โดย ศิรญ ิ ญา ศรีหารักษา
¤ÃÙæ¹¹ I Get English ฉบับนี้ขอพาคุณผูอานไปรูจักกับ คุณอริสรา ธนาปกิจ หรือ ครูแนน Edutainer คนเกง แหง Enconcept E-Academy โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษยอดนิยมของนักเรียนมัธยม ตนฉบับการสอนภาษาอังกฤษ ดวยเสียงเพลง สื่อการสอนบันเทิงยุคใหมที่ทําใหนักเรียนเขาถึงภาษาอังกฤษไดงายและสนุกสนานขึ้น
¤ÃÙæ¹¹
¤ÃÙæ¹¹
อยากใหครูแนนชวยเลาประสบการณการเรียนภาษาอังกฤษของตนเอง แนนก็เรียนตามปกติคะ เกิดคําถามขึ้นในใจวาทําไมในทีวีหรือที่อาจารยสอนบางทีออกเสียงไม เหมือนกัน พยายามไมอยูเฉยรอคุณครูปอนอยางเดียว จะตองขวนขวายหาประสบการณนอก ตําราดวย การหาประสบการณจริงกับฝรั่งจริงๆ จะเปนการออกไปตรอกขาวสารเพื่อลองฝกพูดคุย กับฝรั่ง อีกอยางที่สําคัญคือดูหนังฟงเพลงภาษาอังกฤษเยอะๆ เพราะเปนวิธีที่ชวยไดมากทีเดียวคะ รูสึกตัววาชอบภาษาอังกฤษเมื่อไหรคะ แนนชอบภาษาอังกฤษตั้งแตเด็ก รูสึกชอบและขวนขวายตอนที่ไดเรียนภาษาอังกฤษกับอาจารย ชาวตางชาติ ชอบวิธีการสอน อาจารยสอนตลกแถมมีเทคนิคการสอนที่ไมเหมือนอาจารยคนอื่น จะใชเกมสอน อาจารยชื่ออาจารยแพทริค เปนชาวอเมริกัน ตอนนั้นแนนยังอยู ม.ตนอยูเลย แลว ก็ยังไมเกงภาษาอังกฤษดวย อยากพูดกับอาจารยใหรูเรื่องสื่อสารเขาใจ แนนคิดวาเพื่อนคนอื่น พูดไดเราก็ตองพูดใหไดเหมือนกัน ก็เลยเกิดความคิดวาการเรียนในหองเรียนอยางเดียวคงไมพอ 41
แลวละ จึงหาวิธีที่จะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ซึ่งวิธีของแนนก็คือไปถนนขาวสารไปหาฝรั่งคุย ดวย ใสชุดนักเรียนไปเลย พอฝรั่งเห็นวาเปนเด็กก็จะคุยดวยเพราะคิดวาเราคงไมไดไปแสวงหา ผลประโยชนใดๆ ก็ถือไดวาเปนจุดเริ่มตนที่ดีจริงๆ กลาพูดมากขึ้น แลวทําใหเราตองทองคําถาม เวลาที่จะไปถามฝรั่งดวยอยางเชน Have you been to Chiangmai yet? What is your favorite Thai food? มีเปนสิบคําถามเลยตอนแรกเราก็จะยังฟงไมออก เคาตอบอะไรมาก็ Oh, Really? I see. ตามเรื่องตามราว แตก็มีความภูมิใจเพราะวาเราไดพูดไปแลว เรียกไดวานี่เปน จุดเริ่มตน
¤ÃÙæ¹¹
¤ÃÙæ¹¹
จากประสบการณการสอนภาษาอังกฤษของครูแนน อะไรคือปญหาในการเรียนภาษา อังกฤษของเด็กไทย และจะแกปญหานั้นไดอยางไร ปญหาแรกสุด แนนคิดวาเปนเรื่องของการเรียนการสอนที่ผิดพลาดมาจึงทําใหทัศนคติของเด็ก เปนลบ เด็กหลายคนจึงรูสึกเกลียดวิชาภาษาอังกฤษและมีความรูสึกวาภาษาอังกฤษเปนอะไรที่ ตองทองจํา มีความรูสึกวาทําไมมันยากแบบนี้ ทําไมตองเรียน Grammar หัวโต กอนอื่นตอง เปลี่ยนทัศนคติจากลบเปนบวกกอน ใหการเรียนรูภาษาอังกฤษนั้นเปนการเรียนรูจากความสุข คนเราถาทําอะไรแลวมีความสุขก็อยากจะทํามันอีก แนนจึงใชเพลงเปนสื่อในการสอนคะ อะไรคือแรงบันดาลใจใหสอนภาษาอังกฤษเปนเพลงคะ ก็คือแนนไดใกลชิดกับเด็กๆ และไดเห็นถึงวิถีชีวิตของเด็กๆ วาเคาฟงเพลงแบบไหน มีชวงที่เด็กๆ เคานิยมฟงเพลงของวง X Japan ในเพลงจะมีทอนภาษาอังกฤษแทรกอยู I love you baby.... I miss you…so much แนนก็รูสึกวาเปนอะไรที่แปลกดีที่เด็กๆ ชอบฟงเพลงแนวนี้ เราก็เกิด ไอเดียวาเรานาจะมีเพลงไทยที่แทรกภาษาอังกฤษเขาไป แตถาเปนเพลงภาษาอังกฤษไปเลยเอา มาเรียนก็ดูจะนาเบื่อจนเกินไป แนนอยากสรางความแปลกใหมโดยที่มีเพลงเปนของตัวเองทีโ่ ดนใจ วัยรุนบาง การทํางานเราทํางานกันเปนทีมมีนักแตงเพลงหลายคนมากชวยกันแตงเพลงเอง เด็ก ที่มาเรียนที่นี่ก็แตงสงมา เริ่มจากทํานองงายๆ รองกับกีตารโปรง แลวทําเพลงดนตรีหลากหลาย มาก มีทั้ง POP ROCK R & B แหล ลูกทุง เพลงของเราที่แตงกันขึ้นมาไมเนนใหถูกรสนิยม เรา จะเนนบรรยากาศที่แปลกใหมในหองเรียน เพราะฉะนั้นยิ่งแปลกเด็กยิ่งจําได ยิ่งแปลกเด็กยิ่งนึกถึง บริบทหรือสิ่งที่อยูรายรอบของคําศัพท ไวยากรณและบทสนทนานั้นๆ ได คือในเพลงจะมีทั้ง รากศัพท บทสนทนา กลุมคําที่มีความหมายเหมือนกัน และกลุมคําที่มีความหมายตรงกันขามกัน
42
เขียนจดหมายอยางมือโปร โดย มนัญยา แสงพันธุ
สวัสดีคะ ขอตอนรับเขาสูคอลัมน English for Correspondence ในสวนของคอลัมนนองใหมนี้จะ มีเนื้อหาเหมาะสําหรับผูที่มีใจรักการเขียน และตองการฝกฝนทักษะการเขียนจดหมายภาษาอังกฤษหลากหลายรูปแบบ เพราะแมวาในปจจุบันความกาวหนาทางเทคโนโลยีนั้นจะทําใหเราติดตอสื่อสารกันไดรวดเร็วขึ้น แตบทบาทของ จดหมายในหลายๆ ดานก็ยังไมไดถูกลดทอนไป ยิ่งไปกวานั้นรูปแบบของการเขียนจดหมายก็ไมเคยหยุดนิ่ง มันมี การพัฒนาไปตามวิวัฒนาการของภาษาและตามยุคสมัย เชน จดหมายทาง e-mail เปนตน เราจึงตองคอยติดตามเรียนรู แนวทางการเขียนอยูเสมอ เพื่อใหจดหมายของเราสามารถทําหนาที่สื่อความหมายไดอยางครบถวนสมบูรณเมื่อ ยามผูรับอานขอความในจดหมายนั้น จดหมายทั่วไปทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จะประกอบไปดวยสวนประกอบหลักๆ ทั้งหมด 7 สวน คือ X หัวจดหมาย (Letter head) เปนสวนที่ใหขอมูลเกี่ยวกับผูสงจดหมาย เชน ที่อยูพรอมเบอรโทร ถาเปนจดหมาย สวนตัวจะมีหรือไมมีสวนนี้ก็ได แตถาเปนจดหมายทางธุรกิจถือวาเปนสวนสําคัญที่จะขาดไมได Y วันที่ (Date) มักจะอยูใต Letter head ที่นิยมใชมี 2 แบบ คือ 2.1. แบบอเมริกัน M/D/Y (เดือน/วัน/ป) จะใชเดือนนําหนากอนแลวตามดวยวันและป เชน March 1, 2007 หรือ Mar. 1, 2007 2.2. แบบอังกฤษ D/M/Y (วัน/เดือน/ ป) จะใชวันนําหนากอนตามดวยเดือนและป เชน 1 March 2007 หรือ 1 Mar. 2007 หรือ 1st March, 2007
65
รูจกั ฝรัง่ จากวัฒนธรรม โดย ดุจเดือน
การสื่อสารในยุคปจจุบันนี้ พัฒนาไปไวราวสายฟาแลบ ยกตัวอยางงายๆ เชน จากเมื่อกอนเราสงสาร ทางไกลกันดวยนกพิราบ แตเดี๋ยวนี้มีอินเตอรเนต แคเราคลิกทีเดียวผูรับอีกซีกโลกก็ไดรับสารจากเราแลว ซึ่งเปน ผลงานการสรางสรรคทางเทคโนโลยีสุดล้ําของมนุษยผูปราดเปรื่องนั่นเองละคะ แหม มนุษยเราไมมีอํานาจพิเศษ อะไรนี่นา จะหายตัวไปหากันหรือก็ทําไมได สงโทรจิตก็ทําไมเปนอีก นึกๆ แลวจึงเกิดคําถามขึ้นมาวา พวกเทพเจา จากเทพปกรณัมกรีกเคาสื่อสารกันอยางไรนะ จะผานดาวเทียมเหมือนพวกเราหรือไม วันนี้เราจะมาถอดรหัสหา คําตอบกันคะ ตํานานที่จะนําเสนอในครั้งนี้ เปนเรื่องราวเกี่ยวกับผูสงสารของเทพเจา (Messenger of Gods หรือ Herald of Gods) เนื่องจากเทพเจากรีกตําแหนงบิ๊กๆ เคาจะไมลงมาสื่อสารกับมนุษยดวยตัวเอง เปรียบไปก็ คลายๆ กับเจานายที่มีเลขาสวนตัวคอยอํานวยความสะดวกในการทํางานให เทพองคนี้มีนามวา “เฮอรเมส” (Hermes) เปนลูกชายคนหนึ่งของซูส เทพจอมเจาชู ผูเปนใหญเหนือเทพทั้งปวง แตเปนลูกชายที่เกิดขึ้นแบบแอบๆ จากความมากรักของซูส เลยไมคอยออกหนาออกตาเทาไรนัก คืนหนึ่งซูสแอบยองเขาหานางไมเมอา (Maia) กลางดึกขณะที่เทพองคอื่นๆ หลับกันอยู หลังจากนั้นเมอาก็ไดคลอดลูกในถ้ําแหงหนึ่งตอนรุงสางของคืนนั้นเอง นับวาเฮอรเมสเจริญเติบโตไวมากทีเดียวนะคะ เมอาเอาผาหอลูกชายเอาไวแลวผล็อยหลับไป ฝายเฮอรเมสอยูใน หอผาเกิดอึดอัด บิดตัวไปมาจนหลุดจากหอผาออกมาได แลวหนีไปเที่ยว เขาเดินทางไปถึงแควน Thessaly บังเอิญ เปนจังหวะเดียวกับที่อพอลโลพี่ชายตางมารดากําลังเลี้ยงฝูงแกะอยู เฮอรเมสคอยจนไดโอกาสเหมาะจึงขโมยฝูงแกะ ไปซอน ระหวางทางเขาฆาเตาแลวเอากระดองกับลําไสของวัวมาทําเปนเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ซึ่งถือวาเปนพิณอัน แรกของโลก
10
โดย จิ๊บ
the war is on the kitchen table
By Myrna Garanis (มีรนา การานิส)
ในโลกที่การสื่อสารตางๆ ทั้งฉับไว และสะดวกสบาย ผูบริโภคอยางเราๆ ตางก็ไดรับขอมูลขาวสารมากมาย ซะจนชินชา หรือมากไปกวานั้น ก็อาจจะไมมีเวลาแมแตจะแยกแยะวาจะเลือก “เสพ” หรือ “ไมเสพ” อะไร เหตุการณ ตางๆ ที่เกิดขึ้นไมวาดี-ราย ใกล-ไกล ไดถูกยนยอลงมาในรูปแบบของขาว ผานสื่อตางๆ สารพัด ซึ่งคอยๆ คืบคลาน เขามาเปนสวนหนึ่งของชีวิตเราอยางไมอาจปฏิเสธได บทกวีในฉบับนี้ ไดใหภาพอันแจมชัดของกระบวนการที่สื่อไดเขา มามีอิทธิพลตอชีวิตของเรา และทําใหเราตกอยูในสภาพ “ผูรับ” อยางไมอาจขัดขืน
the war is on the kitchen table
สงครามอยูบนโตะกินขาวนี่เอง
the war is on the kitchen table the war is on the kitchen table waiting to be read, I brew the coffee black as buildings charred, collapsed, I load the toast with butter, chew my way through cluster bombs, smear raspberry jam on screaming headlines which do not disappear I flip the page to guaranteed results: hockey scores, ice dance competitions, there the gains and losses line up in soldierly columns, no wavering parades of souls, filing down disfigured roads, walking, falling, left behind, long after the page is closed
สงครามอยูบนโตะกินขาวนี่เอง สงครามอยูบนโตะกินขาว รอคอยใหฉันอาน ฉันชงกาแฟบดที่มีสีดําเหมือนบรรดาตึก ที่ถูกเผาจนไหมเกรียม - - ลมครืน ฉันโปะเนยไปบนขนมปง เคี้ยวพลางเดินลุยผานเหลาระเบิดดาวกระจาย ปายแยมราสเบอรรี่ลงบนพาดหัวขาวที่กรีดรอง และไมยอมหายไปจากหวงนึก ฉันพลิกเปลี่ยนหนาเพื่อเช็คผล แตมฮอคกี้ และการแขงขันเตนบนลานน้ําแข็ง มีรายนามผูแพ ผูชนะ เรียงรายเปนระเบียบราวแถวทหาร ไมมีสัญญาณบงบอกถึงวิญญาณ พวกเขาเรียงแถวเขาสูถนนอันบิดเบี้ยว เดิน ลมลง ถูกทิ้งไวเบื้องหลัง เนิ่นนานหลังจากหนากระดาษถูกปด 13
อานจนจบแลว รูหรือยังคะวา เจาสงครามที่อยูบนโตะกินขาวเนี่ย มันมากับอะไร ใชแลวละคะ มันอยูบนหนาหนังสือพิมพนี่เอง บทกวี บทนี้แตงโดย Myrna Garanis เปนสวนหนึ่งของรวมบทกวีนิพนธ 100 Poets Against the War Redux. (100 กวีตานสงคราม) ที่ ถึงแมจุดประสงคหลักของผูแตงจะเปนไปเพื่อตอตานสงคราม แต อีกสิ่งหนึ่งซึ่งเดนชัดมากในบทกวีบทนี้ก็คือ อิทธิพลของสื่อที่เขามา แทรกแซงความเปนไปในชีวิตของผูบริโภค ซึ่งแมวาในแงหนึ่งจะชวย ใหบุคคลทั่วไป ไดรับรูขาวสารและมีสวนรวมในเหตุการณตางๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม แตใน ขณะเดียวกัน มันก็ไดกาวล้ําเสนแบงระหวางพื้นที่สวนตัวของเรากับพื้นที่สาธารณะ ทําให เราไมสามารถใชชีวิตไดอยางอิสระ แมแตในพื้นที่สวนตัวอยางโตะกินขาวในบานเราเอง ดูจากชื่อบทกวีก็พอจะทราบแลวนะคะ “สงคราม” ที่เคาสูรบตบตีกันอยูไกลแสนไกล กลับลอยมาอยูบนโตะอาหารได พื้นที่ในสมรภูมิรบกับพื้นที่ในหองครัว เลยตีกันมั่วซั่ว ไมรูอะไรเปนอะไร จากบทกวี ผูแตงไดอาน (หรืออยางนอยก็เห็น) ภาพของสงคราม ซึ่งเต็มไป ดวยความสูญเสีย มีการเผาตึก ทิ้งระเบิด การเดินทัพของเหลาทหารที่พลีชีพเพื่อ ชาติ ฯลฯ พอจะกินอะไรที ขาวปลาอาหารก็เลยพลอยมีรูปรางหนาตาสัมพันธกับสิ่งที่ตัวเองไดเห็นผานหนังสือพิมพ ไปโดยอัตโนมัติ ไมวาจะเปนสีของกาแฟที่เหมือนตึกที่มอดไหมเปนตอตะโก หรือแยมราสเบอรรี่ซึ่งสีก็ออกแนวช้ํา เลือดช้ําหนอง นาจะโยงไปถึงสีเลือดไดเปนอยางดี ที่สําคัญก็คือ ถึงแมผูพูดจะพยายามไมรับไมรู โดยการเปดผาน ไปดูขาวกีฬาก็ตาม ภาพหลอนของเหลาทหารก็ยังตามติดไปไมลดละ จนแมแตรายชื่อของผูแพ-ชนะในเกมการ แขงขัน ก็ยังเรียงกันเปนแถวเปนแนวเหมือนกับแถวทหารไปจนได อานไปแลว ก็นึกถึงขาวบนหนาหนังสือพิมพ ของเราทุกวันนี้นะคะ เพราะมันใหอารมณไมไดตางไป จากที่เขียนบรรยายเอาไวในบทกวีเลย ทําไปทํามาดูจะ แยกวาซะดวยซ้ํา ไมวา จะเปนขาวอุบัติเหตุที่ยานพาหนะ บุ บบิบบูบ้ี ผูโดยสารรางกายแหลกเหลวหรื อ ขาว อาชญากรรม ตีรันฟนแทงตางๆ สิ่งเหลานี้ถูกวางอยู บนโตะอาหารที่บานเรา (รวมทั้งตามรานรวงตางๆ) เชนเดียวกัน จะวาไปก็นาขํานะคะ ที่ผูหลักผูใหญใน บานเมืองคอยแตจะหวั่นวิตกวา ลูกหลานเยาวชนจะ ไดรับสื่อรับภาพที่สรางมลภาวะทางจิตใจจากสื่อยุคใหม อยางอินเตอรเน็ต ทั้งๆ ที่สื่อบานๆ อยางหนังสือพิมพก็ ไดทําหนาที่ถายทอดภาพเหลานี้อยางเต็มประสิทธิภาพ ของมันมาหลายปดีดักแลว
สิ่งนากลัวอีกอยาง ที่สะทอนออกมาจากบท กวีบทนี้ก็คือ นาสงสัยมากวา คนเราสามารถจะกลืน อะไรตอมิอะไรลงคอไปไดยังไง ในขณะที่ไดรับรูถึง หายนะและความสูญเสียของผูอื่น หากไมดูปดความ รับผิดชอบหรือดูเขาขางมนุษยมากเกินไปนัก ก็คงตอง โทษสื่อนี่ละคะ ที่ทําใหภาพตางๆ ดังกลาว กลายเปน ภาพปกติที่คนเห็นกันจนชินตา ไมไดสรางความหวาด ผวาใหกับผูอานเหมือนเมื่อครั้งแรกๆ ที่เห็น กลายเปน วาอุบัติเหตุ อาชญากรรม สงคราม เปนเรื่องปกติที่เรา ไดแตรับรู...และเพิกเฉย ถามองในแงนี้แลว สื่อก็ยิ่งนา กลัวเขาไปอีกหลายเทานะคะ เพราะมันไมไดทําหนาที่ ทางสังคมอีกตอไป หากแตทําหนาที่ทางเศรษฐกิจ คือ การ “ขาย” ขาวตางๆ เทานั้น 14
เกงอังกฤษจากเพลง โดย ซิน
Hugh Grant & Haley Bennet หลังจากที่ชวงเวลาที่รอนที่สุดของปผานพนไป อากาศจึงลดอุณหภูมิลงมาบางแลวประกอบ
กับสายฝนที่โปรยปรายลงมาใหเราไดชุมฉ่ํากัน ตอนนี้มองไปทางไหนก็สัมผัสไดถึงบรรยากาศโรแมน ติกที่อบอวลไปทั่ว Sing from Soul ฉบับนี้จึงขอเติมอารมณเย็นๆ สบายๆ ใหกับคุณผูอานดวยเพลง นารักๆ ประกอบหนังแนวกุกกิ๊กเรื่อง Music and Lyrics ซึ่งมีชื่อวา Way Back Into Love คนที่ไป ดูหนังเรื่องนี้แลวเชื่อวาตองแอบปลื้มเพลงนี้กันไมมากก็นอย สวนคนที่ไมไดไปดูขอเลานิดนึงคะวา เพลงนี้นะ Hugh Grant นักแสดงหนุมมากฝมือชาวอังกฤษเขาลงทุนขับรองเองเลยนะคะ โดยรองคู กับนักแสดงหนาใหม Haley Bennett อยากใหลองฟงเพลงนี้กันดูคะ รับรองวาทั้งดนตรี (music) และเนื้อรอง (lyrics) จะทําใหคุณยิ้มไดแนนอน
I've been living with a shadow overhead I've been sleeping with a cloud above my bed I've been lonely for so long Trapped in the past, I just can't seem to move on
ฉันดําเนินชีวิตโดยมีเงาพาดผานอยูตลอดมา ฉันนอนหลับไปโดยมีเมฆอยูเหนือเตียง ฉันโดดเดี่ยวมาแสนนาน ติดอยูกับความหลัง เหมือนวาจะไมสามารถกาวไปขางหนาได
I've been hiding all my hopes and dreams away Just in case I ever need them again someday I've been setting aside time To clear a little space in the corners of my mind
ฉันซอนความหวังและความฝนเอาไว เผื่อวาจะตองการมันอีกครั้งในสักวันหนึ่ง ฉันผัดผอนที่จะใชเวลา เพื่อจะหาที่วางใหซอกเล็กๆ ของใจ
สิ่งที่ฉันตองการก็แคหาทางกลับไปสูความรัก All I want to do is find a way back into love I can't make it through without a way back into love ฉันทําอะไรไมไดหากปราศจากเสนทางกลับสูความรัก
28
I've been watching but the stars refuse to shine
ฉันเฝามองดูอยู แตดวงดาวทั้งหลายกลับปฏิเสธที่จะ สองแสง ฉันเฝาคนหาแตก็ไมพบสัญญาณใดๆ เลย แตฉันรูวามันมีอยูจริง ตองมีบางสิ่งสําหรับจิตวิญญาณของฉันอยูที่ไหนสักแหง
I've been searching but I just don't see the signs I know that it's out there There's got to be something for my soul somewhere I've been looking for someone to shed some light Not somebody just to get me through the night I could use some direction And I'm open to your suggestions All I want to do is find a way back into love I can't make it through without a way back into love And if I open my heart again I guess I'm hoping you'll be there for me in the end
ฉันเฝาตามหาคนมาใหแสงสวางแกตัวฉัน ไมใชแคคนที่จะผานค่ําคืนไปดวยกันเทานั้น ฉันสามารถใชทิศทางเหลานั้น และฉันเปดกวางสําหรับคําแนะนําของคุณเสมอ สิ่งที่ฉันตองการก็แคทางกลับไปสูความรัก ฉันทําอะไรไมไดหากปราศเสนทางกลับสูความรัก และหากฉันเปดใจอีกครั้ง ฉันคงหวังใหคุณมีอยูจริงสําหรับฉันในทายที่สุด
There are moments when I don't know if it's real Or if anybody feels the way I feel I need inspiration Not just another negotiation
มีชวงเวลาที่ฉันเองก็ไมรูวามันเปนความจริงหรือไม หรือมีใครรูสึกแบบที่ฉันรูสึกหรือเปลา ฉันตองการแรงบันดาลใจ ไมใชการเจรจาตอรองอะไรอีก
All I want to do is find a way back into love I can’t make it through without a way back into love And if I open my heart to you I’m hoping you’ll show me what to do And if you help me to start again You know that I’ll be there for you in the end
สิ่งที่ฉันตองการก็แคทางกลับไปสูความรัก ฉันทําอะไรไมไดหากปราศเสนทางกลับสูความรัก และหากฉันเปดใจใหคุณ ฉันหวังวาคุณจะทําใหฉันรูวาควรทําสิ่งใด และหากคุณจะชวยใหฉันเริ่มตนไดอีกครั้ง คุณคงรูวาฉันจะเปนของคุณในทายที่สุด
29
รูจักที่มาของคําศัพท โดย มนัญยา แสงพันธุ
เพื่อนๆ เคยฟงตํานานกรีกโบราณไหมคะ ใน ตํานานเหลานั้น มักจะมีสัตวประหลาดหลากหลายชนิด เปนตัวเดินเรื่องอยูดวย ซึ่งแนนอนทีเดียววาหนึ่งในนั้น ตองมีมังกร หรือ Dragon เจาสัตวประหลาดที่มีรูปราง ขนาดใหญมี 1 หัว หรือบางทีก็มีหลายหัวในตัวเดียว ถาเวลาใครทําใหมันโกรธมันก็จะพนไฟออกทางปากและ จมูกใสผูนั้น และถามันโดนศัตรูทํารายใหบาดเจ็บ เลือด ของมันจะไหลออกมาเปนสีแดงในตอนแรก จากนั้น มันจะสามารถเปลี่ยนสีเลือดของตัวเองไดตามใจตองการ แลวพวกเราทราบกันไหมวาเจามังกรมันมาซอนอยูใน คลังศัพทของเราตั้งแตเมื่อไร มันอาจจะมาจากนิทานที่ แมเลาใหเราฟงตอนเด็กๆ หรือมาจากตํานานเลาขาน ตางๆ ที่เคยฟงมา และดูเหมือนวาเจามังกรนี่มันจะมี ถิ่นที่อยูกระจายอยูในหลายๆ ทวีปดวยสิคะ สังเกต จากตํานานมังกรที่อยูในเรื่องเลาของหลายๆ ชาติ ไม วาจะเปนตํานานมังกรของจีนที่คนไทยเราคุนเคยกันเปน อยางดี หรือจะเปนมังกรของฝรั่งที่หนาตาไมคอยจะ เหมือนมังกรจีนสักเทาไร แตเอ...จะวาไปพญานาคใน ตํานานของคนไทยก็พนไฟไดนี่นา ชักนาคิดแลวสิว า ทั้ ง หมดที่ ก ล า วมา จะมี ที่ ม าเกี่ ย วข อ งกั น อย า งไร มังกรมีจริง หรือเปนเพียงแคจินตนาการของมนุษยกัน แน เมื่อความสงสัยของมนุษยไมเคยสิ้นสุด เราจึงตอง
ทําการเปดตําราคนควาเพื่อไขขอของใจจนไดความ กระจาง ดังนี้
ยอนกลับไปในอดีตอันไกลโพน ในสมัยกรีก โบราณ คําวา Drakon มีความหมายวา Serpent (งูขนาดใหญ) ใชเรียกสิ่งมีชีวิตที่มีรูปรางคลายงูและมี ลําตัวขนาดใหญ เชน เรียก Boa (งูเหลือม) และ Python (งูหลาม) วา Dragon ในขณะที่คนโรมันผูใชภาษาละติน ในสมัยนั้นใชคําวา Draco ในความหมายเดียวกันกับ Serpent (งูใหญ) แตมีลักษณะเพิ่มเติมคือเปน งูที่มีปก (แสดงวางูที่อาณาจักรโรมันตองมีปกแนๆ) ตอมาเมื่อทั้ง 2 อาณาจักรมีการติดตอแลกเปลี่ยนความรูกันมากขึ้น แนนอนวา ตองมีการแลกเปลี่ยนยืมคําศัพทกันใชดวย ความหมายของคําวา Drakon และ Draco ทั้งของ กรีกและโรมันจึงกลมกลืนกัน จนเปนคําเดียวมีความ หมายเดียว คือ “Drakon หมายถึง งูใหญที่มีปก” 61
จดจําไวพรอมใชไดทนั ที โดย ครูกานต
ในโลกแหงการสื่อสาร คําวา media หรือแปลงายๆ วา “สื่อ” นั้นดูเหมือนจะเปนสวนหนึ่งของชีวิตคนยุคนี้ ไปเสียแลว แตละวันมีผูคนมากมายที่ตื่นเชามาตองอานหนังสือพิมพ ขึ้นรถตองฟงวิทยุ และกลับถึงบานตองเปด โทรทัศนดูหนังฟงขาว และบางคนยังตองมีคอมพิวเตอรไวตออินเตอรเน็ตเพื่ออัพเดตขาวสารเรื่องราวตางๆ อยูเสมอ อีกดวย คําวา media แปลวา “สื่อ” (เปนรูปพหูพจนของคําวา medium) สวนคําวา mass media ที่เราคุนหูกันดีนั้น จะมีความหมายวา “สื่อมวลชน” หรือในความหมายนี้เราอาจเรียกยอๆ วา the media ก็ได บางคนพอพูดถึงคําวา media ก็อาจจะนึกไปถึงสื่อทางโทรทัศนกอนเลย แตที่จริงแลวคํานี้รวมไปถึงสื่อทางวิทยุ หนังสือพิมพ และสิ่งตีพิมพ อื่นๆ อีกดวย เชน นิตยสารและขาวสารขอมูลทางอินเตอรเน็ต เรามาดูไปพรอมๆ กันนะคะวาคําศัพทที่เกี่ยวของกับ สื่อตางๆ มีอะไรนาสนใจใหเก็บไปพูดใหติดปากติดใจกันบาง Television คําวา television (โทรทัศน) หรือที่เรียกยอๆ วา TV (ทีวี) นั้นยังมี ชื่อเลนอยูอีก 2-3 ชื่อ เชน telly หรือ the box ในภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ หรือ the tube ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน สวนกริยา “ดูโทรทัศน” ที่คนไทย ชอบพูดสั้นๆ วา “ดูทีวี” นั้น ฝรั่งเขาใชวา to watch TV เหมือนกันสรุปวา ถาจะพูดใหเปนทางการหนอยก็ใชคําวา to watch television แตถาพูดแบบ สบายๆ ก็ใช to watch TV นะคะ ถาจะพูดถึง “ชอง” ก็ใหใชคําวา station หรือ channel คะ จะ เปลี่ยนชองก็คือ to change หรือ to switch the channel สวนที่จะเปลี่ยน ชองไปเรื่อยๆ เพือ่ หารายการที่นาสนใจ ตองใชคําวา to channel-surf (ไมตอง มีกรรมตามหลัง) 57
แลวในโทรทัศนมีอะไรใหชมบาง เรื่องนี้แลวแตความชอบสวนตัวนะคะ แตที่ผูชม (audience หรือ viewer) นิยมมากก็จะเปนคําที่จะนําเสนอตอไปนี้ ขาว news รายการขาว newscast สารคดี documentary ชวงโฆษณา commercial รายการโฆษณาสินคาที่มีการสาธิตการใชสินคา infomercial (แบบ TV direct) ละคร (น้ําเนาหรือไมก็ได) ที่ไมจบในตอน soap opera ละครจบในตอนที่ฉายตอเนื่องเปนประจํา series ละครตลกจบในตอนที่ฉายตอเนื่อง situation comedy หรือเรียกสั้นๆ วา sitcom หนัง (ภาพยนตร) movie รายการเกมโชว game show รายการสัมภาษณ talk show (ภาษาอังกฤษแบบอังกฤษ ใช chat show) รายการสด live show รายการทั่วๆ ไป (ไมระบุประเภท) show หรือ program
**คําวาขาว (news) แมจะมีรูปเหมือนคํานามเอกพจนแตที่จริงแลวเปนคํานามนับไมไดจึงตองใชกับกริยาในรูปเอกพจน
เวลาอยูบานดูหนังในโทรทัศนอยู แลวเพื่อนโทรมาถามวา What are you doing? (ทําอะไรอยู) เราสามารถ พูดตอบไปไดวา I’m watching a movie. บางคนอาจจะสงสัยวา เอ... แลวเวลาไปดูหนังตามโรงภาพยนตรละจะพูด เหมือนกันรึเปลา จะในกรณีนี้เราใชคําเดียวกันก็ไดคะ เชน A: Would you like to go watching a movie with me? (ไปดูหนังดวยกันไหม) หรือจะใชคําวา to see ที่ปกติแปลวา เห็น ก็ได เชน B: Sure! What are you going to see? (ไปสิ จะไปดูเรื่องอะไรละ) คําวา to watch นั้น คอนขางจะเนนการกระทํา คือการดูหนัง เชน ถาพูดวา A: I watched that awful movie for three and a half hours. (ฉันนั่งดูหนังแยๆ นั่น อยูไดตั้งสามชั่วโมงครึ่ง) ประโยคนี้จะเนนการกระทําวาไดนั่งดูหนังเรื่องนั้นอยูนาน สวนถาใชคําวา see จะไมเนนการกระทํา (การดู) เทากับการที่ไดชมหนังโดยรวม เชน
58