การใช้คอร์ดและสเกล เพื่อสร้างงานดนตรี

Page 1

เรียนรูวิธีคิดและเทคนิคการใชคอรดและสเกล เพื่องานของคนดนตรี

พรอม สอนโดย อ.แดง กีตาร

2ความยาวกว DVDs า 4 ชั่วโมง

ประสบการณทางดานดนตรีกวา 50 ป และสอนดนตรีมากวา 30 ป

เทคนิคการเขียน แตง วางทำนอง และสรางคอรดแบบมืออาชีพ สำหรับผูที่ ใฝฝนจะเปนนักกีตาร นักดนตรีมืออาชีพ นักดนตรี ในหองอัดเสียง และครูสอนดนตรี

หนังสือ+DVD

ราคาพิเศษ

240



คอร์ด สเกล

และ การใช้ เพื่อสร้างงานดนตรี

อ.แดง กีต้าร์


การใช้คอร์ดและสเกลเพื่อสร้างงานดนตรี ISBN ราคา พิมพ์ครั้งที่ 1

978-616-527-124-0 240 บาท เมษายน 2554

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดยสำานักพิมพ์เอ็มไอเอส ห้ามนำาส่วนหนึ่งส่วนใด ของหนังสือเล่มนีไ้ ปลอกเลียนแบบ ทำาสำาเนา ถ่ายเอกสาร หรือนำาไปเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต และเครือข่ายต่างๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดๆ นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางสำานักพิมพ์เท่านั้น

ชื่อผลิตภัณฑ์และเครื่องหมายการค้าต่างๆ ที่อ้างถึงเป็นของบริษัทนั้นๆ

ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ National Library of Thailand Cataloging in Publication Data มนัส พันธุวงค์ราช. การใช้คอร์ดและสเกลเพื่อสร้างงานดนตรี.-- กรุงเทพฯ : เอ็มไอเอส, 2554. 104 หน้า. 1. กีต้าร์. l. ชื่อเรื่อง. 787.87 ISBN 978-616-527-124-0 คณะผู้จัดทำ� บรรณ�ธิก�รสำ�นักพิมพ์ ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ ผู้เขียน มนัส พันธุวงค์ราช ออกแบบรูปเล่ม ไพโรจน์ บรรจงใจรักษ์ ออกแบบปก ประชา ธนะฤกษ์ พิสูจน์อักษร วารีรัตน์ แตงภู่ ประส�นง�นฝ่�ยผลิต ณัฐพงษ์ พยัคคง ประส�นง�นสื่อสิ่งพิมพ์ บุษกร กู้หลี ฝ่�ยก�รตล�ด ชลพิชา ครื้นจิต, มยุรี ศรีมังคละ พิมพ์ที่ บริษัท เอ็ม เอ เอช พริ้นติ้ง จำากัด ผู้พิมพ์/ผู้โฆษณ� สุเมธ อัศวนิลศรี

จัดพิมพ์โดย : สำานักพิมพ์เอ็มไอเอส 55, 57 ซอยพระรามที ่ 3 ซอย 53 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 0-2294-8777 (สายอัตโนมัติ) โทรสาร 0-2294-8787 www.MISbook.com

จัดจำ�หน่�ยโดย : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำากัด (มหาชน) 1858/87-90 ชัน้ 19 อาคารเนชัน่ ทาวเวอร์ ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8222, 0-2739-8000 โทรสาร 0-2739-8356-9 www.se-ed.com

หากหนังสือเล่มนี้ผลิตไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษสลับกัน หน้าซ้ำา หน้าขาดหาย สำานักพิมพ์ยินดีรับผิดชอบเปลี่ยนให้ใหม่ โดยส่งมาเปลี่ยนตามที่อยู่ด้านบน หรือติดต่อสำานักพิมพ์เอ็มไอเอส โทรศัพท์ 0-2294-8777 (สายอัตโนมัติ)


อ.แดง กีต้าร์


คอร์ดและสเกลเพื่อสร้างงานดนตรี

การใช้

INTRODUCTION

สวัสดีผอู้ า่ นทุกท่าน สือ่ การสอนชุดนีจ้ ะ เน้นให้ค�าแนะน�าเกี่ยวกับการน�าคอร์ดและสเกล มาใช้เพื่อการเขียนเพลงและแต่งเพลงส�าหรับ นักกีต้าร์ คนไทยส่วนใหญ่สนใจในเรือ่ งโซโล่กตี า้ ร์ โดยอาจารย์จะเน้นให้เห็นว่า การเรียนดนตรีนั้น ไม่ใช่เรื่องของการเลียนแบบ แต่สาระส�าคัญ ของการเรียนดนตรีคือ การบริหารจัดการเรื่อง เสียงให้ไปในทิศทางที่เราต้องการ ส�าหรับสื่อ การสอนชุดเก่าที่อาจารย์แดงเคยจัดท�ามาแล้ว ไม่ ว ่ า จะเป็ น เรื่ อ งหั ด เล่ น กี ต ้ า ร์ โ ปร่ ง เทคนิ ค กีตา้ ร์ รวมไปถึงการแกะเพลง ฯลฯ ก็จะแตกต่าง จากสื่ อ การสอนชุ ด นี้ ที่ เ หมาะส� า หรั บ คนที่ อยากเป็นนักกีต้าร์รับจ้าง นักดนตรีมืออาชีพ ครู ส อนดนตรี หรื อ นั ก ดนตรี ใ นห้ อ งอั ด เสี ย ง ให้ มี ค วามเป็ น มื อ อาชี พ มากขึ้ น แม้ แ ต่ ค นที่ ไม่มีโอกาสเข้าไปเรียนในสถาบันก็สามารถน�า วิสัยทัศน์ที่ได้จากสื่อการสอนชุดนี้ไปประยุกต์ ในการพัฒนาตนเอง ก็จะมีประโยชน์ไม่น้อย ส�าหรับผู้ที่ซื้อสื่อการสอนชุดนี้ จะต้อง มีความรู้ในด้านการอ่านโน้ตได้พอสมควร โดย อ่านโน้ตพื้นฐานได้บ้าง เพราะจะไม่ใช่การสอน แบบ 1-100 แต่เป็น 50-100


CHORD & SCALE ปกติการเรียนแต่งเพลงเขียนเพลงต้องใช้ เวลาอย่างน้อย 1 ปีขนึ้ ไป เพือ่ เพิม่ พูนประสบการณ์ จนสามารถพัฒนาทักษะไปสูด่ นตรีในแนวทีแ่ ตกต่าง ออกไป แต่สื่อการสอนชุดนี้มีความยาว (DVD) 3-4 ชั่วโมง ซึ่งจะสอนการน�าคอร์ดและสเกลมา ใช้ในการเขียนและแต่งเพลง การเรียนรู้จะต้องมี ทฤษฎีดนตรีมาเกี่ยวข้อง การน�าคอร์ดและสเกลมา ใช้นั้นไม่ได้หมายถึงการจับคอร์ดหรือการตีคอร์ด แบบธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ต้องจับคอร์ดแบบโมเดิร์น แบบมื อ อาชี พ นอกจากนี้ ยั ง มี ก ารสอนเทคนิ ค การแต่ ง เพลง การวางท� า นอง การสร้ า งคอร์ ด และการน�าลูกเล่นของการโซโล่กีต้าร์สอดแทรก เข้าไปอยู่ในบทเพลงต่างๆ อีกด้วย ดังนั้น สื่อการสอนชุดนี้จึงเป็นงานที่เน้น ให้แนวคิดภายในระยะเวลาจ�ากัดดังที่กล่าวไปแล้ว การเรียนกับสื่อการสอนชุดนี้่จึงเหมาะส�าหรับคนที่ มีใจรักและมีความตั้งใจจริงเท่านั้น ไม่ใช่คอยดูว่า จะมีลกู เล่นกีตา้ ร์เด็ดๆ ให้เลียนแบบอย่างเดียว คุณ จะต้องอ่านโน้ตได้พอสมควร และต้องอ่านหนังสือ ประกอบด้วย ทั้งนี้ยังเหมาะส�าหรับผู้ที่ต้องการหา ประสบการณ์แต่มีเวลาน้อย โดยจะมีภาคปฏิบัติกับ ทฤษฎี ส่วนรูปแบบการเล่นบางอย่างอาจจะมีการให้ เลียนแบบกันบ้าง เช่น ลูกเล่นกีต้าร์แนวต่างๆ คนไทยควรเปิดใจกว้างยอมรับคนที่ชื่นชม เป็นต้นแบบทางดนตรี (คนไทยนิสยั แปลก มักจะคิด ไปเองว่าใครเล่นเก่งเดีย๋ วเราก็เล่นได้) ประสบการณ์ ทางดนตรี 50 ปี และสอนดนตรีมาเกิน 30 ปี ท�าให้ ได้รู้ว่าคนไทยเก่ง จิตใจใฝ่รู้ ชอบแต่รู้ ไม่ชอบเรียน ไม่ชอบปฏิบัติ ปกติเวลาอาจารย์แดงรับผลิตงานดนตรีตอ้ ง อ่านออกว่าจะท�าเพลงอะไรให้เขา เราควรเปิดใจ ยอมรั บ ฝี มื อนั ก ดนตรีไ ทยที่ เก่ งจริ งด้ วย รวมถึ ง ศิลปินระดับโลก ท�าไมถึงเล่นอย่างนี ้ น�าคอร์ดและ 5


คอร์ดและสเกลเพื่อสร้างงานดนตรี

การใช้

สเกลมาใช้ได้อย่างไร การเล่นกีต้าร์ได้ดีไม่ใช่แค่การ ฝึกไล่สเกล ให้เปิดใจยอมรับกีต้าร์ฮีโร่ ตัวต้นแบบ จะเป็นแรงบันดาลใจส�าหรับเรา ท�าให้เราอยาก ฝึกซ้อม พัฒนาตัวเอง ถ้าอยากเป็นมือกีตา้ ร์ทดี่ ตี อ้ ง มีน�้าใจนักกีฬา และจะเกิดแรงบันดาลใจ แล้วก็จะ ท�าให้เล่นกีต้าร์ได้ดี ในอดีตเรื่องเกี่ยวกับการเล่นกีต้าร์ ใครๆ ก็อยากเป็นกีต้าร์ฮีโร่ เคยมีค�าถามว่า “อาจารย์ ครับ ถ้าเราอยากเปลี่ยนท�านองของเขาใหม่ท�าได้ อย่างไร” อาจจะโซโล่อีกแบบหนึ่งได้ ต้องมีเรื่อง ของคอร์ดมารองรับด้วย เริ่มแรกจากการแกะเพลง ให้ได้ก่อน จากนั้นหากอยากคิดงาน สร้างงานเองก็ ต้องมีประสบการณ์ด้วย ฝรั่งเล่นอย่างไรอย่าไปเล่น ให้เหมือน พอเล่นไม่เหมือนบอกเล่นไม่เก่ง สังคม บ้านเราไม่คอ่ ยถูกสอนให้มคี วามคิดสร้างสรรค์ การ เลียนแบบให้เหมือนไม่ใช่เล่นเก่ง นักกีต้าร์ส่วนใหญ่ชอบแนวร็อก แต่จริงๆ แล้วร็อกมีหลายแนว คุณต้องมีวิสัยทัศน์ ตัวอย่างเช่น Rock Riff คืออะไร ถ้าแปล เป็นไทยไม่มีค�าแปลที่เหมาะสม แต่ให้คุณคิดถึง ลูกเล่นต่างๆ ของการเล่นกีต้าร์ น่าจะเป็นแบบนั้น ดังนั้น คนที่จะน�าคอร์ดและสเกลมาใช้ต้องคิดถึง Riff ด้วย การเล่นกีตา้ ร์แนวต่างๆ ให้ได้ด ี ไม่วา่ จะเป็น แนวนี โ อคลาสสิ ก ร็ อ กแอนด์ โ รล แจ๊ ซ คั น ทรี เดดเมทัล สปีดเมทัล ฯลฯ คุณจะต้องมีความรู้ด้าน ดนตรีที่กว้างขวาง การเล่นกีต้าร์ที่ดีไม่ใช่แค่การ ฝึกไล่สเกล คุณต้องเปิดใจยอมรับกีต้าร์ฮีโร่ซึ่งผม เรียกพวกเขาว่าระดับอาจารย์ แล้วคุณจะเกิดแรง กระตุ้น ให้ค่อยๆ เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนความรู้ กับคนอื่นด้วย


CHORD & SCALE คุณอาจจะลองศึกษาจากมือกีตา้ ร์ระดับโลก มีหลายคน ทีอ่ ยากจะแนะน�า เช่น Michael Angelo, Yngwie Malmsteen, Calos Santana, Joe strummer, Ritchie Blackmore, Eddie Van Halen, Michael Schenker, Steve Vai, Vinnie Moore, Paul Gilbert เป็นต้น เทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวไกลในปัจจุบัน คุณจึง สามารถศึกษาแนวทางการเล่นกีต้าร์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยเข้าไปศึกษาจากการชมคลิปวิดีโอการเล่นกีต้าร์ของศิลปิน ระดับโลกเหล่านี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง เป็น ศิลปินต้นแบบ แต่ไม่ใช่ไปเลียนแบบการเล่นเหล่านัน้ ให้เหมือน แล้วถ้าใครเล่นไม่เหมือนและคุณคิดว่าเล่นไม่เก่งให้เลิกล้ม ความคิดเหล่านั้นเสีย ควรดูเพื่อศึกษาแล้วลองค้นหาแนวทาง ของตนเองให้ได้ หมั่นฝึกฝนและพัฒนาตนเองทั้งทางด้าน ทักษะการปฏิบัติควบคู่ไปกับทฤษฎี ให้มีความรู้ลึก รู้จริง แล้วคุณก็อาจเป็นหนึ่งในกีต้าร์ฮีโร่เหล่านั้นในอนาคต

อ.แดง กีต้าร์

7


CONTENTs ขั้นคู่ (Interval)

1

ขั้นคู่ในส่วนที่เป็นตัวเลข ชนิดของขั้นคู่ ขั้นคู่เมเจอร์และขั้นคู่เพอร์เฟกต์ การฝึกคิดขั้นคู่ด้วยการทดเสียง ขั้นคู่ไมเนอร์ ขั้นคู่ดิมินิชท์ และขั้นคู่ออกเมนเทด ขั้นคู่เอ็นฮาร์โมนิก

คอร์ด (Chord)

คอร์ดพื้นฐาน ชนิดของทรัยแอด การสร้างคอร์ดทรัยแอด 4 ชนิด การสร้างคอร์ด 4 เสียง 8 ชนิด

9

10 12 13 15

เทนชั่น (Tension)

17

การแทนต�าแหน่งของคอร์ดในบันไดเสียงด้วยเลขโรมัน

คอร์ดแทน (Substitution Chord)

การใช้คอร์ดรีเลทีฟไมเนอร์แทนคอร์ดเมเจอร์ วิธีการหาบันไดเสียงที่เป็นรีเลทีฟ ตัวอย่างทางเดินคอร์ดเพื่อเขียนเพลง

19

21

การเปลี่ยนคีย์ชั่วคราว (Modulation)

2 3 3 6 7 8

26 27

29

31


แบบฝึกหัดเพื่อฝึกนิ้ว

แบบฝึกหัดที่ 1 แบบฝึกหัดที่ 2 แบบฝึกหัดที่ 3 แบบฝึกหัดที่ 4 แบบฝึกหัดที่ 5 แบบฝึกหัดที่ 6 แบบฝึกหัดที่ 7

33

ภาคผนวก รู้จักสัญลักษณ์ดนตรีเบื้องต้น

โน้ต (Note) บรรทัด 5 เส้น (Staff) ระดับเสียง (Pitch) ค่าโน้ตและตัวหยุด (Note & Rest Value) เส้นน้อย (Leger Line) กุญแจซอล (G Clef) เครื่องหมายก�าหนดจังหวะ (Time Signature) เส้นกั้นห้อง (Bar Line) ลักษณะ ทิศทาง และการทาบหางโน้ต

การฝึกอ่านและจ�าโน้ตก่อนจับเครื่องดนตรี

34 35 36 37 38 39 40

41 42 43 43 44 45 45 46 46 47

49

จ�าโน้ตในช่องและโน้ตคาบเส้น 50 อ่านโน้ตนอกบรรทัด 5 เส้น ด้วยการไล่ชื่อเรียงกันไป 51 แบบฝึกหัดที่ 1 51 เริ่มจ�าโน้ตทีละ 2-3 ตัว โดยอ่านออกเสียงเรียกชื่อโน้ตทีละตัว 52 แบบฝึกหัดที่ 2 52


รู้จักสัญลักษณ์ดนตรีและสัดส่วนโน้ตเพิ่มเติม

ระยะห่างของระดับเสียงโน้ต เครื่องหมายแปลงเสียง (Accidentals) สรุปโน้ตที่รวมเครื่องหมายแปลงเสียง แบบฝึกหัด โน้ตประจุด (Dotted Note) สรุปค่าโน้ตพื้นฐานและสัญลักษณ์ที่ใช้ประกอบ เครื่องหมายย้อน

53

รู้จักบันไดเสียงและเครื่องหมายก�าหนดบันไดเสียง

63

บันไดเสียง (Scale) 64 เครื่องหมายก�าหนดบันไดเสียง (Key Signature) 65 ขั้นของบันไดเสียง 66 โครงสร้างบันไดเสียงเมเจอร์กับบันไดเสียงไมเนอร์โดยเปรียบเทียบ 66

รู้จักเครื่องหมายก�าหนดจังหวะเพิ่มเติม

54 55 58 59 60 61 62

69

เครื่องหมายก�าหนดจังหวะ 2/4 70 แบบฝึกหัดที่ 1 70 เครื่องหมายก�าหนดจังหวะ 3/4 71 แบบฝึกหัดที่ 2 71 เครื่องหมายก�าหนดจังหวะ 4/4 หรือ 3 72 แบบฝึกหัดที่ 3 72 เครื่องหมายก�าหนดจังหวะ 2/2 หรือ (C Cut) 73 แบบฝึกหัดที่ 4 3 73 เครื่องหมายก�าหนดจังหวะ 6/8 73 แบบฝึกหัดที่ 5 74 Pick up Note 74 แบบฝึกหัดที่ 6 74

 

 


โน้ตประดับ (Ornament)

75

การท�าให้เสียงราบรื่น 76 แบบฝึกหัดที่ 1 77 แบบฝึกหัดที่ 2 77 การรูดสาย (Slide) 78 แบบฝึกหัดที่ 3 78 การดันสาย (Bending) 79 แบบฝึกหัดที่ 4 80 การอุดสายด้วยมือขวา (Palm Mute หรือ Pick-hand Mute) 80 แบบฝึกหัดที่ 5 81 การอุดสายด้วยมือซ้าย (Fret-hand Muting หรือ Deaden String) 81 แบบฝึกหัดที่ 6 81 การท�าเสียงสั้น (Staccato) 82 แบบฝึกหัดที่ 7 82

Note & Tab Symbol

83


ล ก เ ส ะ ล แ ด ์ ร ้ อ การใชค งงานดนตรี เพื่อสร้า

ก่อนเข้าสู่บทเรียน ก่อนจะไปสู่เนื้อหาแรกเรามาท�าความเข้าใจกันก่อนว่า แต่ละส่วนของสื่อการสอน ชุดนี้มีความส�าคัญอย่างไร และน�าไปใช้อย่างไร ซึ่งแต่ละเรื่องจะเกี่ยวโยงกันจากส่วนเล็กๆ และซับซ้อนน้อย ไปสู่ส่วนที่ใหญ่ขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น เช่น

ขัน้ คู่ (Interval): เนือ้ หาในส่วนนีจ้ ะเป็นเรือ่ งเกีย่ วกับความสัมพันธ์ของโน้ต 2 ตัว ทัง้ ในแนว

นอน (Melody) คือการเคลือ่ นทีจ่ ากโน้ตตัวหนึง่ ไปอีกตัวหนึง่ ซึง่ จะน�ามาท�าให้เป็นแนวท�านอง และเมื่อศึกษาไปถึงเรื่องบันไดเสียง หรือในแนวตั้ง (Harmony) คือการที่โน้ต 2 ตัวเกิดเสียง ขึ้นพร้อมกัน เรื่องของขั้นคู่จะพ่วงเรื่องบันไดเสียงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะบันไดเสียงหนึ่ง จะประกอบด้วยขั้นคู่หลายชนิด จากเรื่องเหล่านี้ก็จะน�าไปสู่การสร้างคอร์ดโดยการน�าความรู้ เรื่องขั้นคู่ในบันไดเสียงมาใช้

คอร์ด (Chord): คือกลุม่ ของขัน้ คูต่ งั้ แต่ 3 ตัวขึน้ ไป และใช้ค ู่ 3 เป็นหลักในการผสมคอร์ด

(ในดนตรีร็อกอาจเรียกคู่ 5 ที่มีโน้ตเพียง 2 ตัวว่า คอร์ด) คอร์ดที่มีโน้ต 3 ตัวนั้นเรียกว่า Triad (ทรัยแอด) แปลว่า 3 และยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับคอร์ดที่มีโน้ต 4 ตัว ซึ่งมีโน้ตตัวที่ 7 เข้าไป เกี่ยวข้อง เรียกว่าคอร์ดเซเว่น ทั้งหมดนี้ก็ต้องน�าความรู้เรื่องขั้นคู่ในบันไดเสียงมาใช้ท�าให้เกิด คอร์ดไดอาโทนิกหรือก็คือคอร์ดในบันไดเสียงขึ้น

เทนชั่น (Tension): ในส่วนนี้จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนจากคอร์ดทรัยแอดและคอร์ดเซเว่น

ขึ้นไปอีก โดยเป็นการใช้โน้ตที่อยู่สูงกว่าคู่ 7 ขึ้นไปมาผสมคอร์ด ที่เรียกว่าเทนชั่นนั้นก็เพราะ เป็นโน้ตที่ท�าให้เกิดความรู้สึกตึงเครียด เมื่อผสมคอร์ดแล้วจะเกิดความไม่เสถียร นิยมใช้ใน ดนตรีแจ๊ซ ส�าหรับในเพลงแนวทั่วไปนั้นไม่ได้ใช้เป็นหลัก แต่สามารถใส่ให้เกิดสีสันได้ นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาอื่นๆ ที่จ�าเป็นต่อการน�าไปใช้สร้างงานดนตรี ทั้งเนื้อหาที่เป็น เรื่องพื้นฐานและเรื่องที่สูงขึ้น เมื่อท�าความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรื่องเหล่านี้แล้ว ก็จะสามารถน�าไปคิดงานดนตรีในแบบของตัวเองได้ต่อไป


ขั้นคู่

(Interval)


คอร์ดและสเกลเพื่อสร้างงานดนตรี

การใช้

ขั้นคู่ (Interval) ขั้นคู่ หมายถึง ระยะห่างระหว่างโน้ต 2 ตัว เป็นความสัมพันธ์ระหว่างโน้ตทั้ง 2 ตัว ทีบ่ อกทัง้ ระยะและลักษณะเสียง เมือ่ เล่นโน้ตทัง้ 2 ตัวทีละตัวหรือเล่นพร้อมกัน ก็จะเกิดเป็นคูเ่ สียง ขั้นคู่เป็นส่วนประกอบส�าคัญของคอร์ดซึ่งเกี่ยวข้องกับการประสานเสียง และเป็นพื้นฐานส�าคัญ ในการศึกษาทฤษฎีดนตรีตั้งแต่ระดับต้นจนถึงระดับสูง การที่จะอธิบายว่าโน้ต 2 ตัวของขั้นคู่นั้น ห่างกันเป็นระยะเท่าใดต้องค�านึงถึง 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เป็นตัวเลข และส่วนที่เป็นชนิดของขั้นคู่

ขั้นคู่ในส่วนที่เป็นตัวเลข ขัน้ คูใ่ นส่วนทีเ่ ป็นตัวเลขจะได้มาจากการนับระยะห่างระหว่างโน้ตทัง้ สองของขัน้ คู ่ โดยใช้ ชือ่ อักษรตัวโน้ตเป็นหลัก การนับชือ่ อักษรของตัวโน้ตให้นบั อย่างตรงไปตรงมา ไม่วา่ โน้ตตัวใดตัวหนึง่ หรือโน้ตทั้ง 2 ตัวจะมีเครื่องหมายแปลงเสียงก�ากับอยู่หรือไม่ก็ตาม ในการนับขั้นระยะขั้นคู่ให้ใช้ เฉพาะชื่ออักษรของตัวโน้ต และจะนับโน้ตทั้ง 2 ตัวรวมกันอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น โน้ต A กับโน้ต D ให้นับ A เป็นโน้ตตัวที่ 1 แล้วไล่ขึ้นไปตามล�าดับ จะได้ B เป็นโน้ตตัวที่ 2 และ C เป็นโน้ตตัวที่ 3 ส่วน D เป็นโน้ตตัวที่ 4 ฉะนั้นโน้ต A กับ D จึงมีความ สัมพันธ์เป็นคู่ 4 ในขณะเดียวกัน ถ้ามีเครื่องหมายแปลงเสียงที่โน้ต D หรือโน้ต A หรือทั้ง 2 ตัว ก็ยังนับว่า โน้ตทั้ง 2 ตัวดังกล่าวมีระยะห่างเป็นขั้นคู่ 4 ตัวอย่างเช่น โน้ต A กับ D# โน้ต Ab กับ D โน้ต A# กับ D# เพราะการนับขั้นคู่ในส่วนของตัวเลขจะใช้เฉพาะตัวอักษรของตัวโน้ตมาคิดเท่านั้น

  

2

 

 

 

 


CHORD & SCALE

ขั้นคู่ที่กว้างไม่เกินคู่ 8 เรียกว่า ขั้นคู่ธรรมดา (Simple Interval) ส่วนขั้นคู่ที่มีความกว้าง ตั้งแต่คู่ 9 ขึ้นไปเรียกว่า ขั้นคู่ผสม (Compound Interval) ซึ่งมีวิธีนับเหมือนกับขั้นคู่ธรรมดา

ชนิดของขั้นคู่ ขั้นคู่มี 5 ชนิด ได้แก่ เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ (Minor) เพอร์เฟกต์ (Perfect) ดิมินิชท์ (Diminished) และออกเมนเทด (Augmented) ใช้ตัวอักษรย่อ M, m, P, d, A ตามล�าดับ ใน การศึกษาขั้นคู่ให้เข้าใจนั้นจ�าเป็นต้องอิงกับบันไดเสียงเมเจอร์

ขั้นคู่เมเจอร์และขั้นคู่เพอร์เฟกต์ ในการคิดขัน้ คูน่ นั้ ให้ใช้บนั ไดเสียงเมเจอร์ในการคิดขัน้ คู ่ โดยอิงโน้ตแต่ละตัวกับโน้ตตัวแรก ของบันไดเสียง จะท�าให้ได้ขั้นคู่ประเภทเมเจอร์หรือเพอร์เฟกต์เท่านั้น ดังนี้

1 2 3 4 5 6 7

โน้ตตัวที่ 1 และโน้ตตัวที่ 2 ของบันไดเสียงเมเจอร์ห่างกันเป็นคู่ 2 เมเจอร์ โน้ตตัวที่ 1 และโน้ตตัวที่ 3 ห่างกันเป็นคู่ 3 เมเจอร์ โน้ตตัวที่ 1 และโน้ตตัวที่ 4 ห่างกันเป็นคู่ 4 เพอร์เฟกต์ โน้ตตัวที่ 1 และโน้ตตัวที่ 5 ห่างกันเป็นคู่ 5 เพอร์เฟกต์ โน้ตตัวที่ 1 และโน้ตตัวที่ 6 ห่างกันเป็นคู่ 6 เมเจอร์ โน้ตตัวที่ 1 และโน้ตตัวที่ 7 ห่างกันเป็นคู่ 7 เมเจอร์ โน้ตตัวที่ 1 และโน้ตตัวที่ 8 ห่างกันเป็นคู่ 8 เพอร์เฟกต์

3


คอร์ดและสเกลเพื่อสร้างงานดนตรี

การใช้

4

1 2 3 4 5 6 7

ในบันไดเสียง C Major ขั้นคู่ที่เกิดระหว่าง C กับ D คือ 2 เมเจอร์ ขั้นคู่ระหว่าง C กับ E คือ คู่ 3 เมเจอร์ ขั้นคู่ระหว่าง C กับ F คือ คู่ 4 เพอร์เฟกต์ ขั้นคู่ระหว่าง C กับ G คือ คู่ 5 เพอร์เฟกต์ ขั้นคู่ระหว่าง C กับ A คือ คู่ 6 เมเจอร์ ขั้นคู่ระหว่าง C กับ B คือ คู่ 7 เมเจอร์ ขั้นคู่ระหว่าง C กับ C ที่อยู่สูงขึ้นไป 1 ช่วงคู่ 8 คือ คู่ 8 เพอร์เฟกต์

P4

M2

 M3

P8

P5

 M6

M7


CHORD & SCALE

ด้วยหลักการเดียวกันนี้ สามารถใช้กับบันไดเสียงอื่นๆ ได้ โดยการเทียบจากบันไดเสียง C Major และอาจใช้การนับว่าขั้นคู่นั้นๆ มีระยะห่างจากโน้ตตัวแรกกี่ขั้นครึ่งเสียง (Semitone) เช่น ในบันไดเสียง A Major

1

ขั้นคู่ที่เกิดระหว่าง A กับ B เป็นคู่ 2 เมเจอร์ เพราะเป็นขั้นคู่ระหว่าง โน้ตตัวที่ 1 และโน้ตตัวที่ 2 ในบันไดเสียงเมเจอร์

2 3 4 5 6 7

ขั้นคู่ระหว่าง A กับ C# (โน้ตตัวที่ 3) คือ คู่ 3 เมเจอร์ ขั้นคู่ระหว่าง A กับ D (โน้ตตัวที่ 4) คือ คู่ 4 เพอร์เฟกต์ ขั้นคู่ระหว่าง A กับ E (โน้ตตัวที่ 5) คือ คู่ 5 เพอร์เฟกต์ ขั้นคู่ระหว่าง A กับ F# (โน้ตตัวที่ 6) คือ คู่ 6 เมเจอร์ ขั้นคู่ระหว่าง A กับ G# (โน้ตตัวที่ 7) คือ คู่ 7 เมเจอร์

ขั้นคู่ระหว่าง A กับ A (โน้ตตัวที่ 8) ที่อยู่สูงขึ้นไป 1 ช่วงคู่ 8 คือ คู่ 8 เพอร์เฟกต์

M2

 M3

P4

P8

P5

 M6





M7

5


คอร์ดและสเกลเพื่อสร้างงานดนตรี

การใช้

ยังมีขั้นคู่อีก 1 ชนิด เรียกว่า ขั้นคู่ 1 เพอร์เฟกต์ หรือขั้นคู่ยูนิซัน ขั้นคู่ชนิดนี้มีระยะห่าง ระหว่างโน้ตตัวนั้นๆ กับโน้ตตัวเดียวกัน หมายความว่าเป็นเสียงเดียวกันนั่นเอง จะพบได้ในเพลง ที่มีการเล่นเครื่องดนตรี 2 ชิ้นขึ้นไปแล้วเล่นโน้ตตัวเดียวกัน



การฝึกคิดขั้นคู่ด้วยการทดเสียง หลักการคิดขั้นคู่เมเจอร์และขั้นคู่เพอร์เฟกต์นั้น ในบางกรณีอาจยุ่งยากถ้าโน้ตตัวล่าง เป็นโน้ตที่มีเครื่องหมายแปลงเสียงต่างๆ เช่น #, b วิธีคิดให้ง่ายขึ้นก็คือ ให้คิดโน้ตตัวนั้นโดยที่มี เครื่องหมายแปลงเสียงติดอยู่ แล้วจึงทดเสียงภายหลัง ตัวอย่างเช่น ถ้าโจทย์ให้หาโน้ตที่อยู่สูงกว่า G# เป็นคู ่ 5 เพอร์เฟกต์ ลองใช้วธิ เี ปลีย่ นโจทย์ให้เป็น G ทีไ่ ม่มเี ครือ่ งหมายชาร์ปก่อน จะได้คา� ตอบ เป็น D เพราะ D เป็นโน้ตตัวที่ 5 ของบันไดเสียง G Major จึงเป็นคู่ 5 เพอร์เฟกต์ เมื่อได้ดังนี้ แล้วก็ทดเสียงโน้ตทั้ง 2 ตัวขึ้นไปครึ่งเสียง ชนิดของขั้นคู่ก็จะยังคงเดิม ดังนั้น D# ก็จะเป็นคู่ 5 เพอร์เฟกต์ของ G# เช่นกัน เมื่อได้หลักดังนี้ Db ก็เป็นคู่ 5 เพอร์เฟกต์ของ Gb เช่นเดียวกัน

  

6

 

 

 


CHORD & SCALE

ขั้นคู่ไมเนอร์ ขั้นคู่ดิมินิชท์ และขั้นคู่ออกเมนเทด ขั้นคู่เมเจอร์และขั้นคู่เพอร์เฟกต์ ใช้เป็นหลักในการคิดขั้นคู่อีก 3 ชนิด คือ ขั้นคู่ไมเนอร์ ขั้นคู่ดิมินิชท์ และขั้นคู่ออกเมนเทด ขั้นคู่ไมเนอร์ (m) คือขั้นคู่ที่แคบกว่าขั้นคู่เมเจอร์ครึ่งเสียง ขั้นคู่ดิมินิชท์ (d) คือขั้นคู่ที่แคบกว่าขั้นคู่ไมเนอร์หรือขั้นคู่เพอร์เฟกต์ครึ่งเสียง ขั้นคู่ออกเมนเทด (A) คือขั้นคู่ที่กว้างกว่าขั้นคู่เมเจอร์หรือขั้นคู่เพอร์เฟกต์ครึ่งเสียง ฉะนั้นขั้นคู่ประเภทเมเจอร์ (คู่ 2, 3, 6, 7) จะมีขั้นคู่ได้อีก 3 ชนิด คือ ขั้นคู่ไมเนอร์ ขั้นคู่ดิมินิชท์ และขั้นคู่ออกเมนเทด แต่ขั้นคู่ประเภทเพอร์เฟกต์ (คู่ 1, 4, 5, 8) จะมีขั้นคู่ได้อีก เพียง 2 ชนิด คือ ขั้นคู่ดิมินิชท์และขั้นคู่ออกเมนเทด ความสัมพันธ์ของขั้นคู่ต่างๆ อาจเขียนเป็นรูปเพื่อให้เข้าใจง่ายได้ดังนี้ ดิมินิชท์ (d) <------------ ไมเนอร์ (m) <---------- เมเจอร์ (M) -------> ออกเมนเทด (A) ดิมินิชท์ (d) <----------- เพอร์เฟกต์ (P) -----> ออกเมนเทด (A) (แคบลงครึ่งเสียง) <-------------------------------------------------------------------> (กว้างขึ้นครึ่งเสียง)

ตัวอย่างเช่น โน้ต C กับ G เป็นคู่ 5 เพอร์เฟกต์ ถ้าขั้นคู่นี้กว้างอีกครึ่งเสียง เช่น Cb กับ G หรือ C กับ G# ก็จะกลายเป็นคู่ 5 ออกเมนเทด แต่ถ้าขั้นคู่นี้แคบลงอีกครึ่งเสียง เช่น C# กับ G หรือ C กับ Gb ก็จะกลายเป็นคู่ 5 ดิมินิชท์ ตัวอย่างเช่น โน้ต C กับ E เป็นคู่ 3 เมเจอร์ ถ้าขั้นคู่นี้กว้างขึ้นอีกครึ่งเสียง เช่น Cb กับ E หรือ C กับ E# ก็จะกลายเป็นคู่ 2 ออกเมนเทด ถ้าขั้นคู่นี้แคบลงครึ่งเสียง เช่น C# กับ E หรือ C กับ Eb ก็จะกลายเป็นคู่ 3 ไมเนอร์ และถ้าขั้นคู่นี้แคบลงอีก เช่น Cx (C ดับเบิลชาร์ป) กับ E หรือ C กับ Ebb (E ดับเบิลแฟล็ต) ก็จะกลายเป็นคู่ 3 ดิมินิชท์

7


คอร์ดและสเกลเพื่อสร้างงานดนตรี

การใช้

ขั้นคู่เอ็นฮาร์โมนิก ขั้นคู่เอ็นฮาร์โมนิก คือขั้นคู่ที่มีระดับเสียงเดียวกัน แม้จะมีชื่อหรือการเขียนแตกต่างกัน ซึ่งเป็นขั้นคู่ที่ต่างกันตามทฤษฎี เช่น C-D# หรือ C-Eb มีระดับเสียงเหมือนกัน แต่คู่ C-D# เป็น คู่ 2 ออกเมนเทด ส่วน C-Eb นั้นเป็นคู่ 3 ไมเนอร์ ขั้นคู่เอ็นฮาร์โมนิกทั้งหมด 11 คู่ ในระยะ 1 ช่วงคู่ 8 ได้แก่

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11

8

คู่ 1 ออกเมนเทดกับคู่ 2 ไมเนอร์ ห่างกันครึ่งเสียง เช่น C-C# กับ C-Db คู่ 2 เมเจอร์กับคู่ 3 ดิมินิชท์ ห่างกัน 2 ครึ่งเสียง (1 เสียง) เช่น E-F# กับ E-Gb คู่ 2 ออกเมนเทดกับคู่ 3 ไมเนอร์ ห่างกัน 3 ครึ่งเสียง (1.5 เสียง) เช่น F-G# กับ F-Ab คู่ 3 เมเจอร์กับคู่ 4 ดิมินิชท์ ห่างกัน 4 ครึ่งเสียง (2 เสียง) เช่น A-C# กับ A-Db คู่ 3 ออกเมนเทดกับคู่ 4 เพอร์เฟกต์ ห่างกัน 5 ครึ่งเสียง (2.5 เสียง) เช่น Bb-D# กับ Bb-Eb คู่ 4 ออกเมนเทดกับคู่ 5 ดิมินิชท์ ห่างกัน 6 ครึ่งเสียง (3 เสียง) เช่น D-G# กับ D-Ab คู่ 5 เพอร์เฟกต์กับคู่ 6 ดิมินิชท์ ห่างกัน 7 ครึ่งเสียง (3.5 เสียง) เช่น D#-A# กับ D#-Bb คู่ 5 ออกเมนเทดกับคู่ 6 ไมเนอร์ ห่างกัน 8 ครึ่งเสียง (4 เสียง) เช่น Eb-B กับ D#-B คู่ 6 เมเจอร์กับคู่ 7 ดิมินิชท์ ห่างกัน 9 ครึ่งเสียง (4.5 เสียง) เช่น A-F# กับ A-Gb คู่ 6 ออกเมนเทดกับคู่ 7 ไมเนอร์ ห่างกัน 10 ครึ่งเสียง (5 เสียง) เช่น Bb-G# กับ Bb-Ab คู่ 7 เมเจอร์กับคู่ 8 ดิมินิชท์ ห่างกัน 11 ครึ่งเสียง (5.5 เสียง) เช่น E-D# กับ E-Eb



สอนโดย อ.แดง กีตาร

ประสบการณทางดานดนตรีกวา 50 ป และสอนดนตรีมากวา 30 ป

สื่อการสอนชุดนี้จะเนนใหคำแนะนำเกี่ยวกับการนำคอรดและสเกลมาใชเพื่อการเขียนเพลงและแตงเพลง สำหรับนักกีตา ร โดยอาจารยจะเนนใหเห็นวา การเรียนดนตรีนน้ั ไมใชเรือ่ งของการเลียนแบบ แตสาระสำคัญของ การเรียนดนตรีคือ การบริหารจัดการเรื่องเสียงใหไปในทิศทางที่เราตองการ สำหรับผูท ซ่ี อ้ื สือ่ การสอนชุดนีจ้ ะตองมีความรู ในดานการอานโนตไดพอสมควร การนำคอรดและสเกลมาใช นัน้ ไมไดหมายถึงการจับคอรดหรือการตีคอรดแบบธรรมดาๆ ทัว่ ไป แตตอ งจับคอรดแบบโมเดิรน แบบมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีการสอนเทคนิคการแตงเพลง การวางทำนอง การสรางคอรด และการนำลูกเลนของการโซโล กีตารสอดแทรกเขาไปอยู ในบทเพลงตางๆ อีกดวย สือ่ การสอนชุดนีจ้ งึ เหมาะสำหรับคนทีอ่ ยากเปนนักกีตา ร นักดนตรีมอื อาชีพ ครูสอนดนตรี หรือนักดนตรี ในหองอัดเสียงใหมคี วามเปนมืออาชีพมากยิง่ ขึน้ แมแตคนที่ไมมโี อกาสเขาไปเรียนในสถาบันก็สามารถนำวิสยั ทัศน ที่ไดจากสื่อการสอนชุดนี้ไปประยุกต ในการพัฒนาตนเอง และยังเหมาะสำหรับผูที่ตองการหาประสบการณแต มีเวลานอยอีกดวย

ตัวอยางใน DVD

ISBN 978-616-527-124-0

การใชคอรดและสเกลเพ�่อสรางงานดนตร� DVD : 2 แผน ราคา : 240 บาท

9

786165

271240


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.