1
ว่าด้วยความขอบคุณจงงดงาม บุญทม วันสูง นิยาย เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัว ทัศนาวดี บันทึกเชิงสารคดี ฮานอย...รอยอดีต... เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ร้อยกรองในร้อยแก้ว แมวผู้มองเห็นก�ำแพงเป็นสะพาน ไพรยุทธ สะกีพันธ์ บรรทัดไม้ไผ่ในย่ามสีรุ้ง เพลงไพรยุทธ ชุดที่ 1 สิงหา สัตยนนท์ กวีนิพนธ์ ไฟดอกไม้ มิ่งมนัสชน จังหาร 3 เรื่องรักธรรมดา ความคิดถึงควรเป็นความสุข จารุพัฒน์ เพชราเวช กวีนิพนธ์ หากแม้นรักนี้พึงมีอยู่ คณะเขียน “ชายคาเรื่องสั้น” 03 เปลือยประชาชน วัฒนา ธรรมกูร กวีนิพนธ์คัดสรร เปลือย มาโนช พรหมสิงห์, วัฒนา ธรรมกูร, ภาณุพงษ์ คงจันทร์ วิชัย จันทร์สอน, ชาคริต-สมใจ แก้วทันค�ำ, มนฤดี เย็นบุตร ปราโมทย์ ในจิต (จินตรัย) ส�ำหรับดวงตราไปรษณีย์ที่มอบแด่คณะผู้เขียนจดหมาย
สารบัญ
ปรีดาวรรณ บทกวีรับเชิญ ไทร วัฒนา ธรรมกูร ถึง คณะผู้เขียนจดหมาย เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ถึง ภูมิชาย คชมิตร ภาณุพงษ์ คงจันทร์ ถึง คณะผู้เขียนจดหมาย จารุพัฒน์ เพชราเวช เรื่องสั้น เสี่ยวบอด ชามกลางคืน ถึง จารุพัฒน์ เพชราเวช อรอาย อุษาสาง ถึง ภูมิชาย คชมิตร มาโนช พรหมสิงห์ ถึง ภูมิชาย คชมิตร ภูมิชาย คชมิตร ถึง ภู กระดาษ ภู กระดาษ ถึง ชามกลางคืน ปั้นค�ำ เรื่องสั้น เต้นร�ำเป็นเพื่อนกัน รน บารนี ถึง ภูมิชาย คชมิตร วิวัฒน์ เลิศฯ บทกวีรับเชิญ คุณจะไม่กลับมาอีกแล้ว ควันบุหรี่ จดหมายถึง จิม มอริสัน สุจิตต์ วงษ์เทศ กลอน(กัมปนาท) แนะน�ำหนังสือ
4 10 11 11 12 18 21 23 24 30 36 44 46 48 49 50
บทกวีรับเชิญ ไทร 1 ต้นไทร แผ่กิ่งใบ เขียวชอุ่ม ชุ่มตา เย็นใจทุกครั้ง คราเปิดม่าน ออกไปยัง ระเบียง ต้นไม้ใหญ่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า หยั่งรากลึกทะลุผ่านพื้นปูนซีเมนต์สู่แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ริ้วรากอากาศยาว-ดั่งผมสยายงามไหวพลิ้วตามแรงลม ยามฝนโปรย ใบต้องละอองน�้ำ พราวแสงอาทิตย์วิบวาว ออกลูกดกผลดาษดื่น ให้เหล่านกกา กระรอก กระแต มาอาศัย เป็นอย่างนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง กิ่งก้านกลับเหี่ยวแห้งไป ใบร่วงโกร๋น เพียงชั่วข้ามคืน พลันตื่นพานพบเพียง สิ่งเคยมีชีวิต ที่จากไปโดยไม่มีค�ำร�่ำลา มีค�ำบอกเล่าจากปากลุงยาม ผู้เพียรกวาดเศษกิ่งใบร่วงโรย คราวจ�ำต้องระวังภัยรอบดึก 4
สงัดเงียบเหงา คว้าไม้กวาดทางมะพร้าว ปัดกวาดพื้นซีเมนต์ให้สะอาด แก้ง่วง มันตายเพราะหนอนไช แกบอก อีกประเดี๋ยวการไฟฟ้าฯ จะมาลิดก้านกิ่งแห้งกรอดทิ้งไป ให้พ้นทางสายไฟสีด�ำ อีกประเดี๋ยวเขาจะมาจัดการ......แกว่าอย่างนั้น ผ้าเจ็ดสีเศร้าหมองพันรอบโคนต้น พวงมาลัย เครื่องเซ่นไหว้ไม่ปรากฏ น�้ำแดงแฟนต้าแห้งกรัง เขรอะเป็นรอยระดับน�้ำรอบขวด ถาดโฟมบรรจุหมากพลูมีรูพรุน ไม่อยากเชื่อ หนอนจะพรากศรัทธาไปจากผู้คน ต้นไทรตายเร็วปานหมาโดนยาเบื่อ มันเป็นไปได้หรือ ฉันยังสงสัย เป็นอีกวันที่ฝนตกตลอดทั้งคืน ยังคงหลับสบาย ซุกกายใต้ผ้าห่มอุ่น ไม่มีเสียงนกร้องปลุกในตอนเช้า ทว่าโชคยังดีที่นาฬิกาปลุกท�ำหน้าที่ของมัน ครั้นเปิดม่านรับอรุณ แลไม่เห็นละอองน�้ำกลิ้งบนใบเขียวชอุ่มเช่นเคย กิ่งก้านสีน�้ำตาลยังคงระสายไฟสีด�ำ ยินเสียงแว่วไหวในโสต อีกประเดี๋ยวเขาคงมา...อีกประเดี๋ยว กันยายน ๒๕๕๕
5
2 ยังคงไม่มีวี่แววจากการไฟฟ้าฯ บทสวดงานซิโกว* จากศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ลอยมาตามสายลมช่วงหัวค�่ำ คลับคล้ายกับบทเพลงต่อเนื่องยาวนาน ประชันกับละครหลังข่าว กระทั่งละครลาจอ จึ่งเงียบเสียงลง ....พักยก.... เสียงสะท้อนโสต บางคราสร้อยเศร้าราวงานศพต้นไม้ใหญ่ บางคราครื้นเครงดั่งปลุกเร้าเหล่าทวยเทพให้ฟื้นชีวาต้นไทร บางคืนมีงิ้วประชัน เป็นอย่างนี้อยู่เจ็ดราตรีกาล สาธุ เสียงแซ่ซ้องรับผลบุญ จากภาษาที่มิอาจหยั่งรู้ความหมาย ด้วยเหตุผลบางประการบนพื้นฐานของความศรัทธา สาธุ... เป็นอันรู้กัน ในเช้าวันหนึ่งของเดือนเดียวกันแทบไม่เชื่อสายตา ศรัทธาเสียดแทงยอดอ่อนทะลุเปลือกหยาบหนา 6
เขียวระบายที่ปลายกิ่ง ต้นไม้ใหญ่ฟื้นคืนชีพแล้วจริงหรือ แทบไม่เชื่อสายตา... เหล่านกกาขับขานปานบวงสรวงทวยเทพไท้ จิ๊บ จิ๊บ นกกระจาบ นกกระจิบ นางกางเขนฟ้อนร�ำ กระดกหางขึ้นลง กระโดด โหยง โหยง จากกิ่งโน้น สู่กิ่งนี้ นกพิราบเกาะอยู่บนหัวเสาคอนกรีต ตรึงสายไฟระยางสีด�ำสงบนิ่ง ดั่งการคารวะผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ให้อาหารอุดม เหตุเกิดในเดือนเดียวกัน กันยายน ๒๕๕๕
3 กระรอกน้อยวิ่งปร๋อบนสายไฟสีด�ำ แวะทักทายพิราบเฒ่าที่หัวเสาคอนกรีต แล้วกล่าวอรุณสวัสดิ์แก่แม่นกกกไข่อยู่ปลายกิ่ง สรรพชีวิตตื่นรับแสงอรุณอุ่น ยามเช้า ต้นไทรก็เช่นกัน-
7
เป็นเพราะบทสวดหรือธรรมชาติสร้าง ยังคงสงสัย ไม่ว่าจะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลัง ล้วนเรียกศรัทธากลับคืนมาอย่างได้ผล ผ้าเจ็ดสีผืนใหม่พันรอบโคนต้นแทนผืนเก่าซีดจาง เครื่องเซ่น หมากพลู จัดวาง เรียบร้อย พวงมาลาพะเนินกอง น�้ำแดงแฟนต้าเต็มปรี่ ตั้งเคียงคาวหวาน ศรัทธาหยั่งราก ยาวกว่ารากไทรใต้พื้นคอนกรีต ทว่าในยามค�่ำคืนกลับไม่มีเสียงกวาดลาน ของลุงยาม ดาวแต้มราตรีกาลสงัดงัน ทันใดนั้น พลันเห็นแสงเรื่อเรืองใต้ต้นไม้ ควันธูป เปลวเทียนวูบไหว จึ่งมองฝ่ากระแสมืดทมิฬออกไป แลเห็นใครคลับคล้ายคลับคลา จึ่งเพ่งมองดูอีกครั้ง ปรากฏว่าเป็น ลุงยาม ประนมมือก้มกราบโคนต้นไม้ใหญ่สามครา แล้วยกสิบนิ้วพนม ตรงหว่าง กลางหน้าผาก ขยับปากขมุบขมิบ สาธุ สาธุ สาธุ
8
กลิ่นธูปควันเทียนลอยคลุ้ง ปะปนมวลหมอก ยามสองนาฬิกา สาธุ หนอนตัวหนึ่งละเมอ ครึ่งหลับครึ่งตื่น อยู่ที่ใดสักแห่ง ใต้เปลือกหนาของพญาไม้ เหตุเกิดในเดือนเดียวกัน กันยายน ๒๕๕๕ ปรีดาวรรณ
* ซิโกว ประเพณีเทกระจาดหรือประเพณีทงิ้ กระจาด ของชาวจีน จัดขึน้ ในเดือนเจ็ด เพือ่ ให้ผคู้ นมาร่วม ท�ำบุญบริจาคเงิน ข้าวสาร หรือสิ่งของต่างๆ แล้วน�ำสิ่งของเหล่านั้นบริจาคให้ผู้ยากไร้ต่อไป
9
วัฒนา ธรรมกูร ถึง คณะผู้เขียนจดหมาย “ถึงคณะผูเ้ ขียนจดหมาย พร้อมลายเซ็นงามๆ ทุกท่าน พร้อมนีข้ า้ พเจ้าได้แนบผลงาน กวีมาให้พิจารณาตามความเห็น ขณะเดียวกัน แสตมป์จำ� นวนเล็กน้อยที่ส่งมาด้วยนี้ คงจะมีคา่ แทนใจ ระหว่างเราอยูม่ ใิ ช่นอ้ ย ข้าพเจ้ายังเฝ้าเป็นก�ำลังใจให้พวกท่านอยูเ่ งียบๆ ตลอดมาและตลอดไป -ไม่รักคงไม่ส่งเสียงสะท้อนถึงกันมา - ใช่ไหม?”
ยังถนนสายนี้ อย่าคาดหวังกับชีวันของฉันนัก บนถนนสายนี้ ใช่แน่นอน กับที่ทางที่มีที่หยัดยืน โลกก็พร้อมเผื่อแผ่แรธารรุ้ง แลลิบสรวงดวงดาวยังพราวพร่าง แม้คืนวันเวลาก้าวช้าลง ขอบคุณที่ไต่ถามถึงความดี สวนสงบ ภพสะพรั่ง ทั้งรูปกาล สันติธรรมทั้งหลายอยู่แวดล้อม ที่นี่แหละโลกพร้อมขับกล่อมเกลา ฉันพบแล้ว ห้วงขณะเอกเขนก ขอประณต ธรณินทั้งอินทรีย์
ขอผ่อนพักรักษาเยียวยาก่อน วิหคร่อนฟ้อนร�ำงามทั่วคุ้ง แค่ตื่นฟื้นความฝันความมั่นมุ่ง เอื้อผดุงทุ่งผกา ลดาพงศ์ ยังแย้มทางที่มีที่เสริมส่ง ฉันก็คงคล้อยดาวอีกยาวนาน ความเมตตาปราณีทวีผ่าน สดชื่นบานหวานจิตสนิทเนา โอบกระท่อมริมธารโบราณเหง้า ซึ้งเสลาเคล้าธรรมด�่ำฤดี ปลีกวิเวกชีวิต วิจิตรวิถี แม้ถนนสายนี้...ไม่มีเธอ ! ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ส�ำนักสาระฅน มหาสารคาม
10
เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ กรกฎาคม 2555 ภูมิชาย คชมิตร “ความรักในเพื่อนมนุษย์และ วิถีทางแห่งประชาธิปไตย” คล้าย ท�ำให้ผองเรา (ญาติน�้ำหมึก) ห่าง ไกลจากกัน... คุณรู้สึกเช่นนั้นไหม ? ส่ง แมว มาให้อ่านเล่นครับ
ด้วยความระลึกถึง เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ฤดูมรสุม
ภาณุพงษ์ คงจันทร์ เรี ยน คณะผู้เขียนจดหมาย ขอชื่นชมในความ “กล้ าหาญ” “หัวใจ” เปี่ ยมพลัง รังสรรค์วรรณกรรมให้ ทอดยาวไกล - ขอคารวะทีมงาน ภาณุพงษ์ คงจันทร์ 11
จารุพัฒน์ เพชราเวช เสี่ ยวบอด อ้ ายโต่นกับอ้ ายจันดาเป็ นเสีย่ วเหยเกยฮัก (เพื่อนซี ้) กันมาตังแต่ ้ เกิด เนื่องจากพวกเขามี เรื อนอยูใ่ กล้ ชิด และรูปร่างลักษณะหรื อหน้ าตาละม้ ายคล้ ายคลึงกัน ดังนันพ่ ้ อแม่จงึ ท�ำ พิธีผกู เสีย่ วให้ กบั พวกเขา เพื่อเป็ นสิริมงคลอยูด่ มี ีแฮง รักใคร่กลมเกลียวดุจพี่น้องในสาย เลือดที่คลานตามกันมา ดังความเชื่อที่มีมาแต่โบร�่ ำโบราณ ครัง้ ปู่ สังกะสาย่าสังกะสีพิธี ผูกเสีย่ ว เป็ นพิธีกรรมที่จริงจังและศักดิส์ ทิ ธิ์ มีไทบ้ านมาร่วมผูกข้ อต่อแขนเป็ นสักขีพยาน ทังหมู ้ บ่ ้ าน เสร็จพิธี หมอพราหมณ์ที่มาร่ายคาถาสูข่ วัญให้ เป็ นมนต์เพี ้ยงๆ เป็ นคนฮู้ผ้ ดู ี เด้ อบักหล่า...เสร็ จแล้ วเคาะหัวทังคู ้ เ่ บาๆ อย่างเอ็นดู แต่ดเู หมือนพิธีจะขาดความขลังไป ว่ากันว่า คงเป็ นเพราะขาดเหล้ าไหไก่ตวั และงัวลาดส�ำหรับเลี ้ยงฉลอง เพราะเจ้ าของเรื อนทังสอง ้ ไม่นิยมดื่มเสพของมึนเมา จะ มีได้ ก็แต่ในคายอ้ อ (เครื่ องเซ่นไหว้ ) ของพราหมณ์เท่านัน้ ท�ำให้ เด็กทังสองกลายเป็ ้ นคน มุทะลุดดุ นั ไม่คอ่ ยเชื่อฟั งใคร พ่อแม่อบรมสัง่ สอนอย่างไรก็เหมือนเป่ าปี่ ใส่หคู วาย เอาแต่ เที่ยวพาลเกกมะเหรกเกเรชกต่อยกับพวกที่โตกว่าไปวันๆ ไม่ร้ ูจกั ช่วยเหลืองานบ้ านงาน นา เมื่อพ่อแม่เห็นว่าจะเอาไม่อยูเ่ ติบโตเป็ นผู้ใหญ่จะกลายเป็ นนักเลงอันธพาล หรื อไม่ก็ อาจถึงขันกลายเป็ ้ นผู้ร้ายอ้ ายขโมย ดังนันพวกเขาทั ้ งสี ้ ่คนจึงส่งไปบวช ให้ หลวงพ่อ ดัดสันดานอยูใ่ นวัด เมื่อเป็ นสามเณรอ้ ายโต่นกับอ้ ายจันดาก็ดทู า่ จะดีขึ ้นมาบ้ าง แต่ไม่ ถึงกับดีเด่นอะไรมากมาย แค่พอให้ ไทบ้ านไทเมืองได้ กราบไหว้ อย่างไม่ร้ ู สกึ กระดากใจ เท่านัน้ เรี ยกว่าเกือบดีขึ ้นทุกอย่างแล้ ว ไม่วา่ นิสยั ใจคอ ค�ำพูดค�ำจา หรื อความสุขมุ เยือก เย็น ทว่ามันมาติดอยู่นิดเดียว ตรงที่มีสิ่งหนึง่ แวบเข้ ามาในเส้ นทางที่แสนงดงามสายนี ้ ของพวกเขา และท�ำให้ ทงคู ั ้ ห่ วนกลับไปเป็ นคนหัวรัน้ ในบางขณะ พวกเขาบ้ าบังไฟ ้ ซึง่ เป็ นความบ้ าที่แม้ แต่หลวงพ่อเองก็จนใจที่จะห้ ามปราม ได้ แต่คอยดูอยูห่ า่ งๆ จนกระทัง่ ในที่สดุ มันก็กลายเป็ นสาเหตุให้ พวกเขาตาบอดหลังจากที่ลาสิกขาออกไปเพียงสองปี ในงานบุญบังไฟอั ้ นสนุกสนาน ทุกคนในหมู่บ้านต่างม่วนซื่นโฮแซว จุดบังไฟ ้ บูชาพญาแถนกันอึกทึกครึกโครม ซัดเหล้ าเมามายและเมื่อบังไฟใครเหยี ้ ยบไม่ถงึ ปลาย เมฆก็หามกันลงโคลนเละเทะ บังไฟหลายบั ้ งถั ้ ง่ ควันขึ ้นมิดเปลือกฟ้า แต่พอถึงทีของอ้ าย โต่นกับอ้ ายจันดาดันระเบิดสนัน่ หวัน่ ไหว ท�ำให้ ผ้ คู นตกตะลึงถึงกับสร่ างเมา รี บกรู เข้ า หามสองเสี่ยวไปเยียวยารักษา ทว่าก็ไม่มียาขนานใดที่จะสมานดวงตาของพวกเขาให้ ดี 12
ดังเดิมได้ แล้ วอ้ ายโต่นกับอ้ ายจันดาก็ตกอยูใ่ นโลกแห่งความมืดมิดนับแต่วนั นัน้ เมื่อต้ องกลายเป็ นวณิพก นิสยั ดังเดิ ้ มของพวกเขาก็กลับมาอีกหน ทังคู ้ ย่ อมรับ ชะตากรรมของตัวเองไม่ได้ เมื่อเสียดวงตาไปไม่มีโอกาสจะไปทะเลาะกับคนอื่น พวกเขา ก็หนั มาทะเลาะกับตัวเอง และคนในบ้ านอย่างบ้ าคลัง่ ตีอกชกตัว เอะอะโวยวายจนแทบ จะหาความสุขไม่ได้ ขณะที่พวกเขาต่อว่าคนอื่นอย่างบ้ าดีเดือด ทว่าทังคู ้ ก่ บั กลับไม่เคย ว่าร้ ายซึง่ กันและกันเลยสักครัง้ เสี่ยวบอดตะโกนข้ ามรัว้ ให้ ตา่ งฝ่ ายต่างได้ ยินค�ำพูดของ ตน และบ่นตัดพ้ อต่อโชคชะตาต่อกันจนดึกดื่น คนในบ้ านต้ องคอยแล้ วคอยเล่ากว่าจะ ปลอบจะกล่อมพวกเขาให้ หลับลงได้ ในแต่ละคืน หลังจากทีท่ ำ� ให้ คนในบ้ านร�ำคาญมาเนิน่ นาน รู้สกึ ถึงบาปทีต่ วั เองก่อไว้ กบั พวก เขาเสียมาก แสงธรรมสว่างวาบขึ ้นในใจ อยูม่ าวันหนึง่ อ้ ายโต่นกับอ้ ายจันดาก็ปรึกษากัน ว่าจะหนีไปจากที่นี่ ไม่อยากอยูเ่ ป็ นภาระของครอบครัวอีกแล้ ว พวกเขาจะไปหาหนทาง ท�ำมาหากินตามประสาคนตาบอด วณิพกทังคู ้ อ่ าศัยช่วงที่คนไม่อยู่ หอบเสื ้อผ้ าตามกัน ออกไปสูป่ ่ าแห่งหนึง่ ซึง่ ปราศจากเสียงกระดึง ขอ โปง อันเป็ นสัญญาณติดตามงัวควาย เมือ่ ไม่มเี สียงเหล่านี ้พวกเขาเชื่อว่าจะไม่มใี ครเห็น จนสามารถกลายเป็ นเบาะแสให้ ญาติ แกะรอยตามหาได้ อย่างแน่นอน พวกเขาเดินผ่านแนวป่ าทุง่ ท่าไปไกลจากหมูบ่ ้ านมากกว่าครึ่งค่อนวัน จึงหยุด พักเอาแรงใต้ ร่มไม้ แห่งหนึง่ พอนัง่ ลงเขย่าฟั งน� ้ำดื่มในกระบอกไม้ ไผ่ ปรากฏว่ากระบอก ของแต่ละคนเหลือน� ้ำพอได้ กลืนแค่ไม่เต็มอึก แทบจะทาไม่ทวั่ ล�ำคอ แดดข้ างนอกแผด สายร้ อนแรง ที่นี่ปราศจากเสียงสายน� ้ำล�ำธาร ขณะที่ความกระหายก�ำลังโจมตีพวกเขา อ้ ายจันดาผู้ไม่ชอบเดินป่ าเริ่ มบ่นอิดออด ไม่น่าตัดสินใจมาตกระก�ำล�ำบากแบบนี ้เลย นอนเป็ นกาฝากอยูก่ บั บ้ านยังสบายกว่า ส�ำนึกผิดเกรงใจเขาเลิกปากมากเสียก็สิ ้นเรื่ อง เขาพูดอีกยาว จนอ้ ายโต่นรู้สกึ เคืองๆ ในรูหแู ต่ก็จ�ำทนขบกรามฟั งเสี่ยวฮักบ่น ตังแต่ ้ เกิด มาพวกเขาไม่เคยทะเลาะกัน และไม่คดิ ที่จะใส่ใจกันเพราะเรื่ องเล็กน้ อยเพียงเท่านี ้ขณะ ที่อ้ายโต่นพยายามอดกลัน้ ลมปากของอ้ ายจันดาก็โชยมาตลอดเวลา แต่ระหว่างที่หนึง่ ในสองเสีย่ วจะปะทุอารมณ์อนั เดือดพล่าน พวกเขาก็ได้ ยนิ เสียงสับไม้ โปกๆ อยูไ่ ม่ไกลนัก เมื่อเสียงสับนันรั ้ วเข้ า ใบหูของพวกเขาแทบจะชันขึ ้นมาดังหูกระต่าย บัดนี ้ทังคู ้ ม่ ีความ คิดสอดคล้ องในทิศทางเดียวกัน ความกระหายท�ำให้ อ้ายโต่นกับอ้ ายจันดาคิดว่าก�ำลังมี คนเจาะรวงผึ ้งอยู่ไม่ไกล ยิ่งเสียงสับเร่งเข้ าเท่าไหร่ พวกเขามัน่ ใจมากขึ ้นเท่านัน้ ในป่ า ลึกแบบนี ้ไม่มีทางที่เสียงนันเสี ้ ยงนันจะกลายเป็ ้ นกิจกรรมอย่างอื่นไปได้ ไม่ใช่การตัดไม้ ไปปลูกเรื อน ท�ำแอก ไถ คราด หรื อแม้ แต่เกวียนเด็ดขาด มันต้ องบักผึ ้ง เพราะรวงผึ ้งแน่ๆ 13
(ผึ ้งทีส่ องเสีย่ วพูดถึงหมายถึงผึ ้งทีท่ ำ� รังในโพรงไม้ การทีจ่ ะได้ หวั น� ้ำผึ ้งมาต้ องรมด้ วยควัน ไฟเพื่อไล่ผึ ้งงาน ใช้ ขวานสับให้ ปากโพรงเปิ ดกว้ าง แล้ วล้ วงมือไปแกะเอา) สองบอดลุกจากที่พ�ำนัก เดินเร่ งไปตามทิศทางของเสียง พวกเขาจะไปขอ ละเลียดล�ำคอแก้ กระหายสักหน่อย คิดว่าชายผู้นนคงจะไม่ ั้ ใจจืดใจด�ำกับคนตาบอดแน่ๆ หรื ออย่างน้ อยๆ ได้ เคี ้ยวรวงที่มีลกู ผึ ้ง ผึ ้งนางตัวขาวๆ อ่อนๆ ก็ยงั ดี เมื่อไปถึงอ้ ายจันดา จอมบ่นก็ออกปากถามทันที “นัน่ เจ้ าเจาะรวงผึ ้งอยูห่ รื อ...” “บ่ ข้ อยตัดไม้ ไผ่ไปสานฝา” ชายคนนันหั ้ นมามอง แล้ วตัดไม้ ตอ่ เขาลืมสังเกต ดวงตาของคนทังคู ้ ่ “อย่ามาโกหก เจ้ าบากผึ ้ง เจ้ าเจาะรวงผึ ้ง” “ รวงผึ ้งที่ไหน ข้ อยตัดไม้ ไม่เห็นรึไง” “ก็เพราะเห็นนะสิ ข้ อยถึงบอกว่าเจาะรวงผึ ้ง” อ้ ายจันดาเริ่ มอารมณ์ไม่ดี คิดว่า ชายคนนี ้ต้ องเป็ นพวกตระหนี่ถี่เหนียวแน่ๆ อย่างนี ้ต้ องมีการข่มขูก่ นั บ้ างแล้ ว สองบอด กับคนตัดไม้ ถกเถียงกันอยูเ่ นิ่นนาน คนตัดไม้ ปฏิเสธหัวฟั ดหัวเหวี่ยง แต่สองบอดไม่ยอม เชื่อ พวกเขาข่มขูจ่ ะรุมกระทืบคนตัดไม้ นิสยั จอมกร่างอันธพาลกลับมาเมื่อโมโหจัด ขณะ ที่คนตัดไม้ สงั เกตเห็นแล้ วว่าสองคนนี ้ตาบอด แต่ก็ยงั อดทนไม่อยากต่อว่ารุนแรงเพราะ กลัวบาป คิดว่าถ้ าเขาไม่มีหวั น� ้ำผึ ้งให้ จริ งๆ พกถกเถียงจนเบื่ออีกหน่อยคนตาบอดพวก นี ้คงจากไปเอง แต่แล้ วคนตัดไม้ กค็ ดิ ผิดถนัด เมือ่ ได้ ยนิ เสียงสับไม้ ดงั โปกขึ ้นอีกหน ปรากฏ ว่า สองคนเร่งจ� ้ำอ้ าวเข้ ามาใส่ ขณะเดียวกันคนตัดไม้ ก็ปวดขี ้ขึ ้นมาอย่างกะทันหัน เขา เอี ้ยวตัวหลบสองบอดไปอยู่อีกฟากของกอไผ่ ทว่ายังถูกตามรังควานไม่เลิก ไม่ร้ ู จะท�ำ อย่างไรดี จะแอบหนีไปปลดทุกข์เลยก็กลัวว่าสองบอดนี ้จะจุดไฟเผาเกวียนตัวเอง มัน อันธพาลเหลือเกิน ถ้ าไม่ท�ำอะไรสักอย่าง พวกมันคงจะไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน “เอาล่ะๆ ผะผึ ้งก็ผึ ้ง ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวข้ อยไปจัดการมาให้ ” “แต่มงึ อย่าแอบหนีไปล่ะ พวกกูตามไปเจอมึงได้ เลือดแน่” สองบอดค่อยยิ ้มได้ “ เออๆ ข้ อยบ่หนีไปไหนดอก” ว่าแล้ วคนตัดไม้ รีบอ้ อมไปทางด้ านหลังกอไผ่ ตัด ไม้ ไผ่มาหนึง่ ปล้ อง เจียนปากกระบอกอย่างดี แล้ วแก้ ผ้าแบ่งขี ้บรรจุลงไป เสร็จสรรพม้ วน ใบไม้ ยดั ปากกระบอกจนแน่น เขาท�ำมิดชิดจนไม่มีกลิน่ โชยก�ำจาย จากนันจึ ้ งกลับออก มาแล้ วยื่นให้ กบั สองเสี่ยว พอหนึง่ ในสองคนรับไปแล้ ว เขายกมือประนมขึ ้นสุดศอก พูด ในใจว่า...สาธุ อย่าให้ ข้าน้ อยบาปเถิด ถ้ าไม่ท�ำอย่างนี ้ พวกมันคงไม่ยอมหนีไปไหน ถูก รังควานนานๆ เวียกงานข้ อยก็คงค้ างเติง่ อยูแ่ บบนี ้เท่านัน้ 14
“ข้ อยยกหัวน� ้ำผึ ้งให้ พวกเจ้ าแล้ ว ขอให้ ไปกินกันไกลๆ เด้ อ ประเดี๋ยวข้ อยอดบ่ ได้ เป็ นต้ องแย่งพวกเจ้ ากินแน่ๆ “ “แย่งเลยถ้ ามึงอยากถูกเหยียบ“ อ้ ายโต่นพูด แล้ วสองเสีย่ วก็เร่งจ� ้ำอ้ าวออกจาก ที่เกิดเหตุทนั ที ระหว่างทางพวกเขาถกเถียงกันบ่อยครั ง้ ด้ วยต่างฝ่ ายต่างอยากถือ กระบอกหัวน� ้ำผึ ้งไว้ กบั ตัว ตังแต่ ้ คบและโตมาด้ วยกัน นี่ถือเป็ นครัง้ แรกที่ทงคู ั ้ ท่ ะเลาะกัน รุนแรงทีส่ ดุ โดยปกติเสีย่ วบอดจะคล้ อยตาม และเอื ้อเฟื อ้ เจือจุน ถ้ อยทีถ้อยอาศัยกันตลอด อ้ ายโต่นเอื ้อมมือควานหากระบอกหลายครัง้ แต่คว้ าไม่ถกู เพราะเพียงเกิดเสียงผิดสังเกต แว่วมาใกล้ ๆ ตัวอ้ ายจันดาก็จะรี บสืบเท้ าก้ าวยาวๆ ออกไป ถึงจะเสีย่ งต่อการเสียหลักหก คะเมนตีลงั กาก็จ�ำเป็ นต้ องท�ำ การทีบ่ กั โต่นเป็ นเพือ่ นทีเ่ ขารักทีส่ ดุ นัน้ บัดนี ้จันดาขอยกไว้ บนบ่า พอให้ ระลึกถึงเท่านันแหละ ้ ในสถานการณ์เช่นนี ้เขาคิดว่าเพื่อนก็เพื่อนไปสิ ยิ่ง ต้ องมาทะเลาะกับตนเช่นนี ้ ยอมไม่ได้ เด็ดขาด ตังแต่ ้ คบกันมาไม่เคยอ่อนข้ อให้ มนั เลย สักหน เสี่ยวคนนี ้ต้ องยอมศิโรราบให้ เขาทุกอย่าง หากวันนี ้เสียกระบอกหัวน� ้ำผึ ้งให้ บกั โต่น นัน่ ถือเป็ นการเสียเกียรติอย่างยิ่งส�ำหรับคนใจหาญอย่างเขา พอไม่สมอยาก อ้ ายโต่นก็เลิกก่อกวน คิดในใจว่านี่คือเพื่อน ไหนๆ ก็ยอมมัน มาตลอดอยูแ่ ล้ ว จะตามใจมันอีกครัง้ คงไม่เสียหายอะไร เขาสงบปากสงบค�ำ บรรยากาศ การเดินทางก็ดีขึ ้นมาบ้ าง พวกเขากลับมาพูดคุยกันสนิทสนมเช่นเดิม ราวกับว่าเมื่อครู่ ไม่ได้ เกิดอะไรขึ ้นระหว่างคนทังสองเลย ้ พวกเขาเดินมาไกลจนไม่ได้ ยินเสียงสับไม้ แล้ ว สายแดดอันร้ อนเร่าแผดเผาจน ทังคู ้ เ่ หงื่อโซมกาย ความกระหายทวีขึ ้นเรื่ อยๆ จึงปรึกษากันว่าจะหาร่มไม้ นงั่ พักเอาแรง และเปิ บน� ้ำผึ ้งที่หวานฉ�่ำให้ ชื่นใจแล้ วค่อยเดินทางต่อ แต่เมื่อถึงร่ มไม้ อ้ายจันดาผู้ถือ กระบอกขยับจะดึงใบไม้ เท่านัน้ พวกเขาก็ได้ กลิน่ ของขี ้สดๆ โชยก�ำจายออกมา “เฮ้ ยเสี่ยว ร่มนี ้บรรยากาศไม่คอ่ ยโสภาเลย สงสัยจะมีใครมาขี ้ทิ ้งไว้ กันว่าไป หาร่มอื่นดีกว่า” อ้ ายจันดาพูด “อือๆ กันก็ได้ กลิน่ “ อ้ ายโต่นเห็นพ้ อง แต่ไม่ว่าไปร่ มไหน พอแง้ มใบไม้ ที่ปากกระบอกเท่านัน้ อ้ ายจันดาก็บอกว่า เหม็นขี ้ทุกทีไป ท�ำให้ อ้ายโต่นเริ่ มไม่ไว้ ใจเพื่อนรักแล้ ว คิดว่าท่าทางหมอเสี่ยวคนนี ้คงจะ เล่นไม่ซื่อกับตนเสียแล้ ว แต่ยงั ใจเย็นไม่พดู อะไร ไม่อยากให้ สถานการณ์อนั ตรึงเครี ยด ที่เพิ่งจบไปไม่นานหวนกลับมาอีก พากันเข้ าพักใต้ ร่มไม้ อีกไม่ต�่ำกว่าสิบที่ ที่ร้ ูสกึ ว่าร่ม ไม้ เต็มไปด้ วยขี ้ อ้ ายโต่นคิดว่ากลางป่ าแบบนี ้คนที่ไหนจะมาขี ้ไว้ ตงเยอะแยะ ั้ มีขี ้มันอยู่ ทุกร่ ม ถ้ าเป็ นเส้ นทางเดินทัพของพวกทหารข้ าหลวง ทหารก็คงจะพากันขี ้แตกเป็ นครึ่ง 15
กองทัพแล้ วล่ะ หมอนี่เล่นไม่ซื่อแล้ วแน่ๆ ท่าทางมันจะแอบกินน� ้ำผึ ้งระหว่างทาง แล้ ว พยายามสร้ างเรื่ องโกหกตนไปเรื่ อยๆ ตลอดหลายปี ที่คบกันมา อ้ ายโต่นเสียเปรี ยบอ้ าย จันดาเรื่ อยมา เมื่อความกระหายเพิ่มมากขึ ้นเขาก็ทนไม่ไหว เข้ าร่มไม้ อีกร่ม อ้ ายจันดา ก็ยงั บอกว่าเหม็นขี ้อยูด่ ี “พอเสียทีเถิด จันดา เลิกโกหกกันได้ แล้ ว คนที่ไหนจะมาขี ้ไว้ ทวั่ ป่ าแบบนี ้” “จริ งๆ นะเสี่ยว เหม็นขี ้อีกแล้ ว ร่มนี ้ก็ต้องมีขี ้อีกแน่ๆ เลย” “พอๆ ขี ้ก็ชา่ งขี ้สิ เราไม่ได้ กินขี ้สักหน่อย เปิ ดหัวน� ้ำผึ ้งออกมากินดีกว่า หิวจะ ตายอยูแ่ ล้ ว” “เอาแบบนันเลยรึ ้ ถ้ างันกั ้ นเปิ ดเลยนะ” พออ้ ายจันดาดึงใบไม้ ออกจากปาก กระบอกเท่านัน้ กลิน่ ขี ้ก็โชยก�ำจายเหม็นตลบอบอวลไปทัว่ อาณาบริเวณ และอัดเข้ าเต็ม ปอดของตัวเองทีก่ ะจะสูดเอากลิน่ หอมของน� ้ำผึ ้ง จนท�ำให้ เขาถึงกับเซแถดๆ ฟาดกระบอก ตุบลงดินด้ วยความโมโหสุดขีด “เกิดอะไรขึ ้นหรื อเพื่อน” อ้ ายโต่นถามอย่างสงสัย มันคงสร้ างอุบายขึ ้นมาอีก แน่ “ขี ้ ขี ้ บักคนตัดไม้ มนั ขี ้ใส่กระบอกให้ เฮา” แต่แทนที่อ้ายโต่นจะเชื่อ เขาพันเหวี่ยงก�ำปั น้ เข้ าเต็มกกหูของเสี่ยวจนเซถลา บ่นในใจว่า กูยอมมึงมานาน ขอสักทีเถอะ ฟาดน� ้ำผึ ้งหมดแล้ วมาหลอกกูวา่ ขี ้ ฝ่ ายจัน ดาซึง่ โดนหมัดกระแทกเข้ าเต็มจนปวดตุบๆ ในกกหู ท�ำให้ เชื ้อโมโหทีม่ อี ยูเ่ ดิมปะทุขึ ้นเต็ม ความจุของดวงใจ ไม่ฟังฟ้าฟั งฝน กระโจนเข้ าใส่เสี่ยวราวกับช้ างตกมันรัวหมัดเท้ าเข่า ศอกแบบไม่ยงั ้ อ้ ายโต่นเองก็โต้ ตอบมาหนักพอๆ กัน สองมือสองตีนกระหน�่ำใส่กนั อย่าง บ้ าคลัง่ ต่างใครก็ตา่ งคิดว่าตัวเองแน่กว่า อ้ ายจันดาคิดว่าตนกุมบังเหียนเสี่ยวมาโดย ตลอด ชาตินี ้มึงจะก�ำแหงขึ ้นมาไม่ได้ เด็ดขาด ส่วนอ้ ายโต่นคิดว่า พอแล้ ว พอเสียทีกบั อ้ องแอกทีก่ ดคอตลอดมา ถึงเวลาทีเ่ ขาจะต้ องสะบัดให้ หลุดไปเสียที ยิง่ ยอมมันยิง่ ก�ำเริบ เสิบสานเข้ าไปใหญ่ เพียงไม่กี่อดึ ใจ ทังคู ้ ต่ า่ งก็ได้ เลือดจากฤทธิ์ของก�ำปั น้ เพียวๆ หัวคิ ้ว แตกไปคนละข้ าง ปากเจ่อ ตาเขียว ฟั นโยก ยืนหอบหายใจแฮ่กๆ แต่ยงั ไม่มีใครยอม ใคร สักพักกระโดดเข้ าใส่กนั ค�ำรบใหม่ คราวนี ้กอดปล� ้ำกันล้ มกลิ ้งลงดิน ผลัดกันขึ ้นบน ลงล่าง กดคอต่อยผัวะๆ พอถึงตาอ้ ายโต่นพลิกขึ ้นมาได้ เขาต่อยพลางตะคอกว่า “กูจะเอาหัวน� ้ำผึ ้งที่มงึ กลืนเข้ าไป ออกมาให้ หมด” ส่วนอ้ ายจันดาที่ใบหน้ าบิดเบี ้ยวเหยเกอยูด่ ้ านหลัง กลันใจพู ้ ดขึ ้นว่า “หัวน� ้ำผึ ้งบ้ าบออะไร ขี ้ชัดๆ ไม่เชื่อมึงไปเทออกมาดมดูสิ “ 16
อ้ ายโต่นเงื ้อก�ำปั น้ ค้ าง ผละจากเพื่อน ควานมือไปจับกระบอกเลอะขี ้ที่แอ้ งแม้ ง อยู่กบั ดิน นิ ้วทังห้ ้ าสัมผัสของแท้ ไปเต็มๆ ท�ำเอาถึงกับร้ องจ๊ ากด้ วยอารมณ์เดือดพล่าน รี บเอามือถูไถไปตามยอดหญ้ าท�ำสีหน้ าขยะแขยง แหกปากตะโกนด่าทอโคตรเหง้ าคน ตัดไม้ ไม่เหลือชิ ้นดี สิ ้นสรรพเสียงของค�ำด่าแล้ ว พวกเขาพยุงกันลุกขึ ้น ขอโทษขอโพยอย่างช� ้ำใจ เจ็บใจที่ถกู หลอกจนเกือบจะหลงฆ่ากันตาย เมื่อต่างฝ่ ายต่างให้ อภัยแก่กนั แล้ ว ตังใจจะ ้ กลับไปรุมกระทืบคนตัดไม้ ให้ สาสม กะจะเอาให้ หมอบราบคาอุ้งตีน แล้ วเยีย่ วราดหัวมัน ให้ หายแค้ น เมื่อเดินกลับมาใกล้ ระยะที่กะได้ วา่ เป็ นจุดที่พวกตนถูกหลอก สองเสี่ยวเงี่ยหู ฟั งเสียงสับไม้ โปกๆ อยูไ่ ม่ไกล พวกเขาเร่งจ� ้ำอ้ าวไปโดยไว พอถึงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่า เสียงนันดั ้ งอยูบ่ นที่สงู สงสัยว่ามันจะขึ ้นไปตัดไม้ บนต้ น ทังสองตกลงกั ้ นว่าจะให้ คนใด คนหนึ่งปี นขึ ้นไปจัดการกับมันก่อน พอมันตกลงมาค่อยให้ คนที่อยู่ข้างล่างกระทืบซ�ำ้ คราวนี ้มึงเจอเอาคืนถึงคางเหลืองแน่ เสี่ยวบอดคิด อ้ ายจันดาเป็ นผู้ที่อาสาขึ ้นบนต้ นไม้ เขาเคียดแค้ นหนักกว่า และเป็ นคนที่ถกู หลอกให้ ถือกระบอกขี ้ เดินดมไปตลอดทาง แต่เมื่อขึ ้นไปถึง เสียงสับไม้ พลันเงียบลง เพราะเสียงดังกล่าวหาได้ เป็ นเสียงที่เกิดจากแรงมือของคนตัดไม้ มันคือเสียงนกก้ นโดก (โพระดก) เอาจะงอยปาดสับไม้ เจาะรูท�ำรัง พอเห็นคนปี นเข้ าใกล้ มนั จึงบินหนีไปส่วน คนตัดไม้ นนั ้ ขนไม้ ไผ่ใส่เกวียนกลับบ้ านตังแต่ ้ ปีพระวอพระตาโน่นแล้ ว ท�ำให้ เขาวาดมือ ไม้ ชกได้ แต่เพียงอากาศ อ้ ายจันดาทังด่ ้ าทังชก ้ โมโหที่ตอ่ ยไม่โดนสักที แล้ วทันใดนันเขา ้ เกิดเหยียบกิ่งไม้ พลาด หล่นตุบลงต้ นไม้ จนจุกเสียดไปทังตั ้ ว พออ้ ายโต่นได้ ยินจึงโผเข้ า ทุบตีอย่างเมามัน ส่วนอ้ ายจันดาคิดว่าคนที่โผเข้ าชกต่อยตนคือคนตัดไม้ ที่ร่วงลงมา ก่อน เขาเองก็โต้ ตอบอย่างสุดฤทธิ์เหมือนกัน พวกเขาต่อสู้กนั อย่างเอาเป็ นเอาตาย ชนิด ที่เรี ยกว่า ต่างฝ่ ายต่างไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว.
17
ชามกลางคืน ถึง จารุพัฒน์ เพชราเวช ความตายขานชื่ออีกหน? ขึ ้นต้ นมาก็เครี ยดเลยอย่าเพิ่งว่าไรกันนะน้ อง ต้ อม นายสบายดีนะน้ อง เป็ นอย่างไรบ้ างหนอพ่อนักเขียนชาวนายุครัฐบาลรับจ�ำน�ำ ข้ าวหลายแสนล้ าน... ถามกันตรงไปตรงมา ชาวนาระดับนายได้ พลอยฟ้าพลอยฝนอะไรกะใครเขาบ้ างน้ อง เรา นานมากเลยนะ กว่าจดหมายฉบับนี ้ได้ เดินทางถึงกัน แต่ในที่สดุ มันก็ออกเดินทางไปเหมือนการกลับมาของฤดูฝนในที่สดุ ยิ่งตกมากเท่าไหร่ก็เหมือนต้ องตื่นเต้ นหัวใจระส�่ำมากขึ ้นไปเท่านัน้ ยุบหนอ ท่วมหนอ ข้ าวกูหนอ นากูหนอ... ทังนาตั ้ วเองและนาเช่าเขาท�ำหัวใจก็คงระส่ายระส�่ำตามๆ กันไปตามการแปรปรวน ของลมฟ้าเมฆฝน ห่างหายกันไปนานแม้ ขณะที่ยานท�ำนาปลูกข้ าวและไถ่หว่านปลูกอักษรอยูใ่ นผืนนา กระดาษนัน้ พี่เดินทางไปโน่นนี่เป็ นว่าเล่น...เหนือ ใต้ ออก ตก... ก็แล้ วแต่เขาจะจ้ างให้ ไปท�ำอะไรที่ไหนอย่างไรนัน่ แหละ ในที่สดุ เมื่อลงใต้ ก็ไปเกิดเหตุเอาที่ประจวบฯ แถว อ�ำเภอบางสะพานน้ อย เกือบจะ เข้ าเขตชุมพรอยูแ่ ล้ ว ต้ อมเอ๋ย เกือบไม่ได้ เจอหน้ าลูกๆ ซะแล้ วว่ะ รถยนต์ (ของเพื่อน) คว�่ำ! แต่พี่กบั เพื่อนรอดตายปาฏิหาริ ย์ว่ะต้ อม ไม่ร้ ู พระคุ้มครองหรื อกรรมมันหนาที่รอด ตายมาได้ 18
เลยขึ ้นจัว่ ไว้ วา่ เช่นนัน้ และพี่ก็คงเขียนมาเล่าเพียงเท่านี ้ พร้ อมกับบันทึกกึ่งร� ำพึงร� ำพันบ่นเพ้ อมาให้ ฟัง เหมือนเดิม หวังว่านายจะส่งข่าวมาบ้ างนะต้ อม ขอให้ ข้าวงอกงามเท่าความคิดและจิตวิญญาณน้ อง คิดถึงนะต้ อม พี่โต้ง ความตายขานชื่อเราอีกหน ดอกไม้ นิรันดร์ นี ้งอกงามทุกขณะ เราหายใจเข้ ากร่อนเศร้ า เราหายใจออกเสื่อมทรุด ดอกไม้ งามงอกแข่งวันคืน เราโหยไห้ ไร้ เสียงสะอื ้น มองคนที่เรารักเงียบเชียบ อยากร้ องไห้ และตัดกังวล ดูรูปลูกๆ แล้ วเศร้ าสลดกับชีวิต แสนเสียดายเวลาจากพราก แต่ความตายรุดหน้ าไปเงียบสงัด อะไรจะฉุดรัง้ พลังทังมวลของความตายได้ ้ นาฬิกาของเราลานใกล้ หมด ความเศร้ ารุกคืบเข้ าครอบครอง ท้ องฟ้าของเราทังใสสดและอมเศร้ ้ า เราไตร่ตรองวันเดือนที่ผา่ นไป มองทุกชีวิตที่รายล้ อมล�ำพัง
19
เราถูกขานชื่ออีกครัง้ ในนามของความตาย ขณะการงานยังคัง่ ค้ างและอ้ อยอิ่ง ขณะการงานแสนงามและความใฝ่ ฝั น บึง่ ทะยานไป...ไม่ยี่หระ ไม่ไยดีตอ่ ค�ำขานสงบสงัดของความตาย แต่หน้ าอกเรายังกระเพื่อม เรายังหายใจอยู่ รดน� ้ำดอกไม้ ของเราต่อไป บ�ำรุงรากให้ สวยงามมัน่ คงต่อไป ด้ วยการงานแสนงามของเรา ก่อนการงอกงามจะงอกเงยถึงที่สดุ เราหวังเพียงมันกัดกินชีพเราได้ แต่ไม่อาจกลืนกินชื่อเราให้ สิ ้นไป
20
อรอาย อุษาสาง อ้ ายกระเต็นที่คดึ ฮอด สุขกายสบายใจดีอยูใ่ ช่มยกั ั ้ บการเรี ยนและเดินทาง งานเขียนที่เรี ยงล�ำดับอยูใ่ นตู้ความ คิดคงทยอยออกมามากพอดู ส�ำหรับผม นับเวลาไม่น้อยเลยที่เว้ นว่างห่างหาย บทเพลง และตัวหนังสือก่อตัวเป็ นภูเขาสนิม พื ้นที่สำ� หรับถ้ อยค�ำจ�ำกัดตัวเองอย่างเงียบเชียบ เดิน เล่นพร้ อมผมขณะท�ำงาน เพราะสถานการณ์เฉียดตายน�ำผมกลับมา เหมือนฉากพร่ า เลือนคลีข่ อบฟ้าออกอีกครัง้ ผมฝากจดหมายมากับจดหมาย เพือ่ ให้ คำ�่ คืนของผมแตกตัว ภายใน ความคิดถึงเหล่านี ้น�ำพา ผมยืนยันว่าชีวติ แสนสัน้ เราต้ องรีบท�ำสิง่ ทีเ่ ป็ นสารัตถะ ในความเชื่อของเราให้ เต็มอิ่ม ฮักแพง พี่มาโนชที่รัก ลัน่ ในอกคือเสียงร้ าวของเหล่าซีโ่ ครง ผ่านจุดเฉียดตายมาได้ ผมต้ องฝื นเข้ างานตามปรกติ นานเหมือนกันที่ผมหายไป หอบครอบครัวเดินทางไปที่นนั่ ที่นี่ราวกับชีวิตยังเป็ นเหมือน ก่อน แต่แท้ แล้ วผมก�ำลังวิ่งหาอะไรผมก็ยงั ไม่ร้ ู จวบจนวินาทีใกล้ ตายคืบคลานมาใกล้ ผมตระหนักว่าชีวิตแสนสันนี ้ ้จะยังมีอะไรมากมาย บทกวีที่เขียนยังคู้นอนอยูเ่ งียบเชียบ ปล่อยให้ กลางวันกินกลืนกลางคืนกลบเกลื่อน ไม่ได้ มีอะไรเลย...ครับ ความโดดเดี่ยวกลางถนนหลังตื่นจากสลบ ผมยืนยันว่าชีวิตยังต้ องการให้ ผมเขียนเช่น เดิม เงามืดหลังพวงมาลัยช่างน่ากลัว ประตูที่ปิดอยูช่ า่ งอึดอัด บทเพลงที่ยงั เล่นค้ างอยู่ ไพเราะท้ าทายความอันตรายเบื ้องหน้ า เวลาคือการงอกเงยขึ ้นใหม่หลังความตายไม่ แยแสต่อผม แต่เชื่องช้ าเหลือเกินครับ ที่ฟืน้ กะโหลกที่โดนกระแทก ชายโครงที่ถกู บดย�่ำ ให้ คืนกลับเป็ นปรกติ
21
เพียงสันๆ ้ ว่าชีวิตยังยืนอยู่ ผมมีบทเพลงเงียบ อาจดูคล้ ายบทกวี และอาจไม่เหมือนมา ถึงพี่และเพื่อนพ้ องมิตรสหาย .
.
เช้ าที่ยงั รอแสงตะวัน แต่ละเสียงกู่พรั่งพร้ อมโถม นาฬิกาดิจิตลั ใกล้ เรื อนไมล์กาลเดินทางพร้ อมดับ หากถูกทดแทนด้ วยแสงเดือนใกล้ รุ่ง ถ้ อยค�ำที่ยงั ไม่มี และเสียงซึง่ ยังไม่ได้ เอ่ย จะให้ ฉนั กล่าวอ�ำลาความงดงามบนโลกได้ เช่นไร บทกวี ลิว่ แล่นฝ่ ามิตดิ ้ วยเสียงของลูกชาย ดนตรี ที่ภรรยาพรมนิ ้วบนคีย์บอร์ ดตัวเก่า ปลุกเปลือกตาให้ เห็นความเคลื่อนไหว . เช้ าที่ยงั รอแสงตะวันลิม่ เลือดเดียวดายยังหมุนเวียน กะโหลกไม่ได้ รับแรงกระสุนกระจก ความธรรมดายังตะล่อมชีวิตเข้ าใกล้ ความตายสามัญ ไม่มีสงิ่ ใดรออยูจ่ ริ งหรื อ?..
สันเหลื ้ อเกินส�ำหรับตัวหนังสือที่ก�ำลังมึนงงในกะโหลก ผมคิดถึงพี่และมิตรสหาย.
. รัก อรอาย
22
มาโนช พรหมสิงห์ บ้ านสวน / อุบลราชธานี 22 กุมภาพันธ์ 56 กระเต็น น้ องรัก ผมห่วงอยูว่ า่ คุณเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน / ด�ำเนินงานคืบหน้ าไปเพียงไรกับงาน ประกวดวรรณกรรมทีร่ ิเริ่มก่อตังอยู ้ ใ่ นพื ้นทีบ่ ้ านเกิดขณะนี ้ อย่างไรก็ขอเอาใจช่วยให้ คณ ุ ท�ำงานนี ้ให้ สำ� เร็จลุลว่ งด้ วยดี ให้ หน่ออ่อนทางวรรณกรรมงอกงามยัง่ ยืนสืบไป มีอะไรจะ พอที่ผมสามารถช่วยเหลือได้ ก็เอ่ยปากบอกได้ ทนั ทีครับ มิตรสหายพี่น้องต้ องช่วยเหลือ กัน ปั จจัยเกื ้อหนุนที่ผมส่งมาให้ นนั ้ หากยังมีสว่ นเหลือหรื อไม่ได้ ใช้ ในงานครัง้ นี ้ ผมก็ยินดีจะมอบให้ คณ ุ และคณะผู้เขียนจดหมาย เอาไว้ ใช้ จา่ ยในการท�ำงานให้ ตอ่ เนื่อง ไปนะครับ (ไม่ต้องส่งคืนให้ ผม) ขอให้ มีความสุขกับชีวิต การงานและความใฝ่ ฝั น รัก มาโนช พรหมสิงห์
23
ภูมิชาย คชมิตร ภู กระดาษ ที่คดิ ถึง ดูด่ เู หมือนว่า เส้ นทางยังอีกยาวไกลกว่าที่ข้าพเจ้ าจะไปถึงปลายทาง ถนนสองข้ างทาง เรียงรายไปด้ วยแผงขายข้ าวโพด เป็ นชุมชนข้ าวโพดทีก่ ว้ างใหญ่เกินกว่าจินตนาการ บ่อย ครัง้ ที่ข้าพเจ้ าเห็นประชาชนสัญจรบนถนนสายนันพร้ ้ อมกับขี่รถจักรยานยนต์ จักรยาน ภาพเหล่านันยั ้ งติดหูตดิ ตาไม่ร้ ูลมื และจนปั ญญาไม่ร้ ูวา่ จะแก้ ปัญหาการจราจรทีม่ ผี ้ ขู บั ขี่ ยวดยานพาหนะขณะที่ก�ำลังรับประทานข้ าวโพดได้ อย่างไร
ประเทศข้ าวโพด ประชาชนของฉัน เป็ นเพียงเมล็ดพันธุ์ ป้ อม ป้ อม จน จน ดูด่ เู หมือนว่า กว่าจะไปถึงปลายทางในป่ าข้ าพเจ้ าได้ ผา่ นเรื่ องราวนานาจดจารมาเพื่อให้ ภู กระดาษ ได้ อา่ น เรื่ องที่อบุ ตั ิขึ ้นมาบนเส้ นทางความทรงจ�ำในปฏิบตั กิ ารณ์ชีวิตประจ�ำ วันมีดงั นี ้
ใบหน้ าประวัตศิ าสตร์ ชาตินิยมความทรงจ�ำในชุมชนจินตนาการ 1
เหมือนรถยนต์ ที่วิ่งโคลงเคลงบนถนนลูกรั งขรุ ขระ ฝุ่ นล่องลอยปลิวตลบอบอวลจับ กระจกเป็ นฝ้ามองเห็นไม่ชดั เจน กระจกรถที่เขลอะไปด้ วยฝุ่ นนันถ้ ้ าหากจะมีใครวาดนิ ้ว มือลงไปเพียงบางเบา คราบสกปรกนันอาจจะแปรเปลี ้ ่ยนเป็ นภาพอะไรก็ได้ ตามแต่ใจ จะจินตนาการ เหมือนเช่นในวันนันซึ ้ ง่ เป็ นวันที่ข้าพเจ้ าน�ำใบหน้ าอันหม่นหมองเดิน 24
ทางกลับบ้ าน ก้ อนเมฆบนท้ องฟ้าส่วนตัวของข้ าพเจ้ าช่างหม่นเศร้ าขาดสีสนั อันสดใส น่าจดจ�ำ วันนันข้ ้ าพเจ้ าเดินทางออกจากหมู่บ้านชายแดนไทย-พม่า หลังจากมวลหมู่ เมฆแห่งความสดใสต่างล่องลอยไปจากฟากฟ้าที่ข้าพเจ้ ามองเห็นมาเนิ่นนาน ไม่ร้ ูท�ำไม เหมือนกันทีข่ ้ าพเจ้ าเลือกทีจ่ ะไม่อำ� ลาพวกเขาเลยสักนิดว่าการจากลาครัง้ นี ้ข้ าพเจ้ าจะได้ กลับมาหมูบ่ ้ านชายแดนแห่งนี ้อีกหรื อไม่ นอกจากขอนแก่นจังหวัดบ้ านเกิดของข้ าพเจ้ า แล้ ว ก็มีกาญจนบุรีที่แหละที่ข้าพเจ้ าอยูม่ านานเหลือเกิน จนแทบจะเรี ยกว่าเป็ นบ้ านอีก แห่งหนึง่ ก็วา่ ได้ บ้ านของข้ าพเจ้ ากับกาญจนบุรีอยูห่ า่ งกันสักแค่ไหน รู้สกึ ว่าจะไม่ไกลกัน เพียงแต่คดิ ถึงข้ าพเจ้ าก็นงั่ รถมาทันทีไม่ร้ ูทำ� ไมเหมือนกัน ทีข่ ้ าพเจ้ าต้ องมาคลุกคลีอยูก่ บั พื ้นที่แห่งนี ้ ในดินแดนที่มีคนหลากหลายชาติพนั ธุ์ ไทย คนไทยอีสาน ทวาย พม่า มอญ กะเหรี่ ยง ที่นบั ถือศาสนาที่แตกต่างกัน พุทธ คริ สต์ อิสลาม ฮินดู ฯลฯ หลังจากที่ข้าพเจ้ าเดินทางกลับบ้ านเกิด ข้ าพเจ้ าก็ใช้ เวลาอ่านหนังสืองาน ชาติพนั ธุ์ สู่ปลายทางที่ข้าพเจ้ ารับงานวิเคราะห์หนังสือวิชาการเหล่านันมาท� ้ ำ เขียน อ่านแล้ วก็ส่งทางไปรษณีย์ เป็ นเวลากว่าหลายปี ที่ข้าพเจ้ าอ่านหนังสือเหล่านัน้ อ่าน ขัดเกลาทบทวนแล้ วก็ส่งกลับ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ข้าพเจ้ าจะเดินทางเข้ าไปในเมือง เพื่อซื ้อหนังสือพิมพ์ หลังจากที่ข้าพเจ้ าเดินทางเข้ าเมืองบ่อยๆ ก็เหมือนว่ากาลเวลาได้ มาล้ อเล่นกับข้ าพเจ้ าอยู่เรื่ อยๆ วันเวลาเหล่านันยั ้ งวนเวียนอยู่ในใบหน้ าหม่นเศร้ าของ ข้ าพเจ้ า ภายใต้ ใบหน้ าทีก่ ลายเป็ นสัญลักษณ์จะมีสกั กี่ใบหน้ าทีพ่ งึ จดจ�ำ ใบหน้ าแบบฮีโร่ อย่าง เช เกวารา ที่ข้าพเจ้ าเห็นตามท้ ายรถบรรทุกคันมหึมา, ใบหน้ าของจอห์น เลนนอน , มหาตมะ คานที, เหมาเจ๋อตุง, ไอสไตน์, โฮจิมินห์, อองซาน ซูจี ใบหน้ านันเกลื ้ ่อนตาม สถานที่ตา่ งๆ เสื ้อยืด กระเป๋ า แผ่นปิ ดโฆษณา แก้ วกาแฟ แผ่นสติก๊ เกอร์ ของฝากที่ ระลึก ฯลฯ แต่ท้ายที่สดุ แล้ วข้ าพเจ้ าเลือกที่จะลืมมันคือใบหน้ าอันหม่นหมองของข้ าพเจ้ านี ้ เอง ข้ าพเจ้ าสอบเข้ าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยแห่งทีส่ อง ในสาขาลุม่ น� ้ำโขงศึกษาและเรื่อง ราวของชาติพนั ธุ์ตา่ งๆ ที่อยูใ่ นลุม่ น� ้ำสายส�ำคัญที่ไหลผ่าน จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม หลังจากที่ข้าพเจ้ าขับมอเตอร์ ไซค์ไปซื ้อหนังสือพิมพ์ในวันหยุดอยู่นาน พอสมควร ในวันหนึง่ ข้ าพเจ้ าก็อา่ นพบข้ อความประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสาขาวิชาลุม่ น�ำ้ โขงศึกษานี่แหละ ข้ าพเจ้ าจึงทบทวนดูวา่ ถ้ าจะหาอะไรมาเป็ นธุระให้ รับผิดชอบบ้ างก็คง ท�ำให้ ชีวิตอันหม่นเศร้ านี ้คลายความกังวลลงได้ บ้างก็คงจะเข้ าทีไม่น้อยเลย 25
2
วันเวลาของข้ าพเจ้ าในส�ำนักคิดผ่านไปอย่างเชื่องช้ า ข้ าพเจ้ าเดินลัดเลาะไปตามทิวไม้ เพียงล�ำพัง ไม่ร้ ู เหมือนกันว่าท�ำไมข้ าพเจ้ าถึงต้ องท�ำเช่นนัน้ ข้ าพเจ้ าเดินจากตึกคณะ เดินมาถึงประตูริมบึงใหญ่เพื่อรอรถกลับบ้ านหลายครัง้ “กระเต็น คุณท�ำไมถึงเดิน ท�ำไมไม่ขึ ้นรถโดยสาร“ อาจารย์ผ้ เู ชี่ยวชาญเกี่ยวกับ เรื่ องเวียดนามถามข้ าพเจ้ า “ผมไม่อยากจบไปเฉยๆ ครับ” ข้ าพเจ้ าตอบอย่างเลี่ยงๆ ที่สดุ ด้ วยเหตุผล บางประการที่ไม่ต้องการเปิ ดเผย ทังๆ ้ ที่ข้าพเจ้ าอยากจะบอกใจจะขาดว่าข้ าพเจ้ าขาด ประสิทธิภาพเรื่ องการใช้ จา่ ยเงินตราทุกสกุลบนผืนดินนี ้ ดังนันข้ ้ าพเจ้ าจึงเลือกที่จะเดิน และทบทวนเรื่ องราวร้ าวรานบางอย่างในชีวิตของข้ าพเจ้ า “พี่กระเต็น ท�ำไมถึงเลือก สนามหมูบ่ ้ านชายแดนไทย-พม่า” วันหนึง่ ที่รุ่นน้ องร่วมสาขาวิชาไถ่ถามข้ าพเจ้ า “พีต่ ้ องการกลับไปแก้ ไขอะไรบางอย่างทีน่ นั่ ไปแก้ ไขในบางสิง่ ทีพ่ ไี่ ด้ ท�ำผิดพลัง้ พลาดไป” ข้ าพเจ้ าเหมือนจะตอบให้ มนั ดูดีแล้ วพวกเราก็หวั เราะร่วนขึ ้นพร้ อมกัน แต่เท่า ที่ร้ ู ข้าพเจ้ าก็พลอยได้ กศุ ลหัวเราะแบบขื่นๆ ด้ วยเท่านัน้ ไม่ร้ ู ท�ำไมเหมือนกันที่ข้าพเจ้ า จะนึกถึงวันเวลาที่นนั่ ครัง้ คราใด ข้ าพเจ้ าก็คล้ ายถูกร้ อยรัดด้ วยอากัปกริ ยาความเศร้ า สร้ อยทุกครัง้ คราไป ข้ าพเจ้ าท�ำสิง่ ใดผิดหรื อ วันเวลาถึงได้ ลงโทษรุนแรงให้ อยูก่ บั ความ หม่นหมองได้ เนิน่ นานขนาดนัน้ สิง่ ทีข่ ้ าพเจ้ าต้ องการจะลืมท�ำไมถึงไม่ลมื หรือ ข้ าพเจ้ าไม่ ได้ มงุ่ หวังทีจ่ ะโดดเด่นในเส้ นทางวิชาการทีจ่ ะเติบโตเป็ นนักคิดทีส่ ำ� คัญของโลกหรือระดับ ชาติไม่วา่ ชาตินี ้ชาติหน้ าหรือชาติไหน ชาตินี ้ก็สาแก่ใจทังตะวั ้ นตกและตะวันออก ข้ าพเจ้ า เพียงต้ องการขีดเขียนอะไรไว้ อ่านปลุกปลอบใจอยู่เช่นนี ้ คลุกคลีอยู่กบั งานชาติพนั ธุ์ที่ ครัง้ หนึ่งเคยช่วยเหลือข้ าพเจ้ าให้ รอดพ้ นจากช่วงวิกฤติ เมื่อครัง้ เดินเตร็ ดเตร่ หางานใน กรุงเทพฯ
3
ข้ าพเจ้ าไม่ร้ ูหรอกว่าข้ าพเจ้ าจะอยู่กบั ใบหน้ าที่หม่นเศร้ าได้ นานสักแค่ไหน ในวันหนึง่ ที่ ข้ าพเจ้ าต้ องน�ำเสนอผลงานที่รับผิดชอบ คืนนันข้ ้ าพเจ้ าไม่ได้ นอนเลยสักนิดเพราะต้ อง นัง่ พิมพ์งานอยู่จนเช้ าแล้ วก็รีบอาบน�ำ้ แต่งตัวออกเดินทางไปสถานที่จดั งาน ที่อยู่ห่าง จากบ้ านเกือบ 30 กว่ากิโลเมตร ผู้น�ำเสนองานวิชาการผ่านไปคนแล้ วคนเล่า และแล้ ว
26
ก็ถงึ คิวของข้ าพเจ้ าบ้ างแล้ ว ข้ าพเจ้ าเสนอผลงานวิจยั อย่างเอาเป็ นเอาตาย แต่ด้วยเนื ้อ งานที่เตรี ยมมามากจนเกินความพอดีหาได้ สร้ างคุณประโยชน์นานัปการกับชีวิตน้ อยๆ แสนอาภัพของข้ าพเจ้ าอันใดไม่ ข้ าพเจ้ าถูกท�ำร้ ายจิตใจด้ วยเหตุผลของความหวังดีนานา ประการ ในวันนันข้ ้ าพเจ้ าเหมือนได้ รับอุบตั ิเหตุถกู ท่อนเหล็กที่มองไม่เห็นทุบตีจนน่วม เละเป็ นเนื ้อสับ ถ้ ามีก๊ กุ กะทะเหล็กน�ำข้ าพเจ้ าไปท�ำลาบก็คงเบาแรงไปไม่น้อย เพียงแต่ เติมพริ กป่ น หัวหอม ข้ าวคัว่ น� ้ำปลา ปลาร้ า ปลาแดก และเหยาะเครื่ องปรุงลงไปอย่าง ละเล็กละน้ อยเท่านันข้ ้ าพเจ้ าก็พร้ อมที่จะเป็ นลาบรสแซบนัวที่พอ่ ครัวหัวป่ าพร้ อมตักลง จานให้ คนจิ ้มข้ าวเหนียวได้ ลิ ้มลองอร่อยลิ ้น ข้ าพเจ้ าซมซาน โซเซพาร่างที่เละเป็ นโจ๊ กนันกลั ้ บมานัง่ ที่เก้ าอี ้ นักศึกษาที่น�ำ เสนอเป็ นคนต่อไปพวกเขาพูดเหมือนรถไฟสีเทายาวเฟื อ้ ยวิ่งปรื๊ ดผ่านวิวมืดๆ ของภูเขา ยามค�่ำคืนเหน็บหนาว ข้ าพเจ้ าอยากจะบอกเหลือเกินว่าเวลานี ้ชีวิตของข้ าพเจ้ ากลาย เป็ นยามสนธยาไร้ เดือนดาวไปหมดแล้ ว กระทัง่ ผู้น�ำเสนองานคนต่อไปเธอน�ำเสนองาน ของเธอเหมือนเครื่ องจักรสังหาร จะว่าดีก็คงจะดีเกินคาดเพราะคนฟั งอาจจะหลับใหล ได้ งา่ ยๆ เธอโดนนักวิชาการกลุ้มรุมวิจารณ์ในแง่มมุ ต่างๆ และแล้ วเธอก็ท�ำในสิง่ ที่ทกุ คน ตะลึง ไม่ใช่การเกรีย้ วกราดอาละวาด โวยวาย แต่เธอละเอียดละออยิง่ ไปมากกว่านัน้ เธอ ร้ องไห้ ร้ องห่มไม่หยุด มีหรื อที่งานวิชาการอันเคร่งขรึมต้ องมาสะดุดลงเพราะหยดหยาด น� ้ำตาใสแจ๋ว ใบหน้ าของเธอคล้ ายคุ้นหน้ า เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ใบหน้ าของเธออาจเป็ น ใบหน้ าของบุคคลส�ำคัญ หรื อบุคคลไร้ ชื่อเสียง บางทีอาจเป็ นทารกน้ อยในอ้ อมกอดแม่ ที่พร้ อมจะร�่ ำไห้ ได้ ทกุ เมื่อ ถ้ าหิวหรื อต้ องการออดอ้ อนให้ โอบกอดดูแลจากพ่อและแม่ นักวิชาการเหล่านันต้ ้ องเปลี่ยนบทบาทแบบหน้ ามือเป็ นหลังมือจากผู้ให้ ความรู้ มาเป็ น ผู้ปลอบโยนนักวิจยั ผู้บอบบาง ขณะที่ข้าพเจ้ านัง่ ตัวโยนอยูใ่ นภายใต้ ใบหน้ าหม่นเศร้ า และแอบจดอะไรเล็กๆ น้ อยๆ เพื่อการหลุดพ้ นจากภาระหน้ าที่อนั เคร่งเครี ยด เมื่อข้ าพเจ้ าเปลีย่ นอิริยาบถหันมา ทางซ้ ายมือ ก็พบในหน้ าของใครคนหนึง่ ทีไ่ ม่นา่ จะเกิดขึ ้นในวันเวลาขณะนี ้ทีเ่ มืองแห่งรอย ยิ ้ม เพราะน่าจะเป็ นเยอรมันเมื่อหลายสิบปี ผ่านมาเนิ่นนานแล้ ว “ฮิตเลอร์ !” เป็ นไป ได้ ยงั ไงที่จะมานัง่ ในห้ องประชุมสัมมนาวิชาการข้ าพเจ้ าแอบช�ำเลืองมองหลายครัง้ จน กระทัง่ แน่ใจได้ วา่ ไม่ได้ ถกู งานวิชาการเล่นงานต้ องล้ มหมอนนอนเสือ่ จนส่งผลให้ ดวงตา 27
ของข้ าพเจ้ าฝาดเฝื่ อนอย่างแน่นอน “แม้ อาจารย์ นึกว่าฮิตเลอร์ มานั่งฟั งสัมมนาซะอีก” อาจารย์ หญิ งประธาน หลักสูตรกล่าวทักทาย “หึ หึ หึ…” อาจารย์ทา่ นนันหั ้ วเราะดังทุ้มกังวาน เงาร่างนันสั ้ น่ เทิ ้มทาบทาอยู่ บนเก้ าอี ้ทีส่ ะดุดตาก็คอื เรียวหนวดเหมือนสีเ่ หลีย่ มสันๆ ้ นัน้ เป็ นเรียวหนวดทีเ่ จ้ าของดูแล เป็ นอย่างดีเพราะไม่เช่นนันคงจะอยู ้ ใ่ นรูปทรงอย่างนี ้ไม่ได้ อย่างแน่นอน เมือ่ อาจารย์ผ้ คู วบคุมรายการสัง่ หยุดการน�ำเสนอโน่นแหละข้ าพเจ้ าจึงรู้สกึ ผ่อน คลาย หายใจหายคอสะดวกมากขึ ้น แม้ วา่ หัวจะหนักตื ้อด้ วยแนวคิดทฤษฎีชาติพนั ธุ์ธ�ำรง และชาตินยิ ม ฯลฯ ทีอ่ ดั เข้ ามาอย่างมากมายจนแทบไม่มที วี่ า่ งให้ เก็บข้ อมูลได้ อกี แล้ ว ถ้ า จะพักเสียบ้ างก็เป็ นการดีไม่น้อยเลย
4
ในช่วงพักเบรกข้ าพเจ้ าเดินตัวปลิวออกนอกห้ องประชุม ตัวเบาหวิวไม่ตา่ งอะไรกับปุยนุน่ ขาวนวลฟูฟ่องถูกเป่ าด้ วยพัดลมเบอร์ สาม และที่ไม่คาดฝั นเมื่อข้ าพเจ้ าได้ ไปหยุดยืนอยู่ ใกล้ ๆ กับอาจารย์ทา่ นนันนั ้ น่ เอง “อาจารย์ทำ� ไมเหมือนฮิตเลอร์ จงั ครับ” ไม่ร้ ูอะไรดลใจทีท่ �ำให้ ข้าพเจ้ าปราศจาก ความกลัว หาญกล้ าพูดโพล่งไปเช่นนัน้ อาจเป็ นเพราะใบหน้ านันที ้ ่ฝังรากลึกอยูใ่ นความ ทรงจ�ำมาเนิ่นนาน ไม่ว่าจะเป็ นการอ่านผ่านหน้ าหนังสือ การชมภาพยนตร์ สารคดี โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ทังหนั ้ งสือพิมพ์ นิตยสาร ต�ำราวิชาการ และสื่อโซเชียล เน็ตเวิร์กอีกสาระพัดสาระเพ “หน้ าผมไม่เหมือนฮิตเลอร์ หรอกครับ แต่เหมือนชาร์ ลี แชปลิน มากกว่า” อาจารย์ที่มีเรี ยวหนวดขีดสันๆ ้ เหนือริ มฝี ปาก ท่านนันตอบตามปกติ ้ ก็นนั่ นะสิครับ ในยุคสมัยที่ผา่ นมา คนเรามักจดจ�ำแต่สงิ่ ที่ท�ำให้ เศร้ าหมองผ่านใบหน้ าและ เรื่ องราวของฮิตเลอร์ แล้ วใบหน้ าที่ใกล้ เคียงกันอย่างชาร์ ลี แชปลิน ซึง่ เริงร่าในภาพยนตร์
28
ขาวด�ำที่สร้ างแต่ความรื่ นรมย์นนเล่ ั ้ า แล้ วท�ำไมคนส่วนใหญ่ถงึ ไม่คอ่ ยจดจ�ำ ว่าครัง้ หนึง่ แม้ ในยามที่หม่นเศร้ าก็เคยมีใบหน้ าเช่นนี ้อยูบ่ ้ างเหมือนกัน.
บันทึกการเดินป่ า ตะวันลับทิ วไม้ เก็บหนังสือใส่กระเป๋ าผ้า เดิ นออกจากเขตป่ าส�ำนักคิ ด ปล. ภู กระดาษ ดู่ดเู หมือนว่า วันนี ้ ณ ห้ องประชุมสิริคณ ุ ากร 3 ส�ำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัย ขอนแก่น มีการสัมมนาหัวข้ อ “เรี ยนรู้ อาเซียน เรี ยนรู้ เพื่อนบ้ าน ผ่านวรรณกรรมลาว” กับ ผศ.ทรงวิทย์ พิมพ์พะกรรณ์, ผศ.วิชยั ณีรัตนพันธุ์ ประธานศูนย์ข้อมูลลาว, ปาฐกถา พิเศษ โดย นายพิษณุ จันทร์ วิทนั เอกอัครราชทูตไทย ประจ�ำ สปป.ลาว เรื่ อง “เรี ยนรู้ เพื่อนบ้ าน สปป.ลาว ผ่านวรรณกรรม” และ “เรี ยนรู้อาเซียน เรี ยนรู้เพื่อนบ้ าน ผ่านนัก เขียนซีไรต์ลาว” โดย ดวงเดือน บุนยาวง, โอทอง ค�ำอินซู, ปราโมทย์ ในจิต (จินตรัย), สุมาลี สุวรรณกร ประธานสโมสรนักเขียนภาคอีสาน, ชัชวาลย์ โคตรสงคราม, ดร.อุมา ริ นทร์ ตุลารักษ์ , ดร.สุเนด โพธิสาร, รศ.นพ.ถวัลย์วงค์ รัตนสิริ ร่วมด้ วย ทัศนาวดี, ไพร ยุทธ สะกีพนั ธ์ และมหา สุราริ นทร์ สุดท้ ายนี ้ขอให้ ภู กระดาษ มีแต่ความสุขและความเบิกบานยังคงอยู่เคียงข้ าง เช่นเดิม. โอมฤดูร้อนจงงดงาม ภูมิชาย คชมิตร มอดินแดง 21 กุมภาพันธ์ 2556
kraten_kraten@yahoo.com
29
ภู กระดาษ
ด้ านหลังอาคารบ้ านพักมีโพนต้ นข่อยที่ไม่ถกู ไถทิ ้ง ต้ นข่อยไม่ทราบขนาดล�ำต้ น แต่มีพมุ่ ใหญ่ที่เป็ นที่อาศัยของนกกาเวาสีด�ำตัวหนึง่ –ซึง่ ไม่นา่ จะอยูโ่ ดยล�ำพัง ผิดธรรมชาติของ มัน- นกกาเวาทีย่ ามค�ำ่ มันจะบินออกมากินมะละกอสุกทีค่ นงานปลูกไว้ กินอิม่ แล้ วก็กลับ ไปอยูบ่ นต้ นข่อยและร้ องเช้ า-ค�่ำมา กาเวา กาเวา กาเวา ทว่ามันไม่ร้องมาหลายวันแล้ ว ไม่อาจจะเหมาเอาว่าเป็ นนกกาเวาตัวสีด�ำนันเป็ ้ นตัวเดียวกันหรื อเปล่า ตัวเดียวกับตัว เมื่อสิบปี ที่ผา่ นมา ผมไม่สามารถจดจ�ำเสียงนกกาเวาตัวนันได้ ้ ได้ ยินแต่เสียงของมันร้ อง มา กาเวา กาเวา กาเวา ในยามเช้ า-ค�่ำ แม้ มนั จะร้ องทุกวันในคราวนันก็ ้ ตาม นกกาเวา ตัวปั จจุบนั ผมเคยพบพานกับมันในตอนที่มากินมะละกอ และอีกคราวหนึง่ ก็ตอนคนงาน แบกปื นออกล่ามัน แต่ไม่ประสบผลส�ำเร็จ มันหนีรอดไปได้ และกลับมากินมะละกอ นอน ในพุม่ ต้ นข่อยเช่นเดิม สิบปี ที่แล้ วผมมาถึงหุบเขาแห่งนี ้ บนที่ดนิ กว่าพันไร่ที่มีเจ้ าของเพียงเจ้ าเดียว นับเฉพาะ เขตทีผ่ มอยูน่ นั่ นะ เจ้ าของคนปั จจุบนั ซื ้อมาจากเจ้ าคนก่อนทีถ่ อื ครองเพียงคนเดียวเช่นกัน และเจ้ าของคนปั จจุบนั ก็ครอบครองอย่างน้ อยๆ ก็นา่ จะสาม-สี่พนั ไร่โดยซื ้อจากเจ้ าของ คนเดียวคนก่อนอีกนัน่ แหละ ผมมาถึงพร้ อมคนงานสี่สิบคน แม่บ้านสองคน พนักงาน ขับรถอีกสองคนที่มีทกุ เพศทุกวัย และทังโสด ้ ไม่โสด แม่ร้าง พ่อหม้ าย แต่ทกุ คนคือคน ลาวฝั่ งขวาแม่น� ้ำโขงจากกาฬสินธุ์ ศรี สะเกษ อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ ส�ำหรับบุกเบิก ที่ดินแห่งนี ้ให้ เป็ นสิ่งก่อสร้ างและสามารถประกอบกิจการได้ ผมจดจ�ำได้ ว่าป่ านันเป็ ้ น ป่ าที่เสื่อมโทรม แต่ก็มีงเู หลือมจ�ำนวนมาก มีหนองน� ้ำใหญ่ชกุ ชุมไปด้ วยปลานวลจันทร์ ตะเพียน จีน ยีส่ ก ปลาชะโด ปลาช่อน เหี ้ย มีกระต่ายป่ า หมูป่า กระรอก กระแต หนูนานา ชนิดให้ ลา่ และหลังจากปี ที่ผมมาถึงที่นี่ อีกหนึง่ เดือนต่อมาสหรัฐอเมริกาก็เปิ ดฉากโจมตี 30
อิรัก บ่ายวันนันผมจ� ้ ำได้ วา่ หลังเลิกงาน ผมนัง่ บันทึกข้ อความสันๆ ้ ไม่กี่ข้อความลงสมุด บันทึก ประณามอะไรออกไปสักอย่าง จดจ�ำไม่ได้ เสียแล้ ว -มีเพียงการบันทึกอะไรสันๆ ้ และหนังสือเท่านันกระมั ้ งที่พาให้ รื่นรมย์ได้ ในคราวนัน้ และระหว่างเดินทางกลับบ้ าน พัก เสียงนกกาเวาก็ดงั มา ผมหยุด และมองหามัน ทว่าก็สบตาแต่กบั เสียงของมันเท่านัน้ ทุกเช้ านกกาเวาจะปลุก และทุกเย็นย�่ำมันจะร้ องระหว่างที่ผมเดินทางกลับบ้ านพัก เงี่ยหู ฟั งมัน สายตามองไปไร้ จดุ จับจ�ำเพาะ ลมเย็นมาสะส่วย และเวิ ้งว้ างกว่าว้ างโหวง มีแต่ ฟ้า เมฆ และต้ นไม้ บนเขาเท่านันสุ ้ ดแสงตา ตลอดสิบปี ที่ผา่ นมาที่ฤดูกาลเปลีย่ นผันในแต่ละวันอย่างเหลือเชื่อ ไม่มีฤดูกาลที่แน่นอน ในแต่ละวันหรือในแต่ละเดือน แต่ไม่ถงึ กับเลวร้ าย ไม่กินระยะเวลายาวนานมากนักในแต่ การพลิกผันของฤดูกาลในแต่ละครัง้ โดยรวมแล้ วผมเรียกอากาศทีน่ ี่วา่ เขตร้ อนชื ้นเข้ มข้ น ร้ อนจนแทบระเหิด ชื ้นจนหายใจไม่ออก และมีเพียงผมกับคนงานอีกสามคนเท่านันที ้ ่ยงั หลงเหลือมาจากยุคบุกเบิก ที่เหลือก็พลัดพรายกันไปคนละทิศละทางหมดแล้ ว ว่ากันว่าในหุบเขาแห่งนี ้เคยเป็ นหมูบ่ ้ านคนมาก่อน แต่ก็กลายเป็ นหมูบ่ ้ านร้ างในกาลต่อ มา ซึง่ รายละเอียดนันไม่ ้ อาจทราบได้ วา่ เป็ นเพราะอะไร ผมได้ แต่สนั นิษฐานไปว่า อาจจะ เกิดโรคระบาด หรื อไม่ก็อาจจะถูกคนที่มาจับจองที่ดนิ ฆ่าทิ ้งไปหมดแล้ ว –อย่างที่กระท�ำ กันเป็ นปกติในแถบถิน่ นี ้- ถ้ าไม่อย่างแรกก็ต้องอย่างทีส่ องเพราะดูจากดิน น� ้ำ และอากาศ แล้ วมันเป็ นแหล่งที่เหมาะแก่การเกษตรกรรมอย่างหายากนัก แต่จะอะไรก็แล้ วแต่ มันได้ กลายเป็ นหมูบ่ ้ านร้ างไปแล้ ว ไม่ทิ ้งร่องรอยอะไรไว้ สกั อย่างว่าเคยเป็ นหมูบ่ ้ านและมีเพียง เสียงเล่าขานต่อๆ กันมา และความเข็ดขลัง หลอกหลอนต่างๆ ประดามี
31
ปี ที่สองของการบุกเบิกและมีสงิ่ ก่อสร้ างเรี ยบร้ อยแล้ ว กิจการด�ำเนินไป ยามรักษาความ ปลอดภัยคนหนึง่ ก็เสียชีวติ ลง ยามรักษาความปลอดภัยทีผ่ มสนิทสนมด้ วย เขามักแวะมา คุยกับผมเสมอหลังจากผมเลิกงานแล้ วและเขาเข้ ามาเปลีย่ นกะ ผมไม่ได้ อยูใ่ นเหตุการณ์ ในวันที่เขาตาย และกว่าจะทราบว่าเขาตายก็อีกหนึง่ สัปดาห์ตอ่ มา ผมกลับบ้ านเกิดใน คราวนัน้ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขามักเล่าว่ายามค�่ำคืนที่เผลอหลับยามนันมั ้ กจะมีเด็กๆ และสาวงามยวนยัว่ มาเล่นด้ วยเสมอ มาเล่นด้ วย มาชวนไปอยูด่ ้ วยเสมอ แต่เขาก็ปฏิเสธ ไปทุกครัง้ เขาไม่ได้ เล่าเรื่ องนี ้ให้ แต่กบั ผมรับรู้ เท่านัน้ แต่เขายังเล่าให้ ยามรักษาความ ปลอดภัยคนอื่นๆ ฟั งด้ วย และได้ รับการบอกเตือนว่าอย่าหลงตามไปละ แต่ทว่าค�ำเตือน นันก็ ้ ไร้ ประโยชน์ ผมกลับจากบ้ าน จุดธูปหนึง่ ดอกไปปั กบอกเขาตรงทีเ่ ขานอนหลับและไม่ฟืน้ ตืน่ ขึ ้นมาอีก เลยว่า ทางใครทางมัน นกกาเวาร้ องกลางวันแสกๆ มากาเวา กาเวา กาเวา และอีกหนึง่ ปี ต่อมาผมก็เผชิญภาวะเยี่ยงที่เขาเคยเล่าให้ ฟังเช่นกัน แต่ผมก็รอดมาได้ เมื่อคนงานมา เคาะประตูห้อง การทะเลาะวิวาทของคนงานหนุ่มๆ ในคืนนันท� ้ ำให้ ผมรอดมาหวุดหวิดและชาดิกไปทัง้ ร่ าง นานหลายอึดใจกว่าจะขยับได้ และประคองตัวลุกขึ ้นมา เปิ ดประตูต้อนรับคนงาน เป็ นปกติในที่ที่อยูห่ า่ งไกลแสงสี ห่างไกลชุมชนประจ�ำถิ่น ห่างไกลราวสามสิบกิโลเมตร และการเดินทางแสนล�ำบากเช่นนี ้ของคนงานหนุม่ ๆ ที่หลังเลิกงานพวกเขาจะนัง่ โจ้ เหล้ า ขาวกันเมาแประอยู่จนดึกดื่นและตีปากกันปิ ดท้ าย เหล้ าขาวที่พวกเขาซื ้อมากักตุนไว้ คราวละสามสี่ลงั ในยามวันหยุด ซึง่ ก็เป็ นปั ญหาคนละแบบกับคนที่ไม่โสด คนไม่โสดก็ จะมีปัญหาเรื่ องผิดคูข่ องตน ลักลอบมีอะไรกันตามที่ชื่นชอบ บางคูก่ ็สนุกกันไป บางคูก่ ็ มีปัญหาตามมา ส่วนแม่ร้าง พ่อหม้ าย หรื ออีกกลุม่ หนึง่ ก็สนุกสนานกันคนละแบบ ชายชาย หญิง-หญิง หญิง-ชายตามแต่ชื่นชอบและสถานที่ โอกาสจังหวะเอื ้อ กลุม่ นี ้นานๆ ครัง้ จะมีปัญหามาสูผ่ ม และไม่วา่ จะอย่างไรผมก็มหี น้ าทีไ่ กล่เกลีย่ หรื อไม่กเ็ ปิ ดโอกาสให้
32
ทังคู ้ ต่ ดั สินใจกันเองว่าจะเอายังไง ไม่มีการไล่ออกหรื อลงโทษอะไร หากไม่ถงึ ที่สดุ จริ งๆ ส่วนใหญ่ก็รอมชอมและอยูร่ ่วมกันต่อไป แม้ กระทัง่ คูค่ นงานหนุม่ ที่วิวาทกันคืนนัน้ สอง คนนี ้เป็ นคูว่ ิวาทเรื อ้ รังที่ผมไม่คอ่ ยอยากจะเข้ าไปไกล่เกลี่ยอะไร กลางคืนโจ้ เหล้ าตีปาก กันแล้ ว กลางวันมันก็เป็ นเพื่อนกัน อี๋ออ๋ รักกันเหมือนเดิม มันไม่ได้ ตีกนั เอาเป็ นเอาตาย แค่คนละหมัดสองหมัดพอได้ เลือด หอมปากหอมคอ ถ้ าคนหนึง่ ไม่ยอม อีกคนก็ยอมและ เลิกแล้ วต่อกันไป แต่ทว่าคืนนันหลั ้ งจากทีใ่ นฝั นนันผมก� ้ ำลังจะตามไปอยูก่ บั สาวงามทีม่ า ชวนแล้ ว ก�ำลังวิ่งตามเธอคนนันไปอย่ ้ างสุดฝี เท้ า และในขณะที่สติหนึง่ ที่ยงั เหลืออยูจ่ ะ ห้ ามปรามผมเอาไว้ ก็ไม่มีผลอะไร ผมยังวิ่งตามเธอคนนันไป ้ จนกระทัง่ คนงานมาเคาะ ประตู และจึงได้ ลกุ ออกจากที่นอน คืนนันในตอนที ้ ่ผมไปถึงที่เกิดเหตุ สองคนงานหนุม่ ก�ำลังค�ำรามใส่กนั หลังจากได้ ซดั กัน ไปแล้ วคนละหมัดสองหมัดและพรรคพวกจับแยกออกมา แต่ยงั ไม่มีใครยอมใคร เมื่อ ไปถึง ผมสัง่ ให้ คนที่จบั ทังคู ้ ไ่ ว้ ปล่อย และทังคู ้ ก่ ็กระโจนเข้ าหากันอย่างไก่ชนที่ปล่อยลง สังเวียน และปล่อยให้ ทงคู ั ้ ช่ กกันจนหน�ำใจคนชมและผม อยากหยุด ก็ไม่ให้ หยุด ให้ ซดั กันจนหมอบไปคนละข้ าง และทุกอย่างก็ด�ำเนินไปเช่นนี ้ ในหุบเขาเยี่ยงนี ้ สิบปี มาแล้ ว นกกาเวายังร้ องแต่ไม่แน่ใจว่าใช่ตวั เดิมหรื อเปล่า กิจการบนที่ดนิ พันไร่แห่ง นี ้ด�ำเนินไปอย่างก้ าวหน้ าและมีก�ำไร ไม่มีใครตายด้ วยการตามไปอยูก่ บั สาวงามอีกแล้ ว ป่ าเสื่อมโทรมกลายเป็ นป่ ายูคาลิปตัสเมื่อหกปี ที่แล้ ว ปลาในหนองน� ้ำใหญ่ยงั ชุกชุมเช่น เดิม ตัวเหี ้ยยังอ้ วนท้ วนสมบูรณ์ กระต่าย กระรอก กระแต หนูนานาชนิดยังพอมีให้ ลา่ แต่ก็ไม่มีใครล่าพวกมันบ่อยนัก นานๆ จึงจะล่ากันสักครัง้ สัตว์ใหญ่อื่นๆ ไม่เหลืออีกแล้ ว สงครามอาจจะเกิดขึ ้นอีกครัง้ ในไม่ช้านานนี ้ หากมีการตัดสินใจเด็ดขาดอะไรลงไปของ 33
ฝ่ ายใดฝ่ ายหนึง่ ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีนนก� ั ้ ำลังเขม็งเกลียวเมือ่ เกาหลีเหนือ ทดลองนิวเคลียร์ และยกเลิกสัญญาหยุดยิงที่มีกบั เกาหลีใต้ แต่คราวสงครามเกาหลี และ ผมก็ยงั เฝ้าฟั งเสียงของนกกาเวาอยูท่ ี่นี่ ในหุบเขาแห่งนี ้เช่นเดิม แม้ วา่ หลายวันที่ผา่ นมา นี ้มันจะไม่ร้องก็ตาม. อ้ ายชามกลางคืนครั บ หวังว่าอ้ ายคงสบายดีตามอัตภาพและตามอัธยาศัยนะครั บ นอกจากข้ อความบ่นบ้ าข้ างต้ นแล้ ว ผมยังมีอีกอย่างหนึง่ มาฝากด้ วยครับ ตามด้ านล่าง นี ้ // ภู กระดาษ 6 เข็มนาฬิกาเดินวนจากซ้ ายไปขวา บางวัน เดินวนจากขวาไปซ้ าย ความเกลียดชังงอกเงยขึ ้นทุกวัน แน่นอนว่ามัน— ไม่เคยรดน� ้ำความรักให้ งอกเงยขึ ้นมาแต่อย่างใด ความรักเดินตามเข็มนาฬิกา การให้ อภัยและความอดทนอดกลันติ ้ ดสอยห้ อยตาม
34
บางวัน เดินวนจากขวาไปซ้ าย แหละเช่นกัน พวกมันต่างก็พากันรดน� ้ำพรวนดินจนงดงามงอกเงย มิได้ แคระแกร็ นลงเลยความเกลียดชังนัน่ คุณได้ แต่ปลอบหลอนตัวคุณเองทุกเมื่อเชื่อวัน ก็เท่านัน.้
35
ปั้นค�ำ เต้ นร�ำเป็ นเพือ่ นกัน แมลงเม่ าปลายฤดูฝน นานแค่ไหนแล้ วทีข่ ้ าพเจ้ าแกล้ งลืมการด�ำรงอยูอ่ นั เบาหวิวของมัน? เบาหวิวหากทรงพลา นุภาพชี ้น�ำพฤติกรรมผู้คน ‘รัก’ ค�ำที่เราต่างเคยคุ้น หากยากหานิยามร่วม ดูเหมือนความหมายของมันพร้ อม จะแตกตัวออกไปได้ ไม่ร้ ูจบ ลื่นไหลจนยากจะยึดกุม ขออภัย หญิงสาวร�่ ำไห้ อยู่ตรงหน้ า ข้ าพเจ้ าอาจเผลอฟูมฟายเกินพอดี เขินอยู่ เหมือนกัน ปูนนี ้แล้ วกระแดะพูดเรื่ องรัก “หนึง่ ชีวิตของคนเราจะมีความรักได้ สกั กี่ครัง้ กันหนอ?” เธอตัดพ้ อตัวเองมาทาง อีเมล ก่อนเป็ นเหตุให้ เรามีเรื่ องคุยกันยืดยาวต่อมา เรี ยกว่าคุยอาจไม่ถกู นักเพราะเวลา ส่วนใหญ่เธอใช้ มนั ไปกับการร้ องไห้ ไม่ใช่ศริ าณีแต่เพราะค�ำว่า “พีช่ ายแสนดี” มันค� ้ำคอไม่อาจปั ดภาระ ว่าไปให้ นกึ ข�ำ ท่ามกลางบรรยากาศน่าอึดอัดของการเมือง เรานัง่ ถกกันเรื่ องความรัก หากเป็ นบางฉาก ในนิยายบางเรื่ องของ ฮารุกิ มุรากามิ คงจะดีไม่น้อย เพราะเป็ นไปได้ วา่ อีกหน่อยข้ าพเจ้ า กับเธอในฐานะตัวละครคงมีอนั ต้ องลงเอยกันอย่างหวามหวาน ไม่คราวใดก็คราวหนึง่ ทานโทษ! นี่มนั ชีวติ จริง ใครที่เคยก็คงรู้วา่ ไม่ใช่เรื่ องรื่ นรมย์เอาเลยกับการนัง่ ฟั งผู้ หญิงร้ องไห้ อยูค่ อ่ นคืน โดยเฉพาะยามที่เธอไม่พร้ อมจะรับฟั งเหตุผล เท่ากับพร�่ ำระบาย ไม่ร้ ูจบ เหมือนว่าเธอเพียงต้ องการใครสักคนที่เลือกแล้ วมานัง่ ฟั งเงียบๆ มากกว่าจะชวน คุยในความหมายเคร่งครัด เธอบอกว่ารักเขาตังแต่ ้ ครัง้ แรกที่เจอ จากนันนั ้ บวันยิง่ ทวีรัก และคงไม่มีวนั เลิกรัก “คงรักใครไม่ได้ อีกแล้ ว” เธอว่าพลางสะอื ้น กรอมไหล่จนตัวงอ ชัว่ เวลาไม่กี่วนั 36
เธอดูซบู ลงมาก ไม่นา่ เชื่อว่าพิษรักจะกัดกร่อนร่างกายและจิตใจผู้คนได้ รวดเร็ วเพียงนี ้ เฮ้ !-ไอ้ คำ� พูดประเภท “รักเธอคนเดียว” จ�ำได้ วา่ ข้ าพเจ้ าเองก็เคยพูด พูดด้ วยความ เชือ่ เข้ มข้ นจริงจัง ก่อนจะพบในเวลาต่อมาว่ามันไม่จริง อาจเป็ นเรื่องเจ็บปวดส�ำหรับหัวใจ ที่ไม่พร้ อมยอมรับ ความรักเกิดได้ มากกว่าหนึ่งครัง้ กับใครได้ มากกว่าหนึ่งคน กระทัง่ หลายคนในคราวเดียวกัน คืนนันข้ ้ าพเจ้ าแปลกใจ จวนหมดฝนอยูร่ อมร่อยังมีแมลงเม่าให้ เห็น เบื ้องนอก ใน รัศมีเหลืองซีดของไฟถนนปรากฏหย่อมพร่างระยิบบนฉากมืดของราตรี ใช่หรื อว่าแมลง ชนิดนี ้หลงไฟได้ ไม่จ�ำกัดฤดูกาล? ค่ ายกลแห่ งรั ก ‘ชู้’ ข้ าพเจ้ าไม่ชอบค�ำนี ้เลย มันสื่อนัยตัดสินคุณค่ามากกว่าพยายามเข้ าใจ อารมณ์ช้ ขู องผู้หญิงนันฉั ้ นใด? บางทีผ้ ชู ายอย่างข้ าพเจ้ าอาจต้ องพึ่งหญิงสาว อีกคนผู้เรี ยกตัวเองว่า ‘เด็กลิง’ ถ้ อยค�ำสาธยายร้ ายกาจอยูบ่ ้ าง แต่ได้ น� ้ำได้ เนื ้อเป็ นที่สดุ “ส่วนใหญ่ที่ตกอยูใ่ นภาวะมีช้ ู เป็ นชู้ อยากมีช้ ู อยากเป็ นชู้ ล้ วนกลืนไม่เข้ าคาย ไม่ออก กระอักกระอ่วน พิพกั พิพว่ น โศกาอาดูร เพ้ อพร�่ ำร� ำพัน รวมๆ แล้ วมักจะทังระริ ้ ก ระรี แ้ ละพิรีพ้ ิไรในเพลาเดียวกัน และเมื่อจัดการตัวแปรและเงื่อนไขปั จจัยต่างๆ ไม่ได้ ก็ ทุกข์ละทีนี ้ หนทางดับทุกข์ก็มกั เฉไฉและเต็มไปด้ วยการอ้ างเหตุและผลสารพัดสารพัน” “ดูมนั เป็ นละครก็อาจสนุก แต่แสดงเองคงไม่สนุกเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็ด้วยไม่ร้ ูวา่ ตัวเองก�ำลังแสดงอยู่ แถมไม่ร้ ู จกั เวทีดีพอ หาบันไดลงจากเวทีก็ไม่เจออีก ต้ องเป็ นมือ อาชีพจริ งๆ ถึงเอาอยู”่ แน่ละ ข้ าพเจ้ าไม่เชื่อว่าจะมีใครเป็ นมืออาชีพในเรื่ องนี ้ จ�ำได้ วา่ ตัวเองแย้ งเด็กลิง ไปอย่างนัน้ นอกจากนี ้อารมณ์ช้ ขู องผู้หญิงกับของผู้ชายก็คงต่างกันอยู่ บางรูปแบบความสัมพันธ์ เราจะยุยงหรือหมิน่ แคลน ก่นด่าหรื อห้ ามปรามก็คล้ าย ยังคงด�ำเนินไปของมันอย่างนัน้ เป็ นใครก็คงไม่อยากตกอยูใ่ นภาวะดังว่า มันไม่เพียงยาก
37
รับมือหากยังบัน่ ทอนพลังชีวติ คนโง่ทสี่ ดุ ก็ยงั คิดว่าตัวเองฉลาด คนเลวทีส่ ดุ ก็ยงั อยากเป็ น คนดี ข้ าพเจ้ ามีสมมุตฐิ านของข้ าพเจ้ าอย่างนี ้ใครกันจะอยากกินน� ้ำใต้ ศอก แย่งของใคร พื ้นที่นนมั ั ้ นลึกลับซับซ้ อนอยูเ่ หมือนกัน ค�ำถามต่อมานัน่ ละส�ำคัญ-แล้ วท�ำไม? จะบอกว่าเพราะตัณหาราคะก็คงอธิบายไม่หมดจด ต่อให้ เป็ นใครที่ริกร่ านที่สดุ ในโลกก็คงไม่ได้ เสพ ‘ออกัสซัม่ ’ เป็ นภักษาหารและสมสูเ่ ป็ นสรณะ ความสัมพันธ์ฉนั ชู้ที่ ว่าจึงน่าจะมีความหื่นอยากเป็ นกับแกล้ มมากกว่าจะเป็ นเมนูหลัก ปุถชุ นอย่างเราๆ ท่านๆ อาจเปราะบางเกินกว่าจะอยูค่ นเดียวได้ อย่างใครเขาว่า อาจเพราะเปราะบางเกินไป หรื อไม่? ชีวิตก็มกั ทิ ้งเราให้ โดดเดี่ยวไม่ทนั ตังตั ้ ว ข่ายความ สัมพันธ์ที่เราเผลอถักทอเพื่อยึดเหนี่ยวจึงมักกลายเป็ นข่ายใยค่ายกลที่เราดิ ้นไม่หลุด ทุกอย่างมีที่มาที่ไป เชื่อว่าน้ องสาวผู้ตรอมตรมของข้ าพเจ้ าเองก็คงตระหนัก เหตุ ปั จจัยแห่งปั ญหาเธอเองก็มีสว่ นสร้ าง หนึง่ ปี กับอีกเจ็ดเดือน นับรวมช่วงเริ่มท�ำความรู้จกั กันก็อาจเกินสองปี เวลาเป็ นเรื่ องสัมพัทธ์ ข้ าพเจ้ าคนนอกไม่อยูใ่ นฐานะจะบอกได้ วา่ มัน ยาวนานหรื อแสนสัน้ แต่นนั่ ไม่ใช่ข้ออ้ างหากเธอต้ องการหาทางออกอย่างแท้ จริ ง ข้ าพเจ้ าไม่เห็นด้ วยเอาเลยกับวิธีเยียวยาตัวเองของเธอหลังการจากพราก นัน่ ยิ่ง ตอกย� ้ำ ถ้ าอยากหมกไหม้ ในห้ วงระทมหรื ออยากฝากต�ำนานรักรันทดให้ โลกหยันก็อีก เรื่ อง เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์ เธอเพียรส่งข้ อความถึงเขาวันละหลายสิบข้ อความ ถึงตอน นี ้อาจเกินร้ อยครัง้ เข้ าไปแล้ ว เพื่ออะไร? วิงวอน ตัดพ้ อ ขอพบอีก กระทัง่ ตระเวนไปตาม สถานที่เคยอยูร่ ่วม ร้ านเหล้ า ร้ านเช่าหนังสือ โรงหนัง โรงแรม ฯลฯ แน่นอนวิธีแก้ ปัญหาของแต่ละคนต่างกันอยู่ บางวิธีใช้ ได้ กบั บางคน แต่เท่าที่ฟัง เธอเล่ามามันเหมือนคุณอยูก่ รุงเทพฯ อยากมาเชียงใหม่แล้ วเดินทางลงใต้ ใช่ละ-โลกกลม เดินไปเรื่ อยๆ อาจถึงได้ สกั วัน ถ้ าไม่ตกทะเลเสียก่อน “ลูกคนเดียว เอาแต่ใจ ไม่เคยเป็ นทังพี ้ ่และน้ อง” ค่าที่เธอมักอ่อนไหวเกินเหตุ เอ่ย อ้ างความเหงาบ่อยเกินไป มากกว่าหนึง่ ครัง้ ที่ข้าพเจ้ ากระแนะกระแหนไปอย่างนัน้ ก็แค่ อยากกระทุ้งให้ ได้ คิด พูดไปทังรู้ ้ วา่ ไม่เป็ นธรรมกับเธอเอาเลย ใช่ไหม?-เราต่างก็เข้ มแข็งในบางครัง้ และอ่อนแอในบางคราว ข้ าพเจ้ าเองก็เถอะ 38
บ่อยไปที่ฟมู ฟายน่าสมเพชด้ วยเรื่ องที่อาจไม่เป็ นเรื่ องในสายตาเธอ สักครั ง้ ไหม...เพื่อรั ก? คืนนันฝนตกเหมื ้ อนฟ้ารั่ว เชียงใหม่เปี ยกปอน คืนนี ้ฝนตกหนักเหมือนคืนนัน้ ข้ าพเจ้ าดูหนังเรื่ องหนึง่ แล้ วคิดถึงเธอ คงเพราะมัน พูดถึงความรัก ความรักประเภท-รู้สกึ ใช่ในเวลาที่ไม่ใช่และไม่ใช่ในเวลาที่ควรใช่ เย้ !-ข้ าพเจ้ าเลี่ยงค�ำว่า ‘ชู้’ ส�ำเร็จแล้ ว ความจริ งไม่เฉพาะน้ องสาวของข้ าพเจ้ าหรอก ใครอีกหลายคนที่ ‘จ�ำต้ องอยูร่ ่วม กับคนที่ไม่ใช่’ และ ‘ไม่อาจอยูร่ ่วมกับคนที่ใช่’ ก็นา่ จะได้ ดู Once เป็ นหนังเพลงทีพ่ ดู ถึง ‘รัก’ บนเงือ่ นไขทีไ่ ม่ลงตัว พอจะกล่าวได้ วา่ เป็ นหนังที่ ใช้ ประเด็นรักสามเส้ าช่วยเล่าเรื่อง แต่ขอยืนยัน รูปแบบความสัมพันธ์อย่างในหนังไม่อาจ นับเป็ นความสัมพันธ์ประเภท-‘ชู้’ อย่างที่ร้ ูกนั โชคดีที่หนังไม่ยอมให้ นางเอกกับพระเอกมี อะไรกันเกินเลย ไม่งนข้ ั ้ าพเจ้ าอาจไม่สามารถเลี่ยงค�ำอันร้ ายกาจค�ำนัน้ หนังสัญชาติไอริ ช เขียนบทและก�ำกับโดย John Carney เรื่ องราวของชายหนุ่ม ผู้ง�ำความฝั นที่จะประสบความส�ำเร็จบนเส้ นทางสายดนตรี อาจเพราะถูกหญิงคนรักทิ ้ง จนสูญเสียความมัน่ ใจ เขาไม่มีกะใจร้ องเพลงที่ตวั เองแต่ง แต่ละวันนอกจากช่วยพ่อซ่อม เครื่ องดูดฝุ่ น สิง่ ที่เขาท�ำมีเพียงการเล่นกีตาร์ เปิ ดหมวกข้ างถนน เธอ-แม่ลกู หนึง่ ยังสาวชาวเชค ผู้ซงึ่ เงื่อนไขชีวิตท�ำให้ เธอต้ องพยายามดิ ้นรนเพื่อ อยูใ่ ห้ ได้ ในเมืองใหม่ เมือง Dublin อันวุน่ วายจนเกือบลืมไปแล้ วว่าตัวเองเปี่ ยมพรสวรรค์ ทางดนตรี นอกจากลูกสาววัยก�ำลังกินก�ำลังนอน เธอยังมีแม่ชรารอรับการเลี ้ยงดูอีกคน นอกเหนือจากท�ำงานจิปาถะเพื่อเลี ้ยงครอบครัว สิ่งที่หล่อเลี ้ยงจิตใจของเธอคือการหา โอกาสไปเล่นเปี ยโน ในร้ านขายเครื่ องดนตรี ที่มีเจ้ าของเป็ นชายวัยกลางคนใจดียอมให้ เล่นฟรี ทัง้ สองบังเอิญเจอกันบนถนน ส่งผ่านแรงบันดาลใจแก่กันและกัน เยียวยา 39
บาดแผลในอดีตให้ กนั เธอช่วยผลักดันฝั นของเขาให้ เป็ นจริ ง เขาช่วยเติมส่วนที่ขาดหาย ให้ เธอ ชัว่ ระยะเวลาสันๆ ้ ความผูกพันลึกซึ ้งก่อเกิด ที่สดุ เขาท�ำเดโมเพลงชุดแรกส�ำเร็ จ และมีแผนเดินทางไปลอนดอนเพื่อเสนอค่ายเพลง เขาอยากให้ เธอไปด้ วย เธอเองก็อยากไป อยากมีชีวิตใหม่ เธอถามเขาว่าพาแม่ ไปด้ วยได้ ไหม? เขาหัวเราะกลบเกลื่อนข้ อจ�ำกัดไม่อาจสนอง เมื่อจ�ำต้ องแยกทางไม่มี ใครฟูมฟาย ต่างก็เข้ าใจ ข้ าพเจ้ าชอบฉากนี ้เป็ นที่สดุ มันเป็ นท่าทีของคนเข้ าใจชีวิต โดย เฉพาะฝ่ ายหญิง เราไม่จำ� เป็ นต้ องรู้จกั ชือ่ เธอ แต่กพ็ อรู้วา่ เธอคงผ่านอะไรหนักๆ มาไม่น้อย ชัง่ น� ้ำหนักความสัมพันธ์ ฝ่ ายหญิงแบกรับภาระชีวิตหนักกว่า ฝ่ ายชายอาจเคย พ่ายรักเพราะคนรักเก่าทิ ้งไป แต่เขาก็มีฝันที่นา่ จะก�ำลังไปถึง ฝ่ ายหญิงก็มีฝัน แต่ภาระ ครอบครัวถ่วงเธอไว้ แน่นหนา หนีตามเขาเพื่อชีวติ ใหม่ และอาจได้ เดินตามฝั นของตัวเอง แต่นนั่ ต้ องแลกมาด้ วยการได้ ชื่อว่าเป็ นคนทอดทิ ้งครอบครัว เป็ นลูกสาวที่ทิ ้งแม่ เป็ นแม่ ที่ทิ ้งลูก เรี ยกมันว่ารักสามเส้ า แต่จริ งๆ เกี่ยวพันกับผู้คนมากกว่านันเสมอ ้ กล่าวเฉพาะ ในหนังเรื่ องนี ้คนรักของคนรักยังอาจรวมถึงแม่และลูก ในแง่นี ้ตัวละครฝ่ ายหญิงมีมิติ มากกว่า เมื่อต้ องตัดสินใจเธอมีทางเลือกน้ อยกว่าเขา เรื่ องท�ำนองนี ้ผู้หญิงถูกบังคับให้ เลือกเสมอ ท�ำเดโมเพลงเสร็ จเป็ นเวลาที่เขาได้ ร้ ูวา่ ใครอีกคนจะกลับเข้ ามาในชีวิตของหญิง สาว เขาอีกคนคือพ่อของลูกสาวจากประเทศทีค่ รอบครัวเธอหนีมา เขารวบรวมเงินทีม่ ซี ื ้อ เปี ยโนตัวทีเ่ ธออยากได้ สง่ ให้ เธอก่อนจาก หญิงสาวยิ ้มรับความสุขเท่าทีโ่ ลกให้ ได้ ดอกรัก ยังคงเบ่งบาน หนังไม่ได้ บอกคนดูวา่ เขาและเธอชื่ออะไร เหมือนจะบอก ไม่วา่ ใครก็อาจตกอยู่ ในเงื่อนไขความสัมพันธ์แบบนี ้ได้ เราไม่จ�ำเป็ นต้ องรู้ชื่อตัวละคร แต่พระเอกกับนางเอก ของเราควรจะมีอะไรกันหน่อยไหม? สักครัง้ ตลอดทังเรื ้ ่องทังที ้ จ่ งั หวะเวลาลงตัว เขาและเธอถูกปิ ดกันโอกาสนั ้ น้ การทีต่ วั ละคร ไม่มีอะไรกันเกินเลยอาจท�ำให้ ง่ายขึ ้นในตอนจาก หรื อคุณคาร์ นีย์จะเห็นว่า รักที่มีใคร่ เจือปนมันไม่งดงามพอให้ ยกมาถกประเด็น ข้ าพเจ้ าไม่คดิ อย่างนัน้ หากพูดถึง ‘รักอย่างมีวฒ ุ ภิ าวะ’ แล้ วต้ องเลีย่ ง ‘ใคร่’ ที่ใคร
40
ยากต่อรอง ไอ้ แบบนันมั ้ นรักเพ้ อฝั นของละอ่อน ไม่ก็รักหลุดพ้ นอย่างนักบวช หน้ าบาง ในบางเรื่ องในบางครัง้ มันก็ ‘ดัดจริ ต’ ดีๆ นี่เอง รักดูดดื่ม ใคร่ดื่มด�่ำ เมื่อจ�ำต้ องจากน่า จะท�ำให้ หนังยิ่งแรง ส่วนหนึง่ ที่ข้าพเจ้ าชอบงานเขียนของ ฮารุกิ มุรากามิ ก็ด้วยเหตุผล ท�ำนองนี ้ ว่ากันซื่อๆ เท่าที่ล�ำลึงค์ทะยานถึง ความรักของปุถชุ นอย่างไรคงหนีเรื่ อง ‘สอพลออัตตา’ ไปไม่พ้น มันฟั งดูเลี่ยนๆ เวลาใครสักคนพูดถึง ‘รักเพื่อรัก’ หรื อ ‘รักคือการให้ ’ อะไรท�ำนองนี ้ เราอุน่ ใจที่ได้ พดู ถึง มันแต่ก็กริ่ งใจถามตัวเองอยูล่ กึ ๆ แน่หรื อว่ามันมีอยูจ่ ริ ง? ถูกละ once ก็ไม่ได้ พดู อะไรใหม่ ว่าไปมันก็จบลงด้ วยสูตรส�ำเร็จท�ำนอง รักที่ก้าว พ้ นการครอบครอง ความรักในความหมายที่ไปไกลกว่าเพื่อตัวเอง รักแบบเข้ าใจ รักแบบ พลอยยินดีเมื่อคนที่เรารักมีสขุ รักแบบพร้ อมเฝ้าดูอยูห่ า่ งๆ ไม่จ้ นุ จ้ าน ไม่แทรกแซง และ อีกสารพัดจะว่ากันไป ซึง่ หลายคนบอกว่ามันอาจเป็ นภาวะจ�ำยอมพอๆ กับเป็ นรักด้ วย มุฑิตาจิตโดยพิสทุ ธิ์ อาจเป็ นอิทธิพลของเรื่ องเล่าที่ท�ำให้ ข้าพเจ้ าร่ วมรู้ สกึ เป็ นที่สดุ และเมื่อข้ าพเจ้ า รู้สกึ ได้ มนั ก็ไม่น่าจะกลวงไปเสียโดยสิ ้นเชิงใช่ไหม? ข้ าพเจ้ าจึงขออนุญาตติ ้งต่างว่ามัน น่าจะมีอยู่จริ ง เพียงแต่ต้องฝึ กหัวใจขึ ้นสูอ่ ีกระดับเพื่อสัมผัสมัน หนังบอกเราว่ารักที่ไม่ อาจอยู่ร่วมไม่จ�ำเป็ นต้ องหมายถึงการพ่ายรัก ตรงข้ ามมันอาจเป็ นบทสรุ ปที่ดีที่สดุ ใน บางกรณีและมันงดงาม ส�ำหรับใครที่ยงั อ่อนไหวกับเรื่ องรัก หนังเรื่ องนี ้อาจไม่ใช่ค�ำตอบสุดท้ าย ว่าไปทุก เรื่ องราวในชีวิตก็อย่างนัน-ไม่ ้ มีสตู รส�ำเร็ จ เราถึงได้ พยายามหาค�ำอธิบายไม่ร้ ู จบและ สัง่ สมไว้ ไม่น้อยมาตลอดประวัติศาสตร์ อนั ยาวนานของมนุษยชาติ แต่อย่างน้ อยหนังก็ พยายามอธิบาย เผื่อเราจะลูบคล�ำห้ วงรักได้ โดยไม่ต้องเจ็บปวดมากนัก เผื่อว่าเมื่อจิตใจพร้ อมจะหยันเยาะสรรพทุกข์ เราอาจบอกตัวเองได้ ว่าทุกอย่าง ด�ำเนินไปแล้ วอย่างที่มนั ควรจะเป็ น
41
Falling slowly เพลงประกอบหนังเพราะมาก มีให้ ฟังหลายเพลง ‘Falling slowly’ เพลงเอก Glen Hansard กับ Markéta Irglová ร่วมกันแต่ง ข่าวว่านักแสดงน�ำทังสองตกหลุ ้ มรักกันจริงๆ ฝนหยุดตกแล้ ว ไม่วา่ ตอนนี ้เธอจะอยูท่ ไี่ หน ในห้ องนอนเดียวดาย หรือในร้ านเหล้ า แถวถนนนิมมานเหมินท์ ข้ าพเจ้ าหวังให้ เธอหยุดร้ องไห้ หลังจากน� ้ำตาหมาดแก้ มเธอควร จะได้ กลับบ้ าน ไปหาครอบครัว ความเหงาของลูกคนเดียว จะอย่างไรผู้ชายหัวใจเถื่อนกร้ านอย่างข้ าพเจ้ าคงยาก หยัง่ ถึง ความรักของบุพพการี คงยังมีพลังพอส�ำหรับการเยียวยาหัวใจ ใช่- ‘ครอบครัว’ ค�ำที่ข้าพเจ้ าและน่าจะรวมถึงใครอีกหลายคนไม่คอ่ ยได้ นกึ ถึงในยามระเริ งชีวติ ‘สถาบัน ครอบครัว’ ที่นกั ถอดตัวบทวิเคราะห์วาทกรรมบางท่านอาจจะบอกว่ามันก็เป็ นอีกหนึ่ง พื ้นที่กกั ขัง ทานโทษ! ไม่นกึ ถึงครอบครัวหรื อใครมีค�ำแนะน�ำอื่นที่ดกี ว่า? ดูจากจริตของหญิง สาว เธอคงยังไม่พร้ อมจะเข้ าวัดบวชชี หวังไกลขนาดว่า หลังจากเพ่งพินจิ ความสัมพันธ์ในอีกแง่มมุ เธอจะตระหนักว่ามัน เหมาะควรแล้ วที่เขาต้ องไป ชีวติ คูเ่ ป็ นเรื่ องของการให้ มากกว่ารับ อดทนอดกลันมากกว่ ้ า สนองอารมณ์สนุก ท�ำใจมากกว่าได้ ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาต้ องท�ำหน้ าที่พอ่ คน หายใจเล่นๆ บนโลกอีกสักพักเธอคงเข้ าใจ อันชีวิตหนึง่ ของคนเรานันแทบจะร้ ้ างความ หมาย หากมันไม่เกื ้อกูลชีวิตอื่น แทนทีจ่ ะโกรธและจ่อมเศร้ าเธออาจเข้ าใจรักและเรียนรู้ทจี่ ะรักษาระยะห่าง อยูใ่ น ทีค่ วรอยู่ ทังสิ ้ ้นทังปวงก็ ้ เพือ่ ตัวเธอด้ วย จะได้ ไม่ป่วยไข้ เรือ้ รัง ผู้ชายคนนันของเธอ ้ ข้ าพเจ้ า ไม่ร้ ูจกั เขาดีพอ แต่คดิ ว่าบางทีตอนนี ้เขาเองก็อาจก�ำลังคิดถึงเธอและทุรนพอกัน เพียงเพือ่ จะอยูใ่ นที่ควรอยู่ อายุความสัมพันธ์ขนาดนันเมื ้ ่อต้ องเลิกราคงฝากแผลไว้ บ้างละ ไม่วา่ กับใคร เคยได้ ยินเขาว่า-หัวใจมีชีวิตของมัน ‘Falling slowly’ กังวานกล่อมภวังค์ เมโลดี ้ชวนให้ ร้ ูสกึ โศกซึ ้ง เนื ้อเพลงบรรยาย ห้ วงอารมณ์เศร้ าๆ ของการตกหลุมรัก มันอาจไม่เหมาะกับเธอ แต่หนังเรื่ องนี ้ข้ าพเจ้ า อยากให้ เธอได้ ดู 42
หากบังเอิญเพลงในหนังท�ำให้ เธอหลัง่ น� ้ำตาอีกหลายรอบ ข้ าพเจ้ าก็อยากจะบอก เธอว่า ร้ องไห้ ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้ อยมันก็ช่วยล้ างตา อย่าให้ ตาบวมนักละกัน เดี๋ยว หมดสวย เดียวดายด้ วยกัน เจ็บเพื่อเจอคนใหม่ ดีกว่าเลี ้ยงแผลหลอกตัวเองไปวันๆ ที่รังแต่จะปิ ดโอกาสตัวเอง อาจช่วยอะไรได้ ไม่มากนัก หากเธอยังไม่อยากช่วยตัวเอง คืนนี ้หากไม่มวั เมามาย ในผับที่ไหนสักแห่ง เธออาจเหลือสติมากพอส�ำหรับบทกวี “ท�ำไมปล่อยให้ ฉนั เต้ นร� ำอยูเ่ ดียวดาย” คราวหนึง่ ฉันตัดพ้ อสายลม สายลมผู้หวังดีพดั โยนเอาแรงๆ แล้ วว่า “เธอไม่ได้ เดียวดายอยูค่ นเดียว” ... “แน่นอน การเต้ นร� ำในบางเพลงเรี ยกร้ องคูเ่ ต้ น บางที เราอาจต้ องหยุดรอเพลงใหม่ ใช่-บางบทเพลงไม่เหมาะกับเจ้ า แต่มีบางบทเพลงที่คีตกวีรังสรรค์มาเพื่อเจ้ า จะเป็ นไรมีหากต้ องเต้ นเดี่ยวกับบทเพลงที่เป็ นของเรา” ... “สูดหายใจลึกๆ ยาวๆ ข้ าเองจะร้ อยลมหายใจของผองเจ้ าเป็ นหนึง่ เดียว เพื่อว่าผองเจ้ าจะได้ เดียวดายด้ วยกัน” ฯ
43
รน บารนี สดับ* ฟั งข้ า เช่นผู้คนเฝ้าฟั งหยดฝน อย่าใส่ใจ หรื อเป็ นกังวล แผ่วก้ าวเท้ า ฝนแบบบาง ฟั งน� ้ำเป็ นอากาศ ฟั งอากาศเป็ นเวลา วันทยอยล่วงผ่าน กลางคืนยังมาไม่ถงึ รูปทรงมวลหมอก ณ เหลี่ยมมุมถนน เค้ าโครงแห่งกาล ณ โค้ งพักขณะนี ้ สดับข้ า เช่นผู้คนเฝ้าฟั งหยาดฝน อย่ายลยิน แค่ฟังที่เอ่ย เบิกตาภายใน ง่วงเหงาด้ วยผัสสะทังห้ ้ าที่ตื่นเร้ า ฝนคงกระหน�่ำ ย�่ำเท้ า หนึง่ ค�ำบ่นเบาประดาพยางค์ อากาศและน� ้ำ มวลค�ำไร้ ความบรรดามี : ทังนี ้ ้ เรามีและเป็ น บรรดาวันเวลาแลปี ล่วงผ่าน ชัว่ ขณะนี ้ เป็ นเวลาวันละล่องและห้ วงผวาหวาดอันหนาหนัก สดับเสียงข้ า คนเฝ้าฟั งสายฝน ชื ้นยางมะตอยคงส่องประกาย ไอน� ้ำพลัง่ ผ่าวและผละจาก กลางคืนสยายโอบคลุมทังจ้ ้ องมองข้ า คุณคือคุณ คือรูปธรรมแห่งหมอกไอ คุณนี่เอง ใบหน้ าค�่ำคืน
44
คุณและเส้ นผมที่วาบวับเนิบเนือย คุณก้ าวข้ ามถนนก่อนวกสูห่ น้ าผากข้ า รอยก้ าวน� ้ำหยาดที่พาดผ่านในตาข้ าก็เช่นกัน ฟั งข้ า เสมือนผู้คนเฝ้าฟั งสายฝน ยางมะตอยสุกใส คุณข้ ามก้ าวถนนสาย เถอะ มันคือสายหมอก พเนจรในราตรี กาล เถอะ มันเป็ นค�่ำคืน ซึง่ ง่วงเหงาอยูบ่ นเตียงของคุณ คือการกระเพื่อมสัน่ ในลมหายใจของคุณ คือนิ ้วมือไล้ ชื ้นหน้ าผากข้ าแห้ งหมาด ปะทุเป็ นเปลวโชนในตา และเป็ นอากาศ ที่เผยอเปลือกตาของกาละ ทังเป็ ้ นหนึง่ น� ้ำพุธรรมชาติแห่งภาพหลากซ้ อนและอุบตั ซิ � ้ำแล้ วซ� ้ำเล่า ฟั งข้ าบ้ าง เสมือนคนผู้เฝ้าสายฝน ขวบปี ผ่าน ห้ วงขณะไหลย้ อนคืน คุณยินเสียงแผ่วก้ าวในห้ องหับถัดกันนันบ้ ้ าง? ไม่ที่นี่ หรื อที่ใด : คุณรับสุ้มเสียงมัน ในห้ วงอื่นซึง่ คือปั จจุบนั ขณะนี ้ สดับก้ าวย�่ำย� ้ำแห่งกาลเวลา ฟั งเฝ้านักประดิษฐ์ ห้องหับไร้ น� ้ำหนัก ไม่เป็ นที่ร้ ูจกั สดับฝนสายโปรยสายทิ ้งกระทบระเบียง ห้ วงขณะนี ้เอง กลางคืนเติบตนในป่ าละเมาะ ซ่อนอสุนีบาตซุกแอบหมูใ่ บไม้ สวนสงบหนึง่ ล่องลอยแลเคลื่อนเข้ า ในเงาของคุณที่เคลือบคลุมกระดาษนี ้. * แปลจาก As One Listens to The Rain โดย Octavio Paz (1914-1998) นักเขียน กวี นักการทูต ชาวเม็กซิกนั รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี 1990
45
บทกวีรับเชิญ คุณจะไม่ กลับมาอีกแล้ ว คุณจะไม่กลับมาอีกแล้ ว แผ่นดินพะเยิบไหว ดอกไม้ เบ่งบานก่อนกาลเวลา กระทัง่ หรุบรู่พรูหล่น เวลาก็ยงั เดินทางมาไม่ถงึ ขบวนรถไฟของเมื่อวานนี ้ เดินทางอยูเ่ ช่นนันโดยไม่ ้ มีวนั จะเทียบสถานี กระทัง่ ผู้คนโดยสารพากันเห่กล่อมเพลงหวานไพเราะ ที่วา่ การเดินทางคือจุดหมายในตัวของมันเอง คุณจะไม่กลับมาอีกแล้ ว กระเป๋ าปิ ดสนิทบนชานชาลาว่างเปล่า ฝุ่ นจับเกาะรางรถไฟสงบนิ่ง ราวกับการมาถึงจะไม่มาถึงชัว่ กัปกัลป์ ศพของนายสถานีแขวนอยูบ่ นต้ นไม้ ไร้ ใบ ร่างแกว่งไกวเฉาแห้ งบอกทิศทางแก่สายลม กระเป๋ าที่ค้นพบ เป็ นเสื ้อผ้ าเครื่ องใช้ ของหลายสิบปี ล่วงผ่าน คุณจะไม่กลับมาอีกแล้ ว รางรถไฟเย็นยะเยียบเมื่อคุณเหยียบยืน มุง่ สูค่ วามมืดแสนสะพรึง
46
ด้ วยสองขาที่มนั่ คงและกระดูกสันหลังซึง่ ตังฉากกั ้ บพื ้น เดินทางยาวนานเหนื่อยล้ า ความมืดน่ารักน่าใคร่ ตระโบมจูบลูบไล้ ในไอน� ้ำค้ างที่ถะถัง่ หลัง่ ล้ น ราดรดศีรษะ มีแสงสว่างที่ปลายทาง งดงามจัดจ้ าต้ องเสื ้อผ้ าและผมชื ้นของคุณ ผู้ซงึ่ จะไม่กลับมาอีกแล้ ว ร่างแหลกเหลวเมื่อถูกบดขยี ้ด้ วยขบวนรถไฟเจิดจ้ า ในสถานที่ซงึ่ ไม่ร้ ูวา่ ที่ไหน ในโลกที่ไม่มีใครจากไป และไม่มีใครรอคอยการกลับมา
วิวัฒน์ เลิศฯ 13 มีนาคม 2556
47
ควันบุหรี่ จดหมายถึง จิม มอริสัน Dear Jim.. ฉันคิดถึงคุณพ่อยอดชู้ ไม่วา่ ตอนนี ้คุณจะอยูใ่ นกอดของพระเจ้ าหรื อซาตาน ได้ โปรดจงรับรู้เถอะ ฉันไม่ได้ เมาบุหรี่ กัญชามวนยับทีเ่ พิง่ ดับไปเมือ่ ครู่ ฉันซดวอดก้ าผสมโทนิคตลอดวันวานจนถึงวันนี ้ และคลุ้มคลัง่ ล่องลอยอยูใ่ นความจริงที่ไม่เคยเหมือนจริง ดรออิ ้งรูปของคุณด้ วยดินสอบีบี จนสันมือขวาของ ฉันเต็มไปด้ วยรอยด�ำเป็ นปื น้ มันท�ำให้ ฉนั รู้สกึ ถึงชีวติ ทีร่ ะริกแผ่ว.. และโมงยามก่อนอรุณรุ่งก็ไม่ ว่างเปล่าเบาหวิวจนเกินทานทน ที่จริ งฉันไม่เสน่หาริ มฝี ปากรู ปปี กนกบางเฉียบของคุณนัก นี่ยงั ไม่นบั ก้ นปอดๆที่ยดั ลงไปใน กางเกงหนังรัดแนบขาของคุณนัน่ อีก ฉันเพียงแต่ไม่พบใครในโลกที่ฉนั จะหลงรักได้ ในความ ฝั นวาบหวามยามเทีย่ งวันฉันจึงมักอยูก่ บั คุณในอ่างอาบน� ้ำ เราจะร่ายบทกวีไปพลางเคลียเคล้ า ริ มฝี ปากกันไปพลางอย่างอ้ อยอิ่ง จูบของคุณไม่หวาน ไม่ร่านร้ อน มันเบาหวิวราวกับปี กผีเสื ้อ บินผ่านเพียงวาบในหลับละเมอก็มิปาน ฉันบอกคุณว่าฉันเป็ นอินเดียนแดงคนนันที ้ ่ คณ ุ มองเห็นริ มทางเท้ าในขณะที่คนอื่นไม่เห็น ใช่ แล้ ว ฉันเป็ นดวงวิญญาณเร่ รอนดวงหนึ่งซึง่ ติดตามและเฝ้ารอคอยคุณอยู่ ถ้ าคนทังโลกรั ้ ก คุณ ฉันจะเกลียดชังคุณและไม่อนุญาตให้ คณ ุ เป็ นอิสระ หากคนทังโลกชั ้ งคุณฉันจะกรี ดข้ อ มือ และเอานิ ้วจุม่ หยดเลือดเขียนค�ำว่ารักคุณไปจนทัว่ ร่างเปลือยเปล่าของฉันก่อนเราจะร่วม รักกันอย่างเผ็ดร้ อน ข้ างนอกนัน่ มีแต่สงครามของคนคลัง่ มันนานกว่าหนึง่ ร้ อยวันพันปี โดดเดี่ยวที่พระราชาและ ทหารของเขายังคงประหารประชาชนที่เบื ้องหน้ าอนุสาวรี ย์ของสุนขั ตาบอดนัน่ ทุกวัน ทุกวัน ฉันขังตัวอยูใ่ นนี ้ ในบ่อความฝั นที่เหนอะเหนียวข้ นคลัก่ ยิ่งกว่าบ่อโคลนดูดและฉันนับนาทีเฝ้า รอคุณ ไม่ร้ ูวา่ จะปลอดภัยไปได้ อีกนานเท่าใด บางคืนที่นี่เย็นยะเยือกจนสัน่ สะท้ านและฉันก็มี เพียงเพลงบทสวดบทสุดท้ ายของคุณที่ก้องกังวานด้ วยจังหวะระบ�ำเท้ าของชนป่ า แทนการจ่าหน้ าซองถึงคุณ ฉันจะเขียนที่อยู่ของฉันไว้ และฉันจะวางจดหมายฉบับนี ้ไว้ ณ เบื ้องหน้ าหลุมศพของคุณ ด้ วยรักและรอคอย.. 48
สุจิตต์ วงษ์เทศ www.sujitwongthes.com
หมายเหตุคณะผูเขียนจดหมาย ขอขอบพระคุณอาจารยสจุ ติ ต วงษเทศ เปนอยางสูง ทีอ่ นุญาตใหน�ำภาพมาใชโดยไมสงวนสิทธิ์ ถือ เปนเมตตาที่ท�ำใหจดหมายวรรณกรรมมีลูกเลน และเพิม่ สีสันดวยการ “อาน” จากตนฉบับลายมือ. 49
ขอแนะน�ำ สายรุ้งกลางซากผุกร่ อน
นวนิยายโดย มาโนช พรหมสิงห์ 168 หน้ า, ราคา 105 บาท “ข้ อยมีชื่อจริ งว่า หลัก หรื อสหายไผ่ ผู้มีพอ่ แม่ ชือ่ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รากเหง้ า ของข้ อยนะหรื อโอยถ้ าบ่แม่นแนวคิดมาร์ กซ์เลนินและเหมาเจ๋อตงแล้ ว ถามว่าจะมีผ้ ใู ด๋อีก ฮึ ห่าฮากเลือดเอ๊ ย ชีวิตข้ อยก็ไม่ต่างจากทุ่ง กุลาแห้ งแล้ งแปนเอิดเติด ไม่ตา่ งจากเลขศูนย์ ก็มนั ว่างเปล่า บ่มีอีหยัง บ่มีตวั ตน” ส�ำนักพิมพ์ Way of Book waymagazine@yahoo.com
ไ ม่ ป ร า ก ฏ
รวมบทกวีโดย ภู กระดาษ 125 หน้ า, ราคา 140 บาท กรุ่นกลิ่ นเลือนรางเจื อจางหาย เลือนรางจางเหิ ด . . . ไม่มี-และไม่เคยมี ส�ำนักพิมพ์ชายขอบ chaikob@mail.com
50
เกี่ยวกับเรา คณะผู้เขียนจดหมาย: ก�ำเนิดขึ ้นด้ วยมิตรภาพทางวรรณกรรม มีวตั ถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ งานวรรณกรรม ในรูปแบบจดหมายวรรณกรรม คณะผู้เขียนจดหมาย: ภูมิชาย คชมิตร ภู กระดาษ อรอาย อุษาสาง ชามกลางคืน จารุพฒ ั น์ เพชราเวช รน บารนี สร้ อยสัตบรรณ ฯลฯ ศิลปกรรม: คนเก็บฝั น จ�ำปา วงศ์สง่า ป.ล. 1. รายชื่อที่ปรากฏแปลกไปจากฉบับก่อนหน้ า: ปรี ดาวรรณ, วัฒนา ธรรมกูร, เรวัตร์ พันธุ์พิพฒ ั น์, ปั น้ ค�ำ, วิวฒ ั น์ เลิศฯ, ควันบุหรี่ 2. คณะผูเขียนจดหมายมีความยินดีรับพิจารณาตนฉบับเรื่องสั้น บทกวี ความเรียง บทสัมภาษณ หรืออื่นๆ ที่มีความยาวไมเกิน 10 หนากระดาษเอสี่ โดยปราศจากคา ตอบแทนเปนเงินหรือสิ่งอื่นใดที่เกินกวาวาสนา 3. คณะผู้เขียนจดหมายขอบคุณทุกท่านทีเ่ ขียนจดหมายและส่งโพสท์การ์ ดไปถึง และ ทุกท่านที่เกื ้อหนุนในด้ านต่างๆ เสมอมา ขอบคุณเป็ นอย่างสูงยิ่ง ส�ำหรั บท่ านที่สนใจหรื อสงสัย โปรดติดต่ อได้ ท่ :ี 173 หมู่ 10 บ้ านโพธิ์ตาก ต.บ้ านผือ อ.หนองเรื อ จ.ขอนแก่น 40240 email: letterliterature@yahoo.com, facebook: จดหมาย วรรณกรรม 51
52