1
ว่าด้วยความขอบคุณจงงดงาม จักรินทร์ สร้อยสูงเนิน สำ�หรับ รวมบทกวี อวลไอดิน ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร สำ�หรับ จินตกวีนิพนธ์ นารีขี่ม้าขาว ที่มอบแด่คณะผู้เขียนจดหมาย ดลสิทธิ์ บางคมบาง, ภาณุพงษ์ คงจันทร์ สำ�หรับดวงตราไปรษณีย์ที่มอบแด่คณะผู้เขียนจดหมาย
สารบัญ
วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา เกาะของตนตาย จำ�ปา วงศ์สง่า บทกวีแปล สร้อยสัตตบรรณ ฟุกุ รน บารนี ถึง ภู กระดาษ ภู กระดาษ ถึง จารุพัฒน์ เพชราเวช จารุพัฒน์ เพชราเวช ถึง รน บารนี ภาณุพงษ์ คงจันทร์ ถึง คณะผู้เขียนจดหมาย ธีร์ อันมัย ถึง ภูมิชาย คชมิตร โชคชัย บัณฑิต’ ถึง คณะผู้เขียนจดหมาย ดลสิทธิ์ บางคมบาง ถึง คณะผู้เขียนจดหมาย ภูมิชาย คชมิตร ถึง ชามกลางคืน ชามกลางคืน ถึง อรอาย อุษาสาง อรอาย อุษาสาง ถึง ชามกลางคืน ซานโช่ บ่าวนายท่าน บทกวีแปล สุจิตต์ วงษ์เทศ กลอน(กัมปนาท) แนะนำ�หนังสืิอ
4 12 15 23 26 29 34 34 35 35 36 40 42 44 45 46
วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา เกาะของคนตาย -dedicated to Ingmar Bergman
บทที่ 1 เกาะของอิงมาร์ ผมมาถึงเกาะในยามสายอันมัวซัว และสายหมอกทีห่ ม่ คลุมเหมือนปุยส�ำลี ฟุง้ อย่างเฉือ่ ยใน อากาศเหนอะหนะ ถ้าเวลายังคงเดินอยู่ ผมอาจจะบอกได้วา่ ผมมาถึงทีน่ หี่ ลังจากตัวเองตาย ลงไปแล้วสี่สิบแปดชั่วโมง 4
ดังเช่นที่พ่อเคยเล่าไว้ในรูปของนิทานปรัมปรา เมื่อเราตายลงเราจะถูกน�ำตัวไปยัง เกาะเล็ก จุดพักรอระหว่างการเดินทางสู่โลกหลังความตาย โลกก่อนโลกหลังความตาย ผม นิยามค�ำนีข้ นึ้ เองหลายปีตอ่ มา ตอนนัน้ พ่อบอกว่า ตราบใดทีย่ งั มีคนจดจ�ำเราอยูเ่ ราจะไม่ได้ ออกจากเกาะแห่งนี้ เกาะเล็กๆ ที่เคลียไปกับหาดกรวดและทางเดินดินแดง เกาะเล็กที่จริงๆ แล้วบรรจุผู้คนจ�ำนวนมาก ผู้คนต่างพากันมาเพื่อรอคอย รอคอยจนกว่าตัวเองจะถูกลืมจน หมดสิ้น กระทั่งเมื่อผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ลืมเลือนเขาหมดสิ้น ภาระทางความทรงจ�ำก็หมดลง ด้วย พวกเขาจึงจะได้เดินทางออกจากที่นั่นไปสู่โลกหลังความตายโดยแท้จริง กล่าวกันตาม นั้น ในยามสายแสงเศร้าที่ผมเดินทางมาถึง พ่อก็โดยสารเรือออกจากเกาะ หากบางคนไม่เคยได้ออกจากเกาะนี้อีกเลย พวกเขามาถึงเกาะแห่งนี้เพื่อที่จะเป็น ที่จดจ�ำ บรรดาผู้คนซึ่งยังคงเป็นที่รักจ�ำนวนมากยังคงเป็น ‘ผู้ตกค้าง’ อยู่บนเกาะนี้ เป็น ประชาชนถาวรของเกาะแห่งนี้ หรือถ้าจะพูดให้ดีขึ้นมาอีกนิด ช่วงหลังจากที่เราตายลงนี้เอง เราก็ได้กลายเป็นเช่นเดียวกับคนดังเหล่านี้ นั่นคือ ถูกจดจ�ำโดยใครสักคน ท่าเรือเป็นเพียงสะพานไม้เล็กๆ เหยียดยืดจากฝั่งเหมือนนิ้วหงิกงอขอหญิงชรา ผ่ายผอมสักคน เรือเทียบท่าเงียบเชียบ ฝีพายไร้ใบหน้าพยักเพยิดให้ผมลง เสียงไม้กระดาน ลั่นเอียดออดอยู่ใต้เท้า โดยปราศจากถ้อยค�ำ หรือแม้แต่เสียงจ้วงพาย เรือล�ำนั้นถอยกลับไป ยังทางเดิม เคลื่อนตัวลับหายสู่หลังม่านหมอกสีขาวอมเทาเร้นกายอย่างเงียบเชียบราวกับ ระเหยหายไปเสียดื้อๆ ไม่มีใครมารับผมที่ท่าเรือ ไม่รู้จะไปที่ไหนต่อ ผมยืนเก้กังอยู่ที่ท่า เกาะนี้เงียบจน แทบไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงเท้าย�ำ่ กรวดและเสียงคลื่นบางเบาในวันที่ทะเลสงบนิ่ง ผมก็ไม่ได้ยนิ เสียงอืน่ อีก โดยเฉพาะอย่างยิง่ เสียงเต้นของหัวใจซึง่ สูญดับไปนานแล้ว อากาศ ชวนให้ยะเยือก แต่ผมไม่รสู้ กึ รูส้ ม ความไวต่ออุณหภูมสิ ญ ู ดับลับหายไปพร้อมกัน เสียงเดียว ที่ได้ยินคือเท้าของผมเองย�่ำไปบนหาดกรวดที่เจือผสมกับซากปะการังตาย หินปูนปุ่มป�ำ่ ไร้ รูปรอย ปรากฏเป็นรูปทรงของความตาย มันมีแต่หมอกตลอดเวลา ไม่มกี ลางวันหรือกลางคืน ราวกับเกาะทัง้ เกาะเคลือ่ นอยู่ แต่ในความโพล้เพล้สีขาวด�ำของสนธยากาล ราวกับเกาะที่อยู่ในหนังของ อิงมาร์ เบิร์กแมน ผมเข้าพักในบ้านว่างหลังหนึง่ หลังจากเดินเตร่เลียบชายหาดไปเรือ่ ยๆ เดินจนอ่อนล้า ความ อ่อนล้าซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องทางกายภาพอีกแล้ว ร่างกายผมสิ้นการตอบสนอง ผมไม่ ได้ปวดเมือ่ ยกล้ามเนือ้ ขา ไม่มเี หงือ่ ออกเลยสักเม็ด ผมเพียงเดินต่อไปเรือ่ ยๆ จนรูส้ กึ เบือ่ หน่าย ที่จะเดินต่อไปอีกก็เท่านั้น เกาะกว้างใหญ่ไพศาล เงียบกริบร้างผู้คน ว่างเปล่าเช่นเดียวกับ 5
บ้านหลังนั้น กระต๊อบก่อจากอิฐทึบหนา ห้องเดียวเปิดโล่ง หน้าต่างหันหน้าไปหาทะเล บาน หน้าต่างพะเยิบช้าตามแรงลงโลมเลีย ครัวที่มุมหนึ่ง เตียงนอน ตะเกียงดวงหนึ่ง และห้อง ส้วมทีซ่ อ่ นตัวอยูท่ างด้านหนึง่ เตียงนอนปูผา้ ขึงตึงราวกับห้องจัดใหม่ในโรงแรม แวบหนึง่ ผม ตาฝาดไปว่าเห็นอิงมาร์ เบิร์กแมน ห้อยหัวลงจากเพดานในชุดสูท เอ่ยต้อนรับผมพร้อมแขน ที่อ้ากางอย่างกับปีกค้างคาว โอบอ้อมกอดของความตาย หลังจากหลับเต็มอิ่ม ผมตื่นลืมตาในแสงโพล้เพล้มัวซัว ผมตายแล้ว ไม่มีความหิว อีก การหลับก็เช่นกัน มันไม่ใช่เรื่องของการพักผ่อนอีกแล้ว ผมแค่ไม่อยากท�ำอะไร ผมจึงล้ม ลงบนเตียงทั้งยังไม่ดึงผ้าคลุมออก นอนหลับตา รู้สึกการเคลื่อนคล้อยของเวลา อาจจะสอง หรือสามชัว่ โมง การรับรูเ้ วลาเป็นดัง่ ผัสสะท้ายๆ ทีย่ งั คงตามคิดมาจากโลกเก่า ผมตืน่ ขึน้ สาย หมอกมัวซัวและแสงสนธยาสีทึมเทาเท่าเดิม ราวกับผมไม่ได้หลับไป ไม่ได้ท�ำอะไร ทุกอย่าง คือการเวลาที่หยุดนิ่ง ช่างสมกับเป็นความตายอะไรเช่นนี้ เกาะนี้เงียบสงัด ขอย�้ำอีกครั้งเรื่องความเงียบที่ออกจะเกินเลยสักหน่อยของมัน ความเงียบชนิดทีร่ าวกับถูกปรุงแต่งมา ความเงียบแบบทีเ่ ราจะได้ยนิ เฉพาะแต่เสียงทีใ่ ครสัก คนอยากจะให้เราได้ยนิ เสียงบุง๋ ๆ ของน�ำ้ ทะเล กระทบชายหาดทีไ่ ร้คลืน่ ลม เสียงเสียดสีของ สายลมกับก้อนกรวด และเสียงคร�่ำครวญแผ่วเบาของหญิงสาวนางหนึ่ง บทที่ 2 กระท่อมนางครวญ เธอชื่อลิฟ หญิงสาวผมบลอนด์ซีดซึ่งหยักศกเป็นไรๆ ตรงโคนผม กระบนใบหน้ากระจายเป็น เส้นตัดขวางต่อวงหน้าเหลี่ยมเป็นสัน ดูแข็งแรงถมึงทึงตัดกับดวงตาฉ�่ำน�้ำตาเจียนปริแตก เธอก�ำลังซบหน้าร้องไห้ เสียงสะอื้นโหยแผ่วเหมือนเสียงผี เสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยินหาก กลับล่องลอยมายังผมซึง่ อาศัยอยูห่ า่ งออกไป ผมไต่ตามทางเดินเลียบหาด เดินย�ำ่ กรวดทีส่ ง่ เสียงเกรีย้ วกรอดราวเสียงกัดฟันของคนแค้นเคือง เดินต้อยตามแสงโพล้เพล้เสียดสายหมอก สีทึมเทาจนมาถึงบ้านเธอ เธออยู่ในโปแลนด์ตอนนั้น และอยู่ที่เอาชวิตซ์ในเวลาต่อมา เธอ คร�ำ่ ครวญเสมอแม้จะเธอจะตายไปแล้วหกสิบปี ดวงตาซึง่ เยิม้ ย้อยราวกับน�ำ้ ตาจะเป็นเลือด ซบหน้าสะอึกสะอื้นกับสองมือ ร้องไห้ราวกับผมไม่อยู่ที่นั่น กล่าวให้ถูกต้องเธอไม่ได้สังเกต การมีอยู่ของผม คนตายกลายเป็นอากาศธาตุ เราเห็นกันและกันแต่ไม่รู้ว่าเรามีอยู่ ผมแตะ 6
ไหล่เธอ เธอสะดุง้ หันขวับมาจ้องกลับ วูบหนึง่ ดวงตาเปลีย่ นเป็นหลุมด�ำลึกไร้กน้ น�ำ้ ตาเหือด ไป เธอกล่าวกับผมว่าผมเป็นเด็กใหม่ทนี่ ใี่ ช่ไหม ใช่ ผมตอบ เกาะของคนตายไร้กำ� แพงภาษา ไม่เรียกหาซับไตเติ้ล ผมไม่ปริปากเธอไม่ปริปาก เราสนทนากัน เธอตายในสงครามโลก ถูกส่งมายังเกาะแห่งนี้ และไม่เคยได้กลับออกไป เธอยังคง หวาดผวา เสียขวัญ และทุกข์เศร้า จิตวิญญาณแตกสลายไปก่อนร่างกาย เธอบอกว่าเธอจะ ไม่มีวันได้ไปจากที่นี่ การคร�่ำครวญทั้งหลายเป็นไปโดยที่เธอไม่อาจควบคุม เพราะนั่นคือวิธี ที่ผู้คนจดจ�ำเธอ และไม่ใช่แค่เธอ ยังมีอีกเป็นจ�ำนวนมาก เหยื่อของเอาชวิตซ์ เหยื่อของการฆ่าล้าง เผ่าพันธุ์ในทุกครั้งของโลกนี้ยังคงอยู่บนเกาะนี้ ผู้คนยังคงจดจ�ำเขาและเธอ ในรูปรอยของ เหยือ่ ผูท้ กุ ข์ทน ไม่มใี บหน้าเหลืออีกแล้วเธอบอก ผมไม่เข้าใจเรือ่ งนีจ้ นกระทัง่ เธอพาผมไปยัง ห้องเต้นร�ำ ห้องเต้นร�ำเป็นโถงกว้างที่แออัดไปด้วยผู้คน ห้องเพดานสูงปิดทึบ ตั้งอยู่ลึกเข้าไป ในแผ่นดิน โรงเต้นร�ำแบบสมัยก่อนสงคราม ที่ซึ่งครั้งหนึ่งผู้คนเคยเข้าไปแออัดยัดเยียดกัน เช่นเดียวกับตอนนัน้ ในขณะนีบ้ รรดาเขาและเธอก�ำลังเต้นร�ำ เพลงแจ๊ซเก่าแก่อวลล่องไร้ทมี่ า ราวกับไอกระอายของแก๊สพิษ เหล่าคนตายจับคู่เต้นร�ำซังกะตายในห้องรมแก๊สที่แปรสภาพ ไป เธอบอกว่าเธอจะรออยู่ข้างนอก เธอจะไม่เข้าไปในนั้นการเข้าไปในนั้นท�ำให้เธอเสียสติ ใกล้จะพังลงเป็นชิ้นๆ ลมหายใจแทบขาดห้วงตอนที่บอกเล่า ทรุดลงรอผมที่ปากประตู คร�่ำครวญอีกครั้งหนึ่ง ตายเพื่อที่จะคร�่ำครวญ พวกเขาและเธอในนั้นก็คร�่ำครวญ พวกผู้คนที่เต้นร�ำกันอย่างทื่อมะลื่อ พวกคนที่ ตายในสงคราม พวกคนที่ใบหน้าเลือนหายไป เหลือเพียงใบหน้าแบบเดียว ใบหน้าที่เหมือน กับลิฟ คนทีม่ ใี บหน้าเหมือนกัน เต้นร�ำในห้องเต้นร�ำแออัดอวลกระอายแก๊สพิษ ผมยืนมอง จากปากประตู ค่อยๆ ถอยออกมาเงียบเชียบ ลิฟซบหน้าตรงทางออก เธอกล่าวแก่ผม เกาะ นี้ไม่มีกระจก คนตายไม่ต้องส่องดูใบหน้าของตัวเองอีกแล้ว ใบหน้าของพวกเขาคือสิ่งที่คน อื่นเลือกจดจ�ำ ใบหน้าของปัจเจกสิ้นสูญไปเมื่อคนรอบข้างเขาตายลง เหลือเพียงใบหน้าไร้ นามของมวลชน ใบหน้าของนายเองก็เช่นกัน นายยังไม่ได้ดูใบหน้าของนายใช่ไหม มันคือ ใบหน้าที่ฉันเคยเห็นมาก่อน พวกคนที่มาพร้อมกับนาย ใบหน้าของคนที่ตายจากการปราบ ปรามโดยทหาร ใบหน้าระทมทุกข์ของเหยือ่ ทีถ่ กู ลบชือ่ ออกไปเพือ่ ให้จดจ�ำได้งา่ ยขึน้ เธอกล่าว กับผม ผูซ้ งึ่ ค้นพบว่าถึงแม้จะตายไปแล้วความตระหนกก็ยงั คงด�ำเนินอยู!่ เธอซบหน้าร้องไห้ 7
อีกหน เสียงคร�่ำครวญแหลมเล็กแผ่วเบา การร้องไห้ของลิฟเป็นการแสดงประการหนึ่ง ผู้คน จดจ�ำเธอเช่นนั้น เธอร้องไห้เพื่อไถ่บาปของการเป็นที่จดจ�ำ เป็นเหยื่อสงครามที่มีลักษณะ พหูพจน์ตั้งแต่ตายลง ร้องไห้เพื่อตอบสนองจริยธรรมของผู้จดจ�ำเธอ การร้องไห้อย่างแกนๆ ทุกข์เศร้าเพราะมันยาวนานเกินไป ผู้คนรอบข้างเธอมาและไปจากเกาะแต่เธอยังอยู่ที่นี่ ติด กับในการสะดุดหยุดของการเวลา และการเรื่อเรืองของความทรงจ�ำเบลอๆ บทที่ 3 นักปฏิวัติไร้ใบหน้า เช่นเดียวกับ ลิฟ เชก็ตดิ อยูบ่ นเกาะ ผมจ�ำเข้าไม่ได้ดว้ ยซ�ำ้ ในครัง้ แรก ไม่ใช่เชทีค่ นุ้ เคย ใบหน้า ของเขามีสว่ นละม้ายกับรูปประจ�ำตัว สวมหมวกเบเร่ตแ์ ละมีดดวงตามุง่ มัน่ หากใบหน้าของ เขาบิดเบีย้ วไป กล่าวในทางหนึง่ มันเป็นใบหน้าของนักปฏิวตั ทิ หี่ ล่อเหลาหมดจด ใบหน้าสุก ปลั่งคมสันราวกับนายแบบหนุ่มจากหน้าหนังสือ เราดื่มกาแฟกันหลังผมผละจากลิฟ ผละ จากเสียงคร�่ำครวญซึ่งไม่อาจกู้คืน มีแต่ความตายเท่านั้นที่มอบความเท่าเทียมให้กับเรา เรา ถึงได้นงั่ คุยกับนายได้ในทีน่ ี้ คนทีเ่ ราไม่รจู้ กั จากแผ่นดินทีเ่ ราไม่รจู้ กั บ้านนายมีการปฏิวตั หิ รือ เปล่า เชเอ่ยถาม เราอยูในร้านเหล้าริมหาด เพิงหมาแหงนหลังคาสังกะสีพะเยิบไหวในแสง มัวซัวและสายหมอกนิรันดร ร้านขายเหล้าที่มีเหล้าอยู่ไม่กี่ชนิด เชดื่มหนัก และผมไม่ได้แตะ ต้อง รวมถึงไม่ได้บอกเขาว่าก่อนตายผมมีโปสเตอร์รูปเขาที่ฝาห้อง ที่นี่ไม่มีพรมแดน ไม่มีใครปกครองใครอีก เราพูดกับนายแม่ไม่รู้ว่านายมาจากไหน เราอยูบ่ นเกาะแห่งความทรงจ�ำทีท่ ที่ กุ คนเท่าเทียมกัน วิเศษดีใช่ไหมล่ะ เชแค่นเสียงค�ำท้ายๆ เขาดืม่ อีก เขาหล่อเหลา ใบหน้าคมสันเข้มข้น ใบหน้าทีไ่ ม่ใช่ใบหน้าของเขาอีกต่อไป ใบหน้า แบบที่ต่างไปแต่กลับชวนให้ผมหวนตระหนักถึงใบหน้าของเขาที่ถูกวาดซ�้ำๆ แปะท้ายรถ บรรทุก ใบหน้าที่ยิ่งวาดซ�้ำยิ่งเลื่อนไป ใบหน้าของเชที่เราตระหนักได้จากเสื้อผ้าหน้าผม แต่ ไม่ ใ ช่ ใ บหน้ า ของเชอี ก แล้ ว แค่ ไ อ้ ห นุ ่ ม หน้ า หนวดที่ ห น้ า ตาชวนให้ นึ ก ถึ ง คนหนุ ่ ม จาก นครศรีธรรมราชเสียมากกว่า ในฐานะนักปฏิวัติ หมุดหมายแห่งยุคสมัย แม้เกาะนี้จะไม่มี กระจก แต่ผมรู้ว่าเชรู้เรื่องนี้ และนั่นท�ำให้เขาเป็นทุกข์ พอเราตายลงเรากลายเป็นคนอื่นแล้ว ไม่มีใครสักคนจดจ�ำเราอย่างที่เราเป็น เราเป็นแค่สิ่งที่เขาอยากให้เป็น ภาพตัดขวางที่สวย เกินจริง เชไม่ได้พูดออกมา ผมไม่ได้คิดแทนเขา ผมคิดเอาเองเมื่อมองใบหน้าของเขาซ้อน สลับกับภาพวาดจ�ำลองใบหน้าเขาทีถ่ กู ผลิตซ�ำ้ ท้ายรถบรรทุก เสือ้ ยืด โปสเตอร์คอนเสิรต์ (วง 8
ดนตรีร๊อคจากจักรวรรดิอเมริกัน) เชผู้คมสันหล่อเหลา เราดื่มกันเงียบๆ ในความเงียบ ผมกับเขาเป็นนักปฏิวัติร่วมกันอย่างเท่าเทียม บทที่ 4 หาดทรายไม่รู้ความ เวลาล่องลอยคล้อยเคลื่อน ราวกับการกินดื่มไม่จบสิ้น บนเกาะของคนตายไม่มีแผ่นดินรอ การปลดแอกอีกแล้ว เชมีเวลาเหลือเฟือนับกัปกัลป์ในการดื่ม และสูบซิการ์ เช่นกันกับผมมี เวลานับกัปกัลป์ในการนัง่ อยูข่ า้ งๆ เขาเงียบๆ ผมสงสัยว่าท�ำไมผมถึงไม่พบคนอืน่ ๆ คนอย่าง จิตร ภูมิศักดิ์ หรือศรีบูรพา หรือกระทั่งนักศึกษาที่ตายในเช้าวันที่หกตุลาคม ผมกลับพบคน อย่างเช หรือลิฟ หรืออิงมาร์ สรรพสิ่งไม่ต้องการการคิดอะไรอีกแล้ว จะไม่มีเรื่องราวสุขทุกข์ใดๆ เกิดขึ้นอีก การ กินดื่มที่ว่างเปล่า ตลกดีที่เรายังดื่มแม้เราจะไม่เมามายอีกแล้ว ทอดตามองชายหาดสงบงัน สะท้อนแสงสีเทาของหมอกจางและท้องฟ้าแบบหนังขาวด�ำ ผมแกว่งไกวไปมาระหว่างการ ไปเยี่ยมลิฟ และการกินดื่มกับเช จากร้านเหล้าริมหาดระทมและกระท่อมนางครวญ ผมไม่ เคยไปทีห่ อ้ งเต้นร�ำอีกเลย ไม่พบใครอีกเลย บ้านทีผ่ มอาศัย ตัง้ อยูก่ งึ่ กลางของร้านเหล้ากับ บ้านของลิฟ ไปทางซ้ายหรือทางขวาคือการตัดสินใจเดียวในชีวิตอันยืดยาวไร้กาลเวลานี้ บางทีผมคิดถึงกาลเวลาบ้างบางครั้ง คล้ายๆ กับการคิดถึงคนรักเก่าเมื่อยังมีชีวิต อยู่ มาถึงตอนนีเ้ วลาหอมหวานเหมือนความทรงจ�ำพวกนัน้ การเคลือ่ นทีไ่ ปข้างหน้า การโถม เข้ามาของสิ่งใหม่ ที่กดให้สิ่งเก่าๆ จมลึกลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หลงลืมไป บางทีจากข้อ ก�ำหนดของพ่อ ผมสงสัยว่าใครที่ก�ำลังจดจ�ำผม จดจ�ำผมในรูปแบบใด ผมยกมือลูบใบหน้า ตัวเองเพื่อค้นหาความทรงจ�ำที่ผมและพบเพียงสัมผัสที่เข้าใจอะไรไม่ได้ ผมส่องหน้ากับน�้ำ ทะเลแต่แสงของโลกหลังความตายมัวซัวจนไม่อาจสะท้อนอะไรมากกว่าเงากระเพื่อมของ คลื่นแผ่วจาง ผมหวัง ถ้าความหวังยังพอจะใช้การอะไรได้บ้าง ให้คนที่จดจ�ำผมเป็นเธอ วันหนึ่งที่ร้านเหล้าริมหาด เชมาช้ากว่าเคย ผมดื่มเดียวดาย ชายเจ้าของร้านมี ใบหน้าละม้ายคล้ายกับเออร์เนสต์ เฮมมิงเวย์ ผมถามว่าเขาตายเมือ่ ไหร่ นานมาแล้วเขาตอบ เขาจะเปิดร้านเหล้าอีกไม่นาน ภรรยาของเขาก�ำลังจะตายลง และเมื่อเธอมาถึงเขาก็จะต้อง ไปจากทีน่ ี่ ผมถามเขาว่าเคยพบเห็นคนอืน่ ๆ ทีน่ บี่ า้ งไหม คนอย่างบรรดานักต่อสูร้ ว่ มชาติของ ผม หรือแม้แต่ผเด็จการที่ตายไปแล้ว คุณเคยพบ พลพต หรือฮิตเล่อร์ไหม แล้วถนอมล่ะเคย 9
พบหรือเปล่า ผมไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร เขาตอบง่ายๆ คุณกับเขา หมายถึงเพื่อนของคุณ น่ะ ก็มีใบหน้าแบบเดียวกันทั้งนั้น ผมจะบอกอะไรให้ บนเกาะนี้น่ะ คุณจะได้พบแต่นที่คุณ อยากจะพบ ถึงที่สุดคนที่คุณเลือกจดจ�ำ และยังตกค้างจะโผล่มาให้คุณพบ แต่คุณไม่มีวัน พบคนทีค่ ณ ุ จ�ำไม่ได้ หรือคุณอาจจะไม่รเู้ มือ่ คุณได้พบ ถ้าคุณคิดว่าคุณจ้ กั คนทีค่ ณ ุ อยากพบ จริงๆ จดจ�ำเขาได้จริงๆ คุณคงได้พบเขาไปแล้ว คงจดจ�ำเขาได้แล้วแต่แรกพบ เว้นแต่คณ ุ จะ ไม่รจู้ กั เขาจริงๆ คุณจ�ำได้ไหมว่านักศึกษาทีถ่ กู แขวนคอตาย คนทีค่ ณ ุ อยากพบนัน่ น่ะชือ่ อะไร ผมดื่มแทนค�ำตอบ เหม่อจ้องท้องทะเลเงียบสงบ ความทุกข์เศร้ายังคงอยู่แม้ผมจะตายไป แล้ว ผมสงสัยว่าท�ำไมเชมาช้า ผมสงสัยว่าเขาไม่ใช่เช เชในความหมายจริงๆ หาดทรายซ่อน โฉมหน้าของมันหลังสายหมอก ผมว่าผมมองเห็นเรือพายอยูไ่ กลลิบ แต่รอคอยเท่าไรก็ไม่ทะลุ สายหมอกมาปรากฏ ความละอายเข้มข้นเจือในอากาศหนักอึ้ง ผมตายแล้ว ผมบอกตัวเอง อย่างนั้น ไม่ต้องรู้สึกผิดบาปอีกแล้วที่ไม่เคยรู้อะไรเลยจวบจนตายลง บทที่ 5 เรือเชื่องช้าของการหลงลืม ตระหนักรู้เงียบเชียบ ผมก�ำลังต้องไปจากเกาะนี้ ร้านเหล้าปิดตัวลงเป็นการถาวร ผมไม่ได้ยินเสียงลิฟคร�ำ่ ครวญอีกแล้ว เสียงของ เธอแผ่วจางลงไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้ไปเยี่ยมเธออีกแล้ว ผมไมได้พบเชนานเหลือเกิน ผมกล้า ถึงขนาดเดินทางคนเดียวไปยังโรงเต้นร�ำ ซึ่งล็อคจากข้างใน อากาศยะเยือกอยูในแสงมัวซัว เสียงคลื่นดังเสียดหูเมื่อผมหลับตาลง เสียงจ้วงพายกระทบผิวน�้ำสงบไกลออกไปจากเกาะนี้ เรือเคลื่อนที่ราวกับปลาขี้เกียจสักตัวไถลไปบนผืนน�้ำเงียบเชียบ ฝีพายไร้หน้า เรียกหาผมใน เสียงนัน้ ตอนนัน้ เองทีผ่ มตระหนักรูว้ า่ คนทีจ่ ดจ�ำผมไม่ใช่คนรักเก่าของผม แต่อาจจะเป็นใคร ก็ตามที่ผมไม่รู้จัก บางทีการจากไปก็ดเี หมือนกัน เกาะนีไ้ ม่ได้ให้อะไรอีกแล้วนอกจากความเบือ่ หน่าย การเป็นที่จดจ�ำเปิดเผยใบหน้าที่แท้ในฐานะของกรงขังประเภทหนึ่ง กรงขังทีส่ ร้างจากความ ส�ำนึกบาป ความรักใคร่อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การมีชื่อเสียงน�ำมาซึ่งความอมตะอันขมขื่น ดังเช่นปีศาจร้ายที่กัดกินใบหน้าของเช ผมคิดถึงพ่อบ่อยขึ้นเรื่อยๆ พ่อผู้ไม่มีใครจดจ�ำได้อีก นอกจากผม พ่อทีเ่ มือ่ จากไปก็ไม่เหลือร่องรอยใดๆ ให้ตามหาอีกแล้ว การดับสูญไปโดยไม่ทงิ้ สิ่งใดไว้กลายเป็นความโรแมนติพาฝันประการหนึ่งของผมไปเสียแล้ว 10
เสียงเรือเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมออกมานั่งห้อยขารอที่ท่าเรือแล้ว นิ้วแก่หงิก งอของหญิงชราเย็นเยียบและเอียดออดอยูใ่ นกระแสคลืน่ และสายหมอก แสงโพล้เพล้ซดี เทา ดูเศร้าๆ มาถึงตอนนีผ้ มชักไม่แน่ใจว่าความหมายของค�ำว่าเศร้าทีผ่ มพูดออกไปมันเป็นความ รูส้ กึ ลักษณะใดอีกแล้ว โน่นเรือมาแล้ว เคลือ่ นตัวเงียบเชียบ ไร้ความประสงค์ ผมลงเรืออย่าง กระฉับกระเฉง หันกลับไปมองเกาะของคนตายอีกครั้ง เพื่อกล่าวลา เกาะค่อยๆ หดเล็กลง เหมือนคนแก่ที่หลังค้อมคู้ลงไปเรื่อยๆ ผมเสียใจที่ไม่ได้บอกลิฟ ผมไม่ได้ยินเธอคร�ำ่ ครวญ มาพักหนึ่งแล้ว บางทีเธออาจะถูกลืมแล้ว เดินทางออกไปแล้วก่อนหน้านี้ พอเรือพ้นออกมาจากหมอกผมจึงค่อยๆ เข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่คลุมเครืออยู่ในเกาะ แห่งความทรงจ�ำ ใช่แล้วละ ความทรงจ�ำคลุมเครือเพียงนัน้ เอาแน่ไม่ได้เพียงนัน้ มันถูกท�ำให้ งดงามกว่าทีม่ นั เป็นเพียงนัน้ และมันล่อลวงได้เพียงนัน้ เรือพ้นจากหมอกแห่งสนธยาชัว่ นิรนั ดร์สู่แสงสว่าง และที่นั่น ผมมองเห็นเรือพายจ�ำนวนมาก มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน เรือชนิด เดียวกัน และผู้โดยสารล�ำละหนึ่งคน พวกคนที่สวมเสื้อสีเดียวกัน ทั้งชายและหญิง เป็น พหูพจน์ เป็นใบหน้าเดียวกันไปเสียทั้งหมด ผมยกมือลูบคล�ำใบหน้าของตนเอง มั่นใจเป็น ครัง้ แรกนับจากตายลงว่าใบหน้าของผูโ้ ดยสารในเรือล�ำอืน่ ๆ คือใบหน้าชนิดเดียวกับใบหน้า ของผม และในที่สุดเราทุกคนถูกลืม แสงสว่างนั้นเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนดวงตาแสบพร่า ผมคิดถึงคืนที่ผมตาย คืนอากาศ ระอุ ท่ามกลางความโกลาหล ผมตายลงตรงนั้น ตายลงทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ยังไม่สมควร ตาย เราต่างตายลง เราถูกจดจ�ำชัว่ ครู่ แล้วในทีส่ ดุ เราถูกหลงลืม การลืมเลือนคือรูปแบบหนึง่ ของอิสระ ในขณะเดียวกันการลืมเลือนคือรูปแบบหนึ่งของการกดทับเอาไว้ พวกเขาขูดลบ เราจากพื้นที่กระจิริดของประวัติศาสตร์ได้เรียบร้อยแล้ว เรือเคลื่อนเข้าสู่แสงสว่างที่แผดเผา เป็นเรื่องเศร้าที่ความเคียดแค้นเป็นผัสสะสุดท้ายที่ผมรู้สึกขณะตัวเองค่อยๆ ระเหิดหายไป
11
จำ�ปา วงศ์สง่า คุณรนคะ เป็นอย่างไรบ้าง จัดหน้ากระดาษเองเหนื่อยบ่คะ ? ขออภัยด้วยที่ได้แต่ถาม โดยไม่ อาจไปยือ้ แย่งแบ่งงานมาท�ำ ช่วงนีจ้ ำ� ปาคิวแน่นเหลือเกินค่ะ ยังกลุม้ อยูเ่ หมือนกันว่าจะแยก ร่างอย่างไรดีให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกอย่างที่ต้องท�ำ พูดถึงหน้าที่ - ถ้ามนุษย์เราอยู่คนเดียวก็คงไม่ต้องกังวลเรื่องหน้าที่สักเท่าไหร่ แต่ เพราะมาแออัดอยู่ร่วมกันเหมือนตัวละครในหนังสือ เราเลยต้องเล่นไปตามบทบาทของตัว เอง ซึ่งบางทีมันก็ขัดแย้งกันอยู่บ่อย (จ�ำต�ำราวิชาสังคมและวัฒนธรรมที่ไหนสักแห่งมาพูด) และมันจะยุ่งเข้าไปอีก ถ้าขัดแย้งกับตัวเองแล้วยังขัดแย้งกับคนอื่นเขาไปทั่วอีกด้วย เป็นตัว ละครที่มีหลายบทอย่างข้าพเจ้านี่มันล�ำบากแท้ๆ แต่ก็เข้าใจล่ะนะ ว่ามันเป็นหน้าที่หนึ่งของ มนุษย์ที่จะต้องดิ้นรนหาทางออกที่ลงตัวส�ำหรับความขัดแย้ง พูดถึงความขัดแย้ง - คุณรนเคยอ่านเจอเรื่องนี้ไหมคะ ที่ท่านมหาตมา คานธี และ ท่านคุรุเทพ ฐากูร มีความเห็นขัดแย้งกันรุนแรงกรณีการเคลื่อนไหวเพื่อให้อินเดียเป็นอิสระ จากอังกฤษ ในขณะทีท่ า่ นทัง้ สองอยูร่ ว่ มสมัยเดียวกัน แต่ความคิดของท่านแตกต่างกันอย่าง ชัดเจน ท่านคานธีเห็นว่าชาวอินเดียควรแสดงออกด้วยสันติ ว่าจะไม่พงึ่ พาสหราชอาณาจักร อีกต่อไป ตัวอย่างการประท้วงที่เด่นๆ เช่นการเผาผ้าซึ่งน�ำเข้าจากอังกฤษ เพื่อเรียกร้องให้ ชาวอินเดียกลับมาใช้ผ้าซึ่งผลิตในประเทศ แต่ในทางกลับกัน ท่านฐากูรเห็นว่า การประท้วงเช่นนั้นช่างไร้ประโยชน์ เพราะรัง แต่จะท�ำให้เกิดการแบ่งแยก และท่านเห็นว่าควรท�ำการเคลือ่ นไหวเพือ่ ให้เกิดความเข้าใจร่วม กันระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ความเห็นทีข่ ดั แย้งกันไม่ได้ท�ำให้ทา่ นทัง้ สองเป็นศัตรูกนั เลย มีสายลม 12
แห่งมิตรภาพพัดอยูร่ ะหว่างท่านมาโดยตลอด ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ มีมากมาย เช่น ท่านเรียก นามของกันและกันด้วยความเคารพ (มหาตมา - วิญญาณอันยิ่งใหญ่, คุรุเทพ - ผู้พิทักษ์ที่ ยิ่งใหญ่) ท่านฐากูรเคยไปเยี่ยมท่านคานธีและขับร้องเพลงให้ฟังในระหว่างที่ท่านคานธีถือ สัตยาเคราะห์อดอาหารจนร่างกายอ่อนแอ ท่านคานธีมีส่วนร่วมหางบประมาณจัดตั้งสถาน ศึกษาวิศวภารตี และมีส่วนผลักดันให้รัฐบาลอินเดียรับดูแลมหาวิทยาลัยศานตินิเกตันหลัง จากทีท่ า่ นฐากูรเสียชีวติ ไปแล้ว อันทีจ่ ริงท่านคานธีเคยเขียนในจดหมายทีข่ อร้องให้ทา่ นฐากูร แสดงความเห็นต่อการเคลื่อนไหวเพื่อปลดแอกประเทศอินเดียไว้อย่างน่าสนใจด้วยว่า “แม้หัวใจของท่านจะสาบแช่งการกระท�ำของผม ผมก็จะยังคงให้คุณค่าในค�ำวิจารณ์ของ ท่าน” (I will yet prize your criticism, if your heart condemns my action) ไม่รู้ว่าวันไหนที่บ้านเราจะมีผู้ยิ่งใหญ่เช่นสองท่านนี้บ้าง - ผู้ที่อาจเคารพกันอย่าง จริงใจ แม้ว่าจะเห็นต่างกัน ขอจบจดหมายน้ อ ย โดยอาจเอื้ อ มถอดความค� ำ ขวั ญ ที่ ท ่ า นฐากู ร เขี ย น อภินันทนาการแด่มหาตมา คานธี เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1941 มาเป็นของฝาก แด่ผู้ที่ พยายามจุดไฟขึ้นในที่มืดทุกๆ ท่าน
“Be not dismayed” - จงอย่าท้อถอย Let them desert thee who are thine own be not dismayed.
ให้เขาทอดทิ้งท่าน ผู้เป็นนายแห่งตน จงอย่าท้อถอย
The tree of thy hope may wither and the fruit lost, be not dismayed.
พฤกษาแห่งความหวังอาจแห้งเหี่ยวลง และขั้วผลปลิดปลงไปแล้ว จงอย่าท้อถอย
13
Even if overtaken by dark night in the middle of thy path walk on.
แม้ความมืดแห่งราตรีกาลจะกลืนกินท่าน ในระหว่างเดินทางบนวิถีนั้น จงมุ่งหน้าต่อไป
Even if thou failest in those efforts to light the lamp be not dismayed
เพื่อจุดดวงตะเกียงขึ้น แม้ท่านจะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า จงอย่าท้อถอย
Never go baffled in despair if gates are shut against thee
ขออย่าได้สับสนอยู่ในความสิ้นหวัง หากเขาปิดประตูใส่หน้าท่าน
and if they refuse to yield to thy knocks be not dismayed
และหากเขาปฎิเสธเสียงเคาะของท่าน จงอย่าท้อถอย คารวะต่อพลังแห่งชีวิต จ�ำปา วงศ์สง่า
14
สร้อยสัตตบรรณ ฟุกุ ๑
“ฟุกุ” ผมบอกชื่อปลาหัวโตไม่มีเกล็ดสองตัวที่ได้มาขณะเปิดกล่องโฟมออกให้นางดู ไม่ ได้บอกรายละเอียดถึงทีม่ าว่าได้มายังไง ใคร อะไร ทีไ่ หน ท�ำไม ฯลฯ มากไปกว่านี้ บทสนทนา ที่ออกจากปากผมมักเป็นค�ำเดียวอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว อาจจะตั้งแต่เกิดเลยก็เป็นได้ นางออกเสียงซ�้ำทีละค�ำๆ ตามเสียงที่ได้ยิน “ฟุกุ ฟุงุ่” ผมพยักหน้าแล้วเดินเลยตัวนางเข้าไปในห้องนอน หรือห้องนั่งเล่นก็แล้ว แต่จะเรียก เพราะห้องเช่านีม่ นั มีหอ้ งนีอ้ ยูห่ อ้ งเดียวนอกจากห้องครัวและห้องน�้ำทางด้านหน้า “ทีร่ าคาแพงๆ ตามร้านนัน่ ใช่ไหม” นางเดินตามมาจ้องหน้าแล้วถามเสียงดังใส่หน้า ผม นี่ถ้าไม่มีรอยยิ้มประกอบก็จะท�ำให้พานนึกไปว่านางก�ำลังหาเรื่องทะเลาะ เปล่าเลย... นางเป็นคนพูดเสียงดังอย่างนี้นี่เอง ผมพยักหน้าแต่จะยิม้ ด้วยหรือเปล่าก็ลืมๆ ไปแล้ว เธอหมุนตัวกลับแล้วพูดเสียงดัง ย�้ำไปมา “ฟุกุ ฟุงุ่” รอยยิ้มกว้างหลังพูดชื่อปลาของนางท�ำให้โลกใบเล็กๆ ภายในห้องเช่า แคบๆ ของเราอึกทึกขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เพียงแค่นั้น นางยังกดมือถือโทรไปหาเพื่อนที่มาจากประเทศไทยด้วยกัน เสียง คุยของนางดังเสียจนผมคิดว่ามันน่าจะท�ำให้คนทีเ่ ช่าอยูห่ อ้ งริมสุดด้านล่างได้ยนิ ด้วยอีกคน หรืออาจจะหลายคนก็เป็นได้ ผมไม่รู้ว่านางคุยอะไร และลืมสนิทเลยทีเดียวว่า นางอาจจะบอกเล่าเรื่องได้ปลา ราคาแสนแพงมาเป็นอาหารเย็นวันนี้ก็เป็นได้ ขณะนีเ้ ป็นเวลา ๕ โมง ๒๘ นาที ฟ้าเดือนกุมภาพันธ์มดื เร็วด้วยเป็นเวลากลางหน้า หนาว เสียงภาษาไทยที่ผมฟังไม่เข้าใจดังสลับกับเสียงหัวเราะหัวใคร่เป็นเวลาถึง ๒๓ นาที ผมจับเวลาจดจ่อทั้งๆ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะท�ำอย่างไรต่อไป นางกดโทรศัพท์หาคนโน้นคนนี้ราวกับมีเน็ตเวิร์กอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น ผมลอบมอง พฤติกรรมของนางเงียบๆ ขณะที่หันหน้าไปทางโทรทัศน์อยู่ตลอดเวลาและในหัวก�ำลังบวก ลบคูณหารเวลาทีผ่ า่ นไปแต่ละนาทีวา่ นางท�ำอะไรบ้างและผมท�ำอะไรบ้างระหว่างนัน้ แต่เอา 15
เข้าจริงๆ ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าจะท�ำยังไงอยู่ดี... ผมอยูใ่ นท่านัง่ เหยียดขาพิงก�ำแพงห้องทีพ่ นื้ เสือ่ ตาตามิขณะกดช่องทีวยี า้ ยจากช่อง โน้นไปช่องนี้ ไม่วายเห็นมือตัวเองสั่นน้อยๆ จนต้องยื่นมือขวาไปประคองรีโมทไว้อีกแรงหนึ่ง แต่มันกลับท�ำให้รีโมทตกลงพื้นดังเปรื่องในทันที “ชิกโช...” มือมันสั่นทั้งสองข้างเลยนี่หว่า ผมคิดและเผลอสบถหยาบคายด้วยเสียงดังจนตัวเองยังตกใจ นางหันมาตามเสียงสบถติดปากค�ำนัน้ ของผม จากนัน้ ก็รบี หันไปร�ำ่ ลาฝ่ายตรงข้าม ในทันใด ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นเพราะหลังจากคุยต่ออีกสองสามค�ำโดยลดเสียงให้เบาลงกว่า เดิมจนแทบเป็นกระซิบแล้วนางก็วางสาย อาจจะคิดว่าผมโกรธก็ได้ ผมเหลือบตามองนาฬิกาที่ผนังห้องเช่า มันเป็นนาฬิกากลมลายแมวคิตตี้ อาจนับ เป็นเครื่องประดับเดียวในห้องเช่าโทรมนังหลังนี้ แน่นอนว่านางเป็นคนซื้อหามา สีชมพูของ ขอบนาฬิกาดูไม่เข้ากันเลยแม้สักนิดกับผนังห้องสีเขียวหม่นเก่าคร�่ำ อายุเกือบสี่สิบของนาง ยังท�ำตัวสนิทสนมกับลูกแมวคิตตี้ติดโบว์แดงที่หูอยู่ไม่รู้หาย ผมคิดขณะมองเข็มยาวขยับไป ที่เลข ๖ พลางคิดว่าจะเอายังไงดี... “เย็นนี้ โอนาเบะ ดีกว่า ท�ำ” นางหันมาพูดกับผมเป็นภาษาญี่ปุ่นกระท่อนกระแท่น แต่ผมก็พอจับความได้ว่านางจะท�ำอาหารมื้อเย็นเป็นหม้อปลาตั้งไฟ แน่นอนว่าต้องเป็น “หม้อปลาฟุกุ” ที่ผมได้มาก�ำนัลนางเมื่อบ่ายนี้เป็นแน่แท้ “ฟุกุ นาเบะ” นางหันมาพูดชื่ออาหารเย็นวันนี้ให้ผมฟังแล้วหันไปเปิดตู้เย็น ผมหัน ไปมองแล้วพยักหน้าเชิงรับทราบขณะถือรีโมทที่เก็บขึ้นมาจากพื้นแล้วหันมันจ่อไปที่จอ โทรทัศน์ พยายามควบคุมไม่ให้มอื สัน่ อย่างยิง่ ยวด เวลาผ่านไปโดยทีเ่ ราไม่ได้พดู อะไรกัน ผม ไม่ใช่คนช่างเจรจาและนางเองก็คงล�ำบากที่จะต้องเพียรพูดภาษาที่ตัวเองไม่คุ้นเคยโดย เฉพาะอย่างยิ่งกับคนเบื้อใบ้ไม่ตอบสนองค�ำพูดมากไปกว่าพยักหน้ากับส่ายหัวประกอบค�ำ สบถบ้างบางเวลาเช่นผม เราอยู่ด้วยกันไปวันๆ ตั้งแต่แต่งงานแล้ว การแต่งงานที่ต่างฝ่ายต่างก็ใฝ่ประโยชน์ ของอีกฝ่ายอย่างไม่อายฟ้าดินอินทร์พรหมองค์ใดๆ ในหล้าโลกหากจะมี ช่างเถอะ หายกัน... ผมมองเข็มนาฬิกาทีเ่ คลือ่ นไปแต่ละวินาทีสลับกับมองจอทีวโี ดยหรีเ่ สียงจนแทบไม่ ได้ยิน พยายามท�ำให้สมองกลวงเปล่า และนั่นคือวิธีเรียกสมาธิกับสติให้กลับคืนมาโดยไว 16
ของผม ตั้งแต่ได้ฟุกุมาเมื่อต้นบ่ายจนกระทั่งเอามาส่งให้นางเมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้ ใจผมเต้น ไม่เป็นจังหวะอยูห่ ลายเวลาแล้ว รูส้ กึ ราวกับว่าหัวใจก�ำลังพองโตเหมือนฟุกเุ มือ่ เวลาถูกอะไร มาต้องตัว ได้ผลเป็นทีน่ า่ ยินดี ความเงียบเข้ามาปกคลุมบรรยากาศภายในห้องเช่าอย่างทีม่ นั เคยเป็นมากว่าสองเดือนอีกครั้งหนึ่ง หากถามว่า ผมเริ่มนับเวลาสองเดือนตั้งแต่เมื่อใด ก็คงจะเค้นค�ำตอบออกมาได้ว่า สองเดือนตั้งแต่ผมตัดสินใจได้นั่นล่ะ และผมก็ได้เครื่องมือมาแล้วในวันนี้ มาถึงตอนนี้ ผมควบคุมมือไม่ให้สั่นได้แล้ว หรืออีกที ผมอาจจะหายตื่นเต้นแล้วก็ เป็นได้ ระหว่างนี้นางก็ท�ำกับข้าวง่วนอยู่หน้าเตา ห้องเช่าขนาดแปดเสือ่ ตาตามิของเรา มีหอ้ งครัวอยูท่ างด้านหน้าบ้าน พอเปิดประตู เข้ามาก็จะพบเตาแก๊สอยู่ทางซ้ายมือและห้องน�้ำที่รวมห้องสุขาไว้ด้วยกันอยู่ทางด้านขวา ผมอยู่คนเดียวมานานจนกระทั่งได้นางคนนี้มาอยู่ด้วย นางมาท�ำกับข้าว ซักผ้า ท�ำความสะอาดบ้าน และมาช่วยใช้เงินด้วยการเอาส่งกลับ ไปให้ลกู ชายและพ่อแม่ทแี่ ก่เฒ่าทางเมืองไทยเดือนละหลายหมืน่ เยน ใช่แล้วล่ะ นางมีลกู ชาย สามคนจากต่างสามีซงึ่ มีจ�ำนวนเท่ากับลูกชาย ผมไม่ได้รสู้ กึ หวงใดๆ ทัง้ ตัวเธอหรือว่าเงินทอง ที่เธอส่งไปเมืองไทยหรอก บางทีเหตุผลของการแต่งงานระหว่างเราอาจจะท�ำให้คนทัว่ ไปทีร่ กั กันก่อนแต่งงาน ไม่อาจท�ำความเข้าใจได้เลยก็เป็นได้... รายการข่าวตอนหกโมงเย็นก�ำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ผมมองภาพในจอ ที่เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ แล้วกดเสียงทีวีทิ้งหลังจากหรี่ให้มันแทบไม่ได้ยินในตอนแรก และ แล้วเสียงดังปิ๊งป่องก็ขัดจังหวะเวลาอันเงียบงันนั้นขึ้นมาในบัดดล ผมสะดุ้งสุดตัว เสียงนั่น ปลุกผมให้ตนื่ จากความคิดต่างๆ ในทันที หันไปเห็นนางรีบผละจากหน้าเตาถลาไปเปิดประตู ซึ่งห่างออกไปเพียงสองก้าวอย่างไม่ต้องรอให้ฝ่ายที่มาเยือนต้องกดซ�้ำสอง ผมพรวดลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหขณะคิดอย่างโกรธเกรี้ยว “ใครมาอีกแล้ว” น�้ำหนักตัวกับถุงเท้าที่สวมอยู่อาจเป็นปัจจัยใหญ่ที่ทำ� ให้ลื่นก้นกระแทกกับพื้นดัง โครมก็เป็นได้ แต่กลับเป็นที่น่ายินดีว่า เสี้ยววินาทีก่อนที่ก้นจะกระแทกพื้นนั้นนั่นเองความ คิดแวบหนึ่งก็วิ่งปราดเข้ามาในหัว มันไม่ยักกระฉอกหกตกกระแทกพื้นเหมือนก้นของผม มันเป็นพริบพรายแห่งการปรากฏของการค้นพบอันยิง่ ใหญ่ส�ำหรับผมนัน่ เทียว มัน 17
ฉายแสงฉานอยู่ในหัวผมเหมือนกับแสงที่แลบแปลบปลาบทาบฟ้าในคืนเดือนมืดนั่นเลยที เดียว “ผม ดีกว่า แผน เปลีย่ น...” ผมเลียนวิธพี ดู ภาษาญีป่ นุ่ ประสากระท่อนกระแท่นแบบ ที่นางพูดเบาๆ กับตัวเองแล้วเหยาะยิ้มที่มุมปากก่อนจะชันกายลุกขึ้น ตลกร้ายของผมก�ำลัง จะด�ำเนินไปอย่างช้า ๆ เสียงคุยกันขรมถมเถเป็นภาษาไทยดังจ้อกแจ้กอยูห่ น้าประตูหอ้ งเช่า เพือ่ นคนไทย ของนางคงจะมา ไม่ตอ้ งเห็นก็รไู้ ด้จากเสียงทีแ่ ข่งกันพูดนัน่ นางคุยกันออกรสจนไม่แม้กระทัง่ จะหันมาตามเสียงที่ผมลื่นก้นกระแทกพื้นเมื่อครู่ ผมหยิบนาฬิกาคิตตี้ลงมาแล้วจัดการขยับ เข็มยาวให้กลับคืนมาอยูท่ เี่ ลข ๖ อย่างทีค่ ดิ ไว้คร่าวๆ จากนัน้ ก็เดินไปยืนจังก้าอยูใ่ นครัวพลาง ท�ำหน้ายุ่งยาก ได้ผล เสียงคุยหยุดกึกลงทันที ผมไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่มองหน้าของนางหรือของ ใครทัง้ นัน้ ผมเหลือบตามองปลาฟุกทุ อี่ ยูใ่ นกะละมังเหล็กในอ่าง เห็นเหมือนมันก�ำลังพองตัว แล้วอ้าปากกว้างมองแน่วนิ่งมาที่ผม รู้สึกเย็นสันหลังวาบไปจนถึงกลางกระหม่อมขณะเดิน หลีกสีข้างของนางไปที่ประตู ผมปลดเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีน�้ำตาลที่แขวนไว้บนผนังใกล้ประตู แล้วก้าวเข้าไปในรองเท้าที่เหมือนมันก�ำลังอ้าปากรอเท้าของผมให้ลงไปสวมอยู่ตลอดเวลา ตรงพืน้ หน้าห้อง จากนัน้ ก็ออกจากบ้าน หรือว่าห้องเช่าทีอ่ ยูช่ นั้ สองของอาคารหลังนีไ้ ปเงียบๆ ซึ่งนั่นหมายความว่า ผมไม่ได้บอกกล่าวถ้อยค�ำใดๆ กับนางผู้เป็นเมียสักค�ำ ซ�้ำยังไม่ลืมท�ำ สีหน้าไม่พอใจใส่คนทั้งคู่อีกด้วย เพือ่ นคนไทยของนางยืนแอบอยูข่ า้ งประตูหอ้ งทีเ่ ปิดอ้าอยู่ สองคนมองตามหลังผม ที่ลงกระไดกึงๆ เป็นจังหวะ ทีละสองขั้นสองขั้นจนถึงพื้นแล้วพูดอะไรอยู่สองสามค�ำ จากนั้น นางและเพื่อนของนางก็พากันผลุบเข้าห้องโดยไม่น�ำพากับเจ้าของบ้านเช่นผมอีกต่อไป ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของแวบความคิดพาดผ่านก่อนก้นจะกระแทกพื้นเมื่อสัก ครู่ มันช่างสอดรับกันดีเหลือเกิน ผมเหยียดยิ้มขณะเอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินฝ่าหิมะ โปรยปรายไปยังร้านเหล้าขาประจ�ำ ร้านเหล้าที่ผมเจอนางครั้งแรกนั่นแหละ... ๒ มาม่าซัง เจ้าของร้านเหล้ายิม้ ร่าเมือ่ เห็นผมเปิดประตูเข้าไป แกถามถึงนาง ผมกล่าว เพลียๆ ว่ามีเพื่อนนางมาหา ผมเลยมาที่นี่ มาม่าซังจัดผู้หญิงไทยคนใหม่มาให้แถมยังส�ำทับ 18
ข้ า งหู ว ่ า เธอคนนี้ เ พิ่ ง มาเมื่อสองวันก่อนนี่เอง ผมมองหน้ า สิ น ค้ า ลั ก ลอบน�ำเข้ า จาก ประเทศไทยซึ่งกลายเป็นสินค้าตัวใหม่ของร้านแล้วพยักหน้าให้เธอนั่งลง ไม่แปลกใจเท่าใด นักกับท่าทีหวาดหวั่นและไม่คุ้นชินกับสถานที่ และอาจจะรวมตัวผมเข้าไปด้วย “มีวีซ่าไหม” ผมถามยังกะตัวเองเป็นต�ำรวจ เธอส่ายหัว ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไม่ต้องการตอบหรือเธออยากจะแปลว่า ไม่มีวีซ่า แต่ผมไม่ได้ตดิ ใจในค�ำตอบหรอก ประโยคภาษาไทยประโยคเดียวทีผ่ มหัดพูดและคอยจะใช้ พูดกับผู้หญิงไทยทุกคนที่เจอ มันช่วยท�ำให้ระยะทางระหว่างผมกับพวกเธอขยับเข้าใกล้กัน ขึ้นมาอีกนิด หรืออีกทางหนึ่ง มันได้ขยายระยะทางให้ไกลขึ้นไปอีกโข และนั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการ บางคนเข้าใกล้ผมมากขึ้น เพราะนึกว่าจะได้เป็นที่พึ่งพิง และบางคนก็พยายามไป ให้ไกล เพราะนึกว่าผมเป็นต�ำรวจตัวจริง แต่วิธีนี้นี่เองท�ำให้ผมคัดคนที่มีความคิดเห็นต่อผม ได้ชงัดชัดแจ้งดี และก็ด้วยวิธีเดียวกันนี้นี่แหละที่ท�ำให้ผมได้นางมาเป็นเมีย เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น นางคงโทรมาเรียกผมกลับไปกินข้าวเย็น ผมเหลือบดู เวลาที่จอด้านบนแล้วกดทิ้งทันที หันไปให้ความสนใจกับผู้หญิงที่มาม่าซังหามาให้ ผมกะว่าจะไม่กลับบ้านถึงเช้าเลยถ้าท�ำได้ เหตุการณ์ที่ห้องเช่าต่อจากนี้คงเป็นไป อย่างที่ผมคาดไว้ ๓ ผมถูกเชิญไปพบกับต�ำรวจในบ่ายวันรุ่งขึ้นหลังจากนางตาย “กลับมาจากร้านเหล้าก็เห็นนอนตายอยู”่ ผมตอบต�ำรวจไปตามความจริงทีเ่ กิดขึน้ เช่น กลับมาบ้านเวลาเท่าไร ไปกินเหล้ากับใคร ทะเลาะกันก่อนไปหรือเปล่า ส่วนเรื่องได้ปลาฟุกุมายังไงนั่น ผมตอบว่าไม่รู้... ต�ำรวจไม่ได้ให้ความส�ำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อยอืน่ ใดมากมาย เรือ่ งคนต่างชาติ ตายไปอย่างนี้ หากทางประเทศเจ้าของคนตายไม่ได้ให้ความส�ำคัญใดๆ ทางต�ำรวจก็เหมือน จะรีบๆ ท�ำให้จบคดีไปเช่นกัน ผมอดนึกแปลกใจไม่ได้วา่ มันเป็นการสอบสวนทีท่ ำ� อย่างขอไปทีจริงๆ อุตส่าห์หลง ใจเต้นไม่เป็นส�่ำอยู่ตั้งค่อนวันค่อนคืน วันเดียวกันนั้นเอง ผมก็โทรไปหาบริษัทจัดการศพ สั่งให้เขาเผาทันที ไม่มีงานศพ 19
ให้กับนาง ไม่มีสังคมของนางในประเทศนี้หรอก แม้จะจัดงานศพให้ก็คงไม่มีใครมาร่วม อีก อย่าง ผมไม่อยากเจอหน้าใครๆ หากว่าจะมีใครมาร่วมงานจริง ๆ เรื่องที่ต้องจัดการต่อไปเรียงหน้ากันเข้ามา ทางอ�ำเภอโทรมาบอกว่าได้แจ้งไปทาง สถานทูตเรื่องการตายของเมียผมแล้ว ผมรับค�ำไปตามแกนเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่า ทางสถาน ทูตต้องการคุยกับผมและขอนัดหมาย ผมผลัดว่าขอท�ำศพนางให้แล้วเสร็จเสียก่อน แต่ดู เหมือนทางโน้นจะไม่ยอม พวกเจ้าหน้าที่ทางประเทศแม่ของนางมากันสองคน ถือเอกสารภาษาไทยมา ประกอบการท�ำงาน ผมพยายามไม่สบสายตากับผู้ใดขณะตอบค�ำถามพวกเขาสองคนนั่น การซักถามที่มีเจ้าหน้าที่ต�ำรวจฝ่ายประเทศผมนั่งอยู่ด้วย ผมยืนกรานว่าไม่ตอ้ งการให้มกี ารชันสูตรศพใหม่ เพราะผลมันก็ออกมาชัดแจ้งแล้ว ว่านางกินปลาปักเป้าเข้าไป พิษร้ายของมันที่เรียกว่าเทโทรดอกซินเพียงแค่ ๒ มิลลิกรัม สามารถท�ำให้หนูถึงหนึ่งพันตัวตายได้ง่ายๆ เช่นนี้ญี่ปุ่นคนไหนก็รู้ทั้งนั้น คนที่จะท�ำอาหาร ด้วยปลาชนิดนี้จึงต้องมีใบอนุญาต แต่นางและเพื่อนของนางคงไม่รู้กระมัง... ผมหยอดท้ายบทสนทนาลอยๆ ด้วยประโยคนั้น ยังทันได้เห็นเจ้าหน้าที่สถานทูต จ้องหน้าผมเขม็งเมื่อผมพูดจบ ได้ยินเขาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นปัดเป๋ตอบมาทันทีว่า “เมียคุณไม่รู้ว่าฟุกุคือปลาปักเป้าต่างหาก” ผมพยายามขมวดคิ้วเพื่อซ่อนรอยพิรุธบนใบหน้าขณะยืนกรานต่อไปว่า ตอนออก จากห้องเช่าไป เห็นเพือ่ นของนางมาหา ผมอารมณ์เสียกับการเยีย่ มเยือนทีไ่ ม่มกี ารนัดหมาย ล่วงหน้าบ่อยๆ เช่นนี้ จึงออกจากบ้านไปร้านเหล้า แม้เหตุผลที่ผมโกรธขึ้งจะดูเบาในน�้ำหนัก ไปสักหน่อย แต่ส�ำหรับสังคมคนญี่ปุ่นแล้ว มันเป็นเรื่องปกติในการนัดหมายล่วงหน้าก่อนที่ จะไปมาหาสู่กัน ผมเล่าเรื่อยๆ โดยมองไปที่ผนังห้อง ไม่พยายามท�ำหน้าเศร้าหรือแสดงความรู้สึก อันใดทั้งสิ้น ผมเล่าว่า พอกลับมาตอนรุ่งสางก็เห็นนางนอนตายอยู่ที่โต๊ะอาหาร อ้อ... ผมกลับ มาตอนตีหา้ กว่ามัง้ ... หรือว่าใกล้หกโมงก็จ�ำไม่ได้แม่น นาฬิกาคิตตีม้ นั ว่างัน้ ผมเมา ผมตอบ เรื่อย ๆ อ้อ... โอยะ เจ้าของห้องเช่ากวาดกระไดอยูต่ อนผมกลับ ไปถามแกก็ได้ ผมหาพยาน
20
ได้ตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงหกโมงเช้านั่นเทียว ผมส่ายหัวท�ำนองไม่รู้และขมวดคิ้วจนตาแทบมารวมกันเมื่อเจ้าหน้าที่สถานทูต พยายามคาดคั้นว่าเพื่อนของนางถือของมาหาด้วยจริงหรือ??? กับค�ำถามนี้ ผมพยายามควบคุมมือไม้ไม่ให้สั่นและพยายามขมวดคิ้วให้หน้าย่น มากขึ้น การฝืนท�ำหน้าเศร้าหรือร้องไห้น�้ำตาไหลพรากๆ ไม่ใช่เรื่องท�ำได้ง่ายๆ เลยสักนิด ขมวดคิ้วง่ายกว่าเยอะ... ผมนึกอยากเอาไข่ปลาฟุกุยัดปากเจ้าหน้าที่คนที่คาดคั้นให้ผมอนุญาตให้มีการ ชันสูตรศพใหม่นี่เสียจริงๆ แน่ละ่ ... ผมเป็นเจ้าของศพเมียผม หากผมไม่ยนิ ยอมทีจ่ ะให้ทำ� การใดๆ อินทร์พรหม ยมโลกก็ไม่อาจมาคัดง้างได้ภายใต้กฎหมายในประเทศนี้... เรือ่ งมันยุง่ ขึน้ มาอีกนิดเพราะมีคนตายนอกเหนือไปจากเมียผม แต่การทีเ่ ธอคนนัน้ ไม่มีวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นและก�ำลังอยู่ระหว่างหลบหนีคดีค้าประเวณีรวมทั้งหนีวีซ่าเข้าไป อีกด้วย ท�ำให้ตำ� รวจรวมทัง้ เจ้าหน้าทีห่ น่วยราชการของทัง้ สองประเทศทีเ่ กีย่ วข้อง เหมือนจะ ลืมไปว่าเธอมาตายที่บ้านผมด้วยซ�้ำ โชคเข้าข้างจริง ๆ ผมภาวนาให้ทุกหน่วยงานลืมไปตลอดอย่างนี้ ผู้หญิงไทยอย่างเพื่อนของนาง หรือ แม้แต่นางเองทีเ่ ลิกอาชีพค้าประเวณีแล้วมาแต่งงานกับผมก็เถอะ มีจำ� นวนมากมายในญีป่ นุ่ จนจัดเป็นอันดับต้นๆ รองจากฟิลิปปินส์ และจีน ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่มีต�ำรวจคนไหน ว่างมากพอจะรื้อคดีนี้ออกมาสางใหม่หรอก เพราะดูเหมือนประเทศแม่ของนางก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรกับทางประเทศของผม เหมือนกันนี่นา... ๔ บริษทั ประกันมาตามนัดหมาย เงินก้อนโตทีเ่ ป็นเงือ่ นไขหลังจากนางซึง่ เป็นเมียผม ตาย ได้มาง่ายๆ อย่างนี้เอง... ต�ำรวจสรุปส�ำนวนว่าเมียผมตายด้วยการท�ำปาร์ตี้หม้อปลาปักเป้ากันสองคนกับ เพื่อนแล้วปิดคดี ผมเอื้อมหยิบนาฬิกาแมวคิตตี้ลงมาจากผนังห้อง ขยับเข็มยาวเพิ่มไปอีก ๓๐ นาที หรืออีกที.ี . ขยับให้คนื สูเ่ วลาปกติดงั เดิม พลางนึกในใจว่าไม่เห็นต้องท�ำอะไรให้ยงุ่ ยากถึงเพียง 21
นี้เลย แล้วก็ให้ตายเถอะ... ไอ้เวลาครึง่ ชัว่ โมงทีผ่ มขยับเข้าขยับออกนี่ บอกตรงๆ ผมก็ไม่รู้ จะท�ำมันไปท�ำไมเหมือนกัน...
22
รน บารนี แรมสี่ค�่ำเดือนห้า ย�่ำค�่ำ ๑๐ เมษายน นับพุทธศักราชได้ ๒,๕๕๕ ปี คุณจิม้ แป้นอักษรจนได้ “ค�ำเรียง” ฝากมาสวัสดีอา้ ยภู กระดาษ แทนข้อเขียนไม่เป็นโล้ เป็นพายอื่นใดในกะโหลกศีรษะ อันที่จริงแล้วคุณไม่อยากทิ้งขว้างมันอย่างไม่มีปี่มี ขลุ่ยไว้ในเฟซบุ๊กที่ค�ำเรียงบทนี้เคยพ�ำนักอยู่สักเท่าไหร่นัก (เช่นพี่น้องค�ำเรียงของมัน ทีต่ กตายไม่รตู้ น้ สายปลายเหตุไปก่อนหน้า) และคุณก็นกึ เดาว่า โดยตัวบทของมันเอง สมควรเสนอหน้าในพื้นที่บนกระดาษขาวๆ แห่งโลกจริงส�ำหรับเผยอสุ้มเสียงของมัน บ้างไม่มากก็น้อย แม้เพียงจะเป็นข้อเขียนในจดหมายวรรณกรรมรายสะดวกล็อกคอ แจกแบบลุ่มๆ ดอนๆ อย่างไม่อินังขังขอบกับโคตรเวทีแห่งบรรณพิภพที่ทยอยล้มหาย ตายอนาถไปเลยก็ตามที..
ค�ำรบ มันสมองนั้นกระโชกออกมาดิ้นเร่า เกลือกว่าท่านมิรู้สัมผัส จึ่งขับคาวก�ำจายประดับย�่ำค�่ำ ลมระอุอ้าวอีกวาระหนึ่งแล้วสินะ ลัดนิ้วมือกระชับโกร่งสับกระสุนคว้านคม กัมปนาทต่างสลุตสดุดีสิบสิบร้อยร้อยนัดทะมัดแมง ลมจึงสะบัดไสวผ้าอ้อมภูตผีบนราวเส้นเอ็น เส้นเอ็นอันสะพรั่งจากอสุภะกลัดหนอง ผ้าอ้อมอันทอถักเนิบนือยจากนิ้วมือก�ำย�ำสอดไก
23
ลมยังกรรชากปลิวไกลข้ามฟากฟ้าลีลาศ ชลอ ประดาป ดาดเมือง เมืองเทวดาผีห่ามนุษย์ร�่ำไห้สงบงัน ยังคงเซ่นสังเวยเถิด หากท่านสวาปามระยางค์มูมมามเฉกนี้ ข้าขอตากผ้าอ้อมเป็นผืนบัตรพลีระอุอั่ง ถวายแด่จริยวัตรสะท้อนหา “ความละอาย” เขาอ่านมัน แก้ไขตัวบทโน่นนีน่ นั่ ในความเงียบ ก่อนลุกขึน้ ไปต้มกาแฟ คอยรอ เผาบุหรี่ มวนแรกและมวนสุดท้ายของวัน เพลงดนตรี Steady State ของ Penguin Cafe Orchrestra แหวกอากาศเนือยเนิบก่อนเร้าเร่งเข่นขับเถ้าบุหรีท่ งิ้ เปลวทีล่ ามเลียหว่างนิว้ เขาเค้นความทรงจ�ำนึกย้อนไปถึงยามเช้าวันต่อมาหลังจากค�ำ่ คืนทีช่ ายหนุม่ คนนัน้ ล้ม ลงและลิม่ เลือดทะลักอาบฉาบมันสมองนองเนือง เขารีรนั ภาพนัน้ ตรงหน้าด้วยเว็บไซต์ ยูทูบ คอยตบเตือนตนว่าในคืนนั้นเขามัวไปท�ำเปื้อนอยู่แถวไหน กาแฟขมจัด ขมจัด เหมือนเช้าวันนั้นที่แกจิบดื่มเครื่องดื่มนี้เผื่อบ�ำบัดอาการง่วงเหล้า ก่อนวาบความทรง จ�ำนั้นร่วมกาละกับเขา ไม่สิ กล่าวได้ว่าแนบสนิทเลยทีเดียว แน่นตรึงและสบสลด มัน แจ่มชัดเกินไปและมากสีสนั ประมวลเฉดสีนนั้ ๆ ของบรรดาชายหญิงเด็กหนุม่ เด็กสาว เฒ่ า ชะแรแก่ ชราไปจนถึงภูตผีที่ถูกขุดขึ้นมาโบยตี แ ล้ ว โบยตี อี ก หลายสิ บ ร่ า งใน กาละและเทศะต่อๆ มาซึ่งถูกระบายโทนสีรุ่มร้อนระอุอุกอั่งสุกงอมด้วยความเงียบจน แสบแก้วหู.. ห้วงเวลากว่าหนึ่งเดือนต่อมาหลังจากคุณทักทายไปแล้ว ข้าเพียรเขียน เขียนเผื่อไว้ส�ำหรับ กัน/กลัว/ลืม/เลือน..
24
ครบจ�ำ ข้ายังจ�ำได้... จาก..สีสรรพ์อันเปล่งปริแล่นลุออกมาจากไขมัน ไขมันซึ่งฉาบด้วยสีแดงทาบทา ทาบทาดาดาษแข่งดาวประจ�ำยาม ประจ�ำยามเฝ้าแหนในห้วงสี่สิบคืนสี่สิบวัน วันที่ดุ่มเดินสะทกระเนนเบี่ยงบ่ายหลบเปรี้ยงปะทุฝนเหล็กแหวกอากาศอับชื้นเหงื่อ เหงื่อไคลที่ไหลปนเปมิรู้ร้อนหนาวอับอัดซุกแอบลิ่มเลือด หยาดเลือดซึ่งหลามหลั่งช้าช้าท้าทายอ�ำมหิตอันเงียบเชียบแลสงบงัน ถึง..อิริยาบถหลบๆ ซ่อนๆ ที่เสี้ยนตอกไปในศีลธรรมอึกทึกทุกโพรงลิ้นไก่ ลิ้นไก่อันสบสั่นลั่นเสียงเลียนส�ำนวนซาตานและโวหารเทวดา แลลงนามใบอนุญาตฆ่าในนามความดีด้วยค�ำสมควรตาย คุณ คุ้นๆ บ้างไหม? รน บารนี ปลาย พฤษภาคม’ ๕๕
25
ภู กระดาษ นานานก* นานานกคือภาษาของท้องฟ้า บทเพลงของพวกมันยังอ้อยอิ่ง นกทะมื่นด�ำฝูงใหญ่อาจปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน แต่นั้นก็มิอาจใช่หนทางแห่งการป้องกัน นานานกบาดเจ็บและโดดเดี่ยวทั้งมวล ให้เกาะกลุ่มรวมกันอยู่ ณ ที่ใดสักแห่ง นานานกในแกว่นกล้าแสงตระเว็น นานานกในนวลแสงอีเกิ้ง กลุ่มก้อนปลักโคลนที่โผทะยาน นานาผลึกใสแห่งความทรงจ�ำ เปลวไฟอาจลามเลียสูงกว่าราวปีก แต่มิอาจสูงกว่าท้องฟ้า ในห้วงปรารถนาล�้ำลึกของนานานก นานาต้นไม้ผุดขึ้นจากผืนแผ่นดิน ในความโหยหาของนานานก ผลไม้ก็สุกเต็มก้อนเมฆ เมืองที่สร้างขึ้นจากชั้นชั้นของหิน จะช่วยให้พวกมันได้มีวันหยุดที่จะรัก ฉันเห็นนานานก โผบินออกนอกสายตาพร้อมคาบอาหารในจงอยปาก ทว่าในทุกรุ่งอรุณ กลับมีนกใหญ่ มาโผผินบินวนอยู่เหนือศีรษะของฉัน ดั่งเป็นเทวดาในชุดเกราะอันสวยงาม 26
นั่นคือนกแห่งความฝันของฉัน การงานอันหนักหน่วงของมันคือการเฝ้ามองผืนแผ่นดิน ดวงดาวเกิดพราวแสงด้วยนกนั้น เมื่อโลกมนุษย์ สัมผัสกับโลกของพระผู้เป็นเจ้า ความปีติยินดีของพวกเราคือการหลงทาง.
และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ (การปะทะอันเกรียงไกรในวันที่ 16 ตุลาคม ปี 1976) เขาก�ำลังเดินทางกลับบ้านในวันนัน้ หลังจากทีม่ ปี ระกาศการสลายการชุมนุมจากแกน น�ำแล้ว ทหารหาญยังเพียงแค่ยิงปืนขึ้นท้องฟ้าขู่เล่นเท่านั้น เขาและพวกไม่มีใครคาด คิดเสียเลยว่าจะเกิดเหตุปะทะกันขึน้ มาได้ ทัง้ ๆ ทีช่ ยั ชนะนัน้ ตกเป็นของนิสติ นักศึกษา และประชาชนแล้ว เมื่อทรราชผู้น�ำรัฐบาลได้บรรลุข้อตกลงตามข้อเสนอของฝ่ายเขา แม้จะไม่ได้กล่าวถึงรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่กถ็ อื ว่าคลีค่ ลายไปในทางทีด่ ี เป็นหนทางแห่ง ชัยชนะอย่างแท้จริง หลังจากผ่านการชุมนุมอันยืดเยื้อยาวนานกว่าสามปี เพื่อนของ เขาบางคนที่เป็นแกนน�ำก็ได้ลงจากหลังเสือเสียที หลังจากทุกข์ทรมาน กินไม่ได้นอน ไม่หลับตลอดหลายวันคล้อยหลังที่ผ่านมา กระนั้นก็อาจจะมีบ้างบางกลุ่มที่ไม่พอใจ การยุตกิ ารชุมนุมลง แต่กแ็ ค่เพียงหยิบมือเดียว และทุกอย่างจะเรียบร้อย เพราะชัยชนะ เป็นของพวกเขาแล้ว แต่ทว่าเหตุการณ์ก็ไม่ได้เป็นไปแบบรื่นเริงอย่างที่มันต้องเป็น ขณะที่เขาและพวกก�ำลังเดินกลับบ้านด้วยร้องร�ำท�ำเพลงอยู่นั่นเอง เสียงปืนในระดับ ระนาบนัดแรกก็ดงั ขึน้ มีคนล้มลง และก็จงึ ตามกันมาอีก แสนล้านห่ากระสุนเริม่ ต้นนับ จากนั้น เขามาถึงแนวปะทะที่ยังสงบอยู่ในตอนก่อนเที่ยง กองพันของเขามาพร้อมเต็มอัตรา ศึกทัง้ ก�ำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ เหตุการณ์ยงั ไม่มอี ะไรรุนแรงและไม่มที ที า่ ว่าจะ รุนแรงแต่อย่างใด แต่กระนั้นเขาและพวกก็ได้รับค�ำสั่งให้ยิ่งปืนขู่ขึ้นฟ้าไปพลาง เขา และพวกรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากที่ได้รับค�ำสั่งให้ปฏิบัติการณ์ในคราวนี้ แม้อาจ จะไม่เต็มสตรีม แต่ก็พอจะช่วยผ่อนคลายได้ดีนักหลายทีเดียว นิสิต นักศึกษาและ ประชาชนที่อยู่ตรงแนวปะทะต่อหน้าเขาและพวกก�ำลังสลายตัว ท่านผู้น�ำรัฐบาลได้ เจรจาตกลงจนบรรลุข้อตกลงได้แล้ว ทว่าขณะที่รอค�ำสั่งให้ถอนก�ำลังกลับสู่ที่ตั้งอยู่ 27
นั่นเอง เขาและพวกก็ยิงปืนขู่ขึ้นท้องฟ้าไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆ ก็มีลูกปืนหล่นลงมาจาก ท้องฟ้า ตกลงมาใส่ตรงรถถังของกองพันของเขาหนึ่งลูก เขาเห็นกะจะว่าหัวกระสุน ทองแดงลูกนั้นกระเด็นกระดอนกลิ้งไปอย่างไม่สามารถควบคุมทิศทางได้หลังจากที่ ตกกระทบแล้ว เสียดสีกันกับตัวถังรถถังจนเกิดประกายไฟแปล๊บปลาบ กลิ่นขิวขื่น เหม็นไหม้จากการเสียดสีกันนั้นท�ำให้เขาขมปร่าที่โคนลิ้น แต่ทว่าไม่มีใครได้รับบาด เจ็บหรือเสียชีวิต ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นลูกปืนของฝ่ายใด แต่ด้วยหน้าที่ชีวิตรับผิด ชอบ คือค�ำตอบทีร่ อู้ ยูม่ สิ สู้ นิ้ เขาและพวกก็จงึ กระหน�ำ่ ยิงในแนวราบใส่นสิ ติ นักศึกษา และประชาชนทีอ่ ยูต่ รงหน้าอย่างเหีย้ มหาญ การปะทะกันอย่างเป็นทางการจึงเริม่ ต้น ขึ้นอย่างดุเดือดนับจากนั้น หลังจากนัน้ อีกหลายชัว่ โมงต่อมาเขาก็ออกจากต�ำแหน่งผูน้ ำ� รัฐบาลโดยหวังว่าจะท�ำให้ สถานการณ์ตา่ งๆ นัน้ ดีขนึ้ บ้าง และอีกคนหนึง่ ก็ได้ขนึ้ ไปรักษาการในต�ำแหน่งแทน แต่ ทว่าเหตุการณ์ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา เขาและพวกจึงจ�ำใจออกนอกประเทศ พระสยาม เทวาธิราชจึงประเทืองอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ปกบ้านคุ้มเมืองเอาไว้ได้อีกครั้ง และแล้ว ชัยชนะอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจึงได้ปรากฏชัดขึ้นนับจากนั้น.
* นานานก ถอดความจากบทกวี Birds (鸟) โดย Xi Chuan พากย์ฝรั่งโดย Tao Naikan and Tony Prince Xi Chuan (China, 1963 - ) เป็นหนึ่งในกวีที่มีอิทธิพลที่มากที่สุดในแวดวงกวีจีนร่วมสมัย. 28
จารุพัฒน์ เพชราเวช ถึง รน บารนี ที่ระลึกถึงในวันที่โลกมีสามฤดูในวันเดียว ผมส่งเรือ่ งสัน้ มาให้อา่ นเล่นๆ เกีย่ วกับอะไรนัน้ เชิญทัศนาเองนะครับ ขอสัน้ ๆ เพราะ เรื่องนี้ออกจะกินพื้นที่เยอะไปหน่อย ขอจงมีความสุขในยุคที่เรามีนายกเป็นแม่งิงนะครับ เขมราฐ อุบลราชธานี ปลาย มกราคม 2555
ขี้เจี้ยมกับแข้* (จิ้งจกกับจระเข้) สายฝนสาดกระหน�่ำลงมาอย่างหนัก กระแสลมถาโถมรุนแรง หอบเอาเม็ดน�้ำมหาศาล กระแทกใส่ชายชราจนแสบปลาบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง มันรู้สึกเจ็บแปลบราวกับถูกใครเอาหิน หนามหน่อปาใส่ทีละเป็นสิบก�ำมือ แต่นั่นก็ไม่ทำ� ให้แกเจ็บปวดเท่าบาดแผลเหวอะหวะตรง น่องที่เพิ่งผ่านมาแล้วชายชราเสียวสันหลังวาบ ถ้าไม่ได้ฉมวกอันนั้น ป่านนี้ แกได้นอนอยู่ใน พุงมันแล้ว... ยังดีที่ว่าแผลไม่ลึก และฉกรรจ์มากนัก ฟันของมันงับแค่ถากๆ เพราะแกซัดฉมวก อัดเข้าดวงตามันได้กอ่ น แต่นนั่ ก็ทำ� ให้เลือดแกแดงฉานทัว่ แผ่นน�ำ้ ต้องท่องคาถาคัดเลือดอยู่ หลายรอบกว่าจะหยุด ชายชราม้วนผ้าขาวม้าพันแผลเอาไว้ จึงค่อยๆ กระเสือกกระสนหาที่ หลบภัย หวิดเนินน�ำ้ ท่วมมาได้ไม่เท่าไหร่ ฝนก็เทลงมาราวฟ้ารัว่ ท�ำให้ตอ้ งมุดเข้ากระท่อมริม ของอย่างเร่งรีบ ข้างนอกม่านฝนยังปกคลุมแน่นหนา หยาดฝนสีขาวแผ่เป็นสาย สาดกระหน�ำ่ รุนแรงจนแทบมองไม่เห็นแมกไม้ชายป่า ทั้งกระแสลมบ้าคลั่งก็ถาโถมอยู่ตลอดเวลา ท่าทาง สายฝนวันนี้จะยาวนานเสียแล้ว ชายชรามองไปทางแม่น�้ำ นึกถึงแข้ตัวนั้นแล้วใจหาย มันมาจากไหนกันนะ แกคิด นานมาแล้วทีไ่ ม่คอ่ ยพบแข้ในแม่น�้ำสายนี้ ครัง้ ล่าสุดทีเ่ ห็นก็ตงั้ แต่คราวฟากของแตก พวกมัน มากินซากศพคนตายที่ลอยมากับสายน�้ำ ลอยคอมาตามริมตลิ่งเหมือนขอนไม้ ศพที่เป็น อาหารของมันส่วนมากมักเป็นทหารทีม่ ผี า้ แดงผูกคอ แต่กม็ พี วกไทบ้านอยูไ่ ม่นอ้ ยเหมือนกัน ตอนนั้นแกยังหนุ่มน้อย ไม่รู้ดอกว่าเป็นทหารฝ่ายไหน หรือไทบ้านกลุ่มใด ศพเหล่านี้ลอยมา กับน�้ำ โดยมากอวัยวะไม่ค่อยอยู่ครบ ไม่โดนแข้งาบก็ถูกปลาตอดเล็ม จมูก ใบหู หรือ แม้ กระทั่งแขนขา ทั้งร่างเป็นแผลเหวอะหวะดูน่าสยดสยอง ส่วนพวกที่ครบสามสิบสอง มักจะ พบแขวนโตงเตงอยู่ตามต้นไม้ แข้มาชุมชมที่สายน�้ำแห่งนี้ราวกับเป็นงานบุญก็ไม่ปาน 29
พออิ่มท้องแล้ว พวกมันก็จะนอนผิงแดดตามฝั่งท่าอ้าปากกว้างราวกับอุโมงค์ หรือไม่ก็หมก ตัวอยู่ในโคนริมตลิ่ง ถึงจะมีอาวุธปืนหรือแม้แต่ระเบิด ทว่าไทบ้านก็ไม่กล้าที่จะตอแยกับมัน กลัวบักแข้พวกนี้จะเอาคืน เล่นงานในยามออกหาปลาตามแม่น�้ำ ทางใครทางมันเป็นดีที่สุด อยากกินซากกินไป แต่อย่ามาขวางปลายกระบอกปืนก็แล้วกัน เขาว่ากันอย่างนั้น พวกมัน ยึดครองน่านน�้ำอยู่เป็นปีๆ จนกระทั่งศึกเสือสงบลง นานๆ จึงจะมีคนเห็นมันที ส่วนใหญ่ เฉพาะยามน�้ำขึ้นอย่างเช่นวันนี้ ความจริงชายชราเลิกอาชีพหาปลาในแม่นำ�้ มานานแล้ว เพราะว่าทุกวันนี้ปลาหา ยากออกเรือไปแรมวันแรมคืน ก็ไม่ได้ปลาพอให้ลูกเมียยาไส้ แกหันมาหักล้างถางพงท�ำไร่ มัน จึงค่อยมีรายได้พอจุนเจือครอบครัวหน่อย แต่ก็ว่านั้นแหละ ยังไม่มีทีท่าว่าฐานะจะ กระเตื้องขึ้นมาได้เลย ช่วงนี้แกต้องมาเฝ้าทุกวัน คอยเปิดทางระบายน�้ำออกจากร่องไม่ให้ ท่วมเหง้ามันที่ก�ำลังลงหัว ฝนตกเป็นเดือนๆ แล้วไอ้ที่ระบายไม่ทันก็ถูกท่วมไปแล้วบางส่วน ยืนต้นตายใบเหลืองราวกับจีวรพระ ไม่รู้ว่าความเสียหายจะมีอีกเท่าไหร่เพราะฝนยังคงขึง ม่านหนาแน่น ไม่มีทีท่าจะผ่อนเพลาลงเลย พอเปิดทางน�้ำเสร็จ เห็นน�้ำขึ้นมากนึกถึงอาชีพที่ เคยท�ำ อยากสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ตัง้ ใจจะลองกางมองเผือ่ จะได้ปลามาลาบสักตัวสองตัว ดันซวยเจอบักแข้เข้าเสียได้ สายฝนยังไม่มที ที า่ ว่าจะสงบลงง่ายๆ มวลฝนมหาศาลกระหน�ำ่ ลงดินไม่ยงั้ ก่อนจะ รวมเป็นเกลียวน�ำ้ ผสมดินเลนขุน่ คลัก่ ไหลพันกันลงตามโสกดินสูส่ ายน�ำ้ เบือ้ งต�ำ่ ชายชรานัง่ มองแผลของตัวเองอย่างพิเคราะห์ นับว่าโชคดีอีกชั้น ที่ไม่โดนมันงับเข้าตรงเอ็นร้อยหวาย ไม่เช่นนั้นเห็นทีจะลากขากลับบ้านไม่ไหวแน่ๆ โดยเฉพาะในยามที่ฝนตกหนัก ร่องทางเทียว ลื่นๆ แบบนี้ ชายชราควักยาเส้นในกระเป๋าเสือ้ ออกมามวน เพือ่ ฆ่าเวลา ความชืน้ ท�ำให้มวนแสน ยากเย็น แต่นั่นก็ไม่ทำ� ให้แกรู้สึกหงุดหงิดแต่ประการใด ด้วยความช�ำนาญเพียงไม่นานก็ได้ ปล่อยควันโขมงเรีย่ รอยไปตามตับหญ้าคา ชายชรามองตามสายควันทีล่ อยอ่อยเอือ่ ยไปตาม ขือ่ ไม้ไผ่เบือ้ งบน ในหัวคิดว่าเมือ่ ใดฝนถึงจะหยุด แกจะได้กลับบ้านไปท�ำแผลเสียที ปล่อยไว้ นานกลัวจะอักเสบ รักษาไม่หาย แกยิง่ เป็นเบาหวานอยูด่ ว้ ย ทุกวันนีจ้ ะเดินเหินยังล�ำบากอยู่ แล้ว ยิ่งถ้าต้องมาเสียขาอีก แกคงรับไม่ได้แน่ๆ ขณะชายชราก�ำลังครุ่นคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น สายตาแกก็พลันเหลือบไปเห็นจิ้งจก ตัวหนึ่ง นอนแนบอยู่กับขื่อไม้ไผ่ หัวของมันหันมายังทิศที่แกนั่งอยู่ ส่วนดวงตาจ้องเขม็งมาที่ แก เจ้าจิ้งจกตวัดลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก ท�ำราวกับจะตวัดกินแมลง แต่จังหวะนั้นกลับไม่มี แมลงบินผ่านมาแม้แต่ตวั เดียว ถ้าเป็นบักฮุย หมาทีบ่ า้ น คิดว่ามันคงก�ำลังท�ำท่าขีเ้ ล่นหยอก เย้ากับแกเป็นแน่ แต่นมี่ นั จิง้ จก ไม่ใช่สตั ว์แสนรูส้ กั หน่อย มันท�ำท่า แบบนีก้ บั แกท�ำไมนะ คิด ไปเรื่อยเปื่อยเพราะไม่รู้จะท�ำอะไรระหว่างรอคอยอย่างน่าเบื่อเช่นนี้ แกมองไปด้านนอก ไม่ 30
อยากสนใจ แต่บรรยากาศยังเหมือนเดิม ท�ำให้ตอ้ งแหงนขึน้ มองบนขือ่ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ อีกหน คราวนี้จิ้งจกตวัดลิ้นเลียปากสามสี่ครั้งติดกันแล้วอ้าปากใส่ชายชรา ท�ำให้แกถึงกับ สะดุ้ง เฮ้ย ! แกอุทานเบาๆ มองมันอีกที คราวนี้ยิ่งเลียแผลบๆ ต่อเรื่องยืดยาว ราวกับลิ้นงูที่ แลบออกมาดมกลิ่น มันอะไรกัน ความสงสัยในใจเพิ่มขึ้น ขนแกลุกซู่ รู้สึกตึงไปถึงหนังหัว ความหนาวเย็นในยามนีต้ า่ งหากทีท่ �ำให้ขนลุก แกบอกกับตัวเอง จิง้ จกไม่เกีย่ วดอก แต่พลัน นั้นจิ้งจกอีกตัวก็ไต่ตามขื่อมานอนอยู่ใกล้ๆ ตัวแรก แล้วมันทั้งสองต่างก็ตวัดลิ้นใส่ชายชรา พร้อมๆ กัน ชักไม่ค่อยดีแล้วสิ แกคิด มันต้องมีอะไรสักอย่างที่จะเกิดขึ้นกับแกแน่ๆ แกก�ำลัง คิดว่า ทีม่ นั ท�ำแบบนีจ้ ะเข้าลักษณะเดียวกันกับการร้องทักของมันรึเปล่า เฮ้ย...นีม่ นั อะไรกัน วะ จิง้ จกตัวทีส่ ามไต่มาตามขือ่ มันมาหยุดต่อแถวแล้วท�ำท่าเหมือนกับสองตัวแรกไม่มี ผิดเพีย้ นแม้เพียงนิด ชักจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว ชายชราเริม่ ไม่ไว้วางใจกระท่อมทีแ่ กพักพิงเสีย แล้ว ผี! ผีหลอกกลางวันแน่ๆ ทว่าคนมีของดีอย่างแกมีหรือจะกลัว ชายชราก้มลงมองใต้ถุน ถอดไม้ล�ำปอที่มัดเป็นโค่นอยู่เบื้องล่างขึ้นฟาดไล่จิ้งจกทั้งสามตัว จนต้องแตกกระเจิงเข้าใต้ ซอกตับหญ้า หึ...นึกว่าจะแน่ แกคิด ขอพักหลบฝนหน้อยท�ำเป็นมาไถ่ถาม “ข้อยมาดี แค่ขอ อาศัยหลบฝนหน่อยเท่านัน้ แหละ อย่ากวนกันเลย” แล้วก็บริกรรมคาถาป้องกันตนเอง พลาง แผ่เมตตา บรรยากาศในกระท่อมเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ข้างนอกฝนยังคงตกหนัก และ ดูท่า กระแสลมจะรุนแรง บ้าคลั่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ด้วยความหนาวเย็น ท�ำให้ชายชราต้องหาฟืนมาก่อไฟผิง โชคดีที่กระท่อมหลังนี้มี เตาฮางเก่าอยู่ใต้เพิงด้านตะวันออก และ กองฟืนอยู่ใกล้ๆ เก็บไม้กองเข้าในเตาไม่นานเปลว แห่งความอบอุ่นก็วอมแวมขึ้นมา ควันสีเทากลุ่มใหญ่โขมงลอยขึ้นหลังคา แกเร่งเป่าให้ลุก โชติช่วงขึ้นเร็วไว แล้วยื่นมืออังเพื่อคลายความหนาวเย็น ระหว่างที่แกเพลินอยู่กับกองไฟอัน อบอุน่ นัน้ จิง้ จกทัง้ สามตัวค่อยๆ ไต่ออกจากหลืบตับหญ้าคามาเข้าแถวเรียงรายอยูต่ รงไม้ขอื่ อันเดิมอีกครัง้ พวกมันแสดงกิรยิ าท่าทางเหมือนเดิมสักพัก แล้วไต่ตอ่ แถวกันลงมาตามไม้ขอื่ เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ชายชราพอมองเห็นได้ถนัดจึงหยุดท่าทางของพวกมันเหมือนลงใจ ส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้แกรู้และเพียงชั่วอึดใจจิ้งจกอีกสี่ตัวจากซอกหลืบใดไม่ทราบ กรูกนั มาต่อแถวอีก รวมเป็นเจ็ดตัว ซึง่ เป็นจังหวะเดียวกับทีช่ ายชรากันไปมองพอดี ท�ำให้แก ถึงกับผงะ ตาเบิกโพลง จ้องมองพวกมันด้วยความตื่นตระหนก นี่มันอะไรกัน ย�ำ้ ค�ำพูดเดิม ในใจอย่างงุนงง แล้วจิ้งจกตัวหนึ่งก็กระโดดตุบลงดิน ก่อนจะหันหัวมาทางแก แล้ววิ่งเข้าหา ขาที่มีบาดแผลซึ่งเกิดจากรอยฟันของบักแข้ ตีนเหนียวๆ ของมันไต่มาถึงปลายเท้าอย่าง รวดเร็ว ท�ำให้ชายชราต้องรีบปัดป้องพัลวัน เจ้าจิ้งจกถูกแรงมือแกกระเด็นไปตก ในร่องน�้ำ นอกชายคา แล้วพลันนั้นจิ้งจกตัวต่อมาก็กระโดดลงดินพุ่งเข้าใส่แกอีก บัดนี้สองมือชราเร่ง ปัดป่ายวุ่นวาย ความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในใจ จิ้งจกตัวที่สองกระเด็นเข้าเตาฮาง และถูกไฟ 31
เผาจนร่างเกรียมไหม้ส่งกลิ่นฉุนไปทั่วกระท่อม จากนั้นจิ้งจกที่เหลืออีกห้าตัว ก็กระโจนลง มาใส่ร่างแกพร้อมๆ กัน ชายชราสะดุ้งสุดตัว แทบถลาลงในเตาฮาง ดีที่คว้าต้นเสาไว้ทัน แก รีบปัดจิ้งจกออกจากตัวมือระวิง กว่าพวกมันจะหลุดออกไปจนหมด เล่นเอาแกถึงกับหอบ แฮกๆ ด้วยความเหน็ดเหนือ่ ย จิง้ จกพวกนัน้ ลอยหายไปกับร่องน�้ำ บางตัวไต่ยอ้ นกลับไปบน หลังคา ชายชรานั่งครุ่นคิด สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น แกก�ำลังคิดถึงคาถาอาคมของตัวเองเสื่อม คลายความเขือ่ งขลังลงหรืออย่างไร ท�ำไมมันต้านทานผีปา่ พวกนีไ้ ม่ได้ ทว่าแกก็ไม่เคยละเมิด ข้อห้ามที่ครูบาอาจารย์ได้สั่งสอนเลยนี่หน่า ไม่เคยลอดราวตากผ้า ไม่เคยโกหกมดเท็จ ไม่ เคยฉ้อโกงผูใ้ ด ไม่เคยล่วงละเมิดลูกเขาเมียใคร ไม่เคยดืม่ เสพสุราเมรัย ไม่เคยท�ำผิดศีลธรรม เลยแม้แต่ข้อเดียว หรือ ผีพวกนี้มันจะมีอิทธิฤทธิ์ที่เหนือกว่าเวทย์มนต์ของแก ชายชราคล�ำ ไปที่ตะกรุดตรงบั้นเอว ปลดออกมาแล้วประนมไว้ใจกลางฝ่ามือ บริกรรมคาถาอีกครั้ง ไม่ใช่ เป็นการลองดี หรือ อยากต่อกรกับภูตผีในป่าแห่งนีเ้ พียงแต่อยากบอกพวกเขาว่าแกมาดี และ เป็นคนของที่นี่มานานแล้ว หากเป็นผีหลง หรือวิญญาณเร่ร่อนของพวกทหารหรือไทบ้านที่ ตายไปเมื่อหลายสิบปีก่อนก็ขอจงรับรู้เอาไว้เมื่อฝนซาฟ้าแจ้งจะท�ำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ อย่าได้มาข้องแวะกันอีก ของที่แกถือนี้ เป็นแต่เพียงของรักษา ไม่ใช่ไสยเวทมนต์ด�ำใดๆ ทั้ง สิ้น ชายชราลดมือลง ลืมตาขึ้นมา สายฝนข้างนอกเบาบางลงบ้างแล้ว แต่ยังไม่เม็ด ท้องฟ้ายังคงครึ้มด�ำ เหมือนอุ้มน�้ำไว้รอกระหน�่ำลงมาระลอกใหม่ หากถ่อสังขารกลับตอนนี้ คงพอไหว แกค่อยๆ ยันกายลุก มือรัง้ ต้นเสาช่วยทรงตัว แต่พอก�ำลังจะก้าวเท้าจิง้ จกนับร้อย ตัว ก็ลอยมาตามร่องน�้ำขึน้ มาเกาะทัว่ คันดินรอบร่องชายคา ดวงตาของพวกมันจ้องเขม็งมา ที่แกจุดเดียว ชายชราขนลุกชูชัน มือไม้สั่นเทา แข้งขาอ่อนเปลี้ยหัวใจเต้นโครมคราม ยืนหัน รีหนั ขวางมองไปทางไหนก็มแี ต่จงิ้ จกเต็มไปหมด ทัง้ จิง้ จกหิน จิง้ จกกาบไม้ จิง้ จกลาย ตาโปน เหมือนตุ๊กแก ทั้งเล็กทั้งใหญ่แลบลิ้นแผลบๆ ใส่แกราวกับเป็นเหยื่ออันโอชา แกยืนโงนเงน จดๆ จ้องๆ สองจิตสองใจ จะฝ่าออกไปหรือจัดการกับพวกมันด้วยดุน้ ไฟดี อย่างนีไ้ ม่ใช่ผสี าง นางไม้แล้วล่ะ มันเป็นทาสบริวารของบักแข้ต่างหาก ใช่ๆ แกเพิ่งนึกออก ครั้งหนึ่งปู่เคยเล่า ให้แกฟังว่า ใครที่ถูกแข้กัดแล้วถูกจิ้งจกเลียแผล คนๆ นั้นก็จะถึงแก่ความตาย เว้นแต่ว่าจะ ปะแผลด้วยว่านชือ่ เดียวกับสัตว์ชนิดนีไ้ ด้ทนั แข้กบั จิง้ จกมีตอ่ มน�้ำลายพิษทีต่ กทอดภุงกัน ถ้า แข้กดั ใครแล้วคนผูน้ นั้ ไม่ตายในทันที ก็จะถูกจิง้ จกตามรังควานจนตาย หากตายอยูใ่ กล้แหล่ง น�้ำแข้ก็จะมาคาบไปกินต่อ เมื่อจิ้งจกได้กลิ่นน�้ำลายจากแผลที่แข้กัด พวกมันก็จะติดตาม กลิ่นนั้นไปทุกหนทุกแห่ง จนกว่ามันจะเลียแผลได้ หากจิ้งจกตัวไหนเลียแผลที่แข้กัดเป็นผล ส�ำเร็จมันก็จะกลายเป็นแข้ กลายเป็นสัตว์ที่มีอ�ำนาจมากที่สุดในแหล่งน�้ำ ไม่ต้องเป็นจิ้งจก ที่ต�่ำต้อยอีกต่อไป และที่ส�ำคัญ แกจ�ำได้ว่าเมื่อคราวศึกเสือใกล้จะสิ้น แกกับพ่อเคยช่วยไท บ้านคนหนึ่งที่บาดเจ็บจากการโดนแข้งับ แต่แผลไม่ลึก ฟันของมันฉีกเนื้อเขาพอๆ กับ 32
บาดแผลของแกในตอนนี้ เมื่อเห็นแผลเล็กน้อยทุกคนจึงไม่รีบร้อนอะไร แกกับพ่อน�ำเขาไป พักไว้ทกี่ ะท่อม ลืมเรือ่ งเล่าจากปูไ่ ปเสียสนิท เมือ่ กลับจากกู้มองพบว่า เขาสิน้ ใจตายเสียแล้ว โดยมีจิ้งจกนับร้อยเกาะอยู่ทั่วร่าง แกเคยเจอเรื่องแบบนี้มาหนหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงค่อนข้างที่ จะเชื่อมั่นว่าเป็นไปได้จริงๆ ไม่ใช่ผีแน่ๆ มันต้องเกิดแต่เหตุน�้ำลายพิษนั่นแน่ๆ แข้อยากกิน แก ส่วนจิง้ จกก็อยากเลียแผลเพือ่ จะได้ใหญ่โตเหมือนดังแข้ ทัง้ แข้ทงั้ จิง้ จกต่างก็อยากได้ผล ประโยชน์จากซากศพแก ดังนัน้ มันจึงช่วยกันเพือ่ ให้ทงั้ สองฝ่ายบรรลุเป้าหมาย เป็นลักษณะ เดียวกันกับเสือ และ แมว คนที่ถูกแมวเลียหากเข้าป่า เสือก็จะตามกลิ่นน�้ำลายแมวมา แล้ว ตะปบหักคอคาบไปกิน ส่วนคนที่ถูกเสือกัดหรือ แค่ข่วน เมื่อถูกแมวเลียแผล เขาคนนั้นก็จะ ตาย แล้วแมวตัวนัน้ ก็จะกลายเป็นแมวโพง ก่อนจะกลายเป็นเสือในทีส่ ดุ คิดมาถึงตอนนีช้ าย ชราใจคอไม่สู้ดีเลย เนินน�้ำท่วมอยู่ห่างจากที่นี่ไม่เกินยี่สิบก้าว เป็นไปได้ว่าบักแข้อาจก�ำลัง ซุม่ อ�ำพรางตัวอยูท่ ไี่ หนสักแห่ง รอให้จงิ้ จกเหล่านีร้ มุ สกรัมแกเสร็จเสียก่อน จึงจะมาคาบร่าง ไปกิน ชายชราเอื้อมมือไปคว้าดุ้นไฟในเตา เตรียมขับไล่จิ้งจกไปให้พ้นบาดแผล ท่าทางของ แกไม่ตา่ งอะไรกับหมาแก่ทบี่ าดเจ็บและจนตรอก หวัน่ ในอกเหลือเกินว่าจะต่อกรกับพวกมัน อย่างไรดี หัวใจแกห่อเหี่ยวลงทุกนาที ไม่เคยประสบชะตากรรมเลวร้ายเท่านี้มาก่อนในชีวิต ถ้ายังหนุ่มคงจะลองวิ่งฝ่าฝนออกไปร้องเรียกให้คนที่อาจอยู่ในไร่แถบนี้ช่วย แต่แกชราภาพ เกินกว่าสังขารจะอนุญาตให้ท�ำเช่นนั้นได้ ความจริงน่าจะนึกออกตั้งแต่ทีแรก หากแกกลับ ตั้งแต่ตอนนั้นอะไรๆ คงไม่เลวร้ายเช่นนี้ ไพล่คิดถึงแต่เรื่องผีสางนางไม้ที่มันไม่เชื่อมโยง เกี่ยวข้องกันแม้เพียงนิด ชายชรามองไปที่จิ้งจกซึ่งเรียงรายยั้วเยี้ยอยู่ตามชายคากระท่อม มันช่างเป็นภาพที่น่าขยะแขยงสิ้นดี จิ้งจกทั้งหลายอ้าปากสลอน บ้างแลบลิ้นแผลบๆ โก่งหลังขึ้นจนโค้งงอ หางชี้ตั้ง และกระดิกไปมา ดวงตาจ้องมองชายชราราวราชสีหจ์ อ้ งตะปบเหยือ่ และยังมีพรรคพวกอีก นับร้อยนับพันตัวก�ำลังลอยตามน�ำ้ มา มุ่งขึ้นบกที่ชายคากระท่อม ส่วนท่าน�ำ้ เบื้องไกลยิน เสียงบางสิง่ บางอย่างฟาดแผ่นน�ำ้ อยูโ่ ครมๆ และบัดนีส้ ายฝนได้กระหน�ำ่ ลงมาอีกครัง้ ฟ้าเบือ้ ง บนค�ำรามครามครืน ชายชราถือดุ้นไฟก้าวขึ้นไปกระท่อม ร่างแกสั่นงันงกหัวใจเต้นระรัว เหมือนจะกระดอนออกมานอกทรวงอก รู้สึกมึนตึงไปทั้งหัว ดวงตาพร่าเบลอ หมดหนทาง จะต่อสูก้ บั สัตว์ลกึ ลับเหล่านีโ้ ดยสิน้ เชิง หนทางเดียวทีแ่ กจะรอดคือต้องรอคอยใครสักคนมา ช่วยเหลือ ก่อนทีพ่ วกมันรุมขยุม้ จนไม่เหลือซากให้ลกู หลานได้ยกใส่เชิงตะกอน ขณะทีจ่ งิ้ จก นับพันตัวก�ำลังไต่ตามแกขึ้นมา ท่าทางของพวกมันต่างก็ลิงโลดดีใจกันอย่างที่สุด.
* แข้ ความหมายตรงตัวในภาษาถิ่นอีสานคือจระเข้ แข้ อีกนัยยะหนึง่ คือ คนตะกละตะกลาม และ คน เอาแต่ได้ ไม่ชอบ ไม่ลงทุน หรือถ้าลงทุนก็นอ้ ยเต็มที 33
ภาณุพงษ์ คงจันทร์ เรียน คณะผู้เขียนจดหมาย ผมส่งแสตมป์สวยๆ มาให้ ส่งเสริมพลังใจ ขอให้มีความสุขทุกๆ คนนะครับ
ธีร์ อันมัย ถึง ภูมิชาย คชมิตร สวัสดีปีใหม่นักเขียนหนุ่มขอให้สุขภาพแข็งแรงมีพลังสร้างสรรค์งานเข้มข้น มีแรง บันดาลใจค้นพบแสงแห่งปัญญาทีจ่ ะน�ำทางสังคมให้รงุ่ เรืองไปข้างหน้านานๆ กาลล่วงผ่าน วันเด็กวันครูโปสการ์ดอนาถาซุกตัวเงียบงันในกระเป๋าเดินทางใบเก่าๆ ความหลงลืมผนึก ก�ำลังร่วมกว่าจะเห็นอีกทีก็ 18 มกราคม ปีที่แล้วได้เขียนงานวรรณกรรมไว้มากมายตามปกติแต่ก็ได้ท�ำกิจกรรมทางสังคม เข้มข้นและเพิม่ ขึน้ จากปกติ จึงถือว่าปี 2011 นัน้ ผมได้ทำ� สิง่ ทีค่ วรท�ำได้เรียนรูอ้ ะไรมากมาย พอสมควร ล่วงเข้าปีนี้ 2012 ตั้งใจจะเขียนเรื่องสั้นเข้มๆ สัก 2-3 เรื่อง เขียนเพลงหวานๆ สัก 1-2 เพลง เขียนบทความทางวิชาการสักบท รักษาวิถขี องตัวเองไม่ให้หลงไปกับความผันแปร รอบข้าง อ่านหนังสือเล่มหนาๆ ให้จบสักสองสามเล่ม ซื้อใหม่ให้น้อยลงอ่านและใช้ที่มีอยู่ให้ เต็มที่กว่าเก่า ตอนนี้ก�ำลังลุ้นชายคาเรื่องสั้นเล่ม 3 กับพี่มาโนช และภู กระดาษ มีภารกิจผลิต ข้อมูลป้อนเว็บไซต์เรื่องความมั่นคงทางอาหารและผมจะเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์แก้ไข มาตรา 112 ร่วมกับกวีราษฎร์ และคณะนักเขียนแสงส�ำนึก โม้มาเยอะเพียงแต่จะถามว่านักเขียนเกาหลีบนอย่างภูมิชายละว่าอย่างไร
34
โชคชัย บัณฑิต’ ถึง คณะผู้เขียนจดหมาย คณะค�ำสัมผัสขนัดแน่น ผู้ลอกเปลือกเลือกแก่นแม่นสัมผัส เขียนอารมณ์สมค่าสารพัด จดถ้อยค�ำจ�ำรัสได้ชัดเจน หมายสร้างสรรค์วรรณกรรมด้วยความรัก สวัสดีที่ทอถักสร้างวรรคเด่น ปี 55 สารพัดให้จัดเจน ใหม่ความคิดบิดเล่นก็เป็นงาน
ดลสิทธิ์ บางคมบาง คณะผู้เขียนจดหมาย ที่รัก ค่าแสตมป์ที่ส่งจดหมายวรรณกรรมมาคงหลายอยู่ จึงส่งแสตมป์เท่าที่มีอยู่มาเพื่อช่วยลดภาระบ้าง ป.ล. ลงปกรูปจอมพลสฤษดิ์ จะบอกว่าเขาเป็นความภูมิใจของคนอีสาน หรืออะไรอย่างอื่นที่ลึกไปกว่านั้น และขัดกันกับความข้างต้น
ดลสิทธิ์ บางคมบาง 20 มีน” 55 35
ภูมิชาย คชมิตร ชามกลางคืน ที่คิดถึง หน้าฝน ลมพัดกระโชกแรงสายฝนโปรยปราย ปูตัวหนึ่งเดินมาทักทายเราถึงประตูบ้าน เราเดินมาต้อนรับแล้วพาปูไปปล่อยข้างทางที่สายน�้ำฉ�่ำชื้นไหลเอื่อยเนิงนอง ปู ก้าวเดินไม่ตรง ปูยืนยัน อย่างมั่นคง หน้าฝนเราส่งจดหมาย หน้าหนาวเราเดินทางออกจากบ้านไปหมู่บ้านชายแดน ไทย-พม่า ในจังหวัดภาคตะวันตก แมวตัวเล็กๆ คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เป็นเวลานานมากแล้ว ชามกลางคืน กว่าเราจะเดินทางกลับบ้าน เราเขียนเรื่องสั้นมาให้อ่านด้วย
เรื่องสั้น : แมวกับความใฝ่ฝันสามัญ 1.ข้าพเจ้าในโรงครัว
รุ่งเช้า ข้าพเจ้านึ่งข้าวอยู่ในโรงครัว เช้านี้ก็เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา ความมืดค่อยๆ คลายความ เข้มข้น ท้องฟ้าพลันสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ ข้าพเจ้าเดินไปปิดสวิตซ์ไฟในโรงครัว แล้วกลับเข้า บ้านอีกครัง้ ก่อนทีจ่ ะออกมาพร้อมกับแก้วกาแฟหอมกรุน่ และสมุดบันทึกเล่มกะทัดรัดพร้อม ด้วยปากกาลูกลื่นด้ามโปรด ข้าพเจ้าต้องการที่จะเขียนบางสิ่งเก็บไว้ โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่ ไม่ต้องเร่งรีบไปเก็บผักอีเสิศ (ชะพลู) เพื่อไปส่งให้แม่ค้าขายแหนมที่ตลาดใกล้บ้านเช่นเดิม เนื่องจากแม่ค้าต้องไปเฝ้าสามีของเธอที่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวัน หน้าหนาวแล้ว
36
2.แมวในโรงครัว
รุ่งเช้าเช่นนี้ มีเพียงแมวตัวเล็กๆ สีขาวจุดสีน�้ำตาล อยู่เป็นเพื่อน ลูกแมวชอบมาผิงไฟอยู่ข้างเตา บริเวณ โคนหางของมันขนหลุดร่วง เนือ่ งจากได้รบั อุบตั เิ หตุกระทะน�ำ้ มันพลิกคว�ำ่ น�ำ้ มันร้อนๆ ก็เลย สาดลวกที่หางเจ้าแมวเหมียว ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์แผลนั้นจึงหายเหลือเพียงแผลที่หนัง แห้งเกรอะกรังรอเพียงขนสีขาวและน�้ำตาลชุดใหม่จะขึ้นมาแทนที่ แต่แมวก็ไม่มีทีท่าว่าจะ กลัวไฟแต่อย่างใดเลยซ�้ำยังมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างเตาไฟไม่ยอมห่าง ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว 3.ข้าพเจ้าข้างเตาไฟ
รุ่งเช้า ข้าพเจ้าชอบขีดเขียนอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก่อนทีจ่ ะเดินทางออกจากบ้านเข้าเมืองไปท�ำธุระและ ข้าพเจ้าตัง้ แผนการท�ำงานไว้วา่ ถ้าท�ำงานบางส่วนทีต่ อ้ งส่งเรียบร้อยแล้วก็จะเดินทางไปต่าง จังหวัด ข้าพเจ้าคงต้องไปเขียนงานอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายเดือน กว่าที่ข้าพเจ้าต้องเดินทาง ไปกลับเข้าไปในเมืองเพื่อไปท�ำเรื่องขอทุนการศึกษาก็ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ด้วยกัน ข้าพเจ้าเดินทางเข้าเมืองต้องขับมอเตอร์ไซค์ออ้ มโค้งด้วยระยะทางไกลเนือ่ งจากน�้ำท่วมถนน สัญจรระหว่างหมู่บ้าน หน้าหนาวแล้ว 4.แมวข้างเตาไฟ
รุ่งเช้าเช่นนี้ แมวยังเดินอยูร่ อบเตาไฟ ในช่วงเช้าเจ้าแมวเหมียวจะร้องเหมียวๆ เพือ่ ขออาหาร เมือ่ ข้าพเจ้า จับมันขึ้นไปบนโอ่งขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เตาเพื่อกินอาหารที่ข้าพเจ้าเตรียมไว้ให้ มันก็ร้อง เหมียว เหมียว เหมือนร้องแสดงความพึงพอใจ เมื่อร้องได้สักพักก็กระโดดลงมาคลอเคลีย แข้งขาข้าพเจ้าเหมือนต้องการประจบเอาใจอะไรสักอย่าง ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว 5.ข้าพเจ้าในต้นฤดูหนาว
รุ่งเช้า การนัง่ ข้างเตาไฟเพือ่ ขีดเขียนอะไรในทีอ่ บอุน่ ก็ดไี ม่นอ้ ยเลย สิง่ ทีข่ า้ พเจ้าค้นพบคือการเขียน 37
หนังสือข้างเตาไฟนัน้ จะท�ำให้การเขียนลืน่ ไหล เขียนไม่นา่ เบือ่ หน่ายเขียนอะไรได้ตามใจชอบ ตามปรารถนา ข้าพเจ้าชื่นชอบบรรยากาศเช่นนี้ หน้าหนาวแล้ว 6.แมวในต้นฤดูหนาว
รุ่งเช้าเช่นนี้ ลูกแมวนัง่ คลอเคลียอยูข่ า้ งเตาไฟ แม้แผลทีห่ างของมันจะยังไม่หายขาดแต่มนั ก็ไม่ปรารถนา จะเดินทางไปที่ไหน ลูกแมวนั่งรับความอบอุ่นอยู่ข้างเตาไปโดยไม่สนใจสิ่งใด ความอบอุ่น เป็นสิ่งจ�ำเป็นในฤดูหนาว และแมวก็ต้องการเช่นนั้น ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว 7.ข้าพเจ้าเผชิญฝนต้นฤดูหนาว
รุ่งเช้า ฝนตกอย่างไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย ตกลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ฝนเช่นนี้เป็นสัญญาณว่าถึงฤดูหนาว แล้ว เป็นฤดูหนาวอย่างเต็มตัวกันเสียที เมือ่ ฝนตกเช่นนี้ ข้าพเจ้าก็รดู้ วี า่ จะต้องเตรียมตัวเผชิญ กับความเหน็บหนาวที่ก�ำลังเดินทางมาถึง หน้าหนาวแล้ว 8.แมวเผชิญฝนต้นฤดูหนาว รุ่งเช้าเช่นนี้ ลูกแมวตัวเล็กๆ เช่นนี้ ยังไม่เคยเผชิญความเหน็บหนาวแห่งลมประจ�ำฤดูกาล แมวย่อมไม่รู้ หรอกว่าความหนาวนัน้ ช่างทรมานแสนสาหัส โดยเฉพาะในช่วงน�้ำท่วมเช่นนี้ การเข้าใกล้น�้ำ หรือการอาบน�ำ้ นัน้ ช่างเป็นเรือ่ งยากเย็นซะเหลือเกิน ลูกแมวยังคงหลบมุมฝนต้นฤดูหนาวอยู่ ใต้ชายคาบ้าน ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว 9.ข้าพเจ้ากับความใฝ่ฝันสามัญ
รุ่งเช้า ข้าพเจ้านั่งหลบมุมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ อากาศหนาวเย็นเพียงเล็กน้อยก็ทำ� ให้ข้าพเจ้า 38
นึกถึงเตาไฟขึ้นมาทันที เตาไฟอันอบอุ่นคงมอบความอบอุ่นได้ไม่มากก็น้อย ข้าพเจ้าคิดเช่น นั้นแล้วก็เดินออกมานอกบ้าน หน้าหนาวแล้ว 10.แมวกับความใฝ่ฝันสามัญ
รุ่งเช้าเช่นนี้ เมื่อข้าพเจ้าเข้ามาในโรงครัว ก็พบเจ้าแมวเหมียวนอนอยู่ในเตา ขี้เถ้าสีเทาติดตามขนสีขาว ลายน�้ำตาล เปื้อนมอมแมม วันนีไ้ ม่จำ� เป็นต้องเร่งรีบท�ำอาหาร ข้าพเจ้าเพียงต้องการเขียนอะไรเกีย่ วกับลมฟ้า อากาศ ข้าพเจ้าเดินเข้าบ้าน ขณะที่แมวยังคงหลับอุตุอยู่ในเตา ไฟในเตาคงมอดเชื้อนานแล้ว - แต่ความใฝ่ฝันสามัญก�ำลังโชติช่วง ย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว. ... ปลายฤดูหนาว ย่างเข้าสูฤ่ ดูรอ้ น เราเดินทางกลับบ้าน แมวตัวโตเป็นหนุม่ อย่างเห็น ได้ชดั แผลทีห่ างมันหายสนิทไม่มรี อ่ ยรอยของบาดแผล ขนทีห่ างมันปลาบ กระทัง่ เย็นวันหนึง่ เราก็เห็นแมวนอนอยูโ่ คนต้นไม้ นอนไม่ไหวติง พอเราเดินกลับมาอีกครัง้ มันก็ยงั นอนอยูเ่ หมือน เดิม มันไม่หายใจ ! ... แมว แมว 9 ชีวิตตาย 1 ตัว อีกแปดชีวิตที่เหลือ หลบฝนอยู่ใต้ดิน พายุฤดูร้อนกระหน�่ำ ชามกลางคืน ถึงเวลาที่เราต้องไปส่งจดหมายแล้ว สุดท้ายนี้ ขอให้ชามกลางคืน มีแต่ความสุขและความเบิกบานยังคงอยู่เคียงข้างเช่นเดิม. โอมแมวกับความใฝ่ฝันสามัญจงงดงาม ภูมิชาย คชมิตร kraten_kraten@yahoo.com ขอนแก่น / ครั้นสิ้นปี 2554 39
ชามกลางคืน คุณพ่ออรอาย สบายดีไหมน้องชาย เป็นอย่างไรบ้าง แปดเดือนส�ำหรับการเป็นพ่อคน แปดเดือนของโลกใหม่อีกใบหนึ่ง โลกที่ ครั้งหนึ่งเราเคยอิงอาศัยอยู่ในนามของค�ำว่า “ลูก” ณ เวลานี้ นายคงเห็นชีวิตมากกว่าที่ “เข้าใจ” และเข้าไปอยู่ในความหมายถ่องแท้ของค�ำว่า “เข้าถึง” ครั้งที่ ลูกชายคนแรกของพี่เกิดมาพี่ก็เข้าใจและเข้าถึงการเป็นพ่อได้มากขึ้น ดีขึ้น และจริงขึ้นตามล�ำดับ และเริ่มเข้าใจและเข้าถึงการเป็นพ่อคนตามความเป็นจริงอันเป็นไปได้อีกระดับ การมองโลกเปลีย่ นไปอีกแบบ เปลีย่ นมากหรือน้อยก็แล้วแต่ ต้นทุนและมุมมองของ แต่ละคน แต่พี่คิดว่า คนที่เขียน บทกวี อย่างนายคงมีความลึกซึ้งแตกต่างออกไปในมุมของ กวีคนหนึง่ แหละนะ อรอาย ถึงเวลานีบ้ ทกวีเกีย่ วกับลูกหรือพ่อ คงได้คลอดออกมาบ้างละมัง้ หวังไว้เช่นนั้นนะอรอาย ข่าวจาก กระเต็น ว่านายโยกย้ายทีอ่ ยูอ่ กี ครัง้ ไปยังขอนแก่น คราวนีค้ งได้เจอกับ นักเขียน นาย แบบหนุ่มมาดนิ่งได้มากขึ้นหรือไม่แน่ว่า จะไม่มีเวลาเจอกันมากขึ้นไปอีก เพราะเจ้าลูกชาย ที่รักเป็นงานชิ้นส�ำคัญ ที่ต้องทุ่มเทให้ทั้งแรงกายแรงใจ เมื่อ 11 ปีที่แล้วพี่ได้เข้าถึงความเข้าใจคนเป็นพ่อในระดับเบื้องต้นก็นับว่าซาบซึ้ง และสวยงามในระดับสามัญส�ำนึกทั่วไปของมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งและพบว่าชีวิตนี้มันช่างยิ่ง ใหญ่และสวยงามอีกทัง้ ตัง้ ค�ำถามกับตัวเองว่า ล�ำพังเขียนบทกวีอมตะซึง่ ยากยิง่ ขึน้ มาให้ได้ ซักชิ้นในชีวิตการเขียนทั้งชีวิต กับเลี้ยงดูลูกของเราให้เป็นคนธรรมดาอยู่รอดปลอดภัยจาก คมเขี้ยวและขวากหนามต่างๆ ที่เกลื่อนกลาดในสังคมนี้ สิ่งไหนจะท�ำได้ยากกว่ากัน... พี่ค้นพบตั้งแต่แรกเลยว่า บทกวีอมตะนั้นอาจสร้าง ควบคุมเปลี่ยนแปลงแก้ไขอย่างใดก็ได้ และคอยให้การเวลากับทัศนคติของผู้เสพงานเป็นตัวชี้วัด แต่กับคนคนหนึ่งในนามลูกที่เรา ร่วมกันให้กำ� เนิดด้วยความรักนี้ มันยากแสนเข็ญทีเ่ ราจะสามารถควบคุมบัญชาและแก้ไขได้ ดังปรารถนา...เอาหละพล่ามมาซะมาก อย่างไงก็ขอให้นายในฐานะคุณพ่อคนใหม่ได้เลีย้ งดู 40
ลูกชายอย่างมีความสุข ด้วยความเป็นจริงของชีวติ และความใฝ่ฝนั อันจะให้ลกู สมบูรณ์แบบ ในแบบที่นายต้องการให้เขาเป็นไปในแบบของเขาและเห็นชีวิตในแบบที่กวีคนหนึ่งพึงอยาก เห็น ขอต้อนรับอย่างเป็นทางการสู่โลกของการเป็นพ่อใบนี้นะอรอาย และขอให้มีความสุขกับชีวิตการเป็นพ่อนะอรอาย มีเพลงมาให้ฟัง (ลองร้องดูนะ)
นางฟ้าขาลาย เจ้าชายฟันยักษ์ ถึงเธอจะเป็นนางฟ้าที่ขาลาย ขาลาย และฟันก็หลอเพียงไหน แถมด�ำปิ๊ดปี๋ ไขมันก็มีมากมายเหมือนคอนโดชั้นดี แต่เธอยังเป็นหนึ่งในดวงใจนี้เธอยังเป็นลูกที่แสนดี ของพ่อคนนี้ตลอดไป แม้เขาจะเป็นเจ้าชายที่มีฟันซี่ใย้ใหญ่และกลัวผีมากมายเวลาเข้าห้องน�้ำ ถึงเขาไม่ชอบกินผักและกินข้าวแสนมูมมาม แต่เขายังเป็นหนึ่งในดวงใจนี้เขายังเป็นลูกที่แสนดี ของพ่อคนนี้ตลอดไป ถึงหลังคาบ้านเราจะมีรูสองรู ตอนกลางคืนได้ดูหมู่ดาวส่องแสง และก็มีบางคืนที่ฝูงยุงมากลั่นแกล้ง แต่บ้านยังอบอุ่นและแข็งแรงยังให้ความสุขที่แสนดี ของพ่อคนนี้ตลอดไป ถึงมอเตอร์ไซด์ของเรามันจะดูเก๊าเก่า และบางทีก็พาเราลุยสายฝน แต่มันก็พาเราไปเที่ยวทุกแห่งหน มันยังให้ความสุขลูกทุกคนมันให้ความทรงจ�ำที่แสนดี ของคุณพ่อคนนี้ตลอดไป.
41
อรอาย อุษาสาง ก่อนการเดินทางครั้งใหม่ อย่าเพิ่งกล่าวค�ำใด...เพื่อนข้าฯ ปล่อยให้ความเจ็บปวดช�ำแรก ในซากรอยยิ้มของความง่ายดาย และชีวิตหละหลวม ดังหนอนเพลี้ยบนใบพฤกษ์ที่ผลิแย้มผิดฤดูกาล อย่าเพิ่งกล่าวค�ำใด...เพื่อนข้าฯ ต่อการฝ่าฟันบนเส้นทางปรารถนาและใฝ่ฝัน ให้ฝอยฝนแห่งความขมขื่นกลบกลืนผืนดินอันเปราะร้าว หยดน�้ำตาในแม่น�้ำกลับกลายเป็นแผ่นกระจก ส่องสะท้อนวิญญาณเราเหมือนเพราเงาดาริกา เคลื่อนไหวชีวิตแห่งดวงดาวในสายน�้ำของโลก อย่าเพิ่งกล่าวค�ำใด...เพื่อนข้าฯ ให้ข้าฯ ได้หยุด และกล่าวถ้อยค�ำวิงวอน ต่อซากสลัก-หักพังของวิหารวิจิตร ที่เหล่าทาสเคยสร้างและบวงสรวงบูชา ในโดมบางเบาของฟองน�้ำบนปุยเมฆ เพื่อร�ำลึก... ว่าวันเวลาเหล่านั้นเก่าแก่ และเลือนสลายแล้ว อย่าเพิ่งกล่าวค�ำใด...เพื่อนข้าฯ ขอเวลาข้าฯ สักเดี๋ยว ล�ำธารสีด�ำเบื้องหน้ารอการผ่านข้ามของเรา ปริฟองขึ้น คล้ายก�ำลังเดือดพล่าน ขอเวลาให้เปลือกตาข้า ได้วักชโลมไล้ตุ่มตาของสายน�้ำใสในก�ำแพงหินแห่งเปลือกตา ก่อนจะไม่หลงเหลือ หรือมีอยู่ ของหยาดน�้ำสายเล็กเล็กนั้น 42
อย่าเพิ่งกล่าวค�ำใด...เพื่อนข้าฯ ขณะสังขารวัยหนุ่มถูกกลบฝังยังความเยือกเย็นอันอบอุ่นของค�่ำคืน ปรารถนาให้ท่านรอคอยก่อน รอเกล็ดน�้ำค้างแข็งฉาบต้องแววตาดั่งดวงอาทิตย์ฉานฉายของท่าน รอเสียงนกขับขานในเวิ้งป่าไพศาลที่หัวใจท่านเป็นเจ้าของ กระซิบเพียงเบาเบา...เพื่อนข้าฯ ก่อนการเดินทางครั้งใหม่ ปลุกข้าฯ ตื่นรับสวมกอดจากท่าน
43
บทกวีแปล Last Dawn
Octavio Paz เขียน ซานโช่ บ่าวนายท่าน แปล
รุ่งเช้าสุดท้าย ผมเผ้าของท่านลับหายไปในราวป่า ขณะสองเท้าสัมผัสแผ่วตีนของข้า ในยามหลับ ท่านไพศาลกว่าค�่ำคืน หากความฝันกลับเบียนพอดีห้องหับนี้ เรามีราคาค่างวดเท่าไหร่กัน ในความจ้อยร่อย! เบื้องนอกนั้น แท็กซี่หนึ่งแล่นผ่าน พร้อมบรรดาภูตผีผู้โดยสาร สายน�้ำที่ไหลรินข้างทาง กลับไหลย้อนคืน เสมอมา พรุ่งนี้จะมีอะไรแผกไป?
44
สุจิตต์ วงษ์เทศ
www.sujitwongthes.com
หมายเหตุคณะผูเขียนจดหมาย ขอขอบพระคุณอาจารยสจุ ติ ต วงษเทศ เปนอยางสูง ทีอ่ นุญาตใหนำ�ภาพมาใชโดยไมสงวนสิทธิ์ ถือเปน เมตตาที่ทำ�ใหจดหมายวรรณกรรมมีลูกเลน และเพิ่มสีสันดวยการ “อาน” จากตนฉบับลายมือ. 45
ขอแนะนำ� ราชาศัพท์: มนต์สะกดแห่งลัทธิเทวราช ปีที่ 3 ฉบับที่ 4 ตุลาคม 2554 - มีนาคม 2555 วารสารรายสามเดือนเพื่อการอาน ราคา 200 บาท โทรศัพท 02-8636061-2 โทรสาร 02-8636061 อีเมล readjournal@gmail.com (“ถึงผง” แซ่บเสมอต้นเสมอปลายตลอดเล่ม)
ชายคาเรื่องสั้น ล�ำดับที่ 3 เปลือยประชาชน 12 เรือ่ งสัน้ จาก 12 นักเขียน อาทิ เดือนวาด พิมวนา มาโนช พรหมสิงห์ พิเชษฐ์ศกั ดิ์ โพธิพ์ ยัคฆ์ บุญชิต ฟักมี นฆ ปักษนาวิน วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา และอื่นๆ รวมเรื่องสั้นทะเล่อทะล่าอย่างเจียมใจในสมัยเฟื่องฟู คนดี โ ดยไม่ ต ้ อ งตรวจสอบและรั บ ผิ ด ชอบและการ ปรองดองสมานฉั น ท์ โ ดยไม่ ต ้ อ งมี ค นรั บ ผิ ด ชอบ ซึ่ ง รวมเรื่ อ งสั้ น หลายคนเขี ย นเล่ ม นี้ อ าจจะท� ำ ให้ ประเทศไทยได้เดินหน้าอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้ และอาจ จะท�ำให้ท่านที่ได้อ่านเกิดนิพพานระหว่างวัน นิพพาน แบบง่ายๆ ทุกลมหายใจด้วยเช่นกันก็เป็นได้.
46
เกี่ยวกับเรา คณะผูเขียนจดหมาย: ก�ำเนิดขึ้นดวยมิตรภาพทางวรรณกรรม มีวัตถุประสงคเพื่อเผยแพรงานวรรณกรรม ในรูป แบบจดหมายวรรณกรรม คณะผูเขียนจดหมาย: ภูมิชาย คชมิตร ภู กระดาษ อรอาย อุษาสาง ชามกลางคืน จารุพัฒน เพชราเวช รน บารนี สรอยสัตบรรณ นทธี ศศิวิมล Lily Cu ฯลฯ ศิลปกรรม: คนเก็บฝน จ�ำปา วงศสงา ป.ล. 1. รายชื่อที่ปรากฏแปลกไปจากฉบับกอนหนา: วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา, จ�ำปา วงศ์สง่า, ธีร์ อันมัย, โชคชัย บัณฑิต’, ดลสิทธิ์ บางคมบาง, ซานโช่ บ่าวนายท่าน 2. คณะผูเขียนจดหมายมีความยินดีรับพิจารณาตนฉบับเรื่องสั้น บทกวี ความเรียง บทสัมภาษณ หรืออื่นๆ ที่มีความยาวไมเกิน 10 หนากระดาษเอสี่ โดยปราศจากคา ตอบแทนเปนเงินหรือสิ่งอื่นใดที่เกินกวาวาสนา 3. คณะผูเ ขียนจดหมายขอบคุณทุกทานทีเ่ ขียนจดหมายและสงโพสทการดไปถึง และทุก ทานที่เกื้อหนุนในดานตางๆ เสมอมา ขอบคุณเปนอยางสูงยิ่ง ส�ำหรับทานที่สนใจหรือสงสัย โปรดติดตอไดที่: คณะผูเ ขียนจดหมาย 173 หมู 10 บานโพธิต์ าก ต.บานผือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแกน 40240 email: letterliterature@yahoo.com หรือ facebook: จดหมาย วรรณกรรม 47
48