ฮง แวลู(HONG VALUE)

Page 1

สรุป-ฮงแวลู(Sataporn Ngarmruengpong) จากแหล่งที่มา https://hongvalue.wordpress.com/ ขอขอบพระคุณสําหรับความรู ้จากคุณฮงและบทสนทนาในบล็อก ผูร้ วบรวบ (Ukcarajet seti) MarkOto กระผมได้ขออนุญาตคุณฮง และคุณฮงก็ยนิ ดี ที่จะให้รวบรวมบทความและบทสนทนาบางส่ วนในบล็อกของคุณฮง ด้วยเจตนาบริ สุทธิ์พื่อนําความรู ้ นํ้าใจของคุณฮงมากระจายสู่ สังคมนักลงทุน....ครับ หวังว่า การรวบรวมความรู ้ของคุณฮงจะเป็ นประโยชน์ต่อสังคมนักลงทุนไม่มากก็นอ้ ย หากผิดพลาดประการใดของอภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ


เริ่ มต้ น..กันเลยครับ

******************ดีครับ ที่หลังๆผมไม่ค่อยได้เขียนแนวนี้เพราะว่าผมเอาเวลาเกือบทั้งหมดไป ศึกษา fundamental ให้ลึกขึ้นน่ะครับ อีกอย่างผมว่าแนวทางการเทรดจริ งๆแล้วมีหวั ใจหลักอยูไ่ ม่กี่ อย่าง ไม่เหมือน fundamental ที่ตอ้ งรู ้กว้างมากและรู ้ลึกๆถ้าอยากทําเงินมากๆได้ตลอดเวลา จริ งๆ ผมคิดว่าผมใช้ พืน้ ฐานมากกว่ ากราฟแต่ ผมก็ใช้ หลักการหลายๆอย่ างของนักเทรดมาผสมด้ วยน่ ะ ครั บ ****ส่ วนนิยามของผมบริษทั ทีไ่ ม่ อยู่ใน SET 100 เป็ นหุ้นเล็ก *****แต่หุน้ ขนาดเล็กคงจะไม่ค่อยมีต่างประเทศทําข้อมูลเชิงลึก เพราะทําไปลูกค้าก็คงไม่ซ้ือ เนื่องจากปั ญหาด้านสภาพคล่อง แต่ในทางกลับกันการที่มีคนติดตามเยอะก็ทาํ ให้โอกาสที่จะค้นพบ หุน้ เติบโตที่ยงั ไม่ค่อยมีคนรู ้เป็ นไปได้ยาก *********ผมคิดว่าถ้าคุณเป็ นนักลงทุนแนวพื้นฐาน สิ่ งที่คุณควรทําคือ 1.การหาหุน้ undervalue 2.หุน้ underestimate 3.หุน้ change business model 4.หุน้ growth ที่คนยังมองไม่เห็น 5.หุน้ คอมโมดิต้ ีที่คนไม่เข้าใจตัวธุรกิจ 6.หรื อมีภยั ธรรมชาติมาทําให้ stock เสี ยหาย 7.หุน้ ประกันชีวติ ที่เปลี่ยนช่องทางการขายและเติบโตเร็ว


หรื ออะไรต่างๆ ที่พี่ๆที่ลงทุนในแนวพื้นฐานรุ่ นก่อนๆสามารถทํากําไรได้อย่างงดงาม ยิง่ คุณให้เวลา กับการศึกษาหุน้ ตัวใหม่ๆ

อ่าน annual ฟัง clip oppday

การ

(http://www.set.or.th/set/oppdaybyperiod.do?language=th&country=TH ) มากเท่าไหร่ กย็ งิ่ มีโอกาสมากขึ้นเท่านั้น ผมคิดว่านี้คือสิ่ งทีค่ วรทาของนักลงทุนแนวพืน้ ฐาน สังเกตเซี ยนหุน้ ***********เซียนหุน้ มาเยอะพอสมควร ผมสังเกตว่าพวกเขาหลายคนที่รวยจากการเล่นหุน้ 50100 เท่าใน 7-10 ปี ย้อนหลังมานี้ เขาทํากําไรจากหุน้ ไม่ถึง 10-12 ตัว ดูเหมือนแต่ละตัวพวกเขาถือ กันเป็ นปี หรื อปี ครึ่ ง และได้แต่ละตัวเป็ นเท่าๆกันทั้งนั้น ผมก็คิดว่าสิ่ งที่บฟั เฟตพูดก็สะท้อนความ เป็ นจริ งที่ประสบการณ์ผมได้เจอมาจริ งๆ คือ คนที่กาํ ไรเยอะมากๆนั้น ไม่จาํ เป็ นต้องได้มาจากหุน้ ที่มากตัว แต่ได้จากไม่กี่ตวั แต่ตวั นึงเยอะๆ ถามตอบสายกราฟ 1. อย่างที่คุณฮงเขียนไว้ยอ่ หน้าแรกๆคือการดูสัญญาณคอนเฟิ ร์ม ปกติคุณฮงดู Indicator ตัว ไหนบ้างครับ และก็พอมีเทคนิคในการดูอย่างไรบ้างครับ ตอบ จริ งๆผมดูแค่เส้น emaธรรมดา และดูกราฟแท่งเทียน rsi volume ผมใช้แค่น้ ี macdstoadxอะไร พวกนี้ผมไม่ได้ใช้เลย 2. ถ้าสมมติวา่ เกิดสัญญาณร้ายอย่างที่บอกในย่อหน้าสุ ดท้ายจริ งๆ คุณฮงจะขายจนหมดหรื อ ว่าจะค่อยๆทยอยขายดูสัญญาณไปเรื่ อยๆครับ เพราะว่าลักษณะสัญญาณร้ายที่ยกตัวอย่างมา ก็ เกิดขึ้นเพียงวันสองวันเอง จะฟันธงว่ามันจะลงต่อ ก็ดูเว่อร์ไปหรื อเปล่า ตอบ จริ งๆผมดูคู่กบั fundamental ด้วยปกติสัญญาณขายแรงๆจะเกิดเมื่อหุน้ overvalue ดังนั้นส่ วน ใหญ่ถา้ เจอผมจะขาย มีบา้ งเหมือนกันที่หุน้ ไม่ค่อยแพงแต่เกิดสัญญาณขายหนักๆ แต่เจอน้อย ถ้าเจอ


ก็ถือว่าซวยไป ถ้าผมคิดว่าพื้นฐานดีแล้วเกิดสัญญาณขายผมจะลดพอร์ตบางส่ วน แต่ถา้ ผมคิดว่ามัน fair value แล้วเกิดสัญญาณขายผมจะคีย ์ order ที่ market price (MP)แล้วโยนออกหมดทันที พูดง่ ายๆ เล่นตามนา้ คือ การซื้อขายหุน้ ตามนํ้า ก็คือ มอง trend ให้ออกก่อนแล้วค่อยซื้อแล้วยังคง hold position ตราบ เท่าที่คิดว่า trend ยังไม่เปลี่ยน หัวใจของการเป็ นนักคิดแนวนี้ ถ้าเปรี ยบเทียบก็เหมือนกับการที่ นัก ลงทุนยืนอยูบ่ นริ มนํ้า แล้วนํ้าพัดสวนทางกับนักลงทุน (หุน้ ลง) เราคงจะไม่คิดว่าเรากระโดดลงไป ในนํ้าปุ๊ ป นํ้าจะเปลี่ยนทิศ(จากหุน้ ลงกลายเป็ นหุน้ ขึ้น) แล้วพัดเราไปสู่ จุดมุ่งหมาย 1.เล่นตามนํ้าอย่าสวนทางปื นอย่าซื้อหุน้ ตอนลง 2.การเล่นหุน้ ส่ วนใหญ่ตามแนว fundflowจะไม่ถือเกิน 3 เดือน เพราะว่า fundflowแต่ละรอบจะไม่ เข้ามากกว่า 3 เดือน (เช็กย้อนหลังมาแล้ว แถบไม่เคยเจอเข้าติดกัน 4 เดือนเลย 3เดือนนี้อย่างเวอร์ แล้ว) ฉะนั้นเราต้องมีแนวคิดการเล่นรอบมากกว่าการถือยาวเป็ นปี ๆแบบ viแล้วหุน้ ที่เล่นก็ตอ้ งเป็ น หุน้ ใหญ่มากกว่าตัวเล็กด้วย 3.เล่น fundflowก็ตอ้ งทําการบ้านหุน้ รายตัวด้วย เพราะว่า fundflowบอกแต่ทิศทางเงินแต่ไม่ได้บอก ให้ซ้ือหุน้ ตัวไหน 4.น่าจะประยุกต์ใช้กราฟผสมด้วย เพราะ fundflowไม่สามารถบอกถึงแนวร้บแนวต้านต่างๆได้ เท่าที่ศึกษามา fundflowกับกราฟสามารถประยุกต์ร่วมกันได้ซ่ ึงจะขยายความในภายหลัง

สั งเกต รอบไตรมาสQ ก่อนจะบอกว่า q3 เป็ นอย่างไร เราต้องรู ้ก่อนว่าหุน้ ๆ q2 ขึ้นมา เพราะอะไร และดูวา่ มี //// สิ่ งนั้นจะยังอยูใ่ น q3 ไหม


การดูงบการเงินเบือ้ งต้ น EX 1.วิธีคือให้ดูวา่ ยอดขายโตเป็ นกี่ % ถ้าเทียบกับปี ที่แล้ว ทําได้โดยการนําเอา ยอดขายของปี นี้ต้ งั –ยอดขายของปี ที่แล้ว และหารด้วยยอดขายของปี ที่แล้ว 2.ให้ไปดูในงบดุลแล้วดูว่า ลูกหนี้โตกี่% ถ้าลูกหนี้โตเป็ น % สู งกว่ายอดขาย=ก็ไม่ดี เพราะหมายความว่าขายของเก็บเงินไม่ได้ 3.ให้ไปดูวา่ สิ นค้าคงเหลือโตกี่ % ถ้าสิ นค้าคงเหลือโตเยอะกว่า ยอดขายก็สะท้อนว่า ซื้อของมาเก็บไว้เยอะแต่ขาย ได้ไม่เร็วพอทําให้ stock เยอะขึ้น 4.ให้ดูอตั รากําไรสุ ทธิของบริ ษทั ว่าโตกี่% สมมุติ ยอดขายโต 10% แต่กาํ ไรโตแค่ 5% เราต้องไปดูวา่ เกิดจากอะไร?? 5. อาจเกิดจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริ หารโตเร็ วกว่า ก็สะท้อนการจัดการที่ไม่ดีของบริ ษทั


6.อาจเกิดจาก gross margin ลดลง ซึ่งสะท้อนการควบคุมต้นทุนที่ไม่ดี 7.อาจเกิดจากรายการอื่นๆ เช่น ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ขาดทุนจากการด้อยค่า แบบนี้กไ็ ม่ค่อยมีนยั ยะ ให้นาํ รายการพวกนี้บวกกลับเข้าไปที่กาํ ไรสะสม

กระแสเงินสด 1.การดูวา่ ธุรกิจมีกาํ ไรเท่าไหร่ ไม่สะท้อนที่คุณภาพของบริ ษทั มากนักนักลงทุนเวลาดูกาํ ไรจึงควรดู ตัวเลขที่ชื่อ กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน ไปด้วย EX1. ถ้าบริ ษทั มีกาํ ไร 100 ล้าน แต่ดาํ เนินงานแล้วมีเงินสดแค่ 50 ล้าน เราจะบอกว่าบริ ษทั นี้มีความสามารถหรื อไม่ การเป็ นแบบนี้แสดงว่า =ธุรกิจสภาพคล่องไม่ดีนกั เงินสดน่าจะหายไปจากไหนซักที่ เช่น ลูกหนี้ สิ นค้าคงเหลือ EX2. ถ้ากลับกันบริ ษทั เดิมมีกาํ ไร 100 ล้านแต่ธุรกิจทําเงินสดได้200 ล้านแบบนี้ =มันก็สะท้อนให้เห็นว่ากําไรของบริ ษทั ที่สองมีคุณภาพมากกว่า EX3. สมัยก่อนมีการปั่นหุน้ ตัวนึงในตลาด maiกําไรโตมากๆ คร่ าวๆว่ามากกว่า 10 เท่า


แต่วา่ ลูกหนี้บริ ษทั โตเร็วมากเช่นกัน กลายเป็ นว่า กระแสเงินสดจากการดําเนินงานติดลบ ทั้งๆที่ กําไรโตเยอะ แบบนีก้ ไ็ ม่ ดี สุ ดท้ายหุน้ ตัวนี้กเ็ ข้าทํานอง สู งสุ ดคืนสู่ สามัญ

2.ถึงกระแสเงินสดการดาเนินงานจะสู งก็ยงั ไม่ พอ ควรดูว่า free cash flow เยอะไหม โดยดูจาก กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน – กระแสเงินสดจากการลงทุน เพราะว่ าบางธุรกิจดาเนินงานได้ เยอะก็จริงแต่ ต้องลงทุนหนักก็คงไม่ดีนกั ผมถามท่านว่า ถ้าท่านเลือกหุน้ สองบริ ษทํ บริ ษทั แรก EX มีกระแสดเงินสด(1)จากการดําเนินงาน 100 ล้าน แต่ตอ้ งลงทุน150 ล้าน กับ(2)บริ ษทั ี่สอง กระแสดเงินสดจากการดําเนินงาน100 ล้านแต่ลงทุน 75 ล้าน ท่านจะเลือกอะไร? =ก็ตอ้ งบริ ษทั ที่สองเพราะสุ ดท้าย ผูถ้ ือหุน้ บริ ษทั นี้ยงั ได้ อะไรกลับเข้าตัวเองมากกว่า เพราะ free cash flow ทีเ่ ป็ นบวก สามารถนาไปคืนหนี้ และ จ่ ายปันผล ได้ หรื อจะซื้อหุน้ คืนก็ได้เหมือนกัน

ดังนั้นต่อจากตอนแรก เมื่อเราวิเคราห์งบดุล กําไรขาดทุนแล้ว ต้อง


.วิเคราะห์ กระแสเงินสดบริษทั ” คู่ไปด้วย เพราะดูภาพของบริ ษทั ให้ครบถ้วน 3.ถ้าเรารู ้วา่ บริ ษทั มี free cash flow เยอะแล้วจะต้องชอบ บริ ษทั ที่หนี้ธนาคารน้อยกว่า เพราะ fcfเยอะแต่หนี้เยอะ เขาต้องไปคืนหนี้ ทําให้มีเงิน ปันผลน้อยลง ถ้าเราอยากเก็งกําไรหุน้ ที่คิดว่ากําไรจะโตแล้วจะปันผลได้เยอะๆ เราต้องหาหุน้ ที่มี free cash flow ที่สูงและมีหนี้ธนาคารน้อย หุน้ เหล็กหลายตัวมีหนี้เยอะมาก เรี ยกว่าเยอะกว่า marketcapด้วยซํ้า ประมาณว่า คํานวณ evจะมากเป็ น 2 เท่าของ marketcapเลย แบบนี้มี free cash flow เราคงได้ปันผลน้อย

รอบนีเ้ ป็ นเรื่องอัตราส่ วนทางการเงิน 1.gross margin การดู gross margin นั้นควรดูในแง่เทียบกับบริ ษทั ที่อยูใ่ นอุตสาหกรรมเดียวกัน ว่ามีมากกว่าหรื อน้อยกว่าเช่น EX. สมมุติวา่ บริ ษทั a กับ b อยูอ่ ุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ a มี gross margin 35%, b มี 25% แบบนี้เบื้องต้นแสดงว่า a มีการบริ หารจัดการที่ดีกว่า b ทําให้ได้กาํ ไรขั้นต้นที่สูงกว่า


***ข้อควรระวังในการดูGross margin ก็คือถ้าดูกบั บริ ษทั ที่เป็ นวัฏจักร หรื อ cyclicalGross margin จะสู งมาก แต่น้ นั หมายความว่าราคาหุน้ ตอนนั้นมีโอกาสตอบรับวัฏจักราขาขึ้นไปแล้ว ถ้าเป็ นหุน้ วัฏจักรเราควรดูวา่ ในรอบวัฏจักรของเขาเคยมี gross margin ตํ่าสุ ดเท่าไหร่ และสู งสุ ดเท่าไหร่ และซื้อตอน gross margin ตํ่าๆ 2.asset turnover ก็คือการดูวา่ ยอดขายของบริ ษทั นั้นสามารถนํามาหมุนได้กี่รอบ ถ้าเทียบกับขนาดของสิ นทรัพย์ EX. ถ้า a มีสินทรัพย์1 ล้านบาท มียอดขาย 2 ล้านบาท b มีมีสินทรัพย์1 ล้านบาท มียอดขาย 3 ล้านบาท =ในกรณี แบบนี้นกั ลงทุนคงอยากเป็ นเจ้าของบริ ษทั b มากกว่า เพราะว่ามีความสามารถในการขายที่สูงกว่าภายใต้แนวคิดมีสินทรัพย์ขนาดเท่ากัน ส่ วนใหญ่หุน้ ที่มีลกั ษณะ asset turnover สู งมักจะเป็ นหุน้ ค้าปลีก เช่น se-edmakrohmpro เป็ นต้น


3.ที่น้ ีมีคาํ ถามว่าสมมุติวา่ เราดู”หุ้นโรงแรมสองตัว” ตัวแรก grossmarginสู งกว่าตัวที่สองเราจะ ตัดสิ นว่าตัวแรกดีกว่าไหม คําตอบคือยัง เพราะว่า โรงแรมA อาจจะจับลูกค้าระดับบนที่มีการใช้จ่ายต่อหัวสู งทําให้ กําไรขั้นต้น สู งกว่า แต่วา่ เขาไม่ได้มี asset turnover สู ง แต่โรงแรมB จับลูกค้าระดับล่างดังนั้น gross margin จึงตํ่ากว่า แต่วา่ เขาได้ asset turnover สู งกว่า แบบนี้การเปรี ยบเทียบระหว่างบริ ษทั เราจะต้องดูที่ business model ว่าใครจับลูกค้าแบบไหน ไม่ใช่ ใช้อตั ราส่ วนทางการเงินไปตัดสิ นเลยว่าใครเป็ นอย่างไรดีหรื อไม่ดี :::ดังนั้นก่อนวิเคราะห์เราต้องรู ้ตวั ธุรกิจก่อนจึงจะวิเคราะห์งบการเงินได้ดี

account receivable 4.อัตราส่ วนต่อมาที่ตอ้ งดูคือ account receivable สมมุติวา่ เราคํานวณออกมาว่าได้กี่เท่าปล่อยเครดิตกี่วนั ก็ไม่ควรเอาตัวเลขมาเป็ นนัยยะทันที เนื่องจากว่าไส้ในของลูกหนี้แต่ละบริ ษทั อาจจะมีอายุไม่เท่ากัน EX ลูกหนี้ของบริ ษทั Aส่ วนใหญ่อาจจะเป็ นเกินกําหนดชําระเป็ นเวลา3 เดือน ส่ วนใหญ่ แต่บริ ษทั B อาจจะเกินกําหนดชําระแล้ว 1 ปี เป็ นส่ วนใหญ่ เราต้องไปดูวา่ บริ ษทั นั้นได้ต้ งั สํารองหนี้สงสัยจะสู ญ


-สมเหตุสมผลกับยอดหนี้ที่เกินกําหนดชําระไหม -และถ้าบริ ษทั ไหนยอดหนี้ส่วนใหญ่เป็ นประเภทยังไม่ถึงกําหนดชําระเป็ นส่ วนใหญ่ลูกหนี้กจ็ ะมี ความ safety สู งกว่า

ตอบคาถามที่ voldtrestเคยถามมาด้ วยเลย ภาคนีผ้ มจะเขียนเกีย่ วกับ ratio ทางการเงิน peก็คอื price/earning มันคือการเทียบว่าที่ราคากี่บาทเราจะต้องคืนทุนในกี่ปีถ้ากําไรของบริ ษทั จะทะเบียนทําได้เท่า เดิมทุกปี เวลาจะคํานวณก็ให้ใช้ 100 ตั้งแล้วหารด้วยตัวเลขPeก็จะได้ออกมาว่าแต่ละปี เราจะได้ earning yield เท่าไหร่ เช่นถ้า pe 10 ก็เอา 100 ตั้งหารด้วย 10 ก็จะได้วา่ 10 ปี คืนทุนเท่ากับเราได้ yield ปี ละ 10% การดู peนั้นมีขอ้ จํากัดมากมายที่ตอ้ งระวังเช่น 1.1แต่ละบริ ษทั ใช้นโยบายในการทําบัญชีไม่เหมือนกันก็ทาํ ให้ตวั เลข e ที่ได้ของแต่ละบริ ษทั จะไม่ เท่ากัน 1.2แต่ละบริ ษทั จะมี peที่ตลาดให้ไม่เท่ากัน หลักการง่ายๆก็คือบริ ษทั ที่มีคุณภาพสู งกว่าจะมี peที่ ตลาดให้สูงกว่า มีความสมํ่าเสมอของกําไรสู งกว่า peตํ่ากว่า 1.3pe ไม่ได้บอกถึงกระแสเงินสดของบริ ษทั ที่ทาํ ได้ ตัวต่ อมาเป็ น p/bv p/bv ก็คือ ราคาหุน้ เทียบกับมูลค่าทางบัญชีซ่ ึงมูลค่าทางบัญชีของบางบริ ษทั อาจจะมีการตีราคาที่ดินใหม่กไ็ ด้ หรื อ 1.bvของบริ ษทั ที่มีแต่ทุนจะทะเบียนกับ อีก2.บริ ษทั มีกาํ ไรสะสมเยอะถ้าเทียบเป็ น % ต่อ bvทั้งหมด


=.บริ ษทั ที่สองย่อมน่าสนใจกว่าบริ ษทั แรก แต่จริ งๆแล้ ว p/bvเป็ นตัวเลขที่ผมใช้ ค่อนข้ างน้ อยกว่ า pe

เพราะว่ า p/bvมักไม่ ได้ บอกถึง growth ของบริ ษทั ซึ่งนี้เป็ นสิ่งที่ตลาดให้ความ สนใจ p/bvที่ต่าํ นั้น “ถ้ากําไรโตหรื อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุ รกิจที่ดีข้ ึน น่าจะให้ upside ต่อผูล้ งทุนได้” ค่อนข้างสู งเนื่องจากว่า ราคาที่เราจ่ายไม่แพงถ้าเทียบกับเจ้าของธุรกิจ EX ถ้าบริ ษทั สองแห่งมี Roe 20 % แต่ pbvของบริ ษทั แรก 1 เท่า บริ ษทั ที่สอง 0.5 เท่า ถ้าอย่างอื่นเหมือนกันผมย่อยต้องการเป็ นเจ้าของบริ ษทั ที่สองมากกว่าเพราะ ว่า มีผลตอบแทนให้ผถู ้ ือหุน้ 20% แต่วา่ ผมจ่ายราคาครึ่ งนึงของผูถ้ ือหุน้ เท่านั้นเอง

Roaคือกาไรทีไ่ ด้ เทียบกับสิ นทรัพย์ ทมี่ ี แต่ละตําราจะใช้ roaไม่เหมือนกัน บางตําราจะใช้ -กําไรสุ ทธิ /สิ นทรัพย์ -แต่บางตําราจะใช้ earning before interest after tax เพื่อ adjust เรื่ องเอกเบี้ยจ่ายซึ่งเป็ นการ finance ของบริ ษทั ที่อาจจะไม่สะท้อนภาพของบริ ษทั โดยตรง ตัวเลข roaยิง่ มากก็ยงิ่ ดี โดย roaเท่ากับ asset turnover*net margin อย่างที่เคยเขียนไปแล้ว ** บริ ษทั ที่ชอบเช่าที่ไม่ลงทุนสิ นทรัพย์ดว้ ยตัวเองตัวเลข roaมักจะสู งเพราะว่า asset จะน้อย


Ev/ebitdaEvเป็ นวิวฒ ั นาการมาจาก marketcapซึ่งจะสะท้ อนภาพทีแ่ ท้ จริงมากขึน้ เพราะ ev = market cap+debt-cashซึ่งถ้าบริ ษทั มีหนี้เยอะ evก็จะเยอะตามไปด้วย ส่ วน ebitdaเป็ นการ adjust มาตรฐานทางบัญชีที่ต่างกันอย่าง Ex หุน้ โรงพยาบาล 2 ตัวสร้างตึกแต่ตดั ค่าเสื่ อมไม่เท่ากัน โรงพยาบาลแรกตัด 15 ปี โรงพยาบาลที่ 2 ตัด 20 ปี net profit ก็จะไม่สะท้อนความต่างของอายุการตัด แต่ ebitdaจะสะท้อนในส่ วนนี้ ถ้า ev/ebitda 3 ย่อมถูกกว่า pe 3 เท่า แต่ขอ้ ควรระวังคือ ebitdaก็ยงั ไม่ใช่เงินสดอยูด่ ี Current ratio เป็ นการดูว่าสิ นทรัพย์หมุนเวียนถ้าเทียบกันหนี้สินหมุนเวียนของบริ ษทั อะไรเยอะ กว่า ***ถ้ามากกว่า 1 เท่าแสดงว่า สภาพคล่องค่อนข้างดี แต่วา่ Current ratio ของแต่ละธุรกิจจะไม่ nature ไม่เหมือน อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ลงทุนของผม

****ผมมีความเห็นว่างบการเงิน มีความสําคัญ น้อยกว่าการดูแนวโน้มของธุรกิจ หรื อการเปลี่ยนแปลงของ model ธุรกิจอย่างเหมือนก่อนที่


Ex ++ ticon จะขายเข้า t-fund peที่ตลาดให้กจ็ ะเป็ นแบบนึงพอเปลี่ยน model แล้ว ratio ต่างๆของ ticonก็ดีข้ ึน ทํา ให้ถูก re-rating value ของหุน้ ขึ้นมาใหม่เป็ นต้น

++bh สมัยก่อนพี่สุมาอี้ซ้ือ bhตอน 12 บาท peก็ 20 กว่าเท่าแต่พี่เขามองศํกยภาพการเติบโตแล้วก็ไม่ได้ยดึ ติดกับตัวเลข peหลังจากซื้ อไปไม่นานก็ไปขายได้ 32 บาทก่อนจะ switch ++PS มาเล่น psที่ 5.5 เพราะตอนนั้น psก็มี model การทําธุรกิจที่น่าสนใจ และการดูงบการเงินถ้าไม่เข้าใจ เรื่ องลูกเล่นทางบัญชีกเ็ ป็ นเรื่ องอันตรายเพราะว่า ตัวเลขดีเกินจริ งหรื อแย่เกินจริ ง ผูบ้ ริ หารก็สามารถ เล่นตัวเลขได้ เรื่ องงบผมไม่รู้จะเขียนอะไรแล้วเขียนมา 4 ภาคแล้วมีเรื่ อง creative accounting แล้ว ด้วย หลังจากนี้คงเป็ น เอาวิธีพวกนี้ไปดูจริ งๆเป็ นรายบริ ษทั เลยมากกว่า ผมเพิ่งเขียนเกี่ยวกับ cpfเอาไว้กม็ ีตวั อย่างการ วิเคราะห์ งบเหมือนกัน ลองอ่านดูได้

บริหารความเสี่ ยง **จริ งๆแล้วคนที่เล่นหุน้ ส่ วนใหญ่จะชอบมองแต่ดา้ น upside ของหุน้ เท่านั้น ***ซึ่งมันไม่ ใช่ สิ่งทีน่ ักลงทุนระดับโลกจะสื่ อเพราะว่ านักลงทุนระดับโลกตั้งคาถามแรกก่อนลงทุนก็ คือว่ า how to protect loss แต่ แมงเม่ าบอกว่ า


How to maximum profit จริงๆแล้วผมจะยกตัวอย่ างการบริหาร port โดยใช้ ตัวอย่ างง่ ายๆ ดังนี้... สมมุติวา่ เราซื้อหุน้ ยานยนต์(สมมุติเฉยๆนะไม่ได้พดู ถึงตัวใดซักตัวในตลาดนะ) ตัวนึงแล้วเราคิดว่าถ้า “เศรษฐกิจฟื้ น” จะทําให้ราคาหุน้ ขึ้นไปอยูท่ ี่ 120 บาท โดยราคาหุน้ ตอนนี้อยูท่ ี่ 80 บาทโดยที่ราคา 120 base on pe 10 เท่า โดยมี eps ที่ 12 บาทต่อหุน้ โดย pe 10 เป็ น pe ที่สะท้อนการฟื้ นตัวของคําสัง่ ซื้อที่สงั่ บริ ษทั นี้ผลิต แต่กรณี ที่เศรษฐกิจเป็ น w shape ไม่ใช่ v shape อย่างที่คนคาด(ผมเชื่อว่า w shape)จะทําให้กาํ ไรต่อ หุน้ ลงไปเหลือที่ 8 บาทแต่เศรษฐกิจดันแย่และนักลงทุน discount ความคาดหวังลงไปอีก จน pe เหลือ 7 เท่า ราคาเป้ าหมายจะได้ 56 บาท สรุป กรณี แบบนี้ถา้ ราคาปัจจุบนั อยูท่ ี่ 80 บาท reward ที่ 120 จะมี upside 50% และมี risk 30% แบบ นี้ =ผมว่ายังไม่น่าสนใจมากพอแต่นกั ลงทุนมือใหม่มกั จะไม่ค่อยคิดถึง downside ที่มีอยูว่ า่ เทียบแล้ว เป็ นไงโดยสมมุติฐานต่ อไปของผมก็คือว่ า กรณี นีค้ ื อผมมีระยะเวลาหวังผลแค่ 1 ปี แต่จริ งๆแล้วผม Ex2 ถ้าการหวังผลของผมกลายเป็ น 5 ปี เศรษฐกิจโอกาสฟื้ นตัวจะสู งมาก และในภาวะgdp เติบโตหุน้ ยานยนต์ตวั นี้เคยมี pe สู งสุ ดที่ 15 เท่า และกําไรต่อหุน้ สมมุติให้ทาํ ได้เป็ น 15 บาท


หุน้ ตัวนี้จะมีมูลค่าที่ควรจะเป็ นประมาณ 225 บาทในบัดดล =กลายเป็ นว่า upside เกือบ 200% แต่ downside น้อยมากๆเนื่องจากการยึดระยะเวลาออกไป ทําให้หุน้ ตัวนี้มี probability ในการได้ premium ของ pe ที่สูงขึ้นตามวัฏจักรของเศรษฐกิจแบบนี้ โครงสร้างของ risk/reward จะเปลี่ยนไปมาก vi หลายคนที่คิดจะลงทุนระยะยาวตอนที่เข้าไปเก็บ หุน้ ปลายปี ที่แล้วผมคิดว่าคงประมาณการแบบที่ผมจําลองให้ดูซ่ ึงหุน้ ที่เหมาะกับการคิดแบบนี้ เบื้องต้นน่าจะเป็ นหุน้ ลักษณะที่เรี ยกว่า economy cyclical หรื อตามวงจรเศรษฐกิจอย่างเช่นหุน้ อสังหริ มทรัพย์ -ยานยนต์ ต่างๆเพราะตอนเศรษฐกิจฟื้ นตัวหุน้ พวกนี้ pe จะกระโดดแรง และมันยังมีประเด็นอีกว่าจริ งๆแล้วถ้าเราจนหุน้ ที่มี reward มากกว่า risk ซัก 5 เท่าตัวแต่มนั เป็ น 5 เท่าแบบนี้ คือ upside 300% downside 60% ส่ วนตัวผมจะสนใจหุน้ แบบนี้มากแต่ดว้ ยความที่ downside มันสู งถึง 60% ทําให้ถา้ ผมจะลงทุนหุน้ แบบนี้จริ งผมจะต้องเห็นโอกาสอย่างน้อย 5-6 ตัวแล้วหวังว่าเน่าไปเลย 1-2 ตัวผมก็ยงั port โตอยูด่ ี หุน้ ลักษณะนี้มกั จะเป็ นหุ น้ ที่ p/bv ตํ่ามากๆเช่น 0.1-0.2 แต่วา่ ตัวหุ้นดูแย่ ผู้บริหารสี เทา แต่จริ งๆแล้วหุน้ ที่ดูไร้อนาคตเหล่านี้มนั มี downside น้อยมาก สําหรับผูล้ งทุนแต่ระยะเวลาในการหวังผลว่ามันจะดีเมื่อไหร่ บางครั้งก็ดูลมๆแล้งๆ จริ งๆแล้วหุน้ แบบนี้ผมเจอในปลายปี ที่แล้วก็คือ pbv แค่ 0.10 และมีคดีฟ้องร้องประมาณ 6900 ล้านบาทและ ผูบ้ ริ หารได้ต้ งั สํารองไปแล้วด้วยแต่ market cap ตอนนี้ไม่ถึง 8000 ล้านเลยมั้งแบบนี้แค่ได้ reverse ที่สาํ รองก้อนเดียว reward ของหุน้ ก็จะสู งมากๆทีเดียวผมก็ดูไว้แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซ้ือ แต่**

จริงๆแล้วในฐานะของนักดู fundflow ผสม vi ผมไม่ สามารถรอระยะหวังผลได้ ถึง 5 ปี


ผมจะต้องหาตัวเร่ งที่นอกจาก story ของหุน้ ตัวนั้นเพิม่ เติมอีกหลาย อย่าง เช่น ถ้าเป็ น***หุ้นใน set 50 ก็ต้องดูแนวโน้ มการย้ ายของเงิน ถ้าเป็ นหุน้ ตัวเล็กก็ตอ้ งดูวา่ มีการstructural change ทางการบริ หาร การเงิน หรื อไม่ จริ งๆแล้วผมคิดว่าเราหาหุน้ ที่ risk/reward คุม้ ค่าได้ไม่ยากถ้าระยะเวลาหวังผลของเรานาน แต่ถา้ เรา จะวัดผลสั้นก็น้ นั เราจะต้องมีคุณสมบัติแบบอื่นๆ ในการดู unlocking value ของหุน้ แต่ละตัวซึ่งเป็ นเรื่ องที่ยากพอสมควร เรื่ องนี้จะขยายความในอนาคตต่อไป

เราเป็ นนักลงทุนแบบไหน ผมจะให้น้ าํ หนักกับ value และ แนวโน้มของทิศทางตลาดและราคาหุน้ ตอนผมเขียนบทความอาทิตย์ที่แล้ว ผมว่า momentum มันดีแต่วา่ value มันไม่ถูก เมื่อ value ไม่ถูก risk/reward ก็จะไม่คุม้ กับการเข้าลงทุน ดังนั้นผมจึงไม่ซ้ือ และได้แต่นงั่ ดูหุน้ ขึ้น ถามว่าผมเสี ยดายไหมที่หุน้ ขึ้นก็เสี ยดายแต่วา่ ผมก็ทาํ ใจได้เพราะว่า คนเราต้องยึดมัน่ ในหลักการ มากกว่าจะตามแห่อย่างไม่มีขอบเขต

ทุกวันนี้ผมว่าผมยิง่ เล่นหุ น้ ผมก็ยงิ่ รู ้จกั ตัวเองมากขึ้นอย่างเช่น ผมได้รู้วา่


ผมมีความเป็ น vi เหลืออยูเ่ ยอะกว่าที่ผมคิด ทั้งๆที่ผมคิดว่าตัวเองไม่ค่อยเป็ น vi เท่าไหร่ ผมคิดว่านัก ลงทุนจะยังไม่รู้จกั ตัวเองดี บางทีเรามักจะอุปมาอุปมัยเอาเองว่าเราเป็ นอย่างนุ่นอย่างนี้ แต่การ ตัดสิ นใจของเรานั้นแหละจะเป็ นตัวบอกว่าจริ งๆแล้วเราเป็ นแบบไหน นักลงทุนควรรู ้วา่ ตัวเองเป็ น แบบไหน เพราะคนที่ไม่รู้จกั ตัวเองดีพอ จะลงสนามรบแล้วชนะคนอื่นๆได้อย่างไร Momentum trading แบบที่สองที่ผมเป็ นจริ งๆแล้ว ถ้าเป็ น set ตอนQ2 ผมก็จะใช้ momentum trading เนื่องจากว่าผมมองหุน้ น่าจะขึ้นได้เยอะดังนั้นการ ซื้อหลังจากที่เพิ่งขึ้นมาวันแรก ยังคงมี room ในการทํากําไรเหลืออยูม่ ากมาย แต่ถา้ เป็ นตอนนี้ตลาดแพงการรอให้หุน้ ขึ้นแรงๆแล้วค่อยซื้อ room ของ upside จะเหลือไม่เยอะพอ ถ้าซื้อแล้วลงก็เลยขายพอขึ้นใหม่ค่อยกลับมาซื้ออีก แบบไหนซัก 3 รอบกําไรก็หายไปเยอะแล้ว

VI จาเป็ นต้ องดูกราฟมั้ย พื้นฐานแนวคิดของ vi ก็คือ ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจเป็ นตัว drive ราคาหุ้นทีด่ ีทสี่ ุ ดก็คอื ว่ าให้ ใช้ เวลาศึกษาว่ าธุรกิจทีจ่ ะลงทุนควรจะมีราคาเหมาะสมสู งกว่ าราคาใน ตลาดไหมผมว่ าหลักการนี้ work มากและคนทีใ่ ช้ หลักการนีก้ ป็ ระสบความสาเร็จให้ เห็นเยอะแยะไป หมด โดยส่ วนตัวแล้วผมได้พบกับคนที่ประสบความสําเร็จทั้ง 3 หลักการมาหมดแล้วดังนั้นผมเลยคิดว่า ทุกอย่างหาเงินได้หมดมาที่คาํ ถามว่า vi จําเป็ นต้องศึกษากราฟกับ fundflowไหมตอบแบบโคตร กําปั่นทุบดิน “รู ้ยอ่ มดีกว่าไม่รู้”

กราฟไปด้วย

อิอิเอาเรื่ องกราฟก่อนละกันผมรู ้จกั vi หลายคนที่ดู


*****เวลาเขาสนใจหุน้ ที่จะลงทุนเขาจะจับตาดูไหวและดูกราฟของ หุน้ ตัวนั้นตลอดเวลาถ้าหุน้ ที่เขาดูมี volume เข้าเยอะกว่าปกติหรื อว่า มี newhighเขาจะเข้าไปซื้อเลยแล้วปรากฏว่าหุน้ ก็มกั จะขึ้นต่อเลย Ex อย่างหุน้ sgpก็เป็ นตัวที่ vi หลายคนที่เล่นกราฟกระโดดเข้าไปกันตอนกราฟสวย แต่วา่ พื้นฐานเขาได้อยูก่ ่อนแล้ว vi คนไหนทําแบบนี้กส็ ารภาพมาได้นะครับ อย่าให้ตอ้ งเอ๋ ยชื่อลาย คนที่เล่นกราฟกระโดดเข้าไปกันตอนกราฟสวย แต่วา่ พื้นฐานเขาได้อยูก่ ่อนแล้วงๆดไหม

ทาอย่ างไรถึงกลับมาได้ ผมเองได้เจอกับนักลงทุนมากหน้าหลายตาสิ่ งที่ผมเจอคือแบบนี้ปีที่แล้วทุกคนคงรู ้วา่ เป็ นปี ที่หุน้ crash ปี ที่แล้วผมค่อนข้างโชคดีเล็กน้อยประคองตัวได้คือ ขาดทุน 15% โดยที่ตลาดติดลบเกือบ 50% ผมได้เจอคนรู ้จกั หลายคนที่ขาดทุนมากกว่า 50 % ในปี ที่แล้วและมีบางท่านที่ขาดทุนมากกว่า 70% ในปี ที่แล้ว สิ่ งที่ผมอยากถามเพื่อนๆคือ ผมเห็นบางคนปี ที่แล้วขาดทุนมากกว่า 50% แต่สามารถ กลับไปมี port การลงทุนแบบที่เรี ยกว่ า all time high ได้ ภายในเวลาไม่ ถึงปี ยกตัวอย่างคนกลุ่มนี้ที่ผมสัมผัสมานะครับ พี่ yoyo พี่ blueblood พี่ตี๋picatosแต่หลายคนที่ขาดทุนหนักปี ที่แล้วยังไม่ถึงจุดคุม้ ทุน จริ งๆผมก็ไม่รู้วา่ เพราะอะไร ผมเลยอยากถามความเห็นเพื่อนๆว่า ท่านคิดว่าคนที่สามารถฟื้ นตัวได้เร็วเขามีคุณสมบัติอะไรครับ


1.“มีการพูดว่าตีกอล์ฟไปให้ถึงดวงจันทร์ ถึงพลาดก็ยงั อยูท่ ่ามกลางดวงดาว” ปี ที่แล้วผมติดลบ 10 % ปี นีผมบวกกว่า 150% ครับ ผมลองความคิดนี้ปรับใช้กบั การ trade อย่างนี้ครับ ตอนต้นปี สมสมุติผมมีแค่ 1 เราตั้งเป้ าไว้แค่ 5 เราจินตนาการในสิ่ งที่แตกต่างออกไป ไม่ตอ้ งสนใจ ว่าตรรกะเป็ นอย่างไร ตั้งเป้ าหมายขึ้นมา เรายกเป้ าหมายให้มนั ยากขึ้นได้ คราวนี้ผมบอกว่า 5 น้อย ไป ยกไประดับ 10 เลย มันมีตรรกะในนั้นด้วย ถ้าเรามุ่งไปที่ 10 แล้วความคิดที่ระดับ 5 มันน้อยไป เลย ถ้าทําได้ 6 หรื อ 7 อย่างนี้มากกว่า 5 อีก เพราะตั้งเป้ าไปที่ 10 แต่ถา้ ทําไม่ได้ พอร์ตเรายังอยูเ่ กิน 5 อยูด่ ี แต่นนั่ ไม่สาํ คัญเลยครับ ที่สาํ คัญคือ มันทําให้เราเข้าใจความผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่าทําไมไม่เป็ น อย่างที่คิด ตรงนี้ต่างหากครับที่สาํ คัญอย่างมาก เป้ าหมายที่เกินจริ งเป็ นเรื่ องรองไปเลย คนอื่นบอก ให้เราตั้งเป้ าหมายที่สอดคล้องกับความเป้ นจริ ง ผมเราเรามองที่ดวงจันทร์เลยดีกว่า มันเป็ นเรื่ อง จินตนาการ ไม่ใช่เรื่ องของตรรกะ ถ้าจินตนการมาก่อน ตรรกะตามมาเอง ตั้งเป้ าหมายทีไม่สมจริ ง อย่างเหลื่อเชื่อ แล้ว invert คิดกลับมาในเชิงปฎิบตั ิว่าเราต้องทําอย่างไรบ้าง ถ้าเราบอกตัวเองอย่าง นั้น เราต้องเปลี่ยนตัวเองหมด ต้องนัง่ ดู chart ต่างๆ ตั้งแต่ 6 โมงถึง 4 ทุ่มทุกวัน พอตี 3 ต้องตืน ขึ้นมานัง่ ซ้อมในหัวว่าเราจะเทรดอย่างไร ถ้าต้องการให้ถึงระดับที่เราต้องไปถึง มันต้องเปลี่ยนตัว เอง เกมมันยกระดับขึ้น เราพัฒนา ยกระดับตัวเองไปอีกขั้นด้วย อะไรก็เป้ นไปได้ท้ งั นั้นครับ “ในเกมส์กีฬาย่อมมีแพ้หรื อชนะ ถ้าเกิดความผิดพลาดในเกมส์การแข่งขัน ต้องลืมเรื่ องนั้นทันที แล้วตั้งความหวังขึ้นมาใหม่ และทําให้ได้ เพราะการจดจ่ออยูก่ บั สิ่ งที่พลาดจะทําให้ไม่ม่สมาธิ ความหวังและความมุ่งมัน่ จะช่วยให้ประสบความสําเร็จได้ และถ้าเกิดความผิดพลาด แต่เราสามารถ ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ดว้ ยดี ก็ถือว่าเราชนะใจตนเองได้” “หากเราทําผิดพลาดสิ่ งใดสิ่ งหนึ่ง ขอให้เรานําเอาความผิดพลาดนั้นมาเป็ นบนเรี ยนและแรงผลักดัน ให้เราลุกขึ้นสู่ ต่อไป ก่อนจะที่เราจะโยนความผิดพลาดนั้นออกไปให้ไกลๆ ถ้าใจของเราอดทน มุ มานะแล้วก็เท่ากับเราชนะไปครึ่ งหนึ่งแล้ว แต่ถา้ หากเราประสบความสําเร็จในชีวติ นั้นหมายความ ว่าเราได้ชนะใจของตนเอง ซึ่งเป็ นชัยชนะที่ยงิ่ ใหญ่”


2.คุณสมบัติขอ้ ที่ 2 ครับ ซึ่งผมคิดว่าสําคัญมาก ถาวร วิรัตน์จนั ทร์ (ทีมกอล์ฟสิ งห์รุ่น 2) “กอล์ฟมันต้องซ้อม ถ้าไม่ซอ้ มให้เล่นทั้งชาติกไ็ ม่ได้” – ซ้อมจริ งๆ จะไม่มีสิ่งใดมากวนไม่ได้ ก. บุญชู เรื องกิจ (ทีมกอล์ฟสิ งห์รุ่น 1) “เวลาซ้อม ห้ามรับโทรศัพท์” – การฝึ กวงสวิง จะต้องฝึ กซํ้าๆ จนกล้ามเนื้อจําวงสวิงได้ ข. ถาวร วิรัตน์จนั ทร์ (ทีมกอล์ฟสิ งห์รุ่น 2) “กอล์ฟมันต้องซ้อม ถ้าไม่ซอ้ มให้เล่นทั้งชาติกไ็ ม่ได้” – ในเกมส์กอล์ฟ การฝึ กซ้อม เหมือนการปรับโฟกัส กล้องให้ชดั ค. ชินรัตน์ ผดุงศิลป์ (ทีมกอล์ฟสิ งห์รุ่น 3) “300-400 ลูก ชิฟพัดลง…” – ในบางจุดการซ้อมต้องละเอียดถึงทฤษฎีแรงลม ง. เชาวลิต พลาพล (ทีมกอล์ฟสิ งห์รุ่น 2) “ต้องมาซ้อมก่อน เราต้องมาโรญหญ้า โปรยหญ้า ว่าลมแรงขนาดไหน เราต้องเพิม่ เหล็กเข้าไป ทุก อย่างมันเป็ นไปได้ ถ้าเราฝึ กซ้อมอย่างหนัก *ในเกมส์กอล์ฟ ถ้าใจชนะก็ชนะแล้ว และเกมส์ชีวติ ก็เหมือนกัน*

ผมลองปรับเข้ ากับการ trade อย่ างนีค้ รับ “เราฝึ กซ้ อมในหัวบ่ อยๆ ซ้ อมจนเราไม่ กลัว ไม่ ติ่นเต้ น” ที่จะเทรดหุน้ ใจมันนิ่งเพราะซ้อมในหัวทุกวันอยูแ่ ล้ว ผมคิดเรื่ องกาการเทรดทุกเช้าก่อนที่ผมจะเท รดจริ ง ผมเทรดในหัว เทรดจนสมองมันจําได้ ถ้ามาอย่างเราทําอย่างนั้น เราคิดเตรี ยมแผนไว้หมด เรื่ องนี้โลกการลงทุนเขาเรี ยว่าเป้ น decision tree ผมเรี ยกว่า การจินตนาการซ้อมในหัว ซ้อมจนมัน เคยชิน ซ้อมจนเห้นภาพทุกอย่าง


Ex ถ้ามัน มี a แล้วถ้ามันตามด้วย b โอกาสที่จะเกิด c มีแน่ ถ้ามันเกิดจริ ง มันต้องควบคลุมแรงเต้นหัวใจ ให้ได้ ผมใส่ นาลิกาตรวจวัดแรงเต้ นหัวใจตลอด ผมทําได้ไม่ตลอด แต่ถา้ เรากําหนดลมหายใจ มีสติ ให้มากที่สุด ตัดอารมร์ออกให้มากที่สุด ผมว่าผมทําได้ดีในระดับที่แรงเต้นกลับยไปที่ 50 ได้ เมื่อ นั้นผมว่าโอเค เราพร้อมที่จะเข้าไปแข่งขันในเกมการลงทุนนี้ ถ้าแรงเต้นมันไมได้ มองทุกอย่างให้ มันเป็ นเรื่ องตลก ผมว่ามันช่วยได้ มันทําให้แรงเต้นลดลงได้ทนั ที เรื่ องอย่างนี้ท่านต้องลองกับ ตัวเอง แล้วหาให้ได้วา่ เรื่ องไหนที่ทาํ ท่านนิ่ง ได้ คนเรามันไม่เหมิอนกัน ถ้าเราเทรดในหัวจนชํานาย ได้ ผมพร้อมที่จะเทรดในเกมการแข่งขันจริ งแล้ว เกมมันชนะกันตั้งแต่ก่อนที่เราจะเทรดแล้วครับ เหมือนที่ซุนวูบอก สงครามชนะแพ้ ร็ต้ งั แต่ก่อนรบ ผมว่านัน่ เป้ นปรัชญาที่สุดยอดมาก แล้วเราเห็น คนที่เก่งๆ ทั้งหลายในทุกเอามาใช้ให้เกิดผลที่มหัศจรรย์อย่างมาก ผมนึกถึงคุณสมจิตร จงจอหอ เขาบอกว่าก่อนชกทุกครั้ง “ผมจะจินตนาการถึงหน้าคู่ต่อสู ้วา่ เขาทํา อย่างไรบ้างผมเวที เราจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร โดยการนอนหลับตาคิดถึงภาพการแข่งขันที่ เราวาดไว้ ” ผมนึกถึง Tiger Woods ที่เขาบอกว่า visualize your shot before you hit the ball 3.คุณสมบัตขิ ้ อที่ 3 ครับ ถาวร วิรัตน์จนั ทร์ (ทีมกอล์ฟสิ งห์รุ่น 2) “แรง… แรง…หัวใจ ควบคุมให้ได้” ธรรมนูญ ศรี โรจน์ (ทีมกอล์ฟสิ งห์รุ่น 3) “ใจต้องเด็ดขาด… เหมือนมีพลังจิต… เราต้องนิ่ง” ผมลองอย่างนี้ครับ ประสาทที่แข็ง มันสําคัยอย่างมาก ถ้าเราเทรด แต่เอาเครื องตรวจวัดชีพจรมาวัด ท่านมีการเต้นของหัวใจเกิน 100 อย่างนี้วนั นั้นไม่ตอ้ งเทรด ผเอาเครื องวัดมาตรวจเลย ผมต้องบังคับ ให้แรงเต้นมันลงไปที่ 40-50 ให้ได้ ไม่อย่างนั้นวันนั้นผมไม่เทรดอย่างเด้ดขาด ถ้าเราซื้อหุน้ 20 ล้าน กับซื้อปาท่องโก๋ 20 บาท แล้วอารมร์ โทนเสี ยง ความรู ้สึกต่างๆ มันต่างกัน อย่างนั้นผมไม่ trade เลย ต้องทําให้การเทรดหุน้ มันนิ่งๆ ไม่ตื่นเต้น แรงเต้นมันต้องตํ่ามาก ๆ เดี่ยวนี้มีนาลิกาใส่ ที่ขอ้ มือ มีมือ ถือวัดแรงเต้นหัวใจแล้ว ผมต้องทําให้ความรู ้สุกซื้อหุน้ 20 ล้านเหมือนซื้อปาท่องโก๋ 20 บาทให้ได้ นัน่ คือเหตุผลที่การนัง่ สมาธิเข้ามาเกี่ยวอย่างมาก


4.คุณสมบัติสุดท้ ายคือ เอาหลายๆ คุณสมบัติมารวมกันจนเกิดสิ่ งที่เรี ยกว่า lollaparoozaครับ “สิ่ งดีๆ ที่มีเข้ามาในชีวติ ของเรา ล้วนแล้วเป็ นผลของการกระทําของเราทั้งสิ้ น ที่เราได้เพียรพยายาม บากบัน่ เหน็ดเหนื่อยกับสิ่ งนั้น ทุ่มเทให้สิ่งนั้น เพื่อแลกกับสิ่ งดีๆ เข้ามา บ่อยครั้งสิ่ งดีๆ อาจจะมา หาเราโดยความบังเอิญ แต่นนั่ อาจจะมีโอกาสน้อยมากๆ สู ้เราทําด้วยตนเองดีกว่า จะเกิดความภูมิใจ แก่ตวั เรา” ผมเอา value investing และ reflexivity ผสมกัน ผมต้องขอบคุณแรบไบBuffett กับ แรบไบSoros ระบบการเทรดที่คิดค้น ใช้ประสบการร์การออกงานขายของตาม event ต่างๆ จนเข้าใจเรื่ อง Mr market และ การเกิด critical mass ได้ดีในระดับที่เอามาพัฒนาเป็ นระบบ ผมต้องขอบคุณลุกค้าที่ไป เดินตามงานต่างๆ เอา synesthesia ปรับเข้าไปใช้ในระบบการ trade ด้วย ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้ สิ่ งนี้มากับผม ท่านมีเหตุผลของท่านเสมอ ยังมีเรื่ อง margin of safety ที่เก็บจากประสบการณ์การเข้า ป่ ามาปรับใช้กบั ระบบ ขอบคุณสัตว์ต่างๆ ที่ทาํ ให้ผมต้องตื่นตัวตลอดเวลา กราบขอบพระคุณพระพุทธเจ้าสําหรับเรื่ องสติ ที่ทาํ ให้ผมเข้าใจเรื่ องต่างๆ ว่าเป้ นเรื่ องภาพมายา A ไม่ใช่ A มาปรับใช้เข้ากับระบบ ได้อย่างลงตัว และเกิดปรากฎการณ์ lollapalooza ในแบบที่ผมไม่ เคยคาดคิดมาก่อนเช่นกันครับ นัน่ คือเหตุผลที่สมมุติฐาน ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง จุดประสงค์หลักคือ ไม่ใช่ดูวา่ เราผิดหรื อถุก มันมีมากกว่านั้น มันทําให้เราเดาไปข้างหน้าอย่างที่พี่นนั บอกว่า “เดาบ่อยๆ เดียวสัญชาติยาณมันมาเอง” มันเป็ นอย่างนั้นจริ งๆ เราต้องมีสมมุติฐานมาใช้เป้ นจุดโฟ ฟัส แล้วว่าสิ่ งที่เราคิดมันเป็ นตาม a b c d e f หรื อปล่าว ผมต้องกล่าวขอบคุณพี่นนั ผมลองแบ่งการ trade แบ่งออกเป็ น 18 หลุมในแต่ละวัน การแบ่งลักษณะนี้คือการดูดซับ สถานการณ์ในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ได้ให้ทนั ความเคลื่อนไหวของราคาหุน้ หรื อ ให้ทนั ตามกลุ่มอุตสา หกกรม หรื อตาม commodity ระบบแบ่งเป็ น 18 หลุม ช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ หากเกิด A แล้ว จะ มี B และ C เกิดขึ้นตามมา ผมคิดว่าการคิดแบบนี้ไม่ใช่เรื่ องที่น่าเหยะเย้ยถากถางเลย หากแท้จริ ง แล้ว นี่คิอเคล้ดลับอย่างหนึ่งในความสําเร็จของ trader


เราต้องเข้าใจเรื่อง Margin of safety เป้ นอย่างดี เหมือนที่ท่านบอลบอกว่า ” trader trades risks.” ผมมอง risk ตัวนี้ คือ การ เอาตัวรอดให้ได้ ผมต้องกล่าวขอบคุณท่านบอล การบริ หารความเสี่ ยง มันต้องเก่งกว่าคนอื่น มันต้องเข้าใจเรื่ องตัวเองเป็ นอย่างดีเลิศ เราต้องยอมรับ ผิด เมื่อ B ไมได้ตาม A อย่างที่เราคิด เราต้องตัดทิ้งทันที เรื่ องของ invest first จึงต้องเข้ามีบทบาทสําคัญ เพราะด้วยเหตุของ MOS ยอมเสี ยเมือจําเป้ น ตัดอารมณ์ออกให้หมด เหมือนที่พี่อีโต้บอก ” เล่นตามระบบที่วางไว้” ผมต้องขอบคุณพี่อีโต้ ถ้าทําได้ไม่ดี เพราะ a ที่เราคิดเป้ นa มันตามด้วย b c d อีกแบบเพราะตลาดมันมีปรากฎการณ์ของ lollaparoozaซึ่งทําให้ 1+ 1 +1+1+1+1+1 ไม่ใช่เท่ากับ 7 เสมอไป มันอาจกลายเป็ น 150 หรื อ – 75 ก็เป้ นไปได้ ถ้าทําไม่ดี ต้องตัดขาดทุนออก แต่เป็ น ขาดทุนที่นอ้ ยเพราะเรา invest first ทีละน้อยเมื่อเริ่ มต้นทุกครั้ง ถ้าเราเป้ นtrade การยอมรับคําตอบ ของตลาดเหมือนที่ท่านมัดบอกเป็ นสิ่ งที่สาํ คัญ “อย่ าฝื นตลาดโดยเด็ดขาด” ผมต้องกล่าวขอบคุณท่านมด เหตุผลที่ตอ้ งมีสมมุติฐาน มันทําให้ให้เรามีกลยุทธ์ที่ดูวา่ เราจะไปถึงเป้ าหมายได้อย่างไร การตั้ง สมมุติฐานมันเป็ นคิดแบบ invert ซึ่งผมมองว่ามันจําเป็ นต่อการคิดแบบ reflexivtyเพราะเราต้อง invert สิ่ งที่อีกปลายของเชื่อก แต่มนั ต้องมีวนิ ยั ตลอด มันเกี่ยวพันกันหมด มันต้องมี MOS ทางหนีที ไล่ มันต้องมี invest first ถ้ามันไม่มีถา้ มันเป็ นไปอย่างทีเราคิดจริ งๆ ท่านเสี ยโอกาสไปแล้ว ความรู ้ สุ กมันต่างกันแบบเทียบไมได้ คนที่มองหุน้ แล้วทํานายไว้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่ซ้ือ มันต่างกันมาก กับคนที่ทาํ นายแล้วซื้อ ถ้าทุกคนมีคุณสมบัติแบบ invest first กันหมด ผมคงทําเงินไมได้ครับ ผม อาจผิดครับ อะไรก็เป็ นไปได้ท้ งั นั้น จบแล้วครับท่าฮง


****ฮงตอบ ผมว่าจริ งครับ คนลงทุนในหุน้ ที่จะ success น่าจะมีความ มัน่ ใจในตัวเอง แต่อย่าถึงขนาด overconfidence จะดีที่สุดเลยครับ การให้ ความสาคัญ model เว็บที่จาํ เป็ น สําหรับต่อยอดเอาไว้ update ด้วยตัวเอง s&pmarketcap http://www2.standardandpoors.com/portal/site/sp/en/us/page.topic/indices_500/2,3,2,2,0,0,0,0,0,1 ,1,0,0,0,0,0.html mmf http://www.ici.org/research/stats leiusa http://www.conference-board.org/economics/bci/pressRelease_output.cfm?cid=1 10 ust http://finance.yahoo.com/bonds/composite_bond_rates yield curve usa http://www.bloomberg.com/markets/rates/index.html


ted-spread http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=.TEDSP:IND เว็บ present เศรษฐกิจจากแบงค์ชาติ http://www.bot.or.th/Thai/EconomicConditions/Thai/Pages/Press_montlhly.aspx usd index http://www.cnbc.com/id/15839178/site/14081545/ ยอดตลาด tfex http://www.tfex.co.th/th/index.html ตัวเลขboard money และ reserve http://www.bot.or.th/Thai/EconomicConditions/Thai/Pages/Press_weekly.aspx

ต้องมีเพื่อน เสี่ ยยักษ์(คุณวิชยั วชิรพงษ์)เคยบอกว่าเล่นหุน้ ต้องมีเพื่อนอย่าคิดเอง อย่าคิดคนเดียว ผมเห็นด้วยกับ คํากล่าวนี้อย่างมาก ผมเองหลังๆมีเพื่อนเยอะ ผมจะเล่าให้ฟังว่าเพื่อนแต่ละคนให้แง่คิดอะไรกับผมบ้าง คนแรก คุณ p ทํางานอยูก่ องทุนแห่งนึง เป็ นเพื่อนที่ดีต่อผมมาก คุณ p มีบทวิเคราะห์ research หา ยากส่ งให้ผมบ่อย ผมต้องยอมรับอย่างนึงว่าการวิเคราะห์แนว fundflowจําเป็ นต้องได้ขอ้ มูลที่เร็ว


คุณ p มีขอ้ มูลที่ลึกและเร็ วส่ งมาให้ผมทุกวัน นอกจากนั้นคุณ p ยังไปเปิ ด port กับโบรกด้วยชื่อ ตัวเองประมาณ 6-7 โบรกและเลือกเปิ ดเฉพาะโบรกที่หาอ่านจากเว็บไม่ได้เอง ตัวผมเองเคยศึกษา เรื่ องกราฟมาบ้าง แต่ดูเองไม่ค่อยเป็ น คุณ p ได้ไปช่วยหามาให้วา่ โบรกไหนที่ตีกราฟเก่ง และส่ งมา ให้ผมดูซ่ ึงช่วยผมได้เยอะจริ งๆ ผมเองอ่านการวิเคราะหฺ กราฟมาหลายที่กต็ อ้ งยอมรับว่าสู ้ของคุณ p ที่ส่งให้ผมไม่ได้ นอกจากนี้เวลามีการสัมมนาเฉพาะที่กองทุนจะได้ฟังคุณ p ยังนํามาเล่าให้ผมฟัง และ zeroxเอกสารให้และในบางครั้งเธออัดเทปแล้วก็ส่งมาให้ฟังที่บา้ นด้วยถ้าคอมผมเสี ยและ โหลดไม่ได้ ต้องบอกว่าเธอช่วยผมเยอะจริ งๆ ทุกวันนี้ผมแทบไม่ตอ้ งหาข้อมูลเอง คุณ p จะเป็ นคน จัดการให้ผมหมด ถ้าอยากได้ตวั ไหนบอกไปก็จะมีบืวเิ คราะห์ตวั นั้นของเกือบทุกโบรกให้ผมอ่าน ทันทีและรวมถึงของโบรกต่างประเทศที่วเิ คราะห์ตวั นั้นเอาไว้ดว้ ย เรี ยกว่าถ้าไม่มีคุณ p ผมเหมือนถูกเด็ดปี กซ้าย ขวา ด้านข้อมูลออกหมดทีเดียว

2.คุณ j คุณ j เป็ นคนที่คนที่คิดเชิงกลยุทธ์ได้เก่งที่สุดตั้งแต่ผมอยูใ่ นวงการหุ น้ มาแล้วเคยคุยด้วย เวลาคุณ j วิเคราะห์หุน้ จะมีรูปแบบที่ไม่เหมือนกันใคร คุณ j ประเมินมูลค่าหุน้ เก่ง และบริ หารความ เสี่ ยงเก่งมาก ส่ วนนึงที่ผมหนีตลาด crash ปี ที่แล้วได้เป็ นเพราะคําชี้แนะของคุณ j เขาบอกผมว่า ตั้งแต่เล่นหุน้ มาเขาไม่เคยเห็นฝรั่งขายต่อเนื่องขนาดนี้มาก่อนเลย เขาว่ารอบนี้ไม่ธรรมดา ตอนนั้น ประมาณเดือน 8 ปี ที่แล้วได้ คําพูดของคุณ j ทําให้ผมเอะใจ แล้วเริ่ มอ่านข่าวเศรษฐกิจว่ามันแย่ ขนาดนั้นจริ งเหรอ และเป็ นที่มาของแนวทาง fundflowของผม คุณ j เป็ นคนที่ดู fundflowเป็ นโดยที่ไม่ตอ้ งได้ research ที่ไหนเพราะคุณ j เป็ นนักเศรษฐศาสตร์ตวั ยง และผมยอมรับว่าคุณ j เป็ นคนที่รอบการหมุนของสมองเร็วกว่าคนทัว่ ไป สิ่ งที่คุณ j มองในวันนี้ เป็ นสิ่ งที่ไม่มีใครพูดถึงและอีกหลายเดือนต่อมา คนก็ค่อยเริ่ มพูดอย่างที่คุณ j เคยเล่าให้ผมฟัง ผมเอง ถือว่าคุณ j เป็ นผูม้ ีพระคุณต่อผมที่ช่วยชี้แนะผมหลายอย่าง เมื่อก่อนผมเป็ นแนวบู๊ลา้ งผลาญ แต่ผม ได้คุณ j ช่วยแนะนําถึงการบริ หารความเสี่ ยงและแนวคิดเชิงกลยุทธ์ทาํ ให้ผมเปลี่ยนไปมาก สไตล์ การเล่นหุน้ ทุกวันนี้ของผมได้รับอิทธิพลแนวคิดมาจากคุณ j ประมาณครึ่ งนึง


3.คุณ v คนนี้เป็ นคนที่ผมอยากเป็ นให้ได้เหมือนเขา คุณ v ไม่ถึงกับเป็ นเพื่อนของผม เราไม่เคยคุย โทรศัพท์กนั แต่ผมติดตามแนวคิดของคุณ v มาหลายปี คุณ v เป็ นคนที่เก่ง fundflowระดับต้นๆของ ประเทศ ฝี มือ fundflowของคุณ v สู งส่ งกว่าผมอย่างเทียบกันไม่ได้ สไตล์การวิเคราะห์หุน้ ของคุณ v เป็ นอีก ครึ่ งนึงที่หล่อหล่อมขึ้นมาเป็ นตัวผม ผมคิดว่าผมเป็ นส่ วนผสมระหว่างคุณ v กับคุณ j คุณ v เป็ นคนที่ชอบฟันธงมากถึงมากที่สุดแม้หลาย คนจะชอบจําว่าคุณ v เคยพูดอะไรผิดบ้าง แต่ผมว่าคุณ v ถูกบ่อยกว่าเยอะ และเหนือถูกหรื อผิด คือ แนวคิดของคุณ V นั้นสุ ดยอดอย่างหาใดเปรี ยบ คุณ v เคยแนะนําให้เก็งกําไรตัวนึงให้ hedge fund ซึ่งเขามองว่าหุน้ เก็งกําไรตัวนั้นจงใจขาดทุนเยอะๆเพื่อขอ haircut หนี้และหลังได้ haircut มันก็ turn around เร็วมากทํากําไร 10 กว่าเท่าตัวภายในไม่ถึง 2 ปี คุณ v มีจุดแข็งอยูท่ ี่การหา driver ของหุน้ หุน้ เน่าๆบางตัวที่ไม่มีกาํ ไรมีแต่หนี้สินพ้นตัว คุณ v ก็ยงั สามารถหาประเด็นที่มนั จะ unlocking value ออกมาได้ คุณ v ดูจะไม่เก่งเรื่ องการมองแนวโน้มธุรกิจเหมือนคุณ j ผมเลยเรี ยนรู ้เรื่ อง fundflow ,driver หุน้ จากคุณ v และการบริ หารความเสี่ ยง กับการดูแนวโน้มธุ รกิจ กับคุณ j ซึ่งออกมาเป็ นตัวผม

คนสุ ดท้ายคุณ F คุณ f เป็ นเพื่อนใหม่ของผม เธอทํางานเป็ น trader คุณ f เป็ นคนขยันมากเพราะจริ งๆเขาสามารถเริ่ มงานเกือบ 10 โมงแต่คุณ f จะตื่นตั้งแต่ 7 โมงเพื่อ อ่าน research ให้หมด คุณ f เล่นหุน้ ไม่ถึงหนึ่งปี แต่แนวคิดนั้นเหมือนคนเล่นมาประมาณ 3-4 ปี เพราะเธอไปอบรม สัมมนาอาทิตย์ละอย่างน้อย 3-4 วัน วันเสาร์ตอ้ งเรี ยน ป.โท วันอาทิตย์แทนที่จะ หยุดพักแต่คุณ f ก็ยงั ไปอบรม คุณ F บอกผมว่า เขาเพิ่งเข้าตลาดมาเขารู ้นอ้ ยเขาต้องขยันกว่าคนอื่น ผมฟังแล้วชื่นชม เพราะผมมักจะเห็นคนที่เข้ามาอยากรวยเร็ว ขอหุน้ เด็ด ไม่ทาํ การบ้าน


แต่คุณ f ตรงกันข้ามหมดเลย คุณ f เป็ นคนที่อ่าน research เยอะกว่าผมและเรี ยนกราฟมาจากหลาย สํานัก ตั้งแต่ผมได้รู้จกั คุณ F มันทําให้ผมได้รู้ตวั ว่า ผมไม่ได้เป็ นคนขยันเลยถ้าเทียบกับคุณ F ผมยัง ไม่รู้อะไรอีกหลายอย่าง ผมรู ้จกั คุณ f ผมก็อ่าน research เยอะขึ้น ไปสัมมนาบ่อยขึ้น ตื่นเช้าขึ้น นอน ดึกขึ้น เพื่อทําการบ้านให้หนักขึ้น ผมคิดว่าเดือนกว่าๆที่ผมรู ้จกั คุณ f ผมขยันขึ้นและได้สังเกตุเห็นพัฒนาการตัวเองที่ดีข้ ึนหลายอย่าง คุณ f ไม่ได้สอนผมด้วยคําพูดแต่แสดงให้เห็น ทําให้ผมได้คิด มีอีกหลายคนแต่ขอเล่าเบื้องต้นเท่านี้ก่อนละกัน ถ้าผมไม่รู้จกั คนเหล่านี้ ทุกวันนี้เป็ น เด็กอมมือธรรมดาคนนึงเท่านั้นเอง ผมเชื่อคําพูดว่าเล่นหุน้ อย่าเล่นคนเดียว ผมเชื่อมากๆ

นักลงทุนพื้นฐานควรทํา ผมคิดว่าถ้าคุณเป็ นนักลงทุนแนวพื้นฐานสิ่ งที่คุณควรทําคือ การหาหุน้ undervalue หุน้ underestimate หุน้ change business model หุน้ growth ที่คนยังมองไม่เห็น หุน้ คอมโมดิต้ ีที่คนไม่ เข้าใจตัวธุรกิจหรื อมีภยั ธรรมชาติมาทําให้ stock เสี ยหายหุน้ ประกันชีวติ ที่เปลี่ยนช่องทางการขาย และเติบโตเร็ว หรื ออะไรต่างๆ ที่พี่ๆที่ลงทุนในแนวพื้นฐานรุ่ นก่อนๆสามารถทํากําไรได้อย่าง งดงาม ยิง่ คุณให้เวลากับการศึกษาหุน้ ตัวใหม่ๆการอ่าน annual ฟัง clip oppdayมากเท่าไหร่ กย็ งิ่ มี โอกาสมากขึ้นเท่านั้น ผมคิดว่านี้คือสิ่ งที่ควรทําของนักลงทุนแนวพื้นฐาน

จิตวิทยามีผลจริ งๆ


ผมต้องขอบคุณพี่ที่ช่วยสอนเรื่ องจิตวิทยาการลงทุน การดู bid offer การหา story หุน้ รายตัวให้ผม คิดว่าเนื้อหาที่พี่สอนผมนั้น หาเรี ยนที่ไหนไม่ได้แต่ใช้ทาํ เงินได้ตรึ ม เพราะตั้งแต่ผมใช้หลักการที่พี่ สอนรวมกับเรื่ อง ฟันโฟล ผลตอบแทนพอรต์ผมดีข้ ึนทันตาเห็น ฝึ กฝนตนเอง การ์ตูนก้าวแรกสู่ สังเวียน เป็ นการ์ตูนที่ผมชอบและผมคิดว่ามันสอนเรื่ องการลงทุนทางอ้อมได้ดงั นี้ 1.ในศึกที่อิตางากิสู้กบั อิมาอิเคียวสุ เกะ จริ งๆแล้วอิตางากิไม่เคยชนะอิมาอิเลยตั้งแต่สมัยเด็ก แต่เมื่อ เขาได้เลือกอยูท่ ี่ค่ายคาโมงาวะแล้วได้รับการสั่งสอนจากเหล่า professor เขาก็ได้กา้ วหน้าอย่าง รวดเร็วจนชนะคู่แข่งตลอดกาลของเขาได้ เปรี ยบเทียบกับการเล่นหุ น้ นั้นถ้าคนธรรมดาได้ไปอยูใ่ นสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนเก่งๆเขาจะ สามารถก้าวหน้าได้เร็วมาก มากอย่างที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน มากจนเขาสามารถชนะคนที่ตลอดชีวติ เขาไม่เคยชนะได้ ผมเองก็มีชีวติ ที่เหมือนอิตางากิกค็ ือไม่ใช่คนเก่งอะไร แต่เนื่องจากผมได้ สภาพแวดล้อมที่ดีไม่วา่ จะเป็ นกลุ่มเพื่อนที่หา research ชั้นดีที่ละเอียดลึกเร็วส่ งให้ พี่ๆที่สอนสั่ง ปรัชญาการลงทุนดีๆให้ผมได้เปิ ดหูเปิ ดตา สิ่ งเหล่านี้แน่นอนว่าผมไม่สามารถหาศึกษาได้เองจาก โลกภายนอกเลยถ้าผมวิง่ หาด้วยตัวเอง 2.ศึกที่สองหลังจากที่อิปโปแพ้ศึกชิงแชมป์ ญี่ปุ่นให้กบั ดาแตะ อิปโปก็ได้ท่าไม้ตายใหม่กค็ ือ เด็มซี่ โรล ในชีวติ จริ งนั้น จริ งๆแล้วการแพ้ศึกชิงแชมป์ ญี่ปุ่นถ้าเปรี ยบกับคนเล่นหุ น้ ที่พลาดท่าเสี ยหนักๆ หลายคนก็เลิกไปหลายคนก็กลับมาไม่ได้ แต่หลายคนกลายเป็ นเสี่ ยพันล้านทั้งๆที่ตอนต้มยํากุง้ ก็ เกือบหมดตัว ผมเองเพราะเหตุการณ์วกิ ฤติปีที่แล้วทําให้ได้ ท่าไม้ตาย ฟันโฟล ขึ้นมาจากการที่ พยายามคิดว่าทําอย่างไรถึงจะปกป้ องเงินต้นจากภาวะวิกฤติได้ ผมคิดว่าถ้าคนเราไม่ยอมแพ้บางทีจะข้ามชั้นจากระดับเดิมได้เมื่อพ่ายแพ้ไปแล้ว 3.มิยาตะ ในศึกที่ตอ้ งสู ้กบั แรนดี้บอยจูเนียร์ เทพมาร พ่อของมิยาตะถึงขนาดพูดว่าโอกาสที่เจ้าจะ ชนะมีแค่ 20% เท่านั้นแต่มิยาตะบอกพ่อว่า ผมไม่ได้เป็ นผูท้ ่าชิงมานานแล้ว และในตอนท้ายมิยาตะ ก็ได้ปล่อยหวัด ครอสขวาแสงสี แดงจนแรนดี้บอยสลบลงไป


ผมคิดว่าการที่คนเราอยูใ่ นภาวะมีความกดดันปานกลางขึ้นไปจะทําให้คนเราพัฒนาตัวเองได้เร็ว การเล่นหุน้ นั้นเหมาะกับคนที่ทาํ การบ้านหนัก และคนทําการบ้านหนักก็จาํ เป็ นต้องทําให้ตวั เองอยู่ ในสภาพ กูไม่รู้อยูต่ ลอดเวลา และฝึ กหนักจนได้ท่าไม้ตาย เสี่ ยที่มีเงินเป็ นพันล้านพูดว่าสมัยก่อนไม่มีกราฟ เวลากลับบ้านเสี่ ยจะต้องไปฝึ กเขียนติดฝากําแพง ห้องว่าวันก่อนๆราคาเป็ นอย่างไร ผมไม่แปลกใจเลยที่เขามีเงินเป็ นพันล้าน ก็เขาทําการบ้านหนัก มาก และทุ่มเททุกสิ่ งทุกอย่างให้กบั การเล่นหุน้ เพียงอย่างเดียว จนเขากลายเป็ นคนที่มอง bid offer กราฟเก่ งมากๆ จังหวะการลงทุนแทบจะเป๊ ะๆ 4.ในการ์ตูนเรื่ องนี้มีบ่อยมากที่นกั มวยคนนึงโดนต่อยซะจนแทบตายแต่สุดท้ายชนะพลิกล็อกได้ ด้วยหมัดไม้ตายไม่กี่หมัด ผมว่าเรื่ องนี้มนั เหมือนกับคนเล่นหุน้ ที่บางทีคุณเล่นมาตั้งนานไม่ค่อยได้ อะไร แต่บางทีเจอโอกาสทองไม่กี่ครั้งและกล้าทุ่มก็สามารถกลายเป็ นตํานานได้หลังจากเป็ นพวก nonameมานานอย่างเสี่ ยท่านนึงที่ได้ pttครั้งเดียวหลายร้อยล้านบาท บางครั้งคนเราก็อยุบ่ นสังเวียนเพื่อรอหมัดพลิกล็อก ที่จะแก้ทุกอย่างกลับคืน คนเล่นหุน้ แล้วยังไม่ค่อยได้กาํ ไรแต่ยงั ทู่ซ้ ีเล่นต่อก็ลว้ นแล้วแต่คาดหวังเช่นนั้น

****เงื่อนไขของท่าไม้ตายก็คือว่าคนที่ใช้มนั ตอนโอกาสเหมาะเม็ง อย่างเช่นที่มิยาตะ ใช้หมัด jolt น็อคจิมมี่ สี ฟ้า บางทีหุน้ ที่จะขึ้นนั้นมันใช้เวลาแป๊ ปเดียวในการขึ้นอย่างดุดนั ถ้าเราพลาดโอกาสนั้น ต่อให้เราเก่งแค่ ไหนก็ตอ้ งรอ match ต่อไป หรื อต้องรอครั้งใหม่ ฉะนั้นจังหวะที่ลงตัวนับเป็ นสิ่ งสําคัญ 5.เวลามีการซ่อมอยูใ่ นค่ายจะมีการฝึ กชกเงาและฝึ กซ่อมกับคนที่มีสไตล์การต่อสู ้คล้ายกับคู่แข่งที่ กําลังจะเจอ ถ้าเป็ นคนเล่นหุน้ มันก็เหมือนกับว่า คุณคิดก่อนที่ตลาดจะเปิ ดว่าถ้าตลาดเปิ ดแล้วราคา ขึ้นไปเกินเท่าไหร่ คนจะขายหรื อซื้อเพิ่ม ถ้าลงไปเกินเท่าไหร่ จะซื้อเพิ่มหรื อขายทิ้ง การซ่อมชกเงา หรื อซ่อมกับคนที่มีสไตล์ของเหมือนคุ่ชกเปรี ยบเหมือนการเตรี ยมตัวเมื่อสถานการณ์เกิดขึ้นจริ งจะ ได้ไม่ตอ้ งมาเสี ยเวลานัง่ คิดและจะทําให้สถานการณ์จริ งออกมาดีกว่าเสมอถ้าเทียบกับการที่ไม่คิดไว้


ก่อนล่วงหน้า ในศึกที่อิปโปสู ้กบั ซาวามูระ ก็คิดว่าจะต้องโดนเคาร์เตอร์ที่รุนแรงจึงคิดวิธีรับมือ เพื่อพัฒนา เด็มซี่โรลให้เฉี ยบคมมากขึ้น *******ลักษณะของวิชานี้มนั เป็ นการดูพ้นื ฐานหุน้ และดูพฤติกรรมการเล่น และรอจังหวะอะไรบางอย่างค่อยเข้าเสี ยบซึ่ งจะใช้เวลาการถือหุน้ น้อยกว่าปกติ และมีการประเมินจิตวิทยามวลชนค่อนข้างลึก จะเห็น upside มากกว่า downside เยอะก่อนที่จะลงทุน และ time frame ชัดเจน และเวลาถูกทางจะรักษากําไร ได้ค่อนข้างเยอะ ที่พอเล่าได้คงเล่าได้เท่านี้

สถิติทางการลงทุน พฤศจิกายน 25, 2009 ที่ 21:02 · Filed under Uncategorized พอดีเพิ่งได้เอกสารสุ ดยอดมาชุดนึงเลยรองสรุ ปข้อมูลเชิงสถิติมาให้ฟัง ทั้งของเก่าและของใหม่ ก่อนอื่นขอเขียนคําเตือนก่อนว่า มันเป็ นสถิติซ่ ึงแสดงถึงความน่าจะเป็ นเฉยๆ ไม่ได้เป็ นสัจธรรมแต่ อย่างใด ถ้าผมเขียนกระทูม้ ีสาระแล้วไม่มีคน comment วันหลังผมจะเลิกเขียนแล้วนะ บอกก่อน อิอิ 1. setจะชี้นาํ ผลกําไรของบริ ษทั จดทะเบียน ประมาณ 6 เดือน เช่นกําไรไตรมาส 4 ที่จะโตตลาดจะตอบสนองไปตั้งแต่ตน้ ไตรมาส 2 เป็ นต้น 2.เวลาที่ gdpถดถอยจะมีหุน้ 4 กลุ่มที่มีรายได้ out performeตลาดคือ สื่ อสาร ค้าปลีก อาหาร โรงพยาบาล 3.การลดดอกเบี้ยครั้งสุ ดท้ายของ fed และลงทุนใน set ต่อจากนั้นอีก 6 เดือนจะให้ probability ใน การชนะ83% โดยได้กาํ ไร 5 ครั้งจาก 6 ครั้ง และครั้งที่ขาดทุนสู งสุ ดขาดทุนประมาณ 20% ครั้งที่ กําไรสู งสุ ดประมาณ 60%


4.การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ fed ครั้งแรกแล้วลงทุนต่อจากนั้น 6 เดือนโอกาสแพ้และชนะจะ 50:50 %ได้เสี ยก็เท่ากัน ฉะนั้นคนที่คิดว่า fed ขึ้นดอกแล้วตลาดคงรับข่าวแล้วและจะเริ่ มซื้อหุน้ น่า กลัวว่าโดยสถิติโอกาสชนะแค่เพียงเท่ากับโยนหัวก้อยเท่านั้นเอง 5.โดยสถิติแล้วหลังการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก fed ต่อจากนั้นอีก 6 เดือน sector ที่ให้ผลตอบแทนแย่ ที่สุดคือ Property ต่อด้วย พลังงาน และ ธนาคาร 6.การลงทุนด้ วย fundflow momentum ได้ ผลตอบแทนสูงกว่ า earning momentum และได้ ความ น่ าจะเป็ นสูงกว่ า โดยวิธีวัดคือ ถ้ากําไรบริ ษทั จดทะเบียนโตติดกันมากกว่า 2 ไตรมาสและ

เริ่ มลงทุน หลังจากนั้นจะให้ผลตอบแทนอย่างไรวิธีวดั fundflow momentum คือซื้อติดกัน สองเดือนและการซื้อเดือนที่สองต้องมากกว่าเดือนแรกและลงทุนต่อจากนั้นจะเป็ น อย่างไร ข้อมูลนี้น่าสนใจมาก 7.การใช้กลยุทธ์ sell in may and go away until November เฉลี่ยเป็ น % ย้อนหลังแล้วไม่มีนยั ยะ ต้องการลงทุนแต่อย่างใดชนะตลาดได้แค่ 2% ต่อปี โดยเฉลี่ยเท่านั้นเอง โดยเก็บสถิติต้ งั แต่ปี 98-08 8.ถ้าใช้วธิ ีถือหุน้ กลุ่มแบงค์ในไตรมาส 1 และ 4 และถือพลังงานในไตรมาส 2 และ 3วิธีน้ ีต้ งั แต่ปี 1998-2008 สามารถชนะตลาดได้ถึง 22% ต่อปี โดยเฉลี่ยข้อมูลตรงนี้ผมเห็นแล้วค่อนข้างจะดีเวอร์ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าคนเก็บสถิติใช้วธิ ีวดั จากดัชนี sector หรื อว่าลงทุนเฉลี่ยรายตัว 9.ตลาดไทยส่ วนใหญ่จะ discount ข่าวการเมืองเก่งมากเวลามีเรื่ องจริ งๆก็ไม่ลงแล้วแต่จะ discount ประเด็นสภาพคล่องห่วยมาก เรี ยกว่ารอเรื่ องสภาพคล่องแล้วค่อยซื้อขายหุน้ หากินได้เลย 10.สถิติในรอบ 30 กว่าปี ราคาทองคําจะปรับตัวขึ้นสู งในเดือนกันยายน ,พฤศจิกายนและธันวาคม ในทางตรงกันข้าม ราคาทองคําจะปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคม, กรกฎาคม และตุลาคม

เทคนิค..สามารถทํางานประจําไปด้วย แนวทางอื่นๆต้องเฝ้ าหน้าจอแต่แนวทางนี้สามารถมีเวลาไปทํางนประจําได้


เพิ่มเติมมุมมองใหม่ๆ คนเล่นกราฟก็สามารถลงทุนโดยไม่เฝ้ าหน้าจอได้ โดยการทําการบ้านตอนกลางคืนและเซทโปรแกรมให้ alert เข้ามือถือ เช่นถ้าราคาเกิน 5 วันจะซื้อ แล้วราคาอยูท่ ี่ 16.30 ราคา 5 วันอยู่ 16.5 พอราคาเกิน 16.50 smsดังเขาก็ โทรหามาร์ แต่วธิ ีที่ง่ายกว่านั้นคือบอกมาร์วา่ เกิน 16.5 ก็ซดั แล้วถ้าเกิน 18.20 ก็อดั ให้เต็ม max เลย 55 อิอิ

กราฟใช้ ได้ จริง ผมกล้าพูดเต็มปากเลยว่าจากประสบการณ์ของผม กราฟช่วยให้ผมได้ผลตอบแทนดีข้ ึนเวลาผมซื้อ และขายหุน้ และกราฟช่วยทําให้ผมวิเคราะห์คู่กบั ฟันโฟลแล้วเข้าใจง่ายขึ้น การขุดหุน้ ผมไม่ค่อยได้ออนไลน์เพราะต้องทําการบ้านเยอะมากเลยครับ ผมไปนัง่ ขุด case study หุน้ ต่างๆที่ได้ยนิ ตอนไปใต้มา ขุดทั้งวันเลยครับ วันนี้กใ็ ช้ผสมกันนะครับจริ งๆผมว่าการเลือกหุน้ เนี้ยมันต้องยืนพื้นอยูแ่ ล้วเพียงแต่วา่ ใครจะต่อยอด เรื่ องอื่นๆเพิม่ เติมยังไง เช่นเรื่ อง จังหวะการลงทุนจากกราฟ หรื อ ฟันโฟล อะไรเป็ นต้น บางคนอาจจะใช้เพียวๆเลยก็ได้แต่ผมใช้ผสมครับ เหล่าเซียน TVi 1.ส– สุ ดยอดนักวางกลยุทธ์การเล่นหุน้ แห่งโกรท -คุณสุ มาอี้


3.i–ผูร้ อบรู ้หุน้ ทัว่ ราชอาณาจักร -คุณIH 4.น–ผูก้ ่อกําเนิด viเมืองไทย -ดร.นิเวศน์ 5.v–เจ้าของฉายาแก๊สหลุมละพัน -คุณวิบูลย์007 7.ว–สุ ดยอดfundflowในใต้หลา -คุณวิศิษฐ์ 8.ว2–ผูเ้ ปิ ดเผยความลับของฟ้ า วอลุ่ม -เสี่ ยยักษ์วชิ ยั 9.b2–คนมหัศจรรย์เรื อ 10 เด้ง -คุณblueblood 10.p–พี่ที่ดีของน้องๆใน tvi -พี่พอใจ ได้แค่น้ ีอะครับ ปล. การจะsetให้มีarchiveต้องเข้าไปที่dashboard ด้านซ้ายมือจะมีเมนู appearenceเข้าไปแล้วเลือกที่widgetsครับ ตรงกลางจะมีเมนูให้เลือก คุณฮงสามารถลากเมนูพวกนี้ไปไว้ทางช่องขวามือได้ครับ 11.ryuga-เจ้าพ่อสถิติ 12.picatos-ผูส้ ร้างชื่อจาก svi


13.-14.ไม่รู้ เอเเต่ ป นี่ ป.ดัชนี ไหมนะ[13] 15.chatchai-เจ้าพ่องบการเงินแห่ง tvi 16.mprandy-ผูร้ อบรู ้เศรษฐศาสตร์ต่างประเทศ 17.crazyrisk-สุ ดยอดหมอหนุ่มจอมฟิ ตจัดกิจกรรม 18.mudley สุ ดยอด trader ฝี มือระดับประเทศ 19.hongvalue-คนหน้าเด็ก 20.ไม่รู้ค่ ท่าไม้ตาย ท่าไม้ตายมักจะไม่ใช่ของที่ได้มาง่ายๆ การได้มาซึ่งท่าไม้ตายมักจะต้องมีพ้นื ฐานที่ดีก่อนเสมอ ท่าไม้ตายควรจะเป็ นสิ่ งที่ทาํ ให้นกั ลงทุนสามารถพลิก สถานการณ์ได้ คนเราจะมีท่าไม้ตายหลายท่าหรื อท่าเดียวก็สุดแล้วแต่ขอให้ใช้ได้ผลเป็ นพอ **ฟันโฟลเป็ นอาวุธที่เสริ มมากกว่าเป็ นวิชาหลักของการลงทุน ผมอยากให้ range ด้านบวกผมสู งขึ้นกว่าเดิม ผมมีวธิ ีการบางอย่างที่ผมมัน่ ใจว่าปกป้ องเงินต้นได้มากพอแล้ว ผมมีอาวุธเชิงรับแล้วแต่ผมยังไม่มี อาวุธเชิงรุ กเลย และแล้วตอนนี้ผมก็เห็นแล้วว่าไม้ตายใหม่ที่ควรผมฝึ กคืออะไร (อย่าถามผม เพราะว่า ถ้ายังฝึ กก็เรี ยกเป็ นท่าไม้ตายไม่ได้) แต่อาวุธแบบใหม่ที่ผมจะฝึ กไม่ใช่ 1 อย่าง แต่เป็ น 3 อย่างที่ผมจะฝึ กมันพร้อมกันๆ เป็ นอาวุธที่ได้ไอเดียมาจาก 3 คน ไม่ ***ผมเองสนับสนุนให้นกั ลงทุนลองสํารวจตัวเองว่ามีพ้นื ฐานแน่นพอหรื อยัง ถ้าแน่นพอแล้วเรามี ไม้ตายหรื อยัง ถ้ามีแล้วมันใช้ได้ผลไหม ถ้าไม่ได้ผลจะสร้างได้อย่างไร

เหาฉลาม


ว่าไปมันก็เหมือนมีอะไรลิขิตให้ตอ้ งเดินมาทางนี้เหมือนกันนะ 1.ผมชนะตลาดมาพอสมควร เรี ยกว่าเขียมๆพออยูไ่ ด้แล้วสองคนกับอาซ้อ 2.ดังนั้นผมก็เล่นแบบดีเฟ๊ นซ์สุดๆ เพราะผมมีขอ้ ด้อยคืออายุมากแล้ว ผมไม่อยากนับหนึ่งใหม่ เรี ยกว่าได้นอ้ ยไม่เป็ นไร อย่า้ ให้พอร์ตเสี ยหายทีละเยอะก็ละกัน เพราะผมอาจไม่มีเวลาสําหรับการแก้ตวั 3.ดังนั้นวิธีการของผมคือไม่มีวธิ ีการ ผมก็สุขบ้างทุกข์บา้ งกับชีิวิตไปเรื่ อยๆ มีหุน้ ให้เล่น ก็เล่น ไม่มีกไ็ ม่เล่น 4.ดังนั้นการคบคนของผม จุดหลักไม่ได้อยูท่ ี่หุน้ ผมอยากได้มิตรภาพมากกว่า 5.และเพราะเราไม่มีเจตนานี่แหละ กลับจะดีกว่า อย่างเซียนนอกเวบที่รูั้จักเขาก็สนิทใจคบกันเป็ นเพื่อนฝูง เพราะที่แท้แล้วผมไม่ได้หวังประโยชน์อะไรจากเขาข้างเดียว การคบกันก็เป็ นแบบwin win เพราะเซียนเองก็อยากมีเพื่อนสนิทๆ ไว้คุยไว้คบเหมือนกัน เล่นกีฬาบ้าง วิง่ บ้าง ออกเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ไม่มีไร ก็หากาแฟกินกันบ้าง คบกันเป็ นเพื่อนชัว่ ชีวติ คบไปเรื่ อยเรื่ อย เพราะนิสัยใจคอก็ไปกันได้ ใครจะอยูค่ นเดียวในโลกได้ จริ งมะ ที่คุยเรื่ องหุน้ แลกเปลี่ยนกันบ้างก็บ่อย เพราะต่างฝ่ ายต่างบ้าหุน้ แล้วก็ยงั อยูใ่ นตลาด ก็ตอ้ งทํามาหากินเป็ นธรรมดา


6.อย่างเซียนในเวบ ผมก็อาศัยเวบมานาน อาศัยอ่าน อาศัยคุยกับพรรคพวก ยุคสมัยที่หมอแพะมาเป็ นประธาน ผมก็ไปช่วยmoderateอยูห่ ลายปี ดีดกั แม้ทุ​ุกวันนี้ผมไม่ได้ทาํ แล้ว แต่มิตรภาพก็มีกบั หลายๆเซียนในเวบ พีเอ็มคุยกันบ้าง โทรคุยกันบ้าง บ้างมีโอกาสก็แวะไปเยีย่ มเยียนกันบ้าง ก็เข้าข่ายเหมือนข้อ5นัน่ แล คือผมไม่ได้คบคนเพราะตั้งหน้าตั้งตาจะไปลอกการบ้านเขา ผมก็คบเป็ นเพื่อนไปเรื่ อยๆ มีหรื อเขาจะหวง ไม่บอกผม ถ้ามีทีเด็ด ใครจะอยากให้เพื่อน แถมแก่ดว้ ยลําบาก จริ งมะ 7.ผมรู ้จกั เฮียวิกบั พระอาจารย์ของผมมานานหลายปี แต่เพิ่งเห็นฤทธิเดชกับตาก็เมื่อเมษาที่ผา่ นมานี้เองเป็ นครั้งแรก เมื่อก่อนได้ยนิ แต่ชื่อเสี ยง มันไม่อินครับ มาเห็นกับตา ได้ยนิ ได้รู้สั ึ ก ได้ถือหุน้ ไปด้วย เป็ นประสบการณ์ที่ยงิ่ ใหญ่ของชีวติ การลงทุนของผม และเป็ นประสบการณ์ที่เื​ื​ื้อ้ือประโยชน์ให้ผมมากมายจริ งๆ เพราะผมได้เห็นเซียนเทรด ได้เห็นเซียนลงมือ ผมได้กาํ ไรเทียบเป็ น%ในปี นี้ถือว่าไม่มาก เห็นๆอยูเ่ นี่ย แค่กล้าซื้อ เขาก็ให้ซ้ือก่อน ขายเขาก็ให้ขายก่อน ใครคิดว่าง่ายๆ อัตตาของเรามันทําให้ไม่ง่ายครับ ก่อน…จบรอบใหญ่ท้ งั ขึ้นและลงรอบนี้ ผมแทบไม่เคยคิดจะพึ่งใครในเรื่ องหุน้


เพราะอัตตาของผมก็ท้ งั หนาและหนักมากมายพอควร มาบัดนี้ผมรู ้กระจ่างแล้วว่า ฟ้ านั้นลิขิตให้ใครมาเป็ น ผูช้ นะ ผูม้ ีประสบการณ์ ผูม้ ีวธิ ีการ ผูม้ ีบุญเหนือกว่า ผูเ้ ฉลียวฉลาดชํ่าชองกว่า เพราะประสบการณ์ยงิ่ ใหญ่ในครั้งนี้เอง ผมก็เปลี่ยนไป ในแง่พ้นื ฐานนั้นผมเองก็ศึกษามาไม่นอ้ ยกว่าใคร แต่เมื่อก่อนจับหลักไม่ได้วา่ ควรเชื่อของใครมากสุ ด ตอนนี้ผมเริ่ มรวบรวมประยุกต์เข้าด้วยกันได้ ผมนัง่ อ่านบทความของทุกเซียนซํ้าอีกหลายๆรอบ แล้วก็หดั ลอกหุน้ เซี ยนมือเป็ นระวิง ทุกครั้งที่มีโอกาส 8.ในปี 2550เซียนในเวบที่ให้เงินผมมามากสุ ดก็สองท่าน นริ ศกับโยโย่ เพราะให้ผมลอกการบ้านพี่ท่อกับพี่ถงั จากร้อยคนร้อยหุน้ ตอนนั้นอัตตามันบอกผมว่าผมเลือกหุน้ ทั้งสองเองตะหาก แต่บดั นี้ผมพอทราบแื้ลว้ ว่า การได้เงินตั้งแต่ตน้ นั้น ก็มาจากลอกสองท่านเขานี่แหละ ในปี ที่ผา่ นมานี้2552เซียนที่อยูด่ ีไม่วา่ ดี มีเมตตาส่ งเงินใส่ ซองให้ผมก็มีสองท่าน หมอประธานเวบกับโจ ทุกวันนี้ผมก้าวหน้าไม่ตอ้ งลอกในเวบแล้ว ผมไปสัมภาษณ์จากปากเซียนได้เองเลย…ฮ่า… 9.การซื้อตามเซียนของผมนั้นในบัดนี้จดั ได้วา่ มีความก้าวหน้าเป็ นอันมาก แม้กระทัง่ ตอนขาย ผมยังขายตามเซียนทุกครั้งไปเช่นเดียวกัน ผมไม่เคยคิดว่าผมเก่งกว่าที่หนึ่งแล้วเดี๋ยวนี้


อย่างผมได้ข่าวว่าเฮียวิขายแล้ว ผมขายตามเลย ไม่ด้ือมีอตั ตาไปคิดเองว่าเอ…มันอาจไปต่อก็ได้อะไรทํานองนัื้ น ถึงมันไปต่อผมก็ไม่เสี ยดาย แต่ถา้ เซียนรู ้วา่ ผมคิดว่าผมเก่งกว่าเขา(อีกแล้ว) กลัวคราวหน้าเขามีขอ้ มูลอะไรดีๆ เขาจะไม่ยอมบอกเราแล้วละทีน้ ี ทีน้ ีละงามหน้าละ…ฮ่า…จะเอาอะไรกินละ 10.จริ งๆเรื่ องมันง่ายขนาดนั้นเลยนะ เอแล้วเราจะลอกเขาไปอย่างเืดี ียวไม่ตอ้ งทําไรเลยหรื อ ฮ่า…ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ ผมถือว่าการได้หุน้ จากเซี ยนบ้างนั้นเป็ นของชัว่ คราวครับ ผมก็ยงั คงนัง่ อ่านพื้นฐาน ตาเปี ยกตาแฉะอยูเ่ หมือนเดิม ใครจะว่าไรก็ช่างเขา อ.นิเวศน์แม้ผมไม่สนิทมากแต่ผมก็มีคนสนิทมากที่รู้วา่ ท่านทําอะไรอยูบ่ า้ ง บทความท่านผมอ่านจนกระดาษที่พิมพ์ขาดแล้วขาดอีก เรื่ องบัญชีผมก็ศิษย์อ.มนตรี รุ่ นแรก dcfผมก็ร่ าํ เรี ยนมาอย่างดีจากเจ๋ ง ผมติดเรื่ องนํ้ามันผมก็หนั ไปถามวิบูลย์ แล้วผมก็ชอบที่จะอ่านเศรษฐศาสตร์ของท่านแม่ทพั ทุกเล่ม อ่านที่อาจารย์เอ็มเล่าเรื่ องอเมริ กาทุกเรื่ อง อ่านที่ฮงสอนเรื่ องฟันโฟลแถมเทคโน๊ตเอาไว้ทบทวน อ่านแท่งเทียนที่พี่ปลานิลจิ๋วสอนให้ดูเทรนด์ของมันไื้ว ้ อ่านพี่กระต่ายบ้าแนะนําพวกดัชนีทางเศรษฐกิจ 11.ถึงที่สุดแล้วแม้ผมจะพยายามมากแค่ไหน ผมกลับเชื่อว่า ชีิวิตเป็ นไปตามกรรมครับ ทํากรรมใด เป็ นเหตุ ก็จะได้กรรมนั้น อย่างแน่นอน…ฮ่า…


จะพัฒนาอย่ างไรmoonchild ผมก็พ่ งึ จะเริ่ มต้นมาได้ไม่นานครับ เริ่ มศึกษา พฤษภาคม เล่นจริ งก็มิถุ​ุนายนครับ ประสบการณ์ผมคงยังใช้ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และน้อยนิดมากๆครับ เริ่ มแรกขอเขียนเป็ นประสบการณ์สาํ หรับคนเริ่ มลงทุนใหม่ๆก่อนดีกว่าครับ งั้นเอาตั้งแต่เริ่ มต้นเลยนะครับ ผมเข้าเล่นแบบว่าศึกษาหุ น้ ประมาณ เดือนเดียวครับ และตอนนี้ยอ้ นกลับไปก็เห็นตัวเองเป็ นแมงเม่าชั้นดีเลยครับ ดีกบั เจ้าและโบรกเกอร์ดว้ ยครับ เริ่ มต้นที่ศึกษาหุน้ ผมก็ลองเสิ ร์ชดูก่อนก็ไปพบเว็บ thaiviนี่แหล่ะครับ ลองศึกษาดูกค็ ิดว่าเป็ นวิธีที่ดีวธิ ีหนึ่งเลยครับ (แต่ขอบอกว่าช่วงแรกๆก็ยงั ทําไม่ได้ครับจนมาเจอพี่คนนึงครับ) ก็ลองซื้อหนังสื อมาอ่านครับ จริ งๆก็ไม่รู้วา่ ควรอ่านอะไรก่อนครับก็อ่านมัว่ ๆไปสองสามเล่ม เป็ นพวกสอนศัพท์ สอนทัว่ ๆไปครับ แล้วก็ลงสนามเลยครับ เดือนแรกที่ทาํ เป็ นประจําคือ -อ่านหนังสื อพิมพ์ -อ่านหนังสื อลงทุนต่อครับ ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู ้เรื่ องเท่าไหร่ ครับ ยังไม่ได้รู้จกั 56-1 ครับ เข้ามาได้ไม่นานก็ติดกับดักข่าวเลยครับ เล่นตัวใหญ่ๆ ตามคําแนะนําของโบรกเกอร์ครับ


ก็ขาดทุนยับเลยครับตอนนั้น เดือนแรกช่วงเซ็ตวิง่ ขึ้น 600->650->560 มั้งครับ ซื้อช่วงสู งๆ ลงทีกแ็ รงครับ แถมไปเล่นตามข่าว ใครเข้มแข็ง และประกวดรถไฟงามสายม่วงครับ พอประกวดไม่ได้นี่ ราคาวิง่ ลงกระจุยครับ ช่วงนั้นก็ตกใจ เลยคิดซื้อถัวเฉลี่ย จากซื้อนิดเดียว กลายเป็ นซื้อขาดทุนกระจายครับ โดยรวมน่าจะขาดทุนไปเกือบ 20 กว่า% ในเดือนแรกครับ พอเดือนสองมาก็กลับมาเท่าทุนครับ (ตอนนั้นปลอบใจตัวเอง โดยใช้หลักการแมงเม่าครับ ไื่ม่ขายไม่ขาดทุน) เข้าหุน้ ตัวใหญ่คือ PTT เพราะเห็นว่านํ้ามันกําลังวิง่ แล้วก็ทะยอยขายตัวขาดทุนไปเรื่ อยๆครับ ซื้อไว้หลายตัวครับส่ วนมากจะเป็ น อสังหาครับ (แต่พวกอสังหาที่คนกําไรกันเนี่ยแหล่ะครับทําผมขาดทุนเดือนแรก เหอๆ) ก็โอเคกลับมาได้ครับ ช่วงนั้นเซ็ตก็วงิ่ กลับมากจาก 560->650 ช่วงเดือน 2-3 ก็ได้เห็นคุณฮงโพสพอดี ก็เลยแอบเกาะมาที่บล็อกเนี่ยแหล่ะครับ พอเข้าเดือนสาม เป็ นช่วงจุดเปลี่ยนจริ งๆครับ มีสองจุดหลักๆครับ

**จุดแรก พอไปดูค่าคอมที่จ่ายให้โบรก (ผมพึ่งจะเท่าทุนแต่โดนโบรกกินไปเยอะครับ ปล.ช่วงนั้น ซื้อขายบ่อยมากจนคิดว่าตัวเองกําลังทําอะไรเนี่ย) **จุดที่สอง เจอพี่ท่านนึงในไทยวีไอนี่แหล่ะครับ ช่วยให้คาํ แนะนําครับ


ซึ่งเป็ นความโชคดีของผมมากครับ มากับดวงจริ งๆ ตอนแรกผมประเมินราคาไม่เป็ นครับ

จนพี่เค้าสอนให้ประเมินยังไง อ่านงบยังไงมองภาพธุรกิจให้กว้างยังไง ตั้งแต่น้ นั มาก็ขาดทุนน้อยมากครับ (ขอบคุณมากนะครับพี่) ส่ วนตีแตกผมก็อ่านช่วงแรกๆนะครับ คอนเซปก็เข้าใจว่ายังไง แต่กป็ ระเมินมูลค่าหุน้ ไม่ได้ครับ อ่อ ผมกลับมาคิดว่าส่ วนนึงที่ไปเล่นแบบซื้อขายบ่อยๆเพราะ ผมประเมินมูลค่าหุน้ ไม่เป็ นครับ เลยไม่รู้วา่ ควรจะถือต่อ ถึงมองว่าอนาคตจะดีกต็ าม แต่พอราคาแกว่งๆ ปี กก็กระพือทันทีครับ แล้วก็ไม่รู้วา่ ราคาที่ขายหล่ะควรเป็ นเท่าไหร่ มันเลยไม่กล้าถือยาวครับ เหอๆ หลังจากเดือนสามมาผมก็ศึกษาแนวทางวีไออย่างเดียวเลยครับ ก็ได้พี่เค้าแนะนําหุน้ มาบ้าง ลองหาเองบ้าง ก็โอเคครับ ส่ วนที่เหลือเดี๋ยวพิมพ์ต่อนะครับ ขอส่ งข้อความส่ วนนึ้ก่อน อยากให้ช่วยเล่าวิธีการลงทุนให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ -ช่วงแรกที่เริ่ มลงทุนแบบวีไอประมาณ กลางๆ สิ งหาคม ผมก็ยงั มองภาพใหญ่ภาพเล็กไม่ออกครับ ใช้ตวั แปรเป็ นตัวกรองคือ PE P/BV ROE ROA etc. หรื อดูงบการเงินก่อนครับ


ตามสเต็บครับ แล้วค่อยเลือกหุน้ ก็มีหุน้ ที่เลือกเองบางตัวก็กาํ ไรดีครับ ช่วงที่เป็ นวีไอดัชนีกค็ ่อนข้างสู งแล้วครับ แอบเสี ยดายเวลาเหมือนกัน แต่กค็ ิดว่าปี ที่แล้วใครๆก็กาํ ไร ปี นี้จะเป็ นการวัดกันจริ งๆครับ แล้วก็มีหุน้ ที่พี่เค้าแนะนํามาครับ ก็กาํ ไรไปตามระเบียบครับ -ตอนนี้ผมลงทุนเริ่ มมองธุ รกิจก่อน พวกตัวแปรหรื องบครับ อ่านตัวธุรกิจก่อนว่าน่าลงทุนหรื อปล่าว แล้วค่อยไปดู ค่าตัวแปรต่างๆครับ ซึ่งตอนนี้ผมเริ่ มซึมซับการมองภาพใหญ่ >ภาพเล็กมาจากพีนริ ศครับ (แต่ถา้ เจอ ตัวแปรเจ๋ ง งบดี ผมก็ไม่เกี่ยงครับ แต่สิ่งที่ผมยังต้องฝึ กจริ งๆจังๆน่าจะเป็ นการมองตัว ธุรกิจมากกว่าครับ และน่าจะเป็ นพื้นฐานสําคัญของ vi ครับ)

*******-ส่ วนตัวผมถ้าจะเลือกลงทุนซักตัวตอนนี้คงเป็ น เรี ยงตามลําดับนะครับ 1.แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจครับ 2.งบการเงิน 3.เงินปันผล 4.ตัวแปรต่างๆ (ส่ วนนี้อาจจะดูคร่ าวๆก่อนครับในการอ่านงบ) 5.ราคาหุน้ ปัจจุบนั คุณสมบัติหุน้ ที่เลือกต้องเป้ นอย่างไร -ตอนนี้ผมคงเลือกหุน้ กําไรโตขึ้นเรื่ อยๆ เป็ นหลักครับ -คงกะถือหุน้ ยาวๆซะมากกว่าครับ -ปันผลก็คงดูพอเป็ นกระใสนะครับ ให้ได้มีเงินติดตัวมาบ้าง


*****วัดมูลค่าหุน้ ด้วยวิธีไหน – ผมใช้ PE อย่างเดียวครับ พี่เค้าแนะนําว่าวิธีน้ ีง่ายสุ ด แล้วก็มีประสิ ทธิภาพดีครับ ส่ วนการคํานวณอื่นๆ กําลังจะเริ่ มไล่ศึกษาอยูค่ รับ มีใครเป็ นแบบอย่าง -ตอบแบบนางงามก็ มีพ่อแม่เป็ นแบบอย่างค่ะ ล้อเล่นครับ เอาหลักๆเลยนะครับ จริ งๆมีอีกมากมาย ในเว็บ thaiviครับที่ผมได้รับความรู ้มา ต้องขอขอบคุณทุกท่านจริ งๆครับ -ผูจ้ ุดประกาย (ก็คล้ายๆหลายๆคนครับ) เว็บwww.thaivi.org ดร.นิเวศน์, warrent buffet -ผูช้ ้ ีทางสว่าง พี่ sunrise ครับ -ผูแ้ นะนําแนวทาง พี่ นริ ศ ครับ (แต่ความใจสู ้ ขยัน และใฝ่ รู ้ นี่ผมพยายามลอกคุณฮงอยูน่ ะครับ ถ้า copy->paste ได้เหมือนคอมนี่จะทํากับคุณฮง คนแรกเลยครับ หุหุ ส่ วนเศรษฐศาสตร์นี่ผมแอบปลื้ม อ.สุ มาอี้ แล้วก็พี่หมอ mprandyครับ) ปล.สุ ดท้ายนะครับ ถึงอย่างไรผมก็ตอ้ งฝึ กฝนอีกมากครับ


ตอนนี้มนั แค่เริ่ มต้นเท่านั้นเองครับ ยังไม่รู้วา่ ในอนาคตผมจะกําไรได้เื​ืรื่อยๆไปแบบนี้หรื อปล่าว และผมก็อยากบินเดี่ยวได้เองไวๆครับ ขาดตกบกพร่ องยังไงก็ รอคุณฮงช่วยให้คาํ แนะนําเพิ่มด้วยครับ (โยนไปให้คุณฮงเลยซะงั้นหุหุ) ขอบคุณมากๆครับ ส่ วนใหญ่ถา้ คนเพิ่งลงทุนจะมีพ้นื ฐานไม่แข็งมากพอในเรื่ องงบการเงินหรื อการประเมินมูลค่า คําแนะนําของผมก็คือ ไปลงเรี ยน course พวกนี้ครับ ผมเองก็ผา่ น course ที่มีให้เรี ยนมาเกือบหมดแล้ว บางครั้งถ้าเราพื้นฐาน ไม่ปึกเนี้ย จะทําให้การวิเคราะห์ต่อยอดในอนาคต หรื อ หาแนวทางตัวเองทําได้ยากนะครับ ต่อมาก็คือว่า เราต้องพยายามทําตัวให้เข้าถึงข้อมูลให้ลึกที่สุด คําแนะนําของผมคือ การมีเพื่อนๆไว้ แลกเปลี่ยนความเห็นทางการลงทุนเป็ นสิ่ งสําคัญ ความเร็วของการได้ขอ้ มูลก็เป็ นสิ่ งสําคัญ ผมมี research ดีๆแต่ผมก็ยงั คิดว่าไม่พอ เพราะ research ก็เป็ นข้อมุลส่ วนนึง แต่ผมอยากได้ความเห็นที่ ผ่านการวิเคราะห์มาแล้วด้วย ผมก็เลยจัด meeting เหมือนทีผมเคยพูด คน 15 คนมาแล้วพูดไอเดียให้ คุณฟัง กับคุณนัง่ คิดอยูค่ นเดียว ใครน่าจะรวยกว่ากัน คนที่ได้ขอ้ มูลเยอะๆ มีแนวโน้มน่าจะรวยเร็ว กว่านะครับ ข้อสุ ดท้ายคือเรื่ องการบริ หารความเสี่ ยง ในตลาดหุน้ นั้นถ้าทําได้หลายๆปี แต่เจอ big lose ทีเดียวก็ เริ่ มนับ 1 ใหม่เลย ผมมีคนรู ้จกั หลายคนที่ก่อนปี 2008 ทําผลตอบแทนได้เยอะ แต่เจอปี 2008 ทีเดียว ทําให้เริ่ มต้นใหม่หลังจากเล่นหุน้ 4-5 ปี ส่ วนใหญ่คนไม่เคยเจอหุน้ crash จะไม่ค่อยมีกลยุทธ์ บริ หารความเสี่ ยง เวลาหุน้ ขึ้นใครก็กาํ ไรแต่เวลาแย่ๆใครไม่เจอ big lose ในระยะยาวจะรวยครับ แนะนําเบื้องต้นประมาณนี้ครับ ผมก็ไม่ได้รู้เยอะอะไร ทุกวันนี้เอาตัวรอดไปวันๆก็ดีแล้ว แหะแหะ


ระวังตัวเป็ นยอดดี ชีวติ จริ งเวลาเล่นหุน้ หลายคนชอบทําตัวบู๊ลา้ งผลาญลุยดะๆ คิดว่าทุกอย่างจะเป็ นแบบที่ตวั เองคิด คิดว่าคนอื่นจะรู ้นอ้ ยกว่าเขา คิดว่าเขาฉลาดที่สุด กว่าจะรู ้ตวั ก็ตายอยูใ่ นสนามรบ ถึงแม้จะเคยทํา กําไรได้เยอะแยะแต่สุดท้ายก็ตาย ก็คือเงินหมดตอนตลาดขาลงไม่มีประโยชน์เลย พี่

mudleygroupสุ ดยอด trader ไทย เคยบอกว่าอยูร่ อดให้ได้นาน พอแล้วจะรวยเอง ผมเองเห็นด้วยคือ ถ้าประคองตัวผ่านภาวะแย่ๆได้โดยเสียไพร่ พลน้อย ที่สุด สุ ดท้ายโอกาศจะมาเอง ตลาดหุน้ วัดคนทั้งขาขึ้นและขาลง คนที่รอดขาลงได้แต่ทาํ เงินขาขึ้น ไม่ได้กไ็ ม่ถือว่าเก่ง คนที่ขาขึ้นทําเงินได้ขาลงเสี ยกลับหมดก็ไม่ถือว่าเก่งอยูด่ ี ขาขึ้นต้องได้เยอะขา ลงเสี ยน้อยๆ หรื อขาลงเสี ยมาก แต่ขาขึ้นได้โคตรมากๆๆ ก็ได้ หมายเหตุ บทความนี้ตอ้ งการจะสื่ อถึงการลงทุนด้วยความระมัดระวัง คติควาย เขาลืมนึกไปว่าข้าศึกไม่ใช่ควาย ผมหมายถึงคนที่เล่นหุน้ ได้ตงั ค์แล้วคิดว่าตัวเองฉลาดสุ ด คิดอะไรก็เป็ นดังคาด ตัวเองมองเกมส์ขาดคนเดียว คนอื่นโง่หมด คนพวกนี้แหละต้องโดนหนักๆก่อนถึงจะยอมรับความจริ งว่า ตัวเองอ่านเกมส์พลาดเอง ไม่ใช่คนอื่นโง่ พัฒนา เดี่ยวนี้รู้สึกว่า ดูกราฟผสม ฟันโฟลแล้ววิเคราะห์เซทแม่นขึ้น


การประยุกต์ความรู ้ไม่วา่ เรื่ องใด (fundamental, technical, capital flow, behavioral etc) ให้เกิด ประโยชน์ยงิ่ ขึ้น ควรพัฒนาให้กา้ วลํ้าไปอีกขั้นต่างหาก … จริ งไหม ^_^

จัดไปตามรายใหญ่ รบกวนบอกหน่อยได้ไหมครับว่าพระอาจารย์พี่บอกให้ลา้ งพอร์ตรอบนี้ ดูจาก indicator อะไรทางกราฟเหรอครับ macd month เส้น 34 วีค หรื ออะไรเหรอครับ ……………………………………….. ผมว่าหลักใหญ่ๆในการเล่นหุน้ ของสายกระบี่น้ นั มาจากหลักการที่วา่ หุน้ นั้นมีรอบของมัน หนึ่ง และสอง คือหุน้ นั้นมีคนทําทุกตัว ผนวกกับว่า คนทํามักทําซํ้า ใครที่รู้จกั วิธีของคนทํานั้นกระจ่างใจ ย่อมได้เปรี ยบ เข้าใจตรงนี้ตรงกันก่อน เรื่ องที่ฮงถามนี้ ก็ปนๆอยูใ่ นหลักการใหญ่2ข้อนี่นนั่ แล ดังนั้นเซียนจะอดทนรอครับ รอจนใกล้รุ่งเหมือนที่นสพ.เอาไปลงนัน่ แหละ พอได้เวลาลงมือก็ซดั กันแบบ เอาให้รวยแบบได้ปีนึงใช้ไปหลายๆปี คือรอบหน้าเป็ นอย่างน้อยที่สุด หุน้ เขาก็ไต่มาจนสู งมากแล้ว ทุกรอบก็เป็ นอย่างนี้ คือหมดรอบก็เป็ นขาลงมัง่


ช่วงเวลาต่อไปก็คือให้เลิกเล่น หรื อเล่นก็เล่นแบบขําๆ ผมเองเรี ยกช่วงนี้วา่ ช่วงมือคัน คือ อดเล่นไม่ได้ท้ งั ๆที่รู้วา่ จะโดนเขาเอาคืน อาเรี ยกช่วงนี้วา่ ช่วงแื่ยง่ กันแทะกระดูก ช่วงนี้ เราก็พอเห็นกันได้นะว่าได้เงินย๊ากยาก กว่าจะได้แต่ละช่อง มิใช่ง่ายๆ มันเขย่าๆๆ เรื่ องกราฟที่ราคาตัดลงจากเส้นค่าเฉลี่ย ผมว่ายังเป็ นแค่ส่วนเดียวในหลายๆส่ วนที่เขามองครับ กําไรไปก่อนราคาแต่เราก็จะยังไม่ซ้ือจนกว่าจะมีโบรกมาเชียร์ ผมเองเป็ นมือใหม่ที่ใหม่ที่สุดถึงโคตรใหม่ที่สุด(พูดซํ้าซาก อิอิ)ในเรื่ องเทรดเลยขอเล่าเรื่ องการใช้ พื้นฐานหุน้ แทนดีกว่านะครับ เมื่อก่อนผมชอบเล่นหุน้ ที่ผมคิดว่ากําไรในอนาคตจะดี เช่นเราคิดว่า abcปี หน้ากําไรจะโต 20% แต่ประเด็นก็คือบางทีแล้วเราก็ bet สู งไปหน่อยเพราะว่ากําไรของบริ ษทั อาจจะไม่โตเหมือนที่เราคิดพองบประกาศมาแย่กว่าคาดก็จะทําให้เราขาดทุน หลังๆถ้าผมจะลงทุน ในตัวไหนเยอะๆผมจะชอบบริ ษทั ที่ผมไม่ตอ้ งคาดการณ์เยอะมาก คือประมาณว่าต่อให้คาดการณ์ ผิดก็ไม่น่าจะเจ็บตัว อ้าว ถามว่ามีดว้ ยเหรอ คาดผิดแล้วไม่เจ็บตัว ผมว่าใช่คาํ ว่าเจ็บตัวน้อยดีกว่าแต่ คาดถูกจะได้เยอะกว่า เช่น สมมุติวา่ หุน้ abc (ไม่เอ่ยชื่อแล้วกันเดี่ยวจะกลายเป็ นชี้นาํ ) ปกติเล่นกัน pe 11-12 เท่า แต่วา่ กําไรปี ที่ แล้วของ abcโตเป็ นประวัติการณ์ เรี ยกว่าสู งที่สุดตั้งแต่ abcทําธุรกิจมาในตลาดหุน้ เลยดีกว่า แต่น่า แปลกคือราคาของ abcตอนผมซื้อราคาหุน้ กลับยังไม่ new high ทั้งๆที่ปีนี้ abcน่าจะกําไรโตอีกอย่าง น้อย 10-15% เนื่องจากการย้ายโรงงานไปอเมริ กาซึ่ งมีค่าใช้จ่ายน้อยลงจากโรงงานเดิมที่อยูเ่ กาะ


แห่งนึง ปี ที่ผา่ นมา abcกําไรสู งสุ ดแม้มีค่าใช้จ่ายพิเศษ ซึ่งที่ผมมองคือว่า กําไรของ abc shoot ไป ก่อนราคาหุน้ และมีความเป็ นไปได้สูงมากที่กาํ ไรของ abcจะสู งขึ้นจากปี ที่ผา่ นมาขึ้นไปอีกแต่ราคา หุน้ ยังไม่ไป(ตอนผมซื้อ) กรณี แบบนี้เหมือนกับว่าเราไม่ตอ้ ง bet เท่าไหร่ วา่ บริ ษทั จะโตได้แน่ไหม เพราะว่าถ้าเราเจอบริ ษทั ที่มี time-lag ระหว่ างกําไรกับราคาหุน้ เราจะปลอดภัยขึ้นเยอะ ที่น้ ีจุดที่จะ ทําให้หุน้ แบบนี้พุ่งล่ะ เพราะบางคนก็จะบอกว่าอ้าว ใครๆก็รู้วา่ กําไรดีแต่หุน้ ไม่ข้ ึนแสดงว่าตลาดไม่ เห็นด้วยนะสิ จุดที่ผมรอก็คือว่า ผมจะรอให้นกั วิเคราะห์ไปเยีย่ มบริ ษทั ก่อน ก็คือผมมีวธิ ีเข้าถึง research เร็วและหลากหลายถ้าครั้งไหนหลายๆโบรกออกมาออกประมาณการพร้อมกัน หุน้ จะวิง่ ง่ายอย่างตัวนี้ มี analys meeting ปลายปี ที่แล้ว หลังจากนั้นไม่กี่วนั หุน้ พุ่งกระจายทะลุแนวต้าน ผมก็ ดูมาหลายเดือนแต่ซ้ือตอนที่รู้วา่ หลายโบรกไปเจอผูบ้ ริ หารแหละครับ จริ งๆแล้ว หลายคนชอบมองว่าโบรกเชียร์แล้วให้ขายเพราะโบรกไม่เก่งแต่วธิ ีแบบนั้นจะใช้ได้ผลก็คือ ว่า เชียร์มานานแล้วและก็ปรับประมาณการขึ้นอยูน่ ้ นั แหละสมมุติ fair value เดิม 50 ก็ให้ 60 แล้ว หุน้ ก็ข้ ึน fair value ก็ข้ ึนก็เป็ น 100 ตอนราคา 100 ทุกโบรกพร้อมใจให้เป้ า 150 อะไรแบบนี้ แต่ถา้ พวกเขาไม่เคยเชียร์มาก่อนหรื อมีคนตามไม่กี่เจ้าและทุกเจ้าออกมาเชียร์พร้อมๆกันช่วงแรกๆ หุน้ มักจะวิง่ นะครับ ผมเคยเห็นหุน้ ลักษณะนี้เยอะมาก ก็คือว่า เราเล่นกับพื้นฐานไม่พอถ้าให้ดีเรา ต้องเล่นกับหุน้ ที่กาํ ไรไปก่อนราคาแต่เราก็จะยังไม่ซ้ือจนกว่าจะมีโบรกมาเชียร์ อะไรแบบนี้เป็ นต้น ผมลองแบบทางเลือกเป็ น scenario ง่ายๆประมาณนี้ 1.good news price in 2.good news has not price in 3.bad news price in 4.bad news has not price in


ถามว่า 4 อย่างขั้นต้นผมชอบแบบไหนมากที่สุดคําตอบคือที่สอง เพราะดูแล้วมีตวั เร่ งมากที่สุดถาม ว่ามีดว้ ยเหรอข่าวดียงั ไม่อยูใ่ นราคา มันมักจะเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆเช่นไม่กี่นาทีจนถึงไม่กี่ชวั่ โมงหรื อ 1 วัน ผมจําได้วา่ ปลายปี 2008 ตอนนั้น Exหุน้ property อย่าง qh ps ap ลงจากจุดสู งสุ ดไปถึงจุดตํ่าสุ ดประมาณ 75-80% ซึ่งผมมองว่า undervalue มากแต่ไม่รู้จะหาจังหวะ ซื้ออย่างไร ตอนนั้นมีการบอกว่าจะมีการต่อมาตรการภาษีอสังหา ผมจําได้วา่ ตอนที่ประกาศข่าวหุน้ ยังไม่ข้ ึน ถ้า ผมจําไม่ผดิ วันแรกหุน้ จะยังไม่ข้ ึนแต่วนั ที่สอง ไอ้ท้ งั กลุ่มนี้ข้ ึน 20-27% ตัวที่ข้ ึน 27% ภายในวัน เดียวถ้าจําไม่ผดิ จะเป็ น apส่ วน qhpsประมาณ 20% ตอนนั้นผมก็ได้เห็นกับตาว่าตลาดมันไม่มี ประสิ ทธิภาพนี้หว้า ประกาศแล้วกว่าจะรับข่าวจะมี lag ไปหน่อย แต่ผมคิดว่าส่ วนหนึ่งเป็ นเพราะตอนนั้น sentiment ตลาดแย่ มากทาให้ คนไม่ แน่ ใจว่ าข่ าวดีจะทาให้ ห้ ุนขึน้ ไหม ผมคิดว่าจากตัวอย่างข้างต้น good news price in จะเป็ น scenario ที่ทาํ ให้เราขาดทุนได้หนักที่สุด ตามปกติแล้วคนข้างในมักจะรู ้ผลประกอบการณ์ก่อนนักลงทุนทัว่ ไปและซื้ อหุน้ ดักไว้ก่อนและถ้า ถึงขนาดประโคมข่าวทางหนังสื อพิมพ์โดยเฉพาะหนังสื อพิมพ์หุน้ (ไม่เอ่ยชื่อเดี่ยวโดนฟ้ อง)ปกติ มักจะเป็ นทําไปเพื่อจะออกของ นั้นก็คือถ้าไม่ใช่หุน้ ที่ปัจจัยพื้นฐานดีในระยะยาวแล้วมีข่าวดีที่เปลี่ยนพื้นฐานระยะยาวได้เยอะ กรณี good news price in จะทําให้เราเจ็บตัวได้เยอะ กรณี bad news price in นั้นเราจะต้องแยกให้ออกว่าเป็ น one time bad news price in


หรื อเปล่า

Exเช่นแต่ก่อนผมซื้อ top ตอนราคา 25 บาท เพราะว่างบปี 2008 กําไรน้อยมาก แต่กาํ ไรที่นอ้ ยมากมาจาก ราคานํ้ามันที่ลดลงเยอะแล้วทําให้ โรง กลัน่ ต้องบันทึก stock loss แต่ประเด็นก็คือว่าเมื่อฐานราคานํ้ามันตํ่าแล้วและนํ้ามันลงมาเยอะแล้ว การการที่ดอลล่าแข็งค่าขึ้นเยอะ ส่ วนนึงคือคนหลบเข้า safe heaven ไปซื้อบอนในตอนนั้น bong yield ชนิด 10 ปี และ 30 ปี (ประมาณปลายปี 2008 ถึงเดือน 1-2 ปี 2009) bond yield ตํ่าชนิดว่าแทบจะตํ่าที่สุดในรอบ30 ปี ขึ้น ไป ดังนั้นผมก็ถือว่าข่าวร้ายรับไปเละแล้วและไม่ได้เป็ นชนิดที่เกิดบ่อยๆ หรื ออีก

Exกรณี นึงคือsc smg ที่มีรายการขาดทุนจากการลงทุนในหุน้ เยอะมากและทําให้ราคาหุน้ ดิ่งลงไปเยอะ แต่ประเด็นคือบริ ษทั ได้ขายหุน้ ไปแล้วฉะนั้นงบงวดที่มีขาดทุนจากหุน้ จะถือเป็ น one time bad news price in เพราะถ้าเราดูจากกําไรปกติไม่นบั ขาดทุนพิเศษ peของหุน้ ในตอนนั้นจะค่อนข้างถูก เป็ นต้น จริ งๆแล้วผมจะคิดหุน้ ทุกตัวออกมาเป็ น case ประมาณนี้แล้วพยายามใช้การคาดการณ์ให้ น้อยแต่ใช้ประโยชน์จากการที่ตลาดในช่วงนั้นไม่มีประสิ ทธิภาพครับ


ไม่จาํ เป็ นต้องบอก 1.เมื่อก่อนผมเคยเล่น cpf 180% ข่าวรั่วเร็วมากว่าผมใช้มาร์จิ้นเต็มผมงงมากว่าทําไมคนถึงรู ้กนั เร็ว ขนาดนั้น และผมก็เริ่ มเห็นว่าจริ งๆแล้วมันไม่ใช่เรื่ องดีเท่าไหร่ เลย ไว้เราขายเสร็จแล้วเราค่อยบอกก็ ได้น้ ีนา หรื อไม่กไ็ ม่เห็นต้องบอกเลยว่ามาร์จิ้นเท่าไหร่ โดยเฉพาะเล่นกับหุน้ ที่สภาพคล่องไม่ได้ เยอะมากอะไรแบบนี้เป็ นต้น 2.-คนที่หมดตัวคือคนที่มนั่ ใจอะไรมากเกินไป แต่อย่างน้อยผมคิดว่าถ้าในอนาคตมีเหตุการณ์ประมาณว่า 1700 หรื อ 200 อีกผมก็ไม่หมดตัว แน่นอนเพราะผม bet ทุกอย่างแบบมีการบริ หารความเสี่ ยงสุ ดๆ ผมเขียนแผนซื้อขายแบ่งไม้ติดตาม งบ ติดตาม ananlyตลอด แต่ผมไม่บา้ พลังสู ้แบบหัวชนฝาแน่นอน 3.เรื่ องที่สาม อย่าไปเก็งเซทมากเพราะระยะยาวสุ ดท้ายก็พ้นื ฐานผมได้วา่ gfptcpfตอนเซท 700 ต้นๆ 6-7 เดือนก่อนราคาตํ่ากว่านี้ครึ่ งนึงหมายความว่าขึ้นมา 100% แล้วยังไม่นบั อีกหลายตัวเช่น stavng อะไรต่างๆด.ร.นิเวศน์เริ่ มลงทุน 10 กว่าปี ที่แล้วเซทก็ 800 ตอนนี้ก็ 730 แต่ท่านรวยขึ้นหลายสิ บ เท่าตัวแล้ว -


การบริ หาร balance การ balance vi กับ timing และการปรับนํ้าหนักพอร์ตให้เหมาะสมบวกกลับการพร้อมกับตัวให้ทนั ในทุกสถานการณ์ทาํ ให้ผมชนะตลาดได้โดยที่การเลือกหุน้ ผมไม่ได้แม่นเท่าไหร่ เลยด้วยซํ้าหลัก โดยมีเกณฑ์เบื้องต้นดังนี้ 1.กําไรโต 100% 1.2 คํานวนกําไรออกมาโดยใช้สมมุติฐานเบื้องต้นอย่างไร เช่น gross margin เท่าไหร่ capacity เท่าไหร่ ดอกเบี้ยจ่ายเท่าไหร่ 1.3คุณภาพในการแข่งขันเบื้องต้นของบริ ษทั 1.4วิเคราะห์ความเสี่ ยงที่ทาํ ให้บริ ษทั จะทํากําไรไม่เข้าเป้ าว่ามีประเด็นไหนบ้าง

****เอาแน่เอานอนไม่ได้ จริ งๆแล้วนักลงทุนควรจะเลือกข้างที่จะเป็ นแบบใดแบบนึงเพื่อไม่ให้สับสนกับชีวติ เช่นถ้าเลือกจะเป็ นวีไอแบบเพียวๆ ก็อาจจะเจ็บหนักแค่ปีเดียวในรอบ 7-8 ปี เช่นปี 2008 แต่ถา้ เป็ น trader อาจจะต้องเจ็บบ่อยหน่อยเวลาเห็นหุน้ ลงแล้วกลัวขายแล้วมันก็ข้ ึนแรง แต่เวลาตลาด crash พวกนี้จะไม่ค่อยเจ็บหนักเท่าไหร่ อย่างวิกฤติรอบนี้ดูเหมือนว่าจะจบเร็ วซึ่งก็ทาํ ให้หลายคนมองว่า ถ้าเกิดวิกฤติรอบหน้าก็รีบซื้อเข้าไปเลยแต่ผลจะออกมาเป็ นไงก็ไม่รู้เพราะว่า วิกฤติสมัยก่อนมันกว่า จะฟื้ นตัวจริ งๆก็ 4-5 ปี สรุ ปดูๆไปแล้วตลาดหุน้


นี้มนั ไม่สามารถเอาแน่นอนอะไรได้จริ งๆ สิ่ งที่แน่นอนในตลาดหุน้ เพียงอย่างเดียวคือ มันเอาแน่ ไม่ได้ -และผมเริ่ มรู ้สึกว่าการล้างพอร์ตมันต้องเป็ นไม้ตายสุ ดท้ายจริ งๆ เพราะการไม่มีหุน้ ในพอร์ตเลยก็เป็ นเรื่ องที่เสี่ ยงสู ง

แบ่ งพอร์ ต 1. --เหมือนผมตอนนี้ผมก็แยกเป็ นสองพอร์ตบัญชีใหม่ที่จะหัดเทรดเพิ่งเสร็จเอง ชื่อบัญชีเทรดให้สนัน่ เมือง ก๊ากกกกกกกกกกกก ผมว่าการแบ่งเป็ นพอร์ตนี้กด็ ีอย่างนะ เล่นถือยาวแต่ดูหุน้ บ่อยๆมันเบื่ออะ ถ้าดูกราฟเป็ นเดี่ยวตันนั้นตัวนี้กอ็ ยากเล่นไปหมด -การยอมแพ้เมื่อโอกาศชนะมีนอ้ ย เป็ นปัจจัยอย่างนึงที่ทาํ ให้อยูร่ อดได้ในระยะยาว -หลายครั้งเราให้ความสําคัญกับการแพ้ชนะที่เป็ นส่ วนนึงของภาพใหญ่มากเกินไป แต่ผมคิดว่าเรา ควรมองที่ภาพรวมมากกว่า ภาพรวมก็คือเราแพ้ได้ในครั้งเล้กๆแต่ภาพใหญ่เราต้องชนะ ***สรุ ปแล้วนักพนันเป็ นพวกไม่เผือ่ เหลือเผือ่ ขาดกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในตลาดหุน้ นั้น มุมมองของคนที่เห็นอะไรมาเยอะมักจะไม่มนั่ ใจอะไรจนเกินไปเพราะเชื่อว่าใน ตลาดหุน้ ความแน่นอนไม่มี แต่มือใหม่ที่เพิ่งได้ตงั ค์จากหุน้ ไม่กี่ตวั มักจะมัน่ ใจอะไรสุ ดๆ


การCUT LOSS 1. วิธี cut loss ที่ผมจะแนะนําคงเป็ นมุมมองผมคนเดียวนะ ลองถามหลายๆคนดูวา่ คนอื่นว่าไงด้วย พี่วา่ การ cut loss อาจจะไม่ตอ้ งทํากับหุน้ ทุกประเภท เราลองแบ่งหุน้ ด้วยลักษณะรายได้คร่ าวๆก่อนก็ได้ เช่น น่าจะกําไรนิวไฮไปเรื่ อยๆได้ในระยะยาว เช่น cpall หุน้ ประเภทนี้เขามีฐานสาขาเดิมอยูแ่ ล้วใช่มะ แล้วได้จากการ ที่คนเปลี่ยนพฤติกรรมการบริ โภคด้วยไง กรณี แบบนี้ value ของบริ ษทั ควรสู งขึ้นเรื่ อยๆ ถ้าเรามัน่ ใจว่าเราไม่ได้ซ้ือแพงเกินไป เราก็ไม่ตอ้ งคัท แต่เราก็ตอ้ งตั้งใจลงทุนระยะยาวด้วยนะ แต่******หุ น ้ ที่เหมาะแก่การ cut loss เช่นหุน้ โภณภัณฑ์ หุน้

ลักษณะนี้ ไม่มีใครคาดการณ์กาํ ไรได้อย่างแท้จริ ง ผูบ้ ริ หารยังไม่รู้เลย พี่โจเคยบอกว่าถึงคุณจะซื้ อหุน้ โภคภัณฑ์ได้ที่ bottom ของ cycle แต่ถา้ ราคาสิ นค้าไมขึ้นอีกหลายปี หุน้ อาจจะนิ่งๆเป็ นปี ทําให้เสี ยโอกาส สู งมาก มุมมองพี่หุน้ เรื อ เหล็ก โรงกลัน่ พวกนี้ควรใช้เทคนิคช่วยเพราะว่า เจ้าของที่อยูม่ านานบางทียงั คาดการณ์ cycle ผิดแล้วเราเป็ นใคร ผมต้องถามคํานนี้ แล้วเราเป็ นใครจะไปรู ้ดีกว่าเจ้าของ(โดยที่เขาก็ไม่รู้) แล้วแบบนี้เราจะไม่บริ หารความเสี่ ยงได้หรื อ

ส่ วนรายละเอียดการ cut loss ที่ราคาไหนขึ้นอยูก่ บั ว่าดู เทคนิคเป็ นแค่ไหนและเล่นระยะไหน


กาไร= let profit run ผมตั้งข้อสังเกตว่าหลายคนที่ได้ผลตอบแทนดีๆก็ไม่ได้คาดการณ์ได้หรอก และแท้จริ งแล้วไม่น่าจะมีใครคาดการณ์ได้ เพียงแต่วา่ เวลาที่รู้สึกว่าคิดถูกบางทีเราต้อง let profit run ให้เต็มที่เพื่อให้มีกาํ ไรเอาไว้มากพอสําหรับเวลาที่เราจะเจ็บตัว และเวลาเราเจ็บตัว ก็ตอ้ งเจ็บให้นอ้ ยที่สุดถ้าเทียบกับเวลาที่เราทํากําไรได้ ผมว่าตลาดหุน้ คือสุ ดยอดของการมองไปข้างหน้าตลาดจะคิดเรื่ องอนาคตแล้ว discount มาที่ปัจจุบนั เสมอ ดังนั้น การพยายามคิดว่าตลาดคิดยังไงผมว่าเป็ นเรื่ องที่เราคงไม่สามารถทําได้อย่าง แม่นยําพอที่จะคาดหวังผลลัพธ์ของมันได้หรอก จริ งๆแล้วเวลาที่คุณขาดทุนหนักสิ่ งที่คุณ ต้องอย่าให้เสี ยไปก็คือว่าใจ คุณอย่ากลัวตลาดมากเกินไปหลายคนผ่านไป 2008 มอง downside ก่อน คนที่ได้ตงั ค์ที่ผมเห็นส่ วนใหญ่มกั จะพูดประเด็นเรื่ อง downside ก่อนเสมอเขามักจะบอกว่า ทําไมหุน้ ที่เขาซื้อไม่น่าจะทําให้เขาขาดทุนได้ เขามักจะบอกว่าอย่างเร็วร้ายที่สุดเขาก็ไม่น่า ขาดทุนเกินเท่าไหร่ เนื่องจากพื้นฐานบริ ษทั ดีข้ ึนอย่างไรและเขาได้ปันผลจากบริ ษทั ต่อปี เท่าไหร่ เป็ นต้น ความเสี่ ยงต่า ข้อต่อมาคือ ความเชื่อผิดๆมักจะคิดว่าผลตอบแทนสู งจะต้องแลกมาด้วยความเสี่ ยงสู งเท่านั้น แต่นกั ลงทุนระดับโลกเชื่อว่าผลตอบแทนที่สูงจะน่าสนใจก็ต่อเมื่อมาพร้อมกับความเสี่ ยงที่ต่าํ เท่านั้นความรู ้เป็ นสิ่ งที่ควรจะทําให้ปรัชญา high risk high return เปลี่ยนเป็ น low risk high return ถ้าคุณมีความรู ้แล้วคุณยังต้อง high risk เหมือนคนที่ไม่รู้อะไรเลย คุณควรจะพิจรณาตัวเอง อย่างหนักได้แล้วครับ ส่ วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ ฮง ปี 2010 ช่วงแรกของการลงทุนก็ลงทุนตามสไตล์ของตัวเองแต่หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสรู ้จกั


คุณนริ นทร์ โอฬารกิจอนันต์ (สุ มาอี้)ซึ่งนับถือเขาเป็ นอาจารย์ โดยกลยุทธ์ของสุ มาอี้ คือ จะเน้น ลงทุนหุน้ เติบโต ประมาณ 4 - 5 ตัว ตัวละ 20 - 25% ของพอร์ต และไม่สนใจการแกว่งตัวของราคา หุน้ ระยะสั้นเพราะหุน้ ที่เติบโตระยะสั้นราคาหุน้ จะผันผวนแต่ระยะยาวถ้ามีการกระจายความเสี่ ยง หุน้ ทั้งพอร์ตจะเติบโตหลักการลงทุนที่ได้รับมาจากเขา ผมชอบอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ 1. มุมมอง ใดๆจะยังไม่มีค่า ถ้ามุมมองในตลาดไม่เห็นด้วยกับคุณ และ 2. ถ้าคิดว่ามีสัญญาณร้ายอย่าเถียง อย่า ถาม ให้หนีไว้ก่อน อีกคนที่นบั ถือ คือ คุณวิศิษฐ์องค์พิพฒั นกุล บล.ทิสโก้ เพราะเขาเคยทํางานกับกองทุนเฮดจ์ฟันด์แล้ว เขาจะมีมุมมองเรื่ อง Fund Flow ค่อนข้างดีซ่ ึงหนังสื อที่เขาเขียนเป็ นหนังสื อในดวงใจของผม คือ มันนี่เกมนอกจากนี้ผมติดตามเวลาที่เขียน Research หรื อเวลาที่เขามีอบรมหรื อสัมมนาผมก็จะตาม ไปฟัง "การเล่ นหุ้นของลูกศิษย์ กับอาจารย์ จะไม่ ค่อยเหมือนกันโดยอาจารย์ จะเน้ นเติบโตต่ อเนื่องแต่ ผมจะ เล่ นหุ้นที่นักวิเคราะห์ ส่วนใหญ่ คาดการณ์ กาไรไว้ ตา่ กว่ าที่ผมคิดแต่ พองบการเงินออกแล้ วมีการ ปรั บประมาณการกาไรขึน้ ช่ วงที่ปรั บประมาณการราคาหุ้นจะปรั บตัวเพิ่มขึน้ ได้ ซึ่งผมจะไม่ ได้ สนใจคุณภาพธุรกิจมาก แต่ ผมจะสนใจว่ าต้ นทุนหุ้นที่ผมถืออยู่ คือคนควรจะคาดหวังมันตา่ ผมถึง จะมี Downside น้ อย และ Upside เยอะ"

สําหรับ มือใหม่ เริ่ มจากข้อ 1 ก่อนเลยคือ 1.มีความเชื่อบางอย่างอยูก่ ่อนและเลือกเชื่อเฉพาะที่อยากฟัง ผมจะขยายความต่อว่า เวลาคนเราเข้ามาในตลาดหุน้ ส่ วนใหญ่จะมีทศั นคติบางอย่างติดตัวมาจากสังคมสิ่ งแวดล้อมรอบข้าง เช่น หุน้ ที่ปันผลไม่เยอะไม่น่าเล่น,หุน้ พลังงานผันผวนมากเลยต้องเข้าเร็วออกเร็ว,เล่นหุน้ อย่าถือยาว


มีคาํ กล่าวจากนักเทรดชื่อดังว่า “อย่า ทิง้ ความเห็นใดๆในตลาดหุน้ เพียงเพราะมันไม่ตรงกับสิ่ งที่คุณเคยรับรู ้เพราะ สิ่ งที่คุณเลือก รับรู ้และยึดไว้อาจจะเป็ นทัศนคติที่ผดิ ๆแต่แรกและคุณก็จะปัด ทัศนคติของนักลงทุนที่ประสบ ความสําเร็จออกไปเพียงเพราะว่ามันไม่ตรงกับสิ่ ง ที่คุณเลือกเชื่อแต่แรกทําให้คุณมีแต่ทศั นคติที่ไม่ ถูกต้องในการลงทุน” ผม คิดว่าคนเราเมื่อมีประสบการณ์ลงทุนมากขึ้นความคิดจะค่อยๆเปลี่ยนไปถ้าเรา อยูใ่ นตลาดหุน้ ไม่นานพอเราจะไม่มีทางรู ้วา่ สิ่ งที่เรายึดเอาไว้จริ งๆแล้วผิด หรื อถูก จริ งๆแล้วคนที่อยูใ่ นตลาดหุน้ ไม่นานมุมมองต่างๆคงมีโอกาศผิดมากกว่าที่จะถูก ดังนั้นจงเปิ ดใจให้กว้างเข้าไว้ครับ ในส่ วนของการเลือกเฉพาะที่อยาก ฟังมันเปรี ยบเสมือนการที่เรามีกล่องหนึ่งใบและมีของอยูข่ า้ งใน ถ้าอันไหนไม่ ชอบเราก็ไม่เอาใส่ กล่องเราก็โยนทิ้งไปสุ ดท้ายไม่วา่ เราจะพูดคุยกับใครเราก็ ไม่ได้ อะไรเพิ่มขึ้นเพราะเราเลือกรับรู ้เฉพาะที่เราอยากฟัง 2.ไม่รู้วา่ หุน้ ที่ตวั เองเล่นเหมาะกับสไตล์ของตัวเองหรื อไม่ จริ งๆแล้วหุน้ แต่ละประเภทจะเหมาะกับนักลงทุนในแต่ละแบบที่ไม่เหมือนกัน สิ่ งที่เราต้องคํานึงคือเราต้องคิดถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ -เวลา ในการดูหุน้ ส่ วนนึงก็คือคุณเป็ น full time หรื อ part time ถ้าคุณเล่นมาร์จิน้ กับหุน้ ที่เหวี่ยงตัว แรงๆแต่คุณกลับไม่มีเวลาเฝ้ าหน้าจอ เกิดอะไรผิดพลาดนิดเดียวตอนเย็นพอคุณเลิกงานแล้วมาดูหุน้ คุณอาจเสี ย หายมหาศาล -คุณเป็ นอิสระภาพทางการเงินหรื อยัง ถ้าคุณเป็ นแล้วผมคิดว่าการเสี่ ยงมากๆเพื่อให้พอร์ตโตต่อไป คงสําคัญน้อยกว่า การ conservative เพื่อให้คุณรักษาระดับของการเป็ นอิสระภาพทางการเงินเอาไว้ ถ้าคุณถึง financial freedom แล้วผมว่าพอร์ตของคุณน่าจะมีหุน้ ปันผลที่รายได้ไม่ถดถอยตามวิกฤติ เศรษฐกิจ เอาไว้ และมีหุน้ ที่น่าจะโตได้ต่อเนื่องหลายปี โดยความเสี่ ยงที่รายได้และกําไรจะลดมี น้อย


-เป้ าหมายทางการลงทุนของคุณ ถ้าคุณเข้าตลาดหุน้ หลังจากที่ประสบความสําเร็จจากการทําธุรกิจ แล้วคุณคงต้อง การผลตอบแทนที่มากกว่าการฝากแบงค์ระดับนึงแต่คงไม่จาํ เป็ นต้องเสี่ ยงมากเกิน เหตุไม่ง้ นั เงินที่ได้มาจากการทําธุรกิจอย่างยากลําบากจะพลอยสู ญหายไปด้วย ดังนั้นพวกหุน้ commodity ,turnaround คงไม่เหมาะยกเว้นคุณจะอยูใ่ นตลาดนานมากพอจนเห็น cycle ต่างๆชัดเจน พอสมควรก็เป็ นอีกเรื่ อง ในอีกมุมนึงถ้าคุณอายุยงั น้อยผมเชื่อว่าเกือบทุกคนต้องการเร่ งผลตอบแทน การ ซื้อหุน้ ปันผลหรื อค่อยๆเติบโตคุณจะอึดอัดมากเวลาเห็นหุน้ ตัวอื่นๆขึ้นไป เยอะๆโดยที่คุณ ไื่ม่ได้มีส่วนร่ วม ส่ วนใหญ่แล้วจะลงเอยด้วยการเล่นหุน้ อย่างไม่ค่อยมีความสุ ขเท่าไหร่ -นัก ลงทุนมือใหม่ควรเลี่ยงหุน้ ที่งบการเงินค่อนข้างซับซ้อนมีการถือหุน้ ไขว้กนั ไปกันมาเยอะๆ เพราะการแกะงบถ้าไม่แกะให้ลึกจริ งๆอาจจะไม่เห็นภาพที่แท้จริ งแต่หุน้ บางตัว ขนาดมืออาชีพยัง แกะงบแล้วปวดหัวเลยหุ น้ แบบนี้มือใหม่พึงหลึกเลี่ยง 3.ประเมินมูลค่าหุน้ โดยพยายามแก้ใหม่ให้ไม่มากหรื อน้อยเกินไป -หลาย ครั้งบางคนจะไม่มนั่ ใจกับตัวเลข fair value เช่นถ้าเราใส่ ตวั เลขเพื่อทํา dcf แล้วได้ตวั เลข ราคาเหมาะสมออกมาเยอะๆ แบบว่าเยอะกว่าราคาตลาดเยอะๆ เราจะคิดว่าไม่น่าเป็ นไปได้สิ่งที่เรา ทําหลายครั้งคือ การเพิ่ม wacc หรื ออัตราคิดลดเมื่อเพิ่ม waccก็จะทําให้ตวั เลขที่ discount ออกมา เป็ น present value ลดลง ผมว่าบางทีเราอาจจะได้เจอหุน้ หลายเด้งถ้าเราคิดว่าคิดแบบ conservative แล้วเราก็ไม่ตอ้ งไปแก้ตวั เลขกําไร หรื อลด peหรื อเพิม่ waccลดเงินสด หรอกครับ ในมุมกลับกันบางครั้งเราอยากซื้อหุน้ บางตัวเพราะคนรอบ ข้างบอกมาแต่เราคํานวนดูแล้วราคา เหมาะสมก็ใกล้เคียงราคาตลาดนี้นาเราก็ใช้ epsเวอร์ข้ ึนหน่อย pe สู งอีกนิดแค่น้ ีเราก็มีขอ้ อ้างอย่าง ชอบธรรมในการซื้อหุน้ แล้ว ผมเองก็เคยเป็ นครับไอ้แบบนี้พดู ได้เต็มปากบางทีเรามีเงินสดเพิ่ง ขายหุน้ บาง ตัวยังหาหุน้ เื้ขา้ ไม่ได้เพื่อนเราก็เยอะมีคนหวังดีแนะนําหุน้ มาเต็มไปหมดไอ้ เราก็กลัว ตกรถเลยหาข้ออ้างซัดไปงั้นแหละ สรุ ปดอย 4.เล่นแบบ bet หมดหน้าตักโดยไม่มีจุด stop loss พอ ดีตอนทําเอกสารนี้สอนมือใหม่มีพดู เรื่ อง technical แต่เว็บนี้หา้ มโพสเรื่ องนี้ ผมจึงขอ adapt เป็ น วิธีการ exit ในแบบของ vi แทนแล้วกันนะครับ


จริ งๆแล้วในตลาดหุน้ เนี้ยเป็ นเรื่ องของอารมณ์ก็ ค่อนข้างเยอะหลายครั้งเราอาจจะมองหุน้ บางตัวดี เกินไป หรื อบางทีกไ็ ม่ได้ดีเกินไปหรอกเรามองถูกแล้วเพียงแต่วา่ มันดันมีปัจจัยอะไร บางอย่างที่ทาํ ให้สิ่งที่เราคิดเอาไว้ไม่ได้ตามที่คิด เช่นเราคิดว่า บริ ษทั telecom จะได้ license 3g แน่นอนแต่บางคนที่อยูม่ านานเขาก็เห็นว่าข่าวพวกนี้ก็ บอกจะทํามาตั้ง 4-5 ปี แล้วแต่กไ็ ม่สาํ เร็จซักทีหุน้ บางทีถูกเล่นขึ้นไปรับข่าวว่าน่าจะได้ license แน่นอน สมมุติวา่ ได้จริ งราคาหุน้ อาจไปต่อได้แต่ถา้ ไม่ได้หุน้ คงลงแรงแบบนี้พอประกาศ ว่าไม่ได้ แล้วข่าวเงียบไปเลยหุน้ ก็ลงแรงมากๆอย่างบางตัวลงจาก peak 40% ภายใจไม่กี่อาทิตย์กย็ งั มีเลยแบบ นี้เป็ นต้น ถ้าใครอัดหมดแล้วเจอแบบนี้คงแย่ หรื อ หุน้ ตัวเล็กๆใน maiหลายๆตัวที่เล่นว่าเป็ น growth story ต่อเนื่องแต่อยูๆ่ ก็ประกาศเพิม่ ทุนตั้ง 50% ของทุนที่มีอยูจ่ าก 200 ล้านหุน้ เป็ น 300 ล้านหุน้ คนที่เล่นก่อนหน้านี้คงไม่มีใครรู ้วา่ บริ ษทั จะ เพิ่มทุนมากขนาดนี้ แน่นอนอยูแ่ ล้วตลาดหุน้ มีความไม่แน่นอนตลอดเวลา แต่ถา้ คุณอัดหุน้ ตัวนี้เต็ม พอร์ตตัวเดียวแล้วเจอแบบนี้คงจุกมากทีเดียว ข้อ แนะนําของผมคือถ้ าคุณจะเล่ นตัวเดียวหนักๆคุณควรซื้อถัวเฉลี่ยขาขึ้นจะเหมาะ กว่าซื้อเฉลี่ยขาลง(สําหรับมือใหม่)เหตุผลคืออะไรนะเหรอ เพราะถ้าคุณยังไม่สามารถวิเคราะห์หุน้ ได้แตกฉานมากนัก แถมยังชอบอัดไม่กี่ตวั เต็มพอร์ต การซื้อถัวเฉลี่ยขาขึ้นจะช่วยรับมือกับความไม่ แน่นอนของตลาดได้อย่าง กรณี บริ ษทั ที่ประกาศเพิ่มทุนที่วา่ นี้ สมมุติวา่ คุณประเมินราคาที่ เหมาะสมใน 3 ปี ก่อน (ขอเน้นว่า 3 ปี ก่อนไม่ใช่ปัจจุบนั ผมไม่ได้ใบ้หุน้ นะครับ กรุ ณาอ่านดีๆ) 18 บาทกรณี ที่บริ ษทั ไม่ได้เพิ่มทุนหรื อเพิ่มก็ซกั ไม่เกิน 10% ของทุนเดิม ถ้าคุณถัวเฉลี่ยขาขึ้นอย่างเช่น EX แบ่งเป็ น 3 ไม้จะเอา 100000 หุน้ ก็ใช้แบบฐานล่างเยอะสุ ดก็คือซื้อ 40000หุน้ ถ้าขึ้นซัก 5% ก็ซ้ือเพิม่ อีกซัก 30000 หุน้ ถ้าขึ้นอีกซัก 10% ก็ค่อยซื้อเพิม่ อีกเป็ นต้น สิ่ งที่จะ เกิดขึ้นจะมี 2 แบบ


1.ถ้า คุณซื้อยังไม่ครบแล้วบริ ษทั ประกาศเพิ่มทุนมากแบบ surprise คุณจะเจ็บตัวน้อยเพราะจํานวน หุน้ ไม่ได้เยอะมากอย่างที่ต้ งั ใจจะซื้อและเมื่อ คุณเห็นว่าราคาเหมาะสมน่าจะตํ่ากว่าที่คุณเคยคิดคุณก็ ขายหุน้ ที่ซ้ือออกไปนี้ ออกมาซะ 2.ถ้าคุณซื้อครบนั้นแสดงว่าคุณต้องมีกาํ ไรแล้วถูกไหมเพราะถ้า ไม่กาํ ไรไม้สองกับสามจะไม่ตามมา ดังนั้น ถ้าซื้อครบแล้วค่อยเจอข่าวร้ายแบบ surprise หุน้ อาจแค่ลงมาถึงทุนของคุณเท่านั้นเอง วิธีที่ผมว่ามานี้ อาจดูยงุ่ ยากแต่มนั อาจจะช่วยมือใหม่ที่ชอบอัดหุน้ หนักๆไม่กี่ตวั แล้วยัง วิเคราะห์หุน้ ได้ไม่ลึกซึ้งมากในการเอาตัวรอดจากความไม่แน่นอนของตลาดได้ ส่ วน คนที่มนั่ ใจในการวิเคราะห์ของตัวเองว่าถูกแน่นอนก็อาจจะซัดไม้เดียวหมดหรื อ ซื้อถัวขาลงก็ แล้วแต่เพราะถ้าท่านวิเคราะห์ได้ขาดจริ งๆแล้วหุน้ ลงเพราะตลาด ไม่มีประสิืิ ทธิภาพสุ ดท้ายหุน้ ท่าน ก็จะกลับมาได้ แต่สาํ หรับผมส่ วนตัวผมไม่กล้าซื้อถัวขาลง แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าวิธีน้ ีดีหรื อไม่ดีนะ 5.ไม่คิดก่อนว่าถ้าราคาขึ้นหรื อลงไปเท่าไหร่ จะทําอย่างไร ข้อนี้จริ งๆแล้วในเอกสารทําขึ้นมาเพื่อพูดเรื่ องเทคนิคแต่ผมคิดว่ามันสามารถประยุกต์มาพูดแบบ vi ด้วยได้เช่นกัน ขอ นี้ผมขออนุญาติพดู ถึงการบริ หารพอร์ตที่พี่ yoyo เคยโพสไว้เรื่ องการทํา excel เรื่ องราคา เป้ าหมายของหุน้ แล้วคอยปรับให้พอร์ต undervalue อยูต่ ลอดเวลา ถ้าใครเคยอ่านของพี่ yoyo แล้วก็ ขอโทษที่ฉายหนังซํ้า สําหรับ คนที่มีหุน้ หลายตัวในพอร์ตการทําให้พอร์ตมีหุน้ ที่รวมๆแล้วค่อนข้าง undervalue อยู่ ตลอดเวลาเป็ นสิ่ งที่เราใช้ประโยชน์จากความไม่มีประสิ ทธิภาพของตลาดได้ เช่นหุน้ a เราคิดว่า upside 30% b ก็คิดว่า 30% เราก็ควรคิด ไว้ก่อนว่าถ้า a ขึ้นมาที่ x บาท a จะเหลือ upside แค่10% ถ้าตอนนั้น bยังไม่ึขึ้นเราจะ ขาย a เพื่อไปซื้อ b เพิม่ ที่น้ ีพอร์ตของเราโดยรวมก็จะยัง undervalue (ในสายตาเรา)โดยที่เราได้ take profit หุน้ a ออกมาแล้วด้วยแต่พอร์ตก็ยงั undervalue เจ๋ งไหม ถ้าเจ๋ งก็ตรบมือให้พี่ yoyo ครับ


ถามว่าเรื่ องบริ หารพอร์ตแบบนี้มนั เกี่ยวอะไรกับหัวข้อที่ผมพูดครับ เกี่ยวตรงที่วา่ ถ้าท่านไม่ได้คิด แบบนี้ล่วงหน้าไว้ก่อนเวลาหุน้ a ขึ้นไปท่านก็ไม่ได้ขาย ท่านก็คิดว่า เย้ หุน้ ตรู เขียวแล้วขอให้พรุ่ งนี้ เขียวอีกนะ นะ นะ นะ สรุ ปก็ไม่ได้ปรับพอร์ตอะไรแบบนี้เป็ นต้น ที่น้ ีถา้ คนที่มีหุน้ ตัวเดียวล่ะแบบว่าชอบอัดตัวเดียวล่ะทําไงก็ใช้วธิ ีแบบที่พี่ picatos เพิง่ โพสเร็วๆนี้ก็ คือว่าถ้าปี หน้าคุณมองว่าหุน้ จะทํากําไรได้ระหว่าง(ตัวเลข make ลอยๆนะไม่เกี่ยวกับหุน้ ตัวไหน เลย) 1-1.4 peตํ่าสุ ดน่าจะได้ซกั 8 สู งสุ ดซัก 12 ถ้าราคาหุน้ ถึงโซน 8 บาทคุณอาจจะเริ่ มลดลงซัก 15-20% แต่ถา้ ถึงโซน 16.8 (1.4×12) คุณก็ขายที่ยงั เหลือให้หมด สิ่ งที่คุณควรทําคือตั้ง alert ในมือถือหรื อบอกมาร์เก็ตติง้ ว่าถ้าราคาเท่านั้นเท่านี้ให้โทรมาบอกหน่อย จะขายเท่านุ่นเท่านี้กว็ า่ กันไป ส่ วน ถ้าคุณถามว่าแล้วถ้าอัดตัวเดียวแล้วมันตกเลยล่ะทําไงก็จะกลับไปข้อที่ 4 ที่ผมโพสเมื่อกี้วา่ ถ้า คุณมือใหม่กซ็ ้ือถัวขาขึ้น ถ้ามือเก่าก็แล้วแต่คุณเลย แบบนี้เป็ นต้น 6.เหตุผลที่ใช้ซ้ือกับขายคนละเหตุผล เช่น ซื้อหุน้ แบบ nav เพราะประเมิณว่ามีสินทรัพย์มากและน่าจะ unlock แต่ปรากฏว่าพอไม่ unlock ก็หนั มาบอกว่า แต่หุน้ เขาก็ยงั ดีนะปี หน้าน่าจะเริ่ มปั นผลได้แล้วนะ แถมปี นี้ยอดขายโตตั้ง 5% สุ ด ยอดเลยนะตัวเอง บริ ษทั ที่ปีหน้า(คาดว่าจะปันผลได้)กับยอดขายโตขนาดนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะ เรื่ อง ประมาณนี้พอเคยเจอกับตัวจริ งๆนะครับ คือถ้าตอนคุณซื้อคุณคิดว่าราคาจะขึ้นเพราะอะไรแต่พอ เรื่ องนั้นมันไม่เกิด ขึ้นแล้วคุณก็หนั ไปพูดประเด็นอื่นแทนก็เข้าข่ายนี้ครับ ข้อ 7 ก็คือนักลงทุนที่ดูงบส่ วนใหญ่ชอบจะดูบรรทัดสุ ดท้ายแต่ผมว่าแนวคิดแบบนี้ไม่ปลอดภัยผม จะให้ดูอะไรบางอย่าง


งงไหม บริ ษทั อะไรค่าเสื่ อมลดลงตั้งเกือบครึ่ งแนะไ ม่มีสินทรัพย์ไว้ดาํ เนินธุรกิจ แล้วหรื ออย่างไร บางคนอ่านแล้วก็ผา่ นไปไม่ได้สังเกตอะไรไปสนตรงที่กาํ ไรมันโตเยอะ แต่จริ งๆแล้วถ้าเขาได้กาํ ไรเท่าไหร่ คุณจะหักกําไรของเขาออกด้วยตัวเลข 43 ล้านตัวเลขนี้มาจาก ไหนก็มาจากรู ปนี้

ก็คือจริ งๆแล้วมีการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ซ่ ึงทําให้ค่าเสื่ อมลดลง(คิดว่าอายุ การใช้งานนานขึ้นค่า เสื่ อมต่อปี ก็เลยลดลง)ซึ่งค่าเสื่ อมลดทําให้กาํ ไรเพิ่ม ขึ้นแต่ถา้ เราเทียบกับปี 2552 ซึ่งไม่ได้ใช้เกณฑ์ แบบนี้ตวั เลขที่ได้จะไม่สามารถเทียบกันได้ตรงๆเราเลยต้อง ปรับเล็กน้อย


เนื้อหาื่ส่วนสุ ดท้าย

การจะคัดเลือกหุ้นว่ าเป็ น super stock หรื อหุน้ เกรดไหนนั้นส่ วนนึงที่เราจะนํามาใช้กค็ ือเกณฑ์สามตัวนี้ครับ (แนวคิดดั้งเดิมของพี่ invisible hand นะครับ) 1.market growth 2.market share 3.net margin บริ ษทั ที่ระดับโคตรเทพจะมีครบหมดแต่จริ งๆแล้วผมว่าแค่สองก็เยีย่ มแล้วล่ะ ผม ยกตัวอย่างถ้านักลงทุนมือใหม่เห็นบริ ษทั แห่งนึงมี peที่แพงเช่น 15-20 เท่าแล้วจะบอกว่านั้น เป็ นหุน้ ที่ไม่น่าลงทุนแบบนี้กอ็ าจจะตกรถได้ กรณี หุน้ cpallนั้น ผมคิดว่าเขาเป็ นหุน้ market growth เพิ่มและ net margin เพิ่มส่ วน market share คงจะเพิม่ ได้เล็กน้อย(อันนี้ท่านไหนไม่เห็นด้วยก็เชิญมา discuss กันนะครับ) ผมเองเคยซื้อ cpallใน สมัยก่อนตอนประมาณ 8 บาทแต่ขายหมูไปนานมากแล้วถ้าถามผมว่าทําไมบริ ษทั นี้ตอน 8-10 บาท อาจารย์นิเวศน์ถึงลงทุน ผมว่าหลายๆคนที่เคยไปฟังในงาน meeting ปี 2007 คงได้ยนิ เหตุผลกัน หมดครับ แต่น้ ีปี 2011 ลองฉายหนังซํ้าให้มือใหม่คงจะดีครับ


ตอน นั้นเนี้ยcpallน่าจะมีสาขาประมาณ 4000 กว่าๆซึ่งเขาจะขยายปี ละ 500 สาขาซึ่งถ้าเทียบกับ ต่างประเทศเช่นญี่ปุ่นแล้ว cpall น่าจะขยายสาขาไปได้อีกหลายปี จนสาขาเกือบๆ 1 หมื่น ถึงตอนนั้น อาจจะเริ่ มตันๆแต่เราคงเห็นแนวโน้มว่ามันโตได้หลายปี ถ้าผมจําไม่ผดิ d.r. นิเวศน์ เคยบอกว่า cpall ช่วงนั้นมีการบริ หารจัดการที่ดีข้ ึนมากและเขาสังเกตุวา่ มีคนเข้าร้านมากขึ้น เรื่ อยๆ และ cpallเองเนี้ย ถึงแม้จะมีการขยายสาขามากมายแต่ sssหรื อ samestore sale growth ก็ยงั มีซ่ ึ งนั้นเป็ นการสะท้อนว่า ตลาดไม่ได้ตนั บริ ษทั ไม่ได้เอาแต่ขยายสาขา แล้วไม่สร้างมูลค่า หรื ออย่างกรณี bghผมคิดว่าก็เป็ นหุน้ คล้ายกับ cpallก็คือ market growth ,net margin เพิ่ม ผมไม่ได้ ตาม bgh ละเอียดมากแต่สมัยก่อนจําได้วา่ เขาเอาแต่ take over แล้วก็ d/e ค่อนข้างสู ง แต่พี่ ihเคยเล่า ว่า health care cost/ gdp ต่อหัวของประเทศเจริ ญแื้ลว้ ถือว่าสู งกว่าของไทยมาก และแบรนของ bhbgh ก็เป็ นระดับโลก ถ้าผมจําไม่ผดิ bh เป็ นโรงพยาบาลแห่งแรกในเมืองไทยที่ได้ใบอนุญาติ อะไรซักอย่างเนี้ยแหละ ซึ่ งทําให้ถือว่าเป็ นแบรน go inter และตอนหลังๆ bghก็ได้ใบที่ วา่ นี้ดว้ ย และเมื่อถึงจุดนึงmargin ของ bghก็กระโดดขึ้นมา อะไรทํานองนี้ผมว่าอย่าง bgh cpall เราคงไม่ สามารถมองด้วยมุมธรรมดาได้ส่วนนึงเราอาจต้องมองว่ากลุ่มที่เล่นหุน้ พวกนี้ไม่ใช่รายย่อยแต่เป็ น กองทุนกับต่างชาติซ่ ึงเขาคงไม่มองแบบเราเขาคงมอง เทียบกับราคาของภูมิภาคเป็ นต้น หรื อถ้ายกตัวอย่างหุน้ มือถือในอดีต อย่าง advance สมัยก่อนที่จะมี structural change ที่ทาํ ให้คนเข้าถึงมือถือได้มากเพราะมีการปลดล็อค อีมี่ ราคาของ มือถือลดลงมากและกลุ่มรากหญ้าและวัยรุ่ นสามารถเข้าถึงมือถือได้ในตอน นั้น advancถือเป็ นหุน้ super high market growth ,high marketshare,improve net margin ซึ่งกําไรของบริ ษทั ก็ข้ ึนเร็วมากๆ จนเริ่ มอิ่มตัวตามยอด penetration rate แบบนี้เป็ นต้น ถ้าเราดูจะเห็นว่าราคาหุน้ ของ advanc ไม่ไป ไหนมานานแล้วตามความเห็นของผมคือ market มันไม่ค่อยโตแล้วทุกวันนี้ใครๆก็ใช้มือถือ หมดแล้ว market share ก็สูงแล้วแต่เริ่ มโดนคู่แข่งพยายามแย่งแชร์ ประเด็นของ high marketgrowth นั้นถือเป็ นเรื่ องดีมากเพราะเมื่อ market growth โตทุกคนก็ enjoy ไม่จาํ เป็ นต้องหันมาฟาดฟันกันเองแต่เมื่อ market เริ่ มไม่โตคนอยากโตก็ตอ้ งแย่งแชร์เพิ่มก็หนั มาอัด กันเอง ถ้าจําได้มีอยูช่ ่วงนึงมีการลดค่าโทรเหลือนาทีละ 0.25 ด้วยซํ้าประมาณ 4-5 ปี ก่อนซึ่งถ้า market growth เราคงไม่ค่อยเห็นภาพแบบนี้ดงั นั้นท่านต้องดูวา่ หุน้ ที่ถืออยูน่ ้ นั เป็ นหุน้ ที่ market


growth ไหมถ้ายัง growth แล้ว improve net margin ได้อนั นั้นเป็ นหุน้ ที่น่าลงทุนถ้าราคาไม่แพงเวอร์ เกินไป อย่าง หุน้ อสังหริ มทรัพย์เราอาจต้องลองคิดดูวา่ ดอกเบี้ยประกาศขึ้นเรื่ อยๆแบบนี้ market จะ growth ได้ไหม ถ้าได้ตวั ไหนน่าจะมี margin ที่ดีข้ ึนหรื อรักษาระดับได้บา้ ง หรื อตัวไหนเริ่ มมีการเจาะตลาด ใหม่ๆที่จะเพิ่มแชร์ได้บา้ ง แบบนี้เป็ นต้น ถ้าเราต้องการไปประยุกต์ใช้ ผมเองก็ไม่ได้ตามหุน้ กลุ่มนี้ มานานแล้วไม่แน่ใจเหมือนกัน อย่าง cawowเนี้ยผมว่าถ้าจํากันได้เข้าเมืองไทยแรกๆนี้ดูเทพนะ ดูเหมือนว่าแบรนมีระดับมากจําได้ ว่าผูบ้ ริ หารเคยบอกว่า่ ในประเทศอื่นๆค่าใช้ จ่ายทาง fitness จะสู งกว่าในเมืองไทยตอนนั้นมากแล้ว เป็ นไงตอนนี้ดูไม่จืด ผมว่าถึงคนจะเล่นฟิ ตเนสมากขึ้นจริ งก็เถอะแต่การที่บริ ษทั ใช้แบบ ขาย ตลอดชีิวิต ผมว่าหุน้ มันก็ไม่น่าลงทุนเพราะว่ามันบันทึกรายได้เข้าไปเลยแล้วปี อื่นๆล่ะ เราต้องมี ภาระการใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากค่าเสื่ อมของอุปกรณ์ต่างๆที่ลูกค้า่ คน เก่าๆมาเล่นแล้วเสี ยหายเหรอ แล้ว เงินใหม่ๆที่เข้ามาล่ะ อะไรแบบนี้ ผมว่าบางทีไอ้ market ที่ดูเหมือนจะ growth แต่ถา้ บริ หารไม่ถูกที่ ควรจะทําจะเป็ นหุน้ มันก็ไม่ดีหรอก

ดังนั้นจะดี กว่าถ้า high market growth,good management ไม่ใช่ high market growth,bad management ซึ่ งผมว่าบริ หารดีไหมเนี้ ยก็คง ติดตามไม่ยากจากตัวเลข sg&a ,margin เป็ นต้น อีกเรื่ องนึงที่พี่ ihเคยพูดไว้คือ 1.low operating risk can have high financial risk 2.high business risk should have low financial risk หลาย คนที่เป็ นมือใหม่อาจจะวิเคราะห์หุน้ โดยงบการเงินเป็ นสําคัญแต่วา่ จริ งๆแล้ว มันก็มีบางอย่าง ที่เราต้องเจาะจงลงไปเพิ่มในตัวรายละเอียดเช่น


ถ้า เป็ นบริ ษทั อสังหริ มทรัพย์แต่ละตัวก็จะมี operating risk ที่แตกต่างกันเช่นหุน้ ps lpnที่เจาะตลาด ล่างซึ่งเป็ น real demand ของคนที่ตอ้ งการบ้านก็คงจะมี operating risk ที่ไม่สูงมากถ้าเทียบกับตลาด บนที่เวลาเศรษฐกิจไม่ดีกช็ ะลอกําลังซื้อได้ มากกว่าเช่นพวก lhqhแต่ยกเว้นบนแบบโคตรๆเช่น scที่ ปี 2008 ยอดขายก็ไม่ drop อันนั้นผมว่าคือมันกลุ่มรวยเวอร์จนไม่ได้แคร์อะไรอยู๋แล้ว ดัง นั้นถ้าเรามองแบบนี้หุน้ แต่ละตัวอาจจะสามารถมี balance sheet ที่ไม่เหมือนกันเพราะตัวที่คงทน ต่อการตกตํ่าของเศรษฐกิจได้มากกว่าก็สามารถ ที่จะมี financial risk ได้สูงกว่า สามารถมีได้ไม่ได้ หมายถึงว่าควรมีนะครับ และ นอกจากนี้การวิเคราห์ ยังสามารถมองไปที่เรื่ องของ account recievable ได้ดว้ ย เช่น หุน้ สองตัวขายของคล้ายๆกันตัวนี้ขายเงินสด ตัวนึงขายเงินเชื่อ ? เมื่อเศรษฐกิจดีกด็ ูเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่เมื่อเศรษฐกิจตกตํ่ายอดขายลดจะทํา ให้หุน้ ที่รับเงินเชื่อ เริ่ มมีปัญหาหนี้เสี ยซึ่งมันก็ดูเป็ น high operatingrisk ส่ วนหุน้ ที่มี low operating risk น่าจะอยูใ่ นหุน้ แบบที่มี market growth และขายสิ นค้าที่ไม่ sensitive ต่อภาวะเศรษฐกิจรับไม่ขายเชื่อ มากเกินไป หุน้ พวกนี้ถา้ จะมี d/e สู งขึ้นมาหน่อยก็คงจะไม่เสี ยหาย อะไร เช่นค้าปลีก หรื อโรงพบาบาล บางตัว ถ้าบางบริ ษทั ที่อยูใ่ น marketgrowth ที่ดีและไม่ค่อยขายเชื่อแต่มีลูกค้าน้อยรายมีการพึ่งพิงรายได้ หลักๆจากไม่ กี่เจ้า แบบนี้ผมว่าก็เป็ น high operating risk เหมือนกันเพราะไม่รู้ระเบิดเวลาจะ ออกมาเมื่อไหร่ สมัยก่อนก็มีหุน้ บางตัวที่ เจอปั ญหาแบบนี้มาแล้ว ที่น้ ีพดู ถึงเรื่ องการใช้มาร์จิ้น จริ งๆแล้วผมก็ไม่ได้แนะนําให้ใครใช้มาร์จิ้นแต่วา่ ถ้าอยากใช้จริ งๆก็ ควรใช้ กับหุน้ low operating risk เพราะการที่เรา leverage เข้าไปจะช่วยให้ return สู งขึ้นได้ ถึงแม้ ความเสี่ ยงจะสู งขึ้นด้วย แต่กย็ งั ดีกว่าที่เราไปใช้มาร์จิน้ กับหุน้ high operating risk เพราะถ้าเกิด ผิดพลาดอะไรขึ้นมานั้นหมายความว่าเราอาจจะเสี ยหายหนักมากๆ เพราะชื่อมันก็บอกอยูแ่ ล้วว่า high operating risk แล้วเรายังจะไป leverage มันเพิม่ เข้าไปอีกทําไม


เออ ประมาณไปล่ะกันเน้อไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว เห็นมีคนมาบอกว่าชอบๆๆๆ ผมก็มาเขียนให้เพิ่ม อีกแต่ตอนนี้สงสัยจะหมดมุขจริ งๆแล้ว

SUPER STOCK การจะคัดเลือกหุน้ ว่าเป็ น super stock หรื อหุน้ เกรดไหนนั้นส่ วนนึงที่เราจะนํามาใช้กค็ ือเกณฑ์สาม ตัวนี้ครับ (แนวคิดดั้งเดิมของพี่ invisible hand นะครับ) 1.market growth 2.market share 3.net margin บริ ษทั ที่ระดับโคตรเทพจะมีครบหมดแต่จริ งๆแล้วผมว่าแค่สองก็เยีย่ มแล้วล่ะ ตัวอย่าง KTC ข้อดีของหุน้ ตัวนี้ก่อนหน้านี้เพียงอย่างเดียวที่คนเล่นพื้นฐานพอจะเห็นก็คือ ตํ่า bvค่อนข้างเยอะ ผม เองติดตามอยูห่ ่างๆเพราะถือคติไม่ชอบของถูกที่ไม่มีตวั เร่ งจนกระทัง่ งบไตรมาส 4/53 ออกมา บริ ษทั มีกาํ ไรที่ถือว่าโดดเด่นมากเทียบกับกําไรย้อนหลังในรอบหลายปี พอหุน้ ขึ้นแรงผมก็ซ้ือตามนํ้าไปที่ 15-15.4 ไปส่ วนนึง คําถามว่าในเมื่อผมประเมินกําไร ktcไม่ได้แล้วผมซื้อทําไม คําตอบก็คือว่า upside มันคุม้ downside มาก


เนื่องจากว่าตอนงบเพิ่งออกถ้าผมได้ทุนวันที่งบออกต่อให้ซ้ือแพงขึ้น 7-8% จากวันก่อนหน้า แต่ถา้ งบไตรมาสกลับมาขาดทุนหรื อกําไรบางมาก downside ก็คงลงไปแถวๆก่อนงบออกเพราะราคาตรง นั้นนักลงทุนไม่ได้มีความคาดหวังอะไรอยูแ่ ล้ว แต่ ในทางกลับกันการที่งบเพิง่ ออกกําไรดีครั้งแรก ทําให้มีนกั ลงทุนที่ไม่มนั่ ใจว่าหุน้ จะดีจริ งไหมและอยากที่จะรอดูงบอีกซักไตรมาสซึ่งถ้ายังทํากําไร สู งได้ต่อเนื่อง โอกาศที่หุน้ จะขึ้นไปแถว bvคงจะสู งเพราะบริ ษทั ได้แสดงการกลับตัวติดกันสองไตรมาสแล้ว ต่อ ให้ไม่ถึง bvแต่ซกั 0.8-0.9 ก็ยงั มีลุน้ ดังนั้นระยะเวลาในการหวังผลของผมก็แค่ 1 ไตรมาสกับ upside ที่มีโอกาศ 50-70% ซึ่งถือว่าคุม้ มาก สรุ ปว่ารวมปันผลถือแป๊ ปเดียว upside เกิน 30% ไปแล้ว บางคนคิดมาก คิดว่ากําไรไม่แน่นอนเสี่ ยง แต่ probably แห่ง tviยังบอกว่า หายใจยังเสี่ ยงเลย (อยูๆ่ อาจจะหยุดหายใจแล้วตายไปเลยก็ได้) บางคนพูดว่าเล่นหุน้ เสี่ ยงไปขายข้าวแกงดีกว่า อ้าวคุณรู ้ได้ไง ว่า ขายข้าวแกงไม่เสี่ ยง เปิ ดร้านไปอาจจะไม่มีคนมากินก็ได้ ดังนั้นทุกอย่างมีความเสี่ ยง แต่ความ เสี่ ยงที่มีโอกาศได้ผลตอบแทนเยอะนั้นน่าสนใจและไม่ได้มีบ่อยนัก ล่าสุ ด ktcล่าสุ ด 19.70 ซึ่งทุนของผมตํ่ากว่านี้มาก ผมออกตัวไว้คนจะได้ไม่คิดว่าผมมาเชียร์

ตัวอย่าง sc caseพวกนี้เป็ นของราคาที่ข้ ึนมาแล้วและผมก็ไม่ได้มีหุน้ นะครับ อ่านเอาหลักการนะครับ อย่าอ่าน เอาหุน้ เด็ด ไม่มีให้นะครับ หุน้ เด็ด เล่าตัวที่หุน้ ขึ้นมาแล้วแบบนี้คนจะได้ไม่ไปซื้อตามนะครับ แถม ออกตัวแล้วด้วยว่าผมไม่มีหุน้ แค่วเิ คราะห์อดีตนะครับ sc case เป็ นกรณี ของบริ ษทั ที่ราคาถูกและมีตวั เร่ ง เรื่ องราวของ scนั้นมีดงั นี้ scถือเป็ นหุน้ การเมืองตัวนึง การเมืองสี อะไร การเมืองยังไง คงไม่ตอ้ งพูดนะครับ 5555 ใครๆก็คงรู ้ scเป็ นบริ ษทั ที่มีรายได้จากค่าเช่าที่ถือว่าค่อนข้างสู ง ตึก shin 1-3 และ tcc cc มีคนเช่าเกือบเต็มตลอด และทําให้บริ ษทั มีรายได้แบบ stable income ที่ค่อนข้างสู งเช่นในปี ล่าสุ ดกําไรจากส่ วนค่าเช่าก็สูงถึง 1.5-1.6 บาทต่อหุน้


ถ้าเราดูยอดจองของบริ ษทั scย้อนหลังปี 2006 ยอด presale อยูท่ ี่ 1000 กว่าล้านแต่ของปี 2010 ขึ้นมา ระดับ 5000 ล้าน

ภาพนี้ credit by reiterนะครับ ถ้าเราลองดูดีๆปี 2008 บริ ษทั ยังโตได้เลยเพราะจับตลาดบนมากๆ คือ รวยจนไม่สนใจว่าเศรษฐกิจจะเป็ นอย่างไร ตอนที่ราคา scอยู่ 17 บาทเพื่อนผมหมอ reiterแนะนําให้ลองดูเนื่องจากหุน้ ถูกมาก scนั้นมีกาํ ไรจาก ค่าเช่าสู งและยังมียอดขายโตต่อเนื่องแต่ราคาหุน้ กลับตํ่ากว่า bvสาเหตุน้ นั น่าจะเพราะถูก discount จากเรื่ องการเมือง งบของ scนั้น epsโตตลอดแต่หุน้ ยังเทรดไม่ไปไหน ส่ วนนึงน่าจะเป็ นเรื่ อง การเมือง epsโตจากไม่ถึงสองบาทเป็ นสามบาทกว่า แต่ราคายังตํ่าบุคโดยที่งบการเงินก็ค่อนข้าง แข็งแกร่ ง


ที่น้ ีพอ scประกาศงบออกมากําไรระดับ 3.59 ถ้าปันผล 1.43 ที่ราคา 18 บาทก็ถือว่ามีปันผลสู งมาก ตัวปลดล็อกก็คือการเลือกตั้งซึ่งถ้ามีการเปลี่ยนขั้วน่าจะทําให้ sc unlock ความถูกออกมาได้ แต่ใน กรณี ที่เลือกตั้งแล้วไม่เปลี่ยนขั้วปันผลระดับ 1.4 ที่ราคาแถวๆ 17 บาทที่มีคนมาแนะนําผมก็ถือว่าไม่ สะท้อนการเติบโตของกําไร จริ งๆแล้วหลายคนคาดกําไร scออกมาก่อนที่งบจะประกาศเสี ยอีก ซึ่ง ต้นทุนพวกเขาคือ 17 บาทลงไป กรณี น้ ีจะคล้ายๆกับ ktcที่เขียนก่อนหน้าความคาดหวังของคนค่อนข้างตํ่า วัดได้จากกําไรที่เติบโต ต่อเนื่องมีรายได้ที่มนั่ คงค่อนข้างสู งแต่หุน้ ราคาไม่ไปไหนแถมเล่นตํ่า bvสุ ดท้ายพอมีกระแส เลือกตั้ง scก็วงิ่ หน้าตั้งอย่างที่เห็น นักลงทุนในหุน้ ที่ดีควรจะรู ้วา่ ราคาหุน้ ตรงไหน downside ตํ่าเทียบกับ upside แต่นกั ลงทุนที่เทพ กว่าจะรู ้วา่ เมื่อไหร่ น่าจะมีจงั หวะมาปลดล็อคความถูกของหุน้ ด้วย กําไรจากค่าเช่าของ scนั้นควรมี peที่ค่อนข้างสู งกว่า epsในส่ วนของ developer แน่นอน ไม่ช่วง 17 บาทนั้นไม่วา่ จะมองจาก sumof-the-part peหรื อ pbvหรื อ dividend นักลงทุนแทบไม่มี downside ทางการลงทุนเลย คนที่ได้กาํ ไรจาก scในเวลาไม่นานคือคนที่รู้วา่ value หุน้ ควรอยูต่ รงไหน ทําไมหุน้ ถึงเล่นตํ่ากว่า value และอะไรที่น่าจะทําให้สะท้อน value มากขึ้นครับ ถ้ามีหลายอย่างประกอบกันก็จะกําไรได้ เยอะในเวลาไม่นานครับ


เทพต่างจากนักลงทุนที่ดี นักลงทุนในหุน้ ที่ดีควรจะรู ้วา่ ราคาหุน้ ตรงไหน downside ตํ่าเทียบกับ upside แต่นกั ลงทุนที่เทพ กว่าจะรู ้วา่ เมื่อไหร่ น่าจะมีจงั หวะมาปลดล็อคความถูกของหุน้ ด้วย ตามนั้นครับ หลายคนเล่นหุน้ แล้วบอกได้แต่วา่ หุน้ ถูกเรื้ อรัง แต่ไม่รู้วา่ เพราะอะไรก็เข้าไปซื้อมันก็ ถูกเรื อรังอยูน่ ้ นั แหละ ก็ถือจนรากงอก สไตล์ เรื่ องสไตล์เนี่ย ผมมองว่าตลาดเหมือนกับทะเล มีปลาหลายชนิดให้จบั มากมาย แต่เราควรรู ้วา่ เราจะ จับปลาชนิดไหนก่อน จึงจะวางแผน, ออกแบบเรื อ หรื อเครื่ องมือประมงให้มนั ถูกกับเป้ าหมาย ไม่มี คําว่าจับปลาแบบไหนดีที่สุด ขึ้นอยูก่ บั ว่าคุณชอบกินปลาอะไรและขอให้อิ่มท้องได้เหมือนกัน แต่ บางคนยังไม่รู้เลยว่าจะออกไปหาปลาอะไร รู ้แต่แค่อยากได้ปลา เหมือนทําธุรกิจแบบไม่มี business model ที่ชดั เจน เห็นใครจับอะไรก็อยากจับตาม สุ ดท้ายมันเละเทะไปหมดประมาณนั้นครับ พูดแล้วนึกถึงตัวเองตอนเข้าตลาดแรกๆ 55 3 peสู งตลอดเวลา ตลาดจะมีหุน้ อยู่ 3 กลุ่มที่จะ peสู งตลอดเวลาแทบจะไม่เคยมี peถูกเลยก็คือ ค้ าปลีก โรงพยาบาล ประกันชีวติ

หุน้ ดี/หุน้ เลว เวลาที่คุณซื้อหุน้ ไปตัวนึงแล้วหุน้ ตัวนั้นเริ่ มทําตัวไม่ดีราคาไหลลงๆไม่ข้ ึนเลย


นั้นคือสิ่ งที่ ึ ่คุณเสี ยไปแล้วและไม่สามารถกูก้ ลับมาได้ การที่คุณเลือกซื้อหุน้ ตัวนั้นเพิ่มเป็ น เหมือนกับคุณเสี ยตัวประกันเพิ่มขึ้นไปอีก คํากล่าวของนักเก็งกําไรคือถ้าหุน้ ดีกต็ อ้ งขึ้น ถ้าหุน้ ไม่ข้ ึน ก็คือหุน้ เลว ล





ภาพนี้ rieterกําลังอธิบายว่าเวลาเราดู peควรจะต้องคํานึงถึงคุณภาพกําไร การเติบโต กระแสเงินสด ของกิจการอย่างไร



reiterกําลังอธิบายเรื่ องของ pbvว่าใช้อย่างไร

ผูก้ ล้าที่ข้ ึนมาตอบคําถามแล้วก็ได้รางวัลเป็ นหนังสื อการลงทุนต่างประเทศไป


คนนี้ผกู ้ ล้า picklifeตอบทุกคําถามผิดบ้างถูกบ้างแต่กข็ อให้ได้ตอบ


ผมเริ่ มบรรยายเรื่ อง winner stock case study ว่าหุน้ หลังวิกฤติตวั ไหนบ้างที่ข้ ึนมาแล้ว 10 เท่าตัว โดยเกณฑ์คือ ต้องขึ้น 10 เท่าไม่เกินปลายปี 2010 เนื่องจากเราไม่ช้ ีนาํ หุน้ จึงยกแต่ case study ที่จบ ไปแล้วในอดีตเท่านั้น



ผมกําลังบรรยายว่าทําไมหุน้ ประเภท commodity ถึงมักเป็ นหุน้ สิ บเท่าตัวหลังวิกฤติ


อันนี้เป็ นภาพว่าเกิดอะไรขึ้นกับ pslในสมัยช่วง 2002-2004 ทําไมหุน้ เรื อถึงกลายเป็ นตํานานที่เล่า ขานกันไม่จบ

อันนี้เป็ นเฉลยประมาณการกําไรว่าถ้าเราดู ค่าเช่าเรื อต่อวันต่อลํา และ ค่าใช้จ่ายในการเดินเรื อต่อวัน ต่อลําเราจะคาดการณ์กาํ ไรของหุน้ เรื อในสมัยก่อนได้อย่างไร


อันนี้เป็ นหุน้ 10 เด้งสมัย subprime กําลังอธิบายว่าทําไมการดูหุน้ ฟิ ลม์จึงมักใช้ spread ของเมืองจีน

อันนี้เป็ น quiz ว่าในช่วงขาขึ้นของวัฏจักรฟิ ลม์เราคิดว่า ptlควรมี market cap มากกว่า ajซักกี่เท่า


อัตราส่ วน market cap ptl/ajที่ผมทําขึ้นมาเพื่อดูวา่ ในช่วงหุน้ ขาขึ้นในปี 2010 จะมีจงั หวะในการ switch หุน้ อย่างไรได้บา้ ง


ภาพนี้เป็ นกําลังของ cpfซึ่งผมกําลังอธิบายว่าจุดเปลี่ยนของ cpfเกิดในช่วง q2/52 ซึ่งตอนนั้นราคา หุน้ อยูแ่ ถว 5 บาท

อธิบายว่าหลังจากงบ q2/52 ออกมาในตอนนั้นที่ cpfอยูแ่ ถวๆ 5-6 บาทเราจะวิเคราะหืต่อยอดว่า cpf น่าจะเป็ นดาวรุ่ งได้อย่างไร



อัตราส่ วนทางการเงินของหุน้ ยานยนต์ 7 ตัว 4 ปี ช่วงปี 2548-2551 ว่าช่วงวิกฤติเราจะเลือกบริ ษทั ยานยนต์ตวั ไหนไว้ใน watch list ของเราบ้างดี

bargain hunter อันดับโลกได้พดู ไว้วา่ ให้ซ้ือหุน้ เมื่อทุกคนมองโลกเลวร้ายถึงขีดสุ ด ผมยกขึ้นมา พร้อมอธิบายว่า sat ตอน 3.2 ตรงกับคําว่า ultimate pessimism อย่างไร


อธิบายหุน้ turnaround kceว่าทําไมหุน้ ที่เคยลงไปตกตํ่าเหลือแค่ 0.74 แล้วอะไรที่ทาํ ให้ kceเป็ นหุน้ turnaround ได้







หมอเคให้ปรัชญาการลงทุนที่ถูกต้องกับนักลงทุน


กําลังอธิบายว่าเวลาตลาดขาขึ้นควรจะเลือกอะไร

พูดถึงนักลงทุนมือใหม่ที่ชอบลอกการบ้านว่าไม่ถูกต้องควรจะรู ้วา่ เขาซื้อเพราะอะไรไม่ใช่รู้แค่วา่ เขาซื้อหุน้ ตัวไหนแล้วจะไปซื้อตาม


อธิบายหลักการของ อาจารย์ billybremner


ฮง การจะซื้อหุน้ สักหนึ่งตัว นักลงทุนควรต้องดูท้ งั ปัจจัยพื้นฐานและกราฟเทคนิคควบคู่กนั ไป เพราะ การดูกราฟย้อนหลังจะทําให้เห็น Demand และ Supply ของหุน้ ในอดีต ที่สาํ คัญจะเห็นจุด “นิวไฮ -ผมยอมรับการขาดทุนได้บา้ ง แต่ถา้ เป็ นนักลงทุน VI แท้ๆ ต้องไม่มีคาํ ว่า Cut Loss (ตัดขาดทุน) แต่ ผมคิดแบบนั้นไม่ได้ตราบใดที่ยงั ชื่นชอบการเล่นหุ น้ คอมมูนิต้ ี (สิ นค้าโภคภัณฑ์) -สําหรับเทคนิคการลงทุนฮงจะเน้นดูปัจจัยพื้นฐาน 70% อีก 30% จะดูเทคนิเคิล และกราฟหุ น้ ย้อนหลัง หลายครั้งเขาบอกว่ากราฟหุน้ “ช่วยชีวติ ” ไว้ ทําให้ไม่ตอ้ ง “ขายหมู” (ขายถูก) ให้คนอื่น -ราคาหุน้ ทํานิวไฮ10 บาท อยูด่ ีๆ ลงมา 8-9 บาท แล้วซื้อขาย 8-9 บาทนานพอสมควร อยูๆ่ ก็วงิ่ ขึ้น ไป 10 บาท โดยมีวอลุ่มเข้ ามาเยอะมาก =เหตุการณ์ลกั ษณะนี้ทาํ ให้คิดได้วา่ บริ ษทั นี้ตอ้ งมีอะไรเปลี่ยนแปลง “ผมก็จะเริ่ มตรวจสอบ ข้อมูลทันที” -เพิ่งทําจุดสู งสุ ดใหม่ของกําไร” และต้องอ่านเกมต่อไปว่า “ไตรมาสที่เหลือ” ของปี นั้นๆ ต้อง สามารถรักษากําไรสุ ทธิระดับนี้ (ดี) ได้ต่อเนื่อง -เลือกหุน้ ที่ซ้ื อขายตํ่ากว่า P/E ของกลุ่ม…เหล่านี้คือคุณสมบัติเบื้องต้นของหุ น้ ที่จะสร้าง ผลตอบแทนได้สูงจากการลงทุน -เมื่อได้หุน้ ที่เข้าข่ายกําไรสุ ทธิทาํ จุดสู งสุ ดใหม่ จ่ายเงินปันผลสมํ่าเสมอ และค่า P/E ไม่สูง (ราคาหุน้ ยังไม่แพง) ได้แล้ว ฮงก็จะเริ่ มปฏิบตั ิการวิเคราะห์เจาะลึก “งบการเงิน” ทันที โดยเน้นหนักไปที่ “กระแสเงินสด” ของกิจการ พยายามดูยอ้ นหลังให้ได้มากที่สุด


-อัตราส่ วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ต้องไม่เกิน 1 เท่า และควรเป็ นหนี้สิน (หมุนเวียน) ที่ไม่มี ดอกเบี้ย -ทําการวิเคราะห์ “โครงสร้างธุรกิจ” ผลิตภัณฑ์ตวั ไหนที่ทาํ กําไรให้บริ ษทั รวมทั้งอ่านบทวิเคราะห์ ของโบรกเกอร์ต่างๆ ที่เขียนถึงหุน้ ตัวนี้ รวมทั้งค้นหาบทสัมภาษณ์ของผูบ้ ริ หารมาอ่านเพื่อให้แน่ใจ ว่าหุน้ ที่จะวางเดิมพันราคาต้อง “วิง่ ” ชัวร์! -“ประมาณการผลประกอบการล่วงหน้า” เพื่อประเมินราคาที่เหมาะสมในอนาคต -สําหรับวิธีการเข้าเก็บหุน้ จะใช้สูตร 30:30:30:10 ซื้อแล้วหุน้ ขึ้นถึงซื้อ “สเต็ปที่สอง” “สเต็ปที่สาม” และ “สเต็ปที่สี่” Ex หมายความว่าซื้อครั้งแรก 30% สเต็ปที่สอง (อีก 30%) จะซื้อเพิ่มก็ต่อเมื่อราคาหุน้ ขยับตัวเพิ่มขึ้น 78% ถ้าซื้อ 30% แรกแล้วราคาไม่ข้ ึนก็จะรอไปก่อน “ยังไม่ซ้ือ” ตรงกันข้ามถ้าซื้อแล้ว 30% ราคาหุน้ ปรับตัวลดลง 8% ก็จะ Cut Loss (ตัดขายขาดทุน) ทิ้งทันที ถ้าทิ้งไว้นานเดี๋ยว “ออก(ของ)ไม่ได้”

รปจ. 1.-กิจวัตรประจําวันฮงจะตื่นนอนมานัง่ ในห้องนี้ต้ งั แต่ 9 โมงเช้าแล้วอ่านข้อมูลทุกอย่างเริ่ มตั้งแต่ บทวิเคราะห์ หนังสื อพิมพ์ เข้าเว็บบอร์ด Thaivi.org เหตุที่ซ้ือขายผ่านอินเทอร์เน็ตเพราะเสี ยค่า คอมมิชชัน่ เพียง 0.1% ถ้าโทรศัพท์สั่งผ่านมาร์เก็ตติ้งต้องจ่าย 0.15% (รายย่อยต้องจ่าย 0.25%) 2.-“โดยปกติผมจะปรับพอร์ตลงทุนทุกไตรมาส (3 เดือน) เพราะสถานการณ์มกั มีการเปลี่ยนแปลง ทุกครั้งที่งบการเงินประจําไตรมาสออก ผมจะนําข้อมูลที่ผบู ้ ริ หารบอกผ่านสื่ อกับบทวิเคราะห์ของ โบรกเกอร์มานัง่ คํานวณตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสถัดไป”


3.เริ่ มเล่นหุน้ ตอนเรี ยนปี 1 มหาวิทยาลัยกรุ งเทพ “แอบพ่อ-โอ๋ แม่” ทุบกระปุกเงินเก็บแตะเอีย 100,000 บาท หว่านล้อมให้แม่ไปเปิ ดบัญชีเล่นหุน้ ให้ที่ บล.ธนชาต ใช้ชื่อตัวเองไม่ได้เพราะยังเด็ก เกินไป เวลาสั่งซื้อขายหุน้ ก็ให้ส่งจดหมายไปที่บา้ นญาติเพราะกลัวพ่อรู ้ พ่อมี “อคติ” กับตลาดหุน้ มองว่าการเล่นหุน้ ไม่ต่างอะไรกับ “เล่นการพนัน” 4.เด็กหนุ่มฮงในวัยเพียง 19-20 ปี ใช้วนั หยุดเสาร์ -อาทิตย์ ออกตระเวนไปแสวงหาความรู ้ตามตลาด หลักทรัพย์ และโบรกเกอร์ต่างๆ รู ้วา่ ที่ไหนมี “สัมมนาฟรี ” เด็กหนุ่มเป็ นต้องขวนขวายไปฟัง บางครั้งต้องหาวิธีหลอกล่อเจ้าหน้าที่สารพัดเพราะไม่ใช่ลูกค้าของโบรกเกอร์น้ นั 5.ครั้นระหว่างพักทานอาหารว่างและหลังงานสัมมนาเลิก เด็กฮงก็จะวิง่ ไปเกาะติดวิทยากรขุดคุย้ ถามประเด็นที่ตนสงสัย แต่บ่อยครั้งที่เด็กฮง“ถูกมองข้าม” วิทยากรบางคนเห็นหน้าละอ่อนยังเป็ น เด็กก็ไม่ยอมตอบคําถามไม่ให้ความสําคัญ จนเขาพูดกับตัวเองว่า “โลกนี้ไม่มีความยุติธรรม” แม้จะ ทรมานกับสิ่ งที่ผใู ้ หญ่ไม่ให้ความสําคัญกับไอ้ตี๋จอมเซ้าซี้ แต่ฮงก็พยายามหาความรู ้จากหนังสื อ และ เว็บไซต์ต่างๆ เพิ่มเติมจนแม่เห็นความตั้งใจจริ ง จากเงิน “หลักแสน” พอร์ตของเด็กฮงก็ค่อยๆ งอกเงยอย่างรวดเร็ว แม่จึงเติมทุนให้แต่กไ็ ม่ได้ มากมาย ภายในระยะเวลาเพียง 7 ปี (อายุ 19-25 ปี ) “ฮง” สถาพร งามเรื องพงศ์ กลายเป็ น “เซียนหุน้ วัยรุ่ น” ชื่อดังมีพอร์ตใหญ่ “หลายสิ บล้านบาท” พ่อของฮงที่มีอาชีพค้าเสื้ อยืดย่านพระราม 2 วันนี้ ยอมรับในตัว “ลูกชายคนเล็ก” ของครอบครัวคนนี้ ครอบครัวของเขาเพิง่ เปลี่ยนอาชีพไปปลูกต้น ลีลาวดีขายบนเนื้อที่ 33 ไร่ ย่านบางขุนเทียนชื่อสวน “ลีลาวดีภิรมย์” ฮงคุยว่าเงินลงทุนของเขาเพิ่มขึ้นราวๆ 20 เท่า ภายในระยะเวลา 2 ปี (2552-2553) ขณะที่พอร์ต ลงทุนขยายตัวประมาณ 40-50 เท่า ภายในเวลา 7 ปี (2547-2553) หลังประสบความสําเร็จอย่าง แรงฮงพัฒนาตัวเองไปเป็ น “วิทยากร” เล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการลงทุน มีนกั ลงทุน “รุ่ นพี-่ รุ่ น อา” จองที่นงั่ เข้าฟังจํานวนมาก อีกทั้งนามแฝง Hongvalueก็เป็ นที่รู้จกั กันอย่างดีใน “เว็บบอร์ด” แวลูอินเวสเตอร์


แม้ฮงแฝงตัวกลมกลืนกับแวลูอินเวสเตอร์ (VI) แต่เขาก็นิยามตัวเองเป็ น “ลูกครึ่ ง Value Investor” “ผมจะลงทุนกึ่งแวลู จะผสมผสานระหว่างปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งต่างจากนัก ลงทุน Value ทัว่ ไป แต่วนั นี้มีนกั ลงทุน VI รุ่ นใหม่ยดึ แนวทางนี้เพิ่มขึ้น เพราะพิสูจน์แล้วว่าใช้ ได้ผลดีมาก” ฮงกล่าวว่า การจะซื้อหุน้ สักหนึ่งตัว นักลงทุนควรต้องดูท้ งั ปัจจัยพื้นฐานและกราฟเทคนิคควบคู่กนั ไป เพราะการดูกราฟย้อนหลังจะทําให้เห็น Demand และ Supply ของหุน้ ในอดีต ที่สาํ คัญจะเห็นจุด “นิวไฮ” ของหุน้ ด้วย “สิ่ งหนึ่งที่ผมไม่เหมือนนักลงทุนหุน้ คุณค่าทัว่ ไปคือ ผมยอมรับการขาดทุนได้บา้ ง แต่ถา้ เป็ นนัก ลงทุน VI แท้ๆ ต้องไม่มีคาํ ว่า Cut Loss (ตัดขาดทุน) แต่ผมคิดแบบนั้นไม่ได้ตราบใดที่ยงั ชื่นชอบ การเล่นหุน้ คอมมูนิต้ ี (สิ นค้าโภคภัณฑ์) ที่สาํ คัญนักลงทุน VI จะไม่ดูกราฟดูปัจจัยพื้นฐานอย่างเดียว เขามองว่าดูกราฟเหมือนมองกระจกหลัง มันเกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถสะท้อนธุรกิจในปั จจุบนั หรื อในอนาคตได้” สําหรับเทคนิคการลงทุนฮงจะเน้นดูปัจจัยพื้นฐาน 70% อีก 30% จะดูเทคนิเคิล และกราฟหุน้ ย้อนหลัง หลายครั้งเขาบอกว่ากราฟหุน้ “ช่วยชีวติ ” ไว้ ทําให้ไม่ตอ้ ง “ขายหมู” (ขายถูก) ให้คนอื่น โดยเขายอมลงทุนเสี ยเงินปี ละ 20,000 บาท ติดตั้งโปรแกรม APEX เพื่อดูกราฟราคาหุน้ โดยเฉพาะ ยกตัวอย่างผลดีจากการดูกราฟ เช่น ราคาหุน้ ทํานิวไฮ10 บาท อยูด่ ีๆ ลงมา 8-9 บาท แล้วซื้อขาย 8-9 บาทนานพอสมควร อยูๆ่ ก็วงิ่ ขึ้นไป 10 บาท โดยมีวอลุ่มเข้ามาเยอะมาก เหตุการณ์ลกั ษณะนี้ทาํ ให้ คิดได้วา่ บริ ษทั นี้ตอ้ งมีอะไรเปลี่ยนแปลง “ผมก็จะเริ่ มตรวจสอบข้อมูลทันที” บางครั้งฮงเริ่ มแกะ รอยจากหุน้ ที่มี “วอลุ่มผิดสังเกต” จากนั้นก็จะคัดเลือกหุน้ ที่ “สวย” (ผลประกอบการดีที่สุด) เข้า พอร์ต สิ่ งแรกที่ตอ้ งทําคือการเลือกหุน้ ที่ “เพิ่งทําจุดสู งสุ ดใหม่ของกําไร” และต้องอ่านเกมต่อไปว่า “ไตร มาสที่เหลือ” ของปี นั้นๆ ต้องสามารถรักษากําไรสุ ทธิระดับนี้ (ดี) ได้ต่อเนื่อง ขั้นตอนจากนั้น ต้อง


เลือกหุน้ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 6-7% ต่อปี และข้อสุ ดท้าย ต้องเลือก หุน้ ที่ซ้ือขายตํ่ากว่า P/E ของกลุ่ม…เหล่านี้คือคุณสมบัติเบื้องต้นของหุน้ ที่จะสร้างผลตอบแทนได้ สู งจากการลงทุน เมื่อได้หุน้ ที่เข้าข่ายกําไรสุ ทธิทาํ จุดสู งสุ ดใหม่ จ่ายเงินปันผลสมํ่าเสมอ และค่า P/E ไม่สูง (ราคาหุน้ ยังไม่แพง) ได้แล้ว ฮงก็จะเริ่ มปฏิบตั ิการวิเคราะห์เจาะลึก “งบการเงิน” ทันที โดยเน้นหนักไปที่ “กระแสเงินสด” ของกิจการ พยายามดูยอ้ นหลังให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในส่ วนของความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของกิจการ (EBITDA) ต้องมีตวั เลข ใกล้เคียงกับกําไรสุ ทธิ ขณะที่อตั ราส่ วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ต้องไม่เกิน 1 เท่า และควรเป็ น หนี้สิน (หมุนเวียน) ที่ไม่มีดอกเบี้ย เท่านั้นยังวางใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ฮงจะทําการวิเคราะห์ “โครงสร้างธุรกิจ” ผลิตภัณฑ์ตวั ไหนที่ ทํากําไรให้บริ ษทั รวมทั้งอ่านบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ต่างๆ ที่เขียนถึงหุน้ ตัวนี้ รวมทั้งค้นหาบท สัมภาษณ์ของผูบ้ ริ หารมาอ่านเพื่อให้แน่ใจว่าหุน้ ที่จะวางเดิมพันราคาต้อง “วิง่ ” ชัวร์! “ผมจะอ่านบทวิเคราะห์ต่างๆ ที่โบรกเกอร์ส่งมาในอีเมล์ทุกเช้า รวมถึงอ่านบทสัมภาษณ์ผบู ้ ริ หาร เพื่อให้เห็นทิศทางของบริ ษทั ส่ วนใหญ่จะใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลก่อนตัดสิ นใจลงทุนเพียง 2 วัน” เมื่อหาข้อมูลครบถ้วนแล้วก็จะเริ่ มทํา “ประมาณการผลประกอบการล่วงหน้า” เพื่อประเมินราคาที่ เหมาะสมในอนาคต สําหรับวิธีการเข้าเก็บหุน้ จะใช้สูตร 30:30:30:10 ซื้อแล้วหุน้ ขึ้นถึงซื้อ “สเต็ปที่ สอง” “สเต็ปที่สาม” และ “สเต็ปที่สี่” หมายความว่าซื้อครั้งแรก 30% สเต็ปที่สอง (อีก 30%) จะซื้อเพิ่มก็ต่อเมื่อราคาหุน้ ขยับตัวเพิ่มขึ้น 78% ถ้าซื้อ 30% แรกแล้วราคาไม่ข้ ึนก็จะรอไปก่อน “ยังไม่ซ้ือ” ตรงกันข้ามถ้าซื้อแล้ว 30% ราคาหุน้ ปรับตัวลดลง 8% ก็จะ Cut Loss (ตัดขายขาดทุน) ทิ้งทันที ถ้าทิ้งไว้นานเดี๋ยว “ออก(ของ)ไม่ได้” เทคนิคที่ทาํ ให้พอร์ตโตเร็ ว 20 เท่า ภายในระยะเวลา 2 ปี (2552-2553) เวลาตลาดหุน้ อยูใ่ นภาวะ “กระทิง” หรื อ “ขาขึ้นใหญ่” และมัน่ ใจหุน้ สุ ดๆ เขาจะใช้ “เงินกูม้ าร์จิน” เพิ่มพลังบวกให้กบั พอร์ต


ทุกวันนี้ศนู ย์บญั ชาการของฮงอยูท่ ี่บา้ นแล้วสั่งซื้อขายทางอินเทอร์เน็ต ที่บา้ นย่านพระราม 2 จะ กั้นห้องไว้สาํ หรับนัง่ ดูหุน้ โดยเฉพาะภายในมีทีวี LCD 60 นิ้วตั้งอยูก่ ลางห้อง กิจวัตรประจําวันฮงจะ ตื่นนอนมานัง่ ในห้องนี้ต้ งั แต่ 9 โมงเช้าแล้วอ่านข้อมูลทุกอย่างเริ่ มตั้งแต่บทวิเคราะห์ หนังสื อพิมพ์ เข้าเว็บบอร์ด Thaivi.org เหตุที่ซ้ือขายผ่านอินเทอร์เน็ตเพราะเสี ยค่าคอมมิชชัน่ เพียง 0.1% ถ้า โทรศัพท์สั่งผ่านมาร์เก็ตติ้งต้องจ่าย 0.15% (รายย่อยต้องจ่าย 0.25%) “โดยปกติผมจะปรับพอร์ตลงทุนทุกไตรมาส (3 เดือน) เพราะสถานการณ์มกั มีการเปลี่ยนแปลง ทุก ครั้งที่งบการเงินประจําไตรมาสออก ผมจะนําข้อมูลที่ผบู ้ ริ หารบอกผ่านสื่ อกับบทวิเคราะห์ของโบ รกเกอร์มานัง่ คํานวณตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสถัดไป” อีกหนึ่งปั จจัยความสําเร็จฮงจะ “เล่นหุน้ เป็ นกลุ่ม” ประมาณ 7-8 คน เทคนิคการเล่นจะคล้ายๆ กัน พวกเขานัดเจอกันที่ “สโมสรทหารบก” ทุกๆ 2 สัปดาห์ ไม่วนั เสาร์กว็ นั อาทิตย์ เว้นว่าช่วงไหน ตลาดหุน้ ดีๆ ก็จะเจอกันสัปดาห์ละครั้ง กิจกรรมที่ทาํ จะเช่าห้องฉายโปรเจ็คเตอร์เพื่อแชร์ขอ้ มูลกัน คนไหนถนัดดูกราฟก็จะมาบอกว่าเส้นกราฟเทคนิคหุน้ ตัวไหนสวย ใครถนัดพื้นฐานก็จะนําข้อมูล มาเล่าสู่ กนั ฟัง ส่ วนการซื้อขายแต่ละคนจะตัดสิ นใจเอาเองไม่ค่อยบอกกัน ถ้ามีหุน้ ตัวไหนเข้าตาฮงชอบสัง่ ซื้อหุน้ วันจันทร์ ซื้อเสร็จไม่เคยกําหนดว่าต้องถือยาวหรื อสั้น ทุกอย่างขึ้นอยูก่ บั สถานการณ์จะเป็ นตัวบอก แต่เขาจะเตือนตัวเองเสมอว่า “เล่นหุน้ ต้องเล่นแบบ “ไร้ใจ” ถ้าใช้อารมณ์เล่นหุน้ (รัก-โลภ-โกรธหลง) มีโอกาสขาดทุนสู ง ผมจะพยายามคิดเสมอว่าหุน้ ตัวนี้ไม่ใช่ญาติเรา ไม่รัก ไม่เกลียด” ในยามที่ตลาดหุน้ ไม่น่าไว้วางใจฮงจะเล่นหุน้ ด้วยบัญชีเงินสด ปัจจุบนั ซื้อขายประจําอยูท่ ี่ บล.เคทีซี มิโก้ ตามมาร์เก็ตติ้งคู่ใจย้ายมาจาก บล.พัฒนสิ น ล่าสุ ดในพอร์ตมีหุน้ อยู่ 3 ตัว ได้แก่ BCP ต้นทุน 21 บาท มองว่าหุน้ บางจากราคายังตํ่ากว่า ปัจจัยพื้นฐานมาก ถ้าผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาสวยเหมือนไตรมาสแรก ก็อาจปรับราคา เป้ าหมายขึ้นไปอีก บางจากถือเป็ นหุน้ โรงกลัน่ ตัวเดียวที่มีค่า P/BV ตํ่าที่สุด


อีกตัวที่ลงทุนอยูค่ ือหุน้ HEMRAJ ซื้อมาได้เดือนกว่าๆ แล้ว ต้นทุนแถว 2.10 บาท ชอบเพราะปี 2555 จะมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้ าทําให้บริ ษทั มีความมัน่ คงมากขึ้น และหลังเกิดสึ นามิทาํ ให้ญี่ปุ่น ต้องย้ายฐานการผลิตมาเมืองไทย เหมราชก็จะได้ประโยชน์ ตัวสุ ดท้ายที่ลงทุนคือหุน้ CENTEL ตัวนี้ตน้ ทุน 7.30 บาท เก็บเพราะเห็นว่าผลประกอบการในไตร มาส 1 ปี นี้พลิกจากปี 2553 ขาดทุน 51 ล้านบาท มาเป็ นกําไรสุ ทธิ 400 ล้านบาท ถือเป็ นการทํานิวไฮ ในรอบ 5 ปี เพราะธุรกิจอาหารเติบโตมากขึ้น ธุรกิจโรงแรมก็ยงั ขยายตัวได้ดีอตั ราการเข้าพักเพิ่ม จาก 50-60% เป็ น 70% นอกจากหุน้ ทั้ง 3 ตัวนี้แล้ว หุน้ ตัวอื่นๆ ฮงบอกว่า ตอบตรงๆ ตอนนี้ยงั หาตัวที่ถูกใจไม่เจอเลย วันนี้ ยอมรับว่าสนใจลงทุนหุน้ ต่างประเทศ แต่ยงั “เล่นยาก” เคยถามคนที่ลงทุน “หุน้ จีน” เขาบอกว่า “น่า กลัวมาก” บริ ษทั จีนมีการลงบัญชีไม่ค่อยโปร่ งใสถ้าสุ่ มสี่ สุ่มห้ามีหวังขาดทุน ถ้ามีประสบการณ์แล้ว เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้ง ถามว่าเคยคิดอยากเป็ นเจ้าของบริ ษทั จดทะเบียนหรื อไม่ เด็กหนุ่ม ตอบว่า แม้การซื้อหุน้ คือ “การซื้อ ธุรกิจ” แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากเข้ามาบริ หาร “ผมไม่คิดที่จะ “ผูกพัน” กับหุน้ ตัวไหน แค่ ต้องการเข้ามา “เสพสุ ข” (จากกําไร) เท่านั้น ได้ตามเป้ าหมายแล้วก็จะไป” ฮงเล่าว่า ตลาดหุน้ สมัยนี้คนอายุ 22-23 ปี ขึ้นไป เข้ามาเล่นหุน้ กันค่อนข้างมาก จบปริ ญญาโทมาเล่น หุน้ ก็มีเยอะ ส่ วนตัวอยากแนะนํา “มือใหม่ที่เพิ่งหัดคลาน” ว่า ควรเริ่ มลงทุนด้วยเงิน “ก้อนเล็กๆ” ก่อนสัก 100,000 บาท หากยังไม่รู้เรื่ องอะไรเลย แล้วหุน้ ที่ใช้ “ฝึ กมือ” ควรเป็ นพวกหุน้ “โรงไฟฟ้ าค้าปลีก” เพราะธุรกิจเข้าใจง่าย ราคาหุน้ ไม่ผนั ผวนมาก เมื่อมีประสบการณ์แล้วก็ค่อยขยับมาเล่นหุน้ ยากๆ อย่างกลุ่มสิ นค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งหุน้ พวกนี้ถา้ จับจังหวะถูกจะได้กาํ ไรเยอะ (รวยเร็ว) “หุน้ กลุ่มสิ นค้าโภคภัณฑ์ ผมจะถนัดกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทแผ่นฟิ ล์ม สิ นค้าเกษตร กลุ่มอื่นๆ ยอมรับว่ายังไม่ค่อยชํานาญ”


ฮงยํ้าว่า ข้อผิดพลาดของนักลงทุนจํานวนมากชอบซื้ อหุน้ ตามคําแนะนําของเพือ่ น หรื อซื้อตามโบ รกเกอร์โดยที่คุณไม่รู้ขอ้ มูลอะไรเลย เท่าที่พบ 90% จะขาดทุน คนที่จะทํากําไรจากตลาดหุน้ (ยุคนี้) ต้องศึกษาหาความรู ้ รู ้ทุกซอกทุกมุมของหุน้ “ผมโชคดีที่เล่นหุน้ ตั้งแต่เรี ยนปี 1 ม.กรุ งเทพ กว่าจะจับจุดได้ (รู ้ความลับตลาดหุน้ ) ใช้เวลานาน 2-3 ปี ผมจะยึดอาชีพนักลงทุนเลี้ยงตัวเองไปเรื่ อยๆ ตั้งแต่เรี ยนจบก็ไม่เคยไปทํางานบริ ษทั ทุกวันนี้ผมมี เงินทําอะไรได้หลายๆ อย่าง อย่างที่เพื่อนๆ ไม่มี” เซียนหุน้ วัยเบญจเพส กล่าวทิง้ ท้าย

ขั้นตอนการพัฒนาตน 1.ผมซื้อหนังสื อเกี่ยวกับหุ น้ ทุกเล่มที่มีอยูท่ ี่ se-edมาอ่านตอนแรกๆอ่านก็รู้สึกว่าทําไมทุกคนดูเทพ แต่อ่านไปจนถึงจุดนึงก็รู้สึกว่าบางคนแม่ม เขียนมัว่ ฉิบหายไม่มีหลักการเอี้ยอะไรเลยกูซ้ือมาอ่าน ทําไมว่ะ 2.ก็ไปเป็ นสมาชิกห้องสมุดมารวยแล้วก็ไปยืมหนังสื อต่างประเทศที่มารวยมาอ่าน จําได้วา่ ตอนนั้น ยืมมาอ่านเยอะมาก จนถึงจุดนึงก็อิ่มตัวว่าไม่รุ้จะอ่านอะไรมากมายนักหนา 3.ผมก็เริ่ มหันมาศึกษาพื้นฐานหุน้ รายตัวและลองคิดประเด็นต่างๆออกมา และเมื่อยิง่ ศึกษาก็ยงิ่ เกิด คําถามทําให้ผมไปโพสถามในเว็บกระทิงเขียว ซึ่งเป็ นที่มาของคุณ ihภาคต่างๆถึงกว่า 300 คําถาม ผมค้นพบว่าหลังจากที่เราอ่านหนังสื อเข้าไปเยอะๆแล้วเราก็ตอ้ งมาลงสนามจริ งและเมื่อลงสนาม จริ งแล้วเรายังไม่เชี่ยวชาญเราก็จาํ เป็ นต้องถามผูเ้ ชี่ยวชาญ ระหว่างที่ถามไปเรื่ อยๆ ผมเองก็เริ่ มตก ผลึกทางการลงทุนมากขึ้น 4.เมื่อถามจนเริ่ มอิ่มตัวสิ่ งที่ผมทําต่อมาคือ ผมก็เริ่ มเรี ยนรู ้จากการทําวิจยั ของตัวเอง อย่างเรื่ องหุน้ สิ บเด้งที่ผมเคยเปิ ดสอนก็คล้ายๆกับการนํางานวิจยั ของผมเองมาให้คนได้เปิ ดหูเปิ ดตา ตอนผมทํา


ต้องยอมรับว่าหาข้อมูลยากมาก ว่าแต่ละเดือนข้อมูลเป็ นไง ณ จุดที่เห็นงบรายไตรมาสนั้นๆหุน้ ตัว นั้นน่าลงทุนหรื อยัง เรี ยกว่าผมอาบเหงื่อต่างนํ้าทีเดียวกว่าจะทํางานวิจยั ของตัวเองออกมาได้ซกั ชิ้น ระหว่างที่ทาํ ผมเคยรู ้สึกว่าเรากําลังหลงทางหรื อไม่ 5.ดังนั้นการออกไปตัดไม้จึงต้องทําคู่กบั การลับขวานให้คมตลอดเวลา การนัง่ ศึกษา case study ใน อดีตเพื่อเข้าใจหลักการเลือกหุน้ ในอนาคตก็เปรี ยบเหมือนการลับขวาน อย่างในตอนนี้ผมเองก็กาํ ลัง ทํา project อันใหม่อยู่ ทําไปด้วยดูหุน้ ไปด้วย ต้องยอมรับว่าเดี่ยวนี้เวลาค่อนข้างน้อยไม่ค่อยได้เล่น ทวิตและไม่ได้เล่นเว็บบอร์เท่าไหร่ ถ้าพอมีเวลาก็จะมาเขียนบล็อกบ้าง 6.สรุ ปคือ ผมคิดว่าถ้าใครเป็ นมือใหม่ในตลาดหุน้ สิ่ งที่คุณควรทําช่วงแรกๆคือ ไม่ตอ้ งคิดเรื่ องหา หุน้ เลย ให้คิดเรื่ องศึกษาหาความรู ้อย่างเดียว เปรี ยบเหมือนตอนนั้นขวานของคุณยังทื่อมากๆเรี ยกว่า ไม่มีทางตัดไม้ได้เลย คุณต้องนัง่ ลับขวานของตัวเอง คุณอย่าไปเชื่อถ้ามีคนมาบอกว่า ขวานทื่อของ คุณก็ตดั ไม้ได้ ลองไปที่ป่า xxx สิ แบบนี้กเ็ หมือนกับการไปยืมจมูกคนอื่นหายใจซึ่งไม่มีใครยอมให้ คุณยืมจมูกเขาหายใจหรอก ก็เหมือนผมตอนพอร์ต 1 แสนเป็ นเด็กปี หนึ่ง ไปที่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ ไปที่ไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ เมื่อคุณอ่านหนังสื อเยอะมากพอแล้ว คุณก็เดินทางไปอบรมสัมนาต่างๆ แล้วก็ค่อยหาผูร้ ู ้ผเู ้ ชี่ยวชาญถามแล้วก็ค่อยทําวิจยั เป็ นของตัวเอง

มอง -ผมบอกให้กไ็ ด้ครับว่าผมมองว่าตลาดตรงนี้ risk ไม่คุม้ กับ reward การพูดแบบนี้สามารถทําได้ แต่ การบอกว่าเซทจะไปเท่าไหร่ เป็ นเรื่ องเป็ นไปไม่ได้ เรามาขยายความกันว่าทําไมการบอกว่าเซทจะ ไปเท่าไหร่ เป็ นไปไม่ได้ -นักลงทุนที่น้ ีรวยขึ้นมหาศาลจากตลาดในปี 2009-2010 และล้างพอร์ตไปแถว 1100 ด้วย หลายคน อาจคิดว่าคนที่ทาํ แบบนี้ได้คงจะรู ้วา่ set จะเป็ นไง เปล่าเลย เขาเพียงแต่บอกกับผมว่า ดัชนีแถว 1100 เขามองไม่เห็นปัจจัยว่า set จะขึ้นไปได้เยอะๆได้อย่างไร


-ดัชนีแถว 1100 เขามองไม่เห็นปัจจัยว่า set จะขึ้นไปได้เยอะๆได้อย่างไร แต่กลับกันถ้า set จะลง เยอะๆ ยังมีโอกาสมากกว่า ด้วยความคิดแบบนี้เขาจึงตัวเบา ไร้หุน้ ในพอร์ตตอนดัชนีอยูแ่ ถว 1100 -ถ้ามองในด้าน techinicalก็ตอ้ งบอกว่ากราฟ set ตอนนี้ “เละเป็ นโจ๊ก” แน่นอนว่าคนที่เล่นเทคนิคระยะกลางออกจากตลาดเป็ นส่ วนใหญ่แล้ว เพราะกราฟมันบอกให้ออก -เราซ์้อก็เพราะเราคิดว่ามีโอกาสได้มากกว่าเสี ย (ใครซื้อหุน้ โดยที่คิดว่ามีโอกาสเสี ยมากกว่าได้กค็ ง ปญอ ไปหน่อยแล้ว) -วีไอระดับตํานานบอกว่าเราอย่าเป็ นนายตลาดซะเอง และบอกให้เราหาโอกาสจากนายตลาดที่อารมณ์ไม่ดี ***สามารถที่จะบอกได้ไหมว่า หุน้ ที่จะขึ้นอย่างน้อย 100% ต้องมีคุณสมบัติอะไร หุน้ ที่จะขึ้นได้ 1000% ต้องมีลกั ษณะของงบการเงิน ภาวะอุตสาหกรรมอย่างไร ถ้าคุณยังไม่สามารถ บอกเรื่ องพวกนี้ได้ ฝึ กแกะงบกันดีกว่ า (เฉลยแล้ว) พฤศจิกายน 2, 2011 ที่ 20:56 · Filed underUncategorized ผมจะนํางบของหุน้ ตัวนึงเมื่อประมาณ 5 ปี ก่อนมาให้ดูและให้ดูวา่ เห็นอะไรกัน นี้ไม่ได้เป็ นการชี้นาํ ทางการลงทุนนะครับ เลยนํางบเมื่อ 5 ปี ก่อนมาให้ดู และปิ ดชื่อหุน้ เอาไว้ คําถามของผมคือ คุณเห็นงบนี้แล้วคุณคิดว่าหุน้ น่าลงทุนไหม อันนี้เป็ นงบกําไรขาดทุนของงวด q3/50


ข้อมูลเพิ่มให้หลังจากที่มีคนวิเคราะห์ไปบางส่ วน


บริ ษทั มี market cap อยูท่ ี่ 777 ล้านบาท ถ้าใครลองตั้งใจดูและตอบดีๆ คุณจะได้ประโยชน์เอง ส่ วนคนที่อ่านผ่านๆแล้วไม่คิดจะลองคิด อะไร รอคนอื่นมาตอบแล้วค่อยเข้ามาอ่าน คุณก็จะไม่ได้ฝึกฝนตัวเอง คุณเลือกได้


เฉลย ผมขอนําราคาหุน้ ของหุน้ ตัวนี้มาให้ดูกนั

รายละเอียดการวิเคราะห์อยูด่ า้ นในกระทู ้ Like this:

1. ขอลองมัว่ นะครับ ผมมองเฉพาะมุม Profit&Lossนะครับ ไม่ได้มองมุม Book Value เพราะ ข้อมูลไม่พอ 1. บริ ษทั แม่ดีข้ ึนอย่างชัดเจน รายได้เพิ่ม GPM เพิ่ม SG&A ก็ลดนิดๆ ดอกเบี้ยก็ลด ถ้าไม่นบั ขาดทุนจากบริ ษทั ร่ วม บริ ษทั แม่จะกําไรทันที แถมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก เนื่องจาก สัดส่ วนของ Fixcostค่อนข้างน้อย แค่ประมาณ10% ของรายได้ ((133+40)/1,543) ทําให้การ ทุ่มพัฒนาเพิ่ม GPM (เช่น ผลิตภัณฑ์เดิม ลดต้นทุน หรื อ เปลี่ยนสัดส่ วนผลิตภัณฑ์ที่ GP สู ง กว่า) จะคุม้ ค่ามากๆ กว่าการลด Fixcostหรื อแม้แต่การเพิ่มรายได้ ซึ่งบริ ษทั นี้มาถูกทางมากๆ 2. จากงบ เดาได้วา่ น่าจะมีบริ ษทั ร่ วมแค่ 1 บริ ษทั (ไม่น่าจะมีบริ ษทั ร่ วมมากกว่า 1 บริ ษทั เพราะถ้ามากกว่า 1 บริ ษทั น่าจะมีเลขหมายเหตุมาอธิบาย) – ถ้าบริ ษทั แม่มีบริ ษทั ร่ วมแค่ 1 บริ ษทั บริ ษทั ร่ วมนี้เน่ามากใน Q3 นี้ เพราะปี ก่อนกําไร แต่แค่ Q3 ปี นี้ Q เดียวยังขาดทุนมหาศาล เมื่อเทียบกับ MktCapของแม่ (777ล้าน)


ตัวแปรที่สาํ คัญในการลงทุนจะอยูท่ ี่เงินลงทุนในบริ ษทั ร่ วมนี้ที่บุ๊คเป็ น Asset ในงบเดี่ยวของ บริ ษทั แม่ ว่ามีอยูเ่ ป็ นจํานวนเท่าไหร่ หลังจากด้อยค่าไป 590 ล้านแล้ว ยังเหลืออีกเยอะมัย๊ ++ (ถ้าเหลือ < 777 ล้าน มากๆ) อันนี้น่าสนมาก เพราะบริ ษทั ร่ วม(ลูก)เป็ นบริ ษทั "จํากัด" บริ ษทั แม่ไม่ตอ้ งรับผิดชอบมากกว่าเงินที่ได้ลงทุนไปแล้ว แต่กค็ งต้องดูความตั้งใจของ ผูบ้ ริ หารด้วย ว่าตั้งใจจะขาย ตั้งใจจะหยุดกิจการ หรื อต้องการจะลงทุนเพิ่มเพื่อฟื้ นคืนชีพ บริ ษทั ร่ วมนี้ *** ผมว่าหากผบห.สนใจที่จะลงทุนเพิ่ม ต้องมีเหตุผลที่ฟังดูดีมากๆๆๆๆ ผมถึงจะสนใจ ไม่อย่างนั้นจะเป็ นการเอาเงินไปเสี่ ยงเสี ยเปล่าๆ *** หากผบห. สนใจขาย หรื อหยุดกิจการ ก็ลองดูว่า คิดง่ายๆ กําไร Q ละ 110 ล้าน 4Q ได้ 440 ล้าน แต่ MktCap777 ล้าน คิดลวกๆ PE 1.77 !!!!! น่าสนมัย๊ ครับ ++ (ถ้าเหลือเยอะ) ให้ระวังให้ดี โดยเราต้องดูวา่ เราจะสามารถกูบ้ ริ ษทั ร่ วม(ลูก)นี้ข้ ึนมา ได้มยั๊ เพราะในอนาคตมีโอกาสที่ส่วนที่เหลือนี้จะมาติดลบเป็ นการด้อยค่าในอนาคตได้ ซึ่ง ส่ วนใหญ่การจะกูช้ ีพก็มกั จะต้องใส่ เงินเพิ่มเสี ยด้วย ที่จริ งก็มีตวั ช่วยนิดนึง คือหากว่าบริ ษทั ร่ วมนี้เป็ นบริ ษทั "จํากัด (มหาชน)" ละก็ เราจะเห็น MktCapของบริ ษทั ร่ วมนี้ในตลาด เพื่อ ช่วยในการพิจารณาได้มากๆครับ – ถ้ามีบริ ษทั ร่ วมมากกว่า 1 บริ ษทั บริ ษทั ร่ วมที่ขาดทุน จะยิง่ แย่เข้าไปอีก เพราะแม้จะมีกาํ ไรจากบริ ษทั ร่ วมอื่นๆมาช่วยแล้ว ยัง ขาดทุนตั้ง Q ละ 245 ล้าน ไม่อยากคิดว่าถ้าคิดทั้งปี จะเป็ นเท่าไหร่ ————————————————————ไม่รู้ถูกหรื อเปล่า เพราะผมก็เดาตามข้อมูลที่มีให้ครับ ที่จริ ง Story นี้คล้ายๆบริ ษทั นึงใน ตลาดตอนนี้มากๆครับ ที่หากไม่คิดขาดทุนจากบริ ษทั ลูกจะกําไร เพราะบริ ษทั ลูกแห่งนึ งขาดทุนมากๆๆๆๆเหลือเกิน แต่เงินลงทุนของบริ ษทั นี้ที่บุ๊คใน Asset ของบริ ษทั แม่กลับมี แค่ติ๊ดเดียวเอง :) ตอบกลับ 2.


hongvaluesaid พฤศจิกายน 2, 2011 @23:40 กรี๊ ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มีคนตอบแบบว่า โคตรใช่เลย โคตรตรงประเด็น 1. ผมว่าข้อมูลยิง่ เยอะ มันยิง่ ยากกว่าข้อมูลน้อยเยอะเลยครับ :) ผมก็ไม่ค่อยแม่นบัญชีมากนัก อาจจะผิดได้ แต่ขอลองมัว่ ต่อตามนี้ครับ บรรทัดที่ดูคร่ าวๆแล้วน่าสนใจในงบดุลมี 2 บรรทัด 1. อาคารสําเร็จรู ป – สุ ทธิ – ยอด 453 ล้าน ในสองคอลัมน์ซา้ ย (งบดุลรวม) แต่เป็ น 0 ในสองคอลัมน์ขวา (งบดุลเดี่ยว) แสดงว่าอาคารเป็ นสิ นทรัพย์ในบริ ษทั “ย่อย” หรื อ “ร่ วม” ที่เป็ นลูกของบริ ษทั นี้ และตั้งแต่ ต้นปี ของปี ปัจจุบนั มายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง …. บอกให้รู้วา่ มีบริ ษทั ย่อยด้วย ที่จริ งถ้า สังเกตุดีๆจะเห็นว่ายอดของ งบดุลรวม กับ งบดุลเดี่ยว ต่างกันนิดหน่อย ก็เดาได้แล้วว่ามี บริ ษทั ย่อย 2. เงินลงทุนในบริ ษทั ”ย่อย”และบริ ษทั ”ร่ วม” – สุ ทธิ – สองคอลัมน์ขวา เป็ นเงินลงทุน”จริ ง”ที่ลงไปในบริ ษทั ”ร่ วม”และ”ย่อย” (เป็ นเงินที่บริ ษทั แม่ใช้จริ งในการได้มาของบริ ษทั นั้นและมาหักด้วยการด้อยค่าต่างๆ) จะเห็นว่าลดลงมาเยอะ มากจากตอนสิ้ นปี จาก 1,960 ล้าน เหลือ 440 ล้าน แต่ถา้ ลองมาชนตัวเลขกับการตัดด้อยค่า Q3 แค่ 590 ล้าน แสดงว่าคงมีการตัดการด้อยค่าใน Q1, Q2 มาบ้างแล้ว รวมประมาณ 930 ล้านบาท สรุ ปคือ ยังคงมีบริ ษทั ลูกที่เป็ นบริ ษทั ร่ วมและย่อยเหลืออยู่ 440 ล้านบาท ซึ่งยัง บอกอะไรไม่ได้มาก ลองมาหาข้อมูลเพิ่มต่อไปครับ – สองคอลัมน์ซา้ ย เป็ นเงินลงทุนเฉพาะบริ ษทั ร่ วม (ตัวเลขของบริ ษทั ย่อยจะกระจายไปตาม บรรทัดต่างๆในงบดุลแล้ว ทําให้เลขที่เหลือเป็ นแค่ตวั เลขของบริ ษทั ร่ วมเท่านั้น) แต่ตวั เลข ในคอลัมน์น้ ียงั มีที่ต่างจากสองคอลัมน์ทางขวาอีกข้อคือ ตัวเลขนี้เป็ นตัวเลขเงินลงทุนจริ ง ตอนเริ่ มต้นที่นาํ มารวมกับกําไร(ขาดทุน)สะสมที่แบ่งมาตามสัดส่ วนที่แม่ถือเอาไว้ (รู ้สึกว่า ยิง่ อธิบายจะยิง่ งง เอาเป็ นว่าฝั่งซ้ายกับฝั่งขวามันไม่เหมือนกันก็แล้วกันครับ ^_^”) จุดสังเกตุ


ที่จะเห็นได้ชดั มาก คือเลขของงบดุลรวม Q3 เป็ น 0 ครับ แสดงว่าปัจจุบนั ไม่เหลือมูลค่าเงิน ลงทุน”สุ ทธิ”ของบริ ษทั ”ร่ วม”ใน Asset ของบริ ษทั แม่แล้ว (สรุ ปตัวเลข 440 ล้านทางขวา เป็ นของบริ ษทั ”ย่อย”ล้วนๆ) จุดนี้เป็ นจุดสําคัญในการตัดสิ นใจ เพราะในอนาคตจะไม่มีการ ตัดด้อยค่าของบริ ษทั ร่ วมที่มีปัญหาตัวนี้อีกแล้ว การตัดด้อยค่าหมดแบบนี้เดาได้วา่ ผบห.จะ หยุดดําเนินงานบริ ษทั ร่ วมแห่งนี้แน่ๆ ที่จริ งดูจากการที่ไม่มีรายได้และมีแต่รายจ่ายก็พอจะ เดาได้บา้ งแล้ว ——————————————————— รายละเอียดอื่นๆจากงบ PBV ไม่ตอ้ งพูดถึง ตํ่าสุ ดๆ แค่ประมาณ 0.5 เท่านั้นเอง และ Book Value (BV) นี้กเ็ ป็ น BV สุ ทธิแล้วด้วย ไม่เหมือนกับกรณี ที่กาํ ลังจะขายบริ ษทั ลูกออกไป ที่ BV อาจจะลดได้ใน อนาคตหลังการขาย ซึ่งจะทําให้ PBV สู งขึ้นโดยอัตโนมัติครับ ROE, ROA ในอนาคต คงเพิ่มขึ้น เพราะใน Q3 เกิดการตัดด้อยค่า ทําให้ R ลด และ E กับ A ก็จะลดไปด้วยในทางอ้อมจากกําไรขาดทุนสะสม ซึ่ง E กับ A จะคงเดิม ในอนาคต แต่ Revenue จะไม่มีอะไรมาถ่วงอีกแล้ว D/E ประมาณ 3 เท่า แต่ถา้ เอาเจ้าหนี้การค้าออก ก็เหลือประมาณ 2 เท่า ….ค่อนข้างสู งทีเดียว แต่กต็ อ้ งดูวา่ ทําธุรกิจอะไร ถ้าเป็ นธุรกิจที่รายได้มนั่ คงมาก ก็น่าจะยังโอเค Cash Flow คงต้องดูดว้ ยว่ามีกระแสเงินสดพอหรื อปล่าว เพราะมีหนี้เบิกเกินบัญชีและหนี้ที่ จะชําระใน 1 ปี ค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับเงินสดที่มีกบั เงินสดจากรายได้ การตีค่าส่ วนเกินทุนเครื่ องจักรมันเยอะเหลือเกิน 1,300 ล้าน จากสิ นทรัพย์รวม 5,200 ล้าน คงต้องไปดูรายละเอียดอีกทีวา่ เป็ นเพราะอะไร ———————————————————สรุ ปถ้าดูจากรายได้ที่กาํ ลังจะไม่มีตวั ถ่วงในอนาคตแล้ว “น่าสนใจมากครับ” แต่กต็ อ้ งลองดู ความเสี่ ยงจากปั จจัยอื่นๆตามข้างบนให้ดีครับ ———————————————————ที่เขียนตอบมานี้ ยอมรับว่ามัว่ มากครับ :) ถ้าผิดฝากชี้แนะด้วยนะครับ


แนวคิด JESSE LIVER MORE 1. 1. จงรอการ confirm ของตลาดก่อนตัดสิ นใจ การรอให้ตลาดเลือกข้างอย่างที่คุณคิดแล้วคุณค่อย ลงมือ การทําแบบนี้จะเป็ นการลดความเสี่ ยงของนักเทรดหุน้ ได้ เช่นคุณคิดว่า XX เป็ นหุน้ ที่ดี คุณ คิดว่า XX ควรจะมีราคาหุน้ ละ 60 บาท ในขณะที่ตอนนั้น XX มีราคาหุน้ ละ 40 บาท ถ้าคุณซื้อ XX ไปที่ 40 บาทและรอให้หุน้ ขึ้นไปที่ 60 บาท แบบนี้คือการที่คุณไม่รอให้ตลาด confirm ว่า XX เป็ นหุน้ ที่น่าสนใจ EX สิ่ งที่คุณทําคือรอให้หุน้ มีการแสดงออกมาก่อนว่ามีคนต้องการมัน และถ้าสุ ดท้ายหุน้ ไปถึงราคา 60 บาทจริ ง การที่คุณซื้อแพงขึ้น 4 บาท จาก 40 เป็ น 44 แต่คุณถือหุน้ สั้นกว่าเพราะแบบแรกคุณซื้อไป ก็ยงั ไม่มีใครในตลาดเล่นกันเลย กว่าเขาจะมาเล่นกันคุณต้องรอตั้งหลายเดือนมากๆ 2.เมื่อคุณเจอสัญญาณร้าย อย่าเถียง อย่าถาม ให้หนี ถ้าทุกอย่างโอเคค่อยกลับมาซื้อใหม่กย็ งั ได้ เปรี ยบเหมือนถ้าคุณเดินอยูบ่ นรางรถไฟ แล้วคุณเห็นลางๆว่าเหมือนกับมีรถไฟกําลังพุ่งมา สิ่ งที่คุณ ควรทําคืออะไร ระหว่างการกระโดดหนีออกจากรางทันที 3.1. .ในแง่ของราคาหุน้ แล้ว หลายคนเวลาหุน้ ลงจะเกิดอาการหวัน่ ใจ take profit ธรรมดา EX


แต่เราควรดูวา่ หุน้ ลงด้วยอาการแบบไหน ถ้าวันก่อนหน้าหุน้ ตัวนี้ข้ ึนมาประมาณ 10% แล้ววันนั้น หุน้ ตัวนี้ราคาย่อลงมา 2 – 3 % แบบนี้กค็ งไม่ใช่เรื่ องแปลกอะไร เพราะการที่หุน้ ขึ้นมาวันเดียวแรงๆ ก็มีโอกาสสู งที่วนั ต่อมาหุ น้ จะย่อลงมา เพราะการขึ้นวันเดียว 10% ถือว่าค่อนข้างเยอะพอควร ลง แบบนี้ไม่น่ากลัว เพราะเป็ นลักษณะของการ take profit ธรรมดา

การปรับฐานธรรมดา ถ้าคุณถือหุน้ อยูแ่ ล้วหุน้ ขึ้นแรงๆ พออีกวันหนึ่งหุน้ ลงเล็กน้อย ถ้าคุณกลัวกับเรื่ องแค่น้ ี คุณจะรวย หุน้ ยากมาก เนื่องจากหุน้ ที่จะขึ้นหลายๆเท่าตัวนั้น ระหว่างขึ้นจะต้องมีการปรับฐานตลอด ถ้าคุณ แยกไม่ออกว่าอาการแบบไหนเป็ น=การปรับฐานธรรมดา แบบไหนถือไม่ใช่ปรับฐาน (หุน้ ขาลง) คุณก็จะมีปัญหาใหญ่มากกับการเล่นหุน้ ทีเดียว การปรับฐานจริ งๆ การลงที่น่ากลัว การปรับฐานจริ งๆ=จะเป็ นการลงแบบอยูๆ่ หุน้ ลงแรงมากอาจจะ 8 – 10 % และมีวอ ลุ่มด้วย และอีกวันหุน้ อาจจะเปิ ดบวกมาประมาณ 2 – 3 % แต่ตอนปิ ดกลายเป็ น 0 % (ไม่บวกไม่ลบ) อาการแบบนี้ค่อนข้างน่าหวัน่ พอสมควร เนื่องจากการที่หุน้ ลงแรงระดับ 8 – 10 % แบบมี volume แสดงว่ามีคน bid หุน้ ไว้ แต่คนที่ขายหุน้ ลงมาเอาหุ น้ มาขายเยอะมากทีเดียว และยังขายแบบน่ากลัว ด้วย เพราะอยูๆ่ ทําไมต้องขายหนักขนาดนี้ 5.ท่านบอกว่าจะเล่นหุน้ ให้รวยต้องมีหุน้ ในดวงใจ ใครไม่มีหุน้ ในดวงใจรวยยาก ผมคิดว่าสิ่ งที่เซียน หุน้ ท่านนี้พดู จริ งๆแล้วก็เหมือนกับที่ JESSE LIVER MORE บอก จากประสบการณ์ส่วนตัวของ ผม หลายคนที่รวยหุน้ ขึ้นมาจะมีหุน้ ที่สร้างเนื้อสร้างตัวให้กบั เขาไม่กี่ตวั ทั้งๆที่ท้ งั ชีวติ เขาเหล่านั้น เคยเล่นหุน้ ไม่รู้กี่ตวั


6.“จงอย่าใช้เวลาไปกับการคาดการณ์วา่ หุน้ จะเป็ นยังไง แต่จงคิดว่าถ้าหุน้ ไปทางไหนคุณจะทํา อะไร” และอีกคําพูดหนึ่งคือ “เมื่อคุณค้นพบทางของตัวเอง เล่นบนวิธีของตัวเอง อดทน และเฝ้ า มองสัญญาณอันตราย เมื่อนั้นคุณจะพัฒนาความสามารถในการเทรดของตัวคุณเอง” 7.“หากว่านักเล่นหุน้ คนใด ไม่สามารถที่จะลบความรู ้สึกกระเทือนใจจากการสู ญเสี ยกําไรบางส่ วน กลับไปสู่ ตลาดแล้วล่ะก็ เขาก็ไม่สามารถเรี ยกว่านักเล่นหุน้ ที่ดีได้ – Mark Douglas”

จุดจบของรอบ ขายเมื่อ rebound แต่ไม่มี new high ถ้าให้พดู ให้เห็นภาพ ก็คือ Ex สมมุติหุน้ ตัวหนึ่งอยูร่ าคา 100 บาท ขึ้นไป 120 บาท และร่ วงลงมา 114 และอีกไม่นานหุน้ ก็ข้ ึนเลย 120 บาท =อันนี้คือพฤติกรรมหุน้ ขาขึ้นเพราะขึ้นแรง ย่อไม่นานมี new high แล้วหุน้ ก็ทาํ รู ปแบบนี้ต่อไปเรื่ อยๆ จนกระทัง่ ถึงราคา 250 บาท พอถึง 250 บาท หุน้ ร่ วงลงมา 230 แล้วหุน้ ขึ้นกลับไปแค่ 242 บาท แล้วลงมาหลุด 230 บาท แบบนี้คือตอนหุน้ ลงไป 230 แล้วเด้งกลับขึ้นมา 242 หุน้ ไม่สามารถทํา new high ได้ดว้ ยการทะลุ 250 แต่หุน้ ลงมา หลุด 230 แบบนี้ค่อนข้างชัดว่าหุน้ ตัวนี้ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการเทรดไปแล้ว **ถ้านักลงทุนทุ่มสมาธิไปที่ตลาดหุน้ แทนที่จะเป็ นเรื่ องเงินในพอร์ตตัวเอง นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะทําผลงานได้ดีกว่า


ให้ความสําคัญกับหุน้ รายตัวดีกว่า ภาพใหญ่ของตลาด พี่โจ ตอบกลับมาว่า ถ้าเราตามข่าวเศรษฐกิจมากๆก็จะรู ้ได้วา่ เศรษฐกิจจะดี กลางๆ หรื อ ไม่ดี ซึ่งเราไม่ตอ้ งถึงขนาดไล่ล่า ตัวเลขเศรษฐกิจเพราะ buffet กับ lynch ก็ให้ เวลากับการติดตามตัวเลขเศรษฐกิจน้ อยมากๆ ผม เองได้นาํ ความเห็นของพีโ่ จมาใช้ในการลงทุนผมเอาเวลาไปดูหุน้ ที่น่าสนใจผมก็เจอหุน้ ที่ undervalue เรื่ อยๆ แต่ถา้ ตลาดแพงผมก็เจอหุน้ undervalue น้อย หรื อถ้าเจอก็ตอ้ งรอให้หุน้ ตัวนั้นลง อีกหน่อยเพื่อเพิ่ม margin of safety ให้มากขึ้นแล้วค่อยลงทุน แต่ถา้ ตลาดถูกมากๆผมจะเจอหุน้ undervalue เยอะมากจนตาลายไม่รู้จะเลือกตัวไหนดี จริ งๆแล้ว ทุกๆปี จะมีหุน้ เทพที่ข้ ึนมากกว่า 150-200% ตลอด(ยกเว้นปี วิกฤติเศรษฐกิจซึ่ งตามสถิติจะมี 10 ปี ครั้ง) ดังนั้นถ้าเราเจอหุน้ ที่ undervalue หรื อเป็ นหุ น้ เติบโตที่ไม่มีคนค้นพบเราก็มีโอกาสทํากําไร สู งๆในตลาด sideway ได้ เช่นในช่วงตลาด sideway รอบก่อนๆ คนที่มองการเปลี่ยน model ของ ticonที่ขายโรงงานเข้า tfund ออกเป็ นคนแรงๆก็จะสามารถทํากําไรจาก ticonได้เป็ นเท่าตัวในเวลาไม่นานเช่น คุณ invisible hand หรื อ คนที่มองหุน้ ประมูลอย่าง ilinkออกว่ามีธุรกิจจัดจําหน่ายและวิศวกรรม ซึ่งในตอนที่ ilinkยังถูกแค่ กําไรของธุรกิจจัดจําหน่าย peก็ไม่แพงแต่ถา้ ปี ไหนประมูลงานในส่ วนธุรกิจวิศวกรรมได้มากๆกําไร ก็พร้อมกระโดด


คนที่ทาํ กําไรได้กเ็ ช่น คุณ naris คุณ yoyo หรื อคนที่มอง oishiออกตอนตํ่ากว่า 20 บาทว่าตลาดให้ pe ตํ่าเกินไปเพราะมองว่าชาเขียวน่าจะเป็ นแฟชัน่ แต่เมื่อตลาดพิสูจน์แล้วว่าชาเขียวไม่ใช่แฟชัน่ หุน้ oishiก็วงิ่ ขึ้นมาเกือบเท่าตัวในช่วงออกเคมเปน 30 ฝา 30 ล้านหรื อกรณี ของหุน้ pdiที่เหมืองสังกะสี โดนพายุแคทรี น่าถล่มทําให้ stock เสี ยหายเป็ นจํานวนมากและหุน้ ก็ข้ ึนเป็ นเท่าตัวในเวลาไม่นานซึ่ง คุณหมอ สามัญชนก็สามารถทํากําไรจากตัวนี้ได้ในเวลารวดเร็ว หรื อกรณี ของพี่วบิ ูลย์ที่ได้กาํ ไรจาก pttepเป็ น 10 เท่าเพราะมองออกว่าบริ ษทั มีการ growth ของกําลังการผลิตต่อเนื่องและมี peที่ต่าํ ใน ขณะที่บริ ษทั มี five forced model ที่แข็งแกร่ งมาก หรื อพี่โจ ลูกอีสาน ที่เข้าใจถึงธุรกิจประกันและเป็ นคนแรกๆที่มองถึง model ของ bancasuurance ออกและมองออกว่าการขาดทุนของ scnylในปี 2004 เป็ นเพราะต้องจ่ายค่าคอมเยอะในปี แรกแต่ หลังจากนั้นจะค่อยมีเบี้ยรับเพิ่มขึ้นเสมอ หรื อ พี่กาละมังแห่ง tviที่ทาํ กําไรจาก ums ได้ถึง 500% ในปี เดียวเพราะเห็นว่า peตํ่าและมี dividend เยอะ ในขณะเดียวกันการที่น้ าํ มันราคาแพงก็สามารถชวนลูกค้าเปลี่ยน boiler ได้ง่าย ยังมีตวั อย่างอีก มากมายซึ่งผมไม่สามารถเขียนได้หมดแต่ผมกล้ายืนยันว่าในตลาด sideway นั้นจะมีหุน้ ที่ทาํ ผลตอบแทนสู งๆได้ตลอดและจะมีคนที่รวยจากหุน้ เหล่านี้ดว้ ย จะเห็นได้วา่ หลายๆ ครั้งโอกาสการลงทุนเกิดจากนักลงทุนคนอื่นยังมองตัวธุรกิจจริ งๆของบริ ษทั ไม่ออก หรื อนักลงทุน ไม่เข้าใจตัวธุรกิจเชิงลึกของหุน้ เหล่านี้ทาํ ให้ผทู ้ ี่คน้ พบหุน้ เหล่านี้ทาํ กําไรได้สูงในเวลาไม่นาน


คุณ chin 1. สไตล์การลงทุนของคุณ chinnเป็ น vi ผสม sorosใช่หรื อไม่ re: ผมเป็ นนักลงทุนแนวฟรี สไตล์ครับ ไม่ยดึ ติดแนวไหน แต่เน้นที่เราดูความเป็ นจริ งของตลาดmoney market และธุรกิจที่แท้จริ ง ซึ่งบางส่ วนมันเหมือนของ vi กับ sorosครับ แต่จริ งๆแล้วผมยังได้ใช้หลักคิด ของท่านอื่นอีกมากครับ เช่น เศรษฐศาสตร์แห่งความจริ ง ของคุณ พิชยั จาวลา , dsmของคุณ เด่นศรี จาก ห้องคลับเพื่ออิสรภาพทางการเงิน Money management ของต่างประเทศ,Technical เพือ่ ดูวา่ ตลาดคิดอะไร ผสมกันให้หมดแล้ว พอเจอปัญหามันจะรู ้วา่ หยิบอะไรมาใช้บา้ ง 1. 2.– เริ่ มมองจาก worst case ก่อนว่าราคาหุน้ ควรจะเป็ นเท่าไหร่ โดยคิดว่าถ้า cash flow ค่อนข้างแย่บริ ษทั จะสร้างเงินได้กี่ปีถึงจะคืนทุน เปรี ยบเหมือนแนวคิดว่าตัวเองอยูใ่ น สงครามแล้วต้องยิงคนอื่นจากใน บังเกอร์ (ไม่ตายแน่นอน) re: ถูกต้องครับ เน้นง่าย และชัวร์ เช่น dtacก็มองว่าปี นี้สร้าง ebitdaได้ 20000 ล้านและตอนที่คุณชินตีแตกแถว 50 บาทนั้น dtacมี cash 10000 ล้านมีเงินลงทุนอีก 11000 ล้าน และมีจาํ นวนอยู่ 2367 ล้าน ดูแล้วถ้านํา เงินสดมาจ่ายปันผลก็น่าจะจ่ายได้ประมาณ 8.8 บาทต่อหุน้ แต่คุณชินคาดว่าเขาน่าจะจ่ายได้ ในระดับ 16 บาท ไม่ทราบว่าพอจะแชร์วธิ ีการคํานวนในตอนนั้นให้ฟังได้ไหม re: ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดเรื่ องปันผลพิเศษครับ ดูงบก็รู้วา่ กันเงินไว้ทาํ 3 g พอมาทํางบคาดการณ์เลยพบว่า กระแสเงินสดมันเหลือจริ งๆแบบ ไม่มีประโยชน์เลย ถึงไม่เอาออกวันนี้กต็ อ้ งเอาออกวันหน้า ประมาณ 10 บาทต่อหุน้ โดยไม่ตอ้ งกู้ แต่มองในมุมว่าการทํากิจการในอนาคตจะปลอดภัย สําหรับผูถ้ ือหุน้ ก็ควรนํากระแสเงินสดนี้ไปกู้ มาจ่ายปันผล เพราะแบงค์ ก็ยนิ ดีเสี่ ยงอยูแ่ ล้ว เพราะกระแสเงินสดแข็งแกร่ ง ทางผูถ้ ือหุน้ ก็ ได้ดึงทุนกลับมาบ้าง


ฮงตอบ จริ งๆแล้ว cash flow นี้เป็ นเรื่ องที่สาํ คัญจริ งๆนะครับ อย่างตัวอย่างเรื่ อง enronกับ block baster หรื อเรื่ อง roynetนั้นถ้าไม่ดู cash flow ก็คงมองไม่ออก อย่างตัวอย่างของ dtacน่าจะเป็ นกรณี ที่มี cash flow สมํ่าเสมอและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจาก arpuของบริ ษทั คงเพิ่มขึ้นจากมือถือที่เป็ น smart phone ตัวปลดล็อกของ dtacน่าจะ เป็ นหุน้ กูท้ ี่ทาํ ให้จ่ายปันผลไม่ได้หมดลง 1. 3.-คุณชินเคยเล่าว่ามีการตีแตก aclเนื่องจาก aclมีเงินสดต่อหุน้ มากกว่า market cap ค่อนข้าง เยอะ แต่วา่ หุน้ แบงค์หรื อ finance ก็มีเงินสดต่อหุน้ เกินราคาหุน้ อยูบ่ ่อยๆทําไมตอนนั้นถึง ตัดสิ นใจซื้อ aclล่ะครับ และตอนนั้นมอง fair value ไว้ประมาณเท่าไหร่ วิธีคิดคร่ าวๆเป็ น อย่างไร Re: ผมหมายถึง book value อยูท่ ี่ 8บาทครับ ซึ่งก็คือเงินสดของเจ้าของ ซึ่ง ในตอนนั้นมีตวั unlock (ภาษาของกลุ่มคุณฮง^^) คือการที่กม. ไม่อนุญาตให้ธนาคารถือหุน้ ธนาคาร ซึ่งที่8บาท mkt cap aclยังตํ่ากว่า 10,000 ลบ (มูลค่าเงินที่ตอ้ งนําไป วางไว้ที่ BOT เพื่อขอใบประกอบกิจการ ธ.พาณิ ชย์ ) ยังไงก็มีคนอยากซื้อแน่นอนครับ ผมก็ได้ไปศึกษา กม. Tender offer ต่อ ก็พบว่ากรณี น้ ีไม่สามารถขอผ่อนผันได้ เพราะ เป็ นการเข้าซื้อเพื่อนํามาบริ หารเลย ดังนั้น ราคาไม่ต่าํ กว่า book แน่นอน แต่ตอนนั้นมีปัญหา subprime ผมเลยนําค่า leverage มาดูพบว่า aclปล่อย 5 ส่ วน จากทุน 1 ส่ วน เมื่อเทียบกับแบงค์ใหญ่ส่วนมาก ปล่อย10 ส่ วนจากทุน1ส่ วน ดังนั้น nplต้องมาถึง 20 % ถึงจะมีอนั เป็ นไป ซึ่งถ้าเป็ นเช่นนั้น ระบบศก คงไปทั้งระบบแล้ว ดังนั้น คุม้ ค่า เพราะราคาเป้ าไม่ต่าํ กว่า 8บาทจากราคาตอนนั้น 2 บาท เรื่ องความเสี่ ยง ถือได้ปลอดภัยหายห่วง จากค่า leverage ตํ่า ประเด็นหรื อตัว unlock เกิดขึ้นอย่างแน่นอน 1. ฮงตอบ


เป็ นแบบนี้เอง เป็ นกรณี ศึกษาที่น่าสนใจมากครับ ภาษาทางการเงินน่าจะเรี ยกว่า asset under gear ก็คือใช้ asset ไม่เกิดประสิ ทธิ ภาพเท่าที่ควรดังนั้นถ้าเปลี่ยนมือไปสู่ คนที่ใช้ asset ได้มีประสิ ทธิภาพกว่าก็น่าจะทําให้ wealth ของกลุ่มใหม่สุงกว่า ผมว่ามันก็คล้ายๆกับบริ ษทั ผลิตที่ผลิตห่วยไม่เต็มกําลังการผลิตแถม sg&aก็สูงดังนั้นถ้า เปลี่ยนมือไปอยูใ่ นบริ ษทั ที่ใหญ่กว่าบริ หารดีกว่าแล้วผลิตเต็มกําลังผลิต ก็น่าจะมีมูลค่ามาก ขึ้น กรณี ของ aclที่วา่ market cap ตํ่ากว่า มูลค่าเงินที่ตอ้ งนําไป วางไว้ที่ BOT เพื่อขอใบประกอบ กิจการ ธ.พาณิ ชย์ ผมคิดว่าการคิดในมุมนี้เป็ นแนวคิดคล้ายๆกับการดู replacement cost เช่น สมัยก่อนที่ pslอยู่ 1 บาทมีเรื อเกือบ 30 ลํา เรื อลําหนึ่งได้ค่าเช่า 5000 กว่าเหรี ยญ โดยที่ pslมี market cap อยู่ 500-600 ล้าน ดูแล้วถ้าเราจะมีเรื อเท่ากับ pslในตอนนั้นยังไงก็ตอ้ งใช้เงิน ลงทุนมากกว่า market cap ของ pslอยูม่ ากทีเดียว ดังนั้นนอกจาก earning กับ cash flow แล้ว การดูมูลค่าสร้างใหม่กน็ ่าจะเป็ นการมองมุมของหุน้ undervalue ได้อีกพอสมควร 1. 4.4.การใช้มาร์จิ้นสไตล์คุณชินคือเริ่ มจากการหาหุ น้ ที่ตอ้ งแพ้ยากก่อนคือมี cash flow ที่สูง และอย่างน้อยหุน้ ต้องมี upside 100% แล้วค่อยถัวเฉลี่ยขาขึ้นโดยการใช้มาร์จิ้นใช่ไหมครับ ก็คือมาร์จิ้นนั้นถ้าใช้ตอ้ งถัวเฉลี่ยขาขึ้นเท่านั้นและหุน้ จะต้องมี upside ที่สูงมากพอควร เพื่อให้ราคาที่ทยอยถัวเฉลี่ยซื้อยัง undervalue เพราะถ้าซื้อโดยมี upside แค่ 20% คงถัวเฉลี่ย ขาขึ้นไม่ได้เนื่องจากขึ้นไปแป๊ ปเดียวก็ถึง fair value แล้ว Re:ถูกต้องที่สุดครับ ในตอนนั้น port เล็ก หาหุน้ ขึ้นหลายเท่าได้ไม่ยากครับ ดังนั้นถ้าได้แค่ 20% ผมไม่สนใจลงทุนด้วยครับ น้อยไป แต่ปัจจุบนั ผมไม่ใช้วธิ ีน้ นั แล้วนะครับ เนื่องจากไม่มีเหตุตอ้ ง เร่ ง portแล้ว จึงใช้margin ด้วยวิธี ที่สบายๆดังที่ส่ง file excel ให้ครับ ปัจจุบนั นี้เลย ซื้อและถือ บริ หาร margin เล็กน้อยให้พอตื่นตัวครับ ไม่ค่อยได้ดูราคาหุน้ เหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่หากใครสนใจใช้วธิ ี average up ด้วย margin ผมคิดว่าควรศึกษาให้ขาดจริ งๆนะครับ เพราะวิธีน้ ีหา้ มมีจุดผิดพลาดเลย เพราะ money game สามารถทําลาย port คุณได้ง่ายมากๆ Timing และ Model สําคัญมากๆครับ ไม่ควรปล่อยหนี้ไว้นาน


1. 5.-และขอขอบคุณคุณชินมากที่แชร์ความรู ้ทางการลงทุนและวิธีคิดให้กบั เพื่อนๆครับ Re:ยินดีครับ ผมคิดว่า ตอนผมเริ่ มลงทุนผมก็อาศัยความรู ้ของพี่ๆที่มีประสบการณ์ มาใช้ แล้วต่อยอด ตอนนี้เราเป็ นไท ทางการเงิน แล้วก็ควรคืนกลับ เพื่อให้คนอื่นๆได้รับและส่ ง ต่อๆไปเรื่ อยๆครับ pay it forward 1. คุณชินรวยแล้วจึงไม่ใช่วธิ ีน้ นั แล้วแต่ผมรวมถึงหลายๆคนยังจนอยูเ่ ลยต้องขอใช้ margin ต่อไปครับ 55555 (แอบแซวคืน) เรื่ องที่คุณชินพูดมาก็คือคล้ายๆกับ concept เวลาคือความเสี่ ยงก็คือเราควรจะใช้มาร์จิ้นต่อ เมื่อเห็นว่าหุน้ จะขึ้นไปได้แล้วเท่านั้น ไม่ควรซื้อมาร์จิ้นไว้เยอะๆแล้วรอหุน้ ขึ้นไปโดยไม่มี ตัวเร่ งอะไรเพราะระหว่างที่รอ เกิดเจอเครื่ องบินชนตึก หรื อเจอ หม่อมอุ๋ย เข้าไปก็คงน่วม เลย ดังนั้นเวลาคือความเสี่ ยง ยิง่ รอแบบไม่เห็นตัวเร่ งการมีหนี้กย็ งิ่ เสี่ ยง และการใช้จิ้นที่ผม ว่าอันตรายที่สุดคือ ถัวเฉลี่ยขาลง การถัวขาขึ้นน่าจะเหมาะกับการ leverage มากกว่า ที่มาของหุน้ เด้ง ชินน o

ผมไม่ค่อยหาหุน้ นะครับ ว่างๆ ครึ้ มๆใจก็เปิ ดดู set.or.th ที ดู mkt cap sale งบกระแสเงินสด มันพอบอกได้ระดับหนึ่ง ถ้าน่าสนใจก็ เข้าไปดูละเอียด อย่าง aclนี่ก็ เพื่อนขอให้ช่วยดู ได้ยนิ มา (สุ ดท้ายเพื่อนเราไม่ลงด้วย) ผมก็เห็นข่าวในนสพ กับ googleจากบทสัมภาษณ์คุณเจียง ceoicbc ก็เห็นความเป็ นไปได้ อย่าง jasก็มีคนขอให้ช่วยดู ก็เห็นงบก็รู้ละครับ อย่าง dtacแค่จะหาหุน้ ที่ดีกว่าฝากเงิน เปิ ดงบ 5 ตัว ตกใจเงินสดเยอะจัด ธุรกิจมันเข้าใจง่ายตั้งแต่แรกอยูแ่ ล้ว ผมว่าใครก็เข้าใจนะ คือผมพยายามบอกว่า มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เห็นก็รู้แล้ว ว่าคุ​ุม้ ไม่คุม้ ดูงบให้เหมือนอ่านนิทานอะครับ เห็นแล้วรู ้วา่ ใครทําอะไรบ้าง ผมว่าผมโคตรขี้เกียจเลยอะ ไม่ค่อยได้รู้เรื่ องตัวอื่นๆแบบ นักลงทุนคนอื่นเลย ภาค2


o

ถ้าศึกษาดีแล้ว มันจะไม่พลาดนะครับ คืออย่าให้ช่องโหว่เกิดได้ บางอย่างมันไม่ใช่แนวเราหรื อเกินขอบเขตความรู ้เราผมก็ไม่เล่นนะ แล้วผมยิง่ โง่ๆ ก็ไม่ค่อยได้เล่นหุน้ ที่เราไม่เข้าใจครับ สังเกตุ หุน้ ที่ผมลงทุนจะเป็ นหุน้ ง่ายๆ พูดปุปก็รู้มนั ทําอะไร อย่างแนวคุณฮงPTL IVL ผมจะต้องศึกษาเยอะๆเลย ง งู หลายตัว ผมก็หลบด้วยการไม่ลงทุนดีกว่า ****************************************************** หนังสื อ money management เล่มสี น้ าํ เงินครับ อ่านแค่บนแรกๆ ก็พอได้ idea ไปต่อยอดได้ หรื อดูระบบ dsmก็ได้ครับ สุ ดท้ายต้องต่อยอดเอาเอง จริ งๆการไปอิสระภาพทางการเงินไม่ยากครับ ตั้งเป้ า วางแผน แล้วลงมือทํา 2-3 step ก็หลุดละครับ ฮงถามชินตอบ

1. ขอถามคุณชินเรื่ อง cash flow หน่อยครับ ไม่รู้วา่ ผมจับประเด็นถูกไหม ผมรู ้สึกว่าคุณชินจะชอบหุน้ ที่ผา่ นช่วงลงทุนหนักมาแล้ว อย่างเช่น dtacตอนซื้อก็ไม่มีลงทุนหนักแล้ว หรื ออย่าง essoก็ไม่มีเงินลงทุนหนักแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าตอนซื้อ jas0.40 นั้นเป็ นช่วงที่ cash flow ของบริ ษทั ทําได้ในระดับไหน แต่ อยากลองถามเป็ นไอเดียว่าตอนคุณชินเริ่ มซื้อ jasมองว่าบริ ษทั ผ่านช่วงลงทุนโครงข่ายและ เริ่ มเก็บเงินจากฐานลูกค้า boradbandได้แล้วใช่ไหมครับ และมองว่า cash flow จาก boardbandจะเพิม่ ขึ้นเร็วด้วยเนื่องจากฐานคนใช้น่าจะเพิม่ ขึ้น เรื่ อยๆ ส่ วนภาพ megatrend ในตอนนั้นคือคนจะหันมาใช้ boardbandมากขึ้นโดยผูเ้ ล่นที่มีศยั ภาพก็ มีแค่ jasกับ true


ตอนนั้น story หลักๆก็ประมาณนี้ใช่ไหมครับ o

***ถ้าดูจากที่ผา่ นมาก็น่าจะจริ งนะครับ แต่ไม่ใช่ท้ งั หมดครับ พอดีสองตัวนั้นเป็ นหุน้ ระยะหลังครับ คือเราออกจากงานแล้ว เลยให้ความสําคัญกับปันผลระดับหนึ่ง หุน้ ที่เลือกจึงวิง่ ไปออกทางนั้น แต่สังเกตุดีๆจะพบว่า เงื่อนไขนี้มกั มีผลให้ pay out ratio เพิ่ม ซึ่งหากเอา dividend discount rate ไปจับก็บอกเราว่า ราคาจะเพิม่ ขึ้น (เหมือนที่มีผรู ้ ่ วมงานลูกครึ่ ง หล่อๆ solve สู ตรให้ดูในงาน) ****************************************************************** ********* ผมมองงบกระแสเงินสดผมเห็นภาพชัดว่ากิจการกําลังอยูใ่ นจุดไหน ผูบ้ ริ หารกําลังทําอะไร สาเหตุที่ผมให้ความสําคัญกับ cash flow เพราะผมมองว่าบางกิจการที่โชว์กาํ ไรสวยๆแต่ cash flow ติดลบไปเรื่ อย โดยเฉพาะไปลงลูกหนี้การค้ามากขึ้นเรี่ อย สามารถมีปัญหาได้ (บริ ษทั ที่ ปล่อยกูน้ าน จ่ายเงินไว ผมไม่ชอบเลย) กลับกันกิจการที่ cash flow สวยๆ แม้ขาดทุนกิจการต่อเนื่องก็อยูไ่ ด้สบายๆ (ส่ วนทุนติดลบผมไม่มนั่ ใจนะว่าเป็ นอย่างไร ถ้าไม่มีใครฟ้ องผมว่าไม่เจ๊งนะ) ****************************************************************** ******* jasตอนที่ผมเริ่ มลงทุนจริ ง (ตอนนั้นไม่ดู story) กระแสเงินสดก็สวยๆแบบนี้อยูแ่ ล้วครับ mkt cap 4000 ลบ. เงินเข้าอยูท่ ี่ ปี ละ 1600 ลบ ถ้าจําไม่ผดิ แต่คนกังวลว่าพอ jasหมดสัมปทาน ดูแล fiber ใต้น้ าํ จะเป็ นอย่างไร ผมเห็นว่า jasก็เริ่ มให้ลูก ลงทุน 3bb (tripple three boardband) ก็ตามมาเรื่ อยๆครับ พอภาพชัดว่า กลับตัวแล้ว


ก็เลยกลับไปลงทุนภายหลังจากขาย acl ผมทํา demographic ดูพบว่า ไทยยังเข้าถึง internet น้อยมาก ยังมีตลาดอีกเยอะ และผมชอบกิจการที่ต่อท่อดูดเงินถึงประชาชนเลย ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องอํานาจต่อรองมาก 1. hongvaluesaid มกราคม 19, 2012 @02:10 แล้วกรณี ของหุน้ ค้าปลีกหุ น้ โรงพยาบาลคุณชินมีความเห็นอย่างไร เท่าที่ผมดูแล้วถ้าสไตล์การลงทุนของคุณชินเหมือนจะต้องมีเงินปันผลเยอะ เพื่อป้ องกันราคาหุน้ ไม่ให้ลงเยอะ ที่น้ ีถา้ หุน้ ที่อยูใ่ น growth stage เช่น bghที่จ่ายเงิน take over เยอะ ทําให้ตอ้ ง fcfกับเงินปันผลในปัจจุบนั อาจจะไม่สูง หรื อ hmproที่ตอ้ งขยายสาขาการลงทุนเรื่ อยๆยังอยูใ่ นช่วงลงทุนหนัก กรณี แบบนี้หุน้ ก็โตได้แต่จะไม่เข้าเงื่อนไขการลงทุนของคุณชินใช่หรื อไม่ และถ้าคุณชินจะลงทุน bghหรื อ hmproจะต้องรอให้ผา่ นช่วง capexหนักๆ ไปก่อนหรื อเริ่ มมีปันผลเยอะก่อนหรื อไม่ แต่ถา้ เป็ นช่วงนั้นหุน้ ก็อาจจะไม่ growth ต่อแล้ว ไม่ทราบว่ามีแนวคิดอย่างไรครับ ชินตอบ o

ผมไม่ได้ดู fcfครับ ผมจะพยายามนึกให้ถึงแก่นว่า จริ งเขาเก็บเงินได้ปีเท่าไหร่ ซึ่ง บางตัวใช้ค่า ebdaบางตัวใช้ opcfบางตัวต้องมานัง่ คํานวนกันใหม่ เช่น esso เงินปันผลเป็ นสิ่ งที่สาํ คัญ ดังนี้ครับ 1) ช่วยให้ราคาไม่อยูใ่ นระดับที่ต่าํ ได้นาน และลงไม่เยอะครับ และช่วยจ่ายดอกเบี้ยด้วย ดังนั้น เป็ นเรื่ องการจัดการ margin 2) มันเป็ นธีมหนึ่ง ที่จะได้รับผลบวกจากการลดการคุม้ ครองเงินฝาก


3) เป็ นตัววัดอิสระภาพทางการเงินของผมครับ คือมีปันผลใช้มากกว่ารายจ่าย ************************************************************ อย่างหุน้ ที่ยกตัวอย่าง ผมดูแล้วครับ กระแสเงินสดใช้ได้ ไม่ถกู มากๆ แต่ไม่แพง เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดที่แน่นอน เช่น bghmkt cap 116000 ลบ เงินเข้าปี ละ 8000 ลบ ยังโตได้ปีละ 30% แบบนี้ผมดูออกครับ ว่าต่อไปจ่ายปันผลหนักๆได้ แต่จะลงทุนหรื อไม่ข้ ึนอยูก่ บั ความเหมาะสมครับ เงื่อนไข ที่ผมตั้ง คือ คุม้ ค่า ปลอดภัย มีประเด็น หุน้ ตัวนี้ ก็ผา่ นหมดครับ กล่าวคือ ผมดูปันผลในอนาคตครับ capexถ้าลงแล้ว บริ ษทั โตผมถือว่าดีครับ ถามชินตอบ 1. ขออนุญาตคุณฮง ผมของถามคุณ chinnบ้างนะครับ 1.Market cap / EBITDA หรื อ ว่า Market cap /opcfที่เท่าไรครับ ถึงจะเริ่ มน่าสนใจ 2.แล้วจะแยกแยะอย่างไรครับว่าบริ ษทั นี้ความดู Market cap / EBITDA หรื อ ว่า Market cap /opcf 3.”bghmkt cap 116000 ลบ เงินเข้าปี ละ 8000 ลบ ยังโตได้ปีละ 30% แบบนี้ผมดูออกครับ ว่าต่อไปจ่ายปันผลหนักๆได้” ช่วยอธิบายเติมเป็ นตัวอย่างได้ไหมครับ ว่าทําไมถึงมองว่า ต่อไปจ่ายปันผลหนักๆได้ ขอบคุณมากครับ o

1.Market cap / EBITDA หรื อ ว่า Market cap / opcfที่เท่าไรครับ ถึงจะเริ่ มน่าสนใจ re: จริ งมันขึ้นกับ growth ด้วยครับ ถ้าธุรกิจ ไม่ค่อยโต 0% ผมอยากได้ต่าํ กว่า 5เท่า เรี ยกว่าสู บก้นบุหรี่ ถ้าโต 10% 5 ปี ข้างหน้า ผมอยากได้ต่าํ กว่า 7.5 เท่า ถ้าโต 20% 5 ปี ข้างหน้า ผมอยากได้ต่าํ กว่า 10 เท่า


2) แล้วจะแยกแยะอย่างไรครับว่าบริ ษทั นี้ความดู Market cap / EBITDA หรื อ ว่า Market cap / opcf re: EBDA นะ หลังๆ ผม ใช้ iกะ t ด้วย พวกนี้ ผมใช้กบั หุน้ ที่ลูกหนี้การค้า ไม่เยอะมาก คือไม่ใช่วา่ ยอดขายมาก็ตามมาด้วยลูกหนี้การค้าหนักๆ โมเดลธุรกิจแบบ จ่ายช้า รับไว opcfก็เหมาะกับพวก จ่ายไว รับเงินช้า เพราะผมมองว่า พวกนี้เพิม่ ยอดขายก็จม working cap ทั้งชาติกไ็ ม่ได้คืน เพราะ เป็ นหนี้หมุน ลูกหนี้ยงั ไงก็ไม่จ่ายจนหมดหนี้ 3) bgh mkt cap 116000 ลบ เงินเข้าปี ละ 8000 ลบ ยังโตได้ปีละ 30% แบบนี้ผมดูออกครับ ว่าต่อไปจ่ายปันผลหนักๆได้” ช่วยอธิบายเติมเป็ นตัวอย่างได้ ไหมครับ ว่าทําไมถึงมองว่า ต่อไปจ่ายปันผลหนักๆได้ re: ก็ถา้ ยึด รพ เล็กๆ ไปจนเกือบจะ monopoly เงินเริ่ มเหลือ สุ ดท้ายก็ตอ้ งหาทางเอาออกมาครับ มันจะมีจงั หวะอิ่มตัวเหมือน dtacแหละครับ ************คุณ chinnจะมองหาว่าบริ ษทั ที่ทาํ ธุรกิจแล้วยิง่ ทํายิง่ เงิน เหลือเยอะ ไม่ใช่วา่ ยิง่ ทําเงินยิง่ ไปจมกับ ลูกหนี้ หรื อ สิ นค้าคงเหลือใช่ไหมครับ และ จะพิจารณาซื้อ ก็ดูจาก อัตราส่ วน Market cap เทียบกับ ebitdaหรื อ opcf โดนเอาการเติบโตมาร่ วมพิจารณา ถ้าเป็ นอย่างที่ผมเขียนข้างต้นจริ งๆ เพราะพอ จะเข้าใจแล้วว่าทําไมคุณชินถึงซื้อ jasแล้วก็ dtac o

*********ตอบแบบคุณฮงเลยครับ อ่านทุกเล่ม(เกือบทุกเล่ม) ที่น่าเชื่อถือ หลักๆ ก็ ดร.นิเวศน์,พิชยั จาวลา,วอร์เรนบัฟเฟต, text book พวก money management ,dsm , ลุงโฉลก อ่านเอาแนวคิดให้หมดแล้ว กลัน่ ออกมา เก็บไว้ในระบบความคิดเรา


หากสังเกตุดีๆ ผมว่า เซียนทุกคน แนวคิดหลักเหมือนกันหมด ผมนึกถึงประวัติเจ้าชายสิ ทธัตถะ ก่อนที่ท่านจะบรรลุเป็ นพระพุทธเจ้า ท่านได้ทาํ การเสี่ ยงทายโดยการลอยถาดทองให้ถาดทองลอยทวนนํ้า แล้วปรากฎว่า ถาดทองลอยทวนนํ้า และจมลงไปซ้อนถาดทองของสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีต ที่ทบั อยูแ่ ล้ว 3 ใบ ผมคิดว่าในเชิง symbollicตอนนี้ หมายถึง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หลักคิดเดียวกัน บารมีเดียวกัน จึงทําเหมือนกันพอดีเปะ ผมก็คิดว่า คนที่ลงทุนหุน้ สําเร็จ ก็ลว้ นมีหลักการหลัก เหมือนกัน แต่พอถึงในเวลาลงทุน ปั จจัยต่างๆ ต่างกัน จึง ทําไม่เหมือนกัน แต่ หลักคิดที่เป็ นแกนเหมือนกันครับ

Clip ของคุณฮง https://www.youtube.com/watch?v=mwtL8OYprEU https://www.youtube.com/watch?v=Q-MLl5BqSi4 https://www.youtube.com/watch?v=_rbugW55IMY&feature=youtu.be https://www.youtube.com/watch?v=ZzbhOo-YuEY https://www.youtube.com/watch?v=QHddoHx-OHI สําหรับที่เพื่อนที่ตอ้ งการหาความรู ้หรื อคําศัพท์ไม่คนุ ้ หู แนะนํา Google ครับและ youtube.com คลังความรู ้ http://board.thaivi.org/viewforum.php?f=35&sid=b98b5f83498cbff6c7a4914b90b316ab สุดท้าย เว็บหลักของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คือ

www.set.or.th


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.