เขียนจดหมายอยางมือโปร โดย มนัญยา แสงพันธุ
สวัสดีเพื่อนๆ ชาว I Get English ผูที่มีความมุงมั่นในการพัฒนาศักยภาพ ทางดานภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะทักษะการเขียนจดหมาย และสําหรับผูที่กําลังหา งานทําอยูหามพลาดหัวขอที่เราจะลงรายละเอียดในฉบับนี้เด็ดขาด นั่นคือการเขียน จดหมายสมัครงานแบบที่ 2 มีชื่อวา A letter containing information about qualifications and expertise จดหมายสมัครงานประเภทนี้เหมาะสําหรับผูที่เพิ่ง เรียนจบหรือพูดงายๆ วาประสบการณยังเบบี๋ ไมคอยมีสรรพคุณใดๆ ไวอวดอางวา ที่นายจางมากนัก จึงตองพึ่งเทคนิคการโฆษณาแบบมวนเดียวจบ กลาวคือ เปนการ บรรยายคุณสมบัติของตัวเองทั้งหมดไวในจดหมายสมัครงานเพียงอยางเดียว โดยไม ตองมี resume แนบทาย (และยังเปนการแสดงทักษะทางภาษาอังกฤษและการ เขียนจดหมายไปในตัว) โดยองคประกอบหรือโครงสรางของมันก็เหมือนจดหมาย ธุรกิจทั่วไปที่เคยใหตัวอยางไวในฉบับกอนๆ แตมีสวนที่ตองเนนคือ ตัว body หรือเนื้อหาของจดหมายที่ตองเขียนใหเปนสัดสวนดวยเนื้อหาที่กระชับ ไมวกวน เพื่องายตอการอานและทําความเขาใจ สําหรับผูที่มีประสบการณการทํางานมากๆ ก็สามารถเขียนจดหมายสมัครงานประเภทนี้ไดเหมือนกัน แตตองมั่นใจแลววา ตัวเองมีทักษะการเขียนดีพอที่จะดึงดูดผูอานใหอานเนื้อความทั้งหมดจนจบ 19 |
www.iGetEnglish.com
เนือ้ หาของจดหมายสมัครงาน (Body) ประกอบดวยสวนตางๆ ดังนี้ 1. Introduction/
Opening 2. Personal Details 3. Education
คือสวนที่บอกสาเหตุของการเขียนจดหมายและบอกแหลงที่มาของประกาศ รับสมัครงาน คือสวนที่บอกเกีย่ วกับประวัติสวนตัว เชน อายุ ความสูง เปนตน
4. Work Experience
คือสวนที่บอกเกีย่ วกับประวัติการศึกษา เชน วุฒิการศึกษา ทักษะความชํานาญ เปนตน คือสวนที่บอกถึงประสบการณการทํางานหรือการฝกงาน
5. Closing
คือสวนลงทายจดหมาย ซึ่งตองสุภาพและแสดงความมั่นใจ
โครงสรางจดหมาย ที่อยูผูสมัคร วัน เดือน ป
ชื่อ ตําแหนง ผูรับ (ถามี) แผนก ชื่อบริษัท และที่อยู Dear Sirs, ยอหนาที่ 1 ยอหนาที่ 2 ยอหนาที่ 3 ยอหนาที่ 4 ยอหนาที่ 5
Introduction หรือ Opening Personal Details Education Work Experience Closing Yours faithfully, ลายเซ็นผูสมัคร 20 |
www.iGetEnglish.com
ภาษาอังกฤษงายๆ ที่ ใชไดจริง By Teacher Jerry
ชวงนี้อากาศเปลี่ยนอีกแลวนะคะ คุณๆ อาจจะเจ็บไข ไมสบายกันบาง วันนี้ครูจึงอยากจะชวนคุยเรื่องสุขภาพ และอาการเจ็บปวย (Health and Illness) ทั้งในกรณีที่ใชพูดคุยกับเพื่อนๆ หรือไถถามคนรูจักรูใจที่เราหวงใย รวมทั้ง เวลาที่คุณตองไปพบแพทยที่ (อาจจะ) ไมพูดภาษาไทย จะไดฝกไวสื่อสารใหถูกตอง มาลองทดสอบ ลองตอบดวยตัวเองกอน และเชนเคยหามเปดดูเฉลยกอนนะคะ Situation I Jane : John : Jane : John : Jane: John : Jane:
"At a hospital" Jane meets her friend, John Hello, John. Hi! Jane. 1 ? (คุณเปนอะไรหรือ) 2 . (ฉันสบายดี แตลูกชายฉันปวดทองมาก) . (ปลาที่เขากินเมือ่ วานมันไมดี) Probably, 3 4 5 6 7 8
. (ผมหวังวาเขาจะดีข้นึ โดยเร็วนะ) ? (แลวคุณละเปนอะไร จอหน) . (ผมปวดศีรษะมากเลย) . (ผมตองการพบหมอ) . (ขอใหคุณหายปวยไวๆ เชนกันคะ)
Situation II "At Dr.Somchai's Clinic" Receptionist : May I help you? Mr. Robert : Yes, 9 . (ผมตองการพบหมอสมชาย) Receptionist : Of course, 10 ? (คุณเปนอะไรมาคะ) Mr. Robert : 11 . (ผมมีผื่นขึ้นทีห่ นา, แขน, และหลังดวย) 12 13
. (ผมอาจแพดอกไมและหญาก็ได) . (ผมจามทั้งวันเลย)
Receptionist : I see. Please wait here for a moment. I’ll call Dr. Somchai right now, you are due to see him next. 35 |
www.iGetEnglish.com
<In Dr. Somchai's room> Dr. Somchai : Good Afternoon, Mr. Robert. I heard that you’ve got a rash. . (หมอคิดวาคุณเปนโรคภูมิแพ) Let’s see… 14 . (กินยานี้ครั้งละ 2 เม็ดทุกๆ 4 ชม.) Please 15
Mr. Robert :
16 17
Thank you very much Doctor.
. (คุณจะรูสกึ ดีขึ้น) . (ถาไมดีขึ้น โปรดกลับมาพบหมอใหม)
Situation III "At the Central Dental Clinic" Dentist : Good Morning, Mrs. Smith. How are you today? Mrs. Smith : Hello, Doctor, 18 ! (ฉันปวดฟนอยางมาก) ? (ซี่ไหนครับ) Dentist : Oh! I’m sorry to hear that. 19 . (ซี่หลังดานขวาคะ) Mrs. Smith : 20 Dentist : I see. Let me check… I think 21 . (คุณตองรักษารากฟน) ประโยคตอไปนี้เปนอาการเจ็บปวยที่พบบอยๆ สามารถเลือกจํา และนําไปใชไดเลยนะคะ (แตถาไมจําเปน ก็ไม ตองใชเลยจะดีที่สุด - คือไมปวยไงคะ) O O O O O O O O O O O O O O O
I feel sick./I don’t feel very well. (ฉันรูสึกปวย/ฉันรูสึกไมคอยสบาย) I’ve got a cold/the flu. (ฉันเปนไขหวัด/ไขหวัดใหญ) I’ve got a running nose. (ฉันมีน้ํามูกไหล) I am coughing and sneezing. (ฉันไอและจามดวย) I’ve got a (terrible/bad) stomachache. (ฉันปวดทอง (มาก)) I’ve got a fever/a high temperature. (ฉันมีไข --คือเวลามีไขก็จะมีอุณหภูมิรางกายสูงขึ้น) I’ve got a sore throat and a cough. (ฉันเจ็บคอและไอดวย) I’ve got a headache./My head hurts. (ฉันปวดศีรษะ) I’m in terrible pain! (ฉันเจ็บมากๆ เลย --ใชกับ arm (แขน), leg (ขา), chest (หนาอก) ก็ไดนะคะ) I’m allergic to flowers and grass./I get allergies from flowers and grass. (ฉันแพดอกไมและหญา) I’ve got hay fever, I keep sneezing. (ฉันเปนโรคภูมิแพเกสรดอกไม ฉันจามตลอดเลย) I’ve (terrible/bad) toothache. I need to go to the dentist. (ฉันปวดฟน (มาก) ฉันตองไปหาหมอฟน) I’ve got this bad pain in my neck from sleeping in the wrong position. (ฉันปวดคออยางมากจากการนอนผิดทา) My back aches from sitting at that computer all day. (หลังของฉันปวดจากการนั่งหนาคอมพิวเตอรทั้งวัน) I burnt my hand when I touched a hot pot of water. (ฉันมือพองเพราะไปจับหมอรอนๆ) 36 |
www.iGetEnglish.com
½ ¡Êืoè ÊÒü Ò¹µaÇ˹a§Êืo
โดย : Auntienook
สวัสดีมิตรรักแฟนนิตยสาร I Get English และคอลัมน Right Writing กันอีกครั้งคะ ฉบับนี้เราจะมาตอกัน ที่เรื่อง Cleft Sentence ซึ่งไดพูดถึงกันไป (ครึ่งหนึ่ง) ในเลมที่แลว แตเพื่อใหเพื่อนๆ ที่เพิ่งมาอานในฉบับนี้พอจะ ปะติดปะตอเรื่องราวได ก็ขอทบทวนซักเล็กนอยนะคะ เปนประโยคที่ใชชวยเนนย้ําสวนที่เรารูสึกวาสําคัญ เหมือนกับเวลาที่เราพูด “เนน” เสียง ยังไงอยางงั้น โดยวิธีเขียนก็งายงาย เพียงพลิกแพลงโครงสรางประโยคของเราซัก เล็กนอย ฉบับที่แลวเราพูดถึง Cleft Sentence Type A ที่ขึ้นตนประโยคดวย “It” ตัวอยางเชน It is my diamond ring that has been stolen. เนนย้ําวาสิ่งที่ถูกขโมยไปคือ “แหวนเพชรของฉัน”
52 |
www.iGetEnglish.com
Cleft Sentence Type B: ขึ้นตนดวย “What” หรือ “All” ¢ึ¹é oÂÙ ¡ºa Êi觷յè o§¡Òèe¹ ¹ 1. เนนกรรมหรือสวนเติมเต็ม
What + All
Sub.
+
V.
+ V. to be + Focus
คํา, วลี, อนุประโยค
2. เนนกริยาของประธาน
What + All
Sub.
+ V. to do + V. to be + Focus
3. เนนเหตุการณที่เกิดขึ้นอยางรวมๆ
What + All
V. to happen
+ V. to be + Focus
o ...
Infinitive (มี to นําหนา หรือไมมีก็ได)
อนุประโยค (มี that นําหนา หรือไมมีก็ได)
อยาเพิ่งตกใจไปคะ โครงสราง 3 แบบนี้ดูเหมือนจะซับซอนซอนเงื่อน แตแทที่จริงมันทําสิ่งเดียวอันแสนจะ งายกับผูอาน (หรือบางทีก็ผูฟง) ของเรา นั่นก็คือ “กั๊ก” สวนสําคัญไวทายสุด ซึ่งจะตรงขามกับโครงสรางแบบ Type A ที่รีบบอกสวนสําคัญตั้งแตแรก ตัวอยางเชน จะเห็นไดวาผลทีไ่ ดมีความแตกตางกัน Type A นั้นผูเขียนอยาก เนนใหผูอานทราบวา “ไมไดตองการอยางอืน่ ยะ” ก็เลยบอกชัวะ Type A: It is love that I need. ไปเลยวา “ความรัก” ตางหากที่ฉันตองการ สวน Type B นั้น (มันคือความรัก ที่ฉันตองการ) “เกริ่น” ใหรูกอนวา “ฉันกําลังจะพูดถึงสิ่งที่ฉันตองการ จงตั้งใจ Type B: What I need is love. ฟงใหดี” แลวคอยตามดวย key word คือ “ความรัก” โดยทั้ง 2 (สิ่งที่ฉันตองการ คือความรัก) แบบตามติดกน v. to be เหมือนกันทั้งคู (เห็นไหมคะวา เจากริยา ตัวนี้มันสําคัญจริงๆ) ทั้งนี้ การจะเลือกใชแบบไหนก็ตองขึ้นอยูกับ ความหมายที่เราตองการจะสื่อคะ 53 |
www.iGetEnglish.com
รูจกั ทีม ่ าของคําศัพท โดย มนัญยา แสงพันธุ
เมื่อตอนเด็กๆ ประมาณชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 ดิฉันมักจะไดรับ มอบหมายในการตั้งฉายาหรือชื่อเลนใหเพื่อนสนิทในกลุม (สงสัยเพื่อนๆ เห็นวามีหัวสรางสรรคทางนี้) เชน ยัยพรรณรายเพื่อนเลิฟ ปกติที่บานก็เรียกวา นองหญิงคะ นองหญิงขา แตเมื่ออยูกับกลุมเพื่อนๆ นองหญิงของเราก็กลายเปน ยัย Piggy ซึ่งเปนชื่อที่เพื่อนๆ ทุกคน เห็นพองตองกันวาเหมาะกับหญิงที่สุด อาจเปนเพราะหุนอันอวบอั๋นของหญิงนั่นเอง ในตอนแรกหญิงก็งอนฟดฟด ไปๆ มาๆ ก็ชินแถมดูเหมือนจะชอบมากกวาชื่อเกาอีก สวนดิฉันเองก็มีฉายาเหมือนกันวา ยัยเมาท แนนอนก็สืบ เนื่องมาจากลักษณะนิสัยสวนตัวที่ชอบนินทาชาวบานไดไมหยุดปากทั้งวัน วันหนึ่งยัย Piggy บอกกับพวกเราวาทางบานจะใหไปเรียนตอมัธยมปลายที่ตางประเทศ ทําเอาเพือ่ นๆ ทุกคนใจหาย ตอไปนี้ใครจะซื้อขนมอรอยๆ มาใหเราทานละ แตถึงอยางไรพวกเราก็ขออวยพรใหยัย Piggy ของเราเดินทางไปแสวงหาความรูตางบานตางเมืองโดยสวัสดิภาพ แตเอ...ยังไมรูเลยวายัย Piggy ของพวกเราจะไปเรียนตอ ณ แหงหนใด และแลวหลอนก็เฉลยวา ฉันจะไปเมืองลุงแซมจา เพื่อนๆ ก็ไดแตทําหนางงๆ ดวยความสงสัยวาเมืองลุงแซมมันอยูสวนไหนของโลกกันหนอ ยัย Piggy ไดทีก็หัวเราะเยาะวา เธอจา ไมรูจักเมืองลุงแซมจริงๆ หรือ ทําไมถึงไดเชย ขนาดนี้ ถาอยากรูก็จะบอกให ประเทศที่ฉันไปนะมีชื่อเต็มๆ วา สหรัฐอเมริกา แตมีชื่อเลนหลากหลายมาก ทั้งชาวอเมริกันเองรวมถึงผูที่มาจากประเทศอื่นๆ ยังเรียกสหรัฐอเมริกาในหลายรูปแบบ ไดแก สหรัฐอเมริกา (The United States), ยูเอส (The U.S.), ยูเอสเอ (U.S.A.), เดอะสเตทส (The States), และอเมริกา (America) จนไปถึงรูปแบบที่สั้นมากๆ แบบที่ชาวไทยเรียกกันก็คือ มะกัน ถาเปนชื่อในเชิงฉายาก็ตอง เปน ลุงแซม หรือที่รูจักกันวา Uncle Sam 75 |
www.iGetEnglish.com