ทำดี ใ ห้ ม ผ ี ล ทำตนให้มีดี
â´Â ¾ÃоÃËÁÁѧ¤ÅÒ¨Òà(»˜ÞÞҹѹ·ÀÔ¡¢Ø) ÇÑ´ªÅ»ÃзҹÃѧÊÄɯ ¹¹·ºØÃÕ นำเสนอสาระ : มนิจ ชูชัยมงคล บรรณาธิการสาระ : ศักดิ์สิทธิ์ พันธุสัตย ออกแบบปก : อนุชิต คำซองเมือง บรรณาธิการศิลปะ : อนุชิต คำซองเมือง ภาพประกอบ : สมควร กองศิลา รูปเลม/จัดอารต : วันดี ตามเที่ยงตรง
คำ¹ำ มนุÉย ทุกคนที่ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาบนโลกล้วนต้องการที่จะเป็นคนดี มีความสุข ความเจริÞในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น แต่จะได้ชื่อว่าเป็นคนดี หรือ คนมีความดีนั้น มิใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็น คนดีได้ยาก ในหนังสือเล่มนี้ มีหลักเก³± ที่จะวัดว่าเราเป็นคนดี หรือเป็น คนที่มีความดีไว้ ตามที่¾ÃоÃËÁÁѧ¤ÅÒ¨Òà(ËÅǧ¾‹Í»˜ÞÞҹѹ·ÀÔ¡¢Ø) ä´Œ¡Å‹ÒǺÃÃÂÒÂäÇŒÇ‹Ò ¨Ð¢Ö鹪×èÍÇ‹Ò໚¹¤¹´Õ¹Ñé¹ µŒÍ§ÁÕÊÒÁËÅÑ¡ สามหลัก ที่ว่านี้จะมีอะไรบ้าง หนังสือเล่มนี้มีคำตอบให้ท่านทั้งหลาย หนังสือ¸รรมบรรยายเล่มนี้คงเนื้อหาเดิมไว้ครบถ้วนทุกตัวอักÉร ด้วยความเคารพในองค ผู้บรรยาย ในส่วนของการจัดวรรคตอน ย่อหน้า การจัดตั้งหัวข้อ และÀาพประกอบ ทางสำนักพิมพ ได้จัดทำขึ้นใหม่ เพื่อให้ ผู้อ่านเข้าใจและเข้าถึง¸รรมได้ง่าย ชัดเจน สนุก ไม่น่าเบื่อ สามารถนำไป ประยุกต ให้เกิดประโยชน แก่ตน ครอบครัว และสังคมได้จริง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน แก่ท่านผู้อ่าน ทุกท่านในการÈึกÉา¸รรม เพื่อนำไปแก้ป˜Þหาและพั²นาตนให้เป็นสุขยิ่งๆ ขึ้นไป จึงใคร่ขอเชิÞท่านทั้งหลายเข้าสู่บรรยากาÈในการบรรยาย¸รรมได้ ³ บัดนี้ ¼ÙŒ¹ÓàʹÍÊÒÃÐ ã¹¹ÒÁ¤³Ò¨ÒàÊӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ â»Ã´ãªŒàÅ‹Á¹Õé ãËŒ¤ØŒÁÊØ´¤ØŒÁ & Í‹Ò¹áÅŒÇ -> ẋ§¡Ñ¹Í‹Ò¹ËÅÒ·‹Ò¹¹Ð¨ Ð Í‹Ò¹ÊÔºÃͺ ÃдÁÊÁͧ¤Ô´ÊԺ˹ ½ƒ¡½¹»˜ÞÞÒ ¾Ñ²¹Ò¡ÒûÃÐÂØ¡µ 㪌㹪ÕÇÔµ»ÃШÓÇѹ ¨ÔµÃٌ෋ҷѹÊÃþÊÔè§ ©ÅҴ㪌 à©ÅÕÂǤԴ ªÕÇÔµ¨Ñ¡Ê¹Ø¡ ÊØ¢ ʧº àÂç¹ Êӹѡ¾ÔÁ¾ àÅÕè§àªÕ§ à¾ÕÂÃà¾×è;ط¸ÈÒʹ »ÃÒö¹ÒãËŒ·Ø¡¤Ãͺ¤ÃÑÇÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดÕ ¾Øท¸Èาʹ ¾าชาµิ¾Œ¹Àั Þาติโยมพุท¸บริÉัททั้งหลาย ³ บัดนี้ ถึงเวลาของการ¿˜ง¸รรม ปา°กถา อันเป็นหลักคำสอนในทางพระพุท¸Èาสนาแล้ว ขอให้ทุกท่าน อยู่ในอาการสงบ ตั้งอกตั้งใจ¿˜งด้วยดี เพื่อให้ได้ประโยชน อันเกิดขึ้นจาก การ¿˜งตามสมควรแก่เวลา ดีกันน
ะ
คนไทยนับ¶ือพระพุท¸ศาÊนา พุท¸ศาÊนาเป็นศาÊนา ประจำชาติไทย เราได้รับเอา พุท¸ศาÊนามาเป็นÊมบัติประจำใจ เป็นเวลานานกว่าพันป‚แล้ว บ้านเมืองของเราได้รับความร่มเย็น ก็เพราะบารมีของพระพุท¸ศาÊนา เราจึงเทิดทÙนพุท¸ศาÊนาไว้เÊมอด้วยชีวิตของเรา ไทย เราคน ัน ก เหมือน
มีหลายครั้งที่บ้านเมืองตกอยู่ในสÀาพคับขัน แต่โดยที่ชาวไทยและ ประมุขของชาติไทย ยึดมั่นใน¸รรมะของพระพุท¸องค ชาวเราจึงหลุดพ้น จากความเดือดร้อนมาได้ ความเดือดร้อนและความสงบ เป็นผลของการ กระทำของประชาชนÀายในประเทÈ สมัยใดประชาชนมั่นคงในÈีล¸รรม ก็มีแต่ความสุขความสงบ แต่ถ้าสมัยใดประชาชนขาดÈีล¸รรม สมัยนั้นก็มี แต่ความทุกข ความเดือดร้อน
* เดิมชื่อ ͧ¤ ÊÒÁ¢Í§¤ÇÒÁ´Õ
*
4
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
ÊØ¢-ทØ¡¢ ÍÂÙ่ทÕ่เÃาทำ หลักพุท¸Èาสนาของเราได้สอนให้เราเข้าใจว่า...
“ความÊุข ความทุกข ของเรา เป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของเรา ไม่มี ใครหรือÊิ่งใดมาดลบันดาลให้เราเป็นÊุขหรือเป็นทุกข ได้ ¶้าเราไม่ทำมันด้วยตัวเราเอง ครÙบาอาจารย เป็นแต่เพียงผÙ้บอกทางให้เท่านั้น การลงมือเดินเป็นกิจที่เราเองจักต้องทำ” เมื่อเป็นเช่นนี้ การกระทำความดีจึงเป็นกิจจำเป็นของเราทุกคน พี่ผิดตรงไหนที่เกิดมาหนาตาดี มีกิ๊กสองคนแคเนี้ย นองรับไมได ซวยจริง ๆ ดันมาจะเอพรอมกันสามคน มีเมียแลว ก็ไมบอก
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดÕµŒÍ§ÁÕËÅั¡ แต่การที่จักทำความดีนั้นก็ต้องÈึกÉาให้เข้าใจเสียก่อนว่า “ความดี” คืออะไร ?
หลักที่ควรจำง่ายๆ ในเรื่อง “ความดี” ก็คือ ñ. Êิ่งที่ทำเป็นประโยชน แก่ตน ò. Êิ่งที่ทำเป็นประโยชน แก่ผÙ้อื่น ó. และท่านผÙ้รÙ้รับรองว่าดี หลัก ó ประการนี้ เป็นÊ่วนประกอบให้เป็น “ความดี” ©ะนั้น ในเวลาจะกระทำอะไรเพื่อให้เป็น “ความดี” ก็ควรพยายาม ทำให้ประกอบด้วยหลัก ó ประการนี้ ขาดอันใดอันหนึ่งเสียมิได้ เหมือน ก้อนเส้า ó ก้อน ขาดก้อนหนึ่งหม้อก็แตก หลักนี้ก็เป็นเช่นนั้น
กอนเสามีแค ๒ กอนเอง ตั้งหมอไมไดหรอก
อีกกอนมาแลว
¤¹´Õ ÃѺÃͧ ¤ÇÒÁ´Õ
´Õá¡‹µ¹
´Õµ‹Í¼ÙŒÍ×è¹
5
6
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
เÍาเ»ÃÕº¼ÙŒÍ×่¹
≠ ควาÁดÕ
ผอ.ใหโบนัสแผนกเรามา ๕ ลาน แผนกเรามีอยู ๕ คน ในฐานะที่ผมเปนหัวหนา ผมจะแบงใหคนละ ๕๐๐ นะ สวนที่เหลือเปนของผม เพราะผมเปนหัวหนา ยุติธรรมมาก...
àÍÒà»ÃÕºà¢Ò àÃÒËÁ´´Õ
¤¹àÃÒʋǹÁÒ¡Áѡ໚¹¤¹àËç¹á¡‹»ÃÐ⪹ µ¹ ไม่ค่อยได้คิดถึง ประโยชน ของคนอื่น ถ้าจะทำสิ่งใดก็มุ่งแต่จะเอาประโยชน ตนเป็นประมา³ ไม่ได้คิดว่าคนอื่นจักเสียผล คนเช่นนี้เป็นคนจำพวกถือตนเป็นใหÞ่ คิดเห็น เข้าข้างตนถ่ายเดียว ໚¹¤¹àÍÒà»ÃÕºÊѧ¤Á เพราะมุ่งหาและเก็บไว้เพื่อตนเองเพียงถ่ายเดียว ทำให้วัตถุอันเป็น ของกลางสำหรับคนทั่วไปจักได้ใช้ และของเหล่านั้นมีเพียงพอสำหรับทุกคน จะหากินหาใช้ แต่เกิดการไม่พอขึ้นก็เพราะคนบางคนโลÀมาก แสวงหาและ เอามาเพื่อตนถ่ายเดียว ¡ÒáÃзÓã¹Ãٻઋ¹¹Õé ໚¹¡ÒÃàºÕ´àºÕ¹»ÃÐ⪹ ¢Í§¼ÙŒÍ×è¹ à»š¹¡ÒáÃзӷÕèäÁ‹à»š¹¸ÃÃÁ ¨Ö§äÁ‹à»š¹¤ÇÒÁ´Õ
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
7
¼ÙŒÃÙŒÃัºÃͧว่าดÕ ¨Ö§¨ÐดÕ¨Ãิ§ เมื่อเราจะแÊวงหาประโยชน แก่ตน ก็อย่าให้เป็นการทำลายประโยชน ของผÙ้อื่น ให้เป็นคนคิดเห็นอกเขาอกเรา เพราะการเป็นอยÙ่ ในโลกเป็นการเป็นอยÙ่แบบรวมกัน ผลประโยชน ทุกอย่างต้องอิงอาศัยกัน ความÊุขจึงเกิดขึ้นได้ ประโยชน ตนและประโยชน ท่าน จึงต้องมีÊ่วนÊัมพัน¸ กันอยÙ่เÊมอ แต่ถ้าว่าในบางกร³ีแม้การกระทำนั้นได้ประโยชน ทั้ง ò ½†ายแล้ว ก็ยังไม่แน่นักว่าจักเป็นความดีเสมอไป เช่นว่า นาย ก ต้มเหล้าขาย เขาคิด ว่าการต้มเหล้าขายของเขาเป็นการได้ประโยชน ตน ประโยชน ผู้อื่นก็ไม่เสีย เพราะมีคนจำนวนมากมา«ื้อเหล้าจากเขาบ้าง มาพลอยร่วมวงเปล่าๆ บ้าง คงจะเป็นการดีแล้ว แต่ยังไม่ดี เพราะผู้รู้ทั้งหลายติเตียนการกระทำเช่นนั้น ว่าเป็นการผิด¸รรม เป็นการผิดต่อก®หมายของบ้านเมือง ผู้รู้ดีเขาติกัน ทั้งนั้น ©ะนั้น การกระทำเช่นนั้นจึงเป็นการเสีย ใช้ไม่ได้ ต้องมีองค ที่สาม คือ ผู้รู้รับรองว่า “ดี” ด้วย อะ...มีคนมาตมมาตุนเรา ไอคนๆ นั้นมันดีมั้ยละ กินเหลาตม มันไมดี
แอบตมเหลา ผิดกฎหมาย
ÊØÃÒ·Ó¤¹´Õ ãˌ໚¹¤¹ºŒÒ ตำรวจจับแน วู...มุกอาราย มายขำเลย ฮา ๆ ๆ ๆ ไมดียังไง
8
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
ËÅั¡คำÊ͹¼ÙŒÃÙŒ ค×Íáว่¹Ê่ͧทา§
คำว่า ผู้รู้ นั้น หมายถึงผู้รู้เหตุผลอย่างแท้จริง ใน°านะที่เราเป็น ชาวพุท¸ เราก็ยอมรับว่า ผู้รู้อย่างแท้จริง ก็คือ
พระÊัมมาÊัมพุท¸เจ้าแม้พระองค ไม่มีชีวิตอยÙ่ก็จริง แต่คำÊอนยังคงมีปรากฏตัวแทนพระองค อยÙ่ ©ะนั้น เราจักทำอะไรลงไปก็ต้องเอาหลัก¸รรมเป็นแว่นแก้ว Ê่องดÙเÊียก่อนว่า การกระทำเช่นนั้น จักเป็นการขัดต่อคำÊอนของพระองค หรือไม่ ¶้าเห็นว่าขัดกันก็ ไม่ควรทำ ถึงแม้ว่าการกระทำนั้นนำผลมาให้มากหลาย เพราะผลที่เกิดจาก การกระทำชั่วๆ นำความทุกข มาให้แก่ผู้กระทำ พระพุท¸องค จึงตรัสเตือนว่า ใคร่ครวÞก่อนจึงทำดีกว่า เพราะ สิ่งที่ทำลงไปแล้วจักทำคืนอีกไม่ได้ การกระทำที่จักนำความเดือดร้อนมาให้ เป็นการกระทำที่ไม่ดี นี่เป็นพระโอวาท ผู้รักตนควรกระทำตามโดยแท้
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
9
เ赯 õ ¾าทØ¡¢ มีคำถามแทรกเข้ามาว่า ชาวโลกมีความต้องการอะไร ? คำตอบพึงมีว่า ·Ø¡¤¹µŒÍ§¡ÒÃÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢¤ÇÒÁà¨ÃÔÞ äÁ‹ÁÕã¤Ã µŒÍ§¡ÒäÇÒÁ·Ø¡¢ ¤ÇÒÁàÊ×èÍÁ แต่ทำไม ทั้งๆ ที่ทุกคนต้องการความสุขความเจริÞ เขายังไม่ได้ รับสิ่งที่ต้องการสมหมาย กลับได้รับความทุกข ความเสื่อมเสมอ คำตอบในเรื่องนี้ก็มีอยู่ว่า เพราะเขาขาดคุ³¸รรมบางประการ อันเป็นสิ่งสนับสนุน ให้เขามีความสุขสมหมาย ในป˜Þจกนิบาต อังคุตตรนิกาย มีคำกล่าวไว้ว่า
คนอยÙ่เป็นทุกข เพราะเหตุ õ ประการ คือ ñ. ไม่มีความเชื่อ ò. ไม่มีความละอาย ó. ไม่มีความเกรงกลัว ô. มีความเกียจคร้าน õ. มีความรÙ้ชั่ว นรก สวรรค มีจริงรึเปลาก็ไมรู แตที่รู ๆ นาทีนี้ ขามีความสุขที่สุดวอย
ใช ลูกพี่เจง งานการก็ไมตองทำ วัน ๆ ผลาญเงินพอแม วันไหนขอไมได ก็ขโมยซะเลย
อะ...แนนอน ไมงั้นพอขา จะเปลี่ยนชื่อ ใหใหมเปน คำผลาญ เหรอ
“¤ÇÒÁªÑèÇ ¤¹ªÑèÇ·Ó§‹Ò ¤¹´Õ·ÓÂÒ¡”
ถูกตองพี่คำผลาญ เรื่องชั่ว ๆ เลว ๆ พี่ทำไดดีนักแหละ แบงใหผมคนดิ อิอิ
10 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
เช×่Ͷ١ »ÅÙ¡ควาÁÃัº¼ิดชͺ
ทุกคนมีกรรม เปนของตน ตนเปนผูรับผลของกรรม นะโยมนะ
ตายแลวไปไหน อยากรูดูหนา ๔๖-๔๗
ในทาง¸รรมสอนให้เรามีความเชื่อในทางที่ชอบที่ถูก เป็นความเชื่อ ที่อาจนำผู้ป¯ิบัติตามไปสู่ความพ้นทุกข ได้ แต่มีคนจำนวนไม่ใช่น้อย ขาดความเชื่อในรูปนั้น เมื่อไม่มีความเชื่อ เขาก็ขาดความรู้สึกผิดชอบ อันเป็นป˜จจัยสำคัÞของการทำความดี เพราะ ความรู้สึกผิดชอบเป็นความคิดที่เกิดขึ้นคอยสกัดมิให้กระทำความชั่ว และ บอกให้รู้ได้ทันทีว่า สิ่งที่ตนกระทำอยู่นี้ เป็นสิ่งไม่ดี เป็นการ½ƒกต่อมใน ¸รรมโดยแท้
ขณะใดขาดความรÙ้Êึกแบบนี้แล้ว ก็อาจก่อให้เกิดการกระทำที่ผิดและเÊียหายได้ง่าย เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคน ควรเพาะนิÊัยรับผิดชอบให้เกิดแก่ตน การกระทำโดยวิ¸ีนี้ ก็เป็นการปฏิบัติ¸รรมแบบหนึ่งเหมือนกัน
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 11
ÍาËาÃเÅÕ駡า ¸ÃÃÁÐเÅÕé§㨠มีคนบางคนเข้าใจว่า การกระทำความดี หรือป¯ิบัติกิจÈาสนานั้น เป็นเรื่องของคนแก่ ส่วนคนหนุ่มสาวนั้นยังไม่จำเป็นก่อน ความเข้าใจใน รูปนี้ เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาด
¸รรมะเป็นÊิ่งจำเป็นÊำหรับคนทุกเพศทุกวัย เหมือนกับอาหารÊำหรับหล่อเลี้ยงร่างกาย เป็นÊิ่งจำเป็นแก่ทุกคน ¶้าร่างกายของใครขาดอาหารก็คง¶ึงแก่ความตาย ¸รรมะเป็นอาหารหล่อเลี้ยงใจ ใจของใครขาด¸รรมะ เขาก็คงเป็นอยÙ่แบบคนที่ตายแล้ว การตายในข³ะเป็นอยู่ เป็นการตายที่ร้ายแรงกว่าการตายของ คนตายจริงๆ เพราะคนตายจริงๆ ไม่ให้โทÉแก่ใคร แต่คนตายยังเป็นอยู่ เพราะขาดคุ³ความดีนั้น เป็นÀัยต่อสังคมมาก จึงเป็นการตายที่น่ากลัว โดยแท้ ชีวิตที่ต้องการอยู่อย่างคนเป็นจึงต้องมี¸รรมะประจำใจ ¸รรมะ เป็นเกราะป‡องกันมิให้เราตกไปสู่ความชั่วทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เขาวัด ทำบุญ ใสบาตร ฟงธรรม ทำใหสุขภาพจิตดี
กินขาวเลี้ยงกายทุกวัน ก็ควรเอาธรรมะเลี้ยงใจ ทุกวันนะคะ
อยาลืมทำบุญดวยการแจก หนังสือเลมนี้เปนธรรมทานดวยนะ
12 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
¸ÃÃÁÐÅÐควาÁคйͧ มันเปนมะโหลงมะเหลง มันเปนคือโซ บ เค็ง จังซี่มันตองถอน จังซี่มันตองถอน
ไดยินเพลง จังซี่มันตองถอน เปนไมได คะนองทุกที
มาพยศคุมดวยบังเหียน คนพยศคุมดวยธรรมะ
อีกประการหนึ่งการกระทำความชั่ว ย่อมเกิดแก่คนทุกเพÈทุกวัย ถ้าหากเขาไม่มีเครื่องห้ามเครื่องกั้นแล้ว ความลำบากก็เกิดแก่เขาได้ง่าย โดยเ©พาะคนหนุ่มสาวจิตใจกำลังคึกคะนองร้อนแรง ถ้าเอนไปในทางดี ก็ดีนัก ถ้าเอนไปในทางชั่วก็ชั่วนัก แต่ส่วนมากมักเอนไปในทางที่ชั่ว เพราะ¸ÃÃÁªÒµÔ¢Í§ã¨¤¹ ÁÕ»¡µÔà´Ô¹ä»ã¹·Ò§µèÓÍÂÙ‹àÊÁÍ ยิ่ง ขาดการห้ามด้วยแล้วก็ไปกันใหÞ่ ประดุจม้าคะนองที่ขาดสารถีบังคับ
ม้าที่กำลังคะนองและพยศ ต้องการมีบังเหียนและควาÞม้าผÙ้จับบังเหียนไว้ ©ันใด คนหนุ่มÊาวที่กำลังคะนอง ก็ควรที่จักมีÊิ่งÊำหรับบังคับไว้ ©ันนั้น ก็Êิ่งนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่า “¸รรมะ” ในทางศาÊนา
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 13
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ค¹¡่Í¡ÃÃÁ เ¾ÃาТาด¸ÃÃÁÃัé§ã¨ จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่หนุ่มสาวในสมัยนี้ จักนำตนเข้าหา พระกันเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นมารร้ายจักจูงท่านไปสู่ทางร้าย «ึ่งมีตัวอย่าง ปราก¯อยู่อย่างชุกชุมในสมัยนี้ อันเป็นผลจากการขาดความสนใจใน¸รรมะ เป็นคนนับถือÈาสนากันแต่เพียงชื่อเท่านั้น คนหนุ่มสาวยังมีหวังที่จะอยู่ไปในโลกอีกนานป‚มากกว่าคนแก่ และ จักมีโอกาสได้กระทำความดีแก่โลกมากขึ้นไปอีก ความจำเป็นในการแสวงหา หลักทางใจจึงมากกว่าคนแก่เป็น¸รรมดา
คนไม่มีหลักศาÊนาในใจ เป็นคนปราศจากเครื่องยึดเหนี่ยว เขาอาจทำผิดทำเÊียเมื่อไรก็ ได้ ในเรือนจำนักโทÉส่วนมากเป็นคนหนุ่ม คนแก่มีแต่น้อย นี้ก็เนื่อง จากคนแก่ท่านมี¸รรมะรั้งใจ ส่วนคนหนุ่มขาดคุ³¸รรมรั้งใจ จึงก่อกรรม ทำเข็Þได้มาก นี่ถาพวกนี้ไดอาน หนังสือธรรมะสักหนอย คงไมหลงทางอยางนี้ เฮย...! คนนะครับ ไมใชปลา
à´ç¡ Ëŧ·Ò§ à¾ÃÒÐ Ë‹Ò§¸ÃÃÁ
14 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
¸ÃÃÁÐทำãËŒเ»š¹Á¹ØÉ ÊÁºÙó ถ้าหากท่านไม่อยากเป็นทุกข จงหันเข้าหา¸รรมะกันเถอะ เพราะ ถ้าไม่เข้าหา¸รรมะ อ¸รรมก็จะเข้าจับใจของท่าน ¸รรมกับอ¸รรมให้ผล ต่างกัน คือ
¸รรมจะนำตนไปÊÙ่ʶานที่ดี อ¸รรมนำตนไปʶานที่ชั่ว ท่านชอบอย่างไหนก็เลือกเอาเอง นึกว่าท่านคงไม่เลือกอ¸รรมแน่ๆ เพราะใจของท่านยังปราร¶นาความÊุขความเจริÞอยÙ่ จึงหวังว่า ท่านคงเลือกเอา¸รรมะเป็น½†ายดี เป็น½†ายที่ทำให้ท่านเป็นมนุÉย อย่างÊมบÙรณ การที่เราเรียกกันว่ามนุÉย นั้น ย่อมหมายถึงร่างกายและจิตใจ อันอาÈัยกันอยู่ ดังคำว่า กายกับใจ ประกอบกันเข้า คำว่า “คน” จึงเกิดขึ้น ถ้ามีกาย ไม่มีใจ หรือมีแต่ใจ ไม่มีกาย ก็หมดความเป็นคน ทั้งสองอย่าง ต้องอาÈัยรวมกันเป็นอยู่เสมอ
㨠¡Ò +
= ¤¹
㨠+ ¸ÃÃÁÐ
¡ÒÂ +
= Á¹ØÉ ·ÕèÊÁºÙó
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 15
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ºำÃا¡า & 㨠ãËŒเÊÁÍ¡ั¹ ธรรมะอยูไหน...ชวยดวย ใจขาดธรรม
ก็ตองถูกเราย่ำยี
ในการบำรุงจึงต้องบำรุงทั้งสองอย่าง แต่คนเราส่วนมากมักพอใจ บำรุงแต่ส่วนร่างกาย หาสนใจการบำรุงใจไม่ มิใช่แต่ไม่ได้บำรุงเท่านั้น «้ำร้ายยังทำลายใจกันเสียด้วย การทำลายใจของตนก็คือ การห่างเหิน จาก¸รรมะนั่นเอง ถ้าเราบำรุงกายด้วยอาหารการกิน อาบน้ำ ตกแต่ง อย่างไหนแล้ว เราก็ต้องบำรุงใจด้วยอาหารและน้ำ ©ันนั้น
อาหารของกายเป็นคำข้าว อาหารของใจเป็น¸รรมะ ¸รรมะนี่แหละเป็นอาหารของใจ ¶้าร่างกายอ้วนพี เพราะได้รับการบำรุงอย่างดีแล้ว ก็ควรบำรุงใจให้เป็นอย่างนั้นด้วย ใจที่ขาดการบำรุง เป็นใจที่«Ùบผอม ขาดกำลังÊำหรับต่อÊÙ้ เมื่อขาดกำลังย่อมแพ้ข้าศึกได้ง่าย ข้าÈึกทางกายได้แก่โรคÀัยนานาชนิด ข้าÈึกทางใจได้แก่ความชั่ว ทำใจให้อ่อนแอนั่นเอง ความชั่วที่เรียกว่า กิเลสบ้าง มารบ้าง «าตานบ้าง ก็มี และถ้าเอาชนะไม่ได้ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อมัน ความทุกข ก็เกิดขึ้นดังคำที่ว่า การพ่ายแพ้เป็นความทุกข ทุกข เพราะตกอยู่ในอำนาจของมารร้ายที่คอย ดึงไปสู่หลุมอบายตกเป็นทาสของมัน
16 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
ã¨ÍŒว¹¾Õ เ¾ÃาÐÁÕ¸ÃÃÁ»ÃШำ¨ิµ ไดฟงธรรมะกอนนอน ทำใหหลับสบาย
พระพุท¸องค ตรัÊไว้ว่า การเป็นทาÊ เป็นทุกข หนัก แต่¶้าเรามีหลักทางใจ มีอาหารหล่อเลี้ยง มีกำลัง Êกัด ต่อต้าน โดยวิ¸ีการ เข้าหาการ¿˜ง¸รรมะ Êนทนา¸รรมะ คิดค้น¸รรมะ ให้เข้าใจแจ่มแจ้ง แล้วลงมือปฏิบัติ¸รรมะนั้นๆ ให้ ใจอ้วนพี มีกำลังมั่นคง ไม่มีข้าศึกใดๆ มาย่ำยีได้เลย เมื่อไม่มีข้าศึกมารบกวน ก็นอนหลับอย่างเป็นÊุข ในหมู่ของคนที่เป็นสุขและเป็นทุกข ทั้งหลาย ¸รรมะย่อมรักÉา คุ้มครองผู้ป¯ิบัติ¸รรมอย่างนี้แหละหนอ มีพุท¸ÀาÉิตกล่าวไว้ว่า “¸ÁÚÁ¡ÒâÁ ÀÇí â˵Ԕ (¸ัมมะกาโม Àะวัง โหติ) ¼Ù㌠¤Ã‹¸ÃÃÁ໚¹¼ÙŒà¨ÃÔÞ ในทางตรงกันข้าม ผู้ไม่ใคร่¸รรมก็เป็นคนเสื่อมแน่ ความใคร่¸รรม ก็คือความอยากได้ในทางดี ตรงกันข้ามกับความชัง¸รรม อันหมายถึง ความไม่ปรารถนาในทางดีเสียเลย ÀาÉิตไทยโบรา³ว่า “ÃÑ¡´ÕËÒÁ¨ÑèÇ ÃÑ¡ªÑèÇËÒÁàÊÒ” จั่วเป็นของสูง เสาเป็นของต่ำและหนักด้วย นับว่าเป็นคำเตือนใจได้อย่างดี ให้พยายาม ทำตนเป็นคนเบากันเถิด อย่าเป็นคนหนักด้วยบาปอกุÈลกันเลย คนจัก เบาใจได้เพราะการกระทำในทางดี
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 17
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดÕ µŒÍ§ทำทั¹ทÕ ÍÂ่าÃÕÃÍ ทางดีเป็นทาง¸รรม เป็นทางของพระที่ได้ประกาÈไว้เป็นตัวÈาสนา Èาสนาเป็นสิ่งจำเป็นแก่ชีวิต จึงเป็นการสมควรที่พวกเราจักเปลี่ยนใจมา เดินตามทางของพระÈาสนา อันเป็นทางที่สงบและปลอดÀัย อย่ามัวผัดวัน ประกันพรุ่งอยู่เป็นอันขาด เมื่อรู้สึกตนต้องการ¸รรมแล้วก็จงลงมือทำทันที
เพราะพระพุท¸องค ได้ตรัÊไว้ว่า “¶้าหากจะทำความดีจงทำทันทีอย่าช้าไว้เป็นอันขาด เพราะการทำความดีช้าๆ อาจตกไปÊÙ่บาปเÊีย” อีกแห่งหนึ่งตรัÊÊอนไว้ว่า “ความเพียรควรทำเÊียแต่วันนี้ อย่าผัดไว้ค่อยทำเลย เพราะใครจักรÙ้ ได้ว่า ชีวิตจักตายในวันนี้” คิดอย่างนี้เป็นการคิดเพื่อเตือนใจให้เข้าหาความดี คนไทยโบรา³ก็ได้สอนไว้ว่า “¹éÓ¢Öé¹ãËŒÃÕºµÑ¡” น้ำลงจักไปตักได้ ที่ไหน ½รั่งสอนว่า “¨§µÕàËÅç¡àÁ×èÍÂѧÌ͹ ¨§´ÒÂËÞŒÒàÁ×èÍá´´ÍÍ¡” เหล่านี้เป็นคำเตือนใจให้รีบกระทำในสิ่งที่ควรกระทำ โดยเ©พาะอย่างยิ่ง อันเกี่ยวกับใจเป็นงานรีบด่วน ช้านิดเดียวไม่ได้ จึงควรมีสำนึกในเรื่องนี้ แล้วออกเดินทางทันที ทางได้เป ดไว้แล้วสำหรับทุกคน เป็นทางตรงไปสู่ ความพ้นทุกข ไมรูสึกกลัวบาปเลยนะ
พวกเธอจะไปฟงธรรม ก็ไปสิ สวนฉันจะไปตกปลาที่ทาน้ำหนาวัด
ตองแจกหนังสือธรรมะใหอาน
18 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
ทา§ÊาÂเÍ¡
ทางที่กล่าวถึงก็คือ
การเดินทางกาย วาจา ใจ ตามหลักพระพุท¸ศาÊนา มีอยÙ่ทางเดียวเป็นทางเอก อันประกอบด้วยองค ø ประการ เป็นทางที่เป็นไปเพื่อความหมดจดของสัตว ทั้งหลาย เป็นไปเพื่อ ความดับสนิทของความโÈกร่ำไรรำพัน เพื่อความดับสนิทของทุกข โทมนัส เป็นทางที่พระบรมครูของเราทรงค้นพบด้วยพระปรีชาสามารถ และทรง เดินตามนั้น จนกระทั่งพ้นทุกข ได้สมความปรารถนา มิใช่เดินแต่ลำพัง พระองค ยังทรงมีพระเมตตาแก่ชาวโลก ผู้ตกอยู่ในกองทุกข ได้ทรงสอน ให้เขาได้เข้าใจหนทางนั้น และทรงเร่งเร้าให้ทุกคนเดินตามทางนั้น
เป็นทางที่ทำให้ผÙ้เดินตาม เปลี่ยนจากÊÀาพของปุ¶ุชนไปเป็นพระอริยเจ้า เป็นทางที่ทำให้ โลกเปลี่ยนแปลงจากความทุกข ไปเป็นทางÊงบÊุข เป็นทางที่ให้ประโยชน แก่ทุกคนทุกสมัย ตราบใดที่ชาวโลกยังเห็น ว่าทางนี้เป็นทางถูก และพยายามเดินตามทางนี้อยู่แล้ว โลกจึงไม่ว่างจาก พระอรหันต ¾Œ¹·Ø¡¢
ÊÇÃä =
Â
âÅ¡
ØÉ Á¹
¢
Ø¡ =·
จะไปทางไหนดีหนอ
ͺÒÂÀÙÁÔ ô
¹Ã¡ à»Ãµ ÍÊØà ÊÑµÇ ´ÔÃѨ¡Ò ©Ò¹
·Ø¡¢
= ·Ø¡¢
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 19
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ÁÃÃค ø ºทเÃÕ¹ÊÙ่ควาÁ¾Œ¹ทØ¡¢
ทางอันประกอบด้วยองค ø นี้ คือ ñ. สัมมาทิ¯°ิ ความเห็นชอบ ò. สัมมาสังกัปปะ ความคิดในทางที่ชอบ ó. สัมมาวาจา การพูดในทางที่ชอบ ô. สัมมากัมมันตะ การกระทำที่ชอบ
อยากดับทุกข ใหเดินตาม มรรค ๘
õ. สัมมาอาชีวะ ö. สัมมาวายามะ ÷. สัมมาสติ ø. สัมมาสมา¸ิ
การเลี้ยงชีวิตชอบ การทำความเพียรชอบ การระลึกในทางที่ชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ
มรรคหรือหนทางอันประกอบด้วยองค ø ประการนี้ เป็นทางÊายกลางที่นำคนผÙ้เดินตามไปÊÙ่ความพ้นทุกข
ที่จริงทางนี้ก็ได้แก่ Èีล สมา¸ิ ป˜ÞÞา นั่นเอง คือ ÊÑÁÁÒ·Ô¯°Ô และÊÑÁÁÒÊѧ¡Ñ»»Ð เป็นตัว»˜ÞÞÒ ÊÑÁÁÒÇÒ¨Ò ÊÑÁÁÒ¡ÑÁÁѹµÐ ÊÑÁÁÒÍÒªÕÇÐ ส่วนนี้เป็นÈÕÅ ÊÑÁÁÒÇÒÂÒÁÐ ÊÑÁÁÒÊµÔ ÊÑÁÁÒÊÁÒ¸Ô ส่วนนี้เป็นÊÁÒ¸Ô
ÃÇÁ¤ÇÒÁ¡ç䴌ᡋ ÈÕÅ ÊÁÒ¸Ô »˜ÞÞÒ Íѹ໚¹º·àÃÕ¹ ó »ÃСÒà ¢Í§¾Ãоط¸ÈÒʹҹÑè¹àͧ
20 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
ควาÁเËç¹เ»š¹°า¹¢Í§¡าáÃÐทำ ต่อไปจักได้พิจาร³าถึงมรรคเหล่านี้ไปตามลำดับ พอเป็นแนวทาง ในการป¯ิบัติตนให้พ้นจากทุกข ÊÑÁÁÒ·Ô¯°Ô ¤ÇÒÁàËç¹ã¹·Ò§·ÕèªÍº = ทิ¯°ิ แปลว่า ความคิดเห็น ความเข้าใจ ความเป็นกลางๆ ไม่ดี ไม่ชั่ว แต่ในÀาÉาไทยมักหมายถึง ความชั่ว เช่นพูดว่า คนนั้นทิ¯°ิแรงมาก ต่อเมื่อได้ใส่คำเข้าข้างหน้า เช่น ÁÔ¨©Ò·Ô¯°Ô ก็หมายถึงความเห็นผิด ÊÑÁÁÒ·Ô¯°Ô ก็หมายถึงความเห็นถูก ที่เอาคำอื่นมาใส่ข้างหลังทำให้เป็นคุ³บทก็มี เช่น ทิ¯°ิสัมป˜นโน ถึงพร้อม ด้วยทิ¯°ิ, ทิ¯°ิวิป˜นโน วิบัติด้วยทิ¯°ิ ในที่นี้มุ่งกล่าวถึงสัมมาทิ¯°ิอันเป็น ทางประกอบของทางสายกลาง
เรื่องของความคิดเห็น หรือความเข้าใจ เป็นมÙล°านอย่างÊำคัÞ ของการกระทำ ¶้าผÙ้ ใดมีความเห็น¶Ùกตรงแล้ว ผมตื๊อชบามาตั้งหลายป การกระทำเป็นไปในทางที่ดี มันมาแคเดือนเดียว ผÙ้มีความเห็นผิด การกระทำก็เป็นไป มันไดใจชบาไปแลว ผมจะไปอัดมัน พออยาขวาง ในทางชั่วเÊีย ข้อนี้เป็นความจริงโดยแท้ อยานะลูก เรื่องหัวใจมันบังคับไดที่ไหน
àËç¹¼Ô´ ¤Ô´¼Ô´ ·Ó¼Ô´
àË繶١ ¤Ô´¶Ù¡ ·Ó¶Ù¡
¤ÇÒÁàËç¹à»š¹µŒ¹µÍ¢Í§¡ÒáÃзÓ
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 21
เËç¹ดÕ ทำดÕ : เËç¹ชั่ว ทำชั่ว ลองสังเกตเพื่อนของท่านก็พอเห็นได้ เช่น ถ้าเขามีความเห็นว่า การดื่มเหล้าเป็นของดี เป็นเครื่องสมานมิตร เขาจักเป็นนักเลงเหล้าที่ดื่ม ได้อย่างไม่อั้นทีเดียว ถ้าใครไปชวนให้เขาเลิก เขาอาจเห็นเป็นความคิดที่ เหลวไหลไปเลย คนไหนเห็นว่าการไม่โกงไม่ร่ำรวย เขาก็ต้องเดินตาม ความเห็นของเขา นักÈาสนาที่มีความเห็นในหลักใด ก็พอใจในหลักนั้น ทำตามความคิดเห็นนั้นๆ เสมอไป จึงเห็นได้ว่า ¤ÇÒÁàË繡‹ÍãËŒà¡Ô´ ¡ÒáÃзӷÑé§Ê‹Ç¹´Õ áÅÐʋǹàÊÕ การกระทำทั้งมวลของบุคคลและจากความเห็นของเขา ความเห็น ของแต่ละบุคคล ถ้าเกิดการรวมกันเข้าก็จะเป็นความเห็นสา¸าร³ะ และ การกระทำให้เกิดจากความเห็นแบบนั้น อันเป็นไปในทางที่ดีบ้าง ชั่วบ้าง สุดแล้วแต่พื้น°านของความเห็น โดยเหตุนี้แหละ เจ้าลัท¸ิทุก½†าย ไม่ว่าในด้านไหน ได้ทำการชักจูง ให้ประชาชนมีความโน้มเอียงมาตาม ความเห็น½†ายตน โดยบอกให้เห็นว่า คนที่มีความเห็นแบบนี้ ย่อมเป็นคนก้าวหน้างอกงาม อยู่กัน©ันพี่น้อง เมื่อชักจูงมากๆ เข้า ก็เกิดความสนใจÈึกÉา เห็นว่าดีก็รับไว้ อันการชักจูงนั้น เขาอาจ ªÑèÇ ทำของดำให้เป็นของขาว µÃҺ㴷Õè¤ÇÒÁ Å ¼ Œ ãË ‹ äÁ Âѧ ของขาวให้เป็นของดำ ¤¹·ÓªÑèÇ¡çàËç¹ เพื่อยั่วใจของผู้¿˜งก็ได้ ¤ÇÒÁªÑèÇ໚¹´Õ
ผลกำไรบริษัทปนี้มากมาย เรายักยอกเงินมาใช โดยไมมีใครรูเรื่องเลย ฮา ฮา ฮา
22 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
ÂÖดÁั่¹ã¹ควาÁเËç¹ เ¾ิ่Á¡ิเÅÊ ¡่ÍทØ¡¢ ในทางด้านÈาสนาก็มีความเห็นต่างๆ กัน ใครมีความเห็นแบบใด ก็พูดชักจูงคนให้คล้อยตามความเห็นในแบบนั้น ที่สุดก็มีหลายแบบหลาย ความเห็น ต้องถกเถียงกันเป็นการใหÞ่ ทำไมจึงถกเถียงกัน เพราะเขา เป็นผู้ยึดถือในความเห็นของตน ตนต่างก็ถือว่า อันนี้จริง อันอื่นหาจริงไม่ เมื่อไม่ยอมกันก็เถียงกัน
การยึดมั่นในความเห็นเป็นกิเลÊแบบหนึ่ง ท่านเรียกว่า ทิฏ€ุปาทาน* การยึดมั่นในความเห็น การยึด¶ืออย่างนี้ก็เป็นทุกข เหมือนกัน ทุกข เพราะคิดว่าคนอื่นไม่เห็นเหมือนตัว ทุกข ว่าน่าÊงÊารเขาที่เป็นคนเห็นผิด แต่เจ้าตัวเองหาได้รÙ้ ไม่ว่า ตนเองก็เป็นคนเจ้าทิฏ°ิ เห็นอะไรผิดอยÙ่เหมือนกัน * อ่านว่า ทิด-ถุ-ปา-ทาน มาจากคำว่า ทิ¯°ิ (ความเห็น) + อุปาทาน (การยึดมั่น) ตอไปนี้ อุดมการณของพวกเราคือ ทุกคนตองใสเสื้อสีชมพู เจอคนเสื้อชมพูที่ไหน ก็คือ พวกเรา
ไปกันเถอะ เดี๋ยวเขาคิดวา เธอเปนพวกเขา ตอไปก็คงมี สีเขียว สีขาว สารพัดสีตามมา
จะเหลือสีไหน ใหฉันใส ไดบางเนี่ย
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 23
ควาÁเË繶١...µŒÍ§»ÅÙ¡½˜§âดÂเÃçว ครั้งหนึ่ง มีพราหม³ มาถามพระพุท¸องค ว่า “¾ÃÐͧ¤ ÁÕ·Ô¯°Ô Í‹ҧäà ?” ตรัสตอบว่า “µ¶Ò¤µ äÁ‹ÁÕ·Ô¯°Ô” เพราะไม่ทรงยึดมั่นในอะไรๆ ทรงใช้ความรู้ความเห็นเป็นทางเดิน เหมือนคนใช้แพข้าม¿าก หาได้ทรง ติดในแพนั้นไม่ จึงทรงกล่าวตอบอย่างนั้น
ทิฏ°ิ หรือความเห็นผิด มีอิท¸ิพลเหนือใจคน เหนือÊังคมอยÙ่มาก จึงเป็นการจำเป็นที่ต้องมอบความเห็นในทางที่ชอบไว้แก่เขา ตั้งแต่ ใจของเขายังว่างอยÙ่ ยังไม่ ได้รับอะไรไว้ว่าเป็นลัท¸ิของตน การทำงานอย่างนี้เป็นงานของผู้นำในครอบครัว ที่ให้การÈึกÉา แก่เด็กของตนอย่างถูกต้อง เพื่อให้เขารับไว้เ©พาะสิ่งที่ถูกต้องอย่างเดียว ไม่ว่าในด้านÈาสนา การเมือง ลัท¸ิเÈรÉ°กิจ
งานอย่างนี้เป็นงานที่ต้องทำอย่างรีบด่วน ช้าไว้ ไม่ ได้ เพราะเรื่องของใจคนเป็นเรื่องที่ช้านาทีเดียวก็เÊียหาย จึงต้องพร้อมกันให้ความเห็น¶Ùกแก่เขา ทิฏฐิไง ทิฏฐิไมดี ใครมีก็ทุกข ทิฏฐิที่ดี ใครไมมีก็ทุกข เหมือนกัน ทานวา อะไรมีก็ทุกข ไมมีก็ทุกข
24 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
¶Ù¡ ค×Í ¶Ù¡¸ÃÃÁ äÁ่ãช่¶Ù¡ã¨ เราจะเห็นได้ในสงครามโลกครั้งที่ ò* Îิตเลอร ประมุขของประเทÈ เยอรมัน ได้ทำการชักจูงใจชนเยอรมันให้เกิดความเชื่อว่า ชนเยอรมันเท่านั้น เป็นอารยัน เป็นผู้สมควรจักครองโลก นักรบ เยอรมันเป็นนักรบไม่รู้จัก คำว่าแพ้ พูดเสมอๆ ในวิทยุกระจายเสียง ในหนังสือพิมพ ในบทละคร ในการสอนในโรงเรียนตลอดถึงครอบครัว เป็นการ©ีดความเห็นอย่างนี้เข้า สมองของเด็กหนุ่มเยอรมัน ผลที่สุดแถวทหารกล้าตายก็พร้อมพรัก เยอรมัน ทั้งชาติได้เข้าสู่สงคราม และได้รับความแหลกลาÞไปหมด
ความเห็นที่กล่าวในÊมัยผÙ้นำมีอำนาจ ก็ยังคง¶ÙกอยÙ่ แต่มิ ใช่¶Ùกโดย¸รรม ¶Ùกตามความเห็นของเขาเท่านั้น ความ¶Ùกแบบนี้เป็นความ¶Ùกที่กลับกลายได้ เป็นความ¶Ùกที่ ไม่¶Ùกแท้จริง ความเห็นที่มิ ใช่เป็นความจริงแท้ขั้นเด็ดขาด «ึ่งเรียกว่า “ อนันตมติ ” แล้วยังมีการกลับกลายได้เÊมอ ซอยแน...ซอยแน เอย... Help me
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
* สงครามโลกครั้งที่ ò เกิดเมื่อ พ.È. òôøô
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 25
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
ควาÁเËç¹áººâÅ¡ - Ẻ¾Øท¸ สมัยหนึ่งเขาว่า โลกแบน ดวงตะวันเป็นเทวดา ชักรถเทียมม้า ส่องแสงสว่างแก่โลก พวกเดินเรือไม่กล้าไปไกลๆ เพราะกลัวจะตกออกไป นอกโลก แต่ต่อมาเขาเห็นกันใหม่ว่า โลกกลม โลกเดินรอบตัวเอง และเดิน รอบดวงอาทิตย อาทิตย เป็นไ¿ดวงใหÞ่ เวลานี้ชาวโลกมีความเข้าใจกัน เช่นนั้น แต่ความเห็นแบบนี้ก็มิได้เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข อย่างแท้จริง เป็นความเห็นด้านโลกเท่านั้น หาเป็นความเห็นที่ควรจะเอามาเถียงกันไม่
ใน°านะที่เราท่านทั้งหลายเป็นชาวพุท¸ ลองมาศึกÉาความเห็นตามหลักพุท¸¸รรม เป็นความเห็นที่เที่ยงแท้ เป็นความเห็นที่พิÊÙจน ได้ด้วยใจของตน เป็นความจริงที่ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ¶ึงแม้Êิ่งทั้งหลายในโลกเปลี่ยนไป ความจริงหาได้เปลี่ยนไปไม่
โลกเดี๋ยวกลม เดี๋ยวแบน จะเชื่อใครดีครับ
RIGHT
VIEW
àË繪ͺ
เชื่อวาโลกไมเที่ยง ตามพระพุทธเจาดีที่สุด เพราะเชื่ออยางนี้แลว ทำใหไมยึดมั่นในโลก เปนทางพนทุกขไดดวย
เห็นดวย
26 ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี
พรÐพรËมมัง¤ลา¨ารย์ (»˜ÞÞานันทÀิก¢ุ)
ค¹เËç¹ÍÂ่า§äà ¡çทำÍÂ่า§¹ัé¹ ก่อนที่เราจะเข้าถึงความเห็นที่ถูกต้อง-จริง-แท้ ของพระพุท¸องค เราลองมาพิจาร³าความเห็นของคนในยุคก่อนพระพุท¸เจ้าบังเกิดเล็กน้อย มาจนกระทั่งถึงเวลาพระพุท¸เจ้าบังเกิดแล้ว
เขามีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นอย่างมากทีเดียว ในเรื่องเกี่ยวกับการเกิด การตาย การได้รับความทุกข Êุข ตลอด¶ึงเรื่องโลกที่เขาอาศัยอยÙ่นี้ด้วย เขามีความเชื่อแปลกๆ ตามความคิดเห็นของเขา และปฏิบัติตามความคิดเห็นของเขา »ÃСาõŒ¹ã¹เÃ×่ͧเ¡Õ่Âว¡ัºâÅ¡áÅÐชÕวิµ เขาถือว่าโลกนี้มีผู้สร้าง
ผู้รักÉา ผู้สร้างเป็นใหÞ่กว่าอะไรทั้งหมด ตัวผู้สร้างเองเป็นผู้เกิดมาเอง เกิดจากความว่างเปล่าเป็นตัวขึ้นแล้วสร้างอะไรต่ออะไรให้ยุ่งไปหมด บางพวกถือผู้สร้างองค เดียว บางพวกถือหลายองค ความเห็น ก็แตกแยกออกไป เลยเป็นเหตุให้ทะเลาะกันยุ่งไปหมด เพราะว่าความเห็น ไม่ตรงกัน โลกนี้ สรางโดยพระเจาองคเดียว
ขาวาตองหลายองคนะ ถึงจะสรางได
ขานี่แหละสราง สรางเสร็จ ขาก็ตาย แลวมาเกิดใหมนี่ไง
เถียงกันอยางนี้ เมื่อไหรจะพนทุกข นั่นนะสิ
ทำดีให้มีผล ทำตนให้มีดี 27
สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์
เ¾ÃาÐเËç¹µ่า§¡ั¹ ¨Ö§ทÐเÅาСั¹ ã¹เÃ×่ͧ¢Í§ควาÁÊØ¢-ทØ¡¢ บางพวกว่าสุขทุกข เกิดจากÀายนอก
เช่น เทวดาดลให้เป็นไป ถ้าเทวดาโกร¸ก็ทำให้เป็นทุกข ถ้าเทวดาพอใจ ก็ช่วยให้เป็นสุข ความพอใจหรือไม่พอใจของเทวดาอยู่ที่การประจบกราบไหว้ เพียงพอหรือไม่เพียงพอ ©ะนั้น เขาจึงทำการบูชาเทวดาเป็นการใหÞ่ ¦‹ÒÊÑµÇ ¦‹Ò¤¹ ºÙªÒ à·Ç´Ò ໚¹¡ÒáÃзӷÕèÍÂÒ¡ä´Œ¤ÇÒÁÊØ¢ ᵋ·ÓãËŒ¼ÙŒÍ×è¹ÊÑµÇ Í×è¹à»š¹·Ø¡¢ เป็นการกระทำที่ดีหรือไม่ ลองคิดดูก็พอมองเห็น
ã¹เÃ×่ͧควาÁµา บางพวกถือว่าตายแล้วเกิด เคยเกิดเป็น
อะไรก็เกิดเป็นอย่างนั้น บางพวกถือว่าคนตายแล้วมีการเปลี่ยนแปลงได้ สุดแล้วแต่กรรม, บางพวกว่าตายแล้วหมดเรื่องกัน แต่บางพวกว่าหมด แต่เพียงบางสิ่ง บางสิ่งยังคงเหลืออยู่, บางพวกว่าร่างกายกับวิÞÞา³ อันเดียวกัน บางพวกว่าคนละอัน, การป¯ิบัติจึงแตกต่างกันไปตามความเห็น ของตน จนทำให้สถานการ³ ทางÈีล¸รรมและปรัชÞาอยู่ในสÀาพที่ยุ่งยาก พอใช้ทีเดียว ผูใหญบางคนบอกวา ถาเราฆาสัตว บูชาเทวดา เราจะไดบุญ และมีความสุข
เราฆาเขา เขาเปนทุกข เราจะมีความสุขจริงหรือ
¤¹´Õ ÃѺÃͧ ´Õá¡‹µ¹
´Õµ‹Í¼ÙŒÍ×è¹
ทำดีตองมีองค ๓ นะครับ (พลิกอานหนา ๕)