โดย Snoring Beauties
หากจะกลาวถึงนักรองสาวรุนใหมมากความสามารถ แนนอนวาหนึ่ง ในนั้นตองมี ลีเดีย ศรัณยรัชต วิสุทธิธาดา รวมอยูดวยแนนอน นอกจาก เธอจะมีความสามารถดานการรองเพลงแลว ความสามารถทางดานการเรียน ของเธอก็ยังนับไดวายอดเยี่ยมอีกดวย วันนี้ I Get English จะพา คุณผูอานไปสัมผัสมุมมองของเธอเกี่ยวกับภาษาอังกฤษแบบ Inside Out พรอมกับเคล็ดลับดีๆ สําหรับผูที่กําลังเตรียมตัวไปศึกษาตางประเทศ
Lydia
Lydia
Lydia
ตอนนี้ลีเดียกําลังศึกษาอยูชั้นไหนคะ? ตอนนี้ลีเดียก็หยุดเรียนไปกอนคะ หลังจากที่เรียนจบเกรด 12 เดียก็สอบติดที่ Northwestern กับ Harvard คะ ที่ Northwestern สอบสาขา Biotech ก็คือชีวะคะ สําหรับอีกโรงเรียนนึงก็จะ เปน Economics ก็คือ เศรษฐศาสตร จริงๆ ตองไปตอเมืองนอกแลว แตก็ยังไมไดไปคะ แลวที่เรียนม.ปลายเรียนสายอะไรคะ? คือโรงเรียนอินเตอรจะไมมีเปนสายอะไรคะ แตจะเรียนแบบครอบคลุมทุกอยาง ทุกคนเรียนเหมือนกันหมด แลวก็สามารถจะเขามหาวิทยาลัยแบบไหนก็ได? ใชคะ ก็อาจจะมีวิชาเลือกบางวิชาที่เราเลือกเรียนเพิ่ม เชน ชีวะ หรือ Economics อะไรอยางนี้ คะ ก็ตองดูวาเราอยากเรียนอะไร 37
Lydia
Lydia
Lydia
Lydia
Lydia
ลีเดียเรียนที่โรงเรียนนานาชาติมาตลอดเลยหรือเปลาคะ? ใชคะ แตก็เคยเรียนโรงเรียนไทยชวงอนุบาล 1-2-3 แลว ก็คอยเขาประถม ตอนประมาณ 2-3 ขวบจะเรียนอยูที่ เซนตฟรังก จากนั้นก็เรียนนานาชาติมาตั้งแต 5 ขวบ ก็ เลยคอนขางจะพูดภาษาอังกฤษแข็งกวาภาษาไทยคะ (หัวเราะ) แลวอยางนี้มีปญหาเรื่องการรองเพลงบางไหมคะ? ก็ชวงแรกๆ คนเคาก็บอกรองไมคอยชัดคะ แตก็ดีขึ้นแลว นะคะ เพราะตอนแรกจะใชภาษาอังกฤษอยางเดียว ภาษาไทยไมคอยใช ที่บานก็คุยแตภาษาอังกฤษ ถาปะปากับแมนี่คือจะคุยเปนภาษาไทย แตวาถาคุยกับนองๆ จะคุยภาษาอังกฤษ คือภาษาไทย ก็คลองละคะ แตวาอาจจะใชภาษาอังกฤษไดดีกวา แลวเรื่องการเขียนภาษาไทย ก็เขียนได แตอาจจะไมสละสลวย ภาษาไทยในโรงเรียนนานาชาติมีการเรียนการสอนอยางไรบางคะ? ที่โรงเรียนของเดีย ถาเปนคนไทยเขาจะบังคับใหเรียนภาษาไทยดวยคะ เดียไมรูวาโรงเรียนทั่วไป เรียนยังไงกัน แตวาในคลาสภาษาไทยที่โรงเรียนเดียเนี่ย เคาก็จะมีสอนพวกเรื่องรามเกียรติ์ วรรณคดี แลวก็สอนวิธีการสะกด คือพยายามสอนทุกอยางใหครอบคลุมคะ มาที่เรื่องของภาษาอังกฤษกันบางดีกวานะคะ การที่ลีเดียมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีมาก มีสวน ชวยใหสอบเขาเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงไดดวยหรือเปลา? ใชคะ เรียกไดวา 100 เปอรเซ็นตเลย เพราะวามันเปนโรงเรียนที่สอนเปนภาษาอังกฤษอยูแลว และการที่จะสอบเขา สมัครเขา ก็ตองเขียนทุกอยางเปนภาษาอังกฤษ เรียนเปนภาษาอังกฤษ กับคนที่พูดภาษาอังกฤษ การที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีก็ตองไดเปรียบอยูแลว
38
Speak like a Farang By James Slatcher
“Hi and welcome back to ‘Chat with Jim’.” สวัสดีและขอตอนรับกลับสูคอลัมน “คุยกับจิม”ครับ I hope you’ve had the opportunity to try out the introductions from last time. We have a saying in English, which is “Practice makes Perfect”, and this is very true with regards to learning a second language – the more you practice the better you’ll become.
ผมหวังวาคุณผูอ านคงจะมีโอกาสลองฝกการแนะนําตัว กันไปบางแลวในครั้งที่ผานมานะครับ ในภาษาอังกฤษ มี สํานวนอยูสํานวนหนึ่งวา “Practice makes Perfect” (การฝกฝนทําใหเกิดความชํานาญ หรือยิ่งฝกก็ยิ่งเกง) และมันก็เปนความจริงอยางยิ่งดวย สําหรับเรือ่ งการเรียน ภาษาที่สอง ยิง่ คุณฝกมากเทาไร ก็ยิ่งเกงขึ้นเทานั้น
In this issue we’re going to expand the introduction into a short conversation by adding a question. After we have made the introduction, it is polite to ask a non-intrusive personal question such as;
สําหรับฉบับนี้ เราจะจับประเด็นการแนะนําตัวมาขยาย ตอเปนบทสนทนาสั้นๆ โดยเพิ่มคําถามเขาไป หลังจากที่ เราแนะนําตัวไปแลว จะเปนการสุภาพถาเราถามคําถาม สวนตัวที่ไมเปนการกาวกาย อยางเชน
Where are you from? What do you do? Where are you staying in Thailand? Do you like Thailand?
คุณมาจากที่ไหน/ประเทศอะไรครับ คุณทํางานอะไรครับ คุณพักอยูที่ไหนในประเทศไทยครับ คุณชอบประเทศไทยไหมครับ
In one of our examples in the next page we have used “Really, where in England are you from, Stuart?” but any of the questions above are ok. 5
ในตัวอยางหนาถัดไปอันหนึ่งเราใช “Really, where in England are you from, Stuart?” แตประโยคตัวอยางจากดานบนก็สามารถ นํามาใชไดทุกประโยคไมมีปญหาครับ
Wanlaya: วัลยา: Somchai: สมชาย: Stuart: สจวต: Wanlaya: วัลยา: Somchai: สมชาย:
Somchai, I'd like you to meet Stuart. สมชาย ฉันอยากแนะนําใหคุณรูจกั กับสจวตคะ
Nice to meet you. ยินดีที่ไดรูจักครับ
How do you do.
ยินดีที่ไดรูจักครับ
Stuart comes from Chester in England.
สจวตมาจากเมืองเชสเตอร ประเทศอังกฤษคะ
Oh, really?
อาว จริงหรือครับ
Other phrases that you can use in such conversations include “It's a pleasure to meet you.” “Glad to meet you.” or “Pleased to meet you.”
วลีอื่นที่คุณสามารถใชไดในบทสนทนาแบบนี้ ก็คือ “It's a pleasure to meet you.”, “Glad to meet you.” หรือ “Pleased to meet you.” (ยินดีที่ไดรูจักคุณ)
Wanlaya: Somchai, I'd like you to meet Stuart. Wanlaya: วัลยา: สมชาย ฉันอยากแนะนําใหคุณรูจกั กับ วัลยา:
Somchai, I'd like you to meet Stuart.
Somchai: สมชาย: Stuart: สจวต: Wanlaya: วัลยา: Somchai: สมชาย:
How do you do.
สจวตคะ
It's a pleasure to meet you.
Somchai: ยินดีที่ไดรูจักครับ สมชาย: How do you do. Stuart: ยินดีที่ไดรูจักครับ สจวต: Stuart comes from Chester in England Wanlaya: สจวตมาจากเมืองเชสเตอร ประเทศอังกฤษคะ วัลยา: hmmm, interesting. Somchai: อา อยางนั้นหรือครับ
In informal situations, such as at a party or disco, introductions are also made by just saying: "This is (name)." In these situations the common response is often simply "Hi" or "Hello".
สมชาย:
สมชาย ฉันอยากแนะนําใหคุณรูจกั กับ สจวตคะ ยินดีที่ไดรูจักครับ
Glad to meet you, Somchai. ยินดีที่ไดรูจักครับ คุณสมชาย
Stuart comes from England.
สจวตมาจากประเทศอังกฤษคะ
Really, where in England are you from, Stuart? จริงเหรอครับ มาจากที่ไหนในประเทศ อังกฤษครับ
ในสถานการณที่ไมเปนทางการ อยางเชน ในงานเลี้ยงหรือ ดิสโกเธค สามารถแนะนําคนใหรูจักกันโดยใชแคประโยค “This is...” (นี่คือ...(ตามดวยชื่อ))ไดดวย ซึ่งในสถานการณ เหลานี้ บอยครั้งคําตอบก็จะเปนแคการพูดงายๆ วา "Hi" (สวัสดี/หวัดดี/วาไง) หรือ "Hello". (สวัสดี/หวัดดี/วาไง)
6
ยอนรอยชีวิตคนดัง
by Thanchanok Lornak
If someone asked you to think about the most beautiful woman, it is quite certain that series of Hollywood celebrities, such as, Angelina Jolie, Catherine Zeta Jones, or Jessica Alba, will immediately come up in your mind. The most surprising point, however, is why Thai prominent peope are not given priority instead, even though there are many of them who become acceptable and well-known among foreigners. The famous person in this issue is one who has become the real legend of Thailand. หากบางคนขอใหคุณคิดถึง ผูหญิงที่สวยที่สุด แนนอนเลยวาภาพของบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงฮอลลีวูด อาทิ แองเจลินา โจลี, แคทเธอรีน ซีตา โจน, หรือเจสสิกา อัลบา จะปรากฏขึ้นในใจคุณทันที แตสิ่งที่นาประหลาดใจที่สุด ก็คือ ทําไมคนไทยที่มีชื่อเสียงจึงไมไดถูกนึกถึงเปนลําดับแรก ทั้งที่มีคนไทยจํานวนไมนอยที่ไดรับการยอมรับและเปนที่รูจักอยาง ภาพจาก: นิตยสาร LIPS กวางขวางในหมูชาวตางประเทศ บุคคลที่มีชื่อเสียงประจําฉบับนี้ คือ ผูที่กลายเปนตํานานอันแทจริงของประเทศไทย
54
Young generation might be unfamiliar with her name, Porntip Nakhirunkanok, or Bui for a nickname. She was once the most beautiful woman in Thailand and in the world. Bui, who was born on February 7, 1968 in Chachoengsao province, is the first of the two daughters of Udom and Sonklin Nakhirunkanok. Her father was a member of a string band named “On The Rock”. At the age of 2, Bui and her family moved to the United States of America. She holds a master’s degree in psychology from Pepperdine University, USA.
คนรุนใหมอาจจะไมคุนกับชื่อของเธอมาก นัก เธอชื่อวา ภรณทิพย นาคหิรัญกนก ชื่อเลน ปุย ครั้งหนึ่งเธอเคยเปนผูหญิงที่สวยที่สุดในประเทศไทย และในโลกนี้ ปุยเกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ ป พ.ศ. 2511 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เธอเปนบุตรสาวคนโตของ นายอุดม และนางซอนกลิ่น นาคหิรัญกนก คุณพอ ของเธอเปนสมาชิกของวงดนตรีชื่อวา “ออน เดอะ ร็อค” ขณะที่อายุเพียง 2 ขวบ ปุยและครอบครัวไดยายไป ยังประเทศสหรัฐอเมริกา ปุยสําเร็จการศึกษาสูงสุด ระดับปริญญาโทดานจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัย เพบเพอรดีนในสหรัฐอเมริกา
When Bui was 15 years old, she began to participate in beauty contests. Her first stage was Miss California Teen USA pageant where she was placed as first runner-up. In 1984, she joined the Thai beauty pageant, Tida Dome, held by the alumni of Thammasart University. Although Bui was third runner-up at the pageant, she never felt discouraged or gave up. In the following year, Bui competed in the pageant again and was ranked as first runner-up.
ปุยเริ่มเขารวมการประกวดความงาม เมื่ออายุเพียง 15 ป เวทีแรกของเธอ คือ การ ประกวดมิสทีนยูเอสเอของรัฐแคลิฟลอเนีย ซึ่งเธอไดรับตําแหนงรองอันดับ 1 จากนั้นในป พ.ศ. 2527 เธอเขารวมการประกวดธิดาโดม ซึ่งจัดโดย สมาคมศิษยเกามหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร แมวาจะไดรับตําแหนงรอง อันดับ 3 จากเวทีนี้ แตปุยไมเคยรูสึกทอถอย หรือยอมแพ เธอจึงกลับมาประกวดธิดาโดม อีกครั้งในปตอมา และในครั้งนี้เธอไดตําแหนง รองอันดับ 1
55
รูจักที่มาของคําศัพท โดย ดุจเดือน
ทํางานแลวก็ยังมีเจา deadline นี่ตามมาหลอกหลอน ไมเคยเปลี่ยน มาสืบใหรูกันไปเลยดีกวาวา เจาคําแสน ทรงอิทธิพล (ตอการเสร็จหรือไมเสร็จของงานเรา) นี้ มันมีที่มาอยางไร และถางานเราไมเสร็จตาม deadline เราจะเดดสะมอเรกันจริงหรือเปลา ไปหาคําตอบพรอมๆ กันนะคะ ยอนกลับไปในชวงป ค.ศ. 1864 ซึ่งเปนชวง สงครามกลางเมืองของอเมริกา (นึกภาพตามนะคะวา ทุกสิ่งทุกอยางลวนสับสนวุนวาย กฎระเบียบเขมงวด เทานั้นที่จะเอาอยู) ณ คายกั กกันนั กโทษที่เมือ ง Andersonville มีการออกกฎขึ้นมาขอหนึง่ เพื่อควบคุม นักโทษ โดยมีเนื้อหาอยูวานักโทษมีสิทธิที่จะเดินไป เดินมาทําอะไรก็ได ภายในวงเสนที่ทางการกําหนด ซึ่งมีความกวาง 17 ฟุต หากนักโทษฝาฝนขามเสนที่วา ออกมาเมื่อไร เจาหนาที่ที่เฝาอยูมีสิทธิที่จะยิงนักโทษ คนนั้นใหตายไดทันที โดยจะมีการเตือนนักโทษทุกคน
ภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่บีบคั้นทุกวันนี้ ทําใหคุณผูอานรูสึกเครียดกันบางหรือเปลาคะ เชื่อวา คุณผูอาน I Get English ไมวาจะรุนเล็ก รุนใหญก็คง โดนพิษของมันกันไปถวนหนาในระดับตางๆ กันไป ชวงนี้ ก็ตองอดทนกันไวกอนนะคะ อยาเพิ่งไปคิดอะไรมากตอง รับผิดชอบหนาที่ของตัวเองไวใหดีกอน เชน นองๆ วัย เรียนก็ตองขยันเรียน คุณผูอานที่โตแลวก็ตองรับผิดชอบ เรื่องหนาที่การงานไมใหขาดตกบกพรอง ผูเขียนเองก็ เชนกันคะ ตอนนี้ก็ตองพยายามอยางมาก ที่จะหา เรื่องราวมาบอกเลาใหคุณผูอาน ไดอานกันแบบมีสาระ ปนบันเทิง เอ ฉบับนี้จะยกคําวาอะไรมาเลาสูกันฟงดีนะ นี่ก็ใกลเสนตายที่ทางกองบรรณาธิการกําหนดแลวดวยสิ อะ นึกออกแลวละ เอาคํานี้เลยแลวกันนะคะ “เสนตาย” หรือในภาษาอังกฤษวา deadline นี่แหละ คาดวาทุก คนก็คงคุนเคยกับมันดีใชไหมเอย ตอนที่ผูเขียนยังเรียน อยูก็ปวดหัว หวานอมขมกลืนกับมันมาพอสมควร ตอน 51
อานบทกวีกันมาก็หลายบทหลายตอนแลว แต I Get English ก็ยังไมเคยนําผลงานของ “ขาใหญ” ตัวจริงของวงการวรรณกรรมมาใหอานกันสักที วันนี้ฤกษงาม ยามดีวาดวย เรื่อง beauty (ความงาม) เลยถือโอกาสนําผลงานของทาน William Shakespeare มาใหเชยชมกันซะเลย ดูซิวา ระดับเช็คสเปยรแลว บทจะกลาวชมนางขึ้นมาจะกิบ๊ เกยูเรกา ขนาดไหน
(ซอนเน็ตบทที่ 130)
ดวงตาของแฟนฉันไมเหมือนดวงตะวันเลยสักนิด My mistress' eyes are nothing like the sun; Coral is far more red than her lips' red; If snow be white, why then her breasts are dun; If hairs be wires, black wires grow on her head. I have seen roses damasked, red and white, But no such roses see I in her cheeks; And in some perfumes is there more delight Than in the breath that from my mistress reeks. I love to hear her speak, yet well I know That music hath a far more pleasing sound; I grant I never saw a goddess go; My mistress when she walks treads on the ground. And yet, by heaven, I think my love as rare As any she belied with false compare.
ดวงตาของแฟนฉันไมไดสวางแจงเหมือนดวงตะวัน สีแดงของปะการังนั้นก็แดงเกินกวาสีปากหลอนเปนไหนๆ ถาหิมะเรียกวาขาว หนาอกหลอนก็กระดํากระดาง ถาเสนผมจะเหมือนเสนลวดได ลวดดําๆ นี่ก็งอกอยู เต็มหัวหลอน ฉันเคยเห็นกุหลาบมอญขาวแดงงามงด แตไมยักกะเห็นมันบนแกมของหลอน และก็มีกลิ่นหวนชวนหอมนาดอมดม มากกวาลมหายใจที่สงกลิ่นหึ่งมาจากแฟนฉัน ฉันชอบฟงหลอนพูด แตฉันก็รูดี วามีเสียงดนตรีที่ไพเราะกวาเปนไหนๆ ฉันพูดไดวาไมเคยเห็นนางฟานางสวรรค แฟนฉันก็เดินแบบบานๆ นี่แหละ แตถึงอยางนั้น...สวรรคเอย ฉันก็คิดวาแฟนฉันนั้นพิเศษเกินกวาจะถูกเปรียบเทียบ ผิดๆ เชนนี้
William Shakespeare 41
กอนที่จะไปดูความหมายของบทประพันธ ลองมาดูรูปแบบของงานชิ้นนี้กันกอนสักนิดนึงนะคะ รอยกรอง ที่เรียกวา sonnet จะมี 14 บรรทัด โดยโครงสรางของสัมผัสก็จะแตกตางกันไปตามแตชนิดของ sonnet สําหรับ ชนิดที่เราอานกันนี้ Shakespeare เปนผูออกแบบเอง เราจึงเรียกวา Shakespearean sonnet โดยไฮไลทมักจะ อยูที่ 2 วรรค (ซึ่งก็คือ 2 บรรทัด) สุดทาย เพราะจะมีการหักมุมใหผูอานไดงุนงงกันกอนในคราวแรก จนตองอาน ยอนกลับไปอีกรอบสองรอบจึงจะหายมึน (ถาใครอานแลวลื่นไหลดีไมงง ตองสํารวจตัวเองแลวนะคะ ☺) ซอนเน็ตบทนี้ บรรยายถึงความงามของหญิงอัน เปนที่รักของผูพดู ซึ่งยิ่งอานยิ่งดูไมงาม ทั้งหนาตาผม เผา ผิวพรรณ ไมไดชักชวนใหจนิ ตนาการตามเลยแมแต นอย เรียกไดวา ไมมีอะไรเด็ดๆ ดีๆ เหมือนสาวสวยคน อื่นๆ เลย จะเห็นไดวาผูพูดเอาแตปฏิเสธ “ความ เหมือน” กับสรรพสิ่งรอบตัวที่ไดชื่อวา “งดงาม” ตาม แบบฉบับของความงามตามมาตรฐาน ไมวาจะเปน ความสุกสวางของดวงอาทิตย หรือสีแดงสดของปะการัง หนําซ้ํายังเอาเสนผมของแฟนไปเปรียบเทียบกับลวดหงิกๆ งอๆ ที่ตางกันอยางสุดขั้วกับผมยาวสลวยดําขลับของ ผูหญิงสวยคนอื่นๆ พาลใหผูอานคิดไปวา เกิดเปนแฟน ตาคนนี้ นี่ชางโชครายเสียจริง โดนวิจารณจิกกัดซะ เสียคนเลย แตแลวผูพูดก็มาหักมุมเอาตรง 2 บรรทัด
สุดทายที่วา “แฟนฉันพิเศษเกินกวาจะถูกเปรียบเทียบ ผิดๆ เชนนี้” เอาละสิ ความแตกตางจากสิ่งสวยงาม ทั้งหลาย กลายเปนความ “พิเศษ” ความธรรมดาของ หญิงอันเปนที่รักกลายเปนสิ่งที่ไมเหมือนใครและไมมี ใครเหมือน ราวกับวาผูพูดไมแยแสสักนิดวาสิ่งรอบกาย จะสวยงามแค ไ หน และไม แ คร ว า หญิ ง สาวที่ ต น รั ก จะสวยตาม “แบบฉบับ” นั้นๆ หรือไม เขารูเพียงวา สิ่งที่เปนนางนั้น ไมอาจนํามาเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นใด ทั้งสิ้น นี่ละคะ วิธีชมสาวแบบเช็คสเปยร ถาหนุมๆ คนไหนอยากจะหยิบยืมไปใชบางก็ไดนะคะ ตอไปก็ถึง คราวหยิบเกร็ดภาษาจากขาใหญผูนี้ไปใชกันบางคะ
somebody/something + v. to be + nothing like somebody/something ใคร/อะไร ไมเหมือนกันเลยสักนิดกับ ใคร/อะไร หากอยากบอกวาใครหรืออะไร ไมเหมือนกับอีกอยางแมแตนอยนิด ก็ลองใชสํานวนนี้ไดเลย The new school is nothing like the old one. I miss my old friends there. โรงเรียนใหมไมเหมือนที่เดิมเลยสักนิด ผมคิดถึงเพื่อนเกาที่นั่น นอกจาก v. to be แลว เรายังสามารถใชสํานวนนี้กับ linking verbs ตัวอื่น เชน look, seem, appear, etc. ก็ได เชน You won’t believe that he’s Jessica’s brother. He looks nothing like her. เธอตองไมเชื่อแนเลยวาเขาเปนนองชายยัยเจสซิกา เขาดูไมเหมือนหลอนเลยซักกะติ๊ด (ก็ไมรูเหมือนกันนะคะวา เจสซิกานี่ดูดีหรือดูแยกันแนนะคะ แตที่แนๆ คือ นองชายของเธอจะตองเปนขั้ว ตรงขามของเธอเลยทีเดียว) 42