระมาปน กับผี”* พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระอรหันต์ ตัดกิเลสตัณหาได้อย่างสิ้นเชิงและเข้าสู่ พระนิพพานแล้ว การที่ชาวพุทธมาฉุดดึงพระองค์ให้ตกต่ำ อุปโลกน์ให้พระองค์ เป็นหลวงพ่อโน้น หลวงพ่อนี้ บางครั้งถึงกับใส่แว่นตาดำ ทาปากแดงให้ และยัง สมมติให้ชอบทานน้ำแดง กล้วยน้ำหว้า ไข่ต้ม หัวหมู สารพัด เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม อย่างยิ่ง เพราะเป็นการฉุดดึงพระพุทธเจ้าให้ตกต่ำเสมือนพวกวิญญาณที่ชอบ การเซ่นสรวง เป็นการกระทำที่หลงผิดของชาวพุทธโดยมาก แม้จะทำด้วยความไม่รู้ แต่ก็เป็นบาปอยู่นั่นเอง การบูชาที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ คือ ปฏิบัติบูชา การบูชาด้วยการ ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน คือละเว้นความชั่วทั้งปวง ทำแต่ความดี และชำระใจ ให้หมดจด การบูชาด้วยวัตถุก็มีได้บ้างเช่น ดอกไม้ ธูป เทียน ไม่ควรถวายเครื่อง เซ่นไหว้ เพราะพระพุทธเจ้าไม่ใช่ผี หรือเทวดาที่จะชอบเครื่องเซ่นไหว้อย่างนั้น

* จากหนังสือ “คุณพระช่วย” โดย สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง 16

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


บทสวด อิสîวาสุ พาหุงมหากา

¼ÙŒ·ÕèÁÕºÒÃÁÕᵋÂѧ¢Ò´ÍÂÙ‹ õ-ñð % ÊÇ´¾ÒËاÁËÒ¡Ò¹ÕéáÅŒÇ ¨Ñ¡·ÓãËŒÊÓàÃ稻ÃÐ⪹ µÒÁ»ÃÐʧ¤ ·Ø¡»ÃСÒà ...พระธรรมสิงหบุราจารย...


µÓ¹Ò¹¡Ò䌹¾º¾ÒËاÁËÒ¡Ò โดย...พระธรรมสิงหบุราจารย (หลวงพอจรัญ ิตธมฺโม)

“คืนวันหนึ่ง อาตมานอนหลับแล้วฝนไปว่า อาตมาได้เดินไปในสถานที่แห่งหนึ่ง พบกับพระสงฆ์ รูปหนึ่งครองจีวรคร่ำ สมณสารูปเรียบร้อยน่าเลื่อมใส อาตมาเห็นว่าเป็นพระอาวุโส ผู้รัตตัญู จึงน้อม นมัสการท่าน ท่านหยุดยืนตรงหน้าอาตมาแล้วกล่าว กั บอาตมาว่า ‘ฉั น คื อ สมเด็ จ พระพนรั ต น์ วั ด ป า แก้ ว แห่งกรุงศรีอยุธยา ฉันต้องการให้เธอได้ไปที่วัดใหญ่ ชัยมงคล เพื่อดูจารึกที่ฉันได้จารึกถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้เป็นเจ้า เนื่องในวาระที่สร้างพระเจดีย์ฉลองชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชาแห่ง พม่า และประกาศความเป็นอิสระของประเทศไทยจากหงสาวดีเป็นครั้งแรก เธอ ไปดู ไว้แล้วจดจำมาเผยแพร่ออกไป ถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้แล้ว’ ในฝนอาตมารับปากท่าน ท่านก็บอกตำแหน่งให้ แล้วก็ตกใจตื่นนอน ตอนใกล้รุ่ง อาตมาก็ทบทวนความฝน ก็นึกอยู่ในใจว่าเราเองนั้นกำหนดจิตด้วย กรรมฐาน มีสติอยู่เสมอ เรื่องฝนฟุงซ่านเป็นไม่มี อาตมาก็ได้ข่าวในวันนั้นแหละว่า ทางกรมศิลปากรทำการบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ใหญ่ในวัดใหญ่ชัยมงคล และ จะทำการบรรจุบัวยอดพระเจดีย์ อันเป็นนิมิตหมายการสิ้นสุดการบูรณะ แล้วจะรื้อ นั่งร้านทั้งหมดออกเป็นการเสร็จสิ้น อาตมาจึงได้ขอร้อง ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร ให้เลื่อนการปดยอดบัวไปอีก วันหนึ่ง เพื่อที่อาตมาจะได้นำพระซุ้มเสมาชัย ซุ้มเสมาขอ ที่อาตมาได้สร้างขึ้นตาม แบบดั้งเดิมที่พบในเจดีย์ใหญ่ใกล้กับวัดอัมพวัน ซึ่งพังลงน้ำที่กงเหล็งเป็นคนรวบรวม เอามาให้อาตมาตั้งแต่เมื่อเริ่มพัฒนาวัดใหม่ๆ แต่แตกหักผุพังทั้งนั้นหลายสิบปบ อาตมาได้ปนเอามาผสมสร้างเป็นองค์พระใหม่ไปร่วมบรรจุไว้ที่ยอดพระเจดีย์บ้าง 18

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


วันนั้น อาตมาเดินทางไปถึงก็ได้เดินขึ้นไปบนเจดีย์ตอนที่สุดบันไดแล้ว มองเห็นโพรงที่ทางเขาทำไว้สำหรับลงไปด้านล่าง มีร้านไม้พอไต่ลงไปภายใน ตั้งใจ เด็ดเดี่ยวว่าลงไปคราวนี้ ถ้าพลาดตกลงไปจากนั่งร้านมาก็ยอมตาย คนที่ร่วมเดินทาง มาด้วยเขามัวแต่ไปบนลานชั้นบน อาตมาก็ดิ่งลงไปชั้นล่าง มีไฟฉายดวงหนึ่ง เวลานั้น ประมาณ ๐๙.๐๐ น. อาตมาลงไปภายใน แล้วก็พบนิมิตดังที่สมเด็จพระพนรัตน์ ได้บอกไว้จริงๆ อาตมาจึงได้พบว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่สมเด็จพระพนรัตน์ วัดปาแก้ว ท่าน ได้จารึกถวายพระพร ก็คือบทสวดที่เรียกว่า “พาหุงมหาการุณิโก” ท้ายของนิมิตนั้นระบุว่า “เราสมเด็จพระพนรัตน์ วัดปาแก้ว ศรีอโยธเยศ คือผู้จารึกนิมิตรจนาเอาไว้ถวายพระพรแด่มหาบพิตรเจ้าสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” พาหุงมหากาก็คือบทสวดสรรเสริญ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระ สังฆคุณ แล้วก็พร พาหุง อันเริ่มด้วย พาหุงสะหัส ไปจนถึง ทุคคาหะทิฏฐิ แล้ว เรื่อยไปจนถึง มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ และจบลงด้วย ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง สัพพะพุทธา สัพพะธัมมา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต อาตมา เรียกรวมกันว่า “พาหุงมหากา” อาตมาจึงเข้าใจในบัดนั้นเองว่าบทพาหุงนี่คือ บทสวดมนต์ที่สมเด็จ- พระพนรัตน์ วัดปาแก้ว ได้ถวายให้สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไว้สวดเป็นประจำ เวลาอยู่พระมหาราชวังและในระหว่างศึกสงคราม จึงปรากฏว่าสมเด็จพระนเรศวร มหาราชเจ้า ทรงรบ ณ ที่ใด ทรงมีชัยชนะอยู่ตลอดมา มิได้ทรงเพลี่ยงพล้ำเลย แม้จะเพียงลำพังสองพระองค์กับสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า ท่ามกลางกองทัพพม่า จำนวนนับแสนคนก็ทรงมีชัยเหนือกองทัพพม่าด้วยการกระทำยุทธหัตถี มีชัยเหนือ พระมหาอุปราชา ณ ดอนเจดีย์ปูชนียสถาน แม้ข้าศึกจะยิงปนไฟเข้าใส่พระองค์ ในตอนที่เข้ากันพระศพของพระมหาอุปราชาออกไปราวกับห่าฝนก็มิปาน แต่ก็มิได้ ต้องพระองค์ ด้วยเดชะพาหุงมหากาที่ทรงเจริญอยู่เป็นประจำนั่นเอง Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

19


อาตมาพบนิมิตแล้ว ก็ไต่ขึ้นมาด้วยความสบายใจ ถึงปากปล่องที่ลงไป ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง เนื้อตัวมีแต่หยากไย่ เดินลงมาแม่ชีเห็นเข้ายังร้องว่า “หลวงพ่อเข้าไปในโพรงนั้นมาหรือ” แต่อาตมาไม่ตอบ ตั้งแต่นั้นมา อาตมาจึงสอนการสวดพาหุงมหากาให้แก่ญาติโยมเป็นต้นมา เพราะอะไร เพราะพาหุงมหากานั้นเป็นบทสวดมนต์ที่มีค่าที่สุด มีผลดีที่สุด เพราะ เป็นชัยชนะอย่างสูงสุดของพระบรมศาสดา จากพญาวสวัตดีมาร จากอาฬวกยักษ์ จากช้างนาฬาคิรี จากองคุลิมาล จากนางจิญจมาณวิกา จากสัจจกนิครนถ์ จากพญานันโทปนันทนาคราช และท่านท้าวพกพรหม เจดียใหญ วัดชัยมงคล เป็นชัยชนะที่พระพุทธองค์ทรงได้มาด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ จ.พระนครศรีอยุธยา และด้วยอำนาจแห่งบารมีธรรมโดยแท้ ผู้ใดได้สวดไว้ ถายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นประจำทุกวันจะมีชัยชนะ มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนาน มีสติระลึกได้ ตายก็จะไปสู่สุคติภูมิ ขอให้ญาติโยมสวดพาหุงมหากากัน ให้ทั่วหน้า นอกจากจะคุ้มตัวแล้วยังคุ้มครอง ครอบครัวได้ สวดมากๆ เข้า สวดกันทั้งประเทศ ก็ทำให้ประเทศ มีแต่ความรุ่งเรือง พวกคนพาล สันดานหยาบ ก็แพ้ภัย ไปอย่าง ถ้วนหน้า”

20

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ÊÇ´¾Ø·¸¤Ø³á¡Œà¤ÃÒÐË ä´Œ* โดย...พระธรรมสิงหบุราจารย (หลวงพอจรัญ ิตธมฺโม)

“ÍÒµÁÒÊÑ§à¡µÇ‹Ò ºÒ§¤¹à¢Òä»ËÒËÁÍ´Ù à¤ÃÒÐË ÃŒÒ¡経ͧÊÐà´ÒÐà¤ÃÒÐË ÍÒµÁÒ¡çÁÒ´Ùà˵ءÒó ⪤ÅÒ§äÁ‹´Õ¡ç໚¹¤ÇÒÁ¨ÃÔ§¢Í§ËÁÍ´Ù ÍÒµÁÒ¡çµÑ駵ÓÃÒ¢Öé¹ÁÒ´ŒÇÂÊµÔ ºÍ¡Ç‹ÒâÂÁä»ÊÇ´¾Ø·¸¤Ø³à·‹ÒÍÒÂØ ãËŒà¡Ô¹ ñ ãËŒ ä´Œ à¾×èÍãËŒÊµÔ´Õ áÅŒÇÊÇ´¾ÒËاÁËÒ¡ÒËÒÂàÅ ʵԡçà¡Ô´¢Öé¹ à·‹Ò·Õè 㪌 ä´Œ¼Å ÊÇ´µÑé§áµ‹ ¹ÐâÁ, ¾Ø·¸Ñ§ ¸ÑÁÁѧ Êѧ¦Ñ§ (º·äµÃÊó¤Á¹ ), ¾Ø·¸¤Ø³, ¸ÃÃÁ¤Ø³, Êѧ¦¤Ø³, ¾ÒËاÁËÒ¡Ò ¨ºáŌnj͹¡ÅѺÁÒ¢ŒÒ§µŒ¹ àÍÒ ¾Ø·¸¤Ø³ ˌͧà´ÕÂÇ ËŒÍ§ÅÐ ñ ¨º µ‹Í ñ ÍÒÂØ, ÍÒÂØ ôð »‚ ÊÇ´ ôñ, ÍÒÂØ óõ ÊÇ´ óö ¡ç ä´Œ¼Å” มีชาวคริสต์คนหนึ่ง มีลูกชายคนเดียว อยู่ที่ลาดพร้าวเป็นเศรษฐีที่ดิน อายุ ๕๑ ป มีลูกชายคนเดียว สามีตาย ลูกชายเรียนหนังสือไม่เก่ง ก็ส่งไปเรียน ปริญญาที่อเมริกา เศรษฐีที่ กทม. ราชาที่ดิน ที่ดินข้างคลองแสนแสบของเขาทั้งนั้น ไปจรดลาดพร้าวหลายร้อยตารางวา เมื่อสมัยก่อนก็ขายได้หลายร้อยล้าน เป็นผู้มีเงิน ก็ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ลูกไม่เอาไหน ไปก็ไปซื้อรถเกง พาจิ๊กโกไปหาจิ๊กกี๋ ๓ ป แล้ว แล้วก็มีหนังสือมาหลอกแม่เรื่อย เรียนจวนใกล้สำเร็จ ขอเงินอีก ๑ แสน ขอเงินอีก ๕ แสน

* จากหนังสือ กฎแห่งกรรม วิปสสนาสื่อวิญญาณ เล่ม ๒ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

21


แล้วในที่สุดเขาก็ไม่รู้จะไปหาที่พึ่งที่ไหน ก็ไปหาหมอดู หมอดูก็เอาเงิน สะเดาะเคราะห์ ลู กถึง จะเรีย นได้ แล้วก็ได้เ งินสะเดาะเคราะห์ ไปหาหมอทำ ก็ไม่สามารถสำเร็จได้ แต่พอดีมีคนสิงห์บุรีไปเป็นลูกจ้างบ้านนั้น เขาเป็นนายทุนให้ ก็พากันไปนครสวรรค์ กลับมาเขาก็เลยอยากจะให้อาตมาช่วย เขาก็พามาแวะ เขา บอกอย่าแวะก็เลยแกล้งเพทุบายว่าปวดท้อง แวะเข้ามาวัดนี้หน่อย จะหาห้องน้ำ แวะเข้ามาแล้วนายทุนคนนี้ก็เข้าห้องน้ำด้วย คนนั้นก็มาบอกกับอาตมาว่าช่วยหน่อย เถอะ เขามีลูกชายคนเดียว ผมก็ขอยืมเงินเขาใช้เรื่อย เราก็นึกในใจว่าขอดูหน้าก่อน แล้วเขาก็พามาแล้วก็บอกให้ฟงว่าลูกชายไปเรียนที่อเมริกา ไม่เอาไหนเลย พอรู้ว่า เรียนไม่สำเร็จ ไปเที่ยว พานักศึกษาไทยเสียหายกัน ฉันก็จะเป็นโรคประสาทแล้ว ท่านจะมีทางช่วยได้ไหม ดูหน้าแล้วก็รู้ว่าลูกชายต้องสำเร็จปริญญาโท แล้วจะ สำเร็จปริญญาเอกด้วย แต่ทำไมเรียนไม่สำเร็จ เดี๋ยวมีวิธีทางแก้ เพราะลักษณะ บอกให้รู้ถึงลูกด้วยว่าลูกต้องเรียนสำเร็จ แต่ทำไมถึงเรียนไม่สำเร็จ มีวิธีแก้ อาตมาก็บอกว่า “โยมไปสวดมนต์ สวดพุทธคุณ ๕๒ จบ” เพราะตอนนี้อายุ ๕๑ เขาก็บอกว่า “ฉันสวดไม่ได้ ฉันเป็นคริสต์” “พระบิดา พระบุตร พระจิต สวดได้ไหม” “ฉันก็เป็นคริสต์แบบชาวพุทธที่สวดมนต์ไม่เป็น ไปวัดเข้าโบสถ์ก็เข้าไป อย่างนั้นเอง” วันนั้นก็เจาไป ไม่ยอมรับ ก็อยู่ได้อีก ๔-๕ เดือน อาตมาจำหน้าได้ ทีนี้ ไม่มีคนพามาละ เขามากันเอง ๓ คน บอกว่า “ฉันยอมจำนน” บอก “เอาอย่างนี้ โยมไปซื้อหนังสือสวดมนต์เข้าเล่มหนึ่ง” “ฉันไม่อยากให้หนังสือสวดมนต์มีในบ้านฉัน ท่านช่วยเขียนให้หน่อย” อาตมาก็ต้องเขียน พอตอนหลังขี้เกียจเขียนต้องพิมพ์เป็นใบ “นี่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา” “ฉันไม่นับถือพระ ฉันจะสวดได้หรือ” 22

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


“ที่นอนนั่นแหละ สวดไปก่อน” อาตมาหาอุบาย “ฉันท่องไม่ได้” “อ่านตามตัว” “แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าอายุ ๕๑ สวด ๕๒” “ใช้ก้านไม้ขีดทิ้งเข้าสิ ทำไปก่อน” เขาเลยมั่นใจคิดว่าจะทำได้ บอกว่า “โยมสวดมนต์เสร็จแล้วแผ่เมตตา ให้ลูก อย่าด่าลูกนะ อย่าแช่งลูก ให้ลูกมีความเจริญสุข และให้ลูกมีความตั้งใจ เรียนหนังสือให้สำเร็จ” พอไปสวดได้ ๓ เดือน ท่องได้หมดเลย หนักเข้าก็ไม่ต้องใช้ก้านไม้ขีด แล้ว จึงเกิดอานิสงส์ ๒ ประการ หนึ่ง โรคประสาทหาย กินได้นอนหลับ ชื่นอกชื่นใจ บุญกุศลของแม่ จะถึงลูก ถึงตอนไหนรู้กันตอนนั้น เพราะลูกนี่เฟอในการเงิน ขอเงินแม่เรื่อยเลย ไม่รู้บุญกุศลของแม่แต่ประการใด วันนั้นบุญกุศลของแม่ถึง ประมาณ ๖ เดือน หลังจากสวดมนต์ อาตมาจดไว้ วันนั้นพอดีลูกชายพาพวกนักศึกษาไทยที่ส่งด้วย ทุนของตัวเองไปเที่ยว ขับรถไปชนเสาไฟฟา เพื่อนอยู่ข้างหลังกระเด็นออกจากรถ หมด ไม่ตาย ไม่เป็นอะไร แต่เจ้านี่ไปอัดกอบปกับเสาไฟฟา เสาล้ม ต้องเสียเงิน หลายแสน พวงมาลัยอัดหน้าอกไปโคม่าอยู่โรงพยาบาล ไม่รู้สึกตัว แล้วพอดี มีลูกพี่อยู่คนหนึ่งเป็นแพทย์อยู่ที่อเมริกา เป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็ไปเยี่ยม ถ้าจะ ไม่รอด ตายแน่ ก็ให้ออกซิเจน นายแพทย์อเมริกาบอกว่าไม่รอดแน่ วันนั้นผ่านไป รุ่งขึ้นลืมตา พอรอดมาแล้วปวดเมื่อยจะตาย น้ำตาร่วง คิดถึงแม่ นี่คนเรามีทุกข์ถึงจะคิดถึงแม่ มันเฟอไปในสังคม มันจะไม่คิดถึงแม่ บางคนอายุ ๘๐ แก่จะตาย เวลาใกล้ตายหลงคิดถึงแม่จา กระทั่งแม่ตายไปตั้งนาน แล้วอย่างนี้แน่นอน มันทุกข์หนัก บอกปวดเมื่อยทั่วสรรพางค์กาย คุณแม่จา รำพึง รำพัน คิดถึงแม่ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

23


ข้อสอง ลูกคิดถึงแม่ ถ้าแม่ทราบว่าหนูไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว แม่จะ เสียใจแค่ไหน ทราบเข้าก็ดีอกดีใจมาวัดเลย เลี้ยงเพล พระสวดธรรมจักรให้ ๑ จบ ในที่สุดพอลูกกลับจากอเมริกา พาลูกมาเลย อาตมาให้พระบูชาไป ๑ องค์ แม่ก็เล่าให้ฟงเพราะเหตุอย่างนี้ลูกเลยสวดมนต์ภาวนา แล้วไปเข้าวัดไทยนั่งวิปสสนา ที่เมืองนอก เจ้าคุณโสภณรู้จัก แต่ไม่รู้เรื่องของวัดอัมพวัน รู้แต่ว่าเจ้านี่มันนัก กัมมัฏฐานปริญญาเอก เดี๋ยวนี้ไม่ยอมกลับบ้าน แม่บอกหลวงพ่อให้สวดมนต์อะไร ให้ลูกกลับประเทศไทย ไม่มีกลับ เรารู้แล้ว ไม่กลับแน่ อันนี้ได้ผลแน่นอน ขอฝากไว้ว่า เด็กหรือใครก็ตามต้องประสบทุกข์ จะคิดถึงแม่ ถ้าไม่ประสบทุกข์ ไม่คิดถึงแน่ ต้องประสบทุกข์จึงจะเห็นตัวธรรมะ เห็นอกเห็นใจเลยเชียว เขามาเล่าให้อาตมาฟง บอก “หลวงพ่อครับ ผมไม่คิดถึงแม่เลย ๓-๔ ป ที่อเมริกา แต่ก็คิดถึงแม่ว่าอยู่กับแม่ปอนข้าวให้ พัดวีให้ได้ คิดอย่างนี้จึงกลับ แม่ก็เลยเล่าให้ฟงว่าหลวงพ่อนี่ช่วยเอาไว้” เขาเลื่อมใส อาตมาบอกว่า ถ้าเชื่อนะ ไปเดี๋ยวนี้ ตัดผม เพราะผมเขายาว ประบ่า เลยตัดผมที่นี่สิงห์บุรี เห็นได้ชัดมาก เจ้าคนนี้บอก แหม หลวงพ่อ ผมนี่ผลาญเงินไปหลายล้านบาท

“´Ñ§·Õè¡Å‹ÒÇÁÒáÅŒÇ ÍÒµÁÒ¡çµÑ駵ÓÃÒ ¶ŒÒ¤¹ä˹à¤ÃÒÐË ÃŒÒÂãËŒÊÇ´¾Ø·¸¤Ø³ á¡Œ ä´Œ” â»Ã´ãªŒàÅ‹Á¹ÕéãËŒ¤ØŒÁÊØ´¤ØŒÁ & Í‹Ò¹áÅŒÇ -> ẋ§¡Ñ¹Í‹Ò¹ËÅÒ·‹Ò¹¹Ð¨ Ð

Í‹Ò¹ÊÔºÃͺ ÃдÁÊÁͧ¤Ô´ÊԺ˹ ½ƒ¡½¹»˜ÞÞÒ ¾Ñ²¹Ò¡ÒûÃÐÂØ¡µ 㪌㹪ÕÇÔµ»ÃШÓÇѹ ¨ÔµÁÕʵÔÊÑÁ»ªÑÞÞÐ Ãٌ෋ҷѹÊÃþÊÔè§ ©ÅҴ㪌 à©ÅÕÂǤԴ ªÕÇÔµ¨Ñ¡Ê¹Ø¡ ÊØ¢ ʧº àÂç¹ à©¡àª‹¹¾ÃйԾ¾Ò¹ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ »ÃÒö¹ÒãËŒ·Ø¡¤Ãͺ¤ÃÑÇÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢

24

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ÇÔ¸ÕÊÇ´¾ÒËاÁËÒ¡Ò บทสวดพาหุงมหากานี้ จะสวดที่ไหน เมื่อไรก็ได้ จะสวดก่อนนอน หลัง ตื่นนอน ก่อนไปทำงาน ขณะทำงาน นั่งรถ ก่อนอ่านหนังสือสอบ ขณะจิบกาแฟ หรือช่วงเวลาที่จิตเกิดความสับสนวุ่นวาย เหงา เสียใจ ดีใจ ผิดหวัง สมหวัง เป็นทุกข์ หรือมีสุข สามารถสวดได้ทั้งนั้น ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ เพราะการสวดมนต์ เป็นการทำบุญด้วยใจ สำเร็จด้วยใจ ดังนั้น ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ หากมีความตั้งใจ ที่จะสวดแล้ว ก็สามารถสวดได้ทุกที่ทุกเวลา ทุกครั้งที่สวดมนต์ ความดี บุญบารมี ย่อมเกิดขึ้นในตัวเราเสมอ การสวดมนต์จึงเป็นการสั่งสมความดีที่ทุกคนสามารถ ทำได้ไม่ยาก การสวดมนต์นั้น ไม่จำเป็นต้องสวดให้ครบหมดทุกบทในครั้งเดียวก็ได้ คือเราสามารถแบ่งสวดได้ตามเวลาและโอกาสที่จะอำนวยแก่เรา เช่น ขณะนั่ง บนรถเมล์ เราอาจเลือกสวดบทใดบทหนึ่งกลับไปมา หรือก่อนจิบกาแฟ เราอาจ สวดบทนอบน้อมพระพุทธเจ้าก็ได้ หรือการสวดอิติปโสเท่าอายุ+๑ บางท่านอายุ มาก กว่าจะสวดครบก็ใช้เวลา ท่านอาจตั้งสัจจะกับตนเองว่า วันนี้จะสวดให้ครบ ตามอายุ ทีนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ก็สามารถสวดมนต์ได้ เช่น กวาดบ้าน ซักผ้า เป็นต้น ได้ทั้งงานได้ทั้งบุญ อาจมีคำถามว่า การสวดมนต์ขณะทำงานก็ดี นั่งรถก็ดี จะไม่เป็นการลบหลู่ พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือ ตอบได้ว่า ไม่เป็นการลบหลู่ แต่เป็นการ ปฏิบัติตามคำสอนอย่างถูกต้องทีเดียว เพราะพระพุทธศาสนาสอนให้มีสติ รักษา กาย วาจา ใจ อยู่ตลอดเวลา ระวังอย่าให้มีกิเลสคือโลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้นในใจ วันหนึ่งๆ หากเราสวดมนต์ได้มาก ก็เป็นการรักษาจิตของเราไม่ให้เกิดกิเลส คือ แทนที่เราจะใช้จิตไปคิดในเรื่องที่ก่อให้เกิดกิเลส ก็ใช้จิตมาอยู่กับบทสวดเสีย ก็จะ ทำให้จิตสงบ ดังนั้น การสวดมนต์ในที่ต่างๆ จึงไม่เป็นการลบหลู ่ แต่เป็นการ สั่งสมบุญและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

25


ñ. º·ºÙªÒ¾ÃÐÃѵ¹µÃÑÂ

ÍÔÁÔ¹Ò ÊÑ¡¡ÒàùР¾Ø·¸Ñ§ ÍÐÀÔ»ÙªÐÂÒÁÔ. ÍÔÁÔ¹Ò ÊÑ¡¡ÒàùР¸ÑÁÁѧ ÍÐÀÔ»ÙªÐÂÒÁÔ. ÍÔÁÔ¹Ò ÊÑ¡¡ÒàùРÊѧ¦Ñ§ ÍÐÀÔ»ÙªÐÂÒÁÔ. ¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¢ÍºÙªÒÍ‹ҧÂÔè§ «Ö觾Ãоط¸à¨ŒÒ ´ŒÇÂà¤Ã×èͧÊÑ¡¡ÒÃйÕé. ¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¢ÍºÙªÒÍ‹ҧÂÔè§ «Ö§è ¾ÃиÃÃÁ ´ŒÇÂà¤Ã×èͧÊÑ¡¡ÒÃйÕé. ¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¢ÍºÙªÒÍ‹ҧÂÔè§ «Ö§è ¾ÃÐʧ¦ ´ŒÇÂà¤Ã×èͧÊÑ¡¡ÒÃйÕé.

ในมงคลสูตร พระพุทธเจาตรัสมงคลขอที่ ๓ ไววา ปูชา จะ ปูชะนียานัง การบูชาบุคคลที่ควรบูชาเปนมงคลสูงสุดของ ชีวิต บุคคลที่ควรบูชา ไดแก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ พอ แม ครูอาจารย การบูชาแบงออกเปน ๒ ประเภท คือ การบูชาดวยวัตถุสิ่งของ เชน ดอกไม ธูป เทียน ขาวปลาอาหาร เสื้อผาอาภรณ การดูแลเอาใจใส เปนตน, การบูชาดวยการปฏิบัติตามคำสั่งสอน คือไมทำความชั่ว ทำแตสิ่งที่ดี ในการบูชา ทั้ง ๒ ประเภทนั้น พระพุทธเจาทรงสรรเสริญการบูชาดวยการปฏิบัติตามคำสอน วาเปนยอดของการบูชาที่ควรปฏิบัติอยางยิ่ง

26

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ò. º·¡ÃÒº¾ÃÐÃѵ¹µÃÑ ÍÐÃÐËѧ ÊÑÁÁÒÊÑÁ¾Ø·â¸ ÀФÐÇÒ,

¾ÃмٌÁÕ¾ÃÐÀÒ¤à¨ŒÒ à»š¹¾ÃÐÍÃËѹµ ´Ñºà¾ÅÔ§¡ÔàÅÊà¾ÅÔ§·Ø¡¢ ÊÔé¹àªÔ§ µÃÑÊÃÙŒªÍºä´Œâ´Â¾ÃÐͧ¤ àͧ ;

¾Ø·¸Ñ§ ÀФÐÇѹµÑ§ ÍÐÀÔÇÒà·ÁÔ.

¢ŒÒ¾à¨ŒÒÍÀÔÇÒ·¾ÃмٌÁÕ¾ÃÐÀÒ¤à¨ŒÒ ¼ÙŒÃÙŒ ¼ÙŒµ×è¹ ¼ÙŒàºÔ¡ºÒ¹. (¡ÃÒº)

ÊîÇÒ¡¢Òâµ ÀФÐÇÐµÒ ¸ÑÁâÁ,

¾ÃиÃÃÁ ໚¹¸ÃÃÁ·Õè¾ÃмٌÁÕ¾ÃÐÀÒ¤à¨ŒÒ µÃÑÊäÇŒ´ÕáÅŒÇ ; ¸ÑÁÁѧ ¹ÐÁÑÊÊÒÁÔ. ¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¹ÁÑÊ¡ÒþÃиÃÃÁ. (¡ÃÒº)

ÊػЯԻ˜¹â¹ ÀФÐÇÐâµ ÊÒÇСÐÊѧâ¦,

¾ÃÐʧ¦ ÊÒÇ¡¢Í§¾ÃмٌÁÕ¾ÃÐÀÒ¤à¨ŒÒ »¯ÔºÑµÔ´ÕáÅŒÇ ; Êѧ¦Ñ§ ¹ÐÁÒÁÔ. ¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¹Íº¹ŒÍÁ¾ÃÐʧ¦ . (¡ÃÒº) บทกราบพระรัตนตรัยนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว (รัชกาลที่ ๔) ทรงพระราชนิพนธขึ้นเมื่อครั้งทรงผนวช เปนพระภิกษุ เปนบทสวดที่ถือวาเปนของคนไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทยอยางแทจริง Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

27


ó. º·¹Íº¹ŒÍÁ¾Ãоط¸à¨ŒÒ

(Ç‹Ò ó ¨º) ¹ÐâÁ µÑÊÊÐ ÀФÐÇÐâµ, ¢Í¹Íº¹ŒÍÁ á´‹¾ÃмٌÁÕ¾ÃÐÀÒ¤à¨ŒÒ ¾ÃÐͧ¤ ¹Ñé¹ ; ÍÐÃÐËÐâµ, «Öè§à»š¹¼ÙŒä¡Å¨Ò¡¡ÔàÅÊ ; ÊÑÁÁÒÊÑÁ¾Ø·¸ÑÊÊÐ. µÃÑÊÃÙŒªÍºä´Œâ´Â¾ÃÐͧ¤ àͧ. นะโม แปลวา ความนอบนอม เปนคำที่ใชแสดงความ เคารพตอบุคคลหรือสิ่งที่ตั้งอยูในฐานะที่มีคุณความดีควรแกการ บูชาเปนพิเศษ ซึ่งจะใชกับพระพุทธเจา พระธรรม และพระสงฆ เปนหลัก คำวา นะโม นี้ หลวงปูมั่น ภูริทัตโต (อาจารยใหญสายพระปา) ไดให ความหมายไววา นะ คือ แม, โม คือ พอ, นะ หมายถึง ธาตุน้ำที่อยูในรางกายเรา มี ๑๒ อย า ง อาทิ เลื อ ด เหงื่ อ น้ ำ ลาย เป น ต น ธาตุ น้ ำ นี้ แ ม เ ป น ผู ใ ห ม า, โม หมายถึง ธาตุดิน ไดแกอวัยวะสวนตางๆ ของรางกายมี ๒๐ อยาง อาทิ ผม ขน เล็บ ฟน เปนตน เปนสิ่งที่พอใหมา รวมธาตุน้ำกับธาตุดินเขาดวยกันเทากับ อาการ ๓๒ พอดี ธาตุทั้ง ๒ นี้ถูกหลอเลี้ยงใหเปนไปดวยธาตุลม และธาตุไฟ ดังนั้น ทุกครั้งที่เรากลาว นะโม จึงหมายถึง การที่เราเอาชีวิตทั้งชีวิต ของเรานี้นอมถวายความเคารพพระพุทธเจานั่นเอง บท นะโม จึงเปนบทสวด ที่สำคัญยิ่ง ที่เราทั้งหลายควรจะไดตั้งใจสวดดวยความเต็มใจ ดวยใจที่ตั้งมั่น มิใชสักวากลาวแตปากเทานั้น

28

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ô. º·¢Í¢ÁÒ¾ÃÐÃѵ¹µÃÑ Çѹ·ÒÁÔ ¾Ø·¸Ñ§ ÊѾ¾Ñ§ àÁ â·Êѧ ¢ÐÁжРàÁ Àѹàµ. Çѹ·ÒÁÔ ¸ÑÁÁѧ ÊѾ¾Ñ§ àÁ â·Êѧ ¢ÐÁжРàÁ Àѹàµ. Çѹ·ÒÁÔ Êѧ¦Ñ§ ÊѾ¾Ñ§ àÁ â·Êѧ ¢ÐÁжРàÁ Àѹàµ.

¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¢ÍäËÇŒ¾Ãоط¸à¨ŒÒ ¾ÃиÃÃÁ ¾ÃÐʧ¦ ¢Í¾Ãоط¸à¨ŒÒ ¾ÃиÃÃÁ ¾ÃÐʧ¦ ¼ÙŒà¨ÃÔÞ ¨§§´«Öè§â·É ·Õ袌Ҿ਌Ò䴌ŋǧà¡Ô¹·Ñé§ËÁ´ á¡‹¢ŒÒ¾à¨ŒÒ. การขอขมาโทษนี้อาจมีผูสงสัยวา ในเมื่อพระพุทธเจาไมอยู แลว พระธรรมก็เปนสิ่งที่ไมมีชีวิต สวนพระสงฆก็ไมรูวาหมายถึง ใครผูใดกันแน ดังนั้น เมื่อขอขมาไปแลวจะไดรับการอดโทษ หรือ อภัยใหหรือไม ความจริงขอนี้หัวใจสำคัญไมไดอยูที่พระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆ จะรับรูและยอมอดโทษหรือไม แตสิ่งสำคัญที่สุดก็คือใหผูที่กลาวโทษนั้น รูจัก สำนึกตนในความผิด และปรับปรุงแกไขตัวเอง คือเมื่อรูวาทำผิดก็ยอมรับผิดและ พรอมที่จะแกไข ระวังไมใหเกิดขึ้นอีก Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

29


õ. º·äµÃÊó¤Á¹

·ØµÔÂÑÁ» ·ØµÔÂÑÁ» ·ØµÔÂÑÁ» µÐµÔÂÑÁ» µÐµÔÂÑÁ» µÐµÔÂÑÁ»

¾Ø·¸Ñ§ ¸ÑÁÁѧ Êѧ¦Ñ§ ¾Ø·¸Ñ§ ¸ÑÁÁѧ Êѧ¦Ñ§ ¾Ø·¸Ñ§ ¸ÑÁÁѧ Êѧ¦Ñ§

ÊÐÃгѧ ÊÐÃгѧ ÊÐÃгѧ ÊÐÃгѧ ÊÐÃгѧ ÊÐÃгѧ ÊÐÃгѧ ÊÐÃгѧ ÊÐÃгѧ

¤Ñ¨©ÒÁÔ. ¤Ñ¨©ÒÁÔ. ¤Ñ¨©ÒÁÔ. ¤Ñ¨©ÒÁÔ. ¤Ñ¨©ÒÁÔ. ¤Ñ¨©ÒÁÔ. ¤Ñ¨©ÒÁÔ. ¤Ñ¨©ÒÁÔ. ¤Ñ¨©ÒÁÔ.

¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¢Í¶Ö§¾Ãоط¸à¨ŒÒ ¾ÃиÃÃÁ ¾ÃÐʧ¦ Ç‹Ò໚¹ÊóÐ. áÁŒ¤ÃÑ駷Õè ò ¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¢Í¶Ö§¾Ãоط¸à¨ŒÒ ¾ÃиÃÃÁ ¾ÃÐʧ¦ Ç‹Ò໚¹ÊóÐ. áÁŒ¤ÃÑ駷Õè ó ¢ŒÒ¾à¨ŒÒ¢Í¶Ö§¾Ãоط¸à¨ŒÒ ¾ÃиÃÃÁ ¾ÃÐʧ¦ Ç‹Ò໚¹ÊóÐ.

ไตรสรณคมน อานวา ไตร-สะ-ระ-ณะ-คม มาจากคำวา ไตร (๓) + สรณะ (ที่พึ่ง) + คมน (การถึง) แปลรวมกันวา การถึงพระรัตนตรัย ๓ เปนที่พึ่ง เดิมทีบทนี้ใชเปนบทแสดงตน หรือปฏิญาณตนเขาเปนชาวพุทธในฐานะตางๆ เชน จะเขาเปนชาวพุทธโดยฐานะ เปนอุบาสก อุบาสิกาก็ดี เปนสมณะก็ดี ตองเปลงวาจารับไตรสรณคมนกอนเสมอ ปจจุบันนี้ไดนำมาประยุกตใชในพิธีรับศีลและเจริญพระพุทธมนตดวย นัยวาเปน การย้ำเตือนใหชาวพุทธทั้งหลายไดตระหนักถึงความเปนชาวพุทธมั่นคงยิ่งขึ้น

30

ÊÇ´Á¹µ ¾Œ¹Ë¹Õé¡ÃÃÁ ¹Ó¾ÒªÕÇԵ໚¹ÊØ¢


ö. º·ÊÃÃàÊÃÔÞ¾Ãоط¸¤Ø³ ÍÔµÔ» âÊ ÀФÐÇÒ ÍÐÃÐËѧ ÊÑÁÁÒÊÑÁ¾Ø·â¸ ÇÔªªÒ¨ÐÃгÐÊÑÁ»˜¹â¹ ÊؤÐâµ âÅ¡ÐÇÔ·Ù ÍйصµÐâà »ØÃÔÊзÑÁÁÐÊÒÃÐ¶Ô Êѵ¶Ò à·ÇÐÁйØÊÊҹѧ ¾Ø·â¸ ÀФÐÇÒµÔ. ¾ÃмٌÁÕ¾ÃÐÀҤ਌ҾÃÐͧ¤ ¹Ñé¹ à»š¹¼ÙŒä¡Å¨Ò¡¡ÔàÅÊ, ໚¹¼ÙŒµÃÑÊÃÙŒ ªÍºä´Œâ´Â¾ÃÐͧ¤ àͧ, ໚¹¼ÙŒ¶Ö§¾ÃŒÍÁ´ŒÇÂÇÔªªÒáÅШóÐ, ໚¹¼ÙŒä»áÅŒÇ ´ŒÇ´Õ, ໚¹¼ÙŒÃÙŒâÅ¡Í‹ҧᨋÁᨌ§, ໚¹¼ÙŒÊÒÁÒö½ƒ¡ºØÃØÉ·ÕèÊÁ¤Çýƒ¡ä´Œ Í‹ҧäÁ‹ÁÕã¤ÃÂÔ觡NjÒ, ໚¹¤ÃÙ¼ÙŒÊ͹¢Í§à·Ç´ÒáÅÐÁ¹ØÉ ·Ñé§ËÅÒÂ, ໚¹¼ÙŒÃÙŒ ¼ÙŒµ×è¹ ¼ÙŒàºÔ¡ºÒ¹´ŒÇ¸ÃÃÁ, ໚¹¼ÙŒÁÕ¤ÇÒÁ¨ÓàÃÔÞ¨Óṡ¸ÃÃÁÊÑè§Ê͹ÊÑµÇ ´Ñ§¹Õé. บทสรรเสริญพระพุทธคุณ เปนบทสวดเพื่อกลาวสรรเสริญ คุณงามความดีที่มีในพระสัมมาสัมพุทธเจา ซึ่งจะวาไปแลวคุณ ของพระองคมีอเนกอนันต เมื่อกลาวโดยสรุปแลวมี ๙ ประการ มีความเปนพระอรหันตหางไกลจากกิเลสเปนตน คุณของพระพุทธเจานี้ถือเปน อมตคุณ ไมมีวันตาย เพราะแมวาพระองคเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแลวกวา ๒,๕๐๐ ป แตคุณงามความดีของพระองคยังโดดเดนเปนที่เคารพบูชายังไมเสื่อม สลาย (ดูอธิบายพุทธคุณ ๙ เพิ่มเติมไดจากหนังสือเรียนนักธรรม ชั้นโท วิชาธรรมวิภาค ฉบับมาตรฐาน บูรณาการชีวิต โดยสำนักพิมพเลี่ยงเชียง) Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ

31


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.